Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
๑๔-๑๗. สงฺฆเภทกาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
14-17. Saṅghabhedakādisikkhāpadavaṇṇanā
ภิกฺขุนี สงฺฆํ น ภินฺทตีติ กมฺมํ, อุเทฺทโส จาติ ทฺวีหิ เภโท, โส ตาย สทฺธิํ นตฺถีติ ภิกฺขุนี สงฺฆํ น ภินฺทติฯ น เกวลํ ปริวาสาภาโวเยวาติ อาห ‘‘ฉาทนปจฺจยาปี’’ติอาทิฯ เอตฺถ จ ‘‘ฉาทนปจฺจยาปิ น ทุกฺกฎํ อาปชฺชตี’’ติ ปาโฐ ทฎฺฐโพฺพ, ฉาทนปจฺจยาปิ ทุกฺกฎํ น อาปชฺชตีติ อโตฺถฯ เอวญฺจ กตฺวา –
Bhikkhunī saṅghaṃ na bhindatīti kammaṃ, uddeso cāti dvīhi bhedo, so tāya saddhiṃ natthīti bhikkhunī saṅghaṃ na bhindati. Na kevalaṃ parivāsābhāvoyevāti āha ‘‘chādanapaccayāpī’’tiādi. Ettha ca ‘‘chādanapaccayāpi na dukkaṭaṃ āpajjatī’’ti pāṭho daṭṭhabbo, chādanapaccayāpi dukkaṭaṃ na āpajjatīti attho. Evañca katvā –
‘‘อาปชฺชติ ครุกํ สาวเสสํ;
‘‘Āpajjati garukaṃ sāvasesaṃ;
ฉาเทติ อนาทริยํ ปฎิจฺจ;
Chādeti anādariyaṃ paṭicca;
น ภิกฺขุนี โน จ ผุเสยฺย วชฺชํ;
Na bhikkhunī no ca phuseyya vajjaṃ;
ปญฺหาเมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติฯ (ปริ. ๔๘๑) –
Pañhāmesā kusalehi cintitā’’ti. (pari. 481) –
เอตฺถ ภิกฺขุนินิเสโธ อุปปโนฺน โหติฯ เยสุ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘ฉาทนปจฺจยา ปน ทุกฺกฎํ อาปชฺชตี’’ติ วินา น-การํ ปาโฐ ทิสฺสติ, โส ปมาทเลโขติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ปริวาโส นาม นตฺถิ, ตสฺมาฯ อตฺตโน สีมํ โสเธตฺวา วิหารสีมาย วาติ วิหาเร พทฺธสีมเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ โสเธตุํ อสโกฺกนฺตีหีติ วิหารสีมํ โสเธตุํ อสโกฺกนฺตีหิฯ
Ettha bhikkhuninisedho upapanno hoti. Yesu pana potthakesu ‘‘chādanapaccayā pana dukkaṭaṃ āpajjatī’’ti vinā na-kāraṃ pāṭho dissati, so pamādalekhoti daṭṭhabbaṃ. Tasmāti yasmā parivāso nāma natthi, tasmā. Attano sīmaṃ sodhetvā vihārasīmāya vāti vihāre baddhasīmameva sandhāya vuttaṃ. Sodhetuṃ asakkontīhīti vihārasīmaṃ sodhetuṃ asakkontīhi.
มุขมตฺตนิทสฺสนนฺติ ปเวโสปายมตฺตนิทสฺสนํฯ เอตฺถาห – อถ กสฺมา ยถา ภิกฺขุมานตฺตกถาย ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริเกฺขปโต, อปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริเกฺขปารหฎฺฐานโต เทฺว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺมา’’ติ (กงฺขา. อฎฺฐ. นิคมนวณฺณนา) วุตฺตํ, เอวมวตฺวา ‘‘คามูปจารโต จ ภิกฺขูนํ วิหารูปจารโต จ เทฺว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา’’ติ อิธ วุตฺตนฺติ? ตตฺร เจเก วทนฺติ ‘‘ภิกฺขูนํ วุตฺตปฺปการํ ปเทสํ อติกฺกมิตฺวา คาเมปิ ตํ กมฺมํ กาตุํ วฎฺฎติ, ภิกฺขุนีนํ ปน คาเม น วฎฺฎติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺต’’นฺติฯ อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘ภิกฺขูนมฺปิ คาเม น วฎฺฎติ, ภิกฺขุวิหาโร นาม ปุเพฺพเยว คามูปจารํ อติกฺกมิตฺวา ติฎฺฐติ , ตสฺมา คามํ อวตฺวา วิหารูปจารเมว เหฎฺฐา วุตฺตํฯ ภิกฺขุนีนํ ปน วิหาโร คาเมเยว, น พหิ, ตสฺมา คามูปจารญฺจ วิหารูปจารญฺจ อุภยเมเวตฺถ ทสฺสิตํฯ ตสฺมา อุภยตฺถาปิ อตฺถโต นานาตฺถํ นตฺถี’’ติฯ วีมํสิตฺวา ยเญฺจตฺถ ยุชฺชติ, ตํ คเหตพฺพํฯ
Mukhamattanidassananti pavesopāyamattanidassanaṃ. Etthāha – atha kasmā yathā bhikkhumānattakathāya ‘‘parikkhittassa vihārassa parikkhepato, aparikkhittassa vihārassa parikkhepārahaṭṭhānato dve leḍḍupāte atikkammā’’ti (kaṅkhā. aṭṭha. nigamanavaṇṇanā) vuttaṃ, evamavatvā ‘‘gāmūpacārato ca bhikkhūnaṃ vihārūpacārato ca dve leḍḍupāte atikkamitvā’’ti idha vuttanti? Tatra ceke vadanti ‘‘bhikkhūnaṃ vuttappakāraṃ padesaṃ atikkamitvā gāmepi taṃ kammaṃ kātuṃ vaṭṭati, bhikkhunīnaṃ pana gāme na vaṭṭati, tasmā evaṃ vutta’’nti. Apare pana bhaṇanti ‘‘bhikkhūnampi gāme na vaṭṭati, bhikkhuvihāro nāma pubbeyeva gāmūpacāraṃ atikkamitvā tiṭṭhati , tasmā gāmaṃ avatvā vihārūpacārameva heṭṭhā vuttaṃ. Bhikkhunīnaṃ pana vihāro gāmeyeva, na bahi, tasmā gāmūpacārañca vihārūpacārañca ubhayamevettha dassitaṃ. Tasmā ubhayatthāpi atthato nānātthaṃ natthī’’ti. Vīmaṃsitvā yañcettha yujjati, taṃ gahetabbaṃ.
ตโต ปฎฺฐายาติ อาโรจิตกาลโต ปฎฺฐายฯ
Tato paṭṭhāyāti ārocitakālato paṭṭhāya.
สงฺฆเภทกาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saṅghabhedakādisikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
Iti kaṅkhāvitaraṇiyā pātimokkhavaṇṇanāya
วินยตฺถมญฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ
Vinayatthamañjūsāyaṃ līnatthappakāsaniyaṃ
ภิกฺขุนิปาติโมเกฺข สงฺฆาทิเสสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhikkhunipātimokkhe saṅghādisesavaṇṇanā niṭṭhitā.