Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi |
๓. ตติยภาณวาโร
3. Tatiyabhāṇavāro
สงฺฆเภทกถา
Saṅghabhedakathā
๓๔๔. อถ โข เทวทโตฺต ตทหุโปสเถ อุฎฺฐายาสนา สลากํ คาเหสิ – ‘‘มยํ, อาวุโส, สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺจ วตฺถูนิ ยาจิมฺหา – ‘ภควา, ภเนฺต, อเนกปริยาเยน อปฺปิจฺฉสฺส…เป.… วีริยารมฺภสฺส วณฺณวาทีฯ อิมานิ, ภเนฺต, ปญฺจ วตฺถูนิ อเนกปริยาเยน อปฺปิจฺฉตาย…เป.… วีริยารมฺภาย สํวตฺตนฺติฯ สาธุ, ภเนฺต, ภิกฺขู ยาวชีวํ อารญฺญิกา อสฺสุ; โย คามนฺตํ โอสเรยฺย, วชฺชํ นํ ผุเสยฺย…เป.… ยาวชีวํ มจฺฉมํสํ น ขาเทยฺยุํ; โย มจฺฉมํสํ ขาเทยฺย, วชฺชํ นํ ผุเสยฺยา’ติฯ อิมานิ ปญฺจ วตฺถูนิ สมโณ โคตโม นานุชานาติฯ เต มยํ อิเมหิ ปญฺจหิ วตฺถูหิ สมาทาย วตฺตามฯ ยสฺสายสฺมโต อิมานิ ปญฺจ วตฺถูนิ ขมนฺติ, โส สลากํ คณฺหาตู’’ติฯ
344. Atha kho devadatto tadahuposathe uṭṭhāyāsanā salākaṃ gāhesi – ‘‘mayaṃ, āvuso, samaṇaṃ gotamaṃ upasaṅkamitvā pañca vatthūni yācimhā – ‘bhagavā, bhante, anekapariyāyena appicchassa…pe… vīriyārambhassa vaṇṇavādī. Imāni, bhante, pañca vatthūni anekapariyāyena appicchatāya…pe… vīriyārambhāya saṃvattanti. Sādhu, bhante, bhikkhū yāvajīvaṃ āraññikā assu; yo gāmantaṃ osareyya, vajjaṃ naṃ phuseyya…pe… yāvajīvaṃ macchamaṃsaṃ na khādeyyuṃ; yo macchamaṃsaṃ khādeyya, vajjaṃ naṃ phuseyyā’ti. Imāni pañca vatthūni samaṇo gotamo nānujānāti. Te mayaṃ imehi pañcahi vatthūhi samādāya vattāma. Yassāyasmato imāni pañca vatthūni khamanti, so salākaṃ gaṇhātū’’ti.
เตน โข ปน สมเยน เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ปญฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานิ นวกา เจว โหนฺติ อปฺปกตญฺญุโน จฯ เต – ‘อยํ ธโมฺม , อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสน’นฺติ – สลากํ คณฺหิํสุฯ อถ โข เทวทโตฺต สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา ปญฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานิ อาทาย เยน คยาสีสํ เตน ปกฺกามิฯ อถ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เทวทโตฺต, ภเนฺต, สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา ปญฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานิ อาทาย เยน คยาสีสํ เตน ปกฺกโนฺต’’ติฯ ‘‘น หิ นาม ตุมฺหากํ, สาริปุตฺตา, เตสุ นวเกสุ ภิกฺขูสุ การุญฺญมฺปิ ภวิสฺสติ? คจฺฉถ ตุเมฺห, สาริปุตฺตา, ปุรา เต ภิกฺขู อนยพฺยสนํ อาปชฺชนฺตี’’ติฯ ‘‘เอวํ ภเนฺต’’ติ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน คยาสีสํ เตนุปสงฺกมิํสุฯ
Tena kho pana samayena vesālikā vajjiputtakā pañcamattāni bhikkhusatāni navakā ceva honti appakataññuno ca. Te – ‘ayaṃ dhammo , ayaṃ vinayo, idaṃ satthusāsana’nti – salākaṃ gaṇhiṃsu. Atha kho devadatto saṅghaṃ bhinditvā pañcamattāni bhikkhusatāni ādāya yena gayāsīsaṃ tena pakkāmi. Atha kho sāriputtamoggallānā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā sāriputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘devadatto, bhante, saṅghaṃ bhinditvā pañcamattāni bhikkhusatāni ādāya yena gayāsīsaṃ tena pakkanto’’ti. ‘‘Na hi nāma tumhākaṃ, sāriputtā, tesu navakesu bhikkhūsu kāruññampi bhavissati? Gacchatha tumhe, sāriputtā, purā te bhikkhū anayabyasanaṃ āpajjantī’’ti. ‘‘Evaṃ bhante’’ti kho sāriputtamoggallānā bhagavato paṭissutvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā yena gayāsīsaṃ tenupasaṅkamiṃsu.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ ภควโต อวิทูเร โรทมาโน ฐิโต โหติฯ อถ โข ภควา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘กิสฺส ตฺวํ, ภิกฺขุ, โรทสี’’ติ? ‘‘เยปิ เต, ภเนฺต, ภควโต อคฺคสาวกา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เตปิ เทวทตฺตสฺส สนฺติเก คจฺฉนฺติ เทวทตฺตสฺส ธมฺมํ โรเจนฺตา’’ติฯ ‘‘อฎฺฐานเมตํ, ภิกฺขุ, อนวกาโส, ยํ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เทวทตฺตสฺส ธมฺมํ โรเจยฺยุํ, อปิ จ เต คตา ภิกฺขูนํ สญฺญตฺติยา’’ติ 1ฯ
Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu bhagavato avidūre rodamāno ṭhito hoti. Atha kho bhagavā taṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘kissa tvaṃ, bhikkhu, rodasī’’ti? ‘‘Yepi te, bhante, bhagavato aggasāvakā sāriputtamoggallānā tepi devadattassa santike gacchanti devadattassa dhammaṃ rocentā’’ti. ‘‘Aṭṭhānametaṃ, bhikkhu, anavakāso, yaṃ sāriputtamoggallānā devadattassa dhammaṃ roceyyuṃ, api ca te gatā bhikkhūnaṃ saññattiyā’’ti 2.
๓๔๕. เตน โข ปน สมเยน เทวทโตฺต มหติยา ปริสาย ปริวุโตฺต ธมฺมํ เทเสโนฺต นิสิโนฺน โหติฯ อทฺทสา โข เทวทโตฺต สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน ทูรโตว อาคจฺฉเนฺตฯ ทิสฺวาน ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ปสฺสถ, ภิกฺขเว, ยาว สฺวากฺขาโต มยา ธโมฺม, เยปิ เต สมณสฺส โคตมสฺส อคฺคสาวกา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เตปิ มม สนฺติเก อาคจฺฉนฺติฯ มม ธมฺมํ โรเจนฺตา’’ติฯ เอวํ วุเตฺต โกกาลิโก เทวทตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มา, อาวุโส เทวทตฺต, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน วิสฺสสิ ฯ ปาปิจฺฉา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา , ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คตา’’ติฯ ‘‘อลํ, อาวุโสฯ สฺวาคตํ เตสํ ยโต เม ธมฺมํ โรเจนฺตี’’ติฯ
345. Tena kho pana samayena devadatto mahatiyā parisāya parivutto dhammaṃ desento nisinno hoti. Addasā kho devadatto sāriputtamoggallāne dūratova āgacchante. Disvāna bhikkhū āmantesi – ‘‘passatha, bhikkhave, yāva svākkhāto mayā dhammo, yepi te samaṇassa gotamassa aggasāvakā sāriputtamoggallānā tepi mama santike āgacchanti. Mama dhammaṃ rocentā’’ti. Evaṃ vutte kokāliko devadattaṃ etadavoca – ‘‘mā, āvuso devadatta, sāriputtamoggallāne vissasi . Pāpicchā sāriputtamoggallānā , pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gatā’’ti. ‘‘Alaṃ, āvuso. Svāgataṃ tesaṃ yato me dhammaṃ rocentī’’ti.
อถ โข เทวทโตฺต อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อุปฑฺฒาสเนน นิมเนฺตสิ – ‘‘เอหาวุโส สาริปุตฺต, อิธ นิสีทาหี’’ติฯ ‘‘อลํ อาวุโส’’ติ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต อญฺญตรํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ อายสฺมาปิ โข มหาโมคฺคลฺลาโน อญฺญตรํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ อถ โข เทวทโตฺต พหุเทว รตฺติํ ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุเตฺตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อเชฺฌสิ – ‘‘วิคตถินมิโทฺธ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุสโงฺฆฯ ปฎิภาตุ ตํ, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขูนํ ธมฺมี กถา, ปิฎฺฐิ เม อาคิลายติ, ตมหํ อายมิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต เทวทตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข เทวทโตฺต จตุคฺคุณํ สงฺฆาฎิํ ปญฺญาเปตฺวา ทกฺขิเณน ปเสฺสน เสยฺยํ กเปฺปสิฯ ตสฺส กิลมนฺตสฺส มุฎฺฐสฺสติสฺส อสมฺปชานสฺส มุหุตฺตเกเนว นิทฺทา โอกฺกมิฯ
Atha kho devadatto āyasmantaṃ sāriputtaṃ upaḍḍhāsanena nimantesi – ‘‘ehāvuso sāriputta, idha nisīdāhī’’ti. ‘‘Alaṃ āvuso’’ti kho āyasmā sāriputto aññataraṃ āsanaṃ gahetvā ekamantaṃ nisīdi. Āyasmāpi kho mahāmoggallāno aññataraṃ āsanaṃ gahetvā ekamantaṃ nisīdi. Atha kho devadatto bahudeva rattiṃ bhikkhū dhammiyā kathāya sandassetvā samādapetvā samuttejetvā sampahaṃsetvā āyasmantaṃ sāriputtaṃ ajjhesi – ‘‘vigatathinamiddho kho, āvuso sāriputta, bhikkhusaṅgho. Paṭibhātu taṃ, āvuso sāriputta, bhikkhūnaṃ dhammī kathā, piṭṭhi me āgilāyati, tamahaṃ āyamissāmī’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho āyasmā sāriputto devadattassa paccassosi. Atha kho devadatto catugguṇaṃ saṅghāṭiṃ paññāpetvā dakkhiṇena passena seyyaṃ kappesi. Tassa kilamantassa muṭṭhassatissa asampajānassa muhuttakeneva niddā okkami.
อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต อาเทสนาปาฎิหาริยานุสาสนิยา ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย โอวทิ อนุสาสิฯ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อิทฺธิปาฎิหาริยานุสาสนิยา ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย โอวทิ อนุสาสิฯ อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ อายสฺมตา สาริปุเตฺตน อาเทสนาปาฎิหาริยานุสาสนิยา อายสฺมตา จ มหาโมคฺคลฺลาเนน อิทฺธิปาฎิหาริยานุสาสนิยา โอวทิยมานานํ อนุสาสิยมานานํ วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺมนฺติฯ
Atha kho āyasmā sāriputto ādesanāpāṭihāriyānusāsaniyā bhikkhū dhammiyā kathāya ovadi anusāsi. Āyasmā mahāmoggallāno iddhipāṭihāriyānusāsaniyā bhikkhū dhammiyā kathāya ovadi anusāsi. Atha kho tesaṃ bhikkhūnaṃ āyasmatā sāriputtena ādesanāpāṭihāriyānusāsaniyā āyasmatā ca mahāmoggallānena iddhipāṭihāriyānusāsaniyā ovadiyamānānaṃ anusāsiyamānānaṃ virajaṃ vītamalaṃ dhammacakkhuṃ udapādi – yaṃ kiñci samudayadhammaṃ, sabbaṃ taṃ nirodhadhammanti.
อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘คจฺฉาม มยํ, อาวุโส, ภควโต สนฺติเกฯ โย ตสฺส ภควโต ธมฺมํ โรเจสิ โส อาคจฺฉตู’’ติฯ อถ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา ตานิ ปญฺจภิกฺขุสตานิ อาทาย เยน เวฬุวนํ เตนุปสงฺกมิํสุฯ อถ โข โกกาลิโก เทวทตฺตํ อุฎฺฐาเปสิ – ‘‘อุเฎฺฐหิ, อาวุโส เทวทตฺต, นีตา เต ภิกฺขู สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนหิฯ นนุ ตฺวํ, อาวุโส เทวทตฺต, มยา วุโตฺต – ‘มา, อาวุโส เทวทตฺต, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน วิสฺสาสิฯ ปาปิจฺฉา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คตา’’’ติ? อถ โข เทวทตฺตสฺส ตเตฺถว อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคญฺฉิฯ
Atha kho āyasmā sāriputto bhikkhū āmantesi – ‘‘gacchāma mayaṃ, āvuso, bhagavato santike. Yo tassa bhagavato dhammaṃ rocesi so āgacchatū’’ti. Atha kho sāriputtamoggallānā tāni pañcabhikkhusatāni ādāya yena veḷuvanaṃ tenupasaṅkamiṃsu. Atha kho kokāliko devadattaṃ uṭṭhāpesi – ‘‘uṭṭhehi, āvuso devadatta, nītā te bhikkhū sāriputtamoggallānehi. Nanu tvaṃ, āvuso devadatta, mayā vutto – ‘mā, āvuso devadatta, sāriputtamoggallāne vissāsi. Pāpicchā sāriputtamoggallānā, pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gatā’’’ti? Atha kho devadattassa tattheva uṇhaṃ lohitaṃ mukhato uggañchi.
อถ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิสุํฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ, ภเนฺต , เภทกานุวตฺตกา ภิกฺขู ปุน อุปสมฺปเชฺชยฺยุ’’นฺติฯ ‘‘อลํ, สาริปุตฺตฯ มา เต รุจฺจิ เภทกานุวตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ปุน อุปสมฺปทาฯ เตน หิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, เภทกานุวตฺตเก ภิกฺขู ถุลฺลจฺจยํ เทสาเปหิฯ กถํ ปน เต, สาริปุตฺต, เทวทโตฺต ปฎิปชฺชี’’ติ? ‘‘ยเถว, ภเนฺต, ภควา พหุเทว รตฺติํ ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุเตฺตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา มํ อเชฺฌสติ – ‘วิคตถินมิโทฺธ โข , สาริปุตฺต, ภิกฺขุสโงฺฆ; ปฎิภาตุ ตํ, สาริปุตฺต, ภิกฺขูนํ ธมฺมี กถา, ปิฎฺฐิ เม อาคิลายติ, ตมหํ อายมิสฺสามี’ติ, เอวเมว โข, ภเนฺต, เทวทโตฺต ปฎิปชฺชี’’ติฯ
Atha kho sāriputtamoggallānā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdisuṃ. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā sāriputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sādhu, bhante , bhedakānuvattakā bhikkhū puna upasampajjeyyu’’nti. ‘‘Alaṃ, sāriputta. Mā te rucci bhedakānuvattakānaṃ bhikkhūnaṃ puna upasampadā. Tena hi tvaṃ, sāriputta, bhedakānuvattake bhikkhū thullaccayaṃ desāpehi. Kathaṃ pana te, sāriputta, devadatto paṭipajjī’’ti? ‘‘Yatheva, bhante, bhagavā bahudeva rattiṃ bhikkhū dhammiyā kathāya sandassetvā samādapetvā samuttejetvā sampahaṃsetvā maṃ ajjhesati – ‘vigatathinamiddho kho , sāriputta, bhikkhusaṅgho; paṭibhātu taṃ, sāriputta, bhikkhūnaṃ dhammī kathā, piṭṭhi me āgilāyati, tamahaṃ āyamissāmī’ti, evameva kho, bhante, devadatto paṭipajjī’’ti.
๓๔๖. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, อรญฺญายตเน มหาสรสีฯ ตํ นาคา อุปนิสฺสาย วิหริํสุฯ เต ตํ สรสิํ โอคาเหตฺวา, โสณฺฑาย ภิสมุฬาลํ อพฺพุหิตฺวา, สุวิกฺขาลิตํ วิกฺขาเลตฺวา, อกทฺทมํ สงฺขาทิตฺวา, อโชฺฌหรนฺติฯ เตสํ ตํ วณฺณาย เจว โหติ, พลาย จฯ น จ ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํฯ เตสํเยว โข ปน, ภิกฺขเว, มหานาคานํ อนุสิกฺขมานา ตรุณา ภิงฺกจฺฉาปาฯ เต ตํ สรสิํ โอคาเหตฺวา, โสณฺฑาย ภิสมุฬาลํ อพฺพุหิตฺวา, น สุวิกฺขาลิตํ วิกฺขาเลตฺวา, สกทฺทมํ สงฺขาทิตฺวา, อโชฺฌหรนฺติฯ เตสํ ตํ เนว วณฺณาย โหติ, น พลายฯ ตโตนิทานญฺจ มรณํ วา นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เทวทโตฺต มมานุกฺรุพฺพํ 3 กปโณ มริสฺสตีติฯ
346. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhūtapubbaṃ, bhikkhave, araññāyatane mahāsarasī. Taṃ nāgā upanissāya vihariṃsu. Te taṃ sarasiṃ ogāhetvā, soṇḍāya bhisamuḷālaṃ abbuhitvā, suvikkhālitaṃ vikkhāletvā, akaddamaṃ saṅkhāditvā, ajjhoharanti. Tesaṃ taṃ vaṇṇāya ceva hoti, balāya ca. Na ca tatonidānaṃ maraṇaṃ vā nigacchanti, maraṇamattaṃ vā dukkhaṃ. Tesaṃyeva kho pana, bhikkhave, mahānāgānaṃ anusikkhamānā taruṇā bhiṅkacchāpā. Te taṃ sarasiṃ ogāhetvā, soṇḍāya bhisamuḷālaṃ abbuhitvā, na suvikkhālitaṃ vikkhāletvā, sakaddamaṃ saṅkhāditvā, ajjhoharanti. Tesaṃ taṃ neva vaṇṇāya hoti, na balāya. Tatonidānañca maraṇaṃ vā nigacchanti, maraṇamattaṃ vā dukkhaṃ. Evameva kho, bhikkhave, devadatto mamānukrubbaṃ 4 kapaṇo marissatīti.
ภิโงฺกว ปงฺกํ อภิภกฺขยิตฺวา, มมานุกฺรุพฺพํ กปโณ มริสฺสตี’’ติฯ
Bhiṅkova paṅkaṃ abhibhakkhayitvā, mamānukrubbaṃ kapaṇo marissatī’’ti.
๓๔๗. 9 ‘‘อฎฺฐหิ, ภิกฺขเว, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ทูเตยฺยํ คนฺตุมรหติฯ กตเมหิ อฎฺฐหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสตา จ โหติ, สาเวตา จ, อุคฺคเหตา จ, ธาเรตา จ, วิญฺญาตา จ, วิญฺญาเปตา จ, กุสโล จ สหิตาสหิตสฺส, โน จ กลหการโก – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฎฺฐหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ทูเตยฺยํ คนฺตุมรหติฯ
347.10 ‘‘Aṭṭhahi, bhikkhave, aṅgehi samannāgato bhikkhu dūteyyaṃ gantumarahati. Katamehi aṭṭhahi? Idha, bhikkhave, bhikkhu sotā ca hoti, sāvetā ca, uggahetā ca, dhāretā ca, viññātā ca, viññāpetā ca, kusalo ca sahitāsahitassa, no ca kalahakārako – imehi kho, bhikkhave, aṭṭhahaṅgehi samannāgato bhikkhu dūteyyaṃ gantumarahati.
11 ‘‘อฎฺฐหิ , ภิกฺขเว, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต สาริปุโตฺต ทูเตยฺยํ คนฺตุมรหติฯ กตเมหิ อฎฺฐหิ? อิธ, ภิกฺขเว, สาริปุโตฺต โสตา จ โหติ, สาเวตา จ, อุคฺคเหตา จ, ธาเรตา จ, วิญฺญาตา จ, วิญฺญาเปตา จ, กุสโล จ สหิตาสหิตสฺส, โน จ กลหการโก – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฎฺฐหเงฺคหิ สมนฺนาคโต สาริปุโตฺต ทูเตยฺยํ คนฺตุมรหตีติฯ
12 ‘‘Aṭṭhahi , bhikkhave, aṅgehi samannāgato sāriputto dūteyyaṃ gantumarahati. Katamehi aṭṭhahi? Idha, bhikkhave, sāriputto sotā ca hoti, sāvetā ca, uggahetā ca, dhāretā ca, viññātā ca, viññāpetā ca, kusalo ca sahitāsahitassa, no ca kalahakārako – imehi kho, bhikkhave, aṭṭhahaṅgehi samannāgato sāriputto dūteyyaṃ gantumarahatīti.
น จ หาเปติ วจนํ, น จ ฉาเทติ สาสนํฯ
Na ca hāpeti vacanaṃ, na ca chādeti sāsanaṃ.
‘‘อสนฺทิโทฺธ จ อกฺขาติ 17, ปุจฺฉิโต จ น กุปฺปติ;
‘‘Asandiddho ca akkhāti 18, pucchito ca na kuppati;
ส เว ตาทิสโก ภิกฺขุ, ทูเตยฺยํ คนฺตุมรหตี’’ติฯ
Sa ve tādisako bhikkhu, dūteyyaṃ gantumarahatī’’ti.
๓๔๘. 19 ‘‘อฎฺฐหิ, ภิกฺขเว, อสทฺธเมฺมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิโตฺต เทวทโตฺต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปโฎฺฐ อเตกิโจฺฉฯ กตเมหิ อฎฺฐหิ ? ลาเภน, ภิกฺขเว, อภิภูโต ปริยาทินฺนจิโตฺต เทวทโตฺต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปโฎฺฐ อเตกิโจฺฉ; อลาเภน, ภิกฺขเว…เป.… ยเสน, ภิกฺขเว…เป.… อยเสน, ภิกฺขเว…เป.… สกฺกาเรน, ภิกฺขเว…เป.… อสกฺกาเรน, ภิกฺขเว…เป.… ปาปิจฺฉตาย, ภิกฺขเว…เป.… ปาปมิตฺตตาย ภิกฺขเว, อภิภูโต ปริยาทินฺนจิโตฺต เทวทโตฺต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปโฎฺฐ อเตกิโจฺฉ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฎฺฐหิ อสทฺธเมฺมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิโตฺต เทวทโตฺต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปโฎฺฐ อเตกิโจฺฉฯ
348.20 ‘‘Aṭṭhahi, bhikkhave, asaddhammehi abhibhūto pariyādinnacitto devadatto āpāyiko nerayiko kappaṭṭho atekiccho. Katamehi aṭṭhahi ? Lābhena, bhikkhave, abhibhūto pariyādinnacitto devadatto āpāyiko nerayiko kappaṭṭho atekiccho; alābhena, bhikkhave…pe… yasena, bhikkhave…pe… ayasena, bhikkhave…pe… sakkārena, bhikkhave…pe… asakkārena, bhikkhave…pe… pāpicchatāya, bhikkhave…pe… pāpamittatāya bhikkhave, abhibhūto pariyādinnacitto devadatto āpāyiko nerayiko kappaṭṭho atekiccho – imehi kho, bhikkhave, aṭṭhahi asaddhammehi abhibhūto pariyādinnacitto devadatto āpāyiko nerayiko kappaṭṭho atekiccho.
๓๔๙. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย, อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป.… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺยฯ กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฎิจฺจ อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย, อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป.… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย? ยํ หิสฺส, ภิกฺขเว, อุปฺปนฺนํ ลาภํ อนภิภุยฺย วิหรโต อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหรโต เอวํสเต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติฯ ยํ หิสฺส, ภิกฺขเว, อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป.… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อนภิภุยฺย วิหรโต อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหรโต เอวํสเต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติฯ อิทํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฎิจฺจ อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย, อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป.… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺยฯ ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหริสฺสาม, อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป.… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหริสฺสามาติ; เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพนฺติฯ
349. ‘‘Sādhu, bhikkhave, bhikkhu uppannaṃ lābhaṃ abhibhuyya abhibhuyya vihareyya, uppannaṃ alābhaṃ…pe… uppannaṃ yasaṃ… uppannaṃ ayasaṃ… uppannaṃ sakkāraṃ… uppannaṃ asakkāraṃ… uppannaṃ pāpicchataṃ… uppannaṃ pāpamittataṃ abhibhuyya abhibhuyya vihareyya. Kathañca, bhikkhave, bhikkhu atthavasaṃ paṭicca uppannaṃ lābhaṃ abhibhuyya abhibhuyya vihareyya, uppannaṃ alābhaṃ…pe… uppannaṃ yasaṃ… uppannaṃ ayasaṃ… uppannaṃ sakkāraṃ… uppannaṃ asakkāraṃ… uppannaṃ pāpicchataṃ… uppannaṃ pāpamittataṃ abhibhuyya abhibhuyya vihareyya? Yaṃ hissa, bhikkhave, uppannaṃ lābhaṃ anabhibhuyya viharato uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā, uppannaṃ lābhaṃ abhibhuyya abhibhuyya viharato evaṃsate āsavā vighātapariḷāhā na honti. Yaṃ hissa, bhikkhave, uppannaṃ alābhaṃ…pe… uppannaṃ yasaṃ… uppannaṃ ayasaṃ… uppannaṃ sakkāraṃ… uppannaṃ asakkāraṃ… uppannaṃ pāpicchataṃ… uppannaṃ pāpamittataṃ anabhibhuyya viharato uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā, uppannaṃ pāpamittataṃ abhibhuyya abhibhuyya viharato evaṃsate āsavā vighātapariḷāhā na honti. Idaṃ kho, bhikkhave, atthavasaṃ paṭicca uppannaṃ lābhaṃ abhibhuyya abhibhuyya vihareyya, uppannaṃ alābhaṃ…pe… uppannaṃ yasaṃ… uppannaṃ ayasaṃ… uppannaṃ sakkāraṃ… uppannaṃ asakkāraṃ… uppannaṃ pāpicchataṃ… uppannaṃ pāpamittataṃ abhibhuyya abhibhuyya vihareyya. Tasmātiha, bhikkhave, uppannaṃ lābhaṃ abhibhuyya abhibhuyya viharissāma, uppannaṃ alābhaṃ…pe… uppannaṃ yasaṃ… uppannaṃ ayasaṃ… uppannaṃ sakkāraṃ… uppannaṃ asakkāraṃ… uppannaṃ pāpicchataṃ… uppannaṃ pāpamittataṃ abhibhuyya abhibhuyya viharissāmāti; evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabbanti.
๓๕๐. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, อสทฺธเมฺมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิโตฺต เทวทโตฺต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปโฎฺฐ อเตกิโจฺฉฯ กตเมหิ ตีหิ? ปาปิจฺฉตา, ปาปมิตฺตตา, โอรมตฺตเกน วิเสสาธิคเมน อนฺตรา โวสานํ อาปาทิ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ อสทฺธเมฺมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิโตฺต เทวทโตฺต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปโฎฺฐ อเตกิโจฺฉติฯ
350. ‘‘Tīhi, bhikkhave, asaddhammehi abhibhūto pariyādinnacitto devadatto āpāyiko nerayiko kappaṭṭho atekiccho. Katamehi tīhi? Pāpicchatā, pāpamittatā, oramattakena visesādhigamena antarā vosānaṃ āpādi – imehi kho, bhikkhave, tīhi asaddhammehi abhibhūto pariyādinnacitto devadatto āpāyiko nerayiko kappaṭṭho atekicchoti.
‘‘มา ชาตุ โกจิ โลกสฺมิํ, ปาปิโจฺฉ อุทปชฺชถ;
‘‘Mā jātu koci lokasmiṃ, pāpiccho udapajjatha;
ตทมินาปิ ชานาถ, ปาปิจฺฉานํ ยถาคติฯ
Tadamināpi jānātha, pāpicchānaṃ yathāgati.
‘‘ปณฺฑิโตติ สมญฺญาโต, ภาวิตโตฺตติ สมฺมโต;
‘‘Paṇḍitoti samaññāto, bhāvitattoti sammato;
ชลํว ยสสา อฎฺฐา, เทวทโตฺตติ เม สุตํฯ
Jalaṃva yasasā aṭṭhā, devadattoti me sutaṃ.
‘‘โส ปมาทํ อนุจิโณฺณ, อาสชฺช นํ ตถาคตํ;
‘‘So pamādaṃ anuciṇṇo, āsajja naṃ tathāgataṃ;
อวีจินิรยํ ปโตฺต, จตุทฺวารํ ภยานกํฯ
Avīcinirayaṃ patto, catudvāraṃ bhayānakaṃ.
‘‘อทุฎฺฐสฺส หิ โย ทุเพฺภ, ปาปกมฺมํ อกฺรุพฺพโต;
‘‘Aduṭṭhassa hi yo dubbhe, pāpakammaṃ akrubbato;
ตเมว ปาปํ ผุสติ, ทุฎฺฐจิตฺตํ อนาทรํฯ
Tameva pāpaṃ phusati, duṭṭhacittaṃ anādaraṃ.
น โส เตน ปทูเสยฺย, เภสฺมา หิ อุทธี มหาฯ
Na so tena padūseyya, bhesmā hi udadhī mahā.
‘‘เอวเมว ตถาคตํ, โย วาเทนุปหิํสติ;
‘‘Evameva tathāgataṃ, yo vādenupahiṃsati;
‘‘ตาทิสํ มิตฺตํ กฺรุเพฺพถ 25, ตญฺจ เสเวถ ปณฺฑิโต;
‘‘Tādisaṃ mittaṃ krubbetha 26, tañca sevetha paṇḍito;
ยสฺส มคฺคานุโค ภิกฺขุ, ขยํ ทุกฺขสฺส ปาปุเณ’’ติฯ
Yassa maggānugo bhikkhu, khayaṃ dukkhassa pāpuṇe’’ti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / สงฺฆเภทกกถา • Saṅghabhedakakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / สงฺฆเภทกถาวณฺณนา • Saṅghabhedakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ฉสกฺยปพฺพชฺชากถาวณฺณนา • Chasakyapabbajjākathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / สงฺฆเภทกกถาวณฺณนา • Saṅghabhedakakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / สงฺฆเภทกถา • Saṅghabhedakathā