Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā

    ๑๐. สงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา

    10. Saṅghabhedasikkhāpadavaṇṇanā

    สหิตสฺสาติ กายจิเตฺตหิ เอกีภูตสฺสฯ เตนาห ‘‘จิเตฺตน จ สรีเรน จ อวิยุตฺตสฺสาติ อโตฺถ’’ติฯ อสฺสาติ ‘‘สมคฺคสฺสา’’ติ ปทสฺสฯ สมานสํวาสโกติ สมาโน เอกูโปสถาทิเภโท สํวาโส อสฺสาติ สมานสํวาสโก, ลทฺธินานาสํวาสเกน วา กมฺมนานาสํวาสเกน วา วิรหิโตฯ กายสามคฺคิทานโตติ กาเยน, กายสฺส วา สามคฺคิยา สหิตภาวสฺส ทานโต, เตสุ เตสุ สงฺฆกเมฺมสุ หตฺถปาสูปคมนโตติ วุตฺตํ โหติฯ กถํ นามายํ ภิเชฺชยฺยาติ อยํ สโงฺฆ เกน นุ โข อุปาเยน วโคฺค ภเวยฺยฯ วายาเมยฺยาติ อุสฺสาหํ กเรยฺย, ปกฺขํ ปริเยเสยฺย, คณํ พเนฺธยฺยาติ วุตฺตํ โหติฯ อตฺตโน ผลํ กโรตีติ กรณํ, ยํ กิญฺจิ การณํ, อธิกํ กรณนฺติ อธิกรณํ, วิเสสการณํ, วิเสสการณญฺจ สงฺฆเภทสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘เภทนสฺสา’’ติอาทิฯ เภทกรวตฺถุวเสน อฎฺฐารสวิธนฺติ –

    Sahitassāti kāyacittehi ekībhūtassa. Tenāha ‘‘cittena ca sarīrena ca aviyuttassāti attho’’ti. Assāti ‘‘samaggassā’’ti padassa. Samānasaṃvāsakoti samāno ekūposathādibhedo saṃvāso assāti samānasaṃvāsako, laddhinānāsaṃvāsakena vā kammanānāsaṃvāsakena vā virahito. Kāyasāmaggidānatoti kāyena, kāyassa vā sāmaggiyā sahitabhāvassa dānato, tesu tesu saṅghakammesu hatthapāsūpagamanatoti vuttaṃ hoti. Kathaṃ nāmāyaṃ bhijjeyyāti ayaṃ saṅgho kena nu kho upāyena vaggo bhaveyya. Vāyāmeyyāti ussāhaṃ kareyya, pakkhaṃ pariyeseyya, gaṇaṃ bandheyyāti vuttaṃ hoti. Attano phalaṃ karotīti karaṇaṃ, yaṃ kiñci kāraṇaṃ, adhikaṃ karaṇanti adhikaraṇaṃ, visesakāraṇaṃ, visesakāraṇañca saṅghabhedassāti vuttaṃ ‘‘bhedanassā’’tiādi. Bhedakaravatthuvasena aṭṭhārasavidhanti –

    ‘‘อิธุปาลิ ภิกฺขู อธมฺมํ ‘ธโมฺม’ติ ทีเปนฺติ, ธมฺมํ ‘อธโมฺม’ติ ทีเปนฺติฯ อวินยํ ‘วินโย’ติ ทีเปนฺติ, วินยํ ‘อวินโย’ติ ทีเปนฺติฯ อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน ‘ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติ, ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน ‘อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติฯ อนาจิณฺณํ ตถาคเตน ‘อาจิณฺณํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติ, อาจิณฺณํ ตถาคเตน ‘อนาจิณฺณํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติฯ อปญฺญตฺตํ ตถาคเตน ‘ปญฺญตฺตํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติ, ปญฺญตฺตํ ตถาคเตน ‘อปญฺญตฺตํ ตถาคเตนา’ติ ทีเปนฺติฯ อนาปตฺติํ ‘อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ, อาปตฺติํ ‘อนาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติฯ ลหุกํ อาปตฺติํ ‘ครุกา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ, ครุกํ อาปตฺติํ ‘ลหุกา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติฯ สาวเสสํ อาปตฺติํ ‘อนวเสสา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ, อนวเสสํ อาปตฺติํ ‘สาวเสสา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติฯ ทุฎฺฐุลฺลํ อาปตฺติํ ‘อทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺติ, อทุฎฺฐุลฺลํ อาปตฺติํ ‘ทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตี’ติ ทีเปนฺตี’’ติ (จูฬว. ๓๕๒) –

    ‘‘Idhupāli bhikkhū adhammaṃ ‘dhammo’ti dīpenti, dhammaṃ ‘adhammo’ti dīpenti. Avinayaṃ ‘vinayo’ti dīpenti, vinayaṃ ‘avinayo’ti dīpenti. Abhāsitaṃ alapitaṃ tathāgatena ‘bhāsitaṃ lapitaṃ tathāgatenā’ti dīpenti, bhāsitaṃ lapitaṃ tathāgatena ‘abhāsitaṃ alapitaṃ tathāgatenā’ti dīpenti. Anāciṇṇaṃ tathāgatena ‘āciṇṇaṃ tathāgatenā’ti dīpenti, āciṇṇaṃ tathāgatena ‘anāciṇṇaṃ tathāgatenā’ti dīpenti. Apaññattaṃ tathāgatena ‘paññattaṃ tathāgatenā’ti dīpenti, paññattaṃ tathāgatena ‘apaññattaṃ tathāgatenā’ti dīpenti. Anāpattiṃ ‘āpattī’ti dīpenti, āpattiṃ ‘anāpattī’ti dīpenti. Lahukaṃ āpattiṃ ‘garukā āpattī’ti dīpenti, garukaṃ āpattiṃ ‘lahukā āpattī’ti dīpenti. Sāvasesaṃ āpattiṃ ‘anavasesā āpattī’ti dīpenti, anavasesaṃ āpattiṃ ‘sāvasesā āpattī’ti dīpenti. Duṭṭhullaṃ āpattiṃ ‘aduṭṭhullā āpattī’ti dīpenti, aduṭṭhullaṃ āpattiṃ ‘duṭṭhullā āpattī’ti dīpentī’’ti (cūḷava. 352) –

    เอวํ กมฺมกฺขนฺธเก วุตฺตานํ อฎฺฐารสนฺนํ เภทกรณานํ วเสน อฎฺฐารสวิธํฯ การณญฺหิ ตทายตฺตวุตฺติตาย ผลํ เอตฺถ วสตีติ ‘‘วตฺถู’’ติ วุจฺจติฯ โหนฺติ เจตฺถ –

    Evaṃ kammakkhandhake vuttānaṃ aṭṭhārasannaṃ bhedakaraṇānaṃ vasena aṭṭhārasavidhaṃ. Kāraṇañhi tadāyattavuttitāya phalaṃ ettha vasatīti ‘‘vatthū’’ti vuccati. Honti cettha –

    ‘‘ธมฺมวินยภาสิตา-จิณฺณปญฺญตฺติกา ทุกา;

    ‘‘Dhammavinayabhāsitā-ciṇṇapaññattikā dukā;

    อาปตฺติลหุทุฎฺฐุลฺล-สาวเสสทุกานิ จฯ

    Āpattilahuduṭṭhulla-sāvasesadukāni ca.

    ‘‘เอตานฎฺฐารส ‘เภท-กรวตฺถู’ติ วุจฺจเร;

    ‘‘Etānaṭṭhārasa ‘bheda-karavatthū’ti vuccare;

    วิปลฺลาสคหิตานิ, วาทมูลูปนิสฺสยา’’ติฯ

    Vipallāsagahitāni, vādamūlūpanissayā’’ti.

    ปคฺคยฺหาติ ปคฺคหิตํ อพฺภุสฺสิตํ ปากฎํ กตฺวาฯ ติเฎฺฐยฺยาติ ยถาสมาทินฺนํ, ยถาปคฺคหิตเมว จ กตฺวา อเจฺฉยฺยฯ ยสฺมา ปน เอวํ ปคฺคณฺหตา, ติฎฺฐตา จ ตํ ทีปิตเญฺจว อวินิสฺสฎฺฐญฺจ โหติ, ตสฺมา ‘‘ทีเปยฺย เจว นปฺปฎินิสฺสเชฺชยฺย จา’’ติ วุตฺตํฯ กีว ทูเร สุตฺวา คนฺตฺวา อวทนฺตานํ ทุกฺกฎนฺติ อาห ‘‘สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทนา’’ติอาทิฯ ปิ-สโทฺท เจตฺถ อฎฺฐานปฺปยุโตฺต, ตสฺส ‘‘อฑฺฒโยชนมตฺต’’นฺติ อิมินา สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ ‘‘อฑฺฒโยชนมตฺต’’นฺติ อิมินา เอกวิหาเร วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทีเปติฯ ‘‘คนฺตฺวา’’ติ อิมินา ทูตํ วา ปณฺณํ วา เปเสตฺวา วทโตปิ อาปตฺติโมโกฺข นตฺถิ, สยเมว ปน คนฺตฺวา ‘‘ครุโก โข, อาวุโส, สงฺฆเภโท, มา สงฺฆเภทาย ปรกฺกมี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๔๑๑) นิวาเรตโพฺพติ ทีเปติฯ

    Paggayhāti paggahitaṃ abbhussitaṃ pākaṭaṃ katvā. Tiṭṭheyyāti yathāsamādinnaṃ, yathāpaggahitameva ca katvā accheyya. Yasmā pana evaṃ paggaṇhatā, tiṭṭhatā ca taṃ dīpitañceva avinissaṭṭhañca hoti, tasmā ‘‘dīpeyya ceva nappaṭinissajjeyya cā’’ti vuttaṃ. Kīva dūre sutvā gantvā avadantānaṃ dukkaṭanti āha ‘‘sabbantimena paricchedenā’’tiādi. Pi-saddo cettha aṭṭhānappayutto, tassa ‘‘aḍḍhayojanamatta’’nti iminā sambandho veditabbo. Tattha ‘‘aḍḍhayojanamatta’’nti iminā ekavihāre vattabbameva natthīti dīpeti. ‘‘Gantvā’’ti iminā dūtaṃ vā paṇṇaṃ vā pesetvā vadatopi āpattimokkho natthi, sayameva pana gantvā ‘‘garuko kho, āvuso, saṅghabhedo, mā saṅghabhedāya parakkamī’’ti (pārā. aṭṭha. 2.411) nivāretabboti dīpeti.

    สมาคจฺฉตูติ เอกีภวตุฯ เอกีภาโว จ สมานลทฺธิวเสน โหตีติ อาห ‘‘เอกลทฺธิโก โหตู’’ติฯ เอกา ลทฺธิ คหณํ อสฺสาติ เอกลทฺธิโก, เอกทิฎฺฐิโกติ อโตฺถฯ อญฺญมญฺญสมฺปตฺติยาติ อญฺญมญฺญสฺส สมานทิฎฺฐิจิตฺตตาสงฺขาตาย สมฺปตฺติยาฯ ‘‘อญฺญมญฺญสฺส คุณลาภาทิกาย สมฺปตฺติยา’’ติ เกจิฯ อสมโคฺค หิ วิสุํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสติ, พหิสีมายํ วา อนุปริเวณิยํ วาติ น เอกุเทฺทโสฯ เตนาห ‘‘เอกโต ปวตฺตปาติโมกฺขุเทฺทโสติ อโตฺถ’’ติฯ อปฺปฎินิสฺสชฺชโต ทุกฺกฎนฺติ วิสุํ วิสุํ วทนฺตานํ คณนาย ทุกฺกฎํฯ สมนุภาสนกมฺมํ กาตพฺพนฺติ ยาวตติยํ สมนุภาสนกมฺมํ กาตพฺพํ, ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส เภทาย ปรกฺกมตี’’ติอาทินา (ปารา. ๔๑๓) ปทภาชเน วุตฺตาหิ ญตฺติจตุตฺถาหิ ตีหิ สมนุภาสนกมฺมวาจาหิ กมฺมํ กาตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘เภทาย ปรกฺกเมยฺยา’’ติ วิสุํ วุตฺตตฺตา เภทนสํวตฺตนิกสฺส อธิกรณสฺส สมาทาย ปคฺคณฺหนโต ปุเพฺพปิ ปกฺขปริเยสนาทิวเสน สงฺฆเภทาย ปรกฺกมนฺตสฺส สมนุภาสนกมฺมํ กาตพฺพนฺติ เวทิตพฺพํฯ ปฎินิสฺสชฺชนฺตสฺส อนาปตฺติภาวโต ‘‘โสตฺถิภาโว ตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ วุตฺตํฯ

    Samāgacchatūti ekībhavatu. Ekībhāvo ca samānaladdhivasena hotīti āha ‘‘ekaladdhiko hotū’’ti. Ekā laddhi gahaṇaṃ assāti ekaladdhiko, ekadiṭṭhikoti attho. Aññamaññasampattiyāti aññamaññassa samānadiṭṭhicittatāsaṅkhātāya sampattiyā. ‘‘Aññamaññassa guṇalābhādikāya sampattiyā’’ti keci. Asamaggo hi visuṃ pātimokkhaṃ uddisati, bahisīmāyaṃ vā anupariveṇiyaṃ vāti na ekuddeso. Tenāha ‘‘ekato pavattapātimokkhuddesoti attho’’ti. Appaṭinissajjato dukkaṭanti visuṃ visuṃ vadantānaṃ gaṇanāya dukkaṭaṃ. Samanubhāsanakammaṃ kātabbanti yāvatatiyaṃ samanubhāsanakammaṃ kātabbaṃ, ‘‘suṇātu me, bhante, saṅgho, ayaṃ itthannāmo bhikkhu samaggassa saṅghassa bhedāya parakkamatī’’tiādinā (pārā. 413) padabhājane vuttāhi ñatticatutthāhi tīhi samanubhāsanakammavācāhi kammaṃ kātabbanti vuttaṃ hoti. ‘‘Bhedāya parakkameyyā’’ti visuṃ vuttattā bhedanasaṃvattanikassa adhikaraṇassa samādāya paggaṇhanato pubbepi pakkhapariyesanādivasena saṅghabhedāya parakkamantassa samanubhāsanakammaṃ kātabbanti veditabbaṃ. Paṭinissajjantassa anāpattibhāvato ‘‘sotthibhāvo tassa bhikkhuno’’ti vuttaṃ.

    กิญฺจาปิ ภิกฺขุนี สงฺฆํ น ภินฺทติ, อปิจ โข เภทาย ปรกฺกมตีติ ‘‘สาธารณปญฺญตฺตี’’ติ วุตฺตํฯ สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปชฺชนฺตสฺส ญตฺติยา ทุกฺกฎํ, ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ถุลฺลจฺจยา จ ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ อาห ‘‘สมนุภาสนกเมฺม’’ติอาทิฯ ตญฺจ ทุกฺกฎํ เต จ ถุลฺลจฺจยา ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ ยญฺจ ญตฺติปริโยสาเน ทุกฺกฎํ อาปโนฺน, เย จ ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ถุลฺลจฺจเย, ตา ติโสฺสปิ อาปตฺติโย ลิงฺคปริวเตฺตน อสาธารณาปตฺติโย วิย ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺติฯ สเจ ปนสฺส ญตฺติปริโยสาเน ลชฺชิธโมฺม โอกฺกมติ, สํวโร อุปฺปชฺชติ, ตํ ปฎินิสฺสชฺชติ, ญตฺติยา ทุกฺกฎํ เทเสตฺวา มุจฺจติฯ อถ ตํ น ปฎินิสฺสชฺชติ, เภทาย ปรกฺกมติ เจว เภทนสํวตฺตนิกํ อธิกรณํ สมาทาย ปคฺคยฺห ติฎฺฐติ จ, ญตฺติทุกฺกฎํ ปฎิปฺปสฺสมฺภติ, ปฐมกมฺมวาจาย ถุลฺลจฺจเย ปติฎฺฐาติฯ เอส นโย อิตรกมฺมวาจายมฺปิฯ อสมนุภาสิยมานสฺส อปฺปฎินิสฺสชฺชนฺตสฺสาปิ สงฺฆาทิเสเสน อนาปตฺติฯ ปฎินิสฺสชฺชนฺตสฺสาปิ ญตฺติโต ปุเพฺพ วา ญตฺติกฺขเณ วา ญตฺติปริโยสาเน วา ปฐมาย วา อนุสฺสาวนาย ทุติยาย วา ตติยาย วา ยาว ยฺย-การํ น สมฺปาปุณาติ, ตาว ปฎินิสฺสชฺชนฺตสฺส สงฺฆาทิเสเสน อนาปตฺติฯ เตนาห ‘‘อสมนุภาสิยมานสฺส จา’’ติอาทิฯ

    Kiñcāpi bhikkhunī saṅghaṃ na bhindati, apica kho bhedāya parakkamatīti ‘‘sādhāraṇapaññattī’’ti vuttaṃ. Saṅghādisesaṃ ajjhāpajjantassa ñattiyā dukkaṭaṃ, dvīhi kammavācāhi thullaccayā ca paṭippassambhantīti āha ‘‘samanubhāsanakamme’’tiādi. Tañca dukkaṭaṃ te ca thullaccayā paṭippassambhantīti yañca ñattipariyosāne dukkaṭaṃ āpanno, ye ca dvīhi kammavācāhi thullaccaye, tā tissopi āpattiyo liṅgaparivattena asādhāraṇāpattiyo viya paṭippassambhanti. Sace panassa ñattipariyosāne lajjidhammo okkamati, saṃvaro uppajjati, taṃ paṭinissajjati, ñattiyā dukkaṭaṃ desetvā muccati. Atha taṃ na paṭinissajjati, bhedāya parakkamati ceva bhedanasaṃvattanikaṃ adhikaraṇaṃ samādāya paggayha tiṭṭhati ca, ñattidukkaṭaṃ paṭippassambhati, paṭhamakammavācāya thullaccaye patiṭṭhāti. Esa nayo itarakammavācāyampi. Asamanubhāsiyamānassa appaṭinissajjantassāpi saṅghādisesena anāpatti. Paṭinissajjantassāpi ñattito pubbe vā ñattikkhaṇe vā ñattipariyosāne vā paṭhamāya vā anussāvanāya dutiyāya vā tatiyāya vā yāva yya-kāraṃ na sampāpuṇāti, tāva paṭinissajjantassa saṅghādisesena anāpatti. Tenāha ‘‘asamanubhāsiyamānassa cā’’tiādi.

    เอตฺถ ปน (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๔๑๖) ‘‘เทวทโตฺต สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส เภทาย ปรกฺกมิ, ตสฺมิํ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ (ปริ. ๑๗) ปริวาเร อาคตตฺตา เทวทโตฺต อาทิกมฺมิโก, โส จ โข สงฺฆเภทาย ปรกฺกมนเสฺสว, น อปฺปฎินิสฺสชฺชนสฺสฯ น หิ ตสฺส ตํ กมฺมํ กตํฯ กถมิทํ ชานิตพฺพนฺติ เจ? สุตฺตโตฯ ตถา หิ ‘‘อริโฎฺฐ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุโพฺพ ปาปิกาย ทิฎฺฐิยา ยาวตติยํ สมนุภาสนาย น ปฎินิสฺสชฺชิ, ตสฺมิํ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ ปริวาเร อาคตตฺตา อริฎฺฐสฺส กมฺมํ กตนฺติ ปญฺญายติ, น ตถา เทวทตฺตสฺสฯ อถาปิสฺส กเตน ภวิตพฺพนฺติ โกจิ อตฺตโน รุจิมเตฺตน วเทยฺย, ตถาปิ อปฺปฎินิสฺสชฺชเน อาทิกมฺมิกสฺส อนาปตฺติ นาม นตฺถิฯ น หิ ปญฺญตฺตํ สิกฺขาปทํ วีติกฺกมนฺตสฺส อญฺญตฺร โอทิสฺส อนุญฺญาตโต อนาปตฺติ นาม ทิสฺสติฯ ยมฺปิ อริฎฺฐสิกฺขาปทสฺส ปทภาชเน อนาปตฺติยํ ‘‘อาทิกมฺมิกสฺสา’’ติ โปตฺถเกสุ ลิขิตํ, ตํ ปมาทลิขิตํ, ปมาทลิขิตภาโว จ ตสฺส ‘‘ปฐมํ อริโฎฺฐ ภิกฺขุ โจเทตโพฺพ, โจเทตฺวา สาเรตโพฺพ, สาเรตฺวา อาปตฺติํ อาโรเปตโพฺพ’’ติ (จูฬว. ๖๕) เอวํ กมฺมกฺขนฺธเก อาปตฺติโรปนโต เวทิตโพฺพฯ

    Ettha pana (pārā. aṭṭha. 2.416) ‘‘devadatto samaggassa saṅghassa bhedāya parakkami, tasmiṃ vatthusmi’’nti (pari. 17) parivāre āgatattā devadatto ādikammiko, so ca kho saṅghabhedāya parakkamanasseva, na appaṭinissajjanassa. Na hi tassa taṃ kammaṃ kataṃ. Kathamidaṃ jānitabbanti ce? Suttato. Tathā hi ‘‘ariṭṭho bhikkhu gaddhabādhipubbo pāpikāya diṭṭhiyā yāvatatiyaṃ samanubhāsanāya na paṭinissajji, tasmiṃ vatthusmi’’nti parivāre āgatattā ariṭṭhassa kammaṃ katanti paññāyati, na tathā devadattassa. Athāpissa katena bhavitabbanti koci attano rucimattena vadeyya, tathāpi appaṭinissajjane ādikammikassa anāpatti nāma natthi. Na hi paññattaṃ sikkhāpadaṃ vītikkamantassa aññatra odissa anuññātato anāpatti nāma dissati. Yampi ariṭṭhasikkhāpadassa padabhājane anāpattiyaṃ ‘‘ādikammikassā’’ti potthakesu likhitaṃ, taṃ pamādalikhitaṃ, pamādalikhitabhāvo ca tassa ‘‘paṭhamaṃ ariṭṭho bhikkhu codetabbo, codetvā sāretabbo, sāretvā āpattiṃ āropetabbo’’ti (cūḷava. 65) evaṃ kammakkhandhake āpattiropanato veditabbo.

    อิธ เภทาย ปรกฺกมเน อาทิกมฺมิกสฺส เทวทตฺตสฺส ยสฺมา ตํ กมฺมํ น กตํ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๔๑๖), ตสฺมาสฺส อาปตฺติเยว น ชาตาฯ สิกฺขาปทํ ปน ตํ อารพฺภ ปญฺญตฺตนฺติ กตฺวา ‘‘อาทิกมฺมิโก’’ติ วุโตฺตฯ อิติ อาปตฺติยา อภาวโตเยวสฺส อนาปตฺติ วุตฺตาฯ สา ปเนสา กิญฺจาปิ ‘‘อสมนุภาสิยมานสฺสา’’ติ อิมินาว สิทฺธาฯ ยสฺมา ปน อสมนุภาสิยมาโน นาม ยสฺส เกวลํ สมนุภาสนํ น กโรนฺติ, โส วุจฺจติ, น อาทิกมฺมิโกฯ อยญฺจ เทวทโตฺต อาทิกมฺมิโกเยวฯ ตสฺมา ‘‘อาทิกมฺมิกสฺสา’’ติ (ปารา. ๔๑๖) วุตฺตํฯ เอเตเนว อุปาเยน ฐเปตฺวา อริฎฺฐสิกฺขาปทํ สพฺพสมนุภาสนาสุ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ กายวาจาจิตฺตโต สมุฎฺฐานโต สมนุภาสนสมุฎฺฐานํฯ ‘‘ปฎินิสฺสชฺชามี’’ติ กายวิการํ วา วจีเภทํ วา อกโรนฺตเสฺสว ปน อาปชฺชนโต อกิริยํฯ ‘‘นปฺปฎินิสฺสชฺชามี’’ติ สญฺญาย อภาเวน มุจฺจนโต สญฺญาวิโมกฺขํฯ ‘‘นปฺปฎินิสฺสชฺชามี’’ติ ชานนจิเตฺตเนว สจิตฺตกํ

    Idha bhedāya parakkamane ādikammikassa devadattassa yasmā taṃ kammaṃ na kataṃ (pārā. aṭṭha. 2.416), tasmāssa āpattiyeva na jātā. Sikkhāpadaṃ pana taṃ ārabbha paññattanti katvā ‘‘ādikammiko’’ti vutto. Iti āpattiyā abhāvatoyevassa anāpatti vuttā. Sā panesā kiñcāpi ‘‘asamanubhāsiyamānassā’’ti imināva siddhā. Yasmā pana asamanubhāsiyamāno nāma yassa kevalaṃ samanubhāsanaṃ na karonti, so vuccati, na ādikammiko. Ayañca devadatto ādikammikoyeva. Tasmā ‘‘ādikammikassā’’ti (pārā. 416) vuttaṃ. Eteneva upāyena ṭhapetvā ariṭṭhasikkhāpadaṃ sabbasamanubhāsanāsu vinicchayo veditabbo. Kāyavācācittato samuṭṭhānato samanubhāsanasamuṭṭhānaṃ. ‘‘Paṭinissajjāmī’’ti kāyavikāraṃ vā vacībhedaṃ vā akarontasseva pana āpajjanato akiriyaṃ. ‘‘Nappaṭinissajjāmī’’ti saññāya abhāvena muccanato saññāvimokkhaṃ. ‘‘Nappaṭinissajjāmī’’ti jānanacitteneva sacittakaṃ.

    สงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saṅghabhedasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact