Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā

    ๘. สงฺฆเภทสุตฺตวณฺณนา

    8. Saṅghabhedasuttavaṇṇanā

    ๑๘. อฎฺฐเม เอกธโมฺมติ กตโรยํ สุตฺตนิเกฺขโป? อฎฺฐุปฺปตฺติโกฯ ตตฺรายํ สเงฺขปกถา – เทวทโตฺต หิ อชาตสตฺตุํ ทุคฺคหณํ คาหาเปตฺวา ตสฺส ปิตรํ ราชานํ พิมฺพิสารํ เตน มาราเปตฺวาปิ อภิมาเร ปโยเชตฺวาปิ สิลาปวิชฺฌเนน โลหิตุปฺปาทกมฺมํ กตฺวาปิ น ตาวตา ปากโฎ ชาโต, นาฬาคิริํ วิสฺสเชฺชตฺวา ปน ปากโฎ ชาโตฯ อถ มหาชโน ‘‘เอวรูปมฺปิ นาม ปาปํ คเหตฺวา ราชา วิจรตี’’ติ โกลาหลํ อกาสิ, มหาโฆโส อโหสิฯ ตํ สุตฺวา ราชา อตฺตนา ทียมานานิ ปญฺจ ถาลิปากสตานิ ปจฺฉินฺทาเปสิ, อุปฎฺฐานมฺปิสฺส นาคมาสิฯ นาคราปิ กุลํ อุปคตสฺส กฎจฺฉุภตฺตมฺปิสฺส นาทํสุฯ โส ปริหีนลาภสกฺกาโร โกหเญฺญน ชีวิตุกาโม สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺจ วตฺถูนิ ยาจิตฺวา ‘‘อลํ, เทวทตฺต, โย อิจฺฉติ, โส อารญฺญิโก โหตู’’ติอาทินา (ปารา. ๔๐๙; จูฬว. ๓๔๓) ภควตา ปฎิกฺขิโตฺต เตหิ ปญฺจหิ วตฺถูหิ พาลํ ลูขปฺปสนฺนํ ชนํ สญฺญาเปโนฺต ปญฺจสเต วชฺชิปุตฺตเก สลากํ คาหาเปตฺวา สงฺฆํ ภินฺทิตฺวาว เต อาทาย คยาสีสํ อคมาสิฯ อถ เทฺว อคฺคสาวกา สตฺถุ อาณาย ตตฺถ คนฺตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา เต อริยผเล ปติฎฺฐาเปตฺวา อานยิํสุฯ เย ปนสฺส สงฺฆเภทาย ปรกฺกมนฺตสฺส ลทฺธิํ โรเจตฺวา ตเถว ปคฺคยฺห ฐิตา สเงฺฆ ภิชฺชเนฺต ภิเนฺน จ สมนุญฺญา อเหสุํ, เตสํ ตํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย อโหสิ ฯ

    18. Aṭṭhame ekadhammoti kataroyaṃ suttanikkhepo? Aṭṭhuppattiko. Tatrāyaṃ saṅkhepakathā – devadatto hi ajātasattuṃ duggahaṇaṃ gāhāpetvā tassa pitaraṃ rājānaṃ bimbisāraṃ tena mārāpetvāpi abhimāre payojetvāpi silāpavijjhanena lohituppādakammaṃ katvāpi na tāvatā pākaṭo jāto, nāḷāgiriṃ vissajjetvā pana pākaṭo jāto. Atha mahājano ‘‘evarūpampi nāma pāpaṃ gahetvā rājā vicaratī’’ti kolāhalaṃ akāsi, mahāghoso ahosi. Taṃ sutvā rājā attanā dīyamānāni pañca thālipākasatāni pacchindāpesi, upaṭṭhānampissa nāgamāsi. Nāgarāpi kulaṃ upagatassa kaṭacchubhattampissa nādaṃsu. So parihīnalābhasakkāro kohaññena jīvitukāmo satthāraṃ upasaṅkamitvā pañca vatthūni yācitvā ‘‘alaṃ, devadatta, yo icchati, so āraññiko hotū’’tiādinā (pārā. 409; cūḷava. 343) bhagavatā paṭikkhitto tehi pañcahi vatthūhi bālaṃ lūkhappasannaṃ janaṃ saññāpento pañcasate vajjiputtake salākaṃ gāhāpetvā saṅghaṃ bhinditvāva te ādāya gayāsīsaṃ agamāsi. Atha dve aggasāvakā satthu āṇāya tattha gantvā dhammaṃ desetvā te ariyaphale patiṭṭhāpetvā ānayiṃsu. Ye panassa saṅghabhedāya parakkamantassa laddhiṃ rocetvā tatheva paggayha ṭhitā saṅghe bhijjante bhinne ca samanuññā ahesuṃ, tesaṃ taṃ dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya ahosi .

    เทวทโตฺตปิ น จิรเสฺสว โรคาภิภูโต พาฬฺหคิลาโน มรณกาเล ‘‘สตฺถารํ วนฺทิสฺสามี’’ติ มญฺจกสิวิกาย นียมาโน เชตวนโปกฺขรณิตีเร ฐปิโต ปถวิยา วิวเร ทิเนฺน ปติตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ, โยชนสติโก จสฺส อตฺตภาโว อโหสิ กปฺปฎฺฐิโย ตาลกฺขนฺธปริมาเณหิ อยสูเลหิ วินิวิโทฺธฯ เทวทตฺตปกฺขิกานิ จ ปญฺจมตฺตานิ กุลสตานิ ตสฺส ลทฺธิยํ ฐิตานิ สห พนฺธเวหิ นิรเย นิพฺพตฺตานิฯ เอกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทเตฺตน สงฺฆํ ภินฺทเนฺตน ภาริยํ กมฺมํ กต’’นฺติฯ อถ สตฺถา ธมฺมสภํ อุปคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต สงฺฆเภเท อาทีนวํ ทเสฺสโนฺต อิมํ สุตฺตํ อภาสิฯ เกจิ ปน ภณนฺติ ‘‘เทวทตฺตสฺส ตปฺปกฺขิกานญฺจ ตถา นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ ทิสฺวา สงฺฆเภเท อาทีนวํ ทเสฺสโนฺต ภควา อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว อิมํ สุตฺตํ เทเสสี’’ติฯ

    Devadattopi na cirasseva rogābhibhūto bāḷhagilāno maraṇakāle ‘‘satthāraṃ vandissāmī’’ti mañcakasivikāya nīyamāno jetavanapokkharaṇitīre ṭhapito pathaviyā vivare dinne patitvā avīcimhi nibbatti, yojanasatiko cassa attabhāvo ahosi kappaṭṭhiyo tālakkhandhaparimāṇehi ayasūlehi vinividdho. Devadattapakkhikāni ca pañcamattāni kulasatāni tassa laddhiyaṃ ṭhitāni saha bandhavehi niraye nibbattāni. Ekadivasaṃ bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, devadattena saṅghaṃ bhindantena bhāriyaṃ kammaṃ kata’’nti. Atha satthā dhammasabhaṃ upagantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte saṅghabhede ādīnavaṃ dassento imaṃ suttaṃ abhāsi. Keci pana bhaṇanti ‘‘devadattassa tappakkhikānañca tathā niraye nibbattabhāvaṃ disvā saṅghabhede ādīnavaṃ dassento bhagavā attano ajjhāsayeneva imaṃ suttaṃ desesī’’ti.

    ตตฺถ เอกธโมฺมติ เอโก อกุสโล มหาสาวชฺชธโมฺมฯ โลเกติ สตฺตโลเกฯ อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชตีติ เอตฺถ เภทสํวตฺตนิเกสุ ภณฺฑนาทีสุ สเงฺฆ อุปฺปเนฺนสุปิ ‘‘ธโมฺม อธโมฺม’’ติอาทีสุ อฎฺฐารสเภทกรวตฺถูสุ ยสฺส กสฺสจิ ทีปนวเสน โวหรเนฺตสุปิ ตตฺถ รุจิชนนตฺถํ อนุสฺสาเวเนฺตสุปิ อนุสฺสาเวตฺวา สลากาย คาหิตายปิ สงฺฆเภโท อุปฺปชฺชมาโน นาม โหติ, สลากาย ปน คาหิตาย จตฺตาโร วา อติเรกา วา ยทา อาเวณิกํ อุเทฺทสํ วา สงฺฆกมฺมํ วา กโรนฺติ, ตทา สงฺฆเภโท อุปฺปชฺชติ นามฯ กเต ปน ตสฺมิํ สงฺฆเภโท อุปฺปโนฺน นาม? กมฺมํ, อุเทฺทโส, โวหาโร, อนุสฺสาวนา, สลากคฺคาโหติ อิเมสุ หิ ปญฺจสุ สงฺฆสฺส เภทการเณสุ กมฺมํ วา อุเทฺทโส วา ปมาณํ, โวหารานุสฺสาวนสลากคฺคาหา ปน ปุพฺพภาคาติฯ

    Tattha ekadhammoti eko akusalo mahāsāvajjadhammo. Loketi sattaloke. Uppajjamāno uppajjatīti ettha bhedasaṃvattanikesu bhaṇḍanādīsu saṅghe uppannesupi ‘‘dhammo adhammo’’tiādīsu aṭṭhārasabhedakaravatthūsu yassa kassaci dīpanavasena voharantesupi tattha rucijananatthaṃ anussāventesupi anussāvetvā salākāya gāhitāyapi saṅghabhedo uppajjamāno nāma hoti, salākāya pana gāhitāya cattāro vā atirekā vā yadā āveṇikaṃ uddesaṃ vā saṅghakammaṃ vā karonti, tadā saṅghabhedo uppajjati nāma. Kate pana tasmiṃ saṅghabhedo uppanno nāma? Kammaṃ, uddeso, vohāro, anussāvanā, salākaggāhoti imesu hi pañcasu saṅghassa bhedakāraṇesu kammaṃ vā uddeso vā pamāṇaṃ, vohārānussāvanasalākaggāhā pana pubbabhāgāti.

    พหุชนาหิตายาติอาทีสุ ๐.มหาชนสฺส ฌานมคฺคาทิสมฺปตฺตินิวารเณน อหิตาย, สคฺคสมฺปตฺตินิวารเณน อสุขาย, อปายูปปตฺติเหตุภาเวน อนตฺถายฯ อกุสลธมฺมวเสน วา อหิตาย, หิตมตฺตสฺสปิ อภาวา สุคติยมฺปิ นิพฺพตฺตนกกายิกเจตสิกทุกฺขาย อุปฺปชฺชตีติ สมฺพโนฺธ ฯ เทวมนุสฺสานนฺติ อิทํ ‘‘พหุโน ชนสฺสา’’ติ วุเตฺตสุ อุกฺกฎฺฐปุคฺคลนิเทฺทโสฯ อปโร นโย – พหุชนาหิตายาติ พหุชนสฺส มหโต สตฺตกายสฺส อหิตตฺถาย, ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกอนตฺถายาติ อโตฺถฯ อสุขายาติ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกอสุขตฺถาย, ทุวิธทุกฺขตฺถายาติ อโตฺถฯ อนตฺถายาติ ปรมตฺถปฎิเกฺขปายฯ นิพฺพานญฺหิ ปรมโตฺถ, ตโต อุตฺตริํ อโตฺถ นตฺถิฯ อหิตายาติ มคฺคปฎิเกฺขปายฯ นิพฺพานสมฺปาปกมคฺคโต หิ อุตฺตริํ หิตํ นาม นตฺถิฯ ทุกฺขายาติ อริยสุขวิราธเนน วฎฺฎทุกฺขตายฯ เย หิ อริยสุขโต วิรทฺธา ตํ อธิคนฺตุํ อภพฺพา, เต วฎฺฎทุเกฺข ปริพฺภมนฺติ, อริยสุขโต จ อุตฺตริํ สุขํ นาม นตฺถิฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘อยํ สมาธิ ปจฺจุปฺปนฺนสุโข เจว อายติญฺจ สุขวิปาโก’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๕; อ. นิ. ๕.๒๗)ฯ

    Bahujanāhitāyātiādīsu 0.mahājanassa jhānamaggādisampattinivāraṇena ahitāya, saggasampattinivāraṇena asukhāya, apāyūpapattihetubhāvena anatthāya. Akusaladhammavasena vā ahitāya, hitamattassapi abhāvā sugatiyampi nibbattanakakāyikacetasikadukkhāya uppajjatīti sambandho . Devamanussānanti idaṃ ‘‘bahuno janassā’’ti vuttesu ukkaṭṭhapuggalaniddeso. Aparo nayo – bahujanāhitāyāti bahujanassa mahato sattakāyassa ahitatthāya, diṭṭhadhammikasamparāyikaanatthāyāti attho. Asukhāyāti diṭṭhadhammikasamparāyikaasukhatthāya, duvidhadukkhatthāyāti attho. Anatthāyāti paramatthapaṭikkhepāya. Nibbānañhi paramattho, tato uttariṃ attho natthi. Ahitāyāti maggapaṭikkhepāya. Nibbānasampāpakamaggato hi uttariṃ hitaṃ nāma natthi. Dukkhāyāti ariyasukhavirādhanena vaṭṭadukkhatāya. Ye hi ariyasukhato viraddhā taṃ adhigantuṃ abhabbā, te vaṭṭadukkhe paribbhamanti, ariyasukhato ca uttariṃ sukhaṃ nāma natthi. Vuttañhetaṃ ‘‘ayaṃ samādhi paccuppannasukho ceva āyatiñca sukhavipāko’’ti (dī. ni. 3.355; a. ni. 5.27).

    อิทานิ ‘‘สงฺฆเภโท’’ติ สรูปโต ทเสฺสตฺวา ตสฺส อหิตาทีนํ เอกนฺตเหตุภาวํ ปกาเสตุํ ‘‘สเงฺฆ โข ปน, ภิกฺขเว, ภิเนฺน’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ภิเนฺนติ นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมํ ยถา ‘‘อธนานํ ธเน อนนุปฺปทียมาเน’’ติ (ที. นิ. ๓.๙๑), เภทเหตูติ อโตฺถฯ อญฺญมญฺญํ ภณฺฑนานีติ จตุนฺนํ ปริสานํ ตปฺปกฺขิกานญฺจ ‘‘เอโส ธโมฺม, เนโส ธโมฺม’’ติ อญฺญมญฺญํ วิวทนานิฯ ภณฺฑนญฺหิ กลหสฺส ปุพฺพภาโคฯ ปริภาสาติ ‘‘อิทญฺจิทญฺจ โว อนตฺถํ กริสฺสามา’’ติ ภยุปฺปาทนวเสน ตชฺชนาฯ ปริเกฺขปาติ ชาติอาทิวเสน ปริโต เขปา, ทสหิ อโกฺกสวตฺถูหิ ขุํสนวมฺภนาฯ ปริจฺจชนาติ อุเกฺขปนิยกมฺมกรณาทิวเสน นิสฺสารณาฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ สงฺฆเภเท, ตนฺนิมิเตฺต วา ภณฺฑนาทิเกฯ อปฺปสนฺนาติ รตนตฺตยคุณานํ อนภิญฺญาฯ น ปสีทนฺตีติ ‘‘ธมฺมจาริโน สมจาริโน’’ติอาทินา ยฺวายํ ภิกฺขูสุ ปสาทนากาโร, ตถา น ปสีทนฺติ, เตสํ วา โสตพฺพํ สทฺธาตพฺพํ น มญฺญนฺติฯ ตถา จ ธเมฺม สตฺถริ จ อปฺปสนฺนาว โหนฺติฯ เอกจฺจานํ อญฺญถตฺตนฺติ ปุถุชฺชนานํ อวิรุฬฺหสทฺธานํ ปสาทญฺญถตฺตํฯ

    Idāni ‘‘saṅghabhedo’’ti sarūpato dassetvā tassa ahitādīnaṃ ekantahetubhāvaṃ pakāsetuṃ ‘‘saṅghe kho pana, bhikkhave, bhinne’’tiādimāha. Tattha bhinneti nimittatthe bhummaṃ yathā ‘‘adhanānaṃ dhane ananuppadīyamāne’’ti (dī. ni. 3.91), bhedahetūti attho. Aññamaññaṃ bhaṇḍanānīti catunnaṃ parisānaṃ tappakkhikānañca ‘‘eso dhammo, neso dhammo’’ti aññamaññaṃ vivadanāni. Bhaṇḍanañhi kalahassa pubbabhāgo. Paribhāsāti ‘‘idañcidañca vo anatthaṃ karissāmā’’ti bhayuppādanavasena tajjanā. Parikkhepāti jātiādivasena parito khepā, dasahi akkosavatthūhi khuṃsanavambhanā. Pariccajanāti ukkhepaniyakammakaraṇādivasena nissāraṇā. Tatthāti tasmiṃ saṅghabhede, tannimitte vā bhaṇḍanādike. Appasannāti ratanattayaguṇānaṃ anabhiññā. Na pasīdantīti ‘‘dhammacārino samacārino’’tiādinā yvāyaṃ bhikkhūsu pasādanākāro, tathā na pasīdanti, tesaṃ vā sotabbaṃ saddhātabbaṃ na maññanti. Tathā ca dhamme satthari ca appasannāva honti. Ekaccānaṃ aññathattanti puthujjanānaṃ aviruḷhasaddhānaṃ pasādaññathattaṃ.

    คาถายํ อาปายิโกติอาทีสุ อปาเย นิพฺพตฺตนารหตาย อาปายิโกฯ ตตฺถปิ อวีจิสงฺขาเต มหานิรเย อุปฺปชฺชตีติ เนรยิโกฯ เอกํ อนฺตรกปฺปํ ปริปุณฺณเมว กตฺวา ตตฺถ ติฎฺฐตีติ กปฺปโฎฺฐฯ สงฺฆเภทสงฺขาเต วเคฺค รโตติ วคฺครโตฯ อธมฺมิยตาย อธโมฺมฯ เภทกรวตฺถูหิ สงฺฆเภทสงฺขาเต เอว จ อธเมฺม ฐิโตติ อธมฺมโฎฺฐฯ โยคเกฺขมา ปธํสตีติ โยคเกฺขมโต หิตโต ปธํสติ ปริหายติ, จตูหิ วา โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา โยคเกฺขมํ นาม อรหตฺตํ นิพฺพานญฺจ, ตโต ปนสฺส ธํสเน วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ ทิฎฺฐิสีลสามญฺญโต สํหตเฎฺฐน สงฺฆํ, ตโต เอว เอกกมฺมาทิวิธานโยเคน สมคฺคํ สหิตํฯ เภตฺวานาติ ปุเพฺพ วุตฺตลกฺขเณน สงฺฆเภเทน ภินฺทิตฺวาฯ กปฺปนฺติ อายุกปฺปํฯ โส ปเนตฺถ อนฺตรกโปฺปวฯ นิรยมฺหีติ อวีจิมหานิรยมฺหิฯ

    Gāthāyaṃ āpāyikotiādīsu apāye nibbattanārahatāya āpāyiko. Tatthapi avīcisaṅkhāte mahāniraye uppajjatīti nerayiko. Ekaṃ antarakappaṃ paripuṇṇameva katvā tattha tiṭṭhatīti kappaṭṭho. Saṅghabhedasaṅkhāte vagge ratoti vaggarato. Adhammiyatāya adhammo. Bhedakaravatthūhi saṅghabhedasaṅkhāte eva ca adhamme ṭhitoti adhammaṭṭho. Yogakkhemā padhaṃsatīti yogakkhemato hitato padhaṃsati parihāyati, catūhi vā yogehi anupaddutattā yogakkhemaṃ nāma arahattaṃ nibbānañca, tato panassa dhaṃsane vattabbameva natthi. Diṭṭhisīlasāmaññato saṃhataṭṭhena saṅghaṃ, tato eva ekakammādividhānayogena samaggaṃ sahitaṃ. Bhetvānāti pubbe vuttalakkhaṇena saṅghabhedena bhinditvā. Kappanti āyukappaṃ. So panettha antarakappova. Nirayamhīti avīcimahānirayamhi.

    อฎฺฐมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Aṭṭhamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๘. สงฺฆเภทสุตฺตํ • 8. Saṅghabhedasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact