Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā

    ๘. สงฺฆเภทสุตฺตวณฺณนา

    8. Saṅghabhedasuttavaṇṇanā

    ๔๘. อฎฺฐเม อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจาติ อภิมาเร ปโยเชตฺวา นาฬาคิริํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา สิลํ ปวเฎฺฎตฺวา ภควโต อนตฺถํ กาตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา จกฺกเภทํ กริสฺสามี’’ติ อธิปฺปาเยน เอตํ ‘‘อชฺชตเคฺค’’ติอาทิวจนํ อโวจฯ อญฺญเตฺรว ภควตาติ วินา เอว ภควนฺตํ, สตฺถารํ อกตฺวาติ อโตฺถฯ อญฺญตฺร ภิกฺขุสงฺฆาติ วินา เอว ภิกฺขุสงฺฆํฯ อุโปสถํ กริสฺสามิ สงฺฆกมฺมานิ จาติ ภควโต โอวาทการกํ ภิกฺขุสงฺฆํ วิสุํ กตฺวา มํ อนุวตฺตเนฺตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ อาเวณิกํ อุโปสถํ สงฺฆกมฺมานิ จ กริสฺสามีติ อโตฺถฯ เทวทโตฺต สงฺฆํ ภินฺทิสฺสตีติ เภทกรานํ สเพฺพสํ เทวทเตฺตน สชฺชิตตฺตา เอกํเสเนว เทวทโตฺต อชฺช สงฺฆํ ภินฺทิสฺสติ ทฺวิธา กริสฺสติฯ ‘‘อธมฺมํ ธโมฺม’’ติอาทีสุ หิ อฎฺฐารสสุ เภทกรวตฺถูสุ ยํกิญฺจิ เอกมฺปิ วตฺถุํ ทีเปตฺวา เตน เตน การเณน ‘‘อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’’ติ สญฺญาเปตฺวา สลากํ คาเหตฺวา วิสุํ สงฺฆกเมฺม กเต สโงฺฆ ภิโนฺน โหติฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    48. Aṭṭhame āyasmantaṃ ānandaṃ etadavocāti abhimāre payojetvā nāḷāgiriṃ vissajjāpetvā silaṃ pavaṭṭetvā bhagavato anatthaṃ kātuṃ asakkonto ‘‘saṅghaṃ bhinditvā cakkabhedaṃ karissāmī’’ti adhippāyena etaṃ ‘‘ajjatagge’’tiādivacanaṃ avoca. Aññatreva bhagavatāti vinā eva bhagavantaṃ, satthāraṃ akatvāti attho. Aññatra bhikkhusaṅghāti vinā eva bhikkhusaṅghaṃ. Uposathaṃ karissāmi saṅghakammāni cāti bhagavato ovādakārakaṃ bhikkhusaṅghaṃ visuṃ katvā maṃ anuvattantehi bhikkhūhi saddhiṃ āveṇikaṃ uposathaṃ saṅghakammāni ca karissāmīti attho. Devadatto saṅghaṃ bhindissatīti bhedakarānaṃ sabbesaṃ devadattena sajjitattā ekaṃseneva devadatto ajja saṅghaṃ bhindissati dvidhā karissati. ‘‘Adhammaṃ dhammo’’tiādīsu hi aṭṭhārasasu bhedakaravatthūsu yaṃkiñci ekampi vatthuṃ dīpetvā tena tena kāraṇena ‘‘imaṃ gaṇhatha, imaṃ rocethā’’ti saññāpetvā salākaṃ gāhetvā visuṃ saṅghakamme kate saṅgho bhinno hoti. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘ปญฺจหิ, อุปาลิ, อากาเรหิ สโงฺฆ ภิชฺชติ กเมฺมน อุเทฺทเสน โวหรโนฺต อนุสฺสาวเนน สลากคฺคาเหนา’’ติ (ปริ. ๔๕๘)ฯ

    ‘‘Pañcahi, upāli, ākārehi saṅgho bhijjati kammena uddesena voharanto anussāvanena salākaggāhenā’’ti (pari. 458).

    ตตฺถ กเมฺมนาติ อปโลกนกมฺมาทีสุ จตูสุ กเมฺมสุ อญฺญตเรน กเมฺมนฯ อุเทฺทเสนาติ ปญฺจสุ ปาติโมกฺขุเทฺทเสสุ อญฺญตเรน อุเทฺทเสนฯ โวหรโนฺตติ ตาหิ ตาหิ อุปฺปตฺตีหิ ‘‘อธมฺมํ ธโมฺม’’ติอาทีนิ (อ. นิ. ๑๐.๓๗; จูฬว. ๓๕๒) อฎฺฐารสเภทกรวตฺถูนิ ทีเปโนฺตฯ อนุสฺสาวเนนาติ ‘‘นนุ ตุเมฺห ชานาถ มยฺหํ อุจฺจากุลา ปพฺพชิตภาวํ พหุสฺสุตภาวญฺจ, มาทิโส นาม อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ คาเหยฺยาติ กิํ ตุมฺหากํ จิตฺตมฺปิ อุปฺปาเทตุํ ยุตฺตํ, กิมหํ อปายโต น ภายามี’’ติอาทินา นเยน กณฺณมูเล วจีเภทํ กตฺวา อนุสฺสาวเนนฯ สลากคฺคาเหนาติ เอวํ อนุสฺสาเวตฺวา เตสํ จิตฺตํ อุปตฺถเมฺภตฺวา อนาวตฺติธเมฺม กตฺวา ‘‘คณฺหถ อิมํ สลาก’’นฺติ สลากคฺคาเหนฯ

    Tattha kammenāti apalokanakammādīsu catūsu kammesu aññatarena kammena. Uddesenāti pañcasu pātimokkhuddesesu aññatarena uddesena. Voharantoti tāhi tāhi uppattīhi ‘‘adhammaṃ dhammo’’tiādīni (a. ni. 10.37; cūḷava. 352) aṭṭhārasabhedakaravatthūni dīpento. Anussāvanenāti ‘‘nanu tumhe jānātha mayhaṃ uccākulā pabbajitabhāvaṃ bahussutabhāvañca, mādiso nāma uddhammaṃ ubbinayaṃ gāheyyāti kiṃ tumhākaṃ cittampi uppādetuṃ yuttaṃ, kimahaṃ apāyato na bhāyāmī’’tiādinā nayena kaṇṇamūle vacībhedaṃ katvā anussāvanena. Salākaggāhenāti evaṃ anussāvetvā tesaṃ cittaṃ upatthambhetvā anāvattidhamme katvā ‘‘gaṇhatha imaṃ salāka’’nti salākaggāhena.

    เอตฺถ จ กมฺมเมว อุเทฺทโส วา ปมาณํ, โวหารานุสฺสาวนสลากคฺคาหา ปน ปุพฺพภาคาฯ อฎฺฐารสวตฺถุทีปนวเสน หิ โวหรเนฺตน ตตฺถ รุจิชนนตฺถํ อนุสฺสาเวตฺวา สลากาย คาหิตายปิ อภิโนฺนว โหติ สโงฺฆฯ ยทา ปเนวํ จตฺตาโร วา อติเรกา วา สลากํ คาเหตฺวา อาเวณิกํ อุเทฺทสํ วา กมฺมํ วา กโรนฺติ, ตทา สโงฺฆ ภิโนฺน นาม โหติฯ เทวทโตฺต จ สพฺพํ สงฺฆเภทสฺส ปุพฺพภาคํ นิปฺผาเทตฺวา ‘‘เอกํเสเนว อชฺช อาเวณิกํ อุโปสถํ สงฺฆกมฺมญฺจ กริสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘อชฺชตเคฺค’’ติอาทิวจนํ อโวจฯ เตนาห – ‘‘อชฺช, ภเนฺต, เทวทโตฺต สงฺฆํ ภินฺทิสฺสตี’’ติฯ ยโต อโวจุมฺหา ‘‘เภทกรานํ สเพฺพสํ เทวทเตฺตน สชฺชิตตฺตา’’ติฯ

    Ettha ca kammameva uddeso vā pamāṇaṃ, vohārānussāvanasalākaggāhā pana pubbabhāgā. Aṭṭhārasavatthudīpanavasena hi voharantena tattha rucijananatthaṃ anussāvetvā salākāya gāhitāyapi abhinnova hoti saṅgho. Yadā panevaṃ cattāro vā atirekā vā salākaṃ gāhetvā āveṇikaṃ uddesaṃ vā kammaṃ vā karonti, tadā saṅgho bhinno nāma hoti. Devadatto ca sabbaṃ saṅghabhedassa pubbabhāgaṃ nipphādetvā ‘‘ekaṃseneva ajja āveṇikaṃ uposathaṃ saṅghakammañca karissāmī’’ti cintetvā ‘‘ajjatagge’’tiādivacanaṃ avoca. Tenāha – ‘‘ajja, bhante, devadatto saṅghaṃ bhindissatī’’ti. Yato avocumhā ‘‘bhedakarānaṃ sabbesaṃ devadattena sajjitattā’’ti.

    เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อวีจิมหานิรยุปฺปตฺติสํวตฺตนิยํ กปฺปฎฺฐิยํ อเตกิจฺฉํ เทวทเตฺตน นิพฺพตฺติยมานํ สงฺฆเภทกมฺมํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ฯ อิมํ อุทานนฺติ กุสลากุสเลสุ ยถากฺกมํ สปฺปุริสาสปฺปุริสสภาควิสภาคปฎิปตฺติวเสน ปน สุกุสลาติ อิทมตฺถวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ

    Etamatthaṃ viditvāti etaṃ avīcimahānirayuppattisaṃvattaniyaṃ kappaṭṭhiyaṃ atekicchaṃ devadattena nibbattiyamānaṃ saṅghabhedakammaṃ sabbākārato viditvā . Imaṃ udānanti kusalākusalesu yathākkamaṃ sappurisāsappurisasabhāgavisabhāgapaṭipattivasena pana sukusalāti idamatthavibhāvanaṃ imaṃ udānaṃ udānesi.

    ตตฺถ สุกรํ สาธุนา สาธูติ อตฺตโน ปเรสญฺจ หิตํ สาเธตีติ สาธุ, สมฺมาปฎิปโนฺนฯ เตน สาธุนา สาริปุตฺตาทินา สาวเกน ปเจฺจกพุเทฺธน สมฺมาสมฺพุเทฺธน อเญฺญน วา โลกิยสาธุนา สาธุ สุนฺทรํ ภทฺทกํ อตฺตโน ปเรสญฺจ หิตสุขาวหํ สุกรํ สุเขน กาตุํ สกฺกาฯ สาธุ ปาเปน ทุกฺกรนฺติ ตเทว ปน วุตฺตลกฺขณํ สาธุ ปาเปน เทวทตฺตาทินา ปาปปุคฺคเลน ทุกฺกรํ กาตุํ น สกฺกา, น โส ตํ กาตุํ สโกฺกตีติ อโตฺถฯ ปาปํ ปาเปน สุกรนฺติ ปาปํ อสุนฺทรํ อตฺตโน ปเรสญฺจ อนตฺถาวหํ ปาเปน ยถาวุตฺตปาปปุคฺคเลน สุกรํ สุเขน กาตุํ สกฺกุเณยฺยฯ ปาปมริเยหิ ทุกฺกรนฺติ อริเยหิ ปน พุทฺธาทีหิ ตํ ตํ ปาปํ ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวํฯ เสตุฆาโตเยว หิ เตสนฺติ สตฺถา ทีเปติฯ

    Tattha sukaraṃ sādhunā sādhūti attano paresañca hitaṃ sādhetīti sādhu, sammāpaṭipanno. Tena sādhunā sāriputtādinā sāvakena paccekabuddhena sammāsambuddhena aññena vā lokiyasādhunā sādhu sundaraṃ bhaddakaṃ attano paresañca hitasukhāvahaṃ sukaraṃ sukhena kātuṃ sakkā. Sādhu pāpena dukkaranti tadeva pana vuttalakkhaṇaṃ sādhu pāpena devadattādinā pāpapuggalena dukkaraṃ kātuṃ na sakkā, na so taṃ kātuṃ sakkotīti attho. Pāpaṃ pāpena sukaranti pāpaṃ asundaraṃ attano paresañca anatthāvahaṃ pāpena yathāvuttapāpapuggalena sukaraṃ sukhena kātuṃ sakkuṇeyya. Pāpamariyehi dukkaranti ariyehi pana buddhādīhi taṃ taṃ pāpaṃ dukkaraṃ durabhisambhavaṃ. Setughātoyeva hi tesanti satthā dīpeti.

    อฎฺฐมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Aṭṭhamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๘. สงฺฆเภทสุตฺตํ • 8. Saṅghabhedasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact