Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เทฺวมาติกาปาฬิ • Dvemātikāpāḷi |
สงฺฆาทิเสสกโณฺฑ
Saṅghādisesakaṇḍo
๑. อุสฺสยวาทิกาสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Ussayavādikāsikkhāpadavaṇṇanā
สงฺฆาทิเสเสสุ ปฐเม อุสฺสยวาทิกาติ มานุสฺสยวเสน โกธุสฺสยวเสน อฑฺฑกรณตฺถาย วินิจฺฉยมหามตฺตานํ สนฺติเก วิวทมานาฯ คหปตินา วาติอาทีหิ ฐเปตฺวา ปญฺจ สหธมฺมิเก อวเสสา คหฎฺฐปพฺพชิตา สงฺคหิตาฯ อยํ ภิกฺขุนี ปฐมาปตฺติกนฺติ อาทิมฺหิ ปฐมํ อาปตฺติ เอตสฺสาติ ปฐมาปตฺติโก, วีติกฺกมกฺขเณเยว อาปชฺชิตโพฺพติ อโตฺถ, ตํ ปฐมาปตฺติกํฯ อาปนฺนาติ อฑฺฑปริโยสาเน อาปนฺนาฯ ภิกฺขุนิํ สงฺฆโต นิสฺสาเรตีติ นิสฺสารณีโย, ตํ นิสฺสารณียํฯ สงฺฆาทิเสสนฺติ เอวํนามกํฯ
Saṅghādisesesu paṭhame ussayavādikāti mānussayavasena kodhussayavasena aḍḍakaraṇatthāya vinicchayamahāmattānaṃ santike vivadamānā. Gahapatinā vātiādīhi ṭhapetvā pañca sahadhammike avasesā gahaṭṭhapabbajitā saṅgahitā. Ayaṃ bhikkhunī paṭhamāpattikanti ādimhi paṭhamaṃ āpatti etassāti paṭhamāpattiko, vītikkamakkhaṇeyeva āpajjitabboti attho, taṃ paṭhamāpattikaṃ. Āpannāti aḍḍapariyosāne āpannā. Bhikkhuniṃ saṅghato nissāretīti nissāraṇīyo, taṃ nissāraṇīyaṃ. Saṅghādisesanti evaṃnāmakaṃ.
สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ อุสฺสยวาทิกวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาณตฺติกํ, ‘‘อฑฺฑํ กริสฺสามี’’ติ ยํกิญฺจิ ทุติยิกํ วา สกฺขิํ วา สหายํ วา ปริเยสนฺติยา ปริเยสเน ทุกฺกฎํ, ยตฺถ ฐิตาย ‘‘อฑฺฑํ กาตุํ คจฺฉามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตโต ปฎฺฐาย คจฺฉนฺติยา ปเท ปเท ทุกฺกฎํ, ยตฺถกตฺถจิ อนฺตมโส ภิกฺขุนุปสฺสยํ อาคเตปิ โวหาริเก ทิสฺวา อตฺตโน กถํ อาโรเจนฺติยา ทุกฺกฎํฯ อิตเรน อตฺตโน กถาย อาโรจิตาย ภิกฺขุนิยา ถุลฺลจฺจยํ, ปฐมํ อิตเรน ปจฺฉา ภิกฺขุนิยา อาโรจเนปิ เอเสว นโยฯ สเจ ปน ภิกฺขุนี ตํ วทติ ‘‘มม จ ตว จ กถํ ตฺวํเยว อาโรเจหี’’ติ, โส อตฺตโน วา กถํ ปฐมํ อาโรเจตุ, ตสฺสา วา, ปฐมาโรจเน ภิกฺขุนิยา ทุกฺกฎํ, ทุติเย ถุลฺลจฺจยํ, เตน เอวํ วุตฺตาย ภิกฺขุนิยา อาโรจเนปิ เอเสว นโยฯ สเจ ปน ภิกฺขุนี อเญฺญน กถาเปติ, ตตฺราปิ เอเสว นโยฯ ยถา วา ตถา วา หิ อาโรจิยมาเน ปฐมาโรจเน ภิกฺขุนิยา ทุกฺกฎํ, ทุติเย ถุลฺลจฺจยํฯ อุภินฺนํ ปน กถํ สุตฺวา โวหาริเกหิ วินิจฺฉเย กเต อฑฺฑปริโยสานํ นาม โหติ, ตสฺมิํ อฑฺฑปริโยสาเน ภิกฺขุนิยา ชเยปิ ปราชเยปิ สงฺฆาทิเสโสฯ
Sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha ussayavādikavatthusmiṃ paññattaṃ, sāṇattikaṃ, ‘‘aḍḍaṃ karissāmī’’ti yaṃkiñci dutiyikaṃ vā sakkhiṃ vā sahāyaṃ vā pariyesantiyā pariyesane dukkaṭaṃ, yattha ṭhitāya ‘‘aḍḍaṃ kātuṃ gacchāmī’’ti cittaṃ uppajjati, tato paṭṭhāya gacchantiyā pade pade dukkaṭaṃ, yatthakatthaci antamaso bhikkhunupassayaṃ āgatepi vohārike disvā attano kathaṃ ārocentiyā dukkaṭaṃ. Itarena attano kathāya ārocitāya bhikkhuniyā thullaccayaṃ, paṭhamaṃ itarena pacchā bhikkhuniyā ārocanepi eseva nayo. Sace pana bhikkhunī taṃ vadati ‘‘mama ca tava ca kathaṃ tvaṃyeva ārocehī’’ti, so attano vā kathaṃ paṭhamaṃ ārocetu, tassā vā, paṭhamārocane bhikkhuniyā dukkaṭaṃ, dutiye thullaccayaṃ, tena evaṃ vuttāya bhikkhuniyā ārocanepi eseva nayo. Sace pana bhikkhunī aññena kathāpeti, tatrāpi eseva nayo. Yathā vā tathā vā hi ārociyamāne paṭhamārocane bhikkhuniyā dukkaṭaṃ, dutiye thullaccayaṃ. Ubhinnaṃ pana kathaṃ sutvā vohārikehi vinicchaye kate aḍḍapariyosānaṃ nāma hoti, tasmiṃ aḍḍapariyosāne bhikkhuniyā jayepi parājayepi saṅghādiseso.
ยา ปน ปจฺจตฺถิกมนุเสฺสหิ ทูตํ วา ปหิณิตฺวา, สยํ วา อาคนฺตฺวา ‘‘เอหิ, อเยฺย’’ติ อากฑฺฒิยมานา คจฺฉติ, ยา วา อุปสฺสเย อเญฺญหิ กตํ อนาจารํ อโนทิสฺส อาจิกฺขนฺตี รกฺขํ ยาจติ, ยาย จ กิญฺจิ อวุตฺตา โวหาริกา อญฺญโต สุตฺวา สยเมว อฑฺฑํ ปริโยสาเปนฺติ, ตสฺสา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อเญฺญหิ อนากฑฺฒิตาย อฑฺฑกรณํ, อฑฺฑปริโยสานนฺติ อิมาเนตฺถ เทฺว องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ ปฐมกถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยเมวาติฯ
Yā pana paccatthikamanussehi dūtaṃ vā pahiṇitvā, sayaṃ vā āgantvā ‘‘ehi, ayye’’ti ākaḍḍhiyamānā gacchati, yā vā upassaye aññehi kataṃ anācāraṃ anodissa ācikkhantī rakkhaṃ yācati, yāya ca kiñci avuttā vohārikā aññato sutvā sayameva aḍḍaṃ pariyosāpenti, tassā, ummattikādīnañca anāpatti. Aññehi anākaḍḍhitāya aḍḍakaraṇaṃ, aḍḍapariyosānanti imānettha dve aṅgāni. Samuṭṭhānādīni paṭhamakathinasadisāni, idaṃ pana kiriyamevāti.
อุสฺสยวาทิกาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ussayavādikāsikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. โจริวุฎฺฐาปิกาสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Corivuṭṭhāpikāsikkhāpadavaṇṇanā
ทุติเย ยาย ปญฺจมาสคฺฆนกโต ปฎฺฐาย ยํกิญฺจิ ปรสนฺตกํ อวหริตํ, อยํ โจรี นาม, ตํ โจริํฯ วชฺฌํ วิทิตนฺติ เตน กเมฺมน ‘‘วธารหา อย’’นฺติ เอวํ วิทิตํฯ อนปโลเกตฺวาติ อนาปุจฺฉาฯ คณนฺติ มลฺลคณภฎิปุตฺตคณาทิกํฯ ปูคนฺติ ธมฺมคณํฯ เสณินฺติ คนฺธิกเสณิทุสฺสิกเสณิอาทิกํฯ ยตฺถ ยตฺถ หิ ราชาโน คณาทีนํ คามนิคเม นิยฺยาเตนฺติ ‘‘ตุเมฺหว เอตฺถ อนุสาสถา’’ติ, ตตฺถ ตตฺถ เตเยว อิสฺสรา โหนฺติ, ตสฺมา เต สนฺธาย อิทํ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ ราชานํ วา คณาทิเก วา อปโลเกตฺวาปิ ภิกฺขุนิสโงฺฆ อปโลเกตโพฺพวฯ อญฺญตฺร กปฺปาติ ติตฺถิเยสุ วา อญฺญภิกฺขุนีสุ วา ปพฺพชิตปุพฺพา กปฺปา นาม, ตํ ฐเปตฺวา อญฺญํ อุปสมฺปาเทนฺติยา คณอาจรินี ปตฺตจีวรปริเยสเนสุ สีมาสมฺมุติยา ญตฺติยา จ ทุกฺกฎํ, ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ถุลฺลจฺจยํ, กมฺมวาจาปริโยสาเน สงฺฆาทิเสโสฯ
Dutiye yāya pañcamāsagghanakato paṭṭhāya yaṃkiñci parasantakaṃ avaharitaṃ, ayaṃ corī nāma, taṃ coriṃ. Vajjhaṃ viditanti tena kammena ‘‘vadhārahā aya’’nti evaṃ viditaṃ. Anapaloketvāti anāpucchā. Gaṇanti mallagaṇabhaṭiputtagaṇādikaṃ. Pūganti dhammagaṇaṃ. Seṇinti gandhikaseṇidussikaseṇiādikaṃ. Yattha yattha hi rājāno gaṇādīnaṃ gāmanigame niyyātenti ‘‘tumheva ettha anusāsathā’’ti, tattha tattha teyeva issarā honti, tasmā te sandhāya idaṃ vuttaṃ. Ettha ca rājānaṃ vā gaṇādike vā apaloketvāpi bhikkhunisaṅgho apaloketabbova. Aññatra kappāti titthiyesu vā aññabhikkhunīsu vā pabbajitapubbā kappā nāma, taṃ ṭhapetvā aññaṃ upasampādentiyā gaṇaācarinī pattacīvarapariyesanesu sīmāsammutiyā ñattiyā ca dukkaṭaṃ, dvīhi kammavācāhi thullaccayaṃ, kammavācāpariyosāne saṅghādiseso.
สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ โจริํ วุฎฺฐาปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, โจริยา เวมติกาย ทุกฺกฎํ, ตถา อโจริยา โจริสญฺญาย เจว เวมติกาย จฯ อโจริสญฺญาย, อชานนฺติยา, อปโลเกตฺวา วุฎฺฐาเปนฺติยา, กปฺปํ วุฎฺฐาเปนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ โจริตา, โจริสญฺญิตา, อญฺญตฺร อนุญฺญาตการณา วุฎฺฐาปนนฺติ, อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ โจริวุฎฺฐาปนสมุฎฺฐานํ, กิริยากิริยํ, สญฺญาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha coriṃ vuṭṭhāpanavatthusmiṃ paññattaṃ, coriyā vematikāya dukkaṭaṃ, tathā acoriyā corisaññāya ceva vematikāya ca. Acorisaññāya, ajānantiyā, apaloketvā vuṭṭhāpentiyā, kappaṃ vuṭṭhāpentiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Coritā, corisaññitā, aññatra anuññātakāraṇā vuṭṭhāpananti, imānettha tīṇi aṅgāni. Corivuṭṭhāpanasamuṭṭhānaṃ, kiriyākiriyaṃ, saññāvimokkhaṃ, sacittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
โจริวุฎฺฐาปิกาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Corivuṭṭhāpikāsikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๓. เอกคามนฺตรคมนสิกฺขาปทวณฺณนา
3. Ekagāmantaragamanasikkhāpadavaṇṇanā
ตติเย คามนฺตรนฺติอาทีสุ สกคามโต ตาว นิกฺขมนฺติยา อนาปตฺติ, นิกฺขมิตฺวา ปน อญฺญํ คามํ คจฺฉนฺติยา ปเท ปเท ทุกฺกฎํ, เอเกน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริเกฺขเป วา อุปจาเร วา อติกฺกเนฺต ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกนฺตมเตฺต สงฺฆาทิเสโส, ตโต นิกฺขมิตฺวา ปุน สกคามํ ปวิสนฺติยาปิ เอเสว นโยฯ สเจ ปน ขณฺฑปากาเรน วา วติจฺฉิเทฺทน วา ภิกฺขุนิวิหารภูมิํเยว สกฺกา โหติ ปวิสิตุํ, เอวํ ปวิสมานาย กปฺปิยภูมิยา ปวิฎฺฐา นาม โหติ, ตสฺมา วฎฺฎติฯ พหิคาเม ฐตฺวา ยํกิญฺจิ สกคามํ วา ปรคามํ วา อกปฺปิยภูมิํ ปทสา ปวิสนฺติยา อาปตฺตีติ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ
Tatiye gāmantarantiādīsu sakagāmato tāva nikkhamantiyā anāpatti, nikkhamitvā pana aññaṃ gāmaṃ gacchantiyā pade pade dukkaṭaṃ, ekena pādena itarassa gāmassa parikkhepe vā upacāre vā atikkante thullaccayaṃ, dutiyena atikkantamatte saṅghādiseso, tato nikkhamitvā puna sakagāmaṃ pavisantiyāpi eseva nayo. Sace pana khaṇḍapākārena vā vaticchiddena vā bhikkhunivihārabhūmiṃyeva sakkā hoti pavisituṃ, evaṃ pavisamānāya kappiyabhūmiyā paviṭṭhā nāma hoti, tasmā vaṭṭati. Bahigāme ṭhatvā yaṃkiñci sakagāmaṃ vā paragāmaṃ vā akappiyabhūmiṃ padasā pavisantiyā āpattīti ayamettha saṅkhepo.
นทิปารคมเน วุตฺตลกฺขณาย นทิยา ทุติยิกํ วินา ปรตีรํ คจฺฉนฺติยา วา อนฺตรานทิยํ ทุติยิกาย สทฺธิํ ภณฺฑิตฺวา ปุน โอริมตีรเมว ปจฺจุตฺตรนฺติยา วา ปฐมปาทํ อุทฺธริตฺวา ตีเร ฐปิตกฺขเณ ถุลฺลจฺจยํ, ทุติยปาทุทฺธาเร สงฺฆาทิเสโสฯ อิทฺธิเสตุยานนาวาหิ ปน ปรตีรํ โอตริตุํ, นหานาทิการเณน จ โอติณฺณาย โอริมตีรํ ปทสาปิ ปจฺจุตฺตริตุํ วฎฺฎติฯ
Nadipāragamane vuttalakkhaṇāya nadiyā dutiyikaṃ vinā paratīraṃ gacchantiyā vā antarānadiyaṃ dutiyikāya saddhiṃ bhaṇḍitvā puna orimatīrameva paccuttarantiyā vā paṭhamapādaṃ uddharitvā tīre ṭhapitakkhaṇe thullaccayaṃ, dutiyapāduddhāre saṅghādiseso. Iddhisetuyānanāvāhi pana paratīraṃ otarituṃ, nahānādikāraṇena ca otiṇṇāya orimatīraṃ padasāpi paccuttarituṃ vaṭṭati.
รตฺติวิปฺปวาเส ‘‘ปุเรอรุเณเยว ทุติยิกาย หตฺถปาสํ โอกฺกมิสฺสามี’’ติ อาโภคํ วินา เอกคเพฺภปิ ทุติยิกาย หตฺถปาสาติกฺกเม ฐตฺวา อรุณํ อุฎฺฐาเปนฺติยา อาปตฺติฯ
Rattivippavāse ‘‘purearuṇeyeva dutiyikāya hatthapāsaṃ okkamissāmī’’ti ābhogaṃ vinā ekagabbhepi dutiyikāya hatthapāsātikkame ṭhatvā aruṇaṃ uṭṭhāpentiyā āpatti.
เอกา วา คณมฺหาติ เอตฺถ ปน เอกา ภิกฺขุนีปิ คโณเยวฯ โอหีเยยฺยาติ อวหีเยยฺย, ทสฺสนูปจารํ วา สวนูปจารํ วา วิชเหยฺยาติ อโตฺถฯ ตสฺมา อินฺทขีลาติกฺกมโต ปฎฺฐาย พหิคาเม รุกฺขถมฺภสาณิปาการาทิอนฺตริตภาเวนาปิ ทุติยิกาย ทสฺสนูปจาเร วิชหิเต สเจปิ สวนูปจาโร อตฺถิ, อาปตฺติเยวฯ อโชฺฌกาเส ปน ทูเรปิ ทสฺสนูปจาโร โหติ, ตตฺถ มคฺคมูฬฺหสเทฺทน วิย ธมฺมสฺสวนาโรจนสเทฺทน วิย จ ‘อเยฺย’ติ สทฺทายนฺติยา สทฺทสฺสวนาติกฺกเม อาปตฺติเยวฯ สเจ ปน มคฺคํ คจฺฉนฺตี โอหียิตฺวา ‘‘อิทานิ ปาปุณิสฺสามี’’ติ สอุสฺสาหา อนุพนฺธติ, วฎฺฎติฯ
Ekā vā gaṇamhāti ettha pana ekā bhikkhunīpi gaṇoyeva. Ohīyeyyāti avahīyeyya, dassanūpacāraṃ vā savanūpacāraṃ vā vijaheyyāti attho. Tasmā indakhīlātikkamato paṭṭhāya bahigāme rukkhathambhasāṇipākārādiantaritabhāvenāpi dutiyikāya dassanūpacāre vijahite sacepi savanūpacāro atthi, āpattiyeva. Ajjhokāse pana dūrepi dassanūpacāro hoti, tattha maggamūḷhasaddena viya dhammassavanārocanasaddena viya ca ‘ayye’ti saddāyantiyā saddassavanātikkame āpattiyeva. Sace pana maggaṃ gacchantī ohīyitvā ‘‘idāni pāpuṇissāmī’’ti saussāhā anubandhati, vaṭṭati.
สาวตฺถิยํ อญฺญตรํ ภิกฺขุนิํ อารพฺภ คามนฺตรคมนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ‘‘เอกา วา นทิปาร’’นฺติอาทิกา เอตฺถ ติวิธา อนุปญฺญตฺติ, ปุเร อรุเณ สกคามโต นิกฺขมิตฺวา อรุณุคฺคมนกาเล คามนฺตรปริยาปนฺนํ นทิปารํ โอกฺกมนนฺติยา ปน จตโสฺสปิ อาปตฺติโย เอกกฺขเณเยว โหนฺติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Sāvatthiyaṃ aññataraṃ bhikkhuniṃ ārabbha gāmantaragamanavatthusmiṃ paññattaṃ, ‘‘ekā vā nadipāra’’ntiādikā ettha tividhā anupaññatti, pure aruṇe sakagāmato nikkhamitvā aruṇuggamanakāle gāmantarapariyāpannaṃ nadipāraṃ okkamanantiyā pana catassopi āpattiyo ekakkhaṇeyeva honti. Vuttampi cetaṃ –
‘‘สิกฺขาปทา พุทฺธวเรน วณฺณิตา;
‘‘Sikkhāpadā buddhavarena vaṇṇitā;
สงฺฆาทิเสสา จตุโร ภเวยฺยุํ;
Saṅghādisesā caturo bhaveyyuṃ;
อาปเชฺชยฺย เอกปโยเคน สพฺพา;
Āpajjeyya ekapayogena sabbā;
ปญฺหา เมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติฯ (ปริ. ๔๗๙);
Pañhā mesā kusalehi cintitā’’ti. (pari. 479);
เอเตนุปาเยน ติณฺณํ, ทฺวินฺนญฺจ เอกโตภาโว เวทิตโพฺพฯ ทุติยิกาย ปน ปกฺกนฺตาย วา วิพฺภนฺตาย วา กาลงฺกตาย วา ปกฺขสงฺกนฺตาย วา อาปทาสุ วา คามนฺตรคมนาทีนิ กโรนฺติยา อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อนฺตราเยน เอกโตภาโว, คามนฺตรคมนาทีสุ อญฺญตรตาปชฺชนํ, อาปทาย อภาโวติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ ปฐมปาราชิกสทิสานิ, อิทํ ปน ปณฺณตฺติวชฺชํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Etenupāyena tiṇṇaṃ, dvinnañca ekatobhāvo veditabbo. Dutiyikāya pana pakkantāya vā vibbhantāya vā kālaṅkatāya vā pakkhasaṅkantāya vā āpadāsu vā gāmantaragamanādīni karontiyā ummattikādīnañca anāpatti. Antarāyena ekatobhāvo, gāmantaragamanādīsu aññataratāpajjanaṃ, āpadāya abhāvoti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni paṭhamapārājikasadisāni, idaṃ pana paṇṇattivajjaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
เอกคามนฺตรคมนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ekagāmantaragamanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๔. อุกฺขิตฺตกโอสารณสิกฺขาปทวณฺณนา
4. Ukkhittakaosāraṇasikkhāpadavaṇṇanā
จตุเตฺถ อุกฺขิตฺตนฺติ อาปตฺติยา อทสฺสนาทีสุ อุกฺขิตฺตํฯ อนญฺญาย คณสฺส ฉนฺทนฺติ ตเสฺสว การกสงฺฆสฺส ฉนฺทํ อชานิตฺวาฯ โอสาเรยฺยาติ โอสารณกมฺมํ กเรยฺยฯ ตสฺสา เอวํ กโรนฺติยา, คณปริเยสเน สีมาสมฺมุติยา ญตฺติยา จ ทุกฺกฎํ, ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ถุลฺลจฺจยํ, กมฺมวาจาปริโยสาเน สงฺฆาทิเสโสฯ
Catutthe ukkhittanti āpattiyā adassanādīsu ukkhittaṃ. Anaññāya gaṇassachandanti tasseva kārakasaṅghassa chandaṃ ajānitvā. Osāreyyāti osāraṇakammaṃ kareyya. Tassā evaṃ karontiyā, gaṇapariyesane sīmāsammutiyā ñattiyā ca dukkaṭaṃ, dvīhi kammavācāhi thullaccayaṃ, kammavācāpariyosāne saṅghādiseso.
สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ เอวํ โอสารณวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ติกสงฺฆาทิเสสํ, อธมฺมกเมฺม ติกทุกฺกฎํ, การกสงฺฆํ วา อาปุจฺฉิตฺวา, คณสฺส วา ฉนฺทํ ชานิตฺวา, วเตฺต วา วตฺตนฺติํ, อสเนฺต การกสเงฺฆ โอสาเรนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ธมฺมกเมฺมน อุกฺขิตฺตตา, อญฺญตฺร อนุญฺญาตการณา โอสารณนฺติ อิมาเนตฺถ เทฺว องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ สงฺฆเภทสิกฺขาปเท วุตฺตนยาเนว, อิทํ ปน กิริยากิริยนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha evaṃ osāraṇavatthusmiṃ paññattaṃ, tikasaṅghādisesaṃ, adhammakamme tikadukkaṭaṃ, kārakasaṅghaṃ vā āpucchitvā, gaṇassa vā chandaṃ jānitvā, vatte vā vattantiṃ, asante kārakasaṅghe osārentiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Dhammakammena ukkhittatā, aññatra anuññātakāraṇā osāraṇanti imānettha dve aṅgāni. Samuṭṭhānādīni saṅghabhedasikkhāpade vuttanayāneva, idaṃ pana kiriyākiriyanti.
อุกฺขิตฺตกโอสารณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ukkhittakaosāraṇasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๕. โภชนปฺปฎิคฺคหณปฐมสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Bhojanappaṭiggahaṇapaṭhamasikkhāpadavaṇṇanā
ปญฺจเม อวสฺสุตาติ ฉนฺทราเคน ตินฺตาฯ อวสฺสุตสฺสาติ ตาทิสเสฺสวฯ ขาเทยฺย วา ภุเญฺชยฺย วาติ เอตฺถ ปฎิคฺคหเณ ถุลฺลจฺจยํ, อโชฺฌหาเร อโชฺฌหาเร สงฺฆาทิเสโสฯ
Pañcame avassutāti chandarāgena tintā. Avassutassāti tādisasseva. Khādeyya vā bhuñjeyya vāti ettha paṭiggahaṇe thullaccayaṃ, ajjhohāre ajjhohāre saṅghādiseso.
สาวตฺถิยํ สุนฺทรีนนฺทํ อารพฺภ อวสฺสุตาย อวสฺสุตสฺส หตฺถโต อามิสปฺปฎิคฺคหณวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เอกโตอวสฺสุเต ปฎิคฺคหเณ ทุกฺกฎํ, อโชฺฌหาเร อโชฺฌหาเร ถุลฺลจฺจยํ, ยกฺขเปตปณฺฑกติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหานํ หตฺถโต อุภโตอวสฺสุเตปิ สติ เอเสว นโยฯ ตตฺถ ปน เอกโตอวสฺสุเต สติ ทุกฺกฎํ, สพฺพตฺถ อุทกทนฺตโปนคฺคหเณปิ ปริโภเคปิ ทุกฺกฎเมวฯ อุโภสุ อนวสฺสุเตสุ, ‘‘อนวสฺสุโต’’ติ วา ญตฺวา คณฺหนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อุทกทนฺตโปนโต อญฺญํ อโชฺฌหรณียํ, อุภโตอวสฺสุตตา, สหตฺถา คหณํ, อโชฺฌหรณนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ ปฐมปาราชิกสทิสานีติฯ
Sāvatthiyaṃ sundarīnandaṃ ārabbha avassutāya avassutassa hatthato āmisappaṭiggahaṇavatthusmiṃ paññattaṃ, ekatoavassute paṭiggahaṇe dukkaṭaṃ, ajjhohāre ajjhohāre thullaccayaṃ, yakkhapetapaṇḍakatiracchānagatamanussaviggahānaṃ hatthato ubhatoavassutepi sati eseva nayo. Tattha pana ekatoavassute sati dukkaṭaṃ, sabbattha udakadantaponaggahaṇepi paribhogepi dukkaṭameva. Ubhosu anavassutesu, ‘‘anavassuto’’ti vā ñatvā gaṇhantiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Udakadantaponato aññaṃ ajjhoharaṇīyaṃ, ubhatoavassutatā, sahatthā gahaṇaṃ, ajjhoharaṇanti imānettha cattāri aṅgāni. Samuṭṭhānādīni paṭhamapārājikasadisānīti.
โภชนปฺปฎิคฺคหณปฐมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhojanappaṭiggahaṇapaṭhamasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๖. โภชนปฺปฎิคฺคหณทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา
6. Bhojanappaṭiggahaṇadutiyasikkhāpadavaṇṇanā
ฉเฎฺฐ ยโต ตฺวนฺติ ยสฺมา ตฺวํฯ อิงฺฆาติ อุโยฺยชนเตฺถ นิปาโตฯ อยมฺปีติ ยา เอวํ อุโยฺยเชติ, สา เอวํ อุโยฺยชเนน จ เตน วจเนน อิตริสฺสา ปฎิคฺคหเณน จ ทุกฺกฎานิ, อโชฺฌหารคณนาย ถุลฺลจฺจยานิ จ อาปชฺชิตฺวา โภชนปริโยสาเน สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชติฯ
Chaṭṭhe yato tvanti yasmā tvaṃ. Iṅghāti uyyojanatthe nipāto. Ayampīti yā evaṃ uyyojeti, sā evaṃ uyyojanena ca tena vacanena itarissā paṭiggahaṇena ca dukkaṭāni, ajjhohāragaṇanāya thullaccayāni ca āpajjitvā bhojanapariyosāne saṅghādisesaṃ āpajjati.
สาวตฺถิยํ อญฺญตรํ ภิกฺขุนิํ อารพฺภ เอวํ อุโยฺยชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาณตฺติกเมว, ปุริสสฺส วา ยกฺขาทีนํ วา หตฺถโต อุทกทนฺตโปนปฺปฎิคฺคหณุโยฺยชเน จ เตสํ ปริโภเค จ ทุกฺกฎํ, เอส นโย ยกฺขาทีนํ หตฺถโต อวเสสคฺคหณตฺถํ อุโยฺยชเน, เตสํ คหเณ, อโชฺฌหาเร จฯ โภชนปริโยสาเน ปน ถุลฺลจฺจยํฯ ‘‘อนวสฺสุโต’’ติ ญตฺวา วา, ‘‘กุปิตา น ปฎิคฺคณฺหตี’’ติ วา, ‘‘กุลานุทฺทยตาย น ปฎิคฺคณฺหตี’’ติ วา อุโยฺยเชนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ มนุสฺสปุริสตา, อญฺญตฺร อนุญฺญาตการณา, ‘‘ขาทนียํ โภชนียํ คเหตฺวา ภุญฺชา’’ติ อุโยฺยชนา, เตน วจเนน คเหตฺวา อิตริสฺสา โภชนปริโยสานนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานีติฯ
Sāvatthiyaṃ aññataraṃ bhikkhuniṃ ārabbha evaṃ uyyojanavatthusmiṃ paññattaṃ, sāṇattikameva, purisassa vā yakkhādīnaṃ vā hatthato udakadantaponappaṭiggahaṇuyyojane ca tesaṃ paribhoge ca dukkaṭaṃ, esa nayo yakkhādīnaṃ hatthato avasesaggahaṇatthaṃ uyyojane, tesaṃ gahaṇe, ajjhohāre ca. Bhojanapariyosāne pana thullaccayaṃ. ‘‘Anavassuto’’ti ñatvā vā, ‘‘kupitā na paṭiggaṇhatī’’ti vā, ‘‘kulānuddayatāya na paṭiggaṇhatī’’ti vā uyyojentiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Manussapurisatā, aññatra anuññātakāraṇā, ‘‘khādanīyaṃ bhojanīyaṃ gahetvā bhuñjā’’ti uyyojanā, tena vacanena gahetvā itarissā bhojanapariyosānanti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisānīti.
โภชนปฺปฎิคฺคหณทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhojanappaṭiggahaṇadutiyasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๗-๘-๙. สญฺจริตฺตาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
7-8-9. Sañcarittādisikkhāpadavaṇṇanā
สตฺตมอฎฺฐมนวมสิกฺขาปทานํ สญฺจริตฺตาทิตฺตเย วุตฺตนเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
Sattamaaṭṭhamanavamasikkhāpadānaṃ sañcarittādittaye vuttanayeneva vinicchayo veditabbo.
สญฺจริตฺตาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sañcarittādisikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๐. สิกฺขํปจฺจาจิกฺขณสิกฺขาปทวณฺณนา
10. Sikkhaṃpaccācikkhaṇasikkhāpadavaṇṇanā
ทสเม กิํนุมาว สมณิโยติ กิํนุ อิมา เอว สมณิโยฯ ตาสาหนฺติ ตาสํ อหํฯ ยาวตติยกปทโตฺถ ภิกฺขุปาติโมกฺขวณฺณนายํ (กงฺขา. อฎฺฐ. นิคมนวณฺณนา), อวเสสวินิจฺฉโย จ ตเตฺถว สงฺฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพ, อิทํ ปน สาวตฺถิยํ จณฺฑกาฬิภิกฺขุนิํ (ปาจิ. ๗๐๙) อารพฺภ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจาจิกฺขามี’’ติอาทิวจนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เอวํ วจนเมว เจตฺถ จตูสุ อเงฺคสุ ปฐมํ องฺคนฺติ อยํ วิเสโส, เสสํ ตาทิสเมวาติฯ
Dasame kiṃnumāva samaṇiyoti kiṃnu imā eva samaṇiyo. Tāsāhanti tāsaṃ ahaṃ. Yāvatatiyakapadattho bhikkhupātimokkhavaṇṇanāyaṃ (kaṅkhā. aṭṭha. nigamanavaṇṇanā), avasesavinicchayo ca tattheva saṅghabhedasikkhāpadavaṇṇanāyaṃ vuttanayeneva veditabbo, idaṃ pana sāvatthiyaṃ caṇḍakāḷibhikkhuniṃ (pāci. 709) ārabbha ‘‘buddhaṃ paccācikkhāmī’’tiādivacanavatthusmiṃ paññattaṃ, evaṃ vacanameva cettha catūsu aṅgesu paṭhamaṃ aṅganti ayaṃ viseso, sesaṃ tādisamevāti.
สิกฺขํปจฺจาจิกฺขณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sikkhaṃpaccācikkhaṇasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๑. อธิกรณกุปิตสิกฺขาปทวณฺณนา
11. Adhikaraṇakupitasikkhāpadavaṇṇanā
เอกาทสเม กิสฺมิญฺจิเทว อธิกรเณติ จตุนฺนํ อญฺญตรสฺมิํฯ ปจฺจากตาติ ปราชิตาฯ อิทมฺปิ สาวตฺถิยํ จณฺฑกาฬิํ อารพฺภ ‘‘ฉนฺทคามินิโย จ ภิกฺขุนิโย’’ติอาทิวจนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เสสํ ทสเม วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติฯ
Ekādasame kismiñcideva adhikaraṇeti catunnaṃ aññatarasmiṃ. Paccākatāti parājitā. Idampi sāvatthiyaṃ caṇḍakāḷiṃ ārabbha ‘‘chandagāminiyo ca bhikkhuniyo’’tiādivacanavatthusmiṃ paññattaṃ, sesaṃ dasame vuttanayeneva veditabbanti.
อธิกรณกุปิตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Adhikaraṇakupitasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๒. ปาปสมาจารปฐมสิกฺขาปทวณฺณนา
12. Pāpasamācārapaṭhamasikkhāpadavaṇṇanā
ทฺวาทสเม สํสฎฺฐาติ ปพฺพชิตานํ อนนุโลเมน คิหีนํ โกฎฺฎนปจนสาสนหรณาทินา กายิกวาจสิเกน มิสฺสีภูตาฯ ปาโป กายิกวาจสิโก อาจาโร เอตาสนฺติ ปาปาจาราฯ ปาโป กิตฺติสโทฺท เอตาสนฺติ ปาปสทฺทาฯ ปาโป อาชีวสงฺขาโต สิโลโก เอตาสนฺติ ปาปสิโลกา ฯ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส วิเหสิกาติ อญฺญมญฺญิสฺสา กเมฺม กริยมาเน ปฎิโกฺกสเนน วิเหสิกาฯ วชฺชปฺปฎิจฺฉาทิกาติ ขุทฺทานุขุทฺทกสฺส วชฺชสฺส ปฎิจฺฉาทิกาฯ
Dvādasame saṃsaṭṭhāti pabbajitānaṃ ananulomena gihīnaṃ koṭṭanapacanasāsanaharaṇādinā kāyikavācasikena missībhūtā. Pāpo kāyikavācasiko ācāro etāsanti pāpācārā. Pāpo kittisaddo etāsanti pāpasaddā. Pāpo ājīvasaṅkhāto siloko etāsanti pāpasilokā. Bhikkhunisaṅghassa vihesikāti aññamaññissā kamme kariyamāne paṭikkosanena vihesikā. Vajjappaṭicchādikāti khuddānukhuddakassa vajjassa paṭicchādikā.
สาวตฺถิยํ สมฺพหุลา ภิกฺขุนิโย อารพฺภ สํสฎฺฐวิหารวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เสสเมตฺถาปิ ทสเม วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ, สมนุภาสนกมฺมกาเล ปน เทฺวติโสฺส เอกโต สมนุภาสิตพฺพาติฯ
Sāvatthiyaṃ sambahulā bhikkhuniyo ārabbha saṃsaṭṭhavihāravatthusmiṃ paññattaṃ, sesametthāpi dasame vuttanayeneva veditabbaṃ, samanubhāsanakammakāle pana dvetisso ekato samanubhāsitabbāti.
ปาปสมาจารปฐมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pāpasamācārapaṭhamasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๓. ปาปสมาจารทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา
13. Pāpasamācāradutiyasikkhāpadavaṇṇanā
เตรสเม เอวํ วเทยฺยาติ ตา สมนุภฎฺฐา ภิกฺขุนิโย เอวํ วเทยฺยฯ เอวาจาราติ เอวํอาจารา, ยาทิโส ตุมฺหากํ อาจาโร, ตาทิโส อาจาโรติ อโตฺถ, เอส นโย สพฺพตฺถฯ อุญฺญายาติ อวญฺญาย นีจํ กตฺวา ชานนายฯ ปริภเวนาติ ‘‘กิํ อิมา กริสฺสนฺตี’’ติ เอวํ ปริภวิตฺวา ชานเนนฯ อกฺขนฺติยาติ อสหนตาย, โกเธนาติ อโตฺถฯ เวภสฺสิยาติ พลวนฺตสฺส ภาเวน, อตฺตโน พลปฺปกาสเนน สมุตฺราเสนาติ อโตฺถฯ ทุพฺพลฺยาติ ตุมฺหากํ ทุพฺพลภาเวน, สพฺพตฺถ อุญฺญาย จ ปริภเวน จาติ เอวํ สมุจฺจยโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ วิวิจฺจถาติ นานา โหถ, อนนุโลมิกํ กายิกวาจสิกสํสคฺคํ ปชหถาติ อโตฺถฯ
Terasame evaṃ vadeyyāti tā samanubhaṭṭhā bhikkhuniyo evaṃ vadeyya. Evācārāti evaṃācārā, yādiso tumhākaṃ ācāro, tādiso ācāroti attho, esa nayo sabbattha. Uññāyāti avaññāya nīcaṃ katvā jānanāya. Paribhavenāti ‘‘kiṃ imā karissantī’’ti evaṃ paribhavitvā jānanena. Akkhantiyāti asahanatāya, kodhenāti attho. Vebhassiyāti balavantassa bhāvena, attano balappakāsanena samutrāsenāti attho. Dubbalyāti tumhākaṃ dubbalabhāvena, sabbattha uññāya ca paribhavena cāti evaṃ samuccayattho daṭṭhabbo. Viviccathāti nānā hotha, ananulomikaṃ kāyikavācasikasaṃsaggaṃ pajahathāti attho.
สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ ‘‘สํสฎฺฐาว, อเยฺย, ตุเมฺห วิหรถ, มา ตุเมฺห นานา วิหริตฺถา’’ติ อุโยฺยชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เสสเมตฺถาปิ ทสเม วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha ‘‘saṃsaṭṭhāva, ayye, tumhe viharatha, mā tumhe nānā viharitthā’’ti uyyojanavatthusmiṃ paññattaṃ, sesametthāpi dasame vuttanayeneva veditabbanti.
ปาปสมาจารทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pāpasamācāradutiyasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๔. สงฺฆเภทกาทิสิกฺขาปทวณฺณนา
14. Saṅghabhedakādisikkhāpadavaṇṇanā
สงฺฆเภทาทีสุ จตูสุ วุตฺตนเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ เกวลญฺหิ ภิกฺขุนี สงฺฆํ น ภินฺทติ, เภทาย ปน ปรกฺกมติ เจว อนุวตฺตติ จฯ อุทฺทิฎฺฐา โข อยฺยาโย สตฺตรส สงฺฆาทิเสสา ธมฺมาติ ภิกฺขู อารพฺภ ปญฺญตฺตา สาธารณา สตฺต, อสาธารณา ทสาติ เอวํ สตฺตรสฯ อุภโตสเงฺฆ ปกฺขมานตฺตํ จริตพฺพนฺติ ภิกฺขุนิยา หิ อาปตฺติํ ฉาเทนฺติยาปิ ปริวาโส นาม นตฺถิ, ฉาทนปจฺจยาปิ น ทุกฺกฎํ อาปชฺชติ, ตสฺมา ฉาเทตฺวาปิ อฉาเทตฺวาปิ เอกํ ปกฺขมานตฺตเมว จริตพฺพํฯ ตํ ภิกฺขุนีหิ อตฺตโน สีมํ โสเธตฺวา วิหารสีมาย วา, โสเธตุํ อสโกฺกนฺตีหิ ขณฺฑสีมาย วา สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทน จตุวคฺคํ คณํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ทาตพฺพํฯ สเจ เอกา อาปตฺติ โหติ, เอกิสฺสา วเสน, สเจ เทฺว วา ติโสฺส วา สมฺพหุลา วา เอกวตฺถุกา วา นานาวตฺถุกา วา, ตาสํ ตาสํ วเสน ภิกฺขุปาติโมกฺขวณฺณนายํ วุตฺตวตฺถุโคตฺตนามอาปตฺติเภเทสุ ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ อาทาย โยชนา กาตพฺพาฯ
Saṅghabhedādīsu catūsu vuttanayeneva vinicchayo veditabbo. Kevalañhi bhikkhunī saṅghaṃ na bhindati, bhedāya pana parakkamati ceva anuvattati ca. Uddiṭṭhā kho ayyāyo sattarasa saṅghādisesā dhammāti bhikkhū ārabbha paññattā sādhāraṇā satta, asādhāraṇā dasāti evaṃ sattarasa. Ubhatosaṅghe pakkhamānattaṃ caritabbanti bhikkhuniyā hi āpattiṃ chādentiyāpi parivāso nāma natthi, chādanapaccayāpi na dukkaṭaṃ āpajjati, tasmā chādetvāpi achādetvāpi ekaṃ pakkhamānattameva caritabbaṃ. Taṃ bhikkhunīhi attano sīmaṃ sodhetvā vihārasīmāya vā, sodhetuṃ asakkontīhi khaṇḍasīmāya vā sabbantimena paricchedena catuvaggaṃ gaṇaṃ sannipātāpetvā dātabbaṃ. Sace ekā āpatti hoti, ekissā vasena, sace dve vā tisso vā sambahulā vā ekavatthukā vā nānāvatthukā vā, tāsaṃ tāsaṃ vasena bhikkhupātimokkhavaṇṇanāyaṃ vuttavatthugottanāmaāpattibhedesu yaṃ yaṃ icchati, taṃ taṃ ādāya yojanā kātabbā.
ตตฺริทํ ปฐมาปตฺติวเสน มุขมตฺตนิทสฺสนํ – ตาย อาปนฺนาย ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุนิสงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วุฑฺฒานํ ภิกฺขุนีนํ ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺสวจนีโย ‘‘อหํ, อเยฺย, เอกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิํ อุสฺสยวาทํ, สาหํ, อเยฺย, สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา อุสฺสยวาทาย ปกฺขมานตฺตํ ยาจามี’’ติ, เอวํ ติกฺขตฺตุํ ยาจาเปตฺวา พฺยตฺตาย ภิกฺขุนิยา ปฎิพลาย สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –
Tatridaṃ paṭhamāpattivasena mukhamattanidassanaṃ – tāya āpannāya bhikkhuniyā bhikkhunisaṅghaṃ upasaṅkamitvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā vuḍḍhānaṃ bhikkhunīnaṃ pāde vanditvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā evamassavacanīyo ‘‘ahaṃ, ayye, ekaṃ āpattiṃ āpajjiṃ ussayavādaṃ, sāhaṃ, ayye, saṅghaṃ ekissā āpattiyā ussayavādāya pakkhamānattaṃ yācāmī’’ti, evaṃ tikkhattuṃ yācāpetvā byattāya bhikkhuniyā paṭibalāya saṅgho ñāpetabbo –
‘‘สุณาตุ เม, อเยฺย, สโงฺฆ, อยํ อิตฺถนฺนามา ภิกฺขุนี เอกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิํ อุสฺสยวาทํ, สา สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา อุสฺสยวาทาย ปกฺขมานตฺตํ ยาจติ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อิตฺถนฺนามาย ภิกฺขุนิยา เอกิสฺสา อาปตฺติยา อุสฺสยวาทาย ปกฺขมานตฺตํ ทเทยฺย, เอสา ญตฺติฯ
‘‘Suṇātu me, ayye, saṅgho, ayaṃ itthannāmā bhikkhunī ekaṃ āpattiṃ āpajjiṃ ussayavādaṃ, sā saṅghaṃ ekissā āpattiyā ussayavādāya pakkhamānattaṃ yācati, yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho itthannāmāya bhikkhuniyā ekissā āpattiyā ussayavādāya pakkhamānattaṃ dadeyya, esā ñatti.
‘‘สุณาตุ เม, อเยฺย, สโงฺฆ, อยํ อิตฺถนฺนามา ภิกฺขุนี…เป.… ทุติยมฺปิ…เป.… ตติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ, สุณาตุ เม, อเยฺย, สโงฺฆ…เป.… สา ภาเสยฺยฯ ทินฺนํ สเงฺฆน อิตฺถนฺนามาย ภิกฺขุนิยา เอกิสฺสา อาปตฺติยา อุสฺสยวาทาย ปกฺขมานตฺตํฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ
‘‘Suṇātu me, ayye, saṅgho, ayaṃ itthannāmā bhikkhunī…pe… dutiyampi…pe… tatiyampi etamatthaṃ vadāmi, suṇātu me, ayye, saṅgho…pe… sā bhāseyya. Dinnaṃ saṅghena itthannāmāya bhikkhuniyā ekissā āpattiyā ussayavādāya pakkhamānattaṃ. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.
กมฺมวาจาปริโยสาเน ‘‘วตฺตํ สมาทิยามิ, มานตฺตํ สมาทิยามี’’ติ สมาทิยิตฺวา สงฺฆสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิตฺตวเตฺตน ตาว วสิตุกามาย ตเตฺถว สงฺฆมเชฺฌ วา ปกฺกนฺตาสุ ภิกฺขุนีสุ เอกภิกฺขุนิยา วา ทุติยิกาย วา สนฺติเก ‘‘วตฺตํ นิกฺขิปามิ, มานตฺตํ นิกฺขิปามี’’ติ นิกฺขิปิตพฺพํฯ อญฺญิสฺสา ปน อาคนฺตุกาย สนฺติเก อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ, นิกฺขิตฺตกาลโต ปฎฺฐาย ปกตตฺตฎฺฐาเน ติฎฺฐติ, ตโต ปุเรอรุเณเยว จตูหิ ภิกฺขุนีหิ ตํ ภิกฺขุนิํ คเหตฺวา คามูปจารโต จ ภิกฺขูนํ วิหารูปจารโต จ เทฺว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา มหามคฺคา โอกฺกมฺม คุมฺพวติอาทีหิ ปฎิจฺฉเนฺน โอกาเส นิสีทิตพฺพํฯ จตูหิ ภิกฺขูหิปิ ตตฺถ คนฺตพฺพํ, คนฺตฺวา ภิกฺขุนีนํ อวิทูเร วิสุํ นิสีทิตพฺพํฯ อถ ตาย ภิกฺขุนิยา วุตฺตนเยเนว วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส ตาว เอวํ อาโรเจตพฺพํ –
Kammavācāpariyosāne ‘‘vattaṃ samādiyāmi, mānattaṃ samādiyāmī’’ti samādiyitvā saṅghassa ārocetvā nikkhittavattena tāva vasitukāmāya tattheva saṅghamajjhe vā pakkantāsu bhikkhunīsu ekabhikkhuniyā vā dutiyikāya vā santike ‘‘vattaṃ nikkhipāmi, mānattaṃ nikkhipāmī’’ti nikkhipitabbaṃ. Aññissā pana āgantukāya santike ārocetvā nikkhipitabbaṃ, nikkhittakālato paṭṭhāya pakatattaṭṭhāne tiṭṭhati, tato purearuṇeyeva catūhi bhikkhunīhi taṃ bhikkhuniṃ gahetvā gāmūpacārato ca bhikkhūnaṃ vihārūpacārato ca dve leḍḍupāte atikkamitvā mahāmaggā okkamma gumbavatiādīhi paṭicchanne okāse nisīditabbaṃ. Catūhi bhikkhūhipi tattha gantabbaṃ, gantvā bhikkhunīnaṃ avidūre visuṃ nisīditabbaṃ. Atha tāya bhikkhuniyā vuttanayeneva vattaṃ samādiyitvā bhikkhunisaṅghassa tāva evaṃ ārocetabbaṃ –
‘‘อหํ, อเยฺย, เอกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิํ อุสฺสยวาทํ, สาหํ สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา อุสฺสยวาทาย ปกฺขมานตฺตํ ยาจิํ, ตสฺสา เม สโงฺฆ เอกิสฺสา อาปตฺติยา อุสฺสยวาทาย ปกฺขมานตฺตํ อทาสิ, สาหํ มานตฺตํ จรามิ, เวทยามหํ, อเยฺย, ‘เวทยตี’ติ มํ สโงฺฆ ธาเรตู’’ติฯ
‘‘Ahaṃ, ayye, ekaṃ āpattiṃ āpajjiṃ ussayavādaṃ, sāhaṃ saṅghaṃ ekissā āpattiyā ussayavādāya pakkhamānattaṃ yāciṃ, tassā me saṅgho ekissā āpattiyā ussayavādāya pakkhamānattaṃ adāsi, sāhaṃ mānattaṃ carāmi, vedayāmahaṃ, ayye, ‘vedayatī’ti maṃ saṅgho dhāretū’’ti.
ตโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวํ อาโรเจตพฺพํ ‘‘อหํ, อยฺยา, เอกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิํ…เป.… เวทยามหํ, อยฺยา, ‘เวทยตี’ติ มํ สโงฺฆ ธาเรตู’’ติฯ อาโรเจตฺวา ภิกฺขุนิสงฺฆเสฺสว สนฺติเก นิสีทิตพฺพํ, ตโต ปฎฺฐาย ภิกฺขูสุ วา, ทุติยิกํ ฐเปตฺวา ภิกฺขุนีสุ วา ปกฺกนฺตาสุปิ อุภโตสเงฺฆ มานตฺตํ จิณฺณเมว โหติฯ ยาว อรุณํ น อุฎฺฐหติ, ตาว ยํ ปฐมํ ปสฺสติ ภิกฺขุํ วา ภิกฺขุนิํ วา, ตสฺสา อาโรเจตพฺพํฯ อุฎฺฐิเต อรุเณ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อุปสฺสยํ คนฺตพฺพํ, เอวํ ปญฺจทส อรุณา คเหตพฺพาฯ
Tato bhikkhusaṅghassa santikaṃ gantvā evaṃ ārocetabbaṃ ‘‘ahaṃ, ayyā, ekaṃ āpattiṃ āpajjiṃ…pe… vedayāmahaṃ, ayyā, ‘vedayatī’ti maṃ saṅgho dhāretū’’ti. Ārocetvā bhikkhunisaṅghasseva santike nisīditabbaṃ, tato paṭṭhāya bhikkhūsu vā, dutiyikaṃ ṭhapetvā bhikkhunīsu vā pakkantāsupi ubhatosaṅghe mānattaṃ ciṇṇameva hoti. Yāva aruṇaṃ na uṭṭhahati, tāva yaṃ paṭhamaṃ passati bhikkhuṃ vā bhikkhuniṃ vā, tassā ārocetabbaṃ. Uṭṭhite aruṇe vattaṃ nikkhipitvā upassayaṃ gantabbaṃ, evaṃ pañcadasa aruṇā gahetabbā.
อนิกฺขิตฺตวตฺตาย ปน อาคนฺตุเกสุ อสติ จตุนฺนํ ภิกฺขูนญฺจ ภิกฺขุนีนญฺจ เทวสิกํ อาโรเจตฺวา, อาคนฺตุเกสุ สติ สเพฺพสมฺปิ อาคนฺตุกานํ อาโรเจนฺติยา ปญฺจทส ทิวสานิ ปาริวาสิกกฺขนฺธเก (จูฬว. ๗๕ อาทโย) วุตฺตนเยเนว สมฺมา วตฺติตพฺพนฺติ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกายํ (จูฬว. อฎฺฐ. ๗๕ อาทโย) วุโตฺต, จิณฺณมานตฺตาย ภิกฺขุนิยาติ ยทา เอวํ จิณฺณมานตฺตา ภิกฺขุนี โหติ, อถสฺสา ยตฺถ สิยา วีสติคโณ ภิกฺขุนิสโงฺฆติ วุตฺตนเยเนว อพฺภานกมฺมํ กาตพฺพํ, เสสํ อุตฺตานเมวาติฯ
Anikkhittavattāya pana āgantukesu asati catunnaṃ bhikkhūnañca bhikkhunīnañca devasikaṃ ārocetvā, āgantukesu sati sabbesampi āgantukānaṃ ārocentiyā pañcadasa divasāni pārivāsikakkhandhake (cūḷava. 75 ādayo) vuttanayeneva sammā vattitabbanti ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana samantapāsādikāyaṃ (cūḷava. aṭṭha. 75 ādayo) vutto, ciṇṇamānattāya bhikkhuniyāti yadā evaṃ ciṇṇamānattā bhikkhunī hoti, athassā yattha siyā vīsatigaṇo bhikkhunisaṅghoti vuttanayeneva abbhānakammaṃ kātabbaṃ, sesaṃ uttānamevāti.
กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
Kaṅkhāvitaraṇiyā pātimokkhavaṇṇanāya
ภิกฺขุนิปาติโมเกฺข
Bhikkhunipātimokkhe
สงฺฆาทิเสสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saṅghādisesavaṇṇanā niṭṭhitā.