Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā |
สงฺฆาทิเสสกถาวณฺณนา
Saṅghādisesakathāvaṇṇanā
๒๐๑๑. เอวํ ภิกฺขุนิวิภเงฺค อาคตํ ปาราชิกวินิจฺฉยํ วตฺวา อิทานิ ตทนนฺตรุทฺทิฎฺฐํ สงฺฆาทิเสสวินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี’’ติอาทิฯ อุสฺสยวาทาติ โกธุสฺสยมานุสฺสยวเสน วิวทมานาฯ ตโตเยว อฎฺฎํ กโรติ สีเลนาติ อฎฺฎการีฯ เอตฺถ จ ‘‘อโฎฺฎ’’ติ โวหาริกวินิจฺฉโย วุจฺจติ, ยํ ปพฺพชิตา ‘‘อธิกรณ’’นฺติปิ วทนฺติฯ สพฺพตฺถ วตฺตเพฺพ มุขมสฺสา อตฺถีติ มุขรี, พหุภาณีติ อโตฺถฯ เยน เกนจิ นเรน สทฺธินฺติ ‘‘คหปตินา วา คหปติปุเตฺตน วา’’ติอาทินา (ปาจิ. ๖๗๙) ทสฺสิเตน เยน เกนจิ มนุเสฺสน สทฺธิํฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สาสเนฯ กิราติ ปทปูรเณ, อนุสฺสวเน วาฯ
2011. Evaṃ bhikkhunivibhaṅge āgataṃ pārājikavinicchayaṃ vatvā idāni tadanantaruddiṭṭhaṃ saṅghādisesavinicchayaṃ dassetumāha ‘‘yā pana bhikkhunī’’tiādi. Ussayavādāti kodhussayamānussayavasena vivadamānā. Tatoyeva aṭṭaṃ karoti sīlenāti aṭṭakārī. Ettha ca ‘‘aṭṭo’’ti vohārikavinicchayo vuccati, yaṃ pabbajitā ‘‘adhikaraṇa’’ntipi vadanti. Sabbattha vattabbe mukhamassā atthīti mukharī, bahubhāṇīti attho. Yena kenaci narena saddhinti ‘‘gahapatinā vā gahapatiputtena vā’’tiādinā (pāci. 679) dassitena yena kenaci manussena saddhiṃ. Idhāti imasmiṃ sāsane. Kirāti padapūraṇe, anussavane vā.
๒๐๑๒. สกฺขิํ วาติ ปจฺจกฺขโต ชานนกํ วาฯ อฎฺฎํ กาตุํ คจฺฉนฺติยา ปเท ปเท ตถา ทุกฺกฎนฺติ โยชนาฯ
2012.Sakkhiṃvāti paccakkhato jānanakaṃ vā. Aṭṭaṃ kātuṃ gacchantiyā pade pade tathā dukkaṭanti yojanā.
๒๐๑๓. โวหาริเกติ วินิจฺฉยามเจฺจฯ
2013.Vohāriketi vinicchayāmacce.
๒๐๑๔. อนนฺตรนฺติ ตสฺส วจนานนฺตรํฯ
2014.Anantaranti tassa vacanānantaraṃ.
๒๐๑๕. อิตโรติ อฎฺฎการโกฯ ปุพฺพสทิโสว วินิจฺฉโยติ ปฐมาโรจเน ทุกฺกฎํ, ทุติยาโรจเน ถุลฺลจฺจยนฺติ วุตฺตํ โหติฯ
2015.Itaroti aṭṭakārako. Pubbasadisova vinicchayoti paṭhamārocane dukkaṭaṃ, dutiyārocane thullaccayanti vuttaṃ hoti.
๒๐๑๖. ‘‘ตว, มมาปิ จ กถํ ตุวเมว อาโรเจหี’’ติ อิตเรน วุตฺตา ภิกฺขุนีติ โยชนาฯ ยถากามนฺติ ตสฺสา จ อตฺตโน จ วจเน ยํ ปฐมํ วตฺตุมิจฺฉติ, ตํ อิจฺฉานุรูปํ อาโรเจตุฯ
2016. ‘‘Tava, mamāpi ca kathaṃ tuvameva ārocehī’’ti itarena vuttā bhikkhunīti yojanā. Yathākāmanti tassā ca attano ca vacane yaṃ paṭhamaṃ vattumicchati, taṃ icchānurūpaṃ ārocetu.
๒๐๑๘-๙. อุภินฺนมฺปิ ยถา ตถา อาโรจิตกถํ สุตฺวาติ โยชนาฯ ยถา ตถาติ ปุเพฺพ วุตฺตนเยน เกนจิ ปกาเรนฯ เตหีติ โวหาริเกหิฯ อเฎฺฎ ปน จ นิฎฺฐิเตติ อฎฺฎการเกสุ เอกสฺมิํ ปเกฺข ปราชิเตฯ ยถาห ‘‘ปราชิเต อฎฺฎการเก อฎฺฎปริโยสานํ นาม โหตี’’ติฯ อฎฺฎสฺส ปริโยสาเนติ เอตฺถ ‘‘ตสฺสา’’ติ เสโสฯ ตสฺส อฎฺฎสฺส ปริโยสาเนติ โยชนาฯ
2018-9. Ubhinnampi yathā tathā ārocitakathaṃ sutvāti yojanā. Yathā tathāti pubbe vuttanayena kenaci pakārena. Tehīti vohārikehi. Aṭṭe pana ca niṭṭhiteti aṭṭakārakesu ekasmiṃ pakkhe parājite. Yathāha ‘‘parājite aṭṭakārake aṭṭapariyosānaṃ nāma hotī’’ti. Aṭṭassa pariyosāneti ettha ‘‘tassā’’ti seso. Tassa aṭṭassa pariyosāneti yojanā.
๒๐๒๐-๒๓. อนาปตฺติวิสยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ทูตํ วาปี’’ติอาทิฯ ปจฺจตฺถิกมนุเสฺสหิ ทูตํ วาปิ ปหิณิตฺวา สยมฺปิ วา อาคนฺตฺวา ยา ปน อากฑฺฒียตีติ โยชนาฯ อเญฺญหีติ คามทารกาทีหิ อเญฺญหิฯ กิญฺจิ ปรํ อโนทิสฺสาติ โยชนาฯ อิมิสฺสา โอทิสฺส วุเตฺต เตหิ คหิตทเณฺฑ ตสฺสา จ คีวาติ สูจิตํ โหติฯ ยา รกฺขํ ยาจติ , ตตฺถ ตสฺมิํ รกฺขายาจเน ตสฺสา อนาปตฺติ ปกาสิตาติ โยชนาฯ อญฺญโต สุตฺวาติ โยชนาฯ อุมฺมตฺติกาทีนนฺติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน อาทิกมฺมิกา คหิตาฯ
2020-23. Anāpattivisayaṃ dassetumāha ‘‘dūtaṃ vāpī’’tiādi. Paccatthikamanussehi dūtaṃ vāpi pahiṇitvā sayampi vā āgantvā yā pana ākaḍḍhīyatīti yojanā. Aññehīti gāmadārakādīhi aññehi. Kiñci paraṃ anodissāti yojanā. Imissā odissa vutte tehi gahitadaṇḍe tassā ca gīvāti sūcitaṃ hoti. Yā rakkhaṃ yācati , tattha tasmiṃ rakkhāyācane tassā anāpatti pakāsitāti yojanā. Aññato sutvāti yojanā. Ummattikādīnanti ettha ādi-saddena ādikammikā gahitā.
สมุฎฺฐานํ กถิเนน ตุลฺยนฺติ โยชนาฯ เสสํ ทเสฺสตุมาห ‘‘สกิริยํ อิท’’นฺติฯ อิทํ สิกฺขาปทํฯ กิริยาย สห วตฺตตีติ สกิริยํ อฎฺฎกรเณน อาปชฺชนโตฯ ‘‘สมุฎฺฐาน’’นฺติ อิมินา จ สมุฎฺฐานาทิวินิจฺฉโย อุปลกฺขิโตติ ทฎฺฐโพฺพฯ
Samuṭṭhānaṃ kathinena tulyanti yojanā. Sesaṃ dassetumāha ‘‘sakiriyaṃ ida’’nti. Idaṃ sikkhāpadaṃ. Kiriyāya saha vattatīti sakiriyaṃ aṭṭakaraṇena āpajjanato. ‘‘Samuṭṭhāna’’nti iminā ca samuṭṭhānādivinicchayo upalakkhitoti daṭṭhabbo.
อฎฺฎการิกากถาวณฺณนาฯ
Aṭṭakārikākathāvaṇṇanā.
๒๐๒๔-๕. ชานนฺตีติ ‘‘สามํ วา ชานาติ, อเญฺญ วา ตสฺสา อาโรเจนฺตี’’ติ (ปาจิ. ๖๘๔) วุตฺตนเยน ชานนฺตีฯ โจรินฺติ ยาย ปญฺจมาสคฺฆนกโต ปฎฺฐาย ยํ กิญฺจิ ปรสนฺตกํ อวหริตํ, อยํ โจรี นามฯ วชฺฌํ วิทิตนฺติ ‘‘เตน กเมฺมน วธารหา อย’’นฺติ เอวํ วิทิตํฯ สงฺฆนฺติ ภิกฺขุนิสงฺฆํฯ อนปโลเกตฺวาติ อนาปุจฺฉาฯ ราชานํ วาติ รญฺญา อนุสาสิตพฺพฎฺฐาเน ตํ ราชานํ วาฯ ยถาห ‘‘ราชา นาม ยตฺถ ราชา อนุสาสติ, ราชา อปโลเกตโพฺพ’’ติฯ คณเมว วาติ ‘‘ตุเมฺหว ตตฺถ อนุสาสถา’’ติ ราชูหิ ทินฺนํ คามนิคมมลฺลคณาทิกํ คณํ วาฯ มลฺลคณํ นาม ปานียฎฺฐปนโปกฺขรณิขณนาทิปุญฺญกมฺมนิยุโตฺต ชนสมูโหฯ เอเตเนว เอวเมว ทินฺนคามวรา ปูคา จ เสนิโย จ สงฺคหิตาฯ วุฎฺฐาเปยฺยาติ อุปสมฺปาเทยฺยฯ กปฺปนฺติ จ วกฺขมานลกฺขณํ กปฺปํฯ สา โจริวุฎฺฐาปนนฺติ สมฺพโนฺธฯ อุปชฺฌายา หุตฺวา ยา โจริํ อุปสมฺปาเทติ, สา ภิกฺขุนีติ อโตฺถฯ อุปชฺฌายสฺส ภิกฺขุสฺส ทุกฺกฎํฯ
2024-5.Jānantīti ‘‘sāmaṃ vā jānāti, aññe vā tassā ārocentī’’ti (pāci. 684) vuttanayena jānantī. Corinti yāya pañcamāsagghanakato paṭṭhāya yaṃ kiñci parasantakaṃ avaharitaṃ, ayaṃ corī nāma. Vajjhaṃ viditanti ‘‘tena kammena vadhārahā aya’’nti evaṃ viditaṃ. Saṅghanti bhikkhunisaṅghaṃ. Anapaloketvāti anāpucchā. Rājānaṃ vāti raññā anusāsitabbaṭṭhāne taṃ rājānaṃ vā. Yathāha ‘‘rājā nāma yattha rājā anusāsati, rājā apaloketabbo’’ti. Gaṇameva vāti ‘‘tumheva tattha anusāsathā’’ti rājūhi dinnaṃ gāmanigamamallagaṇādikaṃ gaṇaṃ vā. Mallagaṇaṃ nāma pānīyaṭṭhapanapokkharaṇikhaṇanādipuññakammaniyutto janasamūho. Eteneva evameva dinnagāmavarā pūgā ca seniyo ca saṅgahitā. Vuṭṭhāpeyyāti upasampādeyya. Kappanti ca vakkhamānalakkhaṇaṃ kappaṃ. Sā corivuṭṭhāpananti sambandho. Upajjhāyā hutvā yā coriṃ upasampādeti, sā bhikkhunīti attho. Upajjhāyassa bhikkhussa dukkaṭaṃ.
๒๐๒๖. ปญฺจมาสคฺฆนนฺติ เอตฺถ ปญฺจมาสญฺจ ปญฺจมาสคฺฆนกญฺจ ปญฺจมาสคฺฆนนฺติ เอกเทสสรูเปกเสสนเยน ปญฺจมาสสฺสาปิ คหณํฯ อติเรกคฺฆนํ วาปีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ
2026.Pañcamāsagghananti ettha pañcamāsañca pañcamāsagghanakañca pañcamāsagghananti ekadesasarūpekasesanayena pañcamāsassāpi gahaṇaṃ. Atirekagghanaṃ vāpīti etthāpi eseva nayo.
๒๐๒๗. ปพฺพชิตํ ปุพฺพํ ยาย สา ปพฺพชิตปุพฺพาฯ วุตฺตปฺปการํ โจรกมฺมํ กตฺวาปิ ติตฺถายตนาทีสุ ยา ปฐมํ ปพฺพชิตาติ อโตฺถฯ
2027. Pabbajitaṃ pubbaṃ yāya sā pabbajitapubbā. Vuttappakāraṃ corakammaṃ katvāpi titthāyatanādīsu yā paṭhamaṃ pabbajitāti attho.
๒๐๒๘-๓๐. อิทานิ ปุพฺพปโยคทุกฺกฎาทิอาปตฺติวิภาคํ ทเสฺสตุมาห ‘‘วุฎฺฐาเปติ จ ยา โจริ’’นฺติอาทิฯ อิธ ‘‘อุปชฺฌายา หุตฺวา’’ติ เสโสฯ อิทํ กปฺปํ ฐเปตฺวาติ โยชนาฯ สีมํ สมฺมนฺนติ จาติ อภินวํ สีมํ สมฺมนฺนติ, พนฺธตีติ วุตฺตํ โหติฯ อสฺสาติ ภเวยฺยฯ ‘‘ทุกฺกฎ’’นฺติ อิมินา จ ‘‘ถุลฺลจฺจยํ ทฺวย’’นฺติ อิมินา จ โยเชตพฺพํฯ
2028-30. Idāni pubbapayogadukkaṭādiāpattivibhāgaṃ dassetumāha ‘‘vuṭṭhāpeti ca yā cori’’ntiādi. Idha ‘‘upajjhāyā hutvā’’ti seso. Idaṃ kappaṃ ṭhapetvāti yojanā. Sīmaṃ sammannati cāti abhinavaṃ sīmaṃ sammannati, bandhatīti vuttaṃ hoti. Assāti bhaveyya. ‘‘Dukkaṭa’’nti iminā ca ‘‘thullaccayaṃ dvaya’’nti iminā ca yojetabbaṃ.
กมฺมเนฺตติ อุปสมฺปทกมฺมสฺส ปริโยสาเน, ตติยาย กมฺมวาจาย ยฺยการปฺปตฺตายาติ วุตฺตํ โหติฯ
Kammanteti upasampadakammassa pariyosāne, tatiyāya kammavācāya yyakārappattāyāti vuttaṃ hoti.
๒๐๓๑. อชานนฺตีติ โจริํ อชานนฺตีฯ (อิทํ สิกฺขาปทํฯ)
2031.Ajānantīti coriṃ ajānantī. (Idaṃ sikkhāpadaṃ.)
๒๐๓๒. โจริวุฎฺฐาปนํ นามาติ อิทํ สิกฺขาปทํ โจริวุฎฺฐาปนสมุฎฺฐานํ นามฯ วาจจิตฺตโตติ ขณฺฑสีมํ อคนฺตฺวา กโรนฺติยา วาจาจิเตฺตหิฯ กายวาจาทิโต เจวาติ คนฺตฺวา กโรนฺติยา กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติฯ ยถาห ‘‘เกนจิเทว กรณีเยน ปกฺกนฺตาสุ ภิกฺขุนีสุ อคนฺตฺวา ขณฺฑสีมํ วา นทิํ วา ยถานิสินฺนฎฺฐาเนเยว อตฺตโน นิสฺสิตกปริสาย สทฺธิํ วุฎฺฐาเปนฺติยา วาจาจิตฺตโต สมุฎฺฐาติ, ขณฺฑสีมํ วา นทิํ วา คนฺตฺวา วุฎฺฐาเปนฺติยา กายวาจาจิตฺตโต สมุฎฺฐาตี’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๘๓)ฯ กฺริยากฺริยนฺติ อนาปุจฺฉาวุฎฺฐาปนวเสน กิริยากิริยํฯ
2032.Corivuṭṭhāpanaṃ nāmāti idaṃ sikkhāpadaṃ corivuṭṭhāpanasamuṭṭhānaṃ nāma. Vācacittatoti khaṇḍasīmaṃ agantvā karontiyā vācācittehi. Kāyavācādito cevāti gantvā karontiyā kāyavācācittato ca samuṭṭhāti. Yathāha ‘‘kenacideva karaṇīyena pakkantāsu bhikkhunīsu agantvā khaṇḍasīmaṃ vā nadiṃ vā yathānisinnaṭṭhāneyeva attano nissitakaparisāya saddhiṃ vuṭṭhāpentiyā vācācittato samuṭṭhāti, khaṇḍasīmaṃ vā nadiṃ vā gantvā vuṭṭhāpentiyā kāyavācācittato samuṭṭhātī’’ti (pāci. aṭṭha. 683). Kriyākriyanti anāpucchāvuṭṭhāpanavasena kiriyākiriyaṃ.
โจริวุฎฺฐาปนกถาวณฺณนาฯ
Corivuṭṭhāpanakathāvaṇṇanā.
๒๐๓๓-๔. คามนฺตรนฺติ อญฺญํ คามํฯ ยา เอกา สเจ คเจฺฉยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ นทีปารนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ นทิยา ปารํ นทีปารํฯ ‘‘เอกา วา’’ติ อุปริปิ โยเชตพฺพํฯ โอหีเยยฺยาติ วินา ภเวยฺยฯ อิธ ‘‘อรเญฺญ’’ติ เสโสฯ อรญฺญลกฺขณํ ‘‘อินฺทขีล’’อิจฺจาทินา วกฺขติฯ ‘‘เอกา วา รตฺติํ วิปฺปวเสยฺย, เอกา วา คณมฺหา โอหีเยยฺยา’’ติ สิกฺขาปทกฺกโม, เอวํ สเนฺตปิ คาถาพนฺธวเสน ‘‘รตฺติํ วิปฺปวเสยฺยา’’ติ อเนฺต วุตฺตํ ฯ เตเนว วิภาควินิจฺฉเย เทสนารุฬฺหกฺกเมเนว ‘‘ปุเรรุโณทยาเยวา’’ติอาทิํ วกฺขติฯ สา ปฐมาปตฺติกํ ครุกํ ธมฺมํ อาปนฺนา สิยาติ โยชนาฯ ปฐมํ อาปตฺติ เอตสฺสาติ ปฐมาปตฺติโก, วีติกฺกมกฺขเณเยว อาปชฺชิตโพฺพติ อโตฺถฯ ‘‘ครุกํ ธมฺม’’นฺติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ สกคามา นิกฺขมนฺติยาติ ภิกฺขุนิยา อตฺตโน วสนคามโต นิกฺขมนฺติยาฯ
2033-4.Gāmantaranti aññaṃ gāmaṃ. Yā ekā sace gaccheyyāti sambandho. Nadīpāranti etthāpi eseva nayo. Nadiyā pāraṃ nadīpāraṃ. ‘‘Ekā vā’’ti uparipi yojetabbaṃ. Ohīyeyyāti vinā bhaveyya. Idha ‘‘araññe’’ti seso. Araññalakkhaṇaṃ ‘‘indakhīla’’iccādinā vakkhati. ‘‘Ekā vā rattiṃ vippavaseyya, ekā vā gaṇamhā ohīyeyyā’’ti sikkhāpadakkamo, evaṃ santepi gāthābandhavasena ‘‘rattiṃ vippavaseyyā’’ti ante vuttaṃ . Teneva vibhāgavinicchaye desanāruḷhakkameneva ‘‘pureruṇodayāyevā’’tiādiṃ vakkhati. Sā paṭhamāpattikaṃ garukaṃ dhammaṃ āpannā siyāti yojanā. Paṭhamaṃ āpatti etassāti paṭhamāpattiko, vītikkamakkhaṇeyeva āpajjitabboti attho. ‘‘Garukaṃ dhamma’’nti iminā sambandho. Sakagāmā nikkhamantiyāti bhikkhuniyā attano vasanagāmato nikkhamantiyā.
๒๐๓๕. ตโต สกคามโตฯ
2035.Tato sakagāmato.
๒๐๓๖-๗. เอเกน ปทวาเรน อิตรสฺส คามสฺส ปริเกฺขเป อติกฺกเนฺต, อุปจาโรกฺกเม วา ถุลฺลจฺจยนฺติ โยชนาฯ อติกฺกเนฺต โอกฺกเนฺตติ เอตฺถ ‘‘ปริเกฺขเป อุปจาเร’’ติ อธิการโต ลพฺภติฯ
2036-7. Ekena padavārena itarassa gāmassa parikkhepe atikkante, upacārokkame vā thullaccayanti yojanā. Atikkante okkanteti ettha ‘‘parikkhepe upacāre’’ti adhikārato labbhati.
๒๐๓๘-๙. นิกฺขมิตฺวาติ อตฺตโน ปวิฎฺฐคามโต นิกฺขมิตฺวาฯ อยเมว นโยติ ‘‘เอเกน ปทวาเรน ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน ครุกาปตฺตี’’ติ อยํ นโยฯ
2038-9.Nikkhamitvāti attano paviṭṭhagāmato nikkhamitvā. Ayameva nayoti ‘‘ekena padavārena thullaccayaṃ, dutiyena garukāpattī’’ti ayaṃ nayo.
วติจฺฉิเทฺทน วา ขณฺฑปากาเรน วาติ โยชนาฯ ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ‘‘ปากาเรนา’’ติ เอตฺถาปิ วา-สทฺทสฺส สมฺพนฺธนียตํ ทเสฺสติฯ ‘‘ภิกฺขุวิหารสฺส ภูมิ ตาสมกปฺปิยา’’ติ วกฺขมานตฺตา วิหารสฺส ภูมินฺติ ภิกฺขุนิวิหารภูมิ คหิตาฯ ‘‘กปฺปิยนฺติ ปวิฎฺฐตฺตา’’ติ อิมินา วกฺขมานสฺส การณํ ทเสฺสติฯ โกจิ โทโสติ ถุลฺลจฺจยสงฺฆาทิเสโส วุจฺจมาโน โย โกจิ โทโสฯ
Vaticchiddena vā khaṇḍapākārena vāti yojanā. ‘‘Tathā’’ti iminā ‘‘pākārenā’’ti etthāpi vā-saddassa sambandhanīyataṃ dasseti. ‘‘Bhikkhuvihārassa bhūmi tāsamakappiyā’’ti vakkhamānattā vihārassa bhūminti bhikkhunivihārabhūmi gahitā. ‘‘Kappiyanti paviṭṭhattā’’ti iminā vakkhamānassa kāraṇaṃ dasseti. Koci dosoti thullaccayasaṅghādiseso vuccamāno yo koci doso.
๒๐๔๐. ตาสนฺติ ภิกฺขุนีนํฯ ‘‘อกปฺปิยา’’ติ อิมินา ตตฺถาปิ ปวิฎฺฐาย คามนฺตรปจฺจยา อาปตฺติสมฺภวมาหฯ
2040.Tāsanti bhikkhunīnaṃ. ‘‘Akappiyā’’ti iminā tatthāpi paviṭṭhāya gāmantarapaccayā āpattisambhavamāha.
๒๐๔๑. ‘‘ปฐมํ ปาทํ อติกฺกาเมนฺติยา’’ติ (ปาจิ. ๖๙๒) วุตฺตตฺตา ‘‘หตฺถิ…เป.… อนาปตฺติ สิยาปตฺติ, ปทสา คมเน ปนา’’ติ วุตฺตํฯ
2041. ‘‘Paṭhamaṃ pādaṃ atikkāmentiyā’’ti (pāci. 692) vuttattā ‘‘hatthi…pe… anāpatti siyāpatti, padasā gamane panā’’ti vuttaṃ.
๒๐๔๒. ‘‘ยํ กิญฺจิ…เป.… อาปตฺติ ปวิสนฺติยา’’ติ วุตฺตเสฺสวตฺถสฺส อุปสํหารตฺตา น ปุนรุตฺติโทโสฯ
2042.‘‘Yaṃ kiñci…pe… āpatti pavisantiyā’’ti vuttassevatthassa upasaṃhārattā na punaruttidoso.
๒๐๔๓-๔. ลกฺขเณนุปปนฺนายาติ ‘‘นที นาม ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยา อนฺตรวาสโก เตมิยตี’’ติ (ปาจิ. ๖๙๒) วุตฺตลกฺขเณน สมนฺนาคตาย นทิยาฯ ยา ปารํ ตีรํ คจฺฉตีติ โยชนาฯ
2043-4.Lakkhaṇenupapannāyāti ‘‘nadī nāma timaṇḍalaṃ paṭicchādetvā yattha katthaci uttarantiyā bhikkhuniyā antaravāsako temiyatī’’ti (pāci. 692) vuttalakkhaṇena samannāgatāya nadiyā. Yā pāraṃ tīraṃ gacchatīti yojanā.
ปฐมํ ปาทํ อุทฺธริตฺวาน ตีเร ฐเปนฺติยาติ ‘‘อิทานิ ปทวาเรน อติกฺกมตี’’ติ วตฺตพฺพกาเล ปฐมํ ปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ปรตีเร ฐเปนฺติยาฯ ‘‘ทุติยปาทุทฺธาเร สงฺฆาทิเสโส’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๙๒) อฎฺฐกถาวจนโต ‘‘อติกฺกเม’’ติ อิมินา อุทฺธาโร คหิโตฯ
Paṭhamaṃ pādaṃ uddharitvāna tīre ṭhapentiyāti ‘‘idāni padavārena atikkamatī’’ti vattabbakāle paṭhamaṃ pādaṃ ukkhipitvā paratīre ṭhapentiyā. ‘‘Dutiyapāduddhāre saṅghādiseso’’ti (pāci. aṭṭha. 692) aṭṭhakathāvacanato ‘‘atikkame’’ti iminā uddhāro gahito.
๒๐๔๕. อนฺตรนทิยนฺติ นทิเวมเชฺฌฯ ภณฺฑิตฺวาติ กลหํ กตฺวาฯ โอริมํ ตีรนฺติ อาคตทิสาย ตีรํฯ ตถา ปฐเม ถุลฺลจฺจยํ , ทุติเย ครุ โหตีติ อโตฺถฯ อิมินา สกเลน วจเนน ‘‘อิตริสฺสา ปน อยํ ปกฺกนฺตฎฺฐาเน ฐิตา โหติ, ตสฺมา ปรตีรํ คจฺฉนฺติยาปิ อนาปตฺตี’’ติ อฎฺฐกถาปิ อุลฺลิงฺคิตาฯ
2045.Antaranadiyanti nadivemajjhe. Bhaṇḍitvāti kalahaṃ katvā. Orimaṃ tīranti āgatadisāya tīraṃ. Tathā paṭhame thullaccayaṃ , dutiye garu hotīti attho. Iminā sakalena vacanena ‘‘itarissā pana ayaṃ pakkantaṭṭhāne ṭhitā hoti, tasmā paratīraṃ gacchantiyāpi anāpattī’’ti aṭṭhakathāpi ulliṅgitā.
๒๐๔๖. รชฺชุยาติ วลฺลิอาทิกาย ยาย กายจิ รชฺชุยาฯ
2046.Rajjuyāti valliādikāya yāya kāyaci rajjuyā.
๒๐๔๗. ปิวิตุนฺติ เอตฺถ ‘‘ปานีย’’นฺติ ปกรณโต ลพฺภติฯ อวุตฺตสมุจฺจยเตฺถน อปิ-สเทฺทน ภณฺฑโธวนาทิํ สงฺคณฺหาติฯ อถาติ วากฺยารเมฺภ นิปาโตฯ ‘‘นหานาทิกิจฺจํ สมฺปาเทตฺวา โอริมเมว ตีรํ อาคมิสฺสามี’’ติ อาลยสฺส วิชฺชมานตฺตา อาห ‘‘วฎฺฎตี’’ติฯ
2047.Pivitunti ettha ‘‘pānīya’’nti pakaraṇato labbhati. Avuttasamuccayatthena api-saddena bhaṇḍadhovanādiṃ saṅgaṇhāti. Athāti vākyārambhe nipāto. ‘‘Nahānādikiccaṃ sampādetvā orimameva tīraṃ āgamissāmī’’ti ālayassa vijjamānattā āha ‘‘vaṭṭatī’’ti.
๒๐๔๘. ปทสานทิํ โอตริตฺวานาติ โยชนาฯ เสตุํ อาโรหิตฺวา ตถา ปทสา อุตฺตรนฺติยา อนาปตฺตีติ โยชนาฯ
2048. Padasānadiṃ otaritvānāti yojanā. Setuṃ ārohitvā tathā padasā uttarantiyā anāpattīti yojanā.
๒๐๔๙. คนฺตฺวานาติ เอตฺถ ‘‘นทิ’’นฺติ เสโสฯ อุตฺตรณกาเล ปทสา ยาตีติ โยชนาฯ
2049.Gantvānāti ettha ‘‘nadi’’nti seso. Uttaraṇakāle padasā yātīti yojanā.
๒๐๕๐. เวเคนาติ เอเกเนว เวเคน, อนฺตรา อนิวตฺติตฺวาติ อโตฺถฯ
2050.Vegenāti ekeneva vegena, antarā anivattitvāti attho.
๒๐๕๑. ‘‘นิสีทิตฺวา’’ติ อิทํ ‘‘ขเนฺธ วา’’ติอาทีหิปิ โยเชตพฺพํฯ ขนฺธาทโย เจตฺถ สภาคานเมว คเหตพฺพาฯ หตฺถสงฺฆาตเน วาติ อุโภหิ พทฺธหตฺถวลเย วาฯ
2051.‘‘Nisīditvā’’ti idaṃ ‘‘khandhe vā’’tiādīhipi yojetabbaṃ. Khandhādayo cettha sabhāgānameva gahetabbā. Hatthasaṅghātane vāti ubhohi baddhahatthavalaye vā.
๒๐๕๒-๓. ปาสนฺติ หตฺถปาสํฯ ‘‘อาโภคํ วินา’’ติ อิมินา ‘‘คมิสฺสามี’’ติ อาโภเค กเต อชานนฺติยา อรุเณ อุฎฺฐิเตปิ อนาปตฺตีติ ทีปิตํ โหติฯ ยถาห ‘‘สเจ สชฺฌายํ วา สวนํ วา อญฺญํ วา กิญฺจิ กมฺมํ กุรุมานา ‘ปุเรอรุเณเยว ทุติยิกาย สนฺติกํ คมิสฺสามี’ติ อาโภคํ กโรติ, อชานนฺติยา เอว จสฺสา อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, อนาปตฺตี’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๙๒)ฯ นานาคเพฺภ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทเสฺสตุมาห ‘‘เอกคเพฺภปิ วา’’ติฯ เอกคเพฺภปิ วา ทุติยิกาย หตฺถปาสํ อติกฺกมฺม อรุณํ อุฎฺฐเปนฺติยา ภิกฺขุนิยา อาปตฺติ สิยาติ โยชนาฯ
2052-3.Pāsanti hatthapāsaṃ. ‘‘Ābhogaṃ vinā’’ti iminā ‘‘gamissāmī’’ti ābhoge kate ajānantiyā aruṇe uṭṭhitepi anāpattīti dīpitaṃ hoti. Yathāha ‘‘sace sajjhāyaṃ vā savanaṃ vā aññaṃ vā kiñci kammaṃ kurumānā ‘purearuṇeyeva dutiyikāya santikaṃ gamissāmī’ti ābhogaṃ karoti, ajānantiyā eva cassā aruṇo uggacchati, anāpattī’’ti (pāci. aṭṭha. 692). Nānāgabbhe vattabbameva natthīti dassetumāha ‘‘ekagabbhepi vā’’ti. Ekagabbhepi vā dutiyikāya hatthapāsaṃ atikkamma aruṇaṃ uṭṭhapentiyā bhikkhuniyā āpatti siyāti yojanā.
๒๐๕๔. ทุติยาปาสนฺติ ทุติยิกาย หตฺถปาสํฯ ‘‘คมิสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา คจฺฉนฺติยา สเจ อรุณํ อุเฎฺฐติ, น โทโสติ โยชนาฯ
2054.Dutiyāpāsanti dutiyikāya hatthapāsaṃ. ‘‘Gamissāmī’’ti ābhogaṃ katvā gacchantiyā sace aruṇaṃ uṭṭheti, na dosoti yojanā.
๒๐๕๕-๖. อญฺญตฺถ ปญฺจธนุสติกสฺส (ปารา. ๖๕๔) ปจฺฉิมสฺส อารญฺญกเสนาสนสฺส วุตฺตตฺตา ตโต นิวเตฺตตุมาห ‘‘อินฺทขีลมติกฺกมฺมา’’ติอาทิฯ เอตฺถาติ อิมสฺมิํ สิกฺขาปเทฯ ทีปิตนฺติ อฎฺฐกถาย ‘‘อรเญฺญติ เอตฺถ นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรญฺญ’’นฺติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๙๒) เอวํ วุตฺตลกฺขณเมว อรญฺญํ ทสฺสิตนฺติ อโตฺถฯ
2055-6. Aññattha pañcadhanusatikassa (pārā. 654) pacchimassa āraññakasenāsanassa vuttattā tato nivattetumāha ‘‘indakhīlamatikkammā’’tiādi. Etthāti imasmiṃ sikkhāpade. Dīpitanti aṭṭhakathāya ‘‘araññeti ettha nikkhamitvā bahi indakhīlā sabbametaṃ arañña’’nti (pāci. aṭṭha. 692) evaṃ vuttalakkhaṇameva araññaṃ dassitanti attho.
ทุติยิกาย ทสฺสนูปจารํ วิชหนฺติยา ตสฺสาติ โยชนาฯ ‘‘ชหิเต’’ติ อิทํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘อุปจาเร’’ติ วิภตฺติวิปริณาโม กาตโพฺพฯ
Dutiyikāya dassanūpacāraṃ vijahantiyā tassāti yojanā. ‘‘Jahite’’ti idaṃ apekkhitvā ‘‘upacāre’’ti vibhattivipariṇāmo kātabbo.
๒๐๕๗. สาณิปาการปาการตรุอนฺตริเต ฐาเน อสติ ทสฺสนูปจาเร สติปิ สวนูปจาเร อาปตฺติ โหตีติ โยชนาฯ
2057.Sāṇipākārapākārataruantarite ṭhāne asati dassanūpacāre satipi savanūpacāre āpatti hotīti yojanā.
๒๐๕๘-๖๐. เอตฺถ กถนฺติ ยตฺถ ทูเรปิ ทสฺสนํ โหติ, เอวรูเป อโชฺฌกาเส อาปตฺตินิยโม กถํ กาตโพฺพติ อโตฺถฯ อเนเกสุ ฐาเนสุ ‘‘สวนูปจาราติกฺกเม’’ติ วุจฺจมานตฺตา ตตฺถ ลกฺขณํ ฐเปตุมาห ‘‘มคฺค…เป.… เอวรูปเก’’ติฯ เอตฺถ ‘‘ฐาเน’’ติ เสโสฯ กูชนฺติยาติ ยถาวณฺณววตฺถานํ น โหติ, เอวํ อพฺยตฺตสทฺทํ กโรนฺติยาฯ
2058-60.Ettha kathanti yattha dūrepi dassanaṃ hoti, evarūpe ajjhokāse āpattiniyamo kathaṃ kātabboti attho. Anekesu ṭhānesu ‘‘savanūpacārātikkame’’ti vuccamānattā tattha lakkhaṇaṃ ṭhapetumāha ‘‘magga…pe… evarūpake’’ti. Ettha ‘‘ṭhāne’’ti seso. Kūjantiyāti yathāvaṇṇavavatthānaṃ na hoti, evaṃ abyattasaddaṃ karontiyā.
เอวรูปเก ฐาเน ธมฺมสฺสวนาโรจเน วิย จ มคฺคมูฬฺหสฺส สเทฺทน วิย จ ‘‘อเยฺย’’ติ กูชนฺติยา ตสฺสา สทฺทสฺส สวนาติกฺกเม ภิกฺขุนิยา ครุกา อาปตฺติ โหตีติ โยชนาฯ ‘‘ภิกฺขุนิยา ครุกา โหตี’’ติ อิทํ ‘‘ทุติยิกํ น ปาปุณิสฺสามี’’ติ นิรุสฺสาหวเสน เวทิตพฺพํฯ เตเนว วกฺขติ ‘‘โอหียิตฺวาถ คจฺฉนฺตี’’ติอาทิฯ เอตฺถาติ ‘‘คณมฺหา โอหีเยยฺยา’’ติ อิมสฺมิํฯ
Evarūpake ṭhāne dhammassavanārocane viya ca maggamūḷhassa saddena viya ca ‘‘ayye’’ti kūjantiyā tassā saddassa savanātikkame bhikkhuniyā garukā āpatti hotīti yojanā. ‘‘Bhikkhuniyā garukā hotī’’ti idaṃ ‘‘dutiyikaṃ na pāpuṇissāmī’’ti nirussāhavasena veditabbaṃ. Teneva vakkhati ‘‘ohīyitvātha gacchantī’’tiādi. Etthāti ‘‘gaṇamhā ohīyeyyā’’ti imasmiṃ.
๒๐๖๑. อถ คจฺฉนฺตี โอหียิตฺวาติ โยชนาฯ ‘‘อิทานิ อหํ ปาปุณิสฺสามิ’’ อิติ เอวํ สอุสฺสาหา อนุพนฺธติ, วฎฺฎติ, ทุติโยปจาราติกฺกเมปิ อนาปตฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ
2061. Atha gacchantī ohīyitvāti yojanā. ‘‘Idāni ahaṃ pāpuṇissāmi’’ iti evaṃ saussāhā anubandhati, vaṭṭati, dutiyopacārātikkamepi anāpattīti vuttaṃ hoti.
๒๐๖๒. ‘‘คจฺฉตุ อยํ’’ อิติ อุสฺสาหสฺสเจฺฉทํ กตฺวา โอหีนา เจ, ตสฺสา อาปตฺตีติ อชฺฌาหารโยชนาฯ
2062. ‘‘Gacchatu ayaṃ’’ iti ussāhassacchedaṃ katvā ohīnā ce, tassā āpattīti ajjhāhārayojanā.
๒๐๖๓. อิตราปีติ คนฺตุํ สมตฺถาปิฯ โอหียตุ อยนฺติ จาติ นิรุสฺสาหปฺปกาโร สนฺทสฺสิโตฯ วุตฺตตฺถเมว สมตฺถยิตุมาห ‘‘สอุสฺสาหา น โหติ เจ’’ติฯ
2063.Itarāpīti gantuṃ samatthāpi. Ohīyatu ayanti cāti nirussāhappakāro sandassito. Vuttatthameva samatthayitumāha ‘‘saussāhā na hoti ce’’ti.
๒๐๖๔-๕. ปุริมา เอกกํ มคฺคํ ยาตีติ โยชนาฯ เอกเมว เอกกํฯ ตสฺมาติ ยสฺมา เอกิสฺสา อิตรา ปกฺกนฺตฎฺฐาเน ติฎฺฐติ, ตสฺมาฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ คณมฺหาโอหียเนฯ ปิ-สโทฺท เอวการโตฺถฯ อนาปตฺติ เอว ปกาสิตาติ โยชนาฯ
2064-5. Purimā ekakaṃ maggaṃ yātīti yojanā. Ekameva ekakaṃ. Tasmāti yasmā ekissā itarā pakkantaṭṭhāne tiṭṭhati, tasmā. Tatthāti tasmiṃ gaṇamhāohīyane. Pi-saddo evakārattho. Anāpatti eva pakāsitāti yojanā.
๒๐๖๖-๗. คามนฺตรคตายาติ คามสีมคตายฯ ‘‘นทิยา’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ อาปตฺติโยจตโสฺสปีติ รตฺติวิปฺปวาส คามนฺตรคมน นทิปารคมน คณมฺหาโอหียน สงฺขาตา จตโสฺส สงฺฆาทิเสสาปตฺติโยฯ คณมฺหาโอหียนมูลกาปตฺติยา คามโต พหิ อาปชฺชิตพฺพเตฺตปิ คามนฺตโรกฺกมนมูลกาปตฺติยา อโนฺตคาเม อาปชฺชิตพฺพเตฺตปิ เอกกฺขเณติ คามูปจารํ สนฺธายาหฯ
2066-7.Gāmantaragatāyāti gāmasīmagatāya. ‘‘Nadiyā’’ti iminā sambandho. Āpattiyocatassopīti rattivippavāsa gāmantaragamana nadipāragamana gaṇamhāohīyana saṅkhātā catasso saṅghādisesāpattiyo. Gaṇamhāohīyanamūlakāpattiyā gāmato bahi āpajjitabbattepi gāmantarokkamanamūlakāpattiyā antogāme āpajjitabbattepi ekakkhaṇeti gāmūpacāraṃ sandhāyāha.
๒๐๖๘-๙. ยา สทฺธิํ ยาตา ทุติยิกา, สา จ ปกฺกนฺตา วา สเจ โหติ, วิพฺภนฺตา วา โหติ, เปตานํ โลกํ ยาตา วา โหติ, กาลกตา วา โหตีติ อธิปฺปาโย, ปกฺขสงฺกนฺตา วา โหติ, ติตฺถายตนสงฺกนฺตา วา โหตีติ อธิปฺปาโย, นฎฺฐา วา โหติ, ปาราชิกาปนฺนา วา โหตีติ อธิปฺปาโยฯ เอวรูเป กาเล คามนฺตโรกฺกมนาทีนิ…เป.… อนาปตฺตีติ ญาตพฺพนฺติ โยชนาฯ อุมฺมตฺติกายปิ เอวํ จตฺตาริปิ กโรนฺติยา อนาปตฺตีติ โยชนาฯ
2068-9. Yā saddhiṃ yātā dutiyikā, sā ca pakkantā vā sace hoti, vibbhantā vā hoti, petānaṃ lokaṃ yātā vā hoti, kālakatā vā hotīti adhippāyo, pakkhasaṅkantā vā hoti, titthāyatanasaṅkantā vā hotīti adhippāyo, naṭṭhā vā hoti, pārājikāpannā vā hotīti adhippāyo. Evarūpe kāle gāmantarokkamanādīni…pe… anāpattīti ñātabbanti yojanā. Ummattikāyapi evaṃ cattāripi karontiyā anāpattīti yojanā.
๒๐๗๐. ‘‘อคามเก อรเญฺญ’’ติ อิทํ คามาภาเวน วุตฺตํ, น วิญฺฌาฎวิสทิสตายฯ
2070.‘‘Agāmake araññe’’ti idaṃ gāmābhāvena vuttaṃ, na viñjhāṭavisadisatāya.
๒๐๗๑. คามภาวโต นทิปารคมนคณมฺหาโอหียนาปตฺติ น สมฺภวติ, ตสฺสาปิ สกคามตฺตา คามนฺตรคมนมูลิกาปตฺติ จ ทิวสภาคตฺตา รตฺติวิปฺปวาสมูลิกาปตฺติ จ น สมฺภวตีติ อาห ‘‘สกคาเม…เป.… น วิชฺชเร’’ติฯ ยถากามนฺติ ยถิจฺฉิตํ, ทุติยิกาย อสนฺติยาปีติ อโตฺถฯ
2071. Gāmabhāvato nadipāragamanagaṇamhāohīyanāpatti na sambhavati, tassāpi sakagāmattā gāmantaragamanamūlikāpatti ca divasabhāgattā rattivippavāsamūlikāpatti ca na sambhavatīti āha ‘‘sakagāme…pe… na vijjare’’ti. Yathākāmanti yathicchitaṃ, dutiyikāya asantiyāpīti attho.
๒๐๗๒. สมุฎฺฐานาทโย ปฐมนฺติมวตฺถุนา ตุลฺยาติ โยชนาฯ
2072. Samuṭṭhānādayo paṭhamantimavatthunā tulyāti yojanā.
คามนฺตรคมนกถาวณฺณนาฯ
Gāmantaragamanakathāvaṇṇanā.
๒๐๗๓. สีมาสมฺมุติยา เจวาติ ‘‘สมเคฺคน สเงฺฆน ธเมฺมน วินเยน อุกฺขิตฺตํ ภิกฺขุนิํ การกสงฺฆํ อนาปุจฺฉา ตเสฺสว การกสงฺฆสฺส ฉนฺทํ อชานิตฺวา โอสาเรสฺสามี’’ติ นวสีมาสมฺมนฺนเน จฯ ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ทุเว ถุลฺลจฺจยา โหนฺตีติ โยชนาฯ
2073.Sīmāsammutiyā cevāti ‘‘samaggena saṅghena dhammena vinayena ukkhittaṃ bhikkhuniṃ kārakasaṅghaṃ anāpucchā tasseva kārakasaṅghassa chandaṃ ajānitvā osāressāmī’’ti navasīmāsammannane ca. Dvīhi kammavācāhi duve thullaccayā hontīti yojanā.
๒๐๗๔. กมฺมสฺส ปริโยสาเนติ โอสารณกมฺมสฺส อวสาเนฯ ติกสงฺฆาทิเสสนฺติ ‘‘ธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญา โอสาเรติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ ธมฺมกเมฺม เวมติกา, ธมฺมกเมฺม อธมฺมกมฺมสญฺญา โอสาเรติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๖๙๗) ติกสงฺฆาทิเสสํ วุตฺตํฯ กมฺมนฺติ จ อุเกฺขปนียกมฺมํฯ อธเมฺม ติกทุกฺกฎนฺติ ‘‘อธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญา โอสาเรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อธมฺมกเมฺม เวมติกา, อธมฺมกมฺมสญฺญา โอสาเรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ ติกทุกฺกฎํ วุตฺตํฯ
2074.Kammassapariyosāneti osāraṇakammassa avasāne. Tikasaṅghādisesanti ‘‘dhammakamme dhammakammasaññā osāreti, āpatti saṅghādisesassa. Dhammakamme vematikā, dhammakamme adhammakammasaññā osāreti, āpatti saṅghādisesassā’’ti (pāci. 697) tikasaṅghādisesaṃ vuttaṃ. Kammanti ca ukkhepanīyakammaṃ. Adhamme tikadukkaṭanti ‘‘adhammakamme dhammakammasaññā osāreti, āpatti dukkaṭassa. Adhammakamme vematikā, adhammakammasaññā osāreti, āpatti dukkaṭassā’’ti tikadukkaṭaṃ vuttaṃ.
๒๐๗๕. คณสฺสาติ ตเสฺสว การกคณสฺสฯ วเตฺต วา ปน วตฺตนฺตินฺติ เตจตฺตาลีสปฺปเภเท เนตฺตารวเตฺต วตฺตมานํฯ เตจตฺตาลีสปฺปเภทํ ปน วตฺตกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๗๖) อาวิ ภวิสฺสติฯ เนตฺตารวเตฺตติ กมฺมโต นิตฺถรณสฺส เหตุภูเต วเตฺตฯ
2075.Gaṇassāti tasseva kārakagaṇassa. Vatte vā pana vattantinti tecattālīsappabhede nettāravatte vattamānaṃ. Tecattālīsappabhedaṃ pana vattakkhandhake (cūḷava. 376) āvi bhavissati. Nettāravatteti kammato nittharaṇassa hetubhūte vatte.
๒๐๗๗. โอสารณํ กฺริยํฯ อนาปุจฺฉนํ อกฺริยํฯ
2077. Osāraṇaṃ kriyaṃ. Anāpucchanaṃ akriyaṃ.
จตุตฺถํฯ
Catutthaṃ.
๒๐๗๘-๙. อวสฺสุตาติ เมถุนราเคน ตินฺตาฯ เอวมุปริปิฯ ‘‘มนุสฺสปุคฺคลสฺสา’’ติ อิมินา ยกฺขาทีนํ ปฎิเกฺขโปฯ ‘‘อุทเก…เป.… ทุกฺกฎ’’นฺติ วกฺขมานตฺตา อามิสนฺติ อญฺญตฺร ทนฺตโปนา อโชฺฌหรณียสฺส คหณํฯ ปโยคโตติ ปโยคคณนายฯ
2078-9.Avassutāti methunarāgena tintā. Evamuparipi. ‘‘Manussapuggalassā’’ti iminā yakkhādīnaṃ paṭikkhepo. ‘‘Udake…pe… dukkaṭa’’nti vakkhamānattā āmisanti aññatra dantaponā ajjhoharaṇīyassa gahaṇaṃ. Payogatoti payogagaṇanāya.
๒๐๘๐. เอกโตวสฺสุเตติ ปุมิตฺถิยา สามเญฺญน ปุลฺลิงฺคนิเทฺทโสฯ กถเมตํ วิญฺญายตีติ? ‘‘เอกโตอวสฺสุเตติ เอตฺถ ภิกฺขุนิยา อวสฺสุตภาโว ทฎฺฐโพฺพติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปเนตํ น วุตฺตํ, ตํ ปาฬิยา สเมตี’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๗๐๑) วุตฺตตฺตา วิญฺญายติฯ เอตฺถ จ เอตํ น วุตฺตนฺติ ‘‘ภิกฺขุนิยา อวสฺสุตภาโว ทฎฺฐโพฺพ’’ติ เอตํ นิยมนํ น วุตฺตํฯ ตนฺติ ตํ นิยเมตฺวา อวจนํฯ ปาฬิยา สเมตีติ ‘‘เอกโตอวสฺสุเต’’ติ (ปาจิ. ๗๐๑-๗๐๒) อวิเสเสตฺวา วุตฺตปาฬิยา, ‘‘อนวสฺสุโตติ ชานนฺตี ปฎิคฺคณฺหาตี’’ติ (ปาจิ. ๗๐๓) อิมาย จ ปาฬิยา สเมติฯ ยทิ หิ ปุคฺคลสฺส อวสฺสุตภาโว นปฺปมาณํ, กิํ ‘‘อนวสฺสุโตติ ชานนฺตี’’ติ อิมินา วจเนนฯ ‘‘อนาปตฺติ อุโภ อนวสฺสุตา โหนฺติ, อนวสฺสุตา ปฎิคฺคณฺหาตี’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ สิยาฯ อโชฺฌหารปโยเคสุ พหูสุ ถุลฺลจฺจยจโย ถุลฺลจฺจยานํ สมูโห สิยา, ปโยคคณนาย พหูนิ ถุลฺลจฺจยานิ โหนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ
2080.Ekatovassuteti pumitthiyā sāmaññena pulliṅganiddeso. Kathametaṃ viññāyatīti? ‘‘Ekatoavassuteti ettha bhikkhuniyā avassutabhāvo daṭṭhabboti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Mahāaṭṭhakathāyaṃ panetaṃ na vuttaṃ, taṃ pāḷiyā sametī’’ti (pāci. aṭṭha. 701) vuttattā viññāyati. Ettha ca etaṃ na vuttanti ‘‘bhikkhuniyā avassutabhāvo daṭṭhabbo’’ti etaṃ niyamanaṃ na vuttaṃ. Tanti taṃ niyametvā avacanaṃ. Pāḷiyā sametīti ‘‘ekatoavassute’’ti (pāci. 701-702) avisesetvā vuttapāḷiyā, ‘‘anavassutoti jānantī paṭiggaṇhātī’’ti (pāci. 703) imāya ca pāḷiyā sameti. Yadi hi puggalassa avassutabhāvo nappamāṇaṃ, kiṃ ‘‘anavassutoti jānantī’’ti iminā vacanena. ‘‘Anāpatti ubho anavassutā honti, anavassutā paṭiggaṇhātī’’ti ettakameva vattabbaṃ siyā. Ajjhohārapayogesu bahūsu thullaccayacayo thullaccayānaṃ samūho siyā, payogagaṇanāya bahūni thullaccayāni hontīti adhippāyo.
๒๐๘๑. สมฺภเว, พฺยภิจาเร จ วิเสสนํ สาตฺถกํ ภวตีติ ‘‘มนุสฺสวิคฺคหาน’’นฺติ อิทํ วิเสสนํ ยกฺขเปตติรจฺฉานปเทหิ โยเชตพฺพํฯ อุภโตอวสฺสุเต สติ มนุสฺสวิคฺคหานํ ยกฺขเปตติรจฺฉานานํ หตฺถโต จ ปณฺฑกานํ หตฺถโต จ ตถาติ โยชนาฯ ตถา-สเทฺทเนตฺถ ‘‘ยํ กิญฺจิ อามิสํ ปฎิคฺคณฺหาติ, ทุกฺกฎํฯ อโชฺฌหารปโยเคสุ ถุลฺลจฺจยจโย สิยา’’ติ ยถาวุตฺตมติทิสติฯ
2081. Sambhave, byabhicāre ca visesanaṃ sātthakaṃ bhavatīti ‘‘manussaviggahāna’’nti idaṃ visesanaṃ yakkhapetatiracchānapadehi yojetabbaṃ. Ubhatoavassute sati manussaviggahānaṃ yakkhapetatiracchānānaṃ hatthato ca paṇḍakānaṃ hatthato ca tathāti yojanā. Tathā-saddenettha ‘‘yaṃ kiñci āmisaṃ paṭiggaṇhāti, dukkaṭaṃ. Ajjhohārapayogesu thullaccayacayo siyā’’ti yathāvuttamatidisati.
๒๐๘๒. เอตฺถาติ อิเมสุ ยกฺขาทีสุฯ เอกโตอวสฺสุเต สติ อามิสํ ปฎิคฺคณฺหนฺติยา ทุกฺกฎํฯ สพฺพตฺถาติ สเพฺพสุ มนุสฺสามนุเสฺสสุ เอกโต, อุภโต วา อนวสฺสุเตสุฯ อุทเก ทนฺตกฎฺฐเกติ อุทกสฺส, ทนฺตกฎฺฐสฺส จ คหเณฯ ปริโภเค จาติ ปฎิคฺคหเณ เจว ปริโภเค จฯ
2082.Etthāti imesu yakkhādīsu. Ekatoavassute sati āmisaṃ paṭiggaṇhantiyā dukkaṭaṃ. Sabbatthāti sabbesu manussāmanussesu ekato, ubhato vā anavassutesu. Udake dantakaṭṭhaketi udakassa, dantakaṭṭhassa ca gahaṇe. Paribhoge cāti paṭiggahaṇe ceva paribhoge ca.
๒๐๘๓-๔. อุภยาวสฺสุตาภาเวติ ภิกฺขุนิยา, ปุคฺคลสฺส จ อุภินฺนํ อวสฺสุตเตฺต อสติ ยทิ อามิสํ ปฎิคฺคณฺหาติ , น โทโสติ โยชนาฯ อยํ ปุริสปุคฺคโลฯ น จ อวสฺสุโตติ เนว อวสฺสุโตติ ญตฺวาฯ ยา ปน อามิสํ ปฎิคฺคณฺหาติ, ตสฺสา จ อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติ ปกาสิตาติ โยชนาฯ ‘‘ยา คณฺหาติ, ตสฺสา อนาปตฺตี’’ติ วุเตฺตปิ ปริภุญฺชนฺติยาว อนาปตฺติภาโว ทฎฺฐโพฺพฯ
2083-4.Ubhayāvassutābhāveti bhikkhuniyā, puggalassa ca ubhinnaṃ avassutatte asati yadi āmisaṃ paṭiggaṇhāti , na dosoti yojanā. Ayaṃ purisapuggalo. Na ca avassutoti neva avassutoti ñatvā. Yā pana āmisaṃ paṭiggaṇhāti, tassā ca ummattikādīnañca anāpatti pakāsitāti yojanā. ‘‘Yā gaṇhāti, tassā anāpattī’’ti vuttepi paribhuñjantiyāva anāpattibhāvo daṭṭhabbo.
ปญฺจมํฯ
Pañcamaṃ.
๒๐๘๕. อุโยฺยชเนติ ‘‘กิํ เต อเยฺย เอโส ปุริสปุคฺคโล กริสฺสติ อวสฺสุโต วา อนวสฺสุโต วา, ยโต ตฺวํ อนวสฺสุตา, อิงฺฆ อเยฺย ยํ เต เอโส ปุริสปุคฺคโล เทติ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา, ตํ ตฺวํ สหตฺถา ปฎิคฺคเหตฺวา ขาท วา ภุญฺช วา’’ติ (ปาจิ. ๗๐๕) วุตฺตนเยน นิโยชเนฯ เอกิสฺสาติ อุโยฺยชิกายฯ อิตริสฺสาติ อุโยฺยชิตายฯ ปฎิคฺคเหติ อวสฺสุตสฺส หตฺถโต อามิสปฎิคฺคหเณฯ ทุกฺกฎานิ จาติ อุโยฺยชิกาย ทุกฺกฎานิฯ โภเคสูติ อุโยฺยชิตาย ตถา ปฎิคฺคหิตสฺส อามิสสฺส ปริโภเคสุฯ ถุลฺลจฺจยคโณ สิยาติ อุโยฺยชิกาย ถุลฺลจฺจยสมูโห สิยาติ อโตฺถฯ
2085.Uyyojaneti ‘‘kiṃ te ayye eso purisapuggalo karissati avassuto vā anavassuto vā, yato tvaṃ anavassutā, iṅgha ayye yaṃ te eso purisapuggalo deti khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā, taṃ tvaṃ sahatthā paṭiggahetvā khāda vā bhuñja vā’’ti (pāci. 705) vuttanayena niyojane. Ekissāti uyyojikāya. Itarissāti uyyojitāya. Paṭiggaheti avassutassa hatthato āmisapaṭiggahaṇe. Dukkaṭāni cāti uyyojikāya dukkaṭāni. Bhogesūti uyyojitāya tathā paṭiggahitassa āmisassa paribhogesu. Thullaccayagaṇo siyāti uyyojikāya thullaccayasamūho siyāti attho.
๒๐๘๖-๗. โภชนสฺสาวสานสฺมินฺติ อุโยฺยชิตาย โภชนปริยเนฺตฯ สงฺฆาทิเสสตาติ อุโยฺยชิกาย สงฺฆาทิเสสาปตฺติ โหติฯ
2086-7.Bhojanassāvasānasminti uyyojitāya bhojanapariyante. Saṅghādisesatāti uyyojikāya saṅghādisesāpatti hoti.
ยกฺขาทีนนฺติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน เปตปณฺฑกติรจฺฉานคตา คหิตาฯ ตเถว ปุริสสฺส จาติ อวสฺสุตสฺส มนุสฺสปุริสสฺสฯ ‘‘คหเณ อุโยฺยชเน’’ติ ปทเจฺฉโทฯ คหเณติ อุโยฺยชิตาย คหเณฯ อุโยฺยชเนติ อุโยฺยชิกาย อตฺตโน อุโยฺยชเนฯ เตสนฺติ อุทกทนฺตโปนานํฯ ปริโภเคติ อุโยฺยชิตาย ปริภุญฺชเนฯ ทุกฺกฎํ ปริกิตฺติตนฺติ อุโยฺยชิกาย ทุกฺกฎํ วุตฺตํฯ
Yakkhādīnanti ettha ādi-saddena petapaṇḍakatiracchānagatā gahitā. Tatheva purisassa cāti avassutassa manussapurisassa. ‘‘Gahaṇe uyyojane’’ti padacchedo. Gahaṇeti uyyojitāya gahaṇe. Uyyojaneti uyyojikāya attano uyyojane. Tesanti udakadantaponānaṃ. Paribhogeti uyyojitāya paribhuñjane. Dukkaṭaṃ parikittitanti uyyojikāya dukkaṭaṃ vuttaṃ.
๒๐๘๘. เสสสฺสาติ อุทกทนฺตโปนโต อญฺญสฺส ปริภุญฺชิตพฺพามิสสฺสฯ ‘‘คหณุโยฺยชเน’’ติอาทิ วุตฺตนยเมวฯ
2088.Sesassāti udakadantaponato aññassa paribhuñjitabbāmisassa. ‘‘Gahaṇuyyojane’’tiādi vuttanayameva.
๒๐๘๙-๙๐. ยา ปน ภิกฺขุนี ‘‘อนวสฺสุโต’’ติ ญตฺวา อุโยฺยเชติ, ‘‘กุปิตา วา น ปฎิคฺคณฺหตี’’ติ อุโยฺยเชติ, ‘‘กุลานุทฺทยตา วาปิ น ปฎิคฺคณฺหตี’’ติ อุโยฺยเชติ, ตสฺสา จ อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติ ปกาสิตาติ โยชนาฯ ยถาห ‘‘อนาปตฺติ ‘อนวสฺสุโต’ติ ชานนฺตี อุโยฺยเชติ, ‘กุปิตา น ปฎิคฺคณฺหตี’ติ อุโยฺยเชติ, ‘กุลานุทฺทยตาย น ปฎิคฺคณฺหตี’ติ อุโยฺยเชตี’’ติอาทิ (ปาจิ. ๗๐๘)ฯ
2089-90.Yā pana bhikkhunī ‘‘anavassuto’’ti ñatvā uyyojeti, ‘‘kupitā vā na paṭiggaṇhatī’’ti uyyojeti, ‘‘kulānuddayatā vāpi na paṭiggaṇhatī’’ti uyyojeti, tassā ca ummattikādīnañca anāpatti pakāsitāti yojanā. Yathāha ‘‘anāpatti ‘anavassuto’ti jānantī uyyojeti, ‘kupitā na paṭiggaṇhatī’ti uyyojeti, ‘kulānuddayatāya na paṭiggaṇhatī’ti uyyojetī’’tiādi (pāci. 708).
ฉฎฺฐํฯ
Chaṭṭhaṃ.
๒๐๙๑. สตฺตมนฺติ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี กุปิตา อนตฺตมนา เอวํ วเทยฺย พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ (ปาจิ. ๗๑๐) สตฺตมสิกฺขาปทญฺจฯ อฎฺฐมนฺติ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี กิสฺมิญฺจิเทว อธิกรเณ ปจฺจากตา’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ (ปาจิ. ๗๑๖) อฎฺฐมสิกฺขาปทญฺจฯ
2091.Sattamanti ‘‘yā pana bhikkhunī kupitā anattamanā evaṃ vadeyya buddhaṃ paccakkhāmī’’tiādinayappavattaṃ (pāci. 710) sattamasikkhāpadañca. Aṭṭhamanti ‘‘yā pana bhikkhunī kismiñcideva adhikaraṇe paccākatā’’tiādinayappavattaṃ (pāci. 716) aṭṭhamasikkhāpadañca.
สตฺตมฎฺฐมานิฯ
Sattamaṭṭhamāni.
๒๐๙๒. นวเมติ ‘‘ภิกฺขุนิโย ปเนว สํสฎฺฐา วิหรนฺตี’’ติอาทิสิกฺขาปเท (ปาจิ. ๗๒๒) จฯ ทสเมติ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี เอวํ วเทยฺย สํสฎฺฐาว อเยฺย ตุเมฺห วิหรถ, มา ตุเมฺห นานา วิหริตฺถา’’ติอาทิสิกฺขาปเท (ปาจิ. ๗๒๘) จฯ
2092.Navameti ‘‘bhikkhuniyo paneva saṃsaṭṭhā viharantī’’tiādisikkhāpade (pāci. 722) ca. Dasameti ‘‘yā pana bhikkhunī evaṃ vadeyya saṃsaṭṭhāva ayye tumhe viharatha, mā tumhe nānā viharitthā’’tiādisikkhāpade (pāci. 728) ca.
นวมทสมานิฯ
Navamadasamāni.
๒๐๙๓. เตน มหาวิภงฺคาคเตน ทุฎฺฐโทสทฺวเยน จ ตเตฺถว อาคเตน เตน สญฺจริตฺตสิกฺขาปเทน จาติ อิเมหิ ตีหิ สทฺธิํ อิธาคตานิ ฉ สิกฺขาปทานีติ เอวํ นว ปฐมาปตฺติกา ฯ อิโต ภิกฺขุนิวิภงฺคโต จตฺตาริ ยาวตติยกานิ ตโต มหาวิภงฺคโต จตฺตาริ ยาวตติยกานีติ เอวํ อฎฺฐ ยาวตติยกานิ, ปุริมานิ นว จาติ สตฺตรส สงฺฆาทิเสสสิกฺขาปทานิ มยา เจตฺถ ทสฺสิตานีติ อธิปฺปาโยฯ
2093. Tena mahāvibhaṅgāgatena duṭṭhadosadvayena ca tattheva āgatena tena sañcarittasikkhāpadena cāti imehi tīhi saddhiṃ idhāgatāni cha sikkhāpadānīti evaṃ nava paṭhamāpattikā . Ito bhikkhunivibhaṅgato cattāri yāvatatiyakāni tato mahāvibhaṅgato cattāri yāvatatiyakānīti evaṃ aṭṭha yāvatatiyakāni, purimāni nava cāti sattarasa saṅghādisesasikkhāpadāni mayā cettha dassitānīti adhippāyo.
อิติ วินยตฺถสารสนฺทีปนิยา วินยวินิจฺฉยวณฺณนาย
Iti vinayatthasārasandīpaniyā vinayavinicchayavaṇṇanāya
สงฺฆาทิเสสกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saṅghādisesakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.