Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā

    ๒. สงฺฆาทิเสสนิเทฺทสวณฺณนา

    2. Saṅghādisesaniddesavaṇṇanā

    ๑๙. อิทานิ สงฺฆาทิเสสํ ปกาเสตุํ ‘‘ครุกา นวา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ครุกาติ สงฺฆาทิเสสา อิธ อธิเปฺปตา, อญฺญตฺถ ปน ปาราชิกาปิ สงฺคยฺหนฺติฯ กสฺมา ‘‘เตรสา’’ติ อวตฺวา ‘‘นวา’’ติ วุตฺตนฺติ เจ? วีติกฺกมกฺขเณเยว อาปชฺชิตพฺพตฺตา ปฐมาปตฺติกา วุตฺตา, ยาวตติยกา ปน จตฺตาโร สงฺฆาทิเสสา สงฺฆายตฺตตฺตา จิเรน อาปชฺชนฺตีติ น วุตฺตาฯ ตตฺถ โมเจตุกามตาติ โมเจตุกามตายาติ อโตฺถ ‘‘อลชฺชิตา’’ติอาทีสุ วิยฯ อิมินา ปน นเยน โมจนสฺสาโท มุจฺจนสฺสาโท มุตฺตสฺสาโท เมถุนสฺสาโท ผสฺสสฺสาโท กณฺฑูวนสฺสาโท ทสฺสนสฺสาโท นิสชฺชนสฺสาโท วาจสฺสาโท เคหสิตเปมํ วนภงฺคิยนฺติ เอกาทส อสฺสาทา วุตฺตา, เตสุ เอกํเยว โมจนสฺสาทํ คเหตฺวา เสสา ปฎิกฺขิตฺตา โหนฺติฯ

    19. Idāni saṅghādisesaṃ pakāsetuṃ ‘‘garukā navā’’tiādi āraddhaṃ. Garukāti saṅghādisesā idha adhippetā, aññattha pana pārājikāpi saṅgayhanti. Kasmā ‘‘terasā’’ti avatvā ‘‘navā’’ti vuttanti ce? Vītikkamakkhaṇeyeva āpajjitabbattā paṭhamāpattikā vuttā, yāvatatiyakā pana cattāro saṅghādisesā saṅghāyattattā cirena āpajjantīti na vuttā. Tattha mocetukāmatāti mocetukāmatāyāti attho ‘‘alajjitā’’tiādīsu viya. Iminā pana nayena mocanassādo muccanassādo muttassādo methunassādo phassassādo kaṇḍūvanassādo dassanassādo nisajjanassādo vācassādo gehasitapemaṃ vanabhaṅgiyanti ekādasa assādā vuttā, tesu ekaṃyeva mocanassādaṃ gahetvā sesā paṭikkhittā honti.

    เตสํ อสฺสาทานํ วเสน เอวํ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพ – โมเจตุํ อสฺสาโท โมจนสฺสาโทฯ โมจนสฺสาทเจตนาย นิมิเตฺต อุปกฺกมติ, มุจฺจติ, สงฺฆาทิเสโสฯ น มุจฺจติ เจ, ถุลฺลจฺจยํฯ มุจฺจนสฺสาเท สเจ อตฺตโน ธมฺมตาย มุจฺจมานํ อสฺสาเทติ, น อุปกฺกมติ, อนาปตฺติฯ สเจ มุจฺจมานํ อสฺสาเทโนฺต อุปกฺกมิตฺวา โมเจติ, สงฺฆาทิเสโสวฯ อตฺตโน ธมฺมตาย มุเตฺต อสฺสาโท มุตฺตสฺสาโทฯ เอตฺถาปิ อุปกฺกมสฺส นตฺถิตาย อนาปตฺติฯ เอวํ สพฺพตฺถฯ เมถุนสฺสาเทน อิตฺถิํ คณฺหนฺตสฺส มุเตฺตปิ อนาปตฺติ, อยํ เมถุนสฺสาโทฯ ผสฺสสฺสาโท ทุวิโธ อชฺฌตฺติโก พาหิโร จาติฯ ตตฺถ อชฺฌตฺติเก ตาว อตฺตโน นิมิตฺตํ ‘‘ถทฺธํ มุทุกนฺติ ชานิสฺสามี’’ติ วา โลลภาเวน วา กีฬาปยโต สเจ มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ พาหิรผสฺสสฺสาเท กายสํสคฺคราเคน มาตุคามํ ผุสโต อาลิงฺคโต จ มุเตฺต อนาปตฺติฯ กณฺฑูวนสฺสาเท ททฺทุกจฺฉาทีนํ วเสน ขชฺชมานํ นิมิตฺตํ กณฺฑูวนสฺสาเทน กณฺฑูวโต มุเตฺตปิ อนาปตฺติฯ ทสฺสนสฺสาเท มาตุคามสฺส อโนกาสํ อุปนิชฺฌายโต มุเตฺตปิ อนาปตฺติฯ นิสชฺชนสฺสาเท มาตุคาเมน สทฺธิํ รโห นิสินฺนสฺส มุเตฺตปิ อนาปตฺติฯ วาจาย อสฺสาโท วาจสฺสาโทฯ เตน อสฺสาเทน มาตุคามํ เมถุนปฺปฎิสํยุตฺตาหิ วาจาหิ โอภาสนฺตสฺส มุเตฺตปิ อนาปตฺติฯ เคหสิตเปเม มาตาทีนํ มาตาทิเปเมน อาลิงฺคนาทิํ กโรนฺตสฺส มุเตฺตปิ อนาปตฺติฯ วนภเงฺค จ สนฺถวกรณตฺถาย อิตฺถิยา เปสิตํ ปุปฺผาทิวนภงฺคสญฺญิตํ ปณฺณาการํ ‘‘อิตฺถนฺนามาย นาม อิทํ เม เปสิต’’นฺติ อสฺสาเทน อามสนฺตสฺส มุเตฺตปิ อนาปตฺติฯ เอเตสุ ปน โมจนสฺสาทวเสเนว อุปกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ, เสสานํ วเสน อนาปตฺตีติ เวทิตพฺพํฯ

    Tesaṃ assādānaṃ vasena evaṃ vinicchayo veditabbo – mocetuṃ assādo mocanassādo. Mocanassādacetanāya nimitte upakkamati, muccati, saṅghādiseso. Na muccati ce, thullaccayaṃ. Muccanassāde sace attano dhammatāya muccamānaṃ assādeti, na upakkamati, anāpatti. Sace muccamānaṃ assādento upakkamitvā moceti, saṅghādisesova. Attano dhammatāya mutte assādo muttassādo. Etthāpi upakkamassa natthitāya anāpatti. Evaṃ sabbattha. Methunassādena itthiṃ gaṇhantassa muttepi anāpatti, ayaṃ methunassādo. Phassassādo duvidho ajjhattiko bāhiro cāti. Tattha ajjhattike tāva attano nimittaṃ ‘‘thaddhaṃ mudukanti jānissāmī’’ti vā lolabhāvena vā kīḷāpayato sace muccati, anāpatti. Bāhiraphassassāde kāyasaṃsaggarāgena mātugāmaṃ phusato āliṅgato ca mutte anāpatti. Kaṇḍūvanassāde daddukacchādīnaṃ vasena khajjamānaṃ nimittaṃ kaṇḍūvanassādena kaṇḍūvato muttepi anāpatti. Dassanassāde mātugāmassa anokāsaṃ upanijjhāyato muttepi anāpatti. Nisajjanassāde mātugāmena saddhiṃ raho nisinnassa muttepi anāpatti. Vācāya assādo vācassādo. Tena assādena mātugāmaṃ methunappaṭisaṃyuttāhi vācāhi obhāsantassa muttepi anāpatti. Gehasitapeme mātādīnaṃ mātādipemena āliṅganādiṃ karontassa muttepi anāpatti. Vanabhaṅge ca santhavakaraṇatthāya itthiyā pesitaṃ pupphādivanabhaṅgasaññitaṃ paṇṇākāraṃ ‘‘itthannāmāya nāma idaṃ me pesita’’nti assādena āmasantassa muttepi anāpatti. Etesu pana mocanassādavaseneva upakkamantassa āpatti, sesānaṃ vasena anāpattīti veditabbaṃ.

    สุกฺกสฺสาติ ‘‘นีลํ ปีตกํ โลหิตกํ โอทาตํ ตกฺกวณฺณํ ทกวณฺณํ เตลวณฺณํ ขีรวณฺณํ ทธิวณฺณํ สปฺปิวณฺณ’’นฺติ (ปารา. ๒๓๗) เอวํ อาคเตสุ ทสสุ วเณฺณสุ ยสฺส กสฺสจิ สุกฺกสฺสาติ อธิปฺปาโย ฯ อุปกฺกมฺมาติ ‘‘อชฺฌตฺตรูเป โมเจติ, พหิทฺธารูเป โมเจติ, อชฺฌตฺตพหิทฺธารูเป โมเจติ, อากาเส กฎิํ กเมฺปโนฺต โมเจตี’’ติ (ปารา. ๒๓๗) เอวํ วุเตฺตสุ จตูสุ อุปาเยสุ อญฺญตเรน อุปาเยน ‘‘ราคูปตฺถเมฺภ โมเจติ, วจฺจูปตฺถเมฺภ โมเจติ, ปสฺสาวูปตฺถเมฺภ โมเจติ, วาตูปตฺถเมฺภ โมเจติ, อุจฺจาลิงฺคปาณกทฎฺฐูปตฺถเมฺภ โมเจตี’’ติ เอวํ วุเตฺตสุ ปญฺจสุ กาเลสุ กิสฺมิญฺจิ กาเล องฺคชาเต กมฺมนิยํ ปเตฺต ‘‘อาโรคฺยตฺถาย โมเจติ, สุขตฺถาย โมเจติ, เภสชฺชตฺถาย, ทานตฺถาย, ปุญฺญตฺถาย, ยญฺญตฺถาย, สคฺคตฺถาย, พีชตฺถาย, วีมํสตฺถาย, ทวตฺถาย โมเจตี’’ติ (ปารา. ๒๓๗) เอวํ วุเตฺตสุ ทสสุ อธิปฺปาเยสุ เยน เกนจิ อธิปฺปาเยน หตฺถาทีสุ เยน เกนจิ อุปกฺกมิตฺวาติ อโตฺถฯ วิโมจยนฺติ อนฺตมโส ยํ เอกา ขุทฺทกมกฺขิกา ปิเวยฺย, ตตฺตกมฺปิ โมเจโนฺตติ อโตฺถฯ อญฺญตฺร สุปินเนฺตนาติ ยา สุปินเนฺต สุกฺกวิสฺสฎฺฐิ โหติ, ตํ ฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ สมโณติ โย โกจิ อุปสมฺปโนฺนฯ ครุกนฺติ สงฺฆาทิเสสํฯ ผุเสติ อาปเชฺชยฺยาติ อโตฺถฯ

    Sukkassāti ‘‘nīlaṃ pītakaṃ lohitakaṃ odātaṃ takkavaṇṇaṃ dakavaṇṇaṃ telavaṇṇaṃ khīravaṇṇaṃ dadhivaṇṇaṃ sappivaṇṇa’’nti (pārā. 237) evaṃ āgatesu dasasu vaṇṇesu yassa kassaci sukkassāti adhippāyo . Upakkammāti ‘‘ajjhattarūpe moceti, bahiddhārūpe moceti, ajjhattabahiddhārūpe moceti, ākāse kaṭiṃ kampento mocetī’’ti (pārā. 237) evaṃ vuttesu catūsu upāyesu aññatarena upāyena ‘‘rāgūpatthambhe moceti, vaccūpatthambhe moceti, passāvūpatthambhe moceti, vātūpatthambhe moceti, uccāliṅgapāṇakadaṭṭhūpatthambhe mocetī’’ti evaṃ vuttesu pañcasu kālesu kismiñci kāle aṅgajāte kammaniyaṃ patte ‘‘ārogyatthāya moceti, sukhatthāya moceti, bhesajjatthāya, dānatthāya, puññatthāya, yaññatthāya, saggatthāya, bījatthāya, vīmaṃsatthāya, davatthāya mocetī’’ti (pārā. 237) evaṃ vuttesu dasasu adhippāyesu yena kenaci adhippāyena hatthādīsu yena kenaci upakkamitvāti attho. Vimocayanti antamaso yaṃ ekā khuddakamakkhikā piveyya, tattakampi mocentoti attho. Aññatra supinantenāti yā supinante sukkavissaṭṭhi hoti, taṃ ṭhapetvāti attho. Samaṇoti yo koci upasampanno. Garukanti saṅghādisesaṃ. Phuseti āpajjeyyāti attho.

    สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทํ ปฐมํฯ

    Sukkavissaṭṭhisikkhāpadaṃ paṭhamaṃ.

    ๒๐. อิทานิ กายสํสคฺคํ ทีเปตุํ ‘‘อิตฺถิสญฺญี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ อิตฺถิสญฺญีติ ตทหุชาตายปิ มนุสฺสิตฺถิยา อิตฺถิสญฺญีเยว หุตฺวาติ อโตฺถฯ สเจ ตตฺถ เวมติโก วา ปณฺฑกปุริสติรจฺฉานคตสญฺญี วา โหติ, ถุลฺลจฺจยํ, ตถา อิตฺถิยา กาเยน กายปฺปฎิพทฺธามสเน จ กายปฺปฎิพเทฺธน กายามสเน จ ยกฺขีเปตีปณฺฑกานํ กาเยน กายามสเน จฯ ปุริสติรจฺฉานคติตฺถีนํ ปน กาเยน กายามสเนปิ ทุกฺกฎํ, ตถา ยกฺขีอาทีนํ กาเยน กายปฺปฎิพทฺธาทีสุ จฯ มติตฺถิยา ปน ถุลฺลจฺจยํฯ กายสํสคฺคราควาติ อิมินา มาตุเปมาทิํ โมกฺขาธิปฺปายญฺจ ปฎิกฺขิปติฯ สมฺผุสโนฺตติ กายสํสคฺคราเคน อุปกฺกมฺม อนฺตมโส โลเมนปิ มนุสฺสิตฺถิํ สมฺผุสโนฺตติ อตฺถสมฺพโนฺธฯ อิมินา โย อิตฺถิยา อาลิงฺคโตปิ กาเยน น วายมติ, เกวลํ ผสฺสํเยว อนุภวติ, ตสฺส อนาปตฺตีติ ทีปิตํ โหติฯ

    20. Idāni kāyasaṃsaggaṃ dīpetuṃ ‘‘itthisaññī’’tiādi āraddhaṃ. Tattha itthisaññīti tadahujātāyapi manussitthiyā itthisaññīyeva hutvāti attho. Sace tattha vematiko vā paṇḍakapurisatiracchānagatasaññī vā hoti, thullaccayaṃ, tathā itthiyā kāyena kāyappaṭibaddhāmasane ca kāyappaṭibaddhena kāyāmasane ca yakkhīpetīpaṇḍakānaṃ kāyena kāyāmasane ca. Purisatiracchānagatitthīnaṃ pana kāyena kāyāmasanepi dukkaṭaṃ, tathā yakkhīādīnaṃ kāyena kāyappaṭibaddhādīsu ca. Matitthiyā pana thullaccayaṃ. Kāyasaṃsaggarāgavāti iminā mātupemādiṃ mokkhādhippāyañca paṭikkhipati. Samphusantoti kāyasaṃsaggarāgena upakkamma antamaso lomenapi manussitthiṃ samphusantoti atthasambandho. Iminā yo itthiyā āliṅgatopi kāyena na vāyamati, kevalaṃ phassaṃyeva anubhavati, tassa anāpattīti dīpitaṃ hoti.

    กายสํสคฺคสิกฺขาปทํ ทุติยํฯ

    Kāyasaṃsaggasikkhāpadaṃ dutiyaṃ.

    ๒๑. อิทานิ ทุฎฺฐุลฺลวาจํ ปกาเสตุํ ‘‘ตถา สุณนฺติ’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตถาติ อิตฺถิสญฺญีฯ มนุสฺสิตฺถิํ สุณนฺตินฺติ สมฺพโนฺธฯ สุณนฺตินฺติ อิมินา ปฎิพลายปิ อิตฺถิยา อวิญฺญตฺติปเถ ฐิตาย ทูเตน วา ปเณฺณน วา อาโรเจนฺตสฺส ทุฎฺฐุลฺลวาจาปตฺติน โหตีติ ทีปิตํ โหติฯ วิญฺญุญฺจาติ อิมินา ยา มหลฺลิกาปิ พาลาปิ เอฬมูคาปิ อสทฺธมฺมปฺปฎิสํยุตฺตํ กถํ น ชานาติ, สา อิธ นาธิเปฺปตาติ ทเสฺสติฯ วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคานํ วเสน มคฺคํ วา เมถุนํ วา อารพฺภาติ สมฺพโนฺธฯ ทุฎฺฐุลฺลวาจาย ราโค ทุฎฺฐุลฺลวาจาราโค, เตน ทุฎฺฐุลฺลวาจาราเคนฯ ตํ อสฺสาเทโนฺต โอภาเสตฺวา ทุรุตฺตวจนํ วตฺวา ครุกํ ผุเสติ อโตฺถฯ

    21. Idāni duṭṭhullavācaṃ pakāsetuṃ ‘‘tathā suṇanti’’ntiādi āraddhaṃ. Tattha tathāti itthisaññī. Manussitthiṃ suṇantinti sambandho. Suṇantinti iminā paṭibalāyapi itthiyā aviññattipathe ṭhitāya dūtena vā paṇṇena vā ārocentassa duṭṭhullavācāpattina hotīti dīpitaṃ hoti. Viññuñcāti iminā yā mahallikāpi bālāpi eḷamūgāpi asaddhammappaṭisaṃyuttaṃ kathaṃ na jānāti, sā idha nādhippetāti dasseti. Vaccamaggapassāvamaggānaṃ vasena maggaṃ vā methunaṃ vā ārabbhāti sambandho. Duṭṭhullavācāya rāgo duṭṭhullavācārāgo, tena duṭṭhullavācārāgena. Taṃ assādento obhāsetvā duruttavacanaṃ vatvā garukaṃ phuseti attho.

    กถํ เทฺว มเคฺค อารพฺภ ปสํสติ ครหติ? ตตฺถ ปสํสายปิ ตาว ‘‘อิตฺถิลกฺขเณน สุภลกฺขเณน สมนฺนาคตาสี’’ติ วทติ, น ตาวสีสํ เอติฯ ‘‘ตว วจฺจมโคฺค จ ปสฺสาวมโคฺค จ สุโภ สุสณฺฐาโน ทสฺสนีโย, อีทิเสน นาม อิตฺถิลกฺขเณน สุภลกฺขเณน สมนฺนาคตาสี’’ติ วทติ, สีสํ เอติ, สงฺฆาทิเสโส โหตีติ อโตฺถฯ ครหเณ ปน ‘‘สิขรณีสิ, สมฺภินฺนาสิ, อุภโตพฺยญฺชนาสี’’ติ อิมานิ ตีณิ สุทฺธานิเยว สีสํ เอนฺติ วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคานํ นิยตวจนตฺตา อโจฺจฬาริกตฺตา จฯ อญฺญานิ ปน ‘‘อนิมิตฺตาสิ, นิมิตฺตมตฺตาสี’’ติอาทีนิ มคฺคานํ อนิยตวจนตฺตา เมถุเนน ฆเฎตฺวา วุตฺตานิ เอว สีสํ เอนฺติฯ เมถุนปฺปฎิสํยุเตฺต ‘‘เทหิ เม, อรหสิ เม ทาตุ’’นฺติอาทีหิ ปน สีสํ น เอติ, ‘‘เมถุนธมฺมํ เทหี’’ติอาทินา เมถุนธเมฺม ฆฎิเตเยว สงฺฆาทิเสโสฯ อิตฺถิยา วจฺจมคฺคปสฺสาวมเคฺค ฐเปตฺวา อธกฺขกํ อุพฺภชาณุมณฺฑลํ อาทิสฺส วณฺณาทิภณเน ถุลฺลจฺจยํ, ตถา ยกฺขีเปตีปณฺฑเกสุ วจฺจมคฺคปสฺสาวมเคฺค เมถุเนปิฯ อิเมสํ ปน ยกฺขีอาทีนํ อธกฺขกาทิเก วุตฺตปฺปกาเร ปเทเส ทุํกฺกฎํ, ตถา อิตฺถิยาทีนํ อุพฺภกฺขเก อโธชาณุมณฺฑเล กายปฺปฎิพเทฺธ จาติฯ

    Kathaṃ dve magge ārabbha pasaṃsati garahati? Tattha pasaṃsāyapi tāva ‘‘itthilakkhaṇena subhalakkhaṇena samannāgatāsī’’ti vadati, na tāvasīsaṃ eti. ‘‘Tava vaccamaggo ca passāvamaggo ca subho susaṇṭhāno dassanīyo, īdisena nāma itthilakkhaṇena subhalakkhaṇena samannāgatāsī’’ti vadati, sīsaṃ eti, saṅghādiseso hotīti attho. Garahaṇe pana ‘‘sikharaṇīsi, sambhinnāsi, ubhatobyañjanāsī’’ti imāni tīṇi suddhāniyeva sīsaṃ enti vaccamaggapassāvamaggānaṃ niyatavacanattā accoḷārikattā ca. Aññāni pana ‘‘animittāsi, nimittamattāsī’’tiādīni maggānaṃ aniyatavacanattā methunena ghaṭetvā vuttāni eva sīsaṃ enti. Methunappaṭisaṃyutte ‘‘dehi me, arahasi me dātu’’ntiādīhi pana sīsaṃ na eti, ‘‘methunadhammaṃ dehī’’tiādinā methunadhamme ghaṭiteyeva saṅghādiseso. Itthiyā vaccamaggapassāvamagge ṭhapetvā adhakkhakaṃ ubbhajāṇumaṇḍalaṃ ādissa vaṇṇādibhaṇane thullaccayaṃ, tathā yakkhīpetīpaṇḍakesu vaccamaggapassāvamagge methunepi. Imesaṃ pana yakkhīādīnaṃ adhakkhakādike vuttappakāre padese duṃkkaṭaṃ, tathā itthiyādīnaṃ ubbhakkhake adhojāṇumaṇḍale kāyappaṭibaddhe cāti.

    ทุฎฺฐุลฺลวาจาสิกฺขาปทํ ตติยํฯ

    Duṭṭhullavācāsikkhāpadaṃ tatiyaṃ.

    ๒๒. อิทานิ อตฺตกามปาริจริยํ ทเสฺสตุํ ‘‘วตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ วตฺวาติ ทุฎฺฐุโลฺลภาสเน วุตฺตปฺปการํ อิตฺถิํ อิตฺถิสญฺญีเยว หุตฺวา วตฺวาติ อโตฺถฯ อตฺตกามุปฎฺฐานวณฺณนฺติ เอตฺถ เมถุนธมฺมสงฺขาเตน กาเมน อุปฎฺฐานํ กามุปฎฺฐานํ, อตฺตโน อตฺถาย กามุปฎฺฐานํ อตฺตกามุปฎฺฐานํ, อตฺตนา วา กามิตํ อิจฺฉิตนฺติ อตฺตกามํ, สยํ เมถุนราควเสน ปตฺถิตนฺติ อโตฺถ, อตฺตกามญฺจ ตํ อุปฎฺฐานญฺจาติ อตฺตกามุปฎฺฐานํ, ตสฺส วโณฺณ อตฺตกามุปฎฺฐานวโณฺณ, ตํ อตฺตกามุปฎฺฐานวณฺณํฯ ‘‘เอตทคฺคํ, ภคินิ, ปาริจริยานํ ยา มาทิสํ สีลวนฺตํ กลฺยาณธมฺมํ พฺรหฺมจาริํ เอเตน ธเมฺมน ปริจเรยฺยา’’ติ เอวํ วตฺวาติ สมฺพโนฺธฯ เมถุนราคิโนติ อิมินา คิลานปจฺจยาทีหิ อุปฎฺฐานสฺส วณฺณํ ภณโต อนาปตฺตีติ ทีปิตํ โหติฯ วาจา เมถุนยุเตฺตนาติ เอตฺถ เมถุนยุเตฺตเนว วาจาย เมถุนยาจเน ครุกํ โหติ, น อญฺญถาติ อธิปฺปาโยฯ

    22. Idāni attakāmapāricariyaṃ dassetuṃ ‘‘vatvā’’tiādi vuttaṃ. Tattha vatvāti duṭṭhullobhāsane vuttappakāraṃ itthiṃ itthisaññīyeva hutvā vatvāti attho. Attakāmupaṭṭhānavaṇṇanti ettha methunadhammasaṅkhātena kāmena upaṭṭhānaṃ kāmupaṭṭhānaṃ, attano atthāya kāmupaṭṭhānaṃ attakāmupaṭṭhānaṃ, attanā vā kāmitaṃ icchitanti attakāmaṃ, sayaṃ methunarāgavasena patthitanti attho, attakāmañca taṃ upaṭṭhānañcāti attakāmupaṭṭhānaṃ, tassa vaṇṇo attakāmupaṭṭhānavaṇṇo, taṃ attakāmupaṭṭhānavaṇṇaṃ. ‘‘Etadaggaṃ, bhagini, pāricariyānaṃ yā mādisaṃ sīlavantaṃ kalyāṇadhammaṃ brahmacāriṃ etena dhammena paricareyyā’’ti evaṃ vatvāti sambandho. Methunarāginoti iminā gilānapaccayādīhi upaṭṭhānassa vaṇṇaṃ bhaṇato anāpattīti dīpitaṃ hoti. Vācā methunayuttenāti ettha methunayutteneva vācāya methunayācane garukaṃ hoti, na aññathāti adhippāyo.

    อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทํ จตุตฺถํฯ

    Attakāmapāricariyasikkhāpadaṃ catutthaṃ.

    ๒๓. อิทานิ สญฺจริตฺตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปฎิคฺคเหตฺวา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ปฎิคฺคเหตฺวาติ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา อุภินฺนํ มาตาทีหิ วา ‘‘ภเนฺต, อิตฺถนฺนามํ อิตฺถิํ วา ปุริสํ วา เอวํ ภณาหี’’ติ วุโตฺต เตสํ วจนํ ‘‘สาธู’’ติ วา ‘‘โหตู’’ติ วา ‘‘ภณามี’’ติ วา เยน เกนจิ อากาเรน วจีเภทํ กตฺวา, สีสกมฺปนาทีหิ วา สมฺปฎิจฺฉิตฺวาติ อโตฺถฯ สเนฺทสนฺติ เอตฺถ ปน อิตฺถี ทสวิธา มาตุรกฺขิตา ปิตุรกฺขิตา มาตาปิตุรกฺขิตา ภาตุรกฺขิตา ภคินิรกฺขิตา ญาติรกฺขิตา โคตฺตรกฺขิตา ธมฺมรกฺขิตา สารกฺขา สปริทณฺฑาติฯ ทส ภริยาโย ธนกฺกีตา ฉนฺทวาสินี โภควาสินี ปฎวาสินี โอทปตฺตกินี โอภฎจุมฺพฎกา ทาสี จ ภริยา จ กมฺมการี จ ภริยา จ ธชาหฎา มุหุตฺติกา จาติฯ

    23. Idāni sañcarittaṃ dassetuṃ ‘‘paṭiggahetvā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha paṭiggahetvāti itthiyā vā purisena vā ubhinnaṃ mātādīhi vā ‘‘bhante, itthannāmaṃ itthiṃ vā purisaṃ vā evaṃ bhaṇāhī’’ti vutto tesaṃ vacanaṃ ‘‘sādhū’’ti vā ‘‘hotū’’ti vā ‘‘bhaṇāmī’’ti vā yena kenaci ākārena vacībhedaṃ katvā, sīsakampanādīhi vā sampaṭicchitvāti attho. Sandesanti ettha pana itthī dasavidhā māturakkhitā piturakkhitā mātāpiturakkhitā bhāturakkhitā bhaginirakkhitā ñātirakkhitā gottarakkhitā dhammarakkhitā sārakkhā saparidaṇḍāti. Dasa bhariyāyo dhanakkītā chandavāsinī bhogavāsinī paṭavāsinī odapattakinī obhaṭacumbaṭakā dāsī ca bhariyā ca kammakārī ca bhariyā ca dhajāhaṭā muhuttikā cāti.

    ตาสุ มาตุรกฺขิตา ภิกฺขุํ ปหิณติ ‘‘คจฺฉ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนามํ พฺรูหิ ‘โหมิ อิตฺถนฺนามสฺส ภริยา ธนกฺกีตา…เป.… มุหุตฺติกา จา’’ติ, อยํ อิตฺถิยา สเนฺทโส นามฯ สเจ มาตุรกฺขิตาย มาตาปิตาภาตาภคินิอาทโย ภิกฺขุํ ปหิณนฺติ ‘‘คจฺฉ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนามํ พฺรูหิ ‘โหตุ อิตฺถนฺนามสฺส ภริยา ธนกฺกีตา…เป.… มุหุตฺติกา จา’’ติ, อยมฺปิ อิตฺถิยา สเนฺทโสเยว นามฯ เอวํ ปิตุรกฺขิตาทีสุปิ นโย เนตโพฺพฯ ปุริโส ภิกฺขุํ ปหิณติ ‘‘คจฺฉ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนามํ มาตุรกฺขิตํ พฺรูหิ…เป.… สปริทณฺฑํ พฺรูหิ ‘โหตุ กิร อิตฺถนฺนามสฺส ภริยา ธนกฺกีตา…เป.… มุหุตฺติกา จา’’ติ, อยํ ปุริสสฺส สเนฺทโส นามฯ สเจ ปุริสสฺส มาตาปิตาภาตาภคินิอาทโย ภิกฺขุํ ปหิณนฺติ ‘‘คจฺฉ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนามํ มาตุรกฺขิตํ พฺรูหิ…เป.… สปริทณฺฑํ พฺรูหิ ‘โหตุ อิตฺถนฺนามสฺส ภริยา ธนกฺกีตา…เป.… มุหุตฺติกา จา’’ติ, อยมฺปิ ปุริสสฺส สเนฺทโสเยว นาม, อาณาปนนฺติ อโตฺถฯ

    Tāsu māturakkhitā bhikkhuṃ pahiṇati ‘‘gaccha, bhante, itthannāmaṃ brūhi ‘homi itthannāmassa bhariyā dhanakkītā…pe… muhuttikā cā’’ti, ayaṃ itthiyā sandeso nāma. Sace māturakkhitāya mātāpitābhātābhaginiādayo bhikkhuṃ pahiṇanti ‘‘gaccha, bhante, itthannāmaṃ brūhi ‘hotu itthannāmassa bhariyā dhanakkītā…pe… muhuttikā cā’’ti, ayampi itthiyā sandesoyeva nāma. Evaṃ piturakkhitādīsupi nayo netabbo. Puriso bhikkhuṃ pahiṇati ‘‘gaccha, bhante, itthannāmaṃ māturakkhitaṃ brūhi…pe… saparidaṇḍaṃ brūhi ‘hotu kira itthannāmassa bhariyā dhanakkītā…pe… muhuttikā cā’’ti, ayaṃ purisassa sandeso nāma. Sace purisassa mātāpitābhātābhaginiādayo bhikkhuṃ pahiṇanti ‘‘gaccha, bhante, itthannāmaṃ māturakkhitaṃ brūhi…pe… saparidaṇḍaṃ brūhi ‘hotu itthannāmassa bhariyā dhanakkītā…pe… muhuttikā cā’’ti, ayampi purisassa sandesoyeva nāma, āṇāpananti attho.

    วีมํสิตฺวาติ เอตฺถ วุตฺตปฺปกาเรน สาสนํ คเหตฺวา ตสฺสา อิตฺถิยา วา ปุริสสฺส วา เตสํ อวสฺสาโรจนกานํ มาตาปิตาภาตาภคินิอาทีนํ วา อาโรเจตฺวาติ อโตฺถฯ หรนฺติ ยตฺถ ปหิโต, ตตฺถ คนฺตฺวา ตสฺสา อิตฺถิยา วา ปุริสสฺส วา อาโรเจติ, สา อิตฺถี วา ปุริโส วา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉตุ วา, มา วา, ลชฺชาย วา ตุณฺหี โหตุ, ปุน อาคนฺตฺวา ตสฺสา อิตฺถิยา วา ปุริสสฺส วา หรโนฺต ครุกํ ผุเสติ สมฺพโนฺธฯ เอตฺตาวตา ‘‘ปฎิคฺคณฺหติ วีมํสติ ปจฺจาหรตี’’ติ วุตฺตํ องฺคตฺตยํ สมฺปาทิตํ โหติฯ อิมาย ติวงฺคสมฺปตฺติยา สงฺฆาทิเสโส, อิโต เยหิ เกหิจิ ทฺวีหิ อเงฺคหิ ถุลฺลจฺจยํ, เอเกน ทุกฺกฎํฯ ยกฺขีเปตีปณฺฑเกสุ องฺคตฺตเยนปิ ถุลฺลจฺจยเมว, เอเกน วา ทฺวีหิ วา ทุกฺกฎนฺติฯ

    Vīmaṃsitvāti ettha vuttappakārena sāsanaṃ gahetvā tassā itthiyā vā purisassa vā tesaṃ avassārocanakānaṃ mātāpitābhātābhaginiādīnaṃ vā ārocetvāti attho. Haranti yattha pahito, tattha gantvā tassā itthiyā vā purisassa vā āroceti, sā itthī vā puriso vā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchatu vā, mā vā, lajjāya vā tuṇhī hotu, puna āgantvā tassā itthiyā vā purisassa vā haranto garukaṃ phuseti sambandho. Ettāvatā ‘‘paṭiggaṇhati vīmaṃsati paccāharatī’’ti vuttaṃ aṅgattayaṃ sampāditaṃ hoti. Imāya tivaṅgasampattiyā saṅghādiseso, ito yehi kehici dvīhi aṅgehi thullaccayaṃ, ekena dukkaṭaṃ. Yakkhīpetīpaṇḍakesu aṅgattayenapi thullaccayameva, ekena vā dvīhi vā dukkaṭanti.

    สญฺจริตฺตสิกฺขาปทํ ปญฺจมํฯ

    Sañcarittasikkhāpadaṃ pañcamaṃ.

    ๒๔. อิทานิ กุฎิการสิกฺขาปทํ อาวิ กาตุํ ‘‘สํยาจิตปริกฺขาร’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺรายํ สเงฺขปโตฺถ – ‘‘วาสิํ เทถ, ผรสุํ เทถา’’ติอาทินา สยํ ปวตฺติตยาจนาย คหิตปริกฺขารํ สํยาจิตปริกฺขารํ ปทภาชเน วุตฺตนเยน สงฺฆํ ติกฺขตฺตุํ ยาจิตฺวา ลทฺธภิกฺขูหิ วา สเงฺฆเนว วา ตตฺถ คนฺตฺวา สารมฺภานารมฺภสปริกฺกมนาปริกฺกมนภาวํ ญตฺวา อเทสิตวตฺถุกํ ‘‘กุฎิ นาม อุลฺลิตฺตา วา โหติ อวลิตฺตา วา อุลฺลิตฺตาวลิตฺตา วา’’ติ (ปารา. ๓๔๙) เอวํ วุตฺตลกฺขณํ กุฎิํฯ ‘‘ตตฺริทํ ปมาณํ, ทีฆโส ทฺวาทส วิทตฺถิโย สุคตวิทตฺถิยา, ติริยํ สตฺตนฺตรา’’ติ (ปารา. ๓๔๘) เอวํ วุตฺตปมาณาติกฺกนฺตํ, ‘‘มยฺหํ วาสาคารํ เอสา’’ติ เอวํ อตฺตา อุเทฺทโส เอติสฺสาติ อตฺตุเทฺทสา, ตํ อตฺตุเทฺทสํ กตฺวา ครุํ สงฺฆาทิเสสํ ผุเสติ สมฺพโนฺธฯ อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – อเทสิตวตฺถุกํ ปมาณาติกฺกนฺตํ กุนฺถกิปิลฺลิกาทีนํ อาสเย กตตฺตา สารมฺภํ ทฺวีหิ พลีพเทฺทหิ ยุเตฺตน สกเฎน คนฺตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อปริกฺกมนํ อุลฺลิตฺตาทิเภทํ กุฎิํ อตฺตโน วสนตฺถาย กโรโนฺต วา การาเปโนฺต วา ‘‘อิทานิ นิฎฺฐานํ คมิสฺสตี’’ติ ปฐมปิณฺฑทาเน ถุลฺลจฺจยํ, ทุติยปิณฺฑทาเนน เลเป ฆฎิเต เทฺว จ สงฺฆาทิเสเส เทฺว จ ทุกฺกฎานิ, สเจ เทสิตวตฺถุกาเยว วา ปมาณาติกฺกนฺตาเยว วา โหติ, เอกํ สงฺฆาทิเสสํ เทฺว จ ทุกฺกฎานิ อาปชฺชตีติฯ

    24. Idāni kuṭikārasikkhāpadaṃ āvi kātuṃ ‘‘saṃyācitaparikkhāra’’ntiādi āraddhaṃ. Tatrāyaṃ saṅkhepattho – ‘‘vāsiṃ detha, pharasuṃ dethā’’tiādinā sayaṃ pavattitayācanāya gahitaparikkhāraṃ saṃyācitaparikkhāraṃ padabhājane vuttanayena saṅghaṃ tikkhattuṃ yācitvā laddhabhikkhūhi vā saṅgheneva vā tattha gantvā sārambhānārambhasaparikkamanāparikkamanabhāvaṃ ñatvā adesitavatthukaṃ ‘‘kuṭi nāma ullittā vā hoti avalittā vā ullittāvalittā vā’’ti (pārā. 349) evaṃ vuttalakkhaṇaṃ kuṭiṃ. ‘‘Tatridaṃ pamāṇaṃ, dīghaso dvādasa vidatthiyo sugatavidatthiyā, tiriyaṃ sattantarā’’ti (pārā. 348) evaṃ vuttapamāṇātikkantaṃ, ‘‘mayhaṃ vāsāgāraṃ esā’’ti evaṃ attā uddeso etissāti attuddesā, taṃ attuddesaṃ katvā garuṃ saṅghādisesaṃ phuseti sambandho. Ayaṃ panettha vinicchayo – adesitavatthukaṃ pamāṇātikkantaṃ kunthakipillikādīnaṃ āsaye katattā sārambhaṃ dvīhi balībaddehi yuttena sakaṭena gantuṃ asakkuṇeyyatāya aparikkamanaṃ ullittādibhedaṃ kuṭiṃ attano vasanatthāya karonto vā kārāpento vā ‘‘idāni niṭṭhānaṃ gamissatī’’ti paṭhamapiṇḍadāne thullaccayaṃ, dutiyapiṇḍadānena lepe ghaṭite dve ca saṅghādisese dve ca dukkaṭāni, sace desitavatthukāyeva vā pamāṇātikkantāyeva vā hoti, ekaṃ saṅghādisesaṃ dve ca dukkaṭāni āpajjatīti.

    กุฎิการสิกฺขาปทํ ฉฎฺฐํฯ

    Kuṭikārasikkhāpadaṃ chaṭṭhaṃ.

    ๒๕. อิทานิ วิหารการสิกฺขาปทํ ทเสฺสตุํ ‘‘มหลฺลก’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ มหลฺลกนฺติ สสฺสามิกภาเวน สํยาจิตกุฎิโต มหนฺตภาโว เอตสฺส อตฺถิ, ยสฺมา วา วตฺถุํ เทสาเปตฺวา ปมาณาติกฺกเมนาปิ กาตุํ วฎฺฎติ, ตสฺมา ปมาณมหนฺตตายปิ มหลฺลโก, ตํ มหลฺลกํ วิหารํ วา กตฺวาติ อโตฺถฯ เอตฺถ ปน อเทสิตวตฺถุกภาเวน เอโก สงฺฆาทิเสโส, เสสํ อนนฺตรสทิสเมวฯ อิธ จ ตตฺถ จ วาสาคารํ ฐเปตฺวา อุโปสถาคารํ วา ชนฺตาฆรํ วา อคฺคิสาลํ วา ภวิสฺสตีติ เอวมาทินา นเยน กโรนฺตสฺส อนาปตฺติฯ

    25. Idāni vihārakārasikkhāpadaṃ dassetuṃ ‘‘mahallaka’’ntiādi āraddhaṃ. Tattha mahallakanti sassāmikabhāvena saṃyācitakuṭito mahantabhāvo etassa atthi, yasmā vā vatthuṃ desāpetvā pamāṇātikkamenāpi kātuṃ vaṭṭati, tasmā pamāṇamahantatāyapi mahallako, taṃ mahallakaṃ vihāraṃ vā katvāti attho. Ettha pana adesitavatthukabhāvena eko saṅghādiseso, sesaṃ anantarasadisameva. Idha ca tattha ca vāsāgāraṃ ṭhapetvā uposathāgāraṃ vā jantāgharaṃ vā aggisālaṃ vā bhavissatīti evamādinā nayena karontassa anāpatti.

    วิหารการสิกฺขาปทํ สตฺตมํฯ

    Vihārakārasikkhāpadaṃ sattamaṃ.

    ๒๖. อิทานิ อมูลกสิกฺขาปทํ ปกาเสตุํ ‘‘อมูลเกนา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ อมูลเกนาติ ยํ โจทเกน จุทิตกมฺหิ ปุคฺคเล อทิฎฺฐํ อสุตํ อปริสงฺกิตํ, อิทํ เอเตสํ ทสฺสนสวนปริสงฺกาสงฺขาตานํ มูลานํ อภาวโต อมูลกํ, เตน อมูลเกน วตฺถุนาติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ อทิฎฺฐํ นาม อตฺตโน ปสาทจกฺขุนา วา ทิพฺพจกฺขุนา วา อทิฎฺฐํฯ อสุตํ นาม ตเถว เกนจิ วุจฺจมานํ น สุตํฯ อปริสงฺกิตํ นาม จิเตฺตน อปริสงฺกิตํ, ตํ ปน ทิฎฺฐสุตมุตวเสน ติวิธํฯ ตตฺถ ภิกฺขุญฺจ มาตุคามญฺจ ตถารูเป ฐาเน ทิสฺวา ‘‘อทฺธา อิเมหิ กต’’นฺติ วา ‘‘กริสฺสนฺตี’’ติ วา ปริสงฺกติ, อิทํ ทิฎฺฐปริสงฺกิตํ นามฯ อนฺธกาเร ปฎิจฺฉโนฺนกาเส วา ภิกฺขุสฺส จ มาตุคามสฺส จ วจนํ สุตฺวา ทุติยสฺส อตฺถิภาวํ อชานโนฺต ปุเพฺพ วุตฺตนเยน ปริสงฺกติ, อิทํ สุตปริสงฺกิตํ นามฯ ธุเตฺตหิ อิตฺถีหิ สทฺธิํ ปจฺจนฺตวิหาเรสุ ปุปฺผคนฺธสุราทีหิ อนุภวิตฺวา คตฎฺฐานํ ทิสฺวา ‘‘เกน นุ โข อิทํ กต’’นฺติ วีมํสโนฺต ตตฺร เกนจิ ภิกฺขุนา คนฺธาทีหิ ปูชา กตา โหติ, เภสชฺชตฺถาย อริฎฺฐํ วา ปีตํ, โส ตสฺส คนฺธํ ฆายิตฺวา ‘‘อยํ โส ภวิสฺสตี’’ติ ปริสงฺกติ, อิทํ มุตปริสงฺกิตํ นามฯ เอวํ ติวิธาย ปริสงฺกาย อภาเวน อปริสงฺกิตนฺติ อโตฺถฯ

    26. Idāni amūlakasikkhāpadaṃ pakāsetuṃ ‘‘amūlakenā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha amūlakenāti yaṃ codakena cuditakamhi puggale adiṭṭhaṃ asutaṃ aparisaṅkitaṃ, idaṃ etesaṃ dassanasavanaparisaṅkāsaṅkhātānaṃ mūlānaṃ abhāvato amūlakaṃ, tena amūlakena vatthunāti sambandho. Tattha adiṭṭhaṃ nāma attano pasādacakkhunā vā dibbacakkhunā vā adiṭṭhaṃ. Asutaṃ nāma tatheva kenaci vuccamānaṃ na sutaṃ. Aparisaṅkitaṃ nāma cittena aparisaṅkitaṃ, taṃ pana diṭṭhasutamutavasena tividhaṃ. Tattha bhikkhuñca mātugāmañca tathārūpe ṭhāne disvā ‘‘addhā imehi kata’’nti vā ‘‘karissantī’’ti vā parisaṅkati, idaṃ diṭṭhaparisaṅkitaṃ nāma. Andhakāre paṭicchannokāse vā bhikkhussa ca mātugāmassa ca vacanaṃ sutvā dutiyassa atthibhāvaṃ ajānanto pubbe vuttanayena parisaṅkati, idaṃ sutaparisaṅkitaṃ nāma. Dhuttehi itthīhi saddhiṃ paccantavihāresu pupphagandhasurādīhi anubhavitvā gataṭṭhānaṃ disvā ‘‘kena nu kho idaṃ kata’’nti vīmaṃsanto tatra kenaci bhikkhunā gandhādīhi pūjā katā hoti, bhesajjatthāya ariṭṭhaṃ vā pītaṃ, so tassa gandhaṃ ghāyitvā ‘‘ayaṃ so bhavissatī’’ti parisaṅkati, idaṃ mutaparisaṅkitaṃ nāma. Evaṃ tividhāya parisaṅkāya abhāvena aparisaṅkitanti attho.

    โจเทโนฺตติ ‘‘ปาราชิกํ ธมฺมํ อาปโนฺนสิ, อสฺสมโณสิ, อสกฺยปุตฺติโยสี’’ติอาทีหิ วจเนหิ สยํ โจเทโนฺตติ อโตฺถฯ เอวํ โจเทนฺตสฺส วาจาย วาจาย สงฺฆาทิเสโสฯ โจทาเปโนฺต วาติ อตฺตนา ตสฺส สมีเป ฐตฺวา อญฺญํ ภิกฺขุํ อาณาเปตฺวา โจทาเปโนฺต ตสฺส อาณตฺตสฺส วาจาย วาจาย ครุํ ผุเสติ อโตฺถฯ อถ โสปิ จาวนาธิปฺปาเยน ‘‘มยาปิ ทิฎฺฐํ อตฺถี’’ติอาทินา นเยน โจเทติ, ทฺวินฺนมฺปิ วาจาย อาปตฺติฯ วตฺถุนา อนฺติเมน จาติ ภิกฺขุโน อนุรูเปสุ เอกูนวีสติยา ปาราชิเกสุ อญฺญตเรนาติ อโตฺถฯ จาเวตุนฺติ พฺรหฺมจริยา จาเวตุํ, โย สุทฺธํ วา อสุทฺธํ วา กตูปสมฺปทํ ปุคฺคลํ สุทฺธทิฎฺฐิโก สมาโน จาวนาธิปฺปาเยน โจเทติ วา โจทาเปติ วา, ตสฺส สงฺฆาทิเสโสติ อธิปฺปาโยฯ สุณมานนฺติ อิมินา ปรมฺมุขา ทูเตน วา ปเณฺณน วา โจเทติฯ โจเทนฺตสฺส น รุหตีติ ทีปิตํ โหติฯ ปรมฺมุขา ปน สตฺตหิ อาปตฺติกฺขเนฺธหิ วทนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ

    Codentoti ‘‘pārājikaṃ dhammaṃ āpannosi, assamaṇosi, asakyaputtiyosī’’tiādīhi vacanehi sayaṃ codentoti attho. Evaṃ codentassa vācāya vācāya saṅghādiseso. Codāpento vāti attanā tassa samīpe ṭhatvā aññaṃ bhikkhuṃ āṇāpetvā codāpento tassa āṇattassa vācāya vācāya garuṃ phuseti attho. Atha sopi cāvanādhippāyena ‘‘mayāpi diṭṭhaṃ atthī’’tiādinā nayena codeti, dvinnampi vācāya āpatti. Vatthunā antimena cāti bhikkhuno anurūpesu ekūnavīsatiyā pārājikesu aññatarenāti attho. Cāvetunti brahmacariyā cāvetuṃ, yo suddhaṃ vā asuddhaṃ vā katūpasampadaṃ puggalaṃ suddhadiṭṭhiko samāno cāvanādhippāyena codeti vā codāpeti vā, tassa saṅghādisesoti adhippāyo. Suṇamānanti iminā parammukhā dūtena vā paṇṇena vā codeti. Codentassa na ruhatīti dīpitaṃ hoti. Parammukhā pana sattahi āpattikkhandhehi vadantassa dukkaṭaṃ.

    อมูลกสิกฺขาปทํ อฎฺฐมํฯ

    Amūlakasikkhāpadaṃ aṭṭhamaṃ.

    ๒๗. อิทานิ อญฺญภาคิยสิกฺขาปทํ ทเสฺสตุํ ‘‘อญฺญสฺส กิริย’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อญฺญสฺส กิริยนฺติ อญฺญสฺส ขตฺติยาทิชาติกสฺส ปาราชิกสฺส วีติกฺกมสงฺขาตํ กิริยํ ทิสฺวาติ สมฺพโนฺธฯ เตน เลเสนาติ ‘‘ทส เลสา ชาติเลโส นามเลโส โคตฺตเลโส ลิงฺคเลโส อาปตฺติเลโส ปตฺตเลโส จีวรเลโส อุปชฺฌายเลโส อาจริยเลโส เสนาสนเลโส’’ติ (ปารา. ๓๙๔) เอวํ วุเตฺตสุ ทสสุ เลเสสุ โย ตสฺมิํ ปุคฺคเล ทิสฺสติ, เตน เลเสน ตทญฺญํ ปุคฺคลํ พฺรหฺมจริยา จาเวตุํ อนฺติมวตฺถุนา โจเทโนฺต ครุกํ ผุเสติ อโตฺถฯ ตตฺถ อญฺญมฺปิ วตฺถุํ ลิสฺสติ สิลิสฺสติ โวหารมเตฺตเนว อีสกํ อลฺลียตีติ เลโส, ชาติเยว เลโส ชาติเลโสฯ เอส นโย เสสปเทสุปิฯ เลเสน โจเทโนฺต กถํ โจเทติ? อโญฺญ ขตฺติยชาติโก อิมินา โจทเกน ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชโนฺต ทิโฎฺฐ โหติ, โส อญฺญํ อตฺตโน เวริํ ขตฺติยชาติกํ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา ตํ ขตฺติยชาติเลสํ คเหตฺวา เอวํ โจเทติ ‘‘ขตฺติโย มยา ทิโฎฺฐ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชโนฺต, ตฺวมฺปิ ขตฺติโย ปาราชิกํ ธมฺมํ อาปโนฺนสี’’ติ วา ‘‘โส ตฺวํ ขตฺติโย, นาโญฺญ, ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปโนฺนสี’’ติ วา โจเทติฯ เอวํ นามเลสาทโยปิ เวทิตพฺพาฯ

    27. Idāni aññabhāgiyasikkhāpadaṃ dassetuṃ ‘‘aññassa kiriya’’ntiādimāha. Tattha aññassa kiriyanti aññassa khattiyādijātikassa pārājikassa vītikkamasaṅkhātaṃ kiriyaṃ disvāti sambandho. Tena lesenāti ‘‘dasa lesā jātileso nāmaleso gottaleso liṅgaleso āpattileso pattaleso cīvaraleso upajjhāyaleso ācariyaleso senāsanaleso’’ti (pārā. 394) evaṃ vuttesu dasasu lesesu yo tasmiṃ puggale dissati, tena lesena tadaññaṃ puggalaṃ brahmacariyā cāvetuṃ antimavatthunā codento garukaṃ phuseti attho. Tattha aññampi vatthuṃ lissati silissati vohāramatteneva īsakaṃ allīyatīti leso, jātiyeva leso jātileso. Esa nayo sesapadesupi. Lesena codento kathaṃ codeti? Añño khattiyajātiko iminā codakena pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpajjanto diṭṭho hoti, so aññaṃ attano veriṃ khattiyajātikaṃ bhikkhuṃ passitvā taṃ khattiyajātilesaṃ gahetvā evaṃ codeti ‘‘khattiyo mayā diṭṭho pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpajjanto, tvampi khattiyo pārājikaṃ dhammaṃ āpannosī’’ti vā ‘‘so tvaṃ khattiyo, nāñño, pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpannosī’’ti vā codeti. Evaṃ nāmalesādayopi veditabbā.

    อญฺญภาคิยสิกฺขาปทํ นวมํฯ

    Aññabhāgiyasikkhāpadaṃ navamaṃ.

    ๒๘. เอตฺตาวตา ‘‘ครุกา นวา’’ติ อุทฺทิเฎฺฐ วิตฺถารโต ทเสฺสตฺวา อิทานิ เตสุ อาปเนฺนสุ ปฎิปชฺชนาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘ฉาเทติ ชานมาปนฺน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสายํ ปิณฺฑโตฺถ – โย ภิกฺขุ ‘‘อยํ อิตฺถนฺนามา อาปตฺตี’’ติ อาปตฺติวเสน วา ‘‘อิทํ ภิกฺขูนํ น วฎฺฎตี’’ติ เอวํ วตฺถุวเสน วา ชานมาปนฺนํ อาปตฺติํ ยาว ฉาเทติ, ตาว เตน ภิกฺขุนา อกามา ปริวาโส วสิตโพฺพติฯ จเรยฺยาติ มานตฺตํ สมาทาย วเสยฺยฯ กิตฺตกํ ทิวสนฺติ เจ? ฉ รตฺติโยฯ มานตฺตวาโส ปน สเงฺฆเยว, น คเณ, น ปุคฺคเล, เตน วุตฺตํ ‘‘สเงฺฆ’’ติฯ ปริวุโตฺถติ ‘‘ตโย โข อุปาลิ ปาริวาสิกสฺส ภิกฺขุโน รตฺติเจฺฉทา สหวาโส วิปฺปวาโส อนาโรจนา’’ติ (จูฬว. ๘๓) เอวํ วุตฺตํ รตฺติเจฺฉทํ อกตฺวา ปริวุโตฺถติ อโตฺถฯ ตตฺถ สหวาโสติ ปกตเตฺตน ภิกฺขุนา สทฺธิํ เอกจฺฉเนฺน อุทกปาตฎฺฐานพฺภนฺตเร วาโสฯ วิปฺปวาโส นาม อญฺญํ ปกตตฺตํ ภิกฺขุํ วินา วาโสฯ อนาโรจนาติ อาคนฺตุกาทีนํ อนาโรจนาฯ เอเตสุ ตีสุ เอเกนาปิ รตฺติเจฺฉโท โหติ เอวฯ เอตฺถ ปน อุปจารสีมคตานํ อาโรเจตพฺพํ, น พหิ ฐิตานํ, พหิ ฐิตานมฺปิ สเจ สทฺทํ สุณาติ, ปสฺสติ, ทูรํ วา คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพเมว, อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติเจฺฉโท เจว วตฺตเภเท ทุกฺกฎญฺจ โหติฯ อชานนฺตเสฺสว อุปจารสีมํ ปวิสิตฺวา คจฺฉนฺติ เจ, รตฺติเจฺฉโทว โหติ, น วตฺตเภโทฯ

    28. Ettāvatā ‘‘garukā navā’’ti uddiṭṭhe vitthārato dassetvā idāni tesu āpannesu paṭipajjanākāraṃ dassetuṃ ‘‘chādeti jānamāpanna’’ntiādi vuttaṃ. Tassāyaṃ piṇḍattho – yo bhikkhu ‘‘ayaṃ itthannāmā āpattī’’ti āpattivasena vā ‘‘idaṃ bhikkhūnaṃ na vaṭṭatī’’ti evaṃ vatthuvasena vā jānamāpannaṃ āpattiṃ yāva chādeti, tāva tena bhikkhunā akāmā parivāso vasitabboti. Careyyāti mānattaṃ samādāya vaseyya. Kittakaṃ divasanti ce? Cha rattiyo. Mānattavāso pana saṅgheyeva, na gaṇe, na puggale, tena vuttaṃ ‘‘saṅghe’’ti. Parivutthoti ‘‘tayo kho upāli pārivāsikassa bhikkhuno ratticchedā sahavāso vippavāso anārocanā’’ti (cūḷava. 83) evaṃ vuttaṃ ratticchedaṃ akatvā parivutthoti attho. Tattha sahavāsoti pakatattena bhikkhunā saddhiṃ ekacchanne udakapātaṭṭhānabbhantare vāso. Vippavāso nāma aññaṃ pakatattaṃ bhikkhuṃ vinā vāso. Anārocanāti āgantukādīnaṃ anārocanā. Etesu tīsu ekenāpi ratticchedo hoti eva. Ettha pana upacārasīmagatānaṃ ārocetabbaṃ, na bahi ṭhitānaṃ, bahi ṭhitānampi sace saddaṃ suṇāti, passati, dūraṃ vā gantvā ārocetabbameva, anārocentassa ratticchedo ceva vattabhede dukkaṭañca hoti. Ajānantasseva upacārasīmaṃ pavisitvā gacchanti ce, ratticchedova hoti, na vattabhedo.

    จิณฺณมานตฺตนฺติ ‘‘จตฺตาโร โข, อุปาลิ, มานตฺตจาริกสฺส ภิกฺขุโน รตฺติเจฺฉทา สหวาโส วิปฺปวาโส อนาโรจนา อูเน คเณ จรณ’’นฺติ (จูฬว. ๙๒) เอวํ วุตฺตํ รตฺติเจฺฉทํ อกตฺวา จิณฺณมานตฺตํ ปรินิฎฺฐิตมานตฺตนฺติ อโตฺถฯ เอตฺถ ปน สหวาสาทโย ปริวาเส วุตฺตปฺปการา เอวฯ ‘‘อูเน คเณ จรณ’’นฺติ เอตฺถ คโณ จตฺตาโร วา อติเรกา วา ภิกฺขู, ตสฺมา สเจปิ ตีหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ วสติ, รตฺติเจฺฉโท โหติเยว, ‘‘สเจ ปน เตน เตสํ อตฺถิภาวํ ทิสฺวา อาโรจิเต ปกฺกมนฺติ, อูเน คเณ จรณโทโส น โหตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๙๗) อฎฺฐกถาสุ วุตฺตํ กิรฯ อเพฺภยฺยาติ ตํ ภิกฺขุํ วีสติคโณ สโงฺฆ อเพฺภยฺย สมฺปฎิเจฺฉยฺย, อพฺภานกมฺมวเสน โอสาเรยฺยาติ อโตฺถฯ สเจ เอเกนปิ อูโน วีสติคโณ ภิกฺขุสโงฺฆ ตํ ภิกฺขุํ อเพฺภยฺย, โส จ ภิกฺขุ น อพฺภิโต, เต จ ภิกฺขู คารยฺหา, ทุกฺกฎํ อาปชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ

    Ciṇṇamānattanti ‘‘cattāro kho, upāli, mānattacārikassa bhikkhuno ratticchedā sahavāso vippavāso anārocanā ūne gaṇe caraṇa’’nti (cūḷava. 92) evaṃ vuttaṃ ratticchedaṃ akatvā ciṇṇamānattaṃ pariniṭṭhitamānattanti attho. Ettha pana sahavāsādayo parivāse vuttappakārā eva. ‘‘Ūne gaṇe caraṇa’’nti ettha gaṇo cattāro vā atirekā vā bhikkhū, tasmā sacepi tīhi bhikkhūhi saddhiṃ vasati, ratticchedo hotiyeva, ‘‘sace pana tena tesaṃ atthibhāvaṃ disvā ārocite pakkamanti, ūne gaṇe caraṇadoso na hotī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 97) aṭṭhakathāsu vuttaṃ kira. Abbheyyāti taṃ bhikkhuṃ vīsatigaṇo saṅgho abbheyya sampaṭiccheyya, abbhānakammavasena osāreyyāti attho. Sace ekenapi ūno vīsatigaṇo bhikkhusaṅgho taṃ bhikkhuṃ abbheyya, so ca bhikkhu na abbhito, te ca bhikkhū gārayhā, dukkaṭaṃ āpajjantīti attho.

    ๒๙. อิทานิ ยถา ฉาทิตา อาปตฺติ ฉนฺนา โหติ, ตํ ปการํ ทเสฺสตุํ ‘‘อาปตฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถายํ ปทโยชนา – อาปตฺติตา จ อนุกฺขิตฺตตา จ อนนฺตรายตา จ ปหุตฺตตา จ อาปตฺตินุกฺขิตฺตอนนฺตรายปหุตฺตตาโย, เอตาสุ จตูสุ ตถาสญฺญิตา จ ฉาเทตุกาโม หุตฺวา ฉาทนา จาติ เอวํ ทสหเงฺคหิ อรุณุคฺคมมฺหิ ฉนฺนา โหตีติฯ เอตฺถ ปน อาปตฺติอาทีสุ จตูสุ อาปตฺติสญฺญิตา จ อนุกฺขิตฺตสญฺญิตา จ อนนฺตรายสญฺญิตา จ ปหุตฺตสญฺญิตา จาติ เอวํ สญฺญาวเสน โยเชตฺวา อฎฺฐงฺคานิ คเหตพฺพานิ, ฉาเทตุกาโมติ อิทเมกํ, ฉาทนาติ อิทเมกนฺติ เอวํ ทสฯ

    29. Idāni yathā chāditā āpatti channā hoti, taṃ pakāraṃ dassetuṃ ‘‘āpattī’’tiādi vuttaṃ. Tatthāyaṃ padayojanā – āpattitā ca anukkhittatā ca anantarāyatā ca pahuttatā ca āpattinukkhittaanantarāyapahuttatāyo, etāsu catūsu tathāsaññitā ca chādetukāmo hutvā chādanā cāti evaṃ dasahaṅgehi aruṇuggamamhi channā hotīti. Ettha pana āpattiādīsu catūsu āpattisaññitā ca anukkhittasaññitā ca anantarāyasaññitā ca pahuttasaññitā cāti evaṃ saññāvasena yojetvā aṭṭhaṅgāni gahetabbāni, chādetukāmoti idamekaṃ, chādanāti idamekanti evaṃ dasa.

    เอเตสุ ปน อาทิโต ปฎฺฐาย อยํ วินิจฺฉโย – ‘‘อาปตฺติ จ โหติ อาปตฺติสญฺญี จา’’ติ เอตฺถ ยํ อาปโนฺน, สา เตรสนฺนํ อญฺญตรา โหติ, โสปิ จ ตตฺถ ครุกาปตฺติสญฺญีเยว หุตฺวา ชานโนฺต ฉาเทติ, ฉนฺนา โหติฯ สเจ ตตฺถ อนาปตฺติสญฺญี วา อญฺญาปตฺติสญฺญี วา เวมติโก วา โหติ, อจฺฉนฺนาว โหติฯ ติวิธํ ปน อุเกฺขปนียกมฺมํ, เตน อกโต อนุกฺขิโตฺตฯ โส เจ ปกตตฺตสญฺญี หุตฺวา ฉาเทติ, ฉนฺนา โหติฯ สเจ อปกตตฺตสญฺญี ฉาเทติ, อจฺฉนฺนา โหติฯ อปกตเตฺตน ปน ปกตตฺตสญฺญินาปิ อปกตตฺตสญฺญินาปิ ฉาทิตํ อจฺฉาทิตเมว โหตีติฯ อนนฺตรายิโกติ ยสฺส ทสสุ ราชโจรอคฺคิอุทกมนุสฺสามนุสฺสวาฬสรีสปชีวิตพฺรหฺมจริยนฺตราเยสุปิ เอโกปิ นตฺถิ, โส เจ อนนฺตรายิกสญฺญี หุตฺวา ฉาเทติ, ฉนฺนา โหติฯ สเจ โส อนฺธการภีรุโก อนนฺตราเย เอว วาฬาทิอนฺตรายสญฺญี หุตฺวา ฉาเทติ, อจฺฉนฺนาว โหติฯ ปหูติ โย สโกฺกติ สภาคภิกฺขุโน สมีปํ คนฺตุเญฺจว อาโรจิตุญฺจ , โส เจ ปหุสญฺญี หุตฺวา ฉาเทติ, ฉนฺนา โหติฯ โย ปน อปหุ หุตฺวา ปหุสญฺญี, ปหุ วา อปหุสญฺญี หุตฺวา ฉาเทติ, อจฺฉนฺนาว โหตีติฯ

    Etesu pana ādito paṭṭhāya ayaṃ vinicchayo – ‘‘āpatti ca hoti āpattisaññī cā’’ti ettha yaṃ āpanno, sā terasannaṃ aññatarā hoti, sopi ca tattha garukāpattisaññīyeva hutvā jānanto chādeti, channā hoti. Sace tattha anāpattisaññī vā aññāpattisaññī vā vematiko vā hoti, acchannāva hoti. Tividhaṃ pana ukkhepanīyakammaṃ, tena akato anukkhitto. So ce pakatattasaññī hutvā chādeti, channā hoti. Sace apakatattasaññī chādeti, acchannā hoti. Apakatattena pana pakatattasaññināpi apakatattasaññināpi chāditaṃ acchāditameva hotīti. Anantarāyikoti yassa dasasu rājacoraaggiudakamanussāmanussavāḷasarīsapajīvitabrahmacariyantarāyesupi ekopi natthi, so ce anantarāyikasaññī hutvā chādeti, channā hoti. Sace so andhakārabhīruko anantarāye eva vāḷādiantarāyasaññī hutvā chādeti, acchannāva hoti. Pahūti yo sakkoti sabhāgabhikkhuno samīpaṃ gantuñceva ārocituñca , so ce pahusaññī hutvā chādeti, channā hoti. Yo pana apahu hutvā pahusaññī, pahu vā apahusaññī hutvā chādeti, acchannāva hotīti.

    อรุณุคฺคมมฺหีติ เอตฺถ ปุเรภตฺตํ วา อาปตฺติํ อาปโนฺน โหติ ปจฺฉาภตฺตํ วา, ยาว อรุณํ น อุคฺคจฺฉติ, ตาว อาโรเจตพฺพาฯ สเจ ปน อรุณพฺภนฺตเร สตกฺขตฺตุมฺปิ ฉาเทตุกามตา อุปฺปชฺชติ, อจฺฉนฺนาว โหติฯ อาโรเจโนฺต ปน สภาคสงฺฆาทิเสสํ อาปนฺนสฺส อาโรเจตุํ น วฎฺฎติฯ สเจ อาโรเจติ, อาปตฺติ ปน อาวิกตา โหติ, อาโรจนปจฺจยา ปน อญฺญํ ทุกฺกฎํ อาปตฺติํ อาปชฺชติฯ อิมินา อญฺญมฺปิ วตฺถุสภาคาปตฺติํ อาโรเจตุํ น วฎฺฎตีติ ทีปิโต โหติฯ อาโรเจเนฺตน ปน ‘‘อหํ ตว สนฺติเก เอกํ อาปตฺติํ อาวิ กโรมี’’ติ วา ‘‘อาจิกฺขามี’’ติ วา ‘‘อาโรเจมี’’ติ วา ‘‘เอกํ อาปตฺติํ อาปนฺนภาวํ ชานาหี’’ติ วา ‘‘เอกํ ครุกาปตฺติํ อาวิ กโรมี’’ติ วา อาทินา นเยน วตฺตพฺพํ, เอตฺตาวตา อจฺฉนฺนาว โหติฯ สเจ ‘‘ลหุกาปตฺติํ อาโรเจมี’’ติ วทติ, ฉนฺนาว โหตีติฯ สงฺฆาทิเสสวินิจฺฉโยฯ

    Aruṇuggamamhīti ettha purebhattaṃ vā āpattiṃ āpanno hoti pacchābhattaṃ vā, yāva aruṇaṃ na uggacchati, tāva ārocetabbā. Sace pana aruṇabbhantare satakkhattumpi chādetukāmatā uppajjati, acchannāva hoti. Ārocento pana sabhāgasaṅghādisesaṃ āpannassa ārocetuṃ na vaṭṭati. Sace āroceti, āpatti pana āvikatā hoti, ārocanapaccayā pana aññaṃ dukkaṭaṃ āpattiṃ āpajjati. Iminā aññampi vatthusabhāgāpattiṃ ārocetuṃ na vaṭṭatīti dīpito hoti. Ārocentena pana ‘‘ahaṃ tava santike ekaṃ āpattiṃ āvi karomī’’ti vā ‘‘ācikkhāmī’’ti vā ‘‘ārocemī’’ti vā ‘‘ekaṃ āpattiṃ āpannabhāvaṃ jānāhī’’ti vā ‘‘ekaṃ garukāpattiṃ āvi karomī’’ti vā ādinā nayena vattabbaṃ, ettāvatā acchannāva hoti. Sace ‘‘lahukāpattiṃ ārocemī’’ti vadati, channāva hotīti. Saṅghādisesavinicchayo.

    สงฺฆาทิเสสนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saṅghādisesaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact