Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๒. สงฺฆาทิเสสนิเทฺทสวณฺณนา
2. Saṅghādisesaniddesavaṇṇanā
๑๙. วุฎฺฐานสฺส ครุกตฺตา ครุกาติ สงฺฆาทิเสสา วุจฺจนฺติฯ นวาติ เตสํ คณนปริเจฺฉโทฯ นนุ ‘‘นวา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, ‘‘เตรสา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ? นายํ โทโส, จิเรนาปชฺชิตเพฺพ จตฺตาโร ยาวตติยเก ฐเปตฺวา วีติกฺกมกฺขเณเยว อาปชฺชิตพฺพา ปฐมาปตฺติกา วุจฺจนฺตีติฯ อิทานิ เต ทเสฺสตุํ ‘‘โมเจตุกามตา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ สุกฺกสฺสาติ อาสยธาตุนานตฺตโต นีลาทิวเสน ทสวิเธ สุเกฺก ยสฺส กสฺสจิ สุกฺกสฺสฯ โมเจตุกามตาติ โมเจตุกามตาย, ย-กาโร ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐฯ อิมินา ปน วจเนน โมจนสฺสาท มุจฺจนสฺสาท มุตฺตสฺสาทเมถุนสฺสาท ผสฺสสฺสาท กณฺฑุวนสฺสาท ทสฺสนสฺสาท นิสชฺชนสฺสาท วาจสฺสาท เคหสิตเปม วนภงฺคิย สงฺขาเตสุ เอกาทสสฺสาเทสุ เอกํเยว โมจนสฺสาทํ ทเสฺสติฯ
19. Vuṭṭhānassa garukattā garukāti saṅghādisesā vuccanti. Navāti tesaṃ gaṇanaparicchedo. Nanu ‘‘navā’’ti kasmā vuttaṃ, ‘‘terasā’’ti vattabbanti? Nāyaṃ doso, cirenāpajjitabbe cattāro yāvatatiyake ṭhapetvā vītikkamakkhaṇeyeva āpajjitabbā paṭhamāpattikā vuccantīti. Idāni te dassetuṃ ‘‘mocetukāmatā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha sukkassāti āsayadhātunānattato nīlādivasena dasavidhe sukke yassa kassaci sukkassa. Mocetukāmatāti mocetukāmatāya, ya-kāro luttaniddiṭṭho. Iminā pana vacanena mocanassāda muccanassāda muttassādamethunassāda phassassāda kaṇḍuvanassāda dassanassāda nisajjanassāda vācassāda gehasitapema vanabhaṅgiya saṅkhātesu ekādasassādesu ekaṃyeva mocanassādaṃ dasseti.
ตตฺถ โมจนาย อสฺสาโท สุขเวทนา โมจนสฺสาโทฯ มุจฺจเน อตฺตโน ธมฺมตาย มุจฺจเน อสฺสาโท มุจฺจนสฺสาโทฯ เอวํ สพฺพตฺถ สตฺตมีตปฺปุริเสน อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อิเมหิ ปน นวหิ ปเทหิ สมฺปยุตฺตอสฺสาทสีเสน ราโค วุโตฺตฯ เคหนิสฺสิเตสุ มาตาทีสุ เปมํ เคเห สิตํ เปมนฺติ เคหสิตเปมํ, อิมินา สรูเปเนว ราโค วุโตฺตฯ สนฺถวกรณตฺถาย อิตฺถิยา เปสิตปุปฺผาทิ วนภงฺคิยํ, อิมินา จ วตฺถุวเสน ราโค วุโตฺตฯ เมถุนสฺสาโทปิ อิตฺถิยา คหณปฺปโยเคน เวทิตโพฺพฯ สพฺพเตฺถว จ ปน เจตนานิมิตฺตุปกฺกมโมจเน สติ วิสเงฺกตาภาโว เวทิตโพฺพฯ อุปกฺกมฺม หตฺถาทินา นิมิเตฺต อุปกฺกมิตฺวาฯ อญฺญตฺร สุปินเนฺตนาติ สุปิโนเยว สุปินโนฺต ‘‘กมฺมเมว กมฺมโนฺต’’ติอาทีสุ วิย อนฺต-สทฺทสฺส ตพฺภาววุตฺติตฺตาฯ ตํ สุปินนฺตํ วินา วิโมจยํ สุกฺกํ วิโมเจโนฺต สมโณ โย โกจิ ภิกฺขุ ครุกํ ครุกาปตฺติสงฺขาตํ สงฺฆาทิเสสํ ผุเส ผุเสยฺย, อาปเชฺชยฺยาติ วุตฺตํ โหติฯ เอตฺถ จ อชฺฌตฺตรูปพหิทฺธารูปอุภยรูปอากาเสกฎิกมฺปนสงฺขาเตสุ จตูสุ อุปาเยสุ สติ ราคูปตฺถมฺภาทีสุ จ กาเลสุ เยน เกนจิ องฺคชาเต กมฺมญฺญตํ ปเตฺต ‘‘อาโรคฺยตฺถายา’’ติอาทีสุ เยน เกนจิ อธิปฺปาเยน อธิปฺปายวตฺถุภูตํ ยํ กิญฺจิ สุกฺกํ โมจนสฺสาทเจตนาย เอว นิมิเตฺต อุปกฺกมฺม โมเจโนฺต สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชตีติ สพฺพถา อธิปฺปาโย ทฎฺฐโพฺพฯ
Tattha mocanāya assādo sukhavedanā mocanassādo. Muccane attano dhammatāya muccane assādo muccanassādo. Evaṃ sabbattha sattamītappurisena attho daṭṭhabbo. Imehi pana navahi padehi sampayuttaassādasīsena rāgo vutto. Gehanissitesu mātādīsu pemaṃ gehe sitaṃ pemanti gehasitapemaṃ, iminā sarūpeneva rāgo vutto. Santhavakaraṇatthāya itthiyā pesitapupphādi vanabhaṅgiyaṃ, iminā ca vatthuvasena rāgo vutto. Methunassādopi itthiyā gahaṇappayogena veditabbo. Sabbattheva ca pana cetanānimittupakkamamocane sati visaṅketābhāvo veditabbo. Upakkamma hatthādinā nimitte upakkamitvā. Aññatra supinantenāti supinoyeva supinanto ‘‘kammameva kammanto’’tiādīsu viya anta-saddassa tabbhāvavuttittā. Taṃ supinantaṃ vinā vimocayaṃ sukkaṃ vimocento samaṇo yo koci bhikkhu garukaṃ garukāpattisaṅkhātaṃ saṅghādisesaṃ phuse phuseyya, āpajjeyyāti vuttaṃ hoti. Ettha ca ajjhattarūpabahiddhārūpaubhayarūpaākāsekaṭikampanasaṅkhātesu catūsu upāyesu sati rāgūpatthambhādīsu ca kālesu yena kenaci aṅgajāte kammaññataṃ patte ‘‘ārogyatthāyā’’tiādīsu yena kenaci adhippāyena adhippāyavatthubhūtaṃ yaṃ kiñci sukkaṃ mocanassādacetanāya eva nimitte upakkamma mocento saṅghādisesaṃ āpajjatīti sabbathā adhippāyo daṭṭhabbo.
ปฐโมฯ
Paṭhamo.
๒๐. กายสํสคฺคราควาติ กาเย สํสโคฺค, ตสฺมิํ ราโค, โส อสฺส อตฺถีติ วนฺตุ, กายสํสคฺคราคสมงฺคีติ อโตฺถฯ สมโณ อิตฺถิสญฺญีติ สมฺพโนฺธฯ อุปกฺกมฺมาติ กาเยน วายมิตฺวาฯ มนุสฺสิตฺถิํ สมฺผุสโนฺตติ อนฺตมโส โลเมนปิ ปรามสโนฺต ครุกํ ผุเสติ โยชนาฯ มนุสฺสภูตา อมตา อิตฺถี มนุสฺสิตฺถีฯ ตตฺถ ‘‘กายสํสคฺคราควา’’ติ อิมินา มาตุเปมาทิํ , อิตฺถิยา คหิตโมกฺขาธิปฺปายญฺจ ปฎิกฺขิปติฯ อิตฺถิยา เวมติกสฺส, ปณฺฑกปุริสติรจฺฉานคตสญฺญิสฺส จ ถุลฺลจฺจยํฯ อิตฺถิยา ปน กาเยน กายปฺปฎิพทฺธามสเน, กายปฺปฎิพเทฺธน กายามสเน จ ยกฺขีเปตีปณฺฑกานํ กาเยน กายามสเน จ ปุริสติรจฺฉานคติตฺถีนํ กาเยน กายามสเนปิ ทุกฺกฎํ, ตถายกฺขีอาทีนํ กาเยน กายปฺปฎิพทฺธาทีสุ จฯ มติตฺถิยา ปน ถุลฺลจฺจยํฯ อิตฺถิยา ปน ผุสิยมาโน เสวนาธิปฺปาโยปิ สเจ กาเยน น วายมติ, อนาปตฺติฯ
20.Kāyasaṃsaggarāgavāti kāye saṃsaggo, tasmiṃ rāgo, so assa atthīti vantu, kāyasaṃsaggarāgasamaṅgīti attho. Samaṇo itthisaññīti sambandho. Upakkammāti kāyena vāyamitvā. Manussitthiṃ samphusantoti antamaso lomenapi parāmasanto garukaṃ phuseti yojanā. Manussabhūtā amatā itthī manussitthī. Tattha ‘‘kāyasaṃsaggarāgavā’’ti iminā mātupemādiṃ , itthiyā gahitamokkhādhippāyañca paṭikkhipati. Itthiyā vematikassa, paṇḍakapurisatiracchānagatasaññissa ca thullaccayaṃ. Itthiyā pana kāyena kāyappaṭibaddhāmasane, kāyappaṭibaddhena kāyāmasane ca yakkhīpetīpaṇḍakānaṃ kāyena kāyāmasane ca purisatiracchānagatitthīnaṃ kāyena kāyāmasanepi dukkaṭaṃ, tathāyakkhīādīnaṃ kāyena kāyappaṭibaddhādīsu ca. Matitthiyā pana thullaccayaṃ. Itthiyā pana phusiyamāno sevanādhippāyopi sace kāyena na vāyamati, anāpatti.
ทุติโยฯ
Dutiyo.
๒๑. ตถาติ อิตฺถิสญฺญีฯ สุณนฺตินฺติ วิญฺญตฺติปเถ ฐตฺวา อตฺตโน วจนํ สุณนฺติญฺจฯ วิญฺญุญฺจาติ ทุฎฺฐุลฺลาทุฎฺฐุลฺลสลฺลกฺขณสมตฺถญฺจ มนุสฺสิตฺถิํฯ มคฺคํ วาติ วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคานํ วเสน มคฺคํ วา เมถุนํ วา อารพฺภาติ สมฺพโนฺธฯ ทุฎฺฐุลฺลวาจาราเคนาติ ทุฎฺฐา จ สา อสทฺธมฺมปฺปฎิสํยุตฺตตาย ถูลา จ ลามกชนสาธารณตายาติ ทุฎฺฐุลฺลาฯ สาว ปุน วาจา ทุฎฺฐุลฺลวาจาฯ ตสฺสํ อสฺสาทสมฺปยุโตฺต ราโคติ สมาโส, เตนฯ โอภาสิตฺวาติ วณฺณาวณฺณยาจนาทิวเสน อสทฺธมฺมวจนํ วตฺวาฯ อสุณนฺติยา ปน ทูเตน วา ปเณฺณน วา อาโรจิเต อนาปตฺติฯ ตตฺถ ทฺวินฺนํ มคฺคานํ วเสน วณฺณาวเณฺณหิ, เมถุนยาจนาทีหิ วา ‘‘สิขรณีสิ, สมฺภินฺนาสิ, อุภโตพฺยญฺชนกาสี’’ติ อิเมสุ ตีสุ อญฺญตเรน อโกฺกสวจเนน วา โอภาสนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโส, อธกฺขกอุพฺภชาณุมณฺฑลํ อาทิสฺส วณฺณาทิภณเน ถุลฺลจฺจยํ, ตถา ยกฺขีเปตีปณฺฑกานํ วจฺจมคฺคปสฺสาวมเคฺค อาทิสฺส วณฺณาทิภณเน เมถุนยาจนาทีสุปิฯ เตสํ ปน อธกฺขกาทิเก ทุกฺกฎํ, ตถา มนุสฺสิตฺถีนํ อุพฺภกฺขเก อโธชาณุมณฺฑเล กายปฺปฎิพเทฺธ จฯ
21.Tathāti itthisaññī. Suṇantinti viññattipathe ṭhatvā attano vacanaṃ suṇantiñca. Viññuñcāti duṭṭhullāduṭṭhullasallakkhaṇasamatthañca manussitthiṃ. Maggaṃ vāti vaccamaggapassāvamaggānaṃ vasena maggaṃ vā methunaṃ vā ārabbhāti sambandho. Duṭṭhullavācārāgenāti duṭṭhā ca sā asaddhammappaṭisaṃyuttatāya thūlā ca lāmakajanasādhāraṇatāyāti duṭṭhullā. Sāva puna vācā duṭṭhullavācā. Tassaṃ assādasampayutto rāgoti samāso, tena. Obhāsitvāti vaṇṇāvaṇṇayācanādivasena asaddhammavacanaṃ vatvā. Asuṇantiyā pana dūtena vā paṇṇena vā ārocite anāpatti. Tattha dvinnaṃ maggānaṃ vasena vaṇṇāvaṇṇehi, methunayācanādīhi vā ‘‘sikharaṇīsi, sambhinnāsi, ubhatobyañjanakāsī’’ti imesu tīsu aññatarena akkosavacanena vā obhāsantassa saṅghādiseso, adhakkhakaubbhajāṇumaṇḍalaṃ ādissa vaṇṇādibhaṇane thullaccayaṃ, tathā yakkhīpetīpaṇḍakānaṃ vaccamaggapassāvamagge ādissa vaṇṇādibhaṇane methunayācanādīsupi. Tesaṃ pana adhakkhakādike dukkaṭaṃ, tathā manussitthīnaṃ ubbhakkhake adhojāṇumaṇḍale kāyappaṭibaddhe ca.
ตติโยฯ
Tatiyo.
๒๒. อตฺตกามุปฎฺฐานนฺติ เมถุนธมฺมสงฺขาเตน กาเมน อุปฎฺฐานํ กามุปฎฺฐานํฯ อตฺตโน อตฺถาย กามุปฎฺฐานํ อตฺตกามุปฎฺฐานํฯ อถ วา กามียตีติ กามํ, อตฺตโน กามํ อตฺตกามํ, สยํ เมถุนราควเสน ปตฺถิตนฺติ อโตฺถฯ อตฺตกามญฺจ ตํ อุปฎฺฐานญฺจาติ อตฺตกามุปฎฺฐานํฯ ตสฺส วโณฺณ คุโณ, ตํฯ วตฺวาติ ‘‘ยทิทํ กามุปฎฺฐานํ นาม, เอตทคฺคํ อุปฎฺฐานาน’’นฺติ กามุปฎฺฐาเน วณฺณํ อนฺตมโส หตฺถมุทฺทายปิ อิตฺถีติ สญฺญี ปกาเสตฺวาติ อโตฺถฯ วาจาติ วาจาย ยการโลปวเสนฯ เมถุนยุเตฺตนาติ เมถุนยุตฺตาย, ลิงฺควิปลฺลาสวเสน ตาย ‘‘อรหสิ ตฺวํ มยฺหํ เมถุนํ ธมฺมํ ทาตุ’’นฺติอาทิกาย เมถุนธมฺมปฺปฎิสํยุตฺตาย วาจาย เมถุนยาจเน เมถุนราคิโนติ สมฺพโนฺธฯ เมถุเนราโค, โส อสฺส อตฺถีติ เมถุนราคี, ตสฺสฯ ครุ โหตีติ ครุกาปตฺติ โหตีติ อโตฺถฯ ม-กาโร ปทสนฺธิกโรฯ เอตฺถ ปน ปณฺฑเก ปณฺฑกสญฺญิโน ถุลฺลจฺจยํ, ตสฺมิํเยว อิตฺถิสญฺญิโน ทุกฺกฎํฯ
22.Attakāmupaṭṭhānanti methunadhammasaṅkhātena kāmena upaṭṭhānaṃ kāmupaṭṭhānaṃ. Attano atthāya kāmupaṭṭhānaṃ attakāmupaṭṭhānaṃ. Atha vā kāmīyatīti kāmaṃ, attano kāmaṃ attakāmaṃ, sayaṃ methunarāgavasena patthitanti attho. Attakāmañca taṃ upaṭṭhānañcāti attakāmupaṭṭhānaṃ. Tassa vaṇṇo guṇo, taṃ. Vatvāti ‘‘yadidaṃ kāmupaṭṭhānaṃ nāma, etadaggaṃ upaṭṭhānāna’’nti kāmupaṭṭhāne vaṇṇaṃ antamaso hatthamuddāyapi itthīti saññī pakāsetvāti attho. Vācāti vācāya yakāralopavasena. Methunayuttenāti methunayuttāya, liṅgavipallāsavasena tāya ‘‘arahasi tvaṃ mayhaṃ methunaṃ dhammaṃ dātu’’ntiādikāya methunadhammappaṭisaṃyuttāya vācāya methunayācane methunarāginoti sambandho. Methunerāgo, so assa atthīti methunarāgī, tassa. Garu hotīti garukāpatti hotīti attho. Ma-kāro padasandhikaro. Ettha pana paṇḍake paṇḍakasaññino thullaccayaṃ, tasmiṃyeva itthisaññino dukkaṭaṃ.
จตุโตฺถฯ
Catuttho.
๒๓. อิตฺถิยา วา ปุริสสฺส วา สเนฺทสํ ปฎิคฺคเหตฺวาติ สมฺพโนฺธฯ อิตฺถิยา วาติ ‘‘ทส อิตฺถิโย มาตุรกฺขิตา ปิตุรกฺขิตา’’ติอาทินา (ปารา. ๓๐๓) จ ‘‘ทส ภริยาโย ธนกฺกีตา ฉนฺทวาสินี’’ติอาทินา (ปารา. ๓๐๓) จ วุตฺตาย วีสติวิธาย อิตฺถิยา วา ปุริสสฺส วา ตํสมฺพนฺธวเสน เตสํ มาตาทีนํ วาฯ สเนฺทสนฺติ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา อุภินฺนํ มาตาทีหิ วา ‘‘เอหิ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนามํ อิตฺถิํ วา ปุริสํ วา เอวํ ภณาหี’’ติ วุตฺตํ ชายมฺปติภาวสนฺนิสฺสิตํ สเนฺทสวจนํฯ ปฎิคฺคเหตฺวาติ ‘‘สาธู’’ติ กาเยน วา วาจาย วา สมฺปฎิจฺฉิตฺวาฯ วีมํสิตฺวาติ ยตฺถ เปสิโต, เตสํ อธิปฺปายํ อุปปริกฺขิตฺวา วา อุปปริกฺขาเปตฺวา วาฯ หรํ ปจฺจาติ อิตฺถี วา ปุริโส วา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉตุ วา, มา วา, เยหิ เปสิโต, เตสํ ปจฺจาหรโนฺต วา หราเปโนฺต วา, ชายมฺปติภาโว โหตุ วา, มา วา, อการณเมตํฯ อิมาย ติวงฺคสมฺปตฺติยา สงฺฆาทิเสโส จ, ทฺวีหิ อเงฺคหิ ปณฺฑเก จ องฺคตฺตเยนาปิ ถุลฺลจฺจยํ, เอเกน ทุกฺกฎํฯ เกจิ ปน ‘‘หรํ ปจฺฉา’’ติ วิปาฐํ ปริกเปฺปตฺวา ‘‘ปจฺฉา หร’’นฺติ โยเชนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ ปจฺจาติ อุปสคฺคตฺตาฯ ปทสฺส อุปริ อเตฺถ สเชฺชโนฺต ปกาเสโนฺต คจฺฉตีติ หิ อุปสโคฺค นาม, ตสฺมา ‘‘ปติ อา’’ติ อุปสคฺคานํ ‘‘หร’’นฺติมสฺส ปทสฺส อุปริ ภวิตพฺพนฺติฯ
23. Itthiyā vā purisassa vā sandesaṃ paṭiggahetvāti sambandho. Itthiyā vāti ‘‘dasa itthiyo māturakkhitā piturakkhitā’’tiādinā (pārā. 303) ca ‘‘dasa bhariyāyo dhanakkītā chandavāsinī’’tiādinā (pārā. 303) ca vuttāya vīsatividhāya itthiyā vā purisassa vā taṃsambandhavasena tesaṃ mātādīnaṃ vā. Sandesanti itthiyā vā purisena vā ubhinnaṃ mātādīhi vā ‘‘ehi, bhante, itthannāmaṃ itthiṃ vā purisaṃ vā evaṃ bhaṇāhī’’ti vuttaṃ jāyampatibhāvasannissitaṃ sandesavacanaṃ. Paṭiggahetvāti ‘‘sādhū’’ti kāyena vā vācāya vā sampaṭicchitvā. Vīmaṃsitvāti yattha pesito, tesaṃ adhippāyaṃ upaparikkhitvā vā upaparikkhāpetvā vā. Haraṃ paccāti itthī vā puriso vā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchatu vā, mā vā, yehi pesito, tesaṃ paccāharanto vā harāpento vā, jāyampatibhāvo hotu vā, mā vā, akāraṇametaṃ. Imāya tivaṅgasampattiyā saṅghādiseso ca, dvīhi aṅgehi paṇḍake ca aṅgattayenāpi thullaccayaṃ, ekena dukkaṭaṃ. Keci pana ‘‘haraṃ pacchā’’ti vipāṭhaṃ parikappetvā ‘‘pacchā hara’’nti yojenti, taṃ na sundaraṃ paccāti upasaggattā. Padassa upari atthe sajjento pakāsento gacchatīti hi upasaggo nāma, tasmā ‘‘pati ā’’ti upasaggānaṃ ‘‘hara’’ntimassa padassa upari bhavitabbanti.
ปญฺจโมฯ
Pañcamo.
๒๔. สํยาจิตปริกฺขารนฺติ สํ อตฺตนา ยาจิโต วาสิอาทิโก ปริกฺขาโร ยสฺสา, ตํฯ อเทสิตวตฺถุกนฺติ อุตฺติทุติยกเมฺมน อเทสิตํ วตฺถุ กุฎิกรณปฺปเทโส ยสฺสาติ วิคฺคโห, ตํฯ ปมาณาติกฺกนฺตนฺติ อิทานิ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส ติโสฺส วิทตฺถิโย สุคตวิทตฺถิ นาม, ตาย ‘‘ทีฆโส ทฺวาทส วิทตฺถิโย สุคตสฺส วิทตฺถิยา ติริยํ สตฺตนฺตรา’’ติ (ปารา. ๓๔๘) เอวํ วุตฺตปฺปมาณํ เอกโตภาเคนาปิ อติกฺกนฺตา ปมาณาติกฺกนฺตาติ ตํ ติริยํ จตุหตฺถสงฺขาตเหฎฺฐิมปฺปมาเณ สติ ทีฆโต วุตฺตปฺปมาณโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ วเฑฺฒตุํ น วฎฺฎติฯ ตโต อูนเก, ทีฆโต จ วฑฺฒิเต อยํ กุฎิสงฺขํ น คจฺฉตีติฯ ‘‘มยฺหํ วาสาคารํ เอต’’นฺติ เอวํ อตฺตา อุเทฺทโส เอติสฺสาติ อตฺตุเทฺทสาฯ กุฎินฺติ อุลฺลิตฺตาทิกํ กุฎิํ กตฺวาติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ อุลฺลิตฺตา นาม อโนฺต อุทฺธํมุขํ ลิตฺตาฯ อวลิตฺตา นาม พหิ อโธมุขํ ลิตฺตาฯ อุภยถา อุลฺลิตฺตาวลิตฺตาฯ กตฺวาติ อโนฺตภูตการิตตฺถวเสน การาเปตฺวา วาฯ
24.Saṃyācitaparikkhāranti saṃ attanā yācito vāsiādiko parikkhāro yassā, taṃ. Adesitavatthukanti uttidutiyakammena adesitaṃ vatthu kuṭikaraṇappadeso yassāti viggaho, taṃ. Pamāṇātikkantanti idāni majjhimassa purisassa tisso vidatthiyo sugatavidatthi nāma, tāya ‘‘dīghaso dvādasa vidatthiyo sugatassa vidatthiyā tiriyaṃ sattantarā’’ti (pārā. 348) evaṃ vuttappamāṇaṃ ekatobhāgenāpi atikkantā pamāṇātikkantāti taṃ tiriyaṃ catuhatthasaṅkhātaheṭṭhimappamāṇe sati dīghato vuttappamāṇato kesaggamattampi vaḍḍhetuṃ na vaṭṭati. Tato ūnake, dīghato ca vaḍḍhite ayaṃ kuṭisaṅkhaṃ na gacchatīti. ‘‘Mayhaṃ vāsāgāraṃ eta’’nti evaṃ attā uddeso etissāti attuddesā. Kuṭinti ullittādikaṃ kuṭiṃ katvāti sambandho. Tattha ullittā nāma anto uddhaṃmukhaṃ littā. Avalittā nāma bahi adhomukhaṃ littā. Ubhayathā ullittāvalittā. Katvāti antobhūtakāritatthavasena kārāpetvā vā.
ตตฺถายํ วตฺถุเทสนกฺกโม – เตน กุฎิการเกน ภิกฺขุนา กุฎิวตฺถุํ โสเธตฺวา สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วุฑฺฒานํ ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปณาเมตฺวา ปทภาชเน (ปารา. ๓๔๙) วุตฺตนเยน สงฺฆํ ติกฺขตฺตุํ ยาจิตฺวา สเพฺพ วา สงฺฆปริยาปนฺนา, สเงฺฆน วา สมฺมตา เทฺว ตโย ภิกฺขู ตตฺถ เนตพฺพาฯ เตหิ จ กิปิลฺลิกาทีหิ โสฬสหิ อุปทฺทเวหิ วิรหิตตฺตา อนารมฺภํ อนุปทฺทวํ ทฺวีหิ จตูหิ วา พลิพเทฺทหิ ยุเตฺตน สกเฎน เอกจกฺกํ นิโพฺพทกปตนฎฺฐาเน เอกํ พหิ กตฺวา อาวิญฺฉิตุํ สกฺกุเณยฺยตาย ‘‘สปริกฺกมน’’นฺติ สลฺลเกฺขตฺวา สเจปิ สงฺฆปฺปโหนกา โหนฺติ, ตเตฺถว, โน เจ, สงฺฆมชฺฌํ คนฺตฺวา เตน ภิกฺขุนา ยาจิเตหิ ปทภาชเน (ปารา. ๕๐, ๕๑) วุตฺตาย ญตฺติทุติยกมฺมวาจาย วตฺถุ เทเสตพฺพนฺติฯ อเทสิตวตฺถุกํ ปมาณาติกฺกนฺตํ กุฎิํ กริสฺสามีติ สพฺพปฺปโยเค ทุกฺกฎํ, อิทานิ ทฺวีหิ ปิเณฺฑหิ นิฎฺฐานํ คมิสฺสตีติ ปฐมปิณฺฑทาเน ถุลฺลจฺจยํ, ทุติยทาเนน เลเป สงฺฆฎิเต สเจ อเทสิตวตฺถุกา เอว วา โหติ, ปมาณาติกฺกนฺตา เอว วา, เอโก สงฺฆาทิเสโส, สารมฺภอปริกฺกมนตาย เทฺว จ ทุกฺกฎานีติ สเจ อุภยวิปนฺนา, เทฺว จ สงฺฆาทิเสสา เทฺว จ ทุกฺกฎานีติ สพฺพํ เญยฺยํฯ
Tatthāyaṃ vatthudesanakkamo – tena kuṭikārakena bhikkhunā kuṭivatthuṃ sodhetvā saṅghaṃ upasaṅkamitvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā vuḍḍhānaṃ bhikkhūnaṃ pāde vanditvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paṇāmetvā padabhājane (pārā. 349) vuttanayena saṅghaṃ tikkhattuṃ yācitvā sabbe vā saṅghapariyāpannā, saṅghena vā sammatā dve tayo bhikkhū tattha netabbā. Tehi ca kipillikādīhi soḷasahi upaddavehi virahitattā anārambhaṃ anupaddavaṃ dvīhi catūhi vā balibaddehi yuttena sakaṭena ekacakkaṃ nibbodakapatanaṭṭhāne ekaṃ bahi katvā āviñchituṃ sakkuṇeyyatāya ‘‘saparikkamana’’nti sallakkhetvā sacepi saṅghappahonakā honti, tattheva, no ce, saṅghamajjhaṃ gantvā tena bhikkhunā yācitehi padabhājane (pārā. 50, 51) vuttāya ñattidutiyakammavācāya vatthu desetabbanti. Adesitavatthukaṃ pamāṇātikkantaṃ kuṭiṃ karissāmīti sabbappayoge dukkaṭaṃ, idāni dvīhi piṇḍehi niṭṭhānaṃ gamissatīti paṭhamapiṇḍadāne thullaccayaṃ, dutiyadānena lepe saṅghaṭite sace adesitavatthukā eva vā hoti, pamāṇātikkantā eva vā, eko saṅghādiseso, sārambhaaparikkamanatāya dve ca dukkaṭānīti sace ubhayavipannā, dve ca saṅghādisesā dve ca dukkaṭānīti sabbaṃ ñeyyaṃ.
ฉโฎฺฐฯ
Chaṭṭho.
๒๕. มหลฺลกนฺติ สสฺสามิกภาเวน สํยาจิตกุฎิโต มหนฺตภาเวน, วตฺถุํ เทสาเปตฺวา ปมาณาติกฺกเมนาปิ กาตพฺพภาเวน จ มหนฺตตาย มหตฺตํ ลาติ อาททาตีติ มหลฺลโกฯ มหตฺตลก อิติ ฐิเต ตฺตสฺส โลโป ลสฺส จ ทฺวิตฺตํ, ตํฯ วสนํ อโตฺถ ปโยชนํ วสนโตฺถ, ตาย ฯ เอตฺถ ปน อเทสิตวตฺถุภาเว เอโก สงฺฆาทิเสโสฯ เสสํ อนนฺตรสทิสเมวฯ อิธ จ ตตฺถ จ เลณคุหาติณกุฎิปณฺณจฺฉทนเคเหสุ อญฺญตรํ กาเรนฺตสฺส จ กุฎิมฺปิ อญฺญสฺส วาสตฺถาย วาสาคารํ วา ฐเปตฺวา อุโปสถาคาราทีสุ อญฺญตรตฺถาย กโรนฺตสฺส จ อนาปตฺติฯ
25.Mahallakanti sassāmikabhāvena saṃyācitakuṭito mahantabhāvena, vatthuṃ desāpetvā pamāṇātikkamenāpi kātabbabhāvena ca mahantatāya mahattaṃ lāti ādadātīti mahallako. Mahattalaka iti ṭhite ttassa lopo lassa ca dvittaṃ, taṃ. Vasanaṃ attho payojanaṃ vasanattho, tāya . Ettha pana adesitavatthubhāve eko saṅghādiseso. Sesaṃ anantarasadisameva. Idha ca tattha ca leṇaguhātiṇakuṭipaṇṇacchadanagehesu aññataraṃ kārentassa ca kuṭimpi aññassa vāsatthāya vāsāgāraṃ vā ṭhapetvā uposathāgārādīsu aññataratthāya karontassa ca anāpatti.
สตฺตโมฯ
Sattamo.
๒๖. อมูลเกน อนฺติเมน วตฺถุนาติ สมฺพโนฺธฯ อมูลเกนาติ ทสฺสนสงฺขาตสฺส, สวนสงฺขาตสฺส, ทิฎฺฐสุตมุตวเสน ปวตฺตปริสงฺกาสงฺขาตสฺส จ มูลสฺส อภาเวน นตฺถิ มูลเมตสฺสาติ อมูลกํ, เตนฯ ตํ ปน โส อาปโนฺน วา โหตุ, โน วา, เอตํ อิธ อปฺปมาณํฯ ตตฺถ ภิกฺขุญฺจ มาตุคามญฺจ ตถารูเป ฐาเน ทิสฺวา ปริสงฺกติ, อยํ ทิฎฺฐปริสงฺกาฯ อนฺธกาเร วา ปฎิจฺฉเนฺน วา ภิกฺขุสฺส จ มาตุคามสฺส จ วจนํ สุตฺวา อญฺญสฺส อตฺถิภาวํ อชานโนฺต ปริสงฺกติ, อยํ สุตปริสงฺกาฯ ธุตฺตานํ อิตฺถีหิ สทฺธิํ ปจฺจนฺตวิหาเรสุ ปุปฺผคนฺธสุราทีหิ อนุภวิตฺวา คตฎฺฐานํ ทิสฺวา ‘‘เกน นุ โข อิทํ กต’’นฺติ วีมํสโนฺต ตตฺถ เกนจิ ภิกฺขุนา คนฺธาทีหิ ปูชา กตา โหติ, เภสชฺชตฺถาย อริฎฺฐํ วา ปีตํ, โส ตสฺส คนฺธํ ฆายิตฺวา ‘‘อยํ โส ภวิสฺสตี’’ติ ปริสงฺกติฯ อยํ มุตปริสงฺกา นามฯ อนฺติเมน จาติ ตโต ปรํ วชฺชาภาเวน อเนฺต ภวตฺตา อนฺติเมเนวฯ วตฺถุนาติ ภิกฺขุโน อนุรูเปสุ เอกูนวีสติยา ปาราชิเกสุ ธเมฺมสุ อญฺญตเรน ปาราชิเกน ธเมฺมนฯ จ-กาโร ปเนตฺถ อวธารเณ, เตน สงฺฆาทิเสสาทิํ นิวเตฺตติฯ อถ วา จ-กาโร อฎฺฐานปฺปยุโตฺตฯ
26. Amūlakena antimena vatthunāti sambandho. Amūlakenāti dassanasaṅkhātassa, savanasaṅkhātassa, diṭṭhasutamutavasena pavattaparisaṅkāsaṅkhātassa ca mūlassa abhāvena natthi mūlametassāti amūlakaṃ, tena. Taṃ pana so āpanno vā hotu, no vā, etaṃ idha appamāṇaṃ. Tattha bhikkhuñca mātugāmañca tathārūpe ṭhāne disvā parisaṅkati, ayaṃ diṭṭhaparisaṅkā. Andhakāre vā paṭicchanne vā bhikkhussa ca mātugāmassa ca vacanaṃ sutvā aññassa atthibhāvaṃ ajānanto parisaṅkati, ayaṃ sutaparisaṅkā. Dhuttānaṃ itthīhi saddhiṃ paccantavihāresu pupphagandhasurādīhi anubhavitvā gataṭṭhānaṃ disvā ‘‘kena nu kho idaṃ kata’’nti vīmaṃsanto tattha kenaci bhikkhunā gandhādīhi pūjā katā hoti, bhesajjatthāya ariṭṭhaṃ vā pītaṃ, so tassa gandhaṃ ghāyitvā ‘‘ayaṃ so bhavissatī’’ti parisaṅkati. Ayaṃ mutaparisaṅkā nāma. Antimena cāti tato paraṃ vajjābhāvena ante bhavattā antimeneva. Vatthunāti bhikkhuno anurūpesu ekūnavīsatiyā pārājikesu dhammesu aññatarena pārājikena dhammena. Ca-kāro panettha avadhāraṇe, tena saṅghādisesādiṃ nivatteti. Atha vā ca-kāro aṭṭhānappayutto.
โจเทโนฺต วา โจทาเปโนฺตวาจาติ โยเชตโพฺพฯ จาเวตุนฺติ พฺรหฺมจริยา จาวนตฺถายฯ เอเตน เอกํ จาวนาธิปฺปายํ คเหตฺวา อวเสเส อโกฺกสาธิปฺปายวุฎฺฐาปนาธิปฺปายาทิเก สตฺตาธิปฺปาเย ปฎิกฺขิปติฯ สุณมานนฺติ อิทํ ‘‘โจเทโนฺต’’ติอาทีนํ กมฺมปทํ, อิมินา ปรมฺมุขา โจทนํ ปฎิกฺขิปติฯ ปรมฺมุขา ปน สตฺตหิ อาปตฺติกฺขเนฺธหิ วทนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ โจเทโนฺตติ ‘‘วตฺถุสนฺทสฺสนา อาปตฺติสนฺทสฺสนา สํวาสปฺปฎิเกฺขโป สามีจิปฺปฎิเกฺขโป’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๓๘๕-๓๘๖) สเงฺขปโต วุตฺตานํ จตุนฺนํ โจทนานํ วเสน สยํ โจเทโนฺต วาฯ โจทาเปโนฺต วาติ ปเรน เยน เกนจิ โจทาเปโนฺต วาฯ ตสฺมา โย ภิกฺขุสฺส สมีเป ฐตฺวา ‘‘ตฺวํ เมถุนํ ธมฺมํ เสวิ, อสฺสมโณสี’’ติอาทินา วตฺถุสนฺทสฺสนวเสน วา ‘‘ตฺวํ เมถุนธมฺมาปตฺติํ อาปโนฺนสี’’ติอาทินา อาปตฺติสนฺทสฺสนวเสน วา ‘‘อสฺสมโณสิ, นตฺถิ ตยา สทฺธิํ อุโปสโถ วา ปวารณา วา สงฺฆกมฺมํ วา, อสฺสมโณสี’’ติอาทินา สํวาสปฺปฎิเกฺขปวเสน วา อภิวาทนาทิสํวาเส ปฎิกฺขิเตฺต อสฺสมโณติ กสฺมาติ ปุฎฺฐสฺส ‘‘อสฺสมโณสี’’ติอาทิวจเนหิ สามีจิปฺปฎิเกฺขปวเสน วา อนฺตมโส หตฺถมุทฺทาย เอว วาปิ เอตมตฺถํ ทีปยโต ‘‘กโรตุ เม อายสฺมา โอกาสํ, อหํ ตํ วตฺตุกาโม’’ติ เอวํ โอกาเส อการิเต วาจาย สงฺฆาทิเสโส เจว ทุกฺกฎญฺจ, โอกาสํ กาเรตฺวา โจเทนฺตสฺส ปน สงฺฆาทิเสโสว ทฎฺฐโพฺพฯ
Codento vā codāpentovācāti yojetabbo. Cāvetunti brahmacariyā cāvanatthāya. Etena ekaṃ cāvanādhippāyaṃ gahetvā avasese akkosādhippāyavuṭṭhāpanādhippāyādike sattādhippāye paṭikkhipati. Suṇamānanti idaṃ ‘‘codento’’tiādīnaṃ kammapadaṃ, iminā parammukhā codanaṃ paṭikkhipati. Parammukhā pana sattahi āpattikkhandhehi vadantassa dukkaṭaṃ. Codentoti ‘‘vatthusandassanā āpattisandassanā saṃvāsappaṭikkhepo sāmīcippaṭikkhepo’’ti (pārā. aṭṭha. 2.385-386) saṅkhepato vuttānaṃ catunnaṃ codanānaṃ vasena sayaṃ codento vā. Codāpento vāti parena yena kenaci codāpento vā. Tasmā yo bhikkhussa samīpe ṭhatvā ‘‘tvaṃ methunaṃ dhammaṃ sevi, assamaṇosī’’tiādinā vatthusandassanavasena vā ‘‘tvaṃ methunadhammāpattiṃ āpannosī’’tiādinā āpattisandassanavasena vā ‘‘assamaṇosi, natthi tayā saddhiṃ uposatho vā pavāraṇā vā saṅghakammaṃ vā, assamaṇosī’’tiādinā saṃvāsappaṭikkhepavasena vā abhivādanādisaṃvāse paṭikkhitte assamaṇoti kasmāti puṭṭhassa ‘‘assamaṇosī’’tiādivacanehi sāmīcippaṭikkhepavasena vā antamaso hatthamuddāya eva vāpi etamatthaṃ dīpayato ‘‘karotu me āyasmā okāsaṃ, ahaṃ taṃ vattukāmo’’ti evaṃ okāse akārite vācāya saṅghādiseso ceva dukkaṭañca, okāsaṃ kāretvā codentassa pana saṅghādisesova daṭṭhabbo.
อฎฺฐโมฯ
Aṭṭhamo.
๒๗. อญฺญสฺสาติ ขตฺติยาทิชาติกสฺส ปรสฺสฯ กิริยนฺติ เมถุนวีติกฺกมสงฺขาตํ กิริยํฯ เตนาติ อญฺญสฺส วีติกฺกมสงฺขาตสฺส เมถุนวีติกฺกมสนฺทสฺสเนน กรณภูเตนฯ เลเสนาติ ยสฺส ชาติอาทโย ตโต อญฺญมฺปิ วตฺถุํ ลิสฺสติ อุทฺทิเฎฺฐ วิตฺถารํ สิลิสฺสติ โวหารมเตฺตเนวาติ ชาติอาทโยว ‘‘เลสา’’ติ วุจฺจนฺติ, เตน ชาติเลสนามเลสาทินา เลเสนฯ อญฺญนฺติ โย วีติกฺกมโนฺต ทิโฎฺฐ, ตโต อปรมฺปิ ภิกฺขุํ จาเวตุํ อนฺติเมน วตฺถุนา โจทยนฺติ สมฺพโนฺธฯ กถํ? โกจิ ขตฺติยชาติโย วีติกฺกมโนฺต ทิโฎฺฐ, ตโต อญฺญํ อตฺตโน เวริํ ขตฺติยชาติกํ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา ตํ ขตฺติยํ ชาติเลสํ คเหตฺวา ‘‘ขตฺติโย มยา ทิโฎฺฐ วีติกฺกมโนฺต, ตฺวํ ขตฺติโย ปาราชิกํ ธมฺมํ อาปโนฺนสี’’ติ โจเทติ โจทาเปติ วาฯ เอวํ นามเลสาทโยปิ เวทิตพฺพาฯ เสสา วินิจฺฉยกถา อฎฺฐเม วุตฺตสทิสาเยวฯ
27.Aññassāti khattiyādijātikassa parassa. Kiriyanti methunavītikkamasaṅkhātaṃ kiriyaṃ. Tenāti aññassa vītikkamasaṅkhātassa methunavītikkamasandassanena karaṇabhūtena. Lesenāti yassa jātiādayo tato aññampi vatthuṃ lissati uddiṭṭhe vitthāraṃ silissati vohāramattenevāti jātiādayova ‘‘lesā’’ti vuccanti, tena jātilesanāmalesādinā lesena. Aññanti yo vītikkamanto diṭṭho, tato aparampi bhikkhuṃ cāvetuṃ antimena vatthunā codayanti sambandho. Kathaṃ? Koci khattiyajātiyo vītikkamanto diṭṭho, tato aññaṃ attano veriṃ khattiyajātikaṃ bhikkhuṃ passitvā taṃ khattiyaṃ jātilesaṃ gahetvā ‘‘khattiyo mayā diṭṭho vītikkamanto, tvaṃ khattiyo pārājikaṃ dhammaṃ āpannosī’’ti codeti codāpeti vā. Evaṃ nāmalesādayopi veditabbā. Sesā vinicchayakathā aṭṭhame vuttasadisāyeva.
นวโมฯ
Navamo.
๒๘. เอตฺตาวตา ‘‘ครุกา นวา’’ติ อุทฺทิเฎฺฐ วิตฺถารโต ทเสฺสตฺวา อิทานิ เตสุ อาปเนฺนสุ ปฎิปชฺชิตพฺพาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘ฉาเทติ ชานมาปนฺน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โย ภิกฺขุ อตฺตนา อาปนฺนํ สงฺฆาทิเสสาปตฺติํ อาปตฺติวเสน วา วตฺถุวเสน วา ชานํ ชานโนฺต ยาวตา ยตฺตกานิ อหานิ ฉาเทติ ปฎิจฺฉาเทติ, ตาวตา ตตฺตกานิ อหานิ ตสฺส ปริวาโส โหตีติ เอวํ ปทสนฺธิวเสน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ ปฎิจฺฉนฺนปริวาโส สุทฺธนฺตปริวาโส สโมธานปริวาโสติ ติวิโธ ปริวาโสฯ เตสํ ปน อติสเงฺขปนเยน มุขมเตฺตปิ ทสฺสิเต วิตฺถารวินิจฺฉยปเวโสปายสมฺภโว สิยาติ มุขมตฺตํ ทสฺสยิสฺสามฯ
28. Ettāvatā ‘‘garukā navā’’ti uddiṭṭhe vitthārato dassetvā idāni tesu āpannesu paṭipajjitabbākāraṃ dassetuṃ ‘‘chādeti jānamāpanna’’ntiādi vuttaṃ. Tattha yo bhikkhu attanā āpannaṃ saṅghādisesāpattiṃ āpattivasena vā vatthuvasena vā jānaṃ jānanto yāvatā yattakāni ahāni chādeti paṭicchādeti, tāvatā tattakāni ahāni tassa parivāso hotīti evaṃ padasandhivasena attho veditabbo. Tattha paṭicchannaparivāso suddhantaparivāso samodhānaparivāsoti tividho parivāso. Tesaṃ pana atisaṅkhepanayena mukhamattepi dassite vitthāravinicchayapavesopāyasambhavo siyāti mukhamattaṃ dassayissāma.
ตตฺถ ปฎิจฺฉนฺนปริวาโส นาม ยถาปฎิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ทาตโพฺพ, ตสฺมา ปฎิจฺฉนฺนทิวเส จ อาปตฺติโย จ สลฺลเกฺขตฺวา สเจ เอกาหปฺปฎิจฺฉนฺนา โหติ, ‘‘อหํ, ภเนฺต, สมฺพหุลา อาปตฺติโย อาปชฺชิํ เอกาหปฺปฎิจฺฉนฺนาโย’’ติอาทินา ขนฺธเก (จูฬว. ๙๘-๙๙) อาคตนเยน ยาจาเปตฺวา ‘‘สุณาตุ เม ภเนฺต สโงฺฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ สมฺพหุลา อาปตฺติโย อาปชฺชิ เอกาหปฺปฎิจฺฉนฺนาโย’’ติอาทินา ขนฺธเก อาคตนเยเนว กมฺมวาจํ วตฺวา ปริวาโส ทาตโพฺพฯ เอกํ อาปชฺชิตฺวา ‘‘สมฺพหุลา’’ติ วินยกมฺมํ กโรนฺตสฺสาปิ วุฎฺฐาตีติ ‘‘สมฺพหุลา’’ติ วุตฺตํฯ นานาวตฺถุกาสุปิ เอเสว นโยฯ อถ ทฺวีหาทิปฺปฎิจฺฉนฺนา โหนฺติ, ปกฺขอติเรกปกฺขมาสอติเรกมาสสํวจฺฉรอติเรกสํวจฺฉรปฺปฎิจฺฉนฺนา วา, ‘‘ทฺวีหปฺปฎิจฺฉนฺนาโย วา’’ติอาทินา วตฺวา โย โย อาปโนฺน โหติ, ตสฺส ตสฺส นามญฺจ คเหตฺวา โยชนา กาตพฺพาฯ
Tattha paṭicchannaparivāso nāma yathāpaṭicchannāya āpattiyā dātabbo, tasmā paṭicchannadivase ca āpattiyo ca sallakkhetvā sace ekāhappaṭicchannā hoti, ‘‘ahaṃ, bhante, sambahulā āpattiyo āpajjiṃ ekāhappaṭicchannāyo’’tiādinā khandhake (cūḷava. 98-99) āgatanayena yācāpetvā ‘‘suṇātu me bhante saṅgho, ayaṃ itthannāmo bhikkhu sambahulā āpattiyo āpajji ekāhappaṭicchannāyo’’tiādinā khandhake āgatanayeneva kammavācaṃ vatvā parivāso dātabbo. Ekaṃ āpajjitvā ‘‘sambahulā’’ti vinayakammaṃ karontassāpi vuṭṭhātīti ‘‘sambahulā’’ti vuttaṃ. Nānāvatthukāsupi eseva nayo. Atha dvīhādippaṭicchannā honti, pakkhaatirekapakkhamāsaatirekamāsasaṃvaccharaatirekasaṃvaccharappaṭicchannā vā, ‘‘dvīhappaṭicchannāyo vā’’tiādinā vatvā yo yo āpanno hoti, tassa tassa nāmañca gahetvā yojanā kātabbā.
กมฺมวาจาปริโยสาเน จ สเจ อปฺปภิกฺขุโก อาวาโส โหติ, สกฺกา รตฺติเจฺฉทํ อนาปชฺชเนฺตน วสิตุํ, ตเตฺถว ‘‘ปริวาสํ สมาทิยามิ, วตฺตํ สมาทิยามี’ติ วตฺตํ สมาทาย ตเตฺถว สงฺฆสฺส ‘‘อหํ, ภเนฺต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิํ เอกาหปฺปฎิจฺฉนฺนาโย’’ติอาทินา อาโรเจตฺวา ปุน อาคตาคตานํ ภิกฺขูนํ อาโรเจเนฺตน ปกตเตฺตน ภิกฺขุนา สทฺธิํ เอกจฺฉเนฺน สหวาโส, เตน จ วินาวาโส, อาคนฺตุกาทีนํ อุปจารคตานํ อนาโรจนาติ เอเตสุ เอเกนาปิ รตฺติเจฺฉทญฺจ วตฺตเภทญฺจ อกตฺวา ปริวตฺถพฺพํฯ
Kammavācāpariyosāne ca sace appabhikkhuko āvāso hoti, sakkā ratticchedaṃ anāpajjantena vasituṃ, tattheva ‘‘parivāsaṃ samādiyāmi, vattaṃ samādiyāmī’ti vattaṃ samādāya tattheva saṅghassa ‘‘ahaṃ, bhante, sambahulā saṅghādisesā āpattiyo āpajjiṃ ekāhappaṭicchannāyo’’tiādinā ārocetvā puna āgatāgatānaṃ bhikkhūnaṃ ārocentena pakatattena bhikkhunā saddhiṃ ekacchanne sahavāso, tena ca vināvāso, āgantukādīnaṃ upacāragatānaṃ anārocanāti etesu ekenāpi ratticchedañca vattabhedañca akatvā parivatthabbaṃ.
สเจ น สกฺกา โหติ ปริวาสํ โสเธตุํ, นิกฺขิตฺตวเตฺตน วสิตุกาโม โหติ, ตเตฺถว สงฺฆมเชฺฌ วา เอกสฺส ปุคฺคลสฺส วา สนฺติเก ‘‘ปริวาสํ นิกฺขิปามิ, วตฺตํ นิกฺขิปามี’’ติ ปริวาโส นิกฺขิปิตโพฺพฯ นิกฺขิตฺตกาลโต ปฎฺฐาย ปกตตฺตฎฺฐาเน ติฎฺฐติฯ อถาเนน ปจฺจูสสมเย เอเกน ภิกฺขุนา สทฺธิํ ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริเกฺขปโต, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริเกฺขปารหฎฺฐานโต เทฺว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา มหามคฺคโต โอกฺกมฺม ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา อโนฺตอรุเณเยว วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตพฺพํฯ สเจ พหิ ฐิตานมฺปิ สทฺทํ สุณาติ, ปสฺสติ วา, ทูรํ คนฺตฺวาปิ อาโรเจตพฺพํ, อนาโรเจเนฺต รตฺติเจฺฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฎญฺจฯ สเจ อชานนฺตเสฺสว อุปจารสีมํ ปวิสิตฺวา คจฺฉนฺติ, รตฺติเจฺฉโทว โหติ, น วตฺตเภโทฯ อรุเณ อุฎฺฐิเต ตสฺส สนฺติเก วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา วิหารํ คนฺตพฺพํฯ เอวํ ยาว รตฺติโย ปูเรนฺติ, ตาว ปริวตฺถพฺพํฯ อยํ ตาว ปฎิจฺฉนฺนปริวาโสฯ
Sace na sakkā hoti parivāsaṃ sodhetuṃ, nikkhittavattena vasitukāmo hoti, tattheva saṅghamajjhe vā ekassa puggalassa vā santike ‘‘parivāsaṃ nikkhipāmi, vattaṃ nikkhipāmī’’ti parivāso nikkhipitabbo. Nikkhittakālato paṭṭhāya pakatattaṭṭhāne tiṭṭhati. Athānena paccūsasamaye ekena bhikkhunā saddhiṃ parikkhittassa vihārassa parikkhepato, aparikkhittassa parikkhepārahaṭṭhānato dve leḍḍupāte atikkamitvā mahāmaggato okkamma paṭicchannaṭṭhāne nisīditvā antoaruṇeyeva vattaṃ samādiyitvā ārocetabbaṃ. Sace bahi ṭhitānampi saddaṃ suṇāti, passati vā, dūraṃ gantvāpi ārocetabbaṃ, anārocente ratticchedo ceva vattabhedadukkaṭañca. Sace ajānantasseva upacārasīmaṃ pavisitvā gacchanti, ratticchedova hoti, na vattabhedo. Aruṇe uṭṭhite tassa santike vattaṃ nikkhipitvā vihāraṃ gantabbaṃ. Evaṃ yāva rattiyo pūrenti, tāva parivatthabbaṃ. Ayaṃ tāva paṭicchannaparivāso.
สุทฺธโนฺต ทุวิโธ จูฬสุทฺธโนฺต มหาสุทฺธโนฺตติฯ ตตฺถ โย ‘‘อุปสมฺปทโต ปฎฺฐาย ยตฺตกํ นาม กาลํ อหํ สุโทฺธ’’ติ ชานาติ, ตตฺตกํ อปเนตฺวา ตโต อวเสเส รตฺติปริเจฺฉเท เอกโต กตฺวา ทาตพฺพปริวาโส จูฬสุทฺธโนฺตฯ โย ปน สพฺพโส รตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ นสฺสรติ, ตตฺถ จ เวมติโก, ตสฺส ทาตโพฺพ มหาสุทฺธโนฺตฯ อาปตฺติปริยนฺตํ ชานาตุ วา, มา วา, อการณเมตํฯ
Suddhanto duvidho cūḷasuddhanto mahāsuddhantoti. Tattha yo ‘‘upasampadato paṭṭhāya yattakaṃ nāma kālaṃ ahaṃ suddho’’ti jānāti, tattakaṃ apanetvā tato avasese rattiparicchede ekato katvā dātabbaparivāso cūḷasuddhanto. Yo pana sabbaso rattipariyantaṃ na jānāti nassarati, tattha ca vematiko, tassa dātabbo mahāsuddhanto. Āpattipariyantaṃ jānātu vā, mā vā, akāraṇametaṃ.
สโมธานปริวาโส นาม ติวิโธ โอธานสโมธาโน อคฺฆสโมธาโน มิสฺสกสโมธาโนติฯ ตตฺถ โย นิฎฺฐิตปริวาโสปิ วา นิฎฺฐิตมานโตฺตปิ วา อนิกฺขิตฺตวโตฺต อญฺญํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา ปุริมาปตฺติยา สมา วา อูนตรา วา รตฺติโย ปฎิจฺฉาเทติ, ตสฺส มูลาย ปฎิกสฺสเนน เต ปริวุตฺถทิวเส จ มานตฺตจิณฺณทิวเส จ โอธุนิตฺวา มเกฺขตฺวา ปุริมาย อาปตฺติยา มูลทิวสปริเจฺฉเท ปจฺฉา อาปนฺนํ อาปตฺติํ สโมทหิตฺวา ปุน อาทิโต ปฎฺฐาย ทาตพฺพปริวาโส โอธานสโมธาโน นามฯ สเจ กสฺสจิ เอกาปตฺติ เอกาหปฺปฎิจฺฉนฺนา, ทฺวีหปฺปฎิจฺฉนฺนา, เอวํ ยาว ทสาหปฺปฎิจฺฉนฺนา, ตาสํ อเคฺฆน สโมธาย ตาสํ ทสาหปฺปฎิจฺฉนฺนวเสน อวเสสานํ เอกาหปฺปฎิจฺฉนฺนาทีนมฺปิ ทาตพฺพปริวาโส อคฺฆสโมธาโน นามฯ โย ปน นานาวตฺถุกา อาปตฺติโย เอกโต กตฺวา ทาตพฺพปริวาโส มิสฺสกสโมธาโน นามฯ ทานวิธิ ปน สพฺพตฺถ ขนฺธเก (จูฬว. ๑๓๔ อาทโย) อาคตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ
Samodhānaparivāso nāma tividho odhānasamodhāno agghasamodhāno missakasamodhānoti. Tattha yo niṭṭhitaparivāsopi vā niṭṭhitamānattopi vā anikkhittavatto aññaṃ āpattiṃ āpajjitvā purimāpattiyā samā vā ūnatarā vā rattiyo paṭicchādeti, tassa mūlāya paṭikassanena te parivutthadivase ca mānattaciṇṇadivase ca odhunitvā makkhetvā purimāya āpattiyā mūladivasaparicchede pacchā āpannaṃ āpattiṃ samodahitvā puna ādito paṭṭhāya dātabbaparivāso odhānasamodhāno nāma. Sace kassaci ekāpatti ekāhappaṭicchannā, dvīhappaṭicchannā, evaṃ yāva dasāhappaṭicchannā, tāsaṃ agghena samodhāya tāsaṃ dasāhappaṭicchannavasena avasesānaṃ ekāhappaṭicchannādīnampi dātabbaparivāso agghasamodhāno nāma. Yo pana nānāvatthukā āpattiyo ekato katvā dātabbaparivāso missakasamodhāno nāma. Dānavidhi pana sabbattha khandhake (cūḷava. 134 ādayo) āgatanayeneva veditabbo.
เอวํ ปริวุตฺถปริวาโส ภิกฺขุ มานตฺตํ ภิกฺขูนํ มานนภาวํ ฉ รตฺติโย อขณฺฑํ กตฺวา จเรยฺย กเรยฺย, สมฺปาเทยฺยาติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ สเงฺฆน คเณน ปุคฺคเลน กตํ เตน ภิกฺขุนา สงฺฆมเชฺฌ วตฺตํ สมาทาเปตฺวา ‘‘อหํ, ภเนฺต, สมฺพหุลา อาปตฺติโย อาปชฺชิ’’นฺติอาทินา ขนฺธเก วุตฺตนเยน ยาจาเปตฺวา ตเตฺถว วุตฺตนเยน มานตฺตทานาทโยปิ เวทิตพฺพาฯ อิมินาปิ วตฺตํ นิกฺขิปิตุกาเมน เจ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา จตูหิ ปญฺจหิ สทฺธิํ ปริวาเส วุตฺตปฺปการํ ปเทสํ คนฺตฺวา ปุริมนเยเนว เหฎฺฐา วุตฺตํ สหวาสาทิํ อนฺตมโส จตูหิ อูนตฺตา อูเน คเณ จรณโทสญฺจ วเชฺชตฺวา ปฎิปชฺชิตพฺพํฯ อปฺปฎิจฺฉนฺนาปตฺติกสฺส ปน ปริวาสํ อทตฺวา มานตฺตเมว ทาตพฺพํฯ เอวํ จิณฺณํ กตํ ปรินิฎฺฐาปิตํ มานตฺตํ เยน , ตํ ภิกฺขุํฯ วีสติ สโงฺฆ คโณ อสฺสาติ วีสตีคโณ ทีฆํ กตฺวา, โส สโงฺฆ อเพฺภยฺย สมฺปฎิเจฺฉยฺย, อพฺภานกมฺมวเสน โอสาเรยฺยาติ วุตฺตํ โหติ, อเวฺหยฺยาติ วา อโตฺถฯ เอตฺถาปิ สมาทานอาโรจนยาจนานิ, กมฺมวาจา จ ขนฺธเก วุตฺตนเยน เวทิตพฺพาฯ
Evaṃ parivutthaparivāso bhikkhu mānattaṃ bhikkhūnaṃ mānanabhāvaṃ cha rattiyo akhaṇḍaṃ katvā careyya kareyya, sampādeyyāti vuttaṃ hoti. Tattha saṅghena gaṇena puggalena kataṃ tena bhikkhunā saṅghamajjhe vattaṃ samādāpetvā ‘‘ahaṃ, bhante, sambahulā āpattiyo āpajji’’ntiādinā khandhake vuttanayena yācāpetvā tattheva vuttanayena mānattadānādayopi veditabbā. Imināpi vattaṃ nikkhipitukāmena ce vattaṃ nikkhipitvā catūhi pañcahi saddhiṃ parivāse vuttappakāraṃ padesaṃ gantvā purimanayeneva heṭṭhā vuttaṃ sahavāsādiṃ antamaso catūhi ūnattā ūne gaṇe caraṇadosañca vajjetvā paṭipajjitabbaṃ. Appaṭicchannāpattikassa pana parivāsaṃ adatvā mānattameva dātabbaṃ. Evaṃ ciṇṇaṃ kataṃ pariniṭṭhāpitaṃ mānattaṃ yena , taṃ bhikkhuṃ. Vīsati saṅgho gaṇo assāti vīsatīgaṇo dīghaṃ katvā, so saṅgho abbheyya sampaṭiccheyya, abbhānakammavasena osāreyyāti vuttaṃ hoti, avheyyāti vā attho. Etthāpi samādānaārocanayācanāni, kammavācā ca khandhake vuttanayena veditabbā.
๒๙. เอวํ เตสุ ปฎิปชฺชิตพฺพาการํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ฉาทนสฺส องฺคานิ ทเสฺสตุํ ‘‘อาปตฺตี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ น อุกฺขิโตฺต อนุกฺขิโตฺต, นตฺถิ อนฺตราโย อสฺสาติ อนนฺตราโยฯ สกเตฺถ ตฺตปจฺจยวเสน วา, ปหุโน ภาโว ปหุตฺตํ, ตํ อสฺสตฺถีติ สทฺธาทิวเสน วา ปหุโตฺตฯ อนุกฺขิโตฺต จ อนนฺตราโย จ ปหุโตฺต จาติ ทฺวโนฺท, เตสํ ภาโว อนุกฺขิตฺตาทิคุโณ อนุกฺขิตฺต…เป.… ปหุตฺตตาฯ อาปตฺติ จ อนุกฺขิตฺต…เป.… ปหุตฺตตา จ อาปตฺติ…เป.… ปหุตฺตตาโยฯ ม-กาโร ปทสนฺธิโชฯ ตถา เตน ปกาเรน อาปตฺติอาทีสุ จตูสุ อาปตฺตาทิปกาเรน สญฺญี ตถสญฺญี รสฺสวเสนฯ ตสฺส ภาโว ตถสญฺญิตา, ยถาวุตฺตอาปตฺตาทิสญฺญิตาติ วุตฺตํ โหติฯ จ-กาโร วุตฺตสมุจฺจยโตฺถฯ กมนํ ปตฺถนํ กาโม, ฉาเทตุํ กาโม ฉาเทตุกาโมฯ อิติ ยถาวุตฺตา นว, อถ ฉาทนา จาติ เอวํ ทส จ ตานิ องฺคานิ จาติ, เตหิฯ อรุณุคฺคมมฺหิ อรุณสงฺขาตสฺส ปฐมพาลสูริยรํสิโน อุคฺคมเน สติ ฉนฺนา โหติ, อาปตฺตีติ เสโสฯ
29. Evaṃ tesu paṭipajjitabbākāraṃ dassetvā idāni chādanassa aṅgāni dassetuṃ ‘‘āpattī’’tiādimāha. Tattha na ukkhitto anukkhitto, natthi antarāyo assāti anantarāyo. Sakatthe ttapaccayavasena vā, pahuno bhāvo pahuttaṃ, taṃ assatthīti saddhādivasena vā pahutto. Anukkhitto ca anantarāyo ca pahutto cāti dvando, tesaṃ bhāvo anukkhittādiguṇo anukkhitta…pe… pahuttatā. Āpatti ca anukkhitta…pe… pahuttatā ca āpatti…pe… pahuttatāyo. Ma-kāro padasandhijo. Tathā tena pakārena āpattiādīsu catūsu āpattādipakārena saññī tathasaññī rassavasena. Tassa bhāvo tathasaññitā, yathāvuttaāpattādisaññitāti vuttaṃ hoti. Ca-kāro vuttasamuccayattho. Kamanaṃ patthanaṃ kāmo, chādetuṃ kāmo chādetukāmo. Iti yathāvuttā nava, atha chādanā cāti evaṃ dasa ca tāni aṅgāni cāti, tehi. Aruṇuggamamhi aruṇasaṅkhātassa paṭhamabālasūriyaraṃsino uggamane sati channā hoti, āpattīti seso.
ตตฺถายมธิปฺปาโย – โย ภิกฺขุ ราชโจรอคฺคิอุทกมนุสฺสอมนุสฺสวาฬสรีสปชีวิตพฺรหฺมจริยนฺตรายานํ ทสนฺนเมกสฺสาปิ นตฺถิตาย อนนฺตรายิโก สมาโน อนนฺตรายิกสญฺญี หุตฺวา ภิกฺขุโน สนฺติกํ คนฺตุเญฺจว อาโรเจตุญฺจ สกฺกุเณยฺยตาย ปหุ สมาโน ปหุสญฺญี หุตฺวา ติวิธอุเกฺขปนียกมฺมากรเณน อนุกฺขิโตฺต สมาโน อนุกฺขิตฺตสญฺญี หุตฺวา ครุกาปตฺตีติ สญฺญี ครุกํเยว อาปตฺติํ ฉาเทตุกาโม หุตฺวา ฉาเทติ, ตสฺสายํ อาปตฺติ จ ฉนฺนา โหตีติฯ สเจ ปเนตฺถ อนาปตฺติสญฺญี วา โหติ อญฺญาปตฺติกฺขนฺธสญฺญี วา เวมติโก วา, อจฺฉนฺนา โหนฺติฯ อาโรเจเนฺตน ปน ‘‘มม เอกาปตฺติํ อาปนฺนภาวํ ชานาหี’’ติอาทินา นเยน อาโรเจตพฺพํฯ สเจ ปน วตฺถุสภาคาปตฺติกสฺส อาโรเจติ, ตาว ตปฺปจฺจยา ทุกฺกฎํ อาปชฺชติฯ
Tatthāyamadhippāyo – yo bhikkhu rājacoraaggiudakamanussaamanussavāḷasarīsapajīvitabrahmacariyantarāyānaṃ dasannamekassāpi natthitāya anantarāyiko samāno anantarāyikasaññī hutvā bhikkhuno santikaṃ gantuñceva ārocetuñca sakkuṇeyyatāya pahu samāno pahusaññī hutvā tividhaukkhepanīyakammākaraṇena anukkhitto samāno anukkhittasaññī hutvā garukāpattīti saññī garukaṃyeva āpattiṃ chādetukāmo hutvā chādeti, tassāyaṃ āpatti ca channā hotīti. Sace panettha anāpattisaññī vā hoti aññāpattikkhandhasaññī vā vematiko vā, acchannā honti. Ārocentena pana ‘‘mama ekāpattiṃ āpannabhāvaṃ jānāhī’’tiādinā nayena ārocetabbaṃ. Sace pana vatthusabhāgāpattikassa āroceti, tāva tappaccayā dukkaṭaṃ āpajjati.
สงฺฆาทิเสสนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saṅghādisesaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.