Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā

    สงฺฆาทิเสสนิคมนวณฺณนา

    Saṅghādisesanigamanavaṇṇanā

    ปฐมาปตฺติกาติ อวยเวน วิคฺคโห สมุทาโย สมาสโตฺถติ อาห ‘‘ปฐมํ อาปตฺติ เอเตสนฺติ ปฐมาปตฺติกา’’ติฯ วีติกฺกมนกฺขเณเยวาติ วตฺถุวีติกฺกมนกฺขเณเยวฯ เอว-กาเรน สมนุภาสนกมฺมกฺขณํ ปฎิกฺขิปติฯ อหสฺส ยตฺตโก ปริเจฺฉโท ยาวตีหํฯ เตนาห ‘‘ยตฺตกานิ อหานี’’ติฯ อหานีติ จ ทิวสานีติ อโตฺถฯ

    Paṭhamāpattikāti avayavena viggaho samudāyo samāsatthoti āha ‘‘paṭhamaṃ āpatti etesanti paṭhamāpattikā’’ti. Vītikkamanakkhaṇeyevāti vatthuvītikkamanakkhaṇeyeva. Eva-kārena samanubhāsanakammakkhaṇaṃ paṭikkhipati. Ahassa yattako paricchedo yāvatīhaṃ. Tenāha ‘‘yattakāni ahānī’’ti. Ahānīti ca divasānīti attho.

    วตฺถุวเสน วาติ อสุจิโมจนาทิวีติกฺกมมตฺตวเสน วาฯ อิทนฺติ อิทํ วีติกฺกมํฯ นามมตฺตวเสน วา อยํ อิตฺถนฺนามา อาปตฺตีติ ‘‘อยํ สงฺฆาทิเสโส นาม อาปตฺตี’’ติ เอวํ วินา วตฺถุํ นามวเสน วาฯ มตฺตสเทฺทน เจตฺถ วตฺถุํ ปฎิกฺขิปติฯ โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ ‘‘นามโคตฺตวเสน วา’’ติ ลิขนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ ‘‘อยํ อิตฺถนฺนามา อาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตาฯ อิทานิ นํ กสฺสจิ น อาโรเจสฺสามีติ สมฺพโนฺธฯ ธุรํ นิกฺขิปิตฺวาติ อาโรจเน อุสฺสาหํ ฐเปตฺวาฯ น เกวลํ วตฺถุนามวเสเนว อาปตฺติสญฺญี หุตฺวา ฉาเทนฺตเสฺสว, อถ โข โยปิ เอวํ อชานโนฺต เกวลํ ‘‘อาปตฺติํ ฉาเทมี’’ติ อาปตฺติสญฺญาย ฉาเทติ, ตสฺสปิ ฉนฺนา โหตีติ เวทิตพฺพํฯ สเจ ปเนตฺถ อนาปตฺติสญฺญี วา โหติ, อญฺญาปตฺติกฺขนฺธสญฺญี วา เวมติโก วา หุตฺวา ‘‘น ทานิ นํ กสฺสจิ อาโรเจสฺสามี’’ติ เอวํ ฉาเทตุกาโมว ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา อรุณํ อุฎฺฐาเปติ, อจฺฉนฺนาว โหตีติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํฯ อนาปตฺติ ปน อาปตฺติสญฺญายปิ อนาปตฺติสญฺญายปิ ฉาเทเนฺตน อจฺฉาทิตาว โหติฯ ลหุกํ วา ‘‘ครุกา’’ติ ครุกํ วา ‘‘ลหุกา’’ติ ฉาเทติ, อลชฺชิปเกฺข ติฎฺฐติ, อาปตฺติ ปน อจฺฉนฺนา โหติฯ ครุกํ ‘‘ลหุกา’’ติ มญฺญมาโน เทเสติ, เนว เทสิตา โหติ นจฺฉนฺนาฯ

    Vatthuvasena vāti asucimocanādivītikkamamattavasena vā. Idanti idaṃ vītikkamaṃ. Nāmamattavasena vā ayaṃ itthannāmā āpattīti ‘‘ayaṃ saṅghādiseso nāma āpattī’’ti evaṃ vinā vatthuṃ nāmavasena vā. Mattasaddena cettha vatthuṃ paṭikkhipati. Potthakesu pana katthaci ‘‘nāmagottavasena vā’’ti likhanti, taṃ na sundaraṃ ‘‘ayaṃ itthannāmā āpattī’’ti vuttattā. Idāni naṃ kassaci na ārocessāmīti sambandho. Dhuraṃ nikkhipitvāti ārocane ussāhaṃ ṭhapetvā. Na kevalaṃ vatthunāmavaseneva āpattisaññī hutvā chādentasseva, atha kho yopi evaṃ ajānanto kevalaṃ ‘‘āpattiṃ chādemī’’ti āpattisaññāya chādeti, tassapi channā hotīti veditabbaṃ. Sace panettha anāpattisaññī vā hoti, aññāpattikkhandhasaññī vā vematiko vā hutvā ‘‘na dāni naṃ kassaci ārocessāmī’’ti evaṃ chādetukāmova dhuraṃ nikkhipitvā aruṇaṃ uṭṭhāpeti, acchannāva hotīti ānetvā yojetabbaṃ. Anāpatti pana āpattisaññāyapi anāpattisaññāyapi chādentena acchāditāva hoti. Lahukaṃ vā ‘‘garukā’’ti garukaṃ vā ‘‘lahukā’’ti chādeti, alajjipakkhe tiṭṭhati, āpatti pana acchannā hoti. Garukaṃ ‘‘lahukā’’ti maññamāno deseti, neva desitā hoti nacchannā.

    ปกโต สภาวภูโต อตฺตา อสฺสาติ ปกตโตฺต, น กเมฺมหิ วิกตโตฺตติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อนุกฺขิโตฺต สมานสํวาสโก’’ติฯ วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘น ทานิ นํ กสฺสจิ อาโรเจสฺสามี’’ติอาทินา วุตฺตเนว นเยนฯ อถ ‘‘มยฺหํ สเงฺฆน กมฺมํ กต’’นฺติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๑๐๒) อปกตตฺตสญฺญี หุตฺวา ฉาเทติ, อจฺฉนฺนาว โหติฯ อปกตเตฺตน ปน ปกตตฺตสญฺญินา วา ปกตเตฺตน อปกตตฺตสญฺญินา วา ฉาทิตาปิ อจฺฉนฺนาว โหติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    Pakato sabhāvabhūto attā assāti pakatatto, na kammehi vikatattoti attho. Tenāha ‘‘anukkhitto samānasaṃvāsako’’ti. Vuttanayenevāti ‘‘na dāni naṃ kassaci ārocessāmī’’tiādinā vuttaneva nayena. Atha ‘‘mayhaṃ saṅghena kammaṃ kata’’nti (cūḷava. aṭṭha. 102) apakatattasaññī hutvā chādeti, acchannāva hoti. Apakatattena pana pakatattasaññinā vā pakatattena apakatattasaññinā vā chāditāpi acchannāva hoti. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘อาปชฺชติ ครุกํ สาวเสสํ;

    ‘‘Āpajjati garukaṃ sāvasesaṃ;

    ฉาเทติ อนาทริยํ ปฎิจฺจ;

    Chādeti anādariyaṃ paṭicca;

    น ภิกฺขุนี โน จ ผุเสยฺย วชฺชํ;

    Na bhikkhunī no ca phuseyya vajjaṃ;

    ปญฺหาเมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติฯ (ปริ. ๔๘๑);

    Pañhāmesā kusalehi cintitā’’ti. (pari. 481);

    อยญฺหิ ปโญฺห อุกฺขิตฺตเกน กถิโตฯ

    Ayañhi pañho ukkhittakena kathito.

    ทสสุ อนฺตราเยสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ สเจ ปน โย ภีรุกชาติกตาย อนฺธกาเร อมนุสฺสจณฺฑมิคภเยน อนฺตรายิกสญฺญี หุตฺวา ฉาเทติ, อจฺฉนฺนาว โหติฯ ยสฺสปิ ปพฺพตวิหาเร วสนฺตสฺส กนฺทรํ วา นทิํ วา อติกฺกมิตฺวา อาโรเจตพฺพํ โหติ, อนฺตรามเคฺค จ จณฺฑวาฬอมนุสฺสาทิภยํ อตฺถิ, มเคฺค อชครา นิปชฺชนฺติ, นที ปูรา โหติ, เอตสฺมิํ สติเยว อนฺตราเย อนฺตรายิกสญฺญี หุตฺวา ฉาเทติ, อจฺฉนฺนาว โหติฯ อนฺตรายิกสฺส ปน อนฺตรายิกสญฺญาย วา อนนฺตรายิกสญฺญาย วา ฉาทยโต อจฺฉนฺนาวฯ

    Dasasu antarāyesu yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. Sace pana yo bhīrukajātikatāya andhakāre amanussacaṇḍamigabhayena antarāyikasaññī hutvā chādeti, acchannāva hoti. Yassapi pabbatavihāre vasantassa kandaraṃ vā nadiṃ vā atikkamitvā ārocetabbaṃ hoti, antarāmagge ca caṇḍavāḷaamanussādibhayaṃ atthi, magge ajagarā nipajjanti, nadī pūrā hoti, etasmiṃ satiyeva antarāye antarāyikasaññī hutvā chādeti, acchannāva hoti. Antarāyikassa pana antarāyikasaññāya vā anantarāyikasaññāya vā chādayato acchannāva.

    ภิกฺขุโนติ สภาคสฺส ภิกฺขุโนฯ สจสฺส มุเข อปฺปมตฺตโก คโณฺฑ วา โหติ, หนุกวาโต วา วิชฺฌติ, ทโนฺต วา รุชฺชติ, ภิกฺขา วา มนฺทา ลทฺธา โหติ, ตาวตเกน ปน เนว วตฺตุํ น สโกฺกติ, น คนฺตุํฯ อปิจ โข ‘‘น สโกฺกมี’’ติ สญฺญี โหติ, อยํ ปหุ หุตฺวา อปฺปหุสญฺญี นามฯ อิมินา ฉาทิตาปิ อจฺฉาทิตาฯ อปฺปหุนา ปน วตฺตุํ วา คนฺตุํ วา อสมเตฺถน ปหุสญฺญินา วา อปฺปหุสญฺญินา วา ฉาทิตาปิ อจฺฉาทิตาวฯ

    Bhikkhunoti sabhāgassa bhikkhuno. Sacassa mukhe appamattako gaṇḍo vā hoti, hanukavāto vā vijjhati, danto vā rujjati, bhikkhā vā mandā laddhā hoti, tāvatakena pana neva vattuṃ na sakkoti, na gantuṃ. Apica kho ‘‘na sakkomī’’ti saññī hoti, ayaṃ pahu hutvā appahusaññī nāma. Iminā chāditāpi acchāditā. Appahunā pana vattuṃ vā gantuṃ vā asamatthena pahusaññinā vā appahusaññinā vā chāditāpi acchāditāva.

    อิทํ อุตฺตานเมวาติ อิทํ องฺคทฺวยํ อุตฺตานตฺถเมวฯ สเจ ปน ‘‘ฉาเทสฺสามี’’ติ ธุรนิเกฺขปํ กตฺวา ปุเรภเตฺต วา ปจฺฉาภเตฺต วา ปฐมยามาทีสุ วา ลชฺชิธมฺมํ โอกฺกมติ, อโนฺตอรุเณเยว อาโรเจติ, อยํ ฉาเทตุกาโม น ฉาเทติ นามฯ

    Idaṃ uttānamevāti idaṃ aṅgadvayaṃ uttānatthameva. Sace pana ‘‘chādessāmī’’ti dhuranikkhepaṃ katvā purebhatte vā pacchābhatte vā paṭhamayāmādīsu vā lajjidhammaṃ okkamati, antoaruṇeyeva āroceti, ayaṃ chādetukāmo na chādeti nāma.

    ยสฺส ปน อภิกฺขุเก ฐาเน วสนฺตสฺส อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา สภาคสฺส ภิกฺขุโน อาคมนํ อาคเมนฺตสฺส วา, สภาคสฺส สนฺติกํ วา คจฺฉนฺตสฺส อฑฺฒมาโสปิ มาโสปิ อติกฺกมติ, อยํ นจฺฉาเทตุกาโม ฉาเทติ นามฯ อยมฺปิ อจฺฉนฺนาว โหติฯ

    Yassa pana abhikkhuke ṭhāne vasantassa āpattiṃ āpajjitvā sabhāgassa bhikkhuno āgamanaṃ āgamentassa vā, sabhāgassa santikaṃ vā gacchantassa aḍḍhamāsopi māsopi atikkamati, ayaṃ nacchādetukāmo chādeti nāma. Ayampi acchannāva hoti.

    โย ปน อาปนฺนมโตฺตว อคฺคิํ อกฺกนฺตปุริโส วิย สหสา อปกฺกมิตฺวา สภาคฎฺฐานํ คนฺตฺวา อาวิ กโรติ, อยํ นจฺฉาเทตุกาโมว น ฉาเทติ นามฯ สภาคมตฺตเมว ปมาณนฺติ อเวริสภาคมตฺตเมว ปมาณํฯ อเวริสภาคสฺส หิ สนฺติเก อาโรเจตพฺพํฯ โย ปน วิสภาโค โหติ สุตฺวา ปกาเสตุกาโม, เอวรูปสฺส อุปชฺฌายสฺสปิ สนฺติเก น อาโรเจตพฺพาฯ ตตฺถ ปุเรภตฺตํ อาปตฺติํ อาปโนฺน โหตุ, ปจฺฉาภตฺตํ วา ทิวา วา รตฺติํ วา, ยาว อรุณํ น อุคฺคจฺฉติ, ตาว อาโรเจตพฺพํฯ อุทฺธเสฺต อรุเณ ปฎิจฺฉนฺนา โหติ, ปฎิจฺฉาทนปจฺจยา จ ทุกฺกฎํ อาปชฺชติฯ สเงฺขปโตติ สมาสโตฯ วิตฺถารโต ปน สมนฺตปาสาทิกายํ วุโตฺตติ อธิปฺปาโยฯ

    Yo pana āpannamattova aggiṃ akkantapuriso viya sahasā apakkamitvā sabhāgaṭṭhānaṃ gantvā āvi karoti, ayaṃ nacchādetukāmova na chādeti nāma. Sabhāgamattameva pamāṇanti averisabhāgamattameva pamāṇaṃ. Averisabhāgassa hi santike ārocetabbaṃ. Yo pana visabhāgo hoti sutvā pakāsetukāmo, evarūpassa upajjhāyassapi santike na ārocetabbā. Tattha purebhattaṃ āpattiṃ āpanno hotu, pacchābhattaṃ vā divā vā rattiṃ vā, yāva aruṇaṃ na uggacchati, tāva ārocetabbaṃ. Uddhaste aruṇe paṭicchannā hoti, paṭicchādanapaccayā ca dukkaṭaṃ āpajjati. Saṅkhepatoti samāsato. Vitthārato pana samantapāsādikāyaṃ vuttoti adhippāyo.

    อกามา ปริวตฺถพฺพนฺติ อปฺปฎิกมฺมกตาย อาปตฺติยา สคฺคโมกฺขาวรณภาวโต อนิจฺฉเนฺตนาปิ ปริวสิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘น กาเมนา’’ติอาทิฯ ปริวาสํ สมาทายาติ ปริวาสวตฺตํ สงฺฆมเชฺฌ สมาทิยิตฺวาฯ ยทิปิ จตุพฺพิโธ ปริวาโส อปฺปฎิจฺฉนฺนปริวาโส, ปฎิจฺฉนฺนปริวาโส, สุทฺธนฺตปริวาโส, สโมธานปริวาโสติ, ตถาปิ อปฺปฎิจฺฉนฺนปริวาโส อิธ น อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘ตตฺถ ปฎิจฺฉนฺน…เป.… ติวิโธ ปริวาโส’’ติฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ วาเกฺยฯ ปฎิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา สติ ทาตโพฺพ ปริวาโส ปฎิจฺฉนฺนวิสยตาย ปฎิจฺฉนฺนปริวาโสฯ สุทฺธนฺตโต ปฎฺฐาย ทาตโพฺพ ปริวาโส สุทฺธนฺตปริวาโสฯ สโมทหิตฺวา ทาตโพฺพ ปริวาโส สโมธานปริวาโส

    Akāmā parivatthabbanti appaṭikammakatāya āpattiyā saggamokkhāvaraṇabhāvato anicchantenāpi parivasitabbanti attho. Tenāha ‘‘na kāmenā’’tiādi. Parivāsaṃ samādāyāti parivāsavattaṃ saṅghamajjhe samādiyitvā. Yadipi catubbidho parivāso appaṭicchannaparivāso, paṭicchannaparivāso, suddhantaparivāso, samodhānaparivāsoti, tathāpi appaṭicchannaparivāso idha na adhippetoti āha ‘‘tattha paṭicchanna…pe… tividho parivāso’’ti. Tatthāti tasmiṃ vākye. Paṭicchannāya āpattiyā sati dātabbo parivāso paṭicchannavisayatāya paṭicchannaparivāso. Suddhantato paṭṭhāya dātabbo parivāso suddhantaparivāso. Samodahitvā dātabbo parivāso samodhānaparivāso.

    อิทานิ เต ติวิเธเยว ปริวาเส สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาหฯ หีติ ยสฺมาฯ เอกาหํ ปฎิจฺฉนฺนา เอกาหปฺปฎิจฺฉนฺนาวุตฺตนเยนาติ ‘‘อาปตฺติ จ โหตี’’ติอาทินา วุเตฺตน นเยนฯ เอกาหปฺปฎิจฺฉนฺนนฺติ เอตฺถ อิติสโทฺท ‘‘อิติ วา, อิติ เอวรูปา วิสูกทสฺสนา ปฎิวิรโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๓, ๑๙๗) วิย อาทิอโตฺถฯ เตน ‘‘โสหํ, ภเนฺต, สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สเญฺจตนิกาย สุกฺกวิสฎฺฐิยา เอกาหปฺปฎิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ ยาจามี’’ติ อิมํ ปาฬิเสสํ (จูฬว. ๑๐๒) สงฺคณฺหาติฯ เอวํ ปริวาสํ ยาจาเปตฺวาติ เอวํ ยาวตติยํ ยาจาเปตฺวาฯ ขนฺธเก อาคตนเยนาติ สมุจฺจยกฺขนฺธเก (จูฬว. ๙๗ อาทโย) อาคตนเยนฯ ตโตติ ปกฺขโต ปฎฺฐายฯ อติเรกปกฺขปฺปฎิจฺฉนฺนนฺติ ปกฺขสฺส อติเรโก อติเรกปโกฺข, ตํ ปฎิจฺฉนฺนนฺติ อโตฺถฯ ตโตติ ติํสติมทิวสโต ปฎฺฐายฯ มาสปฺปฎิจฺฉนฺนนฺติ สตฺตานํ อายุํ มินโนฺต วิย สิยติ อนฺตํ กโรตีติ มาโส, ติํสรตฺตินฺทิโว, ตํ ปฎิจฺฉนฺนนฺติ อโตฺถฯ สํวจฺฉเร ปุเณฺณติ ตํ ตํ สตฺตํ, ธมฺมปฺปวตฺติญฺจ สงฺคมฺม วทโนฺต วิย สรติ ปวตฺตตีติ สํวจฺฉโร, ทฺวาทส มาสา, ตสฺมิํ ปริปุเณฺณฯ

    Idāni te tividheyeva parivāse sarūpato dassetuṃ ‘‘tatthā’’tiādimāha. ti yasmā. Ekāhaṃ paṭicchannā ekāhappaṭicchannā. Vuttanayenāti ‘‘āpatti ca hotī’’tiādinā vuttena nayena. Ekāhappaṭicchannanti ettha itisaddo ‘‘iti vā, iti evarūpā visūkadassanā paṭivirato’’tiādīsu (dī. ni. 1.13, 197) viya ādiattho. Tena ‘‘sohaṃ, bhante, saṅghaṃ ekissā āpattiyā sañcetanikāya sukkavisaṭṭhiyā ekāhappaṭicchannāya ekāhaparivāsaṃ yācāmī’’ti imaṃ pāḷisesaṃ (cūḷava. 102) saṅgaṇhāti. Evaṃ parivāsaṃ yācāpetvāti evaṃ yāvatatiyaṃ yācāpetvā. Khandhake āgatanayenāti samuccayakkhandhake (cūḷava. 97 ādayo) āgatanayena. Tatoti pakkhato paṭṭhāya. Atirekapakkhappaṭicchannanti pakkhassa atireko atirekapakkho, taṃ paṭicchannanti attho. Tatoti tiṃsatimadivasato paṭṭhāya. Māsappaṭicchannanti sattānaṃ āyuṃ minanto viya siyati antaṃ karotīti māso, tiṃsarattindivo, taṃ paṭicchannanti attho. Saṃvacchare puṇṇeti taṃ taṃ sattaṃ, dhammappavattiñca saṅgamma vadanto viya sarati pavattatīti saṃvaccharo, dvādasa māsā, tasmiṃ paripuṇṇe.

    วตฺถุกิตฺตนวเสน วาติ นาเมน สห วตฺถุกิตฺตนวเสน วาติ อโตฺถฯ เตเนว หิ อุปริ ‘‘นามมตฺตวเสน วา’’ติ มตฺตคฺคหณํ กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ นามมตฺตวเสนาติ วตฺถุกิตฺตนํ วินา เกวลํ นามเสฺสว วเสนฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ทุวิเธ นาเม ‘‘อาปตฺตี’’ติ สพฺพสาธารณํ นามํ, ตสฺมา ฯ สุกฺกวิสฺสฎฺฐีติ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิ นามายํฯ อิติสโทฺท เหตฺถ วจนียตฺถํ นิทเสฺสติฯ นิทสฺสนมตฺตเญฺจตํ ‘‘สุกฺกวิสฺสฎฺฐี’’ติ กายสํสคฺคาทีนมฺปิ วตฺถุอาทิภาเวน อิจฺฉิตพฺพตฺตาฯ วตฺถุ เจว โคตฺตญฺจาติ วีติกฺกมตฺตา วตฺถุ เจว อนญฺญสาธารณตฺตา โคตฺตญฺจฯ คํ ตายตีติ โคตฺตํ, สชาติโต อญฺญตฺถ กายสํสคฺคาทีสุ คนฺตุํ อทตฺวา พุทฺธิํ, วจนญฺจ รกฺขตีติ อโตฺถฯ สงฺฆาทิเสโสติ สงฺฆาทิเสโส นามายํฯ เอตฺถ ปน อิติสโทฺท วจนวจนียสมุทายํ นิทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘นามเญฺจว อาปตฺติ จา’’ติ, สชาติสาธารณนามตฺตา นามเญฺจว เตน เตน วีติกฺกเมนาปชฺชิตพฺพตฺตา อาปตฺติ จาติ อโตฺถฯ อิทมฺปิ นิทสฺสนมตฺตเมว ‘‘อาปตฺติโย’’ติ อิมสฺสาปิ นามาทิภาเวน อิจฺฉิตพฺพตฺตาฯ อิติสโทฺท วา อาทิอโตฺถฯ เอวญฺจ กตฺวา ‘‘กายสํสคฺคนฺติอาทิวจเนนาปี’’ติอาทิกมฺปิ สมตฺถิตํ โหติฯ

    Vatthukittanavasena vāti nāmena saha vatthukittanavasena vāti attho. Teneva hi upari ‘‘nāmamattavasena vā’’ti mattaggahaṇaṃ katanti daṭṭhabbaṃ. Nāmamattavasenāti vatthukittanaṃ vinā kevalaṃ nāmasseva vasena. Tasmāti yasmā duvidhe nāme ‘‘āpattī’’ti sabbasādhāraṇaṃ nāmaṃ, tasmā . Sukkavissaṭṭhīti sukkavissaṭṭhi nāmāyaṃ. Itisaddo hettha vacanīyatthaṃ nidasseti. Nidassanamattañcetaṃ ‘‘sukkavissaṭṭhī’’ti kāyasaṃsaggādīnampi vatthuādibhāvena icchitabbattā. Vatthu ceva gottañcāti vītikkamattā vatthu ceva anaññasādhāraṇattā gottañca. Gaṃ tāyatīti gottaṃ, sajātito aññattha kāyasaṃsaggādīsu gantuṃ adatvā buddhiṃ, vacanañca rakkhatīti attho. Saṅghādisesoti saṅghādiseso nāmāyaṃ. Ettha pana itisaddo vacanavacanīyasamudāyaṃ nidasseti. Tenāha ‘‘nāmañceva āpatti cā’’ti, sajātisādhāraṇanāmattā nāmañceva tena tena vītikkamenāpajjitabbattā āpatti cāti attho. Idampi nidassanamattameva ‘‘āpattiyo’’ti imassāpi nāmādibhāvena icchitabbattā. Itisaddo vā ādiattho. Evañca katvā ‘‘kāyasaṃsaggantiādivacanenāpī’’tiādikampi samatthitaṃ hoti.

    ตยิทํ กมฺมวาจาย เกน วจเนน คหิตนฺติ อนุโยคํ สนฺธาย ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาหฯ ‘‘อาปตฺตี’’ติ สพฺพสาธารณนามตฺตา, วีติกฺกเมน อาปชฺชิตพฺพตฺตา จ นามเญฺจว อาปตฺติ จ โหตีติ อาห ‘‘อาปตฺติโยติ วจเนนาปี’’ติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา อิทํ ปริวาสาทิวินยกมฺมํ วตฺถุวเสน, โคตฺตวเสน, นามวเสน, อาปตฺติวเสน จ กาตุํ วฎฺฎติเยว, ตสฺมาฯ เอเตสูติ วตฺถุอาทีสุ, สุกฺกวิสฺสฎฺฐิอาทีสุ วาฯ วตฺตํ สมาทาตพฺพนฺติ ยถาวุเตฺตสุ ทฺวีสุ ปเทสุ เอเกนปิ สมาทาตพฺพํฯ ทฺวีหิ ปน สุสมาทินฺนํเยวฯ เตเนว วกฺขติ ‘‘สมาทาเนปิ เอเสว นโย’’ติ (กงฺขา. อฎฺฐ. นิทานวณฺณนา)ฯ

    Tayidaṃ kammavācāya kena vacanena gahitanti anuyogaṃ sandhāya ‘‘tatthā’’tiādimāha. ‘‘Āpattī’’ti sabbasādhāraṇanāmattā, vītikkamena āpajjitabbattā ca nāmañceva āpatti ca hotīti āha ‘‘āpattiyoti vacanenāpī’’ti. Tasmāti yasmā idaṃ parivāsādivinayakammaṃ vatthuvasena, gottavasena, nāmavasena, āpattivasena ca kātuṃ vaṭṭatiyeva, tasmā. Etesūti vatthuādīsu, sukkavissaṭṭhiādīsu vā. Vattaṃ samādātabbanti yathāvuttesu dvīsu padesu ekenapi samādātabbaṃ. Dvīhi pana susamādinnaṃyeva. Teneva vakkhati ‘‘samādānepi eseva nayo’’ti (kaṅkhā. aṭṭha. nidānavaṇṇanā).

    อาโรเจตฺวาติ –

    Ārocetvāti –

    ‘‘อหํ, ภเนฺต, เอกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิํ สเญฺจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิํ เอกาหปฺปฎิจฺฉนฺนํ, โสหํ สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สเญฺจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฎฺฐิยา เอกาหปฺปฎิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ ยาจิํ, ตสฺส เม สโงฺฆ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สเญฺจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฎฺฐิยา เอกาหปฺปฎิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ อทาสิ, โสหํ ปริวสามิ, เวทยามหํ, ภเนฺต, ‘เวทยตี’ติ มํ สโงฺฆ ธาเรตู’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๑๐๒) –

    ‘‘Ahaṃ, bhante, ekaṃ āpattiṃ āpajjiṃ sañcetanikaṃ sukkavissaṭṭhiṃ ekāhappaṭicchannaṃ, sohaṃ saṅghaṃ ekissā āpattiyā sañcetanikāya sukkavissaṭṭhiyā ekāhappaṭicchannāya ekāhaparivāsaṃ yāciṃ, tassa me saṅgho ekissā āpattiyā sañcetanikāya sukkavissaṭṭhiyā ekāhappaṭicchannāya ekāhaparivāsaṃ adāsi, sohaṃ parivasāmi, vedayāmahaṃ, bhante, ‘vedayatī’ti maṃ saṅgho dhāretū’’ti (cūḷava. aṭṭha. 102) –

    เอวมาทินา ตํ ตํ โยชนานุรูปํ อาโรเจตฺวาฯ อิมญฺจ ปนตฺถํ คเหตฺวา ยาย กายจิ ภาสาย อาโรเจตุํ วฎฺฎติเยว (จูฬว. อฎฺฐ. ๑๐๒)ฯ ‘‘ปุน อาคตาคตานํ ภิกฺขูนํ อาโรเจเนฺตนา’’ติ อิทํ อาคนฺตุกํ ภิกฺขุํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เอตฺถ จ เอกสฺส อาโรเจเนฺตน อวสาเน ‘‘เวทยตีติ มํ อายสฺมา ธาเรตุ’’, ทฺวินฺนํ ‘‘อายสฺมนฺตา ธาเรนฺตุ’’, ติณฺณํ ‘‘อายสฺมโนฺต ธาเรนฺตู’’ติ วตฺตพฺพํฯ วตฺตเภทญฺจ รตฺติเจฺฉทญฺจ อกตฺวาติ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา สาทิตพฺพํ ปกตตฺตานํ ภิกฺขูนํ อภิวาทนํ ปจฺจุปฎฺฐาน’’นฺติอาทินา (จูฬว. ๗๕) ปาริวาสิกกฺขนฺธเก ยานิ จตุนวุติ วตฺตานิ วุตฺตานิ, เตสํ เภทญฺจ, โย จ ‘‘ตโย โข, อุปาลิ, ปาริวาสิกสฺส ภิกฺขุโน รตฺติเจฺฉทา สหวาโส วิปฺปวาโส อนาโรจนา’’ติ (จูฬว. ๘๓) รตฺติเจฺฉโท วุโตฺต, ตญฺจ อกตฺวาฯ

    Evamādinā taṃ taṃ yojanānurūpaṃ ārocetvā. Imañca panatthaṃ gahetvā yāya kāyaci bhāsāya ārocetuṃ vaṭṭatiyeva (cūḷava. aṭṭha. 102). ‘‘Puna āgatāgatānaṃ bhikkhūnaṃ ārocentenā’’ti idaṃ āgantukaṃ bhikkhuṃ sandhāya vuttaṃ. Ettha ca ekassa ārocentena avasāne ‘‘vedayatīti maṃ āyasmā dhāretu’’, dvinnaṃ ‘‘āyasmantā dhārentu’’, tiṇṇaṃ ‘‘āyasmanto dhārentū’’ti vattabbaṃ. Vattabhedañca ratticchedañca akatvāti ‘‘na, bhikkhave, pārivāsikena bhikkhunā sāditabbaṃ pakatattānaṃ bhikkhūnaṃ abhivādanaṃ paccupaṭṭhāna’’ntiādinā (cūḷava. 75) pārivāsikakkhandhake yāni catunavuti vattāni vuttāni, tesaṃ bhedañca, yo ca ‘‘tayo kho, upāli, pārivāsikassa bhikkhuno ratticchedā sahavāso vippavāso anārocanā’’ti (cūḷava. 83) ratticchedo vutto, tañca akatvā.

    อยํ เหตฺถ วินิจฺฉโย – สเจ (จูฬว. อฎฺฐ. ๗๖) อาคนฺตุกา มุหุตฺตํ วิสฺสมิตฺวา วา อวิสฺสมิตฺวา เอว วา วิหารมเชฺฌน คจฺฉนฺติ, เตสมฺปิ อาโรเจตพฺพํฯ สเจ ตสฺส อชานนฺตเสฺสว คจฺฉนฺติ, อยญฺจ คตกาเล ชานาติ, คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํฯ สมฺปาปุณิตุํ อสโกฺกนฺตสฺส รตฺติเจฺฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฎํฯ เยปิ อโนฺตวิหารํ อปฺปวิสิตฺวา อุปจารสีมํ โอกฺกมิตฺวา คจฺฉนฺติ, อยญฺจ เนสํ ฉตฺตสทฺทํ วา อุกฺกาสิตสทฺทํ วา ขิปิตสทฺทํ วา สุตฺวาว อาคนฺตุกภาวํ ชานาติ, คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํฯ คตกาเล ชานเนฺตนาปิ อนุพนฺธิตฺวา อาโรเจตพฺพเมวฯ สมฺปาปุณิตุํ อสโกฺกนฺตสฺส รตฺติเจฺฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฎํฯ โยปิ รตฺติํเยว อาคนฺตฺวา รตฺติํเยว คจฺฉติ, โสปิสฺส รตฺติเจฺฉทํ กโรติฯ อญฺญาตตฺตา ปน วตฺตเภททุกฺกฎํ นตฺถิฯ สเจ อชานิตฺวาว อพฺภานํ กโรติ, อกตเมว โหตีติ กุรุนฺทิยํ (จูฬว. อฎฺฐ. ๗๖) วุตฺตํฯ ตสฺมา อธิกา รตฺติโย คเหตฺวา กาตพฺพํฯ อยํ อปณฺณกปฺปฎิปทาฯ

    Ayaṃ hettha vinicchayo – sace (cūḷava. aṭṭha. 76) āgantukā muhuttaṃ vissamitvā vā avissamitvā eva vā vihāramajjhena gacchanti, tesampi ārocetabbaṃ. Sace tassa ajānantasseva gacchanti, ayañca gatakāle jānāti, gantvā ārocetabbaṃ. Sampāpuṇituṃ asakkontassa ratticchedova hoti, na vattabhedadukkaṭaṃ. Yepi antovihāraṃ appavisitvā upacārasīmaṃ okkamitvā gacchanti, ayañca nesaṃ chattasaddaṃ vā ukkāsitasaddaṃ vā khipitasaddaṃ vā sutvāva āgantukabhāvaṃ jānāti, gantvā ārocetabbaṃ. Gatakāle jānantenāpi anubandhitvā ārocetabbameva. Sampāpuṇituṃ asakkontassa ratticchedova hoti, na vattabhedadukkaṭaṃ. Yopi rattiṃyeva āgantvā rattiṃyeva gacchati, sopissa ratticchedaṃ karoti. Aññātattā pana vattabhedadukkaṭaṃ natthi. Sace ajānitvāva abbhānaṃ karoti, akatameva hotīti kurundiyaṃ (cūḷava. aṭṭha. 76) vuttaṃ. Tasmā adhikā rattiyo gahetvā kātabbaṃ. Ayaṃ apaṇṇakappaṭipadā.

    นทิอาทีสุ นาวาย คจฺฉนฺตมฺปิ ปรตีเร ฐิตมฺปิ อากาเส คจฺฉนฺตมฺปิ ปพฺพตตลอรญฺญาทีสุ ทูเร ฐิตมฺปิ ภิกฺขุํ ทิสฺวา สเจ ‘‘ภิกฺขู’’ติ ววตฺถานํ อตฺถิ, นาวาทีหิ วา คนฺตฺวา, มหาสทฺทํ กตฺวา วา เวเคน อนุพนฺธิตฺวา วา อาโรเจตพฺพํ, อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติเจฺฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฎญฺจฯ สเจ วายมโนฺตปิ สมฺปาปุณิตุํ วา สาเวตุํ วา น สโกฺกติ, รตฺติเจฺฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฎํฯ

    Nadiādīsu nāvāya gacchantampi paratīre ṭhitampi ākāse gacchantampi pabbatatalaaraññādīsu dūre ṭhitampi bhikkhuṃ disvā sace ‘‘bhikkhū’’ti vavatthānaṃ atthi, nāvādīhi vā gantvā, mahāsaddaṃ katvā vā vegena anubandhitvā vā ārocetabbaṃ, anārocentassa ratticchedo ceva vattabhedadukkaṭañca. Sace vāyamantopi sampāpuṇituṃ vā sāvetuṃ vā na sakkoti, ratticchedova hoti, na vattabhedadukkaṭaṃ.

    อญฺญํ กญฺจิ วิหารํ คเตนปิ ภิกฺขูนํ อาโรเจตพฺพเมว (จูฬว. อฎฺฐ. ๗๖)ฯ สเจ สเพฺพ เอกฎฺฐาเน ฐิเต ปสฺสติ, เอกฎฺฐาเน ฐิเตเนว อาโรเจตพฺพํฯ อถ รุกฺขมูลาทีสุ วิสุํ วิสุํ ฐิตา โหนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํฯ สญฺจิจฺจ อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติเจฺฉโท จ โหติ, วตฺตเภเท จ ทุกฺกฎํฯ อถ วิจินโนฺต เอกเจฺจ น ปสฺสติ, รตฺติเจฺฉโทว โหติ , น จ วตฺตเภททุกฺกฎํฯ สญฺจิจฺจ อนาโรเจนฺตสฺส ปน รตฺติเจฺฉโท เจว โหติ, วตฺตเภเท จ ทุกฺกฎํฯ

    Aññaṃ kañci vihāraṃ gatenapi bhikkhūnaṃ ārocetabbameva (cūḷava. aṭṭha. 76). Sace sabbe ekaṭṭhāne ṭhite passati, ekaṭṭhāne ṭhiteneva ārocetabbaṃ. Atha rukkhamūlādīsu visuṃ visuṃ ṭhitā honti, tattha tattha gantvā ārocetabbaṃ. Sañcicca anārocentassa ratticchedo ca hoti, vattabhede ca dukkaṭaṃ. Atha vicinanto ekacce na passati, ratticchedova hoti , na ca vattabhedadukkaṭaṃ. Sañcicca anārocentassa pana ratticchedo ceva hoti, vattabhede ca dukkaṭaṃ.

    ตเตฺถวาติ มาฬกสีมายเมวฯ มาฬกโต ปน ภิกฺขูสุ นิกฺขเนฺตสุ เอกสฺสปิ สนฺติเก นิกฺขิปิตุํ วฎฺฎติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๙๗)ฯ มาฬกโต นิกฺขมิตฺวา สติํ ปฎิลภเนฺตน สห คจฺฉนฺตสฺส สนฺติเก นิกฺขิปิตพฺพํฯ เตนาห ‘‘เอกปุคฺคลสฺส วา สนฺติเก’’ติฯ สเจ โสปิ ปกฺกโนฺต, อญฺญสฺส ยสฺส มาฬเก นาโรจิตํ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํฯ ปกตตฺตฎฺฐาเนติ สงฺฆกมฺมานํ อรหฎฺฐาเนฯ เทฺว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวาติ (สารตฺถ. ฎี. จูฬวคฺค ๓.๙๗) ภิกฺขูนํ สชฺฌายนสทฺทสวนูปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํฯ มหามคฺคโต โอกฺกมฺมาติ มคฺคปฺปฎิปนฺนภิกฺขูนํ อุปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํฯ คุเมฺพน วา วติยา วา ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเนติ ทสฺสนูปจารวิชหนตฺถํ วุตฺตํฯ วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตพฺพนฺติ วุตฺตนเยเนว วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ปริวาโส อาโรเจตโพฺพฯ ‘‘อาโรเจตพฺพ’’นฺติ ปน สามเญฺญน วุตฺตํฯ อาโรเจเนฺตน จ สเจ นวกตโร โหติ, ‘‘อาวุโส’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ วุฑฺฒตโร, ‘‘ภเนฺต’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ อโญฺญ โกจิ ภิกฺขุ เกนจิเทว กรณีเยน ตํ ฐานํ อาคจฺฉติฯ สเจ เอส นํ ปสฺสติ, สทฺทํ วา ตสฺส สุณาติ, อาโรเจตพฺพํฯ อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติเจฺฉโท เจว วตฺตเภโท จฯ เตนาห ‘‘ยมฺปิ อญฺญํ ภิกฺขุํ ปสฺสติ, ตสฺสาปิ อาโรเจตพฺพเมวา’’ติฯ อถ ทฺวาทสหตฺถํ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา อชานนฺตเสฺสว คจฺฉติ, รตฺติเจฺฉโท โหติเยว, วตฺตเภโท ปน นตฺถิฯ อุฎฺฐิเตติ อุคฺคเตฯ ยํ สพฺพปฐมํ ภิกฺขุนฺติ วิหารโต นิกฺขมนฺตํ วา อาคนฺตุกํ วา สพฺพปฐมํ ยํ อญฺญํ ภิกฺขุํ ปสฺสติฯ ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพนฺติ อนาโรเจนฺตสฺส ทุกฺกฎํ สิยา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ตุ รตฺติเจฺฉทํ สนฺธายฯ อิตรถา หิ ‘‘วิหารสีมาปริยาปนฺนานํ สเพฺพสํ อาโรเจตฺวา’’ติ วเทยฺยฯ ยาว รตฺติโย ปูเรนฺตีติ ยตฺตกา รตฺติโย อาปตฺติ ปฎิจฺฉนฺนา โหติ, ตตฺตกา รตฺติโย ยาว ปูเรนฺติ, ตาว ปริวตฺถพฺพํฯ สมนฺตปาสาทิกายํ ปน ‘‘เอวํ ยตฺตกานิ ทิวสานิ อาปตฺติ ปฎิจฺฉนฺนา โหติ, ตตฺตกานิ, ตโต อธิกตรานิ วา กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถาย ปริวสิตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ วิตฺถาโรติ ปปโญฺจฯ

    Tatthevāti māḷakasīmāyameva. Māḷakato pana bhikkhūsu nikkhantesu ekassapi santike nikkhipituṃ vaṭṭati (cūḷava. aṭṭha. 97). Māḷakato nikkhamitvā satiṃ paṭilabhantena saha gacchantassa santike nikkhipitabbaṃ. Tenāha ‘‘ekapuggalassa vā santike’’ti. Sace sopi pakkanto, aññassa yassa māḷake nārocitaṃ, tassa ārocetvā nikkhipitabbaṃ. Pakatattaṭṭhāneti saṅghakammānaṃ arahaṭṭhāne. Dve leḍḍupāte atikkamitvāti (sārattha. ṭī. cūḷavagga 3.97) bhikkhūnaṃ sajjhāyanasaddasavanūpacāravijahanatthaṃ vuttaṃ. Mahāmaggato okkammāti maggappaṭipannabhikkhūnaṃ upacāravijahanatthaṃ vuttaṃ. Gumbena vā vatiyā vā paṭicchannaṭṭhāneti dassanūpacāravijahanatthaṃ vuttaṃ. Vattaṃ samādiyitvā ārocetabbanti vuttanayeneva vattaṃ samādiyitvā parivāso ārocetabbo. ‘‘Ārocetabba’’nti pana sāmaññena vuttaṃ. Ārocentena ca sace navakataro hoti, ‘‘āvuso’’ti vattabbaṃ. Sace vuḍḍhataro, ‘‘bhante’’ti vattabbaṃ. Sace añño koci bhikkhu kenacideva karaṇīyena taṃ ṭhānaṃ āgacchati. Sace esa naṃ passati, saddaṃ vā tassa suṇāti, ārocetabbaṃ. Anārocentassa ratticchedo ceva vattabhedo ca. Tenāha ‘‘yampi aññaṃ bhikkhuṃ passati, tassāpi ārocetabbamevā’’ti. Atha dvādasahatthaṃ upacāraṃ okkamitvā ajānantasseva gacchati, ratticchedo hotiyeva, vattabhedo pana natthi. Uṭṭhiteti uggate. Yaṃ sabbapaṭhamaṃ bhikkhunti vihārato nikkhamantaṃ vā āgantukaṃ vā sabbapaṭhamaṃ yaṃ aññaṃ bhikkhuṃ passati. Tassa ārocetvā nikkhipitabbanti anārocentassa dukkaṭaṃ siyā, taṃ sandhāya vuttaṃ, na tu ratticchedaṃ sandhāya. Itarathā hi ‘‘vihārasīmāpariyāpannānaṃ sabbesaṃ ārocetvā’’ti vadeyya. Yāva rattiyo pūrentīti yattakā rattiyo āpatti paṭicchannā hoti, tattakā rattiyo yāva pūrenti, tāva parivatthabbaṃ. Samantapāsādikāyaṃ pana ‘‘evaṃ yattakāni divasāni āpatti paṭicchannā hoti, tattakāni, tato adhikatarāni vā kukkuccavinodanatthāya parivasitvā’’ti vuttaṃ. Vitthāroti papañco.

    อิตเรสุ ปน ทฺวีสูติ สุทฺธนฺตปริวาโส, สโมธานปริวาโสติ ทฺวินฺนํ มเชฺฌฯ ขนฺธเกติ สมุจฺจยกฺขนฺธเก (จูฬว. ๑๕๖ อาทโย)ฯ จูฬสุทฺธโนฺต มหาสุทฺธโนฺตติ เอตฺถ โย อุปสมฺปทโต (จูฬว. อฎฺฐ. ๑๐๒; วิ. สงฺค. อฎฺฐ. ๒๔๒) ปฎฺฐาย อนุโลมกฺกเมน วา อาโรจิตทิวสโต ปฎฺฐาย ปฎิโลมกฺกเมน วา ‘‘อสุกญฺจ อสุกญฺจ ทิวสํ วา ปกฺขํ วา มาสํ วา สํวจฺฉรํ วา ตว สุทฺธภาวํ ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิยมาโน ‘‘อาม, ภเนฺต, ชานามิ , เอตฺตกํ นาม กาลํ อหํ สุโทฺธ’’ติ วทติ, ตสฺส ทิโนฺน สุทฺธนฺตปริวาโส ‘‘จูฬสุทฺธโนฺต’’ติ วุจฺจติฯ

    Itaresu pana dvīsūti suddhantaparivāso, samodhānaparivāsoti dvinnaṃ majjhe. Khandhaketi samuccayakkhandhake (cūḷava. 156 ādayo). Cūḷasuddhanto mahāsuddhantoti ettha yo upasampadato (cūḷava. aṭṭha. 102; vi. saṅga. aṭṭha. 242) paṭṭhāya anulomakkamena vā ārocitadivasato paṭṭhāya paṭilomakkamena vā ‘‘asukañca asukañca divasaṃ vā pakkhaṃ vā māsaṃ vā saṃvaccharaṃ vā tava suddhabhāvaṃ jānāsī’’ti pucchiyamāno ‘‘āma, bhante, jānāmi , ettakaṃ nāma kālaṃ ahaṃ suddho’’ti vadati, tassa dinno suddhantaparivāso ‘‘cūḷasuddhanto’’ti vuccati.

    ตํ คเหตฺวา ปริวสเนฺตน ยตฺตกํ กาลํ อตฺตโน สุทฺธภาวํ ชานาติ, ตตฺตกํ อปเนตฺวา อวเสสํ มาสํ วา เทฺวมาสํ วา ปริวสิตพฺพํฯ สเจ ‘‘มาสมตฺตํ อสุโทฺธมฺหี’’ติ สลฺลเกฺขตฺวา ปริวาสํ อคฺคเหสิ, ปริวสโนฺต จ ปุน อญฺญํ มาสํ สรติ, ตมฺปิ มาสํ ปริวสิตพฺพเมว, ปุน ปริวาสทานกิจฺจํ นตฺถิฯ อถ ‘‘เทฺวมาสํ อสุโทฺธมฺหี’’ติ สลฺลเกฺขตฺวา อคฺคเหสิ, ปริวสโนฺต จ ‘‘มาสมตฺตเมวาหํ อสุโทฺธมฺหี’’ติ สนฺนิฎฺฐานํ กโรติ, มาสเมว ปริวสิตพฺพํ, ปุน ปริวาสทานกิจฺจํ นตฺถิฯ อยญฺหิ สุทฺธนฺตปริวาโส อุทฺธมฺปิ อาโรหติ, เหฎฺฐาปิ โอโรหติ, อิทมสฺส ลกฺขณํฯ

    Taṃ gahetvā parivasantena yattakaṃ kālaṃ attano suddhabhāvaṃ jānāti, tattakaṃ apanetvā avasesaṃ māsaṃ vā dvemāsaṃ vā parivasitabbaṃ. Sace ‘‘māsamattaṃ asuddhomhī’’ti sallakkhetvā parivāsaṃ aggahesi, parivasanto ca puna aññaṃ māsaṃ sarati, tampi māsaṃ parivasitabbameva, puna parivāsadānakiccaṃ natthi. Atha ‘‘dvemāsaṃ asuddhomhī’’ti sallakkhetvā aggahesi, parivasanto ca ‘‘māsamattamevāhaṃ asuddhomhī’’ti sanniṭṭhānaṃ karoti, māsameva parivasitabbaṃ, puna parivāsadānakiccaṃ natthi. Ayañhi suddhantaparivāso uddhampi ārohati, heṭṭhāpi orohati, idamassa lakkhaṇaṃ.

    โย ปน ยถาวุเตฺตน อนุโลมปฺปฎิโลมวเสน ปุจฺฉิยมาโนปิ รตฺติปริยนฺตํ (จูฬว. อฎฺฐ. ๑๐๒) น ชานาติ นสฺสรติ, รตฺติปริยเนฺต เวมติโก วา โหติ, ตสฺส ทิโนฺน สุทฺธนฺตปริวาโส ‘‘มหาสุทฺธโนฺต’’ติ วุจฺจติฯ ตํ คเหตฺวา คหิตทิวสโต ยาว อุปสมฺปททิวโส, ตาว รตฺติโย คเณตฺวา ปริวสิตพฺพํฯ อยํ อุทฺธํ นาโรหติ, เหฎฺฐา ปน โอโรหติฯ ตสฺมา สเจ ปริวสโนฺต รตฺติปริเจฺฉเท สนฺนิฎฺฐานํ กโรติ ‘‘มาโส วา สํวจฺฉโร วา มยฺหํ อาปนฺนสฺสา’’ติ, มาสํ วา สํวจฺฉรํ วา ปริวสิตพฺพํฯ เอตฺถ จ กิญฺจาปิ ‘‘เอตฺตกํ กาลํ อหํ สุโทฺธ’’ติ วทนฺตสฺส จูฬสุทฺธโนฺต ทียติ, ตถาปิ นิยเมเนว ชานนาภาวา ‘‘ทุวิโธปิ เจส…เป.… ทาตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺส ทานวิธิ ขนฺธเก อาคโตติ ตสฺส ทุวิธสฺสาปิ สุทฺธนฺตสฺส ทานวิธิ ‘‘เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา…เป.… เอวมสฺส วจนีโย’’ติอาทินา สมุจฺจยกฺขนฺธเก (จูฬว. ๑๕๖) อาคโตฯ ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพติ อธิปฺปาโยฯ เอส นโย วินิจฺฉยกถา ปน วิตฺถารโต สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตาติ เอตฺถาปิฯ

    Yo pana yathāvuttena anulomappaṭilomavasena pucchiyamānopi rattipariyantaṃ (cūḷava. aṭṭha. 102) na jānāti nassarati, rattipariyante vematiko vā hoti, tassa dinno suddhantaparivāso ‘‘mahāsuddhanto’’ti vuccati. Taṃ gahetvā gahitadivasato yāva upasampadadivaso, tāva rattiyo gaṇetvā parivasitabbaṃ. Ayaṃ uddhaṃ nārohati, heṭṭhā pana orohati. Tasmā sace parivasanto rattiparicchede sanniṭṭhānaṃ karoti ‘‘māso vā saṃvaccharo vā mayhaṃ āpannassā’’ti, māsaṃ vā saṃvaccharaṃ vā parivasitabbaṃ. Ettha ca kiñcāpi ‘‘ettakaṃ kālaṃ ahaṃ suddho’’ti vadantassa cūḷasuddhanto dīyati, tathāpi niyameneva jānanābhāvā ‘‘duvidhopi cesa…pe… dātabbo’’ti vuttaṃ. Tassa dānavidhi khandhake āgatoti tassa duvidhassāpi suddhantassa dānavidhi ‘‘tena, bhikkhave, bhikkhunā saṅghaṃ upasaṅkamitvā…pe… evamassa vacanīyo’’tiādinā samuccayakkhandhake (cūḷava. 156) āgato. Tasmā tattha vuttanayeneva veditabboti adhippāyo. Esa nayo vinicchayakathā pana vitthārato samantapāsādikāyaṃ vuttāti etthāpi.

    โอธุนิตฺวา อวธุย ปหาย สโมธาโน โอธานสโมธาโนฯ จิรปฺปฎิจฺฉนฺนานํ อเคฺฆน สโมธาโน อคฺฆสโมธาโนฯ มิสฺสกานํ สโมธาโน มิสฺสกสโมธาโนฯ อิทานิ ตํ ติวิธมฺปิ สโมธานปริวาสํ สเงฺขปโต ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาหฯ อนฺตราปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา ปฎิจฺฉาเทนฺตสฺสาติ โย ปริวาสํ คเหตฺวา อนิกฺขิตฺตวโตฺต หุตฺวา ปริวสโนฺต อปรินิฎฺฐิเตเยว ปริวาเส อนฺตรา เวมเชฺฌ สงฺฆาทิเสสาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา ปฎิจฺฉาเทติ, ตสฺสฯ ปริวุตฺถทิวเสติ ลกฺขณวจนเมตํ, เตน ‘‘มานตฺตจิณฺณทิวเส จา’’ติปิ วุตฺตเมว โหติฯ มเกฺขตฺวาติ ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน มูลาย ปฎิกสฺสนวเสน มเกฺขตฺวาฯ สโมทหิตฺวาติ มูลาปตฺติฎฺฐาเน ฐเปตฺวา, ปกฺขิปิตฺวาติ อโตฺถฯ ทาตพฺพปริวาโสติ ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆ’’ติอาทินา ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน ทาตพฺพปริวาโสฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย ปฎิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวาสํ คเหตฺวา ปริวสโนฺต (จูฬว. อฎฺฐ. ๑๐๒; วิ. สงฺค. อฎฺฐ. ๒๔๓) วา มานตฺตารโห วา มานตฺตํ จรโนฺต วา อพฺภานารโห วา อนิกฺขิตฺตวโตฺต อญฺญํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา ปุริมาปตฺติยา สมา วา อูนตรา วา รตฺติโย ปฎิจฺฉาเทติ, ตสฺส มูลาย ปฎิกสฺสเนน เต ปริวุตฺถทิวเส จ มานตฺตจิณฺณทิวเส จ สเพฺพ โอธุนิตฺวา อทิวเส กตฺวา ปจฺฉา อาปนฺนาปตฺติํ มูลาปตฺติยํ สโมธาย ปริวาโส ทาตโพฺพติฯ

    Odhunitvā avadhuya pahāya samodhāno odhānasamodhāno. Cirappaṭicchannānaṃ agghena samodhāno agghasamodhāno. Missakānaṃ samodhāno missakasamodhāno. Idāni taṃ tividhampi samodhānaparivāsaṃ saṅkhepato dassetuṃ ‘‘tatthā’’tiādimāha. Antarāpattiṃ āpajjitvā paṭicchādentassāti yo parivāsaṃ gahetvā anikkhittavatto hutvā parivasanto apariniṭṭhiteyeva parivāse antarā vemajjhe saṅghādisesāpattiṃ āpajjitvā paṭicchādeti, tassa. Parivutthadivaseti lakkhaṇavacanametaṃ, tena ‘‘mānattaciṇṇadivase cā’’tipi vuttameva hoti. Makkhetvāti ñatticatutthena kammena mūlāya paṭikassanavasena makkhetvā. Samodahitvāti mūlāpattiṭṭhāne ṭhapetvā, pakkhipitvāti attho. Dātabbaparivāsoti ‘‘suṇātu me, bhante, saṅgho’’tiādinā ñatticatutthena kammena dātabbaparivāso. Idaṃ vuttaṃ hoti – yo paṭicchannāya āpattiyā parivāsaṃ gahetvā parivasanto (cūḷava. aṭṭha. 102; vi. saṅga. aṭṭha. 243) vā mānattāraho vā mānattaṃ caranto vā abbhānāraho vā anikkhittavatto aññaṃ āpattiṃ āpajjitvā purimāpattiyā samā vā ūnatarā vā rattiyo paṭicchādeti, tassa mūlāya paṭikassanena te parivutthadivase ca mānattaciṇṇadivase ca sabbe odhunitvā adivase katvā pacchā āpannāpattiṃ mūlāpattiyaṃ samodhāya parivāso dātabboti.

    สเจ ปน อนฺตราปตฺติ มูลาปตฺติโต อติเรกปฺปฎิจฺฉนฺนา โหติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๑๐๒), ตํ มูลาปตฺติํ กตฺวา ตตฺถ อิตรํ สโมธาย ปริวาโส ทาตโพฺพฯ สเจ ปน อนฺตราปตฺติ อปฺปฎิจฺฉนฺนา โหติ, มูลาย ปฎิกสฺสนํ อกตฺวา ปุเพฺพ คหิตปริวาเสเนว ปริวสิตพฺพํฯ

    Sace pana antarāpatti mūlāpattito atirekappaṭicchannā hoti (cūḷava. aṭṭha. 102), taṃ mūlāpattiṃ katvā tattha itaraṃ samodhāya parivāso dātabbo. Sace pana antarāpatti appaṭicchannā hoti, mūlāya paṭikassanaṃ akatvā pubbe gahitaparivāseneva parivasitabbaṃ.

    ยา เอกา วา…เป.… สพฺพจิรปฺปฎิจฺฉนฺนาโยติ ยา เอกา วา อาปตฺติ สพฺพจิรปฺปฎิจฺฉนฺนา, ยา เทฺว วา ติโสฺส วา สมฺพหุลา วา อาปตฺติโย สพฺพจิรปฺปฎิจฺฉนฺนาโยติ อโตฺถฯ ตาสนฺติ สพฺพจิรปฺปฎิจฺฉนฺนานํ อาปตฺตีนํฯ ทานวิธิ ปนสฺส ขนฺธเก วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ

    Yā ekā vā…pe… sabbacirappaṭicchannāyoti yā ekā vā āpatti sabbacirappaṭicchannā, yā dve vā tisso vā sambahulā vā āpattiyo sabbacirappaṭicchannāyoti attho. Tāsanti sabbacirappaṭicchannānaṃ āpattīnaṃ. Dānavidhi panassa khandhake vuttanayeneva veditabbo.

    ยสฺส ปน สตํ อาปตฺติโย ทสาหปฎิจฺฉนฺนา, อปรมฺปิ สตํ อาปตฺติโย ทสาหปฎิจฺฉนฺนา, อปรมฺปิ สตํ อาปตฺติโย ทสาหปฎิจฺฉนฺนาติ เอวํ ทสกฺขตฺตุํ กตฺวา อาปตฺติสหสฺสํ ทิวสสตปฎิจฺฉนฺนํ โหติ, เตน กิํ กาตพฺพนฺติ? สพฺพํ สโมทหิตฺวา ทส ทิวเส ปริวสิตพฺพํฯ เอวํ เอเกเนว ทสาเหน ทิวสสตมฺปิ ปริวสิตเมว โหติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    Yassa pana sataṃ āpattiyo dasāhapaṭicchannā, aparampi sataṃ āpattiyo dasāhapaṭicchannā, aparampi sataṃ āpattiyo dasāhapaṭicchannāti evaṃ dasakkhattuṃ katvā āpattisahassaṃ divasasatapaṭicchannaṃ hoti, tena kiṃ kātabbanti? Sabbaṃ samodahitvā dasa divase parivasitabbaṃ. Evaṃ ekeneva dasāhena divasasatampi parivasitameva hoti. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘ทสสตํ รตฺติสตํ, อาปตฺติโย ฉาทยิตฺวาน;

    ‘‘Dasasataṃ rattisataṃ, āpattiyo chādayitvāna;

    ทส รตฺติโย วสิตฺวาน, มุเจฺจยฺย ปาริวาสิโก’’ติฯ (ปริ. ๔๗๗);

    Dasa rattiyo vasitvāna, mucceyya pārivāsiko’’ti. (pari. 477);

    อยํ อคฺฆสโมธาโน นามฯ

    Ayaṃ agghasamodhāno nāma.

    อิทานิ มิสฺสกสโมธานํ นิทฺทิสิตุํ ‘‘มิสฺสกสโมธาโน นามา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺรายํ นโย –

    Idāni missakasamodhānaṃ niddisituṃ ‘‘missakasamodhāno nāmā’’tiādimāha. Tatrāyaṃ nayo –

    ‘‘อหํ, ภเนฺต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิํ เอกํ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิํ, เอกํ กายสํสคฺคํ, เอกํ ทุฎฺฐุลฺลวาจํ, เอกํ อตฺตกามํ, เอกํ สญฺจริตฺตํ, เอกํ กุฎิการกํ, เอกํ วิหารการกํ, เอกํ ทุฎฺฐโทสํ, เอกํ อญฺญภาคิยํ, เอกํ สงฺฆเภทํ, เอกํ เภทานุวตฺตกํ, เอกํ ทุพฺพจํ, เอกํ กุลทูสกํ, โสหํ, ภเนฺต, สงฺฆํ ตาสํ อาปตฺตีนํ สโมธานปริวาสํ ยาจามี’’ติ –

    ‘‘Ahaṃ, bhante, sambahulā saṅghādisesā āpattiyo āpajjiṃ ekaṃ sukkavissaṭṭhiṃ, ekaṃ kāyasaṃsaggaṃ, ekaṃ duṭṭhullavācaṃ, ekaṃ attakāmaṃ, ekaṃ sañcarittaṃ, ekaṃ kuṭikārakaṃ, ekaṃ vihārakārakaṃ, ekaṃ duṭṭhadosaṃ, ekaṃ aññabhāgiyaṃ, ekaṃ saṅghabhedaṃ, ekaṃ bhedānuvattakaṃ, ekaṃ dubbacaṃ, ekaṃ kuladūsakaṃ, sohaṃ, bhante, saṅghaṃ tāsaṃ āpattīnaṃ samodhānaparivāsaṃ yācāmī’’ti –

    ติกฺขตฺตุํ ยาจาเปตฺวา ตทนุรูปาย กมฺมวาจาย ปริวาโส ทาตโพฺพฯ เอตฺถ จ ‘‘สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิํ นานาวตฺถุกาโย’’ติปิ ‘‘สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิ’’นฺติปิ เอวํ ปุเพฺพ วุตฺตนเยน วตฺถุวเสนปิ โคตฺตวเสนปิ นามวเสนปิ อาปตฺติวเสนปิ โยเชตฺวา กมฺมวาจํ กาตุํ วฎฺฐติเยวาติฯ อยํ มิสฺสกสโมธาโนฯ สพฺพปริวาสกมฺมวาจาวสาเน ปน นิกฺขิตฺตานิกฺขิตฺตวตฺตาทิกถา ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพาฯ ติวิเธปิ สโมธานปริวาเส อตฺถมตฺตเสฺสว วุตฺตตฺตา, วินิจฺฉยาทีนํ วา อนามฎฺฐตฺตา ‘‘อยํ ติวิเธปิ สโมธานปริวาเส สเงฺขปกถา’’ติ วุตฺตํฯ มหาวิสยตฺตา สโมธานวิจารณาย สา นิรวเสสา กุโต ลทฺธพฺพาติ อาห ‘‘วิตฺถาโร’’ติอาทิฯ

    Tikkhattuṃ yācāpetvā tadanurūpāya kammavācāya parivāso dātabbo. Ettha ca ‘‘saṅghādisesā āpattiyo āpajjiṃ nānāvatthukāyo’’tipi ‘‘saṅghādisesā āpattiyo āpajji’’ntipi evaṃ pubbe vuttanayena vatthuvasenapi gottavasenapi nāmavasenapi āpattivasenapi yojetvā kammavācaṃ kātuṃ vaṭṭhatiyevāti. Ayaṃ missakasamodhāno. Sabbaparivāsakammavācāvasāne pana nikkhittānikkhittavattādikathā purimanayeneva veditabbā. Tividhepi samodhānaparivāse atthamattasseva vuttattā, vinicchayādīnaṃ vā anāmaṭṭhattā ‘‘ayaṃ tividhepi samodhānaparivāse saṅkhepakathā’’ti vuttaṃ. Mahāvisayattā samodhānavicāraṇāya sā niravasesā kuto laddhabbāti āha ‘‘vitthāro’’tiādi.

    ฉารตฺตนฺติ รา สโทฺท ตียติ ฉิชฺชติ เอตฺถาติ รตฺติ, สตฺตานํ สทฺทสฺส วูปสมนกาโลติ อโตฺถ, ฉ รตฺติโย สมาหฎา, ฉนฺนํ รตฺตีนํ วา สมาหาโร ฉรตฺตํ, ฉรตฺตเมว ฉารตฺตํ, อวยวพฺยติเรเกน สมุทายสฺสาภาวโต ฉ รตฺติโยติ อโตฺถ วุโตฺตฯ

    Chārattanti saddo tīyati chijjati etthāti ratti, sattānaṃ saddassa vūpasamanakāloti attho, cha rattiyo samāhaṭā, channaṃ rattīnaṃ vā samāhāro charattaṃ, charattameva chārattaṃ, avayavabyatirekena samudāyassābhāvato cha rattiyoti attho vutto.

    ปริวาสํ อทตฺวา มานตฺตเมว ทาตพฺพนฺติ ยสฺมา อาปตฺติ อปฺปฎิจฺฉนฺนา, ยสฺมา จ อาปนฺนภาเวเนว มานตฺตารโห โหติ, ตสฺมา ปริวาสํ อทตฺวา เกวลํ มานตฺตเมว ทาตพฺพํฯ ยํ ปฎิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวุตฺถปริวาสสฺส ทียติ, อิทํ ปฎิจฺฉนฺนมานตฺตํ นามาติ อาห ‘‘ยสฺส ปฎิจฺฉนฺนา โหตี’’ติอาทิฯ อิทนฺติ ปฎิจฺฉนฺนมานตฺตํฯ อิธาติ อิมสฺมิํ วาเกฺยฯ กถํ ปน เตสํ ทฺวินฺนํ มานตฺตานํ ทานวิธิ จ วินิจฺฉยกถา จ เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘อุภินฺนมฺปิ ปนา’’ติอาทิฯ

    Parivāsaṃ adatvā mānattameva dātabbanti yasmā āpatti appaṭicchannā, yasmā ca āpannabhāveneva mānattāraho hoti, tasmā parivāsaṃ adatvā kevalaṃ mānattameva dātabbaṃ. Yaṃ paṭicchannāya āpattiyā parivutthaparivāsassa dīyati, idaṃ paṭicchannamānattaṃ nāmāti āha ‘‘yassa paṭicchannā hotī’’tiādi. Idanti paṭicchannamānattaṃ. Idhāti imasmiṃ vākye. Kathaṃ pana tesaṃ dvinnaṃ mānattānaṃ dānavidhi ca vinicchayakathā ca veditabbāti āha ‘‘ubhinnampi panā’’tiādi.

    อยนฺติ วกฺขมานํ สนฺธายาหฯ ปริวาเส วุตฺตปฺปการํ ปเทสนฺติ ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริเกฺขปโต , อปริกฺขิตฺตสฺส ปริเกฺขปารหฎฺฐานโต เทฺว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา มหามคฺคโต โอกฺกมฺม คุเมฺพน วา วติยา วา ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐานํฯ สมาทิยิตฺวาติ อโนฺตอรุเณเยว สมาทิยิตฺวาฯ อาโรเจตฺวาติ –

    Ayanti vakkhamānaṃ sandhāyāha. Parivāse vuttappakāraṃ padesanti parikkhittassa vihārassa parikkhepato , aparikkhittassa parikkhepārahaṭṭhānato dve leḍḍupāte atikkamitvā mahāmaggato okkamma gumbena vā vatiyā vā paṭicchannaṭṭhānaṃ. Samādiyitvāti antoaruṇeyeva samādiyitvā. Ārocetvāti –

    ‘‘อหํ, ภเนฺต, เอกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิํ สเญฺจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิํ อปฺปฎิจฺฉนฺนํ, โสหํ, ภเนฺต, สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สเญฺจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฎฺฐิยา อปฺปฎิจฺฉนฺนาย ฉารตฺตํ มานตฺตํ ยาจิํ , ตสฺส เม สโงฺฆ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สเญฺจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฎฺฐิยา อปฺปฎิจฺฉนฺนาย ฉารตฺตํ มานตฺตํ อทาสิ, โสหํ มานตฺตํ จรามิ, เวทยามหํ, ภเนฺต, เวทยตี’ติ มํ สโงฺฆ ธาเรตู’’ติอาทินา (จูฬว. อฎฺฐ. ๙๗) –

    ‘‘Ahaṃ, bhante, ekaṃ āpattiṃ āpajjiṃ sañcetanikaṃ sukkavissaṭṭhiṃ appaṭicchannaṃ, sohaṃ, bhante, saṅghaṃ ekissā āpattiyā sañcetanikāya sukkavissaṭṭhiyā appaṭicchannāya chārattaṃ mānattaṃ yāciṃ , tassa me saṅgho ekissā āpattiyā sañcetanikāya sukkavissaṭṭhiyā appaṭicchannāya chārattaṃ mānattaṃ adāsi, sohaṃ mānattaṃ carāmi, vedayāmahaṃ, bhante, vedayatī’ti maṃ saṅgho dhāretū’’tiādinā (cūḷava. aṭṭha. 97) –

    อาปตฺติทิวสานุรูปํ อาโรเจตฺวาฯ อิมญฺจ ปน อตฺถํ คเหตฺวา (จูฬว. อฎฺฐ. ๙๗) ยาย กายจิ ภาสาย อาโรเจตุํ วฎฺฎติเยวฯ อาโรจิตกาลโต ปฎฺฐาย จ เอกํ ภิกฺขุํ ฐเปตฺวา เสเสหิ สติ กรณีเย คนฺตุมฺปิ วฎฺฎติฯ อรุเณ อุฎฺฐิเต ตสฺส ภิกฺขุสฺส สนฺติเก วตฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํฯ สเจ โสปิ เกนจิ กเมฺมน ปุเร อรุเณเยว คจฺฉติ, อญฺญํ วิหารโต นิกฺขนฺตํ วา อาคนฺตุกํ วา ยํ ปฐมํ ปสฺสติ, ตสฺส สนฺติเก อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํฯ อยญฺจ ยสฺมา คณสฺส อาโรเจตฺวา, ภิกฺขูนญฺจ อตฺถิภาวํ สลฺลเกฺขตฺวาว วสิ, เตนสฺส อูเน คเณ จรณโทโส วา วิปฺปวาโส วา น โหติฯ สเจ ปน กญฺจิ น ปสฺสติ, วิหารํ คนฺตฺวา ยํ ปฐมํ ปสฺสติ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํฯ เตนาห ‘‘ตโต เตสุ คเตสุ วา อคเตสุ วา ปุริมนเยน ปฎิปชฺชิตพฺพ’’นฺติฯ

    Āpattidivasānurūpaṃ ārocetvā. Imañca pana atthaṃ gahetvā (cūḷava. aṭṭha. 97) yāya kāyaci bhāsāya ārocetuṃ vaṭṭatiyeva. Ārocitakālato paṭṭhāya ca ekaṃ bhikkhuṃ ṭhapetvā sesehi sati karaṇīye gantumpi vaṭṭati. Aruṇe uṭṭhite tassa bhikkhussa santike vattaṃ nikkhipitabbaṃ. Sace sopi kenaci kammena pure aruṇeyeva gacchati, aññaṃ vihārato nikkhantaṃ vā āgantukaṃ vā yaṃ paṭhamaṃ passati, tassa santike ārocetvā nikkhipitabbaṃ. Ayañca yasmā gaṇassa ārocetvā, bhikkhūnañca atthibhāvaṃ sallakkhetvāva vasi, tenassa ūne gaṇe caraṇadoso vā vippavāso vā na hoti. Sace pana kañci na passati, vihāraṃ gantvā yaṃ paṭhamaṃ passati, tassa ārocetvā nikkhipitabbaṃ. Tenāha ‘‘tato tesu gatesu vā agatesu vā purimanayena paṭipajjitabba’’nti.

    ยตฺถ สิยาติ ยสฺสํ สมานสํวาสกสีมายํ วีสติคโณ ภิกฺขุสโงฺฆ อตฺถิฯ อวฺหาตโพฺพติ อพฺภานกมฺมวเสน ปโกฺกสิตโพฺพฯ อพฺภานกมฺมํ ปน กถนฺติ อาห ‘‘อพฺภานกมฺมํ ปนา’’ติอาทิฯ ปาฬิวเสนาติ ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆ’’ติอาทินา (จูฬว. ๑๐๑) ปาฬิวเสนฯ วินิจฺฉยวเสนาติ ‘‘อพฺภเนฺตหิ จ ปฐมํ อพฺภานารโห กาตโพฺพฯ อยญฺหิ นิกฺขิตฺตวตฺตตฺตา ปกตตฺตฎฺฐาเน ฐิโต, ปกตตฺตสฺส จ อพฺภานํ กาตุํ น วฎฺฎติ, ตสฺมา วตฺตํ สมาทเปตโพฺพฯ วเตฺต สมาทิเนฺน อพฺภานารโห โหติฯ เตนาปิ วตฺตํ สมาทิยิตฺวา อาโรเจตฺวา อพฺภานํ ยาจิตพฺพํฯ อนิกฺขิตฺตวตฺตสฺส ปน วตฺตสมานกิจฺจํ นตฺถิฯ โส หิ ฉารตฺตาติกฺกเมเนว อพฺภานารโห โหตี’’ติอาทินา (จูฬว. อฎฺฐ. ๙๗) วินิจฺฉยวเสนฯ ตํ ปเนตํ สพฺพํ ปริวาสาทิกมฺมํ ปาฬิวเสน (จูฬว. ๗๕) จ อฎฺฐกถาวเสน (จูฬว. อฎฺฐ. ๗๕, ๙๗) จ สุวิเญฺญยฺยตฺตา อติวิตฺถารภเยน น วิตฺถารยิมฺห, อตฺถิเกหิ ปน ตโตว คเหตพฺพํฯ อิมสฺส ปน กมฺมสฺส วีสติวคฺคกรณียตฺตา ตโต อูนตเรน กตํ กุปฺปติฯ เตนาห ‘‘เอเกนาปิ เจ…เป.… อนพฺภิโต’’ติฯ อยนฺติ อยํ ยถาวุตฺตาฯ สามีจีติ วตฺตํฯ

    Yattha siyāti yassaṃ samānasaṃvāsakasīmāyaṃ vīsatigaṇo bhikkhusaṅgho atthi. Avhātabboti abbhānakammavasena pakkositabbo. Abbhānakammaṃ pana kathanti āha ‘‘abbhānakammaṃ panā’’tiādi. Pāḷivasenāti ‘‘suṇātu me, bhante, saṅgho’’tiādinā (cūḷava. 101) pāḷivasena. Vinicchayavasenāti ‘‘abbhantehi ca paṭhamaṃ abbhānāraho kātabbo. Ayañhi nikkhittavattattā pakatattaṭṭhāne ṭhito, pakatattassa ca abbhānaṃ kātuṃ na vaṭṭati, tasmā vattaṃ samādapetabbo. Vatte samādinne abbhānāraho hoti. Tenāpi vattaṃ samādiyitvā ārocetvā abbhānaṃ yācitabbaṃ. Anikkhittavattassa pana vattasamānakiccaṃ natthi. So hi chārattātikkameneva abbhānāraho hotī’’tiādinā (cūḷava. aṭṭha. 97) vinicchayavasena. Taṃ panetaṃ sabbaṃ parivāsādikammaṃ pāḷivasena (cūḷava. 75) ca aṭṭhakathāvasena (cūḷava. aṭṭha. 75, 97) ca suviññeyyattā ativitthārabhayena na vitthārayimha, atthikehi pana tatova gahetabbaṃ. Imassa pana kammassa vīsativaggakaraṇīyattā tato ūnatarena kataṃ kuppati. Tenāha ‘‘ekenāpi ce…pe… anabbhito’’ti. Ayanti ayaṃ yathāvuttā. Sāmīcīti vattaṃ.

    อิติ กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย

    Iti kaṅkhāvitaraṇiyā pātimokkhavaṇṇanāya

    วินยตฺถมญฺชูสายํ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ

    Vinayatthamañjūsāyaṃ līnatthappakāsaniyaṃ

    สงฺฆาทิเสสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saṅghādisesavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact