Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๙. สงฺฆสามคฺคีสุตฺตวณฺณนา
9. Saṅghasāmaggīsuttavaṇṇanā
๑๙. นวเม เอกธโมฺมติ เอโก กุสลธโมฺม อนวชฺชธโมฺมฯ ‘‘อยํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม’’ติอาทินา สเจ สเงฺฆ วิวาโท อุปฺปเชฺชยฺย, ตตฺถ ธมฺมกาเมน วิญฺญุนา อิติ ปฎิสญฺจิกฺขิตพฺพํ ‘‘ฐานํ โข, ปเนตํ วิชฺชติ, ยทิทํ วิวาโท วฑฺฒมาโน สงฺฆราชิยา วา สงฺฆเภทาย วา สํวเตฺตยฺยา’’ติฯ สเจ ตํ อธิกรณํ อตฺตนา ปคฺคเหตฺวา ฐิโต, อคฺคิํ อกฺกเนฺตน วิย สหสา ตโต โอรมิตพฺพํฯ อถ ปเรหิ ตํ ปคฺคหิตํ สยเญฺจตํ สโกฺกติ วูปสเมตุํ, อุสฺสาหชาโต หุตฺวา ทูรมฺปิ คนฺตฺวา ตถา ปฎิปชฺชิตพฺพํ, ยถา ตํ วูปสมฺมติฯ สเจ ปน สยํ น สโกฺกติ, โส จ วิวาโท อุปรูปริ วฑฺฒเตว, น วูปสมฺมติฯ เย ตตฺถ ปติรูปา สิกฺขากามา สพฺรหฺมจาริโน, เต อุสฺสาเหตฺวา เยน ธเมฺมน เยน วินเยน เยน สตฺถุสาสเนน ตํ อธิกรณํ ยถา วูปสมฺมติ, ตถา วูปสเมตพฺพํฯ เอวํ วูปสเมนฺตสฺส โย สงฺฆสามคฺคิกโร กุสโล ธโมฺม, อยเมตฺถ เอกธโมฺมติ อธิเปฺปโตฯ โส หิ อุภโตปกฺขิยานํ เทฺวฬฺหกชาตานํ ภิกฺขูนํ, เตสํ อนุวตฺตนวเสน ฐิตานํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ เตสํ อารกฺขเทวตานํ ยาวเทว พฺรหฺมานมฺปิ อุปฺปชฺชนารหํ อหิตํ ทุกฺขาวหํ สํกิเลสธมฺมํ อปเนตฺวา มหโต ปุญฺญราสิสฺส กุสลาภิสนฺทสฺส เหตุภาวโต สเทวกสฺส โลกสฺส หิตสุขาวโห โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เอกธโมฺม, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ พหุชนหิตายา’’ติอาทิฯ ตสฺสโตฺถ อนนฺตรสุเตฺต วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตโพฺพฯ สงฺฆสามคฺคีติ สงฺฆสฺส สมคฺคภาโว เภทาภาโว เอกกมฺมตา เอกุเทฺทสตา จฯ
19. Navame ekadhammoti eko kusaladhammo anavajjadhammo. ‘‘Ayaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo’’tiādinā sace saṅghe vivādo uppajjeyya, tattha dhammakāmena viññunā iti paṭisañcikkhitabbaṃ ‘‘ṭhānaṃ kho, panetaṃ vijjati, yadidaṃ vivādo vaḍḍhamāno saṅgharājiyā vā saṅghabhedāya vā saṃvatteyyā’’ti. Sace taṃ adhikaraṇaṃ attanā paggahetvā ṭhito, aggiṃ akkantena viya sahasā tato oramitabbaṃ. Atha parehi taṃ paggahitaṃ sayañcetaṃ sakkoti vūpasametuṃ, ussāhajāto hutvā dūrampi gantvā tathā paṭipajjitabbaṃ, yathā taṃ vūpasammati. Sace pana sayaṃ na sakkoti, so ca vivādo uparūpari vaḍḍhateva, na vūpasammati. Ye tattha patirūpā sikkhākāmā sabrahmacārino, te ussāhetvā yena dhammena yena vinayena yena satthusāsanena taṃ adhikaraṇaṃ yathā vūpasammati, tathā vūpasametabbaṃ. Evaṃ vūpasamentassa yo saṅghasāmaggikaro kusalo dhammo, ayamettha ekadhammoti adhippeto. So hi ubhatopakkhiyānaṃ dveḷhakajātānaṃ bhikkhūnaṃ, tesaṃ anuvattanavasena ṭhitānaṃ bhikkhunīnaṃ upāsakānaṃ upāsikānaṃ tesaṃ ārakkhadevatānaṃ yāvadeva brahmānampi uppajjanārahaṃ ahitaṃ dukkhāvahaṃ saṃkilesadhammaṃ apanetvā mahato puññarāsissa kusalābhisandassa hetubhāvato sadevakassa lokassa hitasukhāvaho hoti. Tena vuttaṃ ‘‘ekadhammo, bhikkhave, loke uppajjamāno uppajjati bahujanahitāyā’’tiādi. Tassattho anantarasutte vuttavipariyāyena veditabbo. Saṅghasāmaggīti saṅghassa samaggabhāvo bhedābhāvo ekakammatā ekuddesatā ca.
คาถายํ สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคีติ สุขสฺส ปจฺจยภาวโต สามคฺคี สุขาติ วุตฺตาฯ ยถา ‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท’’ติ (ธ. ป. ๑๙๔)ฯ สมคฺคานญฺจนุคฺคโหติ สมคฺคานํ สามคฺคิอนุโมทเนน อนุคฺคณฺหนํ สามคฺคิอนุรูปํ, ยถา เต สามคฺคิํ น วิชหนฺติ, ตถา คหณํ ฐปนํ อนุพลปฺปทานนฺติ อโตฺถฯ สงฺฆํ สมคฺคํ กตฺวานาติ ภินฺนํ สงฺฆํ ราชิปตฺตํ วา สมคฺคํ สหิตํ กตฺวาฯ กปฺปนฺติ อายุกปฺปเมวฯ สคฺคมฺหิ โมทตีติ กามาวจรเทวโลเก อเญฺญ เทเว ทสหิ ฐาเนหิ อภิภวิตฺวา ทิพฺพสุขํ อนุภวโนฺต อิจฺฉิตนิปฺผตฺติยาว โมทติ ปโมทติ ลลติ กีฬตีติฯ
Gāthāyaṃ sukhā saṅghassa sāmaggīti sukhassa paccayabhāvato sāmaggī sukhāti vuttā. Yathā ‘‘sukho buddhānamuppādo’’ti (dha. pa. 194). Samaggānañcanuggahoti samaggānaṃ sāmaggianumodanena anuggaṇhanaṃ sāmaggianurūpaṃ, yathā te sāmaggiṃ na vijahanti, tathā gahaṇaṃ ṭhapanaṃ anubalappadānanti attho. Saṅghaṃ samaggaṃ katvānāti bhinnaṃ saṅghaṃ rājipattaṃ vā samaggaṃ sahitaṃ katvā. Kappanti āyukappameva. Saggamhi modatīti kāmāvacaradevaloke aññe deve dasahi ṭhānehi abhibhavitvā dibbasukhaṃ anubhavanto icchitanipphattiyāva modati pamodati lalati kīḷatīti.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Navamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๙. สงฺฆสามคฺคีสุตฺตํ • 9. Saṅghasāmaggīsuttaṃ