Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๓. สงฺฆาฎิกณฺณสุตฺตวณฺณนา
3. Saṅghāṭikaṇṇasuttavaṇṇanā
๙๒. ตติเย สงฺฆาฎิกเณฺณติ จีวรโกฎิยํฯ คเหตฺวาติ ปรามสิตฺวาฯ อนุพโนฺธ อสฺสาติ อนุคโต ภเวยฺยฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภิกฺขุ อตฺตโน หเตฺถน มยา ปารุตสฺส สุคตมหาจีวรสฺส กเณฺณ ปรามสโนฺต วิย มํ อนุคเจฺฉยฺย, เอวํ มยฺหํ อาสนฺนตโร หุตฺวา วิหเรยฺยา’’ติฯ ปาเท ปาทํ นิกฺขิปโนฺตติ คจฺฉนฺตสฺส มม ปาเท ปาทํ นิกฺขิตฺตฎฺฐาเน ปาทุทฺธารณานนฺตรํ อตฺตโน ปาทํ นิกฺขิปโนฺตฯ อุภเยนาปิ ‘‘ฐานคมนาทีสุ อวิชหโนฺต สพฺพกาลํ มยฺหํ สมีเป เอว วิหเรยฺย เจปี’’ติ ทเสฺสติฯ โส อารกาว มยฺหํ, อหญฺจ ตสฺสาติ โส ภิกฺขุ มยา วุตฺตํ ปฎิปทํ อปูเรโนฺต มม ทูเรเยว, อหญฺจ ตสฺส ทูเรเยวฯ เอเตน มํสจกฺขุนา ตถาคตทสฺสนํ รูปกายสโมธานญฺจ อการณํ, ญาณจกฺขุนาว ทสฺสนํ ธมฺมกายสโมธานเมว จ ปมาณนฺติ ทเสฺสติฯ เตเนวาห ‘‘ธมฺมญฺหิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ปสฺสติ, ธมฺมํ อปสฺสโนฺต น มํ ปสฺสตี’’ติฯ ตตฺถ ธโมฺม นาม นววิโธ โลกุตฺตรธโมฺมฯ โส จ อภิชฺฌาทีหิ ทูสิตจิเตฺตน น สกฺกา ปสฺสิตุํ, ตสฺมา ธมฺมสฺส อทสฺสนโต ธมฺมกายญฺจ น ปสฺสตีติฯ ตถา หิ วุตฺตํ –
92. Tatiye saṅghāṭikaṇṇeti cīvarakoṭiyaṃ. Gahetvāti parāmasitvā. Anubandho assāti anugato bhaveyya. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘bhikkhave, idhekacco bhikkhu attano hatthena mayā pārutassa sugatamahācīvarassa kaṇṇe parāmasanto viya maṃ anugaccheyya, evaṃ mayhaṃ āsannataro hutvā vihareyyā’’ti. Pāde pādaṃ nikkhipantoti gacchantassa mama pāde pādaṃ nikkhittaṭṭhāne pāduddhāraṇānantaraṃ attano pādaṃ nikkhipanto. Ubhayenāpi ‘‘ṭhānagamanādīsu avijahanto sabbakālaṃ mayhaṃ samīpe eva vihareyya cepī’’ti dasseti. So ārakāva mayhaṃ, ahañca tassāti so bhikkhu mayā vuttaṃ paṭipadaṃ apūrento mama dūreyeva, ahañca tassa dūreyeva. Etena maṃsacakkhunā tathāgatadassanaṃ rūpakāyasamodhānañca akāraṇaṃ, ñāṇacakkhunāva dassanaṃ dhammakāyasamodhānameva ca pamāṇanti dasseti. Tenevāha ‘‘dhammañhi so, bhikkhave, bhikkhu na passati, dhammaṃ apassanto na maṃ passatī’’ti. Tattha dhammo nāma navavidho lokuttaradhammo. So ca abhijjhādīhi dūsitacittena na sakkā passituṃ, tasmā dhammassa adassanato dhammakāyañca na passatīti. Tathā hi vuttaṃ –
‘‘กิํ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิเฎฺฐน? โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ โส มํ ปสฺสติ; โย มํ ปสฺสติ, โส ธมฺมํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗)ฯ
‘‘Kiṃ te, vakkali, iminā pūtikāyena diṭṭhena? Yo kho, vakkali, dhammaṃ passati so maṃ passati; yo maṃ passati, so dhammaṃ passatī’’ti (saṃ. ni. 3.87).
‘‘ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๓; ปฎิ. ม. ๓.๕) จฯ
‘‘Dhammabhūto brahmabhūto’’ti (ma. ni. 1.203; paṭi. ma. 3.5) ca.
‘‘ธมฺมกาโย อิติปิ, พฺรหฺมกาโย อิติปี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๑๘) จ อาทิฯ
‘‘Dhammakāyo itipi, brahmakāyo itipī’’ti (dī. ni. 3.118) ca ādi.
โยชนสเตติ โยชนสเต ปเทเส, โยชนสตมตฺถเกติ อโตฺถฯ เสสํ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพํฯ อริยมคฺคาธิคมวเสน จสฺส อนภิชฺฌาลุอาทิภาโว ทฎฺฐโพฺพฯ
Yojanasateti yojanasate padese, yojanasatamatthaketi attho. Sesaṃ vuttavipariyāyena veditabbaṃ. Ariyamaggādhigamavasena cassa anabhijjhāluādibhāvo daṭṭhabbo.
คาถาสุ มหิโจฺฉติ กาเมสุ ติพฺพสาราคตาย มหาอิโจฺฉฯ วิฆาตวาติ ปทุฎฺฐมนสงฺกปฺปตาย สเตฺตสุ อาฆาตวเสน มหิจฺฉตาย อิจฺฉิตาลาเภน จ วิฆาตวาฯ เอชานุโคติ เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย ทาโส วิย หุตฺวา ตํ อนุคจฺฉโนฺตฯ ราคาทิกิเลสปริฬาหาภิภเวน อนิพฺพุโตฯ รูปาทิวิสยานํ อภิกงฺขเนน คิโทฺธฯ ปสฺส ยาวญฺจ อารกาติ อเนชสฺส นิพฺพุตสฺส วีตเคธสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โอกาสวเสน สมีเปปิ สมาโน มหิโจฺฉ วิฆาตวา เอชานุโค อนิพฺพุโต คิโทฺธ พาลปุถุชฺชโน ธมฺมสภาวโต ยตฺตกํ ทูเร, ตสฺส โส ทูรภาโว ปสฺส, วตฺตุมฺปิ น สุกรนฺติ อโตฺถฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Gāthāsu mahicchoti kāmesu tibbasārāgatāya mahāiccho. Vighātavāti paduṭṭhamanasaṅkappatāya sattesu āghātavasena mahicchatāya icchitālābhena ca vighātavā. Ejānugoti ejāsaṅkhātāya taṇhāya dāso viya hutvā taṃ anugacchanto. Rāgādikilesapariḷāhābhibhavena anibbuto. Rūpādivisayānaṃ abhikaṅkhanena giddho. Passa yāvañca ārakāti anejassa nibbutassa vītagedhassa sammāsambuddhassa okāsavasena samīpepi samāno mahiccho vighātavā ejānugo anibbuto giddho bālaputhujjano dhammasabhāvato yattakaṃ dūre, tassa so dūrabhāvo passa, vattumpi na sukaranti attho. Vuttañhetaṃ –
‘‘นภญฺจ ทูเร ปถวี จ ทูเร,
‘‘Nabhañca dūre pathavī ca dūre,
ปารํ สมุทฺทสฺส ตถาหุ ทูเร;
Pāraṃ samuddassa tathāhu dūre;
ตโต หเว ทูรตรํ วทนฺติ,
Tato have dūrataraṃ vadanti,
สตญฺจ ธโมฺม อสตญฺจ ราชา’’ติฯ (อ. นิ. ๔.๔๗; ชา. ๒.๒๑.๔๑๔);
Satañca dhammo asatañca rājā’’ti. (a. ni. 4.47; jā. 2.21.414);
ธมฺมมภิญฺญายาติ จตุสจฺจธมฺมํ อภิญฺญาย อญฺญาย ญาตตีรณปริญฺญาหิ ยถารหํ ปุพฺพภาเค ชานิตฺวาฯ ธมฺมมญฺญายาติ ตเมว ธมฺมํ อปรภาเค มคฺคญาเณน ปริญฺญาทิวเสน ยถามริยาทํ ชานิตฺวาฯ ปณฺฑิโตติ ปฎิเวธพาหุสเจฺจน ปณฺฑิโตฯ รหโทว นิวาเต จาติ นิวาตฎฺฐาเน รหโท วิย อเนโช กิเลสจลนรหิโต อุปสมฺมติ, ยถา โส รหโท นิวาตฎฺฐาเน วาเตน อนพฺภาหโต สนฺนิสิโนฺนว โหติ, เอวํ อยมฺปิ สพฺพถาปิ ปฎิปฺปสฺสทฺธกิเลโส กิเลสจลนรหิโต อรหตฺตผลสมาธินา วูปสมฺมติ, สพฺพกาลํ อุปสนฺตสภาโวว โหติฯ อเนโชติ โส เอวํ อเนชาทิสภาโว อรหา อเนชาทิสภาวสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โอกาสโต ทูเรปิ สมาโน ธมฺมสภาวโต อทูเร สนฺติเก เอวาติฯ
Dhammamabhiññāyāti catusaccadhammaṃ abhiññāya aññāya ñātatīraṇapariññāhi yathārahaṃ pubbabhāge jānitvā. Dhammamaññāyāti tameva dhammaṃ aparabhāge maggañāṇena pariññādivasena yathāmariyādaṃ jānitvā. Paṇḍitoti paṭivedhabāhusaccena paṇḍito. Rahadova nivāte cāti nivātaṭṭhāne rahado viya anejo kilesacalanarahito upasammati, yathā so rahado nivātaṭṭhāne vātena anabbhāhato sannisinnova hoti, evaṃ ayampi sabbathāpi paṭippassaddhakileso kilesacalanarahito arahattaphalasamādhinā vūpasammati, sabbakālaṃ upasantasabhāvova hoti. Anejoti so evaṃ anejādisabhāvo arahā anejādisabhāvassa sammāsambuddhassa okāsato dūrepi samāno dhammasabhāvato adūre santike evāti.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๓. สงฺฆาฎิกณฺณสุตฺตํ • 3. Saṅghāṭikaṇṇasuttaṃ