Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
สงฺฆิกจีวรุปฺปาทกถาวณฺณนา
Saṅghikacīvaruppādakathāvaṇṇanā
๓๖๓. โน เจ อตฺถตํ โหติ ‘‘เอกํ จีวรมาส’’นฺติ น วตฺตพฺพํฯ กสฺมา? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตเสฺสว ตานิ จีวรานิ ยาว จีวรมาสา’’ติ วจนสฺส อภาวโต, ตสฺมา อนตฺถตกถินสฺส อนนุญฺญาตนฺติ เจ? น, เหฎฺฐา อนุญฺญาตตฺตา, ตโต ลีนตฺถทีปนตฺถมิธ ตถา วุตฺตตฺตา จฯ เหฎฺฐา หิ ‘‘อกาลจีวรํ นาม อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺนํ, อตฺถเต กถิเน สตฺตมาเส อุปฺปนฺนํ, กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺนํ, เอตํ อกาลจีวรํ นามา’’ติ (ปารา. ๕๐๐) วจนโต อนตฺถตกถินานํ เอกจีวรมาเส อุปฺปนฺนํ, เตสํเยว โหตีติ สิทฺธํ, ตสฺมา อิธ ตํ อวตฺวา เอโกปิ ตโย คณปูรเก ลภิตฺวา กถินํ อตฺถริตุํ ลภตีติ อิมํ ลีนตฺถํ ปกาเสตุํ ‘‘ยาว กถินสฺส อุพฺภารายา’’ติ วุตฺตํฯ อิตรถา อยมโตฺถ น ญายติฯ ‘‘ชานิตโพฺพ จ วินยธเรหีติ ตถา วุโตฺตติ อปเร’’ติ วุตฺตํฯ อตฺถตํ โหติ, ปญฺจ มาเส สพฺพํ ตเสฺสว ภิกฺขุโน โหตีติ สมฺพโนฺธฯ อจฺจนฺตสํโยควเสน อุปโยควจนํฯ ‘‘อิธ วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสา’’ติ นิยมิตตฺตา ‘‘วสฺสาวาสิกํ เทมา’’ติ เอตฺถ จ ‘‘อิธา’’ติ อธิการตฺตา ตสฺมิํ วุเตฺต ลภติฯ ‘‘ปิฎฺฐิสมเย อุปฺปนฺนตฺตาติ จีวรกาลสฺสาสนฺนตฺตา จ อนตฺถตกถินานมฺปิ วุตฺถวสฺสานญฺจ อนุญฺญาตฎฺฐานตฺตา เอว วุตฺต’’นฺติ อญฺญตรสฺมิํ คณฺฐิปเท ลิขิตํฯ เกจิ ปน ‘‘ยํ ปน อิทํ ‘อิธ วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสา’ติอาทิํ กตฺวา ยาว ‘อนาคตวเสฺส’ติ ปทํ, ตาว ปุจฺฉิตฺวา ‘กสฺมา? ปิฎฺฐิสมเย อุปฺปนฺนตฺตา’ติ อิทํ ปรโต ‘ตตฺร สมฺมุขีภูตานํ สเพฺพสํ ปาปุณาตี’ติ อิมสฺส ปริโยสาเน ‘กสฺมา? ปิฎฺฐิสมเย อุปฺปนฺนตฺตา’ติ ลิขิตพฺพํฯ กสฺมาติ เจ? ปรโต ‘จีวรมาสโต ปฎฺฐาย ยาว เหมนฺตสฺสา’ติ วุเตฺตน นิพฺพิเสสตฺตา, ตสฺมา เอว เอกเจฺจสุ ปณฺฑิตนฺติ วทนฺตี’’ติ วทนฺติฯ อิธ ปน อิธ-สเทฺทน วิเสสิตํ, ตตฺถ นตฺถิ, ตสฺมา อญฺญมญฺญวิโรโธ นตฺถีติ คเหตพฺพํฯ ‘‘มยฺหิมานิ จีวรานิ ปาปุณนฺตี’’ติ วจนเมวาธิฎฺฐานํ, อิทเมตฺถ อุกฺกฎฺฐวเสน วุตฺตํฯ ‘‘มยฺหิมานิ จีวรานี’ติ วุเตฺตปิ อธิฎฺฐิตเมว โหตี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘มยฺหิมานี’ติ วุเตฺต ตสฺส จีวรานิ นาม นตฺถิ, ตสฺมา ‘จีวรานิ ปาปุณนฺตี’ติ วตฺตพฺพเมวา’’ติ วทนฺติฯ ทุคฺคหิตานีติ สงฺฆิกาเนว โหนฺติฯ ‘‘คหิตเมว นามา’ติ อิมสฺส อิทํ ปตฺตนฺติ กิญฺจาปิ น วิทิตํ, เต ปน ภาคา เตสํ อตฺถโต ปตฺตาเยวาติ อธิปฺปาโย’’ติ ลิขิตํฯ ‘‘เอกสฺมิํ อปติเต ปุน อาคตา ลภนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ
363. No ce atthataṃ hoti ‘‘ekaṃ cīvaramāsa’’nti na vattabbaṃ. Kasmā? ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, tasseva tāni cīvarāni yāva cīvaramāsā’’ti vacanassa abhāvato, tasmā anatthatakathinassa ananuññātanti ce? Na, heṭṭhā anuññātattā, tato līnatthadīpanatthamidha tathā vuttattā ca. Heṭṭhā hi ‘‘akālacīvaraṃ nāma anatthate kathine ekādasamāse uppannaṃ, atthate kathine sattamāse uppannaṃ, kālepi ādissa dinnaṃ, etaṃ akālacīvaraṃ nāmā’’ti (pārā. 500) vacanato anatthatakathinānaṃ ekacīvaramāse uppannaṃ, tesaṃyeva hotīti siddhaṃ, tasmā idha taṃ avatvā ekopi tayo gaṇapūrake labhitvā kathinaṃ attharituṃ labhatīti imaṃ līnatthaṃ pakāsetuṃ ‘‘yāva kathinassa ubbhārāyā’’ti vuttaṃ. Itarathā ayamattho na ñāyati. ‘‘Jānitabboca vinayadharehīti tathā vuttoti apare’’ti vuttaṃ. Atthataṃ hoti, pañca māse sabbaṃ tasseva bhikkhuno hotīti sambandho. Accantasaṃyogavasena upayogavacanaṃ. ‘‘Idha vassaṃvutthasaṅghassā’’ti niyamitattā ‘‘vassāvāsikaṃ demā’’ti ettha ca ‘‘idhā’’ti adhikārattā tasmiṃ vutte labhati. ‘‘Piṭṭhisamaye uppannattāti cīvarakālassāsannattā ca anatthatakathinānampi vutthavassānañca anuññātaṭṭhānattā eva vutta’’nti aññatarasmiṃ gaṇṭhipade likhitaṃ. Keci pana ‘‘yaṃ pana idaṃ ‘idha vassaṃvutthasaṅghassā’tiādiṃ katvā yāva ‘anāgatavasse’ti padaṃ, tāva pucchitvā ‘kasmā? Piṭṭhisamaye uppannattā’ti idaṃ parato ‘tatra sammukhībhūtānaṃ sabbesaṃ pāpuṇātī’ti imassa pariyosāne ‘kasmā? Piṭṭhisamaye uppannattā’ti likhitabbaṃ. Kasmāti ce? Parato ‘cīvaramāsato paṭṭhāya yāva hemantassā’ti vuttena nibbisesattā, tasmā eva ekaccesu paṇḍitanti vadantī’’ti vadanti. Idha pana idha-saddena visesitaṃ, tattha natthi, tasmā aññamaññavirodho natthīti gahetabbaṃ. ‘‘Mayhimāni cīvarāni pāpuṇantī’’ti vacanamevādhiṭṭhānaṃ, idamettha ukkaṭṭhavasena vuttaṃ. ‘‘Mayhimāni cīvarānī’ti vuttepi adhiṭṭhitameva hotī’’ti vuttaṃ. ‘‘Mayhimānī’ti vutte tassa cīvarāni nāma natthi, tasmā ‘cīvarāni pāpuṇantī’ti vattabbamevā’’ti vadanti. Duggahitānīti saṅghikāneva honti. ‘‘Gahitameva nāmā’ti imassa idaṃ pattanti kiñcāpi na viditaṃ, te pana bhāgā tesaṃ atthato pattāyevāti adhippāyo’’ti likhitaṃ. ‘‘Ekasmiṃ apatite puna āgatā labhantī’’ti vuttaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๒๒๒. สงฺฆิกจีวรุปฺปาทกถา • 222. Saṅghikacīvaruppādakathā
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / สงฺฆิกจีวรุปฺปาทกถา • Saṅghikacīvaruppādakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / สงฺฆิกจีวรุปฺปาทกถาวณฺณนา • Saṅghikacīvaruppādakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / สงฺฆิกจีวรุปฺปาทกถาวณฺณนา • Saṅghikacīvaruppādakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๒๒๒. สงฺฆิกจีวรุปฺปาทกถา • 222. Saṅghikacīvaruppādakathā