Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi

    ๑๑. ปญฺจสติกกฺขนฺธกํ

    11. Pañcasatikakkhandhakaṃ

    ๑. สงฺคีตินิทานํ

    1. Saṅgītinidānaṃ

    ๔๓๗. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เอกมิทาหํ, อาวุโส, สมยํ ปาวาย กุสินารํ อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิฯ อถ ขฺวาหํ, อาวุโส, มคฺคา โอกฺกมฺม อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิํฯ

    437. Atha kho āyasmā mahākassapo bhikkhū āmantesi – ‘‘ekamidāhaṃ, āvuso, samayaṃ pāvāya kusināraṃ addhānamaggappaṭipanno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ pañcamattehi bhikkhusatehi. Atha khvāhaṃ, āvuso, maggā okkamma aññatarasmiṃ rukkhamūle nisīdiṃ.

    1 ‘‘เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร อาชีวโก กุสินาราย มนฺทารวปุปฺผํ คเหตฺวา ปาวํ อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺน โหติฯ อทฺทสํ โข อหํ, อาวุโส, ตํ อาชีวกํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน ตํ อาชีวกํ เอตทโวจํ – ‘อปาวุโส, อมฺหากํ สตฺถารํ ชานาสี’ติ? ‘อามาวุโส, ชานามิฯ อชฺช สตฺตาหปรินิพฺพุโต สมโณ โคตโมฯ ตโต เม อิทํ มนฺทารวปุปฺผํ คหิต’นฺติฯ ตตฺราวุโส, เย เต ภิกฺขู อวีตราคา อเปฺปกเจฺจ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ, ฉินฺนปาตํ ปปตนฺติ, อาวฎฺฎนฺติ, วิวฎฺฎนฺติ – อติขิปฺปํ ภควา ปรินิพฺพุโต, อติขิปฺปํ สุคโต ปรินิพฺพุโต, อติขิปฺปํ จกฺขุํ โลเก อนฺตรหิตนฺติฯ เย ปน เต ภิกฺขู วีตราคา เต สตา สมฺปชานา อธิวาเสนฺติ – อนิจฺจา สงฺขารา, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภาติฯ

    2 ‘‘Tena kho pana samayena aññataro ājīvako kusinārāya mandāravapupphaṃ gahetvā pāvaṃ addhānamaggappaṭipanno hoti. Addasaṃ kho ahaṃ, āvuso, taṃ ājīvakaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna taṃ ājīvakaṃ etadavocaṃ – ‘apāvuso, amhākaṃ satthāraṃ jānāsī’ti? ‘Āmāvuso, jānāmi. Ajja sattāhaparinibbuto samaṇo gotamo. Tato me idaṃ mandāravapupphaṃ gahita’nti. Tatrāvuso, ye te bhikkhū avītarāgā appekacce bāhā paggayha kandanti, chinnapātaṃ papatanti, āvaṭṭanti, vivaṭṭanti – atikhippaṃ bhagavā parinibbuto, atikhippaṃ sugato parinibbuto, atikhippaṃ cakkhuṃ loke antarahitanti. Ye pana te bhikkhū vītarāgā te satā sampajānā adhivāsenti – aniccā saṅkhārā, taṃ kutettha labbhāti.

    ‘‘อถ ขฺวาหํ, อาวุโส, เต ภิกฺขู เอตทโวจํ – ‘อลํ, อาวุโส, มา โสจิตฺถ; มา ปริเทวิตฺถฯ นเนฺวตํ, อาวุโส, ภควตา ปฎิกเจฺจว อกฺขาตํ – สเพฺพเหว ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว อญฺญถาภาโวฯ ตํ กุเตตฺถ อาวุโส ลพฺภา, ยํ ตํ ชาตํ ภูตํ สงฺขตํ ปโลกธมฺมํ, ตํ วต มา ปลุชฺชีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติฯ

    ‘‘Atha khvāhaṃ, āvuso, te bhikkhū etadavocaṃ – ‘alaṃ, āvuso, mā socittha; mā paridevittha. Nanvetaṃ, āvuso, bhagavatā paṭikacceva akkhātaṃ – sabbeheva piyehi manāpehi nānābhāvo vinābhāvo aññathābhāvo. Taṃ kutettha āvuso labbhā, yaṃ taṃ jātaṃ bhūtaṃ saṅkhataṃ palokadhammaṃ, taṃ vata mā palujjīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti.

    ‘‘เตน โข ปนาวุโส, สมเยน สุภโทฺท นาม วุฑฺฒปพฺพชิโต ตสฺสํ ปริสายํ นิสิโนฺน โหติ ฯ อถ โข, อาวุโส, สุภโทฺท วุฑฺฒปพฺพชิโต เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘อลํ, อาวุโส, มา โสจิตฺถ; มา ปริเทวิตฺถฯ สุมุตฺตา มยํ เตน มหาสมเณน ; อุปทฺทุตา จ มยํ โหม – อิทํ โว กปฺปติ, อิทํ โว น กปฺปตีติฯ อิทานิ ปน มยํ ยํ อิจฺฉิสฺสาม ตํ กริสฺสาม, ยํ น อิจฺฉิสฺสาม น ตํ กริสฺสามา’ติฯ หนฺท มยํ, อาวุโส, ธมฺมญฺจ วินยญฺจ สงฺคายามฯ ปุเร อธโมฺม ทิปฺปติ 3, ธโมฺม ปฎิพาหิยฺยติ; ปุเร อวินโย ทิปฺปติ วินโย ปฎิพาหิยฺยติ; ปุเร อธมฺมวาทิโน พลวโนฺต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺติ; ปุเร อวินยวาทิโน พลวโนฺต โหนฺติ, วินยวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺตี’’ติฯ

    ‘‘Tena kho panāvuso, samayena subhaddo nāma vuḍḍhapabbajito tassaṃ parisāyaṃ nisinno hoti . Atha kho, āvuso, subhaddo vuḍḍhapabbajito te bhikkhū etadavoca – ‘alaṃ, āvuso, mā socittha; mā paridevittha. Sumuttā mayaṃ tena mahāsamaṇena ; upaddutā ca mayaṃ homa – idaṃ vo kappati, idaṃ vo na kappatīti. Idāni pana mayaṃ yaṃ icchissāma taṃ karissāma, yaṃ na icchissāma na taṃ karissāmā’ti. Handa mayaṃ, āvuso, dhammañca vinayañca saṅgāyāma. Pure adhammo dippati 4, dhammo paṭibāhiyyati; pure avinayo dippati vinayo paṭibāhiyyati; pure adhammavādino balavanto honti, dhammavādino dubbalā honti; pure avinayavādino balavanto honti, vinayavādino dubbalā hontī’’ti.

    ‘‘เตน หิ, ภเนฺต, เถโร ภิกฺขู อุจฺจินตู’’ติฯ อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป เอเกนูนปญฺจอรหนฺตสตานิ อุจฺจินิฯ ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ เอตทโวจุํ – ‘‘อยํ, ภเนฺต, อายสฺมา อานโนฺท กิญฺจาปิ เสโกฺข, อภโพฺพ ฉนฺทา โทสา โมหา ภยา อคติํ คนฺตุํฯ พหุ จ อเนน ภควโต สนฺติเก ธโมฺม จ วินโย จ ปริยโตฺตฯ เตน หิ, ภเนฺต, เถโร อายสฺมนฺตมฺปิ อานนฺทํ อุจฺจินตู’’ติ ฯ อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตมฺปิ อานนฺทํ อุจฺจินิฯ

    ‘‘Tena hi, bhante, thero bhikkhū uccinatū’’ti. Atha kho āyasmā mahākassapo ekenūnapañcaarahantasatāni uccini. Bhikkhū āyasmantaṃ mahākassapaṃ etadavocuṃ – ‘‘ayaṃ, bhante, āyasmā ānando kiñcāpi sekkho, abhabbo chandā dosā mohā bhayā agatiṃ gantuṃ. Bahu ca anena bhagavato santike dhammo ca vinayo ca pariyatto. Tena hi, bhante, thero āyasmantampi ānandaṃ uccinatū’’ti . Atha kho āyasmā mahākassapo āyasmantampi ānandaṃ uccini.

    อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘กตฺถ นุ โข มยํ ธมฺมญฺจ วินยญฺจ สงฺคาเยยฺยามา’’ติ? อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘ราชคหํ โข มหาโคจรํ ปหูตเสนาสนํ, ยํนูน มยํ ราชคเห วสฺสํ วสนฺตา ธมฺมญฺจ วินยญฺจ สงฺคาเยยฺยามฯ น อเญฺญ ภิกฺขู ราชคเห วสฺสํ อุปคเจฺฉยฺยุ’’นฺติฯ

    Atha kho therānaṃ bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘kattha nu kho mayaṃ dhammañca vinayañca saṅgāyeyyāmā’’ti? Atha kho therānaṃ bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘rājagahaṃ kho mahāgocaraṃ pahūtasenāsanaṃ, yaṃnūna mayaṃ rājagahe vassaṃ vasantā dhammañca vinayañca saṅgāyeyyāma. Na aññe bhikkhū rājagahe vassaṃ upagaccheyyu’’nti.

    อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป สงฺฆํ ญาเปสิ –

    Atha kho āyasmā mahākassapo saṅghaṃ ñāpesi –

    ๔๓๘. ‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สโงฺฆฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อิมานิ ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ สมฺมเนฺนยฺย – ราชคเห วสฺสํ วสนฺตานิ ธมฺมญฺจ วินยญฺจ สงฺคายิตุํ, น อเญฺญหิ ภิกฺขูหิ ราชคเห วสฺสํ วสิตพฺพนฺติฯ เอสา ญตฺติฯ

    438. ‘‘Suṇātu me, āvuso, saṅgho. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho imāni pañca bhikkhusatāni sammanneyya – rājagahe vassaṃ vasantāni dhammañca vinayañca saṅgāyituṃ, na aññehi bhikkhūhi rājagahe vassaṃ vasitabbanti. Esā ñatti.

    ‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สโงฺฆฯ อิมานิ ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ สมฺมนฺนติ – ราชคเห วสฺสํ วสนฺตานิ ธมฺมญฺจ วินยญฺจ สงฺคายิตุํ, น อเญฺญหิ ภิกฺขูหิ ราชคเห วสฺสํ วสิตพฺพนฺติฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิเมสํ ปญฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ สมฺมุติ – ราชคเห วสฺสํ วสนฺตานํ ธมฺมญฺจ วินยญฺจ สงฺคายิตุํ, น อเญฺญหิ ภิกฺขูหิ ราชคเห วสฺสํ วสิตพฺพนฺติ – โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ

    ‘‘Suṇātu me, āvuso, saṅgho. Imāni pañca bhikkhusatāni sammannati – rājagahe vassaṃ vasantāni dhammañca vinayañca saṅgāyituṃ, na aññehi bhikkhūhi rājagahe vassaṃ vasitabbanti. Yassāyasmato khamati imesaṃ pañcannaṃ bhikkhusatānaṃ sammuti – rājagahe vassaṃ vasantānaṃ dhammañca vinayañca saṅgāyituṃ, na aññehi bhikkhūhi rājagahe vassaṃ vasitabbanti – so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.

    ‘‘สมฺมตานิ สเงฺฆน อิมานิ ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ ราชคเห วสฺสํ วสนฺตานิ ธมฺมญฺจ วินยญฺจ สงฺคายิตุํ, น อเญฺญหิ ภิกฺขูหิ ราชคเห วสฺสํ วสิตพฺพนฺติฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ

    ‘‘Sammatāni saṅghena imāni pañca bhikkhusatāni rājagahe vassaṃ vasantāni dhammañca vinayañca saṅgāyituṃ, na aññehi bhikkhūhi rājagahe vassaṃ vasitabbanti. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.

    อถ โข เถรา ภิกฺขู ราชคหํ อคมํสุ ธมฺมญฺจ วินยญฺจ สงฺคายิตุํฯ อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘ภควตา โข, อาวุโส, ขณฺฑผุลฺลปฺปฎิสงฺขรณํ วณฺณิตํฯ หนฺท มยํ, อาวุโส, ปฐมํ มาสํ ขณฺฑผุลฺลํ ปฎิสงฺขโรม; มชฺฌิมํ มาสํ สนฺนิปติตฺวา ธมฺมญฺจ วินยญฺจ สงฺคายิสฺสามา’’ติฯ

    Atha kho therā bhikkhū rājagahaṃ agamaṃsu dhammañca vinayañca saṅgāyituṃ. Atha kho therānaṃ bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘bhagavatā kho, āvuso, khaṇḍaphullappaṭisaṅkharaṇaṃ vaṇṇitaṃ. Handa mayaṃ, āvuso, paṭhamaṃ māsaṃ khaṇḍaphullaṃ paṭisaṅkharoma; majjhimaṃ māsaṃ sannipatitvā dhammañca vinayañca saṅgāyissāmā’’ti.

    อถ โข เถรา ภิกฺขู ปฐมํ มาสํ ขณฺฑผุลฺลํ ปฎิสงฺขริํสุฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท – เสฺว สนฺนิปาโต 5 น โข เมตํ ปติรูปํ, โยหํ เสโกฺข สมาโน สนฺนิปาตํ คเจฺฉยฺยนฺติ – พหุเทว รตฺติํ กายคตาย สติยา วีตินาเมตฺวา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ‘นิปชฺชิสฺสามี’ติ กายํ อาวเชฺชสิฯ อปฺปตฺตญฺจ สีสํ พิโพฺพหนํ, ภูมิโต จ ปาทา มุตฺตาฯ เอตสฺมิํ อนฺตเร อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิฯ

    Atha kho therā bhikkhū paṭhamaṃ māsaṃ khaṇḍaphullaṃ paṭisaṅkhariṃsu. Atha kho āyasmā ānando – sve sannipāto 6 na kho metaṃ patirūpaṃ, yohaṃ sekkho samāno sannipātaṃ gaccheyyanti – bahudeva rattiṃ kāyagatāya satiyā vītināmetvā rattiyā paccūsasamayaṃ ‘nipajjissāmī’ti kāyaṃ āvajjesi. Appattañca sīsaṃ bibbohanaṃ, bhūmito ca pādā muttā. Etasmiṃ antare anupādāya āsavehi cittaṃ vimucci.

    ๔๓๙. อถ โข อายสฺมา อานโนฺท อรหา สมาโน สนฺนิปาตํ อคมาสิฯ อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป สงฺฆํ ญาเปสิ –

    439. Atha kho āyasmā ānando arahā samāno sannipātaṃ agamāsi. Atha kho āyasmā mahākassapo saṅghaṃ ñāpesi –

    ‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สโงฺฆฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อุปาลิํ วินยํ ปุเจฺฉยฺย’’นฺติฯ

    ‘‘Suṇātu me, āvuso, saṅgho. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, ahaṃ upāliṃ vinayaṃ puccheyya’’nti.

    อายสฺมา อุปาลิ สงฺฆํ ญาเปสิ –

    Āyasmā upāli saṅghaṃ ñāpesi –

    ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อายสฺมตา มหากสฺสเปน วินยํ ปุโฎฺฐ วิสฺสเชฺชยฺย’’นฺติฯ

    ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, ahaṃ āyasmatā mahākassapena vinayaṃ puṭṭho vissajjeyya’’nti.

    อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อุปาลิํ เอตทโวจ – ‘‘ปฐมํ, อาวุโส อุปาลิ , ปาราชิกํ กตฺถ ปญฺญตฺต’’นฺติ? ‘‘เวสาลิยํ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ? ‘‘สุทินฺนํ กลนฺทปุตฺตํ อารพฺภา’’ติฯ ‘‘กิสฺมิํ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ? ‘‘เมถุนธเมฺม’’ติฯ อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อุปาลิํ ปฐมสฺส ปาราชิกสฺส วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ, นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ, ปญฺญตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อนุปญฺญตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อนาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิฯ ‘‘ทุติยํ ปนาวุโส อุปาลิ, ปาราชิกํ กตฺถ ปญฺญตฺต’’นฺติ? ‘‘ราชคเห ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ? ‘‘ธนิยํ กุมฺภการปุตฺตํ อารพฺภา’’ติฯ ‘‘กิสฺมิํ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ? ‘‘อทินฺนาทาเน’’ติฯ อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อุปาลิํ ทุติยสฺส ปาราชิกสฺส วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ, นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ, ปญฺญตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อนุปญฺญตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อนาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิฯ ‘‘ตติยํ ปนาวุโส อุปาลิ, ปาราชิกํ กตฺถ ปญฺญตฺต’’นฺติ? ‘‘เวสาลิยํ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ? ‘‘สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภา’’ติฯ ‘‘กิสฺมิํ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ? ‘‘มนุสฺสวิคฺคเห’’ติฯ อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อุปาลิํ ตติยสฺส ปาราชิกสฺส วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ, นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ, ปญฺญตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อนุปญฺญตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อนาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิฯ ‘‘จตุตฺถํ ปนาวุโส อุปาลิ, ปาราชิกํ กตฺถ ปญฺญตฺต’’นฺติ? ‘‘เวสาลิยํ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ? ‘‘วคฺคุมุทาตีริเย ภิกฺขู อารพฺภา’’ติฯ ‘‘กิสฺมิํ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ? ‘‘อุตฺตริมนุสฺสธเมฺม’’ติฯ อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อุปาลิํ จตุตฺถสฺส ปาราชิกสฺส วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ, นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ, ปญฺญตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อนุปญฺญตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อนาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิฯ เอเตเนว อุปาเยน อุภโตวิภเงฺค ปุจฺฉิฯ ปุโฎฺฐ ปุโฎฺฐ อายสฺมา อุปาลิ วิสฺสเชฺชสิฯ

    Atha kho āyasmā mahākassapo āyasmantaṃ upāliṃ etadavoca – ‘‘paṭhamaṃ, āvuso upāli , pārājikaṃ kattha paññatta’’nti? ‘‘Vesāliyaṃ bhante’’ti. ‘‘Kaṃ ārabbhā’’ti? ‘‘Sudinnaṃ kalandaputtaṃ ārabbhā’’ti. ‘‘Kismiṃ vatthusmi’’nti? ‘‘Methunadhamme’’ti. Atha kho āyasmā mahākassapo āyasmantaṃ upāliṃ paṭhamassa pārājikassa vatthumpi pucchi, nidānampi pucchi, puggalampi pucchi, paññattimpi pucchi, anupaññattimpi pucchi, āpattimpi pucchi, anāpattimpi pucchi. ‘‘Dutiyaṃ panāvuso upāli, pārājikaṃ kattha paññatta’’nti? ‘‘Rājagahe bhante’’ti. ‘‘Kaṃ ārabbhā’’ti? ‘‘Dhaniyaṃ kumbhakāraputtaṃ ārabbhā’’ti. ‘‘Kismiṃ vatthusmi’’nti? ‘‘Adinnādāne’’ti. Atha kho āyasmā mahākassapo āyasmantaṃ upāliṃ dutiyassa pārājikassa vatthumpi pucchi, nidānampi pucchi, puggalampi pucchi, paññattimpi pucchi, anupaññattimpi pucchi, āpattimpi pucchi, anāpattimpi pucchi. ‘‘Tatiyaṃ panāvuso upāli, pārājikaṃ kattha paññatta’’nti? ‘‘Vesāliyaṃ bhante’’ti. ‘‘Kaṃ ārabbhā’’ti? ‘‘Sambahule bhikkhū ārabbhā’’ti. ‘‘Kismiṃ vatthusmi’’nti? ‘‘Manussaviggahe’’ti. Atha kho āyasmā mahākassapo āyasmantaṃ upāliṃ tatiyassa pārājikassa vatthumpi pucchi, nidānampi pucchi, puggalampi pucchi, paññattimpi pucchi, anupaññattimpi pucchi, āpattimpi pucchi, anāpattimpi pucchi. ‘‘Catutthaṃ panāvuso upāli, pārājikaṃ kattha paññatta’’nti? ‘‘Vesāliyaṃ bhante’’ti. ‘‘Kaṃ ārabbhā’’ti? ‘‘Vaggumudātīriye bhikkhū ārabbhā’’ti. ‘‘Kismiṃ vatthusmi’’nti? ‘‘Uttarimanussadhamme’’ti. Atha kho āyasmā mahākassapo āyasmantaṃ upāliṃ catutthassa pārājikassa vatthumpi pucchi, nidānampi pucchi, puggalampi pucchi, paññattimpi pucchi, anupaññattimpi pucchi, āpattimpi pucchi, anāpattimpi pucchi. Eteneva upāyena ubhatovibhaṅge pucchi. Puṭṭho puṭṭho āyasmā upāli vissajjesi.

    ๔๔๐. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป สงฺฆํ ญาเปสิ –

    440. Atha kho āyasmā mahākassapo saṅghaṃ ñāpesi –

    ‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สโงฺฆฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อานนฺทํ ธมฺมํ ปุเจฺฉยฺย’’นฺติฯ

    ‘‘Suṇātu me, āvuso, saṅgho. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, ahaṃ ānandaṃ dhammaṃ puccheyya’’nti.

    อายสฺมา อานโนฺท สงฺฆํ ญาเปสิ –

    Āyasmā ānando saṅghaṃ ñāpesi –

    ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อายสฺมตา มหากสฺสเปน ธมฺมํ ปุโฎฺฐ วิสฺสเชฺชยฺย’’นฺติฯ

    ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, ahaṃ āyasmatā mahākassapena dhammaṃ puṭṭho vissajjeyya’’nti.

    อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘พฺรหฺมชาลํ, อาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติ? ‘‘อนฺตรา จ, ภเนฺต, ราชคหํ อนฺตรา จ นาฬนฺทํ ราชาคารเก อมฺพลฎฺฐิกายา’’ติฯ ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ? ‘‘สุปฺปิยญฺจ ปริพฺพาชกํ พฺรหฺมทตฺตญฺจ มาณว’’นฺติฯ อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ พฺรหฺมชาลสฺส นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิฯ ‘‘สามญฺญผลํ ปนาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติ? ‘‘ราชคเห, ภเนฺต, ชีวกมฺพวเน’’ติฯ ‘‘เกน สทฺธิ’’นฺติ? ‘‘อชาตสตฺตุนา เวเทหิปุเตฺตน สทฺธิ’’นฺติฯ อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สามญฺญผลสฺส นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิฯ เอเตเนว อุปาเยน ปญฺจปิ นิกาเย ปุจฺฉิฯ ปุโฎฺฐ ปุโฎฺฐ อายสฺมา อานโนฺท วิสฺสเชฺชสิฯ

    Atha kho āyasmā mahākassapo āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘brahmajālaṃ, āvuso ānanda, kattha bhāsita’’nti? ‘‘Antarā ca, bhante, rājagahaṃ antarā ca nāḷandaṃ rājāgārake ambalaṭṭhikāyā’’ti. ‘‘Kaṃ ārabbhā’’ti? ‘‘Suppiyañca paribbājakaṃ brahmadattañca māṇava’’nti. Atha kho āyasmā mahākassapo āyasmantaṃ ānandaṃ brahmajālassa nidānampi pucchi, puggalampi pucchi. ‘‘Sāmaññaphalaṃ panāvuso ānanda, kattha bhāsita’’nti? ‘‘Rājagahe, bhante, jīvakambavane’’ti. ‘‘Kena saddhi’’nti? ‘‘Ajātasattunā vedehiputtena saddhi’’nti. Atha kho āyasmā mahākassapo āyasmantaṃ ānandaṃ sāmaññaphalassa nidānampi pucchi, puggalampi pucchi. Eteneva upāyena pañcapi nikāye pucchi. Puṭṭho puṭṭho āyasmā ānando vissajjesi.







    Footnotes:
    1. ที. นิ. ๒.๒๓๑
    2. dī. ni. 2.231
    3. ทิพฺพติ (ก.)
    4. dibbati (ka.)
    5. สนฺนิปาโตติ (ก.)
    6. sannipātoti (ka.)



    Related texts:



    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / สงฺคีตินิทานกถาวณฺณนา • Saṅgītinidānakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / สงฺคีตินิทานกถาวณฺณนา • Saṅgītinidānakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ขุทฺทานุขุทฺทกสิกฺขาปทกถาวณฺณนา • Khuddānukhuddakasikkhāpadakathāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact