English Edition
    Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Dīgha Nikāya, English translation

    ทีฆ นิกาย ๓๓

    Long Discourses 33

    สงฺคีติสุตฺต

    Reciting in Concert

    เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา มเลฺลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปญฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ เยน ปาวา นาม มลฺลานํ นครํ ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา ปาวายํ วิหรติ จุนฺทสฺส กมฺมารปุตฺตสฺส อมฺพวเนฯ

    So I have heard. At one time the Buddha was wandering in the land of the Mallas together with a large Saṅgha of five hundred bhikkhus when he arrived at a Mallian town named Pāvā. There he stayed in Cunda the smith’s mango grove.

    เตน โข ปน สมเยน ปาเวยฺยกานํ มลฺลานํ อุพฺภตกํ นาม นวํ สนฺธาคารํ อจิรการิตํ โหติ อนชฺฌาวุฏฺฐํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เกนจิ วา มนุสฺสภูเตนฯ อโสฺสสุํ โข ปาเวยฺยกา มลฺลา: “ภควา กิร มเลฺลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปญฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ ปาวํ อนุปฺปตฺโต ปาวายํ วิหรติ จุนฺทสฺส กมฺมารปุตฺตสฺส อมฺพวเน”ติฯ อถ โข ปาเวยฺยกา มลฺลา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข ปาเวยฺยกา มลฺลา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ: “อิธ, ภนฺเต, ปาเวยฺยกานํ มลฺลานํ อุพฺภตกํ นาม นวํ สนฺธาคารํ อจิรการิตํ โหติ อนชฺฌาวุฏฺฐํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เกนจิ วา มนุสฺสภูเตนฯ ตญฺจ โข, ภนฺเต, ภควา ปฐมํ ปริภุญฺชตุ, ภควตา ปฐมํ ปริภุตฺตํ ปจฺฉา ปาเวยฺยกา มลฺลา ปริภุญฺชิสฺสนฺติฯ ตทสฺส ปาเวยฺยกานํ มลฺลานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา”ติฯ อธิวาเสสิ โข ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ

    Now at that time a new town hall named Ubbhaṭaka had recently been constructed for the Mallas of Pāvā. It had not yet been occupied by an ascetic or brahmin or any person at all. The Mallas of Pāvā also heard that the Buddha had arrived and was staying in Cunda’s mango grove. Then they went up to the Buddha, bowed, sat down to one side, and said to him, “Sir, a new town hall named Ubbhaṭaka has recently been constructed for the Mallas of Pāvā. It has not yet been occupied by an ascetic or brahmin or any person at all. May the Buddha be the first to use it, and only then will the Mallas of Pāvā use it. That would be for the lasting welfare and happiness of the Mallas of Pāvā.” The Buddha consented in silence.

    อถ โข ปาเวยฺยกา มลฺลา ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน สนฺธาคารํ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา สพฺพสนฺถรึ สนฺธาคารํ สนฺถริตฺวา ภควโต อาสนานิ ปญฺญาเปตฺวา อุทกมณิกํ ปติฏฺฐเปตฺวา เตลปทีปํ อาโรเปตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข เต ปาเวยฺยกา มลฺลา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ: “สพฺพสนฺถริสนฺถตํ, ภนฺเต, สนฺธาคารํ, ภควโต อาสนานิ ปญฺญตฺตานิ, อุทกมณิโก ปติฏฺฐาปิโต, เตลปทีโป อาโรปิโตฯ ยสฺสทานิ, ภนฺเต, ภควา กาลํ มญฺญตี”ติฯ

    Then, knowing that the Buddha had consented, the Mallas got up from their seat, bowed, and respectfully circled the Buddha, keeping him on their right. Then they went to the new town hall, where they spread carpets all over, prepared seats, set up a water jar, and placed a lamp. Then they went back to the Buddha, bowed, stood to one side, and told him of their preparations, saying, “Please, sir, come at your convenience.”

    อถ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน เยน สนฺธาคารํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา สนฺธาคารํ ปวิสิตฺวา มชฺฌิมํ ถมฺภํ นิสฺสาย ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิฯ ภิกฺขุสงฺโฆปิ โข ปาเท ปกฺขาเลตฺวา สนฺธาคารํ ปวิสิตฺวา ปจฺฉิมํ ภิตฺตึ นิสฺสาย ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิ ภควนฺตํเยว ปุรกฺขตฺวาฯ ปาเวยฺยกาปิ โข มลฺลา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา สนฺธาคารํ ปวิสิตฺวา ปุรตฺถิมํ ภิตฺตึ นิสฺสาย ปจฺฉิมาภิมุขา นิสีทึสุ ภควนฺตํเยว ปุรกฺขตฺวาฯ

    Then the Buddha robed up and, taking his bowl and robe, went to the new town hall together with the Saṅgha of bhikkhus. Having washed his feet he entered the town hall and sat against the central column facing east. The Saṅgha of bhikkhus also washed their feet, entered the town hall, and sat against the west wall facing east, with the Buddha right in front of them. The Mallas of Pāvā also washed their feet, entered the town hall, and sat against the east wall facing west, with the Buddha right in front of them.

    อถ โข ภควา ปาเวยฺยเก มเลฺล พหุเทว รตฺตึ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุโยฺยเชสิ: “อภิกฺกนฺตา โข, วาเสฏฺฐา, รตฺติฯ ยสฺสทานิ ตุเมฺห กาลํ มญฺญถา”ติฯ

    The Buddha spent much of the night educating, encouraging, firing up, and inspiring the Mallas with a Dhamma talk. Then he dismissed them, “The night is getting late, Vāseṭṭhas. Please go at your convenience.”

    “เอวํ, ภนฺเต”ติ โข ปาเวยฺยกา มลฺลา ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา อุฏฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมึสุฯ

    “Yes, sir,” replied the Mallas. They got up from their seat, bowed, and respectfully circled the Buddha, keeping him on their right, before leaving.

    อถ โข ภควา อจิรปกฺกนฺเตสุ ปาเวยฺยเกสุ มเลฺลสุ ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูตํ ภิกฺขุสงฺฆํ อนุวิโลเกตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามนฺเตสิ: “วิคตถินมิทฺโธ โข, สาริปุตฺต, ภิกฺขุสงฺโฆฯ ปฏิภาตุ ตํ, สาริปุตฺต, ภิกฺขูนํ ธมฺมีกถาฯ ปิฏฺฐิ เม อาคิลายติฯ ตมหํ อายมิสฺสามี”ติฯ

    Soon after they left, the Buddha looked around the Saṅgha of bhikkhus, who were so very silent. He addressed Venerable Sāriputta, “Sāriputta, the Saṅgha of bhikkhus is rid of dullness and drowsiness. Give them some Dhamma talk as you feel inspired. My back is sore, I’ll stretch it.”

    “เอวํ, ภนฺเต”ติ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ

    “Yes, sir,” Sāriputta replied.

    อถ โข ภควา จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปญฺญาเปตฺวา ทกฺขิเณน ปเสฺสน สีหเสยฺยํ กปฺเปสิ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย, สโต สมฺปชาโน อุฏฺฐานสญฺญํ มนสิ กริตฺวาฯ

    And then the Buddha spread out his outer robe folded in four and laid down in the lion’s posture—on the right side, placing one foot on top of the other—mindful and aware, and focused on the time of getting up.

    เตน โข ปน สมเยน นิคณฺโฐ นาฏปุตฺโต ปาวายํ อธุนากาลงฺกโต โหติฯ ตสฺส กาลงฺกิริยาย ภินฺนา นิคณฺฐา เทฺวธิกชาตา ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ: “น ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานาสิ, อหํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานามิ, กึ ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานิสฺสสิฯ มิจฺฉาปฏิปนฺโน ตฺวมสิ, อหมสฺมิ สมฺมาปฏิปนฺโนฯ สหิตํ เม, อสหิตํ เตฯ ปุเรวจนียํ ปจฺฉา อวจ, ปจฺฉาวจนียํ ปุเร อวจฯ อธิจิณฺณํ เต วิปราวตฺตํ, อาโรปิโต เต วาโท, นิคฺคหิโต ตฺวมสิ, จร วาทปฺปโมกฺขาย, นิพฺเพเฐหิ วา สเจ ปโหสี”ติฯ

    Now at that time the Jain ascetic of the Ñātika clan had recently passed away at Pāvā. With his passing the Jain ascetics split, dividing into two factions, arguing, quarreling, and disputing, continually wounding each other with barbed words: “You don’t understand this teaching and training. I understand this teaching and training. What, you understand this teaching and training? You’re practicing wrong. I’m practicing right. I stay on topic, you don’t. You said last what you should have said first. You said first what you should have said last. What you’ve thought so much about has been disproved. Your doctrine is refuted. Go on, save your doctrine! You’re trapped; get yourself out of this—if you can!”

    วโธเยว โข มญฺเญ นิคณฺเฐสุ นาฏปุตฺติเยสุ วตฺตติฯ เยปิ นิคณฺฐสฺส นาฏปุตฺตสฺส สาวกา คิหี โอทาตวสนา, เตปิ นิคณฺเฐสุ นาฏปุตฺติเยสุ นิพฺพินฺนรูปา วิรตฺตรูปา ปฏิวานรูปา, ยถา ตํ ทุรกฺขาเต ธมฺมวินเย ทุปฺปเวทิเต อนิยฺยานิเก อนุปสมสํวตฺตนิเก อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิเต ภินฺนถูเป อปฺปฏิสรเณฯ

    You’d think there was nothing but slaughter going on among the Jain ascetics. And the Jain Ñātika’s white-clothed lay disciples were disillusioned, dismayed, and disappointed in the Jain ascetics. They were equally disappointed with a teaching and training so poorly explained and poorly propounded, not emancipating, not leading to peace, proclaimed by someone who is not a fully awakened Buddha, with broken monument and without a refuge.

    อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ: “นิคณฺโฐ, อาวุโส, นาฏปุตฺโต ปาวายํ อธุนากาลงฺกโต, ตสฺส กาลงฺกิริยาย ภินฺนา นิคณฺฐา เทฺวธิกชาตา …เป… ภินฺนถูเป อปฺปฏิสรเณฯ เอวเญฺหตํ, อาวุโส, โหติ ทุรกฺขาเต ธมฺมวินเย ทุปฺปเวทิเต อนิยฺยานิเก อนุปสมสํวตฺตนิเก อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิเตฯ อยํ โข ปนาวุโส, อมฺหากํ ภควตา ธมฺโม สฺวากฺขาโต สุปฺปเวทิโต นิยฺยานิโก อุปสมสํวตฺตนิโก สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิโตฯ ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ, น วิวทิตพฺพํ, ยถยิทํ พฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺฐิติกํ, ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ

    Then Sāriputta told the bhikkhus about these things. He went on to say, “That’s what happens, friends, when a teaching and training is poorly explained and poorly propounded, not emancipating, not leading to peace, proclaimed by someone who is not a fully awakened Buddha. But this teaching is well explained and well propounded to us by the Blessed One, emancipating, leading to peace, proclaimed by someone who is a fully awakened Buddha. You should all recite this in concert, without disputing, so that this spiritual path may last for a long time. That would be for the welfare and happiness of the people, out of compassion for the world, for the benefit, welfare, and happiness of gods and humans.

    กตโม จาวุโส, อมฺหากํ ภควตา ธมฺโม สฺวากฺขาโต สุปฺปเวทิโต นิยฺยานิโก อุปสมสํวตฺตนิโก สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิโต; ยตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ, น วิวทิตพฺพํ, ยถยิทํ พฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺฐิติกํ, ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ?

    And what is that teaching?

    ๑ฯ เอกก

    1. Ones

    อตฺถิ โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน เอโก ธมฺโม สมฺมทกฺขาโตฯ ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ, น วิวทิตพฺพํ, ยถยิทํ พฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺฐิติกํ, ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ กตโม เอโก ธมฺโม?

    There are teachings grouped by one that have been rightly explained by the Blessed One, who knows and sees, the perfected one, the fully awakened Buddha. You should all recite these in concert, without disputing, so that this spiritual path may last for a long time. That would be for the welfare and happiness of the people, out of compassion for the world, for the benefit, welfare, and happiness of gods and humans. What are the teachings grouped by one?

    สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺฐิติกาฯ

    All sentient beings are sustained by food.

    สพฺเพ สตฺตา สงฺขารฏฺฐิติกาฯ

    All sentient beings are sustained by conditions.

    อยํ โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน เอโก ธมฺโม สมฺมทกฺขาโตฯ ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ, น วิวทิตพฺพํ, ยถยิทํ พฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺฐิติกํ, ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ

    These are the teachings grouped by one that have been rightly explained by the Blessed One, who knows and sees, the perfected one, the fully awakened Buddha. You should all recite these in concert, without disputing, so that this spiritual path may last for a long time. That would be for the welfare and happiness of the people, out of compassion for the world, for the benefit, welfare, and happiness of gods and humans.

    ๒ฯ ทุก

    2. Twos

    อตฺถิ โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน เทฺว ธมฺมา สมฺมทกฺขาตาฯ ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ, น วิวทิตพฺพํ, ยถยิทํ พฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺฐิติกํ, ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ กตเม เทฺว?

    There are teachings grouped by two that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert. What are the teachings grouped by two?

    นามญฺจ รูปญฺจฯ

    Name and form.

    อวิชฺชา จ ภวตณฺหา จฯ

    Ignorance and craving for continued existence.

    ภวทิฏฺฐิ จ วิภวทิฏฺฐิ จฯ

    Views favoring continued existence and views favoring ending existence.

    อหิริกญฺจ อโนตฺตปฺปญฺจฯ

    Lack of conscience and prudence.

    หิรี จ โอตฺตปฺปญฺจฯ

    Conscience and prudence.

    โทวจสฺสตา จ ปาปมิตฺตตา จฯ

    Being hard to admonish and having bad friends.

    โสวจสฺสตา จ กลฺยาณมิตฺตตา จฯ

    Being easy to admonish and having good friends.

    อาปตฺติกุสลตา จ อาปตฺติวุฏฺฐานกุสลตา จฯ

    Skill in offenses and skill in rehabilitation from offenses.

    สมาปตฺติกุสลตา จ สมาปตฺติวุฏฺฐานกุสลตา จฯ

    Skill in meditative attainments and skill in emerging from those attainments.

    ธาตุกุสลตา จ มนสิการกุสลตา จฯ

    Skill in the elements and skill in application of mind.

    อายตนกุสลตา จ ปฏิจฺจสมุปฺปาทกุสลตา จฯ

    Skill in the sense fields and skill in dependent origination.

    ฐานกุสลตา จ อฏฺฐานกุสลตา จฯ

    Skill in what is possible and skill in what is impossible.

    อชฺชวญฺจ ลชฺชวญฺจฯ

    Integrity and scrupulousness.

    ขนฺติ จ โสรจฺจญฺจฯ

    Patience and gentleness.

    สาขลฺยญฺจ ปฏิสนฺถาโร จฯ

    Friendliness and hospitality.

    อวิหึสา จ โสเจยฺยญฺจฯ

    Harmlessness and purity.

    มุฏฺฐสฺสจฺจญฺจ อสมฺปชญฺญญฺจฯ

    Lack of mindfulness and lack of situational awareness.

    สติ จ สมฺปชญฺญญฺจฯ

    Mindfulness and situational awareness.

    อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตา จ โภชเน อมตฺตญฺญุตา จฯ

    Not guarding the sense doors and eating too much.

    อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา จ โภชเน มตฺตญฺญุตา จฯ

    Guarding the sense doors and moderation in eating.

    ปฏิสงฺขานพลญฺจ ภาวนาพลญฺจฯ

    The power of reflection and the power of development.

    สติพลญฺจ สมาธิพลญฺจฯ

    The power of mindfulness and the power of immersion.

    สมโถ จ วิปสฺสนา จฯ

    Serenity and discernment.

    สมถนิมิตฺตญฺจ ปคฺคหนิมิตฺตญฺจฯ

    The foundation of serenity and the foundation of exertion.

    ปคฺคโห จ อวิกฺเขโป จฯ

    Exertion, and not being scattered.

    สีลวิปตฺติ จ ทิฏฺฐิวิปตฺติ จฯ

    Failure in ethics and failure in view.

    สีลสมฺปทา จ ทิฏฺฐิสมฺปทา จฯ

    Accomplishment in ethics and accomplishment in view.

    สีลวิสุทฺธิ จ ทิฏฺฐิวิสุทฺธิ จฯ

    Purification of ethics and purification of view.

    ทิฏฺฐิวิสุทฺธิ โข ปน ยถา ทิฏฺฐิสฺส จ ปธานํฯ

    Purification of view and making an effort in line with that view.

    สํเวโค จ สํเวชนีเยสุ ฐาเนสุ สํวิคฺคสฺส จ โยนิโส ปธานํฯ

    Inspiration, and making a suitable effort when inspired by inspiring places.

    อสนฺตุฏฺฐิตา จ กุสเลสุ ธมฺเมสุ อปฺปฏิวานิตา จ ปธานสฺมึฯ

    To never be content with skillful qualities, and to never stop trying.

    วิชฺชา จ วิมุตฺติ จฯ

    Knowledge and freedom.

    ขเยญาณํ อนุปฺปาเทญาณํฯ

    Knowledge of ending and knowledge of non-arising.

    อิเม โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน เทฺว ธมฺมา สมฺมทกฺขาตาฯ ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ, น วิวทิตพฺพํ, ยถยิทํ พฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺฐิติกํ, ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ

    These are the teachings grouped by two that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert.

    ๓ฯ ติก

    3. Threes

    อตฺถิ โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ตโย ธมฺมา สมฺมทกฺขาตาฯ ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ …เป… อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ กตเม ตโย?

    There are teachings grouped by three that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert. What are the teachings grouped by three?

    ตีณิ อกุสลมูลานิ—โลโภ อกุสลมูลํ, โทโส อกุสลมูลํ, โมโห อกุสลมูลํฯ

    Three unskillful roots: greed, hate, and delusion.

    ตีณิ กุสลมูลานิ—อโลโภ กุสลมูลํ, อโทโส กุสลมูลํ, อโมโห กุสลมูลํฯ

    Three skillful roots: non-greed, non-hate, and non-delusion.

    ตีณิ ทุจฺจริตานิ—กายทุจฺจริตํ, วจีทุจฺจริตํ, มโนทุจฺจริตํฯ

    Three ways of performing bad conduct: by body, speech, and mind.

    ตีณิ สุจริตานิ—กายสุจริตํ, วจีสุจริตํ, มโนสุจริตํฯ

    Three ways of performing good conduct: by body, speech, and mind.

    ตโย อกุสลวิตกฺกา—กามวิตกฺโก, พฺยาปาทวิตกฺโก, วิหึสาวิตกฺโกฯ

    Three unskillful thoughts: sensuality, malice, and cruelty.

    ตโย กุสลวิตกฺกา—เนกฺขมฺมวิตกฺโก, อพฺยาปาทวิตกฺโก, อวิหึสาวิตกฺโกฯ

    Three skillful thoughts: renunciation, good will, and harmlessness.

    ตโย อกุสลสงฺกปฺปา—กามสงฺกปฺโป, พฺยาปาทสงฺกปฺโป, วิหึสาสงฺกปฺโปฯ

    Three unskillful intentions: sensuality, malice, and cruelty.

    ตโย กุสลสงฺกปฺปา—เนกฺขมฺมสงฺกปฺโป, อพฺยาปาทสงฺกปฺโป, อวิหึสาสงฺกปฺโปฯ

    Three skillful intentions: renunciation, good will, and harmlessness.

    ติโสฺส อกุสลสญฺญา—กามสญฺญา, พฺยาปาทสญฺญา, วิหึสาสญฺญาฯ

    Three unskillful perceptions: sensuality, malice, and cruelty.

    ติโสฺส กุสลสญฺญา—เนกฺขมฺมสญฺญา, อพฺยาปาทสญฺญา, อวิหึสาสญฺญาฯ

    Three skillful perceptions: renunciation, good will, and harmlessness.

    ติโสฺส อกุสลธาตุโย—กามธาตุ, พฺยาปาทธาตุ, วิหึสาธาตุฯ

    Three unskillful elements: sensuality, malice, and cruelty.

    ติโสฺส กุสลธาตุโย—เนกฺขมฺมธาตุ, อพฺยาปาทธาตุ, อวิหึสาธาตุฯ

    Three skillful elements: renunciation, good will, and harmlessness.

    อปราปิ ติโสฺส ธาตุโย—กามธาตุ, รูปธาตุ, อรูปธาตุฯ

    Another three elements: sensuality, form, and formlessness.

    อปราปิ ติโสฺส ธาตุโย—รูปธาตุ, อรูปธาตุ, นิโรธธาตุฯ

    Another three elements: form, formlessness, and cessation.

    อปราปิ ติโสฺส ธาตุโย—หีนธาตุ, มชฺฌิมธาตุ, ปณีตธาตุฯ

    Another three elements: lower, middle, and higher.

    ติโสฺส ตณฺหา—กามตณฺหา, ภวตณฺหา, วิภวตณฺหาฯ

    Three cravings: for sensual pleasures, to continue existence, and to end existence.

    อปราปิ ติโสฺส ตณฺหา—กามตณฺหา, รูปตณฺหา, อรูปตณฺหาฯ

    Another three cravings: sensuality, form, and formlessness.

    อปราปิ ติโสฺส ตณฺหา—รูปตณฺหา, อรูปตณฺหา, นิโรธตณฺหาฯ

    Another three cravings: form, formlessness, and cessation.

    ตีณิ สํโยชนานิ—สกฺกายทิฏฺฐิ, วิจิกิจฺฉา, สีลพฺพตปรามาโสฯ

    Three fetters: identity view, doubt, and misapprehension of precepts and observances.

    ตโย อาสวา—กามาสโว, ภวาสโว, อวิชฺชาสโวฯ

    Three defilements: sensuality, desire for continued existence, and ignorance.

    ตโย ภวา—กามภโว, รูปภโว, อรูปภโวฯ

    Three realms of existence: sensual, form, and formless.

    ติโสฺส เอสนา—กาเมสนา, ภเวสนา, พฺรหฺมจริเยสนาฯ

    Three searches: for sensual pleasures, for continued existence, and for a spiritual path.

    ติโสฺส วิธา—เสโยฺยหมสฺมีติ วิธา, สทิโสหมสฺมีติ วิธา, หีโนหมสฺมีติ วิธาฯ

    Three kinds of discrimination: ‘I’m better’, ‘I’m equal’, and ‘I’m worse’.

    ตโย อทฺธา—อตีโต อทฺธา, อนาคโต อทฺธา, ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธาฯ

    Three periods: past, future, and present.

    ตโย อนฺตา—สกฺกาโย อนฺโต, สกฺกายสมุทโย อนฺโต, สกฺกายนิโรโธ อนฺโตฯ

    Three extremes: identity, the origin of identity, and the cessation of identity.

    ติโสฺส เวทนา—สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนาฯ

    Three feelings: pleasure, pain, and neutral.

    ติโสฺส ทุกฺขตา—ทุกฺขทุกฺขตา, สงฺขารทุกฺขตา, วิปริณามทุกฺขตาฯ

    Three forms of suffering: the suffering inherent in painful feeling, the suffering inherent in conditions, and the suffering inherent in perishing.

    ตโย ราสี—มิจฺฉตฺตนิยโต ราสิ, สมฺมตฺตนิยโต ราสิ, อนิยโต ราสิฯ

    Three heaps: the heap of surety in the wrong way, the heap of surety in the right way, and the heap of lack of surety.

    ตโย ตมา—อตีตํ วา อทฺธานํ อารพฺภ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ, อนาคตํ วา อทฺธานํ อารพฺภ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ, เอตรหิ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ อทฺธานํ อารพฺภ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติฯ

    Three darknesses: one is doubtful, uncertain, undecided, and lacking confidence about the past, future, and present.

    ตีณิ ตถาคตสฺส อรกฺเขยฺยานิ—ปริสุทฺธกายสมาจาโร อาวุโส ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริตํ, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย: ‘มา เม อิทํ ปโร อญฺญาสี'ติฯ ปริสุทฺธวจีสมาจาโร อาวุโส, ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส วจีทุจฺจริตํ, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย: ‘มา เม อิทํ ปโร อญฺญาสี'ติฯ ปริสุทฺธมโนสมาจาโร, อาวุโส, ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส มโนทุจฺจริตํ ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย: ‘มา เม อิทํ ปโร อญฺญาสี'ติฯ

    Three things a Realized One need not hide: The Realized One’s behavior by way of body, speech, and mind is pure. He has no misconduct in these three ways that need be hidden, thinking: ‘Don’t let others find this out about me!’

    ตโย กิญฺจนา—ราโค กิญฺจนํ, โทโส กิญฺจนํ, โมโห กิญฺจนํฯ

    Three possessions: greed, hate, and delusion.

    ตโย อคฺคี—ราคคฺคิ, โทสคฺคิ, โมหคฺคิฯ

    Three fires: greed, hate, and delusion.

    อปเรปิ ตโย อคฺคี—อาหุเนยฺยคฺคิ, คหปตคฺคิ, ทกฺขิเณยฺยคฺคิฯ

    Another three fires: a fire for those worthy of offerings dedicated to the gods, a fire for householders, and a fire for those worthy of a religious donation.

    ติวิเธน รูปสงฺคโห—สนิทสฺสนสปฺปฏิฆํ รูปํ, อนิทสฺสนสปฺปฏิฆํ รูปํ, อนิทสฺสนอปฺปฏิฆํ รูปํฯ

    Threefold classification of the physical: visible and resistant, invisible and resistant, and invisible and non-resistant.

    ตโย สงฺขารา—ปุญฺญาภิสงฺขาโร, อปุญฺญาภิสงฺขาโร, อาเนญฺชาภิสงฺขาโรฯ

    Three choices: good choices, bad choices, and imperturbable choices.

    ตโย ปุคฺคลา—เสกฺโข ปุคฺคโล, อเสกฺโข ปุคฺคโล, เนวเสกฺโข นาเสกฺโข ปุคฺคโลฯ

    Three individuals: a trainee, an adept, and one who is neither a trainee nor an adept.

    ตโย เถรา—ชาติเถโร, ธมฺมเถโร, สมฺมุติเถโรฯ

    Three seniors: a senior by birth, a senior in the teaching, and a senior by convention.

    ตีณิ ปุญฺญกิริยวตฺถูนิ—ทานมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ, สีลมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ, ภาวนามยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุฯ

    Three grounds for making merit: giving, ethical conduct, and meditation.

    ตีณิ โจทนาวตฺถูนิ—ทิฏฺเฐน, สุเตน, ปริสงฺกายฯ

    Three grounds for accusations: what is seen, heard, and suspected.

    ติโสฺส กามูปปตฺติโย—สนฺตาวุโส สตฺตา ปจฺจุปฏฺฐิตกามา, เต ปจฺจุปฏฺฐิเตสุ กาเมสุ วสํ วตฺเตนฺติ, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา เอกจฺเจ จ เทวา เอกจฺเจ จ วินิปาติกาฯ อยํ ปฐมา กามูปปตฺติฯ สนฺตาวุโส, สตฺตา นิมฺมิตกามา, เต นิมฺมินิตฺวา นิมฺมินิตฺวา กาเมสุ วสํ วตฺเตนฺติ, เสยฺยถาปิ เทวา นิมฺมานรตีฯ อยํ ทุติยา กามูปปตฺติฯ สนฺตาวุโส สตฺตา ปรนิมฺมิตกามา, เต ปรนิมฺมิเตสุ กาเมสุ วสํ วตฺเตนฺติ, เสยฺยถาปิ เทวา ปรนิมฺมิตวสวตฺตีฯ อยํ ตติยา กามูปปตฺติฯ

    Three kinds of sensual rebirth: There are sentient beings who desire what is present. They fall under the sway of presently arisen sensual pleasures. Namely, humans, some gods, and some beings in the underworld. This is the first kind of sensual rebirth. There are sentient beings who desire to create. Having repeatedly created, they fall under the sway of sensual pleasures. Namely, the Gods Who Love to Create. This is the second kind of sensual rebirth. There are sentient beings who desire what is created by others. They fall under the sway of sensual pleasures created by others. Namely, the Gods Who Control the Creations of Others. This is the third kind of sensual rebirth.

    ติโสฺส สุขูปปตฺติโย—สนฺตาวุโส สตฺตา อุปฺปาเทตฺวา อุปฺปาเทตฺวา สุขํ วิหรนฺติ, เสยฺยถาปิ เทวา พฺรหฺมกายิกาฯ อยํ ปฐมา สุขูปปตฺติฯ สนฺตาวุโส, สตฺตา สุเขน อภิสนฺนา ปริสนฺนา ปริปูรา ปริปฺผุฏาฯ เต กทาจิ กรหจิ อุทานํ อุทาเนนฺติ: ‘อโห สุขํ, อโห สุขนฺ'ติ, เสยฺยถาปิ เทวา อาภสฺสราฯ อยํ ทุติยา สุขูปปตฺติฯ สนฺตาวุโส, สตฺตา สุเขน อภิสนฺนา ปริสนฺนา ปริปูรา ปริปฺผุฏาฯ เต สนฺตํเยว ตุสิตา สุขํ ปฏิสํเวเทนฺติ, เสยฺยถาปิ เทวา สุภกิณฺหาฯ อยํ ตติยา สุขูปปตฺติฯ

    Three kinds of pleasant rebirth: There are sentient beings who, having repeatedly given rise to it, dwell in pleasure. Namely, the gods of Brahmā’s Host. This is the first pleasant rebirth. There are sentient beings who are drenched, steeped, filled, and soaked with pleasure. Every so often they feel inspired to exclaim: ‘Oh, what bliss! Oh, what bliss!’ Namely, the gods of streaming radiance. This is the second pleasant rebirth. There are sentient beings who are drenched, steeped, filled, and soaked with pleasure. Since they’re truly content, they experience pleasure. Namely, the gods replete with glory. This is the third pleasant rebirth.

    ติโสฺส ปญฺญา—เสกฺขา ปญฺญา, อเสกฺขา ปญฺญา, เนวเสกฺขานาเสกฺขา ปญฺญาฯ

    Three kinds of wisdom: the wisdom of a trainee, the wisdom of an adept, and the wisdom of one who is neither a trainee nor an adept.

    อปราปิ ติโสฺส ปญฺญา—จินฺตามยา ปญฺญา, สุตมยา ปญฺญา, ภาวนามยา ปญฺญาฯ

    Another three kinds of wisdom: wisdom produced by thought, learning, and meditation.

    ตีณาวุธานิ—สุตาวุธํ, ปวิเวกาวุธํ, ปญฺญาวุธํฯ

    Three weapons: learning, seclusion, and wisdom.

    ตีณินฺทฺริยานิ—อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยํ, อญฺญินฺทฺริยํ, อญฺญาตาวินฺทฺริยํฯ

    Three faculties: the faculty of understanding that one’s enlightenment is imminent, the faculty of enlightenment, and the faculty of one who is enlightened.

    ตีณิ จกฺขูนิ—มํสจกฺขุ, ทิพฺพจกฺขุ, ปญฺญาจกฺขุฯ

    Three eyes: the eye of the flesh, the eye of clairvoyance, and the eye of wisdom.

    ติโสฺส สิกฺขา—อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา, อธิปญฺญาสิกฺขาฯ

    Three trainings: in higher ethics, higher mind, and higher wisdom.

    ติโสฺส ภาวนา—กายภาวนา, จิตฺตภาวนา, ปญฺญาภาวนาฯ

    Three kinds of development: the development of physical endurance, the development of the mind, and the development of wisdom.

    ตีณิ อนุตฺตริยานิ—ทสฺสนานุตฺตริยํ, ปฏิปทานุตฺตริยํ, วิมุตฺตานุตฺตริยํฯ

    Three unsurpassable things: unsurpassable seeing, practice, and freedom.

    ตโย สมาธี—สวิตกฺกสวิจาโร สมาธิ, อวิตกฺกวิจารมตฺโต สมาธิ, อวิตกฺกอวิจาโร สมาธิฯ

    Three kinds of immersion: Immersion with placing the mind and keeping it connected. Immersion without placing the mind, but just keeping it connected. Immersion without placing the mind or keeping it connected.

    อปเรปิ ตโย สมาธี—สุญฺญโต สมาธิ, อนิมิตฺโต สมาธิ, อปฺปณิหิโต สมาธิฯ

    Another three kinds of immersion: emptiness, signless, and undirected.

    ตีณิ โสเจยฺยานิ—กายโสเจยฺยํ, วจีโสเจยฺยํ, มโนโสเจยฺยํฯ

    Three purities: purity of body, speech, and mind.

    ตีณิ โมเนยฺยานิ—กายโมเนยฺยํ, วจีโมเนยฺยํ, มโนโมเนยฺยํฯ

    Three kinds of sagacity: sagacity of body, speech, and mind.

    ตีณิ โกสลฺลานิ—อายโกสลฺลํ, อปายโกสลฺลํ, อุปายโกสลฺลํฯ

    Three skills: skill in progress, skill in regress, and skill in means.

    ตโย มทา—อาโรคฺยมโท, โยพฺพนมโท, ชีวิตมโทฯ

    Three vanities: the vanity of health, the vanity of youth, and the vanity of life.

    ตีณิ อาธิปเตยฺยานิ—อตฺตาธิปเตยฺยํ, โลกาธิปเตยฺยํ, ธมฺมาธิปเตยฺยํฯ

    Three ways of putting something in charge: putting oneself, the world, or the teaching in charge.

    ตีณิ กถาวตฺถูนิ—อตีตํ วา อทฺธานํ อารพฺภ กถํ กเถยฺย: ‘เอวํ อโหสิ อตีตมทฺธานนฺ'ติ; อนาคตํ วา อทฺธานํ อารพฺภ กถํ กเถยฺย: ‘เอวํ ภวิสฺสติ อนาคตมทฺธานนฺ'ติ; เอตรหิ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ อทฺธานํ อารพฺภ กถํ กเถยฺย: ‘เอวํ โหติ เอตรหิ ปจฺจุปฺปนฺนํ อทฺธานนฺ'ติฯ

    Three topics of discussion: You might discuss the past: ‘That is how it was in the past.’ You might discuss the future: ‘That is how it will be in the future.’ Or you might discuss the present: ‘This is how it is at present.’

    ติโสฺส วิชฺชา—ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติญาณํ วิชฺชา, สตฺตานํ จุตูปปาเตญาณํ วิชฺชา, อาสวานํ ขเยญาณํ วิชฺชาฯ

    Three knowledges: recollection of past lives, knowledge of the death and rebirth of sentient beings, and knowledge of the ending of defilements.

    ตโย วิหารา—ทิพฺโพ วิหาโร, พฺรหฺมา วิหาโร, อริโย วิหาโรฯ

    Three meditative abidings: the heavenly meditation, the divine meditation, and the noble meditation.

    ตีณิ ปาฏิหาริยานิ—อิทฺธิปาฏิหาริยํ, อาเทสนาปาฏิหาริยํ, อนุสาสนีปาฏิหาริยํฯ

    Three demonstrations: The demonstration of psychic power, the demonstration of revealing, and the demonstration of instruction.

    อิเม โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ตโย ธมฺมา สมฺมทกฺขาตาฯ ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ …เป… อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ

    These are the teachings grouped by three that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert.

    ๔ฯ จตุกฺก

    4. Fours

    อตฺถิ โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตฺตาโร ธมฺมา สมฺมทกฺขาตาฯ ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ, น วิวทิตพฺพํ …เป… อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ กตเม จตฺตาโร?

    There are teachings grouped by four that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert. What are the teachings grouped by four?

    จตฺตาโร สติปฏฺฐานาฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี …เป… จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี …เป… ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ

    Four kinds of mindfulness meditation: It’s when a bhikkhu meditates by observing an aspect of the body—keen, aware, and mindful, rid of covetousness and displeasure for the world. They meditate observing an aspect of feelings … mind … principles—keen, aware, and mindful, rid of covetousness and displeasure for the world.

    จตฺตาโร สมฺมปฺปธานาฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติฯ อุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติฯ อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติฯ อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ฐิติยา อสมฺโมสาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติฯ

    Four right efforts: A bhikkhu generates enthusiasm, tries, makes an effort, exerts the mind, and strives so that bad, unskillful qualities don’t arise. They generate enthusiasm, try, make an effort, exert the mind, and strive so that bad, unskillful qualities that have arisen are given up. They generate enthusiasm, try, make an effort, exert the mind, and strive so that skillful qualities arise. They generate enthusiasm, try, make an effort, exert the mind, and strive so that skillful qualities that have arisen remain, are not lost, but increase, mature, and are completed by development.

    จตฺตาโร อิทฺธิปาทาฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติฯ จิตฺตสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติฯ วีริยสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติฯ วีมํสาสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติฯ

    Four bases of psychic power: A bhikkhu develops the basis of psychic power that has immersion due to enthusiasm, and active effort. They develop the basis of psychic power that has immersion due to mental development, and active effort. They develop the basis of psychic power that has immersion due to energy, and active effort. They develop the basis of psychic power that has immersion due to inquiry, and active effort.

    จตฺตาริ ฌานานิฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน, สุขญฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ: ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี'ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา, อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ

    Four jhānas: A bhikkhu, quite secluded from sensual pleasures, secluded from unskillful qualities, enters and remains in the first jhāna, which has the rapture and bliss born of seclusion, while placing the mind and keeping it connected. As the placing of the mind and keeping it connected are stilled, they enter and remain in the second jhāna, which has the rapture and bliss born of immersion, with internal clarity and mind at one, without placing the mind and keeping it connected. And with the fading away of rapture, they enter and remain in the third jhāna, where they meditate with equanimity, mindful and aware, personally experiencing the bliss of which the noble ones declare, ‘Equanimous and mindful, one meditates in bliss.’ Giving up pleasure and pain, and ending former happiness and sadness, they enter and remain in the fourth jhāna, without pleasure or pain, with pure equanimity and mindfulness.

    จตโสฺส สมาธิภาวนาฯ อตฺถาวุโส, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา ทิฏฺฐธมฺมสุขวิหาราย สํวตฺตติฯ อตฺถาวุโส, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา ญาณทสฺสนปฏิลาภาย สํวตฺตติฯ อตฺถาวุโส สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา สติสมฺปชญฺญาย สํวตฺตติฯ อตฺถาวุโส สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา อาสวานํ ขยาย สํวตฺตติฯ

    Four ways of developing immersion further: There is a way of developing immersion further that leads to blissful meditation in the present life. There is a way of developing immersion further that leads to gaining knowledge and vision. There is a way of developing immersion further that leads to mindfulness and awareness. There is a way of developing immersion further that leads to the ending of defilements.

    กตมา จาวุโส, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา ทิฏฺฐธมฺมสุขวิหาราย สํวตฺตติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ … เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ, อาวุโส, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา ทิฏฺฐธมฺมสุขวิหาราย สํวตฺตติฯ

    And what is the way of developing immersion further that leads to blissful meditation in the present life? It’s when a bhikkhu, quite secluded from sensual pleasures, secluded from unskillful qualities, enters and remains in the first jhāna … second jhāna … fourth jhāna. This is the way of developing immersion further that leads to blissful meditation in the present life.

    กตมา จาวุโส, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา ญาณทสฺสนปฏิลาภาย สํวตฺตติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ อาโลกสญฺญํ มนสิ กโรติ, ทิวาสญฺญํ อธิฏฺฐาติ ยถา ทิวา ตถา รตฺตึ, ยถา รตฺตึ ตถา ทิวาฯ อิติ วิวเฏน เจตสา อปริโยนทฺเธน สปฺปภาสํ จิตฺตํ ภาเวติฯ อยํ, อาวุโส, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา ญาณทสฺสนปฏิลาภาย สํวตฺตติฯ

    And what is the way of developing immersion further that leads to gaining knowledge and vision? A bhikkhu focuses on the perception of light, concentrating on the perception of day regardless of whether it’s night or day. And so, with an open and unenveloped heart, they develop a mind that’s full of radiance. This is the way of developing immersion further that leads to gaining knowledge and vision.

    กตมา จาวุโส, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา สติสมฺปชญฺญาย สํวตฺตติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน วิทิตา เวทนา อุปฺปชฺชนฺติ, วิทิตา อุปฏฺฐหนฺติ, วิทิตา อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติฯ วิทิตา สญฺญา อุปฺปชฺชนฺติ, วิทิตา อุปฏฺฐหนฺติ, วิทิตา อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติฯ วิทิตา วิตกฺกา อุปฺปชฺชนฺติ, วิทิตา อุปฏฺฐหนฺติ, วิทิตา อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติฯ อยํ, อาวุโส, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา สติสมฺปชญฺญาย สํวตฺตติฯ

    And what is the way of developing immersion further that leads to mindfulness and awareness? A bhikkhu knows feelings as they arise, as they remain, and as they go away. They know perceptions as they arise, as they remain, and as they go away. They know thoughts as they arise, as they remain, and as they go away. This is the way of developing immersion further that leads to mindfulness and awareness.

    กตมา จาวุโส, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา อาสวานํ ขยาย สํวตฺตติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ อุทยพฺพยานุปสฺสี วิหรติฯ อิติ รูปํ, อิติ รูปสฺส สมุทโย, อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโมฯ อิติ เวทนา …เป… อิติ สญฺญา … อิติ สงฺขารา … อิติ วิญฺญาณํ, อิติ วิญฺญาณสฺส สมุทโย, อิติ วิญฺญาณสฺส อตฺถงฺคโมฯ อยํ, อาวุโส, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา อาสวานํ ขยาย สํวตฺตติฯ

    And what is the way of developing immersion further that leads to the ending of defilements? A bhikkhu meditates observing rise and fall in the five grasping aggregates. ‘Such is form, such is the origin of form, such is the ending of form. Such are feelings … perceptions … choices … consciousness, such is the origin of consciousness, such is the ending of consciousness.’ This is the way of developing immersion further that leads to the ending of defilements.

    จตโสฺส อปฺปมญฺญาฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติฯ ตถา ทุติยํฯ ตถา ตติยํฯ ตถา จตุตฺถํฯ อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติฯ กรุณาสหคเตน เจตสา …เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา …เป… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติฯ ตถา ทุติยํฯ ตถา ตติยํฯ ตถา จตุตฺถํฯ อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติฯ

    Four limitless states: A bhikkhu meditates spreading a heart full of love to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, they spread a heart full of love to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will. They meditate spreading a heart full of compassion … rejoicing … equanimity to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, they spread a heart full of equanimity to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will.

    จตฺตาโร อารุปฺปาฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส'ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณนฺ'ติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี'ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ

    Four formless states: A bhikkhu, going totally beyond perceptions of form, with the ending of perceptions of impingement, not focusing on perceptions of diversity, aware that ‘space is infinite’, enters and remains in the dimension of infinite space. Going totally beyond the dimension of infinite space, aware that ‘consciousness is infinite’, they enter and remain in the dimension of infinite consciousness. Going totally beyond the dimension of infinite consciousness, aware that ‘there is nothing at all’, they enter and remain in the dimension of nothingness. Going totally beyond the dimension of nothingness, they enter and remain in the dimension of neither perception nor non-perception.

    จตฺตาริ อปเสฺสนานิฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทติฯ

    Four supports: After appraisal, a bhikkhu uses some things, endures some things, avoids some things, and gets rid of some things.

    จตฺตาโร อริยวํสาฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโฐ โหติ อิตรีตเรน จีวเรน, อิตรีตรจีวรสนฺตุฏฺฐิยา จ วณฺณวาที, น จ จีวรเหตุ อเนสนํ อปฺปติรูปํ อาปชฺชติ; อลทฺธา จ จีวรํ น ปริตสฺสติ, ลทฺธา จ จีวรํ อคธิโต อมุจฺฉิโต อนชฺฌาปนฺโน อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปญฺโญ ปริภุญฺชติ; ตาย จ ปน อิตรีตรจีวรสนฺตุฏฺฐิยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ น ปรํ วมฺเภติฯ โย หิ ตตฺถ ทกฺโข อนลโส สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต, อยํ วุจฺจตาวุโส: ‘ภิกฺขุ โปราเณ อคฺคญฺเญ อริยวํเส ฐิโต'ฯ

    Four noble traditions: A bhikkhu is content with any kind of robe, and praises such contentment. They don’t try to get hold of a robe in an improper way. They don’t get upset if they don’t get a robe. And if they do get a robe, they use it untied, uninfatuated, unattached, seeing the drawback, and understanding the escape. And on account of that they don’t glorify themselves or put others down. A bhikkhu who is deft, tireless, aware, and mindful in this is said to stand in the ancient, primordial noble tradition.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโฐ โหติ อิตรีตเรน ปิณฺฑปาเตน, อิตรีตรปิณฺฑปาตสนฺตุฏฺฐิยา จ วณฺณวาที, น จ ปิณฺฑปาตเหตุ อเนสนํ อปฺปติรูปํ อาปชฺชติ; อลทฺธา จ ปิณฺฑปาตํ น ปริตสฺสติ, ลทฺธา จ ปิณฺฑปาตํ อคธิโต อมุจฺฉิโต อนชฺฌาปนฺโน อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปญฺโญ ปริภุญฺชติ; ตาย จ ปน อิตรีตรปิณฺฑปาตสนฺตุฏฺฐิยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ น ปรํ วมฺเภติฯ โย หิ ตตฺถ ทกฺโข อนลโส สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต, อยํ วุจฺจตาวุโส: ‘ภิกฺขุ โปราเณ อคฺคญฺเญ อริยวํเส ฐิโต'ฯ

    Furthermore, a bhikkhu is content with any kind of almsfood …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโฐ โหติ อิตรีตเรน เสนาสเนน, อิตรีตรเสนาสนสนฺตุฏฺฐิยา จ วณฺณวาที, น จ เสนาสนเหตุ อเนสนํ อปฺปติรูปํ อาปชฺชติ; อลทฺธา จ เสนาสนํ น ปริตสฺสติ, ลทฺธา จ เสนาสนํ อคธิโต อมุจฺฉิโต อนชฺฌาปนฺโน อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปญฺโญ ปริภุญฺชติ; ตาย จ ปน อิตรีตรเสนาสนสนฺตุฏฺฐิยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ น ปรํ วมฺเภติฯ โย หิ ตตฺถ ทกฺโข อนลโส สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต, อยํ วุจฺจตาวุโส: ‘ภิกฺขุ โปราเณ อคฺคญฺเญ อริยวํเส ฐิโต'ฯ

    Furthermore, a bhikkhu is content with any kind of lodgings …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปหานาราโม โหติ ปหานรโต, ภาวนาราโม โหติ ภาวนารโต; ตาย จ ปน ปหานารามตาย ปหานรติยา ภาวนารามตาย ภาวนารติยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ น ปรํ วมฺเภติฯ โย หิ ตตฺถ ทกฺโข อนลโส สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต อยํ วุจฺจตาวุโส: ‘ภิกฺขุ โปราเณ อคฺคญฺเญ อริยวํเส ฐิโต'ฯ

    Furthermore, a bhikkhu enjoys giving up and loves to give up. They enjoy meditation and love to meditate. But they don’t glorify themselves or put down others on account of their love for giving up and meditation. A bhikkhu who is deft, tireless, aware, and mindful in this is said to stand in the ancient, primordial noble tradition.

    จตฺตาริ ปธานานิฯ สํวรปธานํ ปหานปธานํ ภาวนาปธานํ อนุรกฺขณาปธานํฯ กตมญฺจาวุโส, สํวรปธานํ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยญฺชนคฺคาหีฯ ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา … ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา … ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา … กาเยน โผฏฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา … มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยญฺชนคฺคาหีฯ ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติฯ อิทํ วุจฺจตาวุโส, สํวรปธานํฯ

    Four efforts: The efforts to restrain, to give up, to develop, and to preserve. And what is the effort to restrain? When a bhikkhu sees a sight with their eyes, they don’t get caught up in the features and details. If the faculty of sight were left unrestrained, bad unskillful qualities of covetousness and displeasure would become overwhelming. For this reason, they practice restraint, protecting the faculty of sight, and achieving its restraint. When they hear a sound with their ears … When they smell an odor with their nose … When they taste a flavor with their tongue … When they feel a touch with their body … When they know a thought with their mind, they don’t get caught up in the features and details. If the faculty of mind were left unrestrained, bad unskillful qualities of covetousness and displeasure would become overwhelming. For this reason, they practice restraint, protecting the faculty of mind, and achieving its restraint. This is called the effort to restrain.

    กตมญฺจาวุโส, ปหานปธานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตึ กโรติ อนภาวํ คเมติ; อุปฺปนฺนํ พฺยาปาทวิตกฺกํ …เป… อุปฺปนฺนํ วิหึสาวิตกฺกํ …เป… อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน ปาปเก อกุสเล ธมฺเม นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตึ กโรติ อนภาวํ คเมติฯ อิทํ วุจฺจตาวุโส, ปหานปธานํฯ

    And what is the effort to give up? It’s when a bhikkhu doesn’t tolerate a sensual, malicious, or cruel thought that’s arisen, but gives it up, gets rid of it, eliminates it, and obliterates it. They don’t tolerate any bad, unskillful qualities that have arisen, but give them up, get rid of them, eliminate them, and obliterate them. This is called the effort to give up.

    กตมญฺจาวุโส, ภาวนาปธานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามึ, ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ … วีริยสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ … ปีติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ … ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ … สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ … อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามึฯ อิทํ วุจฺจตาวุโส, ภาวนาปธานํฯ

    And what is the effort to develop? It’s when a bhikkhu develops the awakening factors of mindfulness, investigation of principles, energy, rapture, tranquility, immersion, and equanimity, which rely on seclusion, fading away, and cessation, and ripen as letting go. This is called the effort to develop.

    กตมญฺจาวุโส, อนุรกฺขณาปธานํ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ อุปฺปนฺนํ ภทฺรกํ สมาธินิมิตฺตํ อนุรกฺขติ—อฏฺฐิกสญฺญํ, ปุฬุวกสญฺญํ, วินีลกสญฺญํ, วิจฺฉิทฺทกสญฺญํ, อุทฺธุมาตกสญฺญํฯ อิทํ วุจฺจตาวุโส, อนุรกฺขณาปธานํฯ

    And what is the effort to preserve? It’s when a bhikkhu preserves a meditation subject that’s a fine foundation of immersion: the perception of a skeleton, a worm-infested corpse, a livid corpse, a split open corpse, or a bloated corpse. This is called the effort to preserve.

    จตฺตาริ ญาณานิ—ธมฺเม ญาณํ, อนฺวเย ญาณํ, ปริเย ญาณํ, สมฺมุติยา ญาณํฯ

    Four knowledges: knowledge of the present phenomena, inferential knowledge, knowledge of others’ minds, and conventional knowledge.

    อปรานิปิ จตฺตาริ ญาณานิ—ทุกฺเข ญาณํ, ทุกฺขสมุทเย ญาณํ, ทุกฺขนิโรเธ ญาณํ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย ญาณํฯ

    Another four knowledges: knowing about suffering, the origin of suffering, the cessation of suffering, and the practice that leads to the cessation of suffering.

    จตฺตาริ โสตาปตฺติยงฺคานิ—สปฺปุริสสํเสโว, สทฺธมฺมสฺสวนํ, โยนิโสมนสิกาโร, ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺติฯ

    Four factors of stream-entry: associating with good people, listening to the true teaching, rational application of mind, and practicing in line with the teaching.

    จตฺตาริ โสตาปนฺนสฺส องฺคานิฯ อิธาวุโส, อริยสาวโก พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ: ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ, ภควา'ติฯ ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ: ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหี'ติฯ สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ: ‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ญายปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ สามีจิปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺฐ ปุริสปุคฺคลา, เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนโยฺย ปาหุเนโยฺย ทกฺขิเณโยฺย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺสา'ติฯ อริยกนฺเตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต โหติ อขณฺเฑหิ อจฺฉิทฺเทหิ อสพเลหิ อกมฺมาเสหิ ภุชิเสฺสหิ วิญฺญุปฺปสตฺเถหิ อปรามฏฺเฐหิ สมาธิสํวตฺตนิเกหิฯ

    Four factors of a stream-enterer: A noble disciple has experiential confidence in the Buddha: ‘That Blessed One is perfected, a fully awakened Buddha, accomplished in knowledge and conduct, holy, knower of the world, supreme guide for those who wish to train, teacher of gods and humans, awakened, blessed.’ They have experiential confidence in the teaching: ‘The teaching is well explained by the Buddha—apparent in the present life, immediately effective, inviting inspection, relevant, so that sensible people can know it for themselves.’ They have experiential confidence in the Saṅgha: ‘The Saṅgha of the Buddha’s disciples is practicing the way that’s good, direct, systematic, and proper. It consists of the four pairs, the eight individuals. This is the Saṅgha of the Buddha’s disciples that is worthy of offerings dedicated to the gods, worthy of hospitality, worthy of a religious donation, worthy of greeting with joined palms, and is the supreme field of merit for the world.’ And a noble disciple’s ethical conduct is loved by the noble ones, unbroken, impeccable, spotless, and unmarred, liberating, praised by sensible people, not mistaken, and leading to immersion.

    จตฺตาริ สามญฺญผลานิ—โสตาปตฺติผลํ, สกทาคามิผลํ, อนาคามิผลํ, อรหตฺตผลํฯ

    Four fruits of the ascetic life: stream-entry, once-return, non-return, and perfection.

    จตโสฺส ธาตุโย—ปถวีธาตุ, อาโปธาตุ, เตโชธาตุ, วาโยธาตุฯ

    Four elements: earth, water, fire, and air.

    จตฺตาโร อาหารา—กพฬีกาโร อาหาโร โอฬาริโก วา สุขุโม วา, ผโสฺส ทุติโย, มโนสญฺเจตนา ตติยา, วิญฺญาณํ จตุตฺถํฯ

    Four foods: solid food, whether coarse or fine; contact is the second, mental intention the third, and consciousness the fourth.

    จตโสฺส วิญฺญาณฏฺฐิติโยฯ รูปูปายํ วา, อาวุโส, วิญฺญาณํ ติฏฺฐมานํ ติฏฺฐติ รูปารมฺมณํ รูปปฺปติฏฺฐํ นนฺทูปเสจนํ วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชติ; เวทนูปายํ วา อาวุโส … สญฺญูปายํ วา, อาวุโส …เป… สงฺขารูปายํ วา, อาวุโส, วิญฺญาณํ ติฏฺฐมานํ ติฏฺฐติ สงฺขารารมฺมณํ สงฺขารปฺปติฏฺฐํ นนฺทูปเสจนํ วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชติฯ

    Four bases for consciousness to remain: As long as consciousness remains, it remains involved with form, supported by form, founded on form. And with a sprinkle of relishing, it grows, increases, and matures. Or consciousness remains involved with feeling … Or consciousness remains involved with perception … Or as long as consciousness remains, it remains involved with choices, supported by choices, grounded on choices. And with a sprinkle of relishing, it grows, increases, and matures.

    จตฺตาริ อคติคมนานิ—ฉนฺทาคตึ คจฺฉติ, โทสาคตึ คจฺฉติ, โมหาคตึ คจฺฉติ, ภยาคตึ คจฺฉติฯ

    Four prejudices: making decisions prejudiced by favoritism, hostility, stupidity, and cowardice.

    จตฺตาโร ตณฺหุปฺปาทา—จีวรเหตุ วา, อาวุโส, ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ; ปิณฺฑปาตเหตุ วา, อาวุโส, ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ; เสนาสนเหตุ วา, อาวุโส, ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ; อิติภวาภวเหตุ วา, อาวุโส, ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติฯ

    Four things that give rise to craving: Craving arises in a bhikkhu for the sake of robes, almsfood, lodgings, or rebirth in this or that state.

    จตโสฺส ปฏิปทา—ทุกฺขา ปฏิปทา ทนฺธาภิญฺญา, ทุกฺขา ปฏิปทา ขิปฺปาภิญฺญา, สุขา ปฏิปทา ทนฺธาภิญฺญา, สุขา ปฏิปทา ขิปฺปาภิญฺญาฯ

    Four ways of practice: painful practice with slow insight, painful practice with swift insight, pleasant practice with slow insight, and pleasant practice with swift insight.

    อปราปิ จตโสฺส ปฏิปทา—อกฺขมา ปฏิปทา, ขมา ปฏิปทา, ทมา ปฏิปทา, สมา ปฏิปทาฯ

    Another four ways of practice: impatient practice, patient practice, taming practice, and calming practice.

    จตฺตาริ ธมฺมปทานิ—อนภิชฺฌา ธมฺมปทํ, อพฺยาปาโท ธมฺมปทํ, สมฺมาสติ ธมฺมปทํ, สมฺมาสมาธิ ธมฺมปทํฯ

    Four footprints of the Dhamma: contentment, good will, right mindfulness, and right immersion.

    จตฺตาริ ธมฺมสมาทานานิ—อตฺถาวุโส, ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขญฺเจว อายติญฺจ ทุกฺขวิปากํฯ อตฺถาวุโส, ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขํ อายตึ สุขวิปากํฯ อตฺถาวุโส, ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขํ อายตึ ทุกฺขวิปากํฯ อตฺถาวุโส, ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขญฺเจว อายติญฺจ สุขวิปากํฯ

    Four ways of taking up practices: There is a way of taking up practices that is painful now and results in future pain. There is a way of taking up practices that is painful now but results in future pleasure. There is a way of taking up practices that is pleasant now but results in future pain. There is a way of taking up practices that is pleasant now and results in future pleasure.

    จตฺตาโร ธมฺมกฺขนฺธา—สีลกฺขนฺโธ, สมาธิกฺขนฺโธ, ปญฺญากฺขนฺโธ, วิมุตฺติกฺขนฺโธฯ

    Four spectrums of the teaching: ethics, immersion, wisdom, and freedom.

    จตฺตาริ พลานิ—วีริยพลํ, สติพลํ, สมาธิพลํ, ปญฺญาพลํฯ

    Four powers: energy, mindfulness, immersion, and wisdom.

    จตฺตาริ อธิฏฺฐานานิ—ปญฺญาธิฏฺฐานํ, สจฺจาธิฏฺฐานํ, จาคาธิฏฺฐานํ, อุปสมาธิฏฺฐานํฯ

    Four foundations: the foundations of wisdom, truth, generosity, and peace.

    จตฺตาริ ปญฺหพฺยากรณานิ—เอกํสพฺยากรณีโย ปโญฺห, ปฏิปุจฺฉาพฺยากรณีโย ปโญฺห, วิภชฺชพฺยากรณีโย ปโญฺห, ฐปนีโย ปโญฺหฯ

    Four ways of answering questions: There is a question that should be answered definitively. There is a question that should be answered analytically. There is a question that should be answered with a counter-question. There is a question that should be set aside.

    จตฺตาริ กมฺมานิ—อตฺถาวุโส, กมฺมํ กณฺหํ กณฺหวิปากํฯ อตฺถาวุโส, กมฺมํ สุกฺกํ สุกฺกวิปากํฯ อตฺถาวุโส, กมฺมํ กณฺหสุกฺกํ กณฺหสุกฺกวิปากํฯ อตฺถาวุโส, กมฺมํ อกณฺหอสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ กมฺมกฺขยาย สํวตฺตติฯ

    Four deeds: There are deeds that are dark with dark result. There are deeds that are bright with bright result. There are deeds that are dark and bright with dark and bright result. There are neither dark nor bright deeds with neither dark nor bright results, which lead to the ending of deeds.

    จตฺตาโร สจฺฉิกรณียา ธมฺมา—ปุพฺเพนิวาโส สติยา สจฺฉิกรณีโย; สตฺตานํ จุตูปปาโต จกฺขุนา สจฺฉิกรณีโย; อฏฺฐ วิโมกฺขา กาเยน สจฺฉิกรณียา; อาสวานํ ขโย ปญฺญาย สจฺฉิกรณีโยฯ

    Four things to be realized: Past lives are to be realized with recollection. The passing away and rebirth of sentient beings is to be realized with vision. The eight liberations are to be realized with direct meditative experience. The ending of defilements is to be realized with wisdom.

    จตฺตาโร โอฆา—กาโมโฆ, ภโวโฆ, ทิฏฺโฐโฆ, อวิชฺโชโฆฯ

    Four floods: the floods of sensuality, desire for rebirth, views, and ignorance.

    จตฺตาโร โยคา—กามโยโค, ภวโยโค, ทิฏฺฐิโยโค, อวิชฺชาโยโคฯ

    Four yokes: the yokes of sensuality, desire for rebirth, views, and ignorance.

    จตฺตาโร วิสญฺโญคา—กามโยควิสญฺโญโค, ภวโยควิสญฺโญโค, ทิฏฺฐิโยควิสญฺโญโค, อวิชฺชาโยควิสญฺโญโคฯ

    Four unyokings: unyoking from the yokes of sensuality, desire for rebirth, views, and ignorance.

    จตฺตาโร คนฺถา—อภิชฺฌา กายคนฺโถ, พฺยาปาโท กายคนฺโถ, สีลพฺพตปรามาโส กายคนฺโถ, อิทํสจฺจาภินิเวโส กายคนฺโถฯ

    Four ties: the personal ties to covetousness, ill will, misapprehension of precepts and observances, and the insistence that this is the only truth.

    จตฺตาริ อุปาทานานิ—กามุปาทานํ, ทิฏฺฐุปาทานํ, สีลพฺพตุปาทานํ, อตฺตวาทุปาทานํฯ

    Four kinds of grasping: grasping at sensual pleasures, views, precepts and observances, and theories of a self.

    จตโสฺส โยนิโย—อณฺฑชโยนิ, ชลาพุชโยนิ, สํเสทชโยนิ, โอปปาติกโยนิฯ

    Four kinds of reproduction: reproduction for creatures born from an egg, from a womb, from moisture, or spontaneously.

    จตโสฺส คพฺภาวกฺกนฺติโยฯ อิธาวุโส, เอกจฺโจ อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมติ, อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิสฺมึ ฐาติ, อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, อยํ ปฐมา คพฺภาวกฺกนฺติฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, อิเธกจฺโจ สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมติ, อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิสฺมึ ฐาติ, อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, อยํ ทุติยา คพฺภาวกฺกนฺติฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, อิเธกจฺโจ สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมติ, สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิสฺมึ ฐาติ, อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, อยํ ตติยา คพฺภาวกฺกนฺติฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, อิเธกจฺโจ สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมติ, สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิสฺมึ ฐาติ, สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, อยํ จตุตฺถา คพฺภาวกฺกนฺติฯ

    Four kinds of conception: Someone is unaware when conceived in their mother’s womb, unaware as they remain there, and unaware as they emerge. This is the first kind of conception. Furthermore, someone is aware when conceived in their mother’s womb, but unaware as they remain there, and unaware as they emerge. This is the second kind of conception. Furthermore, someone is aware when conceived in their mother’s womb, aware as they remain there, but unaware as they emerge. This is the third kind of conception. Furthermore, someone is aware when conceived in their mother’s womb, aware as they remain there, and aware as they emerge. This is the fourth kind of conception.

    จตฺตาโร อตฺตภาวปฏิลาภาฯ อตฺถาวุโส, อตฺตภาวปฏิลาโภ, ยสฺมึ อตฺตภาวปฏิลาเภ อตฺตสญฺเจตนาเยว กมติ, โน ปรสญฺเจตนาฯ อตฺถาวุโส, อตฺตภาวปฏิลาโภ, ยสฺมึ อตฺตภาวปฏิลาเภ ปรสญฺเจตนาเยว กมติ, โน อตฺตสญฺเจตนาฯ อตฺถาวุโส, อตฺตภาวปฏิลาโภ, ยสฺมึ อตฺตภาวปฏิลาเภ อตฺตสญฺเจตนา เจว กมติ ปรสญฺเจตนา จฯ อตฺถาวุโส, อตฺตภาวปฏิลาโภ, ยสฺมึ อตฺตภาวปฏิลาเภ เนว อตฺตสญฺเจตนา กมติ, โน ปรสญฺเจตนาฯ

    Four kinds of reincarnation: There is a reincarnation where only one’s own intention is effective, not that of others. There is a reincarnation where only the intention of others is effective, not one’s own. There is a reincarnation where both one’s own and others’ intentions are effective. There is a reincarnation where neither one’s own nor others’ intentions are effective.

    จตโสฺส ทกฺขิณาวิสุทฺธิโยฯ อตฺถาวุโส, ทกฺขิณา ทายกโต วิสุชฺฌติ โน ปฏิคฺคาหกโตฯ อตฺถาวุโส, ทกฺขิณา ปฏิคฺคาหกโต วิสุชฺฌติ โน ทายกโตฯ อตฺถาวุโส, ทกฺขิณา เนว ทายกโต วิสุชฺฌติ โน ปฏิคฺคาหกโตฯ อตฺถาวุโส, ทกฺขิณา ทายกโต เจว วิสุชฺฌติ ปฏิคฺคาหกโต จฯ

    Four ways of purifying a religious donation: There’s a religious donation that’s purified by the giver, not the recipient. There’s a religious donation that’s purified by the recipient, not the giver. There’s a religious donation that’s purified by neither the giver nor the recipient. There’s a religious donation that’s purified by both the giver and the recipient.

    จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ—ทานํ, เปยฺยวชฺชํ, อตฺถจริยา, สมานตฺตตาฯ

    Four ways of being inclusive: giving, kindly words, taking care, and equality.

    จตฺตาโร อนริยโวหารา—มุสาวาโท, ปิสุณาวาจา, ผรุสาวาจา, สมฺผปฺปลาโปฯ

    Four ignoble expressions: speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical.

    จตฺตาโร อริยโวหารา—มุสาวาทา เวรมณี, ปิสุณาย วาจาย เวรมณี, ผรุสาย วาจาย เวรมณี, สมฺผปฺปลาปา เวรมณีฯ

    Four noble expressions: refraining from speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical.

    อปเรปิ จตฺตาโร อนริยโวหารา—อทิฏฺเฐ ทิฏฺฐวาทิตา, อสฺสุเต สุตวาทิตา, อมุเต มุตวาทิตา, อวิญฺญาเต วิญฺญาตวาทิตาฯ

    Another four ignoble expressions: saying you’ve seen, heard, thought, or known something, but you haven’t.

    อปเรปิ จตฺตาโร อริยโวหารา—อทิฏฺเฐ อทิฏฺฐวาทิตา, อสฺสุเต อสฺสุตวาทิตา, อมุเต อมุตวาทิตา, อวิญฺญาเต อวิญฺญาตวาทิตาฯ

    Another four noble expressions: saying you haven’t seen, heard, thought, or known something, and you haven’t.

    อปเรปิ จตฺตาโร อนริยโวหารา—ทิฏฺเฐ อทิฏฺฐวาทิตา, สุเต อสฺสุตวาทิตา, มุเต อมุตวาทิตา, วิญฺญาเต อวิญฺญาตวาทิตาฯ

    Another four ignoble expressions: saying you haven’t seen, heard, thought, or known something, and you have.

    อปเรปิ จตฺตาโร อริยโวหารา—ทิฏฺเฐ ทิฏฺฐวาทิตา, สุเต สุตวาทิตา, มุเต มุตวาทิตา, วิญฺญาเต วิญฺญาตวาทิตาฯ

    Another four noble expressions: saying you’ve seen, heard, thought, or known something, and you have.

    จตฺตาโร ปุคฺคลาฯ อิธาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป โหติ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโตฯ อิธาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ปรนฺตโป โหติ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโตฯ อิธาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ โหติ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโตฯ อิธาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล เนว อตฺตนฺตโป โหติ น อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโตฯ โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเฐว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติฯ

    Four persons: One person mortifies themselves, committed to the practice of mortifying themselves. One person mortifies others, committed to the practice of mortifying others. One person mortifies themselves and others, committed to the practice of mortifying themselves and others. One person doesn’t mortify either themselves or others, committed to the practice of not mortifying themselves or others. They live without wishes in the present life, extinguished, cooled, experiencing bliss, with self become divine.

    อปเรปิ จตฺตาโร ปุคฺคลาฯ อิธาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ โน ปรหิตายฯ อิธาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ปรหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ โน อตฺตหิตายฯ อิธาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล เนว อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ โน ปรหิตายฯ อิธาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตหิตาย เจว ปฏิปนฺโน โหติ ปรหิตาย จฯ

    Another four persons: One person practices to benefit themselves, but not others. One person practices to benefit others, but not themselves. One person practices to benefit neither themselves nor others. One person practices to benefit both themselves and others.

    อปเรปิ จตฺตาโร ปุคฺคลา—ตโม ตมปรายโน, ตโม โชติปรายโน, โชติ ตมปรายโน, โชติ โชติปรายโนฯ

    Another four persons: the dark bound for darkness, the dark bound for light, the light bound for darkness, and the light bound for light.

    อปเรปิ จตฺตาโร ปุคฺคลา—สมณมจโล, สมณปทุโม, สมณปุณฺฑรีโก, สมเณสุ สมณสุขุมาโลฯ

    Another four persons: the confirmed ascetic, the white lotus ascetic, the pink lotus ascetic, and the exquisite ascetic of ascetics.

    อิเม โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตฺตาโร ธมฺมา สมฺมทกฺขาตา; ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ …เป… อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ

    These are the teachings grouped by four that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert.

    ปฐมภาณวาโร นิฏฺฐิโตฯ

    The first recitation section is finished.

    ๕ฯ ปญฺจก

    5. Fives

    อตฺถิ โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปญฺจ ธมฺมา สมฺมทกฺขาตาฯ ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ …เป… อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ กตเม ปญฺจ?

    There are teachings grouped by five that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert. What are the teachings grouped by five?

    ปญฺจกฺขนฺธาฯ รูปกฺขนฺโธ เวทนากฺขนฺโธ สญฺญากฺขนฺโธ สงฺขารกฺขนฺโธ วิญฺญาณกฺขนฺโธฯ

    Five aggregates: form, feeling, perception, choices, and consciousness.

    ปญฺจุปาทานกฺขนฺธาฯ รูปุปาทานกฺขนฺโธ เวทนุปาทานกฺขนฺโธ สญฺญุปาทานกฺขนฺโธ สงฺขารุปาทานกฺขนฺโธ วิญฺญาณุปาทานกฺขนฺโธฯ

    Five grasping aggregates: form, feeling, perception, choices, and consciousness.

    ปญฺจ กามคุณาฯ จกฺขุวิญฺเญยฺยา รูปา อิฏฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสญฺหิตา รชนียา, โสตวิญฺเญยฺยา สทฺทา … ฆานวิญฺเญยฺยา คนฺธา … ชิวฺหาวิญฺเญยฺยา รสา … กายวิญฺเญยฺยา โผฏฺฐพฺพา อิฏฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสญฺหิตา รชนียาฯ

    Five kinds of sensual stimulation: Sights known by the eye that are likable, desirable, agreeable, pleasant, sensual, and arousing. Sounds known by the ear … Smells known by the nose … Tastes known by the tongue … Touches known by the body that are likable, desirable, agreeable, pleasant, sensual, and arousing.

    ปญฺจ คติโย—นิรโย, ติรจฺฉานโยนิ, เปตฺติวิสโย, มนุสฺสา, เทวาฯ

    Five destinations: hell, the animal realm, the ghost realm, humanity, and the gods.

    ปญฺจ มจฺฉริยานิ—อาวาสมจฺฉริยํ, กุลมจฺฉริยํ, ลาภมจฺฉริยํ, วณฺณมจฺฉริยํ, ธมฺมมจฺฉริยํฯ

    Five kinds of stinginess: stinginess with dwellings, families, material possessions, praise, and the teachings.

    ปญฺจ นีวรณานิ—กามจฺฉนฺทนีวรณํ, พฺยาปาทนีวรณํ, ถินมิทฺธนีวรณํ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนีวรณํ, วิจิกิจฺฉานีวรณํฯ

    Five hindrances: sensual desire, ill will, dullness and drowsiness, restlessness and remorse, and doubt.

    ปญฺจ โอรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ—สกฺกายทิฏฺฐิ, วิจิกิจฺฉา, สีลพฺพตปรามาโส, กามจฺฉนฺโท, พฺยาปาโทฯ

    Five lower fetters: identity view, doubt, misapprehension of precepts and observances, sensual desire, and ill will.

    ปญฺจ อุทฺธมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ—รูปราโค, อรูปราโค, มาโน, อุทฺธจฺจํ, อวิชฺชาฯ

    Five higher fetters: desire for rebirth in the realm of luminous form, desire for rebirth in the formless realm, conceit, restlessness, and ignorance.

    ปญฺจ สิกฺขาปทานิ—ปาณาติปาตา เวรมณี, อทินฺนาทานา เวรมณี, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี, มุสาวาทา เวรมณี, สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฏฺฐานา เวรมณีฯ

    Five precepts: refraining from killing living creatures, stealing, sexual misconduct, lying, and drinking alcohol, which is a basis for negligence.

    ปญฺจ อภพฺพฏฺฐานานิฯ อภพฺโพ, อาวุโส, ขีณาสโว ภิกฺขุ สญฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปตุํฯ อภพฺโพ ขีณาสโว ภิกฺขุ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยิตุํฯ อภพฺโพ ขีณาสโว ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตุํฯ อภพฺโพ ขีณาสโว ภิกฺขุ สมฺปชานมุสา ภาสิตุํฯ อภพฺโพ ขีณาสโว ภิกฺขุ สนฺนิธิการกํ กาเม ปริภุญฺชิตุํ, เสยฺยถาปิ ปุพฺเพ อาคาริกภูโตฯ

    Five things that can’t be done: A bhikkhu with defilements ended can’t deliberately take the life of a living creature, take something with the intention to steal, have sex, tell a deliberate lie, or store up goods for their own enjoyment like they used to as a lay person.

    ปญฺจ พฺยสนานิ—ญาติพฺยสนํ, โภคพฺยสนํ, โรคพฺยสนํ, สีลพฺยสนํ, ทิฏฺฐิพฺยสนํฯ นาวุโส, สตฺตา ญาติพฺยสนเหตุ วา โภคพฺยสนเหตุ วา โรคพฺยสนเหตุ วา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติฯ สีลพฺยสนเหตุ วา, อาวุโส, สตฺตา ทิฏฺฐิพฺยสนเหตุ วา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติฯ

    Five losses: loss of relatives, wealth, health, ethics, and view. It is not because of loss of relatives, wealth, or health that sentient beings, when their body breaks up, after death, are reborn in a place of loss, a bad place, the underworld, hell. It is because of loss of ethics or view that sentient beings, when their body breaks up, after death, are reborn in a place of loss, a bad place, the underworld, hell.

    ปญฺจ สมฺปทา—ญาติสมฺปทา, โภคสมฺปทา, อาโรคฺยสมฺปทา, สีลสมฺปทา, ทิฏฺฐิสมฺปทาฯ นาวุโส, สตฺตา ญาติสมฺปทาเหตุ วา โภคสมฺปทาเหตุ วา อาโรคฺยสมฺปทาเหตุ วา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติฯ สีลสมฺปทาเหตุ วา, อาวุโส, สตฺตา ทิฏฺฐิสมฺปทาเหตุ วา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติฯ

    Five endowments: endowment with relatives, wealth, health, ethics, and view. It is not because of endowment with family, wealth, or health that sentient beings, when their body breaks up, after death, are reborn in a good place, a heavenly realm. It is because of endowment with ethics or view that sentient beings, when their body breaks up, after death, are reborn in a good place, a heavenly realm.

    ปญฺจ อาทีนวา ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ อิธาวุโส, ทุสฺสีโล สีลวิปนฺโน ปมาทาธิกรณํ มหตึ โภคชานึ นิคจฺฉติ, อยํ ปฐโม อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, ทุสฺสีลสฺส สีลวิปนฺนสฺส ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, อยํ ทุติโย อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, ทุสฺสีโล สีลวิปนฺโน ยญฺญเทว ปริสํ อุปสงฺกมติ ยทิ ขตฺติยปริสํ ยทิ พฺราหฺมณปริสํ ยทิ คหปติปริสํ ยทิ สมณปริสํ, อวิสารโท อุปสงฺกมติ มงฺกุภูโต, อยํ ตติโย อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, ทุสฺสีโล สีลวิปนฺโน สมฺมูโฬฺห กาลํ กโรติ, อยํ จตุตฺโถ อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, ทุสฺสีโล สีลวิปนฺโน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ, อยํ ปญฺจโม อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ

    Five drawbacks for an unethical person because of their failure in ethics: Firstly, an unethical person loses substantial wealth on account of negligence. This is the first drawback. Furthermore, an unethical person gets a bad reputation. This is the second drawback. Furthermore, an unethical person enters any kind of assembly timid and embarrassed, whether it’s an assembly of aristocrats, brahmins, householders, or ascetics. This is the third drawback. Furthermore, an unethical person feels lost when they die. This is the fourth drawback. Furthermore, an unethical person, when their body breaks up, after death, is reborn in a place of loss, a bad place, the underworld, hell. This is the fifth drawback.

    ปญฺจ อานิสํสา สีลวโต สีลสมฺปทายฯ อิธาวุโส, สีลวา สีลสมฺปนฺโน อปฺปมาทาธิกรณํ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อธิคจฺฉติ, อยํ ปฐโม อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทายฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, สีลวโต สีลสมฺปนฺนสฺส กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, อยํ ทุติโย อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทายฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, สีลวา สีลสมฺปนฺโน ยญฺญเทว ปริสํ อุปสงฺกมติ ยทิ ขตฺติยปริสํ ยทิ พฺราหฺมณปริสํ ยทิ คหปติปริสํ ยทิ สมณปริสํ, วิสารโท อุปสงฺกมติ อมงฺกุภูโต, อยํ ตติโย อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทายฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, สีลวา สีลสมฺปนฺโน อสมฺมูโฬฺห กาลํ กโรติ, อยํ จตุตฺโถ อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทายฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, สีลวา สีลสมฺปนฺโน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ, อยํ ปญฺจโม อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทายฯ

    Five benefits for an ethical person because of their accomplishment in ethics: Firstly, an ethical person gains substantial wealth on account of diligence. This is the first benefit. Furthermore, an ethical person gets a good reputation. This is the second benefit. Furthermore, an ethical person enters any kind of assembly bold and self-assured, whether it’s an assembly of aristocrats, brahmins, householders, or ascetics. This is the third benefit. Furthermore, an ethical person dies not feeling lost. This is the fourth benefit. Furthermore, when an ethical person’s body breaks up, after death, they’re reborn in a good place, a heavenly realm. This is the fifth benefit.

    โจทเกน, อาวุโส, ภิกฺขุนา ปรํ โจเทตุกาเมน ปญฺจ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺฐเปตฺวา ปโร โจเทตพฺโพฯ กาเลน วกฺขามิ โน อกาเลน, ภูเตน วกฺขามิ โน อภูเตน, สเณฺหน วกฺขามิ โน ผรุเสน, อตฺถสํหิเตน วกฺขามิ โน อนตฺถสํหิเตน, เมตฺตจิตฺเตน วกฺขามิ โน โทสนฺตเรนาติฯ โจทเกน, อาวุโส, ภิกฺขุนา ปรํ โจเทตุกาเมน อิเม ปญฺจ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺฐเปตฺวา ปโร โจเทตพฺโพฯ

    A bhikkhu who wants to accuse another should first establish five things in themselves: I will speak at the right time, not at the wrong time. I will speak truthfully, not falsely. I will speak gently, not harshly. I will speak beneficially, not harmfully. I will speak lovingly, not from secret hate. A bhikkhu who wants to accuse another should first establish these five things in themselves.

    ปญฺจ ปธานิยงฺคานิฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ: ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต, โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา'ติฯ อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก, สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมายฯ อสโฐ โหติ อมายาวี, ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกตฺตา สตฺถริ วา วิญฺญูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุฯ อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ ปญฺญวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปญฺญาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมาทุกฺขกฺขยคามินิยาฯ

    Five factors that support meditation: A bhikkhu has faith in the Realized One’s awakening: ‘That Blessed One is perfected, a fully awakened Buddha, accomplished in knowledge and conduct, holy, knower of the world, supreme guide for those who wish to train, teacher of gods and humans, awakened, blessed.’ They are rarely ill or unwell. Their stomach digests well, being neither too hot nor too cold, but just right, and fit for meditation. They’re not devious or deceitful. They reveal themselves honestly to the Teacher or sensible spiritual companions. They live with energy roused up for giving up unskillful qualities and embracing skillful qualities. They’re strong, staunchly vigorous, not slacking off when it comes to developing skillful qualities. They’re wise. They have the wisdom of arising and passing away which is noble, penetrative, and leads to the complete ending of suffering.

    ปญฺจ สุทฺธาวาสา—อวิหา, อตปฺปา, สุทสฺสา, สุทสฺสี, อกนิฏฺฐาฯ

    Five pure abodes: Aviha, Atappa, the Gods Fair to See, the Fair Seeing Gods, and Akaniṭṭha.

    ปญฺจ อนาคามิโน—อนฺตราปรินิพฺพายี, อุปหจฺจปรินิพฺพายี, อสงฺขารปรินิพฺพายี, สสงฺขารปรินิพฺพายี, อุทฺธํโสโตอกนิฏฺฐคามีฯ

    Five non-returners: one who is extinguished between one life and the next, one who is extinguished upon landing, one who is extinguished without extra effort, one who is extinguished with extra effort, and one who heads upstream, going to the Akaniṭṭha realm.

    ปญฺจ เจโตขิลาฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติฯ โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, อยํ ปฐโม เจโตขิโลฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ธมฺเม กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ …เป… สงฺเฆ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ … สิกฺขาย กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ … สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหติ อนตฺตมโน อาหตจิตฺโต ขิลชาโตฯ โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหติ อนตฺตมโน อาหตจิตฺโต ขิลชาโต, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, อยํ ปญฺจโม เจโตขิโลฯ

    Five kinds of emotional barrenness: Firstly, a bhikkhu has doubts about the Teacher. They’re uncertain, undecided, and lacking confidence. This being so, their mind doesn’t incline toward keenness, commitment, persistence, and striving. This is the first kind of emotional barrenness. Furthermore, a bhikkhu has doubts about the teaching … the Saṅgha … the training … A bhikkhu is angry and upset with their spiritual companions, resentful and closed off. This being so, their mind doesn’t incline toward keenness, commitment, persistence, and striving. This is the fifth kind of emotional barrenness.

    ปญฺจ เจตโสวินิพนฺธาฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ กาเมสุ อวีตราโค โหติ อวิคตจฺฉนฺโท อวิคตเปโม อวิคตปิปาโส อวิคตปริฬาโห อวิคตตโณฺหฯ โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ กาเมสุ อวีตราโค โหติ อวิคตจฺฉนฺโท อวิคตเปโม อวิคตปิปาโส อวิคตปริฬาโห อวิคตตโณฺห, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานายฯ ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานายฯ อยํ ปฐโม เจตโส วินิพนฺโธฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ กาเย อวีตราโค โหติ …เป… รูเป อวีตราโค โหติ …เป… ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภุญฺชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ …เป… ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อญฺญตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรติ: ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวญฺญตโร วา'ติฯ โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ อญฺญตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรติ: ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวญฺญตโร วา'ติ, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานายฯ ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานายฯ อยํ ปญฺจโม เจตโส วินิพนฺโธฯ

    Five emotional shackles: Firstly, a bhikkhu isn’t free of greed, desire, fondness, thirst, passion, and craving for sensual pleasures. This being so, their mind doesn’t incline toward keenness, commitment, persistence, and striving. This is the first emotional shackle. Furthermore, a bhikkhu isn’t free of greed for the body … They’re not free of greed for form … They eat as much as they like until their bellies are full, then indulge in the pleasures of sleeping, lying down, and drowsing … They lead the spiritual life hoping to be reborn in one of the orders of gods, thinking: ‘By this precept or observance or fervent austerity or spiritual life, may I become one of the gods!’ This being so, their mind doesn’t incline toward keenness, commitment, persistence, and striving. This is the fifth emotional shackle.

    ปญฺจินฺทฺริยานิ—จกฺขุนฺทฺริยํ, โสตินฺทฺริยํ, ฆานินฺทฺริยํ, ชิวฺหินฺทฺริยํ, กายินฺทฺริยํฯ

    Five faculties: eye, ear, nose, tongue, and body.

    อปรานิปิ ปญฺจินฺทฺริยานิ—สุขินฺทฺริยํ, ทุกฺขินฺทฺริยํ, โสมนสฺสินฺทฺริยํ, โทมนสฺสินฺทฺริยํ, อุเปกฺขินฺทฺริยํฯ

    Another five faculties: pleasure, pain, happiness, sadness, and equanimity.

    อปรานิปิ ปญฺจินฺทฺริยานิ—สทฺธินฺทฺริยํ, วีริยินฺทฺริยํ, สตินฺทฺริยํ, สมาธินฺทฺริยํ, ปญฺญินฺทฺริยํฯ

    Another five faculties: faith, energy, mindfulness, immersion, and wisdom.

    ปญฺจ นิสฺสรณิยา ธาตุโยฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุโน กาเม มนสิกโรโต กาเมสุ จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น ปสีทติ น สนฺติฏฺฐติ น วิมุจฺจติฯ เนกฺขมฺมํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต เนกฺขมฺเม จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺฐติ วิมุจฺจติฯ ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฏฺฐิตํ สุวิมุตฺตํ วิสํยุตฺตํ กาเมหิฯ เย จ กามปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตา ปริฬาหา, มุตฺโต โส เตหิ, น โส ตํ เวทนํ เวเทติฯ อิทมกฺขาตํ กามานํ นิสฺสรณํฯ

    Five elements of escape: Take a case where a bhikkhu focuses on sensual pleasures, but their mind isn’t eager, confident, settled, and decided about them. But when they focus on renunciation, their mind is eager, confident, settled, and decided about it. Their mind is in a good state, well developed, well risen, well freed, and well detached from sensual pleasures. They’re freed from the distressing and feverish defilements that arise because of sensual pleasures, so they don’t experience that kind of feeling. This is how the escape from sensual pleasures is explained.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน พฺยาปาทํ มนสิกโรโต พฺยาปาเท จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น ปสีทติ น สนฺติฏฺฐติ น วิมุจฺจติฯ อพฺยาปาทํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต อพฺยาปาเท จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺฐติ วิมุจฺจติฯ ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฏฺฐิตํ สุวิมุตฺตํ วิสํยุตฺตํ พฺยาปาเทนฯ เย จ พฺยาปาทปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตา ปริฬาหา, มุตฺโต โส เตหิ, น โส ตํ เวทนํ เวเทติฯ อิทมกฺขาตํ พฺยาปาทสฺส นิสฺสรณํฯ

    Take another case where a bhikkhu focuses on ill will, but their mind isn’t eager … But when they focus on good will, their mind is eager … Their mind is in a good state … well detached from ill will. They’re freed from the distressing and feverish defilements that arise because of ill will, so they don’t experience that kind of feeling. This is how the escape from ill will is explained.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน วิเหสํ มนสิกโรโต วิเหสาย จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น ปสีทติ น สนฺติฏฺฐติ น วิมุจฺจติฯ อวิเหสํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต อวิเหสาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺฐติ วิมุจฺจติฯ ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฏฺฐิตํ สุวิมุตฺตํ วิสํยุตฺตํ วิเหสายฯ เย จ วิเหสาปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตา ปริฬาหา, มุตฺโต โส เตหิ, น โส ตํ เวทนํ เวเทติฯ อิทมกฺขาตํ วิเหสาย นิสฺสรณํฯ

    Take another case where a bhikkhu focuses on harming, but their mind isn’t eager … But when they focus on compassion, their mind is eager … Their mind is in a good state … well detached from harming. They’re freed from the distressing and feverish defilements that arise because of harming, so they don’t experience that kind of feeling. This is how the escape from harming is explained.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน รูเป มนสิกโรโต รูเปสุ จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น ปสีทติ น สนฺติฏฺฐติ น วิมุจฺจติฯ อรูปํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต อรูเป จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺฐติ วิมุจฺจติฯ ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฏฺฐิตํ สุวิมุตฺตํ วิสํยุตฺตํ รูเปหิฯ เย จ รูปปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตา ปริฬาหา, มุตฺโต โส เตหิ, น โส ตํ เวทนํ เวเทติฯ อิทมกฺขาตํ รูปานํ นิสฺสรณํฯ

    Take another case where a bhikkhu focuses on form, but their mind isn’t eager … But when they focus on the formless, their mind is eager … Their mind is in a good state … well detached from forms. They’re freed from the distressing and feverish defilements that arise because of form, so they don’t experience that kind of feeling. This is how the escape from forms is explained.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน สกฺกายํ มนสิกโรโต สกฺกาเย จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น ปสีทติ น สนฺติฏฺฐติ น วิมุจฺจติฯ สกฺกายนิโรธํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต สกฺกายนิโรเธ จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺฐติ วิมุจฺจติฯ ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฏฺฐิตํ สุวิมุตฺตํ วิสํยุตฺตํ สกฺกาเยนฯ เย จ สกฺกายปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตา ปริฬาหา, มุตฺโต โส เตหิ, น โส ตํ เวทนํ เวเทติฯ อิทมกฺขาตํ สกฺกายสฺส นิสฺสรณํฯ

    Take a case where a bhikkhu focuses on identity, but their mind isn’t eager, confident, settled, and decided about it. But when they focus on the ending of identity, their mind is eager, confident, settled, and decided about it. Their mind is in a good state, well developed, well risen, well freed, and well detached from identity. They’re freed from the distressing and feverish defilements that arise because of identity, so they don’t experience that kind of feeling. This is how the escape from identity is explained.

    ปญฺจ วิมุตฺตายตนานิฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุโน สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ อญฺญตโร วา ครุฏฺฐานิโย สพฺรหฺมจารีฯ ยถา ยถา, อาวุโส, ภิกฺขุโน สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ อญฺญตโร วา ครุฏฺฐานิโย สพฺรหฺมจารี ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม อตฺถปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฏิสํเวที จฯ ตสฺส อตฺถปฏิสํเวทิโน ธมฺมปฏิสํเวทิโน ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อิทํ ปฐมํ วิมุตฺตายตนํฯ

    Five opportunities for freedom: Firstly, the Teacher or a respected spiritual companion teaches Dhamma to a bhikkhu. That bhikkhu feels inspired by the meaning and the teaching in that Dhamma, no matter how the Teacher or a respected spiritual companion teaches it. Feeling inspired, joy springs up. Being joyful, rapture springs up. When the mind is full of rapture, the body becomes tranquil. When the body is tranquil, one feels bliss. And when blissful, the mind becomes immersed. This is the first opportunity for freedom.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน น เหว โข สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ อญฺญตโร วา ครุฏฺฐานิโย สพฺรหฺมจารี, อปิ จ โข ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ …เป… อปิ จ โข ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรติ …เป… อปิ จ โข ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ มนสานุเปกฺขติ …เป… อปิ จ ขฺวสฺส อญฺญตรํ สมาธินิมิตฺตํ สุคฺคหิตํ โหติ สุมนสิกตํ สูปธาริตํ สุปฺปฏิวิทฺธํ ปญฺญายฯ ยถา ยถา, อาวุโส, ภิกฺขุโน อญฺญตรํ สมาธินิมิตฺตํ สุคฺคหิตํ โหติ สุมนสิกตํ สูปธาริตํ สุปฺปฏิวิทฺธํ ปญฺญาย ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม อตฺถปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฏิสํเวที จฯ ตสฺส อตฺถปฏิสํเวทิโน ธมฺมปฏิสํเวทิโน ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อิทํ ปญฺจมํ วิมุตฺตายตนํฯ

    Furthermore, it may be that neither the Teacher nor a respected spiritual companion teaches Dhamma to a bhikkhu. But the bhikkhu teaches Dhamma in detail to others as they learned and memorized it. … Or the bhikkhu recites the teaching in detail as they learned and memorized it. … Or the bhikkhu thinks about and considers the teaching in their heart, examining it with the mind as they learned and memorized it. … Or a meditation subject as a foundation of immersion is properly grasped, focused on, borne in mind, and comprehended with wisdom. That bhikkhu feels inspired by the meaning and the teaching in that Dhamma, no matter how a meditation subject as a foundation of immersion is properly grasped, focused on, borne in mind, and comprehended with wisdom. Feeling inspired, joy springs up. Being joyful, rapture springs up. When the mind is full of rapture, the body becomes tranquil. When the body is tranquil, one feels bliss. And when blissful, the mind becomes immersed. This is the fifth opportunity for freedom.

    ปญฺจ วิมุตฺติปริปาจนียา สญฺญา—อนิจฺจสญฺญา, อนิจฺเจ ทุกฺขสญฺญา, ทุกฺเข อนตฺตสญฺญา, ปหานสญฺญา, วิราคสญฺญาฯ

    Five perceptions that ripen in freedom: the perception of impermanence, the perception of suffering in impermanence, the perception of not-self in suffering, the perception of giving up, and the perception of fading away.

    อิเม โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปญฺจ ธมฺมา สมฺมทกฺขาตา; ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ …เป… อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ

    These are the teachings grouped by five that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert.

    ๖ฯ ฉกฺก

    6. Sixes

    อตฺถิ โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ฉ ธมฺมา สมฺมทกฺขาตา; ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ …เป… อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ กตเม ฉ?

    There are teachings grouped by six that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert. What are the teachings grouped by six?

    ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ—จกฺขายตนํ, โสตายตนํ, ฆานายตนํ, ชิวฺหายตนํ, กายายตนํ, มนายตนํฯ

    Six interior sense fields: eye, ear, nose, tongue, body, and mind.

    ฉ พาหิรานิ อายตนานิ—รูปายตนํ, สทฺทายตนํ, คนฺธายตนํ, รสายตนํ, โผฏฺฐพฺพายตนํ, ธมฺมายตนํฯ

    Six exterior sense fields: sights, sounds, smells, tastes, touches, and thoughts.

    ฉ วิญฺญาณกายา—จกฺขุวิญฺญาณํ, โสตวิญฺญาณํ, ฆานวิญฺญาณํ, ชิวฺหาวิญฺญาณํ, กายวิญฺญาณํ, มโนวิญฺญาณํฯ

    Six classes of consciousness: eye, ear, nose, tongue, body, and mind consciousness.

    ฉ ผสฺสกายา—จกฺขุสมฺผโสฺส, โสตสมฺผโสฺส, ฆานสมฺผโสฺส, ชิวฺหาสมฺผโสฺส, กายสมฺผโสฺส, มโนสมฺผโสฺสฯ

    Six classes of contact: contact through the eye, ear, nose, tongue, body, and mind.

    ฉ เวทนากายา—จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา, โสตสมฺผสฺสชา เวทนา, ฆานสมฺผสฺสชา เวทนา, ชิวฺหาสมฺผสฺสชา เวทนา, กายสมฺผสฺสชา เวทนา, มโนสมฺผสฺสชา เวทนาฯ

    Six classes of feeling: feeling born of contact through the eye, ear, nose, tongue, body, and mind.

    ฉ สญฺญากายา—รูปสญฺญา, สทฺทสญฺญา, คนฺธสญฺญา, รสสญฺญา, โผฏฺฐพฺพสญฺญา, ธมฺมสญฺญาฯ

    Six classes of perception: perceptions of sights, sounds, smells, tastes, touches, and thoughts.

    ฉ สญฺเจตนากายา—รูปสญฺเจตนา, สทฺทสญฺเจตนา, คนฺธสญฺเจตนา, รสสญฺเจตนา, โผฏฺฐพฺพสญฺเจตนา, ธมฺมสญฺเจตนาฯ

    Six bodies of intention: intention regarding sights, sounds, smells, tastes, touches, and thoughts.

    ฉ ตณฺหากายา—รูปตณฺหา, สทฺทตณฺหา, คนฺธตณฺหา, รสตณฺหา, โผฏฺฐพฺพตณฺหา, ธมฺมตณฺหาฯ

    Six classes of craving: craving for sights, sounds, smells, tastes, touches, and thoughts.

    ฉ อคารวาฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ สตฺถริ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส; ธมฺเม อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส; สงฺเฆ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส; สิกฺขาย อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส; อปฺปมาเท อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส; ปฏิสนฺถาเร อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺสฯ

    Six kinds of disrespect: A bhikkhu lacks respect and reverence for the Teacher, the teaching, and the Saṅgha, the training, diligence, and hospitality.

    ฉ คารวาฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ สตฺถริ สคารโว วิหรติ สปฺปติโสฺส; ธมฺเม สคารโว วิหรติ สปฺปติโสฺส; สงฺเฆ สคารโว วิหรติ สปฺปติโสฺส; สิกฺขาย สคารโว วิหรติ สปฺปติโสฺส; อปฺปมาเท สคารโว วิหรติ สปฺปติโสฺส; ปฏิสนฺถาเร สคารโว วิหรติ สปฺปติโสฺสฯ

    Six kinds of respect: A bhikkhu has respect and reverence for the Teacher, the teaching, and the Saṅgha, the training, diligence, and hospitality.

    ฉ โสมนสฺสูปวิจาราฯ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา โสมนสฺสฏฺฐานิยํ รูปํ อุปวิจรติ; โสเตน สทฺทํ สุตฺวา … ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา … ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา …

    Six preoccupations with happiness: Seeing a sight with the eye, one is preoccupied with a sight that’s a basis for happiness. Hearing a sound with the ear … Smelling an odor with the nose … Tasting a flavor with the tongue …

    กาเยน โผฏฺฐพฺพํ ผุสิตฺวาฯ มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย โสมนสฺสฏฺฐานิยํ ธมฺมํ อุปวิจรติฯ

    Feeling a touch with the body … Knowing a thought with the mind, one is preoccupied with a thought that’s a basis for happiness.

    ฉ โทมนสฺสูปวิจาราฯ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา โทมนสฺสฏฺฐานิยํ รูปํ อุปวิจรติ …เป… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย โทมนสฺสฏฺฐานิยํ ธมฺมํ อุปวิจรติฯ

    Six preoccupations with sadness: Seeing a sight with the eye, one is preoccupied with a sight that’s a basis for sadness. … Knowing a thought with the mind, one is preoccupied with a thought that’s a basis for sadness.

    ฉ อุเปกฺขูปวิจาราฯ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุเปกฺขาฏฺฐานิยํ รูปํ อุปวิจรติ …เป… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย อุเปกฺขาฏฺฐานิยํ ธมฺมํ อุปวิจรติฯ

    Six preoccupations with equanimity: Seeing a sight with the eye, one is preoccupied with a sight that’s a basis for equanimity. … Knowing a thought with the mind, one is preoccupied with a thought that’s a basis for equanimity.

    ฉ สารณียา ธมฺมาฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุโน เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จฯ อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ

    Six warm-hearted qualities: Firstly, a bhikkhu consistently treats their spiritual companions with bodily kindness, both in public and in private. This warm-hearted quality makes for fondness and respect, conducing to inclusion, harmony, and unity, without quarreling.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน เมตฺตํ วจีกมฺมํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จฯ อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย …เป… เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ

    Furthermore, a bhikkhu consistently treats their spiritual companions with verbal kindness, both in public and in private. This too is a warm-hearted quality.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จฯ อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย …เป… เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ

    Furthermore, a bhikkhu consistently treats their spiritual companions with mental kindness, both in public and in private. This too is a warm-hearted quality.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ เย เต ลาภา ธมฺมิกา ธมฺมลทฺธา อนฺตมโส ปตฺตปริยาปนฺนมตฺตมฺปิ, ตถารูเปหิ ลาเภหิ อปฺปฏิวิภตฺตโภคี โหติ สีลวนฺเตหิ สพฺรหฺมจารีหิ สาธารณโภคีฯ อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย …เป… เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ

    Furthermore, a bhikkhu shares without reservation any material possessions they have gained by legitimate means, even the food placed in the alms-bowl, using them in common with their ethical spiritual companions. This too is a warm-hearted quality.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิญฺญุปฺปสตฺถานิ อปรามฏฺฐานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ, ตถารูเปสุ สีเลสุ สีลสามญฺญคโต วิหรติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จฯ อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย …เป… เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ

    Furthermore, a bhikkhu lives according to the precepts shared with their spiritual companions, both in public and in private. Those precepts are unbroken, impeccable, spotless, and unmarred, liberating, praised by sensible people, not mistaken, and leading to immersion. This too is a warm-hearted quality.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ยายํ ทิฏฺฐิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฏฺฐิยา ทิฏฺฐิสามญฺญคโต วิหรติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จฯ อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ

    They live according to the view shared with their spiritual companions, both in public and in private. That view is noble and emancipating, and brings one who practices it to the complete ending of suffering. This warm-hearted quality too makes for fondness and respect, conducing to inclusion, harmony, and unity, without quarreling.

    ฉ วิวาทมูลานิฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ อุปนาหีฯ โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ อุปนาหี, โส สตฺถริปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, ธมฺเมปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สงฺเฆปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สิกฺขายปิ น ปริปูรการี โหติฯ โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ สตฺถริ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, ธมฺเม อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สงฺเฆ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สิกฺขาย น ปริปูรการี, โส สงฺเฆ วิวาทํ ชเนติฯ โย โหติ วิวาโท พหุชนาหิตาย พหุชนาสุขาย อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํฯ เอวรูปญฺเจ ตุเมฺห, อาวุโส, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา สมนุปเสฺสยฺยาถฯ ตตฺร ตุเมฺห, อาวุโส, ตเสฺสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานาย วายเมยฺยาถฯ เอวรูปญฺเจ ตุเมฺห, อาวุโส, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา น สมนุปเสฺสยฺยาถฯ ตตฺร ตุเมฺห, อาวุโส, ตเสฺสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายตึ อนวสฺสวาย ปฏิปชฺเชยฺยาถฯ เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานํ โหติฯ เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายตึ อนวสฺสโว โหติฯ

    Six roots of arguments: Firstly, a bhikkhu is irritable and hostile. Such a bhikkhu lacks respect and reverence for the Teacher, the teaching, and the Saṅgha, and they don’t fulfill the training. They create a dispute in the Saṅgha, which is for the hurt and unhappiness of the people, for the harm, hurt, and suffering of gods and humans. If you see such a root of arguments in yourselves or others, you should try to give up this bad thing. If you don’t see it, you should practice so that it doesn’t come up in the future. That’s how to give up this bad root of arguments, so it doesn’t come up in the future.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ มกฺขี โหติ ปฬาสี …เป… อิสฺสุกี โหติ มจฺฉรี …เป… สโฐ โหติ มายาวี … ปาปิจฺโฉ โหติ มิจฺฉาทิฏฺฐี … สนฺทิฏฺฐิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี …เป… โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ สนฺทิฏฺฐิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี, โส สตฺถริปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, ธมฺเมปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สงฺเฆปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สิกฺขายปิ น ปริปูรการี โหติฯ โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ สตฺถริ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, ธมฺเม อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สงฺเฆ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สิกฺขาย น ปริปูรการี, โส สงฺเฆ วิวาทํ ชเนติฯ โย โหติ วิวาโท พหุชนาหิตาย พหุชนาสุขาย อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํฯ เอวรูปญฺเจ ตุเมฺห, อาวุโส, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา สมนุปเสฺสยฺยาถฯ ตตฺร ตุเมฺห, อาวุโส, ตเสฺสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานาย วายเมยฺยาถฯ เอวรูปญฺเจ ตุเมฺห, อาวุโส, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา น สมนุปเสฺสยฺยาถฯ ตตฺร ตุเมฺห, อาวุโส, ตเสฺสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายตึ อนวสฺสวาย ปฏิปชฺเชยฺยาถฯ เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานํ โหติฯ เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายตึ อนวสฺสโว โหติฯ

    Furthermore, a bhikkhu is offensive and contemptuous … They’re jealous and stingy … They’re devious and deceitful … They have corrupt wishes and wrong view … They’re attached to their own views, holding them tight, and refusing to let go. If you see such a root of arguments in yourselves or others, you should try to give up this bad thing. If you don’t see it, you should practice so that it doesn’t come up in the future. That’s how to give up this bad root of arguments, so it doesn’t come up in the future.

    ฉ ธาตุโย—ปถวีธาตุ, อาโปธาตุ, เตโชธาตุ, วาโยธาตุ, อากาสธาตุ, วิญฺญาณธาตุฯ

    Six elements: earth, water, fire, air, space, and consciousness.

    ฉ นิสฺสรณิยา ธาตุโยฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย: ‘เมตฺตา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, อถ จ ปน เม พฺยาปาโท จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐตี'ติฯ โส ‘มา เหวนฺ'ติสฺส วจนีโย, ‘มายสฺมา เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺยฯ อฏฺฐานเมตํ, อาวุโส, อนวกาโส, ยํ เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺฐิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธายฯ อถ จ ปนสฺส พฺยาปาโท จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, พฺยาปาทสฺส, ยทิทํ เมตฺตา เจโตวิมุตฺตี'ติฯ

    Six elements of escape: Take a bhikkhu who says: ‘I’ve developed the heart’s release by love. I’ve cultivated it, made it my vehicle and my basis, kept it up, consolidated it, and properly implemented it. Yet somehow ill will still occupies my mind.’ They should be told, ‘Not so, venerable! Don’t say that. Don’t misrepresent the Buddha, for misrepresentation of the Buddha is not good. And the Buddha would not say that. It’s impossible, friend, it cannot happen that the heart’s release by love has been developed and properly implemented, yet somehow ill will still occupies the mind. For it is the heart’s release by love that is the escape from ill will.’

    อิธ ปนาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย: ‘กรุณา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธาฯ อถ จ ปน เม วิเหสา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐตี'ติ, โส ‘มา เหวนฺ'ติสฺส วจนีโย ‘มายสฺมา เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺยฯ อฏฺฐานเมตํ, อาวุโส, อนวกาโส, ยํ กรุณาย เจโตวิมุตฺติยา ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺฐิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธาย, อถ จ ปนสฺส วิเหสา จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, วิเหสาย, ยทิทํ กรุณา เจโตวิมุตฺตี'ติฯ

    Take another bhikkhu who says: ‘I’ve developed the heart’s release by compassion. I’ve cultivated it, made it my vehicle and my basis, kept it up, consolidated it, and properly implemented it. Yet somehow the thought of harming still occupies my mind.’ They should be told, ‘Not so, venerable! … For it is the heart’s release by compassion that is the escape from thoughts of harming.’

    อิธ ปนาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย: ‘มุทิตา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธาฯ อถ จ ปน เม อรติ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐตี'ติ, โส ‘มา เหวนฺ'ติสฺส วจนีโย ‘มายสฺมา เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺยฯ อฏฺฐานเมตํ, อาวุโส, อนวกาโส, ยํ มุทิตาย เจโตวิมุตฺติยา ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺฐิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธาย, อถ จ ปนสฺส อรติ จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, อรติยา, ยทิทํ มุทิตา เจโตวิมุตฺตี'ติฯ

    Take another bhikkhu who says: ‘I’ve developed the heart’s release by rejoicing. I’ve cultivated it, made it my vehicle and my basis, kept it up, consolidated it, and properly implemented it. Yet somehow discontent still occupies my mind.’ They should be told, ‘Not so, venerable! … For it is the heart’s release by rejoicing that is the escape from discontent.’

    อิธ ปนาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย: ‘อุเปกฺขา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธาฯ อถ จ ปน เม ราโค จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐตี'ติฯ โส ‘มา เหวนฺ'ติสฺส วจนีโย ‘มายสฺมา เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺยฯ อฏฺฐานเมตํ, อาวุโส, อนวกาโส, ยํ อุเปกฺขาย เจโตวิมุตฺติยา ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺฐิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธาย, อถ จ ปนสฺส ราโค จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, ราคสฺส, ยทิทํ อุเปกฺขา เจโตวิมุตฺตี'ติฯ

    Take another bhikkhu who says: ‘I’ve developed the heart’s release by equanimity. I’ve cultivated it, made it my vehicle and my basis, kept it up, consolidated it, and properly implemented it. Yet somehow desire still occupies my mind.’ They should be told, ‘Not so, venerable! … For it is the heart’s release by equanimity that is the escape from desire.’

    อิธ ปนาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย: ‘อนิมิตฺตา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธาฯ อถ จ ปน เม นิมิตฺตานุสาริ วิญฺญาณํ โหตี'ติฯ โส ‘มา เหวนฺ'ติสฺส วจนีโย ‘มายสฺมา เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺยฯ อฏฺฐานเมตํ, อาวุโส, อนวกาโส, ยํ อนิมิตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺฐิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธาย, อถ จ ปนสฺส นิมิตฺตานุสาริ วิญฺญาณํ ภวิสฺสติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, สพฺพนิมิตฺตานํ, ยทิทํ อนิมิตฺตา เจโตวิมุตฺตี'ติฯ

    Take another bhikkhu who says: ‘I’ve developed the signless release of the heart. I’ve cultivated it, made it my vehicle and my basis, kept it up, consolidated it, and properly implemented it. Yet somehow my consciousness still follows after signs.’ They should be told, ‘Not so, venerable! … For it is the signless release of the heart that is the escape from all signs.’

    อิธ ปนาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย: ‘อสฺมีติ โข เม วิคตํ, อยมหมสฺมีติ น สมนุปสฺสามิ, อถ จ ปน เม วิจิกิจฺฉากถงฺกถาสลฺลํ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐตี'ติฯ โส ‘มา เหวนฺ'ติสฺส วจนีโย ‘มายสฺมา เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺยฯ อฏฺฐานเมตํ, อาวุโส, อนวกาโส, ยํ อสฺมีติ วิคเต อยมหมสฺมีติ อสมนุปสฺสโต, อถ จ ปนสฺส วิจิกิจฺฉากถงฺกถาสลฺลํ จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, วิจิกิจฺฉากถงฺกถาสลฺลสฺส, ยทิทํ อสฺมิมานสมุคฺฆาโต'ติฯ

    Take another bhikkhu who says: ‘I’m rid of the conceit “I am”. And I don’t regard anything as “I am this”. Yet somehow the dart of doubt and indecision still occupies my mind.’ They should be told, ‘Not so, venerable! Don’t say that. Don’t misrepresent the Buddha, for misrepresentation of the Buddha is not good. And the Buddha would not say that. It’s impossible, friend, it cannot happen that the conceit “I am” has been done away with, and nothing is regarded as “I am this”, yet somehow the dart of doubt and indecision still occupy the mind. For it is the uprooting of the conceit “I am” that is the escape from the dart of doubt and indecision.’

    ฉ อนุตฺตริยานิ—ทสฺสนานุตฺตริยํ, สวนานุตฺตริยํ, ลาภานุตฺตริยํ, สิกฺขานุตฺตริยํ, ปาริจริยานุตฺตริยํ, อนุสฺสตานุตฺตริยํฯ

    Six unsurpassable things: the unsurpassable seeing, listening, acquisition, training, service, and recollection.

    ฉ อนุสฺสติฏฺฐานานิ—พุทฺธานุสฺสติ, ธมฺมานุสฺสติ, สงฺฆานุสฺสติ, สีลานุสฺสติ, จาคานุสฺสติ, เทวตานุสฺสติฯ

    Six topics for recollection: the recollection of the Buddha, the teaching, the Saṅgha, ethics, generosity, and the deities.

    ฉ สตตวิหาราฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา …เป… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ

    Six consistent responses: A bhikkhu, seeing a sight with their eyes, is neither happy nor sad. They remain equanimous, mindful and aware. Hearing a sound with their ears … Smelling an odor with their nose … Tasting a flavor with their tongue … Feeling a touch with their body … Knowing a thought with their mind, they’re neither happy nor sad. They remain equanimous, mindful and aware.

    ฉฬาภิชาติโยฯ อิธาวุโส, เอกจฺโจ กณฺหาภิชาติโก สมาโน กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายติฯ อิธ ปนาวุโส, เอกจฺโจ กณฺหาภิชาติโก สมาโน สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายติฯ อิธ ปนาวุโส, เอกจฺโจ กณฺหาภิชาติโก สมาโน อกณฺหํ อสุกฺกํ นิพฺพานํ อภิชายติฯ อิธ ปนาวุโส, เอกจฺโจ สุกฺกาภิชาติโก สมาโน สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายติฯ อิธ ปนาวุโส, เอกจฺโจ สุกฺกาภิชาติโก สมาโน กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายติฯ อิธ ปนาวุโส, เอกจฺโจ สุกฺกาภิชาติโก สมาโน อกณฺหํ อสุกฺกํ นิพฺพานํ อภิชายติฯ

    Six classes of rebirth: Someone born into a dark class gives rise to a dark result. Someone born into a dark class gives rise to a bright result. Someone born into a dark class gives rise to Nibbana, which is neither dark nor bright. Someone born into a bright class gives rise to a bright result. Someone born into a bright class gives rise to a dark result. Someone born into a bright class gives rise to Nibbana, which is neither dark nor bright.

    ฉ นิพฺเพธภาคิยา สญฺญา—อนิจฺจสญฺญา, อนิจฺเจ ทุกฺขสญฺญา, ทุกฺเข อนตฺตสญฺญา, ปหานสญฺญา, วิราคสญฺญา, นิโรธสญฺญาฯ

    Six perceptions that help penetration: the perception of impermanence, the perception of suffering in impermanence, the perception of not-self in suffering, the perception of giving up, the perception of fading away, and the perception of cessation.

    อิเม โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ฉ ธมฺมา สมฺมทกฺขาตา; ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ …เป… อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ

    These are the teachings grouped by six that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert.

    ๗ฯ สตฺตก

    7. Sevens

    อตฺถิ โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สตฺต ธมฺมา สมฺมทกฺขาตา; ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ …เป… อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ กตเม สตฺต?

    There are teachings grouped by seven that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert. What are the teachings grouped by seven?

    สตฺต อริยธนานิ—สทฺธาธนํ, สีลธนํ, หิริธนํ, โอตฺตปฺปธนํ, สุตธนํ, จาคธนํ, ปญฺญาธนํฯ

    Seven riches of the noble ones: the riches of faith, ethics, conscience, prudence, learning, generosity, and wisdom.

    สตฺต โพชฺฌงฺคา—สติสมฺโพชฺฌงฺโค, ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค, วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค, ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค, ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺโค, สมาธิสมฺโพชฺฌงฺโค, อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโคฯ

    Seven awakening factors: mindfulness, investigation of principles, energy, rapture, tranquility, immersion, and equanimity.

    สตฺต สมาธิปริกฺขารา—สมฺมาทิฏฺฐิ, สมฺมาสงฺกปฺโป, สมฺมาวาจา, สมฺมากมฺมนฺโต, สมฺมาอาชีโว, สมฺมาวายาโม, สมฺมาสติฯ

    Seven prerequisites for immersion: right view, right thought, right speech, right action, right livelihood, right effort, and right mindfulness.

    สตฺต อสทฺธมฺมา—อิธาวุโส, ภิกฺขุ อสฺสทฺโธ โหติ, อหิริโก โหติ, อโนตฺตปฺปี โหติ, อปฺปสฺสุโต โหติ, กุสีโต โหติ, มุฏฺฐสฺสติ โหติ, ทุปฺปญฺโญ โหติฯ

    Seven bad qualities: a bhikkhu is faithless, shameless, imprudent, unlearned, lazy, unmindful, and witless.

    สตฺต สทฺธมฺมา—อิธาวุโส, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, หิริมา โหติ, โอตฺตปฺปี โหติ, พหุสฺสุโต โหติ, อารทฺธวีริโย โหติ, อุปฏฺฐิตสฺสติ โหติ, ปญฺญวา โหติฯ

    Seven good qualities: a bhikkhu is faithful, conscientious, prudent, learned, energetic, mindful, and wise.

    สตฺต สปฺปุริสธมฺมา—อิธาวุโส, ภิกฺขุ ธมฺมญฺญู จ โหติ อตฺถญฺญู จ อตฺตญฺญู จ มตฺตญฺญู จ กาลญฺญู จ ปริสญฺญู จ ปุคฺคลญฺญู จฯ

    Seven aspects of the teachings of the good persons: a bhikkhu knows the teachings, knows the meaning, knows themselves, knows moderation, knows the right time, knows assemblies, and knows people.

    สตฺต นิทฺทสวตฺถูนิฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ สิกฺขาสมาทาเน ติพฺพจฺฉนฺโท โหติ, อายติญฺจ สิกฺขาสมาทาเน อวิคตเปโมฯ ธมฺมนิสนฺติยา ติพฺพจฺฉนฺโท โหติ, อายติญฺจ ธมฺมนิสนฺติยา อวิคตเปโมฯ อิจฺฉาวินเย ติพฺพจฺฉนฺโท โหติ, อายติญฺจ อิจฺฉาวินเย อวิคตเปโมฯ ปฏิสลฺลาเน ติพฺพจฺฉนฺโท โหติ, อายติญฺจ ปฏิสลฺลาเน อวิคตเปโมฯ วีริยารมฺเภ ติพฺพจฺฉนฺโท โหติ, อายติญฺจ วีริยารมฺเภ อวิคตเปโมฯ สติเนปกฺเก ติพฺพจฺฉนฺโท โหติ, อายติญฺจ สติเนปกฺเก อวิคตเปโมฯ ทิฏฺฐิปฏิเวเธ ติพฺพจฺฉนฺโท โหติ, อายติญฺจ ทิฏฺฐิปฏิเวเธ อวิคตเปโมฯ

    Seven qualifications for graduation: A bhikkhu has a keen enthusiasm to undertake the training … to examine the teachings … to get rid of desires … for retreat … to rouse up energy … for mindfulness and alertness … to penetrate theoretically. And they don’t lose these desires in the future.

    สตฺต สญฺญา—อนิจฺจสญฺญา, อนตฺตสญฺญา, อสุภสญฺญา, อาทีนวสญฺญา, ปหานสญฺญา, วิราคสญฺญา, นิโรธสญฺญาฯ

    Seven perceptions: the perception of impermanence, the perception of not-self, the perception of ugliness, the perception of drawbacks, the perception of giving up, the perception of fading away, and the perception of cessation.

    สตฺต พลานิ—สทฺธาพลํ, วีริยพลํ, หิริพลํ, โอตฺตปฺปพลํ, สติพลํ, สมาธิพลํ, ปญฺญาพลํฯ

    Seven powers: faith, energy, conscience, prudence, mindfulness, immersion, and wisdom.

    สตฺต วิญฺญาณฏฺฐิติโยฯ สนฺตาวุโส, สตฺตา นานตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา เอกจฺเจ จ เทวา เอกจฺเจ จ วินิปาติกาฯ อยํ ปฐมา วิญฺญาณฏฺฐิติฯ

    Seven planes of consciousness: There are sentient beings that are diverse in body and diverse in perception, such as human beings, some gods, and some beings in the underworld. This is the first plane of consciousness.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน เสยฺยถาปิ เทวา พฺรหฺมกายิกา ปฐมาภินิพฺพตฺตาฯ อยํ ทุติยา วิญฺญาณฏฺฐิติฯ

    There are sentient beings that are diverse in body and unified in perception, such as the gods reborn in Brahmā’s Host through the first jhāna. This is the second plane of consciousness.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา เอกตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน เสยฺยถาปิ เทวา อาภสฺสราฯ อยํ ตติยา วิญฺญาณฏฺฐิติฯ

    There are sentient beings that are unified in body and diverse in perception, such as the gods of streaming radiance. This is the third plane of consciousness.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา เอกตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน เสยฺยถาปิ เทวา สุภกิณฺหาฯ อยํ จตุตฺถี วิญฺญาณฏฺฐิติฯ

    There are sentient beings that are unified in body and unified in perception, such as the gods replete with glory. This is the fourth plane of consciousness.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส'ติ อากาสานญฺจายตนูปคาฯ อยํ ปญฺจมี วิญฺญาณฏฺฐิติฯ

    There are sentient beings that have gone totally beyond perceptions of form. With the ending of perceptions of impingement, not focusing on perceptions of diversity, aware that ‘space is infinite’, they have been reborn in the dimension of infinite space. This is the fifth plane of consciousness.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณนฺ'ติ วิญฺญาณญฺจายตนูปคาฯ อยํ ฉฏฺฐี วิญฺญาณฏฺฐิติฯ

    There are sentient beings that have gone totally beyond the dimension of infinite space. Aware that ‘consciousness is infinite’, they have been reborn in the dimension of infinite consciousness. This is the sixth plane of consciousness.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี'ติ อากิญฺจญฺญายตนูปคาฯ อยํ สตฺตมี วิญฺญาณฏฺฐิติฯ

    There are sentient beings that have gone totally beyond the dimension of infinite consciousness. Aware that ‘there is nothing at all’, they have been reborn in the dimension of nothingness. This is the seventh plane of consciousness.

    สตฺต ปุคฺคลา ทกฺขิเณยฺยา—อุภโตภาควิมุตฺโต, ปญฺญาวิมุตฺโต, กายสกฺขิ, ทิฏฺฐิปฺปตฺโต, สทฺธาวิมุตฺโต, ธมฺมานุสารี, สทฺธานุสารีฯ

    Seven persons worthy of a religious donation: one freed both ways, one freed by wisdom, a personal witness, one attained to view, one freed by faith, a follower of the teachings, and a follower by faith.

    สตฺต อนุสยา—กามราคานุสโย, ปฏิฆานุสโย, ทิฏฺฐานุสโย, วิจิกิจฺฉานุสโย, มานานุสโย, ภวราคานุสโย, อวิชฺชานุสโยฯ

    Seven underlying tendencies: sensual desire, repulsion, views, doubt, conceit, desire to be reborn, and ignorance.

    สตฺต สํโยชนานิ—อนุนยสํโยชนํ, ปฏิฆสํโยชนํ, ทิฏฺฐิสํโยชนํ, วิจิกิจฺฉาสํโยชนํ, มานสํโยชนํ, ภวราคสํโยชนํ, อวิชฺชาสํโยชนํฯ

    Seven fetters: attraction, repulsion, views, doubt, conceit, desire to be reborn, and ignorance.

    สตฺต อธิกรณสมถา—อุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อธิกรณานํ สมถาย วูปสมาย สมฺมุขาวินโย ทาตพฺโพ, สติวินโย ทาตพฺโพ, อมูฬฺหวินโย ทาตพฺโพ, ปฏิญฺญาย กาเรตพฺพํ, เยภุยฺยสิกา, ตสฺสปาปิยสิกา, ติณวตฺถารโกฯ

    Seven principles for the settlement of any disciplinary issues that might arise: Removal in the presence of those concerned is applicable. Removal by accurate recollection is applicable. Removal due to recovery from madness is applicable. The acknowledgement of the offense is applicable. The decision of a majority is applicable. A verdict of aggravated misconduct is applicable. Covering over with grass is applicable.

    อิเม โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สตฺต ธมฺมา สมฺมทกฺขาตา; ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ …เป… อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ

    These are the teachings grouped by seven that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert.

    ทุติยภาณวาโร นิฏฺฐิโตฯ

    The second recitation section is finished.

    ๘ฯ อฏฺฐก

    8. Eights

    อตฺถิ โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน อฏฺฐ ธมฺมา สมฺมทกฺขาตา; ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ …เป… อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ กตเม อฏฺฐ?

    There are teachings grouped by eight that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert. What are the teachings grouped by eight?

    อฏฺฐ มิจฺฉตฺตา—มิจฺฉาทิฏฺฐิ, มิจฺฉาสงฺกปฺโป, มิจฺฉาวาจา, มิจฺฉากมฺมนฺโต, มิจฺฉาอาชีโว, มิจฺฉาวายาโม มิจฺฉาสติ, มิจฺฉาสมาธิฯ

    Eight wrong ways: wrong view, wrong thought, wrong speech, wrong action, wrong livelihood, wrong effort, wrong mindfulness, and wrong immersion.

    อฏฺฐ สมฺมตฺตา—สมฺมาทิฏฺฐิ, สมฺมาสงฺกปฺโป, สมฺมาวาจา, สมฺมากมฺมนฺโต, สมฺมาอาชีโว, สมฺมาวายาโม, สมฺมาสติ, สมฺมาสมาธิฯ

    Eight right ways: right view, right thought, right speech, right action, right livelihood, right effort, right mindfulness, and right immersion.

    อฏฺฐ ปุคฺคลา ทกฺขิเณยฺยา—โสตาปนฺโน, โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน; สกทาคามี, สกทาคามิผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน; อนาคามี, อนาคามิผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน; อรหา, อรหตฺตผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโนฯ

    Eight persons worthy of a religious donation: The stream-enterer and the one practicing to realize the fruit of stream-entry. The once-returner and the one practicing to realize the fruit of once-return. The non-returner and the one practicing to realize the fruit of non-return. The perfected one, and the one practicing for perfection.

    อฏฺฐ กุสีตวตฺถูนิฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุนา กมฺมํ กาตพฺพํ โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘กมฺมํ โข เม กาตพฺพํ ภวิสฺสติ, กมฺมํ โข ปน เม กโรนฺตสฺส กาโย กิลมิสฺสติ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี'ติฯ โส นิปชฺชติ น วีริยํ อารภติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ อิทํ ปฐมํ กุสีตวตฺถุฯ

    Eight grounds for laziness: Firstly, a bhikkhu has some work to do. They think: ‘I have some work to do. But while doing it my body will get tired. I’d better have a lie down.’ They lie down, and don’t rouse energy for attaining the unattained, achieving the unachieved, and realizing the unrealized. This is the first ground for laziness.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา กมฺมํ กตํ โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข กมฺมํ อกาสึ, กมฺมํ โข ปน เม กโรนฺตสฺส กาโย กิลนฺโต, หนฺทาหํ นิปชฺชามี'ติฯ โส นิปชฺชติ น วีริยํ อารภติ …เป… อิทํ ทุติยํ กุสีตวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has done some work. They think: ‘I’ve done some work. But while working my body got tired. I’d better have a lie down.’ They lie down, and don’t rouse energy… This is the second ground for laziness.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา มคฺโค คนฺตพฺโพ โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘มคฺโค โข เม คนฺตพฺโพ ภวิสฺสติ, มคฺคํ โข ปน เม คจฺฉนฺตสฺส กาโย กิลมิสฺสติ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี'ติฯ โส นิปชฺชติ น วีริยํ อารภติ … อิทํ ตติยํ กุสีตวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has to go on a journey. They think: ‘I have to go on a journey. But while walking my body will get tired. I’d better have a lie down.’ They lie down, and don’t rouse energy… This is the third ground for laziness.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา มคฺโค คโต โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข มคฺคํ อคมาสึ, มคฺคํ โข ปน เม คจฺฉนฺตสฺส กาโย กิลนฺโต, หนฺทาหํ นิปชฺชามี'ติฯ โส นิปชฺชติ น วีริยํ อารภติ … อิทํ จตุตฺถํ กุสีตวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has gone on a journey. They think: ‘I’ve gone on a journey. But while walking my body got tired. I’d better have a lie down.’ They lie down, and don’t rouse energy… This is the fourth ground for laziness.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต น ลภติ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต นาลตฺถํ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึ, ตสฺส เม กาโย กิลนฺโต อกมฺมญฺโญ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี'ติฯ โส นิปชฺชติ น วีริยํ อารภติ … อิทํ ปญฺจมํ กุสีตวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has wandered for alms, but they didn’t get to fill up on as much food as they like, rough or fine. They think: ‘I’ve wandered for alms, but I didn’t get to fill up on as much food as I like, rough or fine. My body is tired and unfit for work. I’d better have a lie down.’ They lie down, and don’t rouse energy… This is the fifth ground for laziness.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต ลภติ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต อลตฺถํ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึ, ตสฺส เม กาโย ครุโก อกมฺมญฺโญ, มาสาจิตํ มญฺเญ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี'ติฯ โส นิปชฺชติ น วีริยํ อารภติ … อิทํ ฉฏฺฐํ กุสีตวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has wandered for alms, and they got to fill up on as much food as they like, rough or fine. They think: ‘I’ve wandered for alms, and I got to fill up on as much food as I like, rough or fine. My body is heavy and unfit for work, like I’ve just eaten a load of beans. I’d better have a lie down.’ They lie down, and don’t rouse energy… This is the sixth ground for laziness.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน โหติ อปฺปมตฺตโก อาพาโธฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อุปฺปนฺโน โข เม อยํ อปฺปมตฺตโก อาพาโธ; อตฺถิ กปฺโป นิปชฺชิตุํ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี'ติฯ โส นิปชฺชติ น วีริยํ อารภติ … อิทํ สตฺตมํ กุสีตวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu feels a little sick. They think: ‘I feel a little sick. Lying down would be good for me. I’d better have a lie down.’ They lie down, and don’t rouse energy… This is the seventh ground for laziness.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คิลานา วุฏฺฐิโต โหติ อจิรวุฏฺฐิโต เคลญฺญาฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข คิลานา วุฏฺฐิโต อจิรวุฏฺฐิโต เคลญฺญา, ตสฺส เม กาโย ทุพฺพโล อกมฺมญฺโญ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี'ติฯ โส นิปชฺชติ น วีริยํ อารภติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ อิทํ อฏฺฐมํ กุสีตวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has recently recovered from illness. They think: ‘I’ve recently recovered from illness. My body is weak and unfit for work. I’d better have a lie down.’ They lie down, and don’t rouse energy for attaining the unattained, achieving the unachieved, and realizing the unrealized. This is the eighth ground for laziness.

    อฏฺฐ อารมฺภวตฺถูนิฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุนา กมฺมํ กาตพฺพํ โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘กมฺมํ โข เม กาตพฺพํ ภวิสฺสติ, กมฺมํ โข ปน เม กโรนฺเตน น สุกรํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิ กาตุํ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย, อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา'ติฯ โส วีริยํ อารภติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา, อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ อิทํ ปฐมํ อารมฺภวตฺถุฯ

    Eight grounds for arousing energy: Firstly, a bhikkhu has some work to do. They think: ‘I have some work to do. While working it’s not easy to focus on the instructions of the Buddhas. I’d better preemptively rouse up energy for attaining the unattained, achieving the unachieved, and realizing the unrealized.’ They rouse energy for attaining the unattained, achieving the unachieved, and realizing the unrealized. This is the first ground for arousing energy.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา กมฺมํ กตํ โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข กมฺมํ อกาสึ, กมฺมํ โข ปนาหํ กโรนฺโต นาสกฺขึ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิ กาตุํ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ …เป… โส วีริยํ อารภติ … อิทํ ทุติยํ อารมฺภวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has done some work. They think: ‘I’ve done some work. While I was working I wasn’t able to focus on the instructions of the Buddhas. I’d better preemptively rouse up energy.’ They rouse up energy… This is the second ground for arousing energy.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา มคฺโค คนฺตพฺโพ โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘มคฺโค โข เม คนฺตพฺโพ ภวิสฺสติ, มคฺคํ โข ปน เม คจฺฉนฺเตน น สุกรํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิ กาตุํฯ หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ …เป… โส วีริยํ อารภติ … อิทํ ตติยํ อารมฺภวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has to go on a journey. They think: ‘I have to go on a journey. While walking it’s not easy to focus on the instructions of the Buddhas. I’d better preemptively rouse up energy.’ They rouse up energy… This is the third ground for arousing energy.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา มคฺโค คโต โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข มคฺคํ อคมาสึ, มคฺคํ โข ปนาหํ คจฺฉนฺโต นาสกฺขึ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิ กาตุํ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ …เป… โส วีริยํ อารภติ … อิทํ จตุตฺถํ อารมฺภวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has gone on a journey. They think: ‘I’ve gone on a journey. While I was walking I wasn’t able to focus on the instructions of the Buddhas. I’d better preemptively rouse up energy.’ They rouse up energy… This is the fourth ground for arousing energy.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต น ลภติ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต นาลตฺถํ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึ, ตสฺส เม กาโย ลหุโก กมฺมญฺโญ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ …เป… โส วีริยํ อารภติ … อิทํ ปญฺจมํ อารมฺภวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has wandered for alms, but they didn’t get to fill up on as much food as they like, rough or fine. They think: ‘I’ve wandered for alms, but I didn’t get to fill up on as much food as I like, rough or fine. My body is light and fit for work. I’d better preemptively rouse up energy.’ They rouse up energy… This is the fifth ground for arousing energy.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต ลภติ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต อลตฺถํ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึ, ตสฺส เม กาโย พลวา กมฺมญฺโญ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ …เป… โส วีริยํ อารภติ … อิทํ ฉฏฺฐํ อารมฺภวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has wandered for alms, and they got to fill up on as much food as they like, rough or fine. They think: ‘I’ve wandered for alms, and I got to fill up on as much food as I like, rough or fine. My body is strong and fit for work. I’d better preemptively rouse up energy.’ They rouse up energy… This is the sixth ground for arousing energy.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน โหติ อปฺปมตฺตโก อาพาโธฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อุปฺปนฺโน โข เม อยํ อปฺปมตฺตโก อาพาโธ, ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ เม อาพาโธ ปวฑฺเฒยฺย, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ …เป… โส วีริยํ อารภติ … อิทํ สตฺตมํ อารมฺภวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu feels a little sick. They think: ‘I feel a little sick. It’s possible this illness will worsen. I’d better preemptively rouse up energy.’ They rouse up energy… This is the seventh ground for arousing energy.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ คิลานา วุฏฺฐิโต โหติ อจิรวุฏฺฐิโต เคลญฺญาฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อหํ โข คิลานา วุฏฺฐิโต อจิรวุฏฺฐิโต เคลญฺญา, ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ เม อาพาโธ ปจฺจุทาวตฺเตยฺย, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา'ติฯ โส วีริยํ อารภติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ อิทํ อฏฺฐมํ อารมฺภวตฺถุฯ

    Furthermore, a bhikkhu has recently recovered from illness. They think: ‘I’ve recently recovered from illness. It’s possible the illness will come back. I’d better preemptively rouse up energy for attaining the unattained, achieving the unachieved, and realizing the unrealized.’ They rouse energy for attaining the unattained, achieving the unachieved, and realizing the unrealized. This is the eighth ground for arousing energy.

    อฏฺฐ ทานวตฺถูนิฯ อาสชฺช ทานํ เทติ, ภยา ทานํ เทติ, ‘อทาสิ เม'ติ ทานํ เทติ, ‘ทสฺสติ เม'ติ ทานํ เทติ, ‘สาหุ ทานนฺ'ติ ทานํ เทติ, ‘อหํ ปจามิ, อิเม น ปจนฺติ, นารหามิ ปจนฺโต อปจนฺตานํ ทานํ น ทาตุนฺ'ติ ทานํ เทติ, ‘อิทํ เม ทานํ ททโต กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉตี'ติ ทานํ เทติฯ จิตฺตาลงฺการจิตฺตปริกฺขารตฺถํ ทานํ เทติฯ

    Eight reasons to give: A person might give a gift after insulting the recipient. Or they give out of fear. Or they give thinking, ‘They gave to me.’ Or they give thinking, ‘They’ll give to me.’ Or they give thinking, ‘It’s good to give.’ Or they give thinking, ‘I cook, they don’t. It wouldn’t be right for me to not give to them.’ Or they give thinking, ‘By giving this gift I’ll get a good reputation.’ Or they give thinking, ‘This is an adornment and requisite for the mind.’

    อฏฺฐ ทานูปปตฺติโยฯ อิธาวุโส, เอกจฺโจ ทานํ เทติ สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา อนฺนํ ปานํ วตฺถํ ยานํ มาลาคนฺธวิเลปนํ เสยฺยาวสถปทีเปยฺยํฯ โส ยํ เทติ ตํ ปจฺจาสีสติฯ โส ปสฺสติ ขตฺติยมหาสาลํ วา พฺราหฺมณมหาสาลํ วา คหปติมหาสาลํ วา ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตํ สมงฺคีภูตํ ปริจารยมานํฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺยนฺ'ติฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฏฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติ, ตสฺส ตํ จิตฺตํ หีเน วิมุตฺตํ อุตฺตริ อภาวิตํ ตตฺรูปปตฺติยา สํวตฺตติฯ ตญฺจ โข สีลวโต วทามิ โน ทุสฺสีลสฺสฯ อิชฺฌตาวุโส, สีลวโต เจโตปณิธิ วิสุทฺธตฺตาฯ

    Eight rebirths by giving: First, someone gives to ascetics or brahmins such things as food, drink, clothing, vehicles; garlands, fragrance, and makeup; and bed, house, and lighting. Whatever they give they expect back. They see an affluent aristocrat or brahmin or householder amusing themselves, supplied and provided with the five kinds of sensual stimulation. They think: ‘If only, when my body breaks up, after death, I would be reborn in the company of well-to-do aristocrats or brahmins or householders!’ They settle on that thought, concentrate on it and develop it. As they’ve settled for less and not developed further, their thought leads to rebirth there. But I say that this is only for those of ethical conduct, not for the unethical. The heart’s wish of an ethical person succeeds because of their purity.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, อิเธกจฺโจ ทานํ เทติ สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา อนฺนํ ปานํ …เป… เสยฺยาวสถปทีเปยฺยํฯ โส ยํ เทติ ตํ ปจฺจาสีสติฯ ตสฺส สุตํ โหติ: ‘จาตุมหาราชิกา เทวา ทีฆายุกา วณฺณวนฺโต สุขพหุลา'ติฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺยนฺ'ติฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฏฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติ, ตสฺส ตํ จิตฺตํ หีเน วิมุตฺตํ อุตฺตริ อภาวิตํ ตตฺรูปปตฺติยา สํวตฺตติฯ ตญฺจ โข สีลวโต วทามิ โน ทุสฺสีลสฺสฯ อิชฺฌตาวุโส, สีลวโต เจโตปณิธิ วิสุทฺธตฺตาฯ

    Next, someone gives to ascetics or brahmins. Whatever they give they expect back. And they’ve heard: ‘The Gods of the Four Great Kings are long-lived, beautiful, and very happy.’ They think: ‘If only, when my body breaks up, after death, I would be reborn in the company of the Gods of the Four Great Kings!’ They settle on that thought, concentrate on it and develop it. As they’ve settled for less and not developed further, their thought leads to rebirth there. But I say that this is only for those of ethical conduct, not for the unethical. The heart’s wish of an ethical person succeeds because of their purity.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, อิเธกจฺโจ ทานํ เทติ สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา อนฺนํ ปานํ …เป… เสยฺยาวสถปทีเปยฺยํฯ โส ยํ เทติ ตํ ปจฺจาสีสติฯ ตสฺส สุตํ โหติ: ‘ตาวตึสา เทวา …เป… ยามา เทวา …เป… ตุสิตา เทวา …เป… นิมฺมานรตี เทวา …เป… ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทวา ทีฆายุกา วณฺณวนฺโต สุขพหุลา'ติฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺยนฺ'ติฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฏฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติ, ตสฺส ตํ จิตฺตํ หีเน วิมุตฺตํ อุตฺตริ อภาวิตํ ตตฺรูปปตฺติยา สํวตฺตติฯ ตญฺจ โข สีลวโต วทามิ โน ทุสฺสีลสฺสฯ อิชฺฌตาวุโส, สีลวโต เจโตปณิธิ วิสุทฺธตฺตาฯ

    Next, someone gives to ascetics or brahmins. Whatever they give they expect back. And they’ve heard: ‘The Gods of the Thirty-Three … the Gods of Yama … the Joyful Gods … the Gods Who Love to Create … the Gods Who Control the Creations of Others are long-lived, beautiful, and very happy.’ They think: ‘If only, when my body breaks up, after death, I would be reborn in the company of the Gods Who Control the Creations of Others!’ They settle on that thought, concentrate on it and develop it. As they’ve settled for less and not developed further, their thought leads to rebirth there. But I say that this is only for those of ethical conduct, not for the unethical. The heart’s wish of an ethical person succeeds because of their purity.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, อิเธกจฺโจ ทานํ เทติ สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา อนฺนํ ปานํ วตฺถํ ยานํ มาลาคนฺธวิเลปนํ เสยฺยาวสถปทีเปยฺยํฯ โส ยํ เทติ ตํ ปจฺจาสีสติฯ ตสฺส สุตํ โหติ: ‘พฺรหฺมกายิกา เทวา ทีฆายุกา วณฺณวนฺโต สุขพหุลา'ติฯ ตสฺส เอวํ โหติ: ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา พฺรหฺมกายิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺยนฺ'ติฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฏฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติ, ตสฺส ตํ จิตฺตํ หีเน วิมุตฺตํ อุตฺตริ อภาวิตํ ตตฺรูปปตฺติยา สํวตฺตติฯ ตญฺจ โข สีลวโต วทามิ โน ทุสฺสีลสฺส; วีตราคสฺส โน สราคสฺสฯ อิชฺฌตาวุโส, สีลวโต เจโตปณิธิ วีตราคตฺตาฯ

    Next, someone gives to ascetics or brahmins such things as food, drink, clothing, vehicles; garlands, fragrance, and makeup; and bed, house, and lighting. Whatever they give they expect back. And they’ve heard: ‘The Gods of Brahmā’s Host are long-lived, beautiful, and very happy.’ They think: ‘If only, when my body breaks up, after death, I would be reborn in the company of the Gods of Brahmā’s Host!’ They settle on that thought, concentrate on it and develop it. As they’ve settled for less and not developed further, their thought leads to rebirth there. But I say that this is only for those of ethical conduct, not for the unethical. And for those free of desire, not those with desire. The heart’s wish of an ethical person succeeds because of their freedom from desire.

    อฏฺฐ ปริสา—ขตฺติยปริสา, พฺราหฺมณปริสา, คหปติปริสา, สมณปริสา, จาตุมหาราชิกปริสา, ตาวตึสปริสา, มารปริสา, พฺรหฺมปริสาฯ

    Eight assemblies: the assemblies of aristocrats, brahmins, householders, and ascetics. An assembly of the gods under the Four Great Kings. An assembly of the gods under the Thirty-Three. An assembly of Māras. An assembly of Brahmās.

    อฏฺฐ โลกธมฺมา—ลาโภ จ, อลาโภ จ, ยโส จ, อยโส จ, นินฺทา จ, ปสํสา จ, สุขญฺจ, ทุกฺขญฺจฯ

    Eight worldly conditions: gain and loss, fame and disgrace, blame and praise, pleasure and pain.

    อฏฺฐ อภิภายตนานิฯ อชฺฌตฺตํ รูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี'ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ปฐมํ อภิภายตนํฯ

    Eight dimensions of mastery: Perceiving form internally, someone sees visions externally, limited, both pretty and ugly. Mastering them, they perceive: ‘I know and see.’ This is the first dimension of mastery.

    อชฺฌตฺตํ รูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี'ติ—เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ทุติยํ อภิภายตนํฯ

    Perceiving form internally, someone sees visions externally, limitless, both pretty and ugly. Mastering them, they perceive: ‘I know and see.’ This is the second dimension of mastery.

    อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี'ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ตติยํ อภิภายตนํฯ

    Not perceiving form internally, someone sees visions externally, limited, both pretty and ugly. Mastering them, they perceive: ‘I know and see.’ This is the third dimension of mastery.

    อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี'ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ จตุตฺถํ อภิภายตนํฯ

    Not perceiving form internally, someone sees visions externally, limitless, both pretty and ugly. Mastering them, they perceive: ‘I know and see.’ This is the fourth dimension of mastery.

    อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ นีลานิ นีลวณฺณานิ นีลนิทสฺสนานิ นีลนิภาสานิฯ เสยฺยถาปิ นาม อุมาปุปฺผํ นีลํ นีลวณฺณํ นีลนิทสฺสนํ นีลนิภาสํ, เสยฺยถา วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฏฺฐํ นีลํ นีลวณฺณํ นีลนิทสฺสนํ นีลนิภาสํ; เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ นีลานิ นีลวณฺณานิ นีลนิทสฺสนานิ นีลนิภาสานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี'ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ปญฺจมํ อภิภายตนํฯ

    Not perceiving form internally, someone sees visions externally that are blue, with blue color, blue hue, and blue tint. They’re like a flax flower that’s blue, with blue color, blue hue, and blue tint. Or a cloth from Varanasi that’s smoothed on both sides, blue, with blue color, blue hue, and blue tint. Mastering them, they perceive: ‘I know and see.’ This is the fifth dimension of mastery.

    อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปีตานิ ปีตวณฺณานิ ปีตนิทสฺสนานิ ปีตนิภาสานิฯ เสยฺยถาปิ นาม กณิการปุปฺผํ ปีตํ ปีตวณฺณํ ปีตนิทสฺสนํ ปีตนิภาสํ, เสยฺยถา วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฏฺฐํ ปีตํ ปีตวณฺณํ ปีตนิทสฺสนํ ปีตนิภาสํ; เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปีตานิ ปีตวณฺณานิ ปีตนิทสฺสนานิ ปีตนิภาสานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี'ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ฉฏฺฐํ อภิภายตนํฯ

    Not perceiving form internally, someone sees visions externally that are yellow, with yellow color, yellow hue, and yellow tint. They’re like a champak flower that’s yellow, with yellow color, yellow hue, and yellow tint. Or a cloth from Varanasi that’s smoothed on both sides, yellow, with yellow color, yellow hue, and yellow tint. Mastering them, they perceive: ‘I know and see.’ This is the sixth dimension of mastery.

    อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โลหิตกานิ โลหิตกวณฺณานิ โลหิตกนิทสฺสนานิ โลหิตกนิภาสานิฯ เสยฺยถาปิ นาม พนฺธุชีวกปุปฺผํ โลหิตกํ โลหิตกวณฺณํ โลหิตกนิทสฺสนํ โลหิตกนิภาสํ, เสยฺยถา วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฏฺฐํ โลหิตกํ โลหิตกวณฺณํ โลหิตกนิทสฺสนํ โลหิตกนิภาสํ; เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โลหิตกานิ โลหิตกวณฺณานิ โลหิตกนิทสฺสนานิ โลหิตกนิภาสานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี'ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ สตฺตมํ อภิภายตนํฯ

    Not perceiving form internally, someone sees visions externally that are red, with red color, red hue, and red tint. They’re like a scarlet mallow flower that’s red, with red color, red hue, and red tint. Or a cloth from Varanasi that’s smoothed on both sides, red, with red color, red hue, and red tint. Mastering them, they perceive: ‘I know and see.’ This is the seventh dimension of mastery.

    อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โอทาตานิ โอทาตวณฺณานิ โอทาตนิทสฺสนานิ โอทาตนิภาสานิฯ เสยฺยถาปิ นาม โอสธิตารกา โอทาตา โอทาตวณฺณา โอทาตนิทสฺสนา โอทาตนิภาสา, เสยฺยถา วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฏฺฐํ โอทาตํ โอทาตวณฺณํ โอทาตนิทสฺสนํ โอทาตนิภาสํ; เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โอทาตานิ โอทาตวณฺณานิ โอทาตนิทสฺสนานิ โอทาตนิภาสานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี'ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ อฏฺฐมํ อภิภายตนํฯ

    Not perceiving form internally, someone sees visions externally that are white, with white color, white hue, and white tint. They’re like the morning star that’s white, with white color, white hue, and white tint. Or a cloth from Varanasi that’s smoothed on both sides, white, with white color, white hue, and white tint. Mastering them, they perceive: ‘I know and see.’ This is the eighth dimension of mastery.

    อฏฺฐ วิโมกฺขาฯ รูปี รูปานิ ปสฺสติฯ อยํ ปฐโม วิโมกฺโขฯ

    Eight liberations: Having physical form, they see visions. This is the first liberation.

    อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติฯ อยํ ทุติโย วิโมกฺโขฯ

    Not perceiving physical form internally, they see visions externally. This is the second liberation.

    สุภนฺเตว อธิมุตฺโต โหติฯ อยํ ตติโย วิโมกฺโขฯ

    They’re focused only on beauty. This is the third liberation.

    สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส'ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ จตุตฺโถ วิโมกฺโขฯ

    Going totally beyond perceptions of form, with the ending of perceptions of impingement, not focusing on perceptions of diversity, aware that ‘space is infinite’, they enter and remain in the dimension of infinite space. This is the fourth liberation.

    สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณนฺ'ติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ ปญฺจโม วิโมกฺโขฯ

    Going totally beyond the dimension of infinite space, aware that ‘consciousness is infinite’, they enter and remain in the dimension of infinite consciousness. This is the fifth liberation.

    สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี'ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ ฉฏฺโฐ วิโมกฺโขฯ

    Going totally beyond the dimension of infinite consciousness, aware that ‘there is nothing at all’, they enter and remain in the dimension of nothingness. This is the sixth liberation.

    สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ สตฺตโม วิโมกฺโขฯ

    Going totally beyond the dimension of nothingness, they enter and remain in the dimension of neither perception nor non-perception. This is the seventh liberation.

    สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ อฏฺฐโม วิโมกฺโขฯ

    Going totally beyond the dimension of neither perception nor non-perception, they enter and remain in the cessation of perception and feeling. This is the eighth liberation.

    อิเม โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน อฏฺฐ ธมฺมา สมฺมทกฺขาตา; ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ …เป… อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ

    These are the teachings grouped by eight that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert.

    ๙ฯ นวก

    9. Nines

    อตฺถิ โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน นว ธมฺมา สมฺมทกฺขาตา; ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ …เป… อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ กตเม นว?

    There are teachings grouped by nine that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert. What are the teachings grouped by nine?

    นว อาฆาตวตฺถูนิฯ ‘อนตฺถํ เม อจรี'ติ อาฆาตํ พนฺธติ; ‘อนตฺถํ เม จรตี'ติ อาฆาตํ พนฺธติ; ‘อนตฺถํ เม จริสฺสตี'ติ อาฆาตํ พนฺธติ; ‘ปิยสฺส เม มนาปสฺส อนตฺถํ อจรี'ติ อาฆาตํ พนฺธติ …เป… อนตฺถํ จรตีติ อาฆาตํ พนฺธติ …เป… อนตฺถํ จริสฺสตีติ อาฆาตํ พนฺธติ; ‘อปฺปิยสฺส เม อมนาปสฺส อตฺถํ อจรี'ติ อาฆาตํ พนฺธติ …เป… อตฺถํ จรตีติ อาฆาตํ พนฺธติ …เป… อตฺถํ จริสฺสตีติ อาฆาตํ พนฺธติฯ

    Nine grounds for resentment: Thinking: ‘They did wrong to me,’ you harbor resentment. Thinking: ‘They are doing wrong to me’ … ‘They will do wrong to me’ … ‘They did wrong by someone I love’ … ‘They are doing wrong by someone I love’ … ‘They will do wrong by someone I love’ … ‘They helped someone I dislike’ … ‘They are helping someone I dislike’ … Thinking: ‘They will help someone I dislike,’ you harbor resentment.

    นว อาฆาตปฏิวินยาฯ ‘อนตฺถํ เม อจริ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา'ติ อาฆาตํ ปฏิวิเนติ; ‘อนตฺถํ เม จรติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา'ติ อาฆาตํ ปฏิวิเนติ; ‘อนตฺถํ เม จริสฺสติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา'ติ อาฆาตํ ปฏิวิเนติ; ‘ปิยสฺส เม มนาปสฺส อนตฺถํ อจริ …เป… อนตฺถํ จรติ …เป… อนตฺถํ จริสฺสติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา'ติ อาฆาตํ ปฏิวิเนติ; ‘อปฺปิยสฺส เม อมนาปสฺส อตฺถํ อจริ …เป… อตฺถํ จรติ …เป… อตฺถํ จริสฺสติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา'ติ อาฆาตํ ปฏิวิเนติฯ

    Nine methods to get rid of resentment: Thinking: ‘They did wrong to me, but what can I possibly do?’ you get rid of resentment. Thinking: ‘They are doing wrong to me …’ … ‘They will do wrong to me …’ … ‘They did wrong by someone I love …’ … ‘They are doing wrong by someone I love …’ … ‘They will do wrong by someone I love …’ … ‘They helped someone I dislike …’ … ‘They are helping someone I dislike …’ … Thinking: ‘They will help someone I dislike, but what can I possibly do?’ you get rid of resentment.

    นว สตฺตาวาสาฯ สนฺตาวุโส, สตฺตา นานตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา เอกจฺเจ จ เทวา เอกจฺเจ จ วินิปาติกาฯ อยํ ปฐโม สตฺตาวาโสฯ

    Nine abodes of sentient beings: There are sentient beings that are diverse in body and diverse in perception, such as human beings, some gods, and some beings in the underworld. This is the first abode of sentient beings.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา พฺรหฺมกายิกา ปฐมาภินิพฺพตฺตาฯ อยํ ทุติโย สตฺตาวาโสฯ

    There are sentient beings that are diverse in body and unified in perception, such as the gods reborn in Brahmā’s Host through the first jhāna. This is the second abode of sentient beings.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา เอกตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา อาภสฺสราฯ อยํ ตติโย สตฺตาวาโสฯ

    There are sentient beings that are unified in body and diverse in perception, such as the gods of streaming radiance. This is the third abode of sentient beings.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา เอกตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา สุภกิณฺหาฯ อยํ จตุตฺโถ สตฺตาวาโสฯ

    There are sentient beings that are unified in body and unified in perception, such as the gods replete with glory. This is the fourth abode of sentient beings.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา อสญฺญิโน อปฺปฏิสํเวทิโน, เสยฺยถาปิ เทวา อสญฺญสตฺตาฯ อยํ ปญฺจโม สตฺตาวาโสฯ

    There are sentient beings that are non-percipient and do not experience anything, such as the gods who are non-percipient beings. This is the fifth abode of sentient beings.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส'ติ อากาสานญฺจายตนูปคาฯ อยํ ฉฏฺโฐ สตฺตาวาโสฯ

    There are sentient beings that have gone totally beyond perceptions of form. With the ending of perceptions of impingement, not focusing on perceptions of diversity, aware that ‘space is infinite’, they have been reborn in the dimension of infinite space. This is the sixth abode of sentient beings.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณนฺ'ติ วิญฺญาณญฺจายตนูปคาฯ อยํ สตฺตโม สตฺตาวาโสฯ

    There are sentient beings that have gone totally beyond the dimension of infinite space. Aware that ‘consciousness is infinite’, they have been reborn in the dimension of infinite consciousness. This is the seventh abode of sentient beings.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี'ติ อากิญฺจญฺญายตนูปคาฯ อยํ อฏฺฐโม สตฺตาวาโสฯ

    There are sentient beings that have gone totally beyond the dimension of infinite consciousness. Aware that ‘there is nothing at all’, they have been reborn in the dimension of nothingness. This is the eighth abode of sentient beings.

    สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปคาฯ อยํ นวโม สตฺตาวาโสฯ

    There are sentient beings that have gone totally beyond the dimension of nothingness. They have been reborn in the dimension of neither perception nor non-perception. This is the ninth abode of sentient beings.

    นว อกฺขณา อสมยา พฺรหฺมจริยวาสายฯ อิธาวุโส, ตถาคโต จ โลเก อุปฺปนฺโน โหติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ธมฺโม จ เทสิยติ โอปสมิโก ปรินิพฺพานิโก สมฺโพธคามี สุคตปฺปเวทิโตฯ อยญฺจ ปุคฺคโล นิรยํ อุปปนฺโน โหติฯ อยํ ปฐโม อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    Nine lost opportunities for spiritual practice: Firstly, a Realized One has arisen in the world. He teaches the Dhamma leading to peace, Nibbana, awakening, as proclaimed by the Holy One. But a person has been reborn in hell. This is the first lost opportunity for spiritual practice.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ตถาคโต จ โลเก อุปฺปนฺโน โหติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ธมฺโม จ เทสิยติ โอปสมิโก ปรินิพฺพานิโก สมฺโพธคามี สุคตปฺปเวทิโตฯ อยญฺจ ปุคฺคโล ติรจฺฉานโยนึ อุปปนฺโน โหติฯ อยํ ทุติโย อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    Furthermore, a Realized One has arisen in the world. But a person has been reborn in the animal realm. This is the second lost opportunity for spiritual practice.

    ปุน จปรํ …เป… เปตฺติวิสยํ อุปปนฺโน โหติฯ อยํ ตติโย อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    Furthermore, a Realized One has arisen in the world. But a person has been reborn in the ghost realm. This is the third lost opportunity for spiritual practice.

    ปุน จปรํ …เป… อสุรกายํ อุปปนฺโน โหติฯ อยํ จตุตฺโถ อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    Furthermore, a Realized One has arisen in the world. But a person has been reborn among the demons. This is the fourth lost opportunity for spiritual practice.

    ปุน จปรํ …เป… อญฺญตรํ ทีฆายุกํ เทวนิกายํ อุปปนฺโน โหติฯ อยํ ปญฺจโม อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    Furthermore, a Realized One has arisen in the world. But a person has been reborn in one of the long-lived orders of gods. This is the fifth lost opportunity for spiritual practice.

    ปุน จปรํ …เป… ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ ปจฺจาชาโต โหติ มิลกฺเขสุ อวิญฺญาตาเรสุ, ยตฺถ นตฺถิ คติ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํฯ อยํ ฉฏฺโฐ อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    Furthermore, a Realized One has arisen in the world. But a person has been reborn in the borderlands, among strange barbarian tribes, where monks, nuns, laymen, and laywomen do not go. This is the sixth lost opportunity for spiritual practice.

    ปุน จปรํ …เป… มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ ปจฺจาชาโต โหติฯ โส จ โหติ มิจฺฉาทิฏฺฐิโก วิปรีตทสฺสโน: ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺฐํ, นตฺถิ หุตํ, นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี'ติฯ อยํ สตฺตโม อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    Furthermore, a Realized One has arisen in the world. And a person is reborn in a central country. But they have wrong view and distorted perspective: ‘There’s no meaning in giving, sacrifice, or offerings. There’s no fruit or result of good and bad deeds. There’s no afterlife. There’s no such thing as mother and father, or beings that are reborn spontaneously. And there’s no ascetic or brahmin who is well attained and practiced, and who describes the afterlife after realizing it with their own insight.’ This is the seventh lost opportunity for spiritual practice.

    ปุน จปรํ …เป… มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ ปจฺจาชาโต โหติฯ โส จ โหติ ทุปฺปญฺโญ ชโฬ เอฬมูโค, นปฺปฏิพโล สุภาสิตทุพฺภาสิตานมตฺถมญฺญาตุํฯ อยํ อฏฺฐโม อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    Furthermore, a Realized One has arisen in the world. And a person is reborn in a central country. But they’re witless, dull, stupid, and unable to distinguish what is well said from what is poorly said. This is the eighth lost opportunity for spiritual practice.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ตถาคโต จ โลเก น อุปฺปนฺโน โหติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ธมฺโม จ น เทสิยติ โอปสมิโก ปรินิพฺพานิโก สมฺโพธคามี สุคตปฺปเวทิโตฯ อยญฺจ ปุคฺคโล มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ ปจฺจาชาโต โหติ, โส จ โหติ ปญฺญวา อชโฬ อเนฬมูโค, ปฏิพโล สุภาสิตทุพฺภาสิตานมตฺถมญฺญาตุํฯ อยํ นวโม อกฺขโณ อสมโย พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    Furthermore, a Realized One has arisen in the world. But he doesn’t teach the Dhamma leading to peace, Nibbana, awakening, as proclaimed by the Holy One. And a person is reborn in a central country. And they’re wise, bright, clever, and able to distinguish what is well said from what is poorly said. This is the ninth lost opportunity for spiritual practice.

    นว อนุปุพฺพวิหาราฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา …เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ปีติยา จ วิราคา …เป… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สุขสฺส จ ปหานา …เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา …เป… อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณนฺ'ติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี'ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ

    Nine progressive meditations: A bhikkhu, quite secluded from sensual pleasures, secluded from unskillful qualities, enters and remains in the first jhāna, which has the rapture and bliss born of seclusion, while placing the mind and keeping it connected. As the placing of the mind and keeping it connected are stilled, they enter and remain in the second jhāna, which has the rapture and bliss born of immersion, with internal clarity and mind at one, without placing the mind and keeping it connected. And with the fading away of rapture, they enter and remain in the third jhāna, where they meditate with equanimity, mindful and aware, personally experiencing the bliss of which the noble ones declare, ‘Equanimous and mindful, one meditates in bliss.’ Giving up pleasure and pain, and ending former happiness and sadness, they enter and remain in the fourth jhāna, without pleasure or pain, with pure equanimity and mindfulness. Going totally beyond perceptions of form, with the ending of perceptions of impingement, not focusing on perceptions of diversity, aware that ‘space is infinite’, they enter and remain in the dimension of infinite space. Going totally beyond the dimension of infinite space, aware that ‘consciousness is infinite’, they enter and remain in the dimension of infinite consciousness. Going totally beyond the dimension of infinite consciousness, aware that ‘there is nothing at all’, they enter and remain in the dimension of nothingness. Going totally beyond the dimension of nothingness, they enter and remain in the dimension of neither perception nor non-perception. Going totally beyond the dimension of neither perception nor non-perception, they enter and remain in the cessation of perception and feeling.

    นว อนุปุพฺพนิโรธาฯ ปฐมํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส กามสญฺญา นิรุทฺธา โหติฯ ทุติยํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส วิตกฺกวิจารา นิรุทฺธา โหนฺติฯ ตติยํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส ปีติ นิรุทฺธา โหติฯ จตุตฺถํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส อสฺสาสปสฺสาสฺสา นิรุทฺธา โหนฺติฯ อากาสานญฺจายตนํ สมาปนฺนสฺส รูปสญฺญา นิรุทฺธา โหติฯ วิญฺญาณญฺจายตนํ สมาปนฺนสฺส อากาสานญฺจายตนสญฺญา นิรุทฺธา โหติฯ อากิญฺจญฺญายตนํ สมาปนฺนสฺส วิญฺญาณญฺจายตนสญฺญา นิรุทฺธา โหติฯ เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมาปนฺนสฺส อากิญฺจญฺญายตนสญฺญา นิรุทฺธา โหติฯ สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปนฺนสฺส สญฺญา จ เวทนา จ นิรุทฺธา โหนฺติฯ

    Nine progressive cessations: For someone who has attained the first jhāna, sensual perceptions have ceased. For someone who has attained the second jhāna, the placing of the mind and keeping it connected have ceased. For someone who has attained the third jhāna, rapture has ceased. For someone who has attained the fourth jhāna, breathing has ceased. For someone who has attained the dimension of infinite space, the perception of form has ceased. For someone who has attained the dimension of infinite consciousness, the perception of the dimension of infinite space has ceased. For someone who has attained the dimension of nothingness, the perception of the dimension of infinite consciousness has ceased. For someone who has attained the dimension of neither perception nor non-perception, the perception of the dimension of nothingness has ceased. For someone who has attained the cessation of perception and feeling, perception and feeling have ceased.

    อิเม โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน นว ธมฺมา สมฺมทกฺขาตาฯ ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ …เป… อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ

    These are the teachings grouped by nine that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert.

    ๑๐ฯ ทสก

    10. Tens

    อตฺถิ โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ทส ธมฺมา สมฺมทกฺขาตาฯ ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ …เป… อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ กตเม ทส?

    There are teachings grouped by ten that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert. What are the teachings grouped by ten?

    ทส นาถกรณา ธมฺมาฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ สีลวา โหติฯ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน, อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ, อาจารโคจรสมฺปนฺโน, อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Ten qualities that serve as protector: Firstly, a bhikkhu is ethical, restrained in the monastic code, conducting themselves well and seeking alms in suitable places. Seeing danger in the slightest fault, they keep the rules they’ve undertaken. This is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโยฯ เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถา สพฺยญฺชนา เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺฐิยา สุปฺปฏิวิทฺธาฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ พหุสฺสุโต โหติ …เป… ทิฏฺฐิยา สุปฺปฏิวิทฺธาฯ อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu is very learned, remembering and keeping what they’ve learned. These teachings are good in the beginning, good in the middle, and good in the end, meaningful and well-phrased, describing a spiritual practice that’s entirely full and pure. They are very learned in such teachings, remembering them, reinforcing them by recitation, mentally scrutinizing them, and comprehending them theoretically. This too is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ กลฺยาณมิตฺโต โหติ กลฺยาณสหาโย กลฺยาณสมฺปวงฺโกฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ กลฺยาณมิตฺโต โหติ กลฺยาณสหาโย กลฺยาณสมฺปวงฺโกฯ อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu has good friends, companions, and associates. This too is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สุวโจ โหติ โสวจสฺสกรเณหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ขโม ปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนึฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ สุวโจ โหติ …เป… ปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนึฯ อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu is easy to admonish, having qualities that make them easy to admonish. They’re patient, and take instruction respectfully. This too is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กิงฺกรณียานิ, ตตฺถ ทกฺโข โหติ อนลโส ตตฺรุปายาย วีมํสาย สมนฺนาคโต, อลํ กาตุํ อลํ สํวิธาตุํฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ …เป… อลํ สํวิธาตุํฯ อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu is deft and tireless in a diverse spectrum of duties for their spiritual companions, understanding how to go about things in order to complete and organize the work. This too is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ธมฺมกาโม โหติ ปิยสมุทาหาโร, อภิธมฺเม อภิวินเย อุฬารปาโมชฺโชฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ ธมฺมกาโม โหติ …เป… อุฬารปาโมชฺโชฯ อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu loves the teachings and is a delight to converse with, being full of joy in the teaching and training. This too is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโฐ โหติ อิตรีตเรหิ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรหิฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโฐ โหติ …เป… ปริกฺขาเรหิฯ อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu is content with any kind of robes, almsfood, lodgings, and medicines and supplies for the sick. This too is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ …เป… อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu lives with energy roused up for giving up unskillful qualities and embracing skillful qualities. They are strong, staunchly vigorous, not slacking off when it comes to developing skillful qualities. This too is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สติมา โหติ ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคโต จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตาฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ สติมา โหติ …เป… สริตา อนุสฺสริตาฯ อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu is mindful. They have utmost mindfulness and alertness, and can remember and recall what was said and done long ago. This too is a quality that serves as protector.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปญฺญวา โหติ, อุทยตฺถคามินิยา ปญฺญาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมาทุกฺขกฺขยคามินิยาฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ ปญฺญวา โหติ …เป… สมฺมาทุกฺขกฺขยคามินิยาฯ อยมฺปิ ธมฺโม นาถกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu is wise. They have the wisdom of arising and passing away which is noble, penetrative, and leads to the complete ending of suffering. This too is a quality that serves as protector.

    ทส กสิณายตนานิฯ ปถวีกสิณเมโก สญฺชานาติ, อุทฺธํ อโธ ติริยํ อทฺวยํ อปฺปมาณํฯ อาโปกสิณเมโก สญฺชานาติ …เป… เตโชกสิณเมโก สญฺชานาติ … วาโยกสิณเมโก สญฺชานาติ … นีลกสิณเมโก สญฺชานาติ … ปีตกสิณเมโก สญฺชานาติ … โลหิตกสิณเมโก สญฺชานาติ … โอทาตกสิณเมโก สญฺชานาติ … อากาสกสิณเมโก สญฺชานาติ … วิญฺญาณกสิณเมโก สญฺชานาติ, อุทฺธํ อโธ ติริยํ อทฺวยํ อปฺปมาณํฯ

    Ten universal dimensions of meditation: Someone perceives the meditation on universal earth above, below, across, undivided and limitless. They perceive the meditation on universal water … the meditation on universal fire … the meditation on universal air … the meditation on universal blue … the meditation on universal yellow … the meditation on universal red … the meditation on universal white … the meditation on universal space … They perceive the meditation on universal consciousness above, below, across, undivided and limitless.

    ทส อกุสลกมฺมปถา—ปาณาติปาโต, อทินฺนาทานํ, กาเมสุมิจฺฉาจาโร, มุสาวาโท, ปิสุณา วาจา, ผรุสา วาจา, สมฺผปฺปลาโป, อภิชฺฌา, พฺยาปาโท, มิจฺฉาทิฏฺฐิฯ

    Ten ways of doing unskillful deeds: killing living creatures, stealing, and sexual misconduct; speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical; covetousness, ill will, and wrong view.

    ทส กุสลกมฺมปถา—ปาณาติปาตา เวรมณี, อทินฺนาทานา เวรมณี, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี, มุสาวาทา เวรมณี, ปิสุณาย วาจาย เวรมณี, ผรุสาย วาจาย เวรมณี, สมฺผปฺปลาปา เวรมณี, อนภิชฺฌา, อพฺยาปาโท, สมฺมาทิฏฺฐิฯ

    Ten ways of doing skillful deeds: refraining from killing living creatures, stealing, and sexual misconduct; refraining from speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical; contentment, good will, and right view.

    ทส อริยวาสาฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ ปญฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ, ฉฬงฺคสมนฺนาคโต, เอการกฺโข, จตุราปเสฺสโน, ปณุนฺนปจฺเจกสจฺโจ, สมวยสฏฺเฐสโน, อนาวิลสงฺกปฺโป, ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร, สุวิมุตฺตจิตฺโต, สุวิมุตฺตปญฺโญฯ

    Ten abodes of the noble ones: A bhikkhu has given up five factors, possesses six factors, has a single guard, has four supports, has eliminated idiosyncratic interpretations of the truth, has totally given up searching, has unsullied intentions, has stilled the physical process, and is well freed in mind and well freed by wisdom.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ ปญฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน กามจฺฉนฺโท ปหีโน โหติ, พฺยาปาโท ปหีโน โหติ, ถินมิทฺธํ ปหีนํ โหติ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหีนํ โหติ, วิจิกิจฺฉา ปหีนา โหติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ปญฺจงฺควิปฺปหีโน โหติฯ

    And how has a bhikkhu given up five factors? It’s when a bhikkhu has given up sensual desire, ill will, dullness and drowsiness, restlessness and remorse, and doubt. That’s how a bhikkhu has given up five factors.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา …เป… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต โหติฯ

    And how does a bhikkhu possess six factors? A bhikkhu, seeing a sight with their eyes, is neither happy nor sad. They remain equanimous, mindful and aware. Hearing a sound with their ears … Smelling an odor with their nose … Tasting a flavor with their tongue … Feeling a touch with their body … Knowing a thought with their mind, they’re neither happy nor sad. They remain equanimous, mindful and aware. That’s how a bhikkhu possesses six factors.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ เอการกฺโข โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ สตารกฺเขน เจตสา สมนฺนาคโต โหติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ เอการกฺโข โหติฯ

    And how does a bhikkhu have a single guard? It’s when a bhikkhu’s heart is guarded by mindfulness. That’s how a bhikkhu has a single guard.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ จตุราปเสฺสโน โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ จตุราปเสฺสโน โหติฯ

    And how does a bhikkhu have four supports? After appraisal, a bhikkhu uses some things, endures some things, avoids some things, and gets rid of some things. That’s how a bhikkhu has four supports.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ ปณุนฺนปจฺเจกสจฺโจ โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน ยานิ ตานิ ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ ปุถุปจฺเจกสจฺจานิ, สพฺพานิ ตานิ นุนฺนานิ โหนฺติ ปณุนฺนานิ จตฺตานิ วนฺตานิ มุตฺตานิ ปหีนานิ ปฏินิสฺสฏฺฐานิฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ปณุนฺนปจฺเจกสจฺโจ โหติฯ

    And how has a bhikkhu eliminated idiosyncratic interpretations of the truth? Different ascetics and brahmins have different idiosyncratic interpretations of the truth. A bhikkhu has dispelled, eliminated, thrown out, rejected, let go of, given up, and relinquished all these. That’s how a bhikkhu has eliminated idiosyncratic interpretations of the truth.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ สมวยสฏฺเฐสโน โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน กาเมสนา ปหีนา โหติ, ภเวสนา ปหีนา โหติ, พฺรหฺมจริเยสนา ปฏิปฺปสฺสทฺธาฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ สมวยสฏฺเฐสโน โหติฯ

    And how has a bhikkhu totally given up searching? It’s when they’ve given up searching for sensual pleasures, for continued existence, and for a spiritual path. That’s how a bhikkhu has totally given up searching.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ อนาวิลสงฺกปฺโป โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน กามสงฺกปฺโป ปหีโน โหติ, พฺยาปาทสงฺกปฺโป ปหีโน โหติ, วิหึสาสงฺกปฺโป ปหีโน โหติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ อนาวิลสงฺกปฺโป โหติฯ

    And how does a bhikkhu have unsullied intentions? It’s when they’ve given up sensual, malicious, and cruel intentions. That’s how a bhikkhu has unsullied intentions.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร โหติฯ

    And how has a bhikkhu stilled the physical process? It’s when, giving up pleasure and pain, and ending former happiness and sadness, they enter and remain in the fourth jhāna, without pleasure or pain, with pure equanimity and mindfulness. That’s how a bhikkhu has stilled the physical process.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตจิตฺโต โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน ราคา จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ, โทสา จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ, โมหา จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตจิตฺโต โหติฯ

    And how is a bhikkhu well freed in mind? It’s when a bhikkhu’s mind is freed from greed, hate, and delusion. That’s how a bhikkhu is well freed in mind.

    กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตปญฺโญ โหติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ ‘ราโค เม ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม'ติ ปชานาติฯ ‘โทโส เม ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม'ติ ปชานาติฯ ‘โมโห เม ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม'ติ ปชานาติฯ เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตปญฺโญ โหติฯ

    And how is a bhikkhu well freed by wisdom? It’s when a bhikkhu understands: ‘I’ve given up greed, hate, and delusion, cut them off at the root, made them like a palm stump, obliterated them, so they’re unable to arise in the future.’ That’s how a bhikkhu’s mind is well freed by wisdom.

    ทส อเสกฺขา ธมฺมา—อเสกฺขา สมฺมาทิฏฺฐิ, อเสกฺโข สมฺมาสงฺกปฺโป, อเสกฺขา สมฺมาวาจา, อเสกฺโข สมฺมากมฺมนฺโต, อเสกฺโข สมฺมาอาชีโว, อเสกฺโข สมฺมาวายาโม, อเสกฺขา สมฺมาสติ, อเสกฺโข สมฺมาสมาธิ, อเสกฺขํ สมฺมาญาณํ, อเสกฺขา สมฺมาวิมุตฺติฯ

    Ten qualities of an adept: an adept’s right view, right thought, right speech, right action, right livelihood, right effort, right mindfulness, right immersion, right knowledge, and right freedom.

    อิเม โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ทส ธมฺมา สมฺมทกฺขาตาฯ ตตฺถ สพฺเพเหว สงฺคายิตพฺพํ น วิวทิตพฺพํ, ยถยิทํ พฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺฐิติกํ, ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานนฺ”ติฯ

    Friends, these are the teachings grouped by ten that have been rightly explained by the Buddha. You should all recite these in concert, without disputing, so that this spiritual path may last for a long time. That would be for the welfare and happiness of the people, out of compassion for the world, for the benefit, welfare, and happiness of gods and humans.”

    อถ โข ภควา อุฏฺฐหิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามนฺเตสิ: “สาธุ สาธุ, สาริปุตฺต, สาธุ โข ตฺวํ, สาริปุตฺต, ภิกฺขูนํ สงฺคีติปริยายํ อภาสี”ติฯ

    Then the Buddha got up and said to Venerable Sāriputta, “Good, good, Sāriputta! It’s good that you’ve taught this exposition of the reciting in concert.”

    อิทมโวจายสฺมา สาริปุตฺโต, สมนุญฺโญ สตฺถา อโหสิฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ

    That is what Venerable Sāriputta said, and the teacher approved. Satisfied, the bhikkhus approved what Sāriputta said.

    สงฺคีติสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ทสมํฯ





    The authoritative text of the Dīgha Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]


    © 1991-2024 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact