Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) |
๑๐. สงฺคีติสุตฺตวณฺณนา
10. Saṅgītisuttavaṇṇanā
๒๙๖. เอวํ เม สุตนฺติ สงฺคีติสุตฺตํฯ ตตฺรายมปุพฺพปทวณฺณนา – จาริกํ จรมาโนติ นิพทฺธจาริกํ จรมาโนฯ ตทา กิร สตฺถา ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ ญาณชาลํ ปตฺถริตฺวา โลกํ โวโลกยมาโน ปาวานครวาสิโน มลฺลราชาโน ทิสฺวา อิเม ราชาโน มยฺหํ สพฺพญฺญุตญฺญาณชาลสฺส อโนฺต ปญฺญายนฺติ, กิํ นุ โขติ อาวชฺชโนฺต ‘‘ราชาโน เอกํ สนฺธาคารํ กาเรสุํ, มยิ คเต มงฺคลํ ภณาเปสฺสนฺติ, อหํ เตสํ มงฺคลํ วตฺวา อุโยฺยเชตฺวา ‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส ธมฺมกถํ กเถหี’ติ สาริปุตฺตํ วกฺขามิ, สาริปุโตฺต ตีหิ ปิฎเกหิ สมฺมสิตฺวา จุทฺทสปญฺหาธิเกน ปญฺหสหเสฺสน ปฎิมเณฺฑตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส สงฺคีติสุตฺตํ นาม กเถสฺสติ, สุตฺตนฺตํ อาวเชฺชตฺวา ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺตี’’ติ อิมมตฺถํ ทิสฺวา จาริกํ ปกฺกโนฺตฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘มเลฺลสุ จาริกํ จรมาโน’’ติฯ
296.Evaṃme sutanti saṅgītisuttaṃ. Tatrāyamapubbapadavaṇṇanā – cārikaṃ caramānoti nibaddhacārikaṃ caramāno. Tadā kira satthā dasasahassacakkavāḷe ñāṇajālaṃ pattharitvā lokaṃ volokayamāno pāvānagaravāsino mallarājāno disvā ime rājāno mayhaṃ sabbaññutaññāṇajālassa anto paññāyanti, kiṃ nu khoti āvajjanto ‘‘rājāno ekaṃ sandhāgāraṃ kāresuṃ, mayi gate maṅgalaṃ bhaṇāpessanti, ahaṃ tesaṃ maṅgalaṃ vatvā uyyojetvā ‘bhikkhusaṅghassa dhammakathaṃ kathehī’ti sāriputtaṃ vakkhāmi, sāriputto tīhi piṭakehi sammasitvā cuddasapañhādhikena pañhasahassena paṭimaṇḍetvā bhikkhusaṅghassa saṅgītisuttaṃ nāma kathessati, suttantaṃ āvajjetvā pañca bhikkhusatāni saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇissantī’’ti imamatthaṃ disvā cārikaṃ pakkanto. Tena vuttaṃ – ‘‘mallesu cārikaṃ caramāno’’ti.
อุพฺภตกนวสนฺธาคารวณฺณนา
Ubbhatakanavasandhāgāravaṇṇanā
๒๙๗. อุพฺภตกนฺติ ตสฺส นามํ, อุจฺจตฺตา วา เอวํ วุตฺตํฯ สนฺธาคารนฺติ นครมเชฺฌ สนฺธาคารสาลาฯ สมเณน วาติ เอตฺถ ยสฺมา ฆรวตฺถุปริคฺคหกาเลเยว เทวตา อตฺตโน วสนฎฺฐานํ คณฺหนฺติฯ ตสฺมา เทเวน วาติ อวตฺวา ‘‘สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เกนจิ วา มนุสฺสภูเตนา’’ติ วุตฺตํฯ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสูติ ภควโต อาคมนํ สุตฺวา ‘‘อเมฺหหิ คนฺตฺวาปิ น ภควา อานีโต, ทูตํ เปเสตฺวาปิ น ปโกฺกสาปิโต, สยเมว ปน มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร อมฺหากํ วสนฎฺฐานํ สมฺปโตฺต, อเมฺหหิ จ สนฺธาคารสาลา การิตา, เอตฺถ มยํ ทสพลํ อาเนตฺวา มงฺคลํ ภณาเปสฺสามา’’ติ จิเนฺตตฺวา อุปสงฺกมิํสุฯ
297.Ubbhatakanti tassa nāmaṃ, uccattā vā evaṃ vuttaṃ. Sandhāgāranti nagaramajjhe sandhāgārasālā. Samaṇena vāti ettha yasmā gharavatthupariggahakāleyeva devatā attano vasanaṭṭhānaṃ gaṇhanti. Tasmā devena vāti avatvā ‘‘samaṇena vā brāhmaṇena vā kenaci vā manussabhūtenā’’ti vuttaṃ. Yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsūti bhagavato āgamanaṃ sutvā ‘‘amhehi gantvāpi na bhagavā ānīto, dūtaṃ pesetvāpi na pakkosāpito, sayameva pana mahābhikkhusaṅghaparivāro amhākaṃ vasanaṭṭhānaṃ sampatto, amhehi ca sandhāgārasālā kāritā, ettha mayaṃ dasabalaṃ ānetvā maṅgalaṃ bhaṇāpessāmā’’ti cintetvā upasaṅkamiṃsu.
๒๙๘. เยน สนฺธาคารํ เตนุปสงฺกมิํสูติ ตํ ทิวสํ กิร สนฺธาคาเร จิตฺตกมฺมํ นิฎฺฐเปตฺวา อฎฺฎกา มุตฺตมตฺตา โหนฺติ, พุทฺธา จ นาม อรญฺญชฺฌาสยา อรญฺญารามา, อโนฺตคาเม วเสยฺยุํ วา โน วาฯ ตสฺมา ภควโต มนํ ชานิตฺวาว ปฎิชคฺคิสฺสามาติ จิเนฺตตฺวา เต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิํสุฯ อิทานิ ปน มนํ ลภิตฺวา ปฎิชคฺคิตุกามา เยน สนฺธาคารํ เตนุปสงฺกมิํสุ ฯ สพฺพสนฺถรินฺติ ยถา สพฺพํ สนฺถตํ โหติ, เอวํฯ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสูติ เอตฺถ ปน เต มลฺลราชาโน สนฺธาคารํ ปฎิชคฺคิตฺวา นครวีถิโยปิ สมฺมชฺชาเปตฺวา ธเช อุสฺสาเปตฺวา เคหทฺวาเรสุ ปุณฺณฆเฎ จ กทลิโย จ ฐปาเปตฺวา สกลนครํ ทีปมาลาทีหิ วิปฺปกิณฺณตารกํ วิย กตฺวา ขีรปายเก ทารเก ขีรํ ปาเยฺยถ, ทหเร กุมาเร ลหุํ ลหุํ โภชาเปตฺวา สยาเปถ, อุจฺจาสทฺทํ มา กริตฺถ, อชฺช เอกรตฺติํ สตฺถา อโนฺตคาเม วสิสฺสติ, พุทฺธา นาม อปฺปสทฺทกามา โหนฺตีติ เภริํ จราเปตฺวา สยํ ทณฺฑทีปิกํ อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุฯ
298.Yena sandhāgāraṃ tenupasaṅkamiṃsūti taṃ divasaṃ kira sandhāgāre cittakammaṃ niṭṭhapetvā aṭṭakā muttamattā honti, buddhā ca nāma araññajjhāsayā araññārāmā, antogāme vaseyyuṃ vā no vā. Tasmā bhagavato manaṃ jānitvāva paṭijaggissāmāti cintetvā te bhagavantaṃ upasaṅkamiṃsu. Idāni pana manaṃ labhitvā paṭijaggitukāmā yena sandhāgāraṃ tenupasaṅkamiṃsu . Sabbasantharinti yathā sabbaṃ santhataṃ hoti, evaṃ. Yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsūti ettha pana te mallarājāno sandhāgāraṃ paṭijaggitvā nagaravīthiyopi sammajjāpetvā dhaje ussāpetvā gehadvāresu puṇṇaghaṭe ca kadaliyo ca ṭhapāpetvā sakalanagaraṃ dīpamālādīhi vippakiṇṇatārakaṃ viya katvā khīrapāyake dārake khīraṃ pāyyetha, dahare kumāre lahuṃ lahuṃ bhojāpetvā sayāpetha, uccāsaddaṃ mā karittha, ajja ekarattiṃ satthā antogāme vasissati, buddhā nāma appasaddakāmā hontīti bheriṃ carāpetvā sayaṃ daṇḍadīpikaṃ ādāya yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu.
๒๙๙. ภควนฺตํเยว ปุรกฺขตฺวาติ ภควนฺตํ ปุรโต กตฺวาฯ ตตฺถ ภควา ภิกฺขูนเญฺจว อุปาสกานญฺจ มเชฺฌ นิสิโนฺน อติวิย วิโรจติ, สมนฺตปาสาทิโก สุวณฺณวโณฺณ อภิรูโป ทสฺสนีโยฯ ปุริมกายโต สุวณฺณวณฺณา รสฺมิ อุฎฺฐหิตฺวา อสีติหตฺถํ ฐานํ คณฺหาติฯ ปจฺฉิมกายโตฯ ทกฺขิณหตฺถโตฯ วามหตฺถโต สุวณฺณวณฺณา รสฺมิ อุฎฺฐหิตฺวา อสีติหตฺถํ ฐานํ คณฺหาติฯ อุปริ เกสนฺตโต ปฎฺฐาย สพฺพเกสาวเฎฺฎหิ โมรคีววณฺณา รสฺมิ อุฎฺฐหิตฺวา คคนตเล อสีติหตฺถํ ฐานํ คณฺหาติฯ เหฎฺฐา ปาทตเลหิ ปวาฬวณฺณา รสฺมิ อุฎฺฐหิตฺวา ฆนปถวิยํ อสีติหตฺถํ ฐานํ คณฺหาติฯ เอวํ สมนฺตา อสีติ หตฺถมตฺตํ ฐานํ ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย วิโชฺชตมานา วิปฺผนฺทมานา วิธาวนฺติฯ สเพฺพ ทิสาภาคา สุวณฺณจมฺปกปุเปฺผหิ วิกิริยมานา วิย สุวณฺณฆฎโต นิกฺขนฺตสุวณฺณรสธาราหิ สิญฺจมานา วิย ปสาริตสุวณฺณปฎปริกฺขิตฺตา วิย เวรมฺภวาตสมุฎฺฐิตกิํสุกกณิการปุปฺผจุณฺณสมากิณฺณา วิย จ วิปฺปกาสนฺติฯ
299.Bhagavantaṃyeva purakkhatvāti bhagavantaṃ purato katvā. Tattha bhagavā bhikkhūnañceva upāsakānañca majjhe nisinno ativiya virocati, samantapāsādiko suvaṇṇavaṇṇo abhirūpo dassanīyo. Purimakāyato suvaṇṇavaṇṇā rasmi uṭṭhahitvā asītihatthaṃ ṭhānaṃ gaṇhāti. Pacchimakāyato. Dakkhiṇahatthato. Vāmahatthato suvaṇṇavaṇṇā rasmi uṭṭhahitvā asītihatthaṃ ṭhānaṃ gaṇhāti. Upari kesantato paṭṭhāya sabbakesāvaṭṭehi moragīvavaṇṇā rasmi uṭṭhahitvā gaganatale asītihatthaṃ ṭhānaṃ gaṇhāti. Heṭṭhā pādatalehi pavāḷavaṇṇā rasmi uṭṭhahitvā ghanapathaviyaṃ asītihatthaṃ ṭhānaṃ gaṇhāti. Evaṃ samantā asīti hatthamattaṃ ṭhānaṃ chabbaṇṇā buddharasmiyo vijjotamānā vipphandamānā vidhāvanti. Sabbe disābhāgā suvaṇṇacampakapupphehi vikiriyamānā viya suvaṇṇaghaṭato nikkhantasuvaṇṇarasadhārāhi siñcamānā viya pasāritasuvaṇṇapaṭaparikkhittā viya verambhavātasamuṭṭhitakiṃsukakaṇikārapupphacuṇṇasamākiṇṇā viya ca vippakāsanti.
ภควโตปิ อสีติอนุพฺยญฺชนพฺยามปฺปภาทฺวตฺติํสวรลกฺขณสมุชฺชลํ สรีรํ สมุคฺคตตารกํ วิย คคนตลํ, วิกสิตมิว ปทุมวนํ , สพฺพปาลิผุโลฺล วิย โยชนสติโก ปาริจฺฉตฺตโก ปฎิปาฎิยา ฐปิตานํ ทฺวตฺติํสจนฺทานํ ทฺวตฺติํสสูริยานํ ทฺวตฺติํสจกฺกวตฺติราชานํ ทฺวตฺติํสเทวราชานํ ทฺวตฺติํสมหาพฺรหฺมานํ สิริยา สิริํ อภิภวมานํ วิย วิโรจติฯ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา ภิกฺขูปิ สเพฺพว อปฺปิจฺฉา สนฺตุฎฺฐา ปวิวิตฺตา อสํสฎฺฐา อารทฺธวีริยา วตฺตาโร วจนกฺขมา โจทกา ปาปครหิโน สีลสมฺปนฺนา สมาธิสมฺปนฺนา ปญฺญาวิมุตฺติ วิมุตฺติญาณทสฺสนสมฺปนฺนาฯ เตหิ ปริวาริโต ภควา รตฺตกมฺพลปริกฺขิโตฺต วิย สุวณฺณกฺขโนฺธ , รตฺตปทุมวนสณฺฑมชฺฌคตา วิย สุวณฺณนาวา, ปวาฬเวทิกาปริกฺขิโตฺต วิย สุวณฺณปาสาโท วิโรจิตฺถฯ
Bhagavatopi asītianubyañjanabyāmappabhādvattiṃsavaralakkhaṇasamujjalaṃ sarīraṃ samuggatatārakaṃ viya gaganatalaṃ, vikasitamiva padumavanaṃ , sabbapāliphullo viya yojanasatiko pāricchattako paṭipāṭiyā ṭhapitānaṃ dvattiṃsacandānaṃ dvattiṃsasūriyānaṃ dvattiṃsacakkavattirājānaṃ dvattiṃsadevarājānaṃ dvattiṃsamahābrahmānaṃ siriyā siriṃ abhibhavamānaṃ viya virocati. Parivāretvā nisinnā bhikkhūpi sabbeva appicchā santuṭṭhā pavivittā asaṃsaṭṭhā āraddhavīriyā vattāro vacanakkhamā codakā pāpagarahino sīlasampannā samādhisampannā paññāvimutti vimuttiñāṇadassanasampannā. Tehi parivārito bhagavā rattakambalaparikkhitto viya suvaṇṇakkhandho , rattapadumavanasaṇḍamajjhagatā viya suvaṇṇanāvā, pavāḷavedikāparikkhitto viya suvaṇṇapāsādo virocittha.
อสีติมหาเถราปิ นํ เมฆวณฺณํ ปํสุกูลํ ปารุปิตฺวา มณิวมฺมวมฺมิตา วิย มหานาคา ปริวารยิํสุ วนฺตราคา ภินฺนกิเลสา วิชฎิตชฎา ฉินฺนพนฺธนา กุเล วา คเณ วา อลคฺคาฯ อิติ ภควา สยํ วีตราโค วีตราเคหิ, วีตโทโส วีตโทเสหิ, วีตโมโห วีตโมเหหิ, นิตฺตโณฺห นิตฺตเณฺหหิ, นิกฺกิเลโส นิกฺกิเลเสหิ, สยํ พุโทฺธ พหุสฺสุตพุเทฺธหิ ปริวาริโต ปตฺตปริวาริตํ วิย เกสรํ, เกสรปริวาริตา วิย กณฺณิกา, อฎฺฐนาคสหสฺสปริวาริโต วิย ฉทฺทโนฺต นาคราชา, นวุติหํสสหสฺสปริวาริโต วิย ธตรโฎฺฐ หํสราชา, เสนงฺคปริวาริโต วิย จกฺกวตฺติราชา, มรุคณปริวาริโต วิย สโกฺก เทวราชา, พฺรหฺมคณปริวาริโต วิย หาริโต มหาพฺรหฺมา, อสเมน พุทฺธเวเสน อปริมาเณน พุทฺธวิลาเสน ตสฺสํ ปริสติ นิสิโนฺน ปาเวยฺยเก มเลฺล พหุเทว รตฺติํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา อุโยฺยเชสิฯ
Asītimahātherāpi naṃ meghavaṇṇaṃ paṃsukūlaṃ pārupitvā maṇivammavammitā viya mahānāgā parivārayiṃsu vantarāgā bhinnakilesā vijaṭitajaṭā chinnabandhanā kule vā gaṇe vā alaggā. Iti bhagavā sayaṃ vītarāgo vītarāgehi, vītadoso vītadosehi, vītamoho vītamohehi, nittaṇho nittaṇhehi, nikkileso nikkilesehi, sayaṃ buddho bahussutabuddhehi parivārito pattaparivāritaṃ viya kesaraṃ, kesaraparivāritā viya kaṇṇikā, aṭṭhanāgasahassaparivārito viya chaddanto nāgarājā, navutihaṃsasahassaparivārito viya dhataraṭṭho haṃsarājā, senaṅgaparivārito viya cakkavattirājā, marugaṇaparivārito viya sakko devarājā, brahmagaṇaparivārito viya hārito mahābrahmā, asamena buddhavesena aparimāṇena buddhavilāsena tassaṃ parisati nisinno pāveyyake malle bahudeva rattiṃ dhammiyā kathāya sandassetvā uyyojesi.
เอตฺถ จ ธมฺมิกถา นาม สนฺธาคารอนุโมทนปฺปฎิสํยุตฺตา ปกิณฺณกกถา เวทิตพฺพาฯ ตทา หิ ภควา อากาสคงฺคํ โอตาเรโนฺต วิย ปถโวชํ อากฑฺฒโนฺต วิย มหาชมฺพุํ มตฺถเก คเหตฺวา จาเลโนฺต วิย โยชนิยมธุคณฺฑํ จกฺกยเนฺตน ปีเฬตฺวา มธุปานํ ปายมาโน วิย จ ปาเวยฺยกานํ มลฺลานํ หิตสุขาวหํ ปกิณฺณกกถํ กเถสิฯ
Ettha ca dhammikathā nāma sandhāgāraanumodanappaṭisaṃyuttā pakiṇṇakakathā veditabbā. Tadā hi bhagavā ākāsagaṅgaṃ otārento viya pathavojaṃ ākaḍḍhanto viya mahājambuṃ matthake gahetvā cālento viya yojaniyamadhugaṇḍaṃ cakkayantena pīḷetvā madhupānaṃ pāyamāno viya ca pāveyyakānaṃ mallānaṃ hitasukhāvahaṃ pakiṇṇakakathaṃ kathesi.
๓๐๐. ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูตนฺติ ยํ ยํ ทิสํ อนุวิโลเกติ, ตตฺถ ตตฺถ ตุณฺหีภูตเมวฯ อนุวิโลเกตฺวาติ มํสจกฺขุนา ทิพฺพจกฺขุนาติ ทฺวีหิ จกฺขูหิ ตโต ตโต วิโลเกตฺวาฯ มํสจกฺขุนา หิ เนสํ พหิทฺธา อิริยาปถํ ปริคฺคเหสิฯ ตตฺถ เอกภิกฺขุสฺสาปิ เนว หตฺถกุกฺกุจฺจํ น ปาทกุกฺกุจฺจํ อโหสิ, น โกจิ สีสมุกฺขิปิ, น กถํ กเถสิ, น นิทฺทายโนฺต นิสีทิฯ สเพฺพปิ ตีหิ สิกฺขาหิ สิกฺขิตา นิวาเต ปทีปสิขา วิย นิจฺจลา นิสีทิํสุฯ อิติ เนสํ อิมํ อิริยาปถํ มํสจกฺขุนา ปริคฺคเหสิฯ อาโลกํ ปน วฑฺฒยิตฺวา ทิพฺพจกฺขุนา หทยรูปํ ทิสฺวา อพฺภนฺตรคตํ สีลํ โอโลเกสิฯ โส อเนกสตานํ ภิกฺขูนํ อโนฺตกุมฺภิยํ ชลมานํ ปทีปํ วิย อรหตฺตุปคํ สีลํ อทฺทสฯ อารทฺธวิปสฺสกา หิ เต ภิกฺขูฯ อิติ เนสํ สีลํ ทิสฺวา ‘‘อิเมปิ ภิกฺขู มยฺหํ อนุจฺฉวิกา, อหมฺปิ อิเมสํ อนุจฺฉวิโก’’ติ จกฺขุตเลสุ นิมิตฺตํ ฐเปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ โอโลเกตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามเนฺตสิ ‘‘ปิฎฺฐิ เม อาคิลายตี’’ติฯ กสฺมา อาคิลายติ? ภควโต หิ ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ ปทหนฺตสฺส มหนฺตํ กายทุกฺขํ อโหสิฯ อถสฺส อปรภาเค มหลฺลกกาเล ปิฎฺฐิวาโต อุปฺปชฺชิฯ
300.Tuṇhībhūtaṃ tuṇhībhūtanti yaṃ yaṃ disaṃ anuviloketi, tattha tattha tuṇhībhūtameva. Anuviloketvāti maṃsacakkhunā dibbacakkhunāti dvīhi cakkhūhi tato tato viloketvā. Maṃsacakkhunā hi nesaṃ bahiddhā iriyāpathaṃ pariggahesi. Tattha ekabhikkhussāpi neva hatthakukkuccaṃ na pādakukkuccaṃ ahosi, na koci sīsamukkhipi, na kathaṃ kathesi, na niddāyanto nisīdi. Sabbepi tīhi sikkhāhi sikkhitā nivāte padīpasikhā viya niccalā nisīdiṃsu. Iti nesaṃ imaṃ iriyāpathaṃ maṃsacakkhunā pariggahesi. Ālokaṃ pana vaḍḍhayitvā dibbacakkhunā hadayarūpaṃ disvā abbhantaragataṃ sīlaṃ olokesi. So anekasatānaṃ bhikkhūnaṃ antokumbhiyaṃ jalamānaṃ padīpaṃ viya arahattupagaṃ sīlaṃ addasa. Āraddhavipassakā hi te bhikkhū. Iti nesaṃ sīlaṃ disvā ‘‘imepi bhikkhū mayhaṃ anucchavikā, ahampi imesaṃ anucchaviko’’ti cakkhutalesu nimittaṃ ṭhapetvā bhikkhusaṅghaṃ oloketvā āyasmantaṃ sāriputtaṃ āmantesi ‘‘piṭṭhi me āgilāyatī’’ti. Kasmā āgilāyati? Bhagavato hi chabbassāni mahāpadhānaṃ padahantassa mahantaṃ kāyadukkhaṃ ahosi. Athassa aparabhāge mahallakakāle piṭṭhivāto uppajji.
สงฺฆาฎิํ ปญฺญาเปตฺวาติ สนฺธาคารสฺส กิร เอกปเสฺส เต ราชาโน กปฺปิยมญฺจกํ ปญฺญเปสุํ ‘‘อเปฺปว นาม สตฺถา นิปเชฺชยฺยา’’ติฯ สตฺถาปิ จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภุตฺตํ อิเมสํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตีติ ตตฺถ สงฺฆาฎิํ ปญฺญาเปตฺวา นิปชฺชิฯ
Saṅghāṭiṃ paññāpetvāti sandhāgārassa kira ekapasse te rājāno kappiyamañcakaṃ paññapesuṃ ‘‘appeva nāma satthā nipajjeyyā’’ti. Satthāpi catūhi iriyāpathehi paribhuttaṃ imesaṃ mahapphalaṃ bhavissatīti tattha saṅghāṭiṃ paññāpetvā nipajji.
ภินฺนนิคณฺฐวตฺถุวณฺณนา
Bhinnanigaṇṭhavatthuvaṇṇanā
๓๐๑. ตสฺส กาลงฺกิริยายาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ
301.Tassa kālaṅkiriyāyātiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ sabbaṃ heṭṭhā vuttameva.
๓๐๒. อามเนฺตสีติ ภณฺฑนาทิวูปสมกรํ สฺวาขฺยาตํ ธมฺมํ เทเสตุกาโม อามเนฺตสิฯ
302.Āmantesīti bhaṇḍanādivūpasamakaraṃ svākhyātaṃ dhammaṃ desetukāmo āmantesi.
เอกกวณฺณนา
Ekakavaṇṇanā
๓๐๓. ตตฺถาติ ตสฺมิํ ธเมฺมฯ สงฺคายิตพฺพนฺติ สมเคฺคหิ คายิตพฺพํ, เอกวจเนหิ อวิรุทฺธวจเนหิ ภณิตพฺพํฯ น วิวทิตพฺพนฺติ อเตฺถ วา พฺยญฺชเน วา วิวาโท น กาตโพฺพฯ เอโก ธโมฺมติ เอกกทุกติกาทิวเสน พหุธา สามคฺคิรสํ ทเสฺสตุกาโม ปฐมํ ตาว ‘‘เอโก ธโมฺม’’ติ อาหฯ สเพฺพ สตฺตาติ กามภวาทีสุ สญฺญาภวาทีสุ เอกโวการภวาทีสุ จ สพฺพภเวสุ สเพฺพ สตฺตาฯ อาหารฎฺฐิติกาติ อาหารโต ฐิติ เอเตสนฺติ อาหารฎฺฐิติกาฯ อิติ สพฺพสตฺตานํ ฐิติ เหตุ อาหาโร นาม เอโก ธโมฺม อมฺหากํ สตฺถารา ยาถาวโต ญตฺวา สมฺมทกฺขาโต อาวุโสติ ทีเปติฯ
303.Tatthāti tasmiṃ dhamme. Saṅgāyitabbanti samaggehi gāyitabbaṃ, ekavacanehi aviruddhavacanehi bhaṇitabbaṃ. Na vivaditabbanti atthe vā byañjane vā vivādo na kātabbo. Eko dhammoti ekakadukatikādivasena bahudhā sāmaggirasaṃ dassetukāmo paṭhamaṃ tāva ‘‘eko dhammo’’ti āha. Sabbe sattāti kāmabhavādīsu saññābhavādīsu ekavokārabhavādīsu ca sabbabhavesu sabbe sattā. Āhāraṭṭhitikāti āhārato ṭhiti etesanti āhāraṭṭhitikā. Iti sabbasattānaṃ ṭhiti hetu āhāro nāma eko dhammo amhākaṃ satthārā yāthāvato ñatvā sammadakkhāto āvusoti dīpeti.
นนุ จ เอวํ สเนฺต ยํ วุตฺตํ ‘‘อสญฺญสตฺตา เทวา อเหตุกา อนาหารา อผสฺสกา’’ติอาทิ, (วิภ. ๑๐๑๗) ตํ วจนํ วิรุชฺฌตีติ, น วิรุชฺฌติฯ เตสญฺหิ ฌานํ อาหาโร โหติฯ เอวํ สเนฺตปิ ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อาหารา ภูตานํ วา สตฺตานํ ฐิติยา สมฺภเวสีนํ วา อนุคฺคหายฯ กตเม จตฺตาโร? กพฬีกาโร อาหาโร โอฬาริโก วา สุขุโม วา, ผโสฺส ทุติโย, มโนสเญฺจตนา ตติยา, วิญฺญาณํ จตุตฺถ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๑) อิทมฺปิ วิรุชฺฌตีติ, อิทมฺปิ น วิรุชฺฌติฯ เอตสฺมิญฺหิ สุเตฺต นิปฺปริยาเยน อาหารลกฺขณาว ธมฺมา อาหาราติ วุตฺตาฯ อิธ ปน ปริยาเยน ปจฺจโย อาหาโรติ วุโตฺตฯ สพฺพธมฺมานญฺหิ ปจฺจโย ลทฺธุํ วฎฺฎติฯ โส จ ยํ ยํ ผลํ ชเนติ, ตํ ตํ อาหรติ นาม, ตสฺมา อาหาโรติ วุจฺจติฯ เตเนวาห ‘‘อวิชฺชมฺปาหํ, ภิกฺขเว, สาหารํ วทามิ, โน อนาหารํฯ โก จ, ภิกฺขเว, อวิชฺชาย อาหาโร? ปญฺจนีวรณาติสฺส วจนียํฯ ปญฺจนีวรเณปาหํ, ภิกฺขเว, สาหาเร วทามิ, โน อนาหาเรฯ โก จ, ภิกฺขเว, ปญฺจนฺนํ นีวรณานํ อาหาโร? อโยนิโสมนสิกาโรติสฺส วจนีย’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๖๑)ฯ อยํ อิธ อธิเปฺปโตฯ
Nanu ca evaṃ sante yaṃ vuttaṃ ‘‘asaññasattā devā ahetukā anāhārā aphassakā’’tiādi, (vibha. 1017) taṃ vacanaṃ virujjhatīti, na virujjhati. Tesañhi jhānaṃ āhāro hoti. Evaṃ santepi ‘‘cattārome, bhikkhave, āhārā bhūtānaṃ vā sattānaṃ ṭhitiyā sambhavesīnaṃ vā anuggahāya. Katame cattāro? Kabaḷīkāro āhāro oḷāriko vā sukhumo vā, phasso dutiyo, manosañcetanā tatiyā, viññāṇaṃ catuttha’’nti (saṃ. ni. 2.11) idampi virujjhatīti, idampi na virujjhati. Etasmiñhi sutte nippariyāyena āhāralakkhaṇāva dhammā āhārāti vuttā. Idha pana pariyāyena paccayo āhāroti vutto. Sabbadhammānañhi paccayo laddhuṃ vaṭṭati. So ca yaṃ yaṃ phalaṃ janeti, taṃ taṃ āharati nāma, tasmā āhāroti vuccati. Tenevāha ‘‘avijjampāhaṃ, bhikkhave, sāhāraṃ vadāmi, no anāhāraṃ. Ko ca, bhikkhave, avijjāya āhāro? Pañcanīvaraṇātissa vacanīyaṃ. Pañcanīvaraṇepāhaṃ, bhikkhave, sāhāre vadāmi, no anāhāre. Ko ca, bhikkhave, pañcannaṃ nīvaraṇānaṃ āhāro? Ayonisomanasikārotissa vacanīya’’nti (a. ni. 10.61). Ayaṃ idha adhippeto.
เอตสฺมิญฺหิ ปจฺจยาหาเร คหิเต ปริยายาหาโรปิ นิปฺปริยายาหาโรปิ สโพฺพ คหิโตว โหติฯ ตตฺถ อสญฺญภเว ปจฺจยาหาโร ลพฺภติฯ อนุปฺปเนฺน หิ พุเทฺธ ติตฺถายตเน ปพฺพชิตา วาโยกสิเณ ปริกมฺมํ กตฺวา จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา ตโต วุฎฺฐาย ธี จิตฺตํ, ธิพฺพเตตํ จิตฺตํ จิตฺตสฺส นาม อภาโวเยว สาธุ, จิตฺตญฺหิ นิสฺสาเยว วธพนฺธาทิปจฺจยํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติฯ จิเตฺต อสติ นเตฺถตนฺติ ขนฺติํ รุจิํ อุปฺปาเทตฺวา อปริหีนชฺฌานา กาลงฺกตฺวา อสญฺญภเว นิพฺพตฺตนฺติฯ โย ยสฺส อิริยาปโถ มนุสฺสโลเก ปณิหิโต อโหสิ, โส เตน อิริยาปเถน นิพฺพตฺติตฺวา ปญฺจ กปฺปสตานิ ฐิโต วา นิสิโนฺน วา นิปโนฺน วา โหติฯ เอวรูปานมฺปิ สตฺตานํ ปจฺจยาหาโร ลพฺภติฯ เต หิ ยํ ฌานํ ภาเวตฺวา นิพฺพตฺตา, ตเทว เนสํ ปจฺจโย โหติฯ ยถา ชิยาเวเคน ขิตฺตสโร ยาว ชิยาเวโค อตฺถิ, ตาว คจฺฉติ, เอวํ ยาว ฌานปจฺจโย อตฺถิ, ตาว ติฎฺฐนฺติฯ ตสฺมิํ นิฎฺฐิเต ขีณเวโค สโร วิย ปตนฺติฯ เย ปน เต เนรยิกา เนว อุฎฺฐานผลูปชีวี น ปุญฺญผลูปชีวีติ วุตฺตา, เตสํ โก อาหาโรติ ? เตสํ กมฺมเมว อาหาโรฯ กิํ ปญฺจ อาหารา อตฺถีติ เจฯ ปญฺจ, น ปญฺจาติ อิทํ น วตฺตพฺพํฯ นนุ ปจฺจโย อาหาโรติ วุตฺตเมตํฯ ตสฺมา เยน กเมฺมน เต นิรเย นิพฺพตฺตา, ตเทว เตสํ ฐิติปจฺจยตฺตา อาหาโร โหติฯ ยํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘น จ ตาว กาลงฺกโรติ, ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตี โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๕๐)ฯ
Etasmiñhi paccayāhāre gahite pariyāyāhāropi nippariyāyāhāropi sabbo gahitova hoti. Tattha asaññabhave paccayāhāro labbhati. Anuppanne hi buddhe titthāyatane pabbajitā vāyokasiṇe parikammaṃ katvā catutthajjhānaṃ nibbattetvā tato vuṭṭhāya dhī cittaṃ, dhibbatetaṃ cittaṃ cittassa nāma abhāvoyeva sādhu, cittañhi nissāyeva vadhabandhādipaccayaṃ dukkhaṃ uppajjati. Citte asati natthetanti khantiṃ ruciṃ uppādetvā aparihīnajjhānā kālaṅkatvā asaññabhave nibbattanti. Yo yassa iriyāpatho manussaloke paṇihito ahosi, so tena iriyāpathena nibbattitvā pañca kappasatāni ṭhito vā nisinno vā nipanno vā hoti. Evarūpānampi sattānaṃ paccayāhāro labbhati. Te hi yaṃ jhānaṃ bhāvetvā nibbattā, tadeva nesaṃ paccayo hoti. Yathā jiyāvegena khittasaro yāva jiyāvego atthi, tāva gacchati, evaṃ yāva jhānapaccayo atthi, tāva tiṭṭhanti. Tasmiṃ niṭṭhite khīṇavego saro viya patanti. Ye pana te nerayikā neva uṭṭhānaphalūpajīvī na puññaphalūpajīvīti vuttā, tesaṃ ko āhāroti ? Tesaṃ kammameva āhāro. Kiṃ pañca āhārā atthīti ce. Pañca, na pañcāti idaṃ na vattabbaṃ. Nanu paccayo āhāroti vuttametaṃ. Tasmā yena kammena te niraye nibbattā, tadeva tesaṃ ṭhitipaccayattā āhāro hoti. Yaṃ sandhāya idaṃ vuttaṃ ‘‘na ca tāva kālaṅkaroti, yāva na taṃ pāpakammaṃ byantī hotī’’ti (ma. ni. 3.250).
กพฬีการํ อาหารํ อารพฺภ เจตฺถ วิวาโท น กาตโพฺพฯ มุเข อุปฺปโนฺน เขโฬปิ หิ เตสํ อาหารกิจฺจํ สาเธติฯ เขโฬปิ หิ นิรเย ทุกฺขเวทนิโย หุตฺวา ปจฺจโย โหติ, สเคฺค สุขเวทนิโยฯ อิติ กามภเว นิปฺปริยาเยน จตฺตาโร อาหาราฯ รูปารูปภเวสุ ฐเปตฺวา อสญฺญํ เสสานํ ตโยฯ อสญฺญานเญฺจว อวเสสานญฺจ ปจฺจยาหาโรติ อิมินา อาหาเรน ‘‘สเพฺพ สตฺตา อาหารฎฺฐิติกา’’ติ เอตํ ปญฺหํ กเถตฺวา ‘‘อยํ โข อาวุโส’’ติ เอวํ นิยฺยาตนมฺปิ ‘‘อตฺถิ โข อาวุโส’’ติ ปุน อุทฺธรณมฺปิ อกตฺวา ‘‘สเพฺพ สตฺตา สงฺขารฎฺฐิติกา’’ติ ทุติยปญฺหํ วิสฺสเชฺชสิฯ
Kabaḷīkāraṃ āhāraṃ ārabbha cettha vivādo na kātabbo. Mukhe uppanno kheḷopi hi tesaṃ āhārakiccaṃ sādheti. Kheḷopi hi niraye dukkhavedaniyo hutvā paccayo hoti, sagge sukhavedaniyo. Iti kāmabhave nippariyāyena cattāro āhārā. Rūpārūpabhavesu ṭhapetvā asaññaṃ sesānaṃ tayo. Asaññānañceva avasesānañca paccayāhāroti iminā āhārena ‘‘sabbe sattā āhāraṭṭhitikā’’ti etaṃ pañhaṃ kathetvā ‘‘ayaṃ kho āvuso’’ti evaṃ niyyātanampi ‘‘atthi kho āvuso’’ti puna uddharaṇampi akatvā ‘‘sabbe sattā saṅkhāraṭṭhitikā’’ti dutiyapañhaṃ vissajjesi.
กสฺมา ปน น นิยฺยาเตสิ น อุทฺธริตฺถ? ตตฺถ ตตฺถ นิยฺยาติยมาเนปิ อุทฺธริยมาเนปิ ปริยาปุณิตุํ วาเจตุํ ทุกฺขํ โหติ, ตสฺมา เทฺว เอกาพเทฺธ กตฺวา วิสฺสเชฺชสิฯ อิมสฺมิมฺปิ วิสฺสชฺชเน เหฎฺฐา วุตฺตปจฺจโยว อตฺตโน ผลสฺส สงฺขรณโต สงฺขาโรติ วุโตฺตฯ อิติ เหฎฺฐา อาหารปจฺจโย กถิโต, อิธ สงฺขารปจฺจโยติ อยเมตฺถ เหฎฺฐิมโต วิเสโสฯ ‘‘เหฎฺฐา นิปฺปริยายาหาโร คหิโต, อิธ ปริยายาหาโรติ เอวํ คหิเต วิเสโส ปากโฎ ภเวยฺย, โน จ คณฺหิํสู’ติ มหาสีวเตฺถโร อาหฯ อินฺทฺริยพทฺธสฺสปิ หิ อนินฺทฺริยพทฺธสฺสปิ ปจฺจโย ลทฺธุํ วฎฺฎติฯ วินา ปจฺจเยน ธโมฺม นาม นตฺถิฯ ตตฺถ อนินฺทฺริยพทฺธสฺส ติณรุกฺขลตาทิโน ปถวีรโส อาโปรโส จ ปจฺจโย โหติฯ เทเว อวสฺสเนฺต หิ ติณาทีนิ มิลายนฺติ, วสฺสเนฺต จ ปน หริตานิ โหนฺติฯ อิติ เตสํ ปถวีรโส อาโปรโส จ ปจฺจโย โหติฯ อินฺทฺริยพทฺธสฺส อวิชฺชา ตณฺหา กมฺมํ อาหาโรติ เอวมาทโย ปจฺจยา, อิติ เหฎฺฐา ปจฺจโยเยว อาหาโรติ กถิโต, อิธ สงฺขาโรติฯ อยเมเวตฺถ วิเสโสฯ
Kasmā pana na niyyātesi na uddharittha? Tattha tattha niyyātiyamānepi uddhariyamānepi pariyāpuṇituṃ vācetuṃ dukkhaṃ hoti, tasmā dve ekābaddhe katvā vissajjesi. Imasmimpi vissajjane heṭṭhā vuttapaccayova attano phalassa saṅkharaṇato saṅkhāroti vutto. Iti heṭṭhā āhārapaccayo kathito, idha saṅkhārapaccayoti ayamettha heṭṭhimato viseso. ‘‘Heṭṭhā nippariyāyāhāro gahito, idha pariyāyāhāroti evaṃ gahite viseso pākaṭo bhaveyya, no ca gaṇhiṃsū’ti mahāsīvatthero āha. Indriyabaddhassapi hi anindriyabaddhassapi paccayo laddhuṃ vaṭṭati. Vinā paccayena dhammo nāma natthi. Tattha anindriyabaddhassa tiṇarukkhalatādino pathavīraso āporaso ca paccayo hoti. Deve avassante hi tiṇādīni milāyanti, vassante ca pana haritāni honti. Iti tesaṃ pathavīraso āporaso ca paccayo hoti. Indriyabaddhassa avijjā taṇhā kammaṃ āhāroti evamādayo paccayā, iti heṭṭhā paccayoyeva āhāroti kathito, idha saṅkhāroti. Ayamevettha viseso.
อยํ โข, อาวุโสติ อาวุโส อมฺหากํ สตฺถารา มหาโพธิมเณฺฑ นิสีทิตฺวา สยํ สพฺพญฺญุตญฺญาเณน สจฺฉิกตฺวา อยํ เอกธโมฺม เทสิโตฯ ตตฺถ เอกธเมฺม ตุเมฺหหิ สเพฺพเหว สงฺคายิตพฺพํ น วิวทิตพฺพํฯ ยถยิทํ พฺรหฺมจริยนฺติ ยถา สงฺคายมานานํ ตุมฺหากํ อิทํ สาสนพฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺสฯ เอเกน หิ ภิกฺขุนา ‘‘อตฺถิ, โข อาวุโส, เอโก ธโมฺม สมฺมทกฺขาโตฯ กตโม เอโก ธโมฺม? สเพฺพ สตฺตา อาหารฎฺฐิติกาฯ สเพฺพ สตฺตา สงฺขารฎฺฐิติกา’’ติ กถิเต ตสฺส กถํ สุตฺวา อโญฺญ กเถสฺสติฯ ตสฺสปิ อโญฺญติ เอวํ ปรมฺปรกถานิยเมน อิทํ พฺรหฺมจริยํ จิรํ ติฎฺฐมานํ สเทวกสฺส โลกสฺส อตฺถาย หิตาย ภวิสฺสตีติ เอกกวเสน ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺตเตฺถโร สามคฺคิรสํ ทเสฺสสีติฯ
Ayaṃkho, āvusoti āvuso amhākaṃ satthārā mahābodhimaṇḍe nisīditvā sayaṃ sabbaññutaññāṇena sacchikatvā ayaṃ ekadhammo desito. Tattha ekadhamme tumhehi sabbeheva saṅgāyitabbaṃ na vivaditabbaṃ. Yathayidaṃ brahmacariyanti yathā saṅgāyamānānaṃ tumhākaṃ idaṃ sāsanabrahmacariyaṃ addhaniyaṃ assa. Ekena hi bhikkhunā ‘‘atthi, kho āvuso, eko dhammo sammadakkhāto. Katamo eko dhammo? Sabbe sattā āhāraṭṭhitikā. Sabbe sattā saṅkhāraṭṭhitikā’’ti kathite tassa kathaṃ sutvā añño kathessati. Tassapi aññoti evaṃ paramparakathāniyamena idaṃ brahmacariyaṃ ciraṃ tiṭṭhamānaṃ sadevakassa lokassa atthāya hitāya bhavissatīti ekakavasena dhammasenāpati sāriputtatthero sāmaggirasaṃ dassesīti.
เอกกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ekakavaṇṇanā niṭṭhitā.
ทุกวณฺณนา
Dukavaṇṇanā
๓๐๔. อิติ เอกกวเสน สามคฺคิรสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ทุกวเสน ทเสฺสตุํ ปุน เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ นามรูปทุเก นามนฺติ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา นิพฺพานญฺจฯ ตตฺถ จตฺตาโร ขนฺธา นามนเฎฺฐน นามํฯ นามนเฎฺฐนาติ นามกรณเฎฺฐนฯ ยถา หิ มหาชนสมฺมตตฺตา มหาสมฺมตสฺส ‘‘มหาสมฺมโต’’ติ นามํ อโหสิ, ยถา มาตาปิตโร ‘‘อยํ ติโสฺส นาม โหตุ, ผุโสฺส นาม โหตู’’ติ เอวํ ปุตฺตสฺส กิตฺติมนามํ กโรนฺติ, ยถา วา ‘‘ธมฺมกถิโก วินยธโร’’ติ คุณโต นามํ อาคจฺฉติ, น เอวํ เวทนาทีนํฯ เวทนาทโย หิ มหาปถวีอาทโย วิย อตฺตโน นามํ กโรนฺตาว อุปฺปชฺชนฺติฯ เตสุ อุปฺปเนฺนสุ เตสํ นามํ อุปฺปนฺนเมว โหติฯ น หิ เวทนํ อุปฺปนฺนํ ‘‘ตฺวํ เวทนา นาม โหหี’’ติ, โกจิ ภณติ, น จสฺสา เยน เกนจิ การเณน นามคฺคหณกิจฺจํ อตฺถิ, ยถา ปถวิยา อุปฺปนฺนาย ‘‘ตฺวํ ปถวี นาม โหหี’’ติ นามคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ, จกฺกวาฬสิเนรุมฺหิ จนฺทิมสูริยนกฺขเตฺตสุ อุปฺปเนฺนสุ ‘‘ตฺวํ จกฺกวาฬํ นาม, ตฺวํ นกฺขตฺตํ นาม โหหี’’ติ นามคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ, นามํ อุปฺปนฺนเมว โหติ, โอปปาติกา ปญฺญตฺติ นิปตติ, เอวํ เวทนาย อุปฺปนฺนาย ‘‘ตฺวํ เวทนา นาม โหหี’’ติ นามคฺคหณกิจฺจํ นตฺถิ, ตาย อุปฺปนฺนาย เวทนาติ นามํ อุปฺปนฺนเมว โหติฯ สญฺญาทีสุปิ เอเสว นโย อตีเตปิ หิ เวทนา เวทนาเยวฯ สญฺญาฯ สงฺขาราฯ วิญฺญาณํ วิญฺญาณเมวฯ อนาคเตปิฯ ปจฺจุปฺปเนฺนปิฯ นิพฺพานํ ปน สทาปิ นิพฺพานเมวาติฯ นามนเฎฺฐน นามํฯ นมนเฎฺฐนาปิ เจตฺถ จตฺตาโร ขนฺธา นามํฯ เต หิ อารมฺมณาภิมุขํ นมนฺติฯ นามนเฎฺฐน สพฺพมฺปิ นามํฯ จตฺตาโร หิ ขนฺธา อารมฺมเณ อญฺญมญฺญํ นาเมนฺติ , นิพฺพานํ อารมฺมณาธิปติปจฺจยตาย อตฺตนิ อนวชฺชธเมฺม นาเมติฯ
304. Iti ekakavasena sāmaggirasaṃ dassetvā idāni dukavasena dassetuṃ puna desanaṃ ārabhi. Tattha nāmarūpaduke nāmanti cattāro arūpino khandhā nibbānañca. Tattha cattāro khandhā nāmanaṭṭhena nāmaṃ. Nāmanaṭṭhenāti nāmakaraṇaṭṭhena. Yathā hi mahājanasammatattā mahāsammatassa ‘‘mahāsammato’’ti nāmaṃ ahosi, yathā mātāpitaro ‘‘ayaṃ tisso nāma hotu, phusso nāma hotū’’ti evaṃ puttassa kittimanāmaṃ karonti, yathā vā ‘‘dhammakathiko vinayadharo’’ti guṇato nāmaṃ āgacchati, na evaṃ vedanādīnaṃ. Vedanādayo hi mahāpathavīādayo viya attano nāmaṃ karontāva uppajjanti. Tesu uppannesu tesaṃ nāmaṃ uppannameva hoti. Na hi vedanaṃ uppannaṃ ‘‘tvaṃ vedanā nāma hohī’’ti, koci bhaṇati, na cassā yena kenaci kāraṇena nāmaggahaṇakiccaṃ atthi, yathā pathaviyā uppannāya ‘‘tvaṃ pathavī nāma hohī’’ti nāmaggahaṇakiccaṃ natthi, cakkavāḷasinerumhi candimasūriyanakkhattesu uppannesu ‘‘tvaṃ cakkavāḷaṃ nāma, tvaṃ nakkhattaṃ nāma hohī’’ti nāmaggahaṇakiccaṃ natthi, nāmaṃ uppannameva hoti, opapātikā paññatti nipatati, evaṃ vedanāya uppannāya ‘‘tvaṃ vedanā nāma hohī’’ti nāmaggahaṇakiccaṃ natthi, tāya uppannāya vedanāti nāmaṃ uppannameva hoti. Saññādīsupi eseva nayo atītepi hi vedanā vedanāyeva. Saññā. Saṅkhārā. Viññāṇaṃ viññāṇameva. Anāgatepi. Paccuppannepi. Nibbānaṃ pana sadāpi nibbānamevāti. Nāmanaṭṭhena nāmaṃ. Namanaṭṭhenāpi cettha cattāro khandhā nāmaṃ. Te hi ārammaṇābhimukhaṃ namanti. Nāmanaṭṭhena sabbampi nāmaṃ. Cattāro hi khandhā ārammaṇe aññamaññaṃ nāmenti , nibbānaṃ ārammaṇādhipatipaccayatāya attani anavajjadhamme nāmeti.
รูปนฺติ จตฺตาโร จ มหาภูตา จตุนฺนญฺจ มหาภูตานํ อุปาทาย รูปํ, ตํ สพฺพมฺปิ รุปฺปนเฎฺฐน รูปํฯ ตสฺส วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ
Rūpanti cattāro ca mahābhūtā catunnañca mahābhūtānaṃ upādāya rūpaṃ, taṃ sabbampi ruppanaṭṭhena rūpaṃ. Tassa vitthārakathā visuddhimagge vuttanayeneva veditabbā.
อวิชฺชาติ ทุกฺขาทีสุ อญฺญาณํฯ อยมฺปิ วิตฺถารโต วิสุทฺธิมเคฺค กถิตาเยวฯ ภวตณฺหาติ ภวปตฺถนาฯ ยถาห ‘‘ตตฺถ กตมา ภวตณฺหา? โย ภเวสุ ภวจฺฉโนฺท’’ติอาทิ (ธ. ส. ๑๓๑๙)ฯ
Avijjāti dukkhādīsu aññāṇaṃ. Ayampi vitthārato visuddhimagge kathitāyeva. Bhavataṇhāti bhavapatthanā. Yathāha ‘‘tattha katamā bhavataṇhā? Yo bhavesu bhavacchando’’tiādi (dha. sa. 1319).
ภวทิฎฺฐีติ ภโว วุจฺจติ สสฺสตํ, สสฺสตวเสน อุปฺปชฺชนกทิฎฺฐิฯ สา ‘‘ตตฺถ กตมา ภวทิฎฺฐิ? ‘ภวิสฺสติ อตฺตา จ โลโก จา’ติ ยา เอวรูปา ทิฎฺฐิ ทิฎฺฐิคต’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑๓๒๐) นเยน อภิธเมฺม วิตฺถาริตาฯ วิภวทิฎฺฐีติ วิภโว วุจฺจติ อุเจฺฉทํ, อุเจฺฉทวเสน อุปฺปชฺชนกทิฎฺฐิฯ สาปิ ‘‘ตตฺถ กตมา วิภวทิฎฺฐิ? ‘น ภวิสฺสติ อตฺตา จ โลโก จา’ติ (ธ. ส. ๒๘๕)ฯ ยา เอวรูปา ทิฎฺฐิ ทิฎฺฐิคต’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑๓๒๑) นเยน ตเตฺถว วิตฺถาริตาฯ
Bhavadiṭṭhīti bhavo vuccati sassataṃ, sassatavasena uppajjanakadiṭṭhi. Sā ‘‘tattha katamā bhavadiṭṭhi? ‘Bhavissati attā ca loko cā’ti yā evarūpā diṭṭhi diṭṭhigata’’ntiādinā (dha. sa. 1320) nayena abhidhamme vitthāritā. Vibhavadiṭṭhīti vibhavo vuccati ucchedaṃ, ucchedavasena uppajjanakadiṭṭhi. Sāpi ‘‘tattha katamā vibhavadiṭṭhi? ‘Na bhavissati attā ca loko cā’ti (dha. sa. 285). Yā evarūpā diṭṭhi diṭṭhigata’’ntiādinā (dha. sa. 1321) nayena tattheva vitthāritā.
อหิริกนฺติ ‘‘ยํ น หิรียติ หิรียิตเพฺพนา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๒๘) เอวํ วิตฺถาริตา นิลฺลชฺชตาฯ อโนตฺตปฺปนฺติ ‘‘ยํ น โอตฺตปฺปติ โอตฺตปฺปิตเพฺพนา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๒๙) เอวํ วิตฺถาริโต อภายนกอากาโรฯ
Ahirikanti ‘‘yaṃ na hirīyati hirīyitabbenā’’ti (dha. sa. 1328) evaṃ vitthāritā nillajjatā. Anottappanti ‘‘yaṃ na ottappati ottappitabbenā’’ti (dha. sa. 1329) evaṃ vitthārito abhāyanakaākāro.
หิรี จ โอตฺตปฺปญฺจาติ ‘‘ยํ หิรียติ หิรียิตเพฺพน, โอตฺตปฺปติ โอตฺตปฺปิตเพฺพนา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๓๐-๓๑) เอวํ วิตฺถาริตานิ หิริโอตฺตปฺปานิฯ อปิ เจตฺถ อชฺฌตฺตสมุฎฺฐานา หิรี, พหิทฺธาสมุฎฺฐานํ โอตฺตปฺปํฯ อตฺตาธิปเตยฺยา หิรี, โลกาธิปเตยฺยํ โอตฺตปฺปํฯ ลชฺชาสภาวสณฺฐิตา หิรี, ภยสภาวสณฺฐิตํ โอตฺตปฺปํฯ วิตฺถารกถา ปเนตฺถ สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตาฯ
Hirī ca ottappañcāti ‘‘yaṃ hirīyati hirīyitabbena, ottappati ottappitabbenā’’ti (dha. sa. 1330-31) evaṃ vitthāritāni hiriottappāni. Api cettha ajjhattasamuṭṭhānā hirī, bahiddhāsamuṭṭhānaṃ ottappaṃ. Attādhipateyyā hirī, lokādhipateyyaṃ ottappaṃ. Lajjāsabhāvasaṇṭhitā hirī, bhayasabhāvasaṇṭhitaṃ ottappaṃ. Vitthārakathā panettha sabbākārena visuddhimagge vuttā.
โทวจสฺสตาติ ทุกฺขํ วโจ เอตสฺมิํ วิปฺปฎิกูลคาหิมฺหิ วิปจฺจนีกสาเต อนาทเร ปุคฺคเลติ ทุพฺพโจ, ตสฺส กมฺมํ โทวจสฺสํ, ตสฺส ภาโว โทวจสฺสตาฯ วิตฺถารโต ปเนสา ‘‘ตตฺถ กตมา โทวจสฺสตา? สหธมฺมิเก วุจฺจมาเน โทวจสฺสาย’’นฺติ (ธ. ส. ๑๓๓๒) อภิธเมฺม อาคตาฯ สา อตฺถโต สงฺขารกฺขโนฺธ โหติฯ ‘‘จตุนฺนญฺจ ขนฺธานํ เอเตนากาเรน ปวตฺตานํ เอตํ อธิวจน’’นฺติ วทนฺติฯ ปาปมิตฺตตาติ ปาปา อสฺสทฺธาทโย ปุคฺคลา เอตสฺส มิตฺตาติ ปาปมิโตฺต, ตสฺส ภาโว ปาปมิตฺตตาฯ วิตฺถารโต ปเนสา – ‘‘ตตฺถ กตมา ปาปมิตฺตตา? เย เต ปุคฺคลา อสฺสทฺธา ทุสฺสีลา อปฺปสฺสุตา มจฺฉริโน ทุปฺปญฺญาฯ ยา เตสํ เสวนา นิเสวนา สํเสวนา ภชนา สํภชนา ภตฺติ สํภตฺติ ตํสมฺปวงฺกตา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๓๓) เอวํ อาคตาฯ สาปิ อตฺถโต โทวจสฺสตา วิย ทฎฺฐพฺพาฯ
Dovacassatāti dukkhaṃ vaco etasmiṃ vippaṭikūlagāhimhi vipaccanīkasāte anādare puggaleti dubbaco, tassa kammaṃ dovacassaṃ, tassa bhāvo dovacassatā. Vitthārato panesā ‘‘tattha katamā dovacassatā? Sahadhammike vuccamāne dovacassāya’’nti (dha. sa. 1332) abhidhamme āgatā. Sā atthato saṅkhārakkhandho hoti. ‘‘Catunnañca khandhānaṃ etenākārena pavattānaṃ etaṃ adhivacana’’nti vadanti. Pāpamittatāti pāpā assaddhādayo puggalā etassa mittāti pāpamitto, tassa bhāvo pāpamittatā. Vitthārato panesā – ‘‘tattha katamā pāpamittatā? Ye te puggalā assaddhā dussīlā appassutā maccharino duppaññā. Yā tesaṃ sevanā nisevanā saṃsevanā bhajanā saṃbhajanā bhatti saṃbhatti taṃsampavaṅkatā’’ti (dha. sa. 1333) evaṃ āgatā. Sāpi atthato dovacassatā viya daṭṭhabbā.
โสวจสฺสตา จ กลฺยาณมิตฺตตา จ วุตฺตปฺปฎิปกฺขนเยน เวทิตพฺพาฯ อุโภปิ ปเนตา อิธ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา กถิตาฯ
Sovacassatā ca kalyāṇamittatā ca vuttappaṭipakkhanayena veditabbā. Ubhopi panetā idha lokiyalokuttaramissakā kathitā.
อาปตฺติกุสลตาติ ‘‘ปญฺจปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺติโย, สตฺตปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺติโยฯ ยา ตาสํ อาปตฺตีนํ อาปตฺติกุสลตา ปญฺญา ปชานนา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๓๖) เอวํ วุโตฺต อาปตฺติกุสลภาโวฯ
Āpattikusalatāti ‘‘pañcapi āpattikkhandhā āpattiyo, sattapi āpattikkhandhā āpattiyo. Yā tāsaṃ āpattīnaṃ āpattikusalatā paññā pajānanā’’ti (dha. sa. 1336) evaṃ vutto āpattikusalabhāvo.
อาปตฺติวุฎฺฐานกุสลตาติ ‘‘ยา ตาหิ อาปตฺตีหิ วุฎฺฐานกุสลตา ปญฺญา ปชานนา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๓๗) เอวํ วุตฺตา สห กมฺมวาจาย อาปตฺตีหิ วุฎฺฐานปริเจฺฉทชานนา ปญฺญาฯ
Āpattivuṭṭhānakusalatāti ‘‘yā tāhi āpattīhi vuṭṭhānakusalatā paññā pajānanā’’ti (dha. sa. 1337) evaṃ vuttā saha kammavācāya āpattīhi vuṭṭhānaparicchedajānanā paññā.
สมาปตฺติกุสลตาติ ‘‘อตฺถิ สวิตกฺกสวิจารา สมาปตฺติ, อตฺถิ อวิตกฺกวิจารมตฺตา สมาปตฺติ, อตฺถิ อวิตกฺกอวิจารา สมาปตฺติฯ ยา ตาสํ สมาปตฺตีนํ กุสลตา ปญฺญา ปชานนา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๓๘) เอวํ วุตฺตา สห ปริกเมฺมน อปฺปนาปริเจฺฉทชานนา ปญฺญาฯ สมาปตฺติวุฎฺฐานกุสลตาติ ‘‘ยา ตาหิ สมาปตฺตีหิ วุฎฺฐานกุสลตา ปญฺญา ปชานนา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๓๙) เอวํ วุตฺตา ยถาปริจฺฉินฺนสมยวเสเนว สมาปตฺติโต วุฎฺฐานสมตฺถา ‘‘เอตฺตกํ คเต สูริเย อุฎฺฐหิสฺสามี’’ติ วุฎฺฐานกาลปริเจฺฉทกา ปญฺญาฯ
Samāpattikusalatāti ‘‘atthi savitakkasavicārā samāpatti, atthi avitakkavicāramattā samāpatti, atthi avitakkaavicārā samāpatti. Yā tāsaṃ samāpattīnaṃ kusalatā paññā pajānanā’’ti (dha. sa. 1338) evaṃ vuttā saha parikammena appanāparicchedajānanā paññā. Samāpattivuṭṭhānakusalatāti ‘‘yā tāhi samāpattīhi vuṭṭhānakusalatā paññā pajānanā’’ti (dha. sa. 1339) evaṃ vuttā yathāparicchinnasamayavaseneva samāpattito vuṭṭhānasamatthā ‘‘ettakaṃ gate sūriye uṭṭhahissāmī’’ti vuṭṭhānakālaparicchedakā paññā.
ธาตุกุสลตาติ ‘‘อฎฺฐารส ธาตุโย จกฺขุธาตุ…เป.… มโนวิญฺญาณธาตุฯ ยา ตาสํ ธาตูนํ กุสลตา ปญฺญา ปชานนา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๔๐) เอวํ วุตฺตา อฎฺฐารสนฺนํ ธาตูนํ สภาวปริเจฺฉทกา สวนธารณสมฺมสนปฎิเวธปญฺญาฯ มนสิการกุสลตาติ ‘‘ยา ตาสํ ธาตูนํ มนสิการกุสลตา ปญฺญา ปชานนา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๔๑) เอวํ วุตฺตา ตาสํเยว ธาตูนํ สมฺมสนปฎิเวธปจฺจเวกฺขณปญฺญาฯ
Dhātukusalatāti ‘‘aṭṭhārasa dhātuyo cakkhudhātu…pe… manoviññāṇadhātu. Yā tāsaṃ dhātūnaṃ kusalatā paññā pajānanā’’ti (dha. sa. 1340) evaṃ vuttā aṭṭhārasannaṃ dhātūnaṃ sabhāvaparicchedakā savanadhāraṇasammasanapaṭivedhapaññā. Manasikārakusalatāti ‘‘yā tāsaṃ dhātūnaṃ manasikārakusalatā paññā pajānanā’’ti (dha. sa. 1341) evaṃ vuttā tāsaṃyeva dhātūnaṃ sammasanapaṭivedhapaccavekkhaṇapaññā.
อายตนกุสลตาติ ‘‘ทฺวาทสายตนานิ จกฺขายตนํ…เป.… ธมฺมายตนํฯ ยา เตสํ อายตนานํ อายตนกุสลตา ปญฺญา ปชานนา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๔๒) เอวํ วุตฺตา ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ อุคฺคหมนสิการปชานนา ปญฺญาฯ อปิจ ธาตุกุสลตาปิ อุคฺคหมนสิการสวนสมฺมสนปฎิเวธปจฺจเวกฺขเณสุ วตฺตติ มนสิการกุสลตาปิ อายตนกุสลตาปิฯ อยํ ปเนตฺถ วิเสโส, สวนอุคฺคหปจฺจเวกฺขณา โลกิยา, ปฎิเวโธ โลกุตฺตโร, สมฺมสนมนสิการา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกาฯ ปฎิจฺจสมุปฺปาทกุสลตาติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา…เป.… สมุทโย โหตีติ ยา ตตฺถ ปญฺญา ปชานนา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๔๓) เอวํ วุตฺตา ทฺวาทสนฺนํ ปจฺจยาการานํ อุคฺคหาทิวเสน ปวตฺตา ปญฺญาฯ
Āyatanakusalatāti ‘‘dvādasāyatanāni cakkhāyatanaṃ…pe… dhammāyatanaṃ. Yā tesaṃ āyatanānaṃ āyatanakusalatā paññā pajānanā’’ti (dha. sa. 1342) evaṃ vuttā dvādasannaṃ āyatanānaṃ uggahamanasikārapajānanā paññā. Apica dhātukusalatāpi uggahamanasikārasavanasammasanapaṭivedhapaccavekkhaṇesu vattati manasikārakusalatāpi āyatanakusalatāpi. Ayaṃ panettha viseso, savanauggahapaccavekkhaṇā lokiyā, paṭivedho lokuttaro, sammasanamanasikārā lokiyalokuttaramissakā. Paṭiccasamuppādakusalatāti ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā…pe… samudayo hotīti yā tattha paññā pajānanā’’ti (dha. sa. 1343) evaṃ vuttā dvādasannaṃ paccayākārānaṃ uggahādivasena pavattā paññā.
ฐานกุสลตาติ ‘‘เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ เหตุปจฺจยา อุปฺปาทาย ตํ ตํ ฐานนฺติ ยา ตตฺถ ปญฺญา ปชานนา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๔๔) เอวํ วุตฺตา ‘‘จกฺขุํ วตฺถุํ กตฺวา รูปํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปนฺนสฺส จกฺขุวิญฺญาณสฺส จกฺขุรูปํ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๑๓๔๔) ฐานเญฺจว การณญฺจา’’ติ เอวํ ฐานปริจฺฉินฺทนสมตฺถา ปญฺญาฯ อฎฺฐานกุสลตาติ ‘‘เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ น เหตู น ปจฺจยา อุปฺปาทาย ตํ ตํ อฎฺฐานนฺติ ยา ตตฺถ ปญฺญา ปชานนา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๔๕) เอวํ วุตฺตา ‘‘จกฺขุํ วตฺถุํ กตฺวา รูปํ อารมฺมณํ กตฺวา โสตวิญฺญาณาทีนิ นุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา เตสํ จกฺขุรูปํ น ฐานํ น การณ’’นฺติ เอวํ อฎฺฐานปริจฺฉินฺทนสมตฺถา ปญฺญา อปิจ เอตสฺมิํ ทุเก ‘‘กิตฺตาวตา ปน, ภเนฺต, ฐานาฐานกุสโล ภิกฺขูติ อลํ วจนายาติฯ อิธานนฺท, ภิกฺขุ อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส, ยํ ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล กญฺจิ สงฺขารํ นิจฺจโต อุปคเจฺฉยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตีติ ปชานาติฯ ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ, ยํ ปุถุชฺชโน กญฺจิ สงฺขารํ นิจฺจโต อุปคเจฺฉยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๗) อิมินาปิ สุเตฺตน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Ṭhānakusalatāti ‘‘ye ye dhammā yesaṃ yesaṃ dhammānaṃ hetupaccayā uppādāya taṃ taṃ ṭhānanti yā tattha paññā pajānanā’’ti (dha. sa. 1344) evaṃ vuttā ‘‘cakkhuṃ vatthuṃ katvā rūpaṃ ārammaṇaṃ katvā uppannassa cakkhuviññāṇassa cakkhurūpaṃ (dha. sa. aṭṭha. 1344) ṭhānañceva kāraṇañcā’’ti evaṃ ṭhānaparicchindanasamatthā paññā. Aṭṭhānakusalatāti ‘‘ye ye dhammā yesaṃ yesaṃ dhammānaṃ na hetū na paccayā uppādāya taṃ taṃ aṭṭhānanti yā tattha paññā pajānanā’’ti (dha. sa. 1345) evaṃ vuttā ‘‘cakkhuṃ vatthuṃ katvā rūpaṃ ārammaṇaṃ katvā sotaviññāṇādīni nuppajjanti, tasmā tesaṃ cakkhurūpaṃ na ṭhānaṃ na kāraṇa’’nti evaṃ aṭṭhānaparicchindanasamatthā paññā apica etasmiṃ duke ‘‘kittāvatā pana, bhante, ṭhānāṭhānakusalo bhikkhūti alaṃ vacanāyāti. Idhānanda, bhikkhu aṭṭhānametaṃ anavakāso, yaṃ diṭṭhisampanno puggalo kañci saṅkhāraṃ niccato upagaccheyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatīti pajānāti. Ṭhānañca kho etaṃ vijjati, yaṃ puthujjano kañci saṅkhāraṃ niccato upagaccheyyā’’ti (ma. ni. 3.127) imināpi suttena attho veditabbo.
อชฺชวนฺติ โคมุตฺตวงฺกตา จนฺทวงฺกตา นงฺคลโกฎิวงฺกตาติ ตโย อนชฺชวาฯ เอกโจฺจ หิ ภิกฺขุ ปฐมวเย เอกวีสติยา อเนสนาสุ ฉสุ จ อโคจเรสุ จรติ, มชฺฌิมปจฺฉิมวเยสุ ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม โหติ, อยํ โคมุตฺตวงฺกตา นามฯ เอโก ปฐมวเยปิ ปจฺฉิมวเยปิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปูเรติ, ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม โหติ, มชฺฌิมวเย ปุริมสทิโส, อยํ จนฺทวงฺกตา นามฯ เอโก ปฐมวเยปิ มชฺฌิมวเยปิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปูเรติ, ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม โหติ, ปจฺฉิมวเย ปุริมสทิโส อยํ นงฺคลโกฎิวงฺกตา นามฯ เอโก สพฺพเมตํ วงฺกตํ ปหาย ตีสุปิ วเยสุ เปสโล ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม โหติฯ ตสฺส โย โส อุชุภาโว, อิทํ อชฺชวํ นามฯ อภิธเมฺมปิ วุตฺตํ – ‘‘ตตฺถ กตโม อชฺชโวฯ ยา อชฺชวตา อชิมฺหตา อวงฺกตา อกุฎิลตา, อยํ วุจฺจติ อชฺชโว’’ติ (ธ. ส. ๑๓๔๖)ฯ ลชฺชวนฺติ ‘‘ตตฺถ กตโม ลชฺชโว? โย หิรียติ หิรียิตเพฺพน หิรียติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยาฯ อยํ วุจฺจติ ลชฺชโว’’ติ เอวํ วุโตฺต ลชฺชีภาโวฯ
Ajjavanti gomuttavaṅkatā candavaṅkatā naṅgalakoṭivaṅkatāti tayo anajjavā. Ekacco hi bhikkhu paṭhamavaye ekavīsatiyā anesanāsu chasu ca agocaresu carati, majjhimapacchimavayesu lajjī kukkuccako sikkhākāmo hoti, ayaṃ gomuttavaṅkatā nāma. Eko paṭhamavayepi pacchimavayepi catupārisuddhisīlaṃ pūreti, lajjī kukkuccako sikkhākāmo hoti, majjhimavaye purimasadiso, ayaṃ candavaṅkatā nāma. Eko paṭhamavayepi majjhimavayepi catupārisuddhisīlaṃ pūreti, lajjī kukkuccako sikkhākāmo hoti, pacchimavaye purimasadiso ayaṃ naṅgalakoṭivaṅkatā nāma. Eko sabbametaṃ vaṅkataṃ pahāya tīsupi vayesu pesalo lajjī kukkuccako sikkhākāmo hoti. Tassa yo so ujubhāvo, idaṃ ajjavaṃ nāma. Abhidhammepi vuttaṃ – ‘‘tattha katamo ajjavo. Yā ajjavatā ajimhatā avaṅkatā akuṭilatā, ayaṃ vuccati ajjavo’’ti (dha. sa. 1346). Lajjavanti ‘‘tattha katamo lajjavo? Yo hirīyati hirīyitabbena hirīyati pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ samāpattiyā. Ayaṃ vuccati lajjavo’’ti evaṃ vutto lajjībhāvo.
ขนฺตีติ ‘‘ตตฺถ กตมา ขนฺติ? ยา ขนฺติ ขมนตา อธิวาสนตา อจณฺฑิกฺกํ อนสฺสุโรโป อตฺตมนตา จิตฺตสฺสา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๔๘) เอวํ วุตฺตา อธิวาสนขนฺติฯ โสรจฺจนฺติ ‘‘ตตฺถ กตมํ โสรจฺจํ? โย กายิโก อวีติกฺกโม, วาจสิโก อวีติกฺกโม, กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโมฯ อิทํ วุจฺจติ โสรจฺจํฯ สโพฺพปิ สีลสํวโร โสรจฺจ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๓๔๙) เอวํ วุโตฺต สุรตภาโวฯ
Khantīti ‘‘tattha katamā khanti? Yā khanti khamanatā adhivāsanatā acaṇḍikkaṃ anassuropo attamanatā cittassā’’ti (dha. sa. 1348) evaṃ vuttā adhivāsanakhanti. Soraccanti ‘‘tattha katamaṃ soraccaṃ? Yo kāyiko avītikkamo, vācasiko avītikkamo, kāyikavācasiko avītikkamo. Idaṃ vuccati soraccaṃ. Sabbopi sīlasaṃvaro soracca’’nti (dha. sa. 1349) evaṃ vutto suratabhāvo.
สาขลฺยนฺติ ‘‘ตตฺถ กตมํ สาขลฺยํ? ยา สา วาจา อณฺฑกา กกฺกสา ปรกฎุกา ปราภิสชฺชนี โกธสามนฺตา อสมาธิสํวตฺตนิกา, ตถารูปิํ วาจํ ปหาย ยา สา วาจา เนฬา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา, ตถารูปิํ วาจํ ภาสิตา โหติฯ ยา ตตฺถ สณฺหวาจตา สขิลวาจตา อผรุสวาจตาฯ อิทํ วุจฺจติ สาขลฺย’’นฺติ (ธ. ส. ๑๓๕๐) เอวํ วุโตฺต สโมฺมทกมุทุกภาโวฯ ปฎิสนฺถาโรติ อยํ โลกสนฺนิวาโส อามิเสน ธเมฺมน จาติ ทฺวีหิ ฉิโทฺท, ตสฺส ตํ ฉิทฺทํ ยถา น ปญฺญายติ, เอวํ ปีฐสฺส วิย ปจฺจตฺถรเณน อามิเสน ธเมฺมน จ ปฎิสนฺถรณํฯ อภิธเมฺมปิ วุตฺตํ ‘‘ตตฺถ กตโม ปฎิสนฺถาโร ? อามิสปฎิสนฺถาโร จ ธมฺมปฎิสนฺถาโร จฯ อิเธกโจฺจ ปฎิสนฺถารโก โหติ อามิสปฎิสนฺถาเรน วา ธมฺมปฎิสนฺถาเรน วาฯ อยํ วุจฺจติ ปฎิสนฺถาโร’’ติ (ธ. ส. ๑๓๕๑)ฯ เอตฺถ จ อามิเสน สงฺคโห อามิสปฎิสนฺถาโร นามฯ ตํ กโรเนฺตน มาตาปิตูนํ ภิกฺขุคติกสฺส เวยฺยาวจฺจกรสฺส รโญฺญ โจรานญฺจ อคฺคํ อคฺคเหตฺวาปิ ทาตุํ วฎฺฎติฯ อามสิตฺวา ทิเนฺน หิ ราชาโน จ โจรา จ อนตฺถมฺปิ กโรนฺติ ชีวิตกฺขยมฺปิ ปาเปนฺติ, อนามสิตฺวา ทิเนฺน อตฺตมนา โหนฺติฯ โจรนาควตฺถุอาทีนิ เจตฺถ วตฺถูนิ กเถตพฺพานิฯ ตานิ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฎฺฐกถายํ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๑๘๕-๗) วิตฺถาริตานิฯ สกฺกจฺจํ อุเทฺทสทานํ ปาฬิวณฺณนา ธมฺมกถากถนนฺติ เอวํ ธเมฺมน สงฺคโห ธมฺมปฎิสนฺถาโร นามฯ
Sākhalyanti ‘‘tattha katamaṃ sākhalyaṃ? Yā sā vācā aṇḍakā kakkasā parakaṭukā parābhisajjanī kodhasāmantā asamādhisaṃvattanikā, tathārūpiṃ vācaṃ pahāya yā sā vācā neḷā kaṇṇasukhā pemanīyā hadayaṅgamā porī bahujanakantā bahujanamanāpā, tathārūpiṃ vācaṃ bhāsitā hoti. Yā tattha saṇhavācatā sakhilavācatā apharusavācatā. Idaṃ vuccati sākhalya’’nti (dha. sa. 1350) evaṃ vutto sammodakamudukabhāvo. Paṭisanthāroti ayaṃ lokasannivāso āmisena dhammena cāti dvīhi chiddo, tassa taṃ chiddaṃ yathā na paññāyati, evaṃ pīṭhassa viya paccattharaṇena āmisena dhammena ca paṭisantharaṇaṃ. Abhidhammepi vuttaṃ ‘‘tattha katamo paṭisanthāro ? Āmisapaṭisanthāro ca dhammapaṭisanthāro ca. Idhekacco paṭisanthārako hoti āmisapaṭisanthārena vā dhammapaṭisanthārena vā. Ayaṃ vuccati paṭisanthāro’’ti (dha. sa. 1351). Ettha ca āmisena saṅgaho āmisapaṭisanthāro nāma. Taṃ karontena mātāpitūnaṃ bhikkhugatikassa veyyāvaccakarassa rañño corānañca aggaṃ aggahetvāpi dātuṃ vaṭṭati. Āmasitvā dinne hi rājāno ca corā ca anatthampi karonti jīvitakkhayampi pāpenti, anāmasitvā dinne attamanā honti. Coranāgavatthuādīni cettha vatthūni kathetabbāni. Tāni samantapāsādikāya vinayaṭṭhakathāyaṃ (pāci. aṭṭha. 185-7) vitthāritāni. Sakkaccaṃ uddesadānaṃ pāḷivaṇṇanā dhammakathākathananti evaṃ dhammena saṅgaho dhammapaṭisanthāro nāma.
อวิหิํสาติ กรุณาปิ กรุณาปุพฺพภาโคปิฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ตตฺถ กตมา อวิหิํสา? ยา สเตฺตสุ กรุณา กรุณายนา กรุณายิตตฺตํ กรุณาเจโตวิมุตฺติ, อยํ วุจฺจติ อวิหิํสา’’ติฯ โสเจยฺยนฺติ เมตฺตาย จ เมตฺตาปุพฺพภาคสฺส จ วเสน สุจิภาโวฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ตตฺถ กตมํ โสเจยฺยํ? ยา สเตฺตสุ เมตฺติ เมตฺตายนา เมตฺตายิตตฺตํ เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ, อิทํ วุจฺจติ โสเจยฺย’’นฺติฯ
Avihiṃsāti karuṇāpi karuṇāpubbabhāgopi. Vuttampi cetaṃ – ‘‘tattha katamā avihiṃsā? Yā sattesu karuṇā karuṇāyanā karuṇāyitattaṃ karuṇācetovimutti, ayaṃ vuccati avihiṃsā’’ti. Soceyyanti mettāya ca mettāpubbabhāgassa ca vasena sucibhāvo. Vuttampi cetaṃ – ‘‘tattha katamaṃ soceyyaṃ? Yā sattesu metti mettāyanā mettāyitattaṃ mettācetovimutti, idaṃ vuccati soceyya’’nti.
มุฎฺฐสฺสจฺจนฺติ สติวิปฺปวาโส, ยถาห ‘‘ตตฺถ กตมํ มุฎฺฐสฺสจฺจํ? ยา อสติ อนนุสฺสติ อปฺปฎิสฺสติ อสฺสรณตา อธารณตา ปิลาปนตา สมฺมุสฺสนตา, อิทํ วุจฺจติ มุฎฺฐสฺสจฺจํ’’ (ธ. ส. ๑๓๕๖)ฯ อสมฺปชญฺญนฺติ, ‘‘ตตฺถ กตมํ อสมฺปชญฺญํ? ยํ อญฺญาณํ อทสฺสนํ อวิชฺชาลงฺคี โมโห อกุสลมูล’’นฺติ เอวํ วุตฺตา อวิชฺชาเยวฯ สติ สติเยวฯ สมฺปชญฺญํ ญาณํฯ
Muṭṭhassaccanti sativippavāso, yathāha ‘‘tattha katamaṃ muṭṭhassaccaṃ? Yā asati ananussati appaṭissati assaraṇatā adhāraṇatā pilāpanatā sammussanatā, idaṃ vuccati muṭṭhassaccaṃ’’ (dha. sa. 1356). Asampajaññanti, ‘‘tattha katamaṃ asampajaññaṃ? Yaṃ aññāṇaṃ adassanaṃ avijjālaṅgī moho akusalamūla’’nti evaṃ vuttā avijjāyeva. Sati satiyeva. Sampajaññaṃ ñāṇaṃ.
อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตาติ ‘‘ตตฺถ กตมา อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตา? อิเธกโจฺจ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา นิมิตฺตคฺคาหี โหตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๓๕๒) นเยน วิตฺถาริโต อินฺทฺริยสํวรเภโทฯ โภชเน อมตฺตญฺญุตาติ ‘‘ตตฺถ กตมา โภชเน อมตฺตญฺญุตา? อิเธกโจฺจ อปฺปฎิสงฺขา อโยนิโส อาหารํ อาหาเรติ ทวาย มทาย มณฺฑนาย วิภูสนายฯ ยา ตตฺถ อสนฺตุฎฺฐิตา อมตฺตญฺญุตา อปฺปฎิสงฺขา โภชเน’’ติ เอวํ อาคโต โภชเน อมตฺตญฺญุภาโวฯ อนนฺตรทุโก วุตฺตปฺปฎิปกฺขนเยน เวทิตโพฺพฯ
Indriyesu aguttadvāratāti ‘‘tattha katamā indriyesu aguttadvāratā? Idhekacco cakkhunā rūpaṃ disvā nimittaggāhī hotī’’tiādinā (dha. sa. 1352) nayena vitthārito indriyasaṃvarabhedo. Bhojane amattaññutāti ‘‘tattha katamā bhojane amattaññutā? Idhekacco appaṭisaṅkhā ayoniso āhāraṃ āhāreti davāya madāya maṇḍanāya vibhūsanāya. Yā tattha asantuṭṭhitā amattaññutā appaṭisaṅkhā bhojane’’ti evaṃ āgato bhojane amattaññubhāvo. Anantaraduko vuttappaṭipakkhanayena veditabbo.
ปฎิสงฺขานพลนฺติ ‘‘ตตฺถ กตมํ ปฎิสงฺขานพลํ? ยา ปญฺญา ปชานนา’’ติ เอวํ วิตฺถาริตํ อปฺปฎิสงฺขาย อกมฺปนญาณํฯ ภาวนาพลนฺติ ภาเวนฺตสฺส อุปฺปนฺนํ พลํฯ อตฺถโต วีริยสโมฺพชฺฌงฺคสีเสน สตฺต โพชฺฌงฺคา โหนฺติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ตตฺถ กตมํ ภาวนาพลํ? ยา กุสลานํ ธมฺมานํ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกมฺมํ, อิทํ วุจฺจติ ภาวนาพลํฯ สตฺตโพชฺฌงฺคา ภาวนาพล’’นฺติฯ
Paṭisaṅkhānabalanti ‘‘tattha katamaṃ paṭisaṅkhānabalaṃ? Yā paññā pajānanā’’ti evaṃ vitthāritaṃ appaṭisaṅkhāya akampanañāṇaṃ. Bhāvanābalanti bhāventassa uppannaṃ balaṃ. Atthato vīriyasambojjhaṅgasīsena satta bojjhaṅgā honti. Vuttampi cetaṃ – ‘‘tattha katamaṃ bhāvanābalaṃ? Yā kusalānaṃ dhammānaṃ āsevanā bhāvanā bahulīkammaṃ, idaṃ vuccati bhāvanābalaṃ. Sattabojjhaṅgā bhāvanābala’’nti.
สติพลนฺติ อสฺสติยา อกมฺปนวเสน สติเยวฯ สมาธิพลนฺติ อุทฺธเจฺจ อกมฺปนวเสน สมาธิเยวฯ สมโถ สมาธิฯ วิปสฺสนา ปญฺญาฯ สมโถว ตํ อาการํ คเหตฺวา ปุน ปวเตฺตตพฺพสฺส สมถสฺส นิมิตฺตวเสน สมถนิมิตฺตํ ปคฺคาหนิมิเตฺตปิ เอเสว นโยฯ ปคฺคาโห วีริยํฯ อวิเกฺขโป เอกคฺคตาฯ อิเมหิ ปน สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ ปฎิสงฺขานพลญฺจ ภาวนาพลญฺจ สติพลญฺจ สมาธิพลญฺจ สมโถ จ วิปฺปสฺสนา จ สมถนิมิตฺตญฺจ ปคฺคาหนิมิตฺตญฺจ ปคฺคาโห จ อวิเกฺขโป จาติ ฉหิ ทุเกหิ ปรโต สีลทิฎฺฐิสมฺปทาทุเกน จ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา ธมฺมา กถิตาฯ
Satibalanti assatiyā akampanavasena satiyeva. Samādhibalanti uddhacce akampanavasena samādhiyeva. Samatho samādhi. Vipassanā paññā. Samathova taṃ ākāraṃ gahetvā puna pavattetabbassa samathassa nimittavasena samathanimittaṃ paggāhanimittepi eseva nayo. Paggāho vīriyaṃ. Avikkhepo ekaggatā. Imehi pana sati ca sampajaññañca paṭisaṅkhānabalañca bhāvanābalañca satibalañca samādhibalañca samatho ca vippassanā ca samathanimittañca paggāhanimittañca paggāho ca avikkhepo cāti chahi dukehi parato sīladiṭṭhisampadādukena ca lokiyalokuttaramissakā dhammā kathitā.
สีลวิปตฺตีติ ‘‘ตตฺถ กตมา สีลวิปตฺติ? กายิโก วีติกฺกโม…เป.… สพฺพมฺปิ ทุสฺสีลฺยํ สีลวิปตฺตี’’ติ เอวํ วุโตฺต สีลวินาสโก อสํวโรฯ ทิฎฺฐิวิปตฺตีติ ‘‘ตตฺถ กตมา ทิฎฺฐิวิปตฺติ? นตฺถิ ทินฺนํ นตฺถิ ยิฎฺฐ’’นฺติ เอวํ อาคตา สมฺมาทิฎฺฐิวินาสิกา มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ
Sīlavipattīti ‘‘tattha katamā sīlavipatti? Kāyiko vītikkamo…pe… sabbampi dussīlyaṃ sīlavipattī’’ti evaṃ vutto sīlavināsako asaṃvaro. Diṭṭhivipattīti ‘‘tattha katamā diṭṭhivipatti? Natthi dinnaṃ natthi yiṭṭha’’nti evaṃ āgatā sammādiṭṭhivināsikā micchādiṭṭhi.
สีลสมฺปทาติ ‘‘ตตฺถ กตมา สีลสมฺปทา? กายิโก อวีติกฺกโม’’ติ เอวํ ปุเพฺพ วุตฺตโสรจฺจเมว สีลสฺส สมฺปาทนโต ปริปูรณโต ‘‘สีลสมฺปทา’’ติ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ ‘‘สโพฺพปิ สีลสํวโร สีลสมฺปทา’’ติ อิทํ มานสิกปริยาทานตฺถํ วุตฺตํฯ ทิฎฺฐิสมฺปทาติ ‘‘ตตฺถ กตมา ทิฎฺฐิสมฺปทา? อตฺถิ ทินฺนํ อตฺถิ ยิฎฺฐํ…เป.… สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตีติ ยา เอวรูปา ปญฺญา ปชานนา’’ติ เอวํ อาคตํ ทิฎฺฐิปาริปูริภูตํ ญาณํฯ
Sīlasampadāti ‘‘tattha katamā sīlasampadā? Kāyiko avītikkamo’’ti evaṃ pubbe vuttasoraccameva sīlassa sampādanato paripūraṇato ‘‘sīlasampadā’’ti vuttaṃ. Ettha ca ‘‘sabbopi sīlasaṃvaro sīlasampadā’’ti idaṃ mānasikapariyādānatthaṃ vuttaṃ. Diṭṭhisampadāti ‘‘tattha katamā diṭṭhisampadā? Atthi dinnaṃ atthi yiṭṭhaṃ…pe… sacchikatvā pavedentīti yā evarūpā paññā pajānanā’’ti evaṃ āgataṃ diṭṭhipāripūribhūtaṃ ñāṇaṃ.
สีลวิสุทฺธีติ วิสุทฺธิํ ปาเปตุํ สมตฺถํ สีลํฯ อภิธเมฺม ปนายํ ‘‘ตตฺถ กตมา สีลวิสุทฺธิ? กายิโก อวีติกฺกโม วาจสิโก อวีติกฺกโม กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม, อยํ วุจฺจติ สีลวิสุทฺธี’’ติ เอวํ วิภตฺตาฯ ทิฎฺฐิวิสุทฺธีติ วิสุทฺธิํ ปาเปตุํ สมตฺถํ ทสฺสนํฯ อภิธเมฺม ปนายํ ‘‘ตตฺถ กตมา ทิฎฺฐิวิสุทฺธิ? กมฺมสฺสกตญาณํ สจฺจานุโลมิกญาณํ มคฺคสมงฺคิสฺสญาณํ ผลสมงฺคิสฺสญาณ’’นฺติ เอวํ วุตฺตาฯ เอตฺถ จ ติวิธํ ทุจฺจริตํ อตฺตนา กตมฺปิ ปเรน กตมฺปิ สกํ นาม น โหติ อตฺถภญฺชนโตฯ สุจริตํ สกํ นาม อตฺถชนนโตติ เอวํ ชานนํ กมฺมสฺสกตญาณํ นามฯ ตสฺมิํ ฐตฺวา พหุํ วฎฺฎคามิกมฺมํ อายูหิตฺวา สุขโต สุเขเนว อรหตฺตํ ปตฺตา คณนปถํ วีติวตฺตาฯ วิปสฺสนาญาณํ ปน วจีสจฺจญฺจ อนุโลเมติ, ปรมตฺถสจฺจญฺจ น วิโลเมตีติ สจฺจานุโลมิกํ ญาณนฺติ วุตฺตํฯ
Sīlavisuddhīti visuddhiṃ pāpetuṃ samatthaṃ sīlaṃ. Abhidhamme panāyaṃ ‘‘tattha katamā sīlavisuddhi? Kāyiko avītikkamo vācasiko avītikkamo kāyikavācasiko avītikkamo, ayaṃ vuccati sīlavisuddhī’’ti evaṃ vibhattā. Diṭṭhivisuddhīti visuddhiṃ pāpetuṃ samatthaṃ dassanaṃ. Abhidhamme panāyaṃ ‘‘tattha katamā diṭṭhivisuddhi? Kammassakatañāṇaṃ saccānulomikañāṇaṃ maggasamaṅgissañāṇaṃ phalasamaṅgissañāṇa’’nti evaṃ vuttā. Ettha ca tividhaṃ duccaritaṃ attanā katampi parena katampi sakaṃ nāma na hoti atthabhañjanato. Sucaritaṃ sakaṃ nāma atthajananatoti evaṃ jānanaṃ kammassakatañāṇaṃ nāma. Tasmiṃ ṭhatvā bahuṃ vaṭṭagāmikammaṃ āyūhitvā sukhato sukheneva arahattaṃ pattā gaṇanapathaṃ vītivattā. Vipassanāñāṇaṃ pana vacīsaccañca anulometi, paramatthasaccañca na vilometīti saccānulomikaṃ ñāṇanti vuttaṃ.
‘‘ทิฎฺฐิวิสุทฺธิ โข ปน ยถาทิฎฺฐิสฺส จ ปธาน’’นฺติ เอตฺถ ทิฎฺฐิวิสุทฺธีติ ญาณทสฺสนํ กถิตํฯ ยถาทิฎฺฐิสฺส จ ปธานนฺติ ตํสมฺปยุตฺตเมว วีริยํฯ อปิ จ ปุริมปเทน จตุมคฺคญาณํฯ ปจฺฉิมปเทน ตํสมฺปยุตฺตํ วีริยํฯ อภิธเมฺม ปน ‘‘ทิฎฺฐิวิสุทฺธิ โข ปนาติ ยา ปญฺญา ปชานนา อโมโห ธมฺมวิจโย สมฺมาทิฎฺฐิฯ ยถาทิฎฺฐิสฺส จ ปธานนฺติ โย เจตสิโก วีริยารโมฺภ สมฺมาวายาโม’’ติ เอวํ อยํ ทุโก วิภโตฺตฯ
‘‘Diṭṭhivisuddhi kho pana yathādiṭṭhissa ca padhāna’’nti ettha diṭṭhivisuddhīti ñāṇadassanaṃ kathitaṃ. Yathādiṭṭhissa ca padhānanti taṃsampayuttameva vīriyaṃ. Api ca purimapadena catumaggañāṇaṃ. Pacchimapadena taṃsampayuttaṃ vīriyaṃ. Abhidhamme pana ‘‘diṭṭhivisuddhi kho panāti yā paññā pajānanā amoho dhammavicayo sammādiṭṭhi. Yathādiṭṭhissa ca padhānanti yo cetasiko vīriyārambho sammāvāyāmo’’ti evaṃ ayaṃ duko vibhatto.
‘‘สํเวโค จ สํเวชนีเยสุ ฐาเนสู’’ติ เอตฺถ ‘‘สํเวโคติ ชาติภยํ ชราภยํ พฺยาธิภยํ มรณภย’’นฺติ เอวํ ชาติอาทีนิ ภยโต ทสฺสนญาณํฯ สํเวชนียํ ฐานนฺติ ชาติชราพฺยาธิมรณํฯ เอตานิ หิ จตฺตาริ ชาติ ทุกฺขา, ชรา ทุกฺขา, พฺยาธิ ทุโกฺข, มรณํ ทุกฺขนฺติ เอวํ สํเวคุปฺปตฺติการณตฺตา สํเวชนียํ ฐานนฺติ วุตฺตานิฯ สํวิคฺคสฺส จ โยนิโส ปธานนฺติ เอวํ สํเวคชาตสฺส อุปายปธานํฯ ‘‘อิธ ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนตี’’ติ เอวํ อาคตวีริยเสฺสตํ อธิวจนํฯ
‘‘Saṃvego ca saṃvejanīyesu ṭhānesū’’ti ettha ‘‘saṃvegoti jātibhayaṃ jarābhayaṃ byādhibhayaṃ maraṇabhaya’’nti evaṃ jātiādīni bhayato dassanañāṇaṃ. Saṃvejanīyaṃ ṭhānanti jātijarābyādhimaraṇaṃ. Etāni hi cattāri jāti dukkhā, jarā dukkhā, byādhi dukkho, maraṇaṃ dukkhanti evaṃ saṃveguppattikāraṇattā saṃvejanīyaṃ ṭhānanti vuttāni. Saṃviggassa ca yoniso padhānanti evaṃ saṃvegajātassa upāyapadhānaṃ. ‘‘Idha bhikkhu anuppannānaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ anuppādāya chandaṃ janetī’’ti evaṃ āgatavīriyassetaṃ adhivacanaṃ.
อสนฺตุฎฺฐิตา จ กุสเลสุ ธเมฺมสูติ ยา กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย อสนฺตุฎฺฐสฺส ภิโยฺยกมฺยตา, ตาย หิ สมงฺคีภูโต ปุคฺคโล สีลํ ปูเรตฺวา ฌานํ อุปฺปาเทติฯ ฌานํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ อารภติฯ อารทฺธวิปสฺสโก อรหตฺตํ อคเหตฺวา อนฺตรา โวสานํ นาปชฺชติฯ อปฺปฎิวานิตา จ ปธานสฺมินฺติ ‘‘กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย สกฺกจฺจกิริยตา สาตจฺจกิริยตา อฎฺฐิตกิริยตา อโนลีนวุตฺติตา อนิกฺขิตฺตฉนฺทตา อนิกฺขิตฺตธุรตา อาเสวนา ภาวนา พหุลีกมฺม’’นฺติ เอวํ วุตฺตา รตฺตินฺทิวํ ฉ โกฎฺฐาเส กตฺวา ชาคริยานุโยควเสน อารเทฺธ ปธานสฺมิํ อรหตฺตํ อปตฺวา อนิวตฺตนตาฯ
Asantuṭṭhitā ca kusalesu dhammesūti yā kusalānaṃ dhammānaṃ bhāvanāya asantuṭṭhassa bhiyyokamyatā, tāya hi samaṅgībhūto puggalo sīlaṃ pūretvā jhānaṃ uppādeti. Jhānaṃ labhitvā vipassanaṃ ārabhati. Āraddhavipassako arahattaṃ agahetvā antarā vosānaṃ nāpajjati. Appaṭivānitā ca padhānasminti ‘‘kusalānaṃ dhammānaṃ bhāvanāya sakkaccakiriyatā sātaccakiriyatā aṭṭhitakiriyatā anolīnavuttitā anikkhittachandatā anikkhittadhuratā āsevanā bhāvanā bahulīkamma’’nti evaṃ vuttā rattindivaṃ cha koṭṭhāse katvā jāgariyānuyogavasena āraddhe padhānasmiṃ arahattaṃ apatvā anivattanatā.
วิชฺชาติ ติโสฺส วิชฺชาฯ วิมุตฺตีติ เทฺว วิมุตฺติโย, จิตฺตสฺส จ อธิมุตฺติ, นิพฺพานญฺจฯ เอตฺถ จ อฎฺฐ สมาปตฺติโย นีวรณาทีหิ สุฎฺฐุ มุตฺตตฺตา อธิมุตฺติ นามฯ นิพฺพานํ สพฺพสงฺขตโต มุตฺตตฺตา วิมุตฺตีติ เวทิตพฺพํฯ
Vijjāti tisso vijjā. Vimuttīti dve vimuttiyo, cittassa ca adhimutti, nibbānañca. Ettha ca aṭṭha samāpattiyo nīvaraṇādīhi suṭṭhu muttattā adhimutti nāma. Nibbānaṃ sabbasaṅkhatato muttattā vimuttīti veditabbaṃ.
ขเย ญาณนฺติ กิเลสกฺขยกเร อริยมเคฺค ญาณํฯ อนุปฺปาเท ญาณนฺติ ปฎิสนฺธิวเสน อนุปฺปาทภูเต ตํตํมคฺควชฺฌกิเลสานํ วา อนุปฺปาทปริโยสาเน อุปฺปเนฺน อริยผเล ญาณํฯ เตเนวาห ‘‘ขเย ญาณนฺติ มคฺคสมงฺคิสฺส ญาณํฯ อนุปฺปาเท ญาณนฺติ ผลสมงฺคิสฺส ญาณ’’นฺติฯ อิเม โข, อาวุโสติอาทิ เอกเก วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํฯ อิติ ปญฺจติํสาย ทุกานํ วเสน เถโร สามคฺคิรสํ ทเสฺสสีติฯ
Khaye ñāṇanti kilesakkhayakare ariyamagge ñāṇaṃ. Anuppāde ñāṇanti paṭisandhivasena anuppādabhūte taṃtaṃmaggavajjhakilesānaṃ vā anuppādapariyosāne uppanne ariyaphale ñāṇaṃ. Tenevāha ‘‘khaye ñāṇanti maggasamaṅgissa ñāṇaṃ. Anuppāde ñāṇanti phalasamaṅgissa ñāṇa’’nti. Ime kho, āvusotiādi ekake vuttanayeneva yojetabbaṃ. Iti pañcatiṃsāya dukānaṃ vasena thero sāmaggirasaṃ dassesīti.
ทุกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dukavaṇṇanā niṭṭhitā.
ติกวณฺณนา
Tikavaṇṇanā
๓๐๕. อิติ ทุกวเสน สามคฺคิรสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ติกวเสน ทเสฺสตุํ ปุน อารภิฯ ตตฺถ ลุพฺภตีติ โลโภฯ อกุสลญฺจ ตํ มูลญฺจ, อกุสลานํ วา มูลนฺติ อกุสลมูลํฯ ทุสฺสตีติ โทโสฯ มุยฺหตีติ โมโหฯ เตสํ ปฎิปกฺขนเยน อโลภาทโย เวทิตพฺพาฯ
305. Iti dukavasena sāmaggirasaṃ dassetvā idāni tikavasena dassetuṃ puna ārabhi. Tattha lubbhatīti lobho. Akusalañca taṃ mūlañca, akusalānaṃ vā mūlanti akusalamūlaṃ. Dussatīti doso. Muyhatīti moho. Tesaṃ paṭipakkhanayena alobhādayo veditabbā.
ทุฎฺฐุ จริตานิ, วิรูปานิ วา จริตานีติ ทุจฺจริตานิฯ กาเยน ทุจฺจริตํ, กายโต วา ปวตฺตํ ทุจฺจริตนฺติ กายทุจฺจริตํฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ สุฎฺฐุ จริตานิ, สุนฺทรานิ วา จริตานีติ สุจริตานิฯ เทฺวปิ เจเต ติกา ปณฺณตฺติยา วา กมฺมปเถหิ วา กเถตพฺพาฯ ปญฺญตฺติยา ตาว กายทฺวาเร ปญฺญตฺตสิกฺขาปทสฺส วีติกฺกโม กายทุจฺจริตํฯ อวีติกฺกโม กายสุจริตํฯ วจีทฺวาเร ปญฺญตฺตสิกฺขาปทสฺส วีติกฺกโม วจีทุจฺจริตํ, อวีติกฺกโม วจีสุจริตํฯ อุภยตฺถ ปญฺญตฺตสฺส สิกฺขาปทสฺส วีติกฺกโมว มโนทุจฺจริตํ, อวีติกฺกโม มโนสุจริตํฯ อยํ ปณฺณตฺติกถาฯ ปาณาติปาตาทโย ปน ติโสฺส เจตนา กายทฺวาเรปิ วจีทฺวาเรปิ อุปฺปนฺนา กายทุจฺจริตํฯ จตโสฺส มุสาวาทาทิเจตนา วจีทุจฺจริตํฯ อภิชฺฌา พฺยาปาโท มิจฺฉาทิฎฺฐีติ ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมา มโนทุจฺจริตํฯ ปาณาติปาตาทีหิ วิรมนฺตสฺส อุปฺปนฺนา ติโสฺส เจตนาปิ วิรติโยปิ กายสุจริตํฯ มุสาวาทาทีหิ วิรมนฺตสฺส จตโสฺส เจตนาปิ วิรติโยปิ วจีสุจริตํฯ อนภิชฺฌา อพฺยาปาโท สมฺมาทิฎฺฐีติ ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมา มโนสุจริตนฺติ อยํ กมฺมปถกถาฯ
Duṭṭhu caritāni, virūpāni vā caritānīti duccaritāni. Kāyena duccaritaṃ, kāyato vā pavattaṃ duccaritanti kāyaduccaritaṃ. Sesesupi eseva nayo. Suṭṭhu caritāni, sundarāni vā caritānīti sucaritāni. Dvepi cete tikā paṇṇattiyā vā kammapathehi vā kathetabbā. Paññattiyā tāva kāyadvāre paññattasikkhāpadassa vītikkamo kāyaduccaritaṃ. Avītikkamo kāyasucaritaṃ. Vacīdvāre paññattasikkhāpadassa vītikkamo vacīduccaritaṃ, avītikkamo vacīsucaritaṃ. Ubhayattha paññattassa sikkhāpadassa vītikkamova manoduccaritaṃ, avītikkamo manosucaritaṃ. Ayaṃ paṇṇattikathā. Pāṇātipātādayo pana tisso cetanā kāyadvārepi vacīdvārepi uppannā kāyaduccaritaṃ. Catasso musāvādādicetanā vacīduccaritaṃ. Abhijjhā byāpādo micchādiṭṭhīti tayo cetanāsampayuttadhammā manoduccaritaṃ. Pāṇātipātādīhi viramantassa uppannā tisso cetanāpi viratiyopi kāyasucaritaṃ. Musāvādādīhi viramantassa catasso cetanāpi viratiyopi vacīsucaritaṃ. Anabhijjhā abyāpādo sammādiṭṭhīti tayo cetanāsampayuttadhammā manosucaritanti ayaṃ kammapathakathā.
กามปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก กามวิตโกฺกฯ พฺยาปาทปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก พฺยาปาทวิตโกฺกฯ วิหิํสาปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก วิหิํสาวิตโกฺกฯ เตสุ เทฺว สเตฺตสุปิ สงฺขาเรสุปิ อุปฺปชฺชนฺติฯ กามวิตโกฺก หิ ปิเย มนาเป สเตฺต วา สงฺขาเร วา วิตเกฺกนฺตสฺส อุปฺปชฺชติฯ พฺยาปาทวิตโกฺก อปฺปิเย อมนาเป สเตฺต วา สงฺขาเร วา กุชฺฌิตฺวา โอโลกนกาลโต ปฎฺฐาย ยาว วินาสนา อุปฺปชฺชติฯ วิหิํสาวิตโกฺก สงฺขาเรสุ นุปฺปชฺชติฯ สงฺขาโร หิ ทุกฺขาเปตโพฺพ นาม นตฺถิฯ อิเม สตฺตา หญฺญนฺตุ วา อุจฺฉิชฺชนฺตุ วา วินสฺสนฺตุ วา มา วา อเหสุนฺติ จินฺตนกาเล ปน สเตฺตสุ อุปฺปชฺชติฯ
Kāmapaṭisaṃyutto vitakko kāmavitakko. Byāpādapaṭisaṃyutto vitakko byāpādavitakko. Vihiṃsāpaṭisaṃyutto vitakko vihiṃsāvitakko. Tesu dve sattesupi saṅkhāresupi uppajjanti. Kāmavitakko hi piye manāpe satte vā saṅkhāre vā vitakkentassa uppajjati. Byāpādavitakko appiye amanāpe satte vā saṅkhāre vā kujjhitvā olokanakālato paṭṭhāya yāva vināsanā uppajjati. Vihiṃsāvitakko saṅkhāresu nuppajjati. Saṅkhāro hi dukkhāpetabbo nāma natthi. Ime sattā haññantu vā ucchijjantu vā vinassantu vā mā vā ahesunti cintanakāle pana sattesu uppajjati.
เนกฺขมฺมปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก เนกฺขมฺมวิตโกฺกฯ โส อสุภปุพฺพภาเค กามาวจโร โหติฯ อสุภชฺฌาเน รูปาวจโรฯ ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลกาเล โลกุตฺตโรฯ อพฺยาปาทปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก อพฺยาปาทวิตโกฺกฯ โส เมตฺตาปุพฺพภาเค กามาวจโร โหติฯ เมตฺตาฌาเน รูปาวจโรฯ ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลกาเล โลกุตฺตโรฯ อวิหิํสาปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก อวิหิํสาวิตโกฺกฯ โส กรุณาปุพฺพภาเค กามาวจโรฯ กรุณาฌาเน รูปาวจโรฯ ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลกาเล โลกุตฺตโรฯ ยทา อโลโภ สีสํ โหติ, ตทา อิตเร เทฺว ตทนฺวายิกา ภวนฺติฯ ยทา เมตฺตา สีสํ โหติ, ตทา อิตเร เทฺว ตทนฺวายิกา ภวนฺติฯ ยทา กรุณา สีสํ โหติ, ตทา อิตเร เทฺว ตทนฺวายิกา ภวนฺตีติฯ กามสงฺกปฺปาทโย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ เทสนามตฺตเมว เหตํฯ อตฺถโต ปน กามวิตกฺกาทีนญฺจ กามสงฺกปฺปาทีนญฺจ นานากรณํ นตฺถิฯ
Nekkhammapaṭisaṃyutto vitakko nekkhammavitakko. So asubhapubbabhāge kāmāvacaro hoti. Asubhajjhāne rūpāvacaro. Taṃ jhānaṃ pādakaṃ katvā uppannamaggaphalakāle lokuttaro. Abyāpādapaṭisaṃyutto vitakko abyāpādavitakko. So mettāpubbabhāge kāmāvacaro hoti. Mettājhāne rūpāvacaro. Taṃ jhānaṃ pādakaṃ katvā uppannamaggaphalakāle lokuttaro. Avihiṃsāpaṭisaṃyutto vitakko avihiṃsāvitakko. So karuṇāpubbabhāge kāmāvacaro. Karuṇājhāne rūpāvacaro. Taṃ jhānaṃ pādakaṃ katvā uppannamaggaphalakāle lokuttaro. Yadā alobho sīsaṃ hoti, tadā itare dve tadanvāyikā bhavanti. Yadā mettā sīsaṃ hoti, tadā itare dve tadanvāyikā bhavanti. Yadā karuṇā sīsaṃ hoti, tadā itare dve tadanvāyikā bhavantīti. Kāmasaṅkappādayo vuttanayeneva veditabbā. Desanāmattameva hetaṃ. Atthato pana kāmavitakkādīnañca kāmasaṅkappādīnañca nānākaraṇaṃ natthi.
กามปฎิสํยุตฺตา สญฺญา กามสญฺญาฯ พฺยาปาทปฎิสํยุตฺตา สญฺญา พฺยาปาทสญฺญาฯ วิหิํสาปฎิสํยุตฺตา สญฺญา วิหิํสาสญฺญาฯ ตาสมฺปิ กามวิตกฺกาทีนํ วิย อุปฺปชฺชนากาโร เวทิตโพฺพฯ ตํสมฺปยุตฺตาเยว หิ เอตาฯ เนกฺขมฺมสญฺญาทโยปิ เนกฺขมฺมวิตกฺกาทิสมฺปยุตฺตาเยวฯ ตสฺมา ตาสมฺปิ ตเถว กามาวจราทิภาโว เวทิตโพฺพฯ
Kāmapaṭisaṃyuttā saññā kāmasaññā. Byāpādapaṭisaṃyuttā saññā byāpādasaññā. Vihiṃsāpaṭisaṃyuttā saññā vihiṃsāsaññā. Tāsampi kāmavitakkādīnaṃ viya uppajjanākāro veditabbo. Taṃsampayuttāyeva hi etā. Nekkhammasaññādayopi nekkhammavitakkādisampayuttāyeva. Tasmā tāsampi tatheva kāmāvacarādibhāvo veditabbo.
กามธาตุอาทีสุ ‘‘กามปฎิสํยุโตฺต ตโกฺก วิตโกฺก มิจฺฉาสงฺกโปฺปฯ อยํ วุจฺจติ กามธาตุฯ สเพฺพปิ อกุสลา ธมฺมา กามธาตู’’ติ อยํ กามธาตุฯ ‘‘พฺยาปาทปฎิสํยุโตฺต ตโกฺก วิตโกฺก มิจฺฉาสงฺกโปฺปฯ อยํ วุจฺจติ พฺยาปาทธาตุฯ ทสสุ อาฆาตวตฺถูสุ จิตฺตสฺส อาฆาโต ปฎิฆาโต อนตฺตมนตา จิตฺตสฺสา’’ติ อยํ พฺยาปาทธาตุฯ ‘‘วิหิํสา ปฎิสํยุโตฺต ตโกฺก วิตโกฺก มิจฺฉาสงฺกโปฺปฯ อยํ วุจฺจติ วิหิํสาธาตุฯ อิเธกโจฺจ ปาณินา วา เลฑฺฑุนา วา ทเณฺฑน วา สเตฺถน วา รชฺชุยา วา อญฺญตรญฺญตเรน วา สเตฺต วิเหเฐตี’’ติ อยํ วิหิํสาธาตุฯ ตตฺถ เทฺว กถา สพฺพสงฺคาหิกา จ อสมฺภินฺนา จฯ ตตฺถ กามธาตุยา คหิตาย อิตรา เทฺว คหิตาว โหนฺติ, ตโต ปน นีหริตฺวา อยํ พฺยาปาทธาตุ อยํ วิหิํสาธาตูติ ทเสฺสตีติ อยํ สพฺพสงฺคาหิกกถา นามฯ กามธาตุํ กเถโนฺต ปน ภควา พฺยาปาทธาตุํ พฺยาปาทธาตุฎฺฐาเน , วิหิํสาธาตุํ วิหิํสาธาตุฎฺฐาเน ฐเปตฺวา อวเสสํ กามธาตุ นามาติ กเถสีติ อยํ อสมฺภินฺนกถา นามฯ
Kāmadhātuādīsu ‘‘kāmapaṭisaṃyutto takko vitakko micchāsaṅkappo. Ayaṃ vuccati kāmadhātu. Sabbepi akusalā dhammā kāmadhātū’’ti ayaṃ kāmadhātu. ‘‘Byāpādapaṭisaṃyutto takko vitakko micchāsaṅkappo. Ayaṃ vuccati byāpādadhātu. Dasasu āghātavatthūsu cittassa āghāto paṭighāto anattamanatā cittassā’’ti ayaṃ byāpādadhātu. ‘‘Vihiṃsā paṭisaṃyutto takko vitakko micchāsaṅkappo. Ayaṃ vuccati vihiṃsādhātu. Idhekacco pāṇinā vā leḍḍunā vā daṇḍena vā satthena vā rajjuyā vā aññataraññatarena vā satte viheṭhetī’’ti ayaṃ vihiṃsādhātu. Tattha dve kathā sabbasaṅgāhikā ca asambhinnā ca. Tattha kāmadhātuyā gahitāya itarā dve gahitāva honti, tato pana nīharitvā ayaṃ byāpādadhātu ayaṃ vihiṃsādhātūti dassetīti ayaṃ sabbasaṅgāhikakathā nāma. Kāmadhātuṃ kathento pana bhagavā byāpādadhātuṃ byāpādadhātuṭṭhāne , vihiṃsādhātuṃ vihiṃsādhātuṭṭhāne ṭhapetvā avasesaṃ kāmadhātu nāmāti kathesīti ayaṃ asambhinnakathā nāma.
เนกฺขมฺมธาตุอาทีสุ ‘‘เนกฺขมฺมปฎิสํยุโตฺต ตโกฺก วิตโกฺก สมฺมาสงฺกโปฺปฯ อยํ วุจฺจติ เนกฺขมฺมธาตุฯ สเพฺพปิ กุสลา ธมฺมา เนกฺขมฺมธาตู’’ติ อยํ เนกฺขมฺมธาตุฯ ‘‘อพฺยาปาทปฎิสํยุโตฺต ตโกฺก…เป.… อยํ วุจฺจติ อพฺยาปาทธาตุฯ ยา สเตฺตสุ เมตฺติ…เป.… เมตฺตาเจโตวิมุตฺตี’’ติ อยํ อพฺยาปาทธาตุฯ ‘‘อวิหิํสาปฎิสํยุโตฺต ตโกฺก…เป.… อยํ วุจฺจติ อวิหิํสาธาตุฯ ยา สเตฺตสุ กรุณา…เป.… กรุณาเจโตวิมุตฺตี’’ติ อยํ อวิหิํสาธาตุฯ อิธาปิ วุตฺตนเยเนว เทฺว กถา เวทิตพฺพาฯ
Nekkhammadhātuādīsu ‘‘nekkhammapaṭisaṃyutto takko vitakko sammāsaṅkappo. Ayaṃ vuccati nekkhammadhātu. Sabbepi kusalā dhammā nekkhammadhātū’’ti ayaṃ nekkhammadhātu. ‘‘Abyāpādapaṭisaṃyutto takko…pe… ayaṃ vuccati abyāpādadhātu. Yā sattesu metti…pe… mettācetovimuttī’’ti ayaṃ abyāpādadhātu. ‘‘Avihiṃsāpaṭisaṃyutto takko…pe… ayaṃ vuccati avihiṃsādhātu. Yā sattesu karuṇā…pe… karuṇācetovimuttī’’ti ayaṃ avihiṃsādhātu. Idhāpi vuttanayeneva dve kathā veditabbā.
อปราปิ ติโสฺส ธาตุโยติ อญฺญาปิ สุญฺญตเฎฺฐน ติโสฺส ธาตุโยฯ ตาสุ ‘‘ตตฺถ กตมา กามธาตุ? เหฎฺฐโต อวีจินิรยํ ปริยนฺตํ กริตฺวา’’ติ เอวํ วิตฺถาริโต กามภโว กามธาตุ นามฯ ‘‘เหฎฺฐโต พฺรหฺมโลกํ ปริยนฺตํ กริตฺวา อากาสานญฺจายตนุปเค เทเว ปริยนฺตํ กริตฺวา’’ติ เอวํ วิตฺถาริตา ปน รูปารูปภวา อิตรา เทฺว ธาตุโยฯ ธาตุยา อาคตฎฺฐานมฺหิ หิ ภเวน ปริจฺฉินฺทิตพฺพาฯ ภวสฺส อาคตฎฺฐาเน ธาตุยา ปริจฺฉินฺทิตพฺพาฯ อิธ ภเวน ปริเจฺฉโท กถิโตฯ รูปธาตุอาทีสุ รูปารูปธาตุโย รูปารูปภวาเยวฯ นิโรธธาตุยา นิพฺพานํ กถิตํฯ
Aparāpi tisso dhātuyoti aññāpi suññataṭṭhena tisso dhātuyo. Tāsu ‘‘tattha katamā kāmadhātu? Heṭṭhato avīcinirayaṃ pariyantaṃ karitvā’’ti evaṃ vitthārito kāmabhavo kāmadhātu nāma. ‘‘Heṭṭhato brahmalokaṃ pariyantaṃ karitvā ākāsānañcāyatanupage deve pariyantaṃ karitvā’’ti evaṃ vitthāritā pana rūpārūpabhavā itarā dve dhātuyo. Dhātuyā āgataṭṭhānamhi hi bhavena paricchinditabbā. Bhavassa āgataṭṭhāne dhātuyā paricchinditabbā. Idha bhavena paricchedo kathito. Rūpadhātuādīsu rūpārūpadhātuyo rūpārūpabhavāyeva. Nirodhadhātuyā nibbānaṃ kathitaṃ.
หีนาทีสุ หีนา ธาตูติ ทฺวาทส อกุสลจิตฺตุปฺปาทาฯ อวเสสา เตภูมกธมฺมา มชฺฌิมธาตุฯ นว โลกุตฺตรธมฺมา ปณีตธาตุฯ
Hīnādīsu hīnā dhātūti dvādasa akusalacittuppādā. Avasesā tebhūmakadhammā majjhimadhātu. Nava lokuttaradhammā paṇītadhātu.
กามตณฺหาติ ปญฺจกามคุณิโก ราโคฯ รูปารูปภเวสุ ปน ราโค ฌานนิกนฺติสสฺสตทิฎฺฐิสหคโต ราโค ภววเสน ปตฺถนา ภวตณฺหาฯ อุเจฺฉททิฎฺฐิสหคโต ราโค วิภวตณฺหาฯ อปิจ ฐเปตฺวา ปจฺฉิมํ ตณฺหาทฺวยํ เสสตณฺหา กามตณฺหา นามฯ ยถาห ‘‘ตตฺถ กตมา ภวตณฺหา? ภวทิฎฺฐิสหคโต ราโค สาราโค จิตฺตสฺส สาราโคฯ อยํ วุจฺจติ ภวตณฺหาฯ ตตฺถ กตมา วิภวตณฺหา? อุเจฺฉททิฎฺฐิสหคโต ราโค สาราโค จิตฺตสฺส สาราโค, อยํ วุจฺจติ วิภวตณฺหาฯ อวเสสา ตณฺหา กามตณฺหา’’ติฯ ปุน กามตณฺหาทีสุ ปญฺจกามคุณิโก ราโค กามตณฺหาฯ รูปารูปภเวสุ ฉนฺทราโค อิตรา เทฺว ตณฺหาฯ อภิธเมฺม ปเนตา ‘‘กามธาตุปฎิสํยุโตฺต…เป.… อรูปธาตุปฎิสํยุโตฺต’’ติ เอวํ วิตฺถาริตาฯ อิมินา วาเรน กิํ ทเสฺสติ? สเพฺพปิ เตภูมกา ธมฺมา รชนียเฎฺฐน ตณฺหาวตฺถุกาติ สพฺพตณฺหา กามตณฺหาย ปริยาทิยิตฺวา ตโต นีหริตฺวา อิตรา เทฺว ตณฺหา ทเสฺสติฯ รูปตณฺหาทีสุ รูปภเว ฉนฺทราโค รูปตณฺหาฯ อรูปภเว ฉนฺทราโค อรูปตณฺหาฯ อุเจฺฉททิฎฺฐิสหคโต ราโค นิโรธตณฺหาฯ
Kāmataṇhāti pañcakāmaguṇiko rāgo. Rūpārūpabhavesu pana rāgo jhānanikantisassatadiṭṭhisahagato rāgo bhavavasena patthanā bhavataṇhā. Ucchedadiṭṭhisahagato rāgo vibhavataṇhā. Apica ṭhapetvā pacchimaṃ taṇhādvayaṃ sesataṇhā kāmataṇhā nāma. Yathāha ‘‘tattha katamā bhavataṇhā? Bhavadiṭṭhisahagato rāgo sārāgo cittassa sārāgo. Ayaṃ vuccati bhavataṇhā. Tattha katamā vibhavataṇhā? Ucchedadiṭṭhisahagato rāgo sārāgo cittassa sārāgo, ayaṃ vuccati vibhavataṇhā. Avasesā taṇhā kāmataṇhā’’ti. Puna kāmataṇhādīsu pañcakāmaguṇiko rāgo kāmataṇhā. Rūpārūpabhavesu chandarāgo itarā dve taṇhā. Abhidhamme panetā ‘‘kāmadhātupaṭisaṃyutto…pe… arūpadhātupaṭisaṃyutto’’ti evaṃ vitthāritā. Iminā vārena kiṃ dasseti? Sabbepi tebhūmakā dhammā rajanīyaṭṭhena taṇhāvatthukāti sabbataṇhā kāmataṇhāya pariyādiyitvā tato nīharitvā itarā dve taṇhā dasseti. Rūpataṇhādīsu rūpabhave chandarāgo rūpataṇhā. Arūpabhave chandarāgo arūpataṇhā. Ucchedadiṭṭhisahagato rāgo nirodhataṇhā.
สํโยชนตฺติเก วฎฺฎสฺมิํ สํโยชยนฺติ พนฺธนฺตีติ สํโยชนานิฯ สติ รูปาทิเภเท กาเย ทิฎฺฐิ, วิชฺชมานา วา กาเย ทิฎฺฐีติ สกฺกายทิฎฺฐิฯ วิจินโนฺต เอตาย กิจฺฉติ, น สโกฺกติ สนฺนิฎฺฐานํ กาตุนฺติ วิจิกิจฺฉาฯ สีลญฺจ วตญฺจ ปรามสตีติ สีลพฺพตปรามาโสฯ อตฺถโต ปน ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา นเยน อาคตา วีสติวตฺถุกา ทิฎฺฐิ สกฺกายทิฎฺฐิ นามฯ ‘‘สตฺถริ กงฺขตี’’ติอาทินา นเยน อาคตา อฎฺฐวตฺถุกา วิมติ วิจิกิจฺฉา นามฯ ‘‘อิเธกโจฺจ สีเลน สุทฺธิ วเตน สุทฺธิ สีลพฺพเตน สุทฺธีติ สีลํ ปรามสติ, วตํ ปรามสติ, สีลพฺพตํ ปรามสติฯ ยา เอวรูปา ทิฎฺฐิ ทิฎฺฐิคต’’นฺติอาทินา นเยน อาคโต วิปริเยสคฺคาโห สีลพฺพตปรามาโส นามฯ
Saṃyojanattike vaṭṭasmiṃ saṃyojayanti bandhantīti saṃyojanāni. Sati rūpādibhede kāye diṭṭhi, vijjamānā vā kāye diṭṭhīti sakkāyadiṭṭhi. Vicinanto etāya kicchati, na sakkoti sanniṭṭhānaṃ kātunti vicikicchā. Sīlañca vatañca parāmasatīti sīlabbataparāmāso. Atthato pana ‘‘rūpaṃ attato samanupassatī’’tiādinā nayena āgatā vīsativatthukā diṭṭhi sakkāyadiṭṭhi nāma. ‘‘Satthari kaṅkhatī’’tiādinā nayena āgatā aṭṭhavatthukā vimati vicikicchā nāma. ‘‘Idhekacco sīlena suddhi vatena suddhi sīlabbatena suddhīti sīlaṃ parāmasati, vataṃ parāmasati, sīlabbataṃ parāmasati. Yā evarūpā diṭṭhi diṭṭhigata’’ntiādinā nayena āgato vipariyesaggāho sīlabbataparāmāso nāma.
ตโย อาสวาติ เอตฺถ จิรปาริวาสิยเฎฺฐน วา อาสวนเฎฺฐน วา อาสวาฯ ตตฺถ ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฎิ น ปญฺญายติ อวิชฺชาย, อิโต ปุเพฺพ อวิชฺชา นาโหสิ, อถ ปจฺฉา สมภวี’’ติ, ‘‘ปุริมา , ภิกฺขเว, โกฎิ น ปญฺญายติ ภวตณฺหาย ภวทิฎฺฐิยา, อิโต ปุเพฺพ ภวทิฎฺฐิ นาโหสิ, อถ ปจฺฉา สมภวี’’ติ เอวํ ตาว จิรปาริวาสิยเฎฺฐน อาสวา เวทิตพฺพาฯ จกฺขุโต รูเป สวติ อาสวติ สนฺทติ ปวตฺตติฯ โสตโต สเทฺทฯ ฆานโต คเนฺธฯ ชิวฺหาโต รเสฯ กายโต โผฎฺฐเพฺพฯ มนโต ธเมฺม สวติ อาสวติ สนฺทติ ปวตฺตตีติ เอวํ อาสวนเฎฺฐน อาสวาติ เวทิตพฺพาฯ
Tayoāsavāti ettha cirapārivāsiyaṭṭhena vā āsavanaṭṭhena vā āsavā. Tattha ‘‘purimā, bhikkhave, koṭi na paññāyati avijjāya, ito pubbe avijjā nāhosi, atha pacchā samabhavī’’ti, ‘‘purimā , bhikkhave, koṭi na paññāyati bhavataṇhāya bhavadiṭṭhiyā, ito pubbe bhavadiṭṭhi nāhosi, atha pacchā samabhavī’’ti evaṃ tāva cirapārivāsiyaṭṭhena āsavā veditabbā. Cakkhuto rūpe savati āsavati sandati pavattati. Sotato sadde. Ghānato gandhe. Jivhāto rase. Kāyato phoṭṭhabbe. Manato dhamme savati āsavati sandati pavattatīti evaṃ āsavanaṭṭhena āsavāti veditabbā.
ปาฬิยํ ปน กตฺถจิ เทฺว อาสวา อาคตา ‘‘ทิฎฺฐธมฺมิกา จ อาสวา สมฺปรายิกา จ อาสวา’’ติ, กตฺถจิ ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, อาสวาฯ กามาสโว ภวาสโว อวิชฺชาสโว’’ติ ตโยฯ อภิธเมฺม เตเยว ทิฎฺฐาสเวน สทฺธิํ จตฺตาโรฯ นิเพฺพธิกปริยาเย ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา นิรยคามินิยา, อตฺถิ อาสวา ติรจฺฉานโยนิคามินิยา, อตฺถิ อาสวา เปตฺติวิสยคามินิยา, อตฺถิ อาสวา มนุสฺสโลกคามินิยา อตฺถิ อาสวา เทวโลกคามินิยา’’ติ เอวํ ปญฺจฯ ฉกฺกนิปาเต อาหุเนยฺยสุเตฺต ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา สํวรา ปหาตพฺพา, อตฺถิ อาสวา ปฎิเสวนา ปหาตพฺพา, อตฺถิ อาสวา ปริวชฺชนา ปหาตพฺพา, อตฺถิ อาสวา อธิวาสนา ปหาตพฺพา, อตฺถิ อาสวา วิโนทนา ปหาตพฺพา, อตฺถิ อาสวา ภาวนา ปหาตพฺพา’’ติ เอวํ ฉฯ สพฺพาสวปริยาเย เตเยว ทสฺสนาปหาตเพฺพหิ สทฺธิํ สตฺตฯ อิมสฺมิํ ปน สงฺคีติสุเตฺต ตโยฯ ตตฺถ ‘‘โย กาเมสุ กามจฺฉโนฺท’’ติ เอวํ วุโตฺต ปญฺจกามคุณิโก ราโค กามาสโว นามฯ ‘‘โย ภเวสุ ภวจฺฉโนฺท’’ติ เอวํ วุโตฺต สสฺสตทิฎฺฐิสหคโต ราโค, ภววเสน วา ปตฺถนา ภวาสโว นามฯ ‘‘ทุเกฺข อญฺญาณ’’นฺติอาทินา นเยน อาคตา อวิชฺชา อวิชฺชาสโว นามาติฯ กามภวาทโย กามธาตุอาทิวเสน วุตฺตาเยวฯ
Pāḷiyaṃ pana katthaci dve āsavā āgatā ‘‘diṭṭhadhammikā ca āsavā samparāyikā ca āsavā’’ti, katthaci ‘‘tayome, bhikkhave, āsavā. Kāmāsavo bhavāsavo avijjāsavo’’ti tayo. Abhidhamme teyeva diṭṭhāsavena saddhiṃ cattāro. Nibbedhikapariyāye ‘‘atthi, bhikkhave, āsavā nirayagāminiyā, atthi āsavā tiracchānayonigāminiyā, atthi āsavā pettivisayagāminiyā, atthi āsavā manussalokagāminiyā atthi āsavā devalokagāminiyā’’ti evaṃ pañca. Chakkanipāte āhuneyyasutte ‘‘atthi, bhikkhave, āsavā saṃvarā pahātabbā, atthi āsavā paṭisevanā pahātabbā, atthi āsavā parivajjanā pahātabbā, atthi āsavā adhivāsanā pahātabbā, atthi āsavā vinodanā pahātabbā, atthi āsavā bhāvanā pahātabbā’’ti evaṃ cha. Sabbāsavapariyāye teyeva dassanāpahātabbehi saddhiṃ satta. Imasmiṃ pana saṅgītisutte tayo. Tattha ‘‘yo kāmesu kāmacchando’’ti evaṃ vutto pañcakāmaguṇiko rāgo kāmāsavo nāma. ‘‘Yo bhavesu bhavacchando’’ti evaṃ vutto sassatadiṭṭhisahagato rāgo, bhavavasena vā patthanā bhavāsavo nāma. ‘‘Dukkhe aññāṇa’’ntiādinā nayena āgatā avijjā avijjāsavo nāmāti. Kāmabhavādayo kāmadhātuādivasena vuttāyeva.
กาเมสนาทีสุ ‘‘ตตฺถ กตมา กาเมสนา? โย กาเมสุ กามจฺฉโนฺท กามโชฺฌสานํ, อยํ วุจฺจติ กาเมสนา’’ติ เอวํ วุโตฺต กามคเวสนราโค กาเมสนา นามฯ ‘‘ตตฺถ กตมา ภเวสนา? โย ภเวสุ ภวจฺฉโนฺท ภวโชฺฌสานํ, อยํ วุจฺจติ ภเวสนา’’ติ เอวํ วุโตฺต ภวคเวสนราโค ภเวสนา นามฯ ‘‘ตตฺถ กตมา พฺรหฺมจริเยสนา? สสฺสโต โลโกติ วา…เป.… เนว โหติ น นโหติ ตถาคโต ปรมฺมรณาติ วา, ยา เอวรูปา ทิฎฺฐิ ทิฎฺฐิคตํ วิปริเยสคฺคาโห , อยํ วุจฺจติ พฺรหฺมจริเยสนา’’ติ เอวํ วุตฺตา ทิฎฺฐิคติกสมฺมตสฺส พฺรหฺมจริยสฺส คเวสนทิฎฺฐิ พฺรหฺมจริเยสนา นามฯ น เกวลญฺจ ภวราคทิฎฺฐิโยว, ตเทกฎฺฐํ กมฺมมฺปิ เอสนาเยวฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘ตตฺถ กตมา กาเมสนา? กามราโค ตเทกฎฺฐํ อกุสลํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มโนกมฺมํ, อยํ วุจฺจติ กาเมสนาฯ ตตฺถ กตมา ภเวสนา? ภวราโค ตเทกฎฺฐํ อกุสลํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มโนกมฺมํ, อยํ วุจฺจติ ภเวสนาฯ ตตฺถ กตมา พฺรหฺมจริเยสนา? อนฺตคฺคาหิกา ทิฎฺฐิ ตเทกฎฺฐํ อกุสลํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มโนกมฺมํ, อยํ วุจฺจติ พฺรหฺมจริเยสนา’’ติฯ
Kāmesanādīsu ‘‘tattha katamā kāmesanā? Yo kāmesu kāmacchando kāmajjhosānaṃ, ayaṃ vuccati kāmesanā’’ti evaṃ vutto kāmagavesanarāgo kāmesanā nāma. ‘‘Tattha katamā bhavesanā? Yo bhavesu bhavacchando bhavajjhosānaṃ, ayaṃ vuccati bhavesanā’’ti evaṃ vutto bhavagavesanarāgo bhavesanā nāma. ‘‘Tattha katamā brahmacariyesanā? Sassato lokoti vā…pe… neva hoti na nahoti tathāgato parammaraṇāti vā, yā evarūpā diṭṭhi diṭṭhigataṃ vipariyesaggāho , ayaṃ vuccati brahmacariyesanā’’ti evaṃ vuttā diṭṭhigatikasammatassa brahmacariyassa gavesanadiṭṭhi brahmacariyesanā nāma. Na kevalañca bhavarāgadiṭṭhiyova, tadekaṭṭhaṃ kammampi esanāyeva. Vuttañhetaṃ ‘‘tattha katamā kāmesanā? Kāmarāgo tadekaṭṭhaṃ akusalaṃ kāyakammaṃ vacīkammaṃ manokammaṃ, ayaṃ vuccati kāmesanā. Tattha katamā bhavesanā? Bhavarāgo tadekaṭṭhaṃ akusalaṃ kāyakammaṃ vacīkammaṃ manokammaṃ, ayaṃ vuccati bhavesanā. Tattha katamā brahmacariyesanā? Antaggāhikā diṭṭhi tadekaṭṭhaṃ akusalaṃ kāyakammaṃ vacīkammaṃ manokammaṃ, ayaṃ vuccati brahmacariyesanā’’ti.
วิธาสุ ‘‘กถํวิธํ สีลวนฺตํ วทนฺติ, กถํวิธํ ปญฺญวนฺตํ วทนฺตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๙๕) อาการสณฺฐานํ วิธา นามฯ ‘‘เอกวิเธน ญาณวตฺถุ ทุวิเธน ญาณวตฺถู’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๕๑) โกฎฺฐาโสฯ ‘‘เสโยฺยหมสฺมีติ วิธา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๙๒๐) มาโน วิธา นามฯ อิธ โส อธิเปฺปโตฯ มาโน หิ เสยฺยาทิวเสน วิทหนโต วิธาติ วุจฺจติฯ เสโยฺยหมสฺมีติ อิมินา เสยฺยสทิสหีนานํ วเสน ตโย มานา วุตฺตาฯ สทิสหีเนสุปิ เอเสว นโยฯ
Vidhāsu ‘‘kathaṃvidhaṃ sīlavantaṃ vadanti, kathaṃvidhaṃ paññavantaṃ vadantī’’tiādīsu (saṃ. ni. 1.95) ākārasaṇṭhānaṃ vidhā nāma. ‘‘Ekavidhena ñāṇavatthu duvidhena ñāṇavatthū’’tiādīsu (vibha. 751) koṭṭhāso. ‘‘Seyyohamasmīti vidhā’’tiādīsu (vibha. 920) māno vidhā nāma. Idha so adhippeto. Māno hi seyyādivasena vidahanato vidhāti vuccati. Seyyohamasmīti iminā seyyasadisahīnānaṃ vasena tayo mānā vuttā. Sadisahīnesupi eseva nayo.
อยญฺหิ มาโน นาม เสยฺยสฺส ติวิโธ, สทิสสฺส ติวิโธ, หีนสฺส ติวิโธติ นววิโธ โหติฯ ตตฺถ ‘‘เสยฺยสฺส เสโยฺยหมสฺมี’’ติ มาโน ราชูนเญฺจว ปพฺพชิตานญฺจ อุปฺปชฺชติฯ
Ayañhi māno nāma seyyassa tividho, sadisassa tividho, hīnassa tividhoti navavidho hoti. Tattha ‘‘seyyassa seyyohamasmī’’ti māno rājūnañceva pabbajitānañca uppajjati.
ราชา หิ รเฎฺฐน วา ธนวาหเนหิ วา ‘‘โก มยา สทิโส อตฺถี’’ติ เอตํ มานํ กโรติ ฯ ปพฺพชิโตปิ สีลธุตงฺคาทีหิ ‘‘โก มยา สทิโส อตฺถี’’ติ เอตํ มานํ กโรติฯ ‘‘เสยฺยสฺส สทิโสหมสฺมี’’ติ มาโนปิ เอเตสํเยว อุปฺปชฺชติฯ ราชา หิ รเฎฺฐน วา ธนวาหเนหิ วา อญฺญราชูหิ สทฺธิํ มยฺหํ กิํ นานากรณนฺติ เอตํ มานํ กโรติฯ ปพฺพชิโตปิ สีลธุตงฺคาทีหิปิ อเญฺญน ภิกฺขุนา มยฺหํ กิํ นานากรณนฺติ เอตํ มานํ กโรติฯ ‘‘เสยฺยสฺส หีโนหมสฺมี’’ติ มาโนปิ เอเตสํเยว อุปฺปชฺชติฯ ยสฺส หิ รโญฺญ รฎฺฐํ วา ธนวาหนาทีนิ วา นาติสมฺปนฺนานิ โหนฺติ, โส มยฺหํ ราชาติ โวหารมุขมตฺตเมว, กิํ ราชา นาม อหนฺติ เอตํ มานํ กโรติฯ ปพฺพชิโตปิ อปฺปลาภสกฺกาโร อหํ ธมฺมกถิโก พหุสฺสุโต มหาเถโรติ กถามตฺตกเมว, กิํ ธมฺมกถิโก นามาหํ กิํ พหุสฺสุโต กิํ มหาเถโร ยสฺส เม ลาภสกฺกาโร นตฺถีติ เอตํ มานํ กโรติฯ
Rājā hi raṭṭhena vā dhanavāhanehi vā ‘‘ko mayā sadiso atthī’’ti etaṃ mānaṃ karoti . Pabbajitopi sīladhutaṅgādīhi ‘‘ko mayā sadiso atthī’’ti etaṃ mānaṃ karoti. ‘‘Seyyassa sadisohamasmī’’ti mānopi etesaṃyeva uppajjati. Rājā hi raṭṭhena vā dhanavāhanehi vā aññarājūhi saddhiṃ mayhaṃ kiṃ nānākaraṇanti etaṃ mānaṃ karoti. Pabbajitopi sīladhutaṅgādīhipi aññena bhikkhunā mayhaṃ kiṃ nānākaraṇanti etaṃ mānaṃ karoti. ‘‘Seyyassa hīnohamasmī’’ti mānopi etesaṃyeva uppajjati. Yassa hi rañño raṭṭhaṃ vā dhanavāhanādīni vā nātisampannāni honti, so mayhaṃ rājāti vohāramukhamattameva, kiṃ rājā nāma ahanti etaṃ mānaṃ karoti. Pabbajitopi appalābhasakkāro ahaṃ dhammakathiko bahussuto mahātheroti kathāmattakameva, kiṃ dhammakathiko nāmāhaṃ kiṃ bahussuto kiṃ mahāthero yassa me lābhasakkāro natthīti etaṃ mānaṃ karoti.
‘‘สทิสสฺส เสโยฺยหมสฺมี’’ติ มานาทโย อมจฺจาทีนํ อุปฺปชฺชนฺติฯ อมโจฺจ วา หิ รฎฺฐิโย วา โภคยานวาหนาทีหิ โก มยา สทิโส อโญฺญ ราชปุริโส อตฺถีติ วา มยฺหํ อเญฺญหิ สทฺธิํ กิํ นานากรณนฺติ วา อมโจฺจติ นามเมว มยฺหํ, ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ เม นตฺถิ, กิํ อมโจฺจ นามาหนฺติ วา เอเต มาเน กโรติฯ
‘‘Sadisassa seyyohamasmī’’ti mānādayo amaccādīnaṃ uppajjanti. Amacco vā hi raṭṭhiyo vā bhogayānavāhanādīhi ko mayā sadiso añño rājapuriso atthīti vā mayhaṃ aññehi saddhiṃ kiṃ nānākaraṇanti vā amaccoti nāmameva mayhaṃ, ghāsacchādanamattampi me natthi, kiṃ amacco nāmāhanti vā ete māne karoti.
‘‘หีนสฺส เสโยฺยหมสฺมี’’ติ มานาทโย ทาสาทีนํ อุปฺปชฺชนฺติฯ ทาโส หิ มาติโต วา ปิติโต วา โก มยา สทิโส อโญฺญ ทาโส นาม อตฺถิ, อเญฺญ ชีวิตุํ อสโกฺกนฺตา กุจฺฉิเหตุ ทาสา ชาตา, อหํ ปน ปเวณีอาคตตฺตา เสโยฺยติ วา ปเวณีอาคตภาเวน อุภโตสุทฺธิกทาสเตฺตน อสุกทาเสน นาม สทฺธิํ กิํ มยฺหํ นานากรณนฺติ วา กุจฺฉิวเสนาหํ ทาสพฺย อุปคโต, มาตาปิตุโกฎิยา ปน เม ทาสฎฺฐานํ นตฺถิ, กิํ ทาโส นาม อหนฺติ วา เอเต มาเน กโรติฯ ยถา จ ทาโส, เอวํ ปุกฺกุสจณฺฑาลาทโยปิ เอเต มาเน กโรนฺติเยวฯ
‘‘Hīnassa seyyohamasmī’’ti mānādayo dāsādīnaṃ uppajjanti. Dāso hi mātito vā pitito vā ko mayā sadiso añño dāso nāma atthi, aññe jīvituṃ asakkontā kucchihetu dāsā jātā, ahaṃ pana paveṇīāgatattā seyyoti vā paveṇīāgatabhāvena ubhatosuddhikadāsattena asukadāsena nāma saddhiṃ kiṃ mayhaṃ nānākaraṇanti vā kucchivasenāhaṃ dāsabya upagato, mātāpitukoṭiyā pana me dāsaṭṭhānaṃ natthi, kiṃ dāso nāma ahanti vā ete māne karoti. Yathā ca dāso, evaṃ pukkusacaṇḍālādayopi ete māne karontiyeva.
เอตฺถ จ เสยฺยสฺส เสโยฺยหมสฺมีติ, จ สทิสสฺส สทิโสหมสฺมีติ จ หีนสฺส หีโนหมสฺมีติ จ อิเม ตโย มานา ยาถาวมานา นาม อรหตฺตมคฺควชฺฌาฯ เสสา ฉ มานา อยาถาวมานา นาม ปฐมมคฺควชฺฌาฯ
Ettha ca seyyassa seyyohamasmīti, ca sadisassa sadisohamasmīti ca hīnassa hīnohamasmīti ca ime tayo mānā yāthāvamānā nāma arahattamaggavajjhā. Sesā cha mānā ayāthāvamānā nāma paṭhamamaggavajjhā.
ตโย อทฺธาติ ตโย กาลาฯ อตีโต อทฺธาติอาทีสุ เทฺวปริยายา สุตฺตนฺตปริยาโย จ อภิธมฺมปริยาโย จฯ สุตฺตนฺตปริยาเยน ปฎิสนฺธิโต ปุเพฺพ อตีโต อทฺธา นามฯ จุติโต ปจฺฉา อนาคโต อทฺธา นามฯ สห จุติปฎิสนฺธีหิ ตทนฺตรํ ปจฺจุปฺปโนฺน อทฺธา นามฯ อภิธมฺมปริยาเยน ตีสุ ขเณสุ ภงฺคโต อุทฺธํ อตีโต อทฺธา นามฯ อุปฺปาทโต ปุเพฺพ อนาคโต อทฺธา นามฯ ขณตฺตเย ปจฺจุปฺปโนฺน อทฺธา นามฯ อตีตาทิเภโท จ นาม อยํ ธมฺมานํ โหติ, น กาลสฺสฯ อตีตาทิเภเท ปน ธเมฺม อุปาทาย อิธ ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ กาโล เตเนว โวหาเรน วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ
Tayo addhāti tayo kālā. Atīto addhātiādīsu dvepariyāyā suttantapariyāyo ca abhidhammapariyāyo ca. Suttantapariyāyena paṭisandhito pubbe atīto addhā nāma. Cutito pacchā anāgato addhā nāma. Saha cutipaṭisandhīhi tadantaraṃ paccuppanno addhā nāma. Abhidhammapariyāyena tīsu khaṇesu bhaṅgato uddhaṃ atīto addhā nāma. Uppādato pubbe anāgatoaddhā nāma. Khaṇattaye paccuppanno addhā nāma. Atītādibhedo ca nāma ayaṃ dhammānaṃ hoti, na kālassa. Atītādibhede pana dhamme upādāya idha paramatthato avijjamānopi kālo teneva vohārena vuttoti veditabbo.
ตโย อนฺตาติ ตโย โกฎฺฐาสาฯ ‘‘กายพนฺธนสฺส อโนฺต ชีรตี’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๒๗๘) หิ อโนฺตเยว อโนฺตฯ ‘‘เอเสวโนฺต ทุกฺขสฺสา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๑) ปรภาโค อโนฺตฯ ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, ชีวิกาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๘๐) เอตฺถ ลามกภาโว อโนฺตฯ ‘‘สกฺกาโย โข, อาวุโส, ปฐโม อโนฺต’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๖.๖๑) โกฎฺฐาโส อโนฺตฯ อิธ โกฎฺฐาโส อธิเปฺปโตฯ สกฺกาโยติ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธาฯ สกฺกายสมุทโยติ เตสํ นิพฺพตฺติกา ปุริมตณฺหาฯ สกฺกายนิโรโธติ อุภินฺนํ อปฺปวตฺติภูตํ นิพฺพานํฯ มโคฺค ปน นิโรธาธิคมสฺส อุปายตฺตา นิโรเธ คหิเต คหิโตวาติ เวทิตโพฺพฯ
Tayo antāti tayo koṭṭhāsā. ‘‘Kāyabandhanassa anto jīratī’’tiādīsu (cūḷava. 278) hi antoyeva anto. ‘‘Esevanto dukkhassā’’tiādīsu (saṃ. ni. 2.51) parabhāgo anto. ‘‘Antamidaṃ, bhikkhave, jīvikāna’’nti (saṃ. ni. 3.80) ettha lāmakabhāvo anto. ‘‘Sakkāyo kho, āvuso, paṭhamo anto’’tiādīsu (a. ni. 6.61) koṭṭhāso anto. Idha koṭṭhāso adhippeto. Sakkāyoti pañcupādānakkhandhā. Sakkāyasamudayoti tesaṃ nibbattikā purimataṇhā. Sakkāyanirodhoti ubhinnaṃ appavattibhūtaṃ nibbānaṃ. Maggo pana nirodhādhigamassa upāyattā nirodhe gahite gahitovāti veditabbo.
ทุกฺขทุกฺขตาติ ทุกฺขภูตา ทุกฺขตาฯ ทุกฺขเวทนาเยตํ นามํฯ สงฺขารทุกฺขตาติ สงฺขารภาเวน ทุกฺขตาฯ อทุกฺขมสุขาเวทนาเยตํ นามํฯ สา หิ สงฺขตตฺตา อุปฺปาทชราภงฺคปีฬิตา, ตสฺมา อญฺญทุกฺขสภาววิรหโต สงฺขารทุกฺขตาติ วุตฺตาฯ วิปริณามทุกฺขตาติ วิปริณาเม ทุกฺขตาฯ สุขเวทนาเยตํ นามํฯ สุขสฺส หิ วิปริณาเม ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา สุขํ วิปริณามทุกฺขตาติ วุตฺตํฯ อปิจ ฐเปตฺวา ทุกฺขเวทนํ สุขเวทนญฺจ สเพฺพปิ เตภูมกา ธมฺมา ‘‘สเพฺพ สงฺขารา ทุกฺขา’’ติ วจนโต สงฺขารทุกฺขตาติ เวทิตพฺพาฯ
Dukkhadukkhatāti dukkhabhūtā dukkhatā. Dukkhavedanāyetaṃ nāmaṃ. Saṅkhāradukkhatāti saṅkhārabhāvena dukkhatā. Adukkhamasukhāvedanāyetaṃ nāmaṃ. Sā hi saṅkhatattā uppādajarābhaṅgapīḷitā, tasmā aññadukkhasabhāvavirahato saṅkhāradukkhatāti vuttā. Vipariṇāmadukkhatāti vipariṇāme dukkhatā. Sukhavedanāyetaṃ nāmaṃ. Sukhassa hi vipariṇāme dukkhaṃ uppajjati, tasmā sukhaṃ vipariṇāmadukkhatāti vuttaṃ. Apica ṭhapetvā dukkhavedanaṃ sukhavedanañca sabbepi tebhūmakā dhammā ‘‘sabbe saṅkhārā dukkhā’’ti vacanato saṅkhāradukkhatāti veditabbā.
มิจฺฉตฺตนิยโตติ มิจฺฉาสภาโว หุตฺวา นิยโตฯ นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิยา สทฺธิํ อานนฺตริยกมฺมเสฺสตํ นามํฯ สมฺมาสภาเว นิยโต สมฺมตฺตนิยโตฯ จตุนฺนํ อริยมคฺคานเมตํ นามํฯ น นิยโตติ อนิยโตฯ อวเสสานํ ธมฺมานเมตํ นามํฯ
Micchattaniyatoti micchāsabhāvo hutvā niyato. Niyatamicchādiṭṭhiyā saddhiṃ ānantariyakammassetaṃ nāmaṃ. Sammāsabhāve niyato sammattaniyato. Catunnaṃ ariyamaggānametaṃ nāmaṃ. Na niyatoti aniyato. Avasesānaṃ dhammānametaṃ nāmaṃ.
ตโย ตมาติ ‘‘ตมนฺธกาโร สโมฺมโห อวิโชฺชโฆ มหาภโย’’ติ วจนโต อวิชฺชา ตโม นามฯ อิธ ปน อวิชฺชาสีเสน วิจิกิจฺฉา วุตฺตาฯ อารพฺภาติ อาคมฺมฯ กงฺขตีติ กงฺขํ อุปฺปาเทติฯ วิจิกิจฺฉตีติ วิจินโนฺต กิจฺฉํ อาปชฺชติ, สนฺนิฎฺฐาตุํ น สโกฺกติฯ นาธิมุจฺฉตีติ ตตฺถ อธิมุจฺฉิตุํ น สโกฺกติฯ น สมฺปสีทตีติ ตํ อารพฺภ ปสาทํ อาโรเปตุํ น สโกฺกติฯ
Tayo tamāti ‘‘tamandhakāro sammoho avijjogho mahābhayo’’ti vacanato avijjā tamo nāma. Idha pana avijjāsīsena vicikicchā vuttā. Ārabbhāti āgamma. Kaṅkhatīti kaṅkhaṃ uppādeti. Vicikicchatīti vicinanto kicchaṃ āpajjati, sanniṭṭhātuṃ na sakkoti. Nādhimucchatīti tattha adhimucchituṃ na sakkoti. Na sampasīdatīti taṃ ārabbha pasādaṃ āropetuṃ na sakkoti.
อรเกฺขยฺยานีติ น รกฺขิตพฺพานิฯ ตีสุ ทฺวาเรสุ ปเจฺจกํ รกฺขณกิจฺจํ นตฺถิ, สพฺพานิ สติยา เอว รกฺขิตานีติ ทีเปติฯ นตฺถิ ตถาคตสฺสาติฯ ‘‘อิทํ นาม เม สหสา อุปฺปนฺนํ กายทุจฺจริตํ, อิมาหํ ยถา เม ปโร น ชานาติ , ตถา รกฺขามิ, ปฎิจฺฉาเทมี’’ติ เอวํ รกฺขิตพฺพํ นตฺถิ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริตํฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ กิํ ปน เสสขีณาสวานํ กายสมาจาราทโย อปริสุทฺธาติ? โน อปริสุทฺธาฯ น ปน ตถาคตสฺส วิย ปริสุทฺธาฯ อปฺปสฺสุตขีณาสโว หิ กิญฺจาปิ โลกวชฺชํ นาปชฺชติ, ปณฺณตฺติยํ ปน อโกวิทตฺตา วิหารการํ กุฎิการํ สหคารํ สหเสยฺยนฺติ เอวรูปา กายทฺวาเร อาปตฺติโย อาปชฺชติฯ สญฺจริตฺตํ ปทโสธมฺมํ อุตฺตริฉปฺปญฺจวาจํ ภูตาโรจนนฺติ เอวรูปา วจีทฺวาเร อาปตฺติโย อาปชฺชติฯ อุปนิกฺขิตฺตสาทิยนวเสน มโนทฺวาเร รูปิยปฺปฎิคฺคาหณาปตฺติํ อาปชฺชติ, ธมฺมเสนาปติสทิสสฺสาปิ หิ ขีณาสวสฺส มโนทฺวาเร สอุปารมฺภวเสน มโนทุจฺจริตํ อุปฺปชฺชติ เอวฯ
Arakkheyyānīti na rakkhitabbāni. Tīsu dvāresu paccekaṃ rakkhaṇakiccaṃ natthi, sabbāni satiyā eva rakkhitānīti dīpeti. Natthi tathāgatassāti. ‘‘Idaṃ nāma me sahasā uppannaṃ kāyaduccaritaṃ, imāhaṃ yathā me paro na jānāti , tathā rakkhāmi, paṭicchādemī’’ti evaṃ rakkhitabbaṃ natthi tathāgatassa kāyaduccaritaṃ. Sesesupi eseva nayo. Kiṃ pana sesakhīṇāsavānaṃ kāyasamācārādayo aparisuddhāti? No aparisuddhā. Na pana tathāgatassa viya parisuddhā. Appassutakhīṇāsavo hi kiñcāpi lokavajjaṃ nāpajjati, paṇṇattiyaṃ pana akovidattā vihārakāraṃ kuṭikāraṃ sahagāraṃ sahaseyyanti evarūpā kāyadvāre āpattiyo āpajjati. Sañcarittaṃ padasodhammaṃ uttarichappañcavācaṃ bhūtārocananti evarūpā vacīdvāre āpattiyo āpajjati. Upanikkhittasādiyanavasena manodvāre rūpiyappaṭiggāhaṇāpattiṃ āpajjati, dhammasenāpatisadisassāpi hi khīṇāsavassa manodvāre saupārambhavasena manoduccaritaṃ uppajjati eva.
จาตุมวตฺถุสฺมิญฺหิ ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานานํ ปณามิตกาเล เตสํ อตฺถาย จาตุเมยฺยเกหิ สเกฺยหิ ภควติ ขมาปิเต เถโร ภควตา ‘‘กินฺติ เต สาริปุตฺต อโหสิ มยา ภิกฺขุสเงฺฆ ปณามิเต’’ติ ปุโฎฺฐ อหํ ปริสาย อพฺยตฺตภาเวน สตฺถารา ปณามิโตฯ อิโต ทานิ ปฎฺฐาย ปรํ น โอวทิสฺสามีติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา อาห ‘‘เอวํ โข เม, ภเนฺต, อโหสิ ภควตา ภิกฺขุสโงฺฆ ปณามิโต, อโปฺปสฺสุโกฺก ทานิ ภควา ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารํ อนุยุโตฺต วิหริสฺสติ, มยมฺปิ ทานิ อโปฺปสฺสุกฺกา ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารํ อนุยุตฺตา วิหริสฺสามา’’ติฯ
Cātumavatthusmiñhi pañcahi bhikkhusatehi saddhiṃ sāriputtamoggallānānaṃ paṇāmitakāle tesaṃ atthāya cātumeyyakehi sakyehi bhagavati khamāpite thero bhagavatā ‘‘kinti te sāriputta ahosi mayā bhikkhusaṅghe paṇāmite’’ti puṭṭho ahaṃ parisāya abyattabhāvena satthārā paṇāmito. Ito dāni paṭṭhāya paraṃ na ovadissāmīti cittaṃ uppādetvā āha ‘‘evaṃ kho me, bhante, ahosi bhagavatā bhikkhusaṅgho paṇāmito, appossukko dāni bhagavā diṭṭhadhammasukhavihāraṃ anuyutto viharissati, mayampi dāni appossukkā diṭṭhadhammasukhavihāraṃ anuyuttā viharissāmā’’ti.
อถสฺส ตสฺมิํ มโนทุจฺจริเต อุปารมฺภํ อาโรเปโนฺต สตฺถา อาห – ‘‘อาคเมหิ ตฺวํ, สาริปุตฺต น โข เต, สาริปุตฺต, ปุนปิ เอวรูปํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพ’’นฺติฯ เอวํ ปรํ น โอวทิสฺสามิ นานุสาสิสฺสามีติ วิตกฺกิตมตฺตมฺปิ เถรสฺส มโนทุจฺจริตํ นาม ชาตํฯ ภควโต ปน เอตฺตกํ นาม นตฺถิ, อนจฺฉริยเญฺจตํฯ สพฺพญฺญุตํ ปตฺตสฺส ทุจฺจริตํ น ภเวยฺยฯ โพธิสตฺตภูมิยํ ฐิตสฺส ฉพฺพสฺสานิ ปธานํ อนุยุญฺชนฺตสฺสาปิ ปนสฺส นาโหสิฯ อุทรจฺฉวิยา ปิฎฺฐิกณฺฎกํ อลฺลีนาย ‘‘กาลงฺกโต สมโณ โคตโม’’ติ เทวตานํ วิมติยา อุปฺปชฺชมานายปิ ‘‘สิทฺธตฺถ กสฺมา กิลมสิ? สกฺกา โภเค จ ภุญฺชิตุํ ปุญฺญานิ จ กาตุ’’นฺติ มาเรน ปาปิมตา วุจฺจมานสฺส ‘‘โภเค ภุญฺชิสฺสามี’’ติ วิตกฺกมตฺตมฺปิ นุปฺปชฺชติฯ อถ นํ มาโร โพธิสตฺตกาเล ฉพฺพสฺสานิ พุทฺธกาเล เอกํ วสฺสํ อนุพนฺธิตฺวา กิญฺจิ วชฺชํ อปสฺสิตฺวา อิทํ วตฺวา ปกฺกามิ –
Athassa tasmiṃ manoduccarite upārambhaṃ āropento satthā āha – ‘‘āgamehi tvaṃ, sāriputta na kho te, sāriputta, punapi evarūpaṃ cittaṃ uppādetabba’’nti. Evaṃ paraṃ na ovadissāmi nānusāsissāmīti vitakkitamattampi therassa manoduccaritaṃ nāma jātaṃ. Bhagavato pana ettakaṃ nāma natthi, anacchariyañcetaṃ. Sabbaññutaṃ pattassa duccaritaṃ na bhaveyya. Bodhisattabhūmiyaṃ ṭhitassa chabbassāni padhānaṃ anuyuñjantassāpi panassa nāhosi. Udaracchaviyā piṭṭhikaṇṭakaṃ allīnāya ‘‘kālaṅkato samaṇo gotamo’’ti devatānaṃ vimatiyā uppajjamānāyapi ‘‘siddhattha kasmā kilamasi? Sakkā bhoge ca bhuñjituṃ puññāni ca kātu’’nti mārena pāpimatā vuccamānassa ‘‘bhoge bhuñjissāmī’’ti vitakkamattampi nuppajjati. Atha naṃ māro bodhisattakāle chabbassāni buddhakāle ekaṃ vassaṃ anubandhitvā kiñci vajjaṃ apassitvā idaṃ vatvā pakkāmi –
‘‘สตฺตวสฺสานิ ภควนฺตํ, อนุพนฺธิํ ปทาปทํ;
‘‘Sattavassāni bhagavantaṃ, anubandhiṃ padāpadaṃ;
โอตารํ นาธิคจฺฉิสฺสํ, สมฺพุทฺธสฺส สตีมโต’’ติฯ (สุ. นิ. ๔๔๘);
Otāraṃ nādhigacchissaṃ, sambuddhassa satīmato’’ti. (su. ni. 448);
อปิจ อฎฺฐารสนฺนํ พุทฺธธมฺมานํ วเสนาปิ ภควโต ทุจฺจริตาภาโว เวทิตโพฺพฯ อฎฺฐารส พุทฺธธมฺมา นาม นตฺถิ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริตํ, นตฺถิ วจีทุจฺจริตํ, นตฺถิ มโนทุจฺจริตํ, อตีเต พุทฺธสฺส อปฺปฎิหตญาณํ, อนาคเต, ปจฺจุปฺปเนฺน พุทฺธสฺส อปฺปฎิหตญาณํ, สพฺพํ กายกมฺมํ พุทฺธสฺส ภควโต ญาณานุปริวตฺติ, สพฺพํ วจีกมฺมํ, สพฺพํ มโนกมฺมํ พุทฺธสฺส ภควโต ญาณานุปริวตฺติ, นตฺถิ ฉนฺทสฺส หานิ, นตฺถิ วีริยสฺส หานิ, นตฺถิ สติยา หานิ, นตฺถิ ทวา, นตฺถิ รวา, นตฺถิ จลิตํ นตฺถิ สหสา, นตฺถิ อพฺยาวโฎ มโน, นตฺถิ อกุสลจิตฺตนฺติฯ
Apica aṭṭhārasannaṃ buddhadhammānaṃ vasenāpi bhagavato duccaritābhāvo veditabbo. Aṭṭhārasa buddhadhammā nāma natthi tathāgatassa kāyaduccaritaṃ, natthi vacīduccaritaṃ, natthi manoduccaritaṃ, atīte buddhassa appaṭihatañāṇaṃ, anāgate, paccuppanne buddhassa appaṭihatañāṇaṃ, sabbaṃ kāyakammaṃ buddhassa bhagavato ñāṇānuparivatti, sabbaṃ vacīkammaṃ, sabbaṃ manokammaṃ buddhassa bhagavato ñāṇānuparivatti, natthi chandassa hāni, natthi vīriyassa hāni, natthi satiyā hāni, natthi davā, natthi ravā, natthi calitaṃ natthi sahasā, natthi abyāvaṭo mano, natthi akusalacittanti.
กิญฺจนาติ ปลิโพธาฯ ราโค กิญฺจนนฺติ ราโค อุปฺปชฺชมาโน สเตฺต พนฺธติ ปลิพุนฺธติ ตสฺมา กิญฺจนนฺติ วุจฺจติฯ อิตเรสุปิ ทฺวีสุ เอเสว นโยฯ
Kiñcanāti palibodhā. Rāgo kiñcananti rāgo uppajjamāno satte bandhati palibundhati tasmā kiñcananti vuccati. Itaresupi dvīsu eseva nayo.
อคฺคีติ อนุทหนเฎฺฐน อคฺคิฯ ราคคฺคีติ ราโค อุปฺปชฺชมาโน สเตฺต อนุทหติ ฌาเปติ, ตสฺมา อคฺคีติ วุจฺจติฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ วตฺถูนิ เอกา ทหรภิกฺขุนี จิตฺตลปพฺพตวิหาเร อุโปสถาคารํ คนฺตฺวา ทฺวารปาลรูปกํ โอโลกยมานา ฐิตาฯ อถสฺสา อโนฺต ราโค อุปฺปโนฺนฯ สา เตเนว ฌายิตฺวา กาลมกาสิฯ ภิกฺขุนิโย คจฺฉมานา ‘‘อยํ ทหรา ฐิตา, ปโกฺกสถ, น’’นฺติ อาหํสุฯ เอกา คนฺตฺวา กสฺมา ฐิตาสีติ หเตฺถ คณฺหิฯ คหิตมตฺตา ปริวตฺติตฺวา ปปตาฯ อิทํ ตาว ราคสฺส อนุทหนตาย วตฺถุฯ โทสสฺส ปน อนุทหนตาย มโนปโทสิกา เทวาฯ โมหสฺส อนุทหนตาย ขิฑฺฑาปโทสิกา เทวา ทฎฺฐพฺพาฯ โมหวเสน หิ ตาสํ สติสโมฺมโส โหติฯ ตสฺมา ขิฑฺฑาวเสน อาหารกาลํ อติวตฺติตฺวา กาลงฺกโรนฺติฯ
Aggīti anudahanaṭṭhena aggi. Rāgaggīti rāgo uppajjamāno satte anudahati jhāpeti, tasmā aggīti vuccati. Itaresupi eseva nayo. Tattha vatthūni ekā daharabhikkhunī cittalapabbatavihāre uposathāgāraṃ gantvā dvārapālarūpakaṃ olokayamānā ṭhitā. Athassā anto rāgo uppanno. Sā teneva jhāyitvā kālamakāsi. Bhikkhuniyo gacchamānā ‘‘ayaṃ daharā ṭhitā, pakkosatha, na’’nti āhaṃsu. Ekā gantvā kasmā ṭhitāsīti hatthe gaṇhi. Gahitamattā parivattitvā papatā. Idaṃ tāva rāgassa anudahanatāya vatthu. Dosassa pana anudahanatāya manopadosikā devā. Mohassa anudahanatāya khiḍḍāpadosikā devā daṭṭhabbā. Mohavasena hi tāsaṃ satisammoso hoti. Tasmā khiḍḍāvasena āhārakālaṃ ativattitvā kālaṅkaronti.
อาหุเนยฺยคฺคีติอาทีสุ อาหุนํ วุจฺจติ สกฺกาโร, อาหุนํ อรหนฺตีติ อาหุเนยฺยาฯ มาตาปิตโร หิ ปุตฺตานํ พหูปการตาย อาหุนํ อรหนฺติฯ เตสุ วิปฺปฎิปชฺชมานา ปุตฺตา นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตนฺติฯ ตสฺมา กิญฺจาปิ มาตาปิตโร นานุทหนฺติ, อนุทหนสฺส ปน ปจฺจยา โหนฺติฯ อิติ อนุทหนเฎฺฐน อาหุเนยฺยคฺคีติ วุจฺจนฺติฯ สฺวายมโตฺถ มิตฺตวินฺทกวตฺถุนา ทีเปตโพฺพ –
Āhuneyyaggītiādīsu āhunaṃ vuccati sakkāro, āhunaṃ arahantīti āhuneyyā. Mātāpitaro hi puttānaṃ bahūpakāratāya āhunaṃ arahanti. Tesu vippaṭipajjamānā puttā nirayādīsu nibbattanti. Tasmā kiñcāpi mātāpitaro nānudahanti, anudahanassa pana paccayā honti. Iti anudahanaṭṭhena āhuneyyaggīti vuccanti. Svāyamattho mittavindakavatthunā dīpetabbo –
มิตฺตวินฺทโก หิ มาตรา ‘‘ตาต, อชฺช อุโปสถิโก หุตฺวา วิหาเร สพฺพรตฺติํ ธมฺมสฺสวนํ สุณ, สหสฺสํ เต ทสฺสามี’’ติ วุโตฺต ธนโลเภน อุโปสถํ สมาทาย วิหารํ คนฺตฺวา อิทํ ฐานํ อกุโตภยนฺติ สลฺลเกฺขตฺวา ธมฺมาสนสฺส เหฎฺฐา นิปโนฺน สพฺพรตฺติํ นิทฺทายิตฺวา ฆรํ อคมาสิฯ มาตา ปาโตว ยาคุํ ปจิตฺวา อุปนาเมสิฯ โส สหสฺสํ คเหตฺวาว ปิวิฯ อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ธนํ สํหริสฺสามี’’ติฯ โส นาวาย สมุทฺทํ ปกฺขนฺทิตุกาโม อโหสิฯ อถ นํ มาตา ‘‘ตาต, อิมสฺมิํ กุเล จตฺตาลีสโกฎิธนํ อตฺถิ, อลํ คมเนนา’’ติ นิวาเรสิฯ โส ตสฺสา วจนํ อนาทิยิตฺวา คจฺฉติ เอวฯ มาตา ปุรโต อฎฺฐาสิฯ อถ นํ กุชฺฌิตฺวา ‘‘อยํ มยฺหํ ปุรโต ติฎฺฐตี’’ติ ปาเทน ปหริตฺวา ปติตํ อนฺตรํ กตฺวา อคมาสิฯ
Mittavindako hi mātarā ‘‘tāta, ajja uposathiko hutvā vihāre sabbarattiṃ dhammassavanaṃ suṇa, sahassaṃ te dassāmī’’ti vutto dhanalobhena uposathaṃ samādāya vihāraṃ gantvā idaṃ ṭhānaṃ akutobhayanti sallakkhetvā dhammāsanassa heṭṭhā nipanno sabbarattiṃ niddāyitvā gharaṃ agamāsi. Mātā pātova yāguṃ pacitvā upanāmesi. So sahassaṃ gahetvāva pivi. Athassa etadahosi – ‘‘dhanaṃ saṃharissāmī’’ti. So nāvāya samuddaṃ pakkhanditukāmo ahosi. Atha naṃ mātā ‘‘tāta, imasmiṃ kule cattālīsakoṭidhanaṃ atthi, alaṃ gamanenā’’ti nivāresi. So tassā vacanaṃ anādiyitvā gacchati eva. Mātā purato aṭṭhāsi. Atha naṃ kujjhitvā ‘‘ayaṃ mayhaṃ purato tiṭṭhatī’’ti pādena paharitvā patitaṃ antaraṃ katvā agamāsi.
มาตา อุฎฺฐหิตฺวา ‘‘มาทิสาย มาตริ เอวรูปํ กมฺมํ กตฺวา คตสฺส เต คตฎฺฐาเน สุขํ ภวิสฺสตีติ เอวํสญฺญี นาม ตฺวํ ปุตฺตา’’ติ อาหฯ ตสฺส นาวํ อารุยฺห คจฺฉโต สตฺตเม ทิวเส นาวา อฎฺฐาสิฯ อถ เต มนุสฺสา ‘‘อทฺธา เอตฺถ ปาปปุริโส อตฺถิ สลากํ เทถา’’ติ อาหํสุฯ สลากา ทิยฺยมานา ตเสฺสว ติกฺขตฺตุํ ปาปุณาติฯ เต ตสฺส อุฬุมฺปํ ทตฺวา ตํ สมุเทฺท ปกฺขิปิํสุฯ โส เอกํ ทีปํ คนฺตฺวา วิมานเปตีหิ สทฺธิํ สมฺปตฺติํ อนุภวโนฺต ตาหิ ‘‘ปุรโต ปุรโต มา อคมาสี’’ติ วุจฺจมาโนปิ ตทฺทิคุณํ ตทฺทิคุณํ สมฺปตฺติํ ปสฺสโนฺต อนุปุเพฺพน ขุรจกฺกธรํ เอกํ อทฺทสฯ ตสฺส ตํ จกฺกํ ปทุมปุปฺผํ วิย อุปฎฺฐาสิฯ โส ตํ อาห – ‘‘อโมฺภ, อิทํ ตยา ปิฬนฺธิตํ ปทุมํ มยฺหํ เทหี’’ติฯ ‘‘น อิทํ สามิ ปทุมํ, ขุรจกฺกํ เอต’’นฺติฯ โส ‘‘วเญฺจสิ มํ, ตฺวํ กิํ มยา ปทุมํ อทิฎฺฐปุพฺพ’’นฺติ วตฺวา ตฺวํ โลหิตจนฺทนํ วิลิมฺปิตฺวา ปิฬนฺธนํ ปทุมปุปฺผํ มยฺหํ น ทาตุกาโมติ อาหฯ โส จิเนฺตสิ ‘‘อยมฺปิ มยา กตสทิสํ กมฺมํ กตฺวา ตสฺส ผลํ อนุภวิตุกาโม’’ติฯ อถ นํ ‘‘หนฺท เร’’ติ วตฺวา ตสฺส มตฺถเก จกฺกํ ปกฺขิปิฯ เตน วุตฺตํ –
Mātā uṭṭhahitvā ‘‘mādisāya mātari evarūpaṃ kammaṃ katvā gatassa te gataṭṭhāne sukhaṃ bhavissatīti evaṃsaññī nāma tvaṃ puttā’’ti āha. Tassa nāvaṃ āruyha gacchato sattame divase nāvā aṭṭhāsi. Atha te manussā ‘‘addhā ettha pāpapuriso atthi salākaṃ dethā’’ti āhaṃsu. Salākā diyyamānā tasseva tikkhattuṃ pāpuṇāti. Te tassa uḷumpaṃ datvā taṃ samudde pakkhipiṃsu. So ekaṃ dīpaṃ gantvā vimānapetīhi saddhiṃ sampattiṃ anubhavanto tāhi ‘‘purato purato mā agamāsī’’ti vuccamānopi taddiguṇaṃ taddiguṇaṃ sampattiṃ passanto anupubbena khuracakkadharaṃ ekaṃ addasa. Tassa taṃ cakkaṃ padumapupphaṃ viya upaṭṭhāsi. So taṃ āha – ‘‘ambho, idaṃ tayā piḷandhitaṃ padumaṃ mayhaṃ dehī’’ti. ‘‘Na idaṃ sāmi padumaṃ, khuracakkaṃ eta’’nti. So ‘‘vañcesi maṃ, tvaṃ kiṃ mayā padumaṃ adiṭṭhapubba’’nti vatvā tvaṃ lohitacandanaṃ vilimpitvā piḷandhanaṃ padumapupphaṃ mayhaṃ na dātukāmoti āha. So cintesi ‘‘ayampi mayā katasadisaṃ kammaṃ katvā tassa phalaṃ anubhavitukāmo’’ti. Atha naṃ ‘‘handa re’’ti vatvā tassa matthake cakkaṃ pakkhipi. Tena vuttaṃ –
‘‘จตุพฺภิ อฎฺฐชฺฌคมา, อฎฺฐาหิปิ จ โสฬส;
‘‘Catubbhi aṭṭhajjhagamā, aṭṭhāhipi ca soḷasa;
โสฬสาหิ จ พาตฺติํส, อตฺริจฺฉํ จกฺกมาสโท;
Soḷasāhi ca bāttiṃsa, atricchaṃ cakkamāsado;
อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติฯ (ชา. ๑.๑.๑๐๔)ฯ
Icchāhatassa posassa, cakkaṃ bhamati matthake’’ti. (jā. 1.1.104).
คหปตีติ ปน เคหสามิโก วุจฺจติฯ โส มาตุคามสฺส สยนวตฺถาลงฺการาทิอนุปฺปทาเนน พหูปกาโรฯ ตํ อติจรโนฺต มาตุคาโม นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตติ, ตสฺมา โสปิ ปุริมนเยเนว อนุทหนเฎฺฐน คหปตคฺคีติ วุโตฺตฯ
Gahapatīti pana gehasāmiko vuccati. So mātugāmassa sayanavatthālaṅkārādianuppadānena bahūpakāro. Taṃ aticaranto mātugāmo nirayādīsu nibbattati, tasmā sopi purimanayeneva anudahanaṭṭhena gahapataggīti vutto.
ตตฺถ วตฺถุ – กสฺสปพุทฺธสฺส กาเล โสตาปนฺนสฺส อุปาสกสฺส ภริยา อติจารินี อโหสิ ฯ โส ตํ ปจฺจกฺขโต ทิสฺวา ‘‘กสฺมา ตฺวํ เอวํ กโรสี’’ติ อาหฯ สา ‘‘สจาหํ เอวรูปํ กโรมิ, อยํ เม สุนโข วิลุปฺปมาโน ขาทตู’’ติ วตฺวา กาลงฺกตฺวา กณฺณมุณฺฑกทเห เวมานิกเปตี หุตฺวา นิพฺพตฺตาฯ ทิวา สมฺปตฺติํ อนุภวติ, รตฺติํ ทุกฺขํฯ ตทา พาราณสีราชา มิควํ จรโนฺต อรญฺญํ ปวิสิตฺวา อนุปุเพฺพน กณฺณมุณฺฑกทหํ สมฺปโตฺต ตาย สทฺธิํ สมฺปตฺติํ อนุภวติฯ สา ตํ วเญฺจตฺวา รตฺติํ ทุกฺขํ อนุภวติฯ โส ญตฺวา ‘‘กตฺถ นุ โข คจฺฉตี’’ติ ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต คนฺตฺวา อวิทูเร ฐิโต กณฺณมุณฺฑกทหโต นิกฺขมิตฺวา ตํ ‘‘ปฎปฎ’’นฺติ ขาทมานํ เอกํ สุนขํ ทิสฺวา อสินา ทฺวิธา ฉินฺทิฯ เทฺว อเหสุํฯ ปุน ฉิเนฺน จตฺตาโรฯ ปุน ฉิเนฺน อฎฺฐฯ ปุน ฉิเนฺน โสฬส อเหสุํฯ สา ‘‘กิํ กโรสิ สามี’’ติ อาหฯ โส ‘‘กิํ อิท’’นฺติ อาหฯ สา ‘‘เอวํ อกตฺวา เขฬปิณฺฑํ ภูมิยํ นิฎฺฐุภิตฺวา ปาเทน ฆํสาหี’’ติ อาหฯ โส ตถา อกาสิฯ สุนขา อนฺตรธายิํสุฯ ตํ ทิวสํ ตสฺสา กมฺมํ ขีณํฯ ราชา วิปฺปฎิสารี หุตฺวา คนฺตุํ อารโทฺธฯ สา ‘‘มยฺหํ, สามิ, กมฺมํ ขีณํ มา อคมา’’ติ อาหฯ ราชา อสุตฺวาว คโตฯ
Tattha vatthu – kassapabuddhassa kāle sotāpannassa upāsakassa bhariyā aticārinī ahosi . So taṃ paccakkhato disvā ‘‘kasmā tvaṃ evaṃ karosī’’ti āha. Sā ‘‘sacāhaṃ evarūpaṃ karomi, ayaṃ me sunakho viluppamāno khādatū’’ti vatvā kālaṅkatvā kaṇṇamuṇḍakadahe vemānikapetī hutvā nibbattā. Divā sampattiṃ anubhavati, rattiṃ dukkhaṃ. Tadā bārāṇasīrājā migavaṃ caranto araññaṃ pavisitvā anupubbena kaṇṇamuṇḍakadahaṃ sampatto tāya saddhiṃ sampattiṃ anubhavati. Sā taṃ vañcetvā rattiṃ dukkhaṃ anubhavati. So ñatvā ‘‘kattha nu kho gacchatī’’ti piṭṭhito piṭṭhito gantvā avidūre ṭhito kaṇṇamuṇḍakadahato nikkhamitvā taṃ ‘‘paṭapaṭa’’nti khādamānaṃ ekaṃ sunakhaṃ disvā asinā dvidhā chindi. Dve ahesuṃ. Puna chinne cattāro. Puna chinne aṭṭha. Puna chinne soḷasa ahesuṃ. Sā ‘‘kiṃ karosi sāmī’’ti āha. So ‘‘kiṃ ida’’nti āha. Sā ‘‘evaṃ akatvā kheḷapiṇḍaṃ bhūmiyaṃ niṭṭhubhitvā pādena ghaṃsāhī’’ti āha. So tathā akāsi. Sunakhā antaradhāyiṃsu. Taṃ divasaṃ tassā kammaṃ khīṇaṃ. Rājā vippaṭisārī hutvā gantuṃ āraddho. Sā ‘‘mayhaṃ, sāmi, kammaṃ khīṇaṃ mā agamā’’ti āha. Rājā asutvāva gato.
ทกฺขิเณยฺยคฺคีติ เอตฺถ ปน ทกฺขิณาติ จตฺตาโร ปจฺจยา, ภิกฺขุสโงฺฆ ทกฺขิเณโยฺยฯ โส คิหีนํ ตีสุ สรเณสุ ปญฺจสุ สีเลสุ ทสสุ สีเลสุ มาตาปิตุอุปฎฺฐาเน ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณอุปฎฺฐาเนติ เอวมาทีสุ กลฺยาณธเมฺมสุ นิโยชเนน พหูปกาโร, ตสฺมิํ มิจฺฉาปฎิปนฺนา คิหี ภิกฺขุสงฺฆํ อโกฺกสิตฺวา ปริภาสิตฺวา นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตนฺติ, ตสฺมา โสปิ ปุริมนเยเนว อนุทหนเฎฺฐน ทกฺขิเณยฺยคฺคีติ วุโตฺตฯ อิมสฺส ปนตฺถสฺส วิภาวนตฺถํ วิมานวตฺถุสฺมิํ เรวตีวตฺถุ วิตฺถาเรตพฺพํฯ
Dakkhiṇeyyaggīti ettha pana dakkhiṇāti cattāro paccayā, bhikkhusaṅgho dakkhiṇeyyo. So gihīnaṃ tīsu saraṇesu pañcasu sīlesu dasasu sīlesu mātāpituupaṭṭhāne dhammikasamaṇabrāhmaṇaupaṭṭhāneti evamādīsu kalyāṇadhammesu niyojanena bahūpakāro, tasmiṃ micchāpaṭipannā gihī bhikkhusaṅghaṃ akkositvā paribhāsitvā nirayādīsu nibbattanti, tasmā sopi purimanayeneva anudahanaṭṭhena dakkhiṇeyyaggīti vutto. Imassa panatthassa vibhāvanatthaṃ vimānavatthusmiṃ revatīvatthu vitthāretabbaṃ.
‘‘ติวิเธน รูปสงฺคโห’’ติ เอตฺถ ติวิเธนาติ ตีหิ โกฎฺฐาเสหิฯ สงฺคโหติ ชาติสญฺชาติกิริยคณนวเสน จตุพฺพิโธ สงฺคโหฯ ตตฺถ สเพฺพ ขตฺติยา อาคจฺฉนฺตูติอาทิโก (ม. นิ. ๑.๔๖๒) ชาติสงฺคโหฯ สเพฺพ โกสลกาติอาทิโก สญฺชาติสงฺคโหฯ สเพฺพ หตฺถาโรหาติอาทิโก กิริยสงฺคโหฯ จกฺขายตนํ กตมํ ขนฺธคณนํ คจฺฉตีติ? จกฺขายตนํ รูปกฺขนฺธคณนํ คจฺฉตีติฯ หญฺจิ จกฺขายตนํ รูปกฺขเนฺธน สงฺคหิตนฺติ อยํ คณนสงฺคโห, โส อิธ อธิเปฺปโตฯ ตสฺมา ติวิเธน รูปสงฺคโหติ ตีหิ โกฎฺฐาเสหิ รูปคณนาติ อโตฺถฯ
‘‘Tividhena rūpasaṅgaho’’ti ettha tividhenāti tīhi koṭṭhāsehi. Saṅgahoti jātisañjātikiriyagaṇanavasena catubbidho saṅgaho. Tattha sabbe khattiyā āgacchantūtiādiko (ma. ni. 1.462) jātisaṅgaho. Sabbe kosalakātiādiko sañjātisaṅgaho. Sabbe hatthārohātiādiko kiriyasaṅgaho. Cakkhāyatanaṃ katamaṃ khandhagaṇanaṃ gacchatīti? Cakkhāyatanaṃ rūpakkhandhagaṇanaṃ gacchatīti. Hañci cakkhāyatanaṃ rūpakkhandhena saṅgahitanti ayaṃ gaṇanasaṅgaho, so idha adhippeto. Tasmā tividhena rūpasaṅgahoti tīhi koṭṭhāsehi rūpagaṇanāti attho.
สนิทสฺสนาทีสุ อตฺตานํ อารพฺภ ปวเตฺตน จกฺขุวิญฺญาณสงฺขาเตน สห นิทสฺสเนนาติ สนิทสฺสนํฯ จกฺขุปฎิหนนสมตฺถโต สห ปฎิเฆนาติ สปฺปฎิฆํฯ ตํ อตฺถโต รูปายตนเมวฯ จกฺขุวิญฺญาณสงฺขาตํ นาสฺส นิทสฺสนนฺติ อนิทสฺสนํฯ โสตาทิปฎิหนนสมตฺถโต สห ปฎิเฆนาติ สปฺปฎิฆํฯ ตํ อตฺถโต จกฺขายตนาทีนิ นว อายตนานิฯ วุตฺตปฺปการํ นาสฺส นิทสฺสนนฺติ อนิทสฺสนํฯ นาสฺส ปฎิโฆติ อปฺปฎิฆํฯ ตํ อตฺถโต ฐเปตฺวา ทสายตนานิ อวเสสํ สุขุมรูปํฯ
Sanidassanādīsu attānaṃ ārabbha pavattena cakkhuviññāṇasaṅkhātena saha nidassanenāti sanidassanaṃ. Cakkhupaṭihananasamatthato saha paṭighenāti sappaṭighaṃ. Taṃ atthato rūpāyatanameva. Cakkhuviññāṇasaṅkhātaṃ nāssa nidassananti anidassanaṃ. Sotādipaṭihananasamatthato saha paṭighenāti sappaṭighaṃ. Taṃ atthato cakkhāyatanādīni nava āyatanāni. Vuttappakāraṃ nāssa nidassananti anidassanaṃ. Nāssa paṭighoti appaṭighaṃ. Taṃ atthato ṭhapetvā dasāyatanāni avasesaṃ sukhumarūpaṃ.
ตโย สงฺขาราติ สหชาตธเมฺม เจว สมฺปราเย ผลธเมฺม จ สงฺขโรนฺติ ราสี กโรนฺตีติ สงฺขาราฯ อภิสงฺขโรตีติ อภิสงฺขาโรฯ ปุโญฺญ อภิสงฺขาโร ปุญฺญาภิสงฺขาโรฯ
Tayo saṅkhārāti sahajātadhamme ceva samparāye phaladhamme ca saṅkharonti rāsī karontīti saṅkhārā. Abhisaṅkharotīti abhisaṅkhāro. Puñño abhisaṅkhāro puññābhisaṅkhāro.
‘‘ตตฺถ กตโม ปุญฺญาภิสงฺขาโร? กุสลา เจตนา กามาวจรา รูปาวจรา ทานมยา สีลมยา ภาวนามยา’’ติ เอวํ วุตฺตานํ อฎฺฐนฺนํ กามาวจรกุสลมหาจิตฺตเจตนานํ, ปญฺจนฺนํ รูปาวจรกุสลเจตนานเญฺจตํ อธิวจนํฯ เอตฺถ จ ทานสีลมยา อเฎฺฐว เจตนา โหนฺติฯ ภาวนามยา เตรสาปิฯ ยถา หิ ปคุณํ ธมฺมํ สชฺฌายมาโน เอกํ เทฺว อนุสนฺธิํ คโตปิ น ชานาติ, ปจฺฉา อาวชฺชโนฺต ชานาติ, เอวเมว กสิณปริกมฺมํ กโรนฺตสฺส ปคุณชฺฌานํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ญาณวิปฺปยุตฺตาปิ ภาวนา โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ภาวนามยา เตรสาปี’’ติฯ
‘‘Tattha katamo puññābhisaṅkhāro? Kusalā cetanā kāmāvacarā rūpāvacarā dānamayā sīlamayā bhāvanāmayā’’ti evaṃ vuttānaṃ aṭṭhannaṃ kāmāvacarakusalamahācittacetanānaṃ, pañcannaṃ rūpāvacarakusalacetanānañcetaṃ adhivacanaṃ. Ettha ca dānasīlamayā aṭṭheva cetanā honti. Bhāvanāmayā terasāpi. Yathā hi paguṇaṃ dhammaṃ sajjhāyamāno ekaṃ dve anusandhiṃ gatopi na jānāti, pacchā āvajjanto jānāti, evameva kasiṇaparikammaṃ karontassa paguṇajjhānaṃ paccavekkhantassa ñāṇavippayuttāpi bhāvanā hoti. Tena vuttaṃ ‘‘bhāvanāmayā terasāpī’’ti.
ตตฺถ ทานมยาทีสุ ‘‘ทานํ อารพฺภ ทานมธิกิจฺจ ยา อุปฺปชฺชติ เจตนา สเญฺจตนา เจตยิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ ทานมโย ปุญฺญาภิสงฺขาโรฯ สีลํ อารพฺภ, ภาวนํ อารพฺภ, ภาวนมธิกิจฺจ ยา อุปฺปชฺชติ เจตนา สเญฺจตนา เจตยิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ ภาวนามโย ปุญฺญาภิสงฺขาโร’’ติ อยํ สเงฺขปเทสนาฯ
Tattha dānamayādīsu ‘‘dānaṃ ārabbha dānamadhikicca yā uppajjati cetanā sañcetanā cetayitattaṃ, ayaṃ vuccati dānamayo puññābhisaṅkhāro. Sīlaṃ ārabbha, bhāvanaṃ ārabbha, bhāvanamadhikicca yā uppajjati cetanā sañcetanā cetayitattaṃ, ayaṃ vuccati bhāvanāmayo puññābhisaṅkhāro’’ti ayaṃ saṅkhepadesanā.
จีวราทีสุ ปน จตูสุ ปจฺจเยสุ รูปาทีสุ วา ฉสุ อารมฺมเณสุ อนฺนาทีสุ วา ทสสุ ทานวตฺถูสุ ตํ ตํ เทนฺตสฺส เตสํ อุปฺปาทนโต ปฎฺฐาย ปุพฺพภาเค, ปริจฺจาคกาเล, ปจฺฉา โสมนสฺสจิเตฺตน อนุสฺสรเณ จาติ ตีสุ กาเลสุ ปวตฺตา เจตนา ทานมยา นามฯ สีลปูรณตฺถาย ปน ปพฺพชิสฺสามีติ วิหารํ คจฺฉนฺตสฺส, ปพฺพชนฺตสฺส มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ปพฺพชิโต วตมฺหิ สาธุ สาธูติ อาวชฺชนฺตสฺส, ปาติโมกฺขํ สํวรนฺตสฺส, จีวราทโย ปจฺจเย ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, อาปาถคเตสุ รูปาทีสุ จกฺขุทฺวาราทีนิ สํวรนฺตสฺส, อาชีวํ โสเธนฺตสฺส จ ปวตฺตา เจตนา สีลมยา นามฯ
Cīvarādīsu pana catūsu paccayesu rūpādīsu vā chasu ārammaṇesu annādīsu vā dasasu dānavatthūsu taṃ taṃ dentassa tesaṃ uppādanato paṭṭhāya pubbabhāge, pariccāgakāle, pacchā somanassacittena anussaraṇe cāti tīsu kālesu pavattā cetanā dānamayā nāma. Sīlapūraṇatthāya pana pabbajissāmīti vihāraṃ gacchantassa, pabbajantassa manorathaṃ matthakaṃ pāpetvā pabbajito vatamhi sādhu sādhūti āvajjantassa, pātimokkhaṃ saṃvarantassa, cīvarādayo paccaye paccavekkhantassa, āpāthagatesu rūpādīsu cakkhudvārādīni saṃvarantassa, ājīvaṃ sodhentassa ca pavattā cetanā sīlamayā nāma.
ปฎิสมฺภิทายํ วุเตฺตน วิปสฺสนามเคฺคน ‘‘จกฺขุํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต ภาเวนฺตสฺส…เป.… มนํฯ รูเปฯ ธเมฺมฯ จกฺขุวิญฺญาณํ…เป.… มโนวิญฺญาณํฯ จกฺขุสมฺผสฺสํ…เป.… มโนสมฺผสฺสํฯ จกฺขุสมฺผสฺสชํ เวทนํ…เป.… มโนสมฺผสฺสชํ เวทนํฯ รูปสญฺญํ , ชรามรณํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต ภาเวนฺตสฺส ปวตฺตา เจตนา ภาวนามยา นามา’’ติ อยํ วิตฺถารกถาฯ
Paṭisambhidāyaṃ vuttena vipassanāmaggena ‘‘cakkhuṃ aniccato dukkhato anattato bhāventassa…pe… manaṃ. Rūpe. Dhamme. Cakkhuviññāṇaṃ…pe… manoviññāṇaṃ. Cakkhusamphassaṃ…pe… manosamphassaṃ. Cakkhusamphassajaṃ vedanaṃ…pe… manosamphassajaṃ vedanaṃ. Rūpasaññaṃ , jarāmaraṇaṃ aniccato dukkhato anattato bhāventassa pavattā cetanā bhāvanāmayā nāmā’’ti ayaṃ vitthārakathā.
อปุโญฺญ จ โส อภิสงฺขาโร จาติ อปุญฺญาภิสงฺขาโรฯ ทฺวาทสอกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตานํ เจตนานํ เอตํ อธิวจนํฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ตตฺถ กตโม อปุญฺญาภิสงฺขาโร? อกุสลเจตนา กามาวจรา, อยํ วุจฺจติ อปุญฺญาภิสงฺขาโร’’ติฯ อาเนญฺชํ นิจฺจลํ สนฺตํ วิปากภูตํ อรูปเมว อภิสงฺขโรตีติ อาเนญฺชาภิสงฺขาโรฯ จตุนฺนํ อรูปาวจรกุสลเจตนานํ เอตํ อธิวจนํฯ ยถาห ‘‘ตตฺถ กตโม อาเนญฺชาภิสงฺขาโร? กุสลเจตนา อรูปาวจรา, อยํ วุจฺจติ อาเนญฺชาภิสงฺขาโร’’ติฯ
Apuñño ca so abhisaṅkhāro cāti apuññābhisaṅkhāro. Dvādasaakusalacittasampayuttānaṃ cetanānaṃ etaṃ adhivacanaṃ. Vuttampi cetaṃ ‘‘tattha katamo apuññābhisaṅkhāro? Akusalacetanā kāmāvacarā, ayaṃ vuccati apuññābhisaṅkhāro’’ti. Āneñjaṃ niccalaṃ santaṃ vipākabhūtaṃ arūpameva abhisaṅkharotīti āneñjābhisaṅkhāro. Catunnaṃ arūpāvacarakusalacetanānaṃ etaṃ adhivacanaṃ. Yathāha ‘‘tattha katamo āneñjābhisaṅkhāro? Kusalacetanā arūpāvacarā, ayaṃ vuccati āneñjābhisaṅkhāro’’ti.
ปุคฺคลตฺติเก สตฺตวิโธ ปุริสปุคฺคโล, ติโสฺส สิกฺขา สิกฺขตีติ เสโกฺขฯ ขีณาสโว สิกฺขิตสิกฺขตฺตา ปุน น สิกฺขิสฺสตีติ อเสโกฺขฯ ปุถุชฺชโน สิกฺขาหิ ปริพาหิยตฺตา เนวเสโกฺข นาเสโกฺขฯ
Puggalattike sattavidho purisapuggalo, tisso sikkhā sikkhatīti sekkho. Khīṇāsavo sikkhitasikkhattā puna na sikkhissatīti asekkho. Puthujjano sikkhāhi paribāhiyattā nevasekkho nāsekkho.
เถรตฺติเก ชาติมหลฺลโก คิหี ชาติเตฺถโร นามฯ ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, เถรกรณา ธมฺมาฯ อิธ, ภิกฺขเว, เถโร สีลวา โหติ, พหุสฺสุโต โหติ, จตุนฺนํ ฌานานํ ลาภี โหติ, อาสวานํ ขยา พหุสฺสุโต โหติ, จตุนฺนํ ฌานานํ ลาภี โหติ, อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร เถรกรณา ธมฺมา’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๒)ฯ เอวํ วุเตฺตสุ ธเมฺมสุ เอเกน วา อเนเกหิ วา สมนฺนาคโต ธมฺมเถโร นามฯ อญฺญตโร เถรนามโก ภิกฺขูติ เอวํ เถรนามโก วา, ยํ วา ปน มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตํ สามเณราทโย ทิสฺวา เถโร เถโรติ วทนฺติ, อยํ สมฺมุติเถโร นามฯ
Therattike jātimahallako gihī jātitthero nāma. ‘‘Cattārome, bhikkhave, therakaraṇā dhammā. Idha, bhikkhave, thero sīlavā hoti, bahussuto hoti, catunnaṃ jhānānaṃ lābhī hoti, āsavānaṃ khayā bahussuto hoti, catunnaṃ jhānānaṃ lābhī hoti, āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Ime kho, bhikkhave, cattāro therakaraṇā dhammā’’ti (a. ni. 4.22). Evaṃ vuttesu dhammesu ekena vā anekehi vā samannāgato dhammathero nāma. Aññataro theranāmako bhikkhūti evaṃ theranāmako vā, yaṃ vā pana mahallakakāle pabbajitaṃ sāmaṇerādayo disvā thero theroti vadanti, ayaṃ sammutithero nāma.
ปุญฺญกิริยวตฺถูสุ ทานเมว ทานมยํฯ ปุญฺญกิริยา จ สา เตสํ เตสํ อานิสํสานํ วตฺถุ จาติ ปุญฺญกิริยวตฺถุฯ อิตเรสุปิ ทฺวีสุ เอเสว นโยฯ อตฺถโต ปน ปุเพฺพ วุตฺตทานมยเจตนาทิวเสเนว สทฺธิํ ปุพฺพภาคอปรภาคเจตนาหิ อิมานิ ตีณิ ปุญฺญกิริยวตฺถูนิ เวทิตพฺพานิฯ เอกเมกเญฺจตฺถ ปุพฺพภาคโต ปฎฺฐาย กาเยน กโรนฺตสฺส กายกมฺมํ โหติฯ ตทตฺถํ วาจํ นิจฺฉาเรนฺตสฺส วจีกมฺมํฯ กายงฺควาจงฺคํ อโจเปตฺวา มนสา จิเนฺตนฺตสฺส มโนกมฺมํฯ อนฺนาทีนิ เทนฺตสฺส จาปิ อนฺนทานาทีนิ เทมีติ วา ทานปารมิํ อาวเชฺชตฺวา วา ทานกาเล ทานมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ โหติฯ วตฺตสีเส ฐตฺวา ททโต สีลมยํฯ ขยโต วยโต สมฺมสนํ ปฎฺฐเปตฺวา ททโต ภาวนามยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ โหติฯ
Puññakiriyavatthūsu dānameva dānamayaṃ. Puññakiriyā ca sā tesaṃ tesaṃ ānisaṃsānaṃ vatthu cāti puññakiriyavatthu. Itaresupi dvīsu eseva nayo. Atthato pana pubbe vuttadānamayacetanādivaseneva saddhiṃ pubbabhāgaaparabhāgacetanāhi imāni tīṇi puññakiriyavatthūni veditabbāni. Ekamekañcettha pubbabhāgato paṭṭhāya kāyena karontassa kāyakammaṃ hoti. Tadatthaṃ vācaṃ nicchārentassa vacīkammaṃ. Kāyaṅgavācaṅgaṃ acopetvā manasā cintentassa manokammaṃ. Annādīni dentassa cāpi annadānādīni demīti vā dānapāramiṃ āvajjetvā vā dānakāle dānamayaṃ puññakiriyavatthu hoti. Vattasīse ṭhatvā dadato sīlamayaṃ. Khayato vayato sammasanaṃ paṭṭhapetvā dadato bhāvanāmayaṃ puññakiriyavatthu hoti.
อปรานิปิ สตฺต ปุญฺญกิริยวตฺถูนิ อปจิติสหคตํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ, เวยฺยาวจฺจสหคตํ, ปตฺตานุปฺปทานํ, ปตฺตพฺภนุโมทนํ, เทสนามยํ, สวนมยํ, ทิฎฺฐิชุคตํ ปุญฺญกิริยวตฺถูติฯ ตตฺถ มหลฺลกํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคมนปตฺตจีวรปฺปฎิคฺคหณอภิวาทนมคฺคสมฺปทานาทิวเสน อปจิติสหคตํ เวทิตพฺพํฯ วุฑฺฒตรานํ วตฺตปฺปฎิปตฺติกรณวเสน, คามํ ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา คาเม ภิกฺขํ สมาทเปตฺวา อุปสํหรณวเสน, ‘‘คจฺฉ ภิกฺขูนํ ปตฺตํ อาหรา’’ติ สุตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ปตฺตาหรณาทิวเสน จ เวยฺยาวจฺจสหคตํ เวทิตพฺพํฯ จตฺตาโร ปจฺจเย ทตฺวา สพฺพสตฺตานํ ปตฺติ โหตูติ ปวตฺตนวเสน ปตฺตานุปฺปทานํ เวทิตพฺพํฯ ปเรหิ ทินฺนาย ปตฺติยา สาธุ สุฎฺฐูติ อนุโมทนาวเสน ปตฺตพฺภนุโมทนํ เวทิตพฺพํฯ เอโก ‘‘เอวํ มํ ‘ธมฺมกถิโก’ติ ชานิสฺสนฺตี’’ติ อิจฺฉาย ฐตฺวา ลาภครุโก หุตฺวา เทเสติ, ตํ น มหปฺผลํฯ เอโก อตฺตโน ปคุณธมฺมํ อปจฺจาสีสมาโน ปเรสํ เทเสติ, อิทํ เทสนามยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ นามฯ เอโก สุณโนฺต ‘‘อิติ มํ ‘สโทฺธ’ติ ชานิสฺสนฺตี’’ติ สุณาติ, ตํ น มหปฺผลํฯ เอโก ‘‘เอวํ เม มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ หิตปฺผรเณน มุทุจิเตฺตน ธมฺมํ สุณาติ, อิทํ สวนมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุฯ ทิฎฺฐิชุคตํ ปน สเพฺพสํ นิยมลกฺขณํฯ ยํกิญฺจิ ปุญฺญํ กโรนฺตสฺส หิ ทิฎฺฐิยา อุชุภาเวเนว มหปฺผลํ โหติฯ
Aparānipi satta puññakiriyavatthūni apacitisahagataṃ puññakiriyavatthu, veyyāvaccasahagataṃ, pattānuppadānaṃ, pattabbhanumodanaṃ, desanāmayaṃ, savanamayaṃ, diṭṭhijugataṃ puññakiriyavatthūti. Tattha mahallakaṃ disvā paccuggamanapattacīvarappaṭiggahaṇaabhivādanamaggasampadānādivasena apacitisahagataṃ veditabbaṃ. Vuḍḍhatarānaṃ vattappaṭipattikaraṇavasena, gāmaṃ piṇḍāya paviṭṭhaṃ bhikkhuṃ disvā pattaṃ gahetvā gāme bhikkhaṃ samādapetvā upasaṃharaṇavasena, ‘‘gaccha bhikkhūnaṃ pattaṃ āharā’’ti sutvā vegena gantvā pattāharaṇādivasena ca veyyāvaccasahagataṃ veditabbaṃ. Cattāro paccaye datvā sabbasattānaṃ patti hotūti pavattanavasena pattānuppadānaṃ veditabbaṃ. Parehi dinnāya pattiyā sādhu suṭṭhūti anumodanāvasena pattabbhanumodanaṃ veditabbaṃ. Eko ‘‘evaṃ maṃ ‘dhammakathiko’ti jānissantī’’ti icchāya ṭhatvā lābhagaruko hutvā deseti, taṃ na mahapphalaṃ. Eko attano paguṇadhammaṃ apaccāsīsamāno paresaṃ deseti, idaṃ desanāmayaṃ puññakiriyavatthu nāma. Eko suṇanto ‘‘iti maṃ ‘saddho’ti jānissantī’’ti suṇāti, taṃ na mahapphalaṃ. Eko ‘‘evaṃ me mahapphalaṃ bhavissatī’’ti hitappharaṇena muducittena dhammaṃ suṇāti, idaṃ savanamayaṃ puññakiriyavatthu. Diṭṭhijugataṃ pana sabbesaṃ niyamalakkhaṇaṃ. Yaṃkiñci puññaṃ karontassa hi diṭṭhiyā ujubhāveneva mahapphalaṃ hoti.
อิติ อิเมสํ สตฺตนฺนํ ปุญฺญกิริยวตฺถูนํ ปุริเมเหว ตีหิ สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ เอตฺถ หิ อปจิติเวยฺยาวจฺจานิ สีลมเยฯ ปตฺติทานปตฺตพฺภนุโมทนานิ ทานมเยฯ เทสนาสวนานิ ภาวนามเยฯ ทิฎฺฐิชุคตํ ตีสุปิ สงฺคหํ คจฺฉติฯ
Iti imesaṃ sattannaṃ puññakiriyavatthūnaṃ purimeheva tīhi saṅgaho veditabbo. Ettha hi apacitiveyyāvaccāni sīlamaye. Pattidānapattabbhanumodanāni dānamaye. Desanāsavanāni bhāvanāmaye. Diṭṭhijugataṃ tīsupi saṅgahaṃ gacchati.
โจทนาวตฺถูนีติ โจทนาการณานิฯ ทิเฎฺฐนาติ มํสจกฺขุนา วา ทิพฺพจกฺขุนา วา วีติกฺกมํ ทิสฺวา โจเทติฯ สุเตนาติ ปกติโสเตน วา ทิพฺพโสเตน วา ปรสฺส สทฺทํ สุตฺวา โจเทติฯ ปริสงฺกาย วาติ ทิฎฺฐปริสงฺกิเตน วา สุตปริสงฺกิเตน วา มุตปริสงฺกิเตน วา โจเทติฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ
Codanāvatthūnīti codanākāraṇāni. Diṭṭhenāti maṃsacakkhunā vā dibbacakkhunā vā vītikkamaṃ disvā codeti. Sutenāti pakatisotena vā dibbasotena vā parassa saddaṃ sutvā codeti. Parisaṅkāya vāti diṭṭhaparisaṅkitena vā sutaparisaṅkitena vā mutaparisaṅkitena vā codeti. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana samantapāsādikāyaṃ vuttanayeneva veditabbo.
กามูปปตฺติโยติ กามูปเสวนา กามปฺปฎิลาภา วาฯ ปจฺจุปฎฺฐิตกามาติ นิพทฺธกามา นิพทฺธารมฺมณาฯ เสยฺยถาปิ มนุสฺสาติ ยถา มนุสฺสาฯ มนุสฺสา หิ นิพเทฺธเยว วตฺถุสฺมิํ วสํ วเตฺตนฺติ ฯ ยตฺถ ปฎิพทฺธจิตฺตา โหนฺติ, สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ ทตฺวา มาตุคามํ อาเนตฺวา นิพทฺธโภคํ ภุญฺชนฺติฯ เอกเจฺจ เทวา นาม จตุเทวโลกวาสิโนฯ เตปิ นิพทฺธวตฺถุสฺมิํเยว วสํ วเตฺตนฺติฯ เอกเจฺจ วินิปาติกา นาม เนรยิเก ฐเปตฺวา อวเสสา มจฺฉกจฺฉปาทโยปิ หิ นิพทฺธวตฺถุสฺมิํเยว วสํ วเตฺตนฺติฯ มโจฺฉ อตฺตโน มจฺฉิยา กจฺฉโป กจฺฉปิยาติ ฯ นิมฺมินิตฺวา นิมฺมินิตฺวาติ นีลปีตาทิวเสน ยาทิสํ ยาทิสํ อตฺตโน รูปํ อิจฺฉนฺติ, ตาทิสํ ตาทิสํ นิมฺมินิตฺวา อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส ปุรโต มนาปกายิกา เทวตา วิยฯ นิมฺมานรตีติ เอวํ สยํ นิมฺมิเต นิมฺมิเต นิมฺมาเน รติ เอเตสนฺติ นิมฺมานรตีฯ ปรนิมฺมิตกามาติ ปเรหิ นิมฺมิตกามาฯ เตสญฺหิ มนํ ญตฺวา ปเร ยถารุจิตํ กามโภคํ นิมฺมินนฺติ, เต ตตฺถ วสํ วเตฺตนฺติฯ กถํ ปรสฺส มนํ ชานนฺตีติ? ปกติเสวนวเสนฯ ยถา หิ กุสโล สูโท รโญฺญ ภุญฺชนฺตสฺส ยํ ยํ โส พหุํ คณฺหาติ, ตํ ตํ ตสฺส รุจฺจตีติ ชานาติ, เอวํ ปกติยา อภิรุจิตารมฺมณํ ญตฺวา ตาทิสกํเยว นิมฺมินนฺติฯ เต ตตฺถ วสํ วเตฺตนฺติ, เมถุนํ เสวนฺติฯ เกจิ ปน เถรา ‘‘หสิตมเตฺตน โอโลกิตมเตฺตน อาลิงฺคิตมเตฺตน จ เตสํ กามกิจฺจํ อิชฺฌตี’’ติ วทนฺติ, ตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘เอตํ ปน นตฺถี’’ติ ปฎิกฺขิตฺตํฯ น หิ กาเยน อผุสนฺตสฺส โผฎฺฐพฺพํ กามกิจฺจํ สาเธติฯ ฉนฺนมฺปิ หิ กามาวจรานํ กามา ปากติกา เอวฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Kāmūpapattiyoti kāmūpasevanā kāmappaṭilābhā vā. Paccupaṭṭhitakāmāti nibaddhakāmā nibaddhārammaṇā. Seyyathāpi manussāti yathā manussā. Manussā hi nibaddheyeva vatthusmiṃ vasaṃ vattenti . Yattha paṭibaddhacittā honti, satampi sahassampi datvā mātugāmaṃ ānetvā nibaddhabhogaṃ bhuñjanti. Ekacce devā nāma catudevalokavāsino. Tepi nibaddhavatthusmiṃyeva vasaṃ vattenti. Ekacce vinipātikā nāma nerayike ṭhapetvā avasesā macchakacchapādayopi hi nibaddhavatthusmiṃyeva vasaṃ vattenti. Maccho attano macchiyā kacchapo kacchapiyāti . Nimminitvā nimminitvāti nīlapītādivasena yādisaṃ yādisaṃ attano rūpaṃ icchanti, tādisaṃ tādisaṃ nimminitvā āyasmato anuruddhassa purato manāpakāyikā devatā viya. Nimmānaratīti evaṃ sayaṃ nimmite nimmite nimmāne rati etesanti nimmānaratī. Paranimmitakāmāti parehi nimmitakāmā. Tesañhi manaṃ ñatvā pare yathārucitaṃ kāmabhogaṃ nimminanti, te tattha vasaṃ vattenti. Kathaṃ parassa manaṃ jānantīti? Pakatisevanavasena. Yathā hi kusalo sūdo rañño bhuñjantassa yaṃ yaṃ so bahuṃ gaṇhāti, taṃ taṃ tassa ruccatīti jānāti, evaṃ pakatiyā abhirucitārammaṇaṃ ñatvā tādisakaṃyeva nimminanti. Te tattha vasaṃ vattenti, methunaṃ sevanti. Keci pana therā ‘‘hasitamattena olokitamattena āliṅgitamattena ca tesaṃ kāmakiccaṃ ijjhatī’’ti vadanti, taṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘etaṃ pana natthī’’ti paṭikkhittaṃ. Na hi kāyena aphusantassa phoṭṭhabbaṃ kāmakiccaṃ sādheti. Channampi hi kāmāvacarānaṃ kāmā pākatikā eva. Vuttampi cetaṃ –
‘‘ฉ เอเต กามาวจรา, สพฺพกามสมิทฺธิโน;
‘‘Cha ete kāmāvacarā, sabbakāmasamiddhino;
สเพฺพสํ เอกสงฺขาตํ, อายุ ภวติ กิตฺตก’’นฺติฯ (วิภ. ๑๐๒๓);
Sabbesaṃ ekasaṅkhātaṃ, āyu bhavati kittaka’’nti. (vibha. 1023);
สุขูปปตฺติโยติ สุขปฺปฎิลาภาฯ อุปฺปาเทตฺวา อุปฺปาเทตฺวา สุขํ วิหรนฺตีติ เต เหฎฺฐา ปฐมชฺฌานสุขํ นิพฺพเตฺตตฺวา อุปริ วิปากชฺฌานสุขํ อนุภวนฺตีติ อโตฺถฯ สุเขน อภิสนฺนาติ ทุติยชฺฌานสุเขน ตินฺตาฯ ปริสนฺนาติ สมนฺตโต ตินฺตาฯ ปริปูราติ ปริปุณฺณาฯ ปริปฺผุฎาติ ตเสฺสว เววจนํฯ อิทมฺปิ วิปากชฺฌานสุขเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ อโหสุขํ อโหสุขนฺติ เตสํ กิร ภวโลโภ มหา อุปฺปชฺชติฯ ตสฺมา กทาจิ กรหจิ เอวํ อุทานํ อุทาเนนฺติฯ สนฺตเมวาติ ปณีตเมวฯ ตุสิตาติ ตโต อุตฺตริํ สุขสฺส อปตฺถนโต สนฺตุฎฺฐา หุตฺวาฯ สุขํ ปฎิเวเทนฺตีติ ตติยชฺฌานสุขํ อนุภวนฺติฯ
Sukhūpapattiyoti sukhappaṭilābhā. Uppādetvā uppādetvā sukhaṃ viharantīti te heṭṭhā paṭhamajjhānasukhaṃ nibbattetvā upari vipākajjhānasukhaṃ anubhavantīti attho. Sukhena abhisannāti dutiyajjhānasukhena tintā. Parisannāti samantato tintā. Paripūrāti paripuṇṇā. Paripphuṭāti tasseva vevacanaṃ. Idampi vipākajjhānasukhameva sandhāya vuttaṃ. Ahosukhaṃ ahosukhanti tesaṃ kira bhavalobho mahā uppajjati. Tasmā kadāci karahaci evaṃ udānaṃ udānenti. Santamevāti paṇītameva. Tusitāti tato uttariṃ sukhassa apatthanato santuṭṭhā hutvā. Sukhaṃ paṭivedentīti tatiyajjhānasukhaṃ anubhavanti.
เสกฺขา ปญฺญาติ สตฺต อริยปญฺญาฯ อรหโต ปญฺญา อเสกฺขาฯ อวเสสา ปญฺญา เนวเสกฺขานาเสกฺขาฯ
Sekkhā paññāti satta ariyapaññā. Arahato paññā asekkhā. Avasesā paññā nevasekkhānāsekkhā.
จินฺตามยาทีสุ อยํ วิตฺถาโร – ‘‘ตตฺถ กตมา จินฺตามยา ปญฺญา? โยควิหิเตสุ วา กมฺมายตเนสุ โยควิหิเตสุ วา สิปฺปายตเนสุ โยควิหิเตสุ วา วิชฺชาฎฺฐาเนสุ กมฺมสฺสกตํ วา สจฺจานุโลมิกํ วา รูปํ อนิจฺจนฺติ วา…เป.… วิญฺญาณํ อนิจฺจนฺติ วา ยํ เอวรูปํ อนุโลมิกํ ขนฺติํ ทิฎฺฐิํ รุจิํ มุตฺติํ เปกฺขํ ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติํ ปรโต อสุตฺวา ปฎิลภติ, อยํ วุจฺจติ จินฺตามยา ปญฺญาฯ ตตฺถ กตมา สุตมยา ปญฺญา? โยควิหิเตสุ วา กมฺมายตเนสุ…เป.… ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติํ ปรโต สุตฺวา ปฎิลภติ, อยํ วุจฺจติ สุตมยา ปญฺญาฯ (ตตฺถ กตมา ภาวนามยา ปญฺญา?) สพฺพาปิ สมาปนฺนสฺส ปญฺญา ภาวนามยา ปญฺญา’’ติ (วิภ. ๗๖๘-๖๙)ฯ
Cintāmayādīsu ayaṃ vitthāro – ‘‘tattha katamā cintāmayā paññā? Yogavihitesu vā kammāyatanesu yogavihitesu vā sippāyatanesu yogavihitesu vā vijjāṭṭhānesu kammassakataṃ vā saccānulomikaṃ vā rūpaṃ aniccanti vā…pe… viññāṇaṃ aniccanti vā yaṃ evarūpaṃ anulomikaṃ khantiṃ diṭṭhiṃ ruciṃ muttiṃ pekkhaṃ dhammanijjhānakkhantiṃ parato asutvā paṭilabhati, ayaṃ vuccati cintāmayā paññā. Tattha katamā sutamayā paññā? Yogavihitesu vā kammāyatanesu…pe… dhammanijjhānakkhantiṃ parato sutvā paṭilabhati, ayaṃ vuccati sutamayā paññā. (Tattha katamā bhāvanāmayā paññā?) Sabbāpi samāpannassa paññā bhāvanāmayā paññā’’ti (vibha. 768-69).
สุตาวุธนฺติ สุตเมว อาวุธํฯ ตํ อตฺถโต เตปิฎกํ พุทฺธวจนํฯ ตญฺหิ นิสฺสาย ภิกฺขุ ปญฺญาวุธํ นิสฺสาย สูโร โยโธ อวิกมฺปมาโน มหากนฺตารํ วิย สํสารกนฺตารํ อติกฺกมติ อวิหญฺญมาโนฯ เตเนว วุตฺตํ – ‘‘สุตาวุโธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธมตฺตานํ ปริหรตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๗)ฯ
Sutāvudhanti sutameva āvudhaṃ. Taṃ atthato tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ. Tañhi nissāya bhikkhu paññāvudhaṃ nissāya sūro yodho avikampamāno mahākantāraṃ viya saṃsārakantāraṃ atikkamati avihaññamāno. Teneva vuttaṃ – ‘‘sutāvudho, bhikkhave, ariyasāvako akusalaṃ pajahati, kusalaṃ bhāveti, sāvajjaṃ pajahati, anavajjaṃ bhāveti, suddhamattānaṃ pariharatī’’ti (a. ni. 7.67).
ปวิเวกาวุธนฺติ ‘‘กายวิเวโก จิตฺตวิเวโก อุปธิวิเวโก’’ติ อยํ ติวิโธปิ วิเวโกว อาวุธํฯ ตสฺส นานากรณํ กายวิเวโก วิเวกฎฺฐกายานํ เนกฺขมฺมาภิรตานํฯ จิตฺตวิเวโก จ ปริสุทฺธจิตฺตานํ ปรมโวทานปฺปตฺตานํฯ อุปธิวิเวโก จ นิรุปธีนํ ปุคฺคลานํฯ อิมสฺมิญฺหิ ติวิเธ วิเวเก อภิรโต, น กุโตจิ ภายติฯ ตสฺมา อยมฺปิ อวสฺสยเฎฺฐน อาวุธนฺติ วุโตฺตฯ โลกิยโลกุตฺตรปญฺญาว อาวุธํ ปญฺญาวุธํฯ ยสฺส สา อตฺถิ, โส น กุโตจิ ภายติ, น จสฺส โกจิ ภายติฯ ตสฺมา สาปิ อวสฺสยเฎฺฐเนว อาวุธนฺติ วุตฺตาฯ
Pavivekāvudhanti ‘‘kāyaviveko cittaviveko upadhiviveko’’ti ayaṃ tividhopi vivekova āvudhaṃ. Tassa nānākaraṇaṃ kāyaviveko vivekaṭṭhakāyānaṃ nekkhammābhiratānaṃ. Cittaviveko ca parisuddhacittānaṃ paramavodānappattānaṃ. Upadhiviveko ca nirupadhīnaṃ puggalānaṃ. Imasmiñhi tividhe viveke abhirato, na kutoci bhāyati. Tasmā ayampi avassayaṭṭhena āvudhanti vutto. Lokiyalokuttarapaññāva āvudhaṃ paññāvudhaṃ. Yassa sā atthi, so na kutoci bhāyati, na cassa koci bhāyati. Tasmā sāpi avassayaṭṭheneva āvudhanti vuttā.
อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยนฺติ อิโต ปุเพฺพ อนญฺญาตํ อวิทิตํ ธมฺมํ ชานิสฺสามีติ ปฎิปนฺนสฺส อุปฺปนฺนํ อินฺทฺริยํฯ โสตาปตฺติมคฺคญาณเสฺสตํ อธิวจนํฯ อญฺญินฺทฺริยนฺติ อญฺญาภูตํ อาชานนภูตํ อินฺทฺริยํฯ โสตาปตฺติผลโต ปฎฺฐาย ฉสุ ฐาเนสุ ญาณเสฺสตํ อธิวจนํฯ อญฺญาตาวินฺทฺริยนฺติ อญฺญาตาวีสุ ชานนกิจฺจปริโยสานปฺปเตฺตสุ ธเมฺมสุ อินฺทฺริยํฯ อรหตฺตผลญาณเสฺสตํ อธิวจนํฯ
Anaññātaññassāmītindriyanti ito pubbe anaññātaṃ aviditaṃ dhammaṃ jānissāmīti paṭipannassa uppannaṃ indriyaṃ. Sotāpattimaggañāṇassetaṃ adhivacanaṃ. Aññindriyanti aññābhūtaṃ ājānanabhūtaṃ indriyaṃ. Sotāpattiphalato paṭṭhāya chasu ṭhānesu ñāṇassetaṃ adhivacanaṃ. Aññātāvindriyanti aññātāvīsu jānanakiccapariyosānappattesu dhammesu indriyaṃ. Arahattaphalañāṇassetaṃ adhivacanaṃ.
มํสจกฺขุ จกฺขุปสาโทฯ ทิพฺพจกฺขุ อาโลกนิสฺสิตํ ญาณํฯ ปญฺญาจกฺขุ โลกิยโลกุตฺตรปญฺญาฯ
Maṃsacakkhu cakkhupasādo. Dibbacakkhu ālokanissitaṃ ñāṇaṃ. Paññācakkhu lokiyalokuttarapaññā.
อธิสีลสิกฺขาทีสุ อธิสีลญฺจ ตํ สิกฺขิตพฺพโต สิกฺขา จาติ อธิสีลสิกฺขาฯ อิตรสฺมิํ ทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ สีลํ อธิสีลํ, จิตฺตํ อธิจิตฺตํ, ปญฺญา อธิปญฺญาติ อยํ ปเภโท เวทิตโพฺพ –
Adhisīlasikkhādīsu adhisīlañca taṃ sikkhitabbato sikkhā cāti adhisīlasikkhā. Itarasmiṃ dvayepi eseva nayo. Tattha sīlaṃ adhisīlaṃ, cittaṃ adhicittaṃ, paññā adhipaññāti ayaṃ pabhedo veditabbo –
สีลํ นาม ปญฺจสีลทสสีลานิ, ปาติโมกฺขสํวโร อธิสีลํ นามฯ อฎฺฐ สมาปตฺติโย จิตฺตํ, วิปสฺสนาปาทกชฺฌานํ อธิจิตฺตํฯ กมฺมสฺสกตญาณํ ปญฺญา, วิปสฺสนาปญฺญา อธิปญฺญาฯ อนุปฺปเนฺนปิ หิ พุทฺธุปฺปาเท ปวตฺตตีติ ปญฺจสีลทสสีลานิ สีลเมว, ปาติโมกฺขสํวรสีลํ พุทฺธุปฺปาเทเยว ปวตฺตตีติ อธิสีลํฯ จิตฺตปญฺญาสุปิ เอเสว นโยฯ อปิจ นิพฺพานํ ปตฺถยเนฺตน สมาทินฺนํ ปญฺจสีลมฺปิ ทสสีลมฺปิ อธิสีลเมวฯ สมาปนฺนา อฎฺฐ สมาปตฺติโยปิ อธิจิตฺตเมวฯ สพฺพํ วา โลกิยํ สีลเมว, โลกุตฺตรํ อธิสีลํฯ จิตฺตปญฺญาสุปิ เอเสว นโยฯ
Sīlaṃ nāma pañcasīladasasīlāni, pātimokkhasaṃvaro adhisīlaṃ nāma. Aṭṭha samāpattiyo cittaṃ, vipassanāpādakajjhānaṃ adhicittaṃ. Kammassakatañāṇaṃ paññā, vipassanāpaññā adhipaññā. Anuppannepi hi buddhuppāde pavattatīti pañcasīladasasīlāni sīlameva, pātimokkhasaṃvarasīlaṃ buddhuppādeyeva pavattatīti adhisīlaṃ. Cittapaññāsupi eseva nayo. Apica nibbānaṃ patthayantena samādinnaṃ pañcasīlampi dasasīlampi adhisīlameva. Samāpannā aṭṭha samāpattiyopi adhicittameva. Sabbaṃ vā lokiyaṃ sīlameva, lokuttaraṃ adhisīlaṃ. Cittapaññāsupi eseva nayo.
ภาวนาสุ ขีณาสวสฺส ปญฺจทฺวาริกกาโย กายภาวนา นามฯ อฎฺฐ สมาปตฺติโย จิตฺตภาวนา นามฯ อรหตฺตผลปญฺญา ปญฺญาภาวนา นามฯ ขีณาสวสฺส หิ เอกเนฺตเนว ปญฺจทฺวาริกกาโย สุภาวิโต โหติฯ อฎฺฐ สมาปตฺติโย จสฺส น อเญฺญสํ วิย ทุพฺพลา, ตเสฺสว จ ปญฺญา ภาวิตา นาม โหติ ปญฺญาเวปุลฺลปตฺติยาฯ ตสฺมา เอวํ วุตฺตํฯ
Bhāvanāsu khīṇāsavassa pañcadvārikakāyo kāyabhāvanā nāma. Aṭṭha samāpattiyo cittabhāvanā nāma. Arahattaphalapaññā paññābhāvanā nāma. Khīṇāsavassa hi ekanteneva pañcadvārikakāyo subhāvito hoti. Aṭṭha samāpattiyo cassa na aññesaṃ viya dubbalā, tasseva ca paññā bhāvitā nāma hoti paññāvepullapattiyā. Tasmā evaṃ vuttaṃ.
อนุตฺตริเยสุ วิปสฺสนา ทสฺสนานุตฺตริยํ มโคฺค ปฎิปทานุสฺสริยํฯ ผลํ วิมุตฺตานุตฺตริยํฯ ผลํ วา ทสฺสนานุตฺตริยํฯ มโคฺค ปฎิปทานุตฺตริยํฯ นิพฺพานํ วิมุตฺตานุตฺตริยํฯ นิพฺพานํ วา ทสฺสนานุตฺตริยํ, ตโต อุตฺตริญฺหิ ทฎฺฐพฺพํ นาม นตฺถิฯ มโคฺค ปฎิปทานุตฺตริยํฯ ผลํ วิมุตฺตานุตฺตริยํฯ อนุตฺตริยนฺติ อุตฺตมํ เชฎฺฐกํฯ
Anuttariyesu vipassanā dassanānuttariyaṃ maggo paṭipadānussariyaṃ. Phalaṃ vimuttānuttariyaṃ. Phalaṃ vā dassanānuttariyaṃ. Maggo paṭipadānuttariyaṃ. Nibbānaṃ vimuttānuttariyaṃ. Nibbānaṃ vā dassanānuttariyaṃ, tato uttariñhi daṭṭhabbaṃ nāma natthi. Maggo paṭipadānuttariyaṃ. Phalaṃ vimuttānuttariyaṃ. Anuttariyanti uttamaṃ jeṭṭhakaṃ.
สมาธีสุ ปฐมชฺฌานสมาธิ สวิตกฺกสวิจาโรฯ ปญฺจกนเยน ทุติยชฺฌานสมาธิ อวิตกฺกวิจารมโตฺตฯ เสโส อวิตกฺกอวิจาโรฯ
Samādhīsu paṭhamajjhānasamādhi savitakkasavicāro. Pañcakanayena dutiyajjhānasamādhi avitakkavicāramatto. Seso avitakkaavicāro.
สุญฺญตาทีสุ ติวิธา กถา อาคมนโต, สคุณโต, อารมฺมณโตติฯ อาคมนโต นาม เอโก ภิกฺขุ อนตฺตโต อภินิวิสิตฺวา อนตฺตโต ทิสฺวา อนตฺตโต วุฎฺฐาติ, ตสฺส วิปสฺสนา สุญฺญตา นาม โหติฯ กสฺมา? อสุญฺญตตฺตการกานํ กิเลสานํ อภาวาฯ วิปสฺสนาคมเนน มคฺคสมาธิ สุญฺญโต นาม โหติฯ มคฺคาคมเนน ผลสมาธิ สุญฺญโต นามฯ อปโร อนิจฺจโต อภินิวิสิตฺวา อนิจฺจโต ทิสฺวา อนิจฺจโต วุฎฺฐาติฯ ตสฺส วิปสฺสนา อนิมิตฺตา นาม โหติฯ กสฺมา? นิมิตฺตการกกิเลสาภาวาฯ วิปสฺสนาคมเนน มคฺคสมาธิ อนิมิโตฺต นาม โหติฯ มคฺคาคมเนน ผลํ อนิมิตฺตํ นามฯ อปโร ทุกฺขโต อภินิวิสิตฺวา ทุกฺขโต ทิสฺวา ทุกฺขโต วุฎฺฐาติ, ตสฺส วิปสฺสนา อปฺปณิหิตา นาม โหติฯ กสฺมา? ปณิธิการกกิเลสาภาวาฯ วิปสฺสนาคมเนน มคฺคสมาธิ อปฺปณิหิโต นามฯ มคฺคาคมเนน ผลํ อปฺปณิหิตํ นามาติ อยํ อาคมนโต กถาฯ มคฺคสมาธิ ปน ราคาทีหิ สุญฺญตตฺตา สุญฺญโต, ราคนิมิตฺตาทีนํ อภาวา อนิมิโตฺต, ราคปณิธิอาทีนํ อภาวา อปฺปณิหิโตติ อยํ สคุณโต กถาฯ นิพฺพานํ ราคาทีหิ สุญฺญตตฺตา ราคาทินิมิตฺตปณิธีนญฺจ อภาวา สุญฺญตเญฺจว อนิมิตฺตญฺจ อปฺปณิหิตญฺจฯ ตทารมฺมโณ มคฺคสมาธิ สุญฺญโต อนิมิโตฺต อปฺปณิหิโตฯ อยํ อารมฺมณโต กถาฯ
Suññatādīsu tividhā kathā āgamanato, saguṇato, ārammaṇatoti. Āgamanato nāma eko bhikkhu anattato abhinivisitvā anattato disvā anattato vuṭṭhāti, tassa vipassanā suññatā nāma hoti. Kasmā? Asuññatattakārakānaṃ kilesānaṃ abhāvā. Vipassanāgamanena maggasamādhi suññato nāma hoti. Maggāgamanena phalasamādhi suññato nāma. Aparo aniccato abhinivisitvā aniccato disvā aniccato vuṭṭhāti. Tassa vipassanā animittā nāma hoti. Kasmā? Nimittakārakakilesābhāvā. Vipassanāgamanena maggasamādhi animitto nāma hoti. Maggāgamanena phalaṃ animittaṃ nāma. Aparo dukkhato abhinivisitvā dukkhato disvā dukkhato vuṭṭhāti, tassa vipassanā appaṇihitā nāma hoti. Kasmā? Paṇidhikārakakilesābhāvā. Vipassanāgamanena maggasamādhi appaṇihito nāma. Maggāgamanena phalaṃ appaṇihitaṃ nāmāti ayaṃ āgamanato kathā. Maggasamādhi pana rāgādīhi suññatattā suññato, rāganimittādīnaṃ abhāvā animitto, rāgapaṇidhiādīnaṃ abhāvā appaṇihitoti ayaṃ saguṇato kathā. Nibbānaṃ rāgādīhi suññatattā rāgādinimittapaṇidhīnañca abhāvā suññatañceva animittañca appaṇihitañca. Tadārammaṇo maggasamādhi suññato animitto appaṇihito. Ayaṃ ārammaṇato kathā.
โสเจยฺยานีติ สุจิภาวกรา โสเจยฺยปฺปฎิปทา ธมฺมาฯ วิตฺถาโร ปเนตฺถ ‘‘ตตฺถ กตมํ กายโสเจยฺยํ? ปาณาติปาตา เวรมณี’’ติอาทินา นเยน วุตฺตานํ ติณฺณํ สุจริตานํ วเสน เวทิตโพฺพฯ
Soceyyānīti sucibhāvakarā soceyyappaṭipadā dhammā. Vitthāro panettha ‘‘tattha katamaṃ kāyasoceyyaṃ? Pāṇātipātā veramaṇī’’tiādinā nayena vuttānaṃ tiṇṇaṃ sucaritānaṃ vasena veditabbo.
โมเนยฺยานีติ มุนิภาวกรา โมเนยฺยปฺปฎิปทา ธมฺมาฯ เตสํ วิตฺถาโร ‘‘ตตฺถ กตมํ กายโมเนยฺยํ? ติวิธกายทุจฺจริตสฺส ปหานํ กายโมเนยฺยํ, ติวิธํ กายสุจริตํ กายโมเนยฺยํ, กายารมฺมเณ ญาณํ กายโมเนยฺยํ, กายปริญฺญา กายโมเนยฺยํ, กายปริญฺญาสหคโต มโคฺค กายโมเนยฺยํ, กายสฺมิํ ฉนฺทราคปฺปหานํ กายโมเนยฺยํ, กายสงฺขารนิโรธา จตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติ กายโมเนยฺยํฯ ตตฺถ กตมํ วจีโมเนยฺยํ? จตุพฺพิธวจีทุจฺจริตสฺส ปหานํ วจีโมเนยฺยํ, จตุพฺพิธํ วจีสุจริตํ วจีโมเนยฺยํ, วาจารมฺมเณ ญาณํ วจีโมเนยฺยํ วาจาปริญฺญา วจีโมเนยฺยํ ปริญฺญาสหคโต มโคฺค, วาจาย ฉนฺทราคปฺปหานํ, วจีสงฺขารนิโรธา ทุติยชฺฌานสมาปตฺติ วจีโมเนยฺยํฯ ตตฺถ กตมํ มโนโมเนยฺยํ? ติวิธมโนทุจฺจริตสฺส ปหานํ มโนโมเนยฺยํ , ติวิธํ มโนสุจริตํ มโนโมเนยฺยํ, มนารมฺมเณ ญาณํ มโนโมเนยฺยํ, มโนปริญฺญา มโนโมเนยฺยํฯ ปริญฺญาสหคโต มโคฺค, มนสฺมิํ ฉนฺทราคปฺปหานํ , จิตฺตสงฺขารนิโรธา สญฺญาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติ มโนโมเนยฺย’’นฺติ (มหานิ. ๑๔)ฯ
Moneyyānīti munibhāvakarā moneyyappaṭipadā dhammā. Tesaṃ vitthāro ‘‘tattha katamaṃ kāyamoneyyaṃ? Tividhakāyaduccaritassa pahānaṃ kāyamoneyyaṃ, tividhaṃ kāyasucaritaṃ kāyamoneyyaṃ, kāyārammaṇe ñāṇaṃ kāyamoneyyaṃ, kāyapariññā kāyamoneyyaṃ, kāyapariññāsahagato maggo kāyamoneyyaṃ, kāyasmiṃ chandarāgappahānaṃ kāyamoneyyaṃ, kāyasaṅkhāranirodhā catutthajjhānasamāpatti kāyamoneyyaṃ. Tattha katamaṃ vacīmoneyyaṃ? Catubbidhavacīduccaritassa pahānaṃ vacīmoneyyaṃ, catubbidhaṃ vacīsucaritaṃ vacīmoneyyaṃ, vācārammaṇe ñāṇaṃ vacīmoneyyaṃ vācāpariññā vacīmoneyyaṃ pariññāsahagato maggo, vācāya chandarāgappahānaṃ, vacīsaṅkhāranirodhā dutiyajjhānasamāpatti vacīmoneyyaṃ. Tattha katamaṃ manomoneyyaṃ? Tividhamanoduccaritassa pahānaṃ manomoneyyaṃ , tividhaṃ manosucaritaṃ manomoneyyaṃ, manārammaṇe ñāṇaṃ manomoneyyaṃ, manopariññā manomoneyyaṃ. Pariññāsahagato maggo, manasmiṃ chandarāgappahānaṃ , cittasaṅkhāranirodhā saññāvedayitanirodhasamāpatti manomoneyya’’nti (mahāni. 14).
โกสเลฺลสุ อาโยติ วุฑฺฒิฯ อปาโยติ อวุฑฺฒิฯ ตสฺส ตสฺส การณํ อุปาโยฯ เตสํ ปชานนา โกสลฺลํฯ วิตฺถาโร ปน วิภเงฺค วุโตฺตเยวฯ
Kosallesu āyoti vuḍḍhi. Apāyoti avuḍḍhi. Tassa tassa kāraṇaṃ upāyo. Tesaṃ pajānanā kosallaṃ. Vitthāro pana vibhaṅge vuttoyeva.
วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘ตตฺถ กตมํ อายโกสลฺลํ? อิเม ธเมฺม มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว อกุสลา ธมฺมา นุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ อกุสลา ธมฺมา นิรุชฺฌนฺติฯ อิเม วา ปน เม ธเมฺม มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว กุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ กุสลา ธมฺมา ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตนฺตีติ, ยา ตตฺถ ปญฺญา ปชานนา…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิฯ อิทํ วุจฺจติ อายโกสลฺลํฯ ตตฺถ กตมํ อปายโกสลฺลํ? อิเม ธเมฺม มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว กุสลา ธมฺมา น อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ กุสลา ธมฺมา นิรุชฺฌนฺติฯ อิเม วา ปน เม ธเมฺม มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว อกุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ อกุสลา ธมฺมา ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตนฺตีติ, ยา ตตฺถ ปญฺญา ปชานนา…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิฯ อิทํ วุจฺจติ อปายโกสลฺลํฯ สพฺพาปิ ตตฺรุปายา ปญฺญา อุปายโกสลฺล’’นฺติ (วิภ. ๗๗๑)ฯ อิทํ ปน อจฺจายิกกิเจฺจ วา ภเย วา อุปฺปเนฺน ตสฺส ติกิจฺฉนตฺถํ ฐานุปฺปตฺติยา การณชานนวเสเนว เวทิตพฺพํฯ
Vuttañhetaṃ – ‘‘tattha katamaṃ āyakosallaṃ? Ime dhamme manasikaroto anuppannā ceva akusalā dhammā nuppajjanti, uppannā ca akusalā dhammā nirujjhanti. Ime vā pana me dhamme manasikaroto anuppannā ceva kusalā dhammā uppajjanti, uppannā ca kusalā dhammā bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattantīti, yā tattha paññā pajānanā…pe… sammādiṭṭhi. Idaṃ vuccati āyakosallaṃ. Tattha katamaṃ apāyakosallaṃ? Ime dhamme manasikaroto anuppannā ceva kusalā dhammā na uppajjanti, uppannā ca kusalā dhammā nirujjhanti. Ime vā pana me dhamme manasikaroto anuppannā ceva akusalā dhammā uppajjanti, uppannā ca akusalā dhammā bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattantīti, yā tattha paññā pajānanā…pe… sammādiṭṭhi. Idaṃ vuccati apāyakosallaṃ. Sabbāpi tatrupāyā paññā upāyakosalla’’nti (vibha. 771). Idaṃ pana accāyikakicce vā bhaye vā uppanne tassa tikicchanatthaṃ ṭhānuppattiyā kāraṇajānanavaseneva veditabbaṃ.
มทาติ มชฺชนาการวเสน ปวตฺตมานาฯ เตสุ ‘‘อหํ นิโรโค สฎฺฐิ วา สตฺตติ วา วสฺสานิ อติกฺกนฺตานิ, น เม หรีตกีขณฺฑมฺปิ ขาทิตปุพฺพํ, อิเม ปนเญฺญ อสุกํ นาม ฐานํ รุชฺชติ, เภสชฺชํ ขาทามาติ วิจรนฺติ, โก อโญฺญ มาทิโส นิโรโค นามา’’ติ เอวํ มานกรณํ อาโรคฺยมโทฯ ‘‘มหลฺลกกาเล ปุญฺญํ กริสฺสาม, ทหรมฺห ตาวา’’ติ โยพฺพเน ฐตฺวา มานกรณํ โยพฺพนมโทฯ ‘‘จิรํ ชีวิํ, จิรํ ชีวามิ, จิรํ ชีวิสฺสามิ; สุขํ ชีวิํ, สุขํ ชีวามิ, สุขํ ชีวิสฺสามี’’ติ เอวํ มานกรณํ ชีวิตมโทฯ
Madāti majjanākāravasena pavattamānā. Tesu ‘‘ahaṃ nirogo saṭṭhi vā sattati vā vassāni atikkantāni, na me harītakīkhaṇḍampi khāditapubbaṃ, ime panaññe asukaṃ nāma ṭhānaṃ rujjati, bhesajjaṃ khādāmāti vicaranti, ko añño mādiso nirogo nāmā’’ti evaṃ mānakaraṇaṃ ārogyamado. ‘‘Mahallakakāle puññaṃ karissāma, daharamha tāvā’’ti yobbane ṭhatvā mānakaraṇaṃ yobbanamado. ‘‘Ciraṃ jīviṃ, ciraṃ jīvāmi, ciraṃ jīvissāmi; sukhaṃ jīviṃ, sukhaṃ jīvāmi, sukhaṃ jīvissāmī’’ti evaṃ mānakaraṇaṃ jīvitamado.
อาธิปเตเยฺยสุ อธิปติโต อาคตํ อาธิปเตยฺยํฯ ‘‘เอตฺตโกมฺหิ สีเลน สมาธินา ปญฺญาย วิมุตฺติยา, น เม เอตํ ปติรูป’’นฺติ เอวํ อตฺตานํ อธิปตฺติํ เชฎฺฐกํ กตฺวา ปาปสฺส อกรณํ อตฺตาธิปเตยฺยํ นามฯ โลกํ อธิปติํ กตฺวา อกรณํ โลกาธิปเตยฺยํ นามฯ โลกุตฺตรธมฺมํ อธิปติํ กตฺวา อกรณํ ธมฺมาธิปเตยฺยํ นามฯ
Ādhipateyyesu adhipatito āgataṃ ādhipateyyaṃ. ‘‘Ettakomhi sīlena samādhinā paññāya vimuttiyā, na me etaṃ patirūpa’’nti evaṃ attānaṃ adhipattiṃ jeṭṭhakaṃ katvā pāpassa akaraṇaṃ attādhipateyyaṃ nāma. Lokaṃ adhipatiṃ katvā akaraṇaṃ lokādhipateyyaṃ nāma. Lokuttaradhammaṃ adhipatiṃ katvā akaraṇaṃ dhammādhipateyyaṃ nāma.
กถาวตฺถูนีติ กถาการณานิฯ อตีตํ วา อทฺธานนฺติ อตีตํ ธมฺมํ, อตีตกฺขเนฺธติ อโตฺถฯ อปิจ ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, รูปํ อตีตํ นิรุทฺธํ วิปริณตํ, ‘อโหสี’ติ ตสฺส สงฺขา, ‘อโหสี’ติ ตสฺส ปญฺญตฺติ ‘อโหสี’ติ ตสฺส สมญฺญา, น ตสฺส สงฺขา ‘อตฺถี’ติ, น ตสฺส สงฺขา ‘ภวิสฺสตี’ติ (สํ. นิ. ๓.๖๒) เอวํ อาคเตน นิรุตฺติปถสุเตฺตนเปตฺถ อโตฺถ ทีเปตโพฺพฯ
Kathāvatthūnīti kathākāraṇāni. Atītaṃ vā addhānanti atītaṃ dhammaṃ, atītakkhandheti attho. Apica ‘‘yaṃ, bhikkhave, rūpaṃ atītaṃ niruddhaṃ vipariṇataṃ, ‘ahosī’ti tassa saṅkhā, ‘ahosī’ti tassa paññatti ‘ahosī’ti tassa samaññā, na tassa saṅkhā ‘atthī’ti, na tassa saṅkhā ‘bhavissatī’ti (saṃ. ni. 3.62) evaṃ āgatena niruttipathasuttenapettha attho dīpetabbo.
วิชฺชาติ ตมวิชฺฌนเฎฺฐน วิชฺชาฯ วิทิตกรณเฎฺฐนาปิ วิชฺชาฯ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณญฺหิ อุปฺปชฺชมานํ ปุเพฺพนิวาสํ ฉาเทตฺวา ฐิตํ ตมํ วิชฺฌติ, ปุเพฺพนิวาสญฺจ วิทิตํ กโรตีติ วิชฺชาฯ จุตูปปาตญาณํ จุติปฎิสนฺธิจฺฉาทกํ ตมํ วิชฺฌติ, ตญฺจ วิทิตํ กโรตีติ วิชฺชาฯ อาสวานํ ขเย ญาณํ จตุสจฺจจฺฉาทกํ ตมํ วิชฺฌติ, จตุสจฺจธมฺมญฺจ วิทิตํ กโรตีติ วิชฺชาฯ
Vijjāti tamavijjhanaṭṭhena vijjā. Viditakaraṇaṭṭhenāpi vijjā. Pubbenivāsānussatiñāṇañhi uppajjamānaṃ pubbenivāsaṃ chādetvā ṭhitaṃ tamaṃ vijjhati, pubbenivāsañca viditaṃ karotīti vijjā. Cutūpapātañāṇaṃ cutipaṭisandhicchādakaṃ tamaṃ vijjhati, tañca viditaṃ karotīti vijjā. Āsavānaṃ khaye ñāṇaṃ catusaccacchādakaṃ tamaṃ vijjhati, catusaccadhammañca viditaṃ karotīti vijjā.
วิหาเรสุ อฎฺฐ สมาปตฺติโย ทิโพฺพ วิหาโรฯ จตโสฺส อปฺปมญฺญา พฺรหฺมา วิหาโรฯ ผลสมาปตฺติ อริโย วิหาโรฯ
Vihāresu aṭṭha samāpattiyo dibbo vihāro. Catasso appamaññā brahmā vihāro. Phalasamāpatti ariyo vihāro.
ปาฎิหาริยานิ เกวฎฺฎสุเตฺต วิตฺถาริตาเนวฯ
Pāṭihāriyāni kevaṭṭasutte vitthāritāneva.
‘‘อิเม โข, อาวุโส’’ติอาทีสุ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํฯ อิติ สมสฎฺฐิยา ติกานํ วเสน อสีติสตปเญฺห กเถโนฺต เถโร สามคฺคิรสํ ทเสฺสสีติฯ
‘‘Ime kho, āvuso’’tiādīsu vuttanayeneva yojetabbaṃ. Iti samasaṭṭhiyā tikānaṃ vasena asītisatapañhe kathento thero sāmaggirasaṃ dassesīti.
ติกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tikavaṇṇanā niṭṭhitā.
จตุกฺกวณฺณนา
Catukkavaṇṇanā
๓๐๖. อิติ ติกวเสน สามคฺคิรสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ จตุกฺกวเสน ทเสฺสตุํ ปุน เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ ‘‘สติปฎฺฐานจตุกฺกํ’’ ปุเพฺพ วิตฺถาริตเมวฯ
306. Iti tikavasena sāmaggirasaṃ dassetvā idāni catukkavasena dassetuṃ puna desanaṃ ārabhi. Tattha ‘‘satipaṭṭhānacatukkaṃ’’ pubbe vitthāritameva.
สมฺมปฺปธานจตุเกฺก ฉนฺทํ ชเนตีติ ‘‘โย ฉโนฺท ฉนฺทิกตา กตฺตุกมฺยตา กุสโล ธมฺมจฺฉโนฺท’’ติ เอวํ วุตฺตํ กตฺตุกมฺยตํ ชเนติฯ วายมตีติ วายามํ กโรติฯ วีริยํ อารภตีติ วีริยํ ชเนติฯ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาตีติ จิตฺตํ อุปตฺถเมฺภติฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป ฯ วิตฺถาโร ปน สมฺมปฺปธานวิภเงฺค อาคโตเยวฯ
Sammappadhānacatukke chandaṃ janetīti ‘‘yo chando chandikatā kattukamyatā kusalo dhammacchando’’ti evaṃ vuttaṃ kattukamyataṃ janeti. Vāyamatīti vāyāmaṃ karoti. Vīriyaṃ ārabhatīti vīriyaṃ janeti. Cittaṃ paggaṇhātīti cittaṃ upatthambheti. Ayamettha saṅkhepo . Vitthāro pana sammappadhānavibhaṅge āgatoyeva.
อิทฺธิปาเทสุ ฉนฺทํ นิสฺสาย ปวโตฺต สมาธิ ฉนฺทสมาธิฯ ปธานภูตา สงฺขารา ปธานสงฺขาราฯ สมนฺนาคตนฺติ เตหิ ธเมฺมหิ อุเปตํฯ อิทฺธิยา ปาทํ, อิทฺธิภูตํ วา ปาทนฺติ อิทฺธิปาทํ ฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน อิทฺธิปาทวิภเงฺค อาคโต เอวฯ วิสุทฺธิมเคฺค ปนสฺส อโตฺถ ทีปิโตฯ ฌานกถาปิ วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถาริตาวฯ
Iddhipādesu chandaṃ nissāya pavatto samādhi chandasamādhi. Padhānabhūtā saṅkhārā padhānasaṅkhārā. Samannāgatanti tehi dhammehi upetaṃ. Iddhiyā pādaṃ, iddhibhūtaṃ vā pādanti iddhipādaṃ. Sesesupi eseva nayo. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana iddhipādavibhaṅge āgato eva. Visuddhimagge panassa attho dīpito. Jhānakathāpi visuddhimagge vitthāritāva.
๓๐๗. ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารายาติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว สุขวิหารตฺถายฯ อิธ ผลสมาปตฺติฌานานิ, ขีณาสวสฺส อปรภาเค นิพฺพตฺติตฌานานิ จ กถิตานิฯ
307.Diṭṭhadhammasukhavihārāyāti imasmiṃyeva attabhāve sukhavihāratthāya. Idha phalasamāpattijhānāni, khīṇāsavassa aparabhāge nibbattitajhānāni ca kathitāni.
อาโลกสญฺญํ มนสิกโรตีติ ทิวา วา รตฺติํ วา สูริยจนฺทปโชฺชตมณิอาทีนํ อาโลกํ อาโลโกติ มนสิกโรติฯ ทิวาสญฺญํ อธิฎฺฐาตีติ เอวํ มนสิ กตฺวา ทิวาติสญฺญํ ฐเปติฯ ยถา ทิวา ตถา รตฺตินฺติ ยถา ทิวา ทิโฎฺฐ อาโลโก, ตเถว ตํ รตฺติํ มนสิกโรติฯ ยถา รตฺติํ ตถา ทิวาติ ยถา รตฺติํ อาโลโก ทิโฎฺฐ, เอวเมว ทิวา มนสิกโรติฯ อิติ วิวเฎน เจตสาติ เอวํ อปิหิเตน จิเตฺตนฯ อปริโยนเทฺธนาติ สมนฺตโต อนเทฺธนฯ สปฺปภาสนฺติ สโอภาสํฯ ญาณทสฺสนปฎิลาภายาติ ญาณทสฺสนปฎิลาภตฺถายฯ อิมินา กิํ กถิตํ? มิทฺธวิโนทนอาโลโก กถิโต ปริกมฺมอาโลโก วาฯ อิมินา กิํ กถิตํ โหติ? ขีณาสวสฺส ทิพฺพจกฺขุญาณํฯ ตสฺมิํ วา อาคเตปิ อนาคเตปิ ปาทกชฺฌานสมาปตฺติเมว สนฺธาย ‘‘สปฺปภาสํ จิตฺตํ ภาเวตี’’ติ วุตฺตํฯ
Ālokasaññaṃ manasikarotīti divā vā rattiṃ vā sūriyacandapajjotamaṇiādīnaṃ ālokaṃ ālokoti manasikaroti. Divāsaññaṃ adhiṭṭhātīti evaṃ manasi katvā divātisaññaṃ ṭhapeti. Yathā divā tathā rattinti yathā divā diṭṭho āloko, tatheva taṃ rattiṃ manasikaroti. Yathā rattiṃ tathā divāti yathā rattiṃ āloko diṭṭho, evameva divā manasikaroti. Iti vivaṭena cetasāti evaṃ apihitena cittena. Apariyonaddhenāti samantato anaddhena. Sappabhāsanti saobhāsaṃ. Ñāṇadassanapaṭilābhāyāti ñāṇadassanapaṭilābhatthāya. Iminā kiṃ kathitaṃ? Middhavinodanaāloko kathito parikammaāloko vā. Iminā kiṃ kathitaṃ hoti? Khīṇāsavassa dibbacakkhuñāṇaṃ. Tasmiṃ vā āgatepi anāgatepi pādakajjhānasamāpattimeva sandhāya ‘‘sappabhāsaṃ cittaṃ bhāvetī’’ti vuttaṃ.
สติสมฺปชญฺญายาติ สตฺตฎฺฐานิกสฺส สติสมฺปชญฺญสฺส อตฺถายฯ วิทิตา เวทนา อุปฺปชฺชนฺตีติอาทีสุ ขีณาสวสฺส วตฺถุ วิทิตํ โหติ อารมฺมณํ วิทิตํ วตฺถารมฺมณํ วิทิตํฯ วตฺถารมฺมณวิทิตตาย เอวํ เวทนา อุปฺปชฺชนฺติ, เอวํ ติฎฺฐนฺติ, เอวํ นิรุชฺฌนฺติฯ น เกวลญฺจ เวทนา เอว อิธ วุตฺตา สญฺญาทโยปิ , อวุตฺตา เจตนาทโยปิ, วิทิตา จ อุปฺปชฺชนฺติ เจว ติฎฺฐนฺติ จ นิรุชฺฌนฺติ จฯ อปิ จ เวทนาย อุปฺปาโท วิทิโต โหติ, อุปฎฺฐานํ วิทิตํ โหติฯ อวิชฺชาสมุทยา เวทนาสมุทโย, ตณฺหาสมุทยา กมฺมสมุทโย, ผสฺสสมุทยา เวทนายสมุทโยฯ นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสโนฺตปิ เวทนากฺขนฺธสฺส สมุทยํ ปสฺสติฯ เอวํ เวทนาย อุปฺปาโท วิทิโต โหติฯ กถํ เวทนาย อุปฎฺฐานํ วิทิตํ โหติ? อนิจฺจโต มนสิกโรโต ขยตูปฎฺฐานํ วิทิตํ โหติฯ ทุกฺขโต มนสิกโรโต ภยตูปฎฺฐานํ วิทิตํ โหติฯ อนตฺตโต มนสิกโรโต สุญฺญตูปฎฺฐานํ วิทิตํ โหติฯ เอวํ เวทนาย อุปฎฺฐานํ วิทิตํ โหติ, ขยโต ภยโต สุญฺญโต ชานาติฯ กถํ เวทนาย อตฺถงฺคโม วิทิโต โหติ? อวิชฺชานิโรธา เวทนานิโรโธฯ…เป.… เอวํ เวทนาย อตฺถงฺคโม วิทิโต โหติฯ อิมินาปิ นเยเนตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Satisampajaññāyāti sattaṭṭhānikassa satisampajaññassa atthāya. Viditā vedanā uppajjantītiādīsu khīṇāsavassa vatthu viditaṃ hoti ārammaṇaṃ viditaṃ vatthārammaṇaṃ viditaṃ. Vatthārammaṇaviditatāya evaṃ vedanā uppajjanti, evaṃ tiṭṭhanti, evaṃ nirujjhanti. Na kevalañca vedanā eva idha vuttā saññādayopi , avuttā cetanādayopi, viditā ca uppajjanti ceva tiṭṭhanti ca nirujjhanti ca. Api ca vedanāya uppādo vidito hoti, upaṭṭhānaṃ viditaṃ hoti. Avijjāsamudayā vedanāsamudayo, taṇhāsamudayā kammasamudayo, phassasamudayā vedanāyasamudayo. Nibbattilakkhaṇaṃ passantopi vedanākkhandhassa samudayaṃ passati. Evaṃ vedanāya uppādo vidito hoti. Kathaṃ vedanāya upaṭṭhānaṃ viditaṃ hoti? Aniccato manasikaroto khayatūpaṭṭhānaṃ viditaṃ hoti. Dukkhato manasikaroto bhayatūpaṭṭhānaṃ viditaṃ hoti. Anattato manasikaroto suññatūpaṭṭhānaṃ viditaṃ hoti. Evaṃ vedanāya upaṭṭhānaṃ viditaṃ hoti, khayato bhayato suññato jānāti. Kathaṃ vedanāya atthaṅgamo vidito hoti? Avijjānirodhā vedanānirodho.…Pe… evaṃ vedanāya atthaṅgamo vidito hoti. Imināpi nayenettha attho veditabbo.
อิติ รูปนฺติอาทิ วุตฺตนยเมวฯ อยํ อาวุโส สมาธิภาวนาติ อยํ อาสวานํ ขยญาณสฺส ปาทกชฺฌานสมาธิภาวนาฯ
Itirūpantiādi vuttanayameva. Ayaṃ āvuso samādhibhāvanāti ayaṃ āsavānaṃ khayañāṇassa pādakajjhānasamādhibhāvanā.
๓๐๘. อปฺปมญฺญาติ ปมาณํ อคเหตฺวา อนวเสสผรณวเสน อปฺปมญฺญาวฯ อนุปทวณฺณนา ปน ภาวนาสมาธิวิธานญฺจ เอตาสํ วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถาริตเมวฯ อรูปกถาปิ วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถาริตาวฯ
308.Appamaññāti pamāṇaṃ agahetvā anavasesapharaṇavasena appamaññāva. Anupadavaṇṇanā pana bhāvanāsamādhividhānañca etāsaṃ visuddhimagge vitthāritameva. Arūpakathāpi visuddhimagge vitthāritāva.
อปเสฺสนานีติ อปสฺสยานิฯ สงฺขายาติ ญาเณน ญตฺวาฯ ปฎิเสวตีติ ญาเณน ญตฺวา เสวิตพฺพยุตฺตกเมว เสวติฯ ตสฺส จ วิตฺถาโร ‘‘ปฎิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปริภุญฺชตี’’ติอาทินา นเยน เวทิตโพฺพฯ สงฺขาเยกํ อธิวาเสตีติ ญาเณน ญตฺวา อธิวาเสตพฺพยุตฺตกเมว อธิวาเสติฯ วิตฺถาโร ปเนตฺถ ‘‘ปฎิสงฺขา โยนิโส ขโม โหติ สีตสฺสา’’ติอาทินา นเยน เวทิตโพฺพฯ ปริวเชฺชตีติ ญาเณน ญตฺวา ปริวเชฺชตุํ ยุตฺตเมว ปริวเชฺชติฯ ตสฺส วิตฺถาโร ‘‘ปฎิสงฺขา โยนิโส จณฺฑํ หตฺถิํ ปริวเชฺชตี’’ติอาทินา นเยน เวทิตโพฺพฯ วิโนเทตีติ ญาเณน ญตฺวา วิโนเทตพฺพเมว วิโนเทติ, นุทติ นีหรติ อโนฺต ปวิสิตุํ น เทติฯ ตสฺส วิตฺถาโร ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินา นเยน เวทิตโพฺพฯ
Apassenānīti apassayāni. Saṅkhāyāti ñāṇena ñatvā. Paṭisevatīti ñāṇena ñatvā sevitabbayuttakameva sevati. Tassa ca vitthāro ‘‘paṭisaṅkhā yoniso cīvaraṃ paribhuñjatī’’tiādinā nayena veditabbo. Saṅkhāyekaṃ adhivāsetīti ñāṇena ñatvā adhivāsetabbayuttakameva adhivāseti. Vitthāro panettha ‘‘paṭisaṅkhā yoniso khamo hoti sītassā’’tiādinā nayena veditabbo. Parivajjetīti ñāṇena ñatvā parivajjetuṃ yuttameva parivajjeti. Tassa vitthāro ‘‘paṭisaṅkhā yoniso caṇḍaṃ hatthiṃ parivajjetī’’tiādinā nayena veditabbo. Vinodetīti ñāṇena ñatvā vinodetabbameva vinodeti, nudati nīharati anto pavisituṃ na deti. Tassa vitthāro ‘‘uppannaṃ kāmavitakkaṃ nādhivāsetī’’tiādinā nayena veditabbo.
อริยวํสจตุกฺกวณฺณนา
Ariyavaṃsacatukkavaṇṇanā
๓๐๙. อริยวํสาติ อริยานํ วํสาฯ ยถา หิ ขตฺติยวํโส, พฺราหฺมณวํโส, เวสฺสวํโส, สุทฺทวํโส, สมณวํโส, กุลวํโส, ราชวํโส, เอวํ อยมฺปิ อฎฺฐโม อริยวํโส อริยตนฺติ อริยปเวณี นาม โหติฯ โส โข ปนายํ อริยวํโส อิเมสํ วํสานํ มูลคนฺธาทีนํ กาฬานุสาริตคนฺธาทโย วิย อคฺคมกฺขายติฯ เก ปน เต อริยา เยสํ เอเต วํสาติ? อริยา วุจฺจนฺติ พุทฺธา จ ปเจฺจกพุทฺธา จ ตถาคตสาวกา จ, เอเตสํ อริยานํ วํสาติ อริยวํสาฯ อิโต ปุเพฺพ หิ สตสหสฺสกปฺปาธิกานํ จตุนฺนํ อสเงฺขฺยยฺยานํ มตฺถเก ตณฺหงฺกโร เมธงฺกโร สรณงฺกโร ทีปงฺกโรติ จตฺตาโร พุทฺธา อุปฺปนฺนา, เต อริยา, เตสํ อริยานํ วํสาติ อริยวํสาฯ เตสํ พุทฺธานํ ปรินิพฺพานโต อปรภาเค อสเงฺขฺยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โกณฺฑโญฺญ นาม พุโทฺธ อุปฺปโนฺน…เป.… อิมสฺมิํ กเปฺป กกุสโนฺธ, โกณาคมโน, กสฺสโป, อมฺหากํ ภควา โคตโมติ จตฺตาโร พุทฺธา อุปฺปนฺนาฯ เตสํ อริยานํ วํสาติ อริยวํสาฯ อปิจ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ สพฺพพุทฺธปเจฺจกพุทฺธพุทฺธสาวกานํ อริยานํ วํสาติ อริยวํสาฯ เต โข ปเนเต อคฺคญฺญา อคฺคาติ ชานิตพฺพาฯ รตฺตญฺญา ทีฆรตฺตํ ปวตฺตาติ ชานิตพฺพาฯ วํสญฺญา วํสาติ ชานิตพฺพาฯ
309.Ariyavaṃsāti ariyānaṃ vaṃsā. Yathā hi khattiyavaṃso, brāhmaṇavaṃso, vessavaṃso, suddavaṃso, samaṇavaṃso, kulavaṃso, rājavaṃso, evaṃ ayampi aṭṭhamo ariyavaṃso ariyatanti ariyapaveṇī nāma hoti. So kho panāyaṃ ariyavaṃso imesaṃ vaṃsānaṃ mūlagandhādīnaṃ kāḷānusāritagandhādayo viya aggamakkhāyati. Ke pana te ariyā yesaṃ ete vaṃsāti? Ariyā vuccanti buddhā ca paccekabuddhā ca tathāgatasāvakā ca, etesaṃ ariyānaṃ vaṃsāti ariyavaṃsā. Ito pubbe hi satasahassakappādhikānaṃ catunnaṃ asaṅkhyeyyānaṃ matthake taṇhaṅkaro medhaṅkaro saraṇaṅkaro dīpaṅkaroti cattāro buddhā uppannā, te ariyā, tesaṃ ariyānaṃ vaṃsāti ariyavaṃsā. Tesaṃ buddhānaṃ parinibbānato aparabhāge asaṅkhyeyyaṃ atikkamitvā koṇḍañño nāma buddho uppanno…pe… imasmiṃ kappe kakusandho, koṇāgamano, kassapo, amhākaṃ bhagavā gotamoti cattāro buddhā uppannā. Tesaṃ ariyānaṃ vaṃsāti ariyavaṃsā. Apica atītānāgatapaccuppannānaṃ sabbabuddhapaccekabuddhabuddhasāvakānaṃ ariyānaṃ vaṃsāti ariyavaṃsā. Te kho panete aggaññā aggāti jānitabbā. Rattaññā dīgharattaṃ pavattāti jānitabbā. Vaṃsaññā vaṃsāti jānitabbā.
โปราณาติ น อธุนุปฺปตฺติกาฯ อสํกิณฺณา อวิกิณฺณา อนปนีตาฯ อสํกิณฺณปุพฺพา อตีตพุเทฺธหิ น สํกิณฺณปุพฺพาฯ ‘‘กิํ อิเมหี’’ติ น อปนีตปุพฺพา? น สงฺกียนฺตีติ อิทานิปิ น อปนียนฺติฯ น สงฺกียิสฺสนฺตีติ อนาคตพุเทฺธหิปิ น อปนียิสฺสนฺติ, เย โลเก วิญฺญู สมณพฺราหฺมณา, เตหิ อปฺปฎิกุฎฺฐา, สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหิ อนินฺทิตา อครหิตาฯ
Porāṇāti na adhunuppattikā. Asaṃkiṇṇā avikiṇṇā anapanītā. Asaṃkiṇṇapubbā atītabuddhehi na saṃkiṇṇapubbā. ‘‘Kiṃ imehī’’ti na apanītapubbā? Na saṅkīyantīti idānipi na apanīyanti. Na saṅkīyissantīti anāgatabuddhehipi na apanīyissanti, ye loke viññū samaṇabrāhmaṇā, tehi appaṭikuṭṭhā, samaṇehi brāhmaṇehi viññūhi aninditā agarahitā.
สนฺตุโฎฺฐ โหตีติ ปจฺจยสโนฺตสวเสน สนฺตุโฎฺฐ โหติฯ อิตรีตเรน จีวเรนาติ ถูลสุขุมลูขปณีตถิรชิณฺณานํ เยน เกนจิฯ อถ โข ยถาลทฺธาทีนํ อิตรีตเรน เยน เกนจิ สนฺตุโฎฺฐ โหตีติ อโตฺถฯ จีวรสฺมิญฺหิ ตโย สโนฺตสา – ยถาลาภสโนฺตโส, ยถาพลสโนฺตโส, ยถาสารุปฺปสโนฺตโสติฯ ปิณฺฑปาตาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เตสํ วิตฺถารกถา สามญฺญผเล วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ อิเม ตโย สโนฺตเส สนฺธาย ‘‘สนฺตุโฎฺฐ โหติ, อิตรีตเรน ยถาลทฺธาทีสุ เยน เกนจิ จีวเรน สนฺตุโฎฺฐ โหตี’’ติ วุตฺตํฯ
Santuṭṭho hotīti paccayasantosavasena santuṭṭho hoti. Itarītarena cīvarenāti thūlasukhumalūkhapaṇītathirajiṇṇānaṃ yena kenaci. Atha kho yathāladdhādīnaṃ itarītarena yena kenaci santuṭṭho hotīti attho. Cīvarasmiñhi tayo santosā – yathālābhasantoso, yathābalasantoso, yathāsāruppasantosoti. Piṇḍapātādīsupi eseva nayo. Tesaṃ vitthārakathā sāmaññaphale vuttanayeneva veditabbā. Ime tayo santose sandhāya ‘‘santuṭṭho hoti, itarītarena yathāladdhādīsu yena kenaci cīvarena santuṭṭho hotī’’ti vuttaṃ.
เอตฺถ จ จีวรํ ชานิตพฺพํ, จีวรเกฺขตฺตํ ชานิตพฺพํ, ปํสุกูลํ ชานิตพฺพํ, จีวรสโนฺตโส ชานิตโพฺพ, จีวรปฎิสํยุตฺตานิ ธุตงฺคานิ ชานิตพฺพานิฯ ตตฺถ จีวรํ ชานิตพฺพนฺติ โขมาทีนิ ฉ จีวรานิ ทุกูลาทีนิ ฉ อนุโลมจีวรานิ ชานิตพฺพานิฯ อิมานิ ทฺวาทส กปฺปิยจีวรานิฯ กุสจีรํ วากจีรํ ผลกจีรํ เกสกมฺพลํ วาฬกมฺพลํ โปตฺถโก จมฺมํ อุลูกปกฺขํ รุกฺขทุสฺสํ ลตาทุสฺสํ เอรกทุสฺสํ กทลิทุสฺสํ เวฬุทุสฺสนฺติ เอวมาทีนิ ปน อกปฺปิยจีวรานิฯ จีวรเกฺขตฺตนฺติ ‘‘สงฺฆโต วา คณโต วา ญาติโต วา มิตฺตโต วา อตฺตโน วา ธเนน ปํสุกูลํ วา’’ติ เอวํ อุปฺปชฺชนโต ฉ เขตฺตานิ, อฎฺฐนฺนญฺจ มาติกานํ วเสน อฎฺฐ เขตฺตานิ ชานิตพฺพานิฯ ปํสุกูลนฺติ โสสานิกํ, ปาปณิกํ, รถิยํ สงฺการกูฎกํ, โสตฺถิยํ, สินานํ, ติตฺถํ, คตปจฺจาคตํ, อคฺคิทฑฺฒํ, โคขายิตํ อุปจิกขายิตํ, อุนฺทูรขายิตํ, อนฺตจฺฉินฺนํ, ทสาจฺฉินฺนํ, ธชาหฎํ, ถูปํ, สมณจีวรํ, สามุทฺทิยํ, อาภิเสกิยํ, ปนฺถิกํ, วาตาหฎํ, อิทฺธิมยํ, เทวทตฺติยนฺติ เตวีสติ ปํสุกูลานิ เวทิตพฺพานิฯ
Ettha ca cīvaraṃ jānitabbaṃ, cīvarakkhettaṃ jānitabbaṃ, paṃsukūlaṃ jānitabbaṃ, cīvarasantoso jānitabbo, cīvarapaṭisaṃyuttāni dhutaṅgāni jānitabbāni. Tattha cīvaraṃ jānitabbanti khomādīni cha cīvarāni dukūlādīni cha anulomacīvarāni jānitabbāni. Imāni dvādasa kappiyacīvarāni. Kusacīraṃ vākacīraṃ phalakacīraṃ kesakambalaṃ vāḷakambalaṃ potthako cammaṃ ulūkapakkhaṃ rukkhadussaṃ latādussaṃ erakadussaṃ kadalidussaṃ veḷudussanti evamādīni pana akappiyacīvarāni. Cīvarakkhettanti ‘‘saṅghato vā gaṇato vā ñātito vā mittato vā attano vā dhanena paṃsukūlaṃ vā’’ti evaṃ uppajjanato cha khettāni, aṭṭhannañca mātikānaṃ vasena aṭṭha khettāni jānitabbāni. Paṃsukūlanti sosānikaṃ, pāpaṇikaṃ, rathiyaṃ saṅkārakūṭakaṃ, sotthiyaṃ, sinānaṃ, titthaṃ, gatapaccāgataṃ, aggidaḍḍhaṃ, gokhāyitaṃ upacikakhāyitaṃ, undūrakhāyitaṃ, antacchinnaṃ, dasācchinnaṃ, dhajāhaṭaṃ, thūpaṃ, samaṇacīvaraṃ, sāmuddiyaṃ, ābhisekiyaṃ, panthikaṃ, vātāhaṭaṃ, iddhimayaṃ, devadattiyanti tevīsati paṃsukūlāni veditabbāni.
เอตฺถ จ โสตฺถิยนฺติ คพฺภมลหรณํฯ คตปจฺจาคตนฺติ มตกสรีรํ ปารุปิตฺวา สุสานํ เนตฺวา อานีตจีวรํฯ ธชาหฎนฺติ ธชํ อุสฺสาเปตฺวา ตโต อานีตํฯ ถูปนฺติ วมฺมิเก ปูชิตจีวรํ ฯ สามุทฺทิยนฺติ สมุทฺทวีจีหิ ถลํ ปาปิตํฯ ปนฺถิกนฺติ ปนฺถํ คจฺฉเนฺตหิ โจรภเยน ปาสาเณหิ โกเฎฺฎตฺวา ปารุตจีวรํฯ อิทฺธิมยนฺติ เอหิภิกฺขุจีวรํฯ เสสํ ปากฎเมวฯ
Ettha ca sotthiyanti gabbhamalaharaṇaṃ. Gatapaccāgatanti matakasarīraṃ pārupitvā susānaṃ netvā ānītacīvaraṃ. Dhajāhaṭanti dhajaṃ ussāpetvā tato ānītaṃ. Thūpanti vammike pūjitacīvaraṃ . Sāmuddiyanti samuddavīcīhi thalaṃ pāpitaṃ. Panthikanti panthaṃ gacchantehi corabhayena pāsāṇehi koṭṭetvā pārutacīvaraṃ. Iddhimayanti ehibhikkhucīvaraṃ. Sesaṃ pākaṭameva.
จีวรสโนฺตโสติ วีสติ จีวรสโนฺตสา, วิตกฺกสโนฺตโส, คมนสโนฺตโส, ปริเยสนสโนฺตโส, ปฎิลาภสโนฺตโส, มตฺตปฺปฎิคฺคหณสโนฺตโส, โลลุปฺปวิวชฺชนสโนฺตโส, ยถาลาภสโนฺตโส, ยถาพลสโนฺตโส, ยถาสารุปฺปสโนฺตโส, อุทกสโนฺตโส, โธวนสโนฺตโส, กรณสโนฺตโส, ปริมาณสโนฺตโส, สุตฺตสโนฺตโส, สิพฺพนสโนฺตโส, รชนสโนฺตโส, กปฺปสโนฺตโส, ปริโภคสโนฺตโส, สนฺนิธิปริวชฺชนสโนฺตโส, วิสฺสชฺชนสโนฺตโสติฯ
Cīvarasantosoti vīsati cīvarasantosā, vitakkasantoso, gamanasantoso, pariyesanasantoso, paṭilābhasantoso, mattappaṭiggahaṇasantoso, loluppavivajjanasantoso, yathālābhasantoso, yathābalasantoso, yathāsāruppasantoso, udakasantoso, dhovanasantoso, karaṇasantoso, parimāṇasantoso, suttasantoso, sibbanasantoso, rajanasantoso, kappasantoso, paribhogasantoso, sannidhiparivajjanasantoso, vissajjanasantosoti.
ตตฺถ สาทกภิกฺขุนา เตมาสํ นิพทฺธวาสํ วสิตฺวา เอกมาสมตฺตํ วิตเกฺกตุํ วฎฺฎติฯ โส หิ ปวาเรตฺวา จีวรมาเส จีวรํ กโรติฯ ปํสุกูลิโก อฑฺฒมาเสเนว กโรติฯ อิติ มาสฑฺฒมาสมตฺตํ วิตกฺกนํ วิตกฺกสโนฺตโสฯ วิตกฺกสโนฺตเสน ปน สนฺตุเฎฺฐน ภิกฺขุนา ปาจีนกฺขณฺฑราชิวาสิกปํสุกูลิกเตฺถรสทิเสน ภวิตพฺพํฯ
Tattha sādakabhikkhunā temāsaṃ nibaddhavāsaṃ vasitvā ekamāsamattaṃ vitakketuṃ vaṭṭati. So hi pavāretvā cīvaramāse cīvaraṃ karoti. Paṃsukūliko aḍḍhamāseneva karoti. Iti māsaḍḍhamāsamattaṃ vitakkanaṃ vitakkasantoso. Vitakkasantosena pana santuṭṭhena bhikkhunā pācīnakkhaṇḍarājivāsikapaṃsukūlikattherasadisena bhavitabbaṃ.
เถโร กิร เจติยปพฺพตวิหาเร เจติยํ วนฺทิสฺสามีติ อาคโต เจติยํ วนฺทิตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘มยฺหํ จีวรํ ชิณฺณํ พหูนํ วสนฎฺฐาเน ลภิสฺสามี’’ติฯ โส มหาวิหารํ คนฺตฺวา สงฺฆเตฺถรํ ทิสฺวา วสนฎฺฐานํ ปุจฺฉิตฺวา ตตฺถ วุโตฺถ ปุนทิวเส จีวรํ อาทาย อาคนฺตฺวา เถรํ วนฺทิฯ เถโร กิํ อาวุโสติ อาหฯ คามทฺวารํ, ภเนฺต, คมิสฺสามีติฯ อหมฺปาวุโส, คมิสฺสามีติฯ สาธุ, ภเนฺตติ คจฺฉโนฺต มหาโพธิทฺวารโกฎฺฐเก ฐตฺวา ปุญฺญวนฺตานํ วสนฎฺฐาเน มนาปํ ลภิสฺสามีติ จิเนฺตตฺวา อปริสุโทฺธ เม วิตโกฺกติ ตโตว ปฎินิวตฺติฯ ปุนทิวเส อมฺพงฺคณสมีปโต, ปุนทิวเส มหาเจติยสฺส อุตฺตรทฺวารโต, ตเถว ปฎินิวตฺติตฺวา จตุตฺถทิวเส เถรสฺส สนฺติกํ อคมาสิฯ เถโร อิมสฺส ภิกฺขุโน วิตโกฺก น ปริสุโทฺธ ภวิสฺสตีติ จีวรํ คเหตฺวา เตน สทฺธิํเยว ปญฺหํ ปุจฺฉมาโน คามํ ปาวิสิฯ ตญฺจ รตฺติํ เอโก มนุโสฺส อุจฺจารปลิพุโทฺธ สาฎเกเยว วจฺจํ กตฺวา ตํ สงฺการฎฺฐาเน ฉเฑฺฑสิฯ ปํสุกูลิกเตฺถโร ตํ นีลมกฺขิกาหิ สมฺปริกิณฺณํ ทิสฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหสิฯ มหาเถโร ‘‘กิํ, อาวุโส, สงฺการฎฺฐานสฺส อญฺชลิํ ปคฺคณฺหาสี’’ติ? ‘‘นาหํ, ภเนฺต, สงฺการฎฺฐานสฺส อญฺชลิํ ปคฺคณฺหามิ, มยฺหํ ปิตุ ทสพลสฺส ปคฺคณฺหามิ, ปุณฺณทาสิยา สรีรํ ปารุปิตฺวา ฉฑฺฑิตํ ปํสุกูลํ ตุมฺพมเตฺต ปาณเก วิธุนิตฺวา สุสานโต คณฺหเนฺตน ทุกฺกรํ กตํ, ภเนฺต’’ติฯ มหาเถโร ‘‘ปริสุโทฺธ วิตโกฺก ปํสุกูลิกสฺสา’’ติ จิเนฺตสิฯ ปํสุกูลิกเตฺถโรปิ ตสฺมิํเยว ฐาเน ฐิโต วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา ตีณิ ผลานิ ปโตฺต ตํ สาฎกํ คเหตฺวา จีวรํ กตฺวา ปารุปิตฺวา ปาจีนกฺขณฺฑราชิํ คนฺตฺวา อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ
Thero kira cetiyapabbatavihāre cetiyaṃ vandissāmīti āgato cetiyaṃ vanditvā cintesi ‘‘mayhaṃ cīvaraṃ jiṇṇaṃ bahūnaṃ vasanaṭṭhāne labhissāmī’’ti. So mahāvihāraṃ gantvā saṅghattheraṃ disvā vasanaṭṭhānaṃ pucchitvā tattha vuttho punadivase cīvaraṃ ādāya āgantvā theraṃ vandi. Thero kiṃ āvusoti āha. Gāmadvāraṃ, bhante, gamissāmīti. Ahampāvuso, gamissāmīti. Sādhu, bhanteti gacchanto mahābodhidvārakoṭṭhake ṭhatvā puññavantānaṃ vasanaṭṭhāne manāpaṃ labhissāmīti cintetvā aparisuddho me vitakkoti tatova paṭinivatti. Punadivase ambaṅgaṇasamīpato, punadivase mahācetiyassa uttaradvārato, tatheva paṭinivattitvā catutthadivase therassa santikaṃ agamāsi. Thero imassa bhikkhuno vitakko na parisuddho bhavissatīti cīvaraṃ gahetvā tena saddhiṃyeva pañhaṃ pucchamāno gāmaṃ pāvisi. Tañca rattiṃ eko manusso uccārapalibuddho sāṭakeyeva vaccaṃ katvā taṃ saṅkāraṭṭhāne chaḍḍesi. Paṃsukūlikatthero taṃ nīlamakkhikāhi samparikiṇṇaṃ disvā añjaliṃ paggahesi. Mahāthero ‘‘kiṃ, āvuso, saṅkāraṭṭhānassa añjaliṃ paggaṇhāsī’’ti? ‘‘Nāhaṃ, bhante, saṅkāraṭṭhānassa añjaliṃ paggaṇhāmi, mayhaṃ pitu dasabalassa paggaṇhāmi, puṇṇadāsiyā sarīraṃ pārupitvā chaḍḍitaṃ paṃsukūlaṃ tumbamatte pāṇake vidhunitvā susānato gaṇhantena dukkaraṃ kataṃ, bhante’’ti. Mahāthero ‘‘parisuddho vitakko paṃsukūlikassā’’ti cintesi. Paṃsukūlikattheropi tasmiṃyeva ṭhāne ṭhito vipassanaṃ vaḍḍhetvā tīṇi phalāni patto taṃ sāṭakaṃ gahetvā cīvaraṃ katvā pārupitvā pācīnakkhaṇḍarājiṃ gantvā aggaphalaṃ arahattaṃ pāpuṇi.
จีวรตฺถาย คจฺฉนฺตสฺส ปน ‘‘กตฺถ ลภิสฺสามี’’ติ อจิเนฺตตฺวา กมฺมฎฺฐานสีเสเนว คมนํ คมนสโนฺตโส นามฯ
Cīvaratthāya gacchantassa pana ‘‘kattha labhissāmī’’ti acintetvā kammaṭṭhānasīseneva gamanaṃ gamanasantoso nāma.
ปริเยสนฺตสฺส ปน เยน วา เตน วา สทฺธิํ อปริเยสิตฺวา ลชฺชิํ เปสลํ ภิกฺขุํ คเหตฺวา ปริเยสนํ ปริเยสนสโนฺตโส นามฯ
Pariyesantassa pana yena vā tena vā saddhiṃ apariyesitvā lajjiṃ pesalaṃ bhikkhuṃ gahetvā pariyesanaṃ pariyesanasantoso nāma.
เอวํ ปริเยสนฺตสฺส อาหริยมานํ จีวรํ ทูรโต ทิสฺวา ‘‘เอตํ มนาปํ ภวิสฺสติ, เอตํ อมนาป’’นฺติ เอวํ อวิตเกฺกตฺวา ถูลสุขุมาทีสุ ยถาลเทฺธเนว สนฺตุสฺสนํ ปฎิลาภสโนฺตโส นามฯ
Evaṃ pariyesantassa āhariyamānaṃ cīvaraṃ dūrato disvā ‘‘etaṃ manāpaṃ bhavissati, etaṃ amanāpa’’nti evaṃ avitakketvā thūlasukhumādīsu yathāladdheneva santussanaṃ paṭilābhasantoso nāma.
เอวํ ลทฺธํ คณฺหนฺตสฺสาปิ ‘‘เอตฺตกํ ทุปฎฺฎสฺส ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ เอกปฎฺฎสฺสา’’ติ อตฺตโน ปโหนกมเตฺตเนว สนฺตุสฺสนํ มตฺตปฺปฎิคฺคหณสโนฺตโส นามฯ
Evaṃ laddhaṃ gaṇhantassāpi ‘‘ettakaṃ dupaṭṭassa bhavissati, ettakaṃ ekapaṭṭassā’’ti attano pahonakamatteneva santussanaṃ mattappaṭiggahaṇasantoso nāma.
จีวรํ ปริเยสนฺตสฺส ปน ‘‘อสุกสฺส ฆรทฺวาเร มนาปํ ลภิสฺสามี’’ติ อจิเนฺตตฺวา ทฺวารปฎิปาฎิยา จรณํ โลลุปฺปวิวชฺชนสโนฺตโส นามฯ
Cīvaraṃ pariyesantassa pana ‘‘asukassa gharadvāre manāpaṃ labhissāmī’’ti acintetvā dvārapaṭipāṭiyā caraṇaṃ loluppavivajjanasantoso nāma.
ลูขปณีเตสุ เยน เกนจิ ยาเปตุํ สโกฺกนฺตสฺส ยถาลเทฺธเนว ยาปนํ ยถาลาภสโนฺตโส นามฯ
Lūkhapaṇītesu yena kenaci yāpetuṃ sakkontassa yathāladdheneva yāpanaṃ yathālābhasantoso nāma.
อตฺตโน ถามํ ชานิตฺวา เยน ยาเปตุํ สโกฺกติ, เตน ยาปนํ ยถาพลสโนฺตโส นามฯ
Attano thāmaṃ jānitvā yena yāpetuṃ sakkoti, tena yāpanaṃ yathābalasantoso nāma.
มนาปํ อญฺญสฺส ทตฺวา อตฺตโน เยน เกนจิ ยาปนํ ยถาสารุปฺปสโนฺตโส นามฯ
Manāpaṃ aññassa datvā attano yena kenaci yāpanaṃ yathāsāruppasantoso nāma.
‘‘กตฺถ อุทกํ มนาปํ, กตฺถ อมนาป’’นฺติ อวิจาเรตฺวา เยน เกนจิ โธวนุปเคน อุทเกน โธวนํ อุทกสโนฺตโส นามฯ ปณฺฑุมตฺติกเครุกปูติปณฺณรสกิลิฎฺฐานิ ปน อุทกานิ วเชฺชตุํ วฎฺฎติฯ
‘‘Kattha udakaṃ manāpaṃ, kattha amanāpa’’nti avicāretvā yena kenaci dhovanupagena udakena dhovanaṃ udakasantoso nāma. Paṇḍumattikagerukapūtipaṇṇarasakiliṭṭhāni pana udakāni vajjetuṃ vaṭṭati.
โธวนฺตสฺส ปน มุคฺคราทีหิ อปหริตฺวา หเตฺถหิ มทฺทิตฺวา โธวนํ โธวนสโนฺตโส นามฯ ตถา อสุชฺฌนฺตํ ปณฺณานิ ปกฺขิปิตฺวา ตาปิตอุทเกนาปิ โธวิตุํ วฎฺฎติฯ
Dhovantassa pana muggarādīhi apaharitvā hatthehi madditvā dhovanaṃ dhovanasantoso nāma. Tathā asujjhantaṃ paṇṇāni pakkhipitvā tāpitaudakenāpi dhovituṃ vaṭṭati.
เอวํ โธวิตฺวา กโรนฺตสฺส อิทํ ถูลํ, อิทํ สุขุมนฺติ อโกเปตฺวา ปโหนกนีหาเรเนว กรณํ กรณสโนฺตโส นามฯ
Evaṃ dhovitvā karontassa idaṃ thūlaṃ, idaṃ sukhumanti akopetvā pahonakanīhāreneva karaṇaṃ karaṇasantoso nāma.
ติมณฺฑลปฺปฎิจฺฉาทนมตฺตเสฺสว กรณํ ปริมาณสโนฺตโส นามฯ
Timaṇḍalappaṭicchādanamattasseva karaṇaṃ parimāṇasantoso nāma.
จีวรกรณตฺถาย ปน มนาปสุตฺตํ ปริเยสิสฺสามีติ อวิจาเรตฺวา รถิกาทีสุ วา เทวฎฺฐาเน วา อาหริตฺวา ปาทมูเล วา ฐปิตํ ยํกิญฺจิเทว สุตฺตํ คเหตฺวา กรณํ สุตฺตสโนฺตโส นามฯ
Cīvarakaraṇatthāya pana manāpasuttaṃ pariyesissāmīti avicāretvā rathikādīsu vā devaṭṭhāne vā āharitvā pādamūle vā ṭhapitaṃ yaṃkiñcideva suttaṃ gahetvā karaṇaṃ suttasantoso nāma.
กุสิพนฺธนกาเล ปน องฺคุลมเตฺต สตฺตวาเร น วิชฺฌิตพฺพํ, เอวํ กโรนฺตสฺส หิ โย ภิกฺขุ สหาโย น โหติ, ตสฺส วตฺตเภโทปิ นตฺถิฯ ติวงฺคุลมเตฺต ปน สตฺตวาเร วิชฺฌิตพฺพํ, เอวํ กโรนฺตสฺส มคฺคปฎิปเนฺนนาปิ สหาเยน ภวิตพฺพํฯ โย น โหติ, ตสฺส วตฺตเภโทฯ อยํ สิพฺพนสโนฺตโส นามฯ
Kusibandhanakāle pana aṅgulamatte sattavāre na vijjhitabbaṃ, evaṃ karontassa hi yo bhikkhu sahāyo na hoti, tassa vattabhedopi natthi. Tivaṅgulamatte pana sattavāre vijjhitabbaṃ, evaṃ karontassa maggapaṭipannenāpi sahāyena bhavitabbaṃ. Yo na hoti, tassa vattabhedo. Ayaṃ sibbanasantoso nāma.
รชเนฺตน ปน กาฬกจฺฉกาทีนิ ปริเยสเนฺตน น รชิตพฺพํฯ โสมวกฺกลาทีสุ ยํ ลภติ, เตน รชิตพฺพํฯ อลภเนฺตน ปน มนุเสฺสหิ อรเญฺญ วากํ คเหตฺวา ฉฑฺฑิตรชนํ วา ภิกฺขูหิ ปจิตฺวา ฉฑฺฑิตกสฎํ วา คเหตฺวา รชิตพฺพํ, อยํ รชนสโนฺตโส นามฯ
Rajantena pana kāḷakacchakādīni pariyesantena na rajitabbaṃ. Somavakkalādīsu yaṃ labhati, tena rajitabbaṃ. Alabhantena pana manussehi araññe vākaṃ gahetvā chaḍḍitarajanaṃ vā bhikkhūhi pacitvā chaḍḍitakasaṭaṃ vā gahetvā rajitabbaṃ, ayaṃ rajanasantoso nāma.
นีลกทฺทมกาฬสาเมสุ ยํกิญฺจิ คเหตฺวา หตฺถิปิเฎฺฐ นิสินฺนสฺส ปญฺญายมานกปกรณํ กปฺปสโนฺตโส นามฯ
Nīlakaddamakāḷasāmesu yaṃkiñci gahetvā hatthipiṭṭhe nisinnassa paññāyamānakapakaraṇaṃ kappasantoso nāma.
หิริโกปีนปฎิจฺฉาทนมตฺตวเสน ปริภุญฺชนํ ปริโภคสโนฺตโส นามฯ
Hirikopīnapaṭicchādanamattavasena paribhuñjanaṃ paribhogasantoso nāma.
ทุสฺสํ ปน ลภิตฺวา สุตฺตํ วา สูจิํ วา การกํ วา อลภเนฺตน ฐเปตุํ วฎฺฎติ, ลภเนฺตน น วฎฺฎติฯ กตมฺปิ สเจ อเนฺตวาสิกาทีนํ ทาตุกาโม โหติ, เต จ อสนฺนิหิตา ยาว อาคมนา ฐเปตุํ วฎฺฎติฯ อาคตมเตฺตสุ ทาตพฺพํฯ ทาตุํ อสโกฺกเนฺตน อธิฎฺฐาตพฺพํฯ อญฺญสฺมิํ จีวเร สติ ปจฺจตฺถรณมฺปิ อธิฎฺฐาตุํ วฎฺฎติฯ อนธิฎฺฐิตเมว หิ สนฺนิธิ โหติฯ อธิฎฺฐิตํ น โหตีติ มหาสีวเตฺถโร อาหฯ อยํ สนฺนิธิปริวชฺชนสโนฺตโส นามฯ
Dussaṃ pana labhitvā suttaṃ vā sūciṃ vā kārakaṃ vā alabhantena ṭhapetuṃ vaṭṭati, labhantena na vaṭṭati. Katampi sace antevāsikādīnaṃ dātukāmo hoti, te ca asannihitā yāva āgamanā ṭhapetuṃ vaṭṭati. Āgatamattesu dātabbaṃ. Dātuṃ asakkontena adhiṭṭhātabbaṃ. Aññasmiṃ cīvare sati paccattharaṇampi adhiṭṭhātuṃ vaṭṭati. Anadhiṭṭhitameva hi sannidhi hoti. Adhiṭṭhitaṃ na hotīti mahāsīvatthero āha. Ayaṃ sannidhiparivajjanasantoso nāma.
วิสฺสชฺชเนฺตน ปน น มุขํ โอโลเกตฺวา ทาตพฺพํฯ สารณียธเมฺม ฐตฺวา วิสฺสชฺชิตพฺพนฺติ อยํ วิสฺสชฺชนสโนฺตโส นามฯ
Vissajjantena pana na mukhaṃ oloketvā dātabbaṃ. Sāraṇīyadhamme ṭhatvā vissajjitabbanti ayaṃ vissajjanasantoso nāma.
จีวรปฎิสํยุตฺตานิ ธุตงฺคานิ นาม ปํสุกูลิกงฺคเญฺจว เตจีวริกงฺคญฺจฯ เตสํ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺคโต เวทิตพฺพาฯ อิติ จีวรสโนฺตสมหาอริยวํสํ ปูรยมาโน ภิกฺขุ อิมานิ เทฺว ธุตงฺคานิ โคเปติฯ อิมานิ โคเปโนฺต จีวรสโนฺตสมหาอริยวํเสน สนฺตุโฎฺฐ โหติฯ
Cīvarapaṭisaṃyuttāni dhutaṅgāni nāma paṃsukūlikaṅgañceva tecīvarikaṅgañca. Tesaṃ vitthārakathā visuddhimaggato veditabbā. Iti cīvarasantosamahāariyavaṃsaṃ pūrayamāno bhikkhu imāni dve dhutaṅgāni gopeti. Imāni gopento cīvarasantosamahāariyavaṃsena santuṭṭho hoti.
วณฺณวาทีติ เอโก สนฺตุโฎฺฐ โหติ, สโนฺตสสฺส วณฺณํ น กเถติ, เอโก น สนฺตุโฎฺฐ โหติ, สโนฺตสสฺส วณฺณํ กเถติ, เอโก เนว สนฺตุโฎฺฐ โหติ, น สโนฺตสสฺส วณฺณํ กเถติ, เอโก สนฺตุโฎฺฐ เจว โหติ, สโนฺตสสฺส จ วณฺณํ กเถติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิตรีตรจีวรสนฺตุฎฺฐิยา จ วณฺณวาที’’ติ วุตฺตํฯ
Vaṇṇavādīti eko santuṭṭho hoti, santosassa vaṇṇaṃ na katheti, eko na santuṭṭho hoti, santosassa vaṇṇaṃ katheti, eko neva santuṭṭho hoti, na santosassa vaṇṇaṃ katheti, eko santuṭṭho ceva hoti, santosassa ca vaṇṇaṃ katheti, taṃ dassetuṃ ‘‘itarītaracīvarasantuṭṭhiyā ca vaṇṇavādī’’ti vuttaṃ.
อเนสนนฺติ ทูเตยฺยปหินคมนานุโยคปฺปเภทํ นานปฺปการํ อเนสนํฯ อปฺปติรูปนฺติ อยุตฺตํฯ อลทฺธา จาติ อลภิตฺวาฯ ยถา เอกโจฺจ ‘‘กถํ นุ โข จีวรํ ลภิสฺสามี’’ติฯ ปุญฺญวเนฺตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ เอกโต หุตฺวา โกหญฺญํ กโรโนฺต อุตฺตสติ ปริตสติ, สนฺตุโฎฺฐ ภิกฺขุ เอวํ อลทฺธา จีวรํ น ปริตสติฯ ลทฺธา จาติ ธเมฺมน สเมน ลภิตฺวาฯ อคธิโตติ วิคตโลภคิโทฺธฯ อมุจฺฉิโตติ อธิมตฺตตณฺหาย มุจฺฉํ อนาปโนฺนฯ อนชฺฌาปโนฺนติ ตณฺหาย อโนตฺถโต อปริโยนโทฺธฯ อาทีนวทสฺสาวีติ อเนสนาปตฺติยญฺจ เคธิตปริโภเค จ อาทีนวํ ปสฺสมาโนฯ นิสฺสรณปโญฺญติ ‘‘ยาวเทว สีตสฺส ปฎิฆาตายา’’ติ วุตฺตํ นิสฺสรณเมว ปชานโนฺตฯ
Anesananti dūteyyapahinagamanānuyogappabhedaṃ nānappakāraṃ anesanaṃ. Appatirūpanti ayuttaṃ. Aladdhā cāti alabhitvā. Yathā ekacco ‘‘kathaṃ nu kho cīvaraṃ labhissāmī’’ti. Puññavantehi bhikkhūhi saddhiṃ ekato hutvā kohaññaṃ karonto uttasati paritasati, santuṭṭho bhikkhu evaṃ aladdhā cīvaraṃ na paritasati. Laddhā cāti dhammena samena labhitvā. Agadhitoti vigatalobhagiddho. Amucchitoti adhimattataṇhāya mucchaṃ anāpanno. Anajjhāpannoti taṇhāya anotthato apariyonaddho. Ādīnavadassāvīti anesanāpattiyañca gedhitaparibhoge ca ādīnavaṃ passamāno. Nissaraṇapaññoti ‘‘yāvadeva sītassa paṭighātāyā’’ti vuttaṃ nissaraṇameva pajānanto.
อิตรีตรจีวรสนฺตุฎฺฐิยาติ เยน เกนจิ จีวเรน สนฺตุฎฺฐิยาฯ เนวตฺตานุกฺกํเสตีติ ‘‘อหํ ปํสุกูลิโก มยา อุปสมฺปทมาเฬเยว ปํสุกูลิกงฺคํ คหิตํ, โก มยา สทิโส อตฺถี’’ติ อตฺตุกฺกํสนํ น กโรติฯ น ปรํ วเมฺภตีติ ‘‘อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู น ปํสุกูลิกา’’ติ วา ‘‘ปํสุกูลิกงฺคมตฺตมฺปิ เอเตสํ นตฺถี’’ติ วา เอวํ ปรํ น วเมฺภติฯ โย หิ ตตฺถ ทโกฺขติ โย ตสฺมิํ จีวรสโนฺตเส, วณฺณวาทาทีสุ วา ทโกฺข เฉโก พฺยโตฺตฯ อนลโสติ สาตจฺจกิริยาย อาลสิยวิรหิโตฯ สมฺปชาโน ปฎิสฺสโตติ สมฺปชานปญฺญาย เจว สติยา จ ยุโตฺตฯ อริยวํเส ฐิโตติ อริยวํเส ปติฎฺฐิโตฯ
Itarītaracīvarasantuṭṭhiyāti yena kenaci cīvarena santuṭṭhiyā. Nevattānukkaṃsetīti ‘‘ahaṃ paṃsukūliko mayā upasampadamāḷeyeva paṃsukūlikaṅgaṃ gahitaṃ, ko mayā sadiso atthī’’ti attukkaṃsanaṃ na karoti. Na paraṃ vambhetīti ‘‘ime panaññe bhikkhū na paṃsukūlikā’’ti vā ‘‘paṃsukūlikaṅgamattampi etesaṃ natthī’’ti vā evaṃ paraṃ na vambheti. Yo hi tattha dakkhoti yo tasmiṃ cīvarasantose, vaṇṇavādādīsu vā dakkho cheko byatto. Analasoti sātaccakiriyāya ālasiyavirahito. Sampajāno paṭissatoti sampajānapaññāya ceva satiyā ca yutto. Ariyavaṃse ṭhitoti ariyavaṃse patiṭṭhito.
อิตรีตเรน ปิณฺฑปาเตนาติ เยน เกนจิ ปิณฺฑปาเตนฯ เอตฺถาปิ ปิณฺฑปาโต ชานิตโพฺพฯ ปิณฺฑปาตเกฺขตฺตํ ชานิตพฺพํ, ปิณฺฑปาตสโนฺตโส ชานิตโพฺพ, ปิณฺฑปาตปฎิสํยุตฺตํ ธุตงฺคํ ชานิตพฺพํฯ ตตฺถ ปิณฺฑปาโตติ ‘‘โอทโน, กุมฺมาโส, สตฺตุ, มโจฺฉ, มํสํ, ขีรํ, ทธิ, สปฺปิ, นวนีตํ, เตลํ, มธุ, ผาณิตํ, ยาคุ, ขาทนียํ, สายนียํ, เลหนีย’’นฺติ โสฬส ปิณฺฑปาตาฯ
Itarītarena piṇḍapātenāti yena kenaci piṇḍapātena. Etthāpi piṇḍapāto jānitabbo. Piṇḍapātakkhettaṃ jānitabbaṃ, piṇḍapātasantoso jānitabbo, piṇḍapātapaṭisaṃyuttaṃ dhutaṅgaṃ jānitabbaṃ. Tattha piṇḍapātoti ‘‘odano, kummāso, sattu, maccho, maṃsaṃ, khīraṃ, dadhi, sappi, navanītaṃ, telaṃ, madhu, phāṇitaṃ, yāgu, khādanīyaṃ, sāyanīyaṃ, lehanīya’’nti soḷasa piṇḍapātā.
ปิณฺฑปาตเกฺขตฺตนฺติ สงฺฆภตฺตํ, อุเทฺทสภตฺตํ, นิมนฺตนํ, สลากภตฺตํ, ปกฺขิกํ, อุโปสถิกํ, ปาฎิปทิกํ, อาคนฺตุกภตฺตํ, คมิกภตฺตํ, คิลานภตฺตํ, คิลานุปฎฺฐากภตฺตํ, ธุรภตฺตํ, กุฎิภตฺตํ, วารภตฺตํ, วิหารภตฺตนฺติ ปนฺนรส ปิณฺฑปาตเกฺขตฺตานิฯ
Piṇḍapātakkhettanti saṅghabhattaṃ, uddesabhattaṃ, nimantanaṃ, salākabhattaṃ, pakkhikaṃ, uposathikaṃ, pāṭipadikaṃ, āgantukabhattaṃ, gamikabhattaṃ, gilānabhattaṃ, gilānupaṭṭhākabhattaṃ, dhurabhattaṃ, kuṭibhattaṃ, vārabhattaṃ, vihārabhattanti pannarasa piṇḍapātakkhettāni.
ปิณฺฑปาตสโนฺตโสติ ปิณฺฑปาเต วิตกฺกสโนฺตโส, คมนสโนฺตโส, ปริเยสนสโนฺตโส ปฎิลาภสโนฺตโส, ปฎิคฺคหณสโนฺตโส, มตฺตปฺปฎิคฺคหณสโนฺตโส, โลลุปฺปวิวชฺชนสโนฺตโส, ยถาลาภสโนฺตโส, ยถาพลสโนฺตโส, ยถาสารุปฺปสโนฺตโส, อุปการสโนฺตโส, ปริมาณสโนฺตโส, ปริโภคสโนฺตโส, สนฺนิธิปริวชฺชนสโนฺตโส, วิสฺสชฺชนสโนฺตโสติ ปนฺนรส สโนฺตสาฯ
Piṇḍapātasantosoti piṇḍapāte vitakkasantoso, gamanasantoso, pariyesanasantoso paṭilābhasantoso, paṭiggahaṇasantoso, mattappaṭiggahaṇasantoso, loluppavivajjanasantoso, yathālābhasantoso, yathābalasantoso, yathāsāruppasantoso, upakārasantoso, parimāṇasantoso, paribhogasantoso, sannidhiparivajjanasantoso, vissajjanasantosoti pannarasa santosā.
ตตฺถ สาทโก ภิกฺขุ มุขํ โธวิตฺวา วิตเกฺกติฯ ปิณฺฑปาติเกน ปน คเณน สทฺธิํ จรตา สายํ เถรูปฎฺฐานกาเล ‘‘เสฺว กตฺถ ปิณฺฑาย จริสฺสามาติ อสุกคาเม, ภเนฺต’’ติ, เอตฺตกํ จิเนฺตตฺวา ตโต ปฎฺฐาย น วิตเกฺกตพฺพํฯ เอกจาริเกน วิตกฺกมาฬเก ฐตฺวา วิตเกฺกตพฺพํฯ ตโต ปรํ วิตเกฺกโนฺต อริยวํสา จุโต โหติ ปริพาหิโรฯ อยํ วิตกฺกสโนฺตโส นามฯ
Tattha sādako bhikkhu mukhaṃ dhovitvā vitakketi. Piṇḍapātikena pana gaṇena saddhiṃ caratā sāyaṃ therūpaṭṭhānakāle ‘‘sve kattha piṇḍāya carissāmāti asukagāme, bhante’’ti, ettakaṃ cintetvā tato paṭṭhāya na vitakketabbaṃ. Ekacārikena vitakkamāḷake ṭhatvā vitakketabbaṃ. Tato paraṃ vitakkento ariyavaṃsā cuto hoti paribāhiro. Ayaṃ vitakkasantoso nāma.
ปิณฺฑาย ปวิสเนฺตน ‘‘กุหิํ ลภิสฺสามี’’ติ อจิเนฺตตฺวา กมฺมฎฺฐานสีเสน คนฺตพฺพํฯ อยํ คมนสโนฺตโส นามฯ
Piṇḍāya pavisantena ‘‘kuhiṃ labhissāmī’’ti acintetvā kammaṭṭhānasīsena gantabbaṃ. Ayaṃ gamanasantoso nāma.
ปริเยสเนฺตน ยํ วา ตํ วา อคเหตฺวา ลชฺชิํ เปสลเมว คเหตฺวา ปริเยสิตพฺพํฯ อยํ ปริเยสนสโนฺตโส นามฯ
Pariyesantena yaṃ vā taṃ vā agahetvā lajjiṃ pesalameva gahetvā pariyesitabbaṃ. Ayaṃ pariyesanasantoso nāma.
ทูรโตว อาหริยมานํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ มนาปํ, เอตํ อมนาป’’นฺติ จิตฺตํ น อุปฺปาเทตพฺพํฯ อยํ ปฎิลาภสโนฺตโส นามฯ
Dūratova āhariyamānaṃ disvā ‘‘etaṃ manāpaṃ, etaṃ amanāpa’’nti cittaṃ na uppādetabbaṃ. Ayaṃ paṭilābhasantoso nāma.
‘‘อิมํ มนาปํ คณฺหิสฺสามิ, อิมํ อมนาปํ น คณฺหิสฺสามี’’ติ อจิเนฺตตฺวา ยํกิญฺจิ ยาปนมตฺตํ คเหตพฺพเมว, อยํ ปฎิคฺคหณสโนฺตโส นามฯ
‘‘Imaṃ manāpaṃ gaṇhissāmi, imaṃ amanāpaṃ na gaṇhissāmī’’ti acintetvā yaṃkiñci yāpanamattaṃ gahetabbameva, ayaṃ paṭiggahaṇasantoso nāma.
เอตฺถ ปน เทยฺยธโมฺม พหุ, ทายโก อปฺปํ ทาตุกาโม, อปฺปํ คเหตพฺพํฯ เทยฺยธโมฺม พหุ, ทายโกปิ พหุํ ทาตุกาโม, ปมาเณเนว คเหตพฺพํฯ เทยฺยธโมฺม น พหุ, ทายโกปิ อปฺปํ ทาตุกาโม, อปฺปํ คเหตพฺพํฯ เทยฺยธโมฺม น พหุ, ทายโก ปน พหุํ ทาตุกาโม, ปมาเณน คเหตพฺพํฯ ปฎิคฺคหณสฺมิญฺหิ มตฺตํ อชานโนฺต มนุสฺสานํ ปสาทํ มเกฺขติ, สทฺธาเทยฺยํ วินิปาเตติ, สาสนํ น กโรติ, วิชาตมาตุยาปิ จิตฺตํ คเหตุํ น สโกฺกติฯ อิติ มตฺตํ ชานิตฺวาว ปฎิคฺคเหตพฺพนฺติ อยํ มตฺตปฺปฎิคฺคหณสโนฺตโส นามฯ
Ettha pana deyyadhammo bahu, dāyako appaṃ dātukāmo, appaṃ gahetabbaṃ. Deyyadhammo bahu, dāyakopi bahuṃ dātukāmo, pamāṇeneva gahetabbaṃ. Deyyadhammo na bahu, dāyakopi appaṃ dātukāmo, appaṃ gahetabbaṃ. Deyyadhammo na bahu, dāyako pana bahuṃ dātukāmo, pamāṇena gahetabbaṃ. Paṭiggahaṇasmiñhi mattaṃ ajānanto manussānaṃ pasādaṃ makkheti, saddhādeyyaṃ vinipāteti, sāsanaṃ na karoti, vijātamātuyāpi cittaṃ gahetuṃ na sakkoti. Iti mattaṃ jānitvāva paṭiggahetabbanti ayaṃ mattappaṭiggahaṇasantoso nāma.
สทฺธกุลานิเยว อคนฺตฺวา ทฺวารปฺปฎิปาฎิยา คนฺตพฺพํฯ อยํ โลลุปฺปวิวชฺชนสโนฺตโส นามฯ ยถาลาภสโนฺตสาทโย จีวเร วุตฺตนยา เอวฯ
Saddhakulāniyeva agantvā dvārappaṭipāṭiyā gantabbaṃ. Ayaṃ loluppavivajjanasantoso nāma. Yathālābhasantosādayo cīvare vuttanayā eva.
ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิตฺวา สมณธมฺมํ อนุปาเลสฺสามีติ เอวํ อุปการํ ญตฺวา ปริภุญฺชนํ อุปการสโนฺตโส นามฯ
Piṇḍapātaṃ paribhuñjitvā samaṇadhammaṃ anupālessāmīti evaṃ upakāraṃ ñatvā paribhuñjanaṃ upakārasantoso nāma.
ปตฺตํ ปูเรตฺวา อานีตํ น ปฎิคฺคเหตพฺพํ, อนุปสมฺปเนฺน สติ เตน คาหาเปตพฺพํ, อสติ หราเปตฺวา ปฎิคฺคหณมตฺตํ คเหตพฺพํฯ อยํ ปริมาณสโนฺตโส นามฯ
Pattaṃ pūretvā ānītaṃ na paṭiggahetabbaṃ, anupasampanne sati tena gāhāpetabbaṃ, asati harāpetvā paṭiggahaṇamattaṃ gahetabbaṃ. Ayaṃ parimāṇasantoso nāma.
‘‘ชิฆจฺฉาย ปฎิวิโนทนํ อิทเมตฺถ นิสฺสรณ’’นฺติ เอวํ ปริภุญฺชนํ ปริโภคสโนฺตโส นามฯ
‘‘Jighacchāya paṭivinodanaṃ idamettha nissaraṇa’’nti evaṃ paribhuñjanaṃ paribhogasantoso nāma.
นิทหิตฺวา น ปริภุญฺชิตพฺพนฺติ อยํ สนฺนิธิปริวชฺชนสโนฺตโส นามฯ
Nidahitvā na paribhuñjitabbanti ayaṃ sannidhiparivajjanasantoso nāma.
มุขํ อโนโลเกตฺวา สารณียธเมฺม ฐิเตน วิสฺสเชฺชตพฺพํฯ อยํ วิสฺสชฺชนสโนฺตโส นามฯ
Mukhaṃ anoloketvā sāraṇīyadhamme ṭhitena vissajjetabbaṃ. Ayaṃ vissajjanasantoso nāma.
ปิณฺฑปาตปฎิสํยุตฺตานิ ปน ปญฺจ ธุตงฺคานิ – ปิณฺฑปาติกงฺคํ, สปทานจาริกงฺคํ, เอกาสนิกงฺคํ , ปตฺตปิณฺฑิกงฺคํ, ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคนฺติฯ เตสํ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตาฯ อิติ ปิณฺฑปาตสโนฺตสมหาอริยวํสํ ปูรยมาโน ภิกฺขุ อิมานิ ปญฺจ ธุตงฺคานิ โคเปติฯ อิมานิ โคเปโนฺต ปิณฺฑปาตสโนฺตสมหาอริยวํเสน สนฺตุโฎฺฐ โหติฯ ‘‘วณฺณวาที’’ติอาทีนิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ
Piṇḍapātapaṭisaṃyuttāni pana pañca dhutaṅgāni – piṇḍapātikaṅgaṃ, sapadānacārikaṅgaṃ, ekāsanikaṅgaṃ , pattapiṇḍikaṅgaṃ, khalupacchābhattikaṅganti. Tesaṃ vitthārakathā visuddhimagge vuttā. Iti piṇḍapātasantosamahāariyavaṃsaṃ pūrayamāno bhikkhu imāni pañca dhutaṅgāni gopeti. Imāni gopento piṇḍapātasantosamahāariyavaṃsena santuṭṭho hoti. ‘‘Vaṇṇavādī’’tiādīni vuttanayeneva veditabbāni.
เสนาสเนนาติ อิธ เสนาสนํ ชานิตพฺพํ, เสนาสนเกฺขตฺตํ ชานิตพฺพํ, เสนาสนสโนฺตโส ชานิตโพฺพ, เสนาสนปฎิสํยุตฺตํ ธุตงฺคํ ชานิตพฺพํฯ ตตฺถ เสนาสนนฺติ มโญฺจ, ปีฐํ, ภิสิ, พิโมฺพหนํ, วิหาโร, อฑฺฒโยโค, ปาสาโท, หมฺมิยํ, คุหา, เลณํ, อโฎฺฎ, มาโฬ , เวฬุคุโมฺพ, รุกฺขมูลํ, ยตฺถ วา ปน ภิกฺขู ปฎิกฺกมนฺตีติ อิมานิ ปนฺนรส เสนาสนานิฯ
Senāsanenāti idha senāsanaṃ jānitabbaṃ, senāsanakkhettaṃ jānitabbaṃ, senāsanasantoso jānitabbo, senāsanapaṭisaṃyuttaṃ dhutaṅgaṃ jānitabbaṃ. Tattha senāsananti mañco, pīṭhaṃ, bhisi, bimbohanaṃ, vihāro, aḍḍhayogo, pāsādo, hammiyaṃ, guhā, leṇaṃ, aṭṭo, māḷo , veḷugumbo, rukkhamūlaṃ, yattha vā pana bhikkhū paṭikkamantīti imāni pannarasa senāsanāni.
เสนาสนเกฺขตฺตนฺติ ‘‘สงฺฆโต วา คณโต วา ญาติโต วา มิตฺตโต วา อตฺตโน วา ธเนน ปํสุกูลํ วา’’ติ ฉ เขตฺตานิฯ
Senāsanakkhettanti ‘‘saṅghato vā gaṇato vā ñātito vā mittato vā attano vā dhanena paṃsukūlaṃ vā’’ti cha khettāni.
เสนาสนสโนฺตโสติ เสนาสเน วิตกฺกสโนฺตสาทโย ปนฺนรส สโนฺตสาฯ เต ปิณฺฑปาเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ เสนาสนปฎิสํยุตฺตานิ ปน ปญฺจ ธุตงฺคานิ – อารญฺญิกงฺคํ, รุกฺขมูลิกงฺคํ, อโพฺภกาสิกงฺคํ, โสสานิกงฺคํ, ยถาสนฺตติกงฺคนฺติฯ เตสํ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตาฯ อิติ เสนาสนสโนฺตสมหาอริยวํสํ ปูรยมาโน ภิกฺขุ อิมานิ ปญฺจ ธุตงฺคานิ โคเปติฯ อิมานิ โคเปโนฺต เสนาสนสโนฺตสมหาอริยวํเสน สนฺตุโฎฺฐ โหติฯ
Senāsanasantosoti senāsane vitakkasantosādayo pannarasa santosā. Te piṇḍapāte vuttanayeneva veditabbā. Senāsanapaṭisaṃyuttāni pana pañca dhutaṅgāni – āraññikaṅgaṃ, rukkhamūlikaṅgaṃ, abbhokāsikaṅgaṃ, sosānikaṅgaṃ, yathāsantatikaṅganti. Tesaṃ vitthārakathā visuddhimagge vuttā. Iti senāsanasantosamahāariyavaṃsaṃ pūrayamāno bhikkhu imāni pañca dhutaṅgāni gopeti. Imāni gopento senāsanasantosamahāariyavaṃsena santuṭṭho hoti.
คิลานปจฺจโย ปน ปิณฺฑปาเตเยว ปวิโฎฺฐฯ ตตฺถ ยถาลาภยถาพลยถาสารุปฺปสโนฺตเสเนว สนฺตุสฺสิตพฺพํฯ เนสชฺชิกงฺคํ ภาวนารามอริยวํสํ ภชติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Gilānapaccayo pana piṇḍapāteyeva paviṭṭho. Tattha yathālābhayathābalayathāsāruppasantoseneva santussitabbaṃ. Nesajjikaṅgaṃ bhāvanārāmaariyavaṃsaṃ bhajati. Vuttampi cetaṃ –
‘‘ปญฺจ เสนาสเน วุตฺตา, ปญฺจ อาหารนิสฺสิตา;
‘‘Pañca senāsane vuttā, pañca āhāranissitā;
เอโก วีริยสํยุโตฺต, เทฺว จ จีวรนิสฺสิตา’’ติฯ
Eko vīriyasaṃyutto, dve ca cīvaranissitā’’ti.
อิติ อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺตเตฺถโร ปถวิํ ปตฺถรมาโน วิย สาครกุจฺฉิํ ปูรยมาโน วิย อากาสํ วิตฺถารยมาโน วิย จ ปฐมํ จีวรสโนฺตสํ อริยวํสํ กเถตฺวา จนฺทํ อุฎฺฐาเปโนฺต วิย สูริยํ อุลฺลเงฺฆโนฺต วิย จ ทุติยํ ปิณฺฑปาตสโนฺตสํ กเถตฺวา สิเนรุํ อุกฺขิเปโนฺต วิย ตติยํ เสนาสนสโนฺตสํ อริยวํสํ กเถตฺวา อิทานิ สหสฺสนยปฺปฎิมณฺฑิตํ จตุตฺถํ ภาวนารามํ อริยวํสํ กเถตุํ ปุน จปรํ อาวุโส ภิกฺขุ ปหานาราโม โหตีติ เทสนํ อารภิฯ
Iti āyasmā dhammasenāpati sāriputtatthero pathaviṃ pattharamāno viya sāgarakucchiṃ pūrayamāno viya ākāsaṃ vitthārayamāno viya ca paṭhamaṃ cīvarasantosaṃ ariyavaṃsaṃ kathetvā candaṃ uṭṭhāpento viya sūriyaṃ ullaṅghento viya ca dutiyaṃ piṇḍapātasantosaṃ kathetvā sineruṃ ukkhipento viya tatiyaṃ senāsanasantosaṃ ariyavaṃsaṃ kathetvā idāni sahassanayappaṭimaṇḍitaṃ catutthaṃ bhāvanārāmaṃ ariyavaṃsaṃ kathetuṃ puna caparaṃ āvuso bhikkhu pahānārāmo hotīti desanaṃ ārabhi.
ตตฺถ อารมนํ อาราโม, อภิรตีติ อโตฺถฯ ปญฺจวิเธ ปหาเน อาราโม อสฺสาติ ปหานาราโมฯ กามจฺฉนฺทํ ปชหโนฺต รมติ, เนกฺขมฺมํ ภาเวโนฺต รมติ, พฺยาปาทํ ปชหโนฺต รมติ…เป.… สพฺพกิเลเส ปชหโนฺต รมติ, อรหตฺตมคฺคํ ภาเวโนฺต รมตีติ เอวํ ปหาเน รโตติ ปหานรโต ฯ วุตฺตนเยเนว ภาวนาย อาราโม อสฺสาติ ภาวนาราโมฯ ภาวนาย รโตติ ภาวนารโตฯ
Tattha āramanaṃ ārāmo, abhiratīti attho. Pañcavidhe pahāne ārāmo assāti pahānārāmo. Kāmacchandaṃ pajahanto ramati, nekkhammaṃ bhāvento ramati, byāpādaṃ pajahanto ramati…pe… sabbakilese pajahanto ramati, arahattamaggaṃ bhāvento ramatīti evaṃ pahāne ratoti pahānarato. Vuttanayeneva bhāvanāya ārāmo assāti bhāvanārāmo. Bhāvanāya ratoti bhāvanārato.
อิเมสุ ปน จตูสุ อริยวํเสสุ ปุริเมหิ ตีหิ เตรสนฺนํ ธุตงฺคานํ จตุปจฺจยสโนฺตสสฺส จ วเสน สกลํ วินยปิฎกํ กถิตํ โหติฯ ภาวนาราเมน อวเสสํ ปิฎกทฺวยํฯ อิมํ ปน ภาวนารามตํ อริยวํสํ กเถเนฺตน ภิกฺขุนา ปฎิสมฺภิทามเคฺค เนกฺขมฺมปาฬิยา กเถตโพฺพฯ ทีฆนิกาเย ทสุตฺตรสุตฺตนฺตปริยาเยน กเถตโพฺพฯ มชฺฌิมนิกาเย สติปฎฺฐานสุตฺตนฺตปริยาเยน กเถตโพฺพฯ อภิธเมฺม นิเทฺทสปริยาเยน กเถตโพฺพฯ
Imesu pana catūsu ariyavaṃsesu purimehi tīhi terasannaṃ dhutaṅgānaṃ catupaccayasantosassa ca vasena sakalaṃ vinayapiṭakaṃ kathitaṃ hoti. Bhāvanārāmena avasesaṃ piṭakadvayaṃ. Imaṃ pana bhāvanārāmataṃ ariyavaṃsaṃ kathentena bhikkhunā paṭisambhidāmagge nekkhammapāḷiyā kathetabbo. Dīghanikāye dasuttarasuttantapariyāyena kathetabbo. Majjhimanikāye satipaṭṭhānasuttantapariyāyena kathetabbo. Abhidhamme niddesapariyāyena kathetabbo.
ตตฺถ ปฎิสมฺภิทามเคฺค เนกฺขมฺมปาฬิยาติ โส เนกฺขมฺมํ ภาเวโนฺต รมติ, กามจฺฉนฺทํ ปชหโนฺต รมติฯ อพฺยาปาทํ พฺยาปาทํฯ อาโลกสญฺญํ, ถินมิทฺธํฯ อวิเกฺขปํ อุทฺธจฺจํฯ ธมฺมววตฺถานํ, วิจิกิจฺฉํฯ ญาณํ, อวิชฺชํฯ ปาโมชฺชํ, อรติํฯ ปฐมํ ฌานํ, ปญฺจ นีวรเณฯ ทุติยํ ฌานํ, วิตกฺกวิจาเรฯ ตติยํ ฌานํ, ปีติํฯ จตุตฺถํ ฌานํ, สุขทุเกฺขฯ อากาสานญฺจายตนสมาปตฺติํ ภาเวโนฺต รมติ, รูปสญฺญํ ปฎิฆสญฺญํ นานตฺตสญฺญํ ปชหโนฺต รมติฯ วิญฺญาณญฺจายตนสมาปตฺติํ…เป.… เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติํ ภาเวโนฺต รมติ, อากิญฺจญฺญายตนสญฺญํ ปชหโนฺต รมติฯ
Tattha paṭisambhidāmagge nekkhammapāḷiyāti so nekkhammaṃ bhāvento ramati, kāmacchandaṃ pajahanto ramati. Abyāpādaṃ byāpādaṃ. Ālokasaññaṃ, thinamiddhaṃ. Avikkhepaṃ uddhaccaṃ. Dhammavavatthānaṃ, vicikicchaṃ. Ñāṇaṃ, avijjaṃ. Pāmojjaṃ, aratiṃ. Paṭhamaṃ jhānaṃ, pañca nīvaraṇe. Dutiyaṃ jhānaṃ, vitakkavicāre. Tatiyaṃ jhānaṃ, pītiṃ. Catutthaṃ jhānaṃ, sukhadukkhe. Ākāsānañcāyatanasamāpattiṃ bhāvento ramati, rūpasaññaṃ paṭighasaññaṃ nānattasaññaṃ pajahanto ramati. Viññāṇañcāyatanasamāpattiṃ…pe… nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiṃ bhāvento ramati, ākiñcaññāyatanasaññaṃ pajahanto ramati.
อนิจฺจานุปสฺสนํ ภาเวโนฺต รมติ, นิจฺจสญฺญํ ปชหโนฺต รมติฯ ทุกฺขานุปสฺสนํ, สุขสญฺญํฯ อนตฺตานุปสฺสนํ, อตฺตสญฺญํฯ นิพฺพิทานุปสฺสนํ, นนฺทิํฯ วิราคานุปสฺสนํ, ราคํฯ นิโรธานุปสฺสนํ, สมุทยํฯ ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสนํ, อาทานํฯ ขยานุปสฺสนํ, ฆนสญฺญํฯ วยานุปสฺสนํ, อายูหนํฯ วิปริณามานุปสฺสนํ, ธุวสญฺญํฯ อนิมิตฺตานุปสฺสนํ, นิมิตฺตํฯ อปณิหิตานุปสฺสนํ, ปณิธิํฯ สุญฺญตานุปสฺสนํ อภินิเวสํฯ อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนํ, สาราทานาภินิเวสํฯ ยถาภูตญาณทสฺสนํ, สโมฺมหาภินิเวสํฯ อาทีนวานุปสฺสนํ, อาลยาภินิเวสํฯ ปฎิสงฺขานุปสฺสนํ, อปฺปฎิสงฺขํฯ วิวฎฺฎานุปสฺสนํ, สํโยคาภินิเวสํฯ โสตาปตฺติมคฺคํ , ทิเฎฺฐกเฎฺฐ กิเลเสฯ สกทาคามิมคฺคํ, โอฬาริเก กิเลเสฯ อนาคามิมคฺคํ, อณุสหคเต กิเลเสฯ อรหตฺตมคฺคํ ภาเวโนฺต รมติ, สพฺพกิเลเส ปชหโนฺต รมตีติ เอวํ ปฎิสมฺภิทามเคฺค เนกฺขมฺมปาฬิยา กเถตโพฺพฯ
Aniccānupassanaṃ bhāvento ramati, niccasaññaṃ pajahanto ramati. Dukkhānupassanaṃ, sukhasaññaṃ. Anattānupassanaṃ, attasaññaṃ. Nibbidānupassanaṃ, nandiṃ. Virāgānupassanaṃ, rāgaṃ. Nirodhānupassanaṃ, samudayaṃ. Paṭinissaggānupassanaṃ, ādānaṃ. Khayānupassanaṃ, ghanasaññaṃ. Vayānupassanaṃ, āyūhanaṃ. Vipariṇāmānupassanaṃ, dhuvasaññaṃ. Animittānupassanaṃ, nimittaṃ. Apaṇihitānupassanaṃ, paṇidhiṃ. Suññatānupassanaṃ abhinivesaṃ. Adhipaññādhammavipassanaṃ, sārādānābhinivesaṃ. Yathābhūtañāṇadassanaṃ, sammohābhinivesaṃ. Ādīnavānupassanaṃ, ālayābhinivesaṃ. Paṭisaṅkhānupassanaṃ, appaṭisaṅkhaṃ. Vivaṭṭānupassanaṃ, saṃyogābhinivesaṃ. Sotāpattimaggaṃ , diṭṭhekaṭṭhe kilese. Sakadāgāmimaggaṃ, oḷārike kilese. Anāgāmimaggaṃ, aṇusahagate kilese. Arahattamaggaṃ bhāvento ramati, sabbakilese pajahanto ramatīti evaṃ paṭisambhidāmagge nekkhammapāḷiyā kathetabbo.
ทีฆนิกาเย ทสุตฺตรสุตฺตนฺตปริยาเยนาติ เอกํ ธมฺมํ ภาเวโนฺต รมติ, เอกํ ธมฺมํ ปชหโนฺต รมติ…เป.… ทส ธเมฺม ภาเวโนฺต รมติ, ทส ธเมฺม ปชหโนฺต รมติฯ กตมํ เอกํ ธมฺมํ ภาเวโนฺต รมติ? กายคตาสติํ สาตสหคตํฯ อิมํ เอกํ ธมฺมํ ภาเวโนฺต รมติฯ กตมํ เอกํ ธมฺมํ ปชหโนฺต รมติ? อสฺมิมานํฯ อิมํ เอกํ ธมฺมํ ปชหโนฺต รมติฯ กตเม เทฺว ธเมฺม…เป.… กตเม ทส ธเมฺม ภาเวโนฺต รมติ? ทส กสิณายตนานิฯ อิเม ทส ธเมฺม ภาเวโนฺต รมติฯ กตเม ทส ธเมฺม ปชหโนฺต รมติ? ทส มิจฺฉเตฺตฯ อิเม ทส ธเมฺม ปชหโนฺต รมติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภาวนาราโม โหตีติ เอวํ ทีฆนิกาเย ทสุตฺตรสุตฺตนฺตปริยาเยน กเถตโพฺพฯ
Dīghanikāyedasuttarasuttantapariyāyenāti ekaṃ dhammaṃ bhāvento ramati, ekaṃ dhammaṃ pajahanto ramati…pe… dasa dhamme bhāvento ramati, dasa dhamme pajahanto ramati. Katamaṃ ekaṃ dhammaṃ bhāvento ramati? Kāyagatāsatiṃ sātasahagataṃ. Imaṃ ekaṃ dhammaṃ bhāvento ramati. Katamaṃ ekaṃ dhammaṃ pajahanto ramati? Asmimānaṃ. Imaṃ ekaṃ dhammaṃ pajahanto ramati. Katame dve dhamme…pe… katame dasa dhamme bhāvento ramati? Dasa kasiṇāyatanāni. Ime dasa dhamme bhāvento ramati. Katame dasa dhamme pajahanto ramati? Dasa micchatte. Ime dasa dhamme pajahanto ramati. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu bhāvanārāmo hotīti evaṃ dīghanikāye dasuttarasuttantapariyāyena kathetabbo.
มชฺฌิมนิกาเย สติปฎฺฐานสุตฺตนฺตปริยาเยนาติ เอกายโน, ภิกฺขเว, มโคฺค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา, โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย, ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย, ญายสฺส อธิคมาย, นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ จตฺตาโร สติปฎฺฐานาฯ กตเม จตฺตาโร? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ… เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี… จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี… ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี… ‘อตฺถิ ธมฺมา’ติ วา ปนสฺส สติ ปจฺจุปฎฺฐิตา โหติ ยาวเทว ญาณมตฺตาย ปฎิสฺสติมตฺตาย อนิสฺสิโต จ วิหรติ น จ กิญฺจิ โลเก อุปาทิยติฯ เอวมฺปิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภาวนาราโม โหติ ภาวนารโต, ปหานาราโม โหติ ปหานรโตฯ ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คจฺฉโนฺต วา คจฺฉามีติ ปชานาติ…เป.… ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เสยฺยถาปิ ปเสฺสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ…เป.… ปูตีนิ จุณฺณกชาตานิฯ โส อิมเมว กายํ อุปสํหรติ, อยมฺปิ โข กาโย เอวํธโมฺม เอวํภาวี เอวํอนตีโตติฯ อิติ อชฺฌตฺตํ วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ…เป.… เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภาวนาราโม โหตีติ เอวํ มชฺฌิมนิกาเย สติปฎฺฐานสุตฺตนฺตปริยาเยน กเถตโพฺพฯ
Majjhimanikāye satipaṭṭhānasuttantapariyāyenāti ekāyano, bhikkhave, maggo sattānaṃ visuddhiyā, sokaparidevānaṃ samatikkamāya, dukkhadomanassānaṃ atthaṅgamāya, ñāyassa adhigamāya, nibbānassa sacchikiriyāya yadidaṃ cattāro satipaṭṭhānā. Katame cattāro? Idha, bhikkhave, bhikkhu kāye kāyānupassī viharati… vedanāsu vedanānupassī… citte cittānupassī… dhammesu dhammānupassī… ‘atthi dhammā’ti vā panassa sati paccupaṭṭhitā hoti yāvadeva ñāṇamattāya paṭissatimattāya anissito ca viharati na ca kiñci loke upādiyati. Evampi, bhikkhave, bhikkhu bhāvanārāmo hoti bhāvanārato, pahānārāmo hoti pahānarato. Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu gacchanto vā gacchāmīti pajānāti…pe… puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu seyyathāpi passeyya sarīraṃ sivathikāya chaḍḍitaṃ…pe… pūtīni cuṇṇakajātāni. So imameva kāyaṃ upasaṃharati, ayampi kho kāyo evaṃdhammo evaṃbhāvī evaṃanatītoti. Iti ajjhattaṃ vā kāye kāyānupassī viharati…pe… evampi kho, bhikkhave, bhikkhu bhāvanārāmo hotīti evaṃ majjhimanikāye satipaṭṭhānasuttantapariyāyena kathetabbo.
อภิธเมฺม นิเทฺทสปริยาเยนาติ สเพฺพปิ สงฺขเต อนิจฺจโต ทุกฺขโต โรคโต คณฺฑโต…เป.… สํกิเลสิกธมฺมโต ปสฺสโนฺต รมติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภาวนาราโม โหตีติ เอวํ นิเทฺทสปริยาเยน กเถตโพฺพฯ
Abhidhamme niddesapariyāyenāti sabbepi saṅkhate aniccato dukkhato rogato gaṇḍato…pe… saṃkilesikadhammato passanto ramati. Ayaṃ, bhikkhave, bhikkhu bhāvanārāmo hotīti evaṃ niddesapariyāyena kathetabbo.
เนว อตฺตานุกฺกํเสตีติ อชฺช เม สฎฺฐิ วา สตฺตติ วา วสฺสานิ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตสฺส, โก มยา สทิโส อตฺถีติ เอวํ อตฺตุกฺกํสนํ น กโรติฯ น ปรํ วเมฺภตีติ อนิจฺจํ ทุกฺขนฺติ วิปสฺสนามตฺตกมฺปิ นตฺถิ, กิํ อิเม วิสฺสฎฺฐกมฺมฎฺฐานา จรนฺตีติ เอวํ ปรํ วมฺภนํ น กโรติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Nevaattānukkaṃsetīti ajja me saṭṭhi vā sattati vā vassāni aniccaṃ dukkhaṃ anattāti vipassanāya kammaṃ karontassa, ko mayā sadiso atthīti evaṃ attukkaṃsanaṃ na karoti. Na paraṃ vambhetīti aniccaṃ dukkhanti vipassanāmattakampi natthi, kiṃ ime vissaṭṭhakammaṭṭhānā carantīti evaṃ paraṃ vambhanaṃ na karoti. Sesaṃ vuttanayameva.
๓๑๐. ปธานานีติ อุตฺตมวีริยานิฯ สํวรปธานนฺติ จกฺขาทีนิ สํวรนฺตสฺส อุปฺปนฺนวีริยํฯ ปหานปธานนฺติ กามวิตกฺกาทโย ปชหนฺตสฺส อุปฺปนฺนวีริยํฯ ภาวนาปธานนฺติ โพชฺฌเงฺค ภาเวนฺตสฺส อุปฺปนฺนวีริยํฯ อนุรกฺขณาปธานนฺติ สมาธินิมิตฺตํ อนุรกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนวีริยํฯ
310.Padhānānīti uttamavīriyāni. Saṃvarapadhānanti cakkhādīni saṃvarantassa uppannavīriyaṃ. Pahānapadhānanti kāmavitakkādayo pajahantassa uppannavīriyaṃ. Bhāvanāpadhānanti bojjhaṅge bhāventassa uppannavīriyaṃ. Anurakkhaṇāpadhānanti samādhinimittaṃ anurakkhantassa uppannavīriyaṃ.
วิเวกนิสฺสิตนฺติอาทีสุ วิเวโก วิราโค นิโรโธติ ตีณิปิ นิพฺพานสฺส นามานิฯ นิพฺพานญฺหิ อุปธิวิเวกตฺตา วิเวโกฯ ตํ อาคมฺม ราคาทโย วิรชฺชนฺตีติ วิราโคฯ นิรุชฺฌนฺตีติ นิโรโธฯ ตสฺมา ‘‘วิเวกนิสฺสิต’’นฺติอาทีสุ อารมฺมณวเสน อธิคนฺตพฺพวเสน วา นิพฺพานนิสฺสิตนฺติ อโตฺถฯ โวสฺสคฺคปริณามินฺติ เอตฺถ เทฺว โวสฺสคฺคา ปริจฺจาคโวสฺสโคฺค จ ปกฺขนฺทนโวสฺสโคฺค จฯ ตตฺถ วิปสฺสนา ตทงฺควเสน กิเลเส จ ขเนฺธ จ ปริจฺจชตีติ ปริจฺจาคโวสฺสโคฺคฯ มโคฺค อารมฺมณวเสน นิพฺพานํ ปกฺขนฺทตีติ ปกฺขนฺทนโวสฺสโคฺคฯ ตสฺมา โวสฺสคฺคปริณามินฺติ ยถา ภาวิยมาโน สติสโมฺพชฺฌโงฺค โวสฺสคฺคตฺถาย ปริณมติ, วิปสฺสนาภาวญฺจ มคฺคภาวญฺจ ปาปุณาติ, เอวํ ภาเวตีติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ
Vivekanissitantiādīsu viveko virāgo nirodhoti tīṇipi nibbānassa nāmāni. Nibbānañhi upadhivivekattā viveko. Taṃ āgamma rāgādayo virajjantīti virāgo. Nirujjhantīti nirodho. Tasmā ‘‘vivekanissita’’ntiādīsu ārammaṇavasena adhigantabbavasena vā nibbānanissitanti attho. Vossaggapariṇāminti ettha dve vossaggā pariccāgavossaggo ca pakkhandanavossaggo ca. Tattha vipassanā tadaṅgavasena kilese ca khandhe ca pariccajatīti pariccāgavossaggo. Maggo ārammaṇavasena nibbānaṃ pakkhandatīti pakkhandanavossaggo. Tasmā vossaggapariṇāminti yathā bhāviyamāno satisambojjhaṅgo vossaggatthāya pariṇamati, vipassanābhāvañca maggabhāvañca pāpuṇāti, evaṃ bhāvetīti ayamettha attho. Sesapadesupi eseva nayo.
ภทฺรกนฺติ ภทฺทกํฯ สมาธินิมิตฺตํ วุจฺจติ อฎฺฐิกสญฺญาทิวเสน อธิคโต สมาธิเยวฯ อนุรกฺขตีติ สมาธิปริพนฺธกธเมฺม ราคโทสโมเห โสเธโนฺต รกฺขติฯ เอตฺถ จ อฎฺฐิกสญฺญาทิกา ปเญฺจว สญฺญา วุตฺตาฯ อิมสฺมิํ ปน ฐาเน ทสปิ อสุภานิ วิตฺถาเรตฺวา กเถตพฺพานิฯ เตสํ วิตฺถาโร วิสุทฺธิมเคฺค วุโตฺตเยวฯ
Bhadrakanti bhaddakaṃ. Samādhinimittaṃ vuccati aṭṭhikasaññādivasena adhigato samādhiyeva. Anurakkhatīti samādhiparibandhakadhamme rāgadosamohe sodhento rakkhati. Ettha ca aṭṭhikasaññādikā pañceva saññā vuttā. Imasmiṃ pana ṭhāne dasapi asubhāni vitthāretvā kathetabbāni. Tesaṃ vitthāro visuddhimagge vuttoyeva.
ธเมฺม ญาณนฺติ เอกปฎิเวธวเสน จตุสจฺจธเมฺม ญาณํ จตุสจฺจพฺภนฺตเร นิโรธสเจฺจ ธเมฺม ญาณญฺจ ฯ ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตมํ ธเมฺม ญาณํ? จตูสุ มเคฺคสุ จตูสุ ผเลสุ ญาณ’’นฺติ (วิภ. ๗๙๖)ฯ อนฺวเย ญาณนฺติ จตฺตาริ สจฺจานิ ปจฺจกฺขโต ทิสฺวา ยถา อิทานิ, เอวํ อตีเตปิ อนาคเตปิ อิเมว ปญฺจกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจํ, อยเมว ตณฺหา สมุทยสจฺจํ, อยเมว นิโรโธ นิโรธสจฺจํ, อยเมว มโคฺค มคฺคสจฺจนฺติ เอวํ ตสฺส ญาณสฺส อนุคติยํ ญาณํฯ เตนาห – ‘‘โส อิมินา ธเมฺมน ญาเตน ทิเฎฺฐน ปเตฺตน วิทิเตน ปริโยคาเฬฺหน อตีตานาคเตน นยํ เนตี’’ติฯ ปริเย ญาณนฺติ ปเรสํ จิตฺตปริเจฺฉเท ญาณํฯ ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตมํ ปริเย ญาณํ? อิธ ภิกฺขุ ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ชานาตี’’ติ (วิภ. ๗๙๖) วิตฺถาเรตพฺพํฯ ฐเปตฺวา ปน อิมานิ ตีณิ ญาณานิ อวเสสํ สมฺมุติญาณํ นามฯ ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตมํ สมฺมุติญาณํ? ฐเปตฺวา ธเมฺม ญาณํ ฐเปตฺวา อนฺวเย ญาณํ ฐเปตฺวา ปริเจฺฉเท ญาณํ อวเสสํ สมฺมุติญาณ’’นฺติ (วิภ. ๗๙๖)ฯ
Dhamme ñāṇanti ekapaṭivedhavasena catusaccadhamme ñāṇaṃ catusaccabbhantare nirodhasacce dhamme ñāṇañca . Yathāha – ‘‘tattha katamaṃ dhamme ñāṇaṃ? Catūsu maggesu catūsu phalesu ñāṇa’’nti (vibha. 796). Anvaye ñāṇanti cattāri saccāni paccakkhato disvā yathā idāni, evaṃ atītepi anāgatepi imeva pañcakkhandhā dukkhasaccaṃ, ayameva taṇhā samudayasaccaṃ, ayameva nirodho nirodhasaccaṃ, ayameva maggo maggasaccanti evaṃ tassa ñāṇassa anugatiyaṃ ñāṇaṃ. Tenāha – ‘‘so iminā dhammena ñātena diṭṭhena pattena viditena pariyogāḷhena atītānāgatena nayaṃ netī’’ti. Pariye ñāṇanti paresaṃ cittaparicchede ñāṇaṃ. Yathāha – ‘‘tattha katamaṃ pariye ñāṇaṃ? Idha bhikkhu parasattānaṃ parapuggalānaṃ cetasā ceto paricca jānātī’’ti (vibha. 796) vitthāretabbaṃ. Ṭhapetvā pana imāni tīṇi ñāṇāni avasesaṃ sammutiñāṇaṃ nāma. Yathāha – ‘‘tattha katamaṃ sammutiñāṇaṃ? Ṭhapetvā dhamme ñāṇaṃ ṭhapetvā anvaye ñāṇaṃ ṭhapetvā paricchede ñāṇaṃ avasesaṃ sammutiñāṇa’’nti (vibha. 796).
ทุเกฺข ญาณาทีหิ อรหตฺตํ ปาเปตฺวา เอกสฺส ภิกฺขุโน นิคฺคมนํ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานํ กถิตํฯ ตตฺถ เทฺว สจฺจานิ วฎฺฎํ, เทฺว วิวฎฺฎํ, วเฎฺฎ อภินิเวโส โหติ, โน วิวเฎฺฎฯ ทฺวีสุ สเจฺจสุ อาจริยสนฺติเก ปริยตฺติํ อุคฺคเหตฺวา กมฺมํ กโรติ, ทฺวีสุ สเจฺจสุ ‘‘นิโรธสจฺจํ นาม อิฎฺฐํ กนฺตํ มนาปํ, มคฺคสจฺจํ นาม อิฎฺฐํ กนฺตํ มนาป’’นฺติ สวนวเสน กมฺมํ กโรติฯ ทฺวีสุ สเจฺจสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาสวนธารณสมฺมสนปฎิเวโธ วฎฺฎติ, ทฺวีสุ สวนปฎิเวโธ วฎฺฎติฯ ตีณิ กิจฺจวเสน ปฎิวิชฺฌติ, เอกํ อารมฺมณวเสนฯ เทฺว สจฺจานิ ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรานิ, เทฺว คมฺภีรตฺตา ทุทฺทสานิฯ
Dukkhe ñāṇādīhi arahattaṃ pāpetvā ekassa bhikkhuno niggamanaṃ catusaccakammaṭṭhānaṃ kathitaṃ. Tattha dve saccāni vaṭṭaṃ, dve vivaṭṭaṃ, vaṭṭe abhiniveso hoti, no vivaṭṭe. Dvīsu saccesu ācariyasantike pariyattiṃ uggahetvā kammaṃ karoti, dvīsu saccesu ‘‘nirodhasaccaṃ nāma iṭṭhaṃ kantaṃ manāpaṃ, maggasaccaṃ nāma iṭṭhaṃ kantaṃ manāpa’’nti savanavasena kammaṃ karoti. Dvīsu saccesu uggahaparipucchāsavanadhāraṇasammasanapaṭivedho vaṭṭati, dvīsu savanapaṭivedho vaṭṭati. Tīṇi kiccavasena paṭivijjhati, ekaṃ ārammaṇavasena. Dve saccāni duddasattā gambhīrāni, dve gambhīrattā duddasāni.
โสตาปตฺติยงฺคาทิจตุกฺกวณฺณนา
Sotāpattiyaṅgādicatukkavaṇṇanā
๓๑๑. โสตาปตฺติยงฺคานีติ โสตาปตฺติยา องฺคานิ, โสตาปตฺติมคฺคสฺส ปฎิลาภการณานีติ อโตฺถฯ สปฺปุริสสํเสโวติ พุทฺธาทีนํ สปฺปุริสานํ อุปสงฺกมิตฺวา เสวนํฯ สทฺธมฺมสฺสวนนฺติ สปฺปายสฺส เตปิฎกธมฺมสฺส สวนํฯ โยนิโสมนสิกาโรติ อนิจฺจาทิวเสน มนสิกาโรฯ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปตฺตีติ โลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุธมฺมภูตาย ปุพฺพภาคปฎิปตฺติยา ปฎิปชฺชนํฯ
311.Sotāpattiyaṅgānīti sotāpattiyā aṅgāni, sotāpattimaggassa paṭilābhakāraṇānīti attho. Sappurisasaṃsevoti buddhādīnaṃ sappurisānaṃ upasaṅkamitvā sevanaṃ. Saddhammassavananti sappāyassa tepiṭakadhammassa savanaṃ. Yonisomanasikāroti aniccādivasena manasikāro. Dhammānudhammappaṭipattīti lokuttaradhammassa anudhammabhūtāya pubbabhāgapaṭipattiyā paṭipajjanaṃ.
อเวจฺจปฺปสาเทนาติ อจลปฺปสาเทนฯ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทีนิ วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถาริตานิฯ ผลธาตุอาหารจตุกฺกานิ อุตฺตานตฺถาเนวฯ อปิเจตฺถ ลูขปณีตวตฺถุวเสน โอฬาริกสุขุมตา เวทิตพฺพาฯ
Aveccappasādenāti acalappasādena. ‘‘Itipi so bhagavā’’tiādīni visuddhimagge vitthāritāni. Phaladhātuāhāracatukkāni uttānatthāneva. Apicettha lūkhapaṇītavatthuvasena oḷārikasukhumatā veditabbā.
วิญฺญาณฎฺฐิติโยติ วิญฺญาณํ เอตาสุ ติฎฺฐตีติ วิญฺญาณฎฺฐิติโยฯ อารมฺมณฎฺฐิติวเสเนตํ วุตฺตํฯ รูปูปายนฺติ รูปํ อุปคตํ หุตฺวาฯ ปญฺจโวการภวสฺมิญฺหิ อภิสงฺขารวิญฺญาณํ รูปกฺขนฺธํ นิสฺสาย ติฎฺฐติฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ รูปารมฺมณนฺติ รูปกฺขนฺธโคจรํ รูปปติฎฺฐิตํ หุตฺวาฯ นนฺทูปเสจนนฺติ โลภสหคตํ สมฺปยุตฺตนนฺทิยาว อุปสิตฺตํ หุตฺวาฯ อิตรํ อุปนิสฺสยโกฎิยาฯ วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชตีติ สฎฺฐิปิ สตฺตติปิ วสฺสานิ เอวํ ปวตฺตมานํ วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชติฯ เวทนูปายาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อิเมหิ ปน ตีหิ ปเทหิ จตุโวการภเว อภิสงฺขารวิญฺญาณํ วุตฺตํฯ ตสฺส ยาวตายุกํ ปวตฺตนวเสน วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชนา เวทิตพฺพาฯ จตุกฺกวเสน ปน เทสนาย อาคตตฺตา วิญฺญาณูปายนฺติ น วุตฺตํฯ เอวํ วุจฺจมาเน จ ‘‘กตมํ นุ โข เอตฺถ กมฺมวิญฺญาณํ, กตมํ วิปากวิญฺญาณ’’นฺติ สโมฺมโห ภเวยฺย, ตสฺมาปิ น วุตฺตํฯ อคติคมนานิ วิตฺถาริตาเนวฯ
Viññāṇaṭṭhitiyoti viññāṇaṃ etāsu tiṭṭhatīti viññāṇaṭṭhitiyo. Ārammaṇaṭṭhitivasenetaṃ vuttaṃ. Rūpūpāyanti rūpaṃ upagataṃ hutvā. Pañcavokārabhavasmiñhi abhisaṅkhāraviññāṇaṃ rūpakkhandhaṃ nissāya tiṭṭhati. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Rūpārammaṇanti rūpakkhandhagocaraṃ rūpapatiṭṭhitaṃ hutvā. Nandūpasecananti lobhasahagataṃ sampayuttanandiyāva upasittaṃ hutvā. Itaraṃ upanissayakoṭiyā. Vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjatīti saṭṭhipi sattatipi vassāni evaṃ pavattamānaṃ vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjati. Vedanūpāyādīsupi eseva nayo. Imehi pana tīhi padehi catuvokārabhave abhisaṅkhāraviññāṇaṃ vuttaṃ. Tassa yāvatāyukaṃ pavattanavasena vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjanā veditabbā. Catukkavasena pana desanāya āgatattā viññāṇūpāyanti na vuttaṃ. Evaṃ vuccamāne ca ‘‘katamaṃ nu kho ettha kammaviññāṇaṃ, katamaṃ vipākaviññāṇa’’nti sammoho bhaveyya, tasmāpi na vuttaṃ. Agatigamanāni vitthāritāneva.
จีวรเหตูติ ตตฺถ มนาปํ จีวรํ ลภิสฺสามีติ จีวรการณา อุปฺปชฺชติฯ อิติ ภวาภวเหตูติ เอตฺถ อิตีติ นิทสฺสนเตฺถ นิปาโตฯ ยถา จีวราทิเหตุ, เอวํ ภวาภวเหตูปีติ อโตฺถฯ ภวาภโวติ เจตฺถ ปณีตปณีตตรานิ เตลมธุผาณิตาทีนิ อธิเปฺปตานิฯ อิเมสํ ปน จตุนฺนํ ตณฺหุปฺปาทานํ ปหานตฺถาย ปฎิปาฎิยาว จตฺตาโร อริยวํสา เทสิตาติ เวทิตพฺพาฯ ปฎิปทาจตุกฺกํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ อกฺขมาทีสุ ปธานกรณกาเล สีตาทีนิ น ขมตีติ อกฺขมาฯ ขมตีติ ขมาฯ อินฺทฺริยทมนํ ทมาฯ ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินา นเยน วิตกฺกสมนํ สมาฯ
Cīvarahetūti tattha manāpaṃ cīvaraṃ labhissāmīti cīvarakāraṇā uppajjati. Iti bhavābhavahetūti ettha itīti nidassanatthe nipāto. Yathā cīvarādihetu, evaṃ bhavābhavahetūpīti attho. Bhavābhavoti cettha paṇītapaṇītatarāni telamadhuphāṇitādīni adhippetāni. Imesaṃ pana catunnaṃ taṇhuppādānaṃ pahānatthāya paṭipāṭiyāva cattāro ariyavaṃsā desitāti veditabbā. Paṭipadācatukkaṃ heṭṭhā vuttameva. Akkhamādīsu padhānakaraṇakāle sītādīni na khamatīti akkhamā. Khamatīti khamā. Indriyadamanaṃ damā. ‘‘Uppannaṃ kāmavitakkaṃ nādhivāsetī’’tiādinā nayena vitakkasamanaṃ samā.
ธมฺมปทานีติ ธมฺมโกฎฺฐาสานิฯ อนภิชฺฌา ธมฺมปทํ นาม อโลโภ วา อโลภสีเสน อธิคตชฺฌานวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพานานิ วาฯ อพฺยาปาโท ธมฺมปทํ นาม อโกโป วา เมตฺตาสีเสน อธิคตชฺฌานาทีนิ วาฯ สมฺมาสติ ธมฺมปทํ นาม สุปฺปฎฺฐิตสติ วา สติสีเสน อธิคตชฺฌานาทีนิ วาฯ สมฺมาสมาธิ ธมฺมปทํ นาม สมาปตฺติ วา อฎฺฐสมาปตฺติวเสน อธิคตชฺฌานวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพานานิ วาฯ ทสาสุภวเสน วา อธิคตชฺฌานาทีนิ อนภิชฺฌา ธมฺมปทํฯ จตุพฺรหฺมวิหารวเสน อธิคตานิ อพฺยาปาโท ธมฺมปทํฯ ทสานุสฺสติอาหาเรปฎิกูลสญฺญาวเสน อธิคตานิ สมฺมาสติ ธมฺมปทํฯ ทสกสิณอานาปานวเสน อธิคตานิ สมฺมาสมาธิ ธมฺมปทนฺติฯ
Dhammapadānīti dhammakoṭṭhāsāni. Anabhijjhā dhammapadaṃ nāma alobho vā alobhasīsena adhigatajjhānavipassanāmaggaphalanibbānāni vā. Abyāpādo dhammapadaṃ nāma akopo vā mettāsīsena adhigatajjhānādīni vā. Sammāsati dhammapadaṃ nāma suppaṭṭhitasati vā satisīsena adhigatajjhānādīni vā. Sammāsamādhi dhammapadaṃ nāma samāpatti vā aṭṭhasamāpattivasena adhigatajjhānavipassanāmaggaphalanibbānāni vā. Dasāsubhavasena vā adhigatajjhānādīni anabhijjhā dhammapadaṃ. Catubrahmavihāravasena adhigatāni abyāpādo dhammapadaṃ. Dasānussatiāhārepaṭikūlasaññāvasena adhigatāni sammāsati dhammapadaṃ. Dasakasiṇaānāpānavasena adhigatāni sammāsamādhi dhammapadanti.
ธมฺมสมาทาเนสุ ปฐมํ อเจลกปฎิปทาฯ ทุติยํ ติพฺพกิเลสสฺส อรหตฺตํ คเหตุํ อสโกฺกนฺตสฺส อสฺสุมุขสฺสาปิ รุทโต ปริสุทฺธพฺรหฺมจริยจรณํฯ ตติยํ กาเมสุ ปาตพฺยตาฯ จตุตฺถํ จตฺตาโร ปจฺจเย อลภมานสฺสาปิ ฌานวิปสฺสนาวเสน สุขสมงฺคิโน สาสนพฺรหฺมจริยํฯ
Dhammasamādānesu paṭhamaṃ acelakapaṭipadā. Dutiyaṃ tibbakilesassa arahattaṃ gahetuṃ asakkontassa assumukhassāpi rudato parisuddhabrahmacariyacaraṇaṃ. Tatiyaṃ kāmesu pātabyatā. Catutthaṃ cattāro paccaye alabhamānassāpi jhānavipassanāvasena sukhasamaṅgino sāsanabrahmacariyaṃ.
ธมฺมกฺขนฺธาติ เอตฺถ คุณโฎฺฐ ขนฺธโฎฺฐฯ สีลกฺขโนฺธติ สีลคุโณฯ เอตฺถ จ ผลสีลํ อธิเปฺปตํฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ อิติ จตูสุปิ ฐาเนสุ ผลเมว วุตฺตํฯ
Dhammakkhandhāti ettha guṇaṭṭho khandhaṭṭho. Sīlakkhandhoti sīlaguṇo. Ettha ca phalasīlaṃ adhippetaṃ. Sesapadesupi eseva nayo. Iti catūsupi ṭhānesu phalameva vuttaṃ.
พลานีติ อุปตฺถมฺภนเฎฺฐน อกมฺปิยเฎฺฐน จ พลานิฯ เตสํ ปฎิปเกฺขหิ โกสชฺชาทีหิ อกมฺปนิยตา เวทิตพฺพาฯ สพฺพานิปิ สมถวิปสฺสนามคฺควเสน โลกิยโลกุตฺตราเนว กถิตานิฯ
Balānīti upatthambhanaṭṭhena akampiyaṭṭhena ca balāni. Tesaṃ paṭipakkhehi kosajjādīhi akampaniyatā veditabbā. Sabbānipi samathavipassanāmaggavasena lokiyalokuttarāneva kathitāni.
อธิฎฺฐานานีติ เอตฺถ อธีติ อุปสคฺคมตฺตํฯ อตฺถโต ปน เตน วา ติฎฺฐนฺติ, ตตฺถ วา ติฎฺฐนฺติ, ฐานเมว วา ตํตํคุณาธิกานํ ปุริสานํ อธิฎฺฐานํ, ปญฺญาว อธิฎฺฐานํ ปญฺญาธิฎฺฐานํฯ เอตฺถ จ ปฐเมน อคฺคผลปญฺญาฯ ทุติเยน วจีสจฺจํฯ ตติเยน อามิสปริจฺจาโคฯ จตุเตฺถน กิเลสูปสโม กถิโตติ เวทิตโพฺพฯ ปฐเมน จ กมฺมสฺสกตปญฺญํ วิปสฺสนาปญฺญํ วา อาทิํ กตฺวา ผลปญฺญา กถิตาฯ ทุติเยน วจีสจฺจํ อาทิํ กตฺวา ปรมตฺถสจฺจํ นิพฺพานํฯ ตติเยน อามิสปริจฺจาคํ อาทิํ กตฺวา อคฺคมเคฺคน กิเลสปริจฺจาโคฯ จตุเตฺถน สมาปตฺติวิกฺขมฺภิเต กิเลเส อาทิํ กตฺวา อคฺคมเคฺคน กิเลสวูปสโมฯ ปญฺญาธิฎฺฐาเนน วา เอเกน อรหตฺตผลปญฺญา กถิตาฯ เสเสหิ ปรมตฺถสจฺจํฯ สจฺจาธิฎฺฐาเนน วา เอเกน ปรมตฺถสจฺจํ กถิตํฯ เสเสหิ อรหตฺตปญฺญาติ มูสิกาภยเตฺถโร อาหฯ
Adhiṭṭhānānīti ettha adhīti upasaggamattaṃ. Atthato pana tena vā tiṭṭhanti, tattha vā tiṭṭhanti, ṭhānameva vā taṃtaṃguṇādhikānaṃ purisānaṃ adhiṭṭhānaṃ, paññāva adhiṭṭhānaṃ paññādhiṭṭhānaṃ. Ettha ca paṭhamena aggaphalapaññā. Dutiyena vacīsaccaṃ. Tatiyena āmisapariccāgo. Catutthena kilesūpasamo kathitoti veditabbo. Paṭhamena ca kammassakatapaññaṃ vipassanāpaññaṃ vā ādiṃ katvā phalapaññā kathitā. Dutiyena vacīsaccaṃ ādiṃ katvā paramatthasaccaṃ nibbānaṃ. Tatiyena āmisapariccāgaṃ ādiṃ katvā aggamaggena kilesapariccāgo. Catutthena samāpattivikkhambhite kilese ādiṃ katvā aggamaggena kilesavūpasamo. Paññādhiṭṭhānena vā ekena arahattaphalapaññā kathitā. Sesehi paramatthasaccaṃ. Saccādhiṭṭhānena vā ekena paramatthasaccaṃ kathitaṃ. Sesehi arahattapaññāti mūsikābhayatthero āha.
ปญฺหพฺยากรณาทิจตุกฺกวณฺณนา
Pañhabyākaraṇādicatukkavaṇṇanā
๓๑๒. ปญฺหพฺยากรณานิ มหาปเทสกถาย วิตฺถาริตาเนวฯ
312.Pañhabyākaraṇāni mahāpadesakathāya vitthāritāneva.
กณฺหนฺติ กาฬกํ ทสอกุสลกมฺมปถกมฺมํฯ กณฺหวิปากนฺติ อปาเย นิพฺพตฺตนโต กาฬกวิปากํฯ สุกฺกนฺติ ปณฺฑรํ กุสลกมฺมปถกมฺมํฯ สุกฺกวิปากนฺติ สเคฺค นิพฺพตฺตนโต ปณฺฑรวิปากํฯ กณฺหสุกฺกนฺติ มิสฺสกกมฺมํฯ กณฺหสุกฺกวิปากนฺติ สุขทุกฺขวิปากํฯ มิสฺสกกมฺมญฺหิ กตฺวา อกุสเลน ติรจฺฉานโยนิยํ มงฺคลหตฺถิฎฺฐานาทีสุ อุปฺปโนฺน กุสเลน ปวเตฺต สุขํ เวทยติฯ กุสเลน ราชกุเลปิ นิพฺพโตฺต อกุสเลน ปวเตฺต ทุกฺขํ เวทยติฯ อกณฺหอสุกฺกนฺติ กมฺมกฺขยกรํ จตุมคฺคญาณํ อธิเปฺปตํฯ ตญฺหิ ยทิ กณฺหํ ภเวยฺย, กณฺหวิปากํ ทเทยฺยฯ ยทิ สุกฺกํ ภเวยฺย, สุกฺกวิปากํ ทเทยฺยฯ อุภยวิปากสฺส ปน อทานโต อกณฺหาสุกฺกวิปากตฺตา อกณฺหํ อสุกฺกนฺติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ
Kaṇhanti kāḷakaṃ dasaakusalakammapathakammaṃ. Kaṇhavipākanti apāye nibbattanato kāḷakavipākaṃ. Sukkanti paṇḍaraṃ kusalakammapathakammaṃ. Sukkavipākanti sagge nibbattanato paṇḍaravipākaṃ. Kaṇhasukkanti missakakammaṃ. Kaṇhasukkavipākanti sukhadukkhavipākaṃ. Missakakammañhi katvā akusalena tiracchānayoniyaṃ maṅgalahatthiṭṭhānādīsu uppanno kusalena pavatte sukhaṃ vedayati. Kusalena rājakulepi nibbatto akusalena pavatte dukkhaṃ vedayati. Akaṇhaasukkanti kammakkhayakaraṃ catumaggañāṇaṃ adhippetaṃ. Tañhi yadi kaṇhaṃ bhaveyya, kaṇhavipākaṃ dadeyya. Yadi sukkaṃ bhaveyya, sukkavipākaṃ dadeyya. Ubhayavipākassa pana adānato akaṇhāsukkavipākattā akaṇhaṃ asukkanti ayamettha attho.
สจฺฉิกรณียาติ ปจฺจกฺขกรเณน เจว ปฎิลาเภน จ สจฺฉิกาตพฺพาฯ จกฺขุนาติ ทิพฺพจกฺขุนาฯ กาเยนาติ สหชาตนามกาเยนฯ ปญฺญายาติ อรหตฺตผลญาเณนฯ
Sacchikaraṇīyāti paccakkhakaraṇena ceva paṭilābhena ca sacchikātabbā. Cakkhunāti dibbacakkhunā. Kāyenāti sahajātanāmakāyena. Paññāyāti arahattaphalañāṇena.
โอฆาติ วฎฺฎสฺมิํ สเตฺต โอหนนฺติ โอสีทาเปนฺตีติ โอฆาฯ ตตฺถ ปญฺจกามคุณิโก ราโค กาโมโฆฯ รูปารูปภเวสุ ฉนฺทราโค ภโวโฆฯ ตถา ฌานนิกนฺติ สสฺสตทิฎฺฐิสหคโต จ ราโคฯ ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิโย ทิโฎฺฐโฆฯ
Oghāti vaṭṭasmiṃ satte ohananti osīdāpentīti oghā. Tattha pañcakāmaguṇiko rāgo kāmogho. Rūpārūpabhavesu chandarāgo bhavogho. Tathā jhānanikanti sassatadiṭṭhisahagato ca rāgo. Dvāsaṭṭhi diṭṭhiyo diṭṭhogho.
วฎฺฎสฺมิํ โยเชนฺตีติ โยคาฯ เต โอฆา วิย เวทิตพฺพาฯ
Vaṭṭasmiṃ yojentīti yogā. Te oghā viya veditabbā.
วิสํโยเชนฺตีติ วิสโญฺญคาฯ ตตฺถ อสุภชฺฌานํ กามโยควิสํโยโคฯ ตํ ปาทกํ กตฺวา อธิคโต อนาคามิมโคฺค เอกเนฺตเนว กามโยควิสโญฺญโค นามฯ อรหตฺตมโคฺค ภวโยควิสโญฺญโค นามฯ โสตาปตฺติมโคฺค ทิฎฺฐิโยควิสโญฺญโค นามฯ อรหตฺตมโคฺค อวิชฺชาโยควิสโญฺญโค นามฯ
Visaṃyojentīti visaññogā. Tattha asubhajjhānaṃ kāmayogavisaṃyogo. Taṃ pādakaṃ katvā adhigato anāgāmimaggo ekanteneva kāmayogavisaññogo nāma. Arahattamaggo bhavayogavisaññogo nāma. Sotāpattimaggo diṭṭhiyogavisaññogo nāma. Arahattamaggo avijjāyogavisaññogo nāma.
คนฺถนวเสน คนฺถาฯ วฎฺฎสฺมิํ นามกายเญฺจว รูปกายญฺจ คนฺถติ พนฺธติ ปลิพุนฺธตีติ กายคโนฺถฯ อิทํสจฺจาภินิเวโสติ อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญนฺติ เอวํ ปวโตฺต ทิฎฺฐาภินิเวโสฯ
Ganthanavasena ganthā. Vaṭṭasmiṃ nāmakāyañceva rūpakāyañca ganthati bandhati palibundhatīti kāyagantho.Idaṃsaccābhinivesoti idameva saccaṃ, moghamaññanti evaṃ pavatto diṭṭhābhiniveso.
อุปาทานานีติ อาทานคฺคหณานิฯ กาโมติ ราโค, โสเยว คหณเฎฺฐน อุปาทานนฺติ กามุปาทานํฯ ทิฎฺฐีติ มิจฺฉาทิฎฺฐิ, สาปิ คหณเฎฺฐน อุปาทานนฺติ ทิฎฺฐุปาทานํฯ อิมินา สุทฺธีติ เอวํ สีลวตานํ คหณํ สีลพฺพตุปาทานํฯ อตฺตาติ เอเตน วทติ เจว อุปาทิยติ จาติ อตฺตวาทุปาทานํฯ
Upādānānīti ādānaggahaṇāni. Kāmoti rāgo, soyeva gahaṇaṭṭhena upādānanti kāmupādānaṃ. Diṭṭhīti micchādiṭṭhi, sāpi gahaṇaṭṭhena upādānanti diṭṭhupādānaṃ. Iminā suddhīti evaṃ sīlavatānaṃ gahaṇaṃ sīlabbatupādānaṃ. Attāti etena vadati ceva upādiyati cāti attavādupādānaṃ.
โยนิโยติ โกฎฺฐาสาฯ อเณฺฑ ชาตาติ อณฺฑชาฯ ชลาพุมฺหิ ชาตาติ ชลาพุชาฯ สํเสเท ชาตาติ สํเสทชาฯ สยนสฺมิํ ปูติมจฺฉาทีสุ จ นิพฺพตฺตานเมตํ อธิวจนํฯ เวเคน อาคนฺตฺวา อุปปติตา วิยาติ โอปปาติกาฯ ตตฺถ เทวมนุเสฺสสุ สํเสทชโอปปาติกานํ อยํ วิเสโสฯ สํเสทชา มนฺทา ทหรา หุตฺวา นิพฺพตฺตนฺติฯ โอปปาติกา โสฬสวสฺสุเทฺทสิกา หุตฺวาฯ มนุเสฺสสุ หิ ภุมฺมเทเวสุ จ อิมา จตโสฺสปิ โยนิโย ลพฺภนฺติฯ ตถา ติรจฺฉาเนสุ สุปณฺณนาคาทีสุฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘ตตฺถ, ภิกฺขเว, อณฺฑชา สุปณฺณา อณฺฑเชว นาเค หรนฺติ, น ชลาพุเช น สํเสทเช น โอปปาติเก’’ติ (สํ. นิ. ๓.๓๙๓)ฯ จาตุมหาราชิกโต ปฎฺฐาย อุปริเทวา โอปปาติกาเยว ฯ ตถา เนรยิกาฯ เปเตสุ จตโสฺสปิ ลพฺภนฺติฯ คพฺภาวกฺกนฺติโย สมฺปสาทนีเย กถิตา เอวฯ
Yoniyoti koṭṭhāsā. Aṇḍe jātāti aṇḍajā. Jalābumhi jātāti jalābujā. Saṃsede jātāti saṃsedajā. Sayanasmiṃ pūtimacchādīsu ca nibbattānametaṃ adhivacanaṃ. Vegena āgantvā upapatitā viyāti opapātikā. Tattha devamanussesu saṃsedajaopapātikānaṃ ayaṃ viseso. Saṃsedajā mandā daharā hutvā nibbattanti. Opapātikā soḷasavassuddesikā hutvā. Manussesu hi bhummadevesu ca imā catassopi yoniyo labbhanti. Tathā tiracchānesu supaṇṇanāgādīsu. Vuttañhetaṃ – ‘‘tattha, bhikkhave, aṇḍajā supaṇṇā aṇḍajeva nāge haranti, na jalābuje na saṃsedaje na opapātike’’ti (saṃ. ni. 3.393). Cātumahārājikato paṭṭhāya uparidevā opapātikāyeva . Tathā nerayikā. Petesu catassopi labbhanti. Gabbhāvakkantiyo sampasādanīye kathitā eva.
อตฺตภาวปฎิลาเภสุ ปฐโม ขิฑฺฑาปโทสิกวเสน เวทิตโพฺพฯ ทุติโย โอรพฺภิกาทีหิ ฆาติยมานอุรพฺภาทิวเสนฯ ตติโย มโนปโทสิกาวเสนฯ จตุโตฺถ จาตุมหาราชิเก อุปาทาย อุปริเสสเทวตาวเสนฯ เต หิ เทวา เนว อตฺตสเญฺจตนาย มรนฺติ, น ปรสเญฺจตนายฯ
Attabhāvapaṭilābhesu paṭhamo khiḍḍāpadosikavasena veditabbo. Dutiyo orabbhikādīhi ghātiyamānaurabbhādivasena. Tatiyo manopadosikāvasena. Catuttho cātumahārājike upādāya uparisesadevatāvasena. Te hi devā neva attasañcetanāya maranti, na parasañcetanāya.
ทกฺขิณาวิสุทฺธาทิจตุกฺกวณฺณนา
Dakkhiṇāvisuddhādicatukkavaṇṇanā
๓๑๓. ทกฺขิณาวิสุทฺธิโยติ ทานสงฺขาตา ทกฺขิณา วิสุชฺฌนฺติ มหปฺผลา โหนฺติ เอตาหีติ ทกฺขิณาวิสุทฺธิโยฯ
313.Dakkhiṇāvisuddhiyoti dānasaṅkhātā dakkhiṇā visujjhanti mahapphalā honti etāhīti dakkhiṇāvisuddhiyo.
ทายกโต วิสุชฺฌติ, โน ปฎิคฺคาหกโตติ ยตฺถ ทายโก สีลวา โหติ, ธเมฺมนุปฺปนฺนํ เทยฺยธมฺมํ เทติ, ปฎิคฺคาหโก ทุสฺสีโลฯ อยํ ทกฺขิณา เวสฺสนฺตรมหาราชสฺส ทกฺขิณาสทิสาฯ ปฎิคฺคาหกโต วิสุชฺฌติ, โน ทายกโตติ ยตฺถ ปฎิคฺคาหโก สีลวา โหติ, ทายโก ทุสฺสีโล, อธเมฺมนุปฺปนฺนํ เทติ, อยํ ทกฺขิณา โจรฆาตกสฺส ทกฺขิณาสทิสาฯ เนว ทายกโต วิสุชฺฌติ, โน ปฎิคฺคาหกโตติ ยตฺถ อุโภปิ ทุสฺสีลา เทยฺยธโมฺมปิ อธเมฺมน นิพฺพโตฺตฯ วิปริยาเยน จตุตฺถา เวทิตพฺพาฯ
Dāyakato visujjhati, no paṭiggāhakatoti yattha dāyako sīlavā hoti, dhammenuppannaṃ deyyadhammaṃ deti, paṭiggāhako dussīlo. Ayaṃ dakkhiṇā vessantaramahārājassa dakkhiṇāsadisā. Paṭiggāhakatovisujjhati, no dāyakatoti yattha paṭiggāhako sīlavā hoti, dāyako dussīlo, adhammenuppannaṃ deti, ayaṃ dakkhiṇā coraghātakassa dakkhiṇāsadisā. Neva dāyakato visujjhati, no paṭiggāhakatoti yattha ubhopi dussīlā deyyadhammopi adhammena nibbatto. Vipariyāyena catutthā veditabbā.
สงฺคหวตฺถูนีติ สงฺคหการณานิฯ ตานิ เหฎฺฐา วิภตฺตาเนวฯ
Saṅgahavatthūnīti saṅgahakāraṇāni. Tāni heṭṭhā vibhattāneva.
อนริยโวหาราติ อนริยานํ ลามกานํ โวหาราฯ
Anariyavohārāti anariyānaṃ lāmakānaṃ vohārā.
อริยโวหาราติ อริยานํ สปฺปุริสานํ โวหาราฯ
Ariyavohārāti ariyānaṃ sappurisānaṃ vohārā.
ทิฎฺฐวาทิตาติ ทิฎฺฐํ มยาติ เอวํ วาทิตาฯ เอตฺถ จ ตํตํสมุฎฺฐาปกเจตนาวเสน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Diṭṭhavāditāti diṭṭhaṃ mayāti evaṃ vāditā. Ettha ca taṃtaṃsamuṭṭhāpakacetanāvasena attho veditabbo.
อตฺตนฺตปาทิจตุกฺกวณฺณนา
Attantapādicatukkavaṇṇanā
๓๑๔. อตฺตนฺตปาทีสุ ปฐโม อเจลโกฯ ทุติโย โอรพฺภิกาทีสุ อญฺญตโรฯ ตติโย ยญฺญยาชโกฯ จตุโตฺถ สาสเน สมฺมาปฎิปโนฺนฯ
314.Attantapādīsu paṭhamo acelako. Dutiyo orabbhikādīsu aññataro. Tatiyo yaññayājako. Catuttho sāsane sammāpaṭipanno.
อตฺตหิตาย ปฎิปนฺนาทีสุ ปฐโม โย สยํ สีลาทิสมฺปโนฺน, ปรํ สีลาทีสุ น สมาทเปติ อายสฺมา วกฺกลิเตฺถโร วิยฯ ทุติโย โย อตฺตนา น สีลาทิสมฺปโนฺน, ปรํ สีลาทีสุ สมาทเปติ อายสฺมา อุปนโนฺท วิยฯ ตติโย โย เนวตฺตนา สีลาทิสมฺปโนฺน, ปรํ สีลาทีสุ น สมาทเปติ เทวทโตฺต วิยฯ จตุโตฺถ โย อตฺตนา จ สีลาทิสมฺปโนฺน ปรญฺจ สีลาทีสุ สมาทเปติ อายสฺมา มหากสฺสโป วิยฯ
Attahitāya paṭipannādīsu paṭhamo yo sayaṃ sīlādisampanno, paraṃ sīlādīsu na samādapeti āyasmā vakkalitthero viya. Dutiyo yo attanā na sīlādisampanno, paraṃ sīlādīsu samādapeti āyasmā upanando viya. Tatiyo yo nevattanā sīlādisampanno, paraṃ sīlādīsu na samādapeti devadatto viya. Catuttho yo attanā ca sīlādisampanno parañca sīlādīsu samādapeti āyasmā mahākassapo viya.
ตมาทีสุ ตโมติ อนฺธการภูโตฯ ตมปรายโณติ ตมเมว ปรํ อยนํ คติ อสฺสาติ ตมปรายโณฯ เอวํ สพฺพปเทสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เอตฺถ จ ปฐโม นีเจ จณฺฑาลาทิกุเล ทุชฺชีวิเต หีนตฺตภาเว นิพฺพตฺติตฺวา ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปริปูเรติฯ ทุติโย ตถาวิโธ หุตฺวา ตีณิ สุจริตานิ ปริปูเรติฯ ตติโย อุฬาเร ขตฺติยกุเล พหุอนฺนปาเน สมฺปนฺนตฺตภาเว นิพฺพตฺติตฺวา ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปริปูเรติฯ จตุโตฺถ ตาทิโสว หุตฺวา ตีณิ สุจริตานิ ปริปูเรติฯ
Tamādīsu tamoti andhakārabhūto. Tamaparāyaṇoti tamameva paraṃ ayanaṃ gati assāti tamaparāyaṇo. Evaṃ sabbapadesu attho veditabbo. Ettha ca paṭhamo nīce caṇḍālādikule dujjīvite hīnattabhāve nibbattitvā tīṇi duccaritāni paripūreti. Dutiyo tathāvidho hutvā tīṇi sucaritāni paripūreti. Tatiyo uḷāre khattiyakule bahuannapāne sampannattabhāve nibbattitvā tīṇi duccaritāni paripūreti. Catuttho tādisova hutvā tīṇi sucaritāni paripūreti.
สมณมจโลติ สมณอจโลฯ ม-กาโร ปทสนฺธิมตฺตํฯ โส โสตาปโนฺน เวทิตโพฺพฯ โสตาปโนฺน หิ จตูหิ วาเตหิ อินฺทขีโล วิย ปรปฺปวาเทหิ อกมฺปิโยฯ อจลสทฺธาย สมนฺนาคโตติ สมณมจโลฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล สมณมจโล? อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา’’ติ (ปุ. ป. ๑๙๐) วิตฺถาโรฯ ราคโทสานํ ปน ตนุภูตตฺตา สกทาคามี สมณปทุโม นามฯ เตนาห – ‘‘กตโม ปน ปุคฺคโล สมณปทุโม? อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล สมณปทุโม’’ติ (ปุ. ป. ๑๙๐)ฯ ราคโทสานํ อภาวา ขิปฺปเมว ปุปฺผิสฺสตีติ อนาคามี สมณปุณฺฑรีโก นามฯ เตนาห – ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล สมณปุณฺฑรีโก? อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ…เป.… อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล สมณปุณฺฑรีโก’’ติ (ปุ. ป. ๑๙๐)ฯ อรหา ปน สเพฺพสมฺปิ คนฺถการกิเลสานํ อภาวา สมเณสุ สมณสุขุมาโล นามฯ เตนาห – ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล สมเณสุ สมณสุขุมาโล? อิเธกโจฺจ อาสวานํ ขยา…เป.… อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล สมเณสุ สมณสุขุมาโล’’ติฯ
Samaṇamacaloti samaṇaacalo. Ma-kāro padasandhimattaṃ. So sotāpanno veditabbo. Sotāpanno hi catūhi vātehi indakhīlo viya parappavādehi akampiyo. Acalasaddhāya samannāgatoti samaṇamacalo. Vuttampi cetaṃ – ‘‘katamo ca puggalo samaṇamacalo? Idhekacco puggalo tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā’’ti (pu. pa. 190) vitthāro. Rāgadosānaṃ pana tanubhūtattā sakadāgāmī samaṇapadumo nāma. Tenāha – ‘‘katamo pana puggalo samaṇapadumo? Idhekacco puggalo sakideva imaṃ lokaṃ āgantvā dukkhassantaṃ karoti, ayaṃ vuccati puggalo samaṇapadumo’’ti (pu. pa. 190). Rāgadosānaṃ abhāvā khippameva pupphissatīti anāgāmī samaṇapuṇḍarīko nāma. Tenāha – ‘‘katamo ca puggalo samaṇapuṇḍarīko? Idhekacco puggalo pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ…pe… ayaṃ vuccati puggalo samaṇapuṇḍarīko’’ti (pu. pa. 190). Arahā pana sabbesampi ganthakārakilesānaṃ abhāvā samaṇesu samaṇasukhumālo nāma. Tenāha – ‘‘katamo ca puggalo samaṇesu samaṇasukhumālo? Idhekacco āsavānaṃ khayā…pe… upasampajja viharati. Ayaṃ vuccati puggalo samaṇesu samaṇasukhumālo’’ti.
‘‘อิเม โข , อาวุโส’’ติอาทิ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํฯ อิติ สมปญฺญาสาย จตุกฺกานํ วเสน เทฺวปญฺหสตานิ กเถโนฺต เถโร สามคฺคิรสํ ทเสฺสสีติฯ
‘‘Ime kho , āvuso’’tiādi vuttanayeneva yojetabbaṃ. Iti samapaññāsāya catukkānaṃ vasena dvepañhasatāni kathento thero sāmaggirasaṃ dassesīti.
จตุกฺกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Catukkavaṇṇanā niṭṭhitā.
ปญฺจกวณฺณนา
Pañcakavaṇṇanā
๓๑๕. อิติ จตุกฺกวเสน สามคฺคิรสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปญฺจกวเสน ทเสฺสตุํ ปุน เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ ปญฺจสุ ขเนฺธสุ รูปกฺขโนฺธ โลกิโยฯ เสสา โลกิยโลกุตฺตราฯ อุปาทานกฺขนฺธา โลกิยาวฯ วิตฺถารโต ปน ขนฺธกถา วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตาฯ กามคุณา เหฎฺฐา วิตฺถาริตาวฯ
315. Iti catukkavasena sāmaggirasaṃ dassetvā idāni pañcakavasena dassetuṃ puna desanaṃ ārabhi. Tattha pañcasu khandhesu rūpakkhandho lokiyo. Sesā lokiyalokuttarā. Upādānakkhandhā lokiyāva. Vitthārato pana khandhakathā visuddhimagge vuttā. Kāmaguṇā heṭṭhā vitthāritāva.
สุกตทุกฺกฎาทีหิ คนฺตพฺพาติ คติโยฯ นิรโยติ นิรสฺสาโทฯ สโหกาเสน ขนฺธา กถิตาฯ ตโต ปเรสุ ตีสุ นิพฺพตฺตา ขนฺธาว วุตฺตาฯ จตุเตฺถ โอกาโสปิฯ
Sukatadukkaṭādīhi gantabbāti gatiyo. Nirayoti nirassādo. Sahokāsena khandhā kathitā. Tato paresu tīsu nibbattā khandhāva vuttā. Catutthe okāsopi.
อาวาเส มจฺฉริยํ อาวาสมจฺฉริยํฯ เตน สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาคนฺตุกํ ทิสฺวา ‘‘เอตฺถ เจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปริกฺขาโร ฐปิโต’’ติอาทีนิ วตฺวา สงฺฆิกมฺปิ อาวาสํ นิวาเรติฯ โส กาลงฺกตฺวา เปโต วา อชคโร วา หุตฺวา นิพฺพตฺตติฯ กุเล มจฺฉริยํ กุลมจฺฉริยํฯ เตน สมนฺนาคโต ภิกฺขุ เตหิ การเณหิ อตฺตโน อุปฎฺฐากกุเล อเญฺญสํ ปเวสนมฺปิ นิวาเรติฯ ลาเภ มจฺฉริยํ ลาภมจฺฉริยํฯ เตน สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สงฺฆิกมฺปิ ลาภํ มจฺฉรายโนฺต ยถา อเญฺญ น ลภนฺติ, เอวํ กโรติฯ วเณฺณ มจฺฉริยํ วณฺณมจฺฉริยํฯ วโณฺณติ เจตฺถ สรีรวโณฺณปิ คุณวโณฺณปิ เวทิตโพฺพฯ ปริยตฺติธเมฺม มจฺฉริยํ ธมฺมมจฺฉริยํฯ เตน สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ‘‘อิมํ ธมฺมํ ปริยาปุณิตฺวา เอโส มํ อภิภวิสฺสตี’’ติ อญฺญสฺส น เทติฯ โย ปน ธมฺมานุคฺคเหน วา ปุคฺคลานุคฺคเหน วา น เทติ, น ตํ มจฺฉริยํฯ
Āvāse macchariyaṃ āvāsamacchariyaṃ. Tena samannāgato bhikkhu āgantukaṃ disvā ‘‘ettha cetiyassa vā saṅghassa vā parikkhāro ṭhapito’’tiādīni vatvā saṅghikampi āvāsaṃ nivāreti. So kālaṅkatvā peto vā ajagaro vā hutvā nibbattati. Kule macchariyaṃ kulamacchariyaṃ. Tena samannāgato bhikkhu tehi kāraṇehi attano upaṭṭhākakule aññesaṃ pavesanampi nivāreti. Lābhe macchariyaṃ lābhamacchariyaṃ. Tena samannāgato bhikkhu saṅghikampi lābhaṃ maccharāyanto yathā aññe na labhanti, evaṃ karoti. Vaṇṇe macchariyaṃ vaṇṇamacchariyaṃ. Vaṇṇoti cettha sarīravaṇṇopi guṇavaṇṇopi veditabbo. Pariyattidhamme macchariyaṃ dhammamacchariyaṃ. Tena samannāgato bhikkhu ‘‘imaṃ dhammaṃ pariyāpuṇitvā eso maṃ abhibhavissatī’’ti aññassa na deti. Yo pana dhammānuggahena vā puggalānuggahena vā na deti, na taṃ macchariyaṃ.
จิตฺตํ นิวาเรนฺติ ปริโยนนฺธนฺตีติ นีวรณานิฯ กามจฺฉโนฺท นีวรณปโตฺต อรหตฺตมคฺควโชฺฌฯ กามราคานุสโย กามราคสํโยชนปโตฺต อนาคามิมคฺควโชฺฌฯ ถินํ จิตฺตเคลญฺญํ ฯ มิทฺธํ ขนฺธตฺตยเคลญฺญํฯ อุภยมฺปิ อรหตฺตมคฺควชฺฌํฯ ตถา อุทฺธจฺจํฯ กุกฺกุจฺจํ อนาคามิมคฺควชฺฌํฯ วิจิกิจฺฉา ปฐมมคฺควชฺฌาฯ
Cittaṃ nivārenti pariyonandhantīti nīvaraṇāni. Kāmacchando nīvaraṇapatto arahattamaggavajjho. Kāmarāgānusayo kāmarāgasaṃyojanapatto anāgāmimaggavajjho. Thinaṃ cittagelaññaṃ . Middhaṃ khandhattayagelaññaṃ. Ubhayampi arahattamaggavajjhaṃ. Tathā uddhaccaṃ. Kukkuccaṃ anāgāmimaggavajjhaṃ. Vicikicchā paṭhamamaggavajjhā.
สํโยชนานีติ พนฺธนานิฯ เตหิ ปน พเทฺธสุ ปุคฺคเลสุ รูปารูปภเว นิพฺพตฺตา โสตาปนฺนสกทาคามิโน อโนฺตพทฺธา พหิสยิตา นามฯ เตสญฺหิ กามภเว พนฺธนํฯ กามภเว อนาคามิโน พหิพทฺธา อโนฺตสยิตา นามฯ เตสญฺหิ รูปารูปภเว พนฺธนํฯ กามภเว โสตาปนฺนสกทาคามิโน อโนฺตพทฺธา อโนฺตสยิตา นามฯ รูปารูปภเว อนาคามิโน พหิพทฺธา พหิสยิตา นามฯ ขีณาสโว สพฺพตฺถ อพนฺธโนฯ
Saṃyojanānīti bandhanāni. Tehi pana baddhesu puggalesu rūpārūpabhave nibbattā sotāpannasakadāgāmino antobaddhā bahisayitā nāma. Tesañhi kāmabhave bandhanaṃ. Kāmabhave anāgāmino bahibaddhā antosayitā nāma. Tesañhi rūpārūpabhave bandhanaṃ. Kāmabhave sotāpannasakadāgāmino antobaddhā antosayitā nāma. Rūpārūpabhave anāgāmino bahibaddhā bahisayitā nāma. Khīṇāsavo sabbattha abandhano.
สิกฺขิตพฺพํ ปทํ สิกฺขาปทํ, สิกฺขาโกฎฺฐาโสติ อโตฺถฯ สิกฺขาย วา ปทํ สิกฺขาปทํ, อธิจิตฺตอธิปญฺญาสิกฺขาย อธิคมุปาโยติ อโตฺถฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถารโต ปน สิกฺขาปทกถา วิภงฺคปฺปกรเณ สิกฺขาปทวิภเงฺค อาคตา เอวฯ
Sikkhitabbaṃ padaṃ sikkhāpadaṃ, sikkhākoṭṭhāsoti attho. Sikkhāya vā padaṃ sikkhāpadaṃ, adhicittaadhipaññāsikkhāya adhigamupāyoti attho. Ayamettha saṅkhepo. Vitthārato pana sikkhāpadakathā vibhaṅgappakaraṇe sikkhāpadavibhaṅge āgatā eva.
อภพฺพฎฺฐานาทิปญฺจกวณฺณนา
Abhabbaṭṭhānādipañcakavaṇṇanā
๓๑๖. ‘‘อภโพฺพ, อาวุโส, ขีณาสโว ภิกฺขุ สญฺจิจฺจ ปาณ’’นฺติอาทิ เทสนาสีสเมว, โสตาปนฺนาทโยปิ ปน อภพฺพาฯ ปุถุชฺชนขีณาสวานํ นินฺทาปสํสตฺถมฺปิ เอวํ วุตฺตํฯ ปุถุชฺชโน นาม คารโยฺห, มาตุฆาตาทีนิปิ กโรติ ฯ ขีณาสโว ปน ปาสํโส, กุนฺถกิปิลฺลิกฆาตาทีนิปิ น กโรตีติฯ
316. ‘‘Abhabbo, āvuso, khīṇāsavo bhikkhu sañcicca pāṇa’’ntiādi desanāsīsameva, sotāpannādayopi pana abhabbā. Puthujjanakhīṇāsavānaṃ nindāpasaṃsatthampi evaṃ vuttaṃ. Puthujjano nāma gārayho, mātughātādīnipi karoti . Khīṇāsavo pana pāsaṃso, kunthakipillikaghātādīnipi na karotīti.
พฺยสเนสุ วิยสฺสตีติ พฺยสนํ, หิตสุขํ ขิปติ วิทฺธํเสตีติ อโตฺถฯ ญาตีนํ พฺยสนํ ญาติพฺยสนํ, โจรโรคภยาทีหิ ญาติวินาโสติ อโตฺถฯ โภคานํ พฺยสนํ โภคพฺยสนํ, ราชโจราทิวเสน โภควินาโสติ อโตฺถฯ โรโค เอว พฺยสนํ โรคพฺยสนํฯ โรโค หิ อาโรคฺยํ พฺยสติ วินาเสตีติ พฺยสนํ, สีลสฺส พฺยสนํ สีลพฺยสนํฯ ทุสฺสีลฺยเสฺสตํ นามํฯ สมฺมาทิฎฺฐิํ วินาสยมานา อุปฺปนฺนา ทิฎฺฐิ เอว พฺยสนํ ทิฎฺฐิพฺยสนํฯ เอตฺถ จ ญาติพฺยสนาทีนิ ตีณิ เนว อกุสลานิ น ติลกฺขณาหตานิฯ สีลทิฎฺฐิพฺยสนทฺวยํ อกุสลํ ติลกฺขณาหตํฯ เตเนว ‘‘นาวุโส, สตฺตา ญาติพฺยสนเหตุ วา’’ติอาทิมาหฯ
Byasanesu viyassatīti byasanaṃ, hitasukhaṃ khipati viddhaṃsetīti attho. Ñātīnaṃ byasanaṃ ñātibyasanaṃ, corarogabhayādīhi ñātivināsoti attho. Bhogānaṃ byasanaṃ bhogabyasanaṃ, rājacorādivasena bhogavināsoti attho. Rogo eva byasanaṃ rogabyasanaṃ. Rogo hi ārogyaṃ byasati vināsetīti byasanaṃ, sīlassa byasanaṃ sīlabyasanaṃ. Dussīlyassetaṃ nāmaṃ. Sammādiṭṭhiṃ vināsayamānā uppannā diṭṭhi eva byasanaṃ diṭṭhibyasanaṃ. Ettha ca ñātibyasanādīni tīṇi neva akusalāni na tilakkhaṇāhatāni. Sīladiṭṭhibyasanadvayaṃ akusalaṃ tilakkhaṇāhataṃ. Teneva ‘‘nāvuso, sattā ñātibyasanahetu vā’’tiādimāha.
ญาติสมฺปทาติ ญาตีนํ สมฺปทา ปาริปูรี พหุภาโวฯ โภคสมฺปทายปิ เอเสว นโยฯ อาโรคฺยสฺส สมฺปทา อาโรคฺยสมฺปทาฯ ปาริปูรี ทีฆรตฺตํ อโรคตาฯ สีลทิฎฺฐิสมฺปทาสุปิ เอเสว นโย ฯ อิธาปิ ญาติสมฺปทาทโย โน กุสลา, น ติลกฺขณาหตาฯ สีลทิฎฺฐิสมฺปทา กุสลา, ติลกฺขณาหตาฯ เตเนว ‘‘นาวุโส, สตฺตา ญาติสมฺปทาเหตุ วา’’ติอาทิมาหฯ
Ñātisampadāti ñātīnaṃ sampadā pāripūrī bahubhāvo. Bhogasampadāyapi eseva nayo. Ārogyassa sampadā ārogyasampadā. Pāripūrī dīgharattaṃ arogatā. Sīladiṭṭhisampadāsupi eseva nayo . Idhāpi ñātisampadādayo no kusalā, na tilakkhaṇāhatā. Sīladiṭṭhisampadā kusalā, tilakkhaṇāhatā. Teneva ‘‘nāvuso, sattā ñātisampadāhetu vā’’tiādimāha.
สีลวิปตฺติสีลสมฺปตฺติกถา มหาปรินิพฺพาเน วิตฺถาริตาวฯ
Sīlavipattisīlasampattikathā mahāparinibbāne vitthāritāva.
โจทเกนาติ วตฺถุสํสนฺทสฺสนา, อาปตฺติสํสนฺทสฺสนา, สํวาสปฺปฎิเกฺขโป, สามีจิปฺปฎิเกฺขโปติ จตูหิ โจทนาวตฺถูหิ โจทยมาเนนฯ กาเลน วกฺขามิ โน อกาเลนาติ เอตฺถ จุทิตกสฺส กาโล กถิโต, น โจทกสฺสฯ ปรํ โจเทเนฺตน หิ ปริสมเชฺฌ วา อุโปสถปวารณเคฺค วา อาสนสาลาโภชนสาลาทีสุ วา น โจเทตพฺพํฯ ทิวาฎฺฐาเน นิสินฺนกาเล ‘‘กโรตายสฺมา โอกาสํ, อหํ อายสฺมนฺตํ วตฺตุกาโม’’ติ เอวํ โอกาสํ กาเรตฺวา โจเทตพฺพํฯ ปุคฺคลํ ปน อุปปริกฺขิตฺวา โย โลลปุคฺคโล อภูตํ วตฺวา ภิกฺขูนํ อยสํ อาโรเปติ, โส โอกาสกมฺมํ วินาปิ โจเทตโพฺพฯ ภูเตนาติ ตเจฺฉน สภาเวนฯ สเณฺหนาติ มเฎฺฐน มุทุเกนฯ อตฺถสญฺหิเตนาติ อตฺถกามตาย หิตกามตาย อุเปเตนฯ
Codakenāti vatthusaṃsandassanā, āpattisaṃsandassanā, saṃvāsappaṭikkhepo, sāmīcippaṭikkhepoti catūhi codanāvatthūhi codayamānena. Kālena vakkhāmi no akālenāti ettha cuditakassa kālo kathito, na codakassa. Paraṃ codentena hi parisamajjhe vā uposathapavāraṇagge vā āsanasālābhojanasālādīsu vā na codetabbaṃ. Divāṭṭhāne nisinnakāle ‘‘karotāyasmā okāsaṃ, ahaṃ āyasmantaṃ vattukāmo’’ti evaṃ okāsaṃ kāretvā codetabbaṃ. Puggalaṃ pana upaparikkhitvā yo lolapuggalo abhūtaṃ vatvā bhikkhūnaṃ ayasaṃ āropeti, so okāsakammaṃ vināpi codetabbo. Bhūtenāti tacchena sabhāvena. Saṇhenāti maṭṭhena mudukena. Atthasañhitenāti atthakāmatāya hitakāmatāya upetena.
ปธานิยงฺคปญฺจกวณฺณนา
Padhāniyaṅgapañcakavaṇṇanā
๓๑๗. ปธานิยงฺคานีติ ปธานํ วุจฺจติ ปทหนํ, ปธานมสฺส อตฺถีติ ปธานิโย, ปธานิยสฺส ภิกฺขุโน องฺคานิ ปธานิยงฺคานิฯ สโทฺธติ สทฺธาย สมนฺนาคโตฯ สทฺธา ปเนสา อาคมนสทฺธา, อธิคมนสทฺธา, โอกปฺปนสทฺธา, ปสาทสทฺธาติ จตุพฺพิธาฯ ตตฺถ สพฺพญฺญุโพธิสตฺตานํ สทฺธา อภินีหารโต อาคตตฺตา อาคมนสทฺธา นามฯ อริยสาวกานํ ปฎิเวเธน อธิคตตฺตา อธิคมนสทฺธา นามฯ พุโทฺธ ธโมฺม สโงฺฆติ วุเตฺต อจลภาเวน โอกปฺปนํ โอกปฺปนสทฺธา นามฯ ปสาทุปฺปตฺติ ปสาทสทฺธา นามฯ อิธ โอกปฺปนสทฺธา อธิเปฺปตาฯ โพธินฺติ จตุตฺถมคฺคญาณํฯ ตํ สุปฺปฎิวิทฺธํ ตถาคเตนาติ สทฺทหติฯ เทสนาสีสเมว เจตํ, อิมินา ปน อเงฺคน ตีสุปิ รตเนสุ สทฺธา อธิเปฺปตาฯ ยสฺส หิ พุทฺธาทีสุ ปสาโท พลวา, ตสฺส ปธานวีริยํ อิชฺฌติฯ อปฺปาพาโธติ อโรโคฯ อปฺปาตโงฺกติ นิทฺทุโกฺขฯ สมเวปากินิยาติ สมวิปาจนียาฯ คหณิยาติ กมฺมชเตโชธาตุยาฯ นาติสีตาย นาจฺจุณฺหายาติ อติสีตคหณิโก สีตภีรู โหติ, อจฺจุณฺหคหณิโก อุณฺหภีรู โหติ, เตสํ ปธานํ น อิชฺฌติฯ มชฺฌิมคหณิกสฺส อิชฺฌติฯ เตนาห – ‘‘มชฺฌิมาย ปธานกฺขมายา’’ติฯ ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกตฺตาติ ยถาภูตํ อตฺตโน อคุณํ ปกาเสตาฯ อุทยตฺถคามินิยาติ อุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ คนฺตุํ ปริจฺฉินฺทิตุํ สมตฺถาย, เอเตน ปญฺญาสลกฺขณปริคฺคาหกํ อุทยพฺพยญาณํ วุตฺตํ ฯ อริยายาติ ปริสุทฺธายฯ นิเพฺพธิกายาติ อนิพฺพิทฺธปุเพฺพ โลภกฺขนฺธาทโย นิพฺพิชฺฌิตุํ สมตฺถายฯ สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยาติ ตทงฺควเสน กิเลสานํ ปหีนตฺตา ยํ ยํ ทุกฺขํ ขียติ, ตสฺส ตสฺส ทุกฺขสฺส ขยคามินิยาฯ อิติ สเพฺพหิ อิเมหิ ปเทหิ วิปสฺสนาปญฺญาว กถิตาฯ ทุปฺปญฺญสฺส หิ ปธานํ น อิชฺฌติฯ
317.Padhāniyaṅgānīti padhānaṃ vuccati padahanaṃ, padhānamassa atthīti padhāniyo, padhāniyassa bhikkhuno aṅgāni padhāniyaṅgāni. Saddhoti saddhāya samannāgato. Saddhā panesā āgamanasaddhā, adhigamanasaddhā, okappanasaddhā, pasādasaddhāti catubbidhā. Tattha sabbaññubodhisattānaṃ saddhā abhinīhārato āgatattā āgamanasaddhā nāma. Ariyasāvakānaṃ paṭivedhena adhigatattā adhigamanasaddhā nāma. Buddho dhammo saṅghoti vutte acalabhāvena okappanaṃ okappanasaddhā nāma. Pasāduppatti pasādasaddhā nāma. Idha okappanasaddhā adhippetā. Bodhinti catutthamaggañāṇaṃ. Taṃ suppaṭividdhaṃ tathāgatenāti saddahati. Desanāsīsameva cetaṃ, iminā pana aṅgena tīsupi ratanesu saddhā adhippetā. Yassa hi buddhādīsu pasādo balavā, tassa padhānavīriyaṃ ijjhati. Appābādhoti arogo. Appātaṅkoti niddukkho. Samavepākiniyāti samavipācanīyā. Gahaṇiyāti kammajatejodhātuyā. Nātisītāya nāccuṇhāyāti atisītagahaṇiko sītabhīrū hoti, accuṇhagahaṇiko uṇhabhīrū hoti, tesaṃ padhānaṃ na ijjhati. Majjhimagahaṇikassa ijjhati. Tenāha – ‘‘majjhimāya padhānakkhamāyā’’ti. Yathābhūtaṃ attānaṃ āvikattāti yathābhūtaṃ attano aguṇaṃ pakāsetā. Udayatthagāminiyāti udayañca atthaṅgamañca gantuṃ paricchindituṃ samatthāya, etena paññāsalakkhaṇapariggāhakaṃ udayabbayañāṇaṃ vuttaṃ . Ariyāyāti parisuddhāya. Nibbedhikāyāti anibbiddhapubbe lobhakkhandhādayo nibbijjhituṃ samatthāya. Sammā dukkhakkhayagāminiyāti tadaṅgavasena kilesānaṃ pahīnattā yaṃ yaṃ dukkhaṃ khīyati, tassa tassa dukkhassa khayagāminiyā. Iti sabbehi imehi padehi vipassanāpaññāva kathitā. Duppaññassa hi padhānaṃ na ijjhati.
สุทฺธาวาสาทิปญฺจกวณฺณนา
Suddhāvāsādipañcakavaṇṇanā
๓๑๘. สุทฺธาวาสาติ สุทฺธา อิธ อาวสิํสุ อาวสนฺติ อาวสิสฺสนฺติ วาติ สุทฺธาวาสาฯ สุทฺธาติ กิเลสมลรหิตา อนาคามิขีณาสวาฯ อวิหาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ มหาปทาเน วุตฺตเมวฯ
318.Suddhāvāsāti suddhā idha āvasiṃsu āvasanti āvasissanti vāti suddhāvāsā. Suddhāti kilesamalarahitā anāgāmikhīṇāsavā. Avihātiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ mahāpadāne vuttameva.
อนาคามีสุ อายุโน มชฺฌํ อนติกฺกมิตฺวา อนฺตราว กิเลสปรินิพฺพานํ อรหตฺตํ ปโตฺต อนฺตราปรินิพฺพายี นามฯ มชฺฌํ อุปหจฺจ อติกฺกมิตฺวา ปโตฺต อุปหจฺจปรินิพฺพายี นามฯ อสงฺขาเรน อปฺปโยเคน อกิลมโนฺต สุเขน ปโตฺต อสงฺขารปรินิพฺพายี นามฯ สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน กิลมโนฺต ทุเกฺขน ปโตฺต สสงฺขารปรินิพฺพายี นามฯ อิเม จตฺตาโร ปญฺจสุปิ สุทฺธาวาเสสุ ลพฺภนฺติฯ อุทฺธํโสโตอกนิฎฺฐคามีติ เอตฺถ ปน จตุกฺกํ เวทิตพฺพํฯ โย หิ อวิหาโต ปฎฺฐาย จตฺตาโร เทวโลเก โสเธตฺวา อกนิฎฺฐํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อุทฺธํโสโต อกนิฎฺฐคามี นามฯ โย อวิหาโต ทุติยํ วา ตติยํ วา จตุตฺถํ วา เทวโลกํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อุทฺธํโสโต น อกนิฎฺฐคามี นามฯ โย กามภวโต อกนิเฎฺฐสุ นิพฺพตฺติตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ น อุทฺธํโสโต อกนิฎฺฐคามี นามฯ โย เหฎฺฐา จตูสุ เทวโลเกสุ ตตฺถ ตเตฺถว นิพฺพตฺติตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ น อุทฺธํโสโต น อกนิฎฺฐคามี นามาติฯ
Anāgāmīsu āyuno majjhaṃ anatikkamitvā antarāva kilesaparinibbānaṃ arahattaṃ patto antarāparinibbāyī nāma. Majjhaṃ upahacca atikkamitvā patto upahaccaparinibbāyī nāma. Asaṅkhārena appayogena akilamanto sukhena patto asaṅkhāraparinibbāyī nāma. Sasaṅkhārena sappayogena kilamanto dukkhena patto sasaṅkhāraparinibbāyī nāma. Ime cattāro pañcasupi suddhāvāsesu labbhanti. Uddhaṃsotoakaniṭṭhagāmīti ettha pana catukkaṃ veditabbaṃ. Yo hi avihāto paṭṭhāya cattāro devaloke sodhetvā akaniṭṭhaṃ gantvā parinibbāyati, ayaṃ uddhaṃsoto akaniṭṭhagāmī nāma. Yo avihāto dutiyaṃ vā tatiyaṃ vā catutthaṃ vā devalokaṃ gantvā parinibbāyati, ayaṃ uddhaṃsoto na akaniṭṭhagāmī nāma. Yo kāmabhavato akaniṭṭhesu nibbattitvā parinibbāyati, ayaṃ na uddhaṃsoto akaniṭṭhagāmī nāma. Yo heṭṭhā catūsu devalokesu tattha tattheva nibbattitvā parinibbāyati, ayaṃ na uddhaṃsoto na akaniṭṭhagāmī nāmāti.
เจโตขิลปญฺจกวณฺณนา
Cetokhilapañcakavaṇṇanā
๓๑๙. เจโตขิลาติ จิตฺตสฺส ถทฺธภาวาฯ สตฺถริ กงฺขตีติ สตฺถุ สรีเร วา คุเณ วา กงฺขติฯ สรีเร กงฺขมาโน ‘‘ทฺวตฺติํสมหาปุริสวรลกฺขณปฎิมณฺฑิตํ นาม สรีรํ อตฺถิ นุ โข นตฺถี’’ติ กงฺขติฯ คุเณ กงฺขมาโน ‘‘อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนชานนสมตฺถํ สพฺพญฺญุตญาณํ อตฺถิ นุ โข นตฺถี’’ติ กงฺขติฯ อาตปฺปายาติ วีริยกรณตฺถายฯ อนุโยคายาติ ปุนปฺปุนํ โยคายฯ สาตจฺจายาติ สตตกิริยายฯ ปธานายาติ ปทหนตฺถายฯ อยํ ปฐโม เจโตขิโลติ อยํ สตฺถริ วิจิกิจฺฉาสงฺขาโต ปฐโม จิตฺตสฺส ถทฺธภาโวฯ ธเมฺมติ ปริยตฺติธเมฺม จ ปฎิเวธธเมฺม จฯ ปริยตฺติธเมฺม กงฺขมาโน ‘‘เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานีติ วทนฺติ, อตฺถิ นุ โข เอตํ นตฺถี’’ติ กงฺขติฯ ปฎิเวธธเมฺม กงฺขมาโน ‘‘วิปสฺสนานิสฺสโนฺท มโคฺค นาม, มคฺคนิสฺสโนฺท ผลํ นาม, สพฺพสงฺขารปฎินิสฺสโคฺค นิพฺพานํ นามาติ วทนฺติ, ตํ อตฺถิ นุ โข นตฺถี’’ติ กงฺขติฯ สเงฺฆ กงฺขตีติ ‘‘อุชุปฺปฎิปโนฺนติอาทีนํ ปทานํ วเสน เอวรูปํ ปฎิปทํ ปฎิปโนฺน จตฺตาโร มคฺคฎฺฐา จตฺตาโร ผลฎฺฐาติ อฎฺฐนฺนํ ปุคฺคลานํ สมูหภูโต สโงฺฆ นาม อตฺถิ นุ โข นตฺถี’’ติ กงฺขติฯ สิกฺขาย กงฺขมาโน ‘‘อธิสีลสิกฺขา นาม, อธิจิตฺตอธิปญฺญาสิกฺขา นามาติ วทนฺติ , สา อตฺถิ นุ โข นตฺถี’’ติ กงฺขติฯ อยํ ปญฺจโมติ อยํ สพฺรหฺมจารีสุ โกปสงฺขาโต ปญฺจโม จิตฺตสฺส ถทฺธภาโว กจวรภาโว ขาณุกภาโวฯ
319.Cetokhilāti cittassa thaddhabhāvā. Satthari kaṅkhatīti satthu sarīre vā guṇe vā kaṅkhati. Sarīre kaṅkhamāno ‘‘dvattiṃsamahāpurisavaralakkhaṇapaṭimaṇḍitaṃ nāma sarīraṃ atthi nu kho natthī’’ti kaṅkhati. Guṇe kaṅkhamāno ‘‘atītānāgatapaccuppannajānanasamatthaṃ sabbaññutañāṇaṃ atthi nu kho natthī’’ti kaṅkhati. Ātappāyāti vīriyakaraṇatthāya. Anuyogāyāti punappunaṃ yogāya. Sātaccāyāti satatakiriyāya. Padhānāyāti padahanatthāya. Ayaṃ paṭhamo cetokhiloti ayaṃ satthari vicikicchāsaṅkhāto paṭhamo cittassa thaddhabhāvo. Dhammeti pariyattidhamme ca paṭivedhadhamme ca. Pariyattidhamme kaṅkhamāno ‘‘tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ caturāsītidhammakkhandhasahassānīti vadanti, atthi nu kho etaṃ natthī’’ti kaṅkhati. Paṭivedhadhamme kaṅkhamāno ‘‘vipassanānissando maggo nāma, magganissando phalaṃ nāma, sabbasaṅkhārapaṭinissaggo nibbānaṃ nāmāti vadanti, taṃ atthi nu kho natthī’’ti kaṅkhati. Saṅghe kaṅkhatīti ‘‘ujuppaṭipannotiādīnaṃ padānaṃ vasena evarūpaṃ paṭipadaṃ paṭipanno cattāro maggaṭṭhā cattāro phalaṭṭhāti aṭṭhannaṃ puggalānaṃ samūhabhūto saṅgho nāma atthi nu kho natthī’’ti kaṅkhati. Sikkhāya kaṅkhamāno ‘‘adhisīlasikkhā nāma, adhicittaadhipaññāsikkhā nāmāti vadanti , sā atthi nu kho natthī’’ti kaṅkhati. Ayaṃ pañcamoti ayaṃ sabrahmacārīsu kopasaṅkhāto pañcamo cittassa thaddhabhāvo kacavarabhāvo khāṇukabhāvo.
เจตโสวินิพนฺธาทิปญฺจกวณฺณนา
Cetasovinibandhādipañcakavaṇṇanā
๓๒๐. เจตโสวินิพนฺธาติ จิตฺตํ พนฺธิตฺวา มุฎฺฐิยํ กตฺวา วิย คณฺหนฺตีติ เจตโสวินิพนฺธาฯ กาเมติ วตฺถุกาเมปิ กิเลสกาเมปิฯ กาเยติ อตฺตโน กาเยฯ รูเปติ พหิทฺธารูเปฯ ยาวทตฺถนฺติ ยตฺตกํ อิจฺฉติ, ตตฺตกํฯ อุทราวเทหกนฺติ อุทรปูรํฯ ตญฺหิ อุทรํ อวเทหนโต ‘‘อุทราวเทหก’’นฺติ วุจฺจติฯ เสยฺยสุขนฺติ มญฺจปีฐสุขํฯ ปสฺสสุขนฺติ ยถา สมฺปริวตฺตกํ สยนฺตสฺส ทกฺขิณปสฺสวามปสฺสานํ สุขํ โหติ, เอวํ อุปฺปนฺนํ สุขํฯ มิทฺธสุขนฺติ นิทฺทาสุขํฯ อนุยุโตฺตติ ยุตฺตปฺปยุโตฺต วิหรติฯ ปณิธายาติ ปตฺถยิตฺวาฯ พฺรหฺมจริเยนาติ เมถุนวิรติพฺรหฺมจริเยนฯ เทโว วา ภวิสฺสามีติ มเหสกฺขเทโว วา ภวิสฺสามิฯ เทวญฺญตโร วาติ อเปฺปสกฺขเทเวสุ วา อญฺญตโรฯ
320.Cetasovinibandhāti cittaṃ bandhitvā muṭṭhiyaṃ katvā viya gaṇhantīti cetasovinibandhā. Kāmeti vatthukāmepi kilesakāmepi. Kāyeti attano kāye. Rūpeti bahiddhārūpe. Yāvadatthanti yattakaṃ icchati, tattakaṃ. Udarāvadehakanti udarapūraṃ. Tañhi udaraṃ avadehanato ‘‘udarāvadehaka’’nti vuccati. Seyyasukhanti mañcapīṭhasukhaṃ. Passasukhanti yathā samparivattakaṃ sayantassa dakkhiṇapassavāmapassānaṃ sukhaṃ hoti, evaṃ uppannaṃ sukhaṃ. Middhasukhanti niddāsukhaṃ. Anuyuttoti yuttappayutto viharati. Paṇidhāyāti patthayitvā. Brahmacariyenāti methunaviratibrahmacariyena. Devo vā bhavissāmīti mahesakkhadevo vā bhavissāmi. Devaññataro vāti appesakkhadevesu vā aññataro.
อินฺทฺริเยสุ ปฐมปญฺจเก โลกิยาเนว กถิตานิฯ ทุติยปญฺจเก ปฐมทุติยจตุตฺถานิ โลกิยานิ, ตติยปญฺจมานิ โลกิยโลกุตฺตรานิฯ ตติยปญฺจเก สมถวิปสฺสนามคฺควเสน โลกิยโลกุตฺตรานิฯ
Indriyesu paṭhamapañcake lokiyāneva kathitāni. Dutiyapañcake paṭhamadutiyacatutthāni lokiyāni, tatiyapañcamāni lokiyalokuttarāni. Tatiyapañcake samathavipassanāmaggavasena lokiyalokuttarāni.
นิสฺสรณิยปญฺจกวณฺณนา
Nissaraṇiyapañcakavaṇṇanā
๓๒๑. นิสฺสรณิยาติ นิสฺสฎา วิสญฺญุตฺตาฯ ธาตุโยติ อตฺตสุญฺญสภาวาฯ กาเม มนสิกโรโตติ กาเม มนสิกโรนฺตสฺส, อสุภชฺฌานโต วุฎฺฐาย อคทํ คเหตฺวา วิสํ วีมํสโนฺต วิย วีมํสนตฺถํ กามาภิมุขํ จิตฺตํ เปเสนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ น ปกฺขนฺทตีติ น ปวิสติฯ น ปสีทตีติ ปสาทํ นาปชฺชติฯ น สนฺติฎฺฐตีติ น ปติฎฺฐติฯ น วิมุจฺจตีติ นาธิมุจฺจติฯ ยถา ปน กุกฺกุฎปตฺตํ วา นฺหารุททฺทุลํ วา อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฎติ ปติวตฺตติ น สมฺปสาริยติ; เอวํ ปติลียติ น ปสาริยติฯ เนกฺขมฺมํ โข ปนาติ อิธ เนกฺขมฺมํ นาม ทสสุ อสุเภสุ ปฐมชฺฌานํ, ตทสฺส มนสิกโรโต จิตฺตํ ปกฺขนฺทติฯ ตสฺส ตํ จิตฺตนฺติ ตสฺส ตํ อสุภชฺฌานจิตฺตํฯ สุคตนฺติ โคจเร คตตฺตา สุฎฺฐุ คตํฯ สุภาวิตนฺติ อหานภาคิยตฺตา สุฎฺฐุ ภาวิตํฯ สุวุฎฺฐิตนฺติ กามโต สุฎฺฐุ วุฎฺฐิตํฯ สุวิมุตฺตนฺติ กาเมหิ สุฎฺฐุ วิมุตฺตํฯ กามปจฺจยา อาสวา นาม กามเหตุกา จตฺตาโร อาสวาฯ วิฆาตาติ ทุกฺขาฯ ปริฬาหาติ กามราคปริฬาหาฯ น โส ตํ เวทนํ เวเทตีติ โส ตํ กามเวทนํ วิฆาตปริฬาหเวทนญฺจ น เวทยติฯ อิทมกฺขาตํ กามานํ นิสฺสรณนฺติ อิทํ อสุภชฺฌานํ กาเมหิ นิสฺสฎตฺตา กามานํ นิสฺสรณนฺติ อกฺขาตํฯ โย ปน ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา สงฺขาเร สมฺมสโนฺต ตติยํ มคฺคํ ปตฺวา อนาคามิผเลน นิพฺพานํ ทิสฺวา ปุน กามา นาม นตฺถีติ ชานาติ, ตสฺส จิตฺตํ อจฺจนฺตนิสฺสรณเมวฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ
321.Nissaraṇiyāti nissaṭā visaññuttā. Dhātuyoti attasuññasabhāvā. Kāme manasikarototi kāme manasikarontassa, asubhajjhānato vuṭṭhāya agadaṃ gahetvā visaṃ vīmaṃsanto viya vīmaṃsanatthaṃ kāmābhimukhaṃ cittaṃ pesentassāti attho. Na pakkhandatīti na pavisati. Na pasīdatīti pasādaṃ nāpajjati. Nasantiṭṭhatīti na patiṭṭhati. Na vimuccatīti nādhimuccati. Yathā pana kukkuṭapattaṃ vā nhārudaddulaṃ vā aggimhi pakkhittaṃ patilīyati patikuṭati pativattati na sampasāriyati; evaṃ patilīyati na pasāriyati. Nekkhammaṃ kho panāti idha nekkhammaṃ nāma dasasu asubhesu paṭhamajjhānaṃ, tadassa manasikaroto cittaṃ pakkhandati. Tassa taṃ cittanti tassa taṃ asubhajjhānacittaṃ. Sugatanti gocare gatattā suṭṭhu gataṃ. Subhāvitanti ahānabhāgiyattā suṭṭhu bhāvitaṃ. Suvuṭṭhitanti kāmato suṭṭhu vuṭṭhitaṃ. Suvimuttanti kāmehi suṭṭhu vimuttaṃ. Kāmapaccayā āsavā nāma kāmahetukā cattāro āsavā. Vighātāti dukkhā. Pariḷāhāti kāmarāgapariḷāhā. Na so taṃ vedanaṃ vedetīti so taṃ kāmavedanaṃ vighātapariḷāhavedanañca na vedayati. Idamakkhātaṃ kāmānaṃ nissaraṇanti idaṃ asubhajjhānaṃ kāmehi nissaṭattā kāmānaṃ nissaraṇanti akkhātaṃ. Yo pana taṃ jhānaṃ pādakaṃ katvā saṅkhāre sammasanto tatiyaṃ maggaṃ patvā anāgāmiphalena nibbānaṃ disvā puna kāmā nāma natthīti jānāti, tassa cittaṃ accantanissaraṇameva. Sesapadesupi eseva nayo.
อยํ ปน วิเสโส, ทุติยวาเร เมตฺตาฌานานิ พฺยาปาทสฺส นิสฺสรณํ นามฯ ตติยวาเร กรุณาฌานานิ วิหิํสาย นิสฺสรณํ นามฯ จตุตฺถวาเร อรูปชฺฌานานิ รูปานํ นิสฺสรณํ นามฯ อจฺจนฺตนิสฺสรเณ เจตฺถ อรหตฺตผลํ โยเชตพฺพํฯ
Ayaṃ pana viseso, dutiyavāre mettājhānāni byāpādassa nissaraṇaṃ nāma. Tatiyavāre karuṇājhānāni vihiṃsāya nissaraṇaṃ nāma. Catutthavāre arūpajjhānāni rūpānaṃ nissaraṇaṃ nāma. Accantanissaraṇe cettha arahattaphalaṃ yojetabbaṃ.
ปญฺจมวาเร สกฺกายํ มนสิกโรโตติ สุทฺธสงฺขาเร ปริคฺคณฺหิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตสฺส สุกฺขวิปสฺสกสฺส ผลสมาปตฺติโต วุฎฺฐาย วีมํสนตฺถํ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธาภิมุขํ จิตฺตํ เปเสนฺตสฺสฯ อิทมกฺขาตํ สกฺกายนิสฺสรณนฺติ อิทํ อรหตฺตมเคฺคน จ ผเลน จ นิพฺพานํ ทิสฺวา ฐิตสฺส ภิกฺขุโน ปุน สกฺกาโย นตฺถีติ อุปฺปนฺนํ อรหตฺตผลสมาปตฺติจิตฺตํ สกฺกายสฺส นิสฺสรณนฺติ อกฺขาตํฯ
Pañcamavāre sakkāyaṃ manasikarototi suddhasaṅkhāre pariggaṇhitvā arahattaṃ pattassa sukkhavipassakassa phalasamāpattito vuṭṭhāya vīmaṃsanatthaṃ pañcupādānakkhandhābhimukhaṃ cittaṃ pesentassa. Idamakkhātaṃ sakkāyanissaraṇanti idaṃ arahattamaggena ca phalena ca nibbānaṃ disvā ṭhitassa bhikkhuno puna sakkāyo natthīti uppannaṃ arahattaphalasamāpatticittaṃ sakkāyassa nissaraṇanti akkhātaṃ.
วิมุตฺตายตนปญฺจกวณฺณนา
Vimuttāyatanapañcakavaṇṇanā
๓๒๒. วิมุตฺตายตนานีติ วิมุจฺจนการณานิฯ อตฺถปฎิสํเวทิโนติ ปาฬิอตฺถํ ชานนฺตสฺสฯ ธมฺมปฎิสํเวทิโนติ ปาฬิํ ชานนฺตสฺสฯ ปาโมชฺชนฺติ ตรุณปีติฯ ปีตีติ ตุฎฺฐาการภูตา พลวปีติฯ กาโยติ นามกาโย ปฎิปสฺสมฺภติฯ สุขํ เวทยตีติ สุขํ ปฎิลภติฯ จิตฺตํ สมาธิยตีติ อรหตฺตผลสมาธินา สมาธิยติฯ อยญฺหิ ตํ ธมฺมํ สุณโนฺต อาคตาคตฎฺฐาเน ฌานวิปสฺสนามคฺคผลานิ ชานาติ, ตสฺส เอวํ ชานโต ปีติ อุปฺปชฺชติฯ โส ตสฺสา ปีติยา อนฺตรา โอสกฺกิตุํ น เทโนฺต อุปจารกมฺมฎฺฐานิโก หุตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติฯ เสเสสุปิ เอเสว นโย ฯ อยํ ปน วิเสโส, สมาธินิมิตฺตนฺติ อฎฺฐติํสาย อารมฺมเณสุ อญฺญตโร สมาธิเยว สมาธินิมิตฺตํฯ สุคฺคหิตํ โหตีติอาทีสุ อาจริยสนฺติเก กมฺมฎฺฐานํ อุคฺคณฺหเนฺตน สุฎฺฐุ คหิตํ โหติฯ สุฎฺฐุ มนสิกตนฺติ สุฎฺฐุ อุปธาริตํฯ สุปฺปฎิวิทฺธํ ปญฺญายาติ ปญฺญาย สุฎฺฐุ ปจฺจกฺขํ กตํฯ ตสฺมิํ ธเมฺมติ ตสฺมิํ กมฺมฎฺฐานปาฬิธเมฺมฯ
322.Vimuttāyatanānīti vimuccanakāraṇāni. Atthapaṭisaṃvedinoti pāḷiatthaṃ jānantassa. Dhammapaṭisaṃvedinoti pāḷiṃ jānantassa. Pāmojjanti taruṇapīti. Pītīti tuṭṭhākārabhūtā balavapīti. Kāyoti nāmakāyo paṭipassambhati. Sukhaṃ vedayatīti sukhaṃ paṭilabhati. Cittaṃ samādhiyatīti arahattaphalasamādhinā samādhiyati. Ayañhi taṃ dhammaṃ suṇanto āgatāgataṭṭhāne jhānavipassanāmaggaphalāni jānāti, tassa evaṃ jānato pīti uppajjati. So tassā pītiyā antarā osakkituṃ na dento upacārakammaṭṭhāniko hutvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇāti. Taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘cittaṃ samādhiyatī’’ti. Sesesupi eseva nayo . Ayaṃ pana viseso, samādhinimittanti aṭṭhatiṃsāya ārammaṇesu aññataro samādhiyeva samādhinimittaṃ. Suggahitaṃ hotītiādīsu ācariyasantike kammaṭṭhānaṃ uggaṇhantena suṭṭhu gahitaṃ hoti. Suṭṭhu manasikatanti suṭṭhu upadhāritaṃ. Suppaṭividdhaṃ paññāyāti paññāya suṭṭhu paccakkhaṃ kataṃ. Tasmiṃ dhammeti tasmiṃ kammaṭṭhānapāḷidhamme.
วิมุตฺติปริปาจนียาติ วิมุตฺติ วุจฺจติ อรหตฺตํ, ตํ ปริปาเจนฺตีติ วิมุตฺติปริปาจนียาฯ อนิจฺจสญฺญาติ อนิจฺจานุปสฺสนาญาเณ อุปฺปนฺนสญฺญาฯ อนิเจฺจ ทุกฺขสญฺญาติ ทุกฺขานุปสฺสนาญาเณ อุปฺปนฺนสญฺญาฯ ทุเกฺข อนตฺตสญฺญาติ อนตฺตานุปสฺสนาญาเณ อุปฺปนฺนสญฺญาฯ ปหานสญฺญาติ ปหานานุปสฺสนาญาเณ อุปฺปนฺนสญฺญาฯ วิราคสญฺญาติ วิราคานุปสฺสนาญาเณ อุปฺปนฺนสญฺญาฯ
Vimuttiparipācanīyāti vimutti vuccati arahattaṃ, taṃ paripācentīti vimuttiparipācanīyā. Aniccasaññāti aniccānupassanāñāṇe uppannasaññā. Anicce dukkhasaññāti dukkhānupassanāñāṇe uppannasaññā. Dukkhe anattasaññāti anattānupassanāñāṇe uppannasaññā. Pahānasaññāti pahānānupassanāñāṇe uppannasaññā. Virāgasaññāti virāgānupassanāñāṇe uppannasaññā.
‘‘อิเม โข อาวุโส’’ติอาทิ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํฯ อิติ ฉพฺพีสติยา ปญฺจกานํ วเสน ติํสสตปเญฺห กเถโนฺต เถโร สามคฺคิรสํ ทเสฺสสีติฯ
‘‘Ime kho āvuso’’tiādi vuttanayeneva yojetabbaṃ. Iti chabbīsatiyā pañcakānaṃ vasena tiṃsasatapañhe kathento thero sāmaggirasaṃ dassesīti.
ปญฺจกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pañcakavaṇṇanā niṭṭhitā.
ฉกฺกวณฺณนา
Chakkavaṇṇanā
๓๒๓. อิติ ปญฺจกวเสน สามคฺคิรสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ฉกฺกวเสน ทเสฺสตุํ ปุน เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ อชฺฌตฺติกานีติ อชฺฌตฺตชฺฌตฺติกานิฯ พาหิรานีติ ตโต อชฺฌตฺตชฺฌตฺตโต พหิภูตานิฯ วิตฺถารโต ปน อายตนกถา วิสุทฺธิมเคฺค กถิตาวฯ วิญฺญาณกายาติ วิญฺญาณสมูหาฯ จกฺขุวิญฺญาณนฺติ จกฺขุปสาทนิสฺสิตํ กุสลากุสลวิปากวิญฺญาณํฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ จกฺขุสมฺผโสฺสติ จกฺขุนิสฺสิโต สมฺผโสฺสฯ โสตสมฺผสฺสาทีสุปิ เอเสว นโยฯ มโนสมฺผโสฺสติ อิเม ทส สมฺผเสฺส ฐเปตฺวา เสโส สโพฺพ มโนสมฺผโสฺส นามฯ เวทนาฉกฺกมฺปิ เอเตเนว นเยน เวทิตพฺพํฯ รูปสญฺญาติ รูปํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปนฺนา สญฺญาฯ เอเตนุปาเยน เสสาปิ เวทิตพฺพาฯ เจตนาฉเกฺกปิ เอเสว นโยฯ ตถา ตณฺหาฉเกฺกฯ
323. Iti pañcakavasena sāmaggirasaṃ dassetvā idāni chakkavasena dassetuṃ puna desanaṃ ārabhi. Tattha ajjhattikānīti ajjhattajjhattikāni. Bāhirānīti tato ajjhattajjhattato bahibhūtāni. Vitthārato pana āyatanakathā visuddhimagge kathitāva. Viññāṇakāyāti viññāṇasamūhā. Cakkhuviññāṇanti cakkhupasādanissitaṃ kusalākusalavipākaviññāṇaṃ. Esa nayo sabbattha. Cakkhusamphassoti cakkhunissito samphasso. Sotasamphassādīsupi eseva nayo. Manosamphassoti ime dasa samphasse ṭhapetvā seso sabbo manosamphasso nāma. Vedanāchakkampi eteneva nayena veditabbaṃ. Rūpasaññāti rūpaṃ ārammaṇaṃ katvā uppannā saññā. Etenupāyena sesāpi veditabbā. Cetanāchakkepi eseva nayo. Tathā taṇhāchakke.
อคารโวติ คารววิรหิโตฯ อปฺปติโสฺสติ อปฺปติสฺสโย อนีจวุตฺติฯ เอตฺถ ปน โย ภิกฺขุ สตฺถริ ธรมาเน ตีสุ กาเลสุ อุปฎฺฐานํ น ยาติฯ สตฺถริ อนุปาหเน จงฺกมเนฺต สอุปาหโน จงฺกมติ, นีเจ จงฺกมเนฺต อุเจฺจ จงฺกมติ, เหฎฺฐา วสเนฺต อุปริ วสติ, สตฺถุทสฺสนฎฺฐาเน อุโภ อํเส ปารุปติ, ฉตฺตํ ธาเรติ, อุปาหนํ ธาเรติ, นหายติ, อุจฺจารํ วา ปสฺสาวํ วา กโรติฯ ปรินิพฺพุเต ปน เจติยํ วนฺทิตุํ น คจฺฉติ, เจติยสฺส ปญฺญายนฎฺฐาเน สตฺถุทสฺสนฎฺฐาเน วุตฺตํ สพฺพํ กโรติ, อยํ สตฺถริ อคารโว นามฯ โย ปน ธมฺมสฺสวเน สํฆุเฎฺฐ สกฺกจฺจํ น คจฺฉติ, สกฺกจฺจํ ธมฺมํ น สุณาติ, สมุลฺลปโนฺต นิสีทติ, สกฺกจฺจํ น คณฺหาติ, น วาเจติ, อยํ ธเมฺม อคารโว นามฯ โย ปน เถเรน ภิกฺขุนา อนชฺฌิโฎฺฐ ธมฺมํ เทเสติ, นิสีทติ, ปญฺหํ กเถติ, วุเฑฺฒ ภิกฺขู ฆเฎฺฎโนฺต คจฺฉติ, ติฎฺฐติ, นิสีทติ, ทุสฺสปลฺลตฺถิกํ วา หตฺถปลฺลตฺถิกํ วา กโรติ, สงฺฆมเชฺฌ อุโภ อํเส ปารุปติ, ฉตฺตุปาหนํ ธาเรติ, อยํ สเงฺฆ อคารโว นามฯ เอกภิกฺขุสฺมิมฺปิ หิ อคารเว กเต สเงฺฆ อคารโว กโตว โหติฯ ติโสฺส สิกฺขา ปน อปูรยมาโนว สิกฺขาย อคารโว นามฯ อปฺปมาทลกฺขณํ อนนุพฺรูหยมาโน อปฺปมาเท อคารโว นามฯ ทุวิธมฺปิ ปฎิสนฺถารํ อกโรโนฺต ปฎิสนฺถาเร อคารโว นามฯ ฉ คารวา วุตฺตปฺปฎิปกฺขวเสน เวทิตพฺพาฯ
Agāravoti gāravavirahito. Appatissoti appatissayo anīcavutti. Ettha pana yo bhikkhu satthari dharamāne tīsu kālesu upaṭṭhānaṃ na yāti. Satthari anupāhane caṅkamante saupāhano caṅkamati, nīce caṅkamante ucce caṅkamati, heṭṭhā vasante upari vasati, satthudassanaṭṭhāne ubho aṃse pārupati, chattaṃ dhāreti, upāhanaṃ dhāreti, nahāyati, uccāraṃ vā passāvaṃ vā karoti. Parinibbute pana cetiyaṃ vandituṃ na gacchati, cetiyassa paññāyanaṭṭhāne satthudassanaṭṭhāne vuttaṃ sabbaṃ karoti, ayaṃ satthari agāravo nāma. Yo pana dhammassavane saṃghuṭṭhe sakkaccaṃ na gacchati, sakkaccaṃ dhammaṃ na suṇāti, samullapanto nisīdati, sakkaccaṃ na gaṇhāti, na vāceti, ayaṃ dhamme agāravo nāma. Yo pana therena bhikkhunā anajjhiṭṭho dhammaṃ deseti, nisīdati, pañhaṃ katheti, vuḍḍhe bhikkhū ghaṭṭento gacchati, tiṭṭhati, nisīdati, dussapallatthikaṃ vā hatthapallatthikaṃ vā karoti, saṅghamajjhe ubho aṃse pārupati, chattupāhanaṃ dhāreti, ayaṃ saṅghe agāravo nāma. Ekabhikkhusmimpi hi agārave kate saṅghe agāravo katova hoti. Tisso sikkhā pana apūrayamānova sikkhāya agāravo nāma. Appamādalakkhaṇaṃ ananubrūhayamāno appamāde agāravo nāma. Duvidhampi paṭisanthāraṃ akaronto paṭisanthāre agāravo nāma. Cha gāravā vuttappaṭipakkhavasena veditabbā.
โสมนสฺสูปวิจาราติ โสมนสฺสสมฺปยุตฺตา วิจาราฯ โสมนสฺสฎฺฐานิยนฺติ โสมนสฺสการณภูตํฯ อุปวิจรตีติ วิตเกฺกน วิตเกฺกตฺวา วิจาเรน ปริจฺฉินฺทติฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ โทมนสฺสูปวิจาราปิ เอวเมว เวทิตพฺพาฯ ตถา อุเปกฺขูปวิจาราฯ สารณียธมฺมา เหฎฺฐา วิตฺถาริตาฯ ทิฎฺฐิสามญฺญคโตติ อิมินา ปน ปเทน โกสมฺพกสุเตฺต ปฐมมโคฺค กถิโตฯ อิธ จตฺตาโรปิ มคฺคาฯ
Somanassūpavicārāti somanassasampayuttā vicārā. Somanassaṭṭhāniyanti somanassakāraṇabhūtaṃ. Upavicaratīti vitakkena vitakketvā vicārena paricchindati. Esa nayo sabbattha. Domanassūpavicārāpi evameva veditabbā. Tathā upekkhūpavicārā. Sāraṇīyadhammā heṭṭhā vitthāritā. Diṭṭhisāmaññagatoti iminā pana padena kosambakasutte paṭhamamaggo kathito. Idha cattāropi maggā.
วิวาทมูลฉกฺกวณฺณนา
Vivādamūlachakkavaṇṇanā
๓๒๕. วิวาทมูลานีติ วิวาทสฺส มูลานิฯ โกธโนติ กุชฺฌนลกฺขเณน โกเธน สมนฺนาคโตฯ อุปนาหีติ เวรอปฺปฎินิสฺสคฺคลกฺขเณน อุปนาเหน สมนฺนาคโตฯ อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานนฺติ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ วิวาโท กถํ เทวมนุสฺสานํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตติฯ โกสมฺพกกฺขนฺธเก วิย ทฺวีสุ ภิกฺขูสุ วิวาทํ อาปเนฺนสุ ตสฺมิํ วิหาเร เตสํ อเนฺตวาสิกา วิวทนฺติฯ เตสํ โอวาทํ คณฺหโนฺต ภิกฺขุนิสโงฺฆ วิวทติฯ ตโต เตสํ อุปฎฺฐากา วิวทนฺติฯ อถ มนุสฺสานํ อารกฺขเทวตา เทฺว โกฎฺฐาสา โหนฺติฯ ตตฺถ ธมฺมวาทีนํ อารกฺขเทวตา ธมฺมวาทินิโย โหนฺติ อธมฺมวาทีนํ อธมฺมวาทินิโยฯ ตโต อารกฺขเทวตานํ มิตฺตา ภุมฺมา เทวตา ภิชฺชนฺติฯ เอวํ ปรมฺปรา ยาว พฺรหฺมโลกา ฐเปตฺวา อริยสาวเก สเพฺพ เทวมนุสฺสา เทฺว โกฎฺฐาสา โหนฺติฯ ธมฺมวาทีหิ ปน อธมฺมวาทิโนว พหุตรา โหนฺติฯ ตโต ‘‘ยํ พหุเกหิ คหิตํ, ตํ ตจฺฉ’’นฺติ ธมฺมํ วิสฺสเชฺชตฺวา พหุตราว อธมฺมํ คณฺหนฺติฯ เต อธมฺมํ ปุรกฺขตฺวา วทนฺตา อปาเยสุ นิพฺพตฺตนฺติฯ เอวํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ วิวาโท เทวมนุสฺสานํ อหิตาย ทุกฺขาย โหติฯ
325.Vivādamūlānīti vivādassa mūlāni. Kodhanoti kujjhanalakkhaṇena kodhena samannāgato. Upanāhīti veraappaṭinissaggalakkhaṇena upanāhena samannāgato. Ahitāya dukkhāya devamanussānanti dvinnaṃ bhikkhūnaṃ vivādo kathaṃ devamanussānaṃ ahitāya dukkhāya saṃvattati. Kosambakakkhandhake viya dvīsu bhikkhūsu vivādaṃ āpannesu tasmiṃ vihāre tesaṃ antevāsikā vivadanti. Tesaṃ ovādaṃ gaṇhanto bhikkhunisaṅgho vivadati. Tato tesaṃ upaṭṭhākā vivadanti. Atha manussānaṃ ārakkhadevatā dve koṭṭhāsā honti. Tattha dhammavādīnaṃ ārakkhadevatā dhammavādiniyo honti adhammavādīnaṃ adhammavādiniyo. Tato ārakkhadevatānaṃ mittā bhummā devatā bhijjanti. Evaṃ paramparā yāva brahmalokā ṭhapetvā ariyasāvake sabbe devamanussā dve koṭṭhāsā honti. Dhammavādīhi pana adhammavādinova bahutarā honti. Tato ‘‘yaṃ bahukehi gahitaṃ, taṃ taccha’’nti dhammaṃ vissajjetvā bahutarāva adhammaṃ gaṇhanti. Te adhammaṃ purakkhatvā vadantā apāyesu nibbattanti. Evaṃ dvinnaṃ bhikkhūnaṃ vivādo devamanussānaṃ ahitāya dukkhāya hoti.
อชฺฌตฺตํ วาติ ตุมฺหากํ อพฺภนฺตรปริสายฯ พหิทฺธา วาติ ปเรสํ ปริสายฯ
Ajjhattaṃ vāti tumhākaṃ abbhantaraparisāya. Bahiddhā vāti paresaṃ parisāya.
มกฺขีติ ปเรสํ คุณมกฺขนลกฺขเณน มเกฺขน สมนฺนาคโตฯ ปฬาสีติ ยุคคฺคาหลกฺขเณน ปฬาเสน สมนฺนาคโตฯ อิสฺสุกีติ ปรสกฺการาทีนิ อิสฺสายนลกฺขณาย อิสฺสาย สมนฺนาคโตฯ มจฺฉรีติ อาวาสมจฺฉริยาทีหิ สมนฺนาคโตฯ สโฐติ เกราฎิโกฯ มายาวีติ กตปาปปฎิจฺฉาทโกฯ ปาปิโจฺฉติ อสนฺตสมฺภาวนิจฺฉโก ทุสฺสีโลฯ มิจฺฉาทิฎฺฐีติ นตฺถิกวาที อเหตุกวาที อกิริยวาทีฯ สนฺทิฎฺฐิปรามาสีติ สยํ ทิฎฺฐิเมว ปรามสติฯ อาธานคฺคาหีติ ทฬฺหคฺคาหีฯ ทุปฺปฎินิสฺสคฺคีติ น สกฺกา โหติ คหิตํ วิสฺสชฺชาเปตุํฯ
Makkhīti paresaṃ guṇamakkhanalakkhaṇena makkhena samannāgato. Paḷāsīti yugaggāhalakkhaṇena paḷāsena samannāgato. Issukīti parasakkārādīni issāyanalakkhaṇāya issāya samannāgato. Maccharīti āvāsamacchariyādīhi samannāgato. Saṭhoti kerāṭiko. Māyāvīti katapāpapaṭicchādako. Pāpicchoti asantasambhāvanicchako dussīlo. Micchādiṭṭhīti natthikavādī ahetukavādī akiriyavādī. Sandiṭṭhiparāmāsīti sayaṃ diṭṭhimeva parāmasati. Ādhānaggāhīti daḷhaggāhī. Duppaṭinissaggīti na sakkā hoti gahitaṃ vissajjāpetuṃ.
ปถวีธาตูติ ปติฎฺฐาธาตุฯ อาโปธาตูติ อาพนฺธนธาตุฯ เตโชธาตูติ ปริปาจนธาตุฯ วาโยธาตูติ วิตฺถมฺภนธาตุฯ อากาสธาตูติ อสมฺผุฎฺฐธาตุฯ วิญฺญาณธาตูติ วิชานนธาตุฯ
Pathavīdhātūti patiṭṭhādhātu. Āpodhātūti ābandhanadhātu. Tejodhātūti paripācanadhātu. Vāyodhātūti vitthambhanadhātu. Ākāsadhātūti asamphuṭṭhadhātu. Viññāṇadhātūti vijānanadhātu.
นิสฺสรณิยฉกฺกวณฺณนา
Nissaraṇiyachakkavaṇṇanā
๓๒๖. นิสฺสรณิยา ธาตุโยติ นิสฺสฎธาตุโยวฯ ปริยาทาย ติฎฺฐตีติ ปริยาทิยิตฺวา หาเปตฺวา ติฎฺฐติฯ ‘มา เหวนฺติสฺส วจนีโย’ติ ยสฺมา อภูตํ พฺยากรณํ พฺยากโรติ, ตสฺมา มา เอวํ ภณีติ วตฺตโพฺพฯ ยทิทํ เมตฺตาเจโตวิมุตฺตีติ ยา อยํ เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ, อิทํ นิสฺสรณํ พฺยาปาทสฺส, พฺยาปาทโต นิสฺสฎาติ อโตฺถฯ โย ปน เมตฺตาย ติกจตุกฺกชฺฌานโต วุฎฺฐิโต สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา ตติยมคฺคํ ปตฺวา ‘‘ปุน พฺยาปาโท นตฺถี’’ติ ตติยผเลน นิพฺพานํ ปสฺสติ, ตสฺส จิตฺตํ อจฺจนฺตํ นิสฺสรณํ พฺยาปาทสฺสฯ เอเตนุปาเยน สพฺพตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
326.Nissaraṇiyā dhātuyoti nissaṭadhātuyova. Pariyādāya tiṭṭhatīti pariyādiyitvā hāpetvā tiṭṭhati. ‘Mā hevantissa vacanīyo’ti yasmā abhūtaṃ byākaraṇaṃ byākaroti, tasmā mā evaṃ bhaṇīti vattabbo. Yadidaṃ mettācetovimuttīti yā ayaṃ mettācetovimutti, idaṃ nissaraṇaṃ byāpādassa, byāpādato nissaṭāti attho. Yo pana mettāya tikacatukkajjhānato vuṭṭhito saṅkhāre sammasitvā tatiyamaggaṃ patvā ‘‘puna byāpādo natthī’’ti tatiyaphalena nibbānaṃ passati, tassa cittaṃ accantaṃ nissaraṇaṃ byāpādassa. Etenupāyena sabbattha attho veditabbo.
อนิมิตฺตา เจโตวิมุตฺตีติ อรหตฺตผลสมาปตฺติฯ สา หิ ราคนิมิตฺตาทีนเญฺจว รูปนิมิตฺตาทีนญฺจ นิจฺจนิมิตฺตาทีนญฺจ อภาวา ‘‘อนิมิตฺตา’’ติ วุตฺตาฯ นิมิตฺตานุสารีติ วุตฺตปฺปเภทํ นิมิตฺตํ อนุสรตีติ นิมิตฺตานุสารีฯ
Animittācetovimuttīti arahattaphalasamāpatti. Sā hi rāganimittādīnañceva rūpanimittādīnañca niccanimittādīnañca abhāvā ‘‘animittā’’ti vuttā. Nimittānusārīti vuttappabhedaṃ nimittaṃ anusaratīti nimittānusārī.
อสฺมีติ อสฺมิมาโนฯ อยมหมสฺมีติ ปญฺจสุ ขเนฺธสุ อยํ นาม อหํ อสฺมีติ เอตฺตาวตา อรหตฺตํ พฺยากตํ โหติฯ วิจิกิจฺฉากถํกถาสลฺลนฺติ วิจิกิจฺฉาภูตํ กถํกถาสลฺลํฯ ‘มา เหวนฺติสฺส วจนีโย’ติ สเจ เต ปฐมมคฺควชฺฌา วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, อรหตฺตพฺยากรณํ มิจฺฉา โหติ, ตสฺมา มา อภูตํ ภณีติ วาเรตโพฺพฯ อสฺมิมานสมุคฺฆาโตติ อรหตฺตมโคฺคฯ อรหตฺตมคฺคผลวเสน หิ นิพฺพาเน ทิเฎฺฐ ปุน อสฺมิมาโน นตฺถีติ อรหตฺตมโคฺค อสฺมิมานสมุคฺฆาโตติ วุโตฺตฯ
Asmīti asmimāno. Ayamahamasmīti pañcasu khandhesu ayaṃ nāma ahaṃ asmīti ettāvatā arahattaṃ byākataṃ hoti. Vicikicchākathaṃkathāsallanti vicikicchābhūtaṃ kathaṃkathāsallaṃ. ‘Mā hevantissa vacanīyo’ti sace te paṭhamamaggavajjhā vicikicchā uppajjati, arahattabyākaraṇaṃ micchā hoti, tasmā mā abhūtaṃ bhaṇīti vāretabbo. Asmimānasamugghātoti arahattamaggo. Arahattamaggaphalavasena hi nibbāne diṭṭhe puna asmimāno natthīti arahattamaggo asmimānasamugghātoti vutto.
อนุตฺตริยาทิฉกฺกวณฺณนา
Anuttariyādichakkavaṇṇanā
๓๒๗. อนุตฺตริยานีติ อนุตฺตรานิ เชฎฺฐกานิฯ ทสฺสเนสุ อนุตฺตริยํ ทสฺสนานุตฺตริยํฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ หตฺถิรตนาทีนํ ทสฺสนํ น ทสฺสนานุตฺตริยํ, นิวิฎฺฐสทฺธสฺส ปน นิวิฎฺฐเปมวเสน ทสพลสฺส วา ภิกฺขุสงฺฆสฺส วา กสิณาสุภนิมิตฺตาทีนํ วา อญฺญตรสฺส ทสฺสนํ ทสฺสนานุตฺตริยํ นามฯ ขตฺติยาทีนํ คุณกถาสวนํ น สวนานุตฺตริยํ, นิวิฎฺฐสทฺธสฺส ปน นิวิฎฺฐเปมวเสน ติณฺณํ วา รตนานํ คุณกถาสวนํ เตปิฎกพุทฺธวจนสวนํ วา สวนานุตฺตริยํ นามฯ มณิรตนาทิลาโภ น ลาภานุตฺตริยํ, สตฺตวิธอริยธนลาโภ ปน ลาภานุตฺตริยํ นามฯ หตฺถิสิปฺปาทิสิกฺขนํ น สิกฺขานุตฺตริยํ, สิกฺขตฺตยปูรณํ ปน สิกฺขานุตฺตริยํ นามฯ ขตฺติยาทีนํ ปาริจริยา น ปาริจริยานุตฺตริยํ, ติณฺณํ ปน รตนานํ ปาริจริยา ปาริจริยานุตฺตริยํ นามฯ ขตฺติยาทีนํ คุณานุสฺสรณํ นานุสฺสตานุตฺตริยํ, ติณฺณํ ปน รตนานํ คุณานุสฺสรณํ อนุสฺสตานุตฺตริยํ นามฯ
327.Anuttariyānīti anuttarāni jeṭṭhakāni. Dassanesu anuttariyaṃ dassanānuttariyaṃ. Sesapadesupi eseva nayo. Tattha hatthiratanādīnaṃ dassanaṃ na dassanānuttariyaṃ, niviṭṭhasaddhassa pana niviṭṭhapemavasena dasabalassa vā bhikkhusaṅghassa vā kasiṇāsubhanimittādīnaṃ vā aññatarassa dassanaṃ dassanānuttariyaṃ nāma. Khattiyādīnaṃ guṇakathāsavanaṃ na savanānuttariyaṃ, niviṭṭhasaddhassa pana niviṭṭhapemavasena tiṇṇaṃ vā ratanānaṃ guṇakathāsavanaṃ tepiṭakabuddhavacanasavanaṃ vā savanānuttariyaṃ nāma. Maṇiratanādilābho na lābhānuttariyaṃ, sattavidhaariyadhanalābho pana lābhānuttariyaṃ nāma. Hatthisippādisikkhanaṃ na sikkhānuttariyaṃ, sikkhattayapūraṇaṃ pana sikkhānuttariyaṃ nāma. Khattiyādīnaṃ pāricariyā na pāricariyānuttariyaṃ, tiṇṇaṃ pana ratanānaṃ pāricariyā pāricariyānuttariyaṃ nāma. Khattiyādīnaṃ guṇānussaraṇaṃ nānussatānuttariyaṃ, tiṇṇaṃ pana ratanānaṃ guṇānussaraṇaṃ anussatānuttariyaṃ nāma.
อนุสฺสติโยว อนุสฺสติฎฺฐานานิ นามฯ พุทฺธานุสฺสตีติ พุทฺธสฺส คุณานุสฺสรณํฯ เอวํ อนุสฺสรโต หิ ปีติ อุปฺปชฺชติฯ โส ตํ ปีติํ ขยโต วยโต ปฎฺฐเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติฯ อุปจารกมฺมฎฺฐานํ นาเมตํ คิหีนมฺปิ ลพฺภติ, เอส นโย สพฺพตฺถฯ วิตฺถารกถา ปเนตฺถ วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ
Anussatiyova anussatiṭṭhānāni nāma. Buddhānussatīti buddhassa guṇānussaraṇaṃ. Evaṃ anussarato hi pīti uppajjati. So taṃ pītiṃ khayato vayato paṭṭhapetvā arahattaṃ pāpuṇāti. Upacārakammaṭṭhānaṃ nāmetaṃ gihīnampi labbhati, esa nayo sabbattha. Vitthārakathā panettha visuddhimagge vuttanayeneva veditabbā.
สตตวิหารฉกฺกวณฺณนา
Satatavihārachakkavaṇṇanā
๓๒๘. สตตวิหาราติ ขีณาสวสฺส นิจฺจวิหาราฯ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ จกฺขุทฺวารารมฺมเณ อาปาถคเต ตํ รูปํ จกฺขุวิญฺญาเณน ทิสฺวา ชวนกฺขเณ อิเฎฺฐ อรชฺชโนฺต เนว สุมโน โหติ, อนิเฎฺฐ อทุสฺสโนฺต น ทุมฺมโนฯ อสมเปกฺขเน โมหํ อนุปฺปาเทโนฺต อุเปกฺขโก วิหรติ มชฺฌโตฺต, สติยา ยุตฺตตฺตา สโต, สมฺปชเญฺญน ยุตฺตตฺตา สมฺปชาโนฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ อิติ ฉสุปิ ทฺวาเรสุ อุเปกฺขโก วิหรตีติ อิมินา ฉฬงฺคุเปกฺขา กถิตาฯ สมฺปชาโนติ วจนโต ปน จตฺตาริ ญาณสมฺปยุตฺตจิตฺตานิ ลพฺภนฺติฯ สตตวิหาราติ วจนโต อฎฺฐปิ มหาจิตฺตานิ ลพฺภนฺติ อรชฺชโนฺต อทุสฺสโนฺตติ วจนโต ทสปิ จิตฺตานิ ลพฺภนฺติฯ โสมนสฺสํ กถํ ลพฺภตีติ เจ อาเสวนโต ลพฺภติฯ
328.Satatavihārāti khīṇāsavassa niccavihārā. Cakkhunā rūpaṃ disvāti cakkhudvārārammaṇe āpāthagate taṃ rūpaṃ cakkhuviññāṇena disvā javanakkhaṇe iṭṭhe arajjanto neva sumano hoti, aniṭṭhe adussanto na dummano. Asamapekkhane mohaṃ anuppādento upekkhako viharati majjhatto, satiyā yuttattā sato, sampajaññena yuttattā sampajāno. Sesapadesupi eseva nayo. Iti chasupi dvāresu upekkhako viharatīti iminā chaḷaṅgupekkhā kathitā. Sampajānoti vacanato pana cattāri ñāṇasampayuttacittāni labbhanti. Satatavihārāti vacanato aṭṭhapi mahācittāni labbhanti arajjanto adussantoti vacanato dasapi cittāni labbhanti. Somanassaṃ kathaṃ labbhatīti ce āsevanato labbhati.
อภิชาติฉกฺกวณฺณนา
Abhijātichakkavaṇṇanā
๓๒๙. อภิชาติโยติ ชาติโยฯ กณฺหาภิชาติโก สมาโนติ กเณฺห นีจกุเล ชาโต หุตฺวาฯ กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายตีติ กาฬกํ ทสทุสฺสีลฺยธมฺมํ ปสวติ กโรติฯ โส ตํ อภิชายิตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตติฯ สุกฺกํ ธมฺมนฺติ อหํ ปุเพฺพปิ ปุญฺญานํ อกตตฺตา นีจกุเล นิพฺพโตฺตฯ อิทานิ ปุญฺญํ กโรมีติ ปุญฺญสงฺขาตํ ปณฺฑรํ ธมฺมํ อภิชายติฯ โส เตน สเคฺค นิพฺพตฺตติฯ อกณฺหํ อสุกฺกํ นิพฺพานนฺติ นิพฺพานญฺหิ สเจ กณฺหํ ภเวยฺย, กณฺหวิปากํ ทเทยฺยฯ สเจ สุกฺกํ, สุกฺกวิปากํ ทเทยฺยฯ ทฺวินฺนมฺปิ อปฺปทานโต ปน ‘‘อกณฺหํ อสุกฺก’’นฺติ วุตฺตํฯ นิพฺพานญฺจ นาม อิมสฺมิํ อเตฺถ อรหตฺตํ อธิเปฺปตํฯ ตญฺหิ กิเลสนิพฺพานเนฺต ชาตตฺตา นิพฺพานํ นามฯ ตํ เอส อภิชายติ ปสวติ กโรติฯ สุกฺกาภิชาติโก สมาโนติ สุเกฺก อุจฺจกุเล ชาโต หุตฺวาฯ เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
329.Abhijātiyoti jātiyo. Kaṇhābhijātiko samānoti kaṇhe nīcakule jāto hutvā. Kaṇhaṃ dhammaṃ abhijāyatīti kāḷakaṃ dasadussīlyadhammaṃ pasavati karoti. So taṃ abhijāyitvā niraye nibbattati. Sukkaṃ dhammanti ahaṃ pubbepi puññānaṃ akatattā nīcakule nibbatto. Idāni puññaṃ karomīti puññasaṅkhātaṃ paṇḍaraṃ dhammaṃ abhijāyati. So tena sagge nibbattati. Akaṇhaṃ asukkaṃ nibbānanti nibbānañhi sace kaṇhaṃ bhaveyya, kaṇhavipākaṃ dadeyya. Sace sukkaṃ, sukkavipākaṃ dadeyya. Dvinnampi appadānato pana ‘‘akaṇhaṃ asukka’’nti vuttaṃ. Nibbānañca nāma imasmiṃ atthe arahattaṃ adhippetaṃ. Tañhi kilesanibbānante jātattā nibbānaṃ nāma. Taṃ esa abhijāyati pasavati karoti. Sukkābhijātiko samānoti sukke uccakule jāto hutvā. Sesaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ.
นิเพฺพธภาคิยฉกฺกวณฺณนา
Nibbedhabhāgiyachakkavaṇṇanā
นิเพฺพธภาคิยาติ นิเพฺพโธ วุจฺจติ นิพฺพานํ, ตํ ภชนฺติ อุปคจฺฉนฺตีติ นิเพฺพธภาคิยาฯ อนิจฺจสญฺญาทโย ปญฺจเก วุตฺตาฯ นิโรธานุปสฺสนาญาเณ สญฺญา นิโรธสญฺญา นามฯ
Nibbedhabhāgiyāti nibbedho vuccati nibbānaṃ, taṃ bhajanti upagacchantīti nibbedhabhāgiyā. Aniccasaññādayo pañcake vuttā. Nirodhānupassanāñāṇe saññā nirodhasaññā nāma.
‘‘อิเม โข, อาวุโส’’ติอาทิ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํฯ อิติ ทฺวาวีสติยา ฉกฺกานํ วเสน พาตฺติํสสตปเญฺห กเถโนฺต เถโร สามคฺคิรสํ ทเสฺสสีติฯ
‘‘Ime kho, āvuso’’tiādi vuttanayeneva yojetabbaṃ. Iti dvāvīsatiyā chakkānaṃ vasena bāttiṃsasatapañhe kathento thero sāmaggirasaṃ dassesīti.
ฉกฺกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Chakkavaṇṇanā niṭṭhitā.
สตฺตกวณฺณนา
Sattakavaṇṇanā
๓๓๐. อิติ ฉกฺกวเสน สามคฺคิรสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สตฺตกวเสน ทเสฺสตุํ ปุน เทสนํ อารภิฯ
330. Iti chakkavasena sāmaggirasaṃ dassetvā idāni sattakavasena dassetuṃ puna desanaṃ ārabhi.
ตตฺถ สมฺปตฺติปฎิลาภเฎฺฐน สทฺธาว ธนํ สทฺธาธนํฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ ปญฺญาธนํ ปเนตฺถ สพฺพเสฎฺฐํฯ ปญฺญาย หิ ฐตฺวา ตีณิ สุจริตานิ ปญฺจสีลานิ ทสสีลานิ ปูเรตฺวา สคฺคูปคา โหนฺติ, สาวกปารมีญาณํ, ปเจฺจกโพธิญาณํ, สพฺพญฺญุตญฺญาณญฺจ ปฎิวิชฺฌนฺติฯ อิมาสํ สมฺปตฺตีนํ ปฎิลาภการณโต ปญฺญา ‘‘ธน’’นฺติ วุตฺตาฯ สตฺตปิ เจตานิ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกาเนว กถิตานิฯ โพชฺฌงฺคกถา กถิตาวฯ
Tattha sampattipaṭilābhaṭṭhena saddhāva dhanaṃ saddhādhanaṃ. Esa nayo sabbattha. Paññādhanaṃ panettha sabbaseṭṭhaṃ. Paññāya hi ṭhatvā tīṇi sucaritāni pañcasīlāni dasasīlāni pūretvā saggūpagā honti, sāvakapāramīñāṇaṃ, paccekabodhiñāṇaṃ, sabbaññutaññāṇañca paṭivijjhanti. Imāsaṃ sampattīnaṃ paṭilābhakāraṇato paññā ‘‘dhana’’nti vuttā. Sattapi cetāni lokiyalokuttaramissakāneva kathitāni. Bojjhaṅgakathā kathitāva.
สมาธิปริกฺขาราติ สมาธิปริวาราฯ สมฺมาทิฎฺฐาทีนิ วุตฺตตฺถาเนวฯ อิเมปิ สตฺต ปริกฺขารา โลกิยโลกุตฺตราว กถิตาฯ
Samādhiparikkhārāti samādhiparivārā. Sammādiṭṭhādīni vuttatthāneva. Imepi satta parikkhārā lokiyalokuttarāva kathitā.
อสตํ ธมฺมา อสนฺตา วา ธมฺมา ลามกา ธมฺมาติ อสทฺธมฺมาฯ วิปริยาเยน สทฺธมฺมา เวทิตพฺพาฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวฯ สทฺธเมฺมสุ ปน สทฺธาทโย สเพฺพปิ วิปสฺสกเสฺสว กถิตาฯ เตสุปิ ปญฺญา โลกิยโลกุตฺตราฯ อยํ วิเสโสฯ
Asataṃ dhammā asantā vā dhammā lāmakā dhammāti asaddhammā. Vipariyāyena saddhammā veditabbā. Sesamettha uttānatthameva. Saddhammesu pana saddhādayo sabbepi vipassakasseva kathitā. Tesupi paññā lokiyalokuttarā. Ayaṃ viseso.
สปฺปุริสานํ ธมฺมาติ สปฺปุริสธมฺมาฯ ตตฺถ สุตฺตเคยฺยาทิกํ ธมฺมํ ชานาตีติ ธมฺมญฺญูฯ ตสฺส ตเสฺสว ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานาตีติ อตฺถญฺญูฯ ‘‘เอตฺตโกมฺหิ สีเลน สมาธินา ปญฺญายา’’ติ เอวํ อตฺตานํ ชานาตีติ อตฺตญฺญูฯ ปฎิคฺคหณปริโภเคสุ มตฺตํ ชานาตีติ มตฺตญฺญูฯ อยํ กาโล อุเทฺทสสฺส, อยํ กาโล ปริปุจฺฉาย, อยํ กาโล โยคสฺส อธิคมายาติ เอวํ กาลํ ชานาตีติ กาลญฺญูฯ เอตฺถ จ ปญฺจ วสฺสานิ อุเทฺทสสฺส กาโลฯ ทส ปริปุจฺฉายฯ อิทํ อติสมฺพาธํฯ ทส วสฺสานิ ปน อุเทฺทสสฺส กาโลฯ วีสติ ปริปุจฺฉายฯ ตโต ปรํ โยเค กมฺมํ กาตพฺพํฯ อฎฺฐวิธํ ปริสํ ชานาตีติ ปริสญฺญูฯ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพํ ปุคฺคลํ ชานาตีติ ปุคฺคลญฺญูฯ
Sappurisānaṃ dhammāti sappurisadhammā. Tattha suttageyyādikaṃ dhammaṃ jānātīti dhammaññū. Tassa tasseva bhāsitassa atthaṃ jānātīti atthaññū. ‘‘Ettakomhi sīlena samādhinā paññāyā’’ti evaṃ attānaṃ jānātīti attaññū. Paṭiggahaṇaparibhogesu mattaṃ jānātīti mattaññū. Ayaṃ kālo uddesassa, ayaṃ kālo paripucchāya, ayaṃ kālo yogassa adhigamāyāti evaṃ kālaṃ jānātīti kālaññū. Ettha ca pañca vassāni uddesassa kālo. Dasa paripucchāya. Idaṃ atisambādhaṃ. Dasa vassāni pana uddesassa kālo. Vīsati paripucchāya. Tato paraṃ yoge kammaṃ kātabbaṃ. Aṭṭhavidhaṃ parisaṃ jānātīti parisaññū. Sevitabbāsevitabbaṃ puggalaṃ jānātīti puggalaññū.
๓๓๑. นิทฺทสวตฺถูนีติ นิทฺทสาทิวตฺถูนิฯ นิทฺทโส ภิกฺขุ, นิพฺพีโส, นิตฺติํโส, นิจฺจตฺตาลีโส, นิปฺปญฺญาโส ภิกฺขูติ เอวํ วจนการณานิฯ อยํ กิร ปโญฺห ติตฺถิยสมเย อุปฺปโนฺนฯ ติตฺถิยา หิ ทสวสฺสกาเล มตํ นิคณฺฐํ นิทฺทโสติ วทนฺติฯ โส กิร ปุน ทสวโสฺส น โหติฯ น เกวลญฺจ ทสวโสฺสวฯ นววโสฺสปิ…เป.… เอกวโสฺสปิ น โหติฯ เอเตเนว นเยน วีสติวสฺสาทิกาเลปิ มตํ นิพฺพีโส, นิตฺติํโส, นิจฺจตฺตาลีโส, นิปฺปญฺญาโสติ วทนฺติฯ อายสฺมา อานโนฺท คาเม วิจรโนฺต ตํ กถํ สุตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ภควโต อาโรเจสิฯ ภควา อาห –
331.Niddasavatthūnīti niddasādivatthūni. Niddaso bhikkhu, nibbīso, nittiṃso, niccattālīso, nippaññāso bhikkhūti evaṃ vacanakāraṇāni. Ayaṃ kira pañho titthiyasamaye uppanno. Titthiyā hi dasavassakāle mataṃ nigaṇṭhaṃ niddasoti vadanti. So kira puna dasavasso na hoti. Na kevalañca dasavassova. Navavassopi…pe… ekavassopi na hoti. Eteneva nayena vīsativassādikālepi mataṃ nibbīso, nittiṃso, niccattālīso, nippaññāsoti vadanti. Āyasmā ānando gāme vicaranto taṃ kathaṃ sutvā vihāraṃ gantvā bhagavato ārocesi. Bhagavā āha –
‘‘น อิทํ, อานนฺท, ติตฺถิยานํ อธิวจนํ มม สาสเน ขีณาสวเสฺสตํ อธิวจนํฯ ขีณาสโว หิ ทสวสฺสกาเล ปรินิพฺพุโต ปุน ทสวโสฺส น โหติฯ น เกวลญฺจ ทสวโสฺสว, นววโสฺสปิ…เป.… เอกวโสฺสปิฯ น เกวลญฺจ เอกวโสฺสว, ทสมาสิโกปิ…เป.… เอกมาสิโกปิฯ เอกทิวสิโกปิฯ เอกมุหุโตฺตปิ น โหติ เอวฯ กสฺมา? ปุน ปฎิสนฺธิยา อภาวาฯ นิพฺพีสาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อิติ ภควา มม สาสเน ขีณาสวเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติ –
‘‘Na idaṃ, ānanda, titthiyānaṃ adhivacanaṃ mama sāsane khīṇāsavassetaṃ adhivacanaṃ. Khīṇāsavo hi dasavassakāle parinibbuto puna dasavasso na hoti. Na kevalañca dasavassova, navavassopi…pe… ekavassopi. Na kevalañca ekavassova, dasamāsikopi…pe… ekamāsikopi. Ekadivasikopi. Ekamuhuttopi na hoti eva. Kasmā? Puna paṭisandhiyā abhāvā. Nibbīsādīsupi eseva nayo. Iti bhagavā mama sāsane khīṇāsavassetaṃ adhivacana’’nti –
วตฺวา เยหิ การเณหิ โส นิทฺทโส โหติ, ตานิ ทเสฺสตุํ สตฺต นิทฺทสวตฺถูนิ เทเสติฯ เถโรปิ ตเมว เทสนํ อุทฺธริตฺวา สตฺต นิทฺทสวตฺถูนิ อิธาวุโส, ภิกฺขุ, สิกฺขาสมาทาเนติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิธาติ อิมสฺมิํ สาสเนฯ สิกฺขาสมาทาเน ติพฺพจฺฉโนฺท โหตีติ สิกฺขตฺตยปูรเณ พหลจฺฉโนฺท โหติฯ อายติญฺจ สิกฺขาสมาทาเน อวิคตเปโมติ อนาคเต ปุนทิวสาทีสุปิ สิกฺขาปูรเณ อวิคตเปเมน สมนฺนาคโต โหติฯ ธมฺมนิสนฺติยาติ ธมฺมนิสามนายฯ วิปสฺสนาเยตํ อธิวจนํฯ อิจฺฉาวินเยติ ตณฺหาวินยเนฯ ปฎิสลฺลาเนติ เอกีภาเวฯ วีริยารเมฺภติ กายิกเจตสิกสฺส วีริยสฺส ปูรเณฯ สติเนปเกฺกติ สติยเญฺจว เนปกฺกภาเว จฯ ทิฎฺฐิปฎิเวเธติ มคฺคทสฺสเนฯ เสสํ สพฺพตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
Vatvā yehi kāraṇehi so niddaso hoti, tāni dassetuṃ satta niddasavatthūni deseti. Theropi tameva desanaṃ uddharitvā satta niddasavatthūni idhāvuso, bhikkhu, sikkhāsamādānetiādimāha. Tattha idhāti imasmiṃ sāsane. Sikkhāsamādāne tibbacchando hotīti sikkhattayapūraṇe bahalacchando hoti. Āyatiñca sikkhāsamādāne avigatapemoti anāgate punadivasādīsupi sikkhāpūraṇe avigatapemena samannāgato hoti. Dhammanisantiyāti dhammanisāmanāya. Vipassanāyetaṃ adhivacanaṃ. Icchāvinayeti taṇhāvinayane. Paṭisallāneti ekībhāve. Vīriyārambheti kāyikacetasikassa vīriyassa pūraṇe. Satinepakketi satiyañceva nepakkabhāve ca. Diṭṭhipaṭivedheti maggadassane. Sesaṃ sabbattha vuttanayeneva veditabbaṃ.
สญฺญาสุ อสุภานุปสฺสนาญาเณ สญฺญา อสุภสญฺญาฯ อาทีนวานุปสฺสนาญาเณ สญฺญา อาทีนวสญฺญา นามฯ เสสา เหฎฺฐา วุตฺตา เอวฯ พลสตฺตกวิญฺญาณฎฺฐิติสตฺตกปุคฺคลสตฺตกานิ วุตฺตนยาเนว ฯ อปฺปหีนเฎฺฐน อนุสยนฺตีติ อนุสยาฯ ถามคโต กามราโค กามราคานุสโยฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ สํโยชนสตฺตกํ อุตฺตานตฺถเมวฯ
Saññāsu asubhānupassanāñāṇe saññā asubhasaññā. Ādīnavānupassanāñāṇe saññā ādīnavasaññā nāma. Sesā heṭṭhā vuttā eva. Balasattakaviññāṇaṭṭhitisattakapuggalasattakāni vuttanayāneva . Appahīnaṭṭhena anusayantīti anusayā. Thāmagato kāmarāgo kāmarāgānusayo. Esa nayo sabbattha. Saṃyojanasattakaṃ uttānatthameva.
อธิกรณสมถสตฺตกวณฺณนา
Adhikaraṇasamathasattakavaṇṇanā
อธิกรณสมเถสุ อธิกรณานิ สเมนฺติ วูปสเมนฺตีติ อธิกรณสมถาฯ อุปฺปนฺนุปฺปนฺนานนฺติ อุปฺปนฺนานํ อุปฺปนฺนานํฯ อธิกรณานนฺติ วิวาทาธิกรณํ อนุวาทาธิกรณํ อาปตฺตาธิกรณํ กิจฺจาธิกรณนฺติ อิเมสํ จตุนฺนํฯ สมถาย วูปสมายาติ สมถตฺถเญฺจว วูปสมนตฺถญฺจฯ สมฺมุขาวินโย ทาตโพฺพ…เป.… ติณวตฺถารโกติ อิเม สตฺต สมถา ทาตพฺพาฯ
Adhikaraṇasamathesu adhikaraṇāni samenti vūpasamentīti adhikaraṇasamathā. Uppannuppannānanti uppannānaṃ uppannānaṃ. Adhikaraṇānanti vivādādhikaraṇaṃ anuvādādhikaraṇaṃ āpattādhikaraṇaṃ kiccādhikaraṇanti imesaṃ catunnaṃ. Samathāya vūpasamāyāti samathatthañceva vūpasamanatthañca. Sammukhāvinayo dātabbo…pe… tiṇavatthārakoti ime satta samathā dātabbā.
ตตฺรายํ วินิจฺฉยนโยฯ อธิกรเณสุ ตาว ธโมฺมติ วา อธโมฺมติ วา อฎฺฐารสหิ วตฺถูหิ วิวทนฺตานํ ภิกฺขูนํ โย วิวาโท, อิทํ วิวาทาธิกรณํ นามฯ สีลวิปตฺติยา วา อาจารทิฎฺฐิอาชีววิปตฺติยา วา อนุวทนฺตานํ อนุวาโท อุปวทนา เจว โจทนา จ, อิทํ อนุวาทาธิกรณํ นามฯ มาติกาย อาคตา ปญฺจ, วิภเงฺค เทฺวติ สตฺตปิ อาปตฺติกฺขนฺธา, อิทํ อาปตฺตาธิกรณํ นามฯ สงฺฆสฺส อปโลกนาทีนํ จตุนฺนํ กมฺมานํ กรณํ, อิทํ กิจฺจาธิกรณํ นามฯ
Tatrāyaṃ vinicchayanayo. Adhikaraṇesu tāva dhammoti vā adhammoti vā aṭṭhārasahi vatthūhi vivadantānaṃ bhikkhūnaṃ yo vivādo, idaṃ vivādādhikaraṇaṃ nāma. Sīlavipattiyā vā ācāradiṭṭhiājīvavipattiyā vā anuvadantānaṃ anuvādo upavadanā ceva codanā ca, idaṃ anuvādādhikaraṇaṃ nāma. Mātikāya āgatā pañca, vibhaṅge dveti sattapi āpattikkhandhā, idaṃ āpattādhikaraṇaṃ nāma. Saṅghassa apalokanādīnaṃ catunnaṃ kammānaṃ karaṇaṃ, idaṃ kiccādhikaraṇaṃ nāma.
ตตฺถ วิวาทาธิกรณํ ทฺวีหิ สมเถหิ สมฺมติ สมฺมุขาวินเยน จ เยภุยฺยสิกาย จฯ สมฺมุขาวินเยเนว สมฺมมานํ ยสฺมิํ วิหาเร อุปฺปนฺนํ ตสฺมิํเยว วา อญฺญตฺถ วูปสเมตุํ คจฺฉนฺตานํ อนฺตรามเคฺค วา ยตฺถ คนฺตฺวา สงฺฆสฺส นิยฺยาติตํ ตตฺถ สเงฺฆน วา สเงฺฆ วูปสเมตุํ อสโกฺกเนฺต ตเตฺถว อุพฺพาหิกาย สมฺมตปุคฺคเลหิ วา วินิจฺฉิตํ สมฺมติฯ เอวํ สมฺมมาเน จ ปเนตสฺมิํ ยา สงฺฆสมฺมุขตา ธมฺมสมฺมุขตา วินยสมฺมุขตา ปุคฺคลสมฺมุขตา, อยํ สมฺมุขาวินโย นามฯ
Tattha vivādādhikaraṇaṃ dvīhi samathehi sammati sammukhāvinayena ca yebhuyyasikāya ca. Sammukhāvinayeneva sammamānaṃ yasmiṃ vihāre uppannaṃ tasmiṃyeva vā aññattha vūpasametuṃ gacchantānaṃ antarāmagge vā yattha gantvā saṅghassa niyyātitaṃ tattha saṅghena vā saṅghe vūpasametuṃ asakkonte tattheva ubbāhikāya sammatapuggalehi vā vinicchitaṃ sammati. Evaṃ sammamāne ca panetasmiṃ yā saṅghasammukhatā dhammasammukhatā vinayasammukhatā puggalasammukhatā, ayaṃ sammukhāvinayo nāma.
ตตฺถ จ การกสงฺฆสฺส สงฺฆสามคฺคิวเสน สมฺมุขีภาโว สงฺฆสมฺมุขตาฯ สเมตพฺพสฺส วตฺถุโน ภูตตา ธมฺมสมฺมุขตาฯ ยถา ตํ สเมตพฺพํ, ตเถว สมฺมนํ วินยสมฺมุขตาฯ โย จ วิวทติ, เยน จ วิวทติ, เตสํ อุภินฺนํ อตฺถปจฺจตฺถิกานํ สมฺมุขีภาโว ปุคฺคลสมฺมุขตาฯ อุพฺพาหิกาย วูปสเม ปเนตฺถ สงฺฆสมฺมุขตา ปริหายติฯ เอวํ ตาว สมฺมุขาวินเยเนว สมฺมติฯ
Tattha ca kārakasaṅghassa saṅghasāmaggivasena sammukhībhāvo saṅghasammukhatā. Sametabbassa vatthuno bhūtatā dhammasammukhatā. Yathā taṃ sametabbaṃ, tatheva sammanaṃ vinayasammukhatā. Yo ca vivadati, yena ca vivadati, tesaṃ ubhinnaṃ atthapaccatthikānaṃ sammukhībhāvo puggalasammukhatā. Ubbāhikāya vūpasame panettha saṅghasammukhatā parihāyati. Evaṃ tāva sammukhāvinayeneva sammati.
สเจ ปเนวมฺปิ น สมฺมติ, อถ นํ อุพฺพาหิกาย สมฺมตา ภิกฺขู ‘‘น มยํ สโกฺกม วูปสเมตุ’’นฺติ สงฺฆเสฺสว นิยฺยาเตนฺติ, ตโต สโงฺฆ ปญฺจงฺคสมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ สลากคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนติฯ เตน คุฬฺหกวิวฎกสกณฺณชปฺปเกสุ ตีสุ สลากคฺคาเหสุ อญฺญตรวเสน สลากํ คาหาเปตฺวา สนฺนิปติตปริสาย ธมฺมวาทีนํ เยภุยฺยตาย ยถา เต ธมฺมวาทิโน วทนฺติ, เอวํ วูปสนฺตํ อธิกรณํ สมฺมุขาวินเยน จ เยภุยฺยสิกาย จ วูปสนฺตํ โหติฯ
Sace panevampi na sammati, atha naṃ ubbāhikāya sammatā bhikkhū ‘‘na mayaṃ sakkoma vūpasametu’’nti saṅghasseva niyyātenti, tato saṅgho pañcaṅgasamannāgataṃ bhikkhuṃ salākaggāhāpakaṃ sammannati. Tena guḷhakavivaṭakasakaṇṇajappakesu tīsu salākaggāhesu aññataravasena salākaṃ gāhāpetvā sannipatitaparisāya dhammavādīnaṃ yebhuyyatāya yathā te dhammavādino vadanti, evaṃ vūpasantaṃ adhikaraṇaṃ sammukhāvinayena ca yebhuyyasikāya ca vūpasantaṃ hoti.
ตตฺถ สมฺมุขาวินโย วุตฺตนโย เอวฯ ยํ ปน เยภุยฺยสิกากมฺมสฺส กรณํ, อยํ เยภุยฺยสิกา นามฯ เอวํ วิวาทาธิกรณํ ทฺวีหิ สมเถหิ สมฺมติฯ อนุวาทาธิกรณํ จตูหิ สมเถหิ สมฺมติ – สมฺมุขาวินเยน จ สติวินเยน จ อมูฬฺหวินเยน จ ตสฺสปาปิยสิกาย จฯ สมฺมุขาวินเยเนว สมฺมมานํ โย จ อนุวทติ, ยญฺจ อนุวทติ, เตสํ วจนํ สุตฺวา สเจ กาจิ อาปตฺติ นตฺถิ, อุโภ ขมาเปตฺวา, สเจ อตฺถิ, อยํ นาเมตฺถ อาปตฺตีติ เอวํ วินิจฺฉิตํ วูปสมฺมติฯ ตตฺถ สมฺมุขาวินยลกฺขณํ วุตฺตนยเมวฯ ยทา ปน ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน อมูลิกาย สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํสิตสฺส สติวินยํ ยาจมานสฺส สโงฺฆ ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน สติวินยํ เทติ, ตทา สมฺมุขาวินเยน จ สติวินเยน จ วูปสนฺตํ โหติฯ ทิเนฺน ปน สติวินเย ปุน ตสฺมิํ ปุคฺคเล กสฺสจิ อนุวาโท น รุหติฯ
Tattha sammukhāvinayo vuttanayo eva. Yaṃ pana yebhuyyasikākammassa karaṇaṃ, ayaṃ yebhuyyasikā nāma. Evaṃ vivādādhikaraṇaṃ dvīhi samathehi sammati. Anuvādādhikaraṇaṃ catūhi samathehi sammati – sammukhāvinayena ca sativinayena ca amūḷhavinayena ca tassapāpiyasikāya ca. Sammukhāvinayeneva sammamānaṃ yo ca anuvadati, yañca anuvadati, tesaṃ vacanaṃ sutvā sace kāci āpatti natthi, ubho khamāpetvā, sace atthi, ayaṃ nāmettha āpattīti evaṃ vinicchitaṃ vūpasammati. Tattha sammukhāvinayalakkhaṇaṃ vuttanayameva. Yadā pana khīṇāsavassa bhikkhuno amūlikāya sīlavipattiyā anuddhaṃsitassa sativinayaṃ yācamānassa saṅgho ñatticatutthena kammena sativinayaṃ deti, tadā sammukhāvinayena ca sativinayena ca vūpasantaṃ hoti. Dinne pana sativinaye puna tasmiṃ puggale kassaci anuvādo na ruhati.
ยทา อุมฺมตฺตโก ภิกฺขุ อุมฺมาทวเสน อสฺสามณเก อชฺฌาจาเร ‘‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติ’’นฺติ ภิกฺขูหิ โจทิยมาโน ‘‘อุมฺมตฺตเกน เม , อาวุโส, เอตํ กตํ, นาหํ ตํ สรามี’’ติ ภณโนฺตปิ ภิกฺขูหิ โจทิยมาโนว ปุน อโจทนตฺถาย อมูฬฺหวินยํ ยาจติ, สโงฺฆ จสฺส ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน อมูฬฺหวินยํ เทติ, ตทา สมฺมุขาวินเยน จ อมูฬฺหวินเยน จ วูปสนฺตํ โหติฯ ทิเนฺน ปน อมูฬฺหวินเย ปุน ตสฺมิํ ปุคฺคเล กสฺสจิ ตปฺปจฺจยา อนุวาโท น รุหติฯ
Yadā ummattako bhikkhu ummādavasena assāmaṇake ajjhācāre ‘‘saratāyasmā evarūpiṃ āpatti’’nti bhikkhūhi codiyamāno ‘‘ummattakena me , āvuso, etaṃ kataṃ, nāhaṃ taṃ sarāmī’’ti bhaṇantopi bhikkhūhi codiyamānova puna acodanatthāya amūḷhavinayaṃ yācati, saṅgho cassa ñatticatutthena kammena amūḷhavinayaṃ deti, tadā sammukhāvinayena ca amūḷhavinayena ca vūpasantaṃ hoti. Dinne pana amūḷhavinaye puna tasmiṃ puggale kassaci tappaccayā anuvādo na ruhati.
ยทา ปน ปาราชิเกน วา ปาราชิกสามเนฺตน วา โจทิยมานสฺส อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรโต ปาปุสฺสนฺนตาย ปาปิยสฺส ปุคฺคลสฺส ‘‘สจายํ อจฺฉินฺนมูโล ภวิสฺสติ, สมฺมา วตฺติตฺวา โอสารณํ ลภิสฺสติฯ สเจ ฉินฺนมูโล อยเมวสฺส นาสนา ภวิสฺสตี’’ติ มญฺญมาโน สโงฺฆ ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน ตสฺสปาปิยสิกํ กโรติ, ตทา สมฺมุขาวินเยน จ ตสฺสปาปิยสิกาย จ วูปสนฺตํ โหตีติฯ เอวํ อนุวาทาธิกรณํ จตูหิ สมเถหิ สมฺมติฯ อาปตฺตาธิกรณํ ตีหิ สมเถหิ สมฺมติ สมฺมุขาวินเยน จ ปฎิญฺญาตกรเณน จ ติณวตฺถารเกน จฯ ตสฺส สมฺมุขาวินเยเนว วูปสโม นตฺถิฯ ยทา ปน เอกสฺส วา ภิกฺขุโน สนฺติเก สงฺฆคณมเชฺฌสุ วา ภิกฺขุ ลหุกํ อาปตฺติํ เทเสติ, ตทา อาปตฺตาธิกรณํ สมฺมุขาวินเยน จ ปฎิญฺญาตกรเณน จ วูปสมฺมติฯ
Yadā pana pārājikena vā pārājikasāmantena vā codiyamānassa aññenaññaṃ paṭicarato pāpussannatāya pāpiyassa puggalassa ‘‘sacāyaṃ acchinnamūlo bhavissati, sammā vattitvā osāraṇaṃ labhissati. Sace chinnamūlo ayamevassa nāsanā bhavissatī’’ti maññamāno saṅgho ñatticatutthena kammena tassapāpiyasikaṃ karoti, tadā sammukhāvinayena ca tassapāpiyasikāya ca vūpasantaṃ hotīti. Evaṃ anuvādādhikaraṇaṃ catūhi samathehi sammati. Āpattādhikaraṇaṃ tīhi samathehi sammati sammukhāvinayena ca paṭiññātakaraṇena ca tiṇavatthārakena ca. Tassa sammukhāvinayeneva vūpasamo natthi. Yadā pana ekassa vā bhikkhuno santike saṅghagaṇamajjhesu vā bhikkhu lahukaṃ āpattiṃ deseti, tadā āpattādhikaraṇaṃ sammukhāvinayena ca paṭiññātakaraṇena ca vūpasammati.
ตตฺถ สมฺมุขาวินเย ตาว โย จ เทเสติ, ยสฺส จ เทเสติ, เตสํ สมฺมุขีภาโว ปุคฺคลสมฺมุขตาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Tattha sammukhāvinaye tāva yo ca deseti, yassa ca deseti, tesaṃ sammukhībhāvo puggalasammukhatā. Sesaṃ vuttanayameva.
ปุคฺคลสฺส คณสฺส จ เทสนากาเล สงฺฆสมฺมุขตา ปริหายติฯ ยา ปเนตฺถ อหํ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนามํ อาปตฺติํ อาปโนฺนติ จ อาม, ปสฺสามีติ จ ปฎิญฺญา, ตาย ปฎิญฺญาย ‘‘อายติํ สํวเรยฺยาสี’’ติ กรณํ, ตํ ปฎิญฺญาตกรณํ นามฯ สงฺฆาทิเสเส หิ ปริวาสาทิยาจนา ปฎิญฺญาฯ ปริวาสาทีนํ ทานํ ปฎิญฺญาตกรณํ นามฯ เทฺว ปกฺขชาตา ปน ภณฺฑนการกา ภิกฺขู พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจริตฺวา ปุน ลชฺชิธเมฺม อุปฺปเนฺน สเจ มยํ อิมาหิ อาปตฺตีหิ อญฺญมญฺญํ กาเรสฺสาม, สิยาปิ ตํ อธิกรณํ กกฺขฬตฺตาย สํวเตฺตยฺยาติ อญฺญมญฺญํ อาปตฺติยา การาปเน โทสํ ทิสฺวา ยทา ติณวตฺถารกกมฺมํ กโรนฺติ, ตทา อาปตฺตาธิกรณํ สมฺมุขาวินเยน จ ติณวตฺถารเกน จ สมฺมติฯ
Puggalassa gaṇassa ca desanākāle saṅghasammukhatā parihāyati. Yā panettha ahaṃ, bhante, itthannāmaṃ āpattiṃ āpannoti ca āma, passāmīti ca paṭiññā, tāya paṭiññāya ‘‘āyatiṃ saṃvareyyāsī’’ti karaṇaṃ, taṃ paṭiññātakaraṇaṃ nāma. Saṅghādisese hi parivāsādiyācanā paṭiññā. Parivāsādīnaṃ dānaṃ paṭiññātakaraṇaṃ nāma. Dve pakkhajātā pana bhaṇḍanakārakā bhikkhū bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhācaritvā puna lajjidhamme uppanne sace mayaṃ imāhi āpattīhi aññamaññaṃ kāressāma, siyāpi taṃ adhikaraṇaṃ kakkhaḷattāya saṃvatteyyāti aññamaññaṃ āpattiyā kārāpane dosaṃ disvā yadā tiṇavatthārakakammaṃ karonti, tadā āpattādhikaraṇaṃ sammukhāvinayena ca tiṇavatthārakena ca sammati.
ตตฺถ หิ ยตฺตกา หตฺถปาสูปคตา ‘‘น เมตํ ขมตี’’ติ เอวํ ทิฎฺฐาวิกมฺมํ อกตฺวา นิทฺทมฺปิ โอกฺกนฺตา โหนฺติ, สเพฺพสํ ฐเปตฺวา ถุลฺลวชฺชญฺจ คิหิปฎิสํยุตฺตญฺจ สพฺพาปตฺติโย วุฎฺฐหนฺติ, เอวํ อาปตฺตาธิกรณํ ตีหิ สมเถหิ สมฺมติฯ กิจฺจาธิกรณํ เอเกน สมเถน สมฺมติ สมฺมุขาวินเยเนวฯ อิมานิ จตฺตาริ อธิกรณานิ ยถานุรูปํ อิเมหิ สตฺตหิ สมเถหิ สมฺมนฺติฯ เตน วุตฺตํ – อุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อธิกรณานํ สมถาย วูปสมาย สมฺมุขาวินโย ทาตโพฺพ…เป.… ติณวตฺถารโกติฯ อยเมตฺถ วินิจฺฉยนโยฯ วิตฺถาโร ปน สมถกฺขนฺธเก อาคโตเยวฯ วินิจฺฉโยปิสฺส สมนฺตปาสาทิกายํ วุโตฺตฯ
Tattha hi yattakā hatthapāsūpagatā ‘‘na metaṃ khamatī’’ti evaṃ diṭṭhāvikammaṃ akatvā niddampi okkantā honti, sabbesaṃ ṭhapetvā thullavajjañca gihipaṭisaṃyuttañca sabbāpattiyo vuṭṭhahanti, evaṃ āpattādhikaraṇaṃ tīhi samathehi sammati. Kiccādhikaraṇaṃ ekena samathena sammati sammukhāvinayeneva. Imāni cattāri adhikaraṇāni yathānurūpaṃ imehi sattahi samathehi sammanti. Tena vuttaṃ – uppannuppannānaṃ adhikaraṇānaṃ samathāya vūpasamāya sammukhāvinayo dātabbo…pe… tiṇavatthārakoti. Ayamettha vinicchayanayo. Vitthāro pana samathakkhandhake āgatoyeva. Vinicchayopissa samantapāsādikāyaṃ vutto.
‘‘อิเม โข, อาวุโส’’ติอาทิ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํฯ อิติ จุทฺทสนฺนํ สตฺตกานํ วเสน อฎฺฐนวุติ ปเญฺห กเถโนฺต เถโร สามคฺคิรสํ ทเสฺสสีติฯ
‘‘Ime kho, āvuso’’tiādi vuttanayeneva yojetabbaṃ. Iti cuddasannaṃ sattakānaṃ vasena aṭṭhanavuti pañhe kathento thero sāmaggirasaṃ dassesīti.
สตฺตกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sattakavaṇṇanā niṭṭhitā.
อฎฺฐกวณฺณนา
Aṭṭhakavaṇṇanā
๓๓๓. อิติ สตฺตกวเสน สามคฺคิรสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อฎฺฐกวเสน ทเสฺสตุํ ปุน เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ มิจฺฉตฺตาติ อยาถาวา มิจฺฉาสภาวาฯ สมฺมตฺตาติ ยาถาวา สมฺมาสภาวาฯ
333. Iti sattakavasena sāmaggirasaṃ dassetvā idāni aṭṭhakavasena dassetuṃ puna desanaṃ ārabhi. Tattha micchattāti ayāthāvā micchāsabhāvā. Sammattāti yāthāvā sammāsabhāvā.
๓๓๔. กุสีตวตฺถูนีติ กุสีตสฺส อลสสฺส วตฺถูนิ ปติฎฺฐา โกสชฺชการณานีติ อโตฺถฯ กมฺมํ กตฺตพฺพํ โหตีติ จีวรวิจารณาทิกมฺมํ กาตพฺพํ โหติฯ น วีริยํ อารภตีติ ทุวิธมฺปิ วีริยํ นารภติฯ อปฺปตฺตสฺสาติ ฌานวิปสฺสนามคฺคผลธมฺมสฺส อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยาฯ อนธิคตสฺสาติ ตเสฺสว อนธิคตสฺส อธิคมตฺถายฯ อสจฺฉิกตสฺสาติ ตเสฺสว อปจฺจกฺขกตสฺส สจฺฉิกรณตฺถายฯ อิทํ ปฐมนฺติ อิทํ หนฺทาหํ นิปชฺชามีติ เอวํ โอสีทนํ ปฐมํ กุสีตวตฺถุฯ อิมินา นเยน สพฺพตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ‘‘มาสาจิตํ มเญฺญ’’ติ เอตฺถ ปน มาสาจิตํ นาม ตินฺตมาโสฯ ยถา ตินฺตมาโส ครุโก โหติ, เอวํ ครุโกติ อธิปฺปาโยฯ คิลานา วุฎฺฐิโต โหตีติ คิลาโน หุตฺวา ปจฺฉา วุฎฺฐิโต โหติฯ
334.Kusītavatthūnīti kusītassa alasassa vatthūni patiṭṭhā kosajjakāraṇānīti attho. Kammaṃ kattabbaṃ hotīti cīvaravicāraṇādikammaṃ kātabbaṃ hoti. Na vīriyaṃ ārabhatīti duvidhampi vīriyaṃ nārabhati. Appattassāti jhānavipassanāmaggaphaladhammassa appattassa pattiyā. Anadhigatassāti tasseva anadhigatassa adhigamatthāya. Asacchikatassāti tasseva apaccakkhakatassa sacchikaraṇatthāya. Idaṃ paṭhamanti idaṃ handāhaṃ nipajjāmīti evaṃ osīdanaṃ paṭhamaṃ kusītavatthu. Iminā nayena sabbattha attho veditabbo. ‘‘Māsācitaṃ maññe’’ti ettha pana māsācitaṃ nāma tintamāso. Yathā tintamāso garuko hoti, evaṃ garukoti adhippāyo. Gilānā vuṭṭhito hotīti gilāno hutvā pacchā vuṭṭhito hoti.
๓๓๕. อารมฺภวตฺถูนีติ วีริยการณานิฯ เตสมฺปิ อิมินาว นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
335.Ārambhavatthūnīti vīriyakāraṇāni. Tesampi imināva nayena attho veditabbo.
๓๓๖. ทานวตฺถูนีติ ทานการณานิฯ อาสชฺช ทานํ เทตีติ ปตฺวา ทานํ เทติฯ อาคตํ ทิสฺวาว มุหุตฺตํเยว นิสีทาเปตฺวา สกฺการํ กตฺวา ทานํ เทติ, ทสฺสามิ ทสฺสามีติ น กิลเมติฯ อิติ เอตฺถ อาสาทนํ ทานการณํ นาม โหติฯ ภยา ทานํ เทตีติอาทีสุปิ ภยาทีนิ ทานการณานีติ เวทิตพฺพานิฯ ตตฺถ ภยํ นาม อยํ อทายโก อการโกติ ครหาภยํ วา อปายภยํ วาฯ อทาสิ เมติ มยฺหํ ปุเพฺพ เอส อิทํ นาม อทาสีติ เทติฯ ทสฺสติ เมติ อนาคเต อิทํ นาม ทสฺสตีติ เทติฯ สาหุ ทานนฺติ ทานํ นาม สาธุ สุนฺทรํ, พุทฺธาทีหิ ปณฺฑิเตหิ ปสตฺถนฺติ เทติฯ จิตฺตาลงฺการจิตฺตปริกฺขารตฺถํ ทานํ เทตีติ สมถวิปสฺสนาจิตฺตสฺส อลงฺการตฺถเญฺจว ปริวารตฺถญฺจ เทติฯ ทานญฺหิ จิตฺตํ มุทุกํ กโรติฯ เยน ลทฺธํ โหติ, โสปิ ลทฺธํ เมติ มุทุจิโตฺต โหติ, เยน ทินฺนํ, โสปิ ทินฺนํ มยาติ มุทุจิโตฺต โหติ, อิติ อุภินฺนมฺปิ จิตฺตํ มุทุกํ กโรติ, เตเนว ‘‘อทนฺตทมนํ ทาน’’นฺติ วุจฺจติฯ ยถาห –
336.Dānavatthūnīti dānakāraṇāni. Āsajja dānaṃ detīti patvā dānaṃ deti. Āgataṃ disvāva muhuttaṃyeva nisīdāpetvā sakkāraṃ katvā dānaṃ deti, dassāmi dassāmīti na kilameti. Iti ettha āsādanaṃ dānakāraṇaṃ nāma hoti. Bhayā dānaṃ detītiādīsupi bhayādīni dānakāraṇānīti veditabbāni. Tattha bhayaṃ nāma ayaṃ adāyako akārakoti garahābhayaṃ vā apāyabhayaṃ vā. Adāsi meti mayhaṃ pubbe esa idaṃ nāma adāsīti deti. Dassati meti anāgate idaṃ nāma dassatīti deti. Sāhu dānanti dānaṃ nāma sādhu sundaraṃ, buddhādīhi paṇḍitehi pasatthanti deti. Cittālaṅkāracittaparikkhāratthaṃ dānaṃ detīti samathavipassanācittassa alaṅkāratthañceva parivāratthañca deti. Dānañhi cittaṃ mudukaṃ karoti. Yena laddhaṃ hoti, sopi laddhaṃ meti muducitto hoti, yena dinnaṃ, sopi dinnaṃ mayāti muducitto hoti, iti ubhinnampi cittaṃ mudukaṃ karoti, teneva ‘‘adantadamanaṃ dāna’’nti vuccati. Yathāha –
‘‘อทนฺตทมนํ ทานํ, อทานํ ทนฺตทูสกํ;
‘‘Adantadamanaṃ dānaṃ, adānaṃ dantadūsakaṃ;
ทาเนน ปิยวาจาย, อุนฺนมนฺติ นมนฺติ จา’’ติฯ
Dānena piyavācāya, unnamanti namanti cā’’ti.
อิเมสุ ปน อฎฺฐสุ ทาเนสุ จิตฺตาลงฺการทานเมว อุตฺตมํฯ
Imesu pana aṭṭhasu dānesu cittālaṅkāradānameva uttamaṃ.
๓๓๗. ทานูปปตฺติโยติ ทานปจฺจยา อุปปตฺติโยฯ ทหตีติ ฐเปติฯ อธิฎฺฐาตีติ ตเสฺสว เววจนํฯ ภาเวตีติ วเฑฺฒติฯ หีเน วิมุตฺตนฺติ หีเนสุ ปญฺจกามคุเณสุ วิมุตฺตํฯ อุตฺตริ อภาวิตนฺติ ตโต อุตฺตริ มคฺคผลตฺถาย อภาวิตํฯ ตตฺรูปปตฺติยา สํวตฺตตีติ ยํ ปเตฺถตฺวา กุสลํ กตํ, ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺตนตฺถาย สํวตฺตติฯ
337.Dānūpapattiyoti dānapaccayā upapattiyo. Dahatīti ṭhapeti. Adhiṭṭhātīti tasseva vevacanaṃ. Bhāvetīti vaḍḍheti. Hīne vimuttanti hīnesu pañcakāmaguṇesu vimuttaṃ. Uttari abhāvitanti tato uttari maggaphalatthāya abhāvitaṃ. Tatrūpapattiyā saṃvattatīti yaṃ patthetvā kusalaṃ kataṃ, tattha tattha nibbattanatthāya saṃvattati.
วีตราคสฺสาติ มเคฺคน วา สมุจฺฉินฺนราคสฺส สมาปตฺติยา วา วิกฺขมฺภิตราคสฺสฯ ทานมเตฺตเนว หิ พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตุํ น สกฺกาฯ ทานํ ปน สมาธิวิปสฺสนาจิตฺตสฺส อลงฺกาโร ปริวาโร โหติฯ ตโต ทาเนน มุทุจิโตฺต พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘วีตราคสฺส โน สราคสฺสา’’ติฯ
Vītarāgassāti maggena vā samucchinnarāgassa samāpattiyā vā vikkhambhitarāgassa. Dānamatteneva hi brahmaloke nibbattituṃ na sakkā. Dānaṃ pana samādhivipassanācittassa alaṅkāro parivāro hoti. Tato dānena muducitto brahmavihāre bhāvetvā brahmaloke nibbattati. Tena vuttaṃ ‘‘vītarāgassa no sarāgassā’’ti.
ขตฺติยานํ ปริสา ขตฺติยปริสา, สมูโหติ อโตฺถฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ
Khattiyānaṃ parisā khattiyaparisā, samūhoti attho. Esa nayo sabbattha.
โลกสฺส ธมฺมา โลกธมฺมาฯ เอเตหิ มุโตฺต นาม นตฺถิ, พุทฺธานมฺปิ โหนฺติเยวฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘อฎฺฐิเม, ภิกฺขเว, โลกธมฺมา โลกํ อนุปริวตฺตนฺติ, โลโก จ อฎฺฐ โลกธเมฺม อนุปริวตฺตตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๕)ฯ ลาโภ อลาโภติ ลาเภ อาคเต อลาโภ อาคโต เอวาติ เวทิตโพฺพฯ ยสาทีสุปิ เอเสว นโยฯ
Lokassa dhammā lokadhammā. Etehi mutto nāma natthi, buddhānampi hontiyeva. Vuttampi cetaṃ – ‘‘aṭṭhime, bhikkhave, lokadhammā lokaṃ anuparivattanti, loko ca aṭṭha lokadhamme anuparivattatī’’ti (a. ni. 8.5). Lābho alābhoti lābhe āgate alābho āgato evāti veditabbo. Yasādīsupi eseva nayo.
๓๓๘. อภิภายตนวิโมกฺขกถา เหฎฺฐา กถิตา เอวฯ
338. Abhibhāyatanavimokkhakathā heṭṭhā kathitā eva.
‘‘อิเม โข, อาวุโส’’ติอาทิ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํฯ อิติ เอกาทสนฺนํ อฎฺฐกานํ วเสน อฎฺฐาสีติ ปเญฺห กเถโนฺต เถโร สามคฺคิรสํ ทเสฺสสีติฯ
‘‘Ime kho, āvuso’’tiādi vuttanayeneva yojetabbaṃ. Iti ekādasannaṃ aṭṭhakānaṃ vasena aṭṭhāsīti pañhe kathento thero sāmaggirasaṃ dassesīti.
อฎฺฐกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Aṭṭhakavaṇṇanā niṭṭhitā.
นวกวณฺณนา
Navakavaṇṇanā
๓๔๐. อิติ อฎฺฐกวเสน สามคฺคิรสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ นวกวเสน ทเสฺสตุํ ปุน เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ อาฆาตวตฺถูนีติ อาฆาตการณานิฯ อาฆาตํ พนฺธตีติ โกปํ พนฺธติ กโรติ อุปฺปาเทติฯ
340. Iti aṭṭhakavasena sāmaggirasaṃ dassetvā idāni navakavasena dassetuṃ puna desanaṃ ārabhi. Tattha āghātavatthūnīti āghātakāraṇāni. Āghātaṃ bandhatīti kopaṃ bandhati karoti uppādeti.
ตํ กุเตตฺถ ลพฺภาติ ตํ อนตฺถจรณํ มา อโหสีติ เอตสฺมิํ ปุคฺคเล กุโต ลพฺภา, เกน การเณน สกฺกา ลทฺธุํ ? ปโร นาม ปรสฺส อตฺตโน จิตฺตรุจิยา อนตฺถํ กโรตีติ เอวํ จิเนฺตตฺวา อาฆาตํ ปฎิวิโนเทติฯ อถ วา สจาหํ ปฎิโกปํ กเรยฺยํ, ตํ โกปกรณํ เอตฺถ ปุคฺคเล กุโต ลพฺภา, เกน การเณน ลทฺธพฺพนฺติ อโตฺถฯ กุโต ลาภาติปิ ปาโฐ, สจาหํ เอตฺถ โกปํ กเรยฺยํ, ตสฺมิํ เม โกปกรเณ กุโต ลาภา, ลาภา นาม เก สิยุนฺติ อโตฺถฯ อิมสฺมิญฺจ อเตฺถ ตนฺติ นิปาตมตฺตเมว โหติฯ
Taṃ kutettha labbhāti taṃ anatthacaraṇaṃ mā ahosīti etasmiṃ puggale kuto labbhā, kena kāraṇena sakkā laddhuṃ ? Paro nāma parassa attano cittaruciyā anatthaṃ karotīti evaṃ cintetvā āghātaṃ paṭivinodeti. Atha vā sacāhaṃ paṭikopaṃ kareyyaṃ, taṃ kopakaraṇaṃ ettha puggale kuto labbhā, kena kāraṇena laddhabbanti attho. Kuto lābhātipi pāṭho, sacāhaṃ ettha kopaṃ kareyyaṃ, tasmiṃ me kopakaraṇe kuto lābhā, lābhā nāma ke siyunti attho. Imasmiñca atthe tanti nipātamattameva hoti.
๓๔๑. สตฺตาวาสาติ สตฺตานํ อาวาสา, วสนฎฺฐานานีติ อโตฺถฯ ตตฺถ สุทฺธาวาสาปิ สตฺตาวาโสว, อสพฺพกาลิกตฺตา ปน น คหิตาฯ สุทฺธาวาสา หิ พุทฺธานํ ขนฺธาวารสทิสาฯ อสเงฺขฺยยฺยกเปฺป พุเทฺธสุ อนิพฺพตฺตเนฺตสุ ตํ ฐานํ สุญฺญํ โหตีติ อสพฺพกาลิกตฺตา น คหิตาฯ เสสเมตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ
341.Sattāvāsāti sattānaṃ āvāsā, vasanaṭṭhānānīti attho. Tattha suddhāvāsāpi sattāvāsova, asabbakālikattā pana na gahitā. Suddhāvāsā hi buddhānaṃ khandhāvārasadisā. Asaṅkhyeyyakappe buddhesu anibbattantesu taṃ ṭhānaṃ suññaṃ hotīti asabbakālikattā na gahitā. Sesamettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva.
๓๔๒. อกฺขเณสุ ธโมฺม จ เทสิยตีติ จตุสจฺจธโมฺม เทสิยติฯ โอปสมิโกติ กิเลสูปสมกโรฯ ปรินิพฺพานิโกติ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพานาวโหฯ สโมฺพธคามีติ จตุมคฺคญาณปฎิเวธคามีฯ อญฺญตรนฺติ อสญฺญภวํ วา อรูปภวํ วาฯ
342. Akkhaṇesu dhammo ca desiyatīti catusaccadhammo desiyati. Opasamikoti kilesūpasamakaro. Parinibbānikoti kilesaparinibbānena parinibbānāvaho. Sambodhagāmīti catumaggañāṇapaṭivedhagāmī. Aññataranti asaññabhavaṃ vā arūpabhavaṃ vā.
๓๔๓. อนุปุพฺพวิหาราติ อนุปฎิปาฎิยา สมาปชฺชิตพฺพวิหาราฯ
343.Anupubbavihārāti anupaṭipāṭiyā samāpajjitabbavihārā.
๓๔๔. อนุปุพฺพนิโรธาติ อนุปฎิปาฎิยา นิโรธาฯ
344.Anupubbanirodhāti anupaṭipāṭiyā nirodhā.
‘‘อิเม, โข อาวุโส’’ติอาทิ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํฯ อิติ ฉนฺนํ นวกานํ วเสน จตุปณฺณาส ปเญฺห กเถโนฺต เถโร สามคฺคิรสํ ทเสฺสสีติฯ
‘‘Ime, kho āvuso’’tiādi vuttanayeneva yojetabbaṃ. Iti channaṃ navakānaṃ vasena catupaṇṇāsa pañhe kathento thero sāmaggirasaṃ dassesīti.
นวกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Navakavaṇṇanā niṭṭhitā.
ทสกวณฺณนา
Dasakavaṇṇanā
๓๔๕. อิติ นวกวเสน สามคฺคิรสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ทสกวเสน ทเสฺสตุํ ปุน เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ นาถกรณาติ ‘‘สนาถา, ภิกฺขเว, วิหรถ มา อนาถา, ทส อิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา นาถกรณา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๘) เอวํ อกฺขาตา อตฺตโน ปติฎฺฐากรา ธมฺมาฯ
345. Iti navakavasena sāmaggirasaṃ dassetvā idāni dasakavasena dassetuṃ puna desanaṃ ārabhi. Tattha nāthakaraṇāti ‘‘sanāthā, bhikkhave, viharatha mā anāthā, dasa ime, bhikkhave, dhammā nāthakaraṇā’’ti (a. ni. 10.18) evaṃ akkhātā attano patiṭṭhākarā dhammā.
กลฺยาณมิโตฺตติอาทีสุ สีลาทิคุณสมฺปนฺนา กลฺยาณา อสฺส มิตฺตาติ กลฺยาณมิโตฺตฯ เต จสฺส ฐานนิสชฺชาทีสุ สห อยนโต สหายาติ กลฺยาณสหาโยฯ จิเตฺตน เจว กาเยน จ กลฺยาณมิเตฺตสุ เอว สมฺปวโงฺก โอนโตติ กลฺยาณสมฺปวโงฺกฯ สุวโจ โหตีติ สุเขน วตฺตโพฺพ โหติ สุเขน อนุสาสิตโพฺพฯ ขโมติ คาเฬฺหน ผรุเสน กกฺขเฬน วุจฺจมาโน ขมติ, น กุปฺปติฯ ปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนินฺติ ยถา เอกโจฺจ โอวทิยมาโน วามโต คณฺหาติ, ปฎิปฺผรติ วา อสุณโนฺต วา คจฺฉติ, เอวํ อกตฺวา ‘‘โอวทถ, ภเนฺต , อนุสาสถ, ตุเมฺหสุ อโนวทเนฺตสุ โก อโญฺญ โอวทิสฺสตี’’ติ ปทกฺขิณํ คณฺหาติฯ
Kalyāṇamittotiādīsu sīlādiguṇasampannā kalyāṇā assa mittāti kalyāṇamitto. Te cassa ṭhānanisajjādīsu saha ayanato sahāyāti kalyāṇasahāyo. Cittena ceva kāyena ca kalyāṇamittesu eva sampavaṅko onatoti kalyāṇasampavaṅko. Suvacohotīti sukhena vattabbo hoti sukhena anusāsitabbo. Khamoti gāḷhena pharusena kakkhaḷena vuccamāno khamati, na kuppati. Padakkhiṇaggāhī anusāsaninti yathā ekacco ovadiyamāno vāmato gaṇhāti, paṭippharati vā asuṇanto vā gacchati, evaṃ akatvā ‘‘ovadatha, bhante , anusāsatha, tumhesu anovadantesu ko añño ovadissatī’’ti padakkhiṇaṃ gaṇhāti.
อุจฺจาวจานีติ อุจฺจานิ จ อวจานิ จฯ กิํ กรณียานีติ กิํ กโรมีติ เอวํ วตฺวา กตฺตพฺพกมฺมานิฯ ตตฺถ อุจฺจกมฺมานิ นาม จีวรสฺส กรณํ รชนํ เจติเย สุธากมฺมํ อุโปสถาคารเจติยฆรโพธิยฆเรสุ กตฺตพฺพนฺติ เอวมาทิฯ อวจกมฺมํ นาม ปาทโธวนมกฺขนาทิขุทฺทกกมฺมํฯ ตตฺรุปายายาติ ตตฺรุปคมนียาฯ อลํ กาตุนฺติ กาตุํ สมโตฺถ โหติฯ อลํ สํวิธาตุนฺติ วิจาเรตุํ สมโตฺถฯ
Uccāvacānīti uccāni ca avacāni ca. Kiṃ karaṇīyānīti kiṃ karomīti evaṃ vatvā kattabbakammāni. Tattha uccakammāni nāma cīvarassa karaṇaṃ rajanaṃ cetiye sudhākammaṃ uposathāgāracetiyagharabodhiyagharesu kattabbanti evamādi. Avacakammaṃ nāma pādadhovanamakkhanādikhuddakakammaṃ. Tatrupāyāyāti tatrupagamanīyā. Alaṃ kātunti kātuṃ samattho hoti. Alaṃ saṃvidhātunti vicāretuṃ samattho.
ธเมฺม อสฺส กาโม สิเนโหติ ธมฺมกาโม, เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ ปิยายตีติ อโตฺถฯ ปิยสมุทาหาโรติ ปรสฺมิํ กเถเนฺต สกฺกจฺจํ สุณาติ, สยญฺจ ปเรสํ เทเสตุกาโม โหตีติ อโตฺถฯ ‘‘อภิธเมฺม อภิวินเย’’ติ เอตฺถ ธโมฺม อภิธโมฺม, วินโย อภิวินโยติ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ ธโมฺมติ สุตฺตนฺตปิฎกํฯ อภิธโมฺมติ สตฺต ปกรณานิฯ วินโยติ อุภโตวิภงฺคาฯ อภิวินโยติ ขนฺธกปริวาราฯ อถ วา สุตฺตนฺตปิฎกมฺปิ อภิธมฺมปิฎกมฺปิ ธโมฺม เอวฯ มคฺคผลานิ อภิธโมฺมฯ สกลํ วินยปิฎกํ วินโยฯ กิเลสวูปสมการณํ อภิวินโยฯ อิติ สพฺพสฺมิมฺปิ เอตฺถ ธเมฺม อภิธเมฺม วินเย อภิวินเย จฯ อุฬารปาโมโชฺชติ พหุลปาโมโชฺช โหตีติ อโตฺถฯ
Dhamme assa kāmo sinehoti dhammakāmo, tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ piyāyatīti attho. Piyasamudāhāroti parasmiṃ kathente sakkaccaṃ suṇāti, sayañca paresaṃ desetukāmo hotīti attho. ‘‘Abhidhamme abhivinaye’’ti ettha dhammo abhidhammo, vinayo abhivinayoti catukkaṃ veditabbaṃ. Tattha dhammoti suttantapiṭakaṃ. Abhidhammoti satta pakaraṇāni. Vinayoti ubhatovibhaṅgā. Abhivinayoti khandhakaparivārā. Atha vā suttantapiṭakampi abhidhammapiṭakampi dhammo eva. Maggaphalāni abhidhammo. Sakalaṃ vinayapiṭakaṃ vinayo. Kilesavūpasamakāraṇaṃ abhivinayo. Iti sabbasmimpi ettha dhamme abhidhamme vinaye abhivinaye ca. Uḷārapāmojjoti bahulapāmojjo hotīti attho.
กุสเลสุ ธเมฺมสูติ การณเตฺถ ภุมฺมํ, จตุภูมกกุสลธมฺมการณา, เตสํ อธิคมตฺถาย อนิกฺขิตฺตธุโร โหตีติ อโตฺถฯ
Kusalesudhammesūti kāraṇatthe bhummaṃ, catubhūmakakusaladhammakāraṇā, tesaṃ adhigamatthāya anikkhittadhuro hotīti attho.
๓๔๖. กสิณทสเก สกลเฎฺฐน กสิณานิฯ ตทารมฺมณานํ ธมฺมานํ เขตฺตเฎฺฐน วา อธิฎฺฐานเฎฺฐน วา อายตนานิฯ อุทฺธนฺติ อุปริ คคนตลาภิมุขํฯ อโธติ เหฎฺฐา ภูมิตลาภิมุขํฯ ติริยนฺติ เขตฺตมณฺฑลมิว สมนฺตา ปริจฺฉินฺทิตฺวาฯ เอกโจฺจ หิ อุทฺธเมว กสิณํ วเฑฺฒติ, เอกโจฺจ อโธ, เอกโจฺจ สมนฺตโตฯ เตน เตน วา การเณน เอวํ ปสาเรติ อาโลกมิว รูปทสฺสนกาโมฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปถวีกสิณเมโก สญฺชานาติ อุทฺธํ อโธ ติริย’’นฺติฯ อทฺวยนฺติ อิทํ ปน เอกสฺส อญฺญภาวานุปคมนตฺถํ วุตฺตํฯ ยถา หิ อุทกํ ปวิฎฺฐสฺส สพฺพทิสาสุ อุทกเมว โหติ, น อญฺญํ, เอวเมว ปถวีกสิณํ ปถวีกสิณเมว โหติ , นตฺถิ ตสฺส อโญฺญ กสิณสเมฺภโทติฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ อปฺปมาณนฺติ อิทํ ตสฺส ตสฺส ผรณอปฺปมาณวเสน วุตฺตํฯ ตญฺหิ เจตสา ผรโนฺต สกลเมว ผรติ, น ‘‘อยมสฺส อาทิ, อิทํ มชฺฌ’’นฺติ ปมาณํ คณฺหาตีติฯ วิญฺญาณกสิณนฺติ เจตฺถ กสิณุคฺฆาฎิมากาเส ปวตฺตวิญฺญาณํฯ ตตฺถ กสิณวเสน กสิณุคฺฆาฎิมากาเส กสิณุคฺฆาฎิมากาสวเสน ตตฺถ ปวตฺตวิญฺญาเณ อุทฺธํ อโธ ติริยตา เวทิตพฺพาฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ กมฺมฎฺฐานภาวนานเยน ปเนตานิ ปถวีกสิณาทีนิ วิตฺถารโต วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตาเนวฯ
346. Kasiṇadasake sakalaṭṭhena kasiṇāni. Tadārammaṇānaṃ dhammānaṃ khettaṭṭhena vā adhiṭṭhānaṭṭhena vā āyatanāni. Uddhanti upari gaganatalābhimukhaṃ. Adhoti heṭṭhā bhūmitalābhimukhaṃ. Tiriyanti khettamaṇḍalamiva samantā paricchinditvā. Ekacco hi uddhameva kasiṇaṃ vaḍḍheti, ekacco adho, ekacco samantato. Tena tena vā kāraṇena evaṃ pasāreti ālokamiva rūpadassanakāmo. Tena vuttaṃ ‘‘pathavīkasiṇameko sañjānāti uddhaṃ adho tiriya’’nti. Advayanti idaṃ pana ekassa aññabhāvānupagamanatthaṃ vuttaṃ. Yathā hi udakaṃ paviṭṭhassa sabbadisāsu udakameva hoti, na aññaṃ, evameva pathavīkasiṇaṃ pathavīkasiṇameva hoti , natthi tassa añño kasiṇasambhedoti. Esa nayo sabbattha. Appamāṇanti idaṃ tassa tassa pharaṇaappamāṇavasena vuttaṃ. Tañhi cetasā pharanto sakalameva pharati, na ‘‘ayamassa ādi, idaṃ majjha’’nti pamāṇaṃ gaṇhātīti. Viññāṇakasiṇanti cettha kasiṇugghāṭimākāse pavattaviññāṇaṃ. Tattha kasiṇavasena kasiṇugghāṭimākāse kasiṇugghāṭimākāsavasena tattha pavattaviññāṇe uddhaṃ adho tiriyatā veditabbā. Ayamettha saṅkhepo. Kammaṭṭhānabhāvanānayena panetāni pathavīkasiṇādīni vitthārato visuddhimagge vuttāneva.
อกุสลกมฺมปถทสกวณฺณนา
Akusalakammapathadasakavaṇṇanā
๓๔๗. กมฺมปเถสุ กมฺมาเนว สุคติทุคฺคตีนํ ปถภูตตฺตา กมฺมปถา นามฯ เตสุ ปาณาติปาโต อทินฺนาทานํ มุสาวาทาทโย จ จตฺตาโร พฺรหฺมชาเล วิตฺถาริตา เอวฯ กาเมสุมิจฺฉาจาโรติ เอตฺถ ปน กาเมสูติ เมถุนสมาจาเรสุ เมถุนวตฺถูสุ วาฯ มิจฺฉาจาโรติ เอกนฺตนินฺทิโต ลามกาจาโรฯ ลกฺขณโต ปน อสทฺธมฺมาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา อคมนียฎฺฐานวีติกฺกมเจตนา กาเมสุมิจฺฉาจาโรฯ
347. Kammapathesu kammāneva sugatiduggatīnaṃ pathabhūtattā kammapathā nāma. Tesu pāṇātipāto adinnādānaṃ musāvādādayo ca cattāro brahmajāle vitthāritā eva. Kāmesumicchācāroti ettha pana kāmesūti methunasamācāresu methunavatthūsu vā. Micchācāroti ekantanindito lāmakācāro. Lakkhaṇato pana asaddhammādhippāyena kāyadvārappavattā agamanīyaṭṭhānavītikkamacetanā kāmesumicchācāro.
ตตฺถ อคมนียฎฺฐานํ นาม ปุริสานํ ตาว มาตุรกฺขิตา, ปิตุรกฺขิตา, มาตาปิตุรกฺขิตา, ภาตุรกฺขิตา, ภคินิรกฺขิตา, ญาติรกฺขิตา, โคตฺตรกฺขิตา, ธมฺมรกฺขิตา, สารกฺขา, สปริทณฺฑาติ มาตุรกฺขิตาทโย ทสฯ ธนกฺกีตา, ฉนฺทวาสินี, โภควาสินี, ปฎวาสินี, โอทปตฺตกินี, โอภตจุมฺพฎา, ทาสี จ ภริยา จ, กมฺมการี จ ภริยา จ, ธชาหฎา, มุหุตฺติกาติ เอตา ธนกฺกีตาทโย ทสาติ วีสติฯ อิตฺถีสุ ปน ทฺวินฺนํ สารกฺขสปริทณฺฑานํ ทสนฺนญฺจ ธนกฺกีตาทีนนฺติ ทฺวาทสนฺนํ อิตฺถีนํ อเญฺญ ปุริสาฯ อิทํ อคมนียฎฺฐานํ นามฯ โส ปเนส มิจฺฉาจาโร สีลาทิคุณรหิเต อคมนียฎฺฐาเน อปฺปสาวโชฺชฯ สีลาทิคุณสมฺปเนฺน มหาสาวโชฺชฯ ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา อคมนียวตฺถุ, ตสฺมิํ เสวนจิตฺตํ, เสวนปฺปโยโค, มเคฺคนมคฺคปฺปฎิปตฺติอธิวาสนนฺติฯ เอโก ปโยโค สาหตฺถิโก เอวฯ
Tattha agamanīyaṭṭhānaṃ nāma purisānaṃ tāva māturakkhitā, piturakkhitā, mātāpiturakkhitā, bhāturakkhitā, bhaginirakkhitā, ñātirakkhitā, gottarakkhitā, dhammarakkhitā, sārakkhā, saparidaṇḍāti māturakkhitādayo dasa. Dhanakkītā, chandavāsinī, bhogavāsinī, paṭavāsinī, odapattakinī, obhatacumbaṭā, dāsī ca bhariyā ca, kammakārī ca bhariyā ca, dhajāhaṭā, muhuttikāti etā dhanakkītādayo dasāti vīsati. Itthīsu pana dvinnaṃ sārakkhasaparidaṇḍānaṃ dasannañca dhanakkītādīnanti dvādasannaṃ itthīnaṃ aññe purisā. Idaṃ agamanīyaṭṭhānaṃ nāma. So panesa micchācāro sīlādiguṇarahite agamanīyaṭṭhāne appasāvajjo. Sīlādiguṇasampanne mahāsāvajjo. Tassa cattāro sambhārā agamanīyavatthu, tasmiṃ sevanacittaṃ, sevanappayogo, maggenamaggappaṭipattiadhivāsananti. Eko payogo sāhatthiko eva.
อภิชฺฌายตีติ อภิชฺฌา, ปรภณฺฑาภิมุขี หุตฺวา ตนฺนินฺนตาย ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ สา ‘‘อโห วต อิทํ มมสฺสา’’ติ เอวํ ปรภณฺฑาภิชฺฌายนลกฺขณา อทินฺนาทานํ วิย อปฺปสาวชฺชา มหาสาวชฺชา จฯ ตสฺสา เทฺว สมฺภารา ปรภณฺฑํ, อตฺตโน ปริณามนญฺจฯ ปรภณฺฑวตฺถุเก หิ โลเภ อุปฺปเนฺนปิ น ตาว กมฺมปถเภโท โหติ, ยาว ‘‘อโห วตีทํ มมสฺสา’’ติ อตฺตโน น ปริณาเมติฯ
Abhijjhāyatīti abhijjhā, parabhaṇḍābhimukhī hutvā tanninnatāya pavattatīti attho. Sā ‘‘aho vata idaṃ mamassā’’ti evaṃ parabhaṇḍābhijjhāyanalakkhaṇā adinnādānaṃ viya appasāvajjā mahāsāvajjā ca. Tassā dve sambhārā parabhaṇḍaṃ, attano pariṇāmanañca. Parabhaṇḍavatthuke hi lobhe uppannepi na tāva kammapathabhedo hoti, yāva ‘‘aho vatīdaṃ mamassā’’ti attano na pariṇāmeti.
หิตสุขํ พฺยาปาทยตีติ พฺยาปาโทฯ โส ปรํ วินาสาย มโนปโทสลกฺขโณ ผรุสาวาจา วิย อปฺปสาวโชฺช มหาสาวโชฺช จฯ ตสฺส เทฺว สมฺภารา ปรสโตฺต จ, ตสฺส วินาสจินฺตา จฯ ปรสตฺตวตฺถุเก หิ โกเธ อุปฺปเนฺนปิ น ตาว กมฺมปถเภโท โหติ, ยาว ‘‘อโห วตายํ อุจฺฉิเชฺฌยฺย วินเสฺสยฺยา’’ติ ตสฺส วินาสํ น จิเนฺตติฯ
Hitasukhaṃ byāpādayatīti byāpādo. So paraṃ vināsāya manopadosalakkhaṇo pharusāvācā viya appasāvajjo mahāsāvajjo ca. Tassa dve sambhārā parasatto ca, tassa vināsacintā ca. Parasattavatthuke hi kodhe uppannepi na tāva kammapathabhedo hoti, yāva ‘‘aho vatāyaṃ ucchijjheyya vinasseyyā’’ti tassa vināsaṃ na cinteti.
ยถาภุจฺจคหณาภาเวน มิจฺฉา ปสฺสตีติ มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ สา ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา นเยน วิปรีตทสฺสนลกฺขณาฯ สมฺผปฺปลาโป วิย อปฺปสาวชฺชา มหาสาวชฺชา จฯ อปิจ อนิยตา อปฺปสาวชฺชา, นิยตา มหาสาวชฺชาฯ ตสฺสา เทฺว สมฺภารา วตฺถุโน จ คหิตาการวิปรีตตา, ยถา จ ตํ คณฺหาติ, ตถาภาเวน ตสฺสูปฎฺฐานนฺติฯ
Yathābhuccagahaṇābhāvena micchā passatīti micchādiṭṭhi. Sā ‘‘natthi dinna’’ntiādinā nayena viparītadassanalakkhaṇā. Samphappalāpo viya appasāvajjā mahāsāvajjā ca. Apica aniyatā appasāvajjā, niyatā mahāsāvajjā. Tassā dve sambhārā vatthuno ca gahitākāraviparītatā, yathā ca taṃ gaṇhāti, tathābhāvena tassūpaṭṭhānanti.
อิเมสํ ปน ทสนฺนํ อกุสลกมฺมปถานํ ธมฺมโต โกฎฺฐาสโต อารมฺมณโต เวทนาโต มูลโตติ ปญฺจหากาเรหิ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
Imesaṃ pana dasannaṃ akusalakammapathānaṃ dhammato koṭṭhāsato ārammaṇato vedanāto mūlatoti pañcahākārehi vinicchayo veditabbo.
ตตฺถ ธมฺมโตติ เอเตสุ หิ ปฎิปาฎิยา สตฺต เจตนาธมฺมาว โหนฺติฯ อภิชฺฌาทโย ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตาฯ
Tattha dhammatoti etesu hi paṭipāṭiyā satta cetanādhammāva honti. Abhijjhādayo tayo cetanāsampayuttā.
โกฎฺฐาสโตติ ปฎิปาฎิยา สตฺต, มิจฺฉาทิฎฺฐิ จาติ อิเม อฎฺฐ กมฺมปถา เอว โหนฺติ, โน มูลานิฯ อภิชฺฌาพฺยาปาทา กมฺมปถา เจว มูลานิ จฯ อภิชฺฌา หิ มูลํ ปตฺวา โลโภ อกุสลมูลํ โหติฯ พฺยาปาโท โทโส อกุสลมูลํ โหติฯ
Koṭṭhāsatoti paṭipāṭiyā satta, micchādiṭṭhi cāti ime aṭṭha kammapathā eva honti, no mūlāni. Abhijjhābyāpādā kammapathā ceva mūlāni ca. Abhijjhā hi mūlaṃ patvā lobho akusalamūlaṃ hoti. Byāpādo doso akusalamūlaṃ hoti.
อารมฺมณโตติ ปาณาติปาโต ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณโต สงฺขารารมฺมโณ โหติฯ อทินฺนาทานํ สตฺตารมฺมณํ วา สงฺขารารมฺมณํ วา, มิจฺฉาจาโร โผฎฺฐพฺพวเสน สงฺขารารมฺมโณฯ ‘‘สตฺตารมฺมโณ’’ติปิ เอเกฯ มุสาวาโท สตฺตารมฺมโณ วา สงฺขารารมฺมโณ วา, ตถา ปิสุณวาจาฯ ผรุสวาจา สตฺตารมฺมณาวฯ สมฺผปฺปลาโป ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาตวเสน สตฺตารมฺมโณ วา สงฺขารารมฺมโณ วาฯ ตถา อภิชฺฌาฯ พฺยาปาโท สตฺตารมฺมโณวฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิ เตภูมกธมฺมวเสน สงฺขารารมฺมณาฯ
Ārammaṇatoti pāṇātipāto jīvitindriyārammaṇato saṅkhārārammaṇo hoti. Adinnādānaṃ sattārammaṇaṃ vā saṅkhārārammaṇaṃ vā, micchācāro phoṭṭhabbavasena saṅkhārārammaṇo. ‘‘Sattārammaṇo’’tipi eke. Musāvādo sattārammaṇo vā saṅkhārārammaṇo vā, tathā pisuṇavācā. Pharusavācā sattārammaṇāva. Samphappalāpo diṭṭhasutamutaviññātavasena sattārammaṇo vā saṅkhārārammaṇo vā. Tathā abhijjhā. Byāpādo sattārammaṇova. Micchādiṭṭhi tebhūmakadhammavasena saṅkhārārammaṇā.
เวทนาโตติ ปาณาติปาโต ทุกฺขเวทโน โหติฯ กิญฺจาปิ หิ ราชาโน โจรํ ทิสฺวา หสมานาปิ ‘‘คจฺฉถ นํ ฆาเตถา’’ติ วทนฺติ, สนฺนิฎฺฐาปกเจตนา ปน ทุกฺขสมฺปยุตฺตาว โหติฯ อทินฺนาทานํ ติเวทนํฯ มิจฺฉาจาโร สุขมชฺฌตฺตวเสน ทฺวิเวทโนฯ สนฺนิฎฺฐาปกจิเตฺต ปน มชฺฌตฺตเวทโน น โหติฯ มุสาวาโท ติเวทโนฯ ตถา ปิสุณวาจาฯ ผรุสวาจา ทุกฺขเวทนาฯ สมฺผปฺปลาโป ติเวทโนฯ อภิชฺฌา สุขมชฺฌตฺตวเสน ทฺวิเวทนา ตถา มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ พฺยาปาโท ทุกฺขเวทโนฯ
Vedanātoti pāṇātipāto dukkhavedano hoti. Kiñcāpi hi rājāno coraṃ disvā hasamānāpi ‘‘gacchatha naṃ ghātethā’’ti vadanti, sanniṭṭhāpakacetanā pana dukkhasampayuttāva hoti. Adinnādānaṃ tivedanaṃ. Micchācāro sukhamajjhattavasena dvivedano. Sanniṭṭhāpakacitte pana majjhattavedano na hoti. Musāvādo tivedano. Tathā pisuṇavācā. Pharusavācā dukkhavedanā. Samphappalāpo tivedano. Abhijjhā sukhamajjhattavasena dvivedanā tathā micchādiṭṭhi. Byāpādo dukkhavedano.
มูลโตติ ปาณาติปาโต โทสโมหวเสน ทฺวิมูลโก โหติฯ อทินฺนาทานํ โทสโมหวเสน วา โลภโมหวเสน วาฯ มิจฺฉาจาโร โลภโมหวเสนฯ มุสาวาโท โทสโมหวเสน วา โลภโมหวเสน วา ตถา ปิสุณวาจา สมฺผปฺปลาโป จฯ ผรุสวาจา โทสโมหวเสนฯ อภิชฺฌา โมหวเสน เอกมูลาฯ ตถา พฺยาปาโทฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิ โลภโมหวเสน ทฺวิมูลาติฯ
Mūlatoti pāṇātipāto dosamohavasena dvimūlako hoti. Adinnādānaṃ dosamohavasena vā lobhamohavasena vā. Micchācāro lobhamohavasena. Musāvādo dosamohavasena vā lobhamohavasena vā tathā pisuṇavācā samphappalāpo ca. Pharusavācā dosamohavasena. Abhijjhā mohavasena ekamūlā. Tathā byāpādo. Micchādiṭṭhi lobhamohavasena dvimūlāti.
กุสลกมฺมปถทสกวณฺณนา
Kusalakammapathadasakavaṇṇanā
ปาณาติปาตา เวรมณิอาทีนิ สมาทานสมฺปตฺตสมุเจฺฉทวิรติวเสน เวทิตพฺพานิฯ
Pāṇātipātā veramaṇiādīni samādānasampattasamucchedavirativasena veditabbāni.
ธมฺมโต ปน เอเตสุปิ ปฎิปาฎิยา สตฺต เจตนาปิ วตฺตนฺติ วิรติโยปิฯ อเนฺต ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตาวฯ
Dhammato pana etesupi paṭipāṭiyā satta cetanāpi vattanti viratiyopi. Ante tayo cetanāsampayuttāva.
โกฎฺฐาสโตติ ปฎิปาฎิยา สตฺต กมฺมปถา เอว, โน มูลานิฯ อเนฺต ตโย กมฺมปถา เจว มูลานิ จฯ อนภิชฺฌา หิ มูลํ ปตฺวา อโลโภ กุสลมูลํ โหติฯ อพฺยาปาโท อโทโส กุสลมูลํฯ สมฺมาทิฎฺฐิ อโมโห กุสลมูลํฯ
Koṭṭhāsatoti paṭipāṭiyā satta kammapathā eva, no mūlāni. Ante tayo kammapathā ceva mūlāni ca. Anabhijjhā hi mūlaṃ patvā alobho kusalamūlaṃ hoti. Abyāpādo adoso kusalamūlaṃ. Sammādiṭṭhi amoho kusalamūlaṃ.
อารมฺมณโตติ ปาณาติปาตาทีนํ อารมฺมณาเนว เอเตสํ อารมฺมณานิฯ วีติกฺกมิตพฺพโตเยว หิ เวรมณี นาม โหติฯ ยถา ปน นิพฺพานารมฺมโณ อริยมโคฺค กิเลเส ปชหติ, เอวํ ชีวิตินฺทฺริยาทิอารมฺมณาเปเต กมฺมปถา ปาณาติปาตาทีนิ ทุสฺสีลฺยานิ ปชหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ
Ārammaṇatoti pāṇātipātādīnaṃ ārammaṇāneva etesaṃ ārammaṇāni. Vītikkamitabbatoyeva hi veramaṇī nāma hoti. Yathā pana nibbānārammaṇo ariyamaggo kilese pajahati, evaṃ jīvitindriyādiārammaṇāpete kammapathā pāṇātipātādīni dussīlyāni pajahantīti veditabbā.
เวทนาโตติ สเพฺพ สุขเวทนา โหนฺติ มชฺฌตฺตเวทนา วาฯ กุสลํ ปตฺวา หิ ทุกฺขเวทนา นาม นตฺถิฯ
Vedanātoti sabbe sukhavedanā honti majjhattavedanā vā. Kusalaṃ patvā hi dukkhavedanā nāma natthi.
มูลโตติ ปฎิปาฎิยา สตฺต ญาณสมฺปยุตฺตจิเตฺตน วิรมนฺตสฺส อโลภอโทสอโมหวเสน ติมูลานิ โหนฺติ, ญาณวิปฺปยุตฺตจิเตฺตน วิรมนฺตสฺส ทฺวิมูลานิฯ อนภิชฺฌา ญาณสมฺปยุตฺตจิเตฺตน วิรมนฺตสฺส ทฺวิมูลา, ญาณวิปฺปยุตฺตจิเตฺตน เอกมูลาฯ อโลโภ ปน อตฺตนาว อตฺตโน มูลํ น โหติฯ อพฺยาปาเทปิ เอเสว นโยฯ สมฺมาทิฎฺฐิ อโลภาโทสวเสน ทฺวิมูลา เอวาติฯ
Mūlatoti paṭipāṭiyā satta ñāṇasampayuttacittena viramantassa alobhaadosaamohavasena timūlāni honti, ñāṇavippayuttacittena viramantassa dvimūlāni. Anabhijjhā ñāṇasampayuttacittena viramantassa dvimūlā, ñāṇavippayuttacittena ekamūlā. Alobho pana attanāva attano mūlaṃ na hoti. Abyāpādepi eseva nayo. Sammādiṭṭhi alobhādosavasena dvimūlā evāti.
อริยวาสทสกวณฺณนา
Ariyavāsadasakavaṇṇanā
๓๔๘. อริยวาสาติ อริยา เอว วสิํสุ วสนฺติ วสิสฺสนฺติ เอเตสูติ อริยวาสาฯ ปญฺจงฺควิปฺปหีโนติ ปญฺจหิ อเงฺคหิ วิปฺปยุโตฺตว หุตฺวา ขีณาสโว อวสิ วสติ วสิสฺสตีติ ตสฺมา อยํ ปญฺจงฺควิปฺปหีนตา, อริยสฺส วาสตฺตา อริยวาโสติ วุโตฺตฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ
348.Ariyavāsāti ariyā eva vasiṃsu vasanti vasissanti etesūti ariyavāsā. Pañcaṅgavippahīnoti pañcahi aṅgehi vippayuttova hutvā khīṇāsavo avasi vasati vasissatīti tasmā ayaṃ pañcaṅgavippahīnatā, ariyassa vāsattā ariyavāsoti vutto. Esa nayo sabbattha.
เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต โหตีติ ฉฬงฺคุเปกฺขาย สมนฺนาคโต โหติฯ ฉฬงฺคุเปกฺขา นาม เกติ? ญาณาทโยฯ ‘‘ญาณ’’นฺติ วุเตฺต กิริยโต จตฺตาริ ญาณสมฺปยุตฺตจิตฺตานิ ลพฺภนฺติฯ ‘‘สตตวิหาโร’’ติ วุเตฺต อฎฺฐ มหาจิตฺตานิฯ ‘‘รชฺชนทุสฺสนํ นตฺถี’’ติ วุเตฺต ทส จิตฺตานิ ลพฺภนฺติฯ โสมนสฺสํ อาเสวนวเสน ลพฺภติฯ
Evaṃ kho, āvuso, bhikkhu chaḷaṅgasamannāgato hotīti chaḷaṅgupekkhāya samannāgato hoti. Chaḷaṅgupekkhā nāma keti? Ñāṇādayo. ‘‘Ñāṇa’’nti vutte kiriyato cattāri ñāṇasampayuttacittāni labbhanti. ‘‘Satatavihāro’’ti vutte aṭṭha mahācittāni. ‘‘Rajjanadussanaṃ natthī’’ti vutte dasa cittāni labbhanti. Somanassaṃ āsevanavasena labbhati.
สตารเกฺขน เจตสาติ ขีณาสวสฺส หิ ตีสุ ทฺวาเรสุ สพฺพกาลํ สติ อารกฺขกิจฺจํ สาเธติ ฯ เตเนวสฺส ‘‘จรโต จ ติฎฺฐโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ ญาณทสฺสนํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหตี’’ติ วุจฺจติฯ
Satārakkhena cetasāti khīṇāsavassa hi tīsu dvāresu sabbakālaṃ sati ārakkhakiccaṃ sādheti . Tenevassa ‘‘carato ca tiṭṭhato ca suttassa ca jāgarassa ca satataṃ samitaṃ ñāṇadassanaṃ paccupaṭṭhitaṃ hotī’’ti vuccati.
ปุถุสมณพฺราหฺมณานนฺติ พหูนํ สมณพฺราหฺมณานํฯ เอตฺถ จ สมณาติ ปพฺพชฺชุปคตาฯ พฺราหฺมณาติ โภวาทิโนฯ ปุถุปเจฺจกสจฺจานีติ พหูนิ ปาเฎกฺกสจฺจานิ, อิทเมว ทสฺสนํ สจฺจํ, อิทเมว ทสฺสนํ สจฺจนฺติ เอวํ ปาฎิเยกฺกํ คหิตานิ พหูนิ สจฺจานีติ อโตฺถฯ นุนฺนานีติ นิหตานิฯ ปณุนฺนานีติ สุฎฺฐุ นิหตานิฯ จตฺตานีติ วิสฺสฎฺฐานิฯ วนฺตานีติ วมิตานิฯ มุตฺตานีติ ฉินฺนพนฺธนานิ กตานิฯ ปหีนานีติ ปชหิตานิฯ ปฎินิสฺสฎฺฐานีติ ยถา น ปุน จิตฺตํ อารุหนฺติ, เอวํ ปฎินิสฺสชฺชิตานิฯ สพฺพาเนว ตานิ คหิตคฺคหณสฺส วิสฺสฎฺฐภาวเววจนานิฯ
Puthusamaṇabrāhmaṇānanti bahūnaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ. Ettha ca samaṇāti pabbajjupagatā. Brāhmaṇāti bhovādino. Puthupaccekasaccānīti bahūni pāṭekkasaccāni, idameva dassanaṃ saccaṃ, idameva dassanaṃ saccanti evaṃ pāṭiyekkaṃ gahitāni bahūni saccānīti attho. Nunnānīti nihatāni. Paṇunnānīti suṭṭhu nihatāni. Cattānīti vissaṭṭhāni. Vantānīti vamitāni. Muttānīti chinnabandhanāni katāni. Pahīnānīti pajahitāni. Paṭinissaṭṭhānīti yathā na puna cittaṃ āruhanti, evaṃ paṭinissajjitāni. Sabbāneva tāni gahitaggahaṇassa vissaṭṭhabhāvavevacanāni.
สมวยสเฎฺฐสโนติ เอตฺถ อวยาติ อนูนาฯ สฎฺฐาติ วิสฺสฎฺฐาฯ สมฺมา อวยา สฎฺฐา เอสนา อสฺสาติ สมวยสเฎฺฐสโนฯ สมฺมา วิสฺสฎฺฐสพฺพเอสโนติ อโตฺถฯ ราคา จิตฺตํ วิมุตฺตนฺติอาทีหิ มคฺคสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ กถิตาฯ
Samavayasaṭṭhesanoti ettha avayāti anūnā. Saṭṭhāti vissaṭṭhā. Sammā avayā saṭṭhā esanā assāti samavayasaṭṭhesano. Sammā vissaṭṭhasabbaesanoti attho. Rāgā cittaṃ vimuttantiādīhi maggassa kiccanipphatti kathitā.
ราโค เม ปหีโนติอาทีหิ ปจฺจเวกฺขณาย ผลํ กถิตํฯ
Rāgome pahīnotiādīhi paccavekkhaṇāya phalaṃ kathitaṃ.
อเสกฺขธมฺมทสกวณฺณนา
Asekkhadhammadasakavaṇṇanā
อเสกฺขา สมฺมาทิฎฺฐีติอาทโย สเพฺพปิ ผลสมฺปยุตฺตธมฺมา เอวฯ เอตฺถ จ สมฺมาทิฎฺฐิ, สมฺมาญาณนฺติ ทฺวีสุ ฐาเนสุ ปญฺญาว กถิตาฯ สมฺมาวิมุตฺตีติ อิมินา ปเทน วุตฺตาวเสสาฯ ผลสมาปตฺติธมฺมา สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพาฯ
Asekkhā sammādiṭṭhītiādayo sabbepi phalasampayuttadhammā eva. Ettha ca sammādiṭṭhi, sammāñāṇanti dvīsu ṭhānesu paññāva kathitā. Sammāvimuttīti iminā padena vuttāvasesā. Phalasamāpattidhammā saṅgahitāti veditabbā.
‘‘อิเม โข, อาวุโส’’ติอาทิ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํฯ อิติ ฉนฺนํ ทสกานํ วเสน สมสฎฺฐิ ปเญฺห กเถโนฺต เถโร สามคฺคิรสํ ทเสฺสสีติฯ
‘‘Ime kho, āvuso’’tiādi vuttanayeneva yojetabbaṃ. Iti channaṃ dasakānaṃ vasena samasaṭṭhi pañhe kathento thero sāmaggirasaṃ dassesīti.
ทสกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dasakavaṇṇanā niṭṭhitā.
ปญฺหสโมธานวณฺณนา
Pañhasamodhānavaṇṇanā
๓๔๙. อิธ ปน ฐตฺวา ปญฺหา สโมธาเนตพฺพาฯ อิมสฺมิญฺหิ สุเตฺต เอกกวเสน เทฺว ปญฺหา กถิตาฯ ทุกวเสน สตฺตติฯ ติกวเสน อสีติสตํฯ จตุกฺกวเสน เทฺวสตานิฯ ปญฺจกวเสน ติํสสตํฯ ฉกฺกวเสน พาตฺติํสสตํฯ สตฺตกวเสน อฎฺฐนวุติฯ อฎฺฐกวเสน อฎฺฐาสีติฯ นวกวเสน จตุปณฺณาสฯ ทสกวเสน สมสฎฺฐีติ เอวํ สหสฺสํ จุทฺทส ปญฺหา กถิตาฯ
349. Idha pana ṭhatvā pañhā samodhānetabbā. Imasmiñhi sutte ekakavasena dve pañhā kathitā. Dukavasena sattati. Tikavasena asītisataṃ. Catukkavasena dvesatāni. Pañcakavasena tiṃsasataṃ. Chakkavasena bāttiṃsasataṃ. Sattakavasena aṭṭhanavuti. Aṭṭhakavasena aṭṭhāsīti. Navakavasena catupaṇṇāsa. Dasakavasena samasaṭṭhīti evaṃ sahassaṃ cuddasa pañhā kathitā.
อิมญฺหิ สุตฺตนฺตํ ฐเปตฺวา เตปิฎเก พุทฺธวจเน อโญฺญ สุตฺตโนฺต เอวํ พหุปญฺหปฎิมณฺฑิโต นตฺถิฯ ภควา อิมํ สุตฺตนฺตํ อาทิโต ปฎฺฐาย สกลํ สุตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘ธมฺมเสนาปติ สาริปุโตฺต พุทฺธพลํ ทีเปตฺวา อปฺปฎิวตฺติยํ สีหนาทํ นทติฯ สาวกภาสิโตติ วุเตฺต โอกปฺปนา น โหติ, ชินภาสิโตติ วุเตฺต โหติ, ตสฺมา ชินภาสิตํ กตฺวา เทวมนุสฺสานํ โอกปฺปนํ อิมสฺมิํ สุตฺตเนฺต อุปฺปาเทสฺสามี’’ติฯ ตโต วุฎฺฐาย สาธุการํ อทาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา วุฎฺฐหิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามเนฺตสิ, สาธุ, สาธุ, สาริปุตฺต, สาธุ โข ตฺวํ สาริปุตฺต, ภิกฺขูนํ สงฺคีติปริยายํ อภาสี’’ติฯ
Imañhi suttantaṃ ṭhapetvā tepiṭake buddhavacane añño suttanto evaṃ bahupañhapaṭimaṇḍito natthi. Bhagavā imaṃ suttantaṃ ādito paṭṭhāya sakalaṃ sutvā cintesi – ‘‘dhammasenāpati sāriputto buddhabalaṃ dīpetvā appaṭivattiyaṃ sīhanādaṃ nadati. Sāvakabhāsitoti vutte okappanā na hoti, jinabhāsitoti vutte hoti, tasmā jinabhāsitaṃ katvā devamanussānaṃ okappanaṃ imasmiṃ suttante uppādessāmī’’ti. Tato vuṭṭhāya sādhukāraṃ adāsi. Tena vuttaṃ ‘‘atha kho bhagavā vuṭṭhahitvā āyasmantaṃ sāriputtaṃ āmantesi, sādhu, sādhu, sāriputta, sādhu kho tvaṃ sāriputta, bhikkhūnaṃ saṅgītipariyāyaṃ abhāsī’’ti.
ตตฺถ สงฺคีติปริยายนฺติ สามคฺคิยา การณํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สาธุ, โข ตฺวํ, สาริปุตฺต, มม สพฺพญฺญุตญฺญาเณน สํสนฺทิตฺวา ภิกฺขูนํ สามคฺคิรสํ อภาสี’’ติฯ สมนุโญฺญ สตฺถา อโหสีติ อนุโมทเนน สมนุโญฺญ อโหสิฯ เอตฺตเกน อยํ สุตฺตโนฺต ชินภาสิโต นาม ชาโตฯ เทสนาปริโยสาเน อิมํ สุตฺตนฺตํ มนสิกโรนฺตา เต ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณิํสูติฯ
Tattha saṅgītipariyāyanti sāmaggiyā kāraṇaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘sādhu, kho tvaṃ, sāriputta, mama sabbaññutaññāṇena saṃsanditvā bhikkhūnaṃ sāmaggirasaṃ abhāsī’’ti. Samanuñño satthā ahosīti anumodanena samanuñño ahosi. Ettakena ayaṃ suttanto jinabhāsito nāma jāto. Desanāpariyosāne imaṃ suttantaṃ manasikarontā te bhikkhū arahattaṃ pāpuṇiṃsūti.
สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถาย
Sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāya
สงฺคีติสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saṅgītisuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๑๐. สงฺคีติสุตฺตํ • 10. Saṅgītisuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๑๐. สงฺคีติสุตฺตวณฺณนา • 10. Saṅgītisuttavaṇṇanā