Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā)

    ๑๐. สงฺคีติสุตฺตวณฺณนา

    10. Saṅgītisuttavaṇṇanā

    ๒๙๖. ทสสหสฺสจกฺกวาเฬติ พุทฺธเขตฺตภูเต ทสสหสฺสปริมาเณ จกฺกวาเฬฯ ตตฺถ หิ อิมสฺมิํ จกฺกวาเฬ เทวมนุสฺสาเยว กตาธิการา, อิตเรสุ เทวา วิเสสภาคิโนฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ ญาณชาลํ ปตฺถริตฺวา’’ติฯ ญาณชาลปตฺถรณนฺติ จ เตสํ เตสํ สตฺตานํ อาสยาทิวิภาวนวเสน ญาณสฺส ปวตฺตนเมวฯ เตนาห ‘‘โลกํ โวโลกยมาโน’’ติ, สตฺตโลกํ พฺยวโลกยมาโน อาสยานุสยจริตาธิมุตฺติอาทิเก วิเสสโต โอคาเหตฺวา ปสฺสโนฺตติ อโตฺถฯ มงฺคลํ ภณาเปสฺสนฺติ ‘‘ตํ เตสํ อายติํ วิเสสาธิคมสฺส วิชฺชาฎฺฐานํ หุตฺวา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสา’’ติฯ ตีหิ ปิฎเกหิ สมฺมสิตฺวาติ ติปิฎกโต เอกกทุกาทินา สงฺคเหตพฺพสฺส สงฺคณฺหนวเสน สมฺมสิตฺวา วีมํสิตฺวาฯ ญาตุํ อิจฺฉิตา อตฺถา ปญฺหา, เต ปน อิมสฺมิํ สุเตฺต เอกกาทิวเสน อาคตา สหสฺสํ, จุทฺทส จาติ อาห ‘‘จุทฺทสปญฺหาธิเกน ปญฺหสหเสฺสน ปฎิมเณฺฑตฺวา’’ติฯ เอวมิธ สมฺปิเณฺฑตฺวา ทสฺสิเต ปเญฺห ปรโต สุตฺตปริโยสาเน ‘‘เอกกวเสน เทฺว ปญฺหา กถิตา’’ติอาทินา (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๓๔๙) วิภาเคน ปริคเณตฺวา สยเมว ทเสฺสสฺสติฯ

    296.Dasasahassacakkavāḷeti buddhakhettabhūte dasasahassaparimāṇe cakkavāḷe. Tattha hi imasmiṃ cakkavāḷe devamanussāyeva katādhikārā, itaresu devā visesabhāgino. Tena vuttaṃ ‘‘dasasahassacakkavāḷe ñāṇajālaṃ pattharitvā’’ti. Ñāṇajālapattharaṇanti ca tesaṃ tesaṃ sattānaṃ āsayādivibhāvanavasena ñāṇassa pavattanameva. Tenāha ‘‘lokaṃ volokayamāno’’ti, sattalokaṃ byavalokayamāno āsayānusayacaritādhimuttiādike visesato ogāhetvā passantoti attho. Maṅgalaṃ bhaṇāpessanti ‘‘taṃ tesaṃ āyatiṃ visesādhigamassa vijjāṭṭhānaṃ hutvā dīgharattaṃ hitāya sukhāya bhavissā’’ti. Tīhi piṭakehi sammasitvāti tipiṭakato ekakadukādinā saṅgahetabbassa saṅgaṇhanavasena sammasitvā vīmaṃsitvā. Ñātuṃ icchitā atthā pañhā, te pana imasmiṃ sutte ekakādivasena āgatā sahassaṃ, cuddasa cāti āha ‘‘cuddasapañhādhikena pañhasahassena paṭimaṇḍetvā’’ti. Evamidha sampiṇḍetvā dassite pañhe parato suttapariyosāne ‘‘ekakavasena dve pañhā kathitā’’tiādinā (dī. ni. aṭṭha. 3.349) vibhāgena parigaṇetvā sayameva dassessati.

    อุพฺภตกนวสนฺธาคารวณฺณนา

    Ubbhatakanavasandhāgāravaṇṇanā

    ๒๙๗. อุจฺจาธิฎฺฐานตาย ตํ สนฺธาคารํ ภูมิโต อุพฺภตํ วิยาติ ‘‘อุพฺภตก’’นฺติ นามํ ลภติฯ เตนาห ‘‘อุจฺจตฺตา วา เอวํ วุตฺต’’นฺติฯ สนฺธาคารสาลาติ เอกา มหาสาลาฯ อุโยฺยคกรณาทีสุ หิ ราชาโน ตตฺถ ฐตฺวา ‘‘เอตฺตกา ปุรโต คจฺฉนฺตุ, เอตฺตกา ปจฺฉา’’ติอาทินา ตตฺถ นิสีทิตฺวา สนฺธํ กโรนฺติ มริยาทํ พนฺธนฺติ, ตสฺมา ตํ ฐานํ ‘‘สนฺธาคาร’’นฺติ วุจฺจติฯ อุโยฺยคฎฺฐานโต จ อาคนฺตฺวา ยาว เคหํ โคมยปริภณฺฑาทิวเสน ปฎิชคฺคนํ กโรนฺติ, ตาว เอกํ เทฺว ทิวเส เต ราชาโน ตตฺถ สนฺถมฺภนฺตีติปิ สนฺธาคารํ, เตสํ ราชูนํ สห อตฺถานุสาสนอคารนฺติปิ สนฺธาคารนฺติฯ ยสฺมา วา เต ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ กาเล กสิตุํ วฎฺฎติ, อิมสฺมิํ กาเลวปิตุ’’นฺติอาทินา ฆราวาสกิจฺจํ สนฺธรนฺติ, ตสฺมา ฉิทฺทาวฉิทฺทํ ฆราวาสํ ตตฺถ สนฺธรนฺตีติปิ สนฺธาคารํ, สา เอว สาลาติ สนฺธาคารสาลาฯ เทวตาติ ฆรเทวตาฯ นิวาสวเสน อนชฺฌาวุตฺถตฺตา ‘‘เกนจิ วา มนุสฺสภูเตนา’’ติ วุตฺตํฯ กมฺมกรณวเสน ปน มนุสฺสา ตตฺถ นิสชฺชาทีนิ กเปฺปสุเมวฯ ‘‘สยเมว ปน สตฺถุ อิธาคมนํ อมฺหากํ ปุญฺญวเสเนว, อโห มยํ ปุญฺญวโนฺต’’ติ หฎฺฐตุฎฺฐา เอวํ สมฺมา จิเนฺตสุนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อเมฺหหี’’ติอาทิมาหฯ

    297. Uccādhiṭṭhānatāya taṃ sandhāgāraṃ bhūmito ubbhataṃ viyāti ‘‘ubbhataka’’nti nāmaṃ labhati. Tenāha ‘‘uccattā vā evaṃ vutta’’nti. Sandhāgārasālāti ekā mahāsālā. Uyyogakaraṇādīsu hi rājāno tattha ṭhatvā ‘‘ettakā purato gacchantu, ettakā pacchā’’tiādinā tattha nisīditvā sandhaṃ karonti mariyādaṃ bandhanti, tasmā taṃ ṭhānaṃ ‘‘sandhāgāra’’nti vuccati. Uyyogaṭṭhānato ca āgantvā yāva gehaṃ gomayaparibhaṇḍādivasena paṭijagganaṃ karonti, tāva ekaṃ dve divase te rājāno tattha santhambhantītipi sandhāgāraṃ, tesaṃ rājūnaṃ saha atthānusāsanaagārantipi sandhāgāranti. Yasmā vā te tattha sannipatitvā ‘‘imasmiṃ kāle kasituṃ vaṭṭati, imasmiṃ kālevapitu’’ntiādinā gharāvāsakiccaṃ sandharanti, tasmā chiddāvachiddaṃ gharāvāsaṃ tattha sandharantītipi sandhāgāraṃ, sā eva sālāti sandhāgārasālā. Devatāti gharadevatā. Nivāsavasena anajjhāvutthattā ‘‘kenaci vā manussabhūtenā’’ti vuttaṃ. Kammakaraṇavasena pana manussā tattha nisajjādīni kappesumeva. ‘‘Sayameva pana satthu idhāgamanaṃ amhākaṃ puññavaseneva, aho mayaṃ puññavanto’’ti haṭṭhatuṭṭhā evaṃ sammā cintesunti dassento ‘‘amhehī’’tiādimāha.

    ๒๙๘. อฎฺฎกาติ จิตฺตกมฺมกรณตฺถํ พทฺธา มญฺจกาฯ มุตฺตมตฺตาติ ตาวเทว สนฺธาคาเร นวกมฺมสฺส นิฎฺฐาปิตภาวมาห, เตน‘‘อจิรการิต’’นฺติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติฯ อรญฺญํ อาราโม อารมิตพฺพฎฺฐานํ เอเตสนฺติ อรญฺญารามาฯ สนฺถรณํ สนฺถริ, สโพฺพ สกโล สนฺถริ เอตฺถาติ สพฺพสนฺถริ, ภาวนปุํสกนิเทฺทโสยํฯ เตนาห ‘‘ยถา สพฺพํ สนฺถตํ โหติ, เอว’’นฺติฯ

    298.Aṭṭakāti cittakammakaraṇatthaṃ baddhā mañcakā. Muttamattāti tāvadeva sandhāgāre navakammassa niṭṭhāpitabhāvamāha, tena‘‘acirakārita’’ntiādinā vuttamevatthaṃ vibhāveti. Araññaṃ ārāmo āramitabbaṭṭhānaṃ etesanti araññārāmā. Santharaṇaṃ santhari, sabbo sakalo santhari etthāti sabbasanthari, bhāvanapuṃsakaniddesoyaṃ. Tenāha ‘‘yathā sabbaṃ santhataṃ hoti, eva’’nti.

    ๒๙๙. สมนฺตปาสาทิโกติ สมนฺตโต สพฺพภาเคน ปสาทาวโห จาตุริยโสฯ ‘‘อสีติหตฺถํ ฐานํ คณฺหาตี’’ติ อิทํ พุทฺธานํ กายปฺปภาย ปกติยา อสีติหเตฺถ ฐาเน อภิพฺยาปนโต วุตฺตํฯ อิทฺธานุภาเวน ปน อนนฺตํ อปริมาณํ ฐานํ วิโชฺชตเตวฯ นีลปีตโลหิโตทาตมญฺชฎฺฐปภสฺสรวเสน ฉพฺพณฺณาฯ สเพฺพ ทิสาภาคาติ สรีรปฺปภาย พาหุลฺลโต วุตฺตํฯ

    299.Samantapāsādikoti samantato sabbabhāgena pasādāvaho cāturiyaso. ‘‘Asītihatthaṃ ṭhānaṃ gaṇhātī’’ti idaṃ buddhānaṃ kāyappabhāya pakatiyā asītihatthe ṭhāne abhibyāpanato vuttaṃ. Iddhānubhāvena pana anantaṃ aparimāṇaṃ ṭhānaṃ vijjotateva. Nīlapītalohitodātamañjaṭṭhapabhassaravasena chabbaṇṇā. Sabbe disābhāgāti sarīrappabhāya bāhullato vuttaṃ.

    อพฺภมหิกาทีหิ อุปกฺกิลิฎฺฐํ สุญฺญํ น โสภติ, ตารกาจิตํ ปน อนฺตลิกฺขํ ตาสํ ปภาหิ สมนฺตโต วิโชฺชตมานํ วิโรจตีติ อาห ‘‘สมุคฺคตตารกํ วิย คคนตล’’นฺติฯ สพฺพปาลิผุโลฺลติ มูลโต ปฎฺฐาย ยาว สาขคฺคา ผุโลฺลฯ ‘‘ปฎิปาฎิยาฐปิตาน’’นฺติอาทิ ปริกปฺปูปมาฯ ตถา หิ วิย-สทฺทคฺคหณํ กตํฯ สิริยา สิริํ อภิภวมานํ วิยาติ อตฺตโน โสภาย เตสํ โสภนฺติ อโตฺถฯ ‘‘ภิกฺขูปิ สเพฺพวา’’ติ อิทํ เนสํ ‘‘อปฺปิจฺฉา’’ติอาทินา วุตฺตคุเณสุ โลกิยคุณานํ วเสน โยเชตพฺพํฯ น หิ เต สเพฺพว ทสกถาวตฺถุลาภิโนฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สุตฺตนฺตํ อาวเชฺชตฺวา…เป.… อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺตี’’ติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๒๙๖)ฯ ตสฺมา เย ตตฺถ อริยา, เต สเพฺพสมฺปิ ปทานํ วเสน โพธิตา โหนฺติฯ เย ปน ปุถุชฺชนา, เต โลกิยคุณทีปเกหิ ปเทหีติ น ตถา เหฎฺฐา ‘‘อสีติมหาเถรา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปุเพฺพ อรหตฺตภาคิโน คหิตาฯ

    Abbhamahikādīhi upakkiliṭṭhaṃ suññaṃ na sobhati, tārakācitaṃ pana antalikkhaṃ tāsaṃ pabhāhi samantato vijjotamānaṃ virocatīti āha ‘‘samuggatatārakaṃ viya gaganatala’’nti. Sabbapāliphulloti mūlato paṭṭhāya yāva sākhaggā phullo. ‘‘Paṭipāṭiyāṭhapitāna’’ntiādi parikappūpamā. Tathā hi viya-saddaggahaṇaṃ kataṃ. Siriyā siriṃ abhibhavamānaṃ viyāti attano sobhāya tesaṃ sobhanti attho. ‘‘Bhikkhūpi sabbevā’’ti idaṃ nesaṃ ‘‘appicchā’’tiādinā vuttaguṇesu lokiyaguṇānaṃ vasena yojetabbaṃ. Na hi te sabbeva dasakathāvatthulābhino. Tena vuttaṃ ‘‘suttantaṃ āvajjetvā…pe… arahattaṃ pāpuṇissantī’’ti (dī. ni. aṭṭha. 3.296). Tasmā ye tattha ariyā, te sabbesampi padānaṃ vasena bodhitā honti. Ye pana puthujjanā, te lokiyaguṇadīpakehi padehīti na tathā heṭṭhā ‘‘asītimahātherā’’tiādi vuttaṃ. Pubbe arahattabhāgino gahitā.

    รูปกายสฺส อสีติอนุพฺยญฺชน-ปฎิมณฺฑิต-ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณกายปฺปภาพฺยามปฺปภาเกตุมาลาวิจิตฺตตาว (ที. นิ. ๒.๓๓; ๓.๒๐๐; ม. นิ. ๒.๓๘๕) พุทฺธเวโสฯ ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย วิสฺสเชฺชนฺตสฺส ภควโต กายสฺส อาโลกิตวิโลกิตาทีสุ ปรมุกฺกํสคโต พุทฺธาเวณิโก อจฺจนฺตุปสโม พุทฺธวิลาโสฯ อสฺสนฺติ ตสฺสํฯ

    Rūpakāyassa asītianubyañjana-paṭimaṇḍita-dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇakāyappabhābyāmappabhāketumālāvicittatāva (dī. ni. 2.33; 3.200; ma. ni. 2.385) buddhaveso. Chabbaṇṇā buddharasmiyo vissajjentassa bhagavato kāyassa ālokitavilokitādīsu paramukkaṃsagato buddhāveṇiko accantupasamo buddhavilāso. Assanti tassaṃ.

    สนฺธาคารานุโมทนปฎิสํยุตฺตาติ ‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฎิหนฺตี’’ติอาทินา (จูฬว. ๒๙๕, ๓๑๕) นเยน สนฺธาคารคุณูปสญฺหิตา สนฺธาคารกรณปุญฺญานิสํสภาวินีฯ ปกิณฺณกกถาติ สงฺคีติอนารุฬฺหา สุณนฺตานํ อชฺฌาสยานุรูปตาย วิวิธวิปุลเหตูปมาสมาลงฺกตา นานานยวิจิตฺตา วิตฺถารกถาฯ เตนาห ‘‘ตทา หี’’ติอาทิฯ อากาสคงฺคํ โอตาเรโนฺต วิย นิรุปกฺกิเลสตาย สุวิสุเทฺธน, วิปุโลทารตาย อปริเมเยฺยน จ อเตฺถน สุณนฺตานํ กายจิตฺตปริฬาหวูปสมนโตฯ ปถโวชํ อากฑฺฒโนฺต วิย อเญฺญสํ สุทุกฺกรตาย, มหาสารตาย วา อตฺถสฺสฯ มหาชมฺพุํ มตฺถเก คเหตฺวา จาเลโนฺต วิย จาลนปจฺจยฎฺฐานวเสน ปุเพฺพนาปรํ อนุสนฺธานโตฯ โยชนิย…เป.… ปายมาโน วิย เทสนํ จตุสจฺจยเนฺต ปกฺขิปิตฺวา อตฺถเวทธมฺมเวทเสฺสว ลภาปเนน สาตมธุรธมฺมามตรสูปสํหรณโตฯ มธุคณฺฑนฺติ มธุปฎลํฯ

    Sandhāgārānumodanapaṭisaṃyuttāti ‘‘sītaṃ uṇhaṃ paṭihantī’’tiādinā (cūḷava. 295, 315) nayena sandhāgāraguṇūpasañhitā sandhāgārakaraṇapuññānisaṃsabhāvinī. Pakiṇṇakakathāti saṅgītianāruḷhā suṇantānaṃ ajjhāsayānurūpatāya vividhavipulahetūpamāsamālaṅkatā nānānayavicittā vitthārakathā. Tenāha ‘‘tadā hī’’tiādi. Ākāsagaṅgaṃ otārento viya nirupakkilesatāya suvisuddhena, vipulodāratāya aparimeyyena ca atthena suṇantānaṃ kāyacittapariḷāhavūpasamanato. Pathavojaṃ ākaḍḍhanto viya aññesaṃ sudukkaratāya, mahāsāratāya vā atthassa. Mahājambuṃ matthake gahetvā cālento viya cālanapaccayaṭṭhānavasena pubbenāparaṃ anusandhānato. Yojaniya…pe… pāyamāno viya desanaṃ catusaccayante pakkhipitvā atthavedadhammavedasseva labhāpanena sātamadhuradhammāmatarasūpasaṃharaṇato. Madhugaṇḍanti madhupaṭalaṃ.

    ๓๐๐. ‘‘ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูต’’นฺติ พฺยาปนิจฺฉายํ อิทํ อาเมฑิตวจนนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยํ ยนฺทิส’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อนุวิโลเกตฺวาติ เอตฺถ อนุ-สโทฺท ‘‘ปรี’’ติ อิมินา สมานโตฺถ, วิโลกนเญฺจตฺถ สตฺถุ จกฺขุทฺวเยนปิ อิจฺฉิตพฺพนฺติ ‘‘มํสจกฺขุนา…เป.… ตโต ตโต วิโลเกตฺวา’’ติ สเงฺขปโต วตฺวา ตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘มํสจกฺขุนา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ หเตฺถน กุจฺฉิตํ กตํ หตฺถกุกฺกุจฺจํ กุกตเมว กุกฺกุจฺจนฺติ กตฺวาฯ เอวํ ปาทกุกฺกุจฺจํ ทฎฺฐพฺพํฯ นิจฺจลา นิสีทิํสุ อตฺตโน สุวินีตภาเวน, พุทฺธคารเวน จฯ ‘‘อาโลกํ ปน วฑฺฒยิตฺวา’’ติอาทิ กทาจิ ภควา เอวมฺปิ กโรตีติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํฯ น หิ สตฺถุ สาวกานํ วิย เอวํ ปโยคสมฺปาทนียเมตํ ญาณํฯ ติโรหิตวิทูรวตฺตนิปิ รูปคเต มํสจกฺขุโน ปวตฺติยา อิจฺฉิตตฺตา วีมํสิตพฺพํ ฯ อรหตฺตุปคํ อรหตฺตปทฎฺฐานํฯ จกฺขุตเลสุ นิมิตฺตํ ฐเปตฺวาติ ภาวนานุโยคสมฺปตฺติยา สเพฺพสํ เตสํ ภิกฺขูนํ จกฺขุตเลสุ ลพฺภมานํ สนฺตินฺทฺริยวิคตถินมิทฺธตาการสงฺขาตํ นิมิตฺตํ อตฺตโน หทเย ฐเปตฺวา สลฺลเกฺขตฺวาฯ กสฺมา อาคิลายติ โกฎิสตสหสฺสหตฺถินาคานํ พลํ ธาเรนฺตสฺสาติ โจทกสฺส อธิปฺปาโยฯ อาจริโย เอส สงฺขารานํ สภาโว, ยทิทํ อนิจฺจตาฯ เย ปน อนิจฺจา, เต เอกเนฺตเนว อุทยวยปฎิปีฬิตตาย ทุกฺขา เอว, ทุกฺขสภาเวสุ เตสุ สตฺถุ กาเย ทุกฺขุปฺปตฺติยา อยํ ปจฺจโยติ ทเสฺสตุํ ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปิฎฺฐิวาโต อุปฺปชฺชิ, โส จ โข ปุเพฺพ กตกมฺมปจฺจยาฯ สฺวายมโตฺถ ปรมตฺถทีปนิยํ อุทานฎฺฐกถายํ อาคตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ

    300.‘‘Tuṇhībhūtaṃ tuṇhībhūta’’nti byāpanicchāyaṃ idaṃ āmeḍitavacananti dassetuṃ ‘‘yaṃ yandisa’’ntiādi vuttaṃ. Anuviloketvāti ettha anu-saddo ‘‘parī’’ti iminā samānattho, vilokanañcettha satthu cakkhudvayenapi icchitabbanti ‘‘maṃsacakkhunā…pe… tato tato viloketvā’’ti saṅkhepato vatvā tamatthaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘maṃsacakkhunā hī’’tiādi vuttaṃ. Hatthena kucchitaṃ kataṃ hatthakukkuccaṃ kukatameva kukkuccanti katvā. Evaṃ pādakukkuccaṃ daṭṭhabbaṃ. Niccalā nisīdiṃsu attano suvinītabhāvena, buddhagāravena ca. ‘‘Ālokaṃ pana vaḍḍhayitvā’’tiādi kadāci bhagavā evampi karotīti adhippāyena vuttaṃ. Na hi satthu sāvakānaṃ viya evaṃ payogasampādanīyametaṃ ñāṇaṃ. Tirohitavidūravattanipi rūpagate maṃsacakkhuno pavattiyā icchitattā vīmaṃsitabbaṃ . Arahattupagaṃ arahattapadaṭṭhānaṃ. Cakkhutalesu nimittaṃ ṭhapetvāti bhāvanānuyogasampattiyā sabbesaṃ tesaṃ bhikkhūnaṃ cakkhutalesu labbhamānaṃ santindriyavigatathinamiddhatākārasaṅkhātaṃ nimittaṃ attano hadaye ṭhapetvā sallakkhetvā. Kasmā āgilāyati koṭisatasahassahatthināgānaṃ balaṃ dhārentassāti codakassa adhippāyo. Ācariyo esa saṅkhārānaṃ sabhāvo, yadidaṃ aniccatā. Ye pana aniccā, te ekanteneva udayavayapaṭipīḷitatāya dukkhā eva, dukkhasabhāvesu tesu satthu kāye dukkhuppattiyā ayaṃ paccayoti dassetuṃ ‘‘bhagavato hī’’tiādi vuttaṃ. Piṭṭhivāto uppajji, so ca kho pubbe katakammapaccayā. Svāyamattho paramatthadīpaniyaṃ udānaṭṭhakathāyaṃ āgatanayeneva veditabbo.

    ภินฺนนิคณฺฐวตฺถุวณฺณนา

    Bhinnanigaṇṭhavatthuvaṇṇanā

    ๓๐๑. เหฎฺฐา วุตฺตเมว ปาสาทิกสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๑๖๔)ฯ

    301.Heṭṭhā vuttameva pāsādikasuttavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 3.164).

    ๓๐๒. สฺวาขฺยาตํ ธมฺมํ เทเสตุกาโมติ สฺวาขฺยาตํ กตฺวา ธมฺมํ กเถตุกาโม, สตฺถารา วา สฺวาขฺยาตํ ธมฺมํ สยํ ภิกฺขูนํ กเถตุกาโมฯ สตฺถารา เทสิตธมฺมเมว หิ ตโต ตโต คเหตฺวา สาวกา สพฺรหฺมจารีนํ กเถนฺติฯ

    302.Svākhyātaṃ dhammaṃ desetukāmoti svākhyātaṃ katvā dhammaṃ kathetukāmo, satthārā vā svākhyātaṃ dhammaṃ sayaṃ bhikkhūnaṃ kathetukāmo. Satthārā desitadhammameva hi tato tato gahetvā sāvakā sabrahmacārīnaṃ kathenti.

    เอกกวณฺณนา

    Ekakavaṇṇanā

    ๓๐๓. สมเคฺคหิ ภาสิตพฺพนฺติ อญฺญมญฺญํ สมเคฺคหิ หุตฺวา ภาสิตพฺพํ, สชฺฌายิตพฺพเญฺจว วเณฺณตพฺพญฺจาติ อโตฺถฯ ยถา ปน สมเคฺคหิ สงฺคายนํ โหติ, ตมฺปิ ทเสฺสตุํ ‘‘เอกวจเนหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอกวจเนหีติ วิโรธาภาเวน สมานวจเนหิฯ เตนาห ‘‘อวิรุทฺธวจเนหี’’ติอาทิฯ สามคฺคิรสํ ทเสฺสตุกาโมติ ยสฺมิํ ธเมฺม สงฺคายเน สามคฺคิรสานุภวนํ อิจฺฉิตํ เทสนากุสลตาย, ตตฺถ เอกกทุกติกาทิวเสน พหุธา สามคฺคิรสํ ทเสฺสตุกาโมฯ สเพฺพ สตฺตาติ อนวเสสา สตฺตา , เต ปน ภวเภทโต สเงฺขเปเนว ภินฺทิตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘กามภวาทีสู’’ติอาทิมาหฯ พฺยธิกรณานมฺปิ พาหิรตฺถสมาโส โหติ ยถา ‘‘อุรสิโลโม’’ติ อาห ‘‘อาหารโต ฐิติ เอเตสนฺติ อาหารฎฺฐิติกา’’ติฯ ติฎฺฐติ เอเตนาติ ฐิติ, อาหาโร ฐิติ เอเตสนฺติ อาหารฎฺฐิติกาติ เอวํ วา เอตฺถ สมาสวิคฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อาหารฎฺฐิติกาติ ปจฺจยฎฺฐิติกา, ปจฺจยายตฺตวุตฺติกาติ อโตฺถฯ ปจฺจยโตฺถ เหตฺถ อาหาร-สโทฺท ‘‘อยํ อาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺสอุปฺปาทายา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๑๘๓, ๒๓๒) วิยฯ เอวญฺหิ ‘‘สเพฺพ สตฺตา’’ติ อิมินา อสญฺญสตฺตาปิ ปริคฺคหิตา โหนฺติฯ สา ปนายํ อาหารฎฺฐิติกตา นิปฺปริยายโต สงฺขารธโมฺม, น สตฺตธโมฺมฯ เตเนวาหุ อฎฺฐกถาจริยา ‘‘สเพฺพ สตฺตา อาหารฎฺฐิติกาติ อาคตฎฺฐาเน สงฺขารโลโก เวทิตโพฺพ’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๖; ปารา. อฎฺฐ. เวรญฺชกณฺฑวณฺณนา; อุทา. อฎฺฐ. ๓๐; จูฬนิ. อฎฺฐ. ๖๕; อุทา. อฎฺฐ. ๑๘๖) ยทิ เอวํ ‘‘สเพฺพ สตฺตา’’ติ อิทํ กถนฺติ? ปุคฺคลาธิฎฺฐานา เทสนาติ นายํ โทโสฯ ยถาห ภควา ‘‘เอกธเมฺม ภิกฺขเว ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน สมฺมา วิรชฺชมาโน สมฺมา วิมุจฺจมาโน สมฺมา ปริยนฺตทสฺสาวี สมฺมตฺตํ อภิสเมจฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ, กตมสฺมิํ เอกธเมฺม? สเพฺพ สตฺตา อาหารฎฺฐิติกา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗) เอโก ธโมฺมติ ‘‘สเพฺพ สตฺตา อาหารฎฺฐิติกา’’ติ ยฺวายํ ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย กถาย สเพฺพสํ สงฺขารานํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย อาหารปริยาเยน สามญฺญโต ปจฺจยธโมฺม วุโตฺต, อยํ อาหาโร นาม เอโก ธโมฺมฯ ยาถาวโต ญตฺวาติ ยถาสภาวโต อภิสมฺพุชฺฌิตฺวาฯ สมฺมทกฺขาโตติ เตเนว อภิสมฺพุทฺธากาเรน สมฺมเทว เทสิโตฯ

    303.Samaggehi bhāsitabbanti aññamaññaṃ samaggehi hutvā bhāsitabbaṃ, sajjhāyitabbañceva vaṇṇetabbañcāti attho. Yathā pana samaggehi saṅgāyanaṃ hoti, tampi dassetuṃ ‘‘ekavacanehī’’tiādi vuttaṃ. Ekavacanehīti virodhābhāvena samānavacanehi. Tenāha ‘‘aviruddhavacanehī’’tiādi. Sāmaggirasaṃ dassetukāmoti yasmiṃ dhamme saṅgāyane sāmaggirasānubhavanaṃ icchitaṃ desanākusalatāya, tattha ekakadukatikādivasena bahudhā sāmaggirasaṃ dassetukāmo. Sabbe sattāti anavasesā sattā , te pana bhavabhedato saṅkhepeneva bhinditvā dassento ‘‘kāmabhavādīsū’’tiādimāha. Byadhikaraṇānampi bāhiratthasamāso hoti yathā ‘‘urasilomo’’ti āha ‘‘āhārato ṭhiti etesanti āhāraṭṭhitikā’’ti. Tiṭṭhati etenāti ṭhiti, āhāro ṭhiti etesanti āhāraṭṭhitikāti evaṃ vā ettha samāsaviggaho daṭṭhabbo. Āhāraṭṭhitikāti paccayaṭṭhitikā, paccayāyattavuttikāti attho. Paccayattho hettha āhāra-saddo ‘‘ayaṃ āhāro anuppannassa vā kāmacchandassauppādāyā’’tiādīsu (saṃ. ni. 5.183, 232) viya. Evañhi ‘‘sabbe sattā’’ti iminā asaññasattāpi pariggahitā honti. Sā panāyaṃ āhāraṭṭhitikatā nippariyāyato saṅkhāradhammo, na sattadhammo. Tenevāhu aṭṭhakathācariyā ‘‘sabbe sattā āhāraṭṭhitikāti āgataṭṭhāne saṅkhāraloko veditabbo’’ti (visuddhi. 1.136; pārā. aṭṭha. verañjakaṇḍavaṇṇanā; udā. aṭṭha. 30; cūḷani. aṭṭha. 65; udā. aṭṭha. 186) yadi evaṃ ‘‘sabbe sattā’’ti idaṃ kathanti? Puggalādhiṭṭhānā desanāti nāyaṃ doso. Yathāha bhagavā ‘‘ekadhamme bhikkhave bhikkhu sammā nibbindamāno sammā virajjamāno sammā vimuccamāno sammā pariyantadassāvī sammattaṃ abhisamecca diṭṭheva dhamme dukkhassantakaro hoti, katamasmiṃ ekadhamme? Sabbe sattā āhāraṭṭhitikā’’ti (a. ni. 10.27) eko dhammoti ‘‘sabbe sattā āhāraṭṭhitikā’’ti yvāyaṃ puggalādhiṭṭhānāya kathāya sabbesaṃ saṅkhārānaṃ paccayāyattavuttitāya āhārapariyāyena sāmaññato paccayadhammo vutto, ayaṃ āhāro nāma eko dhammo. Yāthāvato ñatvāti yathāsabhāvato abhisambujjhitvā. Sammadakkhātoti teneva abhisambuddhākārena sammadeva desito.

    โจทโก วุตฺตมฺปิ อตฺถํ ยาถาวโต อปฺปฎิปชฺชมาโน เนยฺยตฺถํ สุตฺตปทํ นีตตฺถโต ทหโนฺต ‘‘สเพฺพ สตฺตา’’ติ วจนมเตฺต ฐตฺวา ‘‘นนุ จา’’ติอาทินา โจเทติฯ อาจริโย อวิปรีตํ ตตฺถ ยถาธิเปฺปตมตฺถํ ปเวเทโนฺต ‘‘น วิรุชฺฌตี’’ติ วตฺวา ‘‘เตสญฺหิ ฌานํ อาหาโร โหตี’’ติ อาหฯ ฌานนฺติ เอกโวการภวาวหํ สญฺญาย วิรชฺชนวเสน ปวตฺตํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘อนาหารา’’ติ วจนํ อสญฺญภเว จตุนฺนํ อาหารานํ อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปจฺจยาหารสฺส อภาวโตฯ ‘‘เอวํ สเนฺตปี’’ติ อิทํ สาสเน เยสุ ธเมฺมสุ วิเสสโต อาหาร-สโทฺท นิรุโฬฺห, ‘‘อาหารฎฺฐิติกา’’ติ เอตฺถ ยทิ เต เอว คยฺหนฺติ, อพฺยาปิตโทโส อาปโนฺนฯ อถ สโพฺพปิ ปจฺจยธโมฺม อาหาโรติ อธิเปฺปโต, อิมาย อาหารปาฬิยา วิโรโธ อาปโนฺนติ ทเสฺสตุํ อารทฺธํฯ ‘‘น วิรุชฺฌตี’’ติ เยนาธิปฺปาเยน วุตฺตํ, ตํ วิวรโนฺต ‘‘เอตสฺมิญฺหิ สุเตฺต’’ติอาทิมาหฯ กพฬีการาหาราทีนํ โอชฎฺฐมกรูปาหรณาทิ นิปฺปริยาเยน อาหารภาโวฯ ยถา หิ กพฬีการาหาโร โอชฎฺฐมกรูปาหรเณน รูปกายํ อุปตฺถเมฺภติ, เอวํ ผสฺสาทโย จ เวทนาทิอาหรเณน นามกายํ อุปตฺถเมฺภนฺติ, ตสฺมา สติปิ ชนกภาเว อุปตฺถมฺภกภาโว โอชาทีสุ สาติสโย ลพฺภมาโน มุโขฺย อาหารโฎฺฐติ เต เอว นิปฺปริยาเยน อาหารลกฺขณา ธมฺมา วุตฺตาฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สงฺคีติสุเตฺตฯ ปริยาเยน ปจฺจโย อาหาโรติ วุโตฺต สโพฺพ ปจฺจโย ธโมฺม อตฺตโน ผลํ อาหรตีติ อิมํ ปริยายํ ลภตีติฯ เตนาห ‘‘สพฺพธมฺมานญฺหี’’ติอาทิฯ ตตฺถ สพฺพธมฺมานนฺติ สเพฺพสํ สงฺขตธมฺมานํฯ อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ สุเตฺตน (อ. นิ. ๑๐.๖๑) สมเตฺถตุํ ‘‘เตเนวาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อยนฺติ ปจฺจยาหาโรฯ

    Codako vuttampi atthaṃ yāthāvato appaṭipajjamāno neyyatthaṃ suttapadaṃ nītatthato dahanto ‘‘sabbe sattā’’ti vacanamatte ṭhatvā ‘‘nanu cā’’tiādinā codeti. Ācariyo aviparītaṃ tattha yathādhippetamatthaṃ pavedento ‘‘na virujjhatī’’ti vatvā ‘‘tesañhi jhānaṃ āhāro hotī’’ti āha. Jhānanti ekavokārabhavāvahaṃ saññāya virajjanavasena pavattaṃ rūpāvacaracatutthajjhānaṃ. Pāḷiyaṃ pana ‘‘anāhārā’’ti vacanaṃ asaññabhave catunnaṃ āhārānaṃ abhāvaṃ sandhāya vuttaṃ, na paccayāhārassa abhāvato. ‘‘Evaṃ santepī’’ti idaṃ sāsane yesu dhammesu visesato āhāra-saddo niruḷho, ‘‘āhāraṭṭhitikā’’ti ettha yadi te eva gayhanti, abyāpitadoso āpanno. Atha sabbopi paccayadhammo āhāroti adhippeto, imāya āhārapāḷiyā virodho āpannoti dassetuṃ āraddhaṃ. ‘‘Na virujjhatī’’ti yenādhippāyena vuttaṃ, taṃ vivaranto ‘‘etasmiñhi sutte’’tiādimāha. Kabaḷīkārāhārādīnaṃ ojaṭṭhamakarūpāharaṇādi nippariyāyena āhārabhāvo. Yathā hi kabaḷīkārāhāro ojaṭṭhamakarūpāharaṇena rūpakāyaṃ upatthambheti, evaṃ phassādayo ca vedanādiāharaṇena nāmakāyaṃ upatthambhenti, tasmā satipi janakabhāve upatthambhakabhāvo ojādīsu sātisayo labbhamāno mukhyo āhāraṭṭhoti te eva nippariyāyena āhāralakkhaṇā dhammā vuttā. Idhāti imasmiṃ saṅgītisutte. Pariyāyena paccayo āhāroti vutto sabbo paccayo dhammo attano phalaṃ āharatīti imaṃ pariyāyaṃ labhatīti. Tenāha ‘‘sabbadhammānañhī’’tiādi. Tattha sabbadhammānanti sabbesaṃ saṅkhatadhammānaṃ. Idāni yathāvuttamatthaṃ suttena (a. ni. 10.61) samatthetuṃ ‘‘tenevāhā’’tiādi vuttaṃ. Ayanti paccayāhāro.

    นิปฺปริยายาหาโรปิ คหิโตว โหติ, ยาวตา โสปิ ปจฺจยภาเวเนว ชนโก, อุปตฺถมฺภโก จ หุตฺวา ตํ ตํ ผลํ อาหรตีติ วตฺตพฺพตํ ลภตีติฯ ตตฺถาติ ปริยายาหาโร, นิปฺปริยายาหาโรติ ทฺวีสุ อาหาเรสุฯ อสญฺญภเว ยทิปิ นิปฺปริยายาหาโร น ลพฺภติ, ปจฺจยาหาโร ปน ลพฺภติ ปริยายาหารลกฺขโณฯ อิทานิ อิมเมวตฺถํ วิตฺถาเรน ทเสฺสตุํ ‘‘อนุปฺปเนฺน หิ พุเทฺธ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อุปฺปเนฺน พุเทฺธ ติตฺถกรมตนิสฺสิตานํ ฌานภาวนาย อสิชฺฌนโต ‘‘อนุปฺปเนฺน พุเทฺธ’’ติ วุตฺตํฯ สาสนิกา ตาทิสํ ฌานํ น นิพฺพเตฺตนฺตีติ ‘‘ติตฺถายตเน ปพฺพชิตา’’ติ วุตฺตํฯ ติตฺถิยา หิ อุปตฺติวิเสเส วิมุตฺติสญฺญิโน, อญฺญาวิราคาวิราเคสุ อาทีนวานิสํสทสฺสิโน วา หุตฺวา อสญฺญสมาปตฺติํ นิพฺพเตฺตตฺวา อกฺขณภูมิยํ อุปฺปชฺชนฺติ, น สาสนิกาฯ วาโยกสิเณ ปริกมฺมํ กตฺวาติ วาโยกสิเณ ปฐมาทีนิ ตีณิ ฌานานิ นิพฺพเตฺตตฺวา ตติยชฺฌาเน จิณฺณวสี หุตฺวา ตโต วุฎฺฐาย จตุตฺถชฺฌานาธิคมาย ปริกมฺมํ กตฺวาฯ เตนาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา’’ติฯ กสฺมา ปเนตฺถ วาโยกสิเณเยว ปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ? ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ , ตํ พฺรหฺมชาลฎีกายํ (ที. นิ. ฎี. ๑.๔๑) วิตฺถาริตเมวฯ ธีติ ชิคุจฺฉนเตฺถ นิปาโต, ตสฺมา ธี จิตฺตนฺติ จิตฺตํ ชิคุจฺฉามีติ อโตฺถฯ ธิพฺพเตตํ จิตฺตนฺติ เอตํ มม จิตฺตํ ชิคุจฺฉิตํ วต โหตุฯ วตาติ สมฺภาวเน, เตน ชิคุจฺฉํ สมฺภาเวโนฺต วทติฯ นามาติ จ สมฺภาวเน เอว, เตน จิตฺตสฺส อภาวํ สมฺภาเวติฯ จิตฺตสฺส ภาวาภาเวสุ อาทีนวานิสํเส ทเสฺสตุํ ‘‘จิตฺตญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ขนฺติํ รุจิํ อุปฺปาเทตฺวาติ ‘‘จิตฺตสฺส อภาโว เอว สาธุ สุฎฺฐู’’ติ อิมํ ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติํ, ตตฺถ จ อภิรุจิํ อุปฺปาเทตฺวาฯ

    Nippariyāyāhāropi gahitova hoti, yāvatā sopi paccayabhāveneva janako, upatthambhako ca hutvā taṃ taṃ phalaṃ āharatīti vattabbataṃ labhatīti. Tatthāti pariyāyāhāro, nippariyāyāhāroti dvīsu āhāresu. Asaññabhave yadipi nippariyāyāhāro na labbhati, paccayāhāro pana labbhati pariyāyāhāralakkhaṇo. Idāni imamevatthaṃ vitthārena dassetuṃ ‘‘anuppanne hi buddhe’’tiādi vuttaṃ. Uppanne buddhe titthakaramatanissitānaṃ jhānabhāvanāya asijjhanato ‘‘anuppannebuddhe’’ti vuttaṃ. Sāsanikā tādisaṃ jhānaṃ na nibbattentīti ‘‘titthāyatane pabbajitā’’ti vuttaṃ. Titthiyā hi upattivisese vimuttisaññino, aññāvirāgāvirāgesu ādīnavānisaṃsadassino vā hutvā asaññasamāpattiṃ nibbattetvā akkhaṇabhūmiyaṃ uppajjanti, na sāsanikā. Vāyokasiṇe parikammaṃ katvāti vāyokasiṇe paṭhamādīni tīṇi jhānāni nibbattetvā tatiyajjhāne ciṇṇavasī hutvā tato vuṭṭhāya catutthajjhānādhigamāya parikammaṃ katvā. Tenāha ‘‘catutthajjhānaṃ nibbattetvā’’ti. Kasmā panettha vāyokasiṇeyeva parikammaṃ vuttanti? Yadettha vattabbaṃ , taṃ brahmajālaṭīkāyaṃ (dī. ni. ṭī. 1.41) vitthāritameva. Dhīti jigucchanatthe nipāto, tasmā dhī cittanti cittaṃ jigucchāmīti attho. Dhibbatetaṃ cittanti etaṃ mama cittaṃ jigucchitaṃ vata hotu. Vatāti sambhāvane, tena jigucchaṃ sambhāvento vadati. Nāmāti ca sambhāvane eva, tena cittassa abhāvaṃ sambhāveti. Cittassa bhāvābhāvesu ādīnavānisaṃse dassetuṃ ‘‘cittañhī’’tiādi vuttaṃ. Khantiṃ ruciṃ uppādetvāti ‘‘cittassa abhāvo eva sādhu suṭṭhū’’ti imaṃ diṭṭhinijjhānakkhantiṃ, tattha ca abhiruciṃ uppādetvā.

    ตถา ภาวิตสฺส ฌานสฺส ฐิติภาคิยภาวปฺปตฺติยา อปริหีนชฺฌานสฺส ติตฺถายตเน ปพฺพชิตเสฺสว ตถา ฌานภาวนา โหตีติ อาห ‘‘มนุสฺสโลเก’’ติฯ ปณิหิโต อโหสีติ มรณสฺส อาสนฺนกาเล ฐปิโต อโหสิฯ ยทิ ฐานาทินา อากาเรน นิพฺพเตฺตยฺย, กมฺมพเลน ยาว เภทา เตเนวากาเรน ติเฎฺฐยฺย วาติ อาห ‘‘โส เตน อิริยาปเถนา’’ติอาทิฯ

    Tathā bhāvitassa jhānassa ṭhitibhāgiyabhāvappattiyā aparihīnajjhānassa titthāyatane pabbajitasseva tathā jhānabhāvanā hotīti āha ‘‘manussaloke’’ti. Paṇihito ahosīti maraṇassa āsannakāle ṭhapito ahosi. Yadi ṭhānādinā ākārena nibbatteyya, kammabalena yāva bhedā tenevākārena tiṭṭheyya vāti āha ‘‘so tena iriyāpathenā’’tiādi.

    เอว รูปานมฺปีติ เอวํ อเจตนานมฺปิฯ ปิ-สเทฺทน ปเคว สเจตนานนฺติ ทเสฺสติฯ กถํ ปน อเจตนานํ เนสํ ปจฺจยาหารสฺส อุปกปฺปนนฺติ โจทนํ สนฺธาย ตตฺถ นิทสฺสนํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา’’ติอาทิมาหฯ

    Eva rūpānampīti evaṃ acetanānampi. Pi-saddena pageva sacetanānanti dasseti. Kathaṃ pana acetanānaṃ nesaṃ paccayāhārassa upakappananti codanaṃ sandhāya tattha nidassanaṃ dassento ‘‘yathā’’tiādimāha.

    เย อุฎฺฐานวีริเยเนว ทิวสํ วีตินาเมตฺวา ตสฺส นิสฺสนฺทผลมตฺตํ กิญฺจิเทว ลภิตฺวา ชีวิกํ กเปฺปนฺติ, เต อุฎฺฐานผลูปชีวิโนฯ เย ปน อตฺตโน ปุญฺญผลเมว อุปชีเวนฺติ, เต ปุญฺญผลูปชีวิโนฯ เนรยิกานํ ปน เนว อุฎฺฐานวีริยวเสน ชีวิกากปฺปนํ, ปุญฺญผลสฺส ปน เลโสปิ นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘เย ปน เต เนรยิกา…เป.… น ปุญฺญผลูปชีวีติ วุตฺตา’’ติฯ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณสฺส อาหรเณน มโนสเญฺจตนาหาโรติ วุตฺตา, น ยสฺส กสฺสจิ ผลสฺสาติ อธิปฺปาเยน ‘‘กิํ ปญฺจ อาหารา อตฺถี’’ติ โจเทติฯ อาจริโย นิปฺปริยายาหาเร อธิเปฺปเต สิยา ตว โจทนายาวสโร, สา ปน เอตฺถ อนวสราติ ทเสฺสตุํ ‘‘ปญฺจ น ปญฺจาติ อิทํ น วตฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปริยายาหารเสฺสว ปเนตฺถ อธิเปฺปตภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘นนุ ปจฺจโย อาหาโรติ วุตฺตเมต’’นฺติ อาหฯ ตสฺมาติ ยสฺส กสฺสจิ ปจฺจยสฺส ‘‘อาหาโร’’ติ อิจฺฉิตตฺตาฯ อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปาฬิยา สมเตฺถโนฺต ‘‘ยํ สนฺธายา’’ติอาทิมาหฯ

    Ye uṭṭhānavīriyeneva divasaṃ vītināmetvā tassa nissandaphalamattaṃ kiñcideva labhitvā jīvikaṃ kappenti, te uṭṭhānaphalūpajīvino. Ye pana attano puññaphalameva upajīventi, te puññaphalūpajīvino. Nerayikānaṃ pana neva uṭṭhānavīriyavasena jīvikākappanaṃ, puññaphalassa pana lesopi natthīti vuttaṃ ‘‘ye pana te nerayikā…pe… na puññaphalūpajīvīti vuttā’’ti. Paṭisandhiviññāṇassa āharaṇena manosañcetanāhāroti vuttā, na yassa kassaci phalassāti adhippāyena ‘‘kiṃ pañca āhārā atthī’’ti codeti. Ācariyo nippariyāyāhāre adhippete siyā tava codanāyāvasaro, sā pana ettha anavasarāti dassetuṃ ‘‘pañca na pañcāti idaṃ na vattabba’’nti vatvā pariyāyāhārasseva panettha adhippetabhāvaṃ dassento ‘‘nanu paccayo āhārotivuttameta’’nti āha. Tasmāti yassa kassaci paccayassa ‘‘āhāro’’ti icchitattā. Idāni vuttamevatthaṃ pāḷiyā samatthento ‘‘yaṃ sandhāyā’’tiādimāha.

    มุขฺยาหารวเสนปิ เนรยิกานํ อาหารฎฺฐิติกตํ ทเสฺสตุํ ‘‘กพฬีการํ อาหารํ…เป.… สาเธตี’’ติ วุตฺตํฯ ยทิ เอวํ เนรยิกา สุขปฎิสํเวทิโนปิ โหนฺตีติ? โนติ ทเสฺสตุํ ‘‘เขโฬปิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตโยติ ตโย อรูปาหารา กพฬีการาหารสฺส อภาวโตฯ อวเสสานนฺติ อสญฺญสเตฺตหิ อวเสสานํฯ กามภวาทีสุ นิพฺพตฺตสตฺตานํ ปจฺจยาหาโร หิ สเพฺพสํ สาธารโณติฯ เอตํ ปญฺหนฺติ ‘‘กตโม เอโก ธโมฺม’’ติ เอวํ โจทิตเมตํ ปญฺหํฯ กเถตฺวาติ วิสฺสเชฺชตฺวาฯ

    Mukhyāhāravasenapi nerayikānaṃ āhāraṭṭhitikataṃ dassetuṃ ‘‘kabaḷīkāraṃ āhāraṃ…pe… sādhetī’’ti vuttaṃ. Yadi evaṃ nerayikā sukhapaṭisaṃvedinopi hontīti? Noti dassetuṃ ‘‘kheḷopi hī’’tiādi vuttaṃ. Tayoti tayo arūpāhārā kabaḷīkārāhārassa abhāvato. Avasesānanti asaññasattehi avasesānaṃ. Kāmabhavādīsu nibbattasattānaṃ paccayāhāro hi sabbesaṃ sādhāraṇoti. Etaṃ pañhanti ‘‘katamo eko dhammo’’ti evaṃ coditametaṃ pañhaṃ. Kathetvāti vissajjetvā.

    ‘‘ตตฺถ ตตฺถ…เป.… ทุกฺขํ โหตี’’ติ เอเตน ยถา อิธ ปฐมสฺส ปญฺหสฺส นิยฺยาตนํ, ทุติยสฺส อุทฺธรณํ น กตํ, เอวํ อิมินา เอว อธิปฺปาเยน อิโต ปเรสุ ทุกติกาทิปเญฺหสุ ตตฺถ ตตฺถ อาทิปริโยสาเนสุ เอว อุทฺธรณนิยฺยาตนานิ กตฺวา เสเสสุ น กตนฺติ ทเสฺสติฯ ปฎิจฺจ เอตสฺมา ผลํ เอตีติ ปจฺจโย, การณํ, ตเทว อตฺตโน ผลํ สงฺขโรตีติ สงฺขาโรติ อาห ‘‘อิมสฺมิมฺปิ…เป.… สงฺขาโรติ วุโตฺต’’ติฯ อาหารปจฺจโยติ อาหรณฎฺฐวิสิโฎฺฐ ปจฺจโยฯ อาหรณเญฺจตฺถ อุปฺปาทกตฺตปฺปธานํ, สงฺขรณํ อุปตฺถมฺภกตฺตปฺปธานนฺติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ เตนาห ‘‘อยเมตฺถ เหฎฺฐิมโต วิเสโส’’ติฯ นิปฺปริยายาหาเร คหิเต ‘‘สเพฺพ สตฺตา’’ติ วุเตฺตปิ อสญฺญสตฺตา น คหิตา เอว ภวิสฺสนฺตีติ ปเทสวิสโย สพฺพ-สโทฺท โหติ ยถา ‘‘สเพฺพ ตสนฺติทณฺฑสฺสา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๓๐)ฯ น เหตฺถ ขีณาสวาทีนํ คหณํ โหติฯ ปากโฎ ภเวยฺย วิเสสสามญฺญสฺส วิสยตฺตา ปญฺหานํฯ โน จ คณฺหิํสุ อฎฺฐกถาจริยาฯ ธโมฺม นาม นตฺถิ สงฺขโตติ อธิปฺปาโยฯ อิธ ทุติยปเญฺห ‘‘สงฺขาโร’’ติ ปจฺจโย เอว กถิโตติ สมฺพโนฺธฯ

    ‘‘Tattha tattha…pe… dukkhaṃ hotī’’ti etena yathā idha paṭhamassa pañhassa niyyātanaṃ, dutiyassa uddharaṇaṃ na kataṃ, evaṃ iminā eva adhippāyena ito paresu dukatikādipañhesu tattha tattha ādipariyosānesu eva uddharaṇaniyyātanāni katvā sesesu na katanti dasseti. Paṭicca etasmā phalaṃ etīti paccayo, kāraṇaṃ, tadeva attano phalaṃ saṅkharotīti saṅkhāroti āha ‘‘imasmimpi…pe… saṅkhāroti vutto’’ti. Āhārapaccayoti āharaṇaṭṭhavisiṭṭho paccayo. Āharaṇañcettha uppādakattappadhānaṃ, saṅkharaṇaṃ upatthambhakattappadhānanti ayametesaṃ viseso. Tenāha ‘‘ayamettha heṭṭhimato viseso’’ti. Nippariyāyāhāre gahite ‘‘sabbe sattā’’ti vuttepi asaññasattā na gahitā eva bhavissantīti padesavisayo sabba-saddo hoti yathā ‘‘sabbe tasantidaṇḍassā’’tiādīsu (dha. pa. 130). Na hettha khīṇāsavādīnaṃ gahaṇaṃ hoti. Pākaṭo bhaveyya visesasāmaññassa visayattā pañhānaṃ. No ca gaṇhiṃsu aṭṭhakathācariyā. Dhammo nāma natthi saṅkhatoti adhippāyo. Idha dutiyapañhe ‘‘saṅkhāro’’ti paccayo eva kathitoti sambandho.

    ยทา สมฺมาสโมฺพธิสมธิคโต, ตทา เอว สพฺพเญยฺยํ สจฺฉิกตํ ชาตนฺติ อาห ‘‘มหาโพธิมเณฺฑ นิสีทิตฺวา’’ติฯ สยนฺติ สามํเยวฯ อทฺธนิยนฺติ อทฺธานกฺขมํ จิรกาลาวฎฺฐายิ ปารมฺปริยวเสนฯ เตนาห ‘‘เอเกน หี’’ติอาทิฯ ปรมฺปรกถานิยเมนาติ ปรมฺปรกถากถนนิยเมน, นิยมิตตฺถพฺยญฺชนานุปุพฺพิยา กถายาติ อโตฺถฯ เอกกวเสนาติ เอกํ เอกํ ปริมาณํ เอตสฺสาติ เอกโก, ปโญฺหฯ ตสฺส เอกกสฺส วเสนฯ เอกกํ นิฎฺฐิตํ วิสฺสชฺชนนฺติ อธิปฺปาโยติฯ

    Yadā sammāsambodhisamadhigato, tadā eva sabbañeyyaṃ sacchikataṃ jātanti āha ‘‘mahābodhimaṇḍe nisīditvā’’ti. Sayanti sāmaṃyeva. Addhaniyanti addhānakkhamaṃ cirakālāvaṭṭhāyi pārampariyavasena. Tenāha ‘‘ekena hī’’tiādi. Paramparakathāniyamenāti paramparakathākathananiyamena, niyamitatthabyañjanānupubbiyā kathāyāti attho. Ekakavasenāti ekaṃ ekaṃ parimāṇaṃ etassāti ekako, pañho. Tassa ekakassa vasena. Ekakaṃ niṭṭhitaṃ vissajjananti adhippāyoti.

    เอกกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ekakavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ทุกวณฺณนา

    Dukavaṇṇanā

    ๓๐๔. จตฺตาโร ขนฺธาติ เตสํ ตาว นามนเฎฺฐน นามภาวํ ปฐมํ วตฺวา ปจฺฉา นิพฺพานสฺส วตฺตุกาโม อาหฯ ตสฺสาปิ หิ ตถา นามภาวํ ปรโต วกฺขติฯ ‘‘นามํ กโรติ นามยตี’’ติ เอตฺถ ยํ นามกรณํ, ตํ นามนฺติ อาห ‘‘นามนเฎฺฐนาติ นามกรณเฎฺฐนา’’ติ, อตฺตโนวาติ อธิปฺปาโยฯ เอวญฺหิ สาติสยมิทํ เตสํ นามกรณํ โหติฯ เตนาห ‘‘อตฺตโน นามํ กโรนฺตาว อุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทิฯ อิทานิ ตมตฺถํ พฺยติเรกมุเขน วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยสฺส นามสฺส กรเณเนว เต ‘‘นาม’’นฺติ วุจฺจนฺติ, ตํ สามญฺญนามํ, กิตฺติมนามํ, คุณนามํ วา น โหติ, อถ โข โอปปาติกนามนฺติ ปุริมานิ ตีณิ นามานิ อุทาหรณวเสน ทเสฺสตฺวา ‘‘น เอวํ เวทนาทีน’’นฺติ เต ปฎิกฺขิปิตฺวา อิตรนามเมว นามกรณเฎฺฐน นามนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เวทนาทโย หี’’ติอาทิมาหฯ ‘‘มหาปถวิอาทโย’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ปถวิอาปาทโย อิธ นามนฺติ อนธิเปฺปตา, รูปนฺติ ปน อธิเปฺปตาติ? สจฺจเมตํ, ผสฺสเวทนาทีนํ วิย ปน ปถวิอาทีนํ โอปปาติกนามตาสามเญฺญน ‘‘ปถวิอาทโย วิยา’’ติ นิทสฺสนํ กตํ, น อรูปธมฺมา วิย รูปธมฺมานํ นามสภาวตฺตาฯ ผสฺสเวทนาทีนญฺหิ อรูปธมฺมานํ สพฺพทาปิ ผสฺสาทินามกตฺตา, ปถวิอาทีนํ เกสกุมฺภาทินามนฺตราปตฺติ วิย นามนฺตรานาปชฺชนโต จ สทา อตฺตนาว กตนามตาย จตุกฺขนฺธนิพฺพานานิ นามกรณเฎฺฐน นามํฯ อถ วา อธิวจนสมฺผโสฺส วิย อธิวจนนามมนฺตเรน เย อนุปจิตสมฺภารานํ คหณํ น คจฺฉนฺติ, เต นามายตฺตคฺคหณา นามํฯ รูปํ ปน วินาปิ นามสาธนํ อตฺตโน รุปฺปนสภาเวน คหณํ อุปยาตีติ รูปํฯ เตนาห ‘‘เตสุ อุปฺปเนฺนสู’’ติอาทิฯ อิธาปิ ‘‘ยถาปถวิยา’’ติอาทีสุ วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพ นิทสฺสนวเสน อาคตตฺตาฯ ‘‘อตีเตปี’’ติอาทินา เวทนาทีสุ นามสญฺญา นิรุฬฺหา, อนาทิกาลิกา จาติ ทเสฺสติฯ

    304.Cattārokhandhāti tesaṃ tāva nāmanaṭṭhena nāmabhāvaṃ paṭhamaṃ vatvā pacchā nibbānassa vattukāmo āha. Tassāpi hi tathā nāmabhāvaṃ parato vakkhati. ‘‘Nāmaṃ karoti nāmayatī’’ti ettha yaṃ nāmakaraṇaṃ, taṃ nāmanti āha ‘‘nāmanaṭṭhenāti nāmakaraṇaṭṭhenā’’ti, attanovāti adhippāyo. Evañhi sātisayamidaṃ tesaṃ nāmakaraṇaṃ hoti. Tenāha ‘‘attano nāmaṃ karontāva uppajjantī’’tiādi. Idāni tamatthaṃ byatirekamukhena vibhāvetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Yassa nāmassa karaṇeneva te ‘‘nāma’’nti vuccanti, taṃ sāmaññanāmaṃ, kittimanāmaṃ, guṇanāmaṃ vā na hoti, atha kho opapātikanāmanti purimāni tīṇi nāmāni udāharaṇavasena dassetvā ‘‘na evaṃ vedanādīna’’nti te paṭikkhipitvā itaranāmameva nāmakaraṇaṭṭhena nāmanti dassento ‘‘vedanādayo hī’’tiādimāha. ‘‘Mahāpathaviādayo’’ti kasmā vuttaṃ, nanu pathaviāpādayo idha nāmanti anadhippetā, rūpanti pana adhippetāti? Saccametaṃ, phassavedanādīnaṃ viya pana pathaviādīnaṃ opapātikanāmatāsāmaññena ‘‘pathaviādayo viyā’’ti nidassanaṃ kataṃ, na arūpadhammā viya rūpadhammānaṃ nāmasabhāvattā. Phassavedanādīnañhi arūpadhammānaṃ sabbadāpi phassādināmakattā, pathaviādīnaṃ kesakumbhādināmantarāpatti viya nāmantarānāpajjanato ca sadā attanāva katanāmatāya catukkhandhanibbānāni nāmakaraṇaṭṭhena nāmaṃ. Atha vā adhivacanasamphasso viya adhivacananāmamantarena ye anupacitasambhārānaṃ gahaṇaṃ na gacchanti, te nāmāyattaggahaṇā nāmaṃ. Rūpaṃ pana vināpi nāmasādhanaṃ attano ruppanasabhāvena gahaṇaṃ upayātīti rūpaṃ. Tenāha ‘‘tesu uppannesū’’tiādi. Idhāpi ‘‘yathāpathaviyā’’tiādīsu vuttanayeneva attho veditabbo nidassanavasena āgatattā. ‘‘Atītepī’’tiādinā vedanādīsu nāmasaññā niruḷhā, anādikālikā cāti dasseti.

    อิติ อตีตาทิวิภาควนฺตานมฺปิ เวทนาทีนํ นามกรณเฎฺฐน นามภาโว เอกนฺติโก, ตพฺพิภาครหิเต ปน เอกสภาเว นิเจฺจ นิพฺพาเน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘นิพฺพานํ ปน…เป.… นามนเฎฺฐน นาม’’นฺติ อาหฯ นามนเฎฺฐนาติ นามกรณเฎฺฐนฯ นมนฺตีติ เอกนฺตโต สารมฺมณตฺตา ตนฺนินฺนา โหนฺติ, เตหิ วินา นปฺปวตฺตนฺตีติ อโตฺถฯ สพฺพนฺติ ขนฺธจตุกฺกํ, นิพฺพานญฺจ ฯ ยสฺมิํ อารมฺมเณเยว เวทนากฺขโนฺธ ปวตฺตติ, ตํสมฺปยุตฺตตาย สญฺญากฺขนฺธาทโยปิ ตตฺถ ปวตฺตนฺตีติ โส เน ตตฺถ นาเมโนฺต วิย โหติ วินา อปฺปวตฺตนโตฯ เอส นโย สญฺญากฺขนฺธาทีสุปีติ วุตฺตํ ‘‘อารมฺมเณ อญฺญมญฺญํ นาเมนฺตี’’ติฯ อนวชฺชธเมฺม มคฺคผลาทิเก ฯ กามํ เกสุจิ รูปธเมฺมสุปิ อารมฺมณาธิปติภาโว ลพฺภเตว, นิพฺพาเน ปเนส สาติสโย ตสฺส อจฺจนฺตสนฺตปณีตตากปฺปภาวโตติ ตเทว อารมฺมณาธิปติปจฺจยตาย ‘‘อตฺตนิ นาเมตี’’ติ วุตฺตํฯ ตถา หิ อริยา สกลมฺปิ ทิวสภาคํ ตํ อารพฺภ วีตินาเมนฺตาปิ ติตฺติํ น คจฺฉนฺติฯ

    Iti atītādivibhāgavantānampi vedanādīnaṃ nāmakaraṇaṭṭhena nāmabhāvo ekantiko, tabbibhāgarahite pana ekasabhāve nicce nibbāne vattabbameva natthīti dassento ‘‘nibbānaṃ pana…pe… nāmanaṭṭhena nāma’’nti āha. Nāmanaṭṭhenāti nāmakaraṇaṭṭhena. Namantīti ekantato sārammaṇattā tanninnā honti, tehi vinā nappavattantīti attho. Sabbanti khandhacatukkaṃ, nibbānañca . Yasmiṃ ārammaṇeyeva vedanākkhandho pavattati, taṃsampayuttatāya saññākkhandhādayopi tattha pavattantīti so ne tattha nāmento viya hoti vinā appavattanato. Esa nayo saññākkhandhādīsupīti vuttaṃ ‘‘ārammaṇe aññamaññaṃ nāmentī’’ti. Anavajjadhamme maggaphalādike . Kāmaṃ kesuci rūpadhammesupi ārammaṇādhipatibhāvo labbhateva, nibbāne panesa sātisayo tassa accantasantapaṇītatākappabhāvatoti tadeva ārammaṇādhipatipaccayatāya ‘‘attani nāmetī’’ti vuttaṃ. Tathā hi ariyā sakalampi divasabhāgaṃ taṃ ārabbha vītināmentāpi tittiṃ na gacchanti.

    ‘‘รุปฺปนเฎฺฐนา’’ติ เอเตน รุปฺปตีติ รูปนฺติ ทเสฺสติฯ ตตฺถ สีตาทิวิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺติ รุปฺปนํฯ นนุ จ อรูปธมฺมานมฺปิ วิโรธิปจฺจยสมาคเม วิสทิสุปฺปตฺติ ลพฺภตีติ? สจฺจํ ลพฺภติ, น ปน วิภูตตรํฯ วิภูตตรเญฺหตฺถ รุปฺปนํ อธิเปฺปตํ สีตาทิคฺคหณโตฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘รุปฺปตีติ โข ภิกฺขเว ตสฺมา ‘รูป’นฺติ วุจฺจติฯ เกน รุปฺปติ? สีเตนปิ รุปฺปติ, อุเณฺหนปิ รุปฺปตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๓.๗๙)ฯ ยทิ เอวํ กถํ พฺรหฺมโลเก รูปสมญฺญาติ? ตตฺถาปิ ตํสภาวานติวตฺตนโต โหติเยว รูปสมญฺญาฯ อนุคฺคาหกปจฺจยวเสน วา วิสทิสปจฺจยสนฺนิปาเตติ เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ‘‘โย อตฺตโน สนฺตาเน วิชฺชมานสฺสเยว วิสทิสุปฺปตฺติเหตุภาโว, ตํ รุปฺปน’’นฺติ อเญฺญฯ อิมสฺมิํ ปเกฺข รูปยติ วิการมาปาเทตีติ รูปํฯ ‘‘สงฺฆฎฺฎเนน วิการาปตฺติยํ รุปฺปน-สโทฺท นิรุโฬฺห’’ติ เกจิฯ เอตสฺมิํ ปเกฺข อรูปธเมฺมสุ รูปสมญฺญาย ปสโงฺค เอว นตฺถิ สงฺฆฎฺฎนาภาวโตฯ ‘‘ปฎิฆโต รุปฺปน’’นฺติ อปเรฯ ‘‘ตสฺสาติ รูปสฺสา’’ติ วทนฺติ, นามรูปสฺสาติ ปน ยุตฺตํฯ ยถา หิ รูปสฺส, เอวํ นามสฺสาปิ เวทนากฺขนฺธาทิวเสน, มทนิมฺมทนาทิวเสน จ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๕๖) วุตฺตา เอวาติฯ อิติ อยํ ทุโก กุสลตฺติเกน สงฺคหิเต สภาวธเมฺม ปริคฺคเหตฺวา ปวโตฺตติฯ

    ‘‘Ruppanaṭṭhenā’’ti etena ruppatīti rūpanti dasseti. Tattha sītādivirodhipaccayasannipāte visadisuppatti ruppanaṃ. Nanu ca arūpadhammānampi virodhipaccayasamāgame visadisuppatti labbhatīti? Saccaṃ labbhati, na pana vibhūtataraṃ. Vibhūtatarañhettha ruppanaṃ adhippetaṃ sītādiggahaṇato. Vuttañhetaṃ ‘‘ruppatīti kho bhikkhave tasmā ‘rūpa’nti vuccati. Kena ruppati? Sītenapi ruppati, uṇhenapi ruppatī’’tiādi (saṃ. ni. 3.79). Yadi evaṃ kathaṃ brahmaloke rūpasamaññāti? Tatthāpi taṃsabhāvānativattanato hotiyeva rūpasamaññā. Anuggāhakapaccayavasena vā visadisapaccayasannipāteti evamattho veditabbo. ‘‘Yo attano santāne vijjamānassayeva visadisuppattihetubhāvo, taṃ ruppana’’nti aññe. Imasmiṃ pakkhe rūpayati vikāramāpādetīti rūpaṃ. ‘‘Saṅghaṭṭanena vikārāpattiyaṃ ruppana-saddo niruḷho’’ti keci. Etasmiṃ pakkhe arūpadhammesu rūpasamaññāya pasaṅgo eva natthi saṅghaṭṭanābhāvato. ‘‘Paṭighato ruppana’’nti apare. ‘‘Tassāti rūpassā’’ti vadanti, nāmarūpassāti pana yuttaṃ. Yathā hi rūpassa, evaṃ nāmassāpi vedanākkhandhādivasena, madanimmadanādivasena ca vitthārakathā visuddhimagge (visuddhi. 2.456) vuttā evāti. Iti ayaṃ duko kusalattikena saṅgahite sabhāvadhamme pariggahetvā pavattoti.

    อวิชฺชาติ อวินฺทิยํ ‘‘อตฺตา, ชีโว, อิตฺถี, ปุริโส’’ติ เอวมาทิกํ วินฺทตีติ อวิชฺชาฯ วินฺทิยํ ‘‘ทุกฺขํ, สมุทโย’’ติ เอวมาทิกํ น วินฺทตีติ อวิชฺชาฯ สพฺพมฺปิ ธมฺมชาตํ อวิทิตกรณเฎฺฐน อวิชฺชาฯ อนฺตรหิเต สํสาเร สเตฺต ชวาเปตีติ อวิชฺชาฯ อตฺถโต ปน สา ทุกฺขาทีนํ จตุนฺนํ สจฺจานํ สภาวจฺฉาทโก สโมฺมโห โหตีติ อาห ‘‘ทุกฺขาทีสุ อญฺญาณ’’นฺติ ฯ ภวปตฺถนา นาม กามภวาทีนํ ปตฺถนาวเสน ปวตฺตตณฺหาฯ เตนาห ‘‘โย ภเวสุ ภวจฺฉโนฺท’’ติอาทิฯ อิติ ‘‘อยํ ทุโก วฎฺฎมูลสมุทาจารทสฺสนตฺถํ คหิโตฯ

    Avijjāti avindiyaṃ ‘‘attā, jīvo, itthī, puriso’’ti evamādikaṃ vindatīti avijjā. Vindiyaṃ ‘‘dukkhaṃ, samudayo’’ti evamādikaṃ na vindatīti avijjā. Sabbampi dhammajātaṃ aviditakaraṇaṭṭhena avijjā. Antarahite saṃsāre satte javāpetīti avijjā. Atthato pana sā dukkhādīnaṃ catunnaṃ saccānaṃ sabhāvacchādako sammoho hotīti āha ‘‘dukkhādīsu aññāṇa’’nti . Bhavapatthanā nāma kāmabhavādīnaṃ patthanāvasena pavattataṇhā. Tenāha ‘‘yo bhavesu bhavacchando’’tiādi. Iti ‘‘ayaṃ duko vaṭṭamūlasamudācāradassanatthaṃ gahito.

    ภวทิฎฺฐีติ ขนฺธปญฺจกํ ‘‘อตฺตา จ โลโก จา’’ติ คาเหตฺวา ตํ ‘‘ภวิสฺสตี’’ติ คณฺหนวเสน นิวิฎฺฐา สสฺสตทิฎฺฐีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ภโว วุจฺจตี’’ติอาทิฯ ภวิสฺสตีติ ภโว, ติฎฺฐติ สพฺพกาลํ อตฺถีติ อโตฺถฯ สสฺสตนฺติ สสฺสตภาโวฯ วิภวทิฎฺฐีติ ขนฺธปญฺจกเมว ‘‘อตฺตา’’ติ จ ‘‘โลโก’’ติ จ คเหตฺวา ตํ ‘‘น ภวิสฺสตี’’ติ คณฺหนวเสน นิวิฎฺฐา อุเจฺฉททิฎฺฐีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘วิภโว วุจฺจตี’’ติอาทิฯ วิภวิสฺสติ วินสฺสติ อุจฺฉิชฺชตีติ วิภโว, อุเจฺฉโทฯ

    Bhavadiṭṭhīti khandhapañcakaṃ ‘‘attā ca loko cā’’ti gāhetvā taṃ ‘‘bhavissatī’’ti gaṇhanavasena niviṭṭhā sassatadiṭṭhīti attho. Tenāha ‘‘bhavo vuccatī’’tiādi. Bhavissatīti bhavo, tiṭṭhati sabbakālaṃ atthīti attho. Sassatanti sassatabhāvo. Vibhavadiṭṭhīti khandhapañcakameva ‘‘attā’’ti ca ‘‘loko’’ti ca gahetvā taṃ ‘‘na bhavissatī’’ti gaṇhanavasena niviṭṭhā ucchedadiṭṭhīti attho. Tenāha ‘‘vibhavo vuccatī’’tiādi. Vibhavissati vinassati ucchijjatīti vibhavo, ucchedo.

    ยํ น หิรียตีติ เยน ธเมฺมน ตํสมฺปยุตฺตธมฺมสมูโห, ปุคฺคโล วา น หิรียติ น ลชฺชติ, ลิงฺควิปลฺลาสํ วา กตฺวา โย ธโมฺมติ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ หิรียิตเพฺพนาติ อุปโยคเตฺถ กรณวจนํ, หิรียิตพฺพยุตฺตกํ กายทุจฺจริตาทิธมฺมํ น ชิคุจฺฉตีติ อโตฺถฯ นิลฺลชฺชตาติ ปาปสฺส อชิคุจฺฉนาฯ ยํ น โอตฺตปฺปตีติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ โอตฺตปฺปิตเพฺพนาติ ปน เหตุอเตฺถ กรณวจนํ, โอตฺตปฺปิตพฺพยุตฺตเกน โอตฺตปฺปสฺส เหตุภูเตน กายทุจฺจริตาทินาติ อโตฺถฯ หิรียิตเพฺพนาติ เอตฺถาปิ วา เอวเมว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อภายนกอากาโรติ ปาปโต อนุตฺตาสนากาโรฯ

    Yaṃ na hirīyatīti yena dhammena taṃsampayuttadhammasamūho, puggalo vā na hirīyati na lajjati, liṅgavipallāsaṃ vā katvā yo dhammoti attho veditabbo. Hirīyitabbenāti upayogatthe karaṇavacanaṃ, hirīyitabbayuttakaṃ kāyaduccaritādidhammaṃ na jigucchatīti attho. Nillajjatāti pāpassa ajigucchanā. Yaṃ na ottappatīti etthāpi vuttanayeneva attho veditabbo. Ottappitabbenāti pana hetuatthe karaṇavacanaṃ, ottappitabbayuttakena ottappassa hetubhūtena kāyaduccaritādināti attho. Hirīyitabbenāti etthāpi vā evameva attho veditabbo. Abhāyanakaākāroti pāpato anuttāsanākāro.

    ‘‘ยํ หิรียตี’’ติอาทีสุ อนนฺตรทุเก วุตฺตนเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ นิยกชฺฌตฺตํ ชาติอาทิสมุฎฺฐานํ เอติสฺสาติ อชฺฌตฺตสมุฎฺฐานาฯ นิยกชฺฌตฺตโต พหิภาวโต พหิทฺธา ปรสนฺตาเน สมุฎฺฐานํ เอติสฺสาติ พหิทฺธา สมุฎฺฐานาฯ อตฺตา เอว อธิปติ อตฺตาธิปติ, อชฺฌตฺตสมุฎฺฐานตฺตา เอว อตฺตาธิปติโต อาคมนโต อตฺตาธิปเตยฺยาฯ โลกาธิปเตยฺยนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ลชฺชาสภาวสณฺฐิตาติ ปาปโต ชิคุจฺฉนรูเปน อวฎฺฐิตาฯ ภยสภาวสณฺฐิตนฺติ ตโต อุตฺตาสนรูเปน อวฎฺฐิตํฯ อชฺฌตฺตสมุฎฺฐานาทิตา จ หิโรตฺตปฺปานํ ตตฺถ ตตฺถ ปากฎภาเวน วุตฺตา, น ปน เตสํ กทาจิปิ อญฺญมญฺญวิปฺปโยคโตฯ น หิ ลชฺชนํ นิพฺภยํ, ปาปภยํ วา อลชฺชนํ อตฺถีติฯ

    ‘‘Yaṃ hirīyatī’’tiādīsu anantaraduke vuttanayena attho veditabbo. Niyakajjhattaṃ jātiādisamuṭṭhānaṃ etissāti ajjhattasamuṭṭhānā. Niyakajjhattato bahibhāvato bahiddhā parasantāne samuṭṭhānaṃ etissāti bahiddhā samuṭṭhānā. Attā eva adhipati attādhipati, ajjhattasamuṭṭhānattā eva attādhipatito āgamanato attādhipateyyā. Lokādhipateyyanti etthāpi eseva nayo. Lajjāsabhāvasaṇṭhitāti pāpato jigucchanarūpena avaṭṭhitā. Bhayasabhāvasaṇṭhitanti tato uttāsanarūpena avaṭṭhitaṃ. Ajjhattasamuṭṭhānāditā ca hirottappānaṃ tattha tattha pākaṭabhāvena vuttā, na pana tesaṃ kadācipi aññamaññavippayogato. Na hi lajjanaṃ nibbhayaṃ, pāpabhayaṃ vā alajjanaṃ atthīti.

    ทุกฺขนฺติ กิจฺฉํ, อนิฎฺฐนฺติ วา อโตฺถฯ วิปฺปฎิกูลคาหิมฺหีติ ธมฺมานุธมฺมปฎิปตฺติยา วิโลมคาหเกฯ ตสฺสา เอว วิปจฺจนีกํ ทุปฺปฎิปตฺติ สาตํ อิฎฺฐํ เอตสฺสาติ วิปจฺจนีกสาโต, ตสฺมิํ วิปจฺจนีกสาเตฯ เอวํภูโต จ โอวาทภูเต สาสนกฺกเม โอวาทเก จ อาทรภาวรหิโต โหตีติ อาห ‘‘อนาทเร’’ติฯ ตสฺส กมฺมนฺติ ตสฺส ทุพฺพจสฺส ปุคฺคลสฺส อนาทริยวเสน ปวตฺตเจตนา โทวจสฺสํฯ ตสฺส ภาโวติ ตสฺส ยถาวุตฺตสฺส โทวจสฺสสฺส อตฺถิภาโว โทวจสฺสตา, อตฺถโต โทวจสฺสเมวฯ เตเนวาห ‘‘สา อตฺถโต สงฺขารกฺขโนฺธ โหตี’’ติฯ เจตนาปฺปธานตาย หิ สงฺขารกฺขนฺธสฺส เอวํ วุตฺตํฯ เอเตนากาเรนาติ อปฺปทกฺขิณคฺคาหิตากาเรนฯ อสฺสทฺธิยทุสฺสีลฺยาทิปาปธมฺมโยคโต ปุคฺคลา ปาปา นาม โหนฺตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘เย เต ปุคฺคลา อสฺสทฺธา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยาย เจตนาย ปุคฺคโล ปาปสมฺปวโงฺก นาม โหติ, สา เจตนา ปาปมิตฺตตา , จตฺตาโรปิ วา อรูปิโน ขนฺธา ตทาการปฺปวตฺตา ปาปมิตฺตตาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สาปิ อตฺถโต โทวจสฺสตา วิย ทฎฺฐพฺพา’’ติ อาหฯ

    Dukkhanti kicchaṃ, aniṭṭhanti vā attho. Vippaṭikūlagāhimhīti dhammānudhammapaṭipattiyā vilomagāhake. Tassā eva vipaccanīkaṃ duppaṭipatti sātaṃ iṭṭhaṃ etassāti vipaccanīkasāto, tasmiṃ vipaccanīkasāte. Evaṃbhūto ca ovādabhūte sāsanakkame ovādake ca ādarabhāvarahito hotīti āha ‘‘anādare’’ti. Tassa kammanti tassa dubbacassa puggalassa anādariyavasena pavattacetanā dovacassaṃ. Tassa bhāvoti tassa yathāvuttassa dovacassassa atthibhāvo dovacassatā, atthato dovacassameva. Tenevāha ‘‘sā atthato saṅkhārakkhandho hotī’’ti. Cetanāppadhānatāya hi saṅkhārakkhandhassa evaṃ vuttaṃ. Etenākārenāti appadakkhiṇaggāhitākārena. Assaddhiyadussīlyādipāpadhammayogato puggalā pāpā nāma hontīti dassetuṃ ‘‘ye te puggalā assaddhā’’tiādi vuttaṃ. Yāya cetanāya puggalo pāpasampavaṅko nāma hoti, sā cetanā pāpamittatā, cattāropi vā arūpino khandhā tadākārappavattā pāpamittatāti dassento ‘‘sāpi atthato dovacassatā viya daṭṭhabbā’’ti āha.

    ‘‘สุขํ วโจ เอตสฺมิํ ปทกฺขิณคฺคาหิมฺหิ อนุโลมสาเต สาทเร ปุคฺคเลติ สุพฺพโจติอาทินา, ‘‘กลฺยาณา สทฺธาทโย ปุคฺคลา เอตสฺส มิตฺตาติ กลฺยาณมิโตฺต’’ติอาทินา จ อนนฺตรทุกสฺส อโตฺถ อิจฺฉิโตติ อาห โสวจสฺสตา…เป.… วุตฺตปฎิปกฺขนเยน เวทิตพฺพา’’ติฯ อุโภติ โสวจสฺสตา, กลฺยาณมิตฺตตา จฯ เตสํ ขนฺธานํ ปวตฺติอาการวิเสสา ‘‘โสวจสฺสตา, กลฺยาณมิตฺตตา’’ติ จ วุจฺจนฺติ, เต โลกิยาปิ โหนฺติ โลกุตฺตราปีติ อาห ‘‘โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา กถิตา’’ติฯ

    ‘‘Sukhaṃ vaco etasmiṃ padakkhiṇaggāhimhi anulomasāte sādare puggaleti subbacotiādinā, ‘‘kalyāṇā saddhādayo puggalā etassa mittāti kalyāṇamitto’’tiādinā ca anantaradukassa attho icchitoti āha sovacassatā…pe… vuttapaṭipakkhanayena veditabbā’’ti. Ubhoti sovacassatā, kalyāṇamittatā ca. Tesaṃ khandhānaṃ pavattiākāravisesā ‘‘sovacassatā, kalyāṇamittatā’’ti ca vuccanti, te lokiyāpi honti lokuttarāpīti āha ‘‘lokiyalokuttaramissakā kathitā’’ti.

    วตฺถุเภทาทินา อเนกเภทภินฺนา ตํตํชาติวเสน เอกชฺฌํ กตฺวา ราสิโต คยฺหมานา อาปตฺติโยว อาปตฺติกฺขนฺธาฯ ตา ปน อนฺตราปตฺตีนํ อคฺคหเณ ปญฺจปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺติโย, ตาสํ ปน คหเณ สตฺตปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺติโยฯ ‘‘อิมา อาปตฺติโย, เอตฺตกา อาปตฺติโย, เอวญฺจ เตสํ อาปชฺชนํ โหตี’’ติ ชานนปญฺญา อาปตฺติกุสลตาติ อาห ‘‘ยา ตาส’’นฺติอาทิฯ ตาสํ อาปตฺตีนนฺติ ตาสุ อาปตฺตีสุฯ ตตฺถ ยํ สมฺภินฺนวตฺถุกาสุ วิย ฐิตาสุ, ทุวิเญฺญยฺยวิภาคาสุ จ อาปตฺตีสุ อสงฺกรโต ววตฺถาน, อยํ วิเสสโต อาปตฺติกุสลตาติ ทเสฺสตุํ ทุติยํ อาปตฺติคฺคหณํ กตํฯ สห กมฺมวาจายาติ กมฺมวาจาย สเหวฯ อาปตฺติโต วุฎฺฐาปนปโยคตาย กมฺมภูตา วาจา กมฺมวาจา, ตถาภูตา อนุสาวนวาจา เจว ‘‘ปสฺสิสฺสามี’’ติ เอวํ ปวตฺตวาจา จฯ ตาย กมฺมวาจาย สทฺธิํ สมกาลเมว ‘‘อิมาย กมฺมวาจาย อิโต อาปตฺติโต วุฎฺฐานํ โหติ, โหนฺตญฺจ ปฐเม วา ตติเย วา อนุสาวเนยฺยการปฺปเตฺต, ‘สํวริสฺสามี’ติ วา ปเท ปริโยสิเต โหตี’’ติ เอวํ ตํ ตํ อาปตฺตีหิ วุฎฺฐานปริเจฺฉทปริชานนปญฺญา อาปตฺติวุฎฺฐานกุสลตาฯ วุฎฺฐานนฺติ จ ยถาปนฺนาย อาปตฺติยา ยถา ตถา อนนฺตรายตาปาทนํ, เอวํ วุฎฺฐานคฺคหเณเนว เทสนายปิ สงฺคโห สิโทฺธ โหติฯ

    Vatthubhedādinā anekabhedabhinnā taṃtaṃjātivasena ekajjhaṃ katvā rāsito gayhamānā āpattiyova āpattikkhandhā. Tā pana antarāpattīnaṃ aggahaṇe pañcapi āpattikkhandhā āpattiyo, tāsaṃ pana gahaṇe sattapi āpattikkhandhā āpattiyo. ‘‘Imā āpattiyo, ettakā āpattiyo, evañca tesaṃ āpajjanaṃ hotī’’ti jānanapaññā āpattikusalatāti āha ‘‘yā tāsa’’ntiādi. Tāsaṃ āpattīnanti tāsu āpattīsu. Tattha yaṃ sambhinnavatthukāsu viya ṭhitāsu, duviññeyyavibhāgāsu ca āpattīsu asaṅkarato vavatthāna, ayaṃ visesato āpattikusalatāti dassetuṃ dutiyaṃ āpattiggahaṇaṃ kataṃ. Sahakammavācāyāti kammavācāya saheva. Āpattito vuṭṭhāpanapayogatāya kammabhūtā vācā kammavācā, tathābhūtā anusāvanavācā ceva ‘‘passissāmī’’ti evaṃ pavattavācā ca. Tāya kammavācāya saddhiṃ samakālameva ‘‘imāya kammavācāya ito āpattito vuṭṭhānaṃ hoti, hontañca paṭhame vā tatiye vā anusāvaneyyakārappatte, ‘saṃvarissāmī’ti vā pade pariyosite hotī’’ti evaṃ taṃ taṃ āpattīhi vuṭṭhānaparicchedaparijānanapaññā āpattivuṭṭhānakusalatā. Vuṭṭhānanti ca yathāpannāya āpattiyā yathā tathā anantarāyatāpādanaṃ, evaṃ vuṭṭhānaggahaṇeneva desanāyapi saṅgaho siddho hoti.

    ‘‘อิโต ปุเพฺพ ปริกมฺมํ ปวตฺตํ, อิโต ปรํ ภวงฺค มเชฺฌ สมาปตฺตี’’ติ เอวํ สมาปตฺตีนํ อปฺปนาปริเจฺฉทชานนปญฺญา สมาปตฺติกุสลตาฯ วุฎฺฐาเน กุสลภาโว วุฎฺฐานกุสลตา, ปเคว วุฎฺฐาน ปริเจฺฉทกรํ ญาณํฯ เตนาห ‘‘ยถาปริจฺฉินฺนสมยวเสเนวา’’ติอาทิฯ วุฎฺฐานสมตฺถาติ วุฎฺฐาปเน สมตฺถาฯ

    ‘‘Ito pubbe parikammaṃ pavattaṃ, ito paraṃ bhavaṅga majjhe samāpattī’’ti evaṃ samāpattīnaṃ appanāparicchedajānanapaññā samāpattikusalatā. Vuṭṭhāne kusalabhāvo vuṭṭhānakusalatā, pageva vuṭṭhāna paricchedakaraṃ ñāṇaṃ. Tenāha ‘‘yathāparicchinnasamayavasenevā’’tiādi. Vuṭṭhānasamatthāti vuṭṭhāpane samatthā.

    ‘‘ธาตุกุสลตา’’ติ เอตฺถ ปถวีธาตุอาทโย, สุขธาตุอาทโย, กามธาตุอาทโย จ ธาตุโย เอตาเสฺวว อโนฺตคธาติ เอตาสุ โกสเลฺล ทสฺสิเต ตาสุปิ โกสลฺลํ ทสฺสิตเมว โหตีติ ‘‘อฎฺฐารส ธาตุโย จกฺขุธาตุ…เป.… มโนวิญฺญาณธาตู’’ติ วตฺวา ‘‘อฎฺฐารสนฺนํ ธาตูนํ สภาวปริเจฺฉทกา’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ สภาวปริเจฺฉทกาติ ยถาภูตสภาวาวโพธินีฯ ‘‘สวนปญฺญา ธารณปญฺญา’’ติอาทินา ปเจฺจกํ ปญฺญา-สโทฺท โยเชตโพฺพฯ ธาตูนํ สวนธารณปญฺญา สุตมยา, อิตรา ภาวนามยาฯ ตตฺถาปิ สมฺมสนปญฺญา โลกิยาฯ วิปสฺสนา ปญฺญา หิ สา, อิตรา โลกุตฺตราฯ ลกฺขณาทิวเสน, อนิจฺจาทิวเสน จ มนสิกรณํ มนสิกาโร, ตตฺถ โกสลฺลํ มนสิการกุสลตาฯ ตํ ปน อาทิมชฺฌปริโยสานวเสน ติธา ภินฺทิตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘สมฺมสนปฎิเวธปจฺจเวกฺขณปญฺญา’’ติ อาหฯ สมฺมสนปญฺญา หิ ตสฺสา อาทิ, ปฎิเวธปญฺญา มเชฺฌ, ปจฺจเวกฺขณปญฺญา ปริโยสานํฯ

    ‘‘Dhātukusalatā’’ti ettha pathavīdhātuādayo, sukhadhātuādayo, kāmadhātuādayo ca dhātuyo etāsveva antogadhāti etāsu kosalle dassite tāsupi kosallaṃ dassitameva hotīti ‘‘aṭṭhārasa dhātuyo cakkhudhātu…pe… manoviññāṇadhātū’’ti vatvā ‘‘aṭṭhārasannaṃ dhātūnaṃ sabhāvaparicchedakā’’ti vuttaṃ. Tattha sabhāvaparicchedakāti yathābhūtasabhāvāvabodhinī. ‘‘Savanapaññā dhāraṇapaññā’’tiādinā paccekaṃ paññā-saddo yojetabbo. Dhātūnaṃ savanadhāraṇapaññā sutamayā, itarā bhāvanāmayā. Tatthāpi sammasanapaññā lokiyā. Vipassanā paññā hi sā, itarā lokuttarā. Lakkhaṇādivasena, aniccādivasena ca manasikaraṇaṃ manasikāro, tattha kosallaṃ manasikārakusalatā. Taṃ pana ādimajjhapariyosānavasena tidhā bhinditvā dassento ‘‘sammasanapaṭivedhapaccavekkhaṇapaññā’’ti āha. Sammasanapaññā hi tassā ādi, paṭivedhapaññā majjhe, paccavekkhaṇapaññā pariyosānaṃ.

    อายตนานํ คนฺถโต จ อตฺถโต จ อุคฺคณฺหนวเสน เตสํ ธาตุลกฺขณาทิวิภาคสฺส ชานนปญฺญา อุคฺคหชานนปญฺญาฯ สมฺมสนปฎิเวธปจฺจเวกฺขณวิธิโน ชานนปญฺญา มนสิการชานนปญฺญาฯ ยสฺมา อายตนานิปิ อตฺถโต ธาตุโยว มนสิกาโร จ อุคฺคณฺหนาทิวเสน เตสเมว มนสิการวิธิ , ตสฺมา ธาตุกุสลตาทิกา ติโสฺสปิ กุสลตา เอกเทเส กตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สวนํ วิย อุคฺคณฺหนปจฺจเวกฺขณานิปิ ปริตฺตญาณกตฺตุกานีติ อาห ‘‘สวน อุคฺคหณปจฺจเวกฺขณา โลกิยา’’ติฯ อริยมคฺคกฺขเณ สมฺมสนมนสิการานํ นิปฺผตฺติ ปรินิฎฺฐานนฺติ เตสํ โลกุตฺตรตาปริยาโยปิ ลพฺภตีติ วุตฺตํ ‘‘สมฺมสนมนสิการา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา’’ติฯ ปจฺจยธมฺมานํ เหตุอาทีนํ อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนานํ เหตุปจฺจยาทิภาเวน ปจฺจยภาโว ปจฺจยากาโร, โส ปน อวิชฺชาทีนํ ทฺวาทสนฺนํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทงฺคานํ วเสน ทฺวาทสวิโธติ อาห ‘‘ทฺวาทสนฺนํ ปจฺจยาการาน’’นฺติฯ อุคฺคหาทิวเสนาติ อุคฺคหมนสิการสวนสมฺมสนปฎิเวธปจฺจเวกฺขณวเสนฯ

    Āyatanānaṃ ganthato ca atthato ca uggaṇhanavasena tesaṃ dhātulakkhaṇādivibhāgassa jānanapaññā uggahajānanapaññā. Sammasanapaṭivedhapaccavekkhaṇavidhino jānanapaññā manasikārajānanapaññā. Yasmā āyatanānipi atthato dhātuyova manasikāro ca uggaṇhanādivasena tesameva manasikāravidhi , tasmā dhātukusalatādikā tissopi kusalatā ekadese katvā dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Savanaṃ viya uggaṇhanapaccavekkhaṇānipi parittañāṇakattukānīti āha ‘‘savana uggahaṇapaccavekkhaṇā lokiyā’’ti. Ariyamaggakkhaṇe sammasanamanasikārānaṃ nipphatti pariniṭṭhānanti tesaṃ lokuttaratāpariyāyopi labbhatīti vuttaṃ ‘‘sammasanamanasikārā lokiyalokuttaramissakā’’ti. Paccayadhammānaṃ hetuādīnaṃ attano paccayuppannānaṃ hetupaccayādibhāvena paccayabhāvo paccayākāro, so pana avijjādīnaṃ dvādasannaṃ paṭiccasamuppādaṅgānaṃ vasena dvādasavidhoti āha ‘‘dvādasannaṃ paccayākārāna’’nti. Uggahādivasenāti uggahamanasikārasavanasammasanapaṭivedhapaccavekkhaṇavasena.

    ฐานเญฺจว ติฎฺฐติ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ การณญฺจ เหตุปจฺจยภาเวน กรณโต นิปฺผาทนโตฯ เตสํ โสตวิญฺญาณาทีนํฯ เอตสฺมิํ ทุเก อโตฺถ เวทิตโพฺพติ สมฺพโนฺธฯ เย ธมฺมา ยสฺส ธมฺมสฺส การณภาวโต ฐานํ, เตว ธมฺมา ตํวิธุรสฺส ธมฺมสฺส อการณภาวโต อฎฺฐานนฺติ ปฐมนเย ผลเภเทน ตเสฺสว ธมฺมสฺส ฐานาฎฺฐานตา ทีปิตา; ทุติยนเย ปน อภิเนฺนปิ ผเล ปจฺจยธมฺมเภเทน เตสํ ฐานาฎฺฐานตา ทีปิตาติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ น หิ กทาจิ อริยา ทิฎฺฐิสมฺปทา นิจฺจคฺคาหสฺส การณํ โหติ, อกิริยตา ปน สิยา ตสฺส การณนฺติฯ

    Ṭhānañceva tiṭṭhati phalaṃ tadāyattavuttitāyāti kāraṇañca hetupaccayabhāvena karaṇato nipphādanato. Tesaṃ sotaviññāṇādīnaṃ. Etasmiṃ duke attho veditabboti sambandho. Ye dhammā yassa dhammassa kāraṇabhāvato ṭhānaṃ, teva dhammā taṃvidhurassa dhammassa akāraṇabhāvato aṭṭhānanti paṭhamanaye phalabhedena tasseva dhammassa ṭhānāṭṭhānatā dīpitā; dutiyanaye pana abhinnepi phale paccayadhammabhedena tesaṃ ṭhānāṭṭhānatā dīpitāti ayametesaṃ viseso. Na hi kadāci ariyā diṭṭhisampadā niccaggāhassa kāraṇaṃ hoti, akiriyatā pana siyā tassa kāraṇanti.

    อุชุโน ภาโว อชฺชวํ, อชิมฺหตา อกุฎิลตา อวงฺกตาติ อโตฺถติ ตมตฺถํ อนชฺชวปฎิเกฺขปมุเขน ทเสฺสตุํ ‘‘โคมุตฺตวงฺกตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สฺวายํ อนชฺชโว ภิกฺขูนํ เยภุเยฺยน อเนสนาย, อโคจรจาริตาย จ โหตีติ อาห ‘‘เอกโจฺจ หิ…เป.… จรตี’’ติฯ อยํ โคมุตฺตวงฺกตา นาม อาทิโต ปฎฺฐาย ยาว ปริโยสานา ปฎิปตฺติยา วงฺกภาวโตฯ ปุริมสทิโสติ ปฐมํ วุตฺตภิกฺขุสทิโสฯ จนฺทวงฺกตา นาม ปฎิปตฺติยา มชฺฌฎฺฐาเน วงฺกภาวาปตฺติโตฯ นงฺคลโกฎิวงฺกตา นาม ปริโยสาเน วงฺกภาวาปตฺติโตฯ อิทํ อชฺชวํ นาม สพฺพตฺถกเมว อุชุภาวสิทฺธิโตฯ อชฺชวตาติ อาการนิเทฺทโส, เยนากาเรนสฺส อชฺชโว ปวตฺตติ, ตทาการนิเทฺทโสติ อโตฺถฯ ลชฺชตีติ ลชฺชี, หิริมา, ตสฺส ภาโว ลชฺชวํ, หิรีติ อโตฺถฯ ลชฺชา เอตสฺส อตฺถีติ ลชฺชี ยถา ‘‘มาลี, มายี’’ติ จ, ตสฺส ภาโว ลชฺชีภาโว, สา เอว ลชฺชาฯ

    Ujuno bhāvo ajjavaṃ, ajimhatā akuṭilatā avaṅkatāti atthoti tamatthaṃ anajjavapaṭikkhepamukhena dassetuṃ ‘‘gomuttavaṅkatā’’tiādi vuttaṃ. Svāyaṃ anajjavo bhikkhūnaṃ yebhuyyena anesanāya, agocaracāritāya ca hotīti āha ‘‘ekacco hi…pe… caratī’’ti. Ayaṃ gomuttavaṅkatā nāma ādito paṭṭhāya yāva pariyosānā paṭipattiyā vaṅkabhāvato. Purimasadisoti paṭhamaṃ vuttabhikkhusadiso. Candavaṅkatā nāma paṭipattiyā majjhaṭṭhāne vaṅkabhāvāpattito. Naṅgalakoṭivaṅkatā nāma pariyosāne vaṅkabhāvāpattito. Idaṃ ajjavaṃ nāma sabbatthakameva ujubhāvasiddhito. Ajjavatāti ākāraniddeso, yenākārenassa ajjavo pavattati, tadākāraniddesoti attho. Lajjatīti lajjī, hirimā, tassa bhāvo lajjavaṃ, hirīti attho. Lajjā etassa atthīti lajjī yathā ‘‘mālī, māyī’’ti ca, tassa bhāvo lajjībhāvo, sā eva lajjā.

    ปราปราธาทีนํ อธิวาสนกฺขมํ อธิวาสนขนฺติฯ สุจิสีลตา โสรจฺจํฯ สา หิ โสภนกมฺมรตตา, สุฎฺฐุ วา ปาปโต โอรตภาโว วิรตตา โสรจฺจํฯ เตนาห ‘‘สุรตภาโว’’ติฯ

    Parāparādhādīnaṃ adhivāsanakkhamaṃ adhivāsanakhanti. Sucisīlatā soraccaṃ. Sā hi sobhanakammaratatā, suṭṭhu vā pāpato oratabhāvo viratatā soraccaṃ. Tenāha ‘‘suratabhāvo’’ti.

    ‘‘นามญฺจ รูปญฺจา’’ติอาทีสุ อยํ อปโร นโย – นามกรณเฎฺฐนาติ อญฺญํ อนเปกฺขิตฺวา สยเมว อตฺตโน นามกรณสภาวโตติ อโตฺถฯ ยญฺหิ ปรสฺส นามํ กโรติ, ตสฺส จ ตทเปกฺขตฺตา อญฺญาเปกฺขํ นามกรณนฺติ นามกรณสภาวตา น โหติ, ตสฺมา มหาชนสฺส ญาตีนํ, คุณานญฺจ สามญฺญนามาทิการกานํ นามภาโว นาปชฺชติฯ ยสฺส จ อเญฺญหิ นามํ กรียติ, ตสฺส จ นามกรณสภาวตา นตฺถีติ, นตฺถิเยว นามภาโวฯ เวทนาทีนํ ปน สภาวสิทฺธตฺตา เวทนาทินามสฺส นามกรณสภาวโต นามตา วุตฺตาฯ ปถวีอาทิ นิทสฺสเนน นามสฺส สภาวสิทฺธตํเยว นิทเสฺสติ, น นามภาวสามญฺญํ, นิรุฬฺหตฺตา ปน นาม-สโทฺท อรูปธเมฺมสุ เอว วตฺตติ, น ปถวีอาทีสูติ น เตสํ นามภาโวฯ น หิ ปถวีอาทินามํ วิชหิตฺวา เกสาทินาเมหิ รูปธมฺมานํ วิย เวทนาทินามํ วิชหิตฺวา อเญฺญน นาเมน อรูปธมฺมานํ โวหริตเพฺพน ปิณฺฑากาเรน ปวตฺติ อตฺถีติฯ

    ‘‘Nāmañca rūpañcā’’tiādīsu ayaṃ aparo nayo – nāmakaraṇaṭṭhenāti aññaṃ anapekkhitvā sayameva attano nāmakaraṇasabhāvatoti attho. Yañhi parassa nāmaṃ karoti, tassa ca tadapekkhattā aññāpekkhaṃ nāmakaraṇanti nāmakaraṇasabhāvatā na hoti, tasmā mahājanassa ñātīnaṃ, guṇānañca sāmaññanāmādikārakānaṃ nāmabhāvo nāpajjati. Yassa ca aññehi nāmaṃ karīyati, tassa ca nāmakaraṇasabhāvatā natthīti, natthiyeva nāmabhāvo. Vedanādīnaṃ pana sabhāvasiddhattā vedanādināmassa nāmakaraṇasabhāvato nāmatā vuttā. Pathavīādi nidassanena nāmassa sabhāvasiddhataṃyeva nidasseti, na nāmabhāvasāmaññaṃ, niruḷhattā pana nāma-saddo arūpadhammesu eva vattati, na pathavīādīsūti na tesaṃ nāmabhāvo. Na hi pathavīādināmaṃ vijahitvā kesādināmehi rūpadhammānaṃ viya vedanādināmaṃ vijahitvā aññena nāmena arūpadhammānaṃ voharitabbena piṇḍākārena pavatti atthīti.

    อถ วา รูปธมฺมา จกฺขาทโย รูปาทโย จ, เตสํ ปกาสกปกาสิตพฺพภาวโต วินาปิ นาเมน ปากฎา โหนฺติ, น เอวํ อรูปธมฺมาติ เต อธิวจนสมฺผโสฺส วิย นามายตฺตคฺคหณียภาเวน ‘‘นาม’’นฺติ วุตฺตาฯ ปฎิฆสมฺผโสฺส จ น จกฺขาทีนิ วิย นาเมน วินา ปากโฎติ ‘‘นาม’’นฺติ วุโตฺต, อรูปตาย วา อญฺญนามสภาคตฺตา สงฺคหิโตยํ, อญฺญผสฺสสภาคตฺตา วาฯ วจนโตฺถปิ หิ รูปยตีติ รูปํ, นามยตีติ นามนฺติ อิธ ปจฺฉิมปุริมานํ สมฺภวติฯ รูปยตีติ วินาปิ นาเมน อตฺตานํ ปกาเสตีติ อโตฺถฯ นามยตีติ นาเมน วินา อปากฎภาวโต อตฺตโน ปกาสกํ นามํ กโรตีติ อโตฺถฯ อารมฺมณาธิปติปจฺจยตายาติ สติปิ รูปสฺส อารมฺมณาธิปติปจฺจยภาเว น ตํ ปรมสฺสาสภูตํ นิพฺพานํ วิย สาติสยํ นามนภาเวน ปจฺจโยติ นิพฺพานเมว ‘‘นาม’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Atha vā rūpadhammā cakkhādayo rūpādayo ca, tesaṃ pakāsakapakāsitabbabhāvato vināpi nāmena pākaṭā honti, na evaṃ arūpadhammāti te adhivacanasamphasso viya nāmāyattaggahaṇīyabhāvena ‘‘nāma’’nti vuttā. Paṭighasamphasso ca na cakkhādīni viya nāmena vinā pākaṭoti ‘‘nāma’’nti vutto, arūpatāya vā aññanāmasabhāgattā saṅgahitoyaṃ, aññaphassasabhāgattā vā. Vacanatthopi hi rūpayatīti rūpaṃ, nāmayatīti nāmanti idha pacchimapurimānaṃ sambhavati. Rūpayatīti vināpi nāmena attānaṃ pakāsetīti attho. Nāmayatīti nāmena vinā apākaṭabhāvato attano pakāsakaṃ nāmaṃ karotīti attho. Ārammaṇādhipatipaccayatāyāti satipi rūpassa ārammaṇādhipatipaccayabhāve na taṃ paramassāsabhūtaṃ nibbānaṃ viya sātisayaṃ nāmanabhāvena paccayoti nibbānameva ‘‘nāma’’nti vuttaṃ.

    ‘‘อวิชฺชา จ ภวตณฺหา จา’’ติ อยํ ทุโก สตฺตานํ วฎฺฎมูลสมุทาจารทสฺสนโตฺถฯ สมุทาจรตีติ หิ สมุทาจาโร, วฎฺฎมูลเมว สมุทาจาโร วฎฺฎมูลสมุทาจาโร, วฎฺฎมูลทสฺสเนน วา วฎฺฎมูลานํ ปวตฺติ ทสฺสิตา โหตีติ วฎฺฎมูลานํ สมุทาจาโร วฎฺฎมูลสมุทาจาโร, ตํทสฺสนโตฺถติ อโตฺถฯ

    ‘‘Avijjāca bhavataṇhā cā’’ti ayaṃ duko sattānaṃ vaṭṭamūlasamudācāradassanattho. Samudācaratīti hi samudācāro, vaṭṭamūlameva samudācāro vaṭṭamūlasamudācāro, vaṭṭamūladassanena vā vaṭṭamūlānaṃ pavatti dassitā hotīti vaṭṭamūlānaṃ samudācāro vaṭṭamūlasamudācāro, taṃdassanatthoti attho.

    เอเกกสฺมิญฺจ ‘‘อตฺตา’’ติ จ ‘‘โลโก’’ติ จ คหณวิเสสํ อุปาทาย ‘‘อตฺตา จ โลโก จา’’ติ วุตฺตํ, เอกํ วา ขนฺธํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา อญฺญํ อตฺตโน อุปโภคภูตํ ‘‘โลโก’’ติ คณฺหนฺตสฺส, อตฺตโน อตฺตานํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ปรสฺส อตฺตานํ ‘‘โลโก’’ติ คณฺหนฺตสฺส วา วเสน ‘‘อตฺตา จ โลโก จา’’ติ วุตฺตํฯ

    Ekekasmiñca ‘‘attā’’ti ca ‘‘loko’’ti ca gahaṇavisesaṃ upādāya ‘‘attā ca loko cā’’ti vuttaṃ, ekaṃ vā khandhaṃ ‘‘attā’’ti gahetvā aññaṃ attano upabhogabhūtaṃ ‘‘loko’’ti gaṇhantassa, attano attānaṃ ‘‘attā’’ti gahetvā parassa attānaṃ ‘‘loko’’ti gaṇhantassa vā vasena ‘‘attā ca loko cā’’ti vuttaṃ.

    สห สิกฺขิตโพฺพ ธโมฺม สหธโมฺม, ตตฺถ ภวํ สหธมฺมิกํ, ตสฺมิํ สหธมฺมิเกฯ โทวจสฺส-สทฺทโต อาย-สทฺทํ อนญฺญตฺตํ กตฺวา ‘‘โทวจสฺสาย’’นฺติ วุตฺตํ, โทวจสฺสสฺส วา อยนํ ปวตฺติ โทวจสฺสายํฯ อาเสวนฺตสฺสาปิ อนุสิกฺขนา อชฺฌาสเยน ภชนาติ อาห ‘‘เสวนา…เป.… ภชนา’’ติฯ สพฺพโตภาเคน ภตฺติ สมฺภตฺติฯ

    Saha sikkhitabbo dhammo sahadhammo, tattha bhavaṃ sahadhammikaṃ, tasmiṃ sahadhammike. Dovacassa-saddato āya-saddaṃ anaññattaṃ katvā ‘‘dovacassāya’’nti vuttaṃ, dovacassassa vā ayanaṃ pavatti dovacassāyaṃ. Āsevantassāpi anusikkhanā ajjhāsayena bhajanāti āha ‘‘sevanā…pe… bhajanā’’ti. Sabbatobhāgena bhatti sambhatti.

    สห กมฺมวาจายาติ อพฺภานติณวตฺถารกกมฺมวาจาย, ‘‘อหํ ภเนฺต อิตฺถนฺนามํ อาปตฺติํ อาปชฺชิ’’นฺติอาทิกาย จ สเหวฯ สเหว หิ กมฺมวาจาย อาปตฺติวุฎฺฐานญฺจ ปริจฺฉิชฺชติ, ‘‘ปญฺญตฺติลกฺขณาย อาปตฺติยา วา การณํ วีติกฺกมลกฺขณํ กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ วา, วุฎฺฐานสฺส การณํ กมฺมวาจา’’ติ การเณน สห ผลสฺส ชานนวเสน ‘‘สห กมฺมวาจายา’’ติ วุตฺตํฯ‘‘สห กมฺมวาจายา’’ติฯ อิมินา นเยน สห ปริกเมฺมนาติ เอตฺถาปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Saha kammavācāyāti abbhānatiṇavatthārakakammavācāya, ‘‘ahaṃ bhante itthannāmaṃ āpattiṃ āpajji’’ntiādikāya ca saheva. Saheva hi kammavācāya āpattivuṭṭhānañca paricchijjati, ‘‘paññattilakkhaṇāya āpattiyā vā kāraṇaṃ vītikkamalakkhaṇaṃ kāyakammaṃ, vacīkammaṃ vā, vuṭṭhānassa kāraṇaṃ kammavācā’’ti kāraṇena saha phalassa jānanavasena ‘‘saha kammavācāyā’’ti vuttaṃ.‘‘Saha kammavācāyā’’ti. Iminā nayena saha parikammenāti etthāpi attho veditabbo.

    ธาตุวิสยา สพฺพาปิ ปญฺญา ธาตุกุสลตาฯ ตเทกเทสา มนสิการกุสลตาติ อธิปฺปาเยน ปุริมปเทปิ สมฺมสนปฎิเวธปญฺญา วุตฺตาฯ ยสฺมา ปน นิปฺปริยายโต วิปสฺสนาทิปญฺญา เอว มนสิการโกสลฺลํ, ตสฺมา ‘‘ตาสํเยว ธาตูนํ สมฺมสนปฎิเวธปจฺจเวกฺขณปญฺญา’’ติ วุตฺตํฯ

    Dhātuvisayā sabbāpi paññā dhātukusalatā. Tadekadesā manasikārakusalatāti adhippāyena purimapadepi sammasanapaṭivedhapaññā vuttā. Yasmā pana nippariyāyato vipassanādipaññā eva manasikārakosallaṃ, tasmā ‘‘tāsaṃyeva dhātūnaṃ sammasanapaṭivedhapaccavekkhaṇapaññā’’ti vuttaṃ.

    อายตนวิสยา สพฺพาปิ ปญฺญา อายตนกุสลตาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ อุคฺคหมนสิการชานนปญฺญา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ทฺวีสุปิ วา ปเทสุ วาจุคฺคตาย อายตนปาฬิยา, ธาตุปาฬิยา จ มนสิกรณํ มนสิกาโรฯ ตถา อุคฺคณฺหนฺตี, มนสิ กโรนฺตี , ตทตฺถํ สุณนฺตี, คนฺถโต จ อตฺถโต จ ธาเรนฺตี, ‘‘อิทํ จกฺขายตนํ นาม, อยํ จกฺขุธาตุ นามา’’ติอาทินา สภาวโต, คณนโต จ ปริเจฺฉทํ ชานนฺตี จ ปญฺญา อุคฺคหปญฺญาทิกา วุตฺตาฯ มนสิการปเท ปน จตุพฺพิธาปิ ปญฺญา อุคฺคโหติ ตโต ปวโตฺต อนิจฺจาทิมนสิกาโร ‘‘อุคฺคหมนสิกาโร’’ติ วุโตฺตฯ ตสฺส ชานนํ ปวตฺตนเมว, ‘‘ยถา ปวตฺตํ วา อุคฺคหํ, เอวเมว ปวโตฺต อุคฺคโห’’ติ ชานนํ อุคฺคหชานนํฯ ‘‘มนสิกาโร เอวํ ปวเตฺตตโพฺพ, เอวญฺจ ปวโตฺต’’ติ ชานนํ มนสิการชานนํฯ ตทุภยมฺปิ ‘‘มนสิการโกสลฺล’’นฺติ วุตฺตํฯ อุคฺคโหปิ หิ มนสิการสมฺปโยคโต มนสิการนิรุตฺติํ ลทฺธุํ อรหติฯ โย จ มนสิกาตโพฺพ, โย จ มนสิกรณูปาโย, สโพฺพ โส ‘‘มนสิกาโร’’ติ วตฺตุํ วฎฺฎติ, ตตฺถ โกสลฺลํ มนสิการกุสลตาติฯ สมฺมสนํ ปญฺญา, สา มคฺคสมฺปยุตฺตา อนิจฺจาทิสมฺมสนกิจฺจํ สาเธติ นิจฺจสญฺญาทิปชหนโตฯ มนสิกาโร สมฺมสนสมฺปยุโตฺต, โส ตเตฺถว อนิจฺจาทิมนสิการกิจฺจํ มคฺคสมฺปยุโตฺต สาเธตีติ อาห ‘‘สมฺมสนมนสิการา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา’’ติฯ ‘‘อิมินา ปจฺจเยนิทํ โหตี’’ติ เอวํ อวิชฺชาทีนํ สงฺขาราทิปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ปจฺจยภาวชานนํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทกุสลตาฯ

    Āyatanavisayā sabbāpi paññā āyatanakusalatāti dassento ‘‘dvādasannaṃ āyatanānaṃ uggahamanasikārajānanapaññā’’ti vatvā puna ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Dvīsupi vā padesu vācuggatāya āyatanapāḷiyā, dhātupāḷiyā ca manasikaraṇaṃ manasikāro. Tathā uggaṇhantī, manasi karontī , tadatthaṃ suṇantī, ganthato ca atthato ca dhārentī, ‘‘idaṃ cakkhāyatanaṃ nāma, ayaṃ cakkhudhātu nāmā’’tiādinā sabhāvato, gaṇanato ca paricchedaṃ jānantī ca paññā uggahapaññādikā vuttā. Manasikārapade pana catubbidhāpi paññā uggahoti tato pavatto aniccādimanasikāro ‘‘uggahamanasikāro’’ti vutto. Tassa jānanaṃ pavattanameva, ‘‘yathā pavattaṃ vā uggahaṃ, evameva pavatto uggaho’’ti jānanaṃ uggahajānanaṃ. ‘‘Manasikāro evaṃ pavattetabbo, evañca pavatto’’ti jānanaṃ manasikārajānanaṃ. Tadubhayampi ‘‘manasikārakosalla’’nti vuttaṃ. Uggahopi hi manasikārasampayogato manasikāraniruttiṃ laddhuṃ arahati. Yo ca manasikātabbo, yo ca manasikaraṇūpāyo, sabbo so ‘‘manasikāro’’ti vattuṃ vaṭṭati, tattha kosallaṃ manasikārakusalatāti. Sammasanaṃ paññā, sā maggasampayuttā aniccādisammasanakiccaṃ sādheti niccasaññādipajahanato. Manasikāro sammasanasampayutto, so tattheva aniccādimanasikārakiccaṃ maggasampayutto sādhetīti āha ‘‘sammasanamanasikārā lokiyalokuttaramissakā’’ti. ‘‘Iminā paccayenidaṃ hotī’’ti evaṃ avijjādīnaṃ saṅkhārādipaccayuppannassa paccayabhāvajānanaṃ paṭiccasamuppādakusalatā.

    อธิวาสนํ ขมนํฯ ตญฺหิ ปเรสํ ทุกฺกฎํ ทุรุตฺตญฺจ ปฎิวิโรธากรเณน อตฺตโน อุปริ อาโรเปตฺวา วาสนํ ‘‘อธิวาสน’’นฺติ วุจฺจติฯ อจณฺฑิกฺกนฺติ อกุชฺฌนํฯ โทมนสฺสวเสน ปเรสํ อกฺขีสุ อสฺสูนํ อนุปฺปาทนา อนสฺสุโรโปฯ อตฺตมนตาติ สกมนตาฯ จิตฺตสฺส อพฺยาปโนฺน สโก มโนภาโว อตฺตมนตาฯ จิตฺตนฺติ วา จิตฺตปฺปพนฺธํ เอกเตฺตน คเหตฺวา ตสฺส อนฺตรา อุปฺปเนฺนน ปีติสหคตมเนน สกมนตาฯ อตฺตมโน วา ปุคฺคโล, ตสฺส ภาโว อตฺตมนตา, สา น สตฺตสฺสาติ ปุคฺคลทิฎฺฐินิวารณตฺถํ ‘‘จิตฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ อธิวาสนลกฺขณา ขนฺติ อธิวาสนขนฺติฯ สุจิสีลตา โสรจฺจํฯ สา หิ โสภนกมฺมรตตาฯ สุฎฺฐุ ปาปโต โอรตภาโว วิรตตา โสรจฺจํฯ เตนาห ‘‘สุรตภาโว’’ติฯ

    Adhivāsanaṃ khamanaṃ. Tañhi paresaṃ dukkaṭaṃ duruttañca paṭivirodhākaraṇena attano upari āropetvā vāsanaṃ ‘‘adhivāsana’’nti vuccati. Acaṇḍikkanti akujjhanaṃ. Domanassavasena paresaṃ akkhīsu assūnaṃ anuppādanā anassuropo. Attamanatāti sakamanatā. Cittassa abyāpanno sako manobhāvo attamanatā. Cittanti vā cittappabandhaṃ ekattena gahetvā tassa antarā uppannena pītisahagatamanena sakamanatā. Attamano vā puggalo, tassa bhāvo attamanatā, sā na sattassāti puggaladiṭṭhinivāraṇatthaṃ ‘‘cittassā’’ti vuttaṃ. Adhivāsanalakkhaṇā khanti adhivāsanakhanti. Sucisīlatā soraccaṃ. Sā hi sobhanakammaratatā. Suṭṭhu pāpato oratabhāvo viratatā soraccaṃ. Tenāha ‘‘suratabhāvo’’ti.

    สขิโล วุจฺจติ สณฺหวาโจ, ตสฺส ภาโว สาขลฺยํ, สณฺหวาจตาฯ ตํ ปน พฺยติเรกมุเขน วิภาเวนฺตี ยา ปาฬิ ปวตฺตา, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถ กตมํ สาขลฺย’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อณฺฑกาติ สโทสวเณ รุเกฺข นิยฺยาสปิณฺฑิโย, อหิจฺฉตฺตกาทีนิ วา อุฎฺฐิตานิ ‘‘อณฺฑกานี’’ติ วทนฺติ ฯ เผคฺคุรุกฺขสฺส ปน กุถิตสฺส อณฺฑานิ วิย อุฎฺฐิตา จุณฺณปิณฺฑิโย, คณฺฐิโย วา อณฺฑกาฯ อิธ ปน พฺยาปชฺชนกกฺกสาทิภาวโต อณฺฑกปกติภาเวน วาจา ‘‘อณฺฑกา’’ติ วุตฺตาฯ ปทุมนาฬํ วิย โสตํ ฆํสยมานา ปวิสนฺตี กกฺกสา ทฎฺฐพฺพาฯ โกเธน นิพฺพตฺตตฺตา ตสฺส ปริวารภูตา โกธสามนฺตาฯ ปุเร สํวทฺธนารี โปรี, สา วิย สุกุมารา มุทุกา วาจา โปรี วิยาติ โปรีฯ ตตฺถาติ ‘‘ภาสิตา โหตี’’ติ วุตฺตาย กิริยายาติปิ โยชนา สมฺภวติ, ตตฺถ วาจายาติ วาฯ ‘‘สณฺหวาจตา’’ติอาทินา ตํ วาจํ ปวตฺตยมานํ เจตนํ ทเสฺสติฯ สโมฺมทกสฺส ปุคฺคลสฺส มุทุกภาโว มทฺทวํ สโมฺมทกมุทุกภาโวฯ อามิเสน อลพฺภมาเนน, ตถา ธเมฺมน จาติ ทฺวีหิ ฉิโทฺทฯ อามิสสฺส, ธมฺมสฺส จ อลาเภน อตฺตโน ปรสฺส จ อนฺตเร สมฺภวนฺตสฺส หิ ฉิทฺทสฺส วิวรสฺส เภทสฺส ปฎิสนฺถรณํ ปิทหนํ สงฺคณฺหนํ ปฎิสนฺถาโรฯ ตํ สรูปโต, ปฎิปตฺติโต จ ปาฬิทสฺสนมุเขน วิภาเวตุํ ‘‘อภิธเมฺมปี’’ติอาทิมาหฯ อคฺคํ อคฺคเหตฺวาติ อคฺคํ อตฺตโน อคฺคเหตฺวาฯ อุเทฺทสทานนฺติ ปาฬิยา, อฎฺฐกถาย จ อุทฺทิสนํฯ ปาฬิวณฺณนาติ ปาฬิยา อตฺถวณฺณนาฯ ธมฺมกถากถนนฺติ สรภญฺญสรภณนาทิวเสน ธมฺมกถนํฯ

    Sakhilo vuccati saṇhavāco, tassa bhāvo sākhalyaṃ, saṇhavācatā. Taṃ pana byatirekamukhena vibhāventī yā pāḷi pavattā, taṃ dassento ‘‘tattha katamaṃ sākhalya’’ntiādimāha. Tattha aṇḍakāti sadosavaṇe rukkhe niyyāsapiṇḍiyo, ahicchattakādīni vā uṭṭhitāni ‘‘aṇḍakānī’’ti vadanti . Pheggurukkhassa pana kuthitassa aṇḍāni viya uṭṭhitā cuṇṇapiṇḍiyo, gaṇṭhiyo vā aṇḍakā. Idha pana byāpajjanakakkasādibhāvato aṇḍakapakatibhāvena vācā ‘‘aṇḍakā’’ti vuttā. Padumanāḷaṃ viya sotaṃ ghaṃsayamānā pavisantī kakkasā daṭṭhabbā. Kodhena nibbattattā tassa parivārabhūtā kodhasāmantā. Pure saṃvaddhanārī porī, sā viya sukumārā mudukā vācā porī viyāti porī. Tatthāti ‘‘bhāsitā hotī’’ti vuttāya kiriyāyātipi yojanā sambhavati, tattha vācāyāti vā. ‘‘Saṇhavācatā’’tiādinā taṃ vācaṃ pavattayamānaṃ cetanaṃ dasseti. Sammodakassa puggalassa mudukabhāvo maddavaṃ sammodakamudukabhāvo. Āmisena alabbhamānena, tathā dhammena cāti dvīhi chiddo. Āmisassa, dhammassa ca alābhena attano parassa ca antare sambhavantassa hi chiddassa vivarassa bhedassa paṭisantharaṇaṃ pidahanaṃ saṅgaṇhanaṃ paṭisanthāro. Taṃ sarūpato, paṭipattito ca pāḷidassanamukhena vibhāvetuṃ ‘‘abhidhammepī’’tiādimāha. Aggaṃ aggahetvāti aggaṃ attano aggahetvā. Uddesadānanti pāḷiyā, aṭṭhakathāya ca uddisanaṃ. Pāḷivaṇṇanāti pāḷiyā atthavaṇṇanā. Dhammakathākathananti sarabhaññasarabhaṇanādivasena dhammakathanaṃ.

    กรุณาติ กรุณาพฺรหฺมวิหารมาหฯ กรุณาปุพฺพภาโคติ ตสฺส ปุพฺพภาคอุปจารชฺฌานํ วทติฯ ปาฬิปเท ปน ยา กาจิ กรุณา ‘‘กรุณา’’ติ วุตฺตา, กรุณาเจโตวิมุตฺตีติ ปน อปฺปนาปฺปตฺตาวฯ เมตฺตายปิ เอเสว นโยฯ สุจิ-สทฺทโต ภาเว ยฺย-การํ, อิ-การสฺส จ เอ-การาเทสํ กตฺวา อยํ นิเทฺทโสติ อาห ‘‘โสเจยฺยนฺติ สุจิภาโว’’ติฯ โหตุ ตาว สุจิภาโว โสเจยฺยํ, ตสฺส ปน เมตฺตาปุพฺพภาคตา กถนฺติ อาห ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิฯ

    Karuṇāti karuṇābrahmavihāramāha. Karuṇāpubbabhāgoti tassa pubbabhāgaupacārajjhānaṃ vadati. Pāḷipade pana yā kāci karuṇā ‘‘karuṇā’’ti vuttā, karuṇācetovimuttīti pana appanāppattāva. Mettāyapi eseva nayo. Suci-saddato bhāve yya-kāraṃ, i-kārassa ca e-kārādesaṃ katvā ayaṃ niddesoti āha ‘‘soceyyanti sucibhāvo’’ti. Hotu tāva sucibhāvo soceyyaṃ, tassa pana mettāpubbabhāgatā kathanti āha ‘‘vuttampi ceta’’ntiādi.

    มุฎฺฐา สติ เอตสฺสาติ มุฎฺฐสฺสติ, ตสฺส ภาโว มุฎฺฐสฺสจฺจํ, สติปฎิปโกฺข ธโมฺม, น สติยา อภาวมตฺตํ ฯ ยสฺมา ปฎิปเกฺข สติ ตสฺส วเสน สติวิคตา วิปฺปวุตฺถา นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สติวิปฺปวาโส’’ติฯ ‘‘อสฺสตี’’ติอาทีสุ -กาโร ปฎิปเกฺข ทฎฺฐโพฺพ, น สตฺตปฎิเสเธฯ อุทเก ลาพุ วิย เยน จิตฺตํ อารมฺมเณ ปิลวนฺตา วิย ติฎฺฐติ, น โอคาหติ, สา ปิลาปนตาฯ เยน คหิตมฺปิ อารมฺมณํ สมฺมุสฺสติ น สรติ, สา สมฺมุสฺสนตาฯ ยถา วิชฺชาปฎิปกฺขา อวิชฺชา วิชฺชาย ปหาตพฺพโต, เอวํ สมฺปชญฺญปฎิปกฺขํ อสมฺปชญฺญํ, อวิชฺชาเยวฯ

    Muṭṭhā sati etassāti muṭṭhassati, tassa bhāvo muṭṭhassaccaṃ, satipaṭipakkho dhammo, na satiyā abhāvamattaṃ . Yasmā paṭipakkhe sati tassa vasena sativigatā vippavutthā nāma hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘sativippavāso’’ti. ‘‘Assatī’’tiādīsu a-kāro paṭipakkhe daṭṭhabbo, na sattapaṭisedhe. Udake lābu viya yena cittaṃ ārammaṇe pilavantā viya tiṭṭhati, na ogāhati, sā pilāpanatā. Yena gahitampi ārammaṇaṃ sammussati na sarati, sā sammussanatā. Yathā vijjāpaṭipakkhā avijjā vijjāya pahātabbato, evaṃ sampajaññapaṭipakkhaṃ asampajaññaṃ, avijjāyeva.

    อินฺทฺริยสํวรเภโทติ อินฺทฺริยสํวรวินาโสฯ อปฺปฎิสงฺขาติ อปจฺจเวกฺขิตฺวา อโยนิโส จ อาหารปริโภเค อาทีนวานิสํเส อวีมํสิตฺวาฯ

    Indriyasaṃvarabhedoti indriyasaṃvaravināso. Appaṭisaṅkhāti apaccavekkhitvā ayoniso ca āhāraparibhoge ādīnavānisaṃse avīmaṃsitvā.

    อปฺปฎิสงฺขายาติ อิติกตฺตพฺพตาสุ อปฺปจฺจเวกฺขณาย นามํฯ อญฺญาณํ อปฺปฎิสงฺขาต นิมิตฺตํ ฯ อกมฺปนญาณนฺติ ตาย อนภิภวนียํ ญาณํ, ตตฺถ ตตฺถ ปจฺจเวกฺขณาญาณเญฺจว ปจฺจเวกฺขณาย มุทฺธภูตํ โลกุตฺตรญาณญฺจฯ นิปฺปริยายโต มคฺคภาวนา ภาวนา นาม, ยา จ ตทตฺถา, ตทุภยญฺจ ภาเวนฺตเสฺสว อิจฺฉิตพฺพํ, น ภาวิตภาวนสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘ภาเวนฺตสฺส อุปฺปนฺนํ พล’’นฺติฯ เตนาห ‘‘ยา กุสลานํ ธมฺมานํ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกมฺม’’นฺติฯ

    Appaṭisaṅkhāyāti itikattabbatāsu appaccavekkhaṇāya nāmaṃ. Aññāṇaṃ appaṭisaṅkhāta nimittaṃ . Akampanañāṇanti tāya anabhibhavanīyaṃ ñāṇaṃ, tattha tattha paccavekkhaṇāñāṇañceva paccavekkhaṇāya muddhabhūtaṃ lokuttarañāṇañca. Nippariyāyato maggabhāvanā bhāvanā nāma, yā ca tadatthā, tadubhayañca bhāventasseva icchitabbaṃ, na bhāvitabhāvanassāti vuttaṃ ‘‘bhāventassa uppannaṃ bala’’nti. Tenāha ‘‘yā kusalānaṃ dhammānaṃ āsevanā bhāvanā bahulīkamma’’nti.

    กามํ สมฺปยุตฺตธเมฺมสุ ถิรภาโวปิ พลโฎฺฐ เอว, ปฎิปเกฺขหิ ปน อกมฺปนียตา สาติสยํ พลโฎฺฐติ วุตฺตํ ‘‘อสฺสติยา อกมฺปนวเสนา’’ติฯ ปจฺจนีกธมฺมสมนโต สมโถ สมาธิฯ อนิจฺจาทินา วิวิเธนากาเรน ทสฺสนโต วิปสฺสนา ปญฺญา ฯ ตํ อาการํ คเหตฺวาติ สมาธานาการํ คเหตฺวาฯ เยนากาเรน ปุเพฺพ อลีนํ อนุทฺธตํ มชฺฌิมํ ภาวนาวีถิปฎิปนฺนํ หุตฺวา จิตฺตํ สมาหิตํ โหติ, ตํ อาการํ คเหตฺวา สลฺลเกฺขตฺวาฯ นิมิตฺตวเสนาติ การณวเสนฯ ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา ปคฺคโหว ตํ อาการํ คเหตฺวา ปุน ปวเตฺตตพฺพสฺส ปคฺคาหสฺส นิมิตฺตวเสน ปคฺคาหนิมิตฺตนฺติ อิมมตฺถํ อติทิสติ, ตสฺสโตฺถ สมเถ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตโพฺพฯ ปคฺคาโห วีริยํ โกสชฺชปกฺขโต จิตฺตสฺส ปติตุํ อทตฺวา ปคฺคณฺหนโตฯ อวิเกฺขโป เอกคฺคตา วิเกฺขปสฺส อุทฺธจฺจสฺส ปฎิปกฺขภาวโตฯ ปฎิสงฺขานกิจฺจนิพฺพตฺติภาวโต โลกุตฺตรธมฺมานํ ปฎิสงฺขานพลภาโว, ตถา ปุเพฺพ ปวตฺตาการสลฺลกฺขณวเสน สมถปคฺคาหานํ อุปริ ปวตฺติสพฺภาวโต สมถนิมิตฺตทุกสฺสปิ มิสฺสกตา วุตฺตาฯ

    Kāmaṃ sampayuttadhammesu thirabhāvopi balaṭṭho eva, paṭipakkhehi pana akampanīyatā sātisayaṃ balaṭṭhoti vuttaṃ ‘‘assatiyā akampanavasenā’’ti. Paccanīkadhammasamanato samatho samādhi. Aniccādinā vividhenākārena dassanato vipassanā paññā . Taṃ ākāraṃ gahetvāti samādhānākāraṃ gahetvā. Yenākārena pubbe alīnaṃ anuddhataṃ majjhimaṃ bhāvanāvīthipaṭipannaṃ hutvā cittaṃ samāhitaṃ hoti, taṃ ākāraṃ gahetvā sallakkhetvā. Nimittavasenāti kāraṇavasena. ‘‘Eseva nayo’’ti iminā paggahova taṃ ākāraṃ gahetvā puna pavattetabbassa paggāhassa nimittavasena paggāhanimittanti imamatthaṃ atidisati, tassattho samathe vuttanayānusārena veditabbo. Paggāho vīriyaṃ kosajjapakkhato cittassa patituṃ adatvā paggaṇhanato. Avikkhepo ekaggatā vikkhepassa uddhaccassa paṭipakkhabhāvato. Paṭisaṅkhānakiccanibbattibhāvato lokuttaradhammānaṃ paṭisaṅkhānabalabhāvo, tathā pubbe pavattākārasallakkhaṇavasena samathapaggāhānaṃ upari pavattisabbhāvato samathanimittadukassapi missakatā vuttā.

    ยถาสมาทินฺนสฺส สีลสฺส เภทกโร วีติกฺกโมฯ สีลวินาสโก อสํวโรฯ สมฺมาทิฎฺฐิวินาสิกาติ ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๔๑; ๒.๙๔; วิภ. ๗๙๓) นยปฺปวตฺตาย สมฺมาทิฎฺฐิยา ทูสิกาฯ

    Yathāsamādinnassa sīlassa bhedakaro vītikkamo. Sīlavināsako asaṃvaro. Sammādiṭṭhivināsikāti ‘‘atthi dinna’’ntiādi (ma. ni. 1.441; 2.94; vibha. 793) nayappavattāya sammādiṭṭhiyā dūsikā.

    สีลสฺส สมฺปาทนํ นาม สพฺพภาคโต ตสฺส อนูนตาปาทนนฺติ อาห ‘‘สมฺปาทนโต ปริปูรณโต’’ติฯ ปาริปูรโตฺถ หิ สมฺปทา-สโทฺทติฯ มานสิกสีลํ นาม สีลวิโสธนวเสน อภิชฺฌาทิปฺปหานํฯ ทิฎฺฐิปาริปูริภูตํ ญาณนฺติ อตฺถิกทิฎฺฐิอาทิสมฺมาทิฎฺฐิยา ปาริปูริภาเวน ปวตฺตํ ญาณํฯ

    Sīlassasampādanaṃ nāma sabbabhāgato tassa anūnatāpādananti āha ‘‘sampādanato paripūraṇato’’ti. Pāripūrattho hi sampadā-saddoti. Mānasikasīlaṃ nāma sīlavisodhanavasena abhijjhādippahānaṃ. Diṭṭhipāripūribhūtaṃ ñāṇanti atthikadiṭṭhiādisammādiṭṭhiyā pāripūribhāvena pavattaṃ ñāṇaṃ.

    วิสุทฺธิํ ปาเปตุํ สมตฺถนฺติ จิตฺตวิสุทฺธิอาทิอุปริวิสุทฺธิยา ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถํฯ สุวิสุทฺธเมว หิ สีลํ ตสฺสา ปทฎฺฐานํ โหตีติฯ วิสุทฺธิํ ปาเปตุํ สมตฺถํ ทสฺสนนฺติ ญาณทสฺสนวิสุทฺธิํ, ปรมตฺถวิสุทฺธินิพฺพานญฺจ ปาเปตุํ อุปเนตุํ สมตฺถํ กมฺมสฺสกตาญาณาทิสมฺมาทสฺสนํ ฯ เตนาห ‘‘อภิธเมฺม’’ติอาทิฯ เอตฺถ จ ‘‘อิทํ อกุสลํ กมฺมํ โน สกํ, อิทํ ปน กมฺมํ สก’’นฺติ เอวํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ กมฺมสฺสกตาชานนญาณํ กมฺมสฺสกตาญาณํฯ เตนาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิฯ ‘‘ปเรน กตมฺปี’’ติ อิทํ นิทสฺสนวเสน วุตฺตํ ยถา ปเรน กตํ, เอวํ อตฺตนา กตมฺปิ สกกมฺมํ นาม น โหตีติฯ อตฺตนา วา อุสฺสาหิเตน ปเรน กตํปีติ เอวํ วา อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ยญฺหิ ตํ ปรสฺส อุสฺสาหนวเสน กตํ, ตมฺปิ สกกมฺมํ นาม โหตีติ อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโยฯ อตฺถภญฺชนโตติ ทิฎฺฐธมฺมิกาทิสพฺพอตฺถวินาสนโตฯ อตฺถชนนโตติ อิธโลกตฺถปรโลกตฺถปรมตฺถานํ อุปฺปาทนโตฯ อารพฺภกาเล ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ ปวตฺตมฺปิ วจีสจฺจญฺจ ลกฺขณานิ ปฎิวิชฺฌนฺตํ วิปสฺสนาญาณํ อนุโลเมติ ตเตฺถว ปฎิวิชฺฌนโตฯ ปรมตฺถสจฺจญฺจ นิพฺพานํ น วิโลเมติ น วิโรเธติ เอกเนฺตเนว สมฺปาปนโตฯ

    Visuddhiṃpāpetuṃ samatthanti cittavisuddhiādiuparivisuddhiyā paccayo bhavituṃ samatthaṃ. Suvisuddhameva hi sīlaṃ tassā padaṭṭhānaṃ hotīti. Visuddhiṃ pāpetuṃ samatthaṃ dassananti ñāṇadassanavisuddhiṃ, paramatthavisuddhinibbānañca pāpetuṃ upanetuṃ samatthaṃ kammassakatāñāṇādisammādassanaṃ . Tenāha ‘‘abhidhamme’’tiādi. Ettha ca ‘‘idaṃ akusalaṃ kammaṃ no sakaṃ, idaṃ pana kammaṃ saka’’nti evaṃ byatirekato anvayato ca kammassakatājānanañāṇaṃ kammassakatāñāṇaṃ. Tenāha ‘‘ettha cā’’tiādi. ‘‘Parena katampī’’ti idaṃ nidassanavasena vuttaṃ yathā parena kataṃ, evaṃ attanā katampi sakakammaṃ nāma na hotīti. Attanā vā ussāhitena parena kataṃpīti evaṃ vā attho daṭṭhabbo. Yañhi taṃ parassa ussāhanavasena kataṃ, tampi sakakammaṃ nāma hotīti ayañhettha adhippāyo. Atthabhañjanatoti diṭṭhadhammikādisabbaatthavināsanato. Atthajananatoti idhalokatthaparalokatthaparamatthānaṃ uppādanato. Ārabbhakāle ‘‘aniccaṃ dukkhaṃ anattā’’ti pavattampi vacīsaccañca lakkhaṇāni paṭivijjhantaṃ vipassanāñāṇaṃ anulometi tattheva paṭivijjhanato. Paramatthasaccañca nibbānaṃ na vilometi na virodheti ekanteneva sampāpanato.

    ญาณทสฺสนนฺติ ญาณภูตํ ทสฺสนํ, เตน มคฺคํ วทติฯ ตํสมฺปยุตฺตเมว วีริยนฺติ ปฐมมคฺคสมฺปยุตฺตํ วีริยมาหฯ สพฺพาปิ มคฺคปญฺญา ทิฎฺฐิวิสุทฺธิเยวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อยเมว จ นโย อภิธมฺมปาฬิยา (ธ. ส. ๕๕๐) สเมตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อภิธเมฺม ปนา’’ติ อาทิํ อโวจฯ

    Ñāṇadassananti ñāṇabhūtaṃ dassanaṃ, tena maggaṃ vadati. Taṃsampayuttameva vīriyanti paṭhamamaggasampayuttaṃ vīriyamāha. Sabbāpi maggapaññā diṭṭhivisuddhiyevāti dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Ayameva ca nayo abhidhammapāḷiyā (dha. sa. 550) sametīti dassento ‘‘abhidhamme panā’’ti ādiṃ avoca.

    ยสฺมา สํเวโค นาม สโหตฺตปฺปญาณํ, ตสฺมา สํเวควตฺถุํ ภยโต ภายิตพฺพโต ทสฺสนวเสน ปวตฺตญาณํ ฯ เตนาห ‘‘ชาติภย’’นฺติอาทิฯ ภายนฺติ เอตสฺมาติ ภยํ, ชาติ เอว ภยํ ชาติภยํฯ สํเวชนียนฺติ สํวิชฺชิตพฺพํ ภายิตพฺพํ อุตฺตาสิตพฺพํฯ ฐานนฺติ การณํ, วตฺถูติ อโตฺถ ฯ สํเวคชาตสฺสาติ อุปฺปนฺนสํเวคสฺสฯ อุปายปธานนฺติ อุปาเยน ปวเตฺตตพฺพํ วีริยํฯ

    Yasmā saṃvego nāma sahottappañāṇaṃ, tasmā saṃvegavatthuṃ bhayato bhāyitabbato dassanavasena pavattañāṇaṃ . Tenāha ‘‘jātibhaya’’ntiādi. Bhāyanti etasmāti bhayaṃ, jāti eva bhayaṃ jātibhayaṃ. Saṃvejanīyanti saṃvijjitabbaṃ bhāyitabbaṃ uttāsitabbaṃ. Ṭhānanti kāraṇaṃ, vatthūti attho . Saṃvegajātassāti uppannasaṃvegassa. Upāyapadhānanti upāyena pavattetabbaṃ vīriyaṃ.

    กุสลานํ ธมฺมานนฺติ สีลาทีนํ อนวชฺชธมฺมานํฯ ภาวนายาติ อุปฺปาทเนน วฑฺฒเนน จฯ อสนฺตุฎฺฐสฺสาติ ‘‘อลํ เอตฺตาวตา, กถํ เอตฺตาวตา’’ติ สโงฺกจาปตฺติวเสน น สนฺตุฎฺฐสฺสฯ ภิโยฺยกมฺยตาติ ภิโยฺย ภิโยฺย อุปฺปาทนิจฺฉาฯ โวสานนฺติ สโงฺกจํ อสมตฺถนฺติฯ ตุสฺสนํ ตุฎฺฐิ สนฺตุฎฺฐิ, นตฺถิ เอตสฺส สนฺตุฎฺฐีติ อสนฺตุฎฺฐิ, ตสฺส ภาโว อสนฺตุฎฺฐิตาฯ วีริยปฺปวาเห วตฺตมาเน อนฺตรา เอว ปฎิคมนํ นิวตฺตนํ ปฎิวานํ, ตํ ตสฺส อตฺถีติ ปฎิวานี, น ปฎิวานี อปฺปฎิวานี, ตสฺส ภาโว อปฺปฎิวานิตาฯ สกฺกจฺจกิริยตาติ กุสลานํ กรเณ สกฺกจฺจกิริยตา อาทรกิริยตาฯ สาตจฺจกิริยตาติ สตตเมว กรณํฯ อฎฺฐิตกิริยตาติ อนฺตรา อฎฺฐเปตฺวา ขณฺฑํ อกตฺวา กรณํฯ อโนลีนวุตฺติตาติ น ลีนปฺปวตฺติตาฯ อนิกฺขิตฺตฉนฺทตาติ กุสลจฺฉนฺทสฺส อนิกฺขิปนํฯ อนิกฺขิตฺตธุรตาติ กุสลกรเณ วีริยธุรสฺส อนิกฺขิปนํฯ อาเสวนาติ อาทเรน เสวนาฯ ภาวนาติ วฑฺฒนา พฺรูหนาฯ พหุลีกมฺมนฺติ ปุนปฺปุนํ กรณํฯ

    Kusalānaṃ dhammānanti sīlādīnaṃ anavajjadhammānaṃ. Bhāvanāyāti uppādanena vaḍḍhanena ca. Asantuṭṭhassāti ‘‘alaṃ ettāvatā, kathaṃ ettāvatā’’ti saṅkocāpattivasena na santuṭṭhassa. Bhiyyokamyatāti bhiyyo bhiyyo uppādanicchā. Vosānanti saṅkocaṃ asamatthanti. Tussanaṃ tuṭṭhi santuṭṭhi, natthi etassa santuṭṭhīti asantuṭṭhi, tassa bhāvo asantuṭṭhitā. Vīriyappavāhe vattamāne antarā eva paṭigamanaṃ nivattanaṃ paṭivānaṃ, taṃ tassa atthīti paṭivānī, na paṭivānī appaṭivānī, tassa bhāvo appaṭivānitā. Sakkaccakiriyatāti kusalānaṃ karaṇe sakkaccakiriyatā ādarakiriyatā. Sātaccakiriyatāti satatameva karaṇaṃ. Aṭṭhitakiriyatāti antarā aṭṭhapetvā khaṇḍaṃ akatvā karaṇaṃ. Anolīnavuttitāti na līnappavattitā. Anikkhittachandatāti kusalacchandassa anikkhipanaṃ. Anikkhittadhuratāti kusalakaraṇe vīriyadhurassa anikkhipanaṃ. Āsevanāti ādarena sevanā. Bhāvanāti vaḍḍhanā brūhanā. Bahulīkammanti punappunaṃ karaṇaṃ.

    ติโสฺส วิชฺชาติ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณํ, ทิพฺพจกฺขุญาณํ อาสวกฺขยญาณนฺติ อิมา ติโสฺส วิชฺชาฯ ปฎิปกฺขวิชฺฌนเฎฺฐน ปุเพฺพ นิวุตฺถกฺขนฺธาทีนํ วิทิตกรณเฎฺฐน วิสิฎฺฐา มุตฺตีติ วิมุตฺติฯ สฺวายํ วิเสโส ปฎิปกฺขวิคมเนน, ปฎิโยคิวิคมเนน จ อิจฺฉิตโพฺพติ ตทุภยํ ทเสฺสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เยน วิเสเสน สมาปตฺติโย ปจฺจนีกธเมฺมหิ สุฎฺฐุ มุตฺตา, ตโต นิราสงฺกตาย อารมฺมเณ จ อภิรตา, ตํ วิเสสํ อุปาทาย ตา อธิกํ มุจฺจนโต, อารมฺมเณ อธิมุจฺจนโต จ อธิมุตฺติโย นามาติ วุตฺตํ ‘‘จิตฺตสฺส จ อธิมุตฺตี’’ติฯ มุตฺตตฺตาติ สพฺพสงฺขาเรหิ วิเสเสน นิสฺสฎตฺตา วิมุตฺติฯ

    Tisso vijjāti pubbenivāsānussatiñāṇaṃ, dibbacakkhuñāṇaṃ āsavakkhayañāṇanti imā tisso vijjā. Paṭipakkhavijjhanaṭṭhena pubbe nivutthakkhandhādīnaṃ viditakaraṇaṭṭhena visiṭṭhā muttīti vimutti. Svāyaṃ viseso paṭipakkhavigamanena, paṭiyogivigamanena ca icchitabboti tadubhayaṃ dassetuṃ ‘‘ettha cā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yena visesena samāpattiyo paccanīkadhammehi suṭṭhu muttā, tato nirāsaṅkatāya ārammaṇe ca abhiratā, taṃ visesaṃ upādāya tā adhikaṃ muccanato, ārammaṇe adhimuccanato ca adhimuttiyo nāmāti vuttaṃ ‘‘cittassa ca adhimuttī’’ti. Muttattāti sabbasaṅkhārehi visesena nissaṭattā vimutti.

    ขเย ญาณนฺติ สมุเจฺฉทวเสน กิเลเส เขเปตีติ ขโย, อริยมโคฺค, ตปฺปริยาปนฺนํ ญาณํ ขเย ญาณํฯ ปฎิสนฺธิวเสนาติ กิเลสานํ ตํตํมคฺควชฺฌานํ อุปฺปนฺนมเคฺค ขนฺธสนฺตาเน ปุน สนฺทหนวเสนฯ อนุปฺปาทภูเตติ ตํตํผเลฯ อนุปฺปาทปริโยสาเนติ อนุปฺปาทกโร มโคฺค อนุปฺปาโท, ตสฺส ปริโยสาเน, กิเลสานํ วา อนุปฺปชฺชนสงฺขาเต ปริโยสาเน, ภเงฺคติ อโตฺถติฯ

    Khaye ñāṇanti samucchedavasena kilese khepetīti khayo, ariyamaggo, tappariyāpannaṃ ñāṇaṃ khaye ñāṇaṃ.Paṭisandhivasenāti kilesānaṃ taṃtaṃmaggavajjhānaṃ uppannamagge khandhasantāne puna sandahanavasena. Anuppādabhūteti taṃtaṃphale. Anuppādapariyosāneti anuppādakaro maggo anuppādo, tassa pariyosāne, kilesānaṃ vā anuppajjanasaṅkhāte pariyosāne, bhaṅgeti atthoti.

    ทุกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dukavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ติกวณฺณนา

    Tikavaṇṇanā

    ๓๐๕. ธมฺมโต อโญฺญ กตฺตา นตฺถีติ ทเสฺสตุํ กตฺตุสาธนวเสน ‘‘ลุพฺภตีติ โลโภ’’ติ วุตฺตํฯ ลุพฺภติ เตน, ลุพฺภนมตฺตเมตนฺติ กรณภาวสาธนวเสนปิ อโตฺถ ยุชฺชเตวฯ ทุสฺสติ มุยฺหตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อกุสลญฺจ ตํ อโกสลฺลสมฺภูตเฎฺฐน เอกนฺตากุสลภาวโต มูลญฺจ อตฺตนา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สุปฺปติฎฺฐิตภาวสาธนโต, น อกุสลภาวสาธนโตฯ น หิ มูลกโต อกุสลานํ อกุสลภาโว, กุสลาทีนญฺจ กุสลาทิภาโวฯ ตถา สติ โมมูหจิตฺตทฺวเย โมหสฺส อกุสลภาโว น สิยาฯ เตสนฺติ โลภาทีนํฯ ‘‘น ลุพฺภตีติ อโลโภ’’ติอาทินา ปฎิปกฺขนเยนฯ

    305. Dhammato añño kattā natthīti dassetuṃ kattusādhanavasena ‘‘lubbhatīti lobho’’ti vuttaṃ. Lubbhati tena, lubbhanamattametanti karaṇabhāvasādhanavasenapi attho yujjateva. Dussati muyhatīti etthāpi eseva nayo. Akusalañca taṃ akosallasambhūtaṭṭhena ekantākusalabhāvato mūlañca attanā sampayuttadhammānaṃ suppatiṭṭhitabhāvasādhanato, na akusalabhāvasādhanato. Na hi mūlakato akusalānaṃ akusalabhāvo, kusalādīnañca kusalādibhāvo. Tathā sati momūhacittadvaye mohassa akusalabhāvo na siyā. Tesanti lobhādīnaṃ. ‘‘Na lubbhatīti alobho’’tiādinā paṭipakkhanayena.

    ทุฎฺฐุ จริตานีติ ปจฺจยโต, สมฺปยุตฺตธมฺมโต, ปวตฺติอาการโต จ น สุฎฺฐุ อสมฺมา ปวตฺติตานิฯ วิรูปานีติ พีภจฺฉานิ สมฺปติ, อายติญฺจ อนิฎฺฐรูปตฺตาฯ กาเยนาติ กายทฺวาเรน กรณภูเตนฯ กายโตติ กายทฺวารโตฯ ‘‘สุฎฺฐุ จริตานี’’ติอาทีสุ วุตฺตวิปริยาเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ยสฺส สิกฺขาปทสฺส วีติกฺกเม กายสมุฎฺฐานา อาปตฺติ โหติ, ตํ กายทฺวาเร ปญฺญตฺตสิกฺขาปทํฯ อวีติกฺกโม กายสุจริตนฺติ วาริตฺตสีลสฺส วเสน วทติ, จาริตฺตสีลสฺสปิ วา, ยสฺส อกรเณ อาปตฺติ โหติฯ วจีทุจฺจริตสุจริตนิทฺธารณมฺปิ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํฯ อุภยตฺถ ปญฺญตฺตสฺสาติ กายทฺวาเร, วจีทฺวาเร จ ปญฺญตฺตสฺสฯ สิกฺขาปทสฺส วีติกฺกโมว มโนทุจฺจริตํ มโนทฺวาเร ปญฺญตฺตสฺส สิกฺขาปทสฺส อภาวโต, ตยิทํ ทฺวารทฺวเย อกิริยสมุฎฺฐานาย อาปตฺติยา วเสน เวทิตพฺพํฯ อวีติกฺกโมติ ยถาวุตฺตาย อาปตฺติยา อวีติกฺกโม มโนสุจริตํฯ ‘‘สพฺพสฺสาปิ สิกฺขาปทสฺส อวีติกฺกโม มโนสุจริต’’นฺติ เกจิฯ ตทุภยญฺหิ จาริตฺตสีลํ อุทฺทิสฺสปญฺญตฺตํ สิกฺขาปทํ, ตสฺส อวีติกฺกโม สิยา กายสุจริตํ, สิยา วจีสุจริตนฺติฯ

    Duṭṭhucaritānīti paccayato, sampayuttadhammato, pavattiākārato ca na suṭṭhu asammā pavattitāni. Virūpānīti bībhacchāni sampati, āyatiñca aniṭṭharūpattā. Kāyenāti kāyadvārena karaṇabhūtena. Kāyatoti kāyadvārato. ‘‘Suṭṭhu caritānī’’tiādīsu vuttavipariyāyena attho veditabbo. Yassa sikkhāpadassa vītikkame kāyasamuṭṭhānā āpatti hoti, taṃ kāyadvāre paññattasikkhāpadaṃ. Avītikkamo kāyasucaritanti vārittasīlassa vasena vadati, cārittasīlassapi vā, yassa akaraṇe āpatti hoti. Vacīduccaritasucaritaniddhāraṇampi vuttanayānusārena veditabbaṃ. Ubhayattha paññattassāti kāyadvāre, vacīdvāre ca paññattassa. Sikkhāpadassa vītikkamova manoduccaritaṃ manodvāre paññattassa sikkhāpadassa abhāvato, tayidaṃ dvāradvaye akiriyasamuṭṭhānāya āpattiyā vasena veditabbaṃ. Avītikkamoti yathāvuttāya āpattiyā avītikkamo manosucaritaṃ. ‘‘Sabbassāpi sikkhāpadassa avītikkamo manosucarita’’nti keci. Tadubhayañhi cārittasīlaṃ uddissapaññattaṃ sikkhāpadaṃ, tassa avītikkamo siyā kāyasucaritaṃ, siyā vacīsucaritanti.

    ปาโณ อติปาตียติ เอตายาติ ปาณาติปาโต, ตถาปวตฺตา เจตนา, เอวํ อทินฺนาทานาทโยปีติ อาห ‘‘ปาณาติปาตาทโย ปน ติโสฺส เจตนา’’ติฯ วจีทฺวาเรปิ อุปฺปนฺนา กายทุจฺจริตํ ทฺวารนฺตเร อุปฺปนฺนสฺสาปิ กมฺมสฺส สนามาปริจฺจาคโต เยภุยฺยวุตฺติยา, ตพฺพหุลวุตฺติยา จฯ เตนาหุ อฎฺฐกถาจริยา –

    Pāṇo atipātīyati etāyāti pāṇātipāto, tathāpavattā cetanā, evaṃ adinnādānādayopīti āha ‘‘pāṇātipātādayo pana tisso cetanā’’ti. Vacīdvārepi uppannā kāyaduccaritaṃ dvārantare uppannassāpi kammassa sanāmāpariccāgato yebhuyyavuttiyā, tabbahulavuttiyā ca. Tenāhu aṭṭhakathācariyā –

    ‘‘ทฺวาเร จรนฺติ กมฺมานิ, น ทฺวารา ทฺวารจาริโน;

    ‘‘Dvāre caranti kammāni, na dvārā dvāracārino;

    ตสฺมา ทฺวาเรหิ กมฺมานิ, อญฺญมญฺญํ ววตฺถิตา’’ติฯ (ธ. ส. อฎฺฐ. กามาวจรกุสลทฺวารกถา);

    Tasmā dvārehi kammāni, aññamaññaṃ vavatthitā’’ti. (dha. sa. aṭṭha. kāmāvacarakusaladvārakathā);

    วจีทุจฺจริตํ กายทฺวาเรปิ วจีทฺวาเรปิ อุปฺปนฺนาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมาติ มโนกมฺมภูตาย เจตนาย สมฺปยุตฺตธมฺมาฯ กายวจีกมฺมภูตาย ปน เจตนาย สมฺปยุตฺตา อภิชฺฌาทโย ตํ ตํ ปกฺขิกา วา โหนฺติ อโพฺพหาริกา วาติฯ เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมา มโนสุจริตนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ติวิธสฺส ทุจฺจริตสฺส อกรณวเสน ปวตฺตา ติโสฺส เจตนาปิ วิรติโยปิ กายสุจริตํ กายิกสฺส วีติกฺกมสฺส อกรณวเสน ปวตฺตนโต, กาเยน ปน สิกฺขาปทานํ สมาทิยเน สีลสฺส กายสุจริตภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ เอเสว นโย วจีสุจริเตฯ

    Vacīduccaritaṃ kāyadvārepi vacīdvārepi uppannāti ānetvā sambandhitabbaṃ. Cetanāsampayuttadhammāti manokammabhūtāya cetanāya sampayuttadhammā. Kāyavacīkammabhūtāya pana cetanāya sampayuttā abhijjhādayo taṃ taṃ pakkhikā vā honti abbohārikā vāti. Cetanāsampayuttadhammā manosucaritanti etthāpi eseva nayo. Tividhassa duccaritassa akaraṇavasena pavattā tisso cetanāpi viratiyopi kāyasucaritaṃ kāyikassa vītikkamassa akaraṇavasena pavattanato, kāyena pana sikkhāpadānaṃ samādiyane sīlassa kāyasucaritabhāve vattabbameva natthi. Eseva nayo vacīsucarite.

    กามปฎิสํยุโตฺตติ เอตฺถ เทฺว กามา วตฺถุกาโม จ กิเลสกาโม จฯ ตตฺถ วตฺถุกามปเกฺข อารมฺมณกรณวเสน กาเมหิ ปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก กามวิตโกฺกฯ กิเลสกามปเกฺข ปน สมฺปโยควเสน กาเมน ปฎิสํยุโตฺตติ โยเชตพฺพํฯ ‘‘พฺยาปาทปฎิสํยุโตฺต’’ติอาทีสุ สมฺปโยควเสเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ พฺยาปาทวตฺถุปฎิสํยุโตฺตปิ พฺยาปาทปฎิสํยุโตฺตติ คยฺหมาเน อุภยถาปิ โยชนา ลพฺภเตวฯ วิหิํสาปฎิสํยุโตฺตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ วิหิํสนฺติ เอตาย สเตฺต, วิหิํสนํ วา เอสา สตฺตานนฺติ วิหิํสา, ตาย ปฎิสํยุโตฺต วิหิํสาปฎิสํยุโตฺตติ เอวํ สทฺทโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อปฺปิเย อมนาเป สงฺขาเร อารพฺภ พฺยาปาทวิตกฺกปฺปวตฺติ อฎฺฐานาฆาตวเสน ทีเปตพฺพาฯ พฺยาปาทวิตกฺกสฺส อวธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยาว วินาสนา’’ติ วุตฺตํฯ วินาสนํ ปน ปาณาติปาโต เอวาติฯ ‘‘สงฺขาโร’’ หิ ทุกฺขาเปตโพฺพ นาม นตฺถี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ เย ‘‘ทุกฺขาเปตพฺพา’’ติ อิจฺฉิตา สตฺตสญฺญิตา, เตปิ อตฺถโต สงฺขารา เอวาติ? สจฺจเมตํ, เย ปน อินฺทฺริยพทฺธา สวิญฺญาณกตาย ทุกฺขํ ปฎิสํเวเทนฺติ, ตสฺมา เต วิหิํสาวิตกฺกสฺส วิสยา อิจฺฉิตา สตฺตสญฺญิตาฯ เย ปน น ทุกฺขํ ปฎิสํเวเทนฺติ วุตฺตลกฺขณาโยคโต, เต สนฺธาย ‘‘วิหิํสาวิตโกฺก สงฺขาเรสุ นุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํฯ ยตฺถ ปน อุปฺปชฺชติ, ยถา จ อุปฺปชฺชติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิเม สตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Kāmapaṭisaṃyuttoti ettha dve kāmā vatthukāmo ca kilesakāmo ca. Tattha vatthukāmapakkhe ārammaṇakaraṇavasena kāmehi paṭisaṃyutto vitakko kāmavitakko. Kilesakāmapakkhe pana sampayogavasena kāmena paṭisaṃyuttoti yojetabbaṃ. ‘‘Byāpādapaṭisaṃyutto’’tiādīsu sampayogavaseneva attho veditabbo. Byāpādavatthupaṭisaṃyuttopi byāpādapaṭisaṃyuttoti gayhamāne ubhayathāpi yojanā labbhateva. Vihiṃsāpaṭisaṃyuttoti etthāpi eseva nayo. Vihiṃsanti etāya satte, vihiṃsanaṃ vā esā sattānanti vihiṃsā, tāya paṭisaṃyutto vihiṃsāpaṭisaṃyuttoti evaṃ saddattho veditabbo. Appiye amanāpe saṅkhāre ārabbha byāpādavitakkappavatti aṭṭhānāghātavasena dīpetabbā. Byāpādavitakkassa avadhiṃ dassetuṃ ‘‘yāva vināsanā’’ti vuttaṃ. Vināsanaṃ pana pāṇātipāto evāti. ‘‘Saṅkhāro’’ hi dukkhāpetabbo nāma natthī’’ti kasmā vuttaṃ, nanu ye ‘‘dukkhāpetabbā’’ti icchitā sattasaññitā, tepi atthato saṅkhārā evāti? Saccametaṃ, ye pana indriyabaddhā saviññāṇakatāya dukkhaṃ paṭisaṃvedenti, tasmā te vihiṃsāvitakkassa visayā icchitā sattasaññitā. Ye pana na dukkhaṃ paṭisaṃvedenti vuttalakkhaṇāyogato, te sandhāya ‘‘vihiṃsāvitakko saṅkhāresu nuppajjatī’’ti vuttaṃ. Yattha pana uppajjati, yathā ca uppajjati, taṃ dassetuṃ ‘‘ime sattā’’tiādi vuttaṃ.

    เนกฺขมฺมํ วุจฺจติ โลภโต นิกฺขนฺตตฺตา อโลโภ, นีวรเณหิ นิกฺขนฺตตฺตาปิ ปฐมชฺฌานํ, สพฺพากุสเลหิ นิกฺขนฺตตฺตา สโพฺพ กุสโล ธโมฺม, สพฺพสงฺขเตหิ ปน นิกฺขนฺตตฺตา, นิพฺพานํฯ อุปนิสฺสยโต, สมฺปโยคโต, อารมฺมณกรณโต จ เนกฺขเมฺมน ปฎิสํยุโตฺตติ เนกฺขมฺมปฎิสํยุโตฺตฯ เนกฺขมฺมวิตโกฺก สมฺมาสงฺกโปฺปฯ อิทานิ ตํ ภูมิวิภาเคน ทเสฺสตุํ ‘‘โส’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อสุภปุพฺพภาเคติ อสุภชฺฌานสฺส ปุพฺพภาเคฯ อสุภคฺคหณเญฺจตฺถ กามวิตกฺกสฺส อุชุวิปจฺจนีกทสฺสนตฺถํ กตํฯ กามวิตกฺกปฎิปโกฺข หิ เนกฺขมฺมวิตโกฺกติฯ เอวญฺจ กตฺวา อุปริวิตกฺกทฺวยสฺส ภูมิํ ทเสฺสเนฺตน สปุพฺพภาคานิ เมตฺตากรุณาฌานาทีนิ อุทฺธฎานิฯ อสุภชฺฌาเนติ อสุภารมฺมเณ ปฐมชฺฌาเนฯ อวยเว หิ สมุทายโวหารํ กตฺวา นิทฺทิสติ ยถา ‘‘รุเกฺข สาขา’’ติฯ ฌานํ ปาทกํ กตฺวาติ นิทสฺสนมตฺตํฯ ตํ ฌานํ สมฺมสิตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลกาเลปิ หิ โส โลกุตฺตโรติฯ พฺยาปาทสฺส ปฎิปโกฺข, กิญฺจิปิ น พฺยาปาเทติ เอเตนาติ วา อพฺยาปาโท, เมตฺตา, ตาย ปฎิสํยุโตฺต อพฺยาปาทปฎิสํยุโตฺตฯ เมตฺตาฌาเนติ เมตฺตาภาวนาวเสน อธิคเต ปฐมชฺฌาเนฯ กรุณาฌาเนติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ วิหิํสาย ปฎิปโกฺข, น วิหิํสนฺติ วา เอตาย สเตฺตติ อวิหิํสา, กรุณาฯ

    Nekkhammaṃ vuccati lobhato nikkhantattā alobho, nīvaraṇehi nikkhantattāpi paṭhamajjhānaṃ, sabbākusalehi nikkhantattā sabbo kusalo dhammo, sabbasaṅkhatehi pana nikkhantattā, nibbānaṃ. Upanissayato, sampayogato, ārammaṇakaraṇato ca nekkhammena paṭisaṃyuttoti nekkhammapaṭisaṃyutto. Nekkhammavitakko sammāsaṅkappo. Idāni taṃ bhūmivibhāgena dassetuṃ ‘‘so’’tiādi vuttaṃ. Asubhapubbabhāgeti asubhajjhānassa pubbabhāge. Asubhaggahaṇañcettha kāmavitakkassa ujuvipaccanīkadassanatthaṃ kataṃ. Kāmavitakkapaṭipakkho hi nekkhammavitakkoti. Evañca katvā uparivitakkadvayassa bhūmiṃ dassentena sapubbabhāgāni mettākaruṇājhānādīni uddhaṭāni. Asubhajjhāneti asubhārammaṇe paṭhamajjhāne. Avayave hi samudāyavohāraṃ katvā niddisati yathā ‘‘rukkhe sākhā’’ti. Jhānaṃ pādakaṃ katvāti nidassanamattaṃ. Taṃ jhānaṃ sammasitvā uppannamaggaphalakālepi hi so lokuttaroti. Byāpādassa paṭipakkho, kiñcipi na byāpādeti etenāti vā abyāpādo, mettā, tāya paṭisaṃyutto abyāpādapaṭisaṃyutto. Mettājhāneti mettābhāvanāvasena adhigate paṭhamajjhāne. Karuṇājhāneti etthāpi eseva nayo. Vihiṃsāya paṭipakkho, na vihiṃsanti vā etāya satteti avihiṃsā, karuṇā.

    นนุ จ อโลภาโทสานํ อญฺญมญฺญาวิรหโต เตสํ วเสน อุปฺปชฺชนกานํ อิเมสํ เนกฺขมฺมวิตกฺกาทีนํ อญฺญมญฺญํ อสงฺกรณโต ววตฺถานํ น โหตีติ? โนติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยทา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ อโลโภ สีสํ โหตีติ อโลโภ ปธาโน โหติฯ นิยมิตปริณตสมุทาจาราทิวเสน ยทา อโลภปฺปธาโน เนกฺขมฺมครุโก จิตฺตุปฺปาโท โหติ, ตทา ลทฺธาวสโร เนกฺขมฺมวิตโกฺก ปติฎฺฐหติฯ ตํสมฺปยุตฺตสฺส ปน อโทสลกฺขณสฺส อพฺยาปาทสฺส วเสน โย ตเสฺสว อพฺยาปาทวิตกฺกภาโว สมฺภเวยฺย, สติ จ อพฺยาปาทวิตกฺกภาเว กสฺสจิปิ อวิเหฐนชาติกตาย อวิหิํสาวิตกฺกภาโว จ สมฺภเวยฺย, เต อิตเร เทฺวฯ ตทนฺวยิกาติ ตเสฺสว เนกฺขมฺมวิตกฺกสฺส อนุคามิโน, สรูปโต อทิสฺสนโต ‘‘ตสฺมิํ สติ โหนฺติ , อสติ น โหนฺตี’’ติ ตทนุมานเนยฺยา ภวนฺติฯ เสสทฺวเยปิ อิมินา นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘กามปฎิสํยุโตฺต สงฺกโปฺป กามสงฺกโปฺป’’ติอาทินา วิตกฺกตฺติเก วุตฺตนเยเนว (ที. นิ. ๓.๒๘๘) เวทิตโพฺพ อตฺถโต อภินฺนตฺตาฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ปุน เทสนา กตาติ? ตถา เทสนาย พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสยวเสน เทสนามตฺตเมเวตํฯ

    Nanu ca alobhādosānaṃ aññamaññāvirahato tesaṃ vasena uppajjanakānaṃ imesaṃ nekkhammavitakkādīnaṃ aññamaññaṃ asaṅkaraṇato vavatthānaṃ na hotīti? Noti dassetuṃ ‘‘yadā’’tiādi āraddhaṃ. Alobho sīsaṃ hotīti alobho padhāno hoti. Niyamitapariṇatasamudācārādivasena yadā alobhappadhāno nekkhammagaruko cittuppādo hoti, tadā laddhāvasaro nekkhammavitakko patiṭṭhahati. Taṃsampayuttassa pana adosalakkhaṇassa abyāpādassa vasena yo tasseva abyāpādavitakkabhāvo sambhaveyya, sati ca abyāpādavitakkabhāve kassacipi aviheṭhanajātikatāya avihiṃsāvitakkabhāvo ca sambhaveyya, te itare dve. Tadanvayikāti tasseva nekkhammavitakkassa anugāmino, sarūpato adissanato ‘‘tasmiṃ sati honti , asati na hontī’’ti tadanumānaneyyā bhavanti. Sesadvayepi iminā nayena attho veditabbo. Vuttanayenevāti ‘‘kāmapaṭisaṃyutto saṅkappo kāmasaṅkappo’’tiādinā vitakkattike vuttanayeneva (dī. ni. 3.288) veditabbo atthato abhinnattā. Yadi evaṃ kasmā puna desanā katāti? Tathā desanāya bujjhanakānaṃ ajjhāsayavasena desanāmattamevetaṃ.

    กามวิตกฺกาทีนํ วิย อุปฺปชฺชนากาโร เวทิตโพฺพ ‘‘ตาสุ เทฺว สเตฺตสุปิ สงฺขาเรสุปิ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทินาฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘ตํสมฺปยุตฺตาเยว หิ เอตา’’ติฯ ตเถวาติ ยถา เนกฺขมฺมวิตกฺกาทีนํ ‘‘อสุภปุพฺพภาเค กามาวจโร โหตี’’ติอาทินา กามาวจราทิภาโว วุโตฺต, ตเถว ตาสมฺปิ เนกฺขมฺมสญฺญาทีนมฺปิ กามาวจราทิภาโว เวทิตโพฺพฯ

    Kāmavitakkādīnaṃ viya uppajjanākāro veditabbo ‘‘tāsu dve sattesupi saṅkhāresupi uppajjantī’’tiādinā. Tattha kāraṇamāha ‘‘taṃsampayuttāyeva hi etā’’ti. Tathevāti yathā nekkhammavitakkādīnaṃ ‘‘asubhapubbabhāge kāmāvacaro hotī’’tiādinā kāmāvacarādibhāvo vutto, tatheva tāsampi nekkhammasaññādīnampi kāmāvacarādibhāvo veditabbo.

    กามปฎิสํยุโตฺตติ สมฺปโยควเสน กาเมน ปฎิสํยุโตฺตฯ ตกฺกนวเสน ตโกฺกฯ วิเสสโต ตกฺกนวเสน วิตโกฺกฯ สงฺกปฺปนปริกปฺปนวเสน สงฺกโปฺปฯ อเญฺญสุปิ กามปฎิสํยุเตฺตสุ ธเมฺมสุ วิชฺชมาเนสุ วิตเกฺก เอว กาโมปปโท ธาตุ-สโทฺท นิรุโฬฺห เวทิตโพฺพ วิตกฺกสฺส กามสงฺกปฺปปฺปวตฺติยา สาติสยตฺตาฯ เอส นโย พฺยาปาทธาตุอาทีสุฯ สเพฺพปิ อกุสลา ธมฺมา กามธาตู หีนชฺฌาสเยหิ กามิตพฺพธาตุภาวโต กิเลสกามสฺส อารมฺมณสภาวตฺตาติ อโตฺถฯ วิเหเฐตีติ วิพาธติฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ยถาวุเตฺต กามธาตุตฺติเกฯ สพฺพากุสลสงฺคาหิกาย กามธาตุยา อิตรา เทฺว สงฺคเหตฺวา กถนํ สพฺพสงฺคาหิกา กถาฯ ติโสฺส ธาตุโย อญฺญมญฺญํ อสงฺกรโต กถา อสมฺภินฺนาฯ อิตรา เทฺว คหิตาว โหนฺตีติ อิตรา เทฺว ธาตุโย คหิตา เอว โหนฺติ สเพฺพปิ อกุสลา ธมฺมา กามธาตู’’ติ วุตฺตตฺตา สามญฺญโชตนาย สวิสยสฺส อติพฺยาปเนนฯ ตโตติ อิตรธาตุทฺวยสงฺคาหิกาย กามธาตุยาฯ นีหริตฺวาติ นิทฺธาเรตฺวาฯ ทเสฺสตีติ เอวํ ภควา ทเสฺสตีติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ พฺยาปาทธาตุํ…เป.… กเถสิฯ กสฺมา? ปเคว อปวาทา อภินิวิสนฺติ, ตโต ปรํ อุสฺสโคฺค ปวตฺตติ, ฐเปตฺวา วา อปวาทวิสยํ ตํ ปริหรโนฺตว อุสฺสโคฺค ปวตฺตตีติ, ญาโย เหส โลเก นิรุโฬฺหติฯ

    Kāmapaṭisaṃyuttoti sampayogavasena kāmena paṭisaṃyutto. Takkanavasena takko. Visesato takkanavasena vitakko. Saṅkappanaparikappanavasena saṅkappo. Aññesupi kāmapaṭisaṃyuttesu dhammesu vijjamānesu vitakke eva kāmopapado dhātu-saddo niruḷho veditabbo vitakkassa kāmasaṅkappappavattiyā sātisayattā. Esa nayo byāpādadhātuādīsu. Sabbepi akusalā dhammā kāmadhātū hīnajjhāsayehi kāmitabbadhātubhāvato kilesakāmassa ārammaṇasabhāvattāti attho. Viheṭhetīti vibādhati. Tatthāti tasmiṃ yathāvutte kāmadhātuttike. Sabbākusalasaṅgāhikāya kāmadhātuyā itarā dve saṅgahetvā kathanaṃ sabbasaṅgāhikā kathā. Tisso dhātuyo aññamaññaṃ asaṅkarato kathā asambhinnā. Itarā dve gahitāva hontīti itarā dve dhātuyo gahitā eva honti sabbepi akusalā dhammā kāmadhātū’’ti vuttattā sāmaññajotanāya savisayassa atibyāpanena. Tatoti itaradhātudvayasaṅgāhikāya kāmadhātuyā. Nīharitvāti niddhāretvā. Dassetīti evaṃ bhagavā dassetīti vattuṃ vaṭṭati. Byāpādadhātuṃ…pe… kathesi. Kasmā? Pageva apavādā abhinivisanti, tato paraṃ ussaggo pavattati, ṭhapetvā vā apavādavisayaṃ taṃ pariharantova ussaggo pavattatīti, ñāyo hesa loke niruḷhoti.

    เทฺว กถาติ ‘‘สพฺพสงฺคาหิกา, อสมฺภินฺนา จา’’ติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๓๐๕) อนนฺตรตฺติเก วุตฺตา เทฺว กถาฯ ตตฺถ วุตฺตนเยน อาเนตฺวา กถนวเสน เวทิตพฺพาฯ ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตอโตฺถ อิธาปิ อาหริตฺวา เวทิตโพฺพ ‘‘เนกฺขมฺมธาตุยา คหิตาย อิตรา เทฺว คหิตาว โหนฺตี’’ติอาทินาฯ

    Dvekathāti ‘‘sabbasaṅgāhikā, asambhinnā cā’’ti (dī. ni. aṭṭha. 3.305) anantarattike vuttā dve kathā. Tattha vuttanayena ānetvā kathanavasena veditabbā. Tasmā tattha vuttaattho idhāpi āharitvā veditabbo ‘‘nekkhammadhātuyā gahitāya itarā dve gahitāva hontī’’tiādinā.

    สุญฺญตเฎฺฐนาติ อตฺตสุญฺญตายฯ กามภโว กาโม อุตฺตรปทโลเปน สุญฺญตเฎฺฐน ธาตุ จาติ กามธาตุฯ พฺรหฺมโลกนฺติ ปฐมชฺฌานภูมิสญฺญิตํ พฺรหฺมโลกํฯ ธาตุยา อาคตฎฺฐานมฺหีติ ‘‘กามธาตุ รูปธาตู’’ติอาทินา ธาตุคฺคหเณ กเตฯ ภเวน ปริจฺฉินฺทิตพฺพาติ ‘‘กามภโว รูปภโว’’ติอาทินา ภววเสน ตทโตฺถ ปริจฺฉินฺทิตโพฺพ, น ยาย กายจิ ธาตุยา วเสนฯ ยทเคฺคน จ ธาตุยา อาคตฎฺฐาเน ภเวน ปริเจฺฉโท กาตโพฺพ, ตทเคฺคน ภวสฺส อาคตฎฺฐาเน ธาตุยา ปริเจฺฉโท กาตโพฺพ ภววเสน ธาตุยา ปริจฺฉิชฺชนโตฯ นิรุชฺฌติ กิเลสวฎฺฎเมตฺถาติ นิโรโธ, สา เอว สุญฺญตเฎฺฐน ธาตูติ นิโรธธาตุ, นิพฺพานํฯ นิรุเทฺธ จ กิเลสวเฎฺฎ กมฺมวิปากวฎฺฎา นิรุทฺธา เอว โหนฺติฯ

    Suññataṭṭhenāti attasuññatāya. Kāmabhavo kāmo uttarapadalopena suññataṭṭhena dhātu cāti kāmadhātu. Brahmalokanti paṭhamajjhānabhūmisaññitaṃ brahmalokaṃ. Dhātuyā āgataṭṭhānamhīti ‘‘kāmadhātu rūpadhātū’’tiādinā dhātuggahaṇe kate. Bhavena paricchinditabbāti ‘‘kāmabhavo rūpabhavo’’tiādinā bhavavasena tadattho paricchinditabbo, na yāya kāyaci dhātuyā vasena. Yadaggena ca dhātuyā āgataṭṭhāne bhavena paricchedo kātabbo, tadaggena bhavassa āgataṭṭhāne dhātuyā paricchedo kātabbo bhavavasena dhātuyā paricchijjanato. Nirujjhati kilesavaṭṭametthāti nirodho, sā eva suññataṭṭhena dhātūti nirodhadhātu, nibbānaṃ. Niruddhe ca kilesavaṭṭe kammavipākavaṭṭā niruddhā eva honti.

    หีนธาตุตฺติโก อภิธเมฺม (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๔) หีนตฺติเกน ปริจฺฉินฺทิตโพฺพติ วุตฺตํ ‘‘หีนา ธาตูติ ทฺวาทส อกุสลจิตฺตุปฺปาทา’’ติฯ เต หิ ลามกเฎฺฐน หีนธาตุฯ หีนปณีตานํ มเชฺฌ ภวาติ มชฺฌิมธาตุ, อวเสสา เตภูมกธมฺมาฯ อุตฺตมเฎฺฐน อตปฺปกเฎฺฐน จ ปณีตธาตุ, นวโลกุตฺตรธมฺมาฯ

    Hīnadhātuttiko abhidhamme (dha. sa. tikamātikā 14) hīnattikena paricchinditabboti vuttaṃ ‘‘hīnā dhātūti dvādasa akusalacittuppādā’’ti. Te hi lāmakaṭṭhena hīnadhātu. Hīnapaṇītānaṃ majjhe bhavāti majjhimadhātu, avasesā tebhūmakadhammā. Uttamaṭṭhena atappakaṭṭhena ca paṇītadhātu, navalokuttaradhammā.

    ปญฺจกามคุณา วิสยภูตา เอตสฺส สนฺตีติ ปญฺจกามคุณิโก, กามราโคฯ รูปารูปภเวสูติ รูปารูปูปปตฺติภเวสุ ยถาธิคเตสุฯ อนธิคเตสุ ปน โส ปตฺถนา นาม น โหตีติ ภววเสน ปตฺถนาติ อิมินาว คหิโตฯ ฌานนิกนฺตีติ รูปารูปชฺฌาเนสุ นิกนฺติฯ ภววเสน ปตฺถนาติ ภเวสุ ปตฺถนาติฯ เอวํ จตูหิปิ ปเทหิ ยถากฺกมํ มหคฺคตูปปตฺติภววิสยา, มหคฺคตกมฺมภววิสยา, ภวทิฎฺฐิสหคตา, ภวปตฺถนาภูตา จ ตณฺหา ‘‘ภวตณฺหา’’ติ วุตฺตาฯ วิภวทิฎฺฐิ วิภโว อุตฺตรปทโลเปน, วิภวสหคตา ตณฺหา วิภวตณฺหาฯ รูปาทิปญฺจวตฺถุ กามวิสยา พลวราคภูตา ตณฺหา กามตณฺหาติ ปฐมนโย, ‘‘สเพฺพปิ เตภูมกธมฺมา กามนียเฎฺฐน กามา’’ติ (มหานิ. ๑) วจนโต เต อารพฺภ ปวตฺตา ทิฎฺฐิวิปฺปยุตฺตา สพฺพาปิ ตณฺหา กามตณฺหาติ ทุติยนโยติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ

    Pañcakāmaguṇā visayabhūtā etassa santīti pañcakāmaguṇiko, kāmarāgo. Rūpārūpabhavesūti rūpārūpūpapattibhavesu yathādhigatesu. Anadhigatesu pana so patthanā nāma na hotīti bhavavasena patthanāti imināva gahito. Jhānanikantīti rūpārūpajjhānesu nikanti. Bhavavasena patthanāti bhavesu patthanāti. Evaṃ catūhipi padehi yathākkamaṃ mahaggatūpapattibhavavisayā, mahaggatakammabhavavisayā, bhavadiṭṭhisahagatā, bhavapatthanābhūtā ca taṇhā ‘‘bhavataṇhā’’ti vuttā. Vibhavadiṭṭhi vibhavo uttarapadalopena, vibhavasahagatā taṇhā vibhavataṇhā. Rūpādipañcavatthu kāmavisayā balavarāgabhūtā taṇhā kāmataṇhāti paṭhamanayo, ‘‘sabbepi tebhūmakadhammā kāmanīyaṭṭhena kāmā’’ti (mahāni. 1) vacanato te ārabbha pavattā diṭṭhivippayuttā sabbāpi taṇhā kāmataṇhāti dutiyanayoti ayametesaṃ viseso.

    อภิธเมฺม ปนาติ ปน-สโทฺท วิเสสตฺถโชตโน, เตน ปญฺจกามคุณิกราคโต อโญฺญปิ กามาวจรธมฺมวิสโย โลโภ อภิธเมฺม (วิภ. ๙๑๕) ‘‘กามตณฺหา’’ติ อาคโตติ อิมํ วิเสสํ โชเตติฯ ติกนฺตรมฺปิ สมานํ ตณฺหํเยว นิสฺสาย ปวตฺติตเทสนานนฺตรตาย ตํ ‘‘วาโร’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ ‘‘อิมินา วาเรนา’’ติ วุตฺตํฯ อิมินา วาเรนาติ อิมินา ปริยาเยนาติ อโตฺถฯ รชนียเฎฺฐนาติ กามนียเฎฺฐนฯ ปริยาทิยิตฺวาติ ปริคฺคเหตฺวาฯ ตโตติ กามตณฺหายฯ นีหริตฺวาติ นิทฺธาเรตฺวาฯ อิตรา เทฺว ตณฺหาติ รูปตณฺหํ, อรูปตณฺหญฺจ ทเสฺสติฯ เอเตน ‘‘กามตณฺหา’’ติ สาธารณวจนเมตํ สพฺพสฺสปิ โลภสฺส, ตสฺส ปน ‘‘รูปตณฺหา อรูปตณฺหา’’ติ วิเสสวจนํ ยถา กามคุณิกราโค รูปราโค อรูปราโคติ ทเสฺสติฯ นิโรธตณฺหาติ ภวนิโรเธ ภวสมุเจฺฉเท ตณฺหาฯ ยสฺมา หิ อุเจฺฉททิฎฺฐิ มนุสฺสตฺตภาเว, กามาวจรเทวตฺตภาเว, รูปาวจรอรูปาวจรตฺตภาเว ฐิตสฺส อตฺตโน สมฺมา สมุเจฺฉโท โหตีติ ภวนิโรธํ อารพฺภ ปวตฺตติ, ตสฺมา ตํสหคตาปิ ตณฺหา ตเมว อารพฺภ ปวตฺตตีติฯ

    Abhidhamme panāti pana-saddo visesatthajotano, tena pañcakāmaguṇikarāgato aññopi kāmāvacaradhammavisayo lobho abhidhamme (vibha. 915) ‘‘kāmataṇhā’’ti āgatoti imaṃ visesaṃ joteti. Tikantarampi samānaṃ taṇhaṃyeva nissāya pavattitadesanānantaratāya taṃ ‘‘vāro’’ti vattabbataṃ arahatīti ‘‘iminā vārenā’’ti vuttaṃ. Iminā vārenāti iminā pariyāyenāti attho. Rajanīyaṭṭhenāti kāmanīyaṭṭhena. Pariyādiyitvāti pariggahetvā. Tatoti kāmataṇhāya. Nīharitvāti niddhāretvā. Itarā dve taṇhāti rūpataṇhaṃ, arūpataṇhañca dasseti. Etena ‘‘kāmataṇhā’’ti sādhāraṇavacanametaṃ sabbassapi lobhassa, tassa pana ‘‘rūpataṇhā arūpataṇhā’’ti visesavacanaṃ yathā kāmaguṇikarāgo rūparāgo arūparāgoti dasseti. Nirodhataṇhāti bhavanirodhe bhavasamucchede taṇhā. Yasmā hi ucchedadiṭṭhi manussattabhāve, kāmāvacaradevattabhāve, rūpāvacaraarūpāvacarattabhāve ṭhitassa attano sammā samucchedo hotīti bhavanirodhaṃ ārabbha pavattati, tasmā taṃsahagatāpi taṇhā tameva ārabbha pavattatīti.

    วฎฺฎสฺมินฺติ ติวิเธปิ วเฎฺฎฯ ยถา เต หิ นิสฺสริตุํ อปฺปทานวเสน กมฺมวิปากวเฎฺฎ ตํสมงฺคิสตฺตํ เตสํ ปราปรุปฺปตฺติยา ปจฺจยภาเวน สํโยเชนฺติ, เอวํ กิเลสวเฎฺฎปีติฯ สตีติ ปรมตฺถโต วิชฺชมาเนฯ รูปาทิเภเทติ รูปเวทนาทิวิภาเคฯ กาเยติ ขนฺธสมูเหฯ วิชฺชมานาติ สตี ปรมตฺถโต อุปลพฺภมานาฯ ทิฎฺฐิยา ปริกปฺปิโต หิ อตฺตาทิ ปรมตฺถโต นตฺถิ, ทิฎฺฐิ ปน อยํ อเตฺถวาติฯ วิจินโนฺตติ ธมฺมสภาวํ วีมํสโนฺตฯ กิจฺฉตีติ กิลมติฯ ปรามสตีติ ปรโต อามสติฯ ‘‘สีเลน สุทฺธิ, วเตน สุทฺธี’’ติ คณฺหโนฺต หิ วิสุทฺธิมคฺคํ อติกฺกมิตฺวา ตสฺส ปรโต อามสติ นามฯ วีสติวตฺถุกา ทิฎฺฐีติ รูปาทิ-ธเมฺม, ปเจฺจกํ เต วา นิสฺสิตํ, เตสํ วา นิสฺสยภูตํ, สามิภูตํ วา กตฺวา ปริกปฺปนวเสน ปวตฺติยา วีสติวตฺถุกา อตฺตทิฎฺฐิ วีสติฯ วิมตีติ ธเมฺมสุ สมฺมา, มิจฺฉา วา มนนาภาวโต สํสยิตเฎฺฐน อมติ, อปฺปฎิปชฺชนนฺติ อโตฺถฯ วิปริยาสคฺคาโหติ อสุทฺธิมเคฺค ‘‘สุทฺธิมโคฺค’’ติ วิปรีตคฺคาโหฯ

    Vaṭṭasminti tividhepi vaṭṭe. Yathā te hi nissarituṃ appadānavasena kammavipākavaṭṭe taṃsamaṅgisattaṃ tesaṃ parāparuppattiyā paccayabhāvena saṃyojenti, evaṃ kilesavaṭṭepīti. Satīti paramatthato vijjamāne. Rūpādibhedeti rūpavedanādivibhāge. Kāyeti khandhasamūhe. Vijjamānāti satī paramatthato upalabbhamānā. Diṭṭhiyā parikappito hi attādi paramatthato natthi, diṭṭhi pana ayaṃ atthevāti. Vicinantoti dhammasabhāvaṃ vīmaṃsanto. Kicchatīti kilamati. Parāmasatīti parato āmasati. ‘‘Sīlena suddhi, vatena suddhī’’ti gaṇhanto hi visuddhimaggaṃ atikkamitvā tassa parato āmasati nāma. Vīsativatthukā diṭṭhīti rūpādi-dhamme, paccekaṃ te vā nissitaṃ, tesaṃ vā nissayabhūtaṃ, sāmibhūtaṃ vā katvā parikappanavasena pavattiyā vīsativatthukā attadiṭṭhi vīsati. Vimatīti dhammesu sammā, micchā vā mananābhāvato saṃsayitaṭṭhena amati, appaṭipajjananti attho. Vipariyāsaggāhoti asuddhimagge ‘‘suddhimaggo’’ti viparītaggāho.

    จิรปาริวาสิยเฎฺฐนาติ จิรปริวุตฺถตาย ปุราณภาเวนฯ อาสวนเฎฺฐนาติ สนฺทนเฎฺฐน, ปวตฺตนเฎฺฐนาติ อโตฺถฯ สวตีติ ปวตฺตติฯ อวธิอโตฺถ อา-กาโร, อวธิ จ มริยาทาภิวิธิเภทโต ทุวิโธฯ ตตฺถ มริยาโท กิริยํ พหิ กตฺวา ปวตฺตติ ยถา ‘‘อา ปาฎลิปุตฺตา วุโฎฺฐ เทโว’’ติฯ อภิวิธิ กิริยํ พฺยาเปตฺวา ปวตฺตติ ยถา ‘‘อา ภวคฺคา ภควโต ยโส ปวโตฺต’’ติฯ อภิวิธิอโตฺถ อยํ อา-กาโร เวทิตโพฺพฯ

    Cirapārivāsiyaṭṭhenāti ciraparivutthatāya purāṇabhāvena. Āsavanaṭṭhenāti sandanaṭṭhena, pavattanaṭṭhenāti attho. Savatīti pavattati. Avadhiattho ā-kāro, avadhi ca mariyādābhividhibhedato duvidho. Tattha mariyādo kiriyaṃ bahi katvā pavattati yathā ‘‘ā pāṭaliputtā vuṭṭho devo’’ti. Abhividhi kiriyaṃ byāpetvā pavattati yathā ‘‘ā bhavaggā bhagavato yaso pavatto’’ti. Abhividhiattho ayaṃ ā-kāro veditabbo.

    กตฺถจิ เทฺว อาสวา อาคตาติ วินยปาฬิํ (ปารา. ๓๙) สนฺธายาหฯ ตตฺถ หิ ‘‘ทิฎฺฐธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย, สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฎิฆาตายา’’ติ (ปารา. ๓๙) ทฺวิธา อาสวา อาคตาติฯ กตฺถจีติ ติกนิปาเต อาสวสุเตฺต, (อิติวุ. ๕๖; สํ. นิ. ๕.๑๖๓) อเญฺญสุ จ สฬายตนสุตฺตาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๓๒๑)ฯ สฬายตนสุเตฺตสุปิ หิ ‘‘ตโยเม อาวุโส อาสวา กามาสโว ภวาสโว อวิชฺชาสโว’’ติ ตโย เอว อาคตาติฯ นิรยํ คเมนฺตีติ นิรยคามินียาฯ ยสฺมา อิธ สาสวํ กุสลากุสลํ กมฺมํ อาสวปริยาเยน เทสิตํ, ตสฺมา ปญฺจคติสํวตฺตนียภาเวน อาสวา อาคตาฯ อิมสฺมิํ สงฺคีติสุเตฺต ตโย อาคตาติฯ เอตฺถ ยสฺมา อเญฺญสุ จ อา ภวคฺคํ อา โคตฺรภุํ ปวตฺตเนฺตสุ มานาทีสุ วิชฺชมาเนสุ อตฺตตฺตนิยาทิคฺคาหวเสน, อภิพฺยาปนมทกรณวเสน อาสวสทิสตา จ เอเตสํเยว, น อเญฺญสํ, ตสฺมา เอเตเสฺวว อาสว-สโทฺท นิรุโฬฺห ทฎฺฐโพฺพฯ น เจตฺถ ‘‘ทิฎฺฐาสโว นาคโต’’ติ จิเนฺตตพฺพํ ภวตณฺหาย, ภวทิฎฺฐิยาปิ ภวาสวคฺคหเณเนว คหิตตฺตาฯ กามาสโว นาม กามนเฎฺฐน, อาสวนเฎฺฐน จฯ วุตฺตาเยว อตฺถโต นินฺนานากรณโตฯ

    Katthaci dve āsavā āgatāti vinayapāḷiṃ (pārā. 39) sandhāyāha. Tattha hi ‘‘diṭṭhadhammikānaṃ āsavānaṃ saṃvarāya, samparāyikānaṃ āsavānaṃ paṭighātāyā’’ti (pārā. 39) dvidhā āsavā āgatāti. Katthacīti tikanipāte āsavasutte, (itivu. 56; saṃ. ni. 5.163) aññesu ca saḷāyatanasuttādīsu (saṃ. ni. 4.321). Saḷāyatanasuttesupi hi ‘‘tayome āvuso āsavā kāmāsavo bhavāsavo avijjāsavo’’ti tayo eva āgatāti. Nirayaṃ gamentīti nirayagāminīyā. Yasmā idha sāsavaṃ kusalākusalaṃ kammaṃ āsavapariyāyena desitaṃ, tasmā pañcagatisaṃvattanīyabhāvena āsavā āgatā. Imasmiṃ saṅgītisutte tayo āgatāti. Ettha yasmā aññesu ca ā bhavaggaṃ ā gotrabhuṃ pavattantesu mānādīsu vijjamānesu attattaniyādiggāhavasena, abhibyāpanamadakaraṇavasena āsavasadisatā ca etesaṃyeva, na aññesaṃ, tasmā etesveva āsava-saddo niruḷho daṭṭhabbo. Na cettha ‘‘diṭṭhāsavo nāgato’’ti cintetabbaṃ bhavataṇhāya, bhavadiṭṭhiyāpi bhavāsavaggahaṇeneva gahitattā. Kāmāsavo nāma kāmanaṭṭhena, āsavanaṭṭhena ca. Vuttāyeva atthato ninnānākaraṇato.

    กาเม เอสติ คเวสติ เอตายาติ กาเมสนา, กามานํ อภิปตฺถนาวเสน, ปริเยฎฺฐิวเสน, ปริภุญฺชนวเสน วา ปวตฺตราโคฯ ภเวสนา ปน ภวปตฺถนา, ภวาภิรติภวโชฺฌสานวเสน ปวตฺตราโค ฯ ทิฎฺฐิคติกสมฺมตสฺสาติ อญฺญติตฺถิเยหิ ปริกปฺปิตสฺส, สมฺภาวิตสฺส จฯ พฺรหฺมจริยสฺสาติ ตโปปกฺกมสฺสฯ ตเทกฎฺฐนฺติ ตาหิ ราคทิฎฺฐีหิ สหเชกฎฺฐํฯ กมฺมนฺติ อกุสลกมฺมํฯ ตมฺปิ หิ กามาทิเก นิพฺพตฺตนาธิฎฺฐานาทิวเสน ปวตฺตํ ‘‘เอสตี’’ติ วุจฺจติฯ อนฺตคฺคาหิกา ทิฎฺฐีติ นิทสฺสนมตฺตเมตํฯ ยา กาจิ ปน มิจฺฉาทิฎฺฐิ ตโปปกฺกมเหตุกา พฺรหฺมจริเยสนา เอวฯ

    Kāme esati gavesati etāyāti kāmesanā, kāmānaṃ abhipatthanāvasena, pariyeṭṭhivasena, paribhuñjanavasena vā pavattarāgo. Bhavesanā pana bhavapatthanā, bhavābhiratibhavajjhosānavasena pavattarāgo . Diṭṭhigatikasammatassāti aññatitthiyehi parikappitassa, sambhāvitassa ca. Brahmacariyassāti tapopakkamassa. Tadekaṭṭhanti tāhi rāgadiṭṭhīhi sahajekaṭṭhaṃ. Kammanti akusalakammaṃ. Tampi hi kāmādike nibbattanādhiṭṭhānādivasena pavattaṃ ‘‘esatī’’ti vuccati. Antaggāhikā diṭṭhīti nidassanamattametaṃ. Yā kāci pana micchādiṭṭhi tapopakkamahetukā brahmacariyesanā eva.

    อาการสณฺฐานนฺติ วิสิฎฺฐาการาวฎฺฐานํ กถํวิธนฺติ หิ เกน ปกาเรน สณฺฐิตํ, สมวฎฺฐิตนฺติ อโตฺถฯ สทฺทตฺถโต ปน วิทหนํ วิสิฎฺฐากาเรน อวฎฺฐานํ วิธา, วิธียติ วิสทิสากาเรน ฐปียตีติ วิธา, โกฎฺฐาโสฯ วิทหนโต หีนาทิวเสน วิวิเธนากาเรน ทหนโต อุปธารณโต วิธา, มาโนวฯ เสยฺยสทิสหีนานํ วเสนาติ เสยฺยสทิสหีนภาวานํ ยาถาวา’ ยาถาวภูตานํ วเสนฯ ตโย มานา วุตฺตา เสยฺยเสฺสว อุปฺปชฺชนกาฯ เอส นโย สทิสหีเนสุปิฯ เตนาห ‘‘อยญฺหิ มาโน’’ติอาทิฯ อิทานิ ยถาอุทฺทิเฎฺฐ นววิเธปิ มาเน วตฺถุวิภาเคน ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ราชูนเญฺจว ปพฺพชิตานญฺจ อุปฺปชฺชติ กสฺมา? เต วิเสสโต อตฺตานํ เสยฺยโต ทหนฺตีติฯ อิทานิ ตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสโนฺต ‘‘ราชา หี’’ติอาทิมาหฯ โก มยา สทิโส อตฺถีติ โก-สโทฺท ปฎิเกฺขปโตฺถ, อโญฺญ สทิโส นตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ เอเตสํเยวาติ ราชูนํ, ปพฺพชิตานญฺจฯ อุปฺปชฺชติ เสฎฺฐวตฺถุกตฺตา ตสฺสฯ ‘‘หีโนหมสฺมี’’ติ มาเนปิ เอเสว นโยฯ

    Ākārasaṇṭhānanti visiṭṭhākārāvaṭṭhānaṃ kathaṃvidhanti hi kena pakārena saṇṭhitaṃ, samavaṭṭhitanti attho. Saddatthato pana vidahanaṃ visiṭṭhākārena avaṭṭhānaṃ vidhā, vidhīyati visadisākārena ṭhapīyatīti vidhā, koṭṭhāso. Vidahanato hīnādivasena vividhenākārena dahanato upadhāraṇato vidhā, mānova. Seyyasadisahīnānaṃ vasenāti seyyasadisahīnabhāvānaṃ yāthāvā’ yāthāvabhūtānaṃ vasena. Tayo mānā vuttā seyyasseva uppajjanakā. Esa nayo sadisahīnesupi. Tenāha ‘‘ayañhi māno’’tiādi. Idāni yathāuddiṭṭhe navavidhepi māne vatthuvibhāgena dassetuṃ ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ. Rājūnañceva pabbajitānañca uppajjati kasmā? Te visesato attānaṃ seyyato dahantīti. Idāni tamatthaṃ vitthārato dassento ‘‘rājā hī’’tiādimāha. Ko mayā sadiso atthīti ko-saddo paṭikkhepattho, añño sadiso natthīti adhippāyo. Etesaṃyevāti rājūnaṃ, pabbajitānañca. Uppajjati seṭṭhavatthukattā tassa. ‘‘Hīnohamasmī’’ti mānepi eseva nayo.

    ‘‘โก มยา สทิโส อโญฺญ ราชปุริโส อตฺถี’’ติ วา ‘‘มยฺหํ อเญฺญหิ สทฺธิํ กิํ นานากรณ’’นฺติ วา ‘‘อมโจฺจ ติ นามาเมว…เป.… นามาห’’นฺติ วาติ สทิสสฺส เสยฺยมานาทีนํ ติณฺณํ ปวตฺติอาการทสฺสนํฯ

    ‘‘Ko mayā sadiso añño rājapuriso atthī’’ti vā ‘‘mayhaṃ aññehi saddhiṃ kiṃ nānākaraṇa’’nti vā ‘‘amacco ti nāmāmeva…pe… nāmāha’’nti vāti sadisassa seyyamānādīnaṃ tiṇṇaṃ pavattiākāradassanaṃ.

    ทาสาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน ภติก กมฺมกราทีนํ ปราธีนวุตฺติกานํ คหณํ ฯ อาทิ-สเทฺทน วา คหิเต เอว ‘‘ปุกฺกุสจณฺฑาลาทโยปี’’ติ สยเมว ทเสฺสติฯ นนุ จ มาโน นามายํ สํปคฺคหรโส, โส กถํ โอมาเน สมฺภวตีติ? โสปิ อวกรณมุเขน วิธานวตฺถุนา ปคฺคณฺหนวเสเนว ปวตฺตตีติ นายํ วิโรโธฯ เตเนวาห ‘‘กิํ ทาโส นาม อหนฺติ เอเต มาเน กโรตี’’ติฯ ตถา หิสฺส ยาถาวมานตา วุตฺตาฯ

    Dāsādīnanti ādi-saddena bhatika kammakarādīnaṃ parādhīnavuttikānaṃ gahaṇaṃ . Ādi-saddena vā gahite eva ‘‘pukkusacaṇḍālādayopī’’ti sayameva dasseti. Nanu ca māno nāmāyaṃ saṃpaggaharaso, so kathaṃ omāne sambhavatīti? Sopi avakaraṇamukhena vidhānavatthunā paggaṇhanavaseneva pavattatīti nāyaṃ virodho. Tenevāha ‘‘kiṃ dāso nāma ahanti ete māne karotī’’ti. Tathā hissa yāthāvamānatā vuttā.

    ยาถาวมานา ภวนิกนฺติ วิย, อตฺตทิฎฺฐิ วิย จ น มหาสาวชฺชา, ตสฺมา เต น อปายคมนียาฯ ยถาภูตวตฺถุกตาย หิ เต ยาถาวมานาฯ ‘‘อรหตฺตมคฺควชฺฌา’’ติ จ ตสฺส อนวเสสปฺปหายิตาย วุตฺตํฯ ทุติยตติยมเคฺคหิ จ เต ยถากฺกมํ ปหียนฺติ, เย โอฬาริกตรา, โอฬาริกตมา จฯ มาโน หิ ‘‘อหํ อสฺมี’’ติ ปวตฺติยา อุปริมเคฺคสุ สมฺมาทิฎฺฐิยา อุชุวิปจฺจนีโก หุตฺวา ปหียติฯ อยาถาวมานา นาม อยถาภูตวตฺถุกตาย, เตเนว เต มหาสาวชฺชภาเวน ปฐมมคฺควชฺฌา วุตฺตาฯ

    Yāthāvamānā bhavanikanti viya, attadiṭṭhi viya ca na mahāsāvajjā, tasmā te na apāyagamanīyā. Yathābhūtavatthukatāya hi te yāthāvamānā. ‘‘Arahattamaggavajjhā’’ti ca tassa anavasesappahāyitāya vuttaṃ. Dutiyatatiyamaggehi ca te yathākkamaṃ pahīyanti, ye oḷārikatarā, oḷārikatamā ca. Māno hi ‘‘ahaṃ asmī’’ti pavattiyā uparimaggesu sammādiṭṭhiyā ujuvipaccanīko hutvā pahīyati. Ayāthāvamānā nāma ayathābhūtavatthukatāya, teneva te mahāsāvajjabhāvena paṭhamamaggavajjhā vuttā.

    อตติ สตตํ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อทฺธา, กาโลติ อาห ‘‘ตโย อทฺธาติ ตโย กาลา’’ติฯ สุตฺตนฺตปริยาเยนาติ ภเทฺทกรตฺตสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๘๓) อาคตนเยนฯ ตตฺถ หิ ‘‘โย จาวุโส มโน, เย จ ธมฺมา, อุภยเมตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตสฺมิํ เจ ปจฺจุปฺปเนฺน ฉนฺทราคปฎิพทฺธํ โหติ วิญฺญาณํ, ฉนฺทราคปฎิพทฺธตฺตา วิญฺญาณสฺส ตทภินนฺทติ, ตทภินนฺทโนฺต ปจฺจุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ สํหีรตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๘๔) อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ สนฺธาย เอวํ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘ปฎิสนฺธิโต ปุเพฺพ’’ติอาทิฯ ตทนฺตรนฺติ เตสํ จุติปฎิสนฺธีนํ เวมชฺฌํ ปจฺจุปฺปโนฺน อทฺธา, โย ปุพฺพนฺตาปรนฺตานํ เวมชฺฌตาย ‘‘ปุพฺพนฺตาปรเนฺต กงฺขติ, (ธ. ส. ๑๑๒๓) ปุพฺพนฺตาปรเนฺต อญฺญาณ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๐๖๗, ๑๑๐๖, ๑๑๒๘) เอวมาทีสุ ‘‘ปุพฺพนฺตาปรโนฺต’’ติ จ วุจฺจติฯ ภโงฺค ธโมฺม อตีตํเสน สงฺคหิโตติ อาห ‘‘ภงฺคโต อุทฺธํ อตีโต อทฺธา นามา’’ติฯ ตถา อนุปฺปโนฺน ธโมฺม อนาคตํเสน สงฺคหิโตติ อาห ‘‘อุปฺปาทโต ปุเพฺพ อนาคโต อทฺธา นามา’’ติฯ ขณตฺตเยติ อุปฺปาโท, ฐิติ, ภโงฺคติ ตีสุ ขเณสุฯ ยทา หิ ธโมฺม เหตุปจฺจยสฺส สมวาเย อุปฺปชฺชติ, ยทา จ เวติ, อิติ ทฺวีสุปิ ขเณสุ ฐิติกฺขเณ วิย ปจฺจุปฺปโนฺนติฯ ธมฺมานญฺหิ ปากภาวูปาธิกํ ปตฺตพฺพํ อุทโย, วิทฺธํสภาวูปาธิกํ วโย, ตทุภยเวมชฺฌํ ฐิติฯ ยทิ เอวํ อทฺธา นามายํ ธโมฺม เอว อาปโนฺนติ? น ธโมฺม, ธมฺมสฺส ปน อวตฺถาเภโท, ตญฺจ อุปาทาย โลเก กาลสมญฺญาติ ทเสฺสตุํ ‘‘อตีตาทิเภโท จ นาม อย’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อิธาติ อิมสฺมิํ โลเกฯ เตเนว โวหาเรนาติ ตํ ตํ อวตฺถาวิเสสํ อุปาทาย ธโมฺม ‘‘อตีโต อนาคโต ปจฺจุปฺปโนฺน’’ติ เยน โวหาเรน โวหรียติ, ธมฺมปฺปวตฺติมตฺตตาย หิ ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ กาโล ตเสฺสว ธมฺมสฺส ปวตฺติอวตฺถาวิเสสํ อุปาทาย เตเนว โวหาเรน ‘‘อตีโต อทฺธา’’ติอาทินา วุโตฺตฯ

    Atati satataṃ gacchati pavattatīti addhā, kāloti āha ‘‘tayo addhāti tayo kālā’’ti. Suttantapariyāyenāti bhaddekarattasuttādīsu (ma. ni. 3.283) āgatanayena. Tattha hi ‘‘yo cāvuso mano, ye ca dhammā, ubhayametaṃ paccuppannaṃ, tasmiṃ ce paccuppanne chandarāgapaṭibaddhaṃ hoti viññāṇaṃ, chandarāgapaṭibaddhattā viññāṇassa tadabhinandati, tadabhinandanto paccuppannesu dhammesu saṃhīratī’’ti (ma. ni. 3.284) addhāpaccuppannaṃ sandhāya evaṃ vuttaṃ. Tenāha ‘‘paṭisandhito pubbe’’tiādi. Tadantaranti tesaṃ cutipaṭisandhīnaṃ vemajjhaṃ paccuppanno addhā, yo pubbantāparantānaṃ vemajjhatāya ‘‘pubbantāparante kaṅkhati, (dha. sa. 1123) pubbantāparante aññāṇa’’nti (dha. sa. 1067, 1106, 1128) evamādīsu ‘‘pubbantāparanto’’ti ca vuccati. Bhaṅgo dhammo atītaṃsena saṅgahitoti āha ‘‘bhaṅgato uddhaṃ atīto addhā nāmā’’ti. Tathā anuppanno dhammo anāgataṃsena saṅgahitoti āha ‘‘uppādato pubbe anāgato addhā nāmā’’ti. Khaṇattayeti uppādo, ṭhiti, bhaṅgoti tīsu khaṇesu. Yadā hi dhammo hetupaccayassa samavāye uppajjati, yadā ca veti, iti dvīsupi khaṇesu ṭhitikkhaṇe viya paccuppannoti. Dhammānañhi pākabhāvūpādhikaṃ pattabbaṃ udayo, viddhaṃsabhāvūpādhikaṃ vayo, tadubhayavemajjhaṃ ṭhiti. Yadi evaṃ addhā nāmāyaṃ dhammo eva āpannoti? Na dhammo, dhammassa pana avatthābhedo, tañca upādāya loke kālasamaññāti dassetuṃ ‘‘atītādibhedo ca nāma aya’’ntiādi vuttaṃ. Idhāti imasmiṃ loke. Teneva vohārenāti taṃ taṃ avatthāvisesaṃ upādāya dhammo ‘‘atīto anāgato paccuppanno’’ti yena vohārena voharīyati, dhammappavattimattatāya hi paramatthato avijjamānopi kālo tasseva dhammassa pavattiavatthāvisesaṃ upādāya teneva vohārena ‘‘atīto addhā’’tiādinā vutto.

    อนฺต-สโทฺท โลเก ปริโยสาเน, โกฎิยํ นิรุโฬฺหติ ตทตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อโนฺตเยว อโนฺต’’ติ อาห, โกฎิ อโนฺตติ อโตฺถฯ ปรภาโคติ ปาริมโนฺตฯ อมติ คจฺฉติ ภวปฺปพโนฺธ นิฎฺฐานํ เอตฺถาติ อโนฺต, โกฎิฯ อมนํ นิฎฺฐานคมนนฺติ อโนฺต, โอสานํฯ โส ปน ‘‘เอเสวโนฺต ทุกฺขสฺสา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๙๓; สํ. นิ. ๒.๕๑) วุตฺตตฺตา ทุกฺขณฺณวสฺส ปาริมโนฺตติ อาห ‘‘ปรภาโค’’ติฯ อมฺมติ ปริภุยฺยติ หีฬียตีติ อโนฺต, ลามโกฯ อมฺมติ ภาคโส ญายตีติ อโนฺต, อํโสติ อาห ‘‘โกฎฺฐาโส อโนฺต’’ติฯ สโนฺต ปรมตฺถโต วิชฺชมาโน กาโย ธมฺมสมูโหติ สกฺกาโย, ขนฺธา, เต ปน อริยสจฺจภูตา อิธาธิเปฺปตาติ วุตฺตํ ‘‘ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา’’ติฯ ปุริมตณฺหาติ เยสํ นิพฺพตฺติกา, ตนฺนิพฺพตฺติโต ปเคว สิทฺธา ตณฺหาฯ อปฺปวตฺติภูตนฺติ นปฺปวตฺตติ ตทุภยํ เอตฺถาติ เตสํ อปฺปวตฺติฎฺฐานภูตํฯ ยทิ ‘‘สกฺกาโย อโนฺต’’ติอาทินา อญฺญมญฺญํ วิภตฺติตาย ทุกฺขสจฺจาทโย คหิตา, อถ กสฺมา มโคฺค น คหิโตติ อาห ‘‘มโคฺค ปนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ อุปายตฺตาติ อุปายภาวโต, สมฺปาปกเหตุภาวโตติ อโตฺถฯ

    Anta-saddo loke pariyosāne, koṭiyaṃ niruḷhoti tadatthaṃ dassento ‘‘antoyeva anto’’ti āha, koṭi antoti attho. Parabhāgoti pārimanto. Amati gacchati bhavappabandho niṭṭhānaṃ etthāti anto, koṭi. Amanaṃ niṭṭhānagamananti anto, osānaṃ. So pana ‘‘esevanto dukkhassā’’ti (ma. ni. 3.393; saṃ. ni. 2.51) vuttattā dukkhaṇṇavassa pārimantoti āha ‘‘parabhāgo’’ti. Ammati paribhuyyati hīḷīyatīti anto, lāmako. Ammati bhāgaso ñāyatīti anto, aṃsoti āha ‘‘koṭṭhāso anto’’ti. Santo paramatthato vijjamāno kāyo dhammasamūhoti sakkāyo, khandhā, te pana ariyasaccabhūtā idhādhippetāti vuttaṃ ‘‘pañcupādānakkhandhā’’ti. Purimataṇhāti yesaṃ nibbattikā, tannibbattito pageva siddhā taṇhā. Appavattibhūtanti nappavattati tadubhayaṃ etthāti tesaṃ appavattiṭṭhānabhūtaṃ. Yadi ‘‘sakkāyo anto’’tiādinā aññamaññaṃ vibhattitāya dukkhasaccādayo gahitā, atha kasmā maggo na gahitoti āha ‘‘maggo panā’’tiādi. Tattha upāyattāti upāyabhāvato, sampāpakahetubhāvatoti attho.

    ยทิ ปน เหตุมนฺตคฺคหเณเนว เหตุ คหิโต โหติ, นนุ เอวํ สกฺกายคฺคหเณเนว ตสฺส เหตุภูโต สกฺกายสมุทโย คหิโต โหตีติ? ตสฺส คหเณ สงฺขตทุโก วิย, สปฺปจฺจยทุโก วิย จ ทุโกวายํ อาปชฺชติ, น ติโกฯ ยถา ปน สกฺกายํ คเหตฺวา สกฺกายสมุทโยปิ คหิโต, เอวํ สกฺกายนิโรธํ คเหตฺวา สกฺกายนิโรธุปาโย คเยฺหยฺย, เอวํ สติ จตุโกฺก อยํ อาปเชฺชยฺย, น ติโก, ตสฺมา เหตุมนฺตคฺคหเณน เหตุคฺคหณํ น จิเนฺตตพฺพํฯ อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย ยุโตฺต สิยา – อิธ สกฺกายสกฺกายสมุทยา อนาทิกาลิกา, อสติ มคฺคภาวนายํ ปจฺจยานุปรเมน อปริยนฺตา จ, นิพฺพานํ ปน อปฺปจฺจยตฺตา อตฺตโน นิจฺจตาย เอว สพฺพทาภาวีติ อนาทิกาลิโก, อปริยโนฺต จฯ อิติ อิมานิ ตีณิ สจฺจานิ มหาเถโร อิมาย สภาคตาย ‘‘ตโย อนฺตา’’ติ ติกํ กตฺวา ทเสฺสติ ฯ อริยมโคฺค ปน กทาจิ กรหจิ ลพฺภมาโน น ตถาติ ตสฺส อติวิย ทุลฺลภปาตุภาวตํ ทีเปตุํ ติกโต พหิกโตติ อยเมตฺถ อตฺตโนมติฯ

    Yadi pana hetumantaggahaṇeneva hetu gahito hoti, nanu evaṃ sakkāyaggahaṇeneva tassa hetubhūto sakkāyasamudayo gahito hotīti? Tassa gahaṇe saṅkhataduko viya, sappaccayaduko viya ca dukovāyaṃ āpajjati, na tiko. Yathā pana sakkāyaṃ gahetvā sakkāyasamudayopi gahito, evaṃ sakkāyanirodhaṃ gahetvā sakkāyanirodhupāyo gayheyya, evaṃ sati catukko ayaṃ āpajjeyya, na tiko, tasmā hetumantaggahaṇena hetuggahaṇaṃ na cintetabbaṃ. Ayaṃ panettha adhippāyo yutto siyā – idha sakkāyasakkāyasamudayā anādikālikā, asati maggabhāvanāyaṃ paccayānuparamena apariyantā ca, nibbānaṃ pana appaccayattā attano niccatāya eva sabbadābhāvīti anādikāliko, apariyanto ca. Iti imāni tīṇi saccāni mahāthero imāya sabhāgatāya ‘‘tayo antā’’ti tikaṃ katvā dasseti . Ariyamaggo pana kadāci karahaci labbhamāno na tathāti tassa ativiya dullabhapātubhāvataṃ dīpetuṃ tikato bahikatoti ayamettha attanomati.

    ทุกฺขตาติ ทุกฺขภาโว, ทุกฺขํเยว วา ยถา เทโว เอว เทวตาฯ ทุกฺข-สโทฺท จายํ อทุกฺขสภาเวสุปิ สุขุเปกฺขาสุ กญฺจิ อนิฎฺฐตาวิเสสํ อุปาทาย ปวตฺตตีติ ตโต นิวเตฺตโนฺต สภาวทุกฺขวาจินา เอเกน ทุกฺข-สเทฺทน วิเสเสตฺวา ‘‘ทุกฺขทุกฺขตา’’ติ อาหฯ ภวติ หิ เอกนฺตโต ตํสภาเวปิ อเตฺถ อญฺญสฺส ธมฺมสฺส เยน เกนจิ สทิสตาเลเสน พฺยภิจาราสงฺกาติ วิเสสิตพฺพตา ยถา ‘‘รูปรูปํ ติลเตล’’นฺติ (วิภ. อฎฺฐ. ปกิณฺณกถา) จฯ สงฺขารภาเวนาติ สงฺขตภาเวนฯ ปจฺจเยหิ สงฺขรียนฺตีติ สงฺขารา, อทุกฺขมสุขเวทนาฯ สงฺขริยมานตฺตา เอว หิ อสารกตาย ปริทุพฺพลภาเวน ภงฺคภงฺคาภิมุขกฺขเณสุ วิย อตฺตลาภกฺขเณปิ วิพาธปฺปตฺตา เอว หุตฺวา สงฺขารา ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘สงฺขตตฺตา อุปฺปาทชราภงฺคปีฬิตา’’ติฯ ตสฺมาติ ยถาวุตฺตการณโตฯ อญฺญทุกฺขสภาววิรหโตติ ทุกฺขทุกฺขตาวิปริณามทุกฺขตาสงฺขาตสฺส อญฺญสฺส ทุกฺขสภาวสฺส อภาวโตฯ วิปริณาเมติ ปริณาเม, วิคเมติ อโตฺถฯ เตนาห ปปญฺจสูทนิยํ ‘‘วิปริณามทุกฺขาติ นตฺถิภาโว ทุกฺข’’นฺติฯ อปริญฺญาตวตฺถุกานญฺหิ สุขเวทนุปรโม ทุกฺขโต อุปฎฺฐาติ, สฺวายมโตฺถ ปิยวิปฺปโยเคน ทีเปตโพฺพฯ เตนาห ‘‘สุขสฺส หี’’ติอาทิฯ ปุเพฺพ วุตฺตนโย ปเทสนิสฺสิโต เวทนาวิเสสมตฺตวิสยตฺตาติ อนวเสสโต สงฺขารทุกฺขตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติ ทุติยนโย วุโตฺตฯ นนุ จ ‘‘สเพฺพ สงฺขารา ทุกฺขา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๘) วจนโต สุขทุกฺขเวทนานมฺปิ สงฺขารทุกฺขตา อาปนฺนาติ ? สจฺจเมตํ, สา ปน สามญฺญโชตนาอปวาทภูเตน อิตรทุกฺขตาวจเนน นิวตฺตียตีติ นายํ วิโรโธฯ เตเนวาห ‘‘ฐเปตฺวา ทุกฺขเวทนํ สุขเวทนญฺจา’’ติฯ

    Dukkhatāti dukkhabhāvo, dukkhaṃyeva vā yathā devo eva devatā. Dukkha-saddo cāyaṃ adukkhasabhāvesupi sukhupekkhāsu kañci aniṭṭhatāvisesaṃ upādāya pavattatīti tato nivattento sabhāvadukkhavācinā ekena dukkha-saddena visesetvā ‘‘dukkhadukkhatā’’ti āha. Bhavati hi ekantato taṃsabhāvepi atthe aññassa dhammassa yena kenaci sadisatālesena byabhicārāsaṅkāti visesitabbatā yathā ‘‘rūparūpaṃ tilatela’’nti (vibha. aṭṭha. pakiṇṇakathā) ca. Saṅkhārabhāvenāti saṅkhatabhāvena. Paccayehi saṅkharīyantīti saṅkhārā, adukkhamasukhavedanā. Saṅkhariyamānattā eva hi asārakatāya paridubbalabhāvena bhaṅgabhaṅgābhimukhakkhaṇesu viya attalābhakkhaṇepi vibādhappattā eva hutvā saṅkhārā pavattantīti āha ‘‘saṅkhatattā uppādajarābhaṅgapīḷitā’’ti. Tasmāti yathāvuttakāraṇato. Aññadukkhasabhāvavirahatoti dukkhadukkhatāvipariṇāmadukkhatāsaṅkhātassa aññassa dukkhasabhāvassa abhāvato. Vipariṇāmeti pariṇāme, vigameti attho. Tenāha papañcasūdaniyaṃ ‘‘vipariṇāmadukkhāti natthibhāvo dukkha’’nti. Apariññātavatthukānañhi sukhavedanuparamo dukkhato upaṭṭhāti, svāyamattho piyavippayogena dīpetabbo. Tenāha ‘‘sukhassa hī’’tiādi. Pubbe vuttanayo padesanissito vedanāvisesamattavisayattāti anavasesato saṅkhāradukkhataṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’ti dutiyanayo vutto. Nanu ca ‘‘sabbe saṅkhārā dukkhā’’ti (dha. pa. 278) vacanato sukhadukkhavedanānampi saṅkhāradukkhatā āpannāti ? Saccametaṃ, sā pana sāmaññajotanāapavādabhūtena itaradukkhatāvacanena nivattīyatīti nāyaṃ virodho. Tenevāha ‘‘ṭhapetvā dukkhavedanaṃ sukhavedanañcā’’ti.

    มิจฺฉาสภาโวติ ‘‘หิตสุขาวโห เม ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ อาสีสิโตปิ ตถา อภาวโต, อสุภาทีสุเยว ‘‘สุภ’’นฺติอาทิวิปรีตปฺปวตฺติโต จ มิจฺฉาสภาโว, มุสาสภาโวติ อโตฺถฯ มาตุฆาตกาทีสุ ปวตฺตมานาปิ หิ หิตสุขํ อิจฺฉนฺตาว ปวตฺตนฺตีติ เต ธมฺมา ‘‘หิตสุขาวหา เม ภวิสฺสนฺตี’’ติ อาสีสิตา โหนฺติฯ ตถา อสุภาสุขานิจฺจานเตฺตสุ สุภาทิวิปริยาสทฬฺหตาย อานนฺตริยกมฺมนิยตมิจฺฉาทิฎฺฐีสุ ปวตฺติ โหตีติ เต ธมฺมา อสุภาทีสุ สุภาทิวิปรีตปฺปวตฺติกา โหนฺติฯ วิปากทาเน สติ ขนฺธเภทานนฺตรเมว วิปากทานโต นิยโต, มิจฺฉโตฺต จ โส นิยโต จาติ มิจฺฉตฺตนิยโตฯ อเนเกสุ อานนฺตริเยสุ กเตสุ ยํ ตตฺถ พลวํ, ตํ วิปจฺจติ, น อิตรานีติ เอกนฺตวิปากชนกตาย นิยตตา น สกฺกา วตฺตุนฺติ ‘‘วิปากทาเน สตี’’ติ วุตฺตํฯ ขนฺธเภทานนฺตรนฺติ จุติอนนฺตรนฺติ อโตฺถฯ จุติ หิ มรณนิเทฺทเส ‘‘ขนฺธานํ เภโท’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๙๐; ม. นิ. ๑.๑๒๓; ๓.๓๗๓; วิภ. ๑๙๓) วุตฺตา, เอเตน วจเนน สติ ผลทาเน จุติอนนฺตโร เอว เอเตสํ ผลกาโล, น อโญฺญติ ผลกาลนิยเมน นิยตตา วุตฺตา โหติ, น ผลทานนิยเมนาติ นิยตผลกาลานํ อเญฺญสมฺปิ อุปปชฺชเวทนียานํ, ทิฎฺฐธมฺมเวทนียานมฺปิ นิยตตา อาปชฺชติ, ตสฺมา วิปากธมฺมธมฺมานํ ปจฺจยนฺตรวิกลตาทีหิ อวิปจฺจมานานมฺปิ อตฺตโน สภาเวน วิปากธมฺมตา วิย พลวตา อานนฺตริเยน วิปาเก ทิเนฺน อวิปจฺจมานานมฺปิ อานนฺตริยานํ ผลทาเน นิยตสภาวา, อานนฺตริยสภาวา จ ปวตฺตีติ อตฺตโน สภาเวน ผลทานนิยเมเนว นิยตตา, อานนฺตริยตา จ เวทิตพฺพาฯ อวสฺสญฺจ นิยตสภาวา, อานนฺตริยสภาวา จ เตสํ ปวตฺตีติ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพเมตํ อญฺญสฺส พลวโต อานนฺตริยสฺส อภาเว จุติอนนฺตรํ เอกเนฺตน ผลทานโตฯ

    Micchāsabhāvoti ‘‘hitasukhāvaho me bhavissatī’’ti evaṃ āsīsitopi tathā abhāvato, asubhādīsuyeva ‘‘subha’’ntiādiviparītappavattito ca micchāsabhāvo, musāsabhāvoti attho. Mātughātakādīsu pavattamānāpi hi hitasukhaṃ icchantāva pavattantīti te dhammā ‘‘hitasukhāvahā me bhavissantī’’ti āsīsitā honti. Tathā asubhāsukhāniccānattesu subhādivipariyāsadaḷhatāya ānantariyakammaniyatamicchādiṭṭhīsu pavatti hotīti te dhammā asubhādīsu subhādiviparītappavattikā honti. Vipākadāne sati khandhabhedānantarameva vipākadānato niyato, micchatto ca so niyato cāti micchattaniyato. Anekesu ānantariyesu katesu yaṃ tattha balavaṃ, taṃ vipaccati, na itarānīti ekantavipākajanakatāya niyatatā na sakkā vattunti ‘‘vipākadāne satī’’ti vuttaṃ. Khandhabhedānantaranti cutianantaranti attho. Cuti hi maraṇaniddese ‘‘khandhānaṃ bhedo’’ti (dī. ni. 2.390; ma. ni. 1.123; 3.373; vibha. 193) vuttā, etena vacanena sati phaladāne cutianantaro eva etesaṃ phalakālo, na aññoti phalakālaniyamena niyatatā vuttā hoti, na phaladānaniyamenāti niyataphalakālānaṃ aññesampi upapajjavedanīyānaṃ, diṭṭhadhammavedanīyānampi niyatatā āpajjati, tasmā vipākadhammadhammānaṃ paccayantaravikalatādīhi avipaccamānānampi attano sabhāvena vipākadhammatā viya balavatā ānantariyena vipāke dinne avipaccamānānampi ānantariyānaṃ phaladāne niyatasabhāvā, ānantariyasabhāvā ca pavattīti attano sabhāvena phaladānaniyameneva niyatatā, ānantariyatā ca veditabbā. Avassañca niyatasabhāvā, ānantariyasabhāvā ca tesaṃ pavattīti sampaṭicchitabbametaṃ aññassa balavato ānantariyassa abhāve cutianantaraṃ ekantena phaladānato.

    นนุ เอวํ อเญฺญสมฺปิ อุปปชฺชเวทนียานํ อญฺญสฺมิํ วิปากทายเก อสติ จุติอนนฺตรเมว เอกเนฺตน ผลทานโต อานนฺตริยสภาวา, นิยตสภาวา จ ปวตฺติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ อสมานชาติเกน เจโตปณิธิวเสน, อุปฆาตเกน จ นิวเตฺตตพฺพวิปากตฺตา อนนฺตเรกนฺตผลทายกตฺตาภาวา, น ปน อานนฺตริยานํ ปฐมชฺฌานาทีนํ ทุติยชฺฌานาทีนิ วิย อสมานชาติกํ ผลนิวตฺตกํ อตฺถิ สพฺพานนฺตริยานํ อวีจิผลตฺตา, น จ เหฎฺฐูปปตฺติํ อิจฺฉโต สีลวโต เจโตปณิธิ วิย อุปรูปปตฺติชนกกมฺมพลํ อานนฺตริยพลํ นิวเตฺตตุํ สมโตฺถ เจโตปณิธิ อตฺถิ อนิจฺฉนฺตเสฺสว อวีจิปาตนโต, น จ อานนฺตริยุปฆาตกํ กิญฺจิ กมฺมํ อตฺถิฯ ตสฺมา เตสํเยว อนนฺตเรกนฺตวิปากชนกสภาวา ปวตฺตีติฯ อเนกานิ จ อานนฺตริยานิ กตานิ เอกเนฺต วิปาเก นิยตตฺตา อุปรตาวิปจฺจนสภาวาสงฺกตฺตา นิจฺฉิตานิ สภาวโต นิยตาเนวฯ จุติอนนฺตรํ ปน ผลํ อนนฺตรํ นาม, ตสฺมิํ อนนฺตเร นิยุตฺตานิ, ตนฺนิพฺพตฺตเนน อนนฺตรกรณสีลานิ อนนฺตรปโยชนานิ จาติ สภาวโต อานนฺตริยาเนว จ โหนฺติฯ เตสุ ปน สมานสภาเวสุ เอเกน วิปาเก ทิเนฺน อิตรานิ อตฺตนา กาตพฺพกิจฺจสฺส เตเนว กตตฺตา น ทุติยํ ตติยญฺจ ปฎิสนฺธิํ กโรนฺติ, น สมตฺถตาวิฆาตตฺตาติ นตฺถิ เตสํ นิยตานนฺตริยตานิวตฺตีติฯ น หิ สมานสภาวํ สมานสภาวสฺส สมตฺถตํ วิหนตีติฯ เอกสฺส ปน อญฺญานิปิ อุปตฺถมฺภกานิ โหนฺตีติ ทฎฺฐพฺพานีติฯ สมฺมาสภาเวติ สจฺจสภาเวฯ นิยโต เอกนฺติโก อนนฺตรเมว ผลทาเนนาติ สมฺมตฺตนิยมโตฯ น นิยโตติ อุภยถาปิ น นิยโตฯ อวเสสานํ ธมฺมานนฺติ กิเลสานนฺตริยกมฺมนิยฺยานิกธเมฺมหิ อเญฺญสํ ธมฺมานํฯ

    Nanu evaṃ aññesampi upapajjavedanīyānaṃ aññasmiṃ vipākadāyake asati cutianantarameva ekantena phaladānato ānantariyasabhāvā, niyatasabhāvā ca pavatti āpajjatīti? Nāpajjati asamānajātikena cetopaṇidhivasena, upaghātakena ca nivattetabbavipākattā anantarekantaphaladāyakattābhāvā, na pana ānantariyānaṃ paṭhamajjhānādīnaṃ dutiyajjhānādīni viya asamānajātikaṃ phalanivattakaṃ atthi sabbānantariyānaṃ avīciphalattā, na ca heṭṭhūpapattiṃ icchato sīlavato cetopaṇidhi viya uparūpapattijanakakammabalaṃ ānantariyabalaṃ nivattetuṃ samattho cetopaṇidhi atthi anicchantasseva avīcipātanato, na ca ānantariyupaghātakaṃ kiñci kammaṃ atthi. Tasmā tesaṃyeva anantarekantavipākajanakasabhāvā pavattīti. Anekāni ca ānantariyāni katāni ekante vipāke niyatattā uparatāvipaccanasabhāvāsaṅkattā nicchitāni sabhāvato niyatāneva. Cutianantaraṃ pana phalaṃ anantaraṃ nāma, tasmiṃ anantare niyuttāni, tannibbattanena anantarakaraṇasīlāni anantarapayojanāni cāti sabhāvato ānantariyāneva ca honti. Tesu pana samānasabhāvesu ekena vipāke dinne itarāni attanā kātabbakiccassa teneva katattā na dutiyaṃ tatiyañca paṭisandhiṃ karonti, na samatthatāvighātattāti natthi tesaṃ niyatānantariyatānivattīti. Na hi samānasabhāvaṃ samānasabhāvassa samatthataṃ vihanatīti. Ekassa pana aññānipi upatthambhakāni hontīti daṭṭhabbānīti. Sammāsabhāveti saccasabhāve. Niyato ekantiko anantarameva phaladānenāti sammattaniyamato.Na niyatoti ubhayathāpi na niyato. Avasesānaṃ dhammānanti kilesānantariyakammaniyyānikadhammehi aññesaṃ dhammānaṃ.

    ตมนฺธกาโรติ ตโม อนฺธกาโรติ ปทวิภาโคฯ อวิชฺชา ตโม นาม อารมฺมณสฺส ฉาทนเฎฺฐนฯ เตเนวาห ‘‘ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปโนฺน (ม. นิ. ๑.๓๘๕; ปารา. ๑๒), ตโมกฺขโนฺธ ปทาลิโต’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๖๔) จ อาทิฯ อวิชฺชาสีเสน วิจิกิจฺฉา วุตฺตา มหตา สโมฺมเหน สพฺพกาลํ อวิยุชฺชนโตฯ อาคมฺมาติ ปตฺวาฯ กงฺขตีติ ‘‘อโหสิํ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) กงฺขํ อุปฺปาเทติ สํสยํ อาปชฺชติฯ อธิมุจฺจิตุํ น สโกฺกตีติ ปสาทาธิโมกฺขวเสน อธิมุจฺจิตุํ น สโกฺกติฯ เตนาห ‘‘น สมฺปสีทตี’’ติฯ ยาวตฺตกญฺหิ ยสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ วิจิกิจฺฉา น วิคจฺฉติ, ตาว ตตฺถ สทฺธาธิโมโกฺข อนวสโรวฯ น เกวลํ สทฺธาธิโมโกฺข, นิจฺฉยาธิโมโกฺขปิ ตตฺถ น ปติฎฺฐหติ เอวฯ

    Tamandhakāroti tamo andhakāroti padavibhāgo. Avijjā tamo nāma ārammaṇassa chādanaṭṭhena. Tenevāha ‘‘tamo vihato, āloko uppanno (ma. ni. 1.385; pārā. 12), tamokkhandho padālito’’ti (saṃ. ni. 1.164) ca ādi. Avijjāsīsena vicikicchā vuttā mahatā sammohena sabbakālaṃ aviyujjanato. Āgammāti patvā. Kaṅkhatīti ‘‘ahosiṃ nu kho ahaṃ atītamaddhāna’’ntiādinā (ma. ni. 1.18; saṃ. ni. 2.20) kaṅkhaṃ uppādeti saṃsayaṃ āpajjati. Adhimuccituṃ na sakkotīti pasādādhimokkhavasena adhimuccituṃ na sakkoti. Tenāha ‘‘na sampasīdatī’’ti. Yāvattakañhi yasmiṃ vatthusmiṃ vicikicchā na vigacchati, tāva tattha saddhādhimokkho anavasarova. Na kevalaṃ saddhādhimokkho, nicchayādhimokkhopi tattha na patiṭṭhahati eva.

    น รกฺขิตพฺพานีติ ‘‘อิมานิ มยา รกฺขิตพฺพานี’’ติ เอวํ กตฺถจิ รกฺขากิจฺจํ นตฺถิ ปรโต รกฺขิตพฺพเสฺสว อภาวโตฯ สติยา เอว รกฺขิตานีติ มุฎฺฐสฺสจฺจสฺส โพธิมูเล เอว สวาสนํ สมุจฺฉินฺนตฺตา สติยา รกฺขิตพฺพานิ นาม สพฺพทาปิ รกฺขิตานิ เอวฯ นตฺถิ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริตนฺติ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริตํ นาม นเตฺถว, ยโต สุปริสุโทฺธ กายสมาจาโร ภควโตฯ โน อปริสุทฺธา, ปริสุทฺธา เอว อปริสุทฺธิเหตูนํ กิเลสานํ ปหีนตฺตาฯ ตถาปิ วินเย อปกตญฺญุตาวเสน สิยา เตสํ อปาริสุทฺธิเลโส, น ภควโตติ ทเสฺสตุํ ‘‘น ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ วิหารการํ อาปตฺตินฺติ เอกวจนวเสน ‘‘อาปตฺติโย’’ติ เอตฺถ อาปตฺติ-สทฺทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํฯ อภิเธยฺยานุรูปญฺหิ ลิงฺควจนานิ โหนฺติฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ ‘‘มโนทฺวาเร’’ติ อิทํ ตสฺสา อาปตฺติยา อกิริยสมุฎฺฐานตาย วุตฺตํฯ น หิ มโนทฺวาเร ปญฺญตฺตา อาปตฺติ อตฺถีติฯ สอุปารมฺภวเสนาติ สวตฺตพฺพตาวเสน, น ปน ทุจฺจริตลกฺขณาปตฺติวเสน, ยโต นํ ภควา ปฎิกฺขิปติฯ ยถา อายสฺมโต มหากปฺปินสฺสาปิ ‘‘คเจฺฉยฺยํ วาหํ อุโปสถํ, น วา คเจฺฉยฺยํฯ คเจฺฉยฺยํ วาหํ สงฺฆกมฺมํ, น วา คเจฺฉยฺย’’นฺติ (มหาว. ๑๓๗) ปริวิตกฺกิตํฯ มโนทุจฺจริตนฺติ มโนทฺวาริกํ อปฺปสตฺถํ จริตํฯ สตฺถารา อปฺปสตฺถตาย หิ ตํ ทุจฺจริตํ นาม ชาตํ, น สภาวโตฯ

    Na rakkhitabbānīti ‘‘imāni mayā rakkhitabbānī’’ti evaṃ katthaci rakkhākiccaṃ natthi parato rakkhitabbasseva abhāvato. Satiyā eva rakkhitānīti muṭṭhassaccassa bodhimūle eva savāsanaṃ samucchinnattā satiyā rakkhitabbāni nāma sabbadāpi rakkhitāni eva. Natthi tathāgatassa kāyaduccaritanti tathāgatassa kāyaduccaritaṃ nāma nattheva, yato suparisuddho kāyasamācāro bhagavato. No aparisuddhā, parisuddhā eva aparisuddhihetūnaṃ kilesānaṃ pahīnattā. Tathāpi vinaye apakataññutāvasena siyā tesaṃ apārisuddhileso, na bhagavatoti dassetuṃ ‘‘na panā’’tiādi vuttaṃ. Tattha vihārakāraṃ āpattinti ekavacanavasena ‘‘āpattiyo’’ti ettha āpatti-saddaṃ ānetvā yojetabbaṃ. Abhidheyyānurūpañhi liṅgavacanāni honti. Esa nayo sesesupi. ‘‘Manodvāre’’ti idaṃ tassā āpattiyā akiriyasamuṭṭhānatāya vuttaṃ. Na hi manodvāre paññattā āpatti atthīti. Saupārambhavasenāti savattabbatāvasena, na pana duccaritalakkhaṇāpattivasena, yato naṃ bhagavā paṭikkhipati. Yathā āyasmato mahākappinassāpi ‘‘gaccheyyaṃ vāhaṃ uposathaṃ, na vā gaccheyyaṃ. Gaccheyyaṃ vāhaṃ saṅghakammaṃ, na vā gaccheyya’’nti (mahāva. 137) parivitakkitaṃ. Manoduccaritanti manodvārikaṃ appasatthaṃ caritaṃ. Satthārā appasatthatāya hi taṃ duccaritaṃ nāma jātaṃ, na sabhāvato.

    ยสฺมา มหาการุณิโก ภควา สเทวกสฺส โลกสฺส หิตสุขาย เอว ปฎิปชฺชมาโน อจฺจนฺตวิเวกชฺฌาสยตาย ตพฺพิธุรํ ธมฺมเสนาปติโน จิตฺตุปฺปาทํ ปฎิกฺขิปโนฺต ‘‘น โข เต…เป.… อุปฺปาเทตพฺพ’’นฺติ อโวจ, ตสฺมา โส เถรสฺส จิตฺตุปฺปาโท ภควโต น ปาสํโสติ กตฺวา มโนทุจฺจริตํ นาม ชาโต, ตสฺส จ ปฎิเกฺขโป อุปารโมฺภติ อาห ‘‘ตสฺมิํ มโนทุจฺจริเต อุปารมฺภํ อาโรเปโนฺต’’ติฯ ภควโต ปน เอตฺตกมฺปิ นตฺถิ, ยโต ปวารณาสุเตฺต ‘‘หนฺท ทานิ, ภิกฺขเว, ปวาเรมิ โว, น จ เม กิญฺจิ ครหถ กายิกํ วา วาจสิกํ วา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๑๕) วุโตฺต ภิกฺขุสโงฺฆ ‘‘น โข มยํ ภเนฺต ภควโต กิญฺจิ ครหาม กายิกํ วา วาจสิกํ วา’’ติ สตฺถุ ปริสุทฺธกายสมาจาราทิกํ สิรสา สมฺปฎิจฺฉิฯ อยญฺหิ โลกนาถสฺส ทุจฺจริตาภาโว โพธิสตฺตภูมิยมฺปิ จริยาจิรานุคโต อโหสิ, ปเคว พุทฺธภูมิยนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนจฺฉริยเญฺจต’’นฺติอาทิมาหฯ

    Yasmā mahākāruṇiko bhagavā sadevakassa lokassa hitasukhāya eva paṭipajjamāno accantavivekajjhāsayatāya tabbidhuraṃ dhammasenāpatino cittuppādaṃ paṭikkhipanto ‘‘na kho te…pe… uppādetabba’’nti avoca, tasmā so therassa cittuppādo bhagavato na pāsaṃsoti katvā manoduccaritaṃ nāma jāto, tassa ca paṭikkhepo upārambhoti āha ‘‘tasmiṃ manoduccarite upārambhaṃ āropento’’ti. Bhagavato pana ettakampi natthi, yato pavāraṇāsutte ‘‘handa dāni, bhikkhave, pavāremi vo, na ca me kiñci garahatha kāyikaṃ vā vācasikaṃ vā’’ti (saṃ. ni. 1.215) vutto bhikkhusaṅgho ‘‘na kho mayaṃ bhante bhagavato kiñci garahāma kāyikaṃ vā vācasikaṃ vā’’ti satthu parisuddhakāyasamācārādikaṃ sirasā sampaṭicchi. Ayañhi lokanāthassa duccaritābhāvo bodhisattabhūmiyampi cariyācirānugato ahosi, pageva buddhabhūmiyanti dassento ‘‘anacchariyañceta’’ntiādimāha.

    พุทฺธานํเยว ธมฺมา คุณา, น อเญฺญสนฺติ พุทฺธธมฺมาฯ ตถา หิ เต พุทฺธานํ อาเวณิกธมฺมาติ วุจฺจนฺติฯ ตตฺถ ‘‘นตฺถิ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริต’’นฺติอาทินา กายวจีมโนทุจฺจริตาภาววจนํ ยถาธิการํ กายกมฺมาทีนํ ญาณานุปริวตฺติตาย ลทฺธคุณกิตฺตนํ, น อาเวณิกธมฺมนฺตรทสฺสนํฯ สพฺพสฺมิญฺหิ กายกมฺมาทิเก ญาณานุปริวตฺตินิ กุโต กายทุจฺจริตาทีนํ สมฺภโวฯ ‘‘พุทฺธสฺส อปฺปฎิหตญาณ’’นฺติอาทินา วุตฺตานิ สพฺพญฺญุตญฺญาณโต วิสุํเยว ตีณิ ญาณานิ จตุโยนิปญฺจคติปริเจฺฉทกญาณานิ วิยา’’ติ วทนฺติฯ เอกํเยว หุตฺวา ตีสุ กาเลสุ อปฺปฎิหตญาณํ นาม สพฺพญฺญุตญฺญาณเมวฯ นตฺถิ ฉนฺทสฺส หานีติ สเตฺตสุ หิตฉนฺทสฺส หานิ นตฺถิฯ นตฺถิ วีริยสฺส หานีติ เขมปวิเวกวิตกฺกานุคตสฺส วีริยสฺส หานิ นตฺถิฯ ‘‘นตฺถิ ทวาติ ขิฑฺฑาธิปฺปาเยน กิริยา นตฺถิฯ นตฺถิ รวาติ สหสา กิริยา นตฺถี’’ติ วทนฺติ, สหสา ปน กิริยา ทวา ‘‘อญฺญํ กริสฺสามี’’ติ อญฺญกรณํ รวาฯ ขลิตนฺติ วิรชฺฌนํ ญาเณน อปฺผุฎํฯ สหสาติ เวคายิตตฺตํ ตุริตกิริยาฯ อพฺยาวโฎ มโนติ นิรตฺถโก จิตฺตสมุทาจาโรฯ อกุสลจิตฺตนฺติ อญฺญาณุเปกฺขมาห, อยญฺจ ทีฆภาณกานํ ปาโฐ อากุโล วิยฯ อยํ ปน ปาโฐ อนากุโล –

    Buddhānaṃyeva dhammā guṇā, na aññesanti buddhadhammā. Tathā hi te buddhānaṃ āveṇikadhammāti vuccanti. Tattha ‘‘natthi tathāgatassa kāyaduccarita’’ntiādinā kāyavacīmanoduccaritābhāvavacanaṃ yathādhikāraṃ kāyakammādīnaṃ ñāṇānuparivattitāya laddhaguṇakittanaṃ, na āveṇikadhammantaradassanaṃ. Sabbasmiñhi kāyakammādike ñāṇānuparivattini kuto kāyaduccaritādīnaṃ sambhavo. ‘‘Buddhassa appaṭihatañāṇa’’ntiādinā vuttāni sabbaññutaññāṇato visuṃyeva tīṇi ñāṇāni catuyonipañcagatiparicchedakañāṇāni viyā’’ti vadanti. Ekaṃyeva hutvā tīsu kālesu appaṭihatañāṇaṃ nāma sabbaññutaññāṇameva. Natthi chandassa hānīti sattesu hitachandassa hāni natthi. Natthi vīriyassahānīti khemapavivekavitakkānugatassa vīriyassa hāni natthi. ‘‘Natthi davāti khiḍḍādhippāyena kiriyā natthi. Natthi ravāti sahasā kiriyā natthī’’ti vadanti, sahasā pana kiriyā davā ‘‘aññaṃ karissāmī’’ti aññakaraṇaṃ ravā. Khalitanti virajjhanaṃ ñāṇena apphuṭaṃ. Sahasāti vegāyitattaṃ turitakiriyā. Abyāvaṭo manoti niratthako cittasamudācāro. Akusalacittanti aññāṇupekkhamāha, ayañca dīghabhāṇakānaṃ pāṭho ākulo viya. Ayaṃ pana pāṭho anākulo –

    อตีตํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฎิหตญาณํ, อนาคตํเส, ปจฺจุปฺปนฺนํเสฯ อิเมหิ ตีหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สพฺพํ กายกมฺมํ ญาณปุพฺพงฺคมํ ญาณานุปริวตฺติ, สพฺพํ วจีกมฺมํ, สพฺพํ มโนกมฺมํฯ อิเมหิ ฉหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต นตฺถิ ฉนฺทสฺส หานิ, นตฺถิ ธมฺมเทสนาย, นตฺถิ วีริยสฺส, นตฺถิ สมาธิสฺส , นตฺถิ ปญฺญาย, นตฺถิ วิมุตฺติยาฯ อิเมหิ ทฺวาทสหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต นตฺถิ ทวา, นตฺถิ รวา, นตฺถิ อปฺผุฎํ, นตฺถิ เวคายิตตฺตํ, นตฺถิ อพฺยาวฎมโน, นตฺถิ อปฺปฎิสงฺขานุเปกฺขาติฯ

    Atītaṃse buddhassa bhagavato appaṭihatañāṇaṃ, anāgataṃse, paccuppannaṃse. Imehi tīhi dhammehi samannāgatassa buddhassa bhagavato sabbaṃ kāyakammaṃ ñāṇapubbaṅgamaṃ ñāṇānuparivatti, sabbaṃ vacīkammaṃ, sabbaṃ manokammaṃ. Imehi chahi dhammehi samannāgatassa buddhassa bhagavato natthi chandassa hāni, natthi dhammadesanāya, natthi vīriyassa, natthi samādhissa , natthi paññāya, natthi vimuttiyā. Imehi dvādasahi dhammehi samannāgatassa buddhassa bhagavato natthi davā, natthi ravā, natthi apphuṭaṃ, natthi vegāyitattaṃ, natthi abyāvaṭamano, natthi appaṭisaṅkhānupekkhāti.

    ตตฺถ อปฺปฎิสงฺขานุเปกฺขาติ อญฺญาณุเปกฺขาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ เอตฺถ จ ตถาคตสฺส อาชีวปาริสุทฺธิํ กายวจีมโนสมาจารปาริสุทฺธิยาว สงฺคเหตฺวา สมาจารตฺตยวเสน มหาเถเรน ติโก เทสิโตฯ

    Tattha appaṭisaṅkhānupekkhāti aññāṇupekkhā. Sesaṃ vuttanayameva. Ettha ca tathāgatassa ājīvapārisuddhiṃ kāyavacīmanosamācārapārisuddhiyāva saṅgahetvā samācārattayavasena mahātherena tiko desito.

    กิญฺจนาติ กิญฺจิกฺขาฯ อิเม ปน ราคาทโย ปลิพุนฺธนเฎฺฐน กิญฺจนา วิยาติ กิญฺจนาฯ เตนาห ‘‘กิญฺจนาติ ปลิโพธา’’ติฯ

    Kiñcanāti kiñcikkhā. Ime pana rāgādayo palibundhanaṭṭhena kiñcanā viyāti kiñcanā. Tenāha ‘‘kiñcanāti palibodhā’’ti.

    อนุทหนเฎฺฐนาติ อนุ อนุ ทหนเฎฺฐนฯ ราคาทโย อรูปธมฺมา อิตฺตรกฺขณา กถํ อนุทหนฺตีติ อาสงฺกํ นิวเตฺตตุํ ‘‘ตตฺถ วตฺถูนี’’ติ วุตฺตํ, ทฎฺฐพฺพานีติ วจนเสโสฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ราคาทีนํ อนุทหนเฎฺฐฯ วตฺถูนีติ สาสเน, โลเก จ ปากฎตฺตา ปจฺจกฺขภูตานิ การณานิฯ ราโค อุปฺปโนฺน ติขิณกโร หุตฺวาฯ ตสฺมา ตํสมุฎฺฐานา เตโชธาตุ อติวิย ติขิณภาเวน สทฺธิํ อตฺตนา สหชาตธเมฺมหิ หทยปฺปเทสํ ฌาเปสิ ยถา ตํ พาหิรา เตโชธาตุ สนิสฺสยํฯ เตน สา ภิกฺขุนี สุปโต วิย พฺยาธิ ฌายิตฺวา มตาฯ เตนาห ‘‘เตเนว ฌายิตฺวา กาลมกาสี’’ติฯ โทสสฺส นิสฺสยานํ ทหนตา ปากฎา เอวาติ อิตรํ ทเสฺสตุํ ‘‘โมหวเสน หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อติวตฺติตฺวาติ อติกฺกมิตฺวาฯ

    Anudahanaṭṭhenāti anu anu dahanaṭṭhena. Rāgādayo arūpadhammā ittarakkhaṇā kathaṃ anudahantīti āsaṅkaṃ nivattetuṃ ‘‘tattha vatthūnī’’ti vuttaṃ, daṭṭhabbānīti vacanaseso. Tatthāti tasmiṃ rāgādīnaṃ anudahanaṭṭhe. Vatthūnīti sāsane, loke ca pākaṭattā paccakkhabhūtāni kāraṇāni. Rāgouppanno tikhiṇakaro hutvā. Tasmā taṃsamuṭṭhānā tejodhātu ativiya tikhiṇabhāvena saddhiṃ attanā sahajātadhammehi hadayappadesaṃ jhāpesi yathā taṃ bāhirā tejodhātu sanissayaṃ. Tena sā bhikkhunī supato viya byādhi jhāyitvā matā. Tenāha ‘‘teneva jhāyitvā kālamakāsī’’ti. Dosassa nissayānaṃ dahanatā pākaṭā evāti itaraṃ dassetuṃ ‘‘mohavasena hī’’tiādi vuttaṃ. Ativattitvāti atikkamitvā.

    กามํ อาหุเนยฺยคฺคิอาทโย ตโย อคฺคี พฺราหฺมเณหิ อิจฺฉิตา สนฺติ, เต ปน เตหิ อิจฺฉิตมตฺตา, น สตฺตานํ ตาทิสา อตฺถสาธกาฯ เย ปน สตฺตานํ อตฺถสาธกา, เต ทเสฺสตุํ ‘‘อาหุนํ วุจฺจตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อาทเรน หุนนํ ปูชนํ อาหุนนฺติ สกฺกาโร ‘‘อาหุน’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ อาหุนํ อรหนฺติฯ เตนาห ภควา ‘‘อาหุเนยฺยาติ ภิกฺขเว มาตาปิตูนเมตํ อธิวจน’’นฺติ (อิติวุ. ๑๐๖)ฯ ยทเคฺคน จ เต ปุตฺตานํ พหุการตาย อาหุเนยฺยาติ เตสุ สมฺมาปฎิปตฺติ เนสํ หิตสุขาวหา, ตทเคฺคน เตสุ มิจฺฉาปฎิปตฺติ อหิตทุกฺขาวหาติ อาห ‘‘เตสุ…เป.… นิพฺพตฺตนฺตี’’ติฯ สฺวายมโตฺถติ โย มาตาปิตูนํ อตฺตโน อุปริ วิปฺปฎิปนฺนานํ ปุตฺตานํ อนุทหนสฺส ปจฺจยภาเวน อนุทหนโฎฺฐ, โส อยมโตฺถฯ มิตฺตวินฺทกวตฺถุนาติ มิตฺตวินฺทกสฺส นาม มาตริ วิปฺปฎิปนฺนสฺส ปุริสสฺส ตาย เอว วิปฺปฎิปตฺติยา จิรตรํ กาลํ อาปายิกทุกฺขานุภวนทีปเนน วตฺถุนา เวทิตโพฺพฯ

    Kāmaṃ āhuneyyaggiādayo tayo aggī brāhmaṇehi icchitā santi, te pana tehi icchitamattā, na sattānaṃ tādisā atthasādhakā. Ye pana sattānaṃ atthasādhakā, te dassetuṃ ‘‘āhunaṃ vuccatī’’tiādi vuttaṃ. Tattha ādarena hunanaṃ pūjanaṃ āhunanti sakkāro ‘‘āhuna’’nti vuccati, taṃ āhunaṃ arahanti. Tenāha bhagavā ‘‘āhuneyyāti bhikkhave mātāpitūnametaṃ adhivacana’’nti (itivu. 106). Yadaggena ca te puttānaṃ bahukāratāya āhuneyyāti tesu sammāpaṭipatti nesaṃ hitasukhāvahā, tadaggena tesu micchāpaṭipatti ahitadukkhāvahāti āha ‘‘tesu…pe… nibbattantī’’ti. Svāyamatthoti yo mātāpitūnaṃ attano upari vippaṭipannānaṃ puttānaṃ anudahanassa paccayabhāvena anudahanaṭṭho, so ayamattho. Mittavindakavatthunāti mittavindakassa nāma mātari vippaṭipannassa purisassa tāya eva vippaṭipattiyā cirataraṃ kālaṃ āpāyikadukkhānubhavanadīpanena vatthunā veditabbo.

    อิทานิ ตมตฺถํ กสฺสปสฺส ภควโต กาเล ปวตฺตํ วิภาเวตุํ ‘‘มิตฺตวินฺทโก หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ธนโลเภน, น ธมฺมจฺฉเนฺทนาติ อธิปฺปาโยฯ อกุโตภยํ เกนจิ อนุฎฺฐาปนียตายฯ นิวาเรสิ สมุทฺทปยาตา นาม พหฺวนฺตรายาติ อธิปฺปาเยนฯ อนฺตรํ กตฺวาติ อติกฺกมนวเสน ทฺวินฺนํ ปาทานํ อนฺตเร กตฺวาฯ

    Idāni tamatthaṃ kassapassa bhagavato kāle pavattaṃ vibhāvetuṃ ‘‘mittavindako hī’’tiādi vuttaṃ. Dhanalobhena, na dhammacchandenāti adhippāyo. Akutobhayaṃ kenaci anuṭṭhāpanīyatāya. Nivāresi samuddapayātā nāma bahvantarāyāti adhippāyena. Antaraṃ katvāti atikkamanavasena dvinnaṃ pādānaṃ antare katvā.

    นาวา อฎฺฐาสิ ตสฺส ปาปกมฺมพเลน วาตสฺส อวายนโตฯ เอกทิวสํ รกฺขิตอุโปสถกมฺมานุภาเวน สมฺปตฺติํ อนุภวโนฺตฯ ยถา ปุริมาหิ ปรโต มา อคมาสีติ วุโตฺต, เอวํ อปราปราหิปีติ อาห ‘‘ตาหิ ‘ปรโต ปรโต มา อคมาสี’ติ วุจฺจมาโน’’ติฯ ขุรจกฺกธรนฺติ ขุรธารูปมจกฺกธรํ เอกํ ปุริสํฯ อุปฎฺฐาสิ ปาปกมฺมสฺส พเลนฯ

    Nāvā aṭṭhāsi tassa pāpakammabalena vātassa avāyanato. Ekadivasaṃ rakkhitauposathakammānubhāvena sampattiṃ anubhavanto. Yathā purimāhi parato mā agamāsīti vutto, evaṃ aparāparāhipīti āha ‘‘tāhi ‘parato parato mā agamāsī’ti vuccamāno’’ti. Khuracakkadharanti khuradhārūpamacakkadharaṃ ekaṃ purisaṃ. Upaṭṭhāsi pāpakammassa balena.

    จตุพฺภีติ จตูหิ อจฺฉราสทิสีหิ วิมานเปตีหิ, สมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวาติ วจนเสโสฯ อฎฺฐชฺฌคมาติ รูปาทิกามคุเณหิ ตโต วิสิฎฺฐตรา อฎฺฐ วิมานเปติโย อธิคจฺฉิฯ อตฺริจฺฉนฺติ อตฺริจฺฉาสงฺขาเตน อติโลเภน สมนฺนาคตตฺตา อตฺร อตฺร กามคุเณ อิจฺฉโนฺตฯ จกฺกนฺติ ขุรจกฺกํฯ อาสโทติ อนตฺถาวหภาเวน อาสาเทติฯ

    Catubbhīti catūhi accharāsadisīhi vimānapetīhi, sampattiṃ anubhavitvāti vacanaseso. Aṭṭhajjhagamāti rūpādikāmaguṇehi tato visiṭṭhatarā aṭṭha vimānapetiyo adhigacchi. Atricchanti atricchāsaṅkhātena atilobhena samannāgatattā atra atra kāmaguṇe icchanto. Cakkanti khuracakkaṃ. Āsadoti anatthāvahabhāvena āsādeti.

    โสติ เคหสามิโก ภตฺตาฯ ปุริมนเยเนวาติ อนุทหนสฺส ปจฺจยตายฯ

    Soti gehasāmiko bhattā. Purimanayenevāti anudahanassa paccayatāya.

    อติจารินีติ สามิกํ อติกฺกมิตฺวา จารินี มิจฺฉาจารินีฯ รตฺติํ ทุกฺขนฺติ อตฺตโน ปาปกมฺมานุภาวสมุปฎฺฐิเตน สุนเขน ขาทิตพฺพตาทุกฺขํฯ วเญฺจตฺวาติ ตํ อชานาเปตฺวาว การณฎฺฐานคมนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ปฎปฎนฺตีติ ปฎปฎา กตฺวาฯ อนุรวทสฺสนเญฺหตํฯ มุฎฺฐิโยโค กิรายํ ตสฺส สุนขนฺตรธานสฺส, ยทิทํ เขฬปิณฺฑํ ภูมิยํ นิฎฺฐุภิตฺวา ปาเทน ฆํสนํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โส ตถา อกาสิฯ สุนขา อนฺตรธายิํสู’’ติฯ

    Aticārinīti sāmikaṃ atikkamitvā cārinī micchācārinī. Rattiṃ dukkhanti attano pāpakammānubhāvasamupaṭṭhitena sunakhena khāditabbatādukkhaṃ. Vañcetvāti taṃ ajānāpetvāva kāraṇaṭṭhānagamanaṃ sandhāya vuttaṃ. Paṭapaṭantīti paṭapaṭā katvā. Anuravadassanañhetaṃ. Muṭṭhiyogo kirāyaṃ tassa sunakhantaradhānassa, yadidaṃ kheḷapiṇḍaṃ bhūmiyaṃ niṭṭhubhitvā pādena ghaṃsanaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘so tathā akāsi.Sunakhā antaradhāyiṃsū’’ti.

    ทกฺขิณาติ จตฺตาโร ปจฺจยา ทิยฺยมานา ทกฺขนฺติ เอเตหิ หิตสุขานีติฯ ตํ ทกฺขิณํ อรหตีติ ทกฺขิเณโยฺย, ภิกฺขุสโงฺฆฯ เรวตีวตฺถุ วิมานวตฺถุเปตวตฺถูสุ (วิ. ว. ๘๖๑ อาทโย) เตสํ อฎฺฐกถายญฺจ (วิ. ว. ๙๗๗-๙๘๐; เป. ว. อฎฺฐ. ๗๑๔-๗๓๖) อาคตนเยน เวทิตพฺพํฯ

    Dakkhiṇāticattāro paccayā diyyamānā dakkhanti etehi hitasukhānīti. Taṃ dakkhiṇaṃ arahatīti dakkhiṇeyyo, bhikkhusaṅgho. Revatīvatthu vimānavatthupetavatthūsu (vi. va. 861 ādayo) tesaṃ aṭṭhakathāyañca (vi. va. 977-980; pe. va. aṭṭha. 714-736) āgatanayena veditabbaṃ.

    ‘‘ติวิเธน รูปสงฺคโห’’ติ เอตฺถ นนุ สงฺคโห เอกวิโธว, โส กสฺมา ‘‘จตุพฺพิโธ’’ติ วุโตฺตติ? ‘‘สงฺคโห’’ติ อตฺถํ อวตฺวา อนิทฺธาริตตฺถสฺส สทฺทเสฺสว วุตฺตตฺตาฯ ‘‘ติวิเธน รูปสงฺคโห’’ติอาทีสุ (ธ. ส. รูปกณฺฑ-ติเก) ปเทสุ สงฺคห-สโทฺท ตาว อตฺตโน อตฺถวเสน จตุพฺพิโธติ อยเญฺหตฺถ อโตฺถฯ อโตฺถปิ วา อนิทฺธาริตวิเสโส สามเญฺญน คเหตพฺพตํ ปโตฺต ‘‘ติวิเธน รูปสงฺคโห’’ติอาทีสุ (ธ. ส. รูปกณฺฑ-ติเก) ‘‘สงฺคโห’’ติ วุโตฺตติ น โกจิ โทโสฯ นิทฺธาริเต หิ วิเสเส ตสฺส เอกวิธตา สิยา, น ตโต ปุเพฺพติฯ ‘‘ชาติสงฺคโห’’ติ วุเตฺตปิ ชาติ-สทฺทสฺส สาเปกฺขสทฺทตฺตา อตฺตโน ชาติยา สงฺคโหติ อยมโตฺถ วิญฺญายเตว สมฺพนฺธารหสฺส อญฺญสฺส อวุตฺตตฺตา ยถา ‘‘มาตาปิตุ อุปฎฺฐาน’’นฺติ (ขุ. ปา. ๕.๖; สุ. นิ. ๒๖๕)ฯ อฎฺฐกถายํ ปน ยถาธิเปฺปตมตฺถํ อปริปุณฺณํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ชาติสงฺคโห’’ อิเจฺจว วุตฺตํฯ สมานชาติกานํ สงฺคโห, สมานชาติยา วา สงฺคโห สชาติสงฺคโหฯ สญฺชายติ เอตฺถาติ สญฺชาติ, สญฺชาติยา สงฺคโห สญฺชาติสงฺคโห, สญฺชาติเทเสน สงฺคโหติ อโตฺถฯ กิริยาย เอวรูปาย สงฺคโห กิริยาสงฺคโหฯ รูปกฺขนฺธคณนนฺติ ‘‘รูปกฺขโนฺธ’’ติ คณนํ สงฺขฺยํ คจฺฉติ รุปฺปนสภาวตฺตาฯ ตีหิ โกฎฺฐาเสหิ รูปคณนาติ วกฺขมาเนหิ ตีหิ ภาเคหิ รูปสฺส สงฺคโห, คเณตพฺพตาติ อโตฺถฯ

    ‘‘Tividhena rūpasaṅgaho’’ti ettha nanu saṅgaho ekavidhova, so kasmā ‘‘catubbidho’’ti vuttoti? ‘‘Saṅgaho’’ti atthaṃ avatvā aniddhāritatthassa saddasseva vuttattā. ‘‘Tividhena rūpasaṅgaho’’tiādīsu (dha. sa. rūpakaṇḍa-tike) padesu saṅgaha-saddo tāva attano atthavasena catubbidhoti ayañhettha attho. Atthopi vā aniddhāritaviseso sāmaññena gahetabbataṃ patto ‘‘tividhena rūpasaṅgaho’’tiādīsu (dha. sa. rūpakaṇḍa-tike) ‘‘saṅgaho’’ti vuttoti na koci doso. Niddhārite hi visese tassa ekavidhatā siyā, na tato pubbeti. ‘‘Jātisaṅgaho’’ti vuttepi jāti-saddassa sāpekkhasaddattā attano jātiyā saṅgahoti ayamattho viññāyateva sambandhārahassa aññassa avuttattā yathā ‘‘mātāpitu upaṭṭhāna’’nti (khu. pā. 5.6; su. ni. 265). Aṭṭhakathāyaṃ pana yathādhippetamatthaṃ aparipuṇṇaṃ katvā dassetuṃ ‘‘jātisaṅgaho’’ icceva vuttaṃ. Samānajātikānaṃ saṅgaho, samānajātiyā vā saṅgaho sajātisaṅgaho. Sañjāyati etthāti sañjāti, sañjātiyā saṅgaho sañjātisaṅgaho, sañjātidesena saṅgahoti attho. Kiriyāya evarūpāya saṅgaho kiriyāsaṅgaho. Rūpakkhandhagaṇananti ‘‘rūpakkhandho’’ti gaṇanaṃ saṅkhyaṃ gacchati ruppanasabhāvattā. Tīhi koṭṭhāsehi rūpagaṇanāti vakkhamānehi tīhi bhāgehi rūpassa saṅgaho, gaṇetabbatāti attho.

    รูปายตนํ นิปสฺสติ ปจฺจกฺขโต วิชานาตีติ นิทสฺสนํ , จกฺขุวิญฺญาณํ, นิทสฺสตีติ วา นิทสฺสนํ, ทฎฺฐพฺพภาโว, จกฺขุวิญฺญาณสฺส โคจรภาโว, ตสฺส จ รูปายตนโต อนญฺญเตฺตปิ อเญฺญหิ ธเมฺมหิ รูปายตนํ วิเสเสตุํ อญฺญํ วิย กตฺวา ‘‘สห นิทสฺสเนนาติ สนิทสฺสน’’นฺติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ธมฺมสภาวสามเญฺญน หิ เอกีภูเตสุ ธเมฺมสุ โย นานตฺตกโร สภาโว, โส อโญฺญ วิย กตฺวา อุปจริตุํ ยุโตฺตฯ เอวญฺหิ อตฺถวิเสสาวโพโธ โหตีติฯ จกฺขุปฎิหนนสมตฺถโตติ จกฺขุโน ฆฎฺฎนสมตฺถตายฯ ฆฎฺฎนํ วิย จ ฆฎฺฎนํ ทฎฺฐพฺพํฯ ทุติเยน อตฺถวิกเปฺปน ทฎฺฐพฺพภาวสงฺขาตํ นาสฺส นิทสฺสนนฺติ อนิทสฺสนนฺติ โยชนาฯ เอตฺถ จ ทสนฺนํ อายตนานํ ยถารหํ สยํ, นิสฺสยวเสน จ สมฺปตฺตานํ, อสมฺปตฺตานญฺจ ปฎิมุขภาโว อญฺญมญฺญปตนํ ปฎิหนนํ, เยน พฺยาปาราทิวิการปจฺจยนฺตรสนฺนิธาเน จกฺขาทีนํ วิสเยสุ วิการุปฺปตฺติฯ ตตฺถ พฺยาปาโร จกฺขาทีนํ สวิสเยสุ อาวิจฺฉนฺนํ, รูปาทีนํ อิฎฺฐานิฎฺฐตา, ตตฺถ จ จิตฺตสฺส อาภุชนนฺติ อิเม อาทิสทฺทสงฺคหิตาฯ เตหิ วิการปฺปตฺติยา ปจฺจยนฺตรพฺยาปารโต อญฺญนฺติ กตฺวา อนุคฺคหูปฆาโต วิกาโรฯ อุปนิสฺสโย ปน อปฺปธานสฺส ปจฺจโย อิธ คหิโตฯ การณการณมฺปิ การณเมวาติ คยฺหมาเน สิยา ตสฺสาปิ สงฺคโหติฯ วุตฺตปฺปการนฺติ ‘‘จกฺขุวิญฺญาณสงฺขาต’’นฺติ วุตฺตปฺปการํฯ นาสฺส ปฎิโฆติ เอตฺถาปิ ‘‘วุตฺตปฺปการ’’นฺติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ อวเสสํ โสฬสวิธํ สุขุมรูปํฯ

    Rūpāyatanaṃ nipassati paccakkhato vijānātīti nidassanaṃ, cakkhuviññāṇaṃ, nidassatīti vā nidassanaṃ, daṭṭhabbabhāvo, cakkhuviññāṇassa gocarabhāvo, tassa ca rūpāyatanato anaññattepi aññehi dhammehi rūpāyatanaṃ visesetuṃ aññaṃ viya katvā ‘‘saha nidassanenāti sanidassana’’nti evamettha attho veditabbo. Dhammasabhāvasāmaññena hi ekībhūtesu dhammesu yo nānattakaro sabhāvo, so añño viya katvā upacarituṃ yutto. Evañhi atthavisesāvabodho hotīti. Cakkhupaṭihananasamatthatoti cakkhuno ghaṭṭanasamatthatāya. Ghaṭṭanaṃ viya ca ghaṭṭanaṃ daṭṭhabbaṃ. Dutiyena atthavikappena daṭṭhabbabhāvasaṅkhātaṃ nāssa nidassananti anidassananti yojanā. Ettha ca dasannaṃ āyatanānaṃ yathārahaṃ sayaṃ, nissayavasena ca sampattānaṃ, asampattānañca paṭimukhabhāvo aññamaññapatanaṃ paṭihananaṃ, yena byāpārādivikārapaccayantarasannidhāne cakkhādīnaṃ visayesu vikāruppatti. Tattha byāpāro cakkhādīnaṃ savisayesu āvicchannaṃ, rūpādīnaṃ iṭṭhāniṭṭhatā, tattha ca cittassa ābhujananti ime ādisaddasaṅgahitā. Tehi vikārappattiyā paccayantarabyāpārato aññanti katvā anuggahūpaghāto vikāro. Upanissayo pana appadhānassa paccayo idha gahito. Kāraṇakāraṇampi kāraṇamevāti gayhamāne siyā tassāpi saṅgahoti. Vuttappakāranti ‘‘cakkhuviññāṇasaṅkhāta’’nti vuttappakāraṃ. Nāssa paṭighoti etthāpi ‘‘vuttappakāra’’nti ānetvā sambandho. Avasesaṃ soḷasavidhaṃ sukhumarūpaṃ.

    สงฺขโรนฺตีติ สมฺปิเณฺฑนฺติฯ เจตนา หิ อายูหนรสตาย ยถา สมฺปยุตฺตธเมฺม ยถาสกํ กิเจฺจสุ สํวิทหนฺตี วิย อภิสนฺทหนฺตี วตฺตมานา เตเนว กิจฺจวิเสเสน เต สมฺปิเณฺฑนฺตี วิย โหติ, เอวํ อตฺตโน วิปากธเมฺมปิ ปจฺจยสมวาเย สงฺขโรนฺตี สมฺปิเณฺฑนฺตี วิย โหติฯ เตนาห ‘‘สหชาต…เป.… ราสี กโรนฺตี’’ติฯ อภิสงฺขโรตีติ อภิวิสิฎฺฐํ กตฺวา สงฺขโรติฯ ปุญฺญาภิสงฺขาโร หิ อตฺตโน ผลํ อิตรสฺส ผลโต อติวิย วิสิฎฺฐํ ภินฺนํ กตฺวา สงฺขโรติ ปจฺจยโต, สภาวโต, ปวตฺติอาการโต จ สยํ อิตเรหิ วิสิฎฺฐสภาวตฺตาฯ เอส นโย อิตเรหิปิฯ ปุชฺชภวผลนิพฺพตฺตนโต, อตฺตโน สนฺตานสฺส ปุนนโต จ ปุโญฺญฯ

    Saṅkharontīti sampiṇḍenti. Cetanā hi āyūhanarasatāya yathā sampayuttadhamme yathāsakaṃ kiccesu saṃvidahantī viya abhisandahantī vattamānā teneva kiccavisesena te sampiṇḍentī viya hoti, evaṃ attano vipākadhammepi paccayasamavāye saṅkharontī sampiṇḍentī viya hoti. Tenāha ‘‘sahajāta…pe… rāsī karontī’’ti. Abhisaṅkharotīti abhivisiṭṭhaṃ katvā saṅkharoti. Puññābhisaṅkhāro hi attano phalaṃ itarassa phalato ativiya visiṭṭhaṃ bhinnaṃ katvā saṅkharoti paccayato, sabhāvato, pavattiākārato ca sayaṃ itarehi visiṭṭhasabhāvattā. Esa nayo itarehipi. Pujjabhavaphalanibbattanato, attano santānassa punanato ca puñño.

    มหาจิตฺตเจตนานนฺติ อสเงฺขฺยยฺยายุนิปฺผาทนาทิมหานุภาวตาย มหาจิเตฺตสุ ปวตฺตเจตนานํฯ อเฎฺฐว เจตนา โหนฺติ, ยา กามาวจรา กุสลาฯ ‘‘เตรสปี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ‘‘นวา’’ติ วตฺตพฺพํฯ น หิ ภาวนา ญาณรหิตา ยุตฺตาติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิฯ กสิณปริกมฺมํ กโรนฺตสฺสาติ กสิเณสุ ฌานปริกมฺมํ กโรนฺตสฺสฯ ‘‘ปถวี ปถวี’’ติอาทิ ภาวนา หิ กสิณปริกมฺมํฯ ตสฺส หิ ปริกมฺมสฺส สุปคุณภาวโต อนุยุตฺตสฺส ตตฺถ อาทรากรเณน สิยา ญาณรหิตจิตฺตํฯ ฌานปจฺจเวกฺขณายปิ เอเสว นโยฯ เกจิ มณฺฑลกรณมฺปิ ภาวนํ ภชาเปนฺติฯ

    Mahācittacetanānanti asaṅkhyeyyāyunipphādanādimahānubhāvatāya mahācittesu pavattacetanānaṃ. Aṭṭheva cetanā honti, yā kāmāvacarā kusalā. ‘‘Terasapī’’ti kasmā vuttaṃ, nanu ‘‘navā’’ti vattabbaṃ. Na hi bhāvanā ñāṇarahitā yuttāti anuyogaṃ sandhāyāha ‘‘yathā hī’’tiādi. Kasiṇaparikammaṃ karontassāti kasiṇesu jhānaparikammaṃ karontassa. ‘‘Pathavī pathavī’’tiādi bhāvanā hi kasiṇaparikammaṃ. Tassa hi parikammassa supaguṇabhāvato anuyuttassa tattha ādarākaraṇena siyā ñāṇarahitacittaṃ. Jhānapaccavekkhaṇāyapi eseva nayo. Keci maṇḍalakaraṇampi bhāvanaṃ bhajāpenti.

    ทานวเสน ปวตฺตจิตฺตเจตสิกธมฺมา ทานํ, ตตฺถ พฺยาปารภูตา อายูหนเจตนา ทานํ อารพฺภ, ทานญฺจ อธิกิจฺจ อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตาฯ เอวํ อิตเรสุปิฯ อยํ สเงฺขปเทสนาติ อยํ ปุญฺญาภิสงฺขาเร สเงฺขปโต อตฺถเทสนา, อตฺถวณฺณนาติ อโตฺถฯ

    Dānavasena pavattacittacetasikadhammā dānaṃ, tattha byāpārabhūtā āyūhanacetanā dānaṃ ārabbha, dānañca adhikicca uppajjatīti vuttā. Evaṃ itaresupi. Ayaṃ saṅkhepadesanāti ayaṃ puññābhisaṅkhāre saṅkhepato atthadesanā, atthavaṇṇanāti attho.

    โสมนสฺสจิเตฺตนาติ อนุโมทนาปวตฺติทสฺสนมตฺตเมตํ ทฎฺฐพฺพํฯ อุเปกฺขาสหคเตนาปิ หิ อนุสฺสรติ เอวาติฯ กามํ นิจฺจสีลํ, อุโปสถสีลํ, นิยมสีลมฺปิ สีลเมว, ปริปุณฺณํ ปน สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ สีลํ ทเสฺสตุํ ‘‘สีลปูรณตฺถายา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นยทสฺสนํ วา เอตํ, ตสฺมา ‘‘นิจฺจสีลํ, อุโปสถสีลํ, นิยมสีลํ สมาทิยิสฺสามี’’ติ วิหารํ คจฺฉนฺตสฺส, สมาทิยิตฺวา สมาทินฺนสีเล จ ตสฺมิํ, ‘‘สาธุ สุฎฺฐู’’ติ อาวชฺชนฺตสฺส, ตํ สีลํ โสเธนฺตสฺส จ ปวตฺตา เจตนา สีลมยาติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพาฯ

    Somanassacittenāti anumodanāpavattidassanamattametaṃ daṭṭhabbaṃ. Upekkhāsahagatenāpi hi anussarati evāti. Kāmaṃ niccasīlaṃ, uposathasīlaṃ, niyamasīlampi sīlameva, paripuṇṇaṃ pana sabbaṅgasampannaṃ sīlaṃ dassetuṃ ‘‘sīlapūraṇatthāyā’’tiādi vuttaṃ. Nayadassanaṃ vā etaṃ, tasmā ‘‘niccasīlaṃ, uposathasīlaṃ, niyamasīlaṃ samādiyissāmī’’ti vihāraṃ gacchantassa, samādiyitvā samādinnasīle ca tasmiṃ, ‘‘sādhu suṭṭhū’’ti āvajjantassa, taṃ sīlaṃ sodhentassa ca pavattā cetanā sīlamayāti evamettha yojanā veditabbā.

    ปุเพฺพ สมถวเสน ภาวนานโย คหิโตติ อิทานิ สมฺมสนนเยน ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปฎิสมฺภิทายํ วุเตฺตนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อนิจฺจโตติ อนิจฺจภาวโตฯ ทุกฺขโต, อนตฺตโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ

    Pubbe samathavasena bhāvanānayo gahitoti idāni sammasananayena taṃ dassetuṃ ‘‘paṭisambhidāyaṃ vuttenā’’tiādi vuttaṃ. Tattha aniccatoti aniccabhāvato. Dukkhato, anattatoti etthāpi eseva nayo.

    ตตฺถ เย ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา นามรูปภาเวน ปริคฺคหิตา, เต ยสฺมา ทฺวารารมฺมเณหิ สทฺธิํ ทฺวารปฺปวตฺตธมฺมวเสน วิภาคํ ลภนฺติ, ตสฺมา ทฺวารฉกฺกาทิวเสน ฉ ฉกฺกา คหิตาฯ ยสฺมา ปน ลกฺขเณสุ อนตฺตลกฺขณํ ทุพฺพิภาวํ, ตสฺมา ตสฺส วิภาวนาย ฉ ธาตุโย คหิตาฯ ตโต เยสุ กสิเณสุ อิโต พาหิรกานํ อตฺตาภินิเวโส, ตานิ อิเมสํ ฌานานํ อารมฺมณภาเวน อุปฎฺฐานาการมตฺตานิ, อิมานิ ปน ตานิ ฌานานีติ ทสฺสนตฺถํ ทส กสิณานิ คหิตานิฯ ตโต ทุกฺขานุปสฺสนาย ปริวารภาเวน ปฎิกฺกูลาการวเสน ทฺวตฺติํส โกฎฺฐาสา คหิตาฯ ปุเพฺพ ขนฺธวเสน สเงฺขปโต อิเม ธมฺมา คหิตา, อิทานิ นาติสเงฺขปวิตฺถารนเยน จ มนสิ กาตพฺพาติ ทสฺสนตฺถํ ทฺวาทสายตนานิ, อฎฺฐารส ธาตุโย จ คหิตาฯ เตสุ อิเม ธมฺมา สติปิ สุญฺญานิรีหอพฺยาปารภาเว ธมฺมสภาวโต อาธิปจฺจภาเวน ปวตฺตนฺตีติ อนตฺตภาววิภาวนตฺถํ อินฺทฺริยานิ คหิตานิฯ เอวํ อเนกเภทภินฺนาปิ อิเม ธมฺมา ภูมิตฺตยปริยาปนฺนตาย ติวิธาว โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ติโสฺส ธาตุโย คหิตาฯ เอตฺตาวตา นิมิตฺตํ ทเสฺสตฺวา ปวตฺตํ ทเสฺสตุํ กามภวาทโย นว ภวา คหิตาฯ เอตฺตเก อภิเญฺญยฺยวิเสเส ปวตฺตมนสิการโกสเลฺลน สณฺหสุขุเมสุ นิพฺพตฺติตมหคฺคตธเมฺมสุ มนสิกาโร ปวเตฺตตโพฺพติ ทสฺสนตฺถํ ฌานอปฺปมญฺญารูปานิ คหิตานิฯ ตตฺถ ฌานานิ นาม วุตฺตาวเสสารมฺมณานิ รูปาวจรชฺฌานานิฯ ปุน ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนวิภาคโต อิเม ธมฺมา วิภชฺช มนสิกาตพฺพาติ ทสฺสนตฺถํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทงฺคานิ คหิตานิฯ ปจฺจยาการมนสิกาโร หิ สุเขน, สุฎฺฐุตรญฺจ ลกฺขณตฺตยํ วิภาเวติ, ตสฺมา โส ปจฺฉโต คหิโตฯ เอวํ เอเต สมฺมสนียภาเวน คหิตา ขนฺธาทิวเสน โกฎฺฐาสโต ปญฺจวีสติวิธา, ปเภทโต ปน อตีตาทิเภทํ อนามสิตฺวา คยฺหมานา ทฺวีหิ อูนานิ เทฺวสตานิ โหนฺติฯ อิทํ ตาเวตฺถ ปาฬิววตฺถานํ, อตฺถวิจารํ ปน อิจฺฉเนฺตหิ ปรมตฺถมญฺชูสายํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Tattha ye pañcupādānakkhandhā nāmarūpabhāvena pariggahitā, te yasmā dvārārammaṇehi saddhiṃ dvārappavattadhammavasena vibhāgaṃ labhanti, tasmā dvārachakkādivasena cha chakkā gahitā. Yasmā pana lakkhaṇesu anattalakkhaṇaṃ dubbibhāvaṃ, tasmā tassa vibhāvanāya cha dhātuyo gahitā. Tato yesu kasiṇesu ito bāhirakānaṃ attābhiniveso, tāni imesaṃ jhānānaṃ ārammaṇabhāvena upaṭṭhānākāramattāni, imāni pana tāni jhānānīti dassanatthaṃ dasa kasiṇāni gahitāni. Tato dukkhānupassanāya parivārabhāvena paṭikkūlākāravasena dvattiṃsa koṭṭhāsā gahitā. Pubbe khandhavasena saṅkhepato ime dhammā gahitā, idāni nātisaṅkhepavitthāranayena ca manasi kātabbāti dassanatthaṃ dvādasāyatanāni, aṭṭhārasa dhātuyo ca gahitā. Tesu ime dhammā satipi suññānirīhaabyāpārabhāve dhammasabhāvato ādhipaccabhāvena pavattantīti anattabhāvavibhāvanatthaṃ indriyāni gahitāni. Evaṃ anekabhedabhinnāpi ime dhammā bhūmittayapariyāpannatāya tividhāva hontīti dassanatthaṃ tisso dhātuyo gahitā. Ettāvatā nimittaṃ dassetvā pavattaṃ dassetuṃ kāmabhavādayo nava bhavā gahitā. Ettake abhiññeyyavisese pavattamanasikārakosallena saṇhasukhumesu nibbattitamahaggatadhammesu manasikāro pavattetabboti dassanatthaṃ jhānaappamaññārūpāni gahitāni. Tattha jhānāni nāma vuttāvasesārammaṇāni rūpāvacarajjhānāni. Puna paccayapaccayuppannavibhāgato ime dhammā vibhajja manasikātabbāti dassanatthaṃ paṭiccasamuppādaṅgāni gahitāni. Paccayākāramanasikāro hi sukhena, suṭṭhutarañca lakkhaṇattayaṃ vibhāveti, tasmā so pacchato gahito. Evaṃ ete sammasanīyabhāvena gahitā khandhādivasena koṭṭhāsato pañcavīsatividhā, pabhedato pana atītādibhedaṃ anāmasitvā gayhamānā dvīhi ūnāni dvesatāni honti. Idaṃ tāvettha pāḷivavatthānaṃ, atthavicāraṃ pana icchantehi paramatthamañjūsāyaṃ visuddhimaggasaṃvaṇṇanāyaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ.

    น ปุโญฺญติ อปุโญฺญฯ ตสฺส ปุญฺญ-สเทฺท วุตฺตวิปริยาเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ สนฺตานสฺส อิญฺชนเหตูนํ นีวรณาทีนํ สุวิกฺขมฺภนโต รูปตณฺหาสงฺขาตสฺส อิญฺชิตสฺส อภาวโต อนิญฺชํ, อนิญฺชเมว ‘‘อาเนญฺช’’นฺติ วุตฺตํฯ ตถา หิ รูปารมฺมณํ รูปนิมิตฺตารมฺมณํ สพฺพมฺปิ จตุตฺถชฺฌานํ นิปฺปริยาเยน ‘‘อาเนญฺช’’นฺติ วุจฺจติฯ

    Na puññoti apuñño. Tassa puñña-sadde vuttavipariyāyena attho veditabbo. Santānassa iñjanahetūnaṃ nīvaraṇādīnaṃ suvikkhambhanato rūpataṇhāsaṅkhātassa iñjitassa abhāvato aniñjaṃ, aniñjameva ‘‘āneñja’’nti vuttaṃ. Tathā hi rūpārammaṇaṃ rūpanimittārammaṇaṃ sabbampi catutthajjhānaṃ nippariyāyena ‘‘āneñja’’nti vuccati.

    จตฺตาโร มคฺคฎฺฐา, เหฎฺฐิมา ตโย ผลฎฺฐาติ เอวํ สตฺตวิโธฯ ติโสฺส สิกฺขาติ อธิสีลาทิกา ติโสฺส สิกฺขาฯ ตาสุ ชาโตติ วา เสโกฺข, อริยปุคฺคโล หิ อริยาย ชาติยา ชายมาโน สิกฺขาสุ ชายติ, น โยนิยํฯ สิกฺขนสีโลติ วา เสโกฺขฯ ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย วา กถาย เสกฺขสฺส อยนฺติ อญฺญาสาธารณมคฺคผลตฺตยธมฺมา เสกฺขปริยาเยน วุตฺตาฯ อเสโกฺขติ จ ยตฺถ เสกฺขภาวาสงฺกา อตฺถิ, ตตฺถายํ ปฎิเสโธติ โลกิยนิพฺพาเนสุ อเสกฺขภาวนาปตฺติ ทฎฺฐพฺพาฯ สีลสมาธิปญฺญาสงฺขาตา หิ สิกฺขา อตฺตโน ปฎิปกฺขกิเลเสหิวิปฺปมุตฺตา ปริสุทฺธา อุปกฺกิเลสานํ อารมฺมณภาวมฺปิ อนุปคมนโต เอตา ‘‘สิกฺขา’’ติ วตฺตุํ ยุตฺตา อฎฺฐสุปิ มคฺคผเลสุ วิชฺชนฺติ, ตสฺมา จตุมคฺคเหฎฺฐิมผลตฺตยสมงฺคิโน วิย อรหตฺตผลสมงฺคีปิ ตาสุ สิกฺขาสุ ชาโตติ จ ตํสมงฺคิโน อรหโต อิตเรสํ วิย เสกฺขเตฺต สติ เสกฺขสฺส อยนฺติ จ สิกฺขา สีลํ เอตสฺสาติ จ ‘‘เสโกฺข’’ติ วตฺตโพฺพ สิยาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ อเสโกฺขติ ยถาวุตฺตเสกฺขภาวปฎิเสโธ กโตฯ อรหตฺตผเล หิ ปวตฺตมานา สิกฺขา ปรินิฎฺฐิตสิกฺขากิจฺจตฺตา น สิกฺขากิจฺจํ กโรนฺติ, เกวลํ สิกฺขาผลภาเวเนว ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา น ตา สิกฺขาวจนํ อรหนฺติ, นาปิ ตํสมงฺคี เสกฺขวจนํ, น จ ‘‘สิกฺขนสีโล, สิกฺขาสุ ชาโต’’ติ จ วตฺตพฺพตํ อรหติฯ เหฎฺฐิมผเลสุ ปน สิกฺขา สกทาคามิมคฺควิปสฺสนาทีนํ อุปนิสฺสยภาวโต สิกฺขากิจฺจํ กโรนฺตีติ สิกฺขาวจนํ อรหนฺติ, ตํสมงฺคิโน จ เสกฺขวจนํ, ‘‘สิกฺขนสีลา, สิกฺขาสุ ชาตา’’ติ จ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติฯ

    Cattāro maggaṭṭhā, heṭṭhimā tayo phalaṭṭhāti evaṃ sattavidho. Tisso sikkhāti adhisīlādikā tisso sikkhā. Tāsu jātoti vā sekkho, ariyapuggalo hi ariyāya jātiyā jāyamāno sikkhāsu jāyati, na yoniyaṃ. Sikkhanasīloti vā sekkho. Puggalādhiṭṭhānāya vā kathāya sekkhassa ayanti aññāsādhāraṇamaggaphalattayadhammā sekkhapariyāyena vuttā. Asekkhoti ca yattha sekkhabhāvāsaṅkā atthi, tatthāyaṃ paṭisedhoti lokiyanibbānesu asekkhabhāvanāpatti daṭṭhabbā. Sīlasamādhipaññāsaṅkhātā hi sikkhā attano paṭipakkhakilesehivippamuttā parisuddhā upakkilesānaṃ ārammaṇabhāvampi anupagamanato etā ‘‘sikkhā’’ti vattuṃ yuttā aṭṭhasupi maggaphalesu vijjanti, tasmā catumaggaheṭṭhimaphalattayasamaṅgino viya arahattaphalasamaṅgīpi tāsu sikkhāsu jātoti ca taṃsamaṅgino arahato itaresaṃ viya sekkhatte sati sekkhassa ayanti ca sikkhā sīlaṃ etassāti ca ‘‘sekkho’’ti vattabbo siyāti tannivattanatthaṃ asekkhoti yathāvuttasekkhabhāvapaṭisedho kato. Arahattaphale hi pavattamānā sikkhā pariniṭṭhitasikkhākiccattā na sikkhākiccaṃ karonti, kevalaṃ sikkhāphalabhāveneva pavattanti, tasmā na tā sikkhāvacanaṃ arahanti, nāpi taṃsamaṅgī sekkhavacanaṃ, na ca ‘‘sikkhanasīlo, sikkhāsu jāto’’ti ca vattabbataṃ arahati. Heṭṭhimaphalesu pana sikkhā sakadāgāmimaggavipassanādīnaṃ upanissayabhāvato sikkhākiccaṃ karontīti sikkhāvacanaṃ arahanti, taṃsamaṅgino ca sekkhavacanaṃ, ‘‘sikkhanasīlā, sikkhāsu jātā’’ti ca vattabbataṃ arahanti.

    ‘‘สิกฺขตีติ เสโกฺข’’ติ จ อปริโยสิตสิโกฺข ทสฺสิโตติฯ อนนฺตรเมว ‘‘ขีณาสโว’’ติ อาทิํ วตฺวา ‘‘น สิกฺขตีติ อเสโกฺข’’ติ วุตฺตตฺตา ปริโยสิตสิโกฺข ทสฺสิโต, น สิกฺขารหิโต ตสฺส ตติยปุคฺคลภาเวน คหิตตฺตาฯ วุทฺธิปฺปตฺตสิโกฺข วา อเสโกฺขติ เอตสฺมิํ อเตฺถ เสกฺขธเมฺมสุ เอว ฐิตสฺส กสฺสจิ อริยสฺส อเสกฺขภาวาปตฺตีติ อรหตฺตมคฺคธมฺมา วุทฺธิปฺปตฺตา, ยถาวุเตฺตหิ จ อเตฺถหิ เสโกฺขติ กตฺวา ตํสมงฺคิโน อคฺคมคฺคฎฺฐสฺส อเสกฺขภาโว อาปโนฺนติ? น ตํสทิเสสุ ตโพฺพหารโตฯ อรหตฺตมคฺคโต หิ นินฺนานากรณํ อรหตฺตผลํ ฐเปตฺวา ปริญฺญาทิกิจฺจกรณํ, วิปากภาวญฺจ, ตสฺมา เต เอว เสกฺขธมฺมา ‘‘อคฺคผลธมฺมภาวํ อาปนฺนา’’ติ สกฺกา วตฺตุํ, กุสลสุขโต จ วิปากสุขํ สนฺตตรตาย ปณีตตรนฺติ, วุทฺธิปฺปตฺตา จ เต ธมฺมา โหนฺตีติ ตํสมงฺคี ‘‘อเสโกฺข’’ติ วุจฺจตีติฯ

    ‘‘Sikkhatīti sekkho’’ti ca apariyositasikkho dassitoti. Anantarameva ‘‘khīṇāsavo’’ti ādiṃ vatvā ‘‘na sikkhatīti asekkho’’ti vuttattā pariyositasikkho dassito, na sikkhārahito tassa tatiyapuggalabhāvena gahitattā. Vuddhippattasikkho vā asekkhoti etasmiṃ atthe sekkhadhammesu eva ṭhitassa kassaci ariyassa asekkhabhāvāpattīti arahattamaggadhammā vuddhippattā, yathāvuttehi ca atthehi sekkhoti katvā taṃsamaṅgino aggamaggaṭṭhassa asekkhabhāvo āpannoti? Na taṃsadisesu tabbohārato. Arahattamaggato hi ninnānākaraṇaṃ arahattaphalaṃ ṭhapetvā pariññādikiccakaraṇaṃ, vipākabhāvañca, tasmā te eva sekkhadhammā ‘‘aggaphaladhammabhāvaṃ āpannā’’ti sakkā vattuṃ, kusalasukhato ca vipākasukhaṃ santataratāya paṇītataranti, vuddhippattā ca te dhammā hontīti taṃsamaṅgī ‘‘asekkho’’ti vuccatīti.

    ชาติมหลฺลโกติ ชาติยา วุฑฺฒตโร อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺตฯ โส หิ รตฺตญฺญุตาย เยภุเยฺยน ชาติธมฺมกุลธมฺมปเทสุ ถาวริยปฺปตฺติยา ชาติเถโร นามฯ เถรกรณา ธมฺมาติ สาสเน ถิรภาวกรา คุณา ปฎิปกฺขนิมฺมทนกาฯ เถโรติ วกฺขมาเนสุ ธเมฺมสุ ถิรภาวปฺปโตฺตฯ สีลวาติ ปาสํเสน สาติสเยน สีเลน สมนฺนาคโต, สีลสมฺปโนฺนติ อโตฺถ, เอเตน ทุสฺสีลฺยสงฺขาตสฺส พาลฺยสฺส อภาวมาหฯ สุตฺตเคยฺยาทิ พหุ สุตํ เอเตนาติ พหุสฺสุโต, เอเตนาสฺส สุตวิรหสงฺขาตสฺส พาลฺยสฺส อภาวํ, ปฎิสงฺขานพเลน จ ปติฎฺฐิตภาวํ วทติฯ ‘‘จตุนฺนํ ฌานานํ ลาภี’’ติ อิมินา นีวรณาทิสงฺขาตสฺส พาลฺยสฺส อภาวํ, ภาวนาพเลน จ ปติฎฺฐิตภาวํ กเถติฯ ‘‘อาสวานํ ขยา’’ติอาทินา อวิชฺชาสงฺขาตสฺส พาลฺยสฺส สพฺพโส อภาวํ, ขีณาสวเตฺถรภาเวน ปติฎฺฐิตภาวญฺจสฺส ทเสฺสติฯ น เจตฺถ สมุทาเย วากฺยปริสมาปนํ, อถ โข ปเจฺจกํ วากฺยปริสมาปนนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอวํ วุเตฺตสุ ธเมฺมสู’’ติอาทิมาหฯ เถรนามโก วา ‘‘เถโร’’ติ เอวํ นามโก วาฯ

    Jātimahallakoti jātiyā vuḍḍhataro addhagato vayoanuppatto. So hi rattaññutāya yebhuyyena jātidhammakuladhammapadesu thāvariyappattiyā jātithero nāma. Therakaraṇā dhammāti sāsane thirabhāvakarā guṇā paṭipakkhanimmadanakā. Theroti vakkhamānesu dhammesu thirabhāvappatto. Sīlavāti pāsaṃsena sātisayena sīlena samannāgato, sīlasampannoti attho, etena dussīlyasaṅkhātassa bālyassa abhāvamāha. Suttageyyādi bahu sutaṃ etenāti bahussuto, etenāssa sutavirahasaṅkhātassa bālyassa abhāvaṃ, paṭisaṅkhānabalena ca patiṭṭhitabhāvaṃ vadati. ‘‘Catunnaṃ jhānānaṃ lābhī’’ti iminā nīvaraṇādisaṅkhātassa bālyassa abhāvaṃ, bhāvanābalena ca patiṭṭhitabhāvaṃ katheti. ‘‘Āsavānaṃ khayā’’tiādinā avijjāsaṅkhātassa bālyassa sabbaso abhāvaṃ, khīṇāsavattherabhāvena patiṭṭhitabhāvañcassa dasseti. Na cettha samudāye vākyaparisamāpanaṃ, atha kho paccekaṃ vākyaparisamāpananti dassento ‘‘evaṃ vuttesu dhammesū’’tiādimāha. Theranāmako vā ‘‘thero’’ti evaṃ nāmako vā.

    อนุคฺคหวเสน, ปูชาวเสน วา อตฺตโน สนฺตกํ ปรสฺส ทียติ เอเตนาติ ทานํ, ปริจฺจาคเจตนาฯ ทานเมว ทานมยํฯ ปทปูรณมตฺตํ มย-สโทฺทฯ ปุญฺญญฺจ ตํ ยถาวุเตฺตนเตฺถน กิริยา จ กมฺมภาวโตติ ปุญฺญกิริยาฯ ปเรสํ ปิยมนาปตาเสวนียตาทีนํ อานิสํสานํฯ ปุเพฺพ…เป.… วเสเนวาติ สงฺขารตฺติเก (ที. นิ. ๓.๓๐๕; ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๓๐๕) วุตฺตทานมยสีลมยภาวนามยเจตนาวเสเนวฯ อิมานิ เวทิตพฺพานีติ สมฺพโนฺธฯ เอตฺถาติ เอเตสุ ปุญฺญกิริยวตฺถูสุฯ กาเยน กโรนฺตสฺสาติ อตฺตโน กาเยน ปริจฺจาคปโยคํ ปวเตฺตนฺตสฺสฯ ตทตฺถนฺติ ทานตฺถํฯ ‘‘อิมํ เทยฺยธมฺมํ เทหี’’ติ วาจํ นิจฺฉาเรนฺตสฺสฯ ทานปารมิํ อาวเชฺชตฺวา วาติ ยถา เกวลํ ‘‘อนฺนทานาทีนิ เทมี’’ติ ทานกาเล ตํ ทานมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ โหติ, เอวํ ‘‘อิมํ ทานมยํ สมฺมาสโมฺพธิยา ปจฺจโย โหตู’’ติ ทานปารมิํ อาวเชฺชตฺวา ทานกาเลปิ ทานสีเสเนว ปวตฺติตตฺตาฯ วตฺตสีเส ฐตฺวาติ ‘‘เอตํ ทานํ นาม มยฺหํ กุลวํโส กุลตนฺติ กุลปเวณี กุลจาริตฺต’’นฺติ จาริตฺตสีเล ฐตฺวา ททโต จาริตฺตสีลมยํฯ ยถา เทยฺยธมฺมปริจฺจาควเสน ปวตฺตมานาปิ ทานเจตนา วตฺตสีเส ฐตฺวา ททโต สีลมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ โหติ ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส, อปรภาคเจตนาย จ ตถา ปวตฺตตฺตา, เอวํ เทยฺยธเมฺม ขยโต, วยโต สมฺมสนํ ปฎฺฐเปตฺวา ททโต ภาวนามยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ โหติ ปุพฺพภาคเจตนาย, เทยฺยธเมฺม อปรภาคเจตนาย จ ตถา ปวตฺตตฺตาฯ

    Anuggahavasena, pūjāvasena vā attano santakaṃ parassa dīyati etenāti dānaṃ, pariccāgacetanā. Dānameva dānamayaṃ. Padapūraṇamattaṃ maya-saddo. Puññañca taṃ yathāvuttenatthena kiriyā ca kammabhāvatoti puññakiriyā. Paresaṃ piyamanāpatāsevanīyatādīnaṃ ānisaṃsānaṃ. Pubbe…pe… vasenevāti saṅkhārattike (dī. ni. 3.305; dī. ni. aṭṭha. 3.305) vuttadānamayasīlamayabhāvanāmayacetanāvaseneva. Imāni veditabbānīti sambandho. Etthāti etesu puññakiriyavatthūsu. Kāyena karontassāti attano kāyena pariccāgapayogaṃ pavattentassa. Tadatthanti dānatthaṃ. ‘‘Imaṃ deyyadhammaṃ dehī’’ti vācaṃ nicchārentassa. Dānapāramiṃ āvajjetvā vāti yathā kevalaṃ ‘‘annadānādīni demī’’ti dānakāle taṃ dānamayaṃ puññakiriyavatthu hoti, evaṃ ‘‘imaṃ dānamayaṃ sammāsambodhiyā paccayo hotū’’ti dānapāramiṃ āvajjetvā dānakālepi dānasīseneva pavattitattā. Vattasīse ṭhatvāti ‘‘etaṃ dānaṃ nāma mayhaṃ kulavaṃso kulatanti kulapaveṇī kulacāritta’’nti cārittasīle ṭhatvā dadato cārittasīlamayaṃ. Yathā deyyadhammapariccāgavasena pavattamānāpi dānacetanā vattasīse ṭhatvā dadato sīlamayaṃ puññakiriyavatthu hoti pubbābhisaṅkhārassa, aparabhāgacetanāya ca tathā pavattattā, evaṃ deyyadhamme khayato, vayato sammasanaṃ paṭṭhapetvā dadato bhāvanāmayaṃ puññakiriyavatthu hoti pubbabhāgacetanāya, deyyadhamme aparabhāgacetanāya ca tathā pavattattā.

    อปจีติเจตนา อปจิติสหคตํ อปจียติ เอตายาติ ยถา นนฺทีราโค เอว นนฺทีราคสหคตา, ยถาวุตฺตาย วา อปจิติยา สหคตํ สหปวตฺตนฺติ อปจิติสหคตํ ฯ อปจายนวเสน ปวตฺตํ ปุญฺญกิริยวตฺถุฯ วยสา คุเณหิ จ วุฑฺฒตรานํ วตฺตปฎิปตฺตีสุ พฺยาวโฎ โหติ ยาย เจตนาย, สา เวยฺยาวจฺจํ, เวยฺยาวจฺจเมว เวยฺยาวจฺจสหคตํฯ เวยฺยาวจฺจสงฺขาตาย วา วตฺตปฎิปตฺติยา สมุฎฺฐาปนวเสเนว สหคตํ ปวตฺตนฺติ เวยฺยาวจฺจสหคตํ, ตถาปวตฺตํ ปุญฺญกิริยวตฺถุฯ อตฺตโน สนฺตาเน ปตฺตํ ปุญฺญํ อนุปฺปทียติ เอเตนาติ ปตฺตานุปฺปทานํฯ ตถา ปเรน อนุปฺปทินฺนตาย ปตฺตํ อพฺภนุโมทติ เอเตนาติ ปตฺตพฺภนุโมทนํฯ อนนุปฺปทินฺนํ ปน เกวลํ อพฺภนุโมทียติ เอเตนาติ อพฺภนุโมทนํฯ ธมฺมํ เทเสติ เอตายาติ เทสนา, เทสนาว เทสนามยํฯ สุณาติ เอเตนาติ สวนํ, สวนเมว สวนมยํฯ ทิฎฺฐิยา ญาณสฺส อุชุคมนํ ทิฎฺฐิชุคตํฯ สพฺพตฺถ ‘‘ปุญฺญกิริยวตฺถู’’ติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา นปุํสกลิงฺคตาฯ

    Apacīticetanā apacitisahagataṃ apacīyati etāyāti yathā nandīrāgo eva nandīrāgasahagatā, yathāvuttāya vā apacitiyā sahagataṃ sahapavattanti apacitisahagataṃ. Apacāyanavasena pavattaṃ puññakiriyavatthu. Vayasā guṇehi ca vuḍḍhatarānaṃ vattapaṭipattīsu byāvaṭo hoti yāya cetanāya, sā veyyāvaccaṃ, veyyāvaccameva veyyāvaccasahagataṃ. Veyyāvaccasaṅkhātāya vā vattapaṭipattiyā samuṭṭhāpanavaseneva sahagataṃ pavattanti veyyāvaccasahagataṃ, tathāpavattaṃ puññakiriyavatthu. Attano santāne pattaṃ puññaṃ anuppadīyati etenāti pattānuppadānaṃ. Tathā parena anuppadinnatāya pattaṃ abbhanumodati etenāti pattabbhanumodanaṃ. Ananuppadinnaṃ pana kevalaṃ abbhanumodīyati etenāti abbhanumodanaṃ. Dhammaṃ deseti etāyāti desanā, desanāva desanāmayaṃ. Suṇāti etenāti savanaṃ, savanameva savanamayaṃ. Diṭṭhiyā ñāṇassa ujugamanaṃ diṭṭhijugataṃ. Sabbattha ‘‘puññakiriyavatthū’’ti padaṃ apekkhitvā napuṃsakaliṅgatā.

    ปูชาวเสน สามีจิกิริยา อปจายนํ อปจิติฯ วยสา คุเณหิ จ เชฎฺฐานํ คิลานานญฺจ ตํตํกิจฺจกรณํ เวยฺยาวจฺจํฯ อยเมเตสํ วิเสโสติ อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ จตฺตาโร ปจฺจเย ทตฺวา สพฺพสตฺตานนฺติ จ เอกเทสโต อุกฺกฎฺฐนิเทฺทโส, ยํ กิญฺจิ เทยฺยธมฺมํ ทตฺวา, ปุญฺญํ วา กตฺวา ‘‘กติปยานํ, เอกเสฺสว วา ปตฺติ โหตู’’ติ ปริณามนมฺปิ ปตฺตานุปฺปทานเมวฯ ตํ น มหปฺผลํ ตณฺหาย ปรามฎฺฐตฺตาฯ ปเรสํ เทเสติ หิตผรเณน มุทุจิเตฺตนาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ เอวนฺติ เอวํ อิมํ ธมฺมํ สุตฺวา พหุสฺสุโต หุตฺวา ปเร ธมฺมเทสนาย อนุคฺคณฺหิสฺสามีติ หิตผรเณน มุทุจิเตฺตน ธมฺมํ สุณาติฯ เอวญฺหิสฺส สวนํ อตฺตโน, ปเรสญฺจ สมฺมาปฎิปตฺติยา ปจฺจยภาวโต มหปฺผลํ ภวิสฺสตีติฯ สเพฺพสนฺติ สเพฺพสมฺปิ ทสนฺนํ ปุญฺญกิริยวตฺถูนํฯ นิยมลกฺขณนฺติ มหปฺผลภาวสฺส นิยามกสภาวํ ฯ ทิฎฺฐิยา อุชุภาเวเนวาติ ‘‘อตฺถิ, นตฺถี’’ติ อนฺตทฺวยสฺส ทุรสมุสฺสาริตตาย ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๒.๙๔; ๓.๑๓๖; วิภ. ๗๙๓) นยปฺปวตฺตาย สมฺมาทิฎฺฐิยา อุชุกเมว ปวตฺติยาฯ ทานาทีสุ หิ ยํ กิญฺจิ อิมาย เอว สมฺมาทิฎฺฐิยา ปริโสธิตํ มหาชุติกํ มหาวิปฺผารํ ภวติฯ

    Pūjāvasena sāmīcikiriyā apacāyanaṃ apaciti. Vayasā guṇehi ca jeṭṭhānaṃ gilānānañca taṃtaṃkiccakaraṇaṃ veyyāvaccaṃ. Ayametesaṃ visesoti āha ‘‘tatthā’’tiādi. Cattāro paccaye datvā sabbasattānanti ca ekadesato ukkaṭṭhaniddeso, yaṃ kiñci deyyadhammaṃ datvā, puññaṃ vā katvā ‘‘katipayānaṃ, ekasseva vā patti hotū’’ti pariṇāmanampi pattānuppadānameva. Taṃ na mahapphalaṃ taṇhāya parāmaṭṭhattā. Paresaṃ deseti hitapharaṇena muducittenāti ānetvā sambandhitabbaṃ. Evanti evaṃ imaṃ dhammaṃ sutvā bahussuto hutvā pare dhammadesanāya anuggaṇhissāmīti hitapharaṇena muducittena dhammaṃ suṇāti. Evañhissa savanaṃ attano, paresañca sammāpaṭipattiyā paccayabhāvato mahapphalaṃ bhavissatīti. Sabbesanti sabbesampi dasannaṃ puññakiriyavatthūnaṃ. Niyamalakkhaṇanti mahapphalabhāvassa niyāmakasabhāvaṃ . Diṭṭhiyā ujubhāvenevāti ‘‘atthi, natthī’’ti antadvayassa durasamussāritatāya ‘‘atthi dinna’’ntiādi (ma. ni. 2.94; 3.136; vibha. 793) nayappavattāya sammādiṭṭhiyā ujukameva pavattiyā. Dānādīsu hi yaṃ kiñci imāya eva sammādiṭṭhiyā parisodhitaṃ mahājutikaṃ mahāvipphāraṃ bhavati.

    ปุริเมเหว ตีหีติ ปาฬิยํ อาคเตเหว ตีหิฯ สีลมเย ปุญฺญกิริยวตฺถุมฺหิ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ จาริตฺตสีลภาวโตฯ ทานมเย สงฺคหํ คจฺฉนฺติ ทานสภาวตฺตา, ทานวิสยตฺตา จฯ กามํ เทสนา ธมฺมทานสภาวโต ทานมเย สงฺคหํ คจฺฉตีติ วตฺตุํ ยุตฺตา, กุสลธมฺมาเสวนภาวโต ปน วิมุตฺตายตนสีเส ฐตฺวา ปวตฺติตา วิย สวเนน สทฺธิํ ภาวนามเย สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ วุตฺตํฯ ‘‘ทิฎฺฐิชุคตํ ภาวนามเย’’ติ เกจิฯ ทิฎฺฐิชุคเต เอว จ อตฺตนา กตสฺส ปุญฺญสฺส อนุสฺสรณํ, ตสฺส จ ปเรสํ อตฺถาย ปริณามนํ, คุณปสํสา, อเญฺญหิ กริยมานาย ปุญฺญกิริยาย, สมฺมาปฎิปตฺติยา จ อนุโมทนํ สรณคมนนฺติ เอวํ อาทโย ปุญฺญวิเสสา สงฺคหํ คจฺฉนฺติ ทิฎฺฐิชุกมฺมวเสเนว เตสํ อิชฺฌนโตฯ

    Purimeheva tīhīti pāḷiyaṃ āgateheva tīhi. Sīlamaye puññakiriyavatthumhi saṅgahaṃ gacchanti cārittasīlabhāvato. Dānamaye saṅgahaṃ gacchanti dānasabhāvattā, dānavisayattā ca. Kāmaṃ desanā dhammadānasabhāvato dānamaye saṅgahaṃ gacchatīti vattuṃ yuttā, kusaladhammāsevanabhāvato pana vimuttāyatanasīse ṭhatvā pavattitā viya savanena saddhiṃ bhāvanāmaye saṅgahaṃ gacchantīti vuttaṃ. ‘‘Diṭṭhijugataṃ bhāvanāmaye’’ti keci. Diṭṭhijugate eva ca attanā katassa puññassa anussaraṇaṃ, tassa ca paresaṃ atthāya pariṇāmanaṃ, guṇapasaṃsā, aññehi kariyamānāya puññakiriyāya, sammāpaṭipattiyā ca anumodanaṃ saraṇagamananti evaṃ ādayo puññavisesā saṅgahaṃ gacchanti diṭṭhijukammavaseneva tesaṃ ijjhanato.

    ปรสฺส ปฎิปตฺติยา โสธนโตฺถ อนุโยโค โจทนา, สา ยานิ นิสฺสาย ปวตฺตติ, ตานิ โจทนาวตฺถูนิ ทิฎฺฐสุตปริสงฺกิตานิฯ เตนาห ‘‘โจทนาการณานี’’ติฯ ทิเฎฺฐนาติ จ เหตุมฺหิ กรณวจนํ , ทิเฎฺฐน เหตุนาติ อโตฺถฯ กิํ ปน ตํ ทิฎฺฐนฺติ อาห ‘‘วีติกฺกม’’นฺติ ฯ ทิสฺวาติ จ ทสฺสนเหตูติ อยเมตฺถ อโตฺถ ยถา ‘‘ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา’’ติฯ ‘‘สุเตนา’’ติอาทีสุปิ อิมินา นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ปรสฺสาติ ปรโต, ปรสฺส วา วจนํ สุตฺวาฯ ทิฎฺฐปริสงฺกิเตนาติ ทิฎฺฐานุคเตน ปริสงฺกิเตน, ตถา ปริสงฺกิเตน วา วีติกฺกเมนฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ โจเทติ วตฺถุสนฺทสฺสเนน วา สํวาสปฺปฎิเกฺขเปน วา สามีจิปฺปฎิเกฺขเปน วาฯ อิมสฺมิํ ปน อเตฺถ วิตฺถาริยมาเน อติปฺปปโญฺจ โหตีติ อาห ‘‘อยเมตฺถ สเงฺขโป’’ติฯ วิตฺถารํ ปน อิจฺฉนฺตานํ ตสฺส อธิคมุปายํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิตฺถาโร ปน…เป.… เวทิตโพฺพ’’ติ อาหฯ

    Parassa paṭipattiyā sodhanattho anuyogo codanā, sā yāni nissāya pavattati, tāni codanāvatthūni diṭṭhasutaparisaṅkitāni. Tenāha ‘‘codanākāraṇānī’’ti. Diṭṭhenāti ca hetumhi karaṇavacanaṃ , diṭṭhena hetunāti attho. Kiṃ pana taṃ diṭṭhanti āha ‘‘vītikkama’’nti . Disvāti ca dassanahetūti ayamettha attho yathā ‘‘paññāya cassa disvā’’ti. ‘‘Sutenā’’tiādīsupi iminā nayena attho veditabbo. Parassāti parato, parassa vā vacanaṃ sutvā.Diṭṭhaparisaṅkitenāti diṭṭhānugatena parisaṅkitena, tathā parisaṅkitena vā vītikkamena. Sesapadadvayepi eseva nayo. Codeti vatthusandassanena vā saṃvāsappaṭikkhepena vā sāmīcippaṭikkhepena vā. Imasmiṃ pana atthe vitthāriyamāne atippapañco hotīti āha ‘‘ayamettha saṅkhepo’’ti. Vitthāraṃ pana icchantānaṃ tassa adhigamupāyaṃ dassento ‘‘vitthāro pana…pe… veditabbo’’ti āha.

    กามูปปตฺติโยติ กาเมหิ อุปปนฺนตา, สมนฺนาคตตาติ อโตฺถฯ สมนฺนาคโม จ เตสํ ปฎิเสวนํ, สมธิคโม จาติ อาห ‘‘กามูปเสวนา กามปฎิลาภา วา’’ติฯ ปจฺจุปฎฺฐิตกามาติ ทุติยตติยราสีนํ วิย สยํ, ปเรหิ จ อนิมฺมิตาฯ อุฎฺฐานกมฺมผลูปชีวิภาวโต ปน ตทุภยวเสน ปจฺจุปฎฺฐิตา กามา เอเตสนฺติ ปจฺจุปฎฺฐิตกามาฯ เต ปน เตสํ เยภุเยฺยน นิพทฺธานิ โหนฺตีติ ‘‘นิพทฺธกามา’’ติ วุตฺตํฯ จตุเทวโลกวาสิโนติ จาตุมหาราชิกโต ปฎฺฐาย ยาว ตุสิตา เทวาฯ วินิปาติกาติ อาปายิกาฯ ปรนิมฺมิตา กามา เอเตสนฺติ ปรนิมฺมิตกามาฯ

    Kāmūpapattiyoti kāmehi upapannatā, samannāgatatāti attho. Samannāgamo ca tesaṃ paṭisevanaṃ, samadhigamo cāti āha ‘‘kāmūpasevanā kāmapaṭilābhā vā’’ti. Paccupaṭṭhitakāmāti dutiyatatiyarāsīnaṃ viya sayaṃ, parehi ca animmitā. Uṭṭhānakammaphalūpajīvibhāvato pana tadubhayavasena paccupaṭṭhitā kāmā etesanti paccupaṭṭhitakāmā. Te pana tesaṃ yebhuyyena nibaddhāni hontīti ‘‘nibaddhakāmā’’ti vuttaṃ. Catudevalokavāsinoti cātumahārājikato paṭṭhāya yāva tusitā devā. Vinipātikāti āpāyikā. Paranimmitā kāmā etesanti paranimmitakāmā.

    ปกติเสวนวเสนาติ อนุมานโต ชานนํ วทติ, น ปจฺจกฺขโตฯ วสํ วเตฺตนฺตีติ ยถารุจิ ปาตพฺยตํ อาปชฺชนฺติฯ ‘‘เมถุนํ ปฎิเสวนฺตี’’ติ อิทํ ปน เกจิวาทปฎิเสธนตฺถํ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘เกจิ ปนา’’ติอาทิฯ เต ‘‘ยามานํ อญฺญมญฺญํ อาลิงฺคิตมเตฺตน , ตุสิตานํ หตฺถามสนมเตฺตน, นิมฺมานรตีนํ หสิตมเตฺตน, ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ โอโลกิตมเตฺตน กามกิจฺจํ อิชฺฌตี’’ติ วทนฺติฯ ‘‘อิตเรสํ ทฺวินฺนํ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺติยา วา’’ติ วทนฺติ ตาทิสสฺส กาเมสุ วิรชฺชนสฺส เตสุ อภาวโต, กามานญฺจ อุตฺตรุตฺตริ ปณีตปณีตตรปณีตตมภาวโตฯ เกวลํ ปน นิสฺสนฺทาภาโว เตสํ วตฺตโพฺพฯ กามกิจฺจนฺติ ตงฺขณิกปริฬาหูปสมาวหํ ผสฺสสุขํฯ กามาติ กามูปโภคาฯ ปากติกา เอวาติ เหฎฺฐิเมหิ เอกสทิสา เอวฯ เอกสงฺขาตนฺติ เอกรูปํ สมานรูปนฺติ, สมญฺญาตํ สมานภาวนฺติ วา อโตฺถฯ

    Pakatisevanavasenāti anumānato jānanaṃ vadati, na paccakkhato. Vasaṃ vattentīti yathāruci pātabyataṃ āpajjanti. ‘‘Methunaṃ paṭisevantī’’ti idaṃ pana kecivādapaṭisedhanatthaṃ vuttaṃ. Tenāha ‘‘keci panā’’tiādi. Te ‘‘yāmānaṃ aññamaññaṃ āliṅgitamattena, tusitānaṃ hatthāmasanamattena, nimmānaratīnaṃ hasitamattena, paranimmitavasavattīnaṃ olokitamattena kāmakiccaṃ ijjhatī’’ti vadanti. ‘‘Itaresaṃ dvinnaṃ dvayaṃdvayasamāpattiyā vā’’ti vadanti tādisassa kāmesu virajjanassa tesu abhāvato, kāmānañca uttaruttari paṇītapaṇītatarapaṇītatamabhāvato. Kevalaṃ pana nissandābhāvo tesaṃ vattabbo. Kāmakiccanti taṅkhaṇikapariḷāhūpasamāvahaṃ phassasukhaṃ. Kāmāti kāmūpabhogā. Pākatikā evāti heṭṭhimehi ekasadisā eva. Ekasaṅkhātanti ekarūpaṃ samānarūpanti, samaññātaṃ samānabhāvanti vā attho.

    สุขปฎิลาภาติ สุขสมธิคมาฯ เหฎฺฐาติ ปฐมชฺฌานภูมิโต เหฎฺฐา มนุเสฺสสุ, เทเวสุ วาฯ ปฐมชฺฌานสุขนฺติ กุสลปฐมชฺฌานํฯ ภูมิวเสนปิ เหฎฺฐุปริภาโว ลพฺภเตว พฺรหฺมกายิเกสุ, พฺรหฺมปุโรหิเตสุ วา กุสลชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา พฺรหฺมปุโรหิเตสุ, มหาพฺรเหฺมสุ วา วิปากสุขานุภวนสฺส ลพฺภนโตฯ เอตฺถ จ ทุติยตติยชฺฌานภูมิวเสน ทุติยตติยสุขูปปตฺตีนํ วุจฺจมานตฺตา ปฐมชฺฌานภูมิวเสเนว ปฐมชฺฌานสุขูปปตฺติ วุตฺตาฯ ตินฺตาติ เตมิตา, ฌานสุเขน เจว ฌานสมุฎฺฐานปณีตรูปผุฎฺฐกาเยน จ ปณีตา วิตฺตาติ อโตฺถฯ เตเนวาห ‘‘สมนฺตโต ตินฺตา’’ติอาทิฯ ยสฺมา กุสลสุขโต วิปากสุขํ สนฺตตรตาย ปณีตตรํ พหุลญฺจ ปวตฺตติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อิทมฺปิ วิปากชฺฌานสุขํ เอว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติฯ เตสนฺติ อาภสฺสรานํฯ สปฺปีติกสฺส สุขสฺส อติวิย อุฬารภาวโต เตน อโชฺฌตฺถตจิตฺตานํ ภวโลโภ มหา อุปฺปชฺชติฯ สนฺตเมวาติ วิตกฺกวิจารสโงฺขภปีติอุพฺพิลาวิวิคเมน อติวิย อุปสนฺตํเยวฯ ตถา สนฺตภาเวเนว หิ ตํ อตฺตโน ปจฺจเยหิ ปธานภาวํ นีตตาย ‘‘ปณีต’’นฺติ วุจฺจติฯ เตนาห ‘‘ปณีตเมวา’’ติฯ อตปฺปเกน สุขปารมิปฺปเตฺตน สุเขน สํยุตฺตาย ตุสาย ปีติยา อิตา ปวตฺตาติ ตุสิตาฯ ยสฺมา เต ตโต อุตฺตริ สุขสฺส อภาวโต เอว น ปเตฺถนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตโต…เป.… สนฺตุฎฺฐา หุตฺวา’’ติฯ ตติยชฺฌานสุขนฺติ ตติยชฺฌานวิปากสุขํฯ

    Sukhapaṭilābhāti sukhasamadhigamā. Heṭṭhāti paṭhamajjhānabhūmito heṭṭhā manussesu, devesu vā. Paṭhamajjhānasukhanti kusalapaṭhamajjhānaṃ. Bhūmivasenapi heṭṭhuparibhāvo labbhateva brahmakāyikesu, brahmapurohitesu vā kusalajjhānaṃ nibbattetvā brahmapurohitesu, mahābrahmesu vā vipākasukhānubhavanassa labbhanato. Ettha ca dutiyatatiyajjhānabhūmivasena dutiyatatiyasukhūpapattīnaṃ vuccamānattā paṭhamajjhānabhūmivaseneva paṭhamajjhānasukhūpapatti vuttā. Tintāti temitā, jhānasukhena ceva jhānasamuṭṭhānapaṇītarūpaphuṭṭhakāyena ca paṇītā vittāti attho. Tenevāha ‘‘samantato tintā’’tiādi. Yasmā kusalasukhato vipākasukhaṃ santataratāya paṇītataraṃ bahulañca pavattati, tasmā vuttaṃ ‘‘idampi vipākajjhānasukhaṃ eva sandhāya vutta’’nti. Tesanti ābhassarānaṃ. Sappītikassa sukhassa ativiya uḷārabhāvato tena ajjhotthatacittānaṃ bhavalobho mahā uppajjati. Santamevāti vitakkavicārasaṅkhobhapītiubbilāvivigamena ativiya upasantaṃyeva. Tathā santabhāveneva hi taṃ attano paccayehi padhānabhāvaṃ nītatāya ‘‘paṇīta’’nti vuccati. Tenāha ‘‘paṇītamevā’’ti. Atappakena sukhapāramippattena sukhena saṃyuttāya tusāya pītiyā itā pavattāti tusitā. Yasmā te tato uttari sukhassa abhāvato eva na patthenti, tasmā vuttaṃ ‘‘tato…pe… santuṭṭhā hutvā’’ti. Tatiyajjhānasukhanti tatiyajjhānavipākasukhaṃ.

    สตฺต อริยปญฺญาติ อฎฺฐมกโต ปฎฺฐาย สตฺตนฺนํ อริยานํ เตสํ เตสํ อาเวณิกปญฺญาฯ ฐเปตฺวา โลกุตฺตรํ ปญฺญํ อวเสสา ปญฺญา นามฯ สพฺพาปิ เตภูมิกา ปญฺญา ‘‘เสกฺขา’’ติปิ น วตฺตพฺพา, ‘‘อเสกฺขา’’ติปิ น วตฺตพฺพาติ เนวเสกฺขานาเสกฺขา, ปุถุชฺชนปญฺญาฯ

    Satta ariyapaññāti aṭṭhamakato paṭṭhāya sattannaṃ ariyānaṃ tesaṃ tesaṃ āveṇikapaññā. Ṭhapetvā lokuttaraṃ paññaṃ avasesā paññā nāma. Sabbāpi tebhūmikā paññā ‘‘sekkhā’’tipi na vattabbā, ‘‘asekkhā’’tipi na vattabbāti nevasekkhānāsekkhā, puthujjanapaññā.

    โยควิหิเตสูติ ปญฺญาวิหิเตสุ ปญฺญาปริณามิเตสุ อุปายปญฺญาย สมฺปาทิเตสุฯ กมฺมายตเนสูติ เอตฺถ กมฺมเมว กมฺมายตนํ, กมฺมญฺจ ตํ อายตนญฺจ อาชีวาทีนนฺติ วา กมฺมายตนํฯ เอส นโย สิปฺปายตเนสุปิฯ ตตฺถ จ ทุวิธํ กมฺมํ หีนญฺจ วฑฺฒกิกมฺมาทิ, อุกฺกฎฺฐญฺจ กสิวาณิชฺชาทิฯ สิปฺปมฺปิ ทุวิธํ หีนญฺจ นฬการสิปฺปาทิ, อุกฺกฎฺฐญฺจ มุทฺทคณนาทิฯ วิชฺชาว วิชฺชาฎฺฐานํ, ตํ ธมฺมิกเมว นาคมณฺฑลปริตฺตผุธมนกมนฺตสทิสํ เวทิตพฺพํฯ ตานิ ปเนตานิ เอกเจฺจ ปณฺฑิตา โพธิสตฺตสทิสา มนุสฺสานํ ผาสุวิหารํ อากงฺขนฺตา เนว อเญฺญหิ กริยมานานิ ปสฺสนฺติ, น วา กตานิ อุคฺคณฺหนฺติฯ น กโรนฺตานํ สุณนฺติ, อถ โข อตฺตโน ธมฺมตาย จินฺตาย กโรนฺติฯ ปญฺญวเนฺตหิ อตฺตโน ธมฺมตาย จินฺตาย กตานิปิ อเญฺญหิ อุคฺคณฺหิตฺวา กโรเนฺตหิ กตสทิสาเนว โหนฺติฯ กมฺมสฺสกตนฺติ ‘‘อิทํ กมฺมํ สตฺตานํ สกํ, อิทํ โน สก’’นฺติ เอวํ ชานนญาณํฯ สจฺจานุโลมิกนฺติ วิปสฺสนาญาณํฯ ตญฺหิ สจฺจปฎิเวธสฺส อนุโลมนโต ‘‘สจฺจานุโลมิก’’นฺติ วุจฺจติฯ อิทานิสฺส ปวตฺตนาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘รูปํ อนิจฺจนฺติ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ วา-สเทฺทน อนิยมเตฺถน ทุกฺขานตฺตลกฺขณานิปิ คหิตาเนวาติ ทฎฺฐพฺพํ นานนฺตริยกภาวโตฯ ยญฺหิ อนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํฯ ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตาติ [(สิชฺฌนโต) อธิกปาโฐ วิย ทิสฺสติ]ฯ ยํ เอวรูปนฺติ ยํ เอวํ เหฎฺฐา นิทฺทิฎฺฐสภาวํฯ ‘‘อนุโลมิกํ ขนฺติ’’นฺติอาทีนิ ปญฺญาเววจนานิ ฯ สา หิ เหฎฺฐา วุตฺตานํ กมฺมายตนาทีนํ ปญฺจนฺนํ การณานํ อปจฺจนีกทสฺสเนน อนุโลมนโต, ตถา สตฺตานํ หิตจริยาย มคฺคสจฺจสฺส, ปรมตฺถสจฺจสฺส จ นิพฺพานสฺส อวิโลมนโต อนุโลเมตีติ จ อนุโลมิกาฯ สพฺพานิปิ เอตานิ การณานิ ขมติ สหติ ทฎฺฐุํ สโกฺกตีติ ขนฺติฯ ปสฺสตีติ ทิฎฺฐิฯ โรเจตีติ รุจิฯ มุนาตีติ มุติฯ เปกฺขตีติ เปกฺขาฯ เต จ กมฺมายตนาทโย ธมฺมา นิชฺฌายมานา เอตาย นิชฺฌานํ ขมนฺตีติ ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติฯ ปรโต อสุตฺวา ปฎิลภตีติ อญฺญสฺส อุปเทสวจนํ อสุตฺวา สยเมว จิเนฺตโนฺต ปฎิลภติฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ จินฺตามยา ปญฺญา นาม วุจฺจติฯ สา ปเนสา อภิญฺญาตานํ โพธิสตฺตานเมว อุปฺปชฺชติฯ ตตฺถาปิ สจฺจานุโลมิกญาณํ ทฺวินฺนเมว โพธิสตฺตานํ อนฺติมภวิกานํ, เสสปญฺญา สเพฺพสมฺปิ ปูริตปารมีนํ มหาปญฺญานํ อุปฺปชฺชติฯ

    Yogavihitesūti paññāvihitesu paññāpariṇāmitesu upāyapaññāya sampāditesu. Kammāyatanesūti ettha kammameva kammāyatanaṃ, kammañca taṃ āyatanañca ājīvādīnanti vā kammāyatanaṃ. Esa nayo sippāyatanesupi. Tattha ca duvidhaṃ kammaṃ hīnañca vaḍḍhakikammādi, ukkaṭṭhañca kasivāṇijjādi. Sippampi duvidhaṃ hīnañca naḷakārasippādi, ukkaṭṭhañca muddagaṇanādi. Vijjāva vijjāṭṭhānaṃ, taṃ dhammikameva nāgamaṇḍalaparittaphudhamanakamantasadisaṃ veditabbaṃ. Tāni panetāni ekacce paṇḍitā bodhisattasadisā manussānaṃ phāsuvihāraṃ ākaṅkhantā neva aññehi kariyamānāni passanti, na vā katāni uggaṇhanti. Na karontānaṃ suṇanti, atha kho attano dhammatāya cintāya karonti. Paññavantehi attano dhammatāya cintāya katānipi aññehi uggaṇhitvā karontehi katasadisāneva honti. Kammassakatanti ‘‘idaṃ kammaṃ sattānaṃ sakaṃ, idaṃ no saka’’nti evaṃ jānanañāṇaṃ. Saccānulomikanti vipassanāñāṇaṃ. Tañhi saccapaṭivedhassa anulomanato ‘‘saccānulomika’’nti vuccati. Idānissa pavattanākāraṃ dassetuṃ ‘‘rūpaṃ aniccanti vā’’tiādi vuttaṃ. Tattha -saddena aniyamatthena dukkhānattalakkhaṇānipi gahitānevāti daṭṭhabbaṃ nānantariyakabhāvato. Yañhi aniccaṃ, taṃ dukkhaṃ. Yaṃ dukkhaṃ, tadanattāti [(sijjhanato) adhikapāṭho viya dissati]. Yaṃ evarūpanti yaṃ evaṃ heṭṭhā niddiṭṭhasabhāvaṃ. ‘‘Anulomikaṃ khanti’’ntiādīni paññāvevacanāni . Sā hi heṭṭhā vuttānaṃ kammāyatanādīnaṃ pañcannaṃ kāraṇānaṃ apaccanīkadassanena anulomanato, tathā sattānaṃ hitacariyāya maggasaccassa, paramatthasaccassa ca nibbānassa avilomanato anulometīti ca anulomikā. Sabbānipi etāni kāraṇāni khamati sahati daṭṭhuṃ sakkotīti khanti. Passatīti diṭṭhi. Rocetīti ruci. Munātīti muti. Pekkhatīti pekkhā. Te ca kammāyatanādayo dhammā nijjhāyamānā etāya nijjhānaṃ khamantīti dhammanijjhānakkhanti. Parato asutvā paṭilabhatīti aññassa upadesavacanaṃ asutvā sayameva cintento paṭilabhati. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ cintāmayā paññā nāma vuccati. Sā panesā abhiññātānaṃ bodhisattānameva uppajjati. Tatthāpi saccānulomikañāṇaṃ dvinnameva bodhisattānaṃ antimabhavikānaṃ, sesapaññā sabbesampi pūritapāramīnaṃ mahāpaññānaṃ uppajjati.

    ปรโต สุตฺวา ปฎิลภตีติ กมฺมายตนาทีนิ ปเรน กริยมานานิ, ปเรน กตานิ วา ทิสฺวาปิ ปรสฺส กถยมานสฺส วจนํ สุตฺวาปิ อาจริยสนฺติเก อุคฺคเหตฺวาปิ ปฎิลทฺธา สพฺพา ปรโต สุตฺวา ปฎิลทฺธนามาติ เวทิตพฺพาฯ สมาปนฺนสฺสาติ สมาปตฺติสมงฺคิสฺส, นิทสฺสนมตฺตเมตํฯ วิปสฺสนามคฺคปญฺญา หิ อิธ ‘‘ภาวนาปญฺญา’’ติ วิเสสโต อิจฺฉิตาติฯ

    Parato sutvā paṭilabhatīti kammāyatanādīni parena kariyamānāni, parena katāni vā disvāpi parassa kathayamānassa vacanaṃ sutvāpi ācariyasantike uggahetvāpi paṭiladdhā sabbā parato sutvā paṭiladdhanāmāti veditabbā. Samāpannassāti samāpattisamaṅgissa, nidassanamattametaṃ. Vipassanāmaggapaññā hi idha ‘‘bhāvanāpaññā’’ti visesato icchitāti.

    อาวุธํ นาม ปฎิปกฺขวิมถนตฺถํ อิจฺฉิตพฺพํ, ราคาทิสทิโส จ ปฎิปโกฺข นตฺถิ, ตสฺส จ วิมถนํ พุทฺธวจนเมวาติ ‘‘สุตเมว อาวุธ’’นฺติ วตฺวา ‘‘ตํ อตฺถโต เตปิฎกํ พุทฺธวจน’’นฺติ อาหฯ อิทานิ ตมตฺถํ วิวรโนฺต ‘‘ตํ หี’’ติ อาทิํ วตฺวา ‘‘สุตาวุโธ’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๖๗) สุตฺตปเทน สมเตฺถติฯ ตตฺถ อกุสลํ ปชหตีติ ตทงฺคาทิวเสน อกุสลํ ปริจฺจชติฯ กุสลํ ภาเวตีติ สมถวิปสฺสนาทิกุสลํ ธมฺมํ อุปฺปาเทติ วเฑฺฒติ จฯ สุทฺธํ อตฺตานํ ปริหรตีติ เตน อกุสลปฺปหาเนน, ตาย จ กุสลภาวนาย ราคาทิสํกิเลสโต วิสุทฺธํ อตฺตภาวํ ปวเตฺตติฯ

    Āvudhaṃ nāma paṭipakkhavimathanatthaṃ icchitabbaṃ, rāgādisadiso ca paṭipakkho natthi, tassa ca vimathanaṃ buddhavacanamevāti ‘‘sutameva āvudha’’nti vatvā ‘‘taṃ atthato tepiṭakaṃ buddhavacana’’nti āha. Idāni tamatthaṃ vivaranto ‘‘taṃ hī’’ti ādiṃ vatvā ‘‘sutāvudho’’tiādinā (a. ni. 7.67) suttapadena samattheti. Tattha akusalaṃ pajahatīti tadaṅgādivasena akusalaṃ pariccajati. Kusalaṃ bhāvetīti samathavipassanādikusalaṃ dhammaṃ uppādeti vaḍḍheti ca. Suddhaṃ attānaṃ pariharatīti tena akusalappahānena, tāya ca kusalabhāvanāya rāgādisaṃkilesato visuddhaṃ attabhāvaṃ pavatteti.

    วิเวกฎฺฐกายานนฺติ คณสงฺคณิกํ วเชฺชตฺวา ตโต อปกฑฺฒิตกายานํฯ สฺวายํ กายวิเวโก น เกวลํ เอกากีภาโว, อถ โข ปฐมชฺฌานาทิ เนกฺขมฺมโยคโตติ อาห ‘‘เนกฺขมฺมาภิรตาน’’นฺติฯ จิตฺตวิเวโกติ กิเลสสงฺคณิกํ ปหาย ตโต จิตฺตสฺส วิวิตฺตตาฯ สา ปน ฌานวิโมกฺขาทีนํ วเสน โหตีติ อาห ‘‘ปริสุทฺธจิตฺตานํ ปรมโวทานปฺปตฺตาน’’นฺติฯ อุปธิวิเวโกติ นิพฺพานํฯ ตทธิคเมน หิ ปุคฺคลสฺส นิรุปธิตาฯ เตนาห ‘‘นิรุปธีนํ ปุคฺคลาน’’นฺติ, วิสงฺขารคตานํ อธิคตนิพฺพานานํ, ผลสมาปตฺติสมงฺคีนญฺจาติ อโตฺถฯ สุตมฺปิ อวสฺสยเฎฺฐเนว อาวุธํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อยมฺปี’’ติฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ตญฺหิ นิสฺสายา’’ติฯ กามเญฺจตฺถ สุตปวิเวกาปิ ปญฺญาวเสเนว ยถาธิเปฺปตอาวุธตฺตสาธกา , ปญฺญา ปน สุเตน, เอกจฺจปวิเวเกน วา วินาปิ อิธาธิเปฺปตอาวุธตฺตสาธนีติ ตโต ปญฺญา สามตฺถิยทสฺสนตฺถํ วิสุํ อาวุธภาเวน วุตฺตาฯ เตนาห ‘‘ยสฺส สา อตฺถิ, โส น กุโตจี’’ติอาทิฯ

    Vivekaṭṭhakāyānanti gaṇasaṅgaṇikaṃ vajjetvā tato apakaḍḍhitakāyānaṃ. Svāyaṃ kāyaviveko na kevalaṃ ekākībhāvo, atha kho paṭhamajjhānādi nekkhammayogatoti āha ‘‘nekkhammābhiratāna’’nti. Cittavivekoti kilesasaṅgaṇikaṃ pahāya tato cittassa vivittatā. Sā pana jhānavimokkhādīnaṃ vasena hotīti āha ‘‘parisuddhacittānaṃ paramavodānappattāna’’nti. Upadhivivekoti nibbānaṃ. Tadadhigamena hi puggalassa nirupadhitā. Tenāha ‘‘nirupadhīnaṃ puggalāna’’nti, visaṅkhāragatānaṃ adhigatanibbānānaṃ, phalasamāpattisamaṅgīnañcāti attho. Sutampi avassayaṭṭheneva āvudhaṃ vuttanti āha ‘‘ayampī’’ti. Tathā hi vuttaṃ ‘‘tañhi nissāyā’’ti. Kāmañcettha sutapavivekāpi paññāvaseneva yathādhippetaāvudhattasādhakā , paññā pana sutena, ekaccapavivekena vā vināpi idhādhippetaāvudhattasādhanīti tato paññā sāmatthiyadassanatthaṃ visuṃ āvudhabhāvena vuttā. Tenāha ‘‘yassa sā atthi, so na kutocī’’tiādi.

    นาญฺญาตํ อวิทิตํ ธมฺมนฺติ อนมตเคฺค สํสารวเฎฺฎ น อญฺญาตํ อวิทิตํ อมตธมฺมํ, จตุสจฺจธมฺมเมว วา ชานิสฺสามีติ ปฎิปนฺนสฺส อิมินา ปุพฺพาโภเคน อุปฺปนฺนํ อินฺทฺริยํฯ ยํ ปาฬิยํ สงฺคหวาเร ‘‘นว อินฺทฺริยานิ โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปุพฺพาโภคสิทฺธํ ปวตฺติอาการวิเสสํ ทีเปตุํ วุตฺตํ, อตฺถโต ปน มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิ เอว สาติ อาห ‘‘โสตาปตฺติมคฺคญาณเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติฯ อญฺญินฺทฺริยนฺติ อาชานนกอินฺทฺริยํ, ปฐมมเคฺคน ญาตมริยาทํ อนติกฺกมิตฺวา เตสํเยว เตน มเคฺคน ญาตานํ จตุสจฺจธมฺมานํ ชานนกอินฺทฺริยนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เตนาห ‘‘อญฺญาภูตํ อาชานนภูตํ อินฺทฺริย’’นฺติฯ อาชานาตีติ อโญฺญ, อญฺญสฺส ภูตํ, อาชานนวเสน วา ภูตนฺติ อญฺญภูตํฯ อญฺญาตาวีสูติ ชานิตพฺพํ จตุอริยสจฺจํ อาชานิตฺวา ฐิเตสุฯ เตนาห ‘‘ชานนกิจฺจปริโยสานปฺปเตฺตสู’’ติ, ปริญฺญาทิเภทสฺส ชานนกิจฺจสฺส ปรินิฎฺฐานปฺปเตฺตสุฯ

    Nāññātaṃ aviditaṃ dhammanti anamatagge saṃsāravaṭṭe na aññātaṃ aviditaṃ amatadhammaṃ, catusaccadhammameva vā jānissāmīti paṭipannassa iminā pubbābhogena uppannaṃ indriyaṃ. Yaṃ pāḷiyaṃ saṅgahavāre ‘‘nava indriyāni hontī’’ti vuttaṃ, taṃ pubbābhogasiddhaṃ pavattiākāravisesaṃ dīpetuṃ vuttaṃ, atthato pana maggasammādiṭṭhi eva sāti āha ‘‘sotāpattimaggañāṇassetaṃ adhivacana’’nti. Aññindriyanti ājānanakaindriyaṃ, paṭhamamaggena ñātamariyādaṃ anatikkamitvā tesaṃyeva tena maggena ñātānaṃ catusaccadhammānaṃ jānanakaindriyanti vuttaṃ hoti. Tenāha ‘‘aññābhūtaṃ ājānanabhūtaṃ indriya’’nti. Ājānātīti añño, aññassa bhūtaṃ, ājānanavasena vā bhūtanti aññabhūtaṃ.Aññātāvīsūti jānitabbaṃ catuariyasaccaṃ ājānitvā ṭhitesu. Tenāha ‘‘jānanakiccapariyosānappattesū’’ti, pariññādibhedassa jānanakiccassa pariniṭṭhānappattesu.

    มํสจกฺขุ จกฺขุปสาโทติ มํสจกฺขุ นาม จตโสฺส ธาตุโย, วโณฺณ, คโนฺธ, รโส, โอชา, สมฺภโว, สณฺฐานํ, ชีวิตํ, ภาโว, กายปฺปสาโท, จกฺขุปสาโทติ เอวํ จุทฺทสสมฺภาโร มํสปิโณฺฑฯ

    Maṃsacakkhu cakkhupasādoti maṃsacakkhu nāma catasso dhātuyo, vaṇṇo, gandho, raso, ojā, sambhavo, saṇṭhānaṃ, jīvitaṃ, bhāvo, kāyappasādo, cakkhupasādoti evaṃ cuddasasambhāro maṃsapiṇḍo.

    กสิณาโลกํ วเฑฺฒตฺวา ตตฺถ รูปทสฺสนโต ‘‘ทิพฺพจกฺขุ อาโลกนิสฺสิตํ ญาณ’’นฺติ วุตฺตํฯ ทิพฺพจกฺขุปญฺญาวินิมุตฺตา เอว โลกิยปญฺญา ปญฺญาจกฺขูติ อยมโตฺถ อวุตฺตสิโทฺธ ทิพฺพจกฺขุสฺส วิสุํ คหิตตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘ปญฺญาจกฺขุ โลกิยโลกุตฺตรปญฺญา’’ติฯ

    Kasiṇālokaṃ vaḍḍhetvā tattha rūpadassanato ‘‘dibbacakkhu ālokanissitaṃ ñāṇa’’nti vuttaṃ. Dibbacakkhupaññāvinimuttā eva lokiyapaññā paññācakkhūti ayamattho avuttasiddho dibbacakkhussa visuṃ gahitattāti vuttaṃ ‘‘paññācakkhu lokiyalokuttarapaññā’’ti.

    อธิกํ วิสิฎฺฐํ สีลนฺติ อธิสีลํฯ สิกฺขิตพฺพโตติ อาเสวิตพฺพโตฯ อธิสีลํ นาม อนวเสสกายิกวาจสิกสํวรภาวโต, มคฺคสีลสฺส ปทฎฺฐานภาวโต จฯ อธิจิตฺตํ มคฺคสมาธิสฺส อธิฎฺฐานภาวโตฯ อธิปญฺญา มคฺคปญฺญาย อธิฎฺฐานภาวโตฯ อิทานิ เนสํ อธิสีลาทิภาวํ การเณน ปฎิปาเทตุํ ‘‘อนุปฺปเนฺนปิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อนุปฺปเนฺนติ อปฺปวเตฺตฯ อธิสีลเมว นิพฺพานาธิคมสฺส ปจฺจยภาวโตฯ สมาปนฺนาติ เอตฺถ ‘‘นิพฺพานํ ปตฺถยเนฺตนา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ

    Adhikaṃ visiṭṭhaṃ sīlanti adhisīlaṃ. Sikkhitabbatoti āsevitabbato. Adhisīlaṃ nāma anavasesakāyikavācasikasaṃvarabhāvato, maggasīlassa padaṭṭhānabhāvato ca. Adhicittaṃ maggasamādhissa adhiṭṭhānabhāvato. Adhipaññā maggapaññāya adhiṭṭhānabhāvato. Idāni nesaṃ adhisīlādibhāvaṃ kāraṇena paṭipādetuṃ ‘‘anuppannepi hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha anuppanneti appavatte. Adhisīlameva nibbānādhigamassa paccayabhāvato. Samāpannāti ettha ‘‘nibbānaṃ patthayantenā’’ti padaṃ ānetvā sambandhitabbaṃ.

    ‘‘กลฺยาณการี กลฺยาณํ, ปาปการี จ ปาปกํ;

    ‘‘Kalyāṇakārī kalyāṇaṃ, pāpakārī ca pāpakaṃ;

    อนุโภติ ทฺวยเมฺปตุํ, อนุพนฺธญฺหิ การก’’นฺติฯ (สํ. นิ. ๑.๒๕๖);

    Anubhoti dvayampetuṃ, anubandhañhi kāraka’’nti. (saṃ. ni. 1.256);

    เอวํ อตีเต, อนาคเต จ วฎฺฎมูลกทุกฺขสลฺลกฺขณวเสน สํเวควตฺถุตาย วิมุตฺติอากงฺขาย ปจฺจยภูตา กมฺมสฺสกตาปญฺญา อธิปญฺญา’’ติ วทนฺติฯ โลกิยสีลาทีนํ อธิสีลาทิภาโว ปริยาเยนาติ นิปฺปริยายเมว ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สพฺพํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Evaṃ atīte, anāgate ca vaṭṭamūlakadukkhasallakkhaṇavasena saṃvegavatthutāya vimuttiākaṅkhāya paccayabhūtā kammassakatāpaññā adhipaññā’’ti vadanti. Lokiyasīlādīnaṃ adhisīlādibhāvo pariyāyenāti nippariyāyameva taṃ dassetuṃ ‘‘sabbaṃ vā’’tiādi vuttaṃ.

    ปญฺจทฺวาริกกาโยติ ปญฺจทฺวาเรสุ กาโย ผสฺสาทิธมฺมสมูโหฯ กาโย จ โส ภาวิตภาเวน ภาวนา จาติ กายภาวนา นามฯ ยสฺมา ขีณาสวานํ อคฺคมคฺคาธิคมเนน สพฺพสํกิเลสา ปหีนาติ ปหีนกาลโต ปฎฺฐาย สพฺพโส อาเสวนาภาวโต นตฺถิ เตสํ ภาวินิยาปิ จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา ธมฺมา, ปเคว กาฬกา, ตสฺมา ปญฺจทฺวาริกกาโย สุภาวิโต เอว โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ขีณาสวสฺส หิ…เป.… สุภาวิโต โหตี’’ติฯ น อเญฺญสํ วิย ทุพฺพลา ทุพฺพลภาวกรานํ กิเลสานํ สพฺพโส ปหีนตฺตาฯ

    Pañcadvārikakāyoti pañcadvāresu kāyo phassādidhammasamūho. Kāyo ca so bhāvitabhāvena bhāvanā cāti kāyabhāvanā nāma. Yasmā khīṇāsavānaṃ aggamaggādhigamanena sabbasaṃkilesā pahīnāti pahīnakālato paṭṭhāya sabbaso āsevanābhāvato natthi tesaṃ bhāviniyāpi cakkhusotaviññeyyā dhammā, pageva kāḷakā, tasmā pañcadvārikakāyo subhāvito eva hoti. Tena vuttaṃ ‘‘khīṇāsavassa hi…pe… subhāvito hotī’’ti. Na aññesaṃ viya dubbalā dubbalabhāvakarānaṃ kilesānaṃ sabbaso pahīnattā.

    วิปสฺสนา ทสฺสนานุตฺตริยํ อนิจฺจานุปสฺสนาทิวเสน สงฺขารานํ สมฺมเทว ทสฺสนโตฯ มโคฺค ปฎิปทานุตฺตริยํ ตทุตฺตริปฎิปทาย อภาวโตฯ ผลํ วิมุตฺตานุตฺตริยํ อกุปฺปภาวโตฯ ผลํ วา ทสฺสนานุตฺตริยํ ทิวสมฺปิ นิพฺพานํ ปจฺจกฺขโต ทิสฺวา ปวตฺตนโตฯ นิพฺพานํ วิมุตฺตานุตฺตริยํ สพฺพสงฺขตวินิสฺสฎตฺตาฯ ทสฺสน-สทฺทํ กมฺมสาธนํ คเหตฺวา นิพฺพานสฺส ทสฺสนานุตฺตริยตา วุตฺตาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตโต อุตฺตรญฺหิ ทฎฺฐพฺพํ นาม นตฺถี’’ติ อาหฯ นตฺถิ อิโต อุตฺตรนฺติ อนุตฺตรํ, อนุตฺตรเมว อนุตฺตริยนฺติ อาห ‘‘อุตฺตมํ เชฎฺฐก’’นฺติฯ

    Vipassanā dassanānuttariyaṃ aniccānupassanādivasena saṅkhārānaṃ sammadeva dassanato. Maggo paṭipadānuttariyaṃ taduttaripaṭipadāya abhāvato. Phalaṃ vimuttānuttariyaṃ akuppabhāvato. Phalaṃ vā dassanānuttariyaṃ divasampi nibbānaṃ paccakkhato disvā pavattanato. Nibbānaṃ vimuttānuttariyaṃ sabbasaṅkhatavinissaṭattā. Dassana-saddaṃ kammasādhanaṃ gahetvā nibbānassa dassanānuttariyatā vuttāti dassento ‘‘tato uttarañhi daṭṭhabbaṃ nāma natthī’’ti āha. Natthi ito uttaranti anuttaraṃ, anuttarameva anuttariyanti āha ‘‘uttamaṃ jeṭṭhaka’’nti.

    เสโสติ วุตฺตาวเสโส ปญฺจกนเยน, จตุกฺกนเยน จ ติวิโธ สมาธิ, อิมินา เอว จ สมาธิตฺตยาปเทเสน สุตฺตเนฺตสุปิ ปญฺจกนโย อาคโต เอวาติ เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรมตฺถมญฺชูสายํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. ฎี. ๑.๓๘) วุตฺตเมว, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Sesoti vuttāvaseso pañcakanayena, catukkanayena ca tividho samādhi, iminā eva ca samādhittayāpadesena suttantesupi pañcakanayo āgato evāti veditabbaṃ. Tattha yaṃ vattabbaṃ, taṃ paramatthamañjūsāyaṃ visuddhimaggasaṃvaṇṇanāyaṃ (visuddhi. ṭī. 1.38) vuttameva, tasmā tattha vuttanayeneva veditabbaṃ.

    อาคจฺฉติ นามํ เอตสฺมาติ อาคมนํ, ตโต อาคมนโตฯ สคุณโตติ สรสโตฯ อารมฺมณโตติ อารมฺมณธมฺมโตฯ อนตฺตโต อภินิวิสิตฺวาติ ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนตฺตา’’ติ วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวาฯ อนตฺตโต ทิสฺวาติ ปฐมํ สงฺขารานํ ‘‘อนตฺตา’’ติ อนตฺตลกฺขณํ ปฎิวิชฺฌิตฺวาฯ อนตฺตโต วุฎฺฐาตีติ วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนาย อนตฺตาการโต ปวตฺตาย มคฺควุฎฺฐานํ ปาปุณาติฯ อสุญฺญตตฺตการกานํ กิเลสานํ อภาวาติ อตฺตาภินิเวสปจฺจยานํ ทิเฎฺฐกฎฺฐานํ กิเลสานํ วิกฺขมฺภนโต วิปสฺสนา สุญฺญตา นาม อตฺตสุญฺญตาย ยาถาวโต คหณโตฯ นนุ เอวํ วิปสฺสนาย สคุณโต สุญฺญตา, น อาคมนโตติ นิปฺปริยายโต นตฺถีติ? สจฺจเมตํ นามลาเภ, น ปน นามทาเนติ นายํ โทโสฯ อถ วา สุตฺตนฺตกถา นาม ปริยายกถา, น อภิธมฺมกถา วิย นิปฺปริยายาติ ภิโยฺยปิ น โกจิ โทโสฯ

    Āgacchati nāmaṃ etasmāti āgamanaṃ, tato āgamanato.Saguṇatoti sarasato. Ārammaṇatoti ārammaṇadhammato. Anattato abhinivisitvāti ‘‘sabbe saṅkhārā anattā’’ti vipassanaṃ paṭṭhapetvā. Anattato disvāti paṭhamaṃ saṅkhārānaṃ ‘‘anattā’’ti anattalakkhaṇaṃ paṭivijjhitvā. Anattato vuṭṭhātīti vuṭṭhānagāminivipassanāya anattākārato pavattāya maggavuṭṭhānaṃ pāpuṇāti. Asuññatattakārakānaṃ kilesānaṃabhāvāti attābhinivesapaccayānaṃ diṭṭhekaṭṭhānaṃ kilesānaṃ vikkhambhanato vipassanā suññatā nāma attasuññatāya yāthāvato gahaṇato. Nanu evaṃ vipassanāya saguṇato suññatā, na āgamanatoti nippariyāyato natthīti? Saccametaṃ nāmalābhe, na pana nāmadāneti nāyaṃ doso. Atha vā suttantakathā nāma pariyāyakathā, na abhidhammakathā viya nippariyāyāti bhiyyopi na koci doso.

    ยสฺมา สคุณโต, อารมฺมณโต จ นามลาเภ สงฺกโร โหติ เอกเสฺสว นามนฺตรลาภสมฺภวโตฯ อาคมนโต ปน นามลาเภ สงฺกโร นตฺถิ นามนฺตรลาภาภาวโต, อสมฺภวโต จ, ตสฺมา ‘‘อปโร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นิมิตฺตการกกิเลสาภาวาติ นิจฺจนิมิตฺตาทิคฺคาหกปจฺจยานํ กิเลสานํ วิกฺขมฺภนโตฯ กามญฺจายํ วิปสฺสนา นิจฺจนิมิตฺตาทิํ อุคฺฆาเฎนฺตี ปวตฺตติ, สงฺขารนิมิตฺตสฺส ปน อวิสฺสชฺชนโต น นิปฺปริยายโต อนิมิตฺตนามํ ลภตีติฯ ปริยาเยน ปเนตํ วุตฺตํฯ ตถา หิ นิปฺปริยายเทสนตฺตา อภิธเมฺม มคฺคสฺส อนิมิตฺตนามํ อุทฺธฎํฯ สุเตฺต จ –

    Yasmā saguṇato, ārammaṇato ca nāmalābhe saṅkaro hoti ekasseva nāmantaralābhasambhavato. Āgamanato pana nāmalābhe saṅkaro natthi nāmantaralābhābhāvato, asambhavato ca, tasmā ‘‘aparo’’tiādi vuttaṃ. Nimittakārakakilesābhāvāti niccanimittādiggāhakapaccayānaṃ kilesānaṃ vikkhambhanato. Kāmañcāyaṃ vipassanā niccanimittādiṃ ugghāṭentī pavattati, saṅkhāranimittassa pana avissajjanato na nippariyāyato animittanāmaṃ labhatīti. Pariyāyena panetaṃ vuttaṃ. Tathā hi nippariyāyadesanattā abhidhamme maggassa animittanāmaṃ uddhaṭaṃ. Sutte ca –

    ‘‘อนิมิตฺตญฺจ ภาเวหิ, มานานุสยมุชฺชห;

    ‘‘Animittañca bhāvehi, mānānusayamujjaha;

    ตโต มานาภิสมยา, อุปสโนฺต จริสฺสสี’’ติฯ (สุ. นิ. ๓๔๔; สํ. นิ. ๑.๒๑๒);

    Tato mānābhisamayā, upasanto carissasī’’ti. (su. ni. 344; saṃ. ni. 1.212);

    อนิมิตฺตปริยาโย อาคโตฯ ปณิธิการกกิเลสาภาวาติ สุขปณิธิอาทิปจฺจยานํ กิเลสานํ วิกฺขมฺภนโตฯ

    Animittapariyāyo āgato. Paṇidhikārakakilesābhāvāti sukhapaṇidhiādipaccayānaṃ kilesānaṃ vikkhambhanato.

    ราคาทีหิ สุญฺญตฺตาติ สมุเจฺฉทวเสน ปชหนโต ราคาทีหิ วิวิตฺตตฺตาฯ ราคาทโย เอว ราคนิมิตฺตาทีนิฯ ปุริมุปฺปนฺนา หิ ราคาทโย ปรโต อุปฺปชฺชนกราคาทีนํ การณํ โหติฯ ราคาทโย เอว ตถา ปณิธานสฺส ปจฺจยภาวโต ราคปณิธิอาทโยฯ นิพฺพานํ วิสงฺขารภาเวเนว สพฺพสงฺขารวินิสฺสฎตฺตา ราคาทีหิ สุญฺญํ, ราคาทินิมิตฺตปณิธิวิรหิตญฺจาติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอตฺถ จ สงฺขารุเปกฺขา สานุโลมา วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนา, สา สุญฺญโต วิปสฺสนฺตี ‘‘สุญฺญตา’’ติ วุจฺจติ, ทุกฺขโต ปสฺสนฺตี ตณฺหาปณิธิโสสนโต ‘‘อปฺปณิหิตา’’ติฯ สา มคฺคาธิคมาย อาคมนปฎิปทาฐาเน ฐตฺวา มคฺคสฺส ‘‘สุญฺญตํ อนิมิตฺตํ อปฺปณิหิต’’นฺติ นามํ เทติฯ อาคมนโต จ นาเม ลเทฺธ สคุณโต จ อารมฺมณโต จ นามํ สิทฺธเมว โหติ, น ปน สคุณารมฺมเณหิ นามลาเภ สพฺพตฺถ อาคมนโต นามํ สิทฺธํ โหตีติ ปริปุณฺณนามสิทฺธิเหตุตฺตา, ‘‘สคุณารมฺมเณหิ สเพฺพสมฺปิ นามตฺตยโยโค, น อาคมนโต’’ติ ววตฺถานกรตฺตา จ นิปฺปริยายโต อาคมนโตว นามลาโภ ปธานํ, น อิตเรหิ, ปริยายโต ปน ติธา นามลาโภ อิจฺฉิตโพฺพติ อฎฺฐกถายํ ‘‘ติวิธา กถา’’ติอาทินา อยํ วิจาโร กโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Rāgādīhi suññattāti samucchedavasena pajahanato rāgādīhi vivittattā. Rāgādayo eva rāganimittādīni. Purimuppannā hi rāgādayo parato uppajjanakarāgādīnaṃ kāraṇaṃ hoti. Rāgādayo eva tathā paṇidhānassa paccayabhāvato rāgapaṇidhiādayo. Nibbānaṃ visaṅkhārabhāveneva sabbasaṅkhāravinissaṭattā rāgādīhi suññaṃ, rāgādinimittapaṇidhivirahitañcāti daṭṭhabbaṃ. Ettha ca saṅkhārupekkhā sānulomā vuṭṭhānagāminivipassanā, sā suññato vipassantī ‘‘suññatā’’ti vuccati, dukkhato passantī taṇhāpaṇidhisosanato ‘‘appaṇihitā’’ti. Sā maggādhigamāya āgamanapaṭipadāṭhāne ṭhatvā maggassa ‘‘suññataṃ animittaṃ appaṇihita’’nti nāmaṃ deti. Āgamanato ca nāme laddhe saguṇato ca ārammaṇato ca nāmaṃ siddhameva hoti, na pana saguṇārammaṇehi nāmalābhe sabbattha āgamanato nāmaṃ siddhaṃ hotīti paripuṇṇanāmasiddhihetuttā, ‘‘saguṇārammaṇehi sabbesampi nāmattayayogo, na āgamanato’’ti vavatthānakarattā ca nippariyāyato āgamanatova nāmalābho padhānaṃ, na itarehi, pariyāyato pana tidhā nāmalābho icchitabboti aṭṭhakathāyaṃ ‘‘tividhā kathā’’tiādinā ayaṃ vicāro katoti daṭṭhabbaṃ.

    สุจิภาโวติ กิเลสาสุจิวิคเมน สุทฺธภาโว อสํกิลิฎฺฐภาโวฯ เตนาห ‘‘ติณฺณํ สุจริตานํ วเสน เวทิตโพฺพ’’ติฯ

    Sucibhāvoti kilesāsucivigamena suddhabhāvo asaṃkiliṭṭhabhāvo. Tenāha ‘‘tiṇṇaṃ sucaritānaṃ vasena veditabbo’’ti.

    มุนิโน เอตานีติ โมเนยฺยานิฯ เยหิ ธเมฺมหิ อุภยหิตมุนนโต มุนิ นาม โหติ, เต เอวํ วุตฺตาติ อาห ‘‘มุนิภาวกรา โมเนยฺยปฎิปทา ธมฺมา’’ติฯ ตตฺถ ยสฺมา กาเยน อกตฺตพฺพสฺส อกรณํ, กตฺตพฺพสฺส จ กรณํ, ‘‘อตฺถิ อิมสฺมิํ กาเย เกสา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๗; ม. นิ. ๑.๑๑๐; ๓.๑๕๓; อ. นิ. ๖.๒๙; ๑๐.๖๐; วิภ. ๓๕๖; ขุ. ปา. ๓.๑; เนตฺติ. ๔๗) กายสงฺขาตสฺส อารมฺมณสฺส ชานนํ, กายสฺส จ สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อสฺสาทโต อาทีนวโต นิสฺสรณโต จ ยาถาวโต ปริชานนํ, ตถา ปริชานนวเสน ปวโตฺต วิปสฺสนามโคฺค, เตน จ กาเย ฉนฺทราคสฺส ปชหนํ, กายสงฺขารํ นิโรเธตฺวา ปตฺตพฺพสมาปตฺติ จาติ สเพฺพ เอเต กายมุเขน ปวตฺตา โมเนยฺยปฎิปทา ธมฺมา กายโมเนยฺยํ นามฯ ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘ติวิธกายทุจฺจริตสฺส ปหาน’’นฺติอาทินา ปาฬิ อาคตาฯ เสสทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ โจปนวาจเญฺจว สทฺทวาจญฺจ อารพฺภ ปวตฺตา ปญฺญา วาจารมฺมเณ ญาณํฯ ตสฺส วาจาย สมุทยาทิโต ปริชานนํ วาจาปริญฺญาฯ เอกาสีติวิธํ โลกิยจิตฺตํ อารพฺภ ปวตฺตญาณํ มนารมฺมเณ ญาณํฯ ตสฺส สมุทยาทิโต ปริชานนํ มโนปริญฺญาติ อยเมว วิเสโสฯ

    Munino etānīti moneyyāni. Yehi dhammehi ubhayahitamunanato muni nāma hoti, te evaṃ vuttāti āha ‘‘munibhāvakarā moneyyapaṭipadā dhammā’’ti. Tattha yasmā kāyena akattabbassa akaraṇaṃ, kattabbassa ca karaṇaṃ, ‘‘atthi imasmiṃ kāye kesā’’tiādinā (dī. ni. 2.377; ma. ni. 1.110; 3.153; a. ni. 6.29; 10.60; vibha. 356; khu. pā. 3.1; netti. 47) kāyasaṅkhātassa ārammaṇassa jānanaṃ, kāyassa ca samudayato atthaṅgamato assādato ādīnavato nissaraṇato ca yāthāvato parijānanaṃ, tathā parijānanavasena pavatto vipassanāmaggo, tena ca kāye chandarāgassa pajahanaṃ, kāyasaṅkhāraṃ nirodhetvā pattabbasamāpatti cāti sabbe ete kāyamukhena pavattā moneyyapaṭipadā dhammā kāyamoneyyaṃ nāma. Tasmā tamatthaṃ dassetuṃ ‘‘tividhakāyaduccaritassa pahāna’’ntiādinā pāḷi āgatā. Sesadvayepi eseva nayo. Tattha copanavācañceva saddavācañca ārabbha pavattā paññā vācārammaṇe ñāṇaṃ. Tassa vācāya samudayādito parijānanaṃ vācāpariññā. Ekāsītividhaṃ lokiyacittaṃ ārabbha pavattañāṇaṃ manārammaṇe ñāṇaṃ. Tassa samudayādito parijānanaṃ manopariññāti ayameva viseso.

    อยนฺติ อิโต สมฺปตฺติโยติ อาโย, กุสลานํ ธมฺมานํ อภิพุทฺธีติ อาห ‘‘อาโยติ วุฑฺฒี’’ติฯ อเปนฺติ สมฺปตฺติโย เอเตนาติ อปาโย, กุสลานํ ธมฺมานํ หานีติ อาห ‘‘อปาโยติ อวุฑฺฒี’’ติฯ ตสฺส ตสฺสาติ อายสฺส จ อปายสฺส จฯ การณํ อุปาโย อุเปติ อุปคจฺฉติ เอเตน อาโย, อปาโย จาติฯ ตตฺถ ทุวิธา วุฑฺฒิ อนตฺถหานิโต, อตฺถุปฺปตฺติโต จ, ตถา อวุฑฺฒิ อตฺถหานิโต, อนตฺถุปฺปตฺติโต จฯ เตสํ ปชานนาติ เตสํ อายาปายสญฺญิตานํ ยถาวุตฺตปฺปเภทานํ วุฑฺฒิอวุฑฺฒีนํ ยาถาวโต ปชานนาฯ โกสลฺลํ กุสลตา นิปุณตาฯ ตทุภยมฺปิ ปาฬิวเสเนว ทเสฺสตุํ ‘‘วุตฺตเญฺหต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ

    Ayanti ito sampattiyoti āyo, kusalānaṃ dhammānaṃ abhibuddhīti āha ‘‘āyoti vuḍḍhī’’ti. Apenti sampattiyo etenāti apāyo, kusalānaṃ dhammānaṃ hānīti āha ‘‘apāyoti avuḍḍhī’’ti. Tassa tassāti āyassa ca apāyassa ca. Kāraṇaṃ upāyo upeti upagacchati etena āyo, apāyo cāti. Tattha duvidhā vuḍḍhi anatthahānito, atthuppattito ca, tathā avuḍḍhi atthahānito, anatthuppattito ca. Tesaṃ pajānanāti tesaṃ āyāpāyasaññitānaṃ yathāvuttappabhedānaṃ vuḍḍhiavuḍḍhīnaṃ yāthāvato pajānanā. Kosallaṃ kusalatā nipuṇatā. Tadubhayampi pāḷivaseneva dassetuṃ ‘‘vuttañheta’’ntiādi vuttaṃ.

    ตตฺถ อิทํ วุจฺจตีติ ยา อิเมสํ อกุสลธมฺมานํ อนุปฺปตฺตินิโรเธสุ, กุสลธมฺมานญฺจ อุปฺปตฺติภิโยฺยภาเวสุ ปญฺญา, อิทํ อายโกสลฺลํ นาม วุจฺจติฯ อิทานิ อปายโกสลฺลมฺปิ ปาฬิวเสเนว ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ กตม’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิทํ วุจฺจตีติ ยา อิเมสํ กุสลธมฺมานํ อนุปฺปชฺชนนิรุชฺฌเนสุ, อกุสลธมฺมานญฺจ อุปฺปตฺติภิโยฺยภาเวสุ ปญฺญา, อิทํ อปายโกสลฺลํ นาม วุจฺจตีติฯ เอตฺถาหอายโกสลฺลํ ตาว ปญฺญา โหตุ, อปายโกสลฺลํ กถํ ปญฺญา นาม ชาตาติ เอวํ มญฺญติ ‘‘อปายุปฺปาทนสมตฺถตา อปายโกสลฺลํ นามา’’ติ, ตํ ปน ตสฺส มติมตฺตํฯ ปญฺญวา เอว หิ ‘‘มยฺหํ เอวํ มนสิ กโรโต อนุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมา นุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา นิรุชฺฌนฺติฯ อนุปฺปนฺนา อกุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา วฑฺฒนฺตี’’ติ ปชานาติ, โส เอวํ ญตฺวา อนุปฺปเนฺน อกุสเล ธเมฺม น อุปฺปาเทติ, อุปฺปเนฺน ปชหติฯ อนุปฺปเนฺน กุสเล ธเมฺม อุปฺปาเทติ, อุปฺปเนฺน ภาวนาปาริปูริํ ปาเปติฯ เอวํ อปายโกสลฺลมฺปิ ปญฺญา เอวาติฯ สพฺพาปีติ อายโกสลฺลปกฺขิกาปิ อปายโกสลฺลปกฺขิกาปิฯ ตตฺรุปายาติ ตตฺร ตตฺร กรณีเย อุปายภูตาฯ

    Tattha idaṃ vuccatīti yā imesaṃ akusaladhammānaṃ anuppattinirodhesu, kusaladhammānañca uppattibhiyyobhāvesu paññā, idaṃ āyakosallaṃ nāma vuccati. Idāni apāyakosallampi pāḷivaseneva dassetuṃ ‘‘tattha katama’’ntiādi vuttaṃ. Tattha idaṃ vuccatīti yā imesaṃ kusaladhammānaṃ anuppajjananirujjhanesu, akusaladhammānañca uppattibhiyyobhāvesu paññā, idaṃ apāyakosallaṃ nāma vuccatīti. Etthāhaāyakosallaṃ tāva paññā hotu, apāyakosallaṃ kathaṃ paññā nāma jātāti evaṃ maññati ‘‘apāyuppādanasamatthatā apāyakosallaṃ nāmā’’ti, taṃ pana tassa matimattaṃ. Paññavā eva hi ‘‘mayhaṃ evaṃ manasi karoto anuppannā kusalā dhammā nuppajjanti, uppannā nirujjhanti. Anuppannā akusalā dhammā uppajjanti, uppannā vaḍḍhantī’’ti pajānāti, so evaṃ ñatvā anuppanne akusale dhamme na uppādeti, uppanne pajahati. Anuppanne kusale dhamme uppādeti, uppanne bhāvanāpāripūriṃ pāpeti. Evaṃ apāyakosallampi paññā evāti. Sabbāpīti āyakosallapakkhikāpi apāyakosallapakkhikāpi. Tatrupāyāti tatra tatra karaṇīye upāyabhūtā.

    ตสฺส ติกิจฺฉนตฺถนฺติ อจฺจายิกสฺส กิจฺจสฺส, ภยสฺส วา ปริหรณตฺถํ ฐานุปฺปตฺติยการณชานนวเสเนวาติ ฐาเน ตงฺขเณ เอว อุปฺปตฺติ เอตสฺส อตฺถีติ ฐานุปฺปตฺติกํ, ฐานโส อุปฺปชฺชนกการณํ, ตสฺส ชานนวเสเนวฯ

    Tassa tikicchanatthanti accāyikassa kiccassa, bhayassa vā pariharaṇatthaṃ ṭhānuppattiyakāraṇajānanavasenevāti ṭhāne taṅkhaṇe eva uppatti etassa atthīti ṭhānuppattikaṃ, ṭhānaso uppajjanakakāraṇaṃ, tassa jānanavaseneva.

    มชฺชนาการวเสน ปวตฺตมานาติ อตฺตโน วตฺถุโน มทนียตาย มทสฺส อาปชฺชนากาเรน ปวตฺตมานา อุณฺณติโยฯ นิโรโคติ อโรโคฯ มานกรณนฺติ มานสฺส อุปฺปาทนํฯ โยพฺพเน ฐตฺวาติ โยพฺพเน ปติฎฺฐาย, โยพฺพนํ อปสฺสายาติ อโตฺถฯ สเพฺพสมฺปิ ชีวิตํ นาม มรณปภงฺคุรํ ทุกฺขานุพนฺธญฺจ, ตทุภยํ อโนโลเกตฺวา, ปพนฺธฎฺฐิติปจฺจยา สุลภตญฺจ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกมโท ชีวิตมโทติ ทเสฺสตุํ ‘‘จิรํ ชีวิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ

    Majjanākāravasena pavattamānāti attano vatthuno madanīyatāya madassa āpajjanākārena pavattamānā uṇṇatiyo. Nirogoti arogo. Mānakaraṇanti mānassa uppādanaṃ. Yobbane ṭhatvāti yobbane patiṭṭhāya, yobbanaṃ apassāyāti attho. Sabbesampi jīvitaṃ nāma maraṇapabhaṅguraṃ dukkhānubandhañca, tadubhayaṃ anoloketvā, pabandhaṭṭhitipaccayā sulabhatañca nissāya uppajjanakamado jīvitamadoti dassetuṃ ‘‘ciraṃ jīvi’’ntiādi vuttaṃ.

    อธิปติ วุจฺจติ เชฎฺฐโก, อิสฺสโรติ อโตฺถฯ ตโต อธิปติโต อาคตํ อาธิปเตยฺยํฯ กิํ ตํ? ปาปสฺส อกรณํฯ เตนาห ‘‘เอตฺตโกมฺหี’’ติอาทิฯ ตตฺถ สีลาทโย โลกิยา เอว ทฎฺฐพฺพา, ตสฺมา วิมุตฺติยาติ โลกิยวิมุตฺติยาฯ เชฎฺฐกนฺติ อิสฺสรํ, ครุนฺติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ อตฺตานํ, ธมฺมญฺจ อธิปติํ กตฺวา ปาปสฺส อกรณํ หิริยา วเสน เวทิตพฺพํฯ โลกํ อธิปติํ กตฺวา อกรณํ โอตฺตปฺปสฺส วเสนฯ

    Adhipati vuccati jeṭṭhako, issaroti attho. Tato adhipatito āgataṃ ādhipateyyaṃ. Kiṃ taṃ? Pāpassa akaraṇaṃ. Tenāha ‘‘ettakomhī’’tiādi. Tattha sīlādayo lokiyā eva daṭṭhabbā, tasmā vimuttiyāti lokiyavimuttiyā. Jeṭṭhakanti issaraṃ, garunti attho. Ettha ca attānaṃ, dhammañca adhipatiṃ katvā pāpassa akaraṇaṃ hiriyā vasena veditabbaṃ. Lokaṃ adhipatiṃ katvā akaraṇaṃ ottappassa vasena.

    กถาวตฺถูนีติ กถาย ปวตฺติฎฺฐานานิฯ ยสฺมา เตหิ วินา กถา นปฺปวตฺตติ, ตสฺมา ‘‘กถาการณานี’’ติ วุตฺตํฯ อทฺธาน-สทฺทสฺส อโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺต เอว, โส ปนตฺถโต ธมฺมปฺปวตฺติมตฺตํ ฯ ธมฺมา เจตฺถ ขนฺธา เอว, ตพฺพินิมุตฺตา จ เตสํ คติ นตฺถีติ อาห ‘‘อตีตํ ธมฺมํ, อตีตกฺขเนฺธติ อโตฺถ’’ติฯ อยญฺจ อทฺธา นาม ทิสาทิ วิย อตฺถโต ธมฺมปฺปวตฺติํ อุปาทาย ปญฺญตฺติมตฺตํ, น อุปาทา น ภูตธโมฺมติ ตมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Kathāvatthūnīti kathāya pavattiṭṭhānāni. Yasmā tehi vinā kathā nappavattati, tasmā ‘‘kathākāraṇānī’’ti vuttaṃ. Addhāna-saddassa attho heṭṭhā vutto eva, so panatthato dhammappavattimattaṃ . Dhammā cettha khandhā eva, tabbinimuttā ca tesaṃ gati natthīti āha ‘‘atītaṃ dhammaṃ, atītakkhandheti attho’’ti. Ayañca addhā nāma disādi viya atthato dhammappavattiṃ upādāya paññattimattaṃ, na upādā na bhūtadhammoti tamatthaṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ.

    ‘‘ตมวิชฺฌนเฎฺฐน วิทิตกรณเฎฺฐนา’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ปุเพฺพนิวาสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปุเพฺพนิวาสนฺติ ปุเพฺพ นิวุตฺถกฺขเนฺธฯ ตมนฺติ โมหตมํฯ วิชฺฌตีติ วิหนติ, ปชหตีติ อโตฺถฯ เตเนว จ ปฎิจฺฉาทกตมวิชฺฌเนน ปุเพฺพนิวาสญฺจ วิทิตํ ปากฎํ กโรตีติ วิชฺชาติฯ นฺติ จุตูปปาตํฯ

    ‘‘Tamavijjhanaṭṭhena viditakaraṇaṭṭhenā’’ti saṅkhepato vuttamatthaṃ vivarituṃ ‘‘pubbenivāsā’’tiādi vuttaṃ. Pubbenivāsanti pubbe nivutthakkhandhe. Tamanti mohatamaṃ. Vijjhatīti vihanati, pajahatīti attho. Teneva ca paṭicchādakatamavijjhanena pubbenivāsañca viditaṃ pākaṭaṃ karotīti vijjāti. Tanti cutūpapātaṃ.

    อุปปตฺติเทววิเสสภาวาวโห วิหาโรติ กตฺวา ทิโพฺพ วิหาโรฯ นนุ เอวํ อญฺญมญฺญานมฺปิ ทิพฺพวิหารภาโว อาปชฺชตีติ? น ตาสํ สเตฺตสุ หิตูปสํหาราทิวเสน ปวตฺติยา สวิเสสํ นิโทฺทสเฎฺฐน, เสฎฺฐเฎฺฐน จ พฺรหฺมวิหารสมญฺญาย นิรุฬฺหภาวโตฯ สุวิสุทฺธิโต ปฎิปกฺขสมุจฺฉินฺทนวเสน อรณียโต ปตฺตพฺพโต, อริยภาวปฺปตฺติยา วา อนนฺตรํ อริโยฯ อริยานํ อยนฺติ วา อริโย วิหาโรฯ

    Upapattidevavisesabhāvāvaho vihāroti katvā dibbo vihāro. Nanu evaṃ aññamaññānampi dibbavihārabhāvo āpajjatīti? Na tāsaṃ sattesu hitūpasaṃhārādivasena pavattiyā savisesaṃ niddosaṭṭhena, seṭṭhaṭṭhena ca brahmavihārasamaññāya niruḷhabhāvato. Suvisuddhito paṭipakkhasamucchindanavasena araṇīyato pattabbato, ariyabhāvappattiyā vā anantaraṃ ariyo. Ariyānaṃ ayanti vā ariyo vihāro.

    เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ

    Sesaṃ heṭṭhā vuttanayameva.

    ติกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tikavaṇṇanā niṭṭhitā.

    จตุกฺกวณฺณนา

    Catukkavaṇṇanā

    ๓๐๖. ปุเพฺพติ เหฎฺฐา มหาสติปฎฺฐานวณฺณนายํฯ

    306.Pubbeti heṭṭhā mahāsatipaṭṭhānavaṇṇanāyaṃ.

    โย ฉโนฺทติ โย ฉนฺทิยนวเสน ฉโนฺทฯ ฉนฺทิกตาติ ฉนฺทภาโว, ฉนฺทิกรณากาโร วาฯ กตฺตุกมฺยตาติ กตฺตุกามตาฯ กุสโลติ เฉโก โกสลฺลสมฺภูโต ฯ ธมฺมจฺฉโนฺทติ สภาวจฺฉโนฺทฯ อยญฺหิ ฉโนฺท นาม ตณฺหาฉโนฺท, ทิฎฺฐิฉโนฺท, วีริยฉโนฺท, ธมฺมจฺฉโนฺทติ พหุวิโธฯ อิธ กตฺตุกมฺยตากุสลธมฺมจฺฉโนฺท อธิเปฺปโตฯ ฉนฺทํ ชเนตีติ ตํ ฉนฺทํ อุปฺปาเทติฯ ตํ ปวเตฺตโนฺต หิ ชเนติ นามฯ วายามํ กโรตีติ ปโยคํ ปรกฺกมํ กโรติฯ วีริยํ อารภตีติ กายิกเจตสิกวีริยํ ปวเตฺตติฯ จิตฺตํ อุปตฺถเมฺภตีติ เตเนว สหชาตวีริเยน จิตฺตํ อุกฺขิปติฯ ปทหตีติ ปธานํ วีริยํ กโรติฯ ปฎิปาฎิยา ปเนตานิ ปทานิ อุปฺปาทนาเสวนาภาวนาพหุลีกมฺมสาตจฺจกิริยาหิ โยเชตพฺพานิฯ วิตฺถารํ ปริหรโนฺต ‘‘อยเมตฺถ สเงฺขโป’’ติอาทิมาหฯ

    Yo chandoti yo chandiyanavasena chando. Chandikatāti chandabhāvo, chandikaraṇākāro vā. Kattukamyatāti kattukāmatā. Kusaloti cheko kosallasambhūto . Dhammacchandoti sabhāvacchando. Ayañhi chando nāma taṇhāchando, diṭṭhichando, vīriyachando, dhammacchandoti bahuvidho. Idha kattukamyatākusaladhammacchando adhippeto. Chandaṃ janetīti taṃ chandaṃ uppādeti. Taṃ pavattento hi janeti nāma. Vāyāmaṃ karotīti payogaṃ parakkamaṃ karoti. Vīriyaṃ ārabhatīti kāyikacetasikavīriyaṃ pavatteti. Cittaṃ upatthambhetīti teneva sahajātavīriyena cittaṃ ukkhipati. Padahatīti padhānaṃ vīriyaṃ karoti. Paṭipāṭiyā panetāni padāni uppādanāsevanābhāvanābahulīkammasātaccakiriyāhi yojetabbāni. Vitthāraṃ pariharanto ‘‘ayamettha saṅkhepo’’tiādimāha.

    ฉนฺทํ นิสฺสายาติ ‘‘ฉนฺทวโต เจโตสมาธิ โหติ, มยฺหํ เอวํ โหตี’’ติ เอวํ ฉนฺทํ นิสฺสาย ฉนฺทํ ธุรํ เชฎฺฐกํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา ปวโตฺต สมาธิ ฉนฺทสมาธิปธานภูตาติ ปธานชาตา, ปธานภาวํ วา ปตฺตาฯ สงฺขาราติ จตุกิจฺจสาธกํ สมฺมปฺปธานวีริยํ วทติฯ เตหิ ธเมฺมหีติ ยถาวุตฺตสมาธิวีริเยหิ อุเปตํ สมฺปยุตฺตํฯ อิทฺธิยา ปาทนฺติ นิปฺผตฺติปริยาเยน อิชฺฌนเฎฺฐน, อิชฺฌนฺติ เอตาย สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิมินา วา ปริยาเยน ‘‘อิทฺธี’’ติ สงฺขฺยํ คตานํ อุปจารชฺฌานาทิกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตานํ ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารานํ อธิฎฺฐานเฎฺฐน ปาทภูตํฯ ยสฺมา ปุริมา อิทฺธิ ปจฺฉิมาย อิทฺธิยา ปาโท ปาทกํ ปทฎฺฐานํ โหติ, ตสฺมา ‘‘อิทฺธิภูตํ วา ปาท’’นฺติ จ วุตฺตํฯ เสเสสุปีติ ทุติยอิทฺธิปาทาทีสุฯ กามเญฺจตฺถ ชนวสภสุเตฺตปิ อิทฺธิปาทวิจาโร อาคโต, โสปิ สเงฺขปโต เอวาติ อาห ‘‘วิตฺถาโร ปน…เป.… ทีปิโต’’ติฯ

    Chandaṃ nissāyāti ‘‘chandavato cetosamādhi hoti, mayhaṃ evaṃ hotī’’ti evaṃ chandaṃ nissāya chandaṃ dhuraṃ jeṭṭhakaṃ pubbaṅgamaṃ katvā pavatto samādhi chandasamādhi. Padhānabhūtāti padhānajātā, padhānabhāvaṃ vā pattā. Saṅkhārāti catukiccasādhakaṃ sammappadhānavīriyaṃ vadati. Tehi dhammehīti yathāvuttasamādhivīriyehi upetaṃ sampayuttaṃ. Iddhiyā pādanti nipphattipariyāyena ijjhanaṭṭhena, ijjhanti etāya sattā iddhā vuddhā ukkaṃsagatā hontīti iminā vā pariyāyena ‘‘iddhī’’ti saṅkhyaṃ gatānaṃ upacārajjhānādikusalacittasampayuttānaṃ chandasamādhipadhānasaṅkhārānaṃ adhiṭṭhānaṭṭhena pādabhūtaṃ. Yasmā purimā iddhi pacchimāya iddhiyā pādo pādakaṃ padaṭṭhānaṃ hoti, tasmā ‘‘iddhibhūtaṃ vā pāda’’nti ca vuttaṃ. Sesesupīti dutiyaiddhipādādīsu. Kāmañcettha janavasabhasuttepi iddhipādavicāro āgato, sopi saṅkhepato evāti āha ‘‘vitthāro pana…pe… dīpito’’ti.

    ๓๐๗. ทิฎฺฐธโมฺม วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต อตฺตภาโวติ อาห ‘‘อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว’’ติฯ สุขวิหารตฺถายาติ นิกฺกิเลสตาย นิรามิเสน สุเขน วิหรณตฺถายฯ ผลสมาปตฺติฌานานีติ จตฺตาริปิ ผลสมาปตฺติฌานานิฯ อปรภาเคติ อาสวกฺขยาธิคมโต อปรภาเคฯ นิพฺพตฺติตชฺฌานานีติ อธิคตรูปารูปชฺฌานานิฯ

    307.Diṭṭhadhammo vuccati paccakkhabhūto attabhāvoti āha ‘‘imasmiṃyeva attabhāve’’ti. Sukhavihāratthāyāti nikkilesatāya nirāmisena sukhena viharaṇatthāya. Phalasamāpattijhānānīti cattāripi phalasamāpattijhānāni. Aparabhāgeti āsavakkhayādhigamato aparabhāge. Nibbattitajjhānānīti adhigatarūpārūpajjhānāni.

    สูริยจนฺทปโชฺชตมณิอาทีนนฺติ ปโชฺชตคฺคหเณน ปทีปํ วทติฯ อาทิ-สเทฺทน อุกฺกาวิชฺชุลตาทีนํ สงฺคโหฯ อาโลโกติ มนสิ กโรตีติ สูริยจนฺทาโลกาทิํ ทิวา, รตฺติญฺจ อุปลทฺธํ ยถาลทฺธวเสเนว มนสิ กโรติ จิเตฺต ฐเปติฯ ตถาว นํ มนสิ กโรติ, ยถาสฺส สุภาวิตาโลกกสิณสฺส วิย กสิณาโลโก ยทิจฺฉกํ ยาวทิจฺฉกํฯ โส อาโลโก รตฺติยํ อุปติฎฺฐติ, เยน ตตฺถ ทิวาสญฺญํ ฐเปติ ทิวา วิย วิคตถินมิโทฺธ โหติฯ เตนาห ‘‘ยถา ทิวา ตถา รตฺติ’’นฺติฯ ยถา รตฺติํ อาโลโก ทิโฎฺฐติ ยถา รตฺติยา จนฺทาโลกาทิอาโลโก ทิโฎฺฐ อุปลโทฺธฯ เอวเมว ทิวา มนสิ กโรตีติ รตฺติํ ทิฎฺฐากาเรเนว ทิวา ตํ อาโลกํ มนสิ กโรติ จิเตฺต ฐเปติฯ อปิหิเตนาติ ถินมิทฺธปิธาเนน น ปิหิเตนฯ อนเทฺธนาติ อสญฺฉาทิเตนฯ สโอภาสนฺติ สญาโณภาสํฯ ถินมิทฺธวิโนทนอาโลโกปิ วา โหตุ กสิณาโลโกปิ วา ปริกมฺมาโลโกปิ วา, อุปกฺกิเลสาโลโก วิย สพฺพายํ อาโลโก ญาณสมุฎฺฐาโน วาติฯ ญาณทสฺสนปฎิลาภตฺถายาติ ทิพฺพจกฺขุญาณปฎิลาภตฺถายฯ ทิพฺพจกฺขุญาณญฺหิ รูปคตสฺส ทิพฺพสฺส, อิตรสฺส จ ทสฺสนเฎฺฐน อิธ ‘‘ญาณทสฺสน’’นฺติ อธิเปฺปตํฯ ‘‘อาโลกสญฺญํ มนสิ กโรตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตอาโลโก ถินมิทฺธวิโนทนอาโลโกฯ ปริกมฺมอาโลโกติ ทิพฺพจกฺขุญาณาย ปริกมฺมกรณวเสน ปวตฺติตอาโลโกฯ ตตฺถ ปุริมสฺส วเสน ‘‘ขีณาสวสฺสา’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํฯ ตสฺส หิ ถินมิทฺธํ สุปฺปหีนํ โหติ, น อเญฺญสํฯ ทุติยสฺส วเสน ‘‘ตสฺมิํ วา อาคเตปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตสฺมินฺติ ทิพฺพจกฺขุญาเณฯ อาคเตปีติ ปฎิลเทฺธปิฯ อนาคเตปีติ อปฺปฎิลเทฺธปิฯ ยสฺมา ตถารูปสฺส ปาทกชฺฌานเสฺสว วเสน ปริกมฺมอาโลกสฺส สมฺภโว, ยโต ตํ ปริสุทฺธปริโยทาตตาทิคุณวิเสสุปสํหิตํ, ตสฺมา อาห ‘‘ปาทก…เป.… ภาเวตีติ วุตฺต’’นฺติฯ

    Sūriyacandapajjotamaṇiādīnanti pajjotaggahaṇena padīpaṃ vadati. Ādi-saddena ukkāvijjulatādīnaṃ saṅgaho. Ālokoti manasi karotīti sūriyacandālokādiṃ divā, rattiñca upaladdhaṃ yathāladdhavaseneva manasi karoti citte ṭhapeti. Tathāva naṃ manasi karoti, yathāssa subhāvitālokakasiṇassa viya kasiṇāloko yadicchakaṃ yāvadicchakaṃ. So āloko rattiyaṃ upatiṭṭhati, yena tattha divāsaññaṃ ṭhapeti divā viya vigatathinamiddho hoti. Tenāha ‘‘yathā divā tathā ratti’’nti. Yathā rattiṃ āloko diṭṭhoti yathā rattiyā candālokādiāloko diṭṭho upaladdho. Evameva divā manasi karotīti rattiṃ diṭṭhākāreneva divā taṃ ālokaṃ manasi karoti citte ṭhapeti. Apihitenāti thinamiddhapidhānena na pihitena. Anaddhenāti asañchāditena. Saobhāsanti sañāṇobhāsaṃ. Thinamiddhavinodanaālokopi vā hotu kasiṇālokopi vā parikammālokopi vā, upakkilesāloko viya sabbāyaṃ āloko ñāṇasamuṭṭhāno vāti. Ñāṇadassanapaṭilābhatthāyāti dibbacakkhuñāṇapaṭilābhatthāya. Dibbacakkhuñāṇañhi rūpagatassa dibbassa, itarassa ca dassanaṭṭhena idha ‘‘ñāṇadassana’’nti adhippetaṃ. ‘‘Ālokasaññaṃ manasi karotī’’ti ettha vuttaāloko thinamiddhavinodanaāloko. Parikammaālokoti dibbacakkhuñāṇāya parikammakaraṇavasena pavattitaāloko. Tattha purimassa vasena ‘‘khīṇāsavassā’’ti visesetvā vuttaṃ. Tassa hi thinamiddhaṃ suppahīnaṃ hoti, na aññesaṃ. Dutiyassa vasena ‘‘tasmiṃ vā āgatepī’’tiādi vuttaṃ. Tattha tasminti dibbacakkhuñāṇe. Āgatepīti paṭiladdhepi. Anāgatepīti appaṭiladdhepi. Yasmā tathārūpassa pādakajjhānasseva vasena parikammaālokassa sambhavo, yato taṃ parisuddhapariyodātatādiguṇavisesupasaṃhitaṃ, tasmā āha ‘‘pādaka…pe… bhāvetīti vutta’’nti.

    สตฺตฎฺฐานิกสฺสาติ ‘‘อภิกฺกเนฺต ปฎิกฺกเนฺต สมฺปชานการี โหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๑๔; ๒.๖๙; ม. นิ. ๑.๑๐๒) วุตฺตสฺส สตฺตฎฺฐานิกสฺสฯ สติปิ เสกฺขานํ ปริญฺญาตภาเว เอกนฺตโต ปริญฺญาตวตฺถุกา นาม อรหโนฺต เอวาติ วุตฺตํ ‘‘ขีณาสวสฺส วตฺถุ วิทิตํ โหตี’’ติอาทิฯ วตฺถารมฺมณวิทิตตายาติ วตฺถุโน, อารมฺมณสฺส จ ยาถาวโต วิทิตภาเวนฯ ยถา หิ สปฺปปริเยสนํ จรเนฺตน ตสฺส อาสเย วิทิเต โสปิ วิทิโต เอว จ โหติ มนฺตาคทพเลน ตสฺส คหณสฺส สุกรตฺตา, เอวํ เวทนาย อาสยภูเต วตฺถุมฺหิ, อารมฺมเณ จ วิทิเต อาทิกมฺมิกสฺสปิ เวทนา วิทิตา เอว โหติ สลกฺขณโต, สามญฺญลกฺขณโต จ ตสฺสา คหณสฺส สุกรตฺตา, ปเคว ปริญฺญาตวตฺถุกสฺส ขีณาสวสฺสฯ ตสฺส หิ อุปฺปาทกฺขเณปิ ฐิติกฺขเณปิ ภงฺคกฺขเณปิ เวทนา วิทิตา ปากฎา โหนฺติฯ เตนาห ‘‘เอวํ เวทนา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทิฯ นิทสฺสนมตฺตเญฺจตํ, ยทิทํ ปาฬิยํ เวทนาสญฺญาวิตกฺกคฺคหณนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิมาห , เตน อวเสสโต สพฺพธมฺมานมฺปิ อุปฺปาทาทิโต วิทิตภาวํ ทเสฺสติฯ

    Sattaṭṭhānikassāti ‘‘abhikkante paṭikkante sampajānakārī hotī’’tiādinā (dī. ni. 1.214; 2.69; ma. ni. 1.102) vuttassa sattaṭṭhānikassa. Satipi sekkhānaṃ pariññātabhāve ekantato pariññātavatthukā nāma arahanto evāti vuttaṃ ‘‘khīṇāsavassa vatthu viditaṃ hotī’’tiādi. Vatthārammaṇaviditatāyāti vatthuno, ārammaṇassa ca yāthāvato viditabhāvena. Yathā hi sappapariyesanaṃ carantena tassa āsaye vidite sopi vidito eva ca hoti mantāgadabalena tassa gahaṇassa sukarattā, evaṃ vedanāya āsayabhūte vatthumhi, ārammaṇe ca vidite ādikammikassapi vedanā viditā eva hoti salakkhaṇato, sāmaññalakkhaṇato ca tassā gahaṇassa sukarattā, pageva pariññātavatthukassa khīṇāsavassa. Tassa hi uppādakkhaṇepi ṭhitikkhaṇepi bhaṅgakkhaṇepi vedanā viditā pākaṭā honti. Tenāha ‘‘evaṃ vedanā uppajjantī’’tiādi. Nidassanamattañcetaṃ, yadidaṃ pāḷiyaṃ vedanāsaññāvitakkaggahaṇanti dassento ‘‘na kevala’’ntiādimāha , tena avasesato sabbadhammānampi uppādādito viditabhāvaṃ dasseti.

    อิทานิ น เกวลํ ขณโต เอว, อถ โข ปจฺจยโตปิ อนิจฺจาทิโตปิ น เกวลํ ขีณาสวานํเยว วเสน, อถ โข เอกจฺจานํ เสกฺขานมฺปิ วเสน เวทนาทีนํ วิทิตภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อวิชฺชาสมุทยาติ อวิชฺชาย อุปฺปาทา, อตฺถิภาวาติ อโตฺถฯ นิโรธวิโรธี หิ อุปฺปาโท อตฺถิภาววาจโกปิ โหตีติ ตสฺมา ปุริมภวสิทฺธาย อวิชฺชาย สติ อิมสฺมิํ ภเว เวทนาย อุปฺปาโท โหตีติ อโตฺถฯ อวิชฺชาทีหิ อตีตกาลิกาทีหิ เตสํ สหการณภูตานิ อุปฺปาทาทีนิปิ คหิตาเนวาติ เวทิตพฺพํฯ เวทนาย ปวตฺติปจฺจเยสุ ผสฺสสฺส พลวภาวโต โส เอว คหิโต ‘‘ผสฺสสมุทยา’’ติฯ ตสฺมิํ ปน คหิเต ปวตฺติปจฺจยตาสามเญฺญน วตฺถารมฺมณาทีนิปิ คหิตาเนว โหนฺตีติ สพฺพสฺสาปิ เวทนาย อนวเสสโต ปจฺจยโต อุทยทสฺสนํ วิภาวิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘นิพฺพตฺติลกฺขณ’’นฺติอาทินา ขณวเสน อุทยทสฺสนมาหฯ อุปฺปชฺชติ เอตสฺมาติ อุปฺปาโท, อุปฺปชฺชนํ อุปฺปาโทติ ปจฺจยลกฺขณํ, ขณลกฺขณญฺจ อุภยํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา อาห ‘‘เอวํ เวทนาย อุปฺปาโท วิทิโต โหตี’’ติฯ

    Idāni na kevalaṃ khaṇato eva, atha kho paccayatopi aniccāditopi na kevalaṃ khīṇāsavānaṃyeva vasena, atha kho ekaccānaṃ sekkhānampi vasena vedanādīnaṃ viditabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Tattha avijjāsamudayāti avijjāya uppādā, atthibhāvāti attho. Nirodhavirodhī hi uppādo atthibhāvavācakopi hotīti tasmā purimabhavasiddhāya avijjāya sati imasmiṃ bhave vedanāya uppādo hotīti attho. Avijjādīhi atītakālikādīhi tesaṃ sahakāraṇabhūtāni uppādādīnipi gahitānevāti veditabbaṃ. Vedanāya pavattipaccayesu phassassa balavabhāvato so eva gahito ‘‘phassasamudayā’’ti. Tasmiṃ pana gahite pavattipaccayatāsāmaññena vatthārammaṇādīnipi gahitāneva hontīti sabbassāpi vedanāya anavasesato paccayato udayadassanaṃ vibhāvitanti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Nibbattilakkhaṇa’’ntiādinā khaṇavasena udayadassanamāha. Uppajjati etasmāti uppādo, uppajjanaṃ uppādoti paccayalakkhaṇaṃ, khaṇalakkhaṇañca ubhayaṃ ekajjhaṃ gahetvā āha ‘‘evaṃ vedanāya uppādo vidito hotī’’ti.

    อนิจฺจโต มนสิ กโรโตติ เวทนา นามายํ อนจฺจนฺติกตาย อาทิอนฺตวตี อุทยพฺพยปริจฺฉินฺนา ขณภงฺคุรา ตาวกาลิกา, ตสฺมา ‘‘อนิจฺจา’’ติ อนิจฺจโต มนสิ กโรโตฯ ตสฺสา ขยโต, วยโต จ อุปฎฺฐานํ วิทิตํ ปากฎํ โหติฯ ทุกฺขโต มนสิ กโรโตติ อนิจฺจตฺตา เอว เวทนา อุทยพฺพยปฎิปีฬิตตาย, ทุกฺขมตาย, ทุกฺขวตฺถุตาย จ ‘‘ทุกฺขา’’ติ มนสิ กโรโต ภยโต ภายิตพฺพโต ตสฺสา อุปฎฺฐานํ วิทิตํ ปากฎํ โหตีติฯ ตถา อนิจฺจตฺตา, ทุกฺขตฺตา เอว จ เวทนา อตฺตรหิตา อสารา นิสฺสารา อวสวตฺตินี ตุจฺฉาติ เวทนํ อนตฺตโต มนสิ กโรโต สุญฺญโต ริตฺตโต อสามิกโต อุปฎฺฐานํ วิทิตํ ปากฎํ โหติฯ ‘‘ขยโต’’ติอาทิ วุตฺตเสฺสว อตฺถสฺส นิคมนํฯ ตสฺมา เวทนํ ขยโต ภยโต สุญฺญโต ชานาตีติ อตฺถวเสน วิภตฺติปริณาโม เวทิตโพฺพฯ อวิชฺชานิโรธา เวทนานิโรโธติ อคฺคมเคฺคน อวิชฺชาย อนุปฺปาทนิโรธโต เวทนาย อนุปฺปาทนิโรโธ โหติ ปจฺจยาภาเว อภาวโตฯ เสสํ สมุทยวาเร วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํฯ อิธ สมาธิภาวนาติ สิขาปฺปตฺตา อริยานํ วิปสฺสนาสมาธิภาวนาฯ ตสฺสา ปาทกภูตา ฌานสมาปตฺติ เวทิตพฺพาฯ

    Aniccato manasi karototi vedanā nāmāyaṃ anaccantikatāya ādiantavatī udayabbayaparicchinnā khaṇabhaṅgurā tāvakālikā, tasmā ‘‘aniccā’’ti aniccato manasi karoto. Tassā khayato, vayato ca upaṭṭhānaṃ viditaṃ pākaṭaṃ hoti. Dukkhato manasi karototi aniccattā eva vedanā udayabbayapaṭipīḷitatāya, dukkhamatāya, dukkhavatthutāya ca ‘‘dukkhā’’ti manasi karoto bhayato bhāyitabbato tassā upaṭṭhānaṃ viditaṃ pākaṭaṃ hotīti. Tathā aniccattā, dukkhattā eva ca vedanā attarahitā asārā nissārā avasavattinī tucchāti vedanaṃ anattato manasi karoto suññato rittato asāmikato upaṭṭhānaṃ viditaṃ pākaṭaṃ hoti. ‘‘Khayato’’tiādi vuttasseva atthassa nigamanaṃ. Tasmā vedanaṃ khayato bhayato suññato jānātīti atthavasena vibhattipariṇāmo veditabbo. Avijjānirodhā vedanānirodhoti aggamaggena avijjāya anuppādanirodhato vedanāya anuppādanirodho hoti paccayābhāve abhāvato. Sesaṃ samudayavāre vuttanayānusārena veditabbaṃ. Idha samādhibhāvanāti sikhāppattā ariyānaṃ vipassanāsamādhibhāvanā. Tassā pādakabhūtā jhānasamāpatti veditabbā.

    วุตฺตนยเมว มหาปทาเน (ที. นิ. ๒.๖๒)ฯ

    Vuttanayameva mahāpadāne (dī. ni. 2.62).

    ๓๐๘. ปมาณํ อคฺคเหตฺวาติ อสุภภาวนา วิย ปเทสํ อคฺคเหตฺวาฯ เอกสฺมิมฺปิ สเตฺต ปมาณาคฺคหเณน อนวเสสผรเณนฯ นตฺถิ เอตาสํ คเหตพฺพํ ปมาณนฺติ หิ อปฺปมาณา, อปฺปมาณา เอว อปฺปมญฺญาฯ

    308.Pamāṇaṃ aggahetvāti asubhabhāvanā viya padesaṃ aggahetvā. Ekasmimpi satte pamāṇāggahaṇena anavasesapharaṇena. Natthi etāsaṃ gahetabbaṃ pamāṇanti hi appamāṇā, appamāṇā eva appamaññā.

    อปสฺสยิตพฺพเฎฺฐน อปเสฺสนานิ, อิธ ภิกฺขุ ยานิ อปสฺสาย ติโสฺส สิกฺขา สิกฺขิตุํ สมโตฺถ โหติ, เตสเมว อธิวจนํฯ ตานิ ปเนตานิ ปจฺจยานํ สงฺขาย เสวิตา อธิวาสนกฺขนฺติ, วชฺชนียวชฺชนํ, วิโนเทตพฺพวิโนทนญฺจฯ เตนาห ‘‘สงฺขาเยกํ อธิวาเสตี’’ติอาทิ ฯ ตตฺถ สมฺมเทว ขายติ อุปฎฺฐาติ ปฎิภาตีติ สงฺขา, ญาณนฺติ อาห ‘‘สงฺขายาติ ญาเณนา’’ติฯ สงฺขาย เสวิตา นาม ยํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, ตสฺส เสวนาติ อาห ‘‘เสวิตพฺพยุตฺตกเมว เสวตี’’ติฯ อธิวาสนาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อโนฺต ปวิสิตุนฺติ อพฺภนฺตเร อตฺตโน จิเตฺต ปวตฺติตุํ น เทติฯ

    Apassayitabbaṭṭhena apassenāni, idha bhikkhu yāni apassāya tisso sikkhā sikkhituṃ samattho hoti, tesameva adhivacanaṃ. Tāni panetāni paccayānaṃ saṅkhāya sevitā adhivāsanakkhanti, vajjanīyavajjanaṃ, vinodetabbavinodanañca. Tenāha ‘‘saṅkhāyekaṃ adhivāsetī’’tiādi . Tattha sammadeva khāyati upaṭṭhāti paṭibhātīti saṅkhā, ñāṇanti āha ‘‘saṅkhāyāti ñāṇenā’’ti. Saṅkhāya sevitā nāma yaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti, tassa sevanāti āha ‘‘sevitabbayuttakameva sevatī’’ti. Adhivāsanādīsupi eseva nayo. Anto pavisitunti abbhantare attano citte pavattituṃ na deti.

    อริยวํสจตุกฺกวณฺณนา

    Ariyavaṃsacatukkavaṇṇanā

    ๓๐๙. วํส-สโทฺท ‘‘ปิฎฺฐิวํสํ อติกฺกมิตฺวา นิสีทตี’’ติอาทีสุ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ โคปานสีนํ สนฺธานฎฺฐาเน ฐเปตพฺพทณฺฑเก อาคโตฯ

    309.Vaṃsa-saddo ‘‘piṭṭhivaṃsaṃ atikkamitvā nisīdatī’’tiādīsu dvinnaṃ dvinnaṃ gopānasīnaṃ sandhānaṭṭhāne ṭhapetabbadaṇḍake āgato.

    ‘‘วํโส วิสาโลว ยถา วิสโตฺต,

    ‘‘Vaṃso visālova yathā visatto,

    ปุเตฺตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา;

    Puttesu dāresu ca yā apekkhā;

    วํเส กฬีโรว อสชฺชมาโน,

    Vaṃse kaḷīrova asajjamāno,

    เอโก จเร ขคฺควิสาณกโปฺป’’ติอาทีสุฯ (อป. ๑.๑.๙๔);

    Eko care khaggavisāṇakappo’’tiādīsu. (apa. 1.1.94);

    อกณฺฑเกฯ ‘‘เภริสโทฺท มุทิงฺคสโทฺท วํสสโทฺท กํสตาฬสโทฺท’’ติอาทีสุ ตูริยวิเสเส, โย ‘‘เวณู’’ ติปิ วุจฺจติฯ ‘‘อภิเนฺนน ปิฎฺฐิวํเสน มโต หตฺถี’’ติอาทีสุ หตฺถิอาทีนํ ปิฎฺฐิเวมเชฺฌ ปเทเสฯ ‘‘กุลวํสํ ฐเปสฺสามี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๒๖๗) กุลวํเสฯ ‘‘วํสานุรกฺขโก ปเวณีปาลโก’’ติอาทีสุ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๒) คุณานุปุพฺพิยํ คุณานํ ปพนฺธปฺปวตฺติยํฯ อิธ ปน จตุปจฺจยสโนฺตสภาวนารามตาสงฺขาตคุณานํ ปพเนฺธ ทฎฺฐโพฺพฯ ตสฺส ปน วํสสฺส กุลนฺวยํ, คุณนฺวยญฺจ นิทสฺสนวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ขตฺติยวํโสติ ขตฺติยกุลนฺวโย ฯ เอเสว นโย เสสปเทสุปิฯ สมณวํโส ปน สมณตนฺติ สมณปเวณีฯ มูลคนฺธาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน ยถา สารคนฺธาทีนํ สงฺคโห, เอวเมตฺถ โครสาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ทุติเยน ปน อาทิ-สเทฺทน กาสิกวตฺถสปฺปิมณฺฑาทีนํฯ อริย-สโทฺท อมิลกฺขูสุปิ มนุเสฺสสุ วตฺตติ, เยสํ ปน นิวาสนฎฺฐานํ ‘‘อริยํ อายตน’’นฺติ วุจฺจติฯ ยถาห ‘‘ยาวตา, อานนฺท, อริยํ อายตน’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๑๕๒; อุทา. ๗๖) โลกิยสาธุชเนสุปิ ‘‘เย หิ โว อริยา ปริสุทฺธกายกมฺมนฺตา…เป.… เตสํ อหํ อญฺญตโร’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๕)ฯ อิธ ปน เย ‘‘อารกา กิเลเสหี’’ติอาทินา ลทฺธนิพฺพจนา ปฎิวิทฺธอริยสจฺจา, เต เอว อธิเปฺปตาติ ทเสฺสตุํ ‘‘เก ปน เต อริยา’’ติ ปุจฺฉํ กตฺวา ‘‘อริยา วุจฺจนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Akaṇḍake. ‘‘Bherisaddo mudiṅgasaddo vaṃsasaddo kaṃsatāḷasaddo’’tiādīsu tūriyavisese, yo ‘‘veṇū’’ tipi vuccati. ‘‘Abhinnena piṭṭhivaṃsena mato hatthī’’tiādīsu hatthiādīnaṃ piṭṭhivemajjhe padese. ‘‘Kulavaṃsaṃ ṭhapessāmī’’tiādīsu (dī. ni. 3.267) kulavaṃse. ‘‘Vaṃsānurakkhako paveṇīpālako’’tiādīsu (visuddhi. 1.42) guṇānupubbiyaṃ guṇānaṃ pabandhappavattiyaṃ. Idha pana catupaccayasantosabhāvanārāmatāsaṅkhātaguṇānaṃ pabandhe daṭṭhabbo. Tassa pana vaṃsassa kulanvayaṃ, guṇanvayañca nidassanavasena dassetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha khattiyavaṃsoti khattiyakulanvayo . Eseva nayo sesapadesupi. Samaṇavaṃso pana samaṇatanti samaṇapaveṇī. Mūlagandhādīnanti ādi-saddena yathā sāragandhādīnaṃ saṅgaho, evamettha gorasādīnampi saṅgaho daṭṭhabbo. Dutiyena pana ādi-saddena kāsikavatthasappimaṇḍādīnaṃ. Ariya-saddo amilakkhūsupi manussesu vattati, yesaṃ pana nivāsanaṭṭhānaṃ ‘‘ariyaṃ āyatana’’nti vuccati. Yathāha ‘‘yāvatā, ānanda, ariyaṃ āyatana’’nti (dī. ni. 2.152; udā. 76) lokiyasādhujanesupi ‘‘ye hi vo ariyā parisuddhakāyakammantā…pe… tesaṃ ahaṃ aññataro’’tiādīsu (ma. ni. 1.35). Idha pana ye ‘‘ārakā kilesehī’’tiādinā laddhanibbacanā paṭividdhaariyasaccā, te eva adhippetāti dassetuṃ ‘‘ke pana te ariyā’’ti pucchaṃ katvā ‘‘ariyā vuccantī’’tiādi vuttaṃ.

    ตตฺถ เย มหาปณิธานกปฺปโต ปฎฺฐาย ยาวายํ กโปฺป, เอตฺถนฺตเร อุปฺปนฺนา สมฺมาสมฺพุทฺธา, เต ตาว สรูปโต ทเสฺสตฺวา ตทเญฺญปิ สมฺมาสมฺพุเทฺธ, ปเจฺจกพุเทฺธ, พุทฺธสาวเก จ สงฺคเหตฺวา อนวเสสโต อริเย ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยาว สาสนํ น อนฺตรธายติ, ตาว สตฺถา ธรติ เอว นามาติ อิมเมว ภควนฺตํ, เย เจตรหิ พุทฺธสาวกา, เต จ สนฺธาย ปจฺจุปฺปนฺนคฺคหณํฯ ตสฺมิํ ตสฺมิํ วา กาเล เต เต ปจฺจุปฺปนฺนาติ เจ, อตีตานาคตคฺคหณํ น กตฺตพฺพํ สิยาฯ อิทานิ ยถา ภควา ‘‘ธมฺมํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสสฺสามิ, ยทิทํ ฉฉกฺกานี’’ติ ฉกฺกเทสนาย (ม. นิ. ๓.๔๒๐) อฎฺฐหิ ปเทหิ วณฺณํ อภาสิ, เอวํ มหาอริยวํสเทสนาย อริยานํ วํสานํ ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อริยวํสา อคฺคญฺญา รตฺตญฺญา วํสญฺญา โปราณา อสํกิณฺณา อสํกิณฺณปุพฺพา น สงฺกียนฺติ น สงฺกียิสฺสนฺติ อปฺปฎิกุฎฺฐา สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๘) เยหิ นวหิ ปเทหิ วณฺณํ อภาสิ, ตานิ ตาว อาเนตฺวา โถมนาวเสเนว วเณฺณโนฺต ‘‘เต โข ปเนเต’’ติอาทิมาหฯ อคฺคาติ ชานิตพฺพา สพฺพวํเสหิ เสฎฺฐภาวโต, เสฎฺฐภาวสาธนโต จฯ ทีฆรตฺตํ ปวตฺตาติ ชานิตพฺพา รตฺตญฺญูหิ, พุทฺธาทีหิ เตหิ จ ตถา อนุฎฺฐิตตฺตาฯ วํสาติ ชานิตพฺพา พุทฺธาทีนํ อริยานํ วํสาติ ชานิตพฺพาฯ โปราณาติ ปุราตนาฯ น อธุนุปฺปตฺติกาติ น อธุนาตนาฯ อสํกิณฺณาติ น ขิตฺตา น ฉฑฺฑิตาฯ เตนาห ‘‘อนปนีตา’’ติฯ น อปนีตปุพฺพาติ น ฉฑฺฑิตปุพฺพา ติสฺสนฺนํ สิกฺขานํ ปริปูรณูปายภาวโต น ปริจตฺตปุพฺพาฯ ตโต เอว อิทานิปิ น อปนียนฺติ, อนาคเตปิ น อปนียิสฺสนฺติฯ เย ธมฺมสภาวสฺส วิชานเนว วิญฺญู สมิตปาปสมณา เจว พาหิตปาปพฺราหฺมณา จ, เตหิ อปฺปฎิกุฎฺฐา อปฺปฎิกฺขิตฺตาฯ เย หิ น ปฎิโกฺกสิตพฺพา, เต อนินฺทิตพฺพา อครหิตพฺพาฯ อปริจฺจชิตพฺพตาย อปฺปฎิกฺขิปิตพฺพา โหนฺตีติฯ

    Tattha ye mahāpaṇidhānakappato paṭṭhāya yāvāyaṃ kappo, etthantare uppannā sammāsambuddhā, te tāva sarūpato dassetvā tadaññepi sammāsambuddhe, paccekabuddhe, buddhasāvake ca saṅgahetvā anavasesato ariye dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yāva sāsanaṃ na antaradhāyati, tāva satthā dharati eva nāmāti imameva bhagavantaṃ, ye cetarahi buddhasāvakā, te ca sandhāya paccuppannaggahaṇaṃ. Tasmiṃ tasmiṃ vā kāle te te paccuppannāti ce, atītānāgataggahaṇaṃ na kattabbaṃ siyā. Idāni yathā bhagavā ‘‘dhammaṃ vo, bhikkhave, desessāmi ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsessāmi, yadidaṃ chachakkānī’’ti chakkadesanāya (ma. ni. 3.420) aṭṭhahi padehi vaṇṇaṃ abhāsi, evaṃ mahāariyavaṃsadesanāya ariyānaṃ vaṃsānaṃ ‘‘cattārome, bhikkhave, ariyavaṃsā aggaññā rattaññā vaṃsaññā porāṇā asaṃkiṇṇā asaṃkiṇṇapubbā na saṅkīyanti na saṅkīyissanti appaṭikuṭṭhā samaṇehi brāhmaṇehi viññūhī’’ti (a. ni. 4.28) yehi navahi padehi vaṇṇaṃ abhāsi, tāni tāva ānetvā thomanāvaseneva vaṇṇento ‘‘te kho panete’’tiādimāha. Aggāti jānitabbā sabbavaṃsehi seṭṭhabhāvato, seṭṭhabhāvasādhanato ca. Dīgharattaṃ pavattāti jānitabbā rattaññūhi, buddhādīhi tehi ca tathā anuṭṭhitattā. Vaṃsāti jānitabbā buddhādīnaṃ ariyānaṃ vaṃsāti jānitabbā. Porāṇāti purātanā. Na adhunuppattikāti na adhunātanā. Asaṃkiṇṇāti na khittā na chaḍḍitā. Tenāha ‘‘anapanītā’’ti. Na apanītapubbāti na chaḍḍitapubbā tissannaṃ sikkhānaṃ paripūraṇūpāyabhāvato na paricattapubbā. Tato eva idānipi na apanīyanti, anāgatepi na apanīyissanti. Ye dhammasabhāvassa vijānaneva viññū samitapāpasamaṇā ceva bāhitapāpabrāhmaṇā ca, tehi appaṭikuṭṭhā appaṭikkhittā. Ye hi na paṭikkositabbā, te aninditabbā agarahitabbā. Apariccajitabbatāya appaṭikkhipitabbā hontīti.

    สนฺตุโฎฺฐติ เอตฺถ ยถาธิเปฺปตสโนฺตสเมว ทเสฺสโนฺต ‘‘ปจฺจยสโนฺตสวเสน สนฺตุโฎฺฐ’’ติ วุตฺตํฯ ฌานวิปสฺสนาทิวเสนปิ อิธ ภิกฺขุโน สนฺตุฎฺฐตา โหตีติฯ อิตรีตเรนาติ อิตเรน อิตเรนฯ อิตร-สโทฺทยํ อนิยมวจโน, ทฺวิกฺขตฺตุํ วุจฺจมาโน ยํกิญฺจิ-สเทฺทหิ สมานโตฺถ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘เยน เกนจี’’ติฯ สฺวายํ อนิยมวาจิตาย เอว ยถา ถูลาทีนํ อญฺญตรวจโน, เอวํ ยถาลทฺธาทีนมฺปิ อญฺญตรวจโนติ ตตฺถ ทุติยปกฺขเสฺสว อิธ อิจฺฉิตภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อถ โข’’ติอาทิมาห ฯ นนุ จ ยถาลทฺธาทโยปิ ถูลาทโย เอว? สจฺจเมตํ, ตถาปิ อตฺถิ วิเสโสฯ โย หิ ยถาลเทฺธสุ ถูลาทีสุ สโนฺตโส, โส ยถาลาภสโนฺตโส เอว, น อิตโรฯ น หิ โส ปจฺจยมตฺตสนฺนิสฺสโย อิจฺฉิโต, อถ โข อตฺตโน กายพลสารุปฺปภาวสนฺนิสฺสโยปิฯ ถูลทุกาทโย จ ตโยปิ จีวเร ลพฺภนฺติฯ มชฺฌิโม จตุปจฺจยสาธารโณ, ปจฺฉิโม ปน จีวเร, เสนาสเน จ ลพฺภตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘อิเม ตโย สโนฺตเส’’ติ อิทํ สพฺพสงฺคาหิกวเสน วุตฺตํฯ เย หิ ปรโต คิลานปจฺจยํ ปิณฺฑปาเต เอว ปกฺขิปิตฺวา จีวเร วีสติ, ปิณฺฑปาเต ปนฺนรส, เสนาสเน ปนฺนรสาติ สมปณฺณาสสโนฺตสา วุจฺจนฺติ, เต สเพฺพปิ ยถารหํ อิเมสุ เอว ตีสุ สโนฺตเสสุ สงฺคหํ สโมสรณํ คจฺฉนฺตีติฯ

    Santuṭṭhoti ettha yathādhippetasantosameva dassento ‘‘paccayasantosavasena santuṭṭho’’ti vuttaṃ. Jhānavipassanādivasenapi idha bhikkhuno santuṭṭhatā hotīti. Itarītarenāti itarena itarena. Itara-saddoyaṃ aniyamavacano, dvikkhattuṃ vuccamāno yaṃkiñci-saddehi samānattho hotīti vuttaṃ ‘‘yena kenacī’’ti. Svāyaṃ aniyamavācitāya eva yathā thūlādīnaṃ aññataravacano, evaṃ yathāladdhādīnampi aññataravacanoti tattha dutiyapakkhasseva idha icchitabhāvaṃ dassento ‘‘atha kho’’tiādimāha . Nanu ca yathāladdhādayopi thūlādayo eva? Saccametaṃ, tathāpi atthi viseso. Yo hi yathāladdhesu thūlādīsu santoso, so yathālābhasantoso eva, na itaro. Na hi so paccayamattasannissayo icchito, atha kho attano kāyabalasāruppabhāvasannissayopi. Thūladukādayo ca tayopi cīvare labbhanti. Majjhimo catupaccayasādhāraṇo, pacchimo pana cīvare, senāsane ca labbhatīti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Ime tayo santose’’ti idaṃ sabbasaṅgāhikavasena vuttaṃ. Ye hi parato gilānapaccayaṃ piṇḍapāte eva pakkhipitvā cīvare vīsati, piṇḍapāte pannarasa, senāsane pannarasāti samapaṇṇāsasantosā vuccanti, te sabbepi yathārahaṃ imesu eva tīsu santosesu saṅgahaṃ samosaraṇaṃ gacchantīti.

    จีวรํ ชานิตพฺพนฺติ ‘‘อิทํ นาม จีวรํ กปฺปิย’’นฺติ ชาติโต จีวรํ ชานิตพฺพํฯ จีวรเกฺขตฺตนฺติ จีวรสฺส อุปฺปตฺติเกฺขตฺตํฯ ปํสุกูลนฺติ ปํสุกูลจีวรํ, ปํสุกูลลกฺขณปฺปตฺตํ จีวรํ ชานิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ จีวรสโนฺตโสติ จีวเร ลพฺภมาโน สโพฺพ สโนฺตโส ชานิตโพฺพฯ จีวรปฎิสํยุตฺตานิ ธุตงฺคานิ ชานิตพฺพานิ, ยานิ โตสโนฺต จีวรสโนฺตเสน สมฺมเทว สนฺตุโฎฺฐ โหตีติฯ โขมกปฺปาสิกโกเสยฺยกมฺพลสาณภงฺคานิ โขมาทีนิฯ ตตฺถ โขมํ นาม โขมสุเตฺตหิ วายิตํ โขมปฎจีวรํ, ตถา เสสานิปิฯ สาณนฺติ สาณวากสุเตฺตหิ กตจีวรํฯ ภงฺคนฺติ ปน โขมสุตฺตาทีนิ สพฺพานิ เอกจฺจานิ โวมิเสฺสตฺวา กตจีวรํฯ ‘‘ภงฺคมฺปิ วากมยเมวา’’ติ เกจิฯ ฉาติ คณนปริเจฺฉโทฯ ยทิ เอวํ อิโต อญฺญา วตฺถชาติ นตฺถีติ? โน นตฺถิ, สา ปน เอเตสํ อนุโลมาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ทุกูลาทีนี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อาทิ-สเทฺทน ปฎฺฎุณฺณํ, โสมารปฎฺฎํ, จีนปฎฺฎํ , อิทฺธิชํ, เทวทินฺนนฺติ เอเตสํ สงฺคโหฯ ตตฺถ ทุกูลํ สาณสฺส อนุโลมํ วากมยตฺตาฯ ปฎฺฎุณฺณเทเส สญฺชาตวตฺถํ ปฎฺฎุณฺณํฯ ‘‘ปฎฺฎุณฺณํ โกเสยฺยวิเสโส’’ติ หิ อมรโกเส วุตฺตํฯ โสมารเทเส, จีนเทเส จ ชาตวตฺถานิ โสมารจีนปฎฺฎานิฯ ปฎฺฎุณฺณาทีนิ ตีณิ โกเสยฺยสฺส อนุโลมานิ ปาณเกหิ กตสุตฺตมยตฺตาฯ อิทฺธิชํ เอหิภิกฺขูนํ ปุญฺญิทฺธิยา นิพฺพตฺตํ จีวรํ, ตํ โขมาทีนํ อญฺญตรํ โหตีติ เตสเมว อนุโลมญฺจฯ เทวตาหิ ทินฺนํ จีวรํ เทวทินฺนํ, ตํ กปฺปรุเกฺข นิพฺพตฺตํ ชาลินิยา เทวกญฺญาย อนุรุทฺธเตฺถรสฺส ทินฺนวตฺถสทิสํ, ตมฺปิ โขมาทีนํเยว อนุโลมํ โหติ เตสุ อญฺญตรภาวโตฯ อิมานีติ อโนฺตคธาวธารณวจนํ, อิมานิ เอวาติ อโตฺถฯ พุทฺธาทีนํ ปริโภคโยคฺยตาย กปฺปิยจีวรานิฯ

    Cīvaraṃ jānitabbanti ‘‘idaṃ nāma cīvaraṃ kappiya’’nti jātito cīvaraṃ jānitabbaṃ. Cīvarakkhettanti cīvarassa uppattikkhettaṃ. Paṃsukūlanti paṃsukūlacīvaraṃ, paṃsukūlalakkhaṇappattaṃ cīvaraṃ jānitabbanti attho. Cīvarasantosoti cīvare labbhamāno sabbo santoso jānitabbo.Cīvarapaṭisaṃyuttāni dhutaṅgāni jānitabbāni, yāni tosanto cīvarasantosena sammadeva santuṭṭho hotīti. Khomakappāsikakoseyyakambalasāṇabhaṅgāni khomādīni. Tattha khomaṃ nāma khomasuttehi vāyitaṃ khomapaṭacīvaraṃ, tathā sesānipi. Sāṇanti sāṇavākasuttehi katacīvaraṃ. Bhaṅganti pana khomasuttādīni sabbāni ekaccāni vomissetvā katacīvaraṃ. ‘‘Bhaṅgampi vākamayamevā’’ti keci. Chāti gaṇanaparicchedo. Yadi evaṃ ito aññā vatthajāti natthīti? No natthi, sā pana etesaṃ anulomāti dassetuṃ ‘‘dukūlādīnī’’tiādi vuttaṃ. Ādi-saddena paṭṭuṇṇaṃ, somārapaṭṭaṃ, cīnapaṭṭaṃ , iddhijaṃ, devadinnanti etesaṃ saṅgaho. Tattha dukūlaṃ sāṇassa anulomaṃ vākamayattā. Paṭṭuṇṇadese sañjātavatthaṃ paṭṭuṇṇaṃ. ‘‘Paṭṭuṇṇaṃ koseyyaviseso’’ti hi amarakose vuttaṃ. Somāradese, cīnadese ca jātavatthāni somāracīnapaṭṭāni. Paṭṭuṇṇādīni tīṇi koseyyassa anulomāni pāṇakehi katasuttamayattā. Iddhijaṃ ehibhikkhūnaṃ puññiddhiyā nibbattaṃ cīvaraṃ, taṃ khomādīnaṃ aññataraṃ hotīti tesameva anulomañca. Devatāhi dinnaṃ cīvaraṃ devadinnaṃ, taṃ kapparukkhe nibbattaṃ jāliniyā devakaññāya anuruddhattherassa dinnavatthasadisaṃ, tampi khomādīnaṃyeva anulomaṃ hoti tesu aññatarabhāvato. Imānīti antogadhāvadhāraṇavacanaṃ, imāni evāti attho. Buddhādīnaṃ paribhogayogyatāya kappiyacīvarāni.

    อิทานิ อวธารเณน นิวตฺติตานิ เอกเทเสน ทเสฺสตุํ ‘‘กุสจีร’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ กุสติเณหิ, อเญฺญหิ วา ตาทิเสหิ ติเณหิ กตจีวรํ กุสจีรํฯ โปตกีวากาทีหิ วาเกหิ กตจีวรํ วากจีรํฯ จตุโกฺกเณหิ, ติโกเณหิ วา ผลเกหิ กตจีวรํ ผลกจีรํฯ มนุสฺสานํ เกเสหิ กตกมฺพลํ เกสกมฺพลํฯ จามรีวาลอสฺสวาลาทีหิ กตํ วาลกมฺพลํฯ มกจิตนฺตูหิ วายิโต โปตฺถโกฯ จมฺมนฺติ มิคจมฺมาทิ ยํ กิญฺจิ จมฺมํฯ อุลูกปเกฺขหิ คเนฺถตฺวา กตจีวรํ อุลูกปกฺขํฯ ภุชตจาทิมยํ รุกฺขทุสฺสํ, ติรีฎกนฺติ อโตฺถฯ สุขุมตราหิ ลตาวาเกหิ วายิตํ ลตาทุสฺสํฯ เอรกวาเกหิ กตํ เอรกทุสฺสํฯ ตถา กทลิทุสฺสํฯ สุขุเมหิ เวฬุวิลีเวหิ กตํ เวฬุทุสฺสํฯ อาทิ-สเทฺทน วกฺกลาทีนํ สงฺคโหฯ อกปฺปิยจีวรานิ ติตฺถิยทฺธชภาวโตฯ

    Idāni avadhāraṇena nivattitāni ekadesena dassetuṃ ‘‘kusacīra’’ntiādi vuttaṃ. Tattha kusatiṇehi, aññehi vā tādisehi tiṇehi katacīvaraṃ kusacīraṃ. Potakīvākādīhi vākehi katacīvaraṃ vākacīraṃ. Catukkoṇehi, tikoṇehi vā phalakehi katacīvaraṃ phalakacīraṃ. Manussānaṃ kesehi katakambalaṃ kesakambalaṃ. Cāmarīvālaassavālādīhi kataṃ vālakambalaṃ. Makacitantūhi vāyito potthako. Cammanti migacammādi yaṃ kiñci cammaṃ. Ulūkapakkhehi ganthetvā katacīvaraṃ ulūkapakkhaṃ. Bhujatacādimayaṃ rukkhadussaṃ, tirīṭakanti attho. Sukhumatarāhi latāvākehi vāyitaṃ latādussaṃ. Erakavākehi kataṃ erakadussaṃ. Tathā kadalidussaṃ. Sukhumehi veḷuvilīvehi kataṃ veḷudussaṃ. Ādi-saddena vakkalādīnaṃ saṅgaho. Akappiyacīvarāni titthiyaddhajabhāvato.

    อฎฺฐนฺนญฺจ มาติกานํ วเสนาติ ‘‘สีมาย เทติ, กติกาย เทตี’’ติอาทินา (มหาว. ๓๗๙) อาคตานํ อฎฺฐนฺนํ จีวรุปฺปตฺติมาติกานํ วเสนฯ จีวรานํ ปฎิลาภเกฺขตฺตทสฺสนตฺถญฺหิ ภควตา ‘‘อฎฺฐิมา, ภิกฺขเว, มาติกา’’ติอาทินา มาติกา ฐปิตาฯ มาติกาติ หิ มาตโร จีวรุปฺปตฺติชนิกาติฯ โสสานิกนฺติ สุสาเน ปติตกํฯ ปาปณิกนฺติ อาปณทฺวาเร ปติตกํฯ รถิยนฺติ ปุญฺญตฺถิเกหิ วาตปานนฺตเรน รถิกาย ฉฑฺฑิตโจฬกํฯ สงฺการกูฎกนฺติ สงฺการฎฺฐาเน ฉฑฺฑิตโจฬกํฯ สินานนฺติ นฺหานโจฬํ, ยํ ภูตเวเชฺชหิ สีสํ นฺหาเปตฺวา ‘‘กาฬกณฺณีโจฬก’’นฺติ ฉเฑฺฑตฺวา คจฺฉนฺติฯ ติตฺถนฺติ ติตฺถโจฬกํ สินานติเตฺถ ฉฑฺฑิตปิโลติกาฯ อคฺคิทฑฺฒนฺติ อคฺคินา ทฑฺฒปฺปเทสํฯ ตญฺหิ มนุสฺสา ฉเฑฺฑนฺติฯ โคขายิตกาทีนิ ปากฎาเนวฯ ตานิปิ หิ มนุสฺสา ฉเฑฺฑนฺติฯ

    Aṭṭhannañca mātikānaṃ vasenāti ‘‘sīmāya deti, katikāya detī’’tiādinā (mahāva. 379) āgatānaṃ aṭṭhannaṃ cīvaruppattimātikānaṃ vasena. Cīvarānaṃ paṭilābhakkhettadassanatthañhi bhagavatā ‘‘aṭṭhimā, bhikkhave, mātikā’’tiādinā mātikā ṭhapitā. Mātikāti hi mātaro cīvaruppattijanikāti. Sosānikanti susāne patitakaṃ. Pāpaṇikanti āpaṇadvāre patitakaṃ. Rathiyanti puññatthikehi vātapānantarena rathikāya chaḍḍitacoḷakaṃ. Saṅkārakūṭakanti saṅkāraṭṭhāne chaḍḍitacoḷakaṃ. Sinānanti nhānacoḷaṃ, yaṃ bhūtavejjehi sīsaṃ nhāpetvā ‘‘kāḷakaṇṇīcoḷaka’’nti chaḍḍetvā gacchanti. Titthanti titthacoḷakaṃ sinānatitthe chaḍḍitapilotikā. Aggidaḍḍhanti agginā daḍḍhappadesaṃ. Tañhi manussā chaḍḍenti. Gokhāyitakādīni pākaṭāneva. Tānipi hi manussā chaḍḍenti.

    ธชํ อุสฺสาเปตฺวาติ นาวํ อาโรหเนฺตหิ วา ยุทฺธํ ปวิสเนฺตหิ วา ธชยฎฺฐิํ อุสฺสาเปตฺวา ตตฺถ พทฺธํ ปารุตจีวรํ, เตหิ ฉฑฺฑิตนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    Dhajaṃ ussāpetvāti nāvaṃ ārohantehi vā yuddhaṃ pavisantehi vā dhajayaṭṭhiṃ ussāpetvā tattha baddhaṃ pārutacīvaraṃ, tehi chaḍḍitanti adhippāyo.

    สาทกภิกฺขุนาติ คหปติจีวรสฺส สาทิยนภิกฺขุนาฯ เอกมาสมตฺตนฺติ จีวรมาสสญฺญิตํ เอกมาสมตฺตํฯ วิตเกฺกตุํ วฎฺฎติ, น ตโต ปรนฺติ อธิปฺปาโยฯ สพฺพสฺสาปิ หิ ตณฺหานิคฺคหตฺถาย สาสเน ปฎิปตฺตีติฯ ปํสุกูลิโก อทฺธมาเสเนว กโรตีติ อปรปฎิพทฺธตฺตา ปฎิลาภสฺสฯ อิตรสฺส ปน ปรปฎิพทฺธตฺตา มาสมตฺตํ อนุญฺญาตํฯ อิติ มาสทฺธ…เป.… วิตกฺกสโนฺตโส วิตกฺกนสฺส ปริมิตกาลิกตฺตาฯ

    Sādakabhikkhunāti gahapaticīvarassa sādiyanabhikkhunā. Ekamāsamattanti cīvaramāsasaññitaṃ ekamāsamattaṃ. Vitakketuṃ vaṭṭati, na tato paranti adhippāyo. Sabbassāpi hi taṇhāniggahatthāya sāsane paṭipattīti. Paṃsukūliko addhamāseneva karotīti aparapaṭibaddhattā paṭilābhassa. Itarassa pana parapaṭibaddhattā māsamattaṃ anuññātaṃ. Iti māsaddha…pe… vitakkasantoso vitakkanassa parimitakālikattā.

    มหาเถรํ ตตฺถ อตฺตโน สหายํ อิจฺฉโนฺตปิ ครุคารเวน คามทฺวารํ ‘‘ภเนฺต คมิสฺสามิ’’ อิเจฺจวมาหฯ มหาเถโรปิสฺส อชฺฌาสยํ ญตฺวา ‘‘อหํ ปาวุโส คมิสฺสามี’’ติ อาหฯ ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุโน วิตกฺกสฺส อวสโร มา โหตู’’ติ ปญฺหํ ปุจฺฉมาโน คามํ ปาวิสิฯ อุจฺจารปลิพุโทฺธติ อุจฺจาเรน ปีฬิโตฯ ตทา ภควโต ทุกฺกรกิริยานุสฺสรณมุเขน ตถาคเต อุปฺปนฺนปีติโสมนสฺสเวคสฺส พลวภาเวน กิเลสานํ วิกฺขมฺภิตตฺตา ตสฺมิํเยว…เป.… ตีณิ ผลานิ ปโตฺตฯ

    Mahātheraṃ tattha attano sahāyaṃ icchantopi garugāravena gāmadvāraṃ ‘‘bhante gamissāmi’’ iccevamāha. Mahātheropissa ajjhāsayaṃ ñatvā ‘‘ahaṃ pāvuso gamissāmī’’ti āha. ‘‘Imassa bhikkhuno vitakkassa avasaro mā hotū’’ti pañhaṃ pucchamāno gāmaṃ pāvisi. Uccārapalibuddhoti uccārena pīḷito. Tadā bhagavato dukkarakiriyānussaraṇamukhena tathāgate uppannapītisomanassavegassa balavabhāvena kilesānaṃ vikkhambhitattā tasmiṃyeva…pe… tīṇi phalāni patto.

    ‘‘กตฺถ ลภิสฺสามี’’ติ จินฺตนาปิ ลาภาสาปุพฺพิกาติ ตถา ‘‘อจิเนฺตตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘สุนฺทรํ ลภิสฺสามิ, มนาปํ ลภิสฺสามี’’ติ เอวมาทิจินฺตนาย กา นาม กถาฯ กถํ ปน วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘กมฺมฎฺฐานสีเสเนว คมน’’นฺติ, เตน จีวรํ ปฎิจฺจ กิญฺจิปิ น จิเนฺตตพฺพํ เอวาติ ทเสฺสติฯ

    ‘‘Kattha labhissāmī’’ti cintanāpi lābhāsāpubbikāti tathā ‘‘acintetvā’’ti vuttaṃ, ‘‘sundaraṃ labhissāmi, manāpaṃ labhissāmī’’ti evamādicintanāya kā nāma kathā. Kathaṃ pana vattabbanti āha ‘‘kammaṭṭhānasīseneva gamana’’nti, tena cīvaraṃ paṭicca kiñcipi na cintetabbaṃ evāti dasseti.

    อเปสโล อปฺปติรูปายปิ ปริเยสนาย ปจฺจโย ภเวยฺยาติ ‘‘เปสลํ ภิกฺขุํ คเหตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ

    Apesalo appatirūpāyapi pariyesanāya paccayo bhaveyyāti ‘‘pesalaṃ bhikkhuṃ gahetvā’’ti vuttaṃ.

    อาหริยมานนฺติ สุสานาทีสุ ปติตกํ วตฺถํ ‘‘อิเม ภิกฺขู ปํสุกูลปริเยสนํ จรนฺตี’’ติ ญตฺวา เกนจิ ปุริเสน ตโต อานียมานํฯ

    Āhariyamānanti susānādīsu patitakaṃ vatthaṃ ‘‘ime bhikkhū paṃsukūlapariyesanaṃ carantī’’ti ñatvā kenaci purisena tato ānīyamānaṃ.

    เอวํ ลทฺธํ คณฺหนฺตสฺสาปีติ เอวํ ปฎิลาภสโนฺตสํ อโกเปตฺวาว ลทฺธํ คณฺหนฺตสฺสาปิฯ อตฺตโน ปโหนกมเตฺตเนวาติ ยถาลทฺธานํ ปํสุกูลวตฺถานํ เอกปฎฺฎทุปฎฺฎานํ อตฺถาย อตฺตโน ปโหนกปมาเณเนว, อวธารเณน อุปริปจฺจาสํ นิวเตฺตติฯ

    Evaṃ laddhaṃ gaṇhantassāpīti evaṃ paṭilābhasantosaṃ akopetvāva laddhaṃ gaṇhantassāpi. Attano pahonakamattenevāti yathāladdhānaṃ paṃsukūlavatthānaṃ ekapaṭṭadupaṭṭānaṃ atthāya attano pahonakapamāṇeneva, avadhāraṇena uparipaccāsaṃ nivatteti.

    คาเม ภิกฺขาย อาหิณฺฑเนฺตน สปทานจารินา วิย ทฺวารปฎิปาฎิยา จรณํ โลลุปฺปวิวชฺชนํ นาม จีวรโลลุปฺปสฺส ทูรสมุสฺสาริตตฺตาฯ

    Gāme bhikkhāya āhiṇḍantena sapadānacārinā viya dvārapaṭipāṭiyā caraṇaṃ loluppavivajjanaṃ nāma cīvaraloluppassa dūrasamussāritattā.

    ยาเปตุนฺติ อตฺตภาวํ ปวเตฺตตุํฯ

    Yāpetunti attabhāvaṃ pavattetuṃ.

    โธวนุปเคนาติ โธวนโยเคฺคนฯ

    Dhovanupagenāti dhovanayoggena.

    ปณฺณานีติ อมฺพชมฺพาทิปณฺณานิฯ

    Paṇṇānīti ambajambādipaṇṇāni.

    อโกเปตฺวาติ สโนฺตสํ อโกเปตฺวา ฯ ปโหนกนีหาเรเนวาติ อนฺตรวาสกาทีสุ ยํ กาตุกาโม, ตสฺส ปโหนกนิยาเมเนว ยถาลทฺธํ ถูลสุขุมาทิํ คเหตฺวา กรณํฯ

    Akopetvāti santosaṃ akopetvā . Pahonakanīhārenevāti antaravāsakādīsu yaṃ kātukāmo, tassa pahonakaniyāmeneva yathāladdhaṃ thūlasukhumādiṃ gahetvā karaṇaṃ.

    ติมณฺฑลปฎิจฺฉาทนมตฺตเสฺสวาติ ‘‘นิวาสนํ เจ นาภิมณฺฑลํ; ชาณุมณฺฑลํ, อิตรํ เจ คลวาฎมณฺฑลํ, ชาณุมณฺฑล’’นฺติ เอวํ ติมณฺฑลปฎิจฺฉาทนมตฺตเสฺสว กรณํ; ตํ ปน อตฺถโต ติณฺณํ จีวรานํ เหฎฺฐิมเนฺตน วุตฺตปริมาณเมว โหติฯ

    Timaṇḍalapaṭicchādanamattassevāti ‘‘nivāsanaṃ ce nābhimaṇḍalaṃ; jāṇumaṇḍalaṃ, itaraṃ ce galavāṭamaṇḍalaṃ, jāṇumaṇḍala’’nti evaṃ timaṇḍalapaṭicchādanamattasseva karaṇaṃ; taṃ pana atthato tiṇṇaṃ cīvarānaṃ heṭṭhimantena vuttaparimāṇameva hoti.

    อวิจาเรตฺวาติ น วิจาเรตฺวาฯ

    Avicāretvāti na vicāretvā.

    กุสิพนฺธนกาเลติ มณฺฑลานิ โยเชตฺวา สิพฺพนกาเลฯ สตฺตวาเรติ สตฺตสิพฺพนวาเรฯ

    Kusibandhanakāleti maṇḍalāni yojetvā sibbanakāle. Sattavāreti sattasibbanavāre.

    กปฺปพินฺทุอปเทเสน กสฺสจิ วิการสฺส อกรณํ กปฺปสโนฺตโสฯ

    Kappabinduapadesena kassaci vikārassa akaraṇaṃ kappasantoso.

    สีตปฎิฆาตาทิ อตฺถาปตฺติโต สิชฺฌตีติ มุขฺยเมว จีวรปริโภเค ปโยชนํ ทเสฺสตุํ ‘‘หิริโกปีนปฎิจฺฉาทนมตฺตวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ เตนาห ภควา ‘‘ยาวเทว หิริโกปีนปฎิจฺฉาทนตฺถ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๖๘; มหานิ. ๑๖๒)ฯ

    Sītapaṭighātādi atthāpattito sijjhatīti mukhyameva cīvaraparibhoge payojanaṃ dassetuṃ ‘‘hirikopīnapaṭicchādanamattavasenā’’ti vuttaṃ. Tenāha bhagavā ‘‘yāvadeva hirikopīnapaṭicchādanattha’’nti (ma. ni. 1.23; a. ni. 6.68; mahāni. 162).

    วฎฺฎติ , น ตาวตา สโนฺตโส กุปฺปติ สมฺภารานํ, ทกฺขิเณยฺยานญฺจ อลาภโตฯ

    Vaṭṭati, na tāvatā santoso kuppati sambhārānaṃ, dakkhiṇeyyānañca alābhato.

    สารณียธเมฺม ฐตฺวาติ สีลวเนฺตหิ ภิกฺขูหิ สาธารณโต ปริโภเค ฐตฺวาฯ

    Sāraṇīyadhamme ṭhatvāti sīlavantehi bhikkhūhi sādhāraṇato paribhoge ṭhatvā.

    ‘‘อิตี’’ติอาทินา ปฐมสฺส อริยวํสสฺส ปํสุกูลิกงฺคเตจีวริกงฺคานํ, เตสญฺจ ตสฺส ปจฺจยตํ ทเสฺสโนฺต อิติ อิเม ธมฺมา อญฺญมญฺญสฺส สมุฎฺฐาปกา, อุปตฺถมฺภกา จาติ ทีเปติฯ เอส นโย อิโต ปรโตปิฯ

    ‘‘Itī’’tiādinā paṭhamassa ariyavaṃsassa paṃsukūlikaṅgatecīvarikaṅgānaṃ, tesañca tassa paccayataṃ dassento iti ime dhammā aññamaññassa samuṭṭhāpakā, upatthambhakā cāti dīpeti. Esa nayo ito paratopi.

    ‘‘สนฺตุโฎฺฐ โหติ วณฺณวาที’’ติ เอตฺถ จตุโกฺกฎิกํ สมฺภวติ, ตตฺถ จตุโตฺถเยว ปโกฺข สตฺถารา วณฺณิโต โถมิโตติ มหาเถเรน ตถา เทสนา กตาฯ เอโก สนฺตุโฎฺฐ โหติ, สโนฺตสสฺส วณฺณํ น กเถติ เสยฺยถาปิ เถโร นาลโก (สุตฺตนิปาเต นาลกสุเตฺต วิตฺถาโร) เอโก น สนฺตุโฎฺฐ โหติ, สโนฺตสสฺส วณฺณวาที เสยฺยถาปิ อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต (ปารา. ๕๑๕, ๕๒๗, ๕๓๒, ๕๓๗ วากฺยขเนฺธสุ วิตฺถาโร)ฯ เอโก เนว สนฺตุโฎฺฐ โหติ, น สโนฺตสสฺส วณฺณํ กเถติฯ เสยฺยถาปิ เถโร ลาฬุทายี (เถรคา. อฎฺฐ. ๒.อุทายิเตฺถรคาถาวณฺณนา) เอโก สนฺตุโฎฺฐ เจว โหติ, สโนฺตสสฺส จ วณฺณวาที เสยฺยถาปิ เถโร มหากสฺสโปฯ

    ‘‘Santuṭṭho hoti vaṇṇavādī’’ti ettha catukkoṭikaṃ sambhavati, tattha catutthoyeva pakkho satthārā vaṇṇito thomitoti mahātherena tathā desanā katā. Eko santuṭṭho hoti, santosassa vaṇṇaṃ na katheti seyyathāpi thero nālako (suttanipāte nālakasutte vitthāro) eko na santuṭṭho hoti, santosassa vaṇṇavādī seyyathāpi upanando sakyaputto (pārā. 515, 527, 532, 537 vākyakhandhesu vitthāro). Eko neva santuṭṭho hoti, na santosassa vaṇṇaṃ katheti. Seyyathāpi thero lāḷudāyī (theragā. aṭṭha. 2.udāyittheragāthāvaṇṇanā) eko santuṭṭho ceva hoti, santosassa ca vaṇṇavādī seyyathāpi thero mahākassapo.

    อเนสนนฺติ อยุตฺตํ เอสนํฯ เตนาห ‘‘อปฺปติรูป’’นฺติ, สาสเน ฐิตานํ น ปติรูปํ อสารุปฺปํ อโยคฺยํฯ โกหญฺญํ กโรโนฺตติ จีวรุปฺปาทนิมิตฺตํ ปเรสํ กุหนํ วิมฺหาปนํ กโรโนฺตฯ อุตฺตสตีติ ตณฺหาสนฺตาเสน อุปรูปริ ตสติฯ ปริตสตีติ ปริโต ตสติฯ ยถา สเพฺพ กายวจีปโยคา ตทตฺถา เอว ชายนฺติ, เอวํ สพฺพภาเคหิ ตสติฯ คธิตํ วุจฺจติ คโทฺธ, โส เจตฺถ อภิชฺฌาลกฺขโณ อธิเปฺปโตฯ คธิตํ เอตสฺส นตฺถีติ อคธิโตติ อาห ‘‘อคธิโต…เป.… โลภคิโทฺธ’’ติฯ มุจฺฉนฺติ ตณฺหาวเสน มุยฺหนํ, ตสฺส วา สมุสฺสยํ อธิคตํฯ อนาปโนฺน อนุปคโตฯ อโนตฺถโตติ อนโชฺฌตฺถโตฯ อปริโยนโทฺธติ ตณฺหาฉทเนน อจฺฉาทิโตฯ อาทีนวํ ปสฺสมาโนติ ทิฎฺฐธมฺมิกํ, สมฺปรายิกญฺจ โทสํ ปสฺสโนฺตฯ คธิตปริโภคโต นิสฺสรติ เอเตนาติ นิสฺสรณํ, อิทมตฺถิกตา, ตํ ปชานาตีติ นิสฺสรณปโญฺญฯ เตนาห ‘‘ยาวเทว…เป.… ปชานโนฺต’’ติฯ

    Anesananti ayuttaṃ esanaṃ. Tenāha ‘‘appatirūpa’’nti, sāsane ṭhitānaṃ na patirūpaṃ asāruppaṃ ayogyaṃ. Kohaññaṃ karontoti cīvaruppādanimittaṃ paresaṃ kuhanaṃ vimhāpanaṃ karonto. Uttasatīti taṇhāsantāsena uparūpari tasati. Paritasatīti parito tasati. Yathā sabbe kāyavacīpayogā tadatthā eva jāyanti, evaṃ sabbabhāgehi tasati. Gadhitaṃ vuccati gaddho, so cettha abhijjhālakkhaṇo adhippeto. Gadhitaṃ etassa natthīti agadhitoti āha ‘‘agadhito…pe… lobhagiddho’’ti. Mucchanti taṇhāvasena muyhanaṃ, tassa vā samussayaṃ adhigataṃ. Anāpanno anupagato. Anotthatoti anajjhotthato. Apariyonaddhoti taṇhāchadanena acchādito. Ādīnavaṃ passamānoti diṭṭhadhammikaṃ, samparāyikañca dosaṃ passanto. Gadhitaparibhogato nissarati etenāti nissaraṇaṃ, idamatthikatā, taṃ pajānātīti nissaraṇapañño. Tenāha ‘‘yāvadeva…pe… pajānanto’’ti.

    เนวตฺตานุกฺกํเสตีติ อตฺตานํ เนว อุกฺกํเสติ น อุกฺขิปติ น อุกฺกฎฺฐโต ทหติฯ ‘‘อห’’นฺติอาทิ อุกฺกํสนาการทสฺสนํฯ น วเมฺภตีติ น หีฬยติ นิหีนโต น ทหติฯ ตสฺมิํ จีวรสโนฺตเสติ ตสฺมิํ ยถาวุเตฺต วีสติวิเธ จีวรสโนฺตเส ฯ กามเญฺจตฺถ วุตฺตปฺปการสโนฺตสคฺคหเณน จีวรเหตุ อเนสนาปชฺชนาทิปิ คหิตเมว ตสฺมิํ สติ ตสฺส ภาวโต, อสติ จ อภาวโต, วณฺณวาทิตานตฺตุกฺกํสนา ปรวมฺภนานิ ปน คหิตานิ น โหนฺตีติ ‘‘วณฺณวาทิตาทีสุ วา’’ติ วิกโปฺป วุโตฺตฯ เอตฺถ จ ‘‘ทโกฺข’’ติอาทิ เยสํ ธมฺมานํ วเสนสฺส ยถาวุตฺตสโนฺตสาทิ อิชฺฌติ, ตํ ทสฺสนํฯ ตตฺถ ‘‘ทโกฺข’’ติ อิมินา เตสํ สมุฎฺฐาปนปญฺญํ ทเสฺสติ, ‘‘อนลโส’’ติ อิมินา ปคฺคณฺหนวีริยํ, ‘‘สมฺปชาโน’’ติ อิมินา ปาฎิหาริยปญฺญํ ‘‘ปฎิสฺสโต’’ติ อิมินา ตตฺถ อสโมฺมสวุตฺติํ ทเสฺสติฯ

    Nevattānukkaṃsetīti attānaṃ neva ukkaṃseti na ukkhipati na ukkaṭṭhato dahati. ‘‘Aha’’ntiādi ukkaṃsanākāradassanaṃ. Na vambhetīti na hīḷayati nihīnato na dahati. Tasmiṃ cīvarasantoseti tasmiṃ yathāvutte vīsatividhe cīvarasantose . Kāmañcettha vuttappakārasantosaggahaṇena cīvarahetu anesanāpajjanādipi gahitameva tasmiṃ sati tassa bhāvato, asati ca abhāvato, vaṇṇavāditānattukkaṃsanā paravambhanāni pana gahitāni na hontīti ‘‘vaṇṇavāditādīsu vā’’ti vikappo vutto. Ettha ca ‘‘dakkho’’tiādi yesaṃ dhammānaṃ vasenassa yathāvuttasantosādi ijjhati, taṃ dassanaṃ. Tattha ‘‘dakkho’’ti iminā tesaṃ samuṭṭhāpanapaññaṃ dasseti, ‘‘analaso’’ti iminā paggaṇhanavīriyaṃ, ‘‘sampajāno’’ti iminā pāṭihāriyapaññaṃ ‘‘paṭissato’’ti iminā tattha asammosavuttiṃ dasseti.

    ปิณฺฑปาโต ชานิตโพฺพติ ปเภทโต ปิณฺฑปาโต ชานิตโพฺพฯ ปิณฺฑปาตเกฺขตฺตนฺติ ปิณฺฑปาตสฺส อุปฺปตฺติฎฺฐานํฯ ปิณฺฑปาตสโนฺตโส ชานิตโพฺพติ ปิณฺฑปาเต สโนฺตโส ปเภทโต ชานิตโพฺพฯ อิธ เภสชฺชมฺปิ ปิณฺฑปาตคติกเมวฯ อาหริตพฺพโต หิ สปฺปิอาทีนมฺปิ คหณํ กตํฯ

    Piṇḍapāto jānitabboti pabhedato piṇḍapāto jānitabbo. Piṇḍapātakkhettanti piṇḍapātassa uppattiṭṭhānaṃ. Piṇḍapātasantoso jānitabboti piṇḍapāte santoso pabhedato jānitabbo. Idha bhesajjampi piṇḍapātagatikameva. Āharitabbato hi sappiādīnampi gahaṇaṃ kataṃ.

    ปิณฺฑปาตเกฺขตฺตํ ปิณฺฑปาตสฺส อุปฺปตฺติฎฺฐานํฯ เขตฺตํ วิย เขตฺตํฯ อุปฺปชฺชติ เอตฺถ, เอเตนาติ จ อุปฺปตฺติฎฺฐานํฯ สงฺฆโต วา หิ ภิกฺขุโน ปิณฺฑปาโต อุปฺปชฺชติ อุเทฺทสาทิวเสน วาฯ ตตฺถ สกลสฺส สงฺฆสฺส ทาตพฺพํ ภตฺตํ สงฺฆภตฺตํฯ กติปเย ภิกฺขู อุทฺทิสิตฺวา อุเทฺทเสน ทาตพฺพํ ภตฺตํ อุเทฺทสภตฺตํฯ นิมเนฺตตฺวา ทาตพฺพํ ภตฺตํ นิมนฺตนํฯ สลากทานวเสน ทาตพฺพํ ภตฺตํ สลากภตฺตํ ฯ เอกสฺมิํ ปเกฺข เอกทิวสํ ทาตพฺพํ ภตฺตํ ปกฺขิกํฯ อุโปสเถ ทาตพฺพํ ภตฺตํ อุโปสถิกํฯ ปาฎิปททิวเส ทาตพฺพํ ภตฺตํ ปาฎิปทิกํฯ อาคนฺตุกานํ ทาตพฺพํ ภตฺตํ อาคนฺตุกภตฺตํฯ ธุรเคเห เอว ฐเปตฺวา ทาตพฺพํ ภตฺตํ ธุรภตฺตํฯ กุฎิํ อุทฺทิสฺส ทาตพฺพํ ภตฺตํ กุฎิภตฺตํฯ คามวาสีอาทีหิ วาเรน ทาตพฺพํ ภตฺตํ วารภตฺตํฯ วิหารํ อุทฺทิสฺส ทาตพฺพํ ภตฺตํ วิหารภตฺตํฯ เสสานิ ปากฎาเนวฯ

    Piṇḍapātakkhettaṃ piṇḍapātassa uppattiṭṭhānaṃ. Khettaṃ viya khettaṃ. Uppajjati ettha, etenāti ca uppattiṭṭhānaṃ. Saṅghato vā hi bhikkhuno piṇḍapāto uppajjati uddesādivasena vā. Tattha sakalassa saṅghassa dātabbaṃ bhattaṃ saṅghabhattaṃ. Katipaye bhikkhū uddisitvā uddesena dātabbaṃ bhattaṃ uddesabhattaṃ. Nimantetvā dātabbaṃ bhattaṃ nimantanaṃ. Salākadānavasena dātabbaṃ bhattaṃ salākabhattaṃ. Ekasmiṃ pakkhe ekadivasaṃ dātabbaṃ bhattaṃ pakkhikaṃ. Uposathe dātabbaṃ bhattaṃ uposathikaṃ. Pāṭipadadivase dātabbaṃ bhattaṃ pāṭipadikaṃ. Āgantukānaṃ dātabbaṃ bhattaṃ āgantukabhattaṃ. Dhuragehe eva ṭhapetvā dātabbaṃ bhattaṃ dhurabhattaṃ. Kuṭiṃ uddissa dātabbaṃ bhattaṃ kuṭibhattaṃ. Gāmavāsīādīhi vārena dātabbaṃ bhattaṃ vārabhattaṃ. Vihāraṃ uddissa dātabbaṃ bhattaṃ vihārabhattaṃ. Sesāni pākaṭāneva.

    วิตเกฺกติ ‘‘กตฺถ นุ โข อหํ อชฺช ปิณฺฑาย จริสฺสามี’’ติฯ ‘‘กตฺถ ปิณฺฑาย จริสฺสามา’’ติ เถเรน วุเตฺต ‘‘อสุกคาเม ภเนฺต’’ติ กามเมตํ ปฎิวจนทานํ , เยน ปน จิเตฺตน ‘‘จิเนฺตตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ สนฺธายาห ‘‘เอตฺตกํ จิเนฺตตฺวา’’ติฯ ตโต ปฎฺฐายาติ วิตกฺกมาฬเก ฐตฺวา วิตกฺกิตกาลโต ปฎฺฐายฯ ‘‘ตโต ปรํ วิตเกฺกโนฺต อริยวํสา จุโต โหตี’’ติ อิทํ ติณฺณมฺปิ อริยวํสิกานํ วเสน คเหตพฺพํ, น เอกจาริกเสฺสวฯ สโพฺพปิ หิ อริยวํสิโก เอกวารเมว วิตเกฺกตุํ ลภติ, น ตโต ปรํฯ ปริพาหิโรติ อริยวํสิกภาวโต พหิภูโตฯ สฺวายํ วิตกฺกสโนฺตโส กมฺมฎฺฐานมนสิกาเรน น กุปฺปติ, วิสุชฺฌติ จฯ อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโยฯ เตเนวาห ‘‘กมฺมฎฺฐานสีเสน คนฺตพฺพ’’นฺติฯ

    Vitakketi ‘‘kattha nu kho ahaṃ ajja piṇḍāya carissāmī’’ti. ‘‘Kattha piṇḍāya carissāmā’’ti therena vutte ‘‘asukagāme bhante’’ti kāmametaṃ paṭivacanadānaṃ , yena pana cittena ‘‘cintetvā’’ti vuttaṃ, taṃ sandhāyāha ‘‘ettakaṃ cintetvā’’ti. Tato paṭṭhāyāti vitakkamāḷake ṭhatvā vitakkitakālato paṭṭhāya. ‘‘Tato paraṃ vitakkento ariyavaṃsā cuto hotī’’ti idaṃ tiṇṇampi ariyavaṃsikānaṃ vasena gahetabbaṃ, na ekacārikasseva. Sabbopi hi ariyavaṃsiko ekavārameva vitakketuṃ labhati, na tato paraṃ. Paribāhiroti ariyavaṃsikabhāvato bahibhūto. Svāyaṃ vitakkasantoso kammaṭṭhānamanasikārena na kuppati, visujjhati ca. Ito paresupi eseva nayo. Tenevāha ‘‘kammaṭṭhānasīsena gantabba’’nti.

    คเหตพฺพเมวาติ อฎฺฐานปฺปยุโตฺต เอว-สโทฺทฯ ยาปนมตฺตเมว คเหตพฺพนฺติ โยเชตพฺพํฯ

    Gahetabbamevāti aṭṭhānappayutto eva-saddo. Yāpanamattameva gahetabbanti yojetabbaṃ.

    เอตฺถาติ เอตสฺมิํ ปิณฺฑปาตปฎิคฺคหเณฯ อปฺปนฺติ อตฺตโน ยาปนปมาณโตปิ อปฺปํฯ คเหตพฺพํ ทายกสฺส จิตฺตาราธนตฺถํฯ ปมาเณเนวาติ อตฺตโน ยาปนปฺปมาเณเนว อปฺปํ คเหตพฺพํฯ ‘‘ปมาเณน คเหตพฺพ’’นฺติ เอตฺถ การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปฎิคฺคหณสฺมิญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ มเกฺขตีติ วิทฺธํเสติ อปเนติฯ วินิปาเตตีติ วินาเสติ อฎฺฐานวินิโยเคนฯ สาสนนฺติ สตฺถุ สาสนํ อนุสิฎฺฐิํฯ น กโรติ นปฺปฎิปชฺชติฯ

    Etthāti etasmiṃ piṇḍapātapaṭiggahaṇe. Appanti attano yāpanapamāṇatopi appaṃ. Gahetabbaṃ dāyakassa cittārādhanatthaṃ. Pamāṇenevāti attano yāpanappamāṇeneva appaṃ gahetabbaṃ. ‘‘Pamāṇena gahetabba’’nti ettha kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘paṭiggahaṇasmiñhī’’tiādi vuttaṃ. Makkhetīti viddhaṃseti apaneti. Vinipātetīti vināseti aṭṭhānaviniyogena. Sāsananti satthu sāsanaṃ anusiṭṭhiṃ. Na karoti nappaṭipajjati.

    สปทานจาริโน วิย ทฺวารปฎิปาฎิยา จรณํ โลลุปฺปวิวชฺชนสโนฺตโสติ อาห ‘‘ทฺวารปฎิปาฎิยา คนฺตพฺพ’’นฺติฯ

    Sapadānacārino viya dvārapaṭipāṭiyā caraṇaṃ loluppavivajjanasantosoti āha ‘‘dvārapaṭipāṭiyā gantabba’’nti.

    หราเปตฺวาติ อธิกํ อปเนตฺวาฯ

    Harāpetvāti adhikaṃ apanetvā.

    อาหารเคธโต นิสฺสรติ เอเตนาติ นิสฺสรณํฯ ชิฆจฺฉาย ปฎิวิโนทนตฺถํ กถา, กายสฺสฐิติอาทิปโยชนํ ปน อตฺถาปตฺติโต อาคตํ เอวาติ อาห ‘‘ชิฆจฺฉาย…เป.… สโนฺตโส นามา’’ติฯ

    Āhāragedhato nissarati etenāti nissaraṇaṃ. Jighacchāya paṭivinodanatthaṃ kathā, kāyassaṭhitiādipayojanaṃ pana atthāpattito āgataṃ evāti āha ‘‘jighacchāya…pe… santoso nāmā’’ti.

    นิทหิตฺวา น ปริภุญฺชิตพฺพํ ตทหุปีติ อธิปฺปาโยฯ อิตรตฺถา ปน สิกฺขาปเทเนว วาริตํฯ สารณียธเมฺม ฐิเตนาติ สีลวเนฺตหิ ภิกฺขูหิ สาธารณโภคิภาเว ฐิเตนฯ

    Nidahitvā na paribhuñjitabbaṃ tadahupīti adhippāyo. Itaratthā pana sikkhāpadeneva vāritaṃ. Sāraṇīyadhamme ṭhitenāti sīlavantehi bhikkhūhi sādhāraṇabhogibhāve ṭhitena.

    เสนาสเนนาติ สยเนน, อาสเนน จฯ ยตฺถ ยตฺถ หิ มญฺจาทิเก, วิหาราทิเก จ เสติ, ตํ เสนํฯ ยตฺถ ยตฺถ ปีฐาทิเก อาสติ, ตํ อาสนํฯ ตทุภยํ เอกโต กตฺวา ‘‘เสนาสน’’นฺติ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘มโญฺจ’’ติอาทิฯ ตตฺถ มโญฺจ มสารกาทิ, ตถา ปีฐํฯ มญฺจภิสิ, ปีฐภิสีติ ทุวิธา ภิสิฯ วิหาโร ปาการปริจฺฉิโนฺน สกโล อาวาโสฯ ‘‘ทีฆมุขปาสาโท’’ติ เกจิฯ อฑฺฒโยโคติ ทีฆปาสาโทฯ ‘‘เอกปสฺสจฺฉทนกเสนาสน’’นฺติ เกจิฯ ปาสาโทติ จตุรสฺสปาสาโทฯ ‘‘อายตจตุรสฺสปาสาโท’’ติ เกจิฯ หมฺมิยํ มุณฺฑจฺฉทนปาสาโทฯ คุหาติ เกวลา ปพฺพตคุหาฯ เลณํ ทฺวารพนฺธํฯ อโฎฺฎ พหลภิตฺติกํ เคหํ, ยสฺส โคปานสิโย อคฺคเหตฺวา อิฎฺฐกาหิ เอว ฉทนํ โหติฯ ‘‘อฎฺฎาลกากาเรน กริยตี’’ติปิ วทนฺติฯ มาโฬ เอกกูฎสงฺคหิโต อเนกโกโณ ปติสฺสยวิเสโส ‘‘วฎฺฎากาเรน กตเสนาสน’’นฺติ เกจิฯ

    Senāsanenāti sayanena, āsanena ca. Yattha yattha hi mañcādike, vihārādike ca seti, taṃ senaṃ. Yattha yattha pīṭhādike āsati, taṃ āsanaṃ. Tadubhayaṃ ekato katvā ‘‘senāsana’’nti vuttaṃ. Tenāha ‘‘mañco’’tiādi. Tattha mañco masārakādi, tathā pīṭhaṃ. Mañcabhisi, pīṭhabhisīti duvidhā bhisi. Vihāro pākāraparicchinno sakalo āvāso. ‘‘Dīghamukhapāsādo’’ti keci. Aḍḍhayogoti dīghapāsādo. ‘‘Ekapassacchadanakasenāsana’’nti keci. Pāsādoti caturassapāsādo. ‘‘Āyatacaturassapāsādo’’ti keci. Hammiyaṃ muṇḍacchadanapāsādo. Guhāti kevalā pabbataguhā. Leṇaṃ dvārabandhaṃ. Aṭṭo bahalabhittikaṃ gehaṃ, yassa gopānasiyo aggahetvā iṭṭhakāhi eva chadanaṃ hoti. ‘‘Aṭṭālakākārena kariyatī’’tipi vadanti. Māḷo ekakūṭasaṅgahito anekakoṇo patissayaviseso ‘‘vaṭṭākārena katasenāsana’’nti keci.

    ปิณฺฑปาเต วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘สาทโก ภิกฺขุ ‘อชฺช กตฺถ วสิสฺสามี’ติ วิตเกฺกตี’’ติอาทินา ยถารหํ ปิณฺฑปาเต วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา, ‘‘ตโต ปรํ วิตเกฺกโนฺต อริยวํสา จุโต โหติ ปริพาหิโร’’ติ, ‘‘เสนาสนํ คเวสเนฺตนาปิ’กุหิํ ลภิสฺสามี’ติ อจิเนฺตตฺวา กมฺมฎฺฐานสีเสเนว คนฺตพฺพ’’นฺติ จ เอวมาทิ สพฺพํ ปุริมนเยเนวฯ

    Piṇḍapāte vuttanayenevāti ‘‘sādako bhikkhu ‘ajja kattha vasissāmī’ti vitakketī’’tiādinā yathārahaṃ piṇḍapāte vuttanayena veditabbā, ‘‘tato paraṃ vitakkento ariyavaṃsā cuto hoti paribāhiro’’ti, ‘‘senāsanaṃ gavesantenāpi’kuhiṃ labhissāmī’ti acintetvā kammaṭṭhānasīseneva gantabba’’nti ca evamādi sabbaṃ purimanayeneva.

    กสฺมา ปเนตฺถ ปจฺจยสโนฺตสํ ทเสฺสเนฺตน มหาเถเรน คิลานปจฺจยสโนฺตโส น คหิโตติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฎฺฐพฺพนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘คิลานปจฺจโย ปน ปิณฺฑปาเต เอว ปวิโฎฺฐ’’ติ อาห, อาหริตพฺพตาสามเญฺญนาติ อธิปฺปาโยฯ ยทิ เอวํ ตตฺถ ปิณฺฑปาเต วิย วิตกฺกสโนฺตสาทโยปิ ปนฺนรส สโนฺตสา อิจฺฉิตพฺพาติ? โนติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ นนุ เจตฺถ ทฺวาทเสว ธุตงฺคานิ วินิโยคํ คตานิ, เอกํ ปน เนสชฺชิกงฺคํ น กตฺถจิ วินิยุตฺตนฺติ อาห ‘‘เนสชฺชิกงฺคํ ภาวนารามอริยวํสํ ภชตี’’ติฯ อยญฺจ อโตฺถ อฎฺฐกถารุโฬฺห เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิมาหฯ

    Kasmā panettha paccayasantosaṃ dassentena mahātherena gilānapaccayasantoso na gahitoti? Na kho panetaṃ evaṃ daṭṭhabbanti dassento ‘‘gilānapaccayo pana piṇḍapāte eva paviṭṭho’’ti āha, āharitabbatāsāmaññenāti adhippāyo. Yadi evaṃ tattha piṇḍapāte viya vitakkasantosādayopi pannarasa santosā icchitabbāti? Noti dassento āha ‘‘tatthā’’tiādi. Nanu cettha dvādaseva dhutaṅgāni viniyogaṃ gatāni, ekaṃ pana nesajjikaṅgaṃ na katthaci viniyuttanti āha ‘‘nesajjikaṅgaṃ bhāvanārāmaariyavaṃsaṃ bhajatī’’ti. Ayañca attho aṭṭhakathāruḷho evāti dassento ‘‘vuttampi ceta’’ntiādimāha.

    ‘‘ปถวิํ ปตฺถรมาโน วิยา’’ติอาทิ อริยวํสเทสนาย สุทุกฺกรภาวทสฺสนํ มหาวิสยตาย ตสฺสา เทสนายฯ ยสฺมา นยสหสฺสปฎิมณฺฑิตา โหติ อริยมคฺคาธิคมาย วิตฺถารโต ปวตฺติยมานา เทสนา ยถา ตํ จิตฺตุปฺปาทกเณฺฑ, อยญฺจ ภาวนารามอริยวํสกถา อริยมคฺคาธิคมาย วิตฺถารโต ปวตฺติยมานา เอวํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สหสฺสนยปฺปฎิมณฺฑิตํ…เป.… เทสนํ อารภี’’ติฯ ปฎิปกฺขวิธมนโต อภิมุขภาเวน รมณํ อารมณํ อาราโมติ อาห ‘‘อภิรตีติ อโตฺถ’’ติฯ พฺยธิกรณานมฺปิ ปทานํ วเสน ภวติ พาหิรตฺถสมาโส ยถา ‘‘อุรสิโลโม, กเณฺฐกาโฬติ อาห ‘‘ปหาเน อาราโม อสฺสาติ ปหานาราโม’’ติฯ อารมิตพฺพเฎฺฐน วา อาราโม, ปหานํ อาราโม อสฺสาติ ปหานาราโมติ เอวเมตฺถ สมาสโยชนา เวทิตพฺพาฯ ‘‘ปชหโนฺต รมตี’’ติ เอเตน ปหานารามสทฺทานํ กตฺตุสาธนตํ, กมฺมธารยสมาสญฺจ ทเสฺสติฯ ‘‘ภาเวโนฺต รมตี’’ติ วุตฺตตฺตา ภาวนาราโมติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ

    ‘‘Pathaviṃpattharamāno viyā’’tiādi ariyavaṃsadesanāya sudukkarabhāvadassanaṃ mahāvisayatāya tassā desanāya. Yasmā nayasahassapaṭimaṇḍitā hoti ariyamaggādhigamāya vitthārato pavattiyamānā desanā yathā taṃ cittuppādakaṇḍe, ayañca bhāvanārāmaariyavaṃsakathā ariyamaggādhigamāya vitthārato pavattiyamānā evaṃ hotīti vuttaṃ ‘‘sahassanayappaṭimaṇḍitaṃ…pe… desanaṃ ārabhī’’ti. Paṭipakkhavidhamanato abhimukhabhāvena ramaṇaṃ āramaṇaṃ ārāmoti āha ‘‘abhiratīti attho’’ti. Byadhikaraṇānampi padānaṃ vasena bhavati bāhiratthasamāso yathā ‘‘urasilomo, kaṇṭhekāḷoti āha ‘‘pahāne ārāmo assāti pahānārāmo’’ti. Āramitabbaṭṭhena vā ārāmo, pahānaṃ ārāmo assāti pahānārāmoti evamettha samāsayojanā veditabbā. ‘‘Pajahanto ramatī’’ti etena pahānārāmasaddānaṃ kattusādhanataṃ, kammadhārayasamāsañca dasseti. ‘‘Bhāvento ramatī’’ti vuttattā bhāvanārāmoti etthāpi eseva nayo.

    กามํ ‘‘เนสชฺชิกงฺคํ ภาวนารามอริยวํสํ ภชตี’’ติ วุตฺตํ ภาวนานุโยคสฺส อนุจฺฉวิกตฺตา, เนสชฺชิกงฺควเสน ปน เนสชฺชิกสฺส ภิกฺขุโน เอกจฺจาหิ อาปตฺตีหิ อนาปตฺติภาโวติ ตมฺปิ สงฺคณฺหโนฺต ‘‘เตรสนฺนํ ธุตงฺคาน’’นฺติ วตฺวา ‘‘วินยํ ปตฺวา ครุเก ฐาตพฺพ’’นฺติ อิจฺฉิตตฺตา สเลฺลขสฺส อปริจฺจชนวเสน ปฎิปตฺติ นาม วินเย ฐิตเสฺสวาติ อาห ‘‘เตรสนฺนํ…เป.… กถิตํ โหตี’’ติฯ กามํ สุตฺตาภิธมฺมปิฎเกสุปิ (ที. นิ. ๑.๗.๑๙๔; วิภ. ๕๐๘) ตตฺถ ตตฺถ สีลกถา อาคตา เอว, เยหิ ปน คุเณหิ สีลสฺส โวทานํ โหติ, เตสุ กถิเตสุ ยถา สีลกถาพาหุลฺลํ วินยปิฎกํ กถิตํ โหติ, เอวํ ภาวนากถาพาหุลฺลํ สุตฺตนฺตปิฎกํ, อภิธมฺมปิฎกญฺจ จตุเตฺถน อริยวํเสน กถิตเมว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ภาวนาราเมน อวเสสํ ปิฎกทฺวยํ กถิตํ โหตี’’ติฯ ‘‘โส เนกฺขมฺมํ ภาเวโนฺต รมตี’’ติ เนกฺขมฺมปทํ อาทิํ กตฺวา ตตฺถ เทสนาย ปวตฺตตฺตา, สเพฺพสมฺปิ วา สมถวิปสฺสนามคฺคธมฺมานํ ยถาสกํปฎิปกฺขโต นิกฺขมเนน เนกฺขมฺมสญฺญิตานํ ตตฺถ อาคตตฺตา โส ปาโฐ ‘‘เนกฺขมฺมปาฬี’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘เนกฺขมฺมปาฬิยา กเถตโพฺพ’’ติฯ เตนาห อฎฺฐกถายํ ‘‘สเพฺพปิ กุสลา ธมฺมา เนกฺขมฺมนฺติ ปวุจฺจเร’’ติ (อิติวุ. อฎฺฐ. ๑๐๙)ฯ ทสุตฺตรสุตฺตนฺต ปริยาเยนาติ ทสุตฺตรสุตฺตนฺตธเมฺมน, ทสุตฺตรสุตฺตเนฺต (ที. นิ. ๓.๓๕๐) อาคตนเยนาติ วา อโตฺถฯ เสสทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ

    Kāmaṃ ‘‘nesajjikaṅgaṃ bhāvanārāmaariyavaṃsaṃ bhajatī’’ti vuttaṃ bhāvanānuyogassa anucchavikattā, nesajjikaṅgavasena pana nesajjikassa bhikkhuno ekaccāhi āpattīhi anāpattibhāvoti tampi saṅgaṇhanto ‘‘terasannaṃ dhutaṅgāna’’nti vatvā ‘‘vinayaṃ patvā garuke ṭhātabba’’nti icchitattā sallekhassa apariccajanavasena paṭipatti nāma vinaye ṭhitassevāti āha ‘‘terasannaṃ…pe… kathitaṃ hotī’’ti. Kāmaṃ suttābhidhammapiṭakesupi (dī. ni. 1.7.194; vibha. 508) tattha tattha sīlakathā āgatā eva, yehi pana guṇehi sīlassa vodānaṃ hoti, tesu kathitesu yathā sīlakathābāhullaṃ vinayapiṭakaṃ kathitaṃ hoti, evaṃ bhāvanākathābāhullaṃ suttantapiṭakaṃ, abhidhammapiṭakañca catutthena ariyavaṃsena kathitameva hotīti vuttaṃ ‘‘bhāvanārāmena avasesaṃ piṭakadvayaṃ kathitaṃ hotī’’ti. ‘‘So nekkhammaṃ bhāvento ramatī’’ti nekkhammapadaṃ ādiṃ katvā tattha desanāya pavattattā, sabbesampi vā samathavipassanāmaggadhammānaṃ yathāsakaṃpaṭipakkhato nikkhamanena nekkhammasaññitānaṃ tattha āgatattā so pāṭho ‘‘nekkhammapāḷī’’ti vuccatīti āha ‘‘nekkhammapāḷiyā kathetabbo’’ti. Tenāha aṭṭhakathāyaṃ ‘‘sabbepi kusalā dhammā nekkhammanti pavuccare’’ti (itivu. aṭṭha. 109). Dasuttarasuttanta pariyāyenāti dasuttarasuttantadhammena, dasuttarasuttante (dī. ni. 3.350) āgatanayenāti vā attho. Sesadvayepi eseva nayo.

    โสติ ชาคริยํ อนุยุโตฺต ภิกฺขุฯ เนกฺขมฺมนฺติ กาเมหิ นิกฺขนฺตภาวโต เนกฺขมฺมสญฺญิตํ ปฐมชฺฌานูปจารํฯ ‘‘โส อภิชฺฌํ โลเก ปหายา’’ติอาทินา (วิภ. ๕๐๘, ๕๓๘) อาคตา ปฐมชฺฌานสฺส ปุพฺพภาคภาวนาติ อิธาธิเปฺปตา , ตสฺมา ‘‘อพฺยาปาท’’นฺติอาทีสุปิ เอวเมว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ พฺรหฺมชาลฎีกายํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํฯ สอุปายาสานญฺหิ อฎฺฐนฺนํ สมาปตฺตีนํ, อฎฺฐารสนฺนํ มหาวิปสฺสนานํ, จตุนฺนํ อริยมคฺคานญฺจ วเสเนตฺถ เทสนา ปวตฺตาติฯ

    Soti jāgariyaṃ anuyutto bhikkhu. Nekkhammanti kāmehi nikkhantabhāvato nekkhammasaññitaṃ paṭhamajjhānūpacāraṃ. ‘‘So abhijjhaṃ loke pahāyā’’tiādinā (vibha. 508, 538) āgatā paṭhamajjhānassa pubbabhāgabhāvanāti idhādhippetā , tasmā ‘‘abyāpāda’’ntiādīsupi evameva attho veditabbo. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ brahmajālaṭīkāyaṃ vuttanayena veditabbaṃ. Saupāyāsānañhi aṭṭhannaṃ samāpattīnaṃ, aṭṭhārasannaṃ mahāvipassanānaṃ, catunnaṃ ariyamaggānañca vasenettha desanā pavattāti.

    ‘‘เอกํ ธมฺมํ ภาเวโนฺต รมติ, เอกํ ธมฺมํ ปชหโนฺต รมตี’’ติ จ น อิทํ ทสุตฺตรสุเตฺต อาคตนิยาเมน วุตฺตํ, ตตฺถ ปน ‘‘เอโก ธโมฺม ภาเวตโพฺพ, เอโก ธโมฺม ปหาตโพฺพ’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๑) จ เทสนา อาคตาฯ เอวํ สเนฺตปิ ยสฺมา อตฺถโต เภโท นตฺถิ, ตสฺมา ปฎิสมฺภิทามเคฺค เนกฺขมฺมปาฬิยํ (ปฎิ. ม. ๑.๒๔, ๓.๔๑) อาคตนีหาเรเนว ‘‘เอกํ ธมฺมํ ภาเวโนฺต รมติ, เอกํ ธมฺมํ ปชหโนฺต รมตี’’ติ วุตฺตํฯ เอส นโย เสสวาเรสุปิฯ ยสฺมา จายํ อริยวํสเทสนา นาม สตฺถุ ปญฺญตฺตาว สตฺถารา หิ เทสิตํ เทสนํ อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺตเตฺถโร สงฺคายนวเสน อิธาเนสิ , ตสฺมา มหาอริยวํสสุเตฺต สตฺถุเทสนานีหาเรน นิคมนํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภาวนาราโม โหตี’’ติ อาหฯ เอเสว นโย อิโต ปเรสุ สติปฎฺฐานปริยายอภิธมฺมนิเทฺทสปริยาเยสุปิฯ กามเญฺจตฺถ กายานุปสฺสนาวเสเนว สงฺขิปิตฺวา โยชนา กตา, เอกวีสติยา ปน ฐานานํ วเสน วิตฺถารโต โยชนา เวทิตพฺพาฯ ‘‘อนิจฺจโต’’ (วิสุทฺธิ. ฎี. ๒.๖๙๘) ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาสุ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํฯ

    ‘‘Ekaṃ dhammaṃ bhāvento ramati, ekaṃ dhammaṃ pajahanto ramatī’’ti ca na idaṃ dasuttarasutte āgataniyāmena vuttaṃ, tattha pana ‘‘eko dhammo bhāvetabbo, eko dhammo pahātabbo’’ti (dī. ni. 3.351) ca desanā āgatā. Evaṃ santepi yasmā atthato bhedo natthi, tasmā paṭisambhidāmagge nekkhammapāḷiyaṃ (paṭi. ma. 1.24, 3.41) āgatanīhāreneva ‘‘ekaṃ dhammaṃ bhāvento ramati, ekaṃ dhammaṃ pajahanto ramatī’’ti vuttaṃ. Esa nayo sesavāresupi. Yasmā cāyaṃ ariyavaṃsadesanā nāma satthu paññattāva satthārā hi desitaṃ desanaṃ āyasmā dhammasenāpati sāriputtatthero saṅgāyanavasena idhānesi , tasmā mahāariyavaṃsasutte satthudesanānīhārena nigamanaṃ dassento ‘‘evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu bhāvanārāmo hotī’’ti āha. Eseva nayo ito paresu satipaṭṭhānapariyāyaabhidhammaniddesapariyāyesupi. Kāmañcettha kāyānupassanāvaseneva saṅkhipitvā yojanā katā, ekavīsatiyā pana ṭhānānaṃ vasena vitthārato yojanā veditabbā. ‘‘Aniccato’’ (visuddhi. ṭī. 2.698) tiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ visuddhimaggasaṃvaṇṇanāsu vuttanayena veditabbaṃ.

    ๓๑๐. สํวราทีนํ สาธนวเสน ปทหติ เอตฺถ, เอเตหีติ จ ปธานานิฯ อุตฺตมวีริยานีติ เสฎฺฐวีริยานิ วิสิฎฺฐสฺส อตฺถสฺส สาธนโตฯ สํวรนฺตสฺส อุปฺปนฺนวีริยนฺติ ยถา อภิชฺฌาทโย น อุปฺปชฺชนฺติ, เอวํ สติยา อุปฎฺฐาปเน จกฺขาทีนํ ปิทหเน อนลสสฺส อุปฺปนฺนวีริยํฯ ปชหนฺตสฺสาติ วิโนเทนฺตสฺสฯ อุปฺปนฺนวีริยนฺติ ตเสฺสว ปชหนสฺส สาธนวเสน ปวตฺตวีริยํฯ ภาเวนฺตสฺส อุปฺปนฺนวีริยนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ สมาธินิมิตฺตนฺติ สมาธิ เอวฯ ปุริมุปฺปนฺนสมาธิ หิ ปรโต อุปฺปชฺชนกสมาธิปวิเวกสฺส การณํ โหตีติ ‘‘สมาธินิมิตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ

    310. Saṃvarādīnaṃ sādhanavasena padahati ettha, etehīti ca padhānāni. Uttamavīriyānīti seṭṭhavīriyāni visiṭṭhassa atthassa sādhanato. Saṃvarantassa uppannavīriyanti yathā abhijjhādayo na uppajjanti, evaṃ satiyā upaṭṭhāpane cakkhādīnaṃ pidahane analasassa uppannavīriyaṃ. Pajahantassāti vinodentassa. Uppannavīriyanti tasseva pajahanassa sādhanavasena pavattavīriyaṃ. Bhāventassa uppannavīriyanti etthāpi eseva nayo. Samādhinimittanti samādhi eva. Purimuppannasamādhi hi parato uppajjanakasamādhipavivekassa kāraṇaṃ hotīti ‘‘samādhinimitta’’nti vuttaṃ.

    อุปธิวิเวกตฺตาติ ขนฺธูปธิอาทิอุปธีหิ วิวิตฺตตฺตา วินิสฺสฎตฺตาฯ ตํ อาคมฺมาติ ตํ นิพฺพานํ มเคฺคน อธิคมเหตุฯ ราคาทโย วิรชฺชนฺติ เอตฺถ, เอเตนาติ วา วิราโคฯ เอวํ นิโรโธปิ ทฎฺฐโพฺพฯ ยสฺมา อิธ โพชฺฌงฺคา มิสฺสกวเสน อิจฺฉิตา, ตสฺมา ‘‘อารมฺมณวเสน อธิคนฺตพฺพวเสน วา’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ อธิคนฺตพฺพวเสนาติ ตํนินฺนตาวเสนฯ โวสฺสคฺคปริณามินฺติ โวสฺสชฺชนวเสน ปริณามิตํ ปริจฺจชนวเสน เจว ปกฺขนฺทนวเสน จ ปริณมนสีลํฯ เตนาห ‘‘เทฺว โวสฺสคฺคา’’ติอาทิฯ ขนฺธานํ ปริจฺจชนํ นาม ตปฺปฎิพทฺธกิเลสปฺปหานวเสนาติ เยนากาเรน วิปสฺสนา กิเลเส ปชหติ, เตเนวากาเรน ตํนิมิตฺตเก, ขเนฺธ จ ‘‘ปชหตี’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ อาห ‘‘วิปสฺสนา…เป.… ปริจฺจชตี’’ติฯ ยสฺมา วิปสฺสนา วุฎฺฐานคามินิภาวํ ปาปุณนฺตี นินฺนโปณปพฺภารภาเวน เอกํสโต นิพฺพานํ ‘‘ปกฺขนฺทตี’’ติ วตฺตพฺพตํ ลภติ, มโคฺค จ สมุเจฺฉทวเสน กิเลเส, ขเนฺธ จ ปริจฺจชติ, ตสฺมา ยถากฺกมํ วิปสฺสนามคฺคานํ วเสน ปกฺขนฺทนปริจฺจาคโวสฺสคฺคาปิ เวทิตพฺพาฯ โวสฺสคฺคตฺถายาติ ปริจฺจาคโวสฺสคฺคตฺถาย เจว ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺคตฺถาย จฯ ปริณมตีติ ปริปจฺจติฯ ตํ ปริณมนํ วุฎฺฐานคามินิภาวปฺปตฺติยา เจว อริยมคฺคภาวปฺปตฺติยา จ อิจฺฉิตนฺติ อาห ‘‘วิปสฺสนาภาวเญฺจว มคฺคภาวญฺจ ปาปุณาตี’’ติฯ เสสปเทสูติ ‘‘ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวตี’’ติอาทีสุ เสสสโมฺพชฺฌงฺคโกฎฺฐาเสสุฯ

    Upadhivivekattāti khandhūpadhiādiupadhīhi vivittattā vinissaṭattā. Taṃ āgammāti taṃ nibbānaṃ maggena adhigamahetu. Rāgādayo virajjanti ettha, etenāti vā virāgo. Evaṃ nirodhopi daṭṭhabbo. Yasmā idha bojjhaṅgā missakavasena icchitā, tasmā ‘‘ārammaṇavasena adhigantabbavasena vā’’ti vuttaṃ. Tattha adhigantabbavasenāti taṃninnatāvasena. Vossaggapariṇāminti vossajjanavasena pariṇāmitaṃ pariccajanavasena ceva pakkhandanavasena ca pariṇamanasīlaṃ. Tenāha ‘‘dve vossaggā’’tiādi. Khandhānaṃ pariccajanaṃ nāma tappaṭibaddhakilesappahānavasenāti yenākārena vipassanā kilese pajahati, tenevākārena taṃnimittake, khandhe ca ‘‘pajahatī’’ti vattabbataṃ arahatīti āha ‘‘vipassanā…pe… pariccajatī’’ti. Yasmā vipassanā vuṭṭhānagāminibhāvaṃ pāpuṇantī ninnapoṇapabbhārabhāvena ekaṃsato nibbānaṃ ‘‘pakkhandatī’’ti vattabbataṃ labhati, maggo ca samucchedavasena kilese, khandhe ca pariccajati, tasmā yathākkamaṃ vipassanāmaggānaṃ vasena pakkhandanapariccāgavossaggāpi veditabbā. Vossaggatthāyāti pariccāgavossaggatthāya ceva pakkhandanavossaggatthāya ca. Pariṇamatīti paripaccati. Taṃ pariṇamanaṃ vuṭṭhānagāminibhāvappattiyā ceva ariyamaggabhāvappattiyā ca icchitanti āha ‘‘vipassanābhāvañceva maggabhāvañca pāpuṇātī’’ti. Sesapadesūti ‘‘dhammavicayasambojjhaṅgaṃ bhāvetī’’tiādīsu sesasambojjhaṅgakoṭṭhāsesu.

    ภทฺทกนฺติ อภทฺทกานํ นีวรณาทิปาปธมฺมานํ วิกฺขมฺภเนน ราควิธมเนน เอกนฺตหิตตฺตา, ทุลฺลภตฺตา จ ภทฺทกํ สุนฺทรํฯ น หิ อญฺญํ สมาธินิมิตฺตํ เอวํทุลฺลภํ, ราคสฺส จ อุชุวิปจฺจนีกภูตํ อตฺถิฯ อนุรกฺขตีติ เอตฺถ อนุรกฺขนา นาม อธิคตสมาธิโต ยถา น ปริหานิ โหติ, เอวํ ปฎิปตฺติ, สา ปน ตปฺปฎิปกฺขวิธมเนนาติ อาห ‘‘สมาธี’’ติอาทิฯ อฎฺฐิกสญฺญาทิกาติ อฎฺฐิกชฺฌานาทิกาฯ สญฺญาสีเสน หิ ฌานํ วทติฯ

    Bhaddakanti abhaddakānaṃ nīvaraṇādipāpadhammānaṃ vikkhambhanena rāgavidhamanena ekantahitattā, dullabhattā ca bhaddakaṃ sundaraṃ. Na hi aññaṃ samādhinimittaṃ evaṃdullabhaṃ, rāgassa ca ujuvipaccanīkabhūtaṃ atthi. Anurakkhatīti ettha anurakkhanā nāma adhigatasamādhito yathā na parihāni hoti, evaṃ paṭipatti, sā pana tappaṭipakkhavidhamanenāti āha ‘‘samādhī’’tiādi. Aṭṭhikasaññādikāti aṭṭhikajjhānādikā. Saññāsīsena hi jhānaṃ vadati.

    เอกปฎิเวธวเสน จตุสจฺจธเมฺม ญาณนฺติ จตูสุ อริยสเจฺจสุ เอกาภิสมยวเสน ปวตฺตญาณํ, มคฺคญาณนฺติ อโตฺถฯ จตุสจฺจโนฺตคธตฺตา จตุสจฺจพฺภนฺตเร นิโรธธเมฺม นิพฺพาเน ญาณํ, เตน ผลญาณํ วทติฯ ยสฺมา มคฺคานนฺตรสฺส ผลสฺส มคฺคานุคุณา ปวตฺติ, ยโต ตํสมุทยปกฺขิเยสุ ธเมฺมสุ ปฎิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานวเสน ปวตฺตติ, ตสฺมา นิโรธสเจฺจปิ โย มคฺคสฺส สจฺฉิกิริยาภิสมโย, ตทนุคุณา ปวตฺตีติ ผลญาณเสฺสว ธเมฺม ญาณตา วุตฺตา, น ยสฺส กสฺสจิ นิพฺพานารมฺมณสฺส ญาณสฺส ฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิฯ เอตฺถ จ มคฺคปญฺญา ตาว จตุสจฺจธมฺมสฺส ปฎิวิชฺฌนโต ธเมฺมญาณํ นาม โหตุ, ผลปญฺญา ปน กถนฺติ โจทนา โสธิตา โหติ นิโรธธมฺมํ อารพฺภ ปวตฺตนโตฯ ทุวิธาปิ หิ ปญฺญา อปรปฺปจฺจยตาย อตฺตปจฺจกฺขโต อริยสจฺจธเมฺม กิจฺจโต จ อารมฺมณโต จ ปวตฺตตฺตา ‘‘ธเมฺมญาณ’’นฺติ เวทิตพฺพาฯ อริยสเจฺจสุ หิ อยํ ธมฺม-สโทฺท เตสํ อวิปรีตสภาวตฺตา, สงฺขตปฺปวโร วา อริยมโคฺค, ตสฺส จ ผลธโมฺมฯ ตตฺถ ปญฺญา ตํสหคตา ธเมฺมญาณํฯ

    Ekapaṭivedhavasena catusaccadhamme ñāṇanti catūsu ariyasaccesu ekābhisamayavasena pavattañāṇaṃ, maggañāṇanti attho. Catusaccantogadhattā catusaccabbhantare nirodhadhamme nibbāne ñāṇaṃ, tena phalañāṇaṃ vadati. Yasmā maggānantarassa phalassa maggānuguṇā pavatti, yato taṃsamudayapakkhiyesu dhammesu paṭippassaddhippahānavasena pavattati, tasmā nirodhasaccepi yo maggassa sacchikiriyābhisamayo, tadanuguṇā pavattīti phalañāṇasseva dhamme ñāṇatā vuttā, na yassa kassaci nibbānārammaṇassa ñāṇassa . Tena vuttaṃ ‘‘yathāhā’’tiādi. Ettha ca maggapaññā tāva catusaccadhammassa paṭivijjhanato dhammeñāṇaṃ nāma hotu, phalapaññā pana kathanti codanā sodhitā hoti nirodhadhammaṃ ārabbha pavattanato. Duvidhāpi hi paññā aparappaccayatāya attapaccakkhato ariyasaccadhamme kiccato ca ārammaṇato ca pavattattā ‘‘dhammeñāṇa’’nti veditabbā. Ariyasaccesu hi ayaṃ dhamma-saddo tesaṃ aviparītasabhāvattā, saṅkhatappavaro vā ariyamaggo, tassa ca phaladhammo. Tattha paññā taṃsahagatā dhammeñāṇaṃ.

    อนฺวเยญาณนฺติ อนุคมนญาณํฯ ปจฺจกฺขโต ทิสฺวาติ จตฺตาริ สจฺจานิ มคฺคญาเณน ปจฺจกฺขโต ปฎิวิชฺฌิตฺวาฯ ยถา อิทานีติ ยถา เอตรหิ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจํ, เอวํ อตีเตปิ อนาคเตปิ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจเมวาติ จ สริกฺขเฎฺฐน วุตฺตํฯ เอส นโย สมุทยสเจฺจ, มคฺคสเจฺจ จฯ อยเมวาติ อวธารเณฯ นิโรธสเจฺจ ปน สริกฺขโฎฺฐ นตฺถิ ตสฺส นิจฺจตฺตา, เอกสภาวตฺตา จฯ เอวํ ตสฺส ญาณสฺส อนุคติยํ ญาณนฺติ ตสฺส ธเมฺมญาณสฺส ‘‘เอวํ อตีเตปี’’ติอาทินา อนุคติยํ อนุคมเน อนฺวเย ญาณํฯ อิทํ อนฺวเย ญาณนฺติ โยชนาฯ ‘‘เตนาหา’’ติอาทินา ยถาวุตฺตมตฺถํ ปาฬิยา วิภาเวติฯ โสติ ธมฺมญาณํ ปตฺวา ฐิโต ภิกฺขุฯ อิมินา ธเมฺมนาติ ธมฺมโคจรตฺตา โคจรโวหาเรน ‘‘ธโมฺม’’ติ วุเตฺตนมคฺคญาเณน, อุปโยคเตฺถ วา กรณวจนํ, อิมินา ธเมฺมน ญาเตนาติ อิมํ จตุสจฺจธมฺมํ ญาเณน ชานิตฺวา ฐิเตน มคฺคญาเณนาติ อโตฺถฯ ทิเฎฺฐนาติ ทสฺสเนน สจฺจธมฺมํ ปสฺสิตฺวา ฐิเตนฯ ปเตฺตนาติ สจฺจานํ ปตฺวา ฐิเตนฯ วิทิเตนาติ สจฺจานิ วิทิตฺวา ฐิเตนฯ ปริโยคาเฬฺหนาติ จตุสจฺจธมฺมํ ปริโยคาเหตฺวา ฐิเตนาติ เอวํ ตาเวตฺถ อภิธมฺมฎฺฐกถายํ (วิภ. อฎฺฐ. ๗๙๖) อโตฺถ วุโตฺตฯ ทุวิธมฺปิ ปน มคฺคผลญาณํ ธเมฺมญาณํฯ ปจฺจเวกฺขณาย จ มูลํ, การณญฺจ นยนยนสฺสาติ ทุวิเธนาปิ เตน ธเมฺมนาติ น น ยุชฺชติฯ ตถา จตุสจฺจธมฺมสฺส ญาตตฺตา, มคฺคผลสงฺขาตสฺส วา ธมฺมสฺส สจฺจปฎิเวธสมฺปโยคํ คตตฺตา นยนยนํ โหตีติ เตน อิมินา ธเมฺมน ญาณวิสยภาเวน, ญาณสมฺปโยเคน วา ญาเตนาติ จ อโตฺถ น น ยุชฺชตีติฯ อตีตานาคเต นยํ เนตีติ อตีเต, อนาคเต จ นยํ เนติ หรติ เปเสติฯ อิทํ ปน น มคฺคญาณสฺส กิจฺจํ, ปจฺจเวกฺขณญาณกิจฺจํ, สตฺถารา ปน มคฺคญาณํ อตีตานาคเต นยนยนสทิสํ กตํ มคฺคมูลกตฺตาฯ ภาวิตมคฺคสฺส หิ ปจฺจเวกฺขณา นาม โหติฯ นยิทํ อญฺญํ ญาณุปฺปาทนํ นยนยนํ, ญาณเสฺสว ปน ปวตฺติวิเสโสติฯ

    Anvayeñāṇanti anugamanañāṇaṃ. Paccakkhato disvāti cattāri saccāni maggañāṇena paccakkhato paṭivijjhitvā. Yathā idānīti yathā etarahi pañcupādānakkhandhā dukkhasaccaṃ, evaṃ atītepi anāgatepi pañcupādānakkhandhā dukkhasaccamevāti ca sarikkhaṭṭhena vuttaṃ. Esa nayo samudayasacce, maggasacce ca. Ayamevāti avadhāraṇe. Nirodhasacce pana sarikkhaṭṭho natthi tassa niccattā, ekasabhāvattā ca. Evaṃ tassa ñāṇassa anugatiyaṃ ñāṇanti tassa dhammeñāṇassa ‘‘evaṃ atītepī’’tiādinā anugatiyaṃ anugamane anvaye ñāṇaṃ. Idaṃ anvaye ñāṇanti yojanā. ‘‘Tenāhā’’tiādinā yathāvuttamatthaṃ pāḷiyā vibhāveti. Soti dhammañāṇaṃ patvā ṭhito bhikkhu. Iminā dhammenāti dhammagocarattā gocaravohārena ‘‘dhammo’’ti vuttenamaggañāṇena, upayogatthe vā karaṇavacanaṃ, iminā dhammena ñātenāti imaṃ catusaccadhammaṃ ñāṇena jānitvā ṭhitena maggañāṇenāti attho. Diṭṭhenāti dassanena saccadhammaṃ passitvā ṭhitena. Pattenāti saccānaṃ patvā ṭhitena. Viditenāti saccāni viditvā ṭhitena. Pariyogāḷhenāti catusaccadhammaṃ pariyogāhetvā ṭhitenāti evaṃ tāvettha abhidhammaṭṭhakathāyaṃ (vibha. aṭṭha. 796) attho vutto. Duvidhampi pana maggaphalañāṇaṃ dhammeñāṇaṃ. Paccavekkhaṇāya ca mūlaṃ, kāraṇañca nayanayanassāti duvidhenāpi tena dhammenāti na na yujjati. Tathā catusaccadhammassa ñātattā, maggaphalasaṅkhātassa vā dhammassa saccapaṭivedhasampayogaṃ gatattā nayanayanaṃ hotīti tena iminā dhammena ñāṇavisayabhāvena, ñāṇasampayogena vā ñātenāti ca attho na na yujjatīti. Atītānāgate nayaṃ netīti atīte, anāgate ca nayaṃ neti harati peseti. Idaṃ pana na maggañāṇassa kiccaṃ, paccavekkhaṇañāṇakiccaṃ, satthārā pana maggañāṇaṃ atītānāgate nayanayanasadisaṃ kataṃ maggamūlakattā. Bhāvitamaggassa hi paccavekkhaṇā nāma hoti. Nayidaṃ aññaṃ ñāṇuppādanaṃ nayanayanaṃ, ñāṇasseva pana pavattivisesoti.

    ปเรสํ เจตโส ปริโต อยนํ ปริจฺฉินฺทนํ ปริโย, ตสฺมิํ ปริเยฯ เตนาห ‘‘ปเรสํ จิตฺตปริเจฺฉเท’’ติฯ อวเสสํ สมฺมุติมฺหิญาณํ นาม ‘‘ญาณ’’นฺติ สมฺมตตฺตาฯ วจนตฺถโต ปน สมฺมุติมฺหิ ญาณนฺติ สมฺมุติมฺหิญาณํฯ ธเมฺมญาณาทีนํ วิย หิ สาติสยสฺส ปฎิเวธกิจฺจสฺส อภาวา วิสโยภาสนสงฺขาตชานนสามเญฺญน ‘‘ญาณ’’นฺติ สมฺมเตสุ อโนฺตคธนฺติ อโตฺถฯ สมฺมุติวเสน วา ปวตฺตํ สมฺมุติมฺหิญาณํ สมฺมุติทฺวาเรน อตฺถสฺส คหณโตฯ อวเสสํ วา อิตรญาณตฺตยวิสภาคํ ญาณํ ตพฺพิสภาคสามเญฺญน สมฺมุติมฺหิญาณมฺหิ ปวิฎฺฐตฺตา สมฺมุติมฺหิญาณํ นาม โหตีติฯ

    Paresaṃ cetaso parito ayanaṃ paricchindanaṃ pariyo, tasmiṃ pariye. Tenāha ‘‘paresaṃ cittaparicchede’’ti. Avasesaṃ sammutimhiñāṇaṃ nāma ‘‘ñāṇa’’nti sammatattā. Vacanatthato pana sammutimhi ñāṇanti sammutimhiñāṇaṃ. Dhammeñāṇādīnaṃ viya hi sātisayassa paṭivedhakiccassa abhāvā visayobhāsanasaṅkhātajānanasāmaññena ‘‘ñāṇa’’nti sammatesu antogadhanti attho. Sammutivasena vā pavattaṃ sammutimhiñāṇaṃ sammutidvārena atthassa gahaṇato. Avasesaṃ vā itarañāṇattayavisabhāgaṃ ñāṇaṃ tabbisabhāgasāmaññena sammutimhiñāṇamhi paviṭṭhattā sammutimhiñāṇaṃ nāma hotīti.

    กามํ โสตาปตฺติมคฺคญาณาทีนิ ทุกฺขญาณาทีนิเยว, อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสน ปเนวมาห ‘‘อรหตฺตํ ปาเปตฺวา’’ติฯ วฎฺฎโต นิคฺคจฺฉติ เอเตนาติ นิคฺคมนํ, จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานํฯ ปุริมานิ เทฺว สจฺจานิ วฎฺฎํ ปวตฺติปวตฺติเหตุภาวโตฯ อิตรานิ ปน เทฺว วิวฎฺฎํ นิวตฺตินิวตฺติเหตุภาวโตฯ อภินิเวโสติ วิปสฺสนาภินิเวโส โหติ โลกิยสฺส ญาณสฺส วิสภาคูปคมนโตฯ โน วิวเฎฺฎติ วิวเฎฺฎ อภินิเวโส โน โหติ อวิสยภาวโตฯ ปริยตฺตีติ กมฺมฎฺฐานตนฺติฯ อุคฺคเหตฺวาติ วาจุคฺคตํ กตฺวาฯ อุคฺคเหตฺวาติ วา ปาฬิโต, อตฺถโต จ ยถารหํ สวนธารณปริปุจฺฉนมนสานุเปกฺขนาทิวเสน จิเตฺตน อุทฺธํ อุทฺธํ คณฺหิตฺวาฯ กมฺมํ กโรตีติ นามรูปปริคฺคหาทิกฺกเมน โยคกมฺมํ กโรติฯ

    Kāmaṃ sotāpattimaggañāṇādīni dukkhañāṇādīniyeva, ukkaṭṭhaniddesena panevamāha ‘‘arahattaṃpāpetvā’’ti. Vaṭṭato niggacchati etenāti niggamanaṃ, catusaccakammaṭṭhānaṃ. Purimāni dve saccāni vaṭṭaṃ pavattipavattihetubhāvato. Itarāni pana dve vivaṭṭaṃ nivattinivattihetubhāvato. Abhinivesoti vipassanābhiniveso hoti lokiyassa ñāṇassa visabhāgūpagamanato. No vivaṭṭeti vivaṭṭe abhiniveso no hoti avisayabhāvato. Pariyattīti kammaṭṭhānatanti. Uggahetvāti vācuggataṃ katvā. Uggahetvāti vā pāḷito, atthato ca yathārahaṃ savanadhāraṇaparipucchanamanasānupekkhanādivasena cittena uddhaṃ uddhaṃ gaṇhitvā. Kammaṃ karotīti nāmarūpapariggahādikkamena yogakammaṃ karoti.

    ยทิ ปุริเมสุ ทฺวีสุ เอว วิปสฺสนาภินิเวโส, เตสุ เอว อุคฺคหาทิ, กถมิทํ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานํ ชาตนฺติ อาห ‘‘ทฺวีสู’’ติอาทิฯ กามํ ปจฺฉิมานิปิ เทฺว สจฺจานิ อภิเญฺญยฺยานิ, ปริเญฺญยฺยตา ปน ตตฺถ นตฺถีติ น วิปสฺสนาพฺยาปาโรฯ เกวลํ ปน อนุสฺสวมเตฺต ฐตฺวา อจฺจนฺตปณีตภาวโต อิฎฺฐํ, อาตปฺปกนิรามิสปีติสญฺชนนโต กนฺตํ, อุปรูปริ อภิรุจิชนเนน มนสฺส วฑฺฒนโต มนาปนฺติ มนสิการํ ปวเตฺตติฯ เตนาห ‘‘นิโรธสจฺจํ นามา’’ติอาทิฯ ทฺวีสุ สเจฺจสูติ ทฺวีสุ สเจฺจสุ วิสยภูเตสุ , ตานิ จ อุทฺทิสฺส อสโมฺมหปฎิเวธวเสน ปวตฺตมาโน หิ มโคฺค เต อุทฺทิสฺส ปวโตฺต นาม โหตีติฯ ตีณิ ทุกฺขสมุทยมคฺคสจฺจานิฯ กิจฺจวเสนาติ อสมฺมุยฺหนวเสนฯ เอกนฺติ นิโรธสจฺจํฯ อารมฺมณวเสนาติ อารมฺมณกรณวเสนปิ อสมฺมุยฺหนกิจฺจวเสนปิ ตตฺถ ปฎิเวโธ ลพฺภเตวฯ เทฺว สจฺจานีติ ทุกฺขสมุทยสจฺจานิฯ ทุทฺทสตฺตาติ ทฎฺฐุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตาฯ โอฬาริกา หิ ทุกฺขสมุทยา, ติรจฺฉานคตานมฺปิ ทุกฺขํ, อาหาราทีสุ จ อภิลาโส ปากโฎฯ ปีฬนาทิอายูหนาทิวเสนปิ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, อิทํ อสฺส การณ’’นฺติ ยาถาวโต ญาเณน โอคาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ตานิ คมฺภีรานิฯ เทฺวติ นิโรธมคฺคสจฺจานิฯ ตานิ สณฺหสุขุมภาวโต สภาเวเนว คมฺภีรตาย ยาถาวโต ญาเณน ทุโรคาหตฺตา ‘‘ทุทฺทสานี’’ติฯ

    Yadi purimesu dvīsu eva vipassanābhiniveso, tesu eva uggahādi, kathamidaṃ catusaccakammaṭṭhānaṃ jātanti āha ‘‘dvīsū’’tiādi. Kāmaṃ pacchimānipi dve saccāni abhiññeyyāni, pariññeyyatā pana tattha natthīti na vipassanābyāpāro. Kevalaṃ pana anussavamatte ṭhatvā accantapaṇītabhāvato iṭṭhaṃ, ātappakanirāmisapītisañjananato kantaṃ, uparūpari abhirucijananena manassa vaḍḍhanato manāpanti manasikāraṃ pavatteti. Tenāha ‘‘nirodhasaccaṃ nāmā’’tiādi. Dvīsu saccesūti dvīsu saccesu visayabhūtesu , tāni ca uddissa asammohapaṭivedhavasena pavattamāno hi maggo te uddissa pavatto nāma hotīti. Tīṇi dukkhasamudayamaggasaccāni. Kiccavasenāti asammuyhanavasena. Ekanti nirodhasaccaṃ. Ārammaṇavasenāti ārammaṇakaraṇavasenapi asammuyhanakiccavasenapi tattha paṭivedho labbhateva. Dve saccānīti dukkhasamudayasaccāni. Duddasattāti daṭṭhuṃ asakkuṇeyyattā. Oḷārikā hi dukkhasamudayā, tiracchānagatānampi dukkhaṃ, āhārādīsu ca abhilāso pākaṭo. Pīḷanādiāyūhanādivasenapi ‘‘idaṃ dukkhaṃ, idaṃ assa kāraṇa’’nti yāthāvato ñāṇena ogāhituṃ asakkuṇeyyattā tāni gambhīrāni. Dveti nirodhamaggasaccāni. Tāni saṇhasukhumabhāvato sabhāveneva gambhīratāya yāthāvato ñāṇena durogāhattā ‘‘duddasānī’’ti.

    โสตาปตฺติยงฺคาทิจตุกฺกวณฺณนา

    Sotāpattiyaṅgādicatukkavaṇṇanā

    ๓๑๑. โสโต นาม อริยโสโต ปุริมปทโลเปน, ตสฺส อาทิโต สพฺพปฐมํ ปชฺชนํ โสตาปตฺติ, ปฐมมคฺคปฎิลาโภฯ ตสฺส องฺคานิ อธิคมูปายภูตานิ การณานิ โสตาปตฺติยงฺคานิฯ เตนาห ‘‘โสตา…เป.… อโตฺถ’’ติฯ สนฺตกายกมฺมาทิตาย สนฺตธมฺมสมนฺนาคมโต, สนฺตธมฺมปเวทนโต จ สโนฺต ปุริสาติ สปฺปุริสาฯ ตตฺถ เยสํ วเสน จตุสจฺจสมฺปฎิเวธาวหํ สทฺธมฺมสฺสวนํ ลพฺภติ, เต เอว ทเสฺสโนฺต ‘‘พุทฺธาทีนํ สปฺปุริสาน’’นฺติ อาห ฯ สโนฺต สตํ วา ธโมฺมติ สทฺธโมฺมฯ โส หิ ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชมาเน อปายทุเกฺข, สํสารทุเกฺข จ อปตเนฺต ธาเรตีติ เอวมาทิ คุณาติสยโยควเสน สโนฺต สํวิชฺชมาโน, ปสโตฺถ, สุนฺทโร วา ธโมฺม, สตํ วา อริยานํ ธโมฺม, เตสํ วา ตพฺภาวสาธโก ธโมฺมติ สทฺธโมฺม, ‘‘อิธ ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๕.๗๓) วุตฺตา ปริยตฺติฯ สา ปน มหาวิสยตาย น สพฺพา สพฺพสฺส วิเสสาวหาติ ตสฺส ตสฺส อนุจฺฉวิกเมว ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘สปฺปายสฺส เตปิฎกธมฺมสฺส สวน’’นฺติฯ โยนิโสมนสิกาโร เหฎฺฐา วุโตฺต เอวฯ ปุพฺพภาคปฎิปตฺติยาติ วิปสฺสนานุโยคสฺสฯ

    311.Soto nāma ariyasoto purimapadalopena, tassa ādito sabbapaṭhamaṃ pajjanaṃ sotāpatti, paṭhamamaggapaṭilābho. Tassa aṅgāni adhigamūpāyabhūtāni kāraṇāni sotāpattiyaṅgāni. Tenāha ‘‘sotā…pe… attho’’ti. Santakāyakammāditāya santadhammasamannāgamato, santadhammapavedanato ca santo purisāti sappurisā. Tattha yesaṃ vasena catusaccasampaṭivedhāvahaṃ saddhammassavanaṃ labbhati, te eva dassento ‘‘buddhādīnaṃ sappurisāna’’nti āha . Santo sataṃ vā dhammoti saddhammo. So hi yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjamāne apāyadukkhe, saṃsāradukkhe ca apatante dhāretīti evamādi guṇātisayayogavasena santo saṃvijjamāno, pasattho, sundaro vā dhammo, sataṃ vā ariyānaṃ dhammo, tesaṃ vā tabbhāvasādhako dhammoti saddhammo, ‘‘idha bhikkhu dhammaṃ pariyāpuṇātī’’tiādinā (a. ni. 5.73) vuttā pariyatti. Sā pana mahāvisayatāya na sabbā sabbassa visesāvahāti tassa tassa anucchavikameva dassento āha ‘‘sappāyassa tepiṭakadhammassa savana’’nti. Yonisomanasikāro heṭṭhā vutto eva. Pubbabhāgapaṭipattiyāti vipassanānuyogassa.

    อเวจฺจปฺปสาเทนาติ สจฺจสมฺปฎิเวธวเสน พุทฺธาทีนํ คุเณ ญตฺวา อุปฺปนฺนปฺปสาเทน, โส ปน ปสาโท เทวาทีสุ เกนจิปิ อกมฺปิยตาย นิจฺจโลติ อาห ‘‘อจลปฺปสาเทนา’’ติฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ จตุกฺกตฺตเย อาหารจตุเกฺกฯ ลูขปณีตวตฺถุวเสนาติ โอทนกุมฺมาสาทิกสฺส ลูขสฺส เจว ปณีตสฺส จ วตฺถุโน วเสนฯ สา ปนายํ อาหารสฺส โอฬาริกสุขุมตา ‘‘กุมฺภิลานํ อาหารํ อุปาทาย โมรานํ อาหาโร สุขุโม’’ติอาทินา (สํ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒.๑๑) อฎฺฐกถายํ วิตฺถารโต อาคตา เอวฯ

    Aveccappasādenāti saccasampaṭivedhavasena buddhādīnaṃ guṇe ñatvā uppannappasādena, so pana pasādo devādīsu kenacipi akampiyatāya niccaloti āha ‘‘acalappasādenā’’ti. Etthāti etasmiṃ catukkattaye āhāracatukke. Lūkhapaṇītavatthuvasenāti odanakummāsādikassa lūkhassa ceva paṇītassa ca vatthuno vasena. Sā panāyaṃ āhārassa oḷārikasukhumatā ‘‘kumbhilānaṃ āhāraṃ upādāya morānaṃ āhāro sukhumo’’tiādinā (saṃ. ni. aṭṭha. 2.2.11) aṭṭhakathāyaṃ vitthārato āgatā eva.

    อารมฺมณฎฺฐิติวเสนาติ อารมฺมณสงฺขาตสฺส ปวตฺติปจฺจยฎฺฐานสฺส วเสนฯ ติฎฺฐติ เอตฺถาติ ฐิติ, อารมฺมณเมว ฐิติ อารมฺมณฎฺฐิติฯ เตเนวาห ‘‘รูปารมฺมณ’’นฺติอาทิฯ อารมฺมณโตฺถ เจตฺถ อุปตฺถมฺภนโตฺถ เวทิตโพฺพ, น วิสยลกฺขโณวฯ อุปตฺถมฺภนภูตํ รูปํ อุเปตีติ รูปูปายํฯ เตนาห ‘‘รูปํ อุปคตํ หุตฺวา’’ติอาทิฯ รูปกฺขนฺธํ นิสฺสาย ติฎฺฐติ เตน วินา อปฺปวตฺตนโตฯ นฺติ รูปกฺขนฺธํ นิสฺสาย ฐานปฺปวตฺตนํฯ เอตนฺติ ‘‘รูปูปาย’’นฺติ เอตํ วจนํฯ รูปกฺขโนฺธ โคจโร ปวตฺติฎฺฐานํ ปจฺจโย เอตสฺสาติ รูปกฺขนฺธโคจรํ รูปํ สหการีการณภาเวน ปติฎฺฐา เอตสฺสาติ รูปปฺปติฎฺฐํฯ อิติ ตีหิ ปเทหิ อภิสงฺขารวิญฺญาณํ ปติ รูปกฺขนฺธสฺส สหการีการณภาโวเยเวตฺถ วุโตฺตฯ อุปสิตฺตํ วิย อุปสิตฺตํ, ยถา พฺยญฺชเนหิ อุปสิตฺตํ สิเนหิตํ โอทนํ รุจิตํ, ปริณามโยคฺยญฺจ, เอวํ นนฺทิยา อุปสิตฺตํ สิเนหิตํ กมฺมวิญฺญาณํ อภิรุจิตํ หุตฺวา วิปากโยคฺยํ โหตีติฯ อิตรนฺติ โทสสหคตาทิอกุสลํ, กุสลญฺจ อุปนิสฺสยโกฎิยา อุปสิตฺตํ หุตฺวาติ โยชนาฯ เอวํ ปวตฺตมานนฺติ เอวํ รูปูปายนฺติ เทสนาภาเวน ปวตฺตมานํฯ วิปากธมฺมตาย วุทฺธิํ…เป.… อาปชฺชติฯ ตตฺถาปิ นิปฺปริยายผลนิพฺพตฺตนวเสน วุทฺธิํ, ปริยายผลนิพฺพตฺตนวเสน วิรุฬฺหิํ, นิสฺสนฺทผลนิพฺพตฺตนวเสน เวปุลฺลํฯ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียผลนิพฺพตฺตเนน วา วุทฺธิํ, อุปปชฺชเวทนียผลนิพฺพตฺตนวเสน วิรุฬฺหิํ, อปราปริยายผลนิพฺพตฺตนวเสน เวปุลฺลํ อาปชฺชตีติ โยชนาฯ เอกนฺตโต เวทนุปายาทิวเสน ปตฺติ นาม อรูปภเว เยวาติ อาห ‘‘อิเมหิ ปนา’’ติอาทิฯ เอวญฺจ กตฺวา ปาฬิยํ กตํ วา-สทฺทคฺคหณญฺจ สมตฺถิตํ โหติฯ ‘‘รูปูปาย’’นฺติอาทินา ยถา อภิสงฺขารวิญฺญาณสฺส อุปนิสฺสยภูตา รูปาทโย คยฺหนฺติ, เอวํ เตน นิพฺพเตฺตตพฺพาปิ เต คยฺหนฺตีติ อธิปฺปาเยน ‘‘จตุกฺกวเสน…เป.… น วุตฺต’’นฺติ อาหฯ วิปาโกปิ หิ ธโมฺม วิปากธมฺมวิญฺญาณํ อุปคตํ นาม โหติ ตถา นนฺทิยา อุปสิตฺตตฺตาฯ เตนาห ‘‘นนฺทูปเสจน’’นฺติฯ วิตฺถาริตาเนว สิงฺคาลสุเตฺตฯ

    Ārammaṇaṭṭhitivasenāti ārammaṇasaṅkhātassa pavattipaccayaṭṭhānassa vasena. Tiṭṭhati etthāti ṭhiti, ārammaṇameva ṭhiti ārammaṇaṭṭhiti. Tenevāha ‘‘rūpārammaṇa’’ntiādi. Ārammaṇattho cettha upatthambhanattho veditabbo, na visayalakkhaṇova. Upatthambhanabhūtaṃ rūpaṃ upetīti rūpūpāyaṃ. Tenāha ‘‘rūpaṃ upagataṃ hutvā’’tiādi. Rūpakkhandhaṃ nissāya tiṭṭhati tena vinā appavattanato. Tanti rūpakkhandhaṃ nissāya ṭhānappavattanaṃ. Etanti ‘‘rūpūpāya’’nti etaṃ vacanaṃ. Rūpakkhandho gocaro pavattiṭṭhānaṃ paccayo etassāti rūpakkhandhagocaraṃ rūpaṃ sahakārīkāraṇabhāvena patiṭṭhā etassāti rūpappatiṭṭhaṃ. Iti tīhi padehi abhisaṅkhāraviññāṇaṃ pati rūpakkhandhassa sahakārīkāraṇabhāvoyevettha vutto. Upasittaṃ viya upasittaṃ, yathā byañjanehi upasittaṃ sinehitaṃ odanaṃ rucitaṃ, pariṇāmayogyañca, evaṃ nandiyā upasittaṃ sinehitaṃ kammaviññāṇaṃ abhirucitaṃ hutvā vipākayogyaṃ hotīti. Itaranti dosasahagatādiakusalaṃ, kusalañca upanissayakoṭiyā upasittaṃ hutvāti yojanā. Evaṃ pavattamānanti evaṃ rūpūpāyanti desanābhāvena pavattamānaṃ. Vipākadhammatāya vuddhiṃ…pe… āpajjati. Tatthāpi nippariyāyaphalanibbattanavasena vuddhiṃ, pariyāyaphalanibbattanavasena viruḷhiṃ, nissandaphalanibbattanavasena vepullaṃ. Diṭṭhadhammavedanīyaphalanibbattanena vā vuddhiṃ, upapajjavedanīyaphalanibbattanavasena viruḷhiṃ, aparāpariyāyaphalanibbattanavasena vepullaṃ āpajjatīti yojanā. Ekantato vedanupāyādivasena patti nāma arūpabhave yevāti āha ‘‘imehi panā’’tiādi. Evañca katvā pāḷiyaṃ kataṃ -saddaggahaṇañca samatthitaṃ hoti. ‘‘Rūpūpāya’’ntiādinā yathā abhisaṅkhāraviññāṇassa upanissayabhūtā rūpādayo gayhanti, evaṃ tena nibbattetabbāpi te gayhantīti adhippāyena ‘‘catukkavasena…pe… na vutta’’nti āha. Vipākopi hi dhammo vipākadhammaviññāṇaṃ upagataṃ nāma hoti tathā nandiyā upasittattā. Tenāha ‘‘nandūpasecana’’nti. Vitthāritāneva siṅgālasutte.

    ภวติ เอเตน อาโรคฺยนฺติ ภโว, คิลานปจฺจโยฯ ปริวุโทฺธ ภโว อภโวฯ วุทฺธิอโตฺถ หิ อยํ อกาโร ยถา ‘‘สํวราสํวโร, (ปารา. ปฐมมหาสงฺคีติกถา; ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.ปฐมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา; ธ. ส. อฎฺฐ. นิทานกถา) ผลาผลํ’’ติ จ ฯ เตลมธุผาณิตาทีนีติ อาทิ-สเทฺทน สปฺปินวนีตานํ คหณํ, เตลาทีนํ คหณเญฺจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํฯ สพฺพสฺสาปิ คิลานปจฺจยสฺส สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อถ วา ภวาภโวติ ขุทฺทโก เจว มหโนฺต จ อุปปตฺติภโว เวทิตโพฺพฯ เอวญฺจ สติ ‘‘อิเมสํ ปนา’’ติอาทิวจนํ สมตฺถิตํ โหติฯ ภวูปปตฺติปหานโตฺถ หิ วิเสสโต จตุตฺถอริยวํโสฯ ตณฺหุปฺปาทานนฺติ ตณฺหุปฺปตฺตีนํ, จีวราทิเหตุ อุปฺปชฺชนกตณฺหานนฺติ อโตฺถฯ ปธานกรณกาเลติ ภาวนานุโยคกฺขเณฯ สีตาทีนิ น ขมตีติ ภาวนาย ปุพฺพภาคกาลํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ขมตีติ สหติ อภิภวติฯ วิตกฺกสมนนฺติ นิทสฺสนมตฺตํฯ สเพฺพสมฺปิ กิเลสานํ สมนวเสน ปวตฺตา ปฎิปทาฯ

    Bhavati etena ārogyanti bhavo, gilānapaccayo. Parivuddho bhavo abhavo. Vuddhiattho hi ayaṃ akāro yathā ‘‘saṃvarāsaṃvaro, (pārā. paṭhamamahāsaṅgītikathā; dī. ni. aṭṭha. 1.paṭhamamahāsaṅgītikathāvaṇṇanā; dha. sa. aṭṭha. nidānakathā) phalāphalaṃ’’ti ca . Telamadhuphāṇitādīnīti ādi-saddena sappinavanītānaṃ gahaṇaṃ, telādīnaṃ gahaṇañcettha nidassanamattaṃ. Sabbassāpi gilānapaccayassa saṅgaho daṭṭhabbo. Atha vā bhavābhavoti khuddako ceva mahanto ca upapattibhavo veditabbo. Evañca sati ‘‘imesaṃ panā’’tiādivacanaṃ samatthitaṃ hoti. Bhavūpapattipahānattho hi visesato catutthaariyavaṃso. Taṇhuppādānanti taṇhuppattīnaṃ, cīvarādihetu uppajjanakataṇhānanti attho. Padhānakaraṇakāleti bhāvanānuyogakkhaṇe. Sītādīni na khamatīti bhāvanāya pubbabhāgakālaṃ sandhāya vuttaṃ. Khamatīti sahati abhibhavati. Vitakkasamananti nidassanamattaṃ. Sabbesampi kilesānaṃ samanavasena pavattā paṭipadā.

    สมาธิฌานาทิเภโท ธโมฺม ปชฺชติ ปฎิปชฺชียติ เอเตนาติ ธมฺมปทํฯ อนภิชฺฌาว ธมฺมปทํ อนภิชฺฌาธมฺมปทํฯ อยํ ตาว อโลภปเกฺข นโย, อิตรปเกฺข ปน อนภิชฺฌาปธาโน ธมฺมโกฎฺฐาโส อนภิชฺฌาธมฺมปทํฯ อโกโปติ อโทโส, เมตฺตาติ อโตฺถฯ สุปฺปฎฺฐิตสตีติ กายาทีสุ สมฺมเทว อุปฎฺฐิตา สติฯ สติสีเสนาติ สติปธานมุเขนฯ สมาธิปธานตฺตา ฌานานํ ‘‘สมาปตฺติ วา’’ติ วุตฺตํฯ กามํ สวิญฺญาณกอสุเภปิ ฌานภาวนา อโลภปฺปธานา โหติ กายสฺส ชิคุจฺฉเนน, ปฎิกฺกูลาการคฺคหณวเสน จ ปวตฺตนโต, สตฺตวิธอุคฺคหโกสลฺลาทิวเสน ปนสฺสา ปวตฺติ สติปธานาติ ตติยธมฺมปเทเนว นํ สงฺคณฺหิตุกาโม ‘‘ทส อสุภวเสน วา’’ติ อาหฯ หิตูปสํหาราทิวเสน ปวตฺตนโต พฺรหฺมวิหารภาวนา พฺยาปาทวิโรธินี อพฺยาปาทปฺปธานาติ อาห ‘‘จตุพฺรหฺม…เป.… ธมฺมปท’’นฺติฯ ตตฺถ อธิคตานิ ฌานาทีนีติ โยชนาฯ คมนาทิโต อาหารสฺส ปฎิกฺกูลภาวสลฺลกฺขณํ สญฺญาย ถิรภาเวเนว โหติ ตสฺสา ถิรสญฺญาปทฎฺฐานตฺตาติ อาหาเร ปฎิกฺกูลสญฺญาปิ ตติยธมฺมปเท เอว สงฺคหํ คตาฯ อารุปฺปสมาธิอภิญฺญานํ อธิฎฺฐานภาวโต กสิณภาวนา, สตฺตวิธโพชฺฌงฺควิชฺชาวิมุตฺติปาริปูริเหตุโต อานาปาเนสุ ปฐมอานาปานภาวนา วิเสสโต สมาธิปธานาติ สา จตุตฺถธมฺมปเทน สงฺคหิตาฯ จตุธาตุววตฺถานวเสน อธิคตานิปิ เอเตฺถว สงฺคเหตพฺพานิ สิยุํ, ปญฺญาปธานตาย ปน น สงฺคหิตานิฯ

    Samādhijhānādibhedo dhammo pajjati paṭipajjīyati etenāti dhammapadaṃ. Anabhijjhāva dhammapadaṃ anabhijjhādhammapadaṃ. Ayaṃ tāva alobhapakkhe nayo, itarapakkhe pana anabhijjhāpadhāno dhammakoṭṭhāso anabhijjhādhammapadaṃ. Akopoti adoso, mettāti attho. Suppaṭṭhitasatīti kāyādīsu sammadeva upaṭṭhitā sati. Satisīsenāti satipadhānamukhena. Samādhipadhānattā jhānānaṃ ‘‘samāpatti vā’’ti vuttaṃ. Kāmaṃ saviññāṇakaasubhepi jhānabhāvanā alobhappadhānā hoti kāyassa jigucchanena, paṭikkūlākāraggahaṇavasena ca pavattanato, sattavidhauggahakosallādivasena panassā pavatti satipadhānāti tatiyadhammapadeneva naṃ saṅgaṇhitukāmo ‘‘dasa asubhavasena vā’’ti āha. Hitūpasaṃhārādivasena pavattanato brahmavihārabhāvanā byāpādavirodhinī abyāpādappadhānāti āha ‘‘catubrahma…pe… dhammapada’’nti. Tattha adhigatāni jhānādīnīti yojanā. Gamanādito āhārassa paṭikkūlabhāvasallakkhaṇaṃ saññāya thirabhāveneva hoti tassā thirasaññāpadaṭṭhānattāti āhāre paṭikkūlasaññāpi tatiyadhammapade eva saṅgahaṃ gatā. Āruppasamādhiabhiññānaṃ adhiṭṭhānabhāvato kasiṇabhāvanā, sattavidhabojjhaṅgavijjāvimuttipāripūrihetuto ānāpānesu paṭhamaānāpānabhāvanā visesato samādhipadhānāti sā catutthadhammapadena saṅgahitā. Catudhātuvavatthānavasena adhigatānipi ettheva saṅgahetabbāni siyuṃ, paññāpadhānatāya pana na saṅgahitāni.

    ธมฺมสมาทาเนสุ ปฐมํ อเจลกปฎิปทา เอตรหิ จ ทุกฺขภาวโต, อนาคเตปิ อปายทุกฺขวฎฺฎทุกฺขาวหโตฯ อเจลกปฎิปทาติ จ นิทสฺสนมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํ ฉนฺนปริพฺพาชกานมฺปิ อุภยทุกฺขาวหปฎิปตฺติทสฺสนโตฯ ทุติยํ…เป.… พฺรหฺมจริยจรณํ เอตรหิ สติปิ ทุเกฺข อายติํ สุขาวหตฺตาฯ กาเมสุ ปาตพฺยตา ยถากามํ กามปริโภโคฯ อลภมานสฺสาปีติ ปิ-สเทฺทน โก ปน วาโท ลภมานสฺสาติ ทเสฺสติฯ

    Dhammasamādānesu paṭhamaṃ acelakapaṭipadā etarahi ca dukkhabhāvato, anāgatepi apāyadukkhavaṭṭadukkhāvahato. Acelakapaṭipadāti ca nidassanamattaṃ daṭṭhabbaṃ channaparibbājakānampi ubhayadukkhāvahapaṭipattidassanato. Dutiyaṃ…pe… brahmacariyacaraṇaṃ etarahi satipi dukkhe āyatiṃ sukhāvahattā. Kāmesu pātabyatā yathākāmaṃ kāmaparibhogo. Alabhamānassāpīti pi-saddena ko pana vādo labhamānassāti dasseti.

    ทุสฺสีลฺยาทิปาปธมฺมานํ ขมฺภนํ ปฎิพนฺธนํ ขนฺธโฎฺฐ, โส ปน สีลาทิ เอวาติ อาห ‘‘คุณโฎฺฐ ขนฺธโฎฺฐ’’ติฯ คุณวิสยตาย ขนฺธ-สทฺทสฺส คุณตฺถตา เวทิตพฺพาฯ วิมุตฺติกฺขโนฺธติ ปฎิปกฺขโต สุฎฺฐุ วิมุตฺตา คุณธมฺมา อธิเปฺปตา, น อวิมุตฺตา, นาปิ วิมุจฺจมานาติ เตหิ สห เทสนํ อารุฬฺหา สีลกฺขนฺธาทโยปิ ตโยติ อาห ‘‘ผลสีลํ อธิเปฺปตํ, จตูสุปิ ฐาเนสุ ผลเมว วุตฺต’’นฺติ จฯ เอเตเนว เจตฺถ วิมุตฺติกฺขโนฺธติ ผลปริยาปนฺนา สมฺมาสงฺกปฺปวายามสติโย อธิเปฺปตาติ เวทิตพฺพํฯ

    Dussīlyādipāpadhammānaṃ khambhanaṃ paṭibandhanaṃ khandhaṭṭho, so pana sīlādi evāti āha ‘‘guṇaṭṭho khandhaṭṭho’’ti. Guṇavisayatāya khandha-saddassa guṇatthatā veditabbā. Vimuttikkhandhoti paṭipakkhato suṭṭhu vimuttā guṇadhammā adhippetā, na avimuttā, nāpi vimuccamānāti tehi saha desanaṃ āruḷhā sīlakkhandhādayopi tayoti āha ‘‘phalasīlaṃ adhippetaṃ, catūsupi ṭhānesu phalameva vutta’’nti ca. Eteneva cettha vimuttikkhandhoti phalapariyāpannā sammāsaṅkappavāyāmasatiyo adhippetāti veditabbaṃ.

    อุปตฺถมฺภนเฎฺฐน สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ตตฺถ ถิรภาเวน ปวตฺตนโต, เอเตเนว อหิริกอโนตฺตปฺปานมฺปิ สวิสเย พลโฎฺฐ สิโทฺธ เวทิตโพฺพฯ น หิ เตสํ ปฎิปเกฺขหิ อกมฺปิยโฎฺฐ เอกนฺติโกฯ หิโรตฺตปฺปานญฺหิ อกมฺปิยโฎฺฐ สาติสโย กุสลธมฺมานํ มหาพลภาวโต, อกุสลานญฺจ ทุพฺพลภาวโตฯ เตนาห ภควา ‘‘อพลา นํ พลียนฺติ, มทฺทเนฺต นํ ปริสฺสยา’’ติ (สุ. นิ. ๗๗๖; มหานิ. ๕; เนตฺติ. ปฎินิเทฺทสวาเร ๕) โพธิปกฺขิยธมฺมวเสนายํ เทสนาติ ‘‘สมถวิปสฺสนามคฺควเสนา’’ติ วุตฺตํฯ

    Upatthambhanaṭṭhena sampayuttadhammānaṃ tattha thirabhāvena pavattanato, eteneva ahirikaanottappānampi savisaye balaṭṭho siddho veditabbo. Na hi tesaṃ paṭipakkhehi akampiyaṭṭho ekantiko. Hirottappānañhi akampiyaṭṭho sātisayo kusaladhammānaṃ mahābalabhāvato, akusalānañca dubbalabhāvato. Tenāha bhagavā ‘‘abalā naṃ balīyanti, maddante naṃ parissayā’’ti (su. ni. 776; mahāni. 5; netti. paṭiniddesavāre 5) bodhipakkhiyadhammavasenāyaṃ desanāti ‘‘samathavipassanāmaggavasenā’’ti vuttaṃ.

    อธีติ อุปสคฺคมตฺตํ, น ‘‘อธิจิตฺต’’นฺติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๘๕) วิย อธิการาทิอตฺถํฯ กรณาธิกรณภาวสาธนวเสน อธิฎฺฐาน-สทฺทสฺส อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เตน วา’’ติอาทิมาหฯ เตน อธิฎฺฐาเนน ติฎฺฐนฺติ อตฺตโน สมฺมาปฎิปตฺติยํ คุณาธิกา ปุริสา, เต เอว ตตฺถ อธิฎฺฐาเน ติฎฺฐนฺติ สมฺมาปตฺติยา, ฐานเมว อธิฎฺฐานเมว สมฺมาปฎิปตฺติยนฺติ โยชนาฯ ปฐเมน อธิฎฺฐาเนนฯ อคฺคผลปญฺญาติ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทโสยํฯ กิเลสูปสโมติ กิเลสานํ อจฺจนฺตวูปสโม ฯ ปฐเมน นเยน อธิฎฺฐานานิ เอกเทสโตว คหิตานิ, น นิปฺปเทสโตติ นิปฺปเทสโตว ตานิ ทเสฺสตุํ ‘‘ปฐเมน จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘อาทิํ กตฺวา’’ติ เอเตน ฌานาภิญฺญาปญฺญเญฺจว มคฺคปญฺญญฺจ สงฺคณฺหาติฯ วจีสจฺจํ อาทิํ กตฺวาติ อาทิ-สเทฺทน วิรติสจฺจํ สงฺคณฺหาติฯ ตติเยน อาทิ-สเทฺทน กิเลสานํ วีติกฺกมปริจฺจาคํ, ปริยุฎฺฐานปริจฺจาคํ, เหฎฺฐิมมเคฺคหิ อนุสยปริจฺจาคญฺจ สงฺคณฺหาติฯ ‘‘วิกฺขมฺภิเต กิเลเส’’ติ เอเตน สมาปตฺตีหิ กิเลสานํ วิกฺขมฺภนวเสน วูปสมํ วตฺวา อาทิ-สเทฺทน เหฎฺฐิมมเคฺคหิ กาตพฺพํ เตสํ สมุเจฺฉทวเสน วูปสมํ สงฺคณฺหาติฯ อรหตฺตผลปญฺญา กถิตา อุกฺกฎฺฐนิเทฺทสโตว, อญฺญถา วจีสจฺจาทีนมฺปิ คหณํ สิยาฯ นิพฺพานญฺจ อสโมฺมสธมฺมตาย อุตฺตมเฎฺฐน สจฺจํ, สพฺพสํกิเลสปริจฺจาคนิมิตฺตตาย จาโค, สพฺพสงฺขารูปสมภาวโต อุปสโมติ จ วิเสสโต วตฺตพฺพตํ อรหตีติ เถรสฺส อธิปฺปาโยฯ ปกฎฺฐชานนผลตาย ปญฺญา, อนวเสสโต กิเลสานญฺจชเนฺต จ วูปสเนฺต จ อุปฺปนฺนตฺตา จาโค, อุปสโมติ จ วิเสสโต อคฺคผลญาณํ วุจฺจตีติ เถโร อาห ‘‘เสเสหิ อรหตฺตผลปญฺญา กถิตา’’ติฯ

    Adhīti upasaggamattaṃ, na ‘‘adhicitta’’ntiādīsu (dha. pa. 185) viya adhikārādiatthaṃ. Karaṇādhikaraṇabhāvasādhanavasena adhiṭṭhāna-saddassa atthaṃ dassento ‘‘tenavā’’tiādimāha. Tena adhiṭṭhānena tiṭṭhanti attano sammāpaṭipattiyaṃ guṇādhikā purisā, te eva tattha adhiṭṭhāne tiṭṭhanti sammāpattiyā, ṭhānameva adhiṭṭhānameva sammāpaṭipattiyanti yojanā. Paṭhamena adhiṭṭhānena. Aggaphalapaññāti ukkaṭṭhaniddesoyaṃ. Kilesūpasamoti kilesānaṃ accantavūpasamo . Paṭhamena nayena adhiṭṭhānāni ekadesatova gahitāni, na nippadesatoti nippadesatova tāni dassetuṃ ‘‘paṭhamena cā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Ādiṃ katvā’’ti etena jhānābhiññāpaññañceva maggapaññañca saṅgaṇhāti. Vacīsaccaṃ ādiṃ katvāti ādi-saddena viratisaccaṃ saṅgaṇhāti. Tatiyena ādi-saddena kilesānaṃ vītikkamapariccāgaṃ, pariyuṭṭhānapariccāgaṃ, heṭṭhimamaggehi anusayapariccāgañca saṅgaṇhāti. ‘‘Vikkhambhite kilese’’ti etena samāpattīhi kilesānaṃ vikkhambhanavasena vūpasamaṃ vatvā ādi-saddena heṭṭhimamaggehi kātabbaṃ tesaṃ samucchedavasena vūpasamaṃ saṅgaṇhāti. Arahattaphalapaññā kathitā ukkaṭṭhaniddesatova, aññathā vacīsaccādīnampi gahaṇaṃ siyā. Nibbānañca asammosadhammatāya uttamaṭṭhena saccaṃ, sabbasaṃkilesapariccāganimittatāya cāgo, sabbasaṅkhārūpasamabhāvato upasamoti ca visesato vattabbataṃ arahatīti therassa adhippāyo. Pakaṭṭhajānanaphalatāya paññā, anavasesato kilesānañcajante ca vūpasante ca uppannattā cāgo, upasamoti ca visesato aggaphalañāṇaṃ vuccatīti thero āha ‘‘sesehi arahattaphalapaññā kathitā’’ti.

    ปญฺหพฺยากรณาทิจตุกฺกวณฺณนา

    Pañhabyākaraṇādicatukkavaṇṇanā

    ๓๑๒. กาฬกนฺติ มลีนํ, จิตฺตสฺส อปภสฺสรภาวกรณนฺติ อโตฺถฯ ตํ ปเนตฺถ กมฺมปถปฺปตฺตเมว อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘ทสอกุสลกมฺมปถกมฺม’’นฺติฯ กณฺหาภิชาติเหตุโต วา กณฺหํฯ เตนาห ‘‘กณฺหวิปาก’’นฺติฯ อปายูปตฺติ, มนุเสฺสสุ จ โทภคฺคิยํ กณฺหวิปาโกฯ อยํ ตสฺส ตมภาโว วุโตฺตฯ นิพฺพตฺตนโตติ นิพฺพตฺตาปนโตฯ ปณฺฑรนฺติ โอทาตํ, จิตฺตสฺส ปภสฺสรภาวกรณนฺติ อโตฺถฯ สุกฺกาภิชาติเหตุโต วา สุกฺกํฯ เตนาห ‘‘สุกฺกวิปาก’’นฺติฯ สคฺคูปปตฺติ, มนุเสฺสสุ โสภคฺคิยญฺจ สุกฺกวิปาโกฯ อยํ ตสฺส โชติภาโว วุโตฺตฯ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสน ปน ‘‘สเคฺค นิพฺพตฺตนโต’’ติ วุตฺตํ, นิพฺพตฺตาปนโตติ อโตฺถฯ มิสฺสกกมฺมนฺติ กาเลน กณฺหํ, กาเลน สุกฺกนฺติ เอวํ มิสฺสกวเสน กตกมฺมํฯ ‘‘สุขทุกฺขวิปาก’’นฺติ วตฺวา ตตฺถ สุขทุกฺขานํ ปวตฺติอาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘มิสฺสกกมฺมญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ กมฺมสฺส กณฺหสุกฺกสมญฺญา กณฺหสุกฺกาภิชาติเหตุตายาติ อปจยคามิตาย ตทุภยวิทฺธํสกสฺส กมฺมกฺขยกรกมฺมสฺส อิธ สุกฺกปริยาโยปิ น อิจฺฉิโตติ อาห ‘‘อุภย…เป.… อยเมตฺถ อโตฺถ’’ติฯ ตตฺถ อุภยวิปากสฺสาติ ยถาธิคตสฺส อุภยวิปากสฺสฯ สมฺปตฺติภวปริยาปโนฺน หิ วิปาโก อิธ ‘‘สุกฺกวิปาโก’’ติ อธิเปฺปโต, น อจฺจนฺตปริสุโทฺธ อริยผลวิปาโกฯ

    312.Kāḷakanti malīnaṃ, cittassa apabhassarabhāvakaraṇanti attho. Taṃ panettha kammapathappattameva adhippetanti āha ‘‘dasaakusalakammapathakamma’’nti. Kaṇhābhijātihetuto vā kaṇhaṃ. Tenāha ‘‘kaṇhavipāka’’nti. Apāyūpatti, manussesu ca dobhaggiyaṃ kaṇhavipāko. Ayaṃ tassa tamabhāvo vutto. Nibbattanatoti nibbattāpanato. Paṇḍaranti odātaṃ, cittassa pabhassarabhāvakaraṇanti attho. Sukkābhijātihetuto vā sukkaṃ. Tenāha ‘‘sukkavipāka’’nti. Saggūpapatti, manussesu sobhaggiyañca sukkavipāko. Ayaṃ tassa jotibhāvo vutto. Ukkaṭṭhaniddesena pana ‘‘sagge nibbattanato’’ti vuttaṃ, nibbattāpanatoti attho. Missakakammanti kālena kaṇhaṃ, kālena sukkanti evaṃ missakavasena katakammaṃ. ‘‘Sukhadukkhavipāka’’nti vatvā tattha sukhadukkhānaṃ pavattiākāraṃ dassetuṃ ‘‘missakakammañhī’’tiādi vuttaṃ. Kammassa kaṇhasukkasamaññā kaṇhasukkābhijātihetutāyāti apacayagāmitāya tadubhayaviddhaṃsakassa kammakkhayakarakammassa idha sukkapariyāyopi na icchitoti āha ‘‘ubhaya…pe… ayamettha attho’’ti. Tattha ubhayavipākassāti yathādhigatassa ubhayavipākassa. Sampattibhavapariyāpanno hi vipāko idha ‘‘sukkavipāko’’ti adhippeto, na accantaparisuddho ariyaphalavipāko.

    ปุเพฺพนิวาโส สตฺตานํ จุตูปปาโต จ ปจฺจกฺขกรเณน สจฺฉิกาตพฺพา; อิตเร ปฎิลาเภน อสโมฺมหปฎิเวธวเสน ปจฺจกฺขกรเณนสจฺฉิกาตพฺพาฯ นนุ จ ปจฺจเวกฺขณาเปตฺถ ปจฺจกฺขโต ปวตฺตตีติ? สจฺจํ ปจฺจกฺขโต ปวตฺตติ สรูปทสฺสนโต, น ปน ปจฺจกฺขกรณวเสน ปวตฺตติ ปจฺจกฺขการีนํ ปิฎฺฐิวตฺตนโตฯ เตนาห ‘‘กาเยนา’’ติอาทิฯ

    Pubbenivāso sattānaṃ cutūpapāto ca paccakkhakaraṇena sacchikātabbā; itare paṭilābhena asammohapaṭivedhavasena paccakkhakaraṇena ca sacchikātabbā. Nanu ca paccavekkhaṇāpettha paccakkhato pavattatīti? Saccaṃ paccakkhato pavattati sarūpadassanato, na pana paccakkhakaraṇavasena pavattati paccakkhakārīnaṃ piṭṭhivattanato. Tenāha ‘‘kāyenā’’tiādi.

    โอหนนฺตีติ เหฎฺฐา กตฺวา หนนฺติ คเมนฺติฯ ตถาภูตา จ อโธ สีเทนฺติ นามาติ อาห ‘‘โอสีทาเปนฺตี’’ติฯ กามนเฎฺฐน กาโม จ โส ยถาวุเตฺตนเตฺถน โอโฆ จาติ, กาเมสุ โอโฆติ วา กาโมโฆฯ ภโวโฆ นาม ภวราโคติ ทเสฺสตุํ ‘‘รูปารูปภเวสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปฐโม อุปปตฺติภเวสุ ราโค, ทุติโย กมฺมภเวสุ, ตติโย ภวทิฎฺฐิสหคโตฯ ยถา รญฺชนเฎฺฐน ราโค, เอวํ โอหนเฎฺฐน ‘‘โอโฆ’’ติ วุโตฺตฯ

    Ohanantīti heṭṭhā katvā hananti gamenti. Tathābhūtā ca adho sīdenti nāmāti āha ‘‘osīdāpentī’’ti. Kāmanaṭṭhena kāmo ca so yathāvuttenatthena ogho cāti, kāmesu oghoti vā kāmogho. Bhavogho nāma bhavarāgoti dassetuṃ ‘‘rūpārūpabhavesū’’tiādi vuttaṃ. Tattha paṭhamo upapattibhavesu rāgo, dutiyo kammabhavesu, tatiyo bhavadiṭṭhisahagato. Yathā rañjanaṭṭhena rāgo, evaṃ ohanaṭṭhena ‘‘ogho’’ti vutto.

    โยเชนฺตีติ กมฺมํ วิปาเกน, ภวาทิํ ภวนฺตราทีหิ ทุเกฺข สเตฺต โยเชนฺติ ฆเฎฺฎนฺตีติ โยคาฯ โอฆา วิย เวทิตพฺพา อตฺถโต กามโยคาทิภาวโตฯ

    Yojentīti kammaṃ vipākena, bhavādiṃ bhavantarādīhi dukkhe satte yojenti ghaṭṭentīti yogā. Oghā viya veditabbā atthato kāmayogādibhāvato.

    วิสํโยเชนฺตีติ ปฎิปนฺนํ ปุคฺคลํ กามโยคาทิโต วิโยเชนฺติฯ สํกิเลสกรณํ โยชนํ โยโค, คนฺถิกรณํ (คนฺถกรณํ ธ. ส. มูลฎี. ๒๐-๒๕), สงฺขลิกจกฺกลิกานํ วิย ปฎิพทฺธตากรณํ วา คนฺถนํ คโนฺถ, อยํ เอเตสํ วิเสโสฯ ปลิพุนฺธตีติ นิสฺสริตุํ อปฺปทานวเสน น มุเญฺจติ วิพนฺธติฯ อิทเมวาติ อตฺตโน ยถาอุปฎฺฐิตํ สสฺสตวาทาทิกํ วทติฯ สจฺจนฺติ ภูตํฯ

    Visaṃyojentīti paṭipannaṃ puggalaṃ kāmayogādito viyojenti. Saṃkilesakaraṇaṃ yojanaṃ yogo, ganthikaraṇaṃ (ganthakaraṇaṃ dha. sa. mūlaṭī. 20-25), saṅkhalikacakkalikānaṃ viya paṭibaddhatākaraṇaṃ vā ganthanaṃ gantho, ayaṃ etesaṃ viseso. Palibundhatīti nissarituṃ appadānavasena na muñceti vibandhati. Idamevāti attano yathāupaṭṭhitaṃ sassatavādādikaṃ vadati. Saccanti bhūtaṃ.

    ภุสํ , ทฬฺหญฺจ อารมฺมณํ อาทียติ เอเตหีติ อุปาทานานิฯ ยํ ปน เตสํ ตถาคหณํ, ตมฺปิ อตฺถโต อาทานเมวาติ อาห ‘‘อุปาทานานีติ อาทานคฺคหณานี’’ติฯ คหณเฎฺฐนาติ กามนวเสน ทฬฺหํ คหณเฎฺฐนฯ ปุน คหณเฎฺฐนาติ มิจฺฉาภินิวิสนวเสน ทฬฺหํ คหณเฎฺฐนฯ อิมินาติ อิมินา สีลวตาทินาฯ สุทฺธีติ สํสารสุทฺธิฯ เอเตนาติ เอเตน ทิฎฺฐิคาเหนฯ ‘‘อตฺตา’’ติ ปญฺญาเปโนฺต วทติ เจว อภินิเวสนวเสน อุปาทิยติ จฯ

    Bhusaṃ , daḷhañca ārammaṇaṃ ādīyati etehīti upādānāni. Yaṃ pana tesaṃ tathāgahaṇaṃ, tampi atthato ādānamevāti āha ‘‘upādānānīti ādānaggahaṇānī’’ti. Gahaṇaṭṭhenāti kāmanavasena daḷhaṃ gahaṇaṭṭhena. Puna gahaṇaṭṭhenāti micchābhinivisanavasena daḷhaṃ gahaṇaṭṭhena. Imināti iminā sīlavatādinā. Suddhīti saṃsārasuddhi. Etenāti etena diṭṭhigāhena. ‘‘Attā’’ti paññāpento vadati ceva abhinivesanavasena upādiyati ca.

    ยวนฺติ ตาหิ สตฺตา อมิสฺสิตาปิ สมานชาติตาย มิสฺสิตา วิย โหนฺตีติ โยนิโย, ตา ปน อตฺถโต อณฺฑาทิอุปฺปตฺติฎฺฐานวิสิฎฺฐา ขนฺธานํ ภาคโส ปวตฺติวิเสสาติ อาห ‘‘โยนิโยติ โกฎฺฐาสา’’ติฯ สยนสฺมินฺติ ปุปฺผสนฺถราทิสยนสฺมิํฯ ตตฺถ วา เต สยิตา ชายนฺตีติ สยนคฺคหณํฯ ตยิทํ มนุสฺสานํ, ภุมฺมเทวานญฺจ วเสน คเหตพฺพํฯ ปูติมจฺฉาทีสุ กิมโย นิพฺพตฺตนฺติฯ อุปปติตา วิยาติ อุปปชฺชวเสน ปติตา วิยฯ พาหิรปจฺจยนิรเปกฺขตาย วา อุปปตเน สาธุการิโน โอปปาติโน, เต เอว อิธ ‘‘โอปปาติกา’’ติ วุตฺตาฯ เทวมนุเสฺสสูติ เอตฺถ เย เทเว สนฺธาย เทวคฺคหณํ, เต ทเสฺสโนฺต ‘‘ภุมฺมเทเวสู’’ติ อาหฯ

    Yavanti tāhi sattā amissitāpi samānajātitāya missitā viya hontīti yoniyo, tā pana atthato aṇḍādiuppattiṭṭhānavisiṭṭhā khandhānaṃ bhāgaso pavattivisesāti āha ‘‘yoniyoti koṭṭhāsā’’ti. Sayanasminti pupphasantharādisayanasmiṃ. Tattha vā te sayitā jāyantīti sayanaggahaṇaṃ. Tayidaṃ manussānaṃ, bhummadevānañca vasena gahetabbaṃ. Pūtimacchādīsu kimayo nibbattanti. Upapatitā viyāti upapajjavasena patitā viya. Bāhirapaccayanirapekkhatāya vā upapatane sādhukārino opapātino, te eva idha ‘‘opapātikā’’ti vuttā. Devamanussesūti ettha ye deve sandhāya devaggahaṇaṃ, te dassento ‘‘bhummadevesū’’ti āha.

    อตฺตโน สติสโมฺมเสน อาหารปฺปโยเคน มรณโต ‘‘ปฐโม ขิฑฺฑาปโทสิกวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ อตฺตโน ปรสฺส จ มโนปโทสวเสน มรณโต ‘‘ตติโย มโนปโทสิกวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ เนว อตฺตสเญฺจตนาย มรนฺติ, น ปรสเญฺจตนาย เกวลํ ปุญฺญกฺขเยเนว มรณโต, ตสฺมา จตุโตฺถ…เป.… เวทิตโพฺพฯ

    Attano satisammosena āhārappayogena maraṇato ‘‘paṭhamo khiḍḍāpadosikavasenā’’ti vuttaṃ. Attano parassa ca manopadosavasena maraṇato ‘‘tatiyo manopadosikavasenā’’ti vuttaṃ. Neva attasañcetanāya maranti, na parasañcetanāya kevalaṃ puññakkhayeneva maraṇato, tasmā catuttho…pe… veditabbo.

    ทกฺขิณาวิสุทฺธาทิจตุกฺกวณฺณนา

    Dakkhiṇāvisuddhādicatukkavaṇṇanā

    ๓๑๓. ทานสงฺขาตา ทกฺขิณา, น เทยฺยธมฺมสงฺขาตาฯ วิสุชฺฌนา มหาชุติกตา, สา ปน มหาผลตาย เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘มหปฺผลา โหนฺตี’’ติฯ

    313. Dānasaṅkhātā dakkhiṇā, na deyyadhammasaṅkhātā. Visujjhanā mahājutikatā, sā pana mahāphalatāya veditabbāti āha ‘‘mahapphalā hontī’’ti.

    อนริยานนฺติ อสาธูนํฯ เต ปน นิหีนาจารา โหนฺตีติ อาห ‘‘ลามกาน’’นฺติฯ โวหาราติ สโพฺพหารา อภิลาปา วา, อตฺถโต ตถาปวตฺตา เจตนาฯ เตนาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิฯ

    Anariyānanti asādhūnaṃ. Te pana nihīnācārā hontīti āha ‘‘lāmakāna’’nti. Vohārāti sabbohārā abhilāpā vā, atthato tathāpavattā cetanā. Tenāha ‘‘ettha cā’’tiādi.

    อตฺตนฺตปาทิจตุกฺกวณฺณนา

    Attantapādicatukkavaṇṇanā

    ๓๑๔. เตสุ อเจลโกติ นิทสฺสนมตฺตํ ฉนฺนปริพฺพาชกานมฺปิ อตฺตกิลมถํ อนุยุตฺตานํ ลพฺภนโตฯ

    314. Tesu acelakoti nidassanamattaṃ channaparibbājakānampi attakilamathaṃ anuyuttānaṃ labbhanato.

    น สีลาทิสมฺปโนฺนติ สีลาทีหิ คุเณหิ อปริปุโณฺณฯ

    Na sīlādisampannoti sīlādīhi guṇehi aparipuṇṇo.

    ตโมติ อปฺปกาสภาเวน ตโมภูโตฯ เตนาห ‘‘อนฺธการภูโต’’ติ, อนฺธการํ วิย ภูโต ชาโต อปฺปกาสภาเวน, อนฺธการตฺตํ วา ปโตฺตติ อโตฺถฯ ตมเมวาติ วุตฺตลกฺขณํ ตมเมวฯ ปรํ ปรโต อยนํ คติ นิฎฺฐาติ อโตฺถฯ ‘‘นีเจ…เป.… นิพฺพตฺติตฺวา’’ติ เอเตน ตสฺส ตมภาวํ ทเสฺสติ, ‘‘ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปริปูเรตี’’ติ เอเตน ตมปรายนภาวํ อปฺปกาสภาวาปตฺติโตฯ ตถาวิโธ หุตฺวาติ นีเจ…เป.… นิพฺพเตฺตตฺวาฯ ‘‘ตีณิ สุจริตานิ ปริปูเรตี’’ติ เอเตน ตสฺส โชติปรายนภาวํ ทเสฺสติ ปกาสภาวาปตฺติโตฯ อิตรทฺวเย วุตฺตนยานุสาเรน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Tamoti appakāsabhāvena tamobhūto. Tenāha ‘‘andhakārabhūto’’ti, andhakāraṃ viya bhūto jāto appakāsabhāvena, andhakārattaṃ vā pattoti attho. Tamamevāti vuttalakkhaṇaṃ tamameva. Paraṃ parato ayanaṃ gati niṭṭhāti attho. ‘‘Nīce…pe… nibbattitvā’’ti etena tassa tamabhāvaṃ dasseti, ‘‘tīṇi duccaritāni paripūretī’’ti etena tamaparāyanabhāvaṃ appakāsabhāvāpattito. Tathāvidho hutvāti nīce…pe… nibbattetvā. ‘‘Tīṇi sucaritāni paripūretī’’ti etena tassa jotiparāyanabhāvaṃ dasseti pakāsabhāvāpattito. Itaradvaye vuttanayānusārena attho veditabbo.

    ม-กาโร ปทสนฺธิมตฺตํ ‘‘อญฺญมญฺญ’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๖๐๕) วิยฯ จตูหิ วาเตหีติ จตูหิ ทิสาหิ อุฎฺฐิตวาเตหิฯ ปรปฺปวาเทหีติ ปเรสํ ทิฎฺฐิคติกานํ วาเทหิฯ ‘‘อกมฺปิโย’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณมาห ‘‘อจลสทฺธายา’’ติ, มเคฺคนาคตสทฺธายฯ ปตนุภูตตฺตาติ เอตฺถ ทฺวีหิ การเณหิ ปตนุภาโว เวทิตโพฺพ อธิจฺจุปฺปตฺติยา, ปริยุฎฺฐานมนฺทตาย จฯ สกทาคามิสฺส หิ วฎฺฎานุสาริมหาชนสฺส วิย กิเลสา อภิณฺหํ น อุปฺปชฺชนฺติ, กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติฯ อุปฺปชฺชมานา จ วฎฺฎานุสาริมหาชนสฺส วิย มทฺทนฺตา อภิภวนฺตา น อุปฺปชฺชนฺติ, ทฺวีหิ ปน มเคฺคหิ ปหีนตฺตา มนฺทา มนฺทา ตนุกาการา อุปฺปชฺชนฺติฯ อิติ กิเลสานํ ปตนุภาเวน คุณโสภาย คุณโสรเจฺจน สกทาคามี สมณปทุโม นามฯ ราคโทสานํ อภาวาติ คุณวิกาสวิพนฺธานํ สพฺพโส ราคโทสานํ อภาเวนฯ ขิปฺปเมว ปุปฺผิสฺสตีติ อคฺคมคฺควิกสเนน นจิรเสฺสว อนวเสสคุณโสภาปาริปูริยา ปุปฺผิสฺสติฯ ตสฺมา อนาคามี สมณปุณฺฑรีโก นามฯ ‘‘ปุณฺฑรีก’’นฺติ หิ รตฺตกมลํ วุจฺจติฯ ตํ กิร ลหุํ ปุปฺผิสฺสติฯ ‘ปทุม’นฺติ เสตกมลํ, ตํ จิเรน ปุปฺผิสฺสตี’’ติ วทนฺติฯ คนฺถการกิเลสานนฺติ จิตฺตสฺส พทฺธภาวกรานํ อุทฺธมฺภาคิยกิเลสานํ สพฺพโส อภาวา สมณสุขุมาโล นาม สมณภาเวน ปรมสุขุมาลภาวปฺปตฺติโตฯ

    Ma-kāro padasandhimattaṃ ‘‘aññamañña’’ntiādīsu (su. ni. 605) viya. Catūhi vātehīti catūhi disāhi uṭṭhitavātehi. Parappavādehīti paresaṃ diṭṭhigatikānaṃ vādehi. ‘‘Akampiyo’’ti vatvā tattha kāraṇamāha ‘‘acalasaddhāyā’’ti, maggenāgatasaddhāya. Patanubhūtattāti ettha dvīhi kāraṇehi patanubhāvo veditabbo adhiccuppattiyā, pariyuṭṭhānamandatāya ca. Sakadāgāmissa hi vaṭṭānusārimahājanassa viya kilesā abhiṇhaṃ na uppajjanti, kadāci karahaci uppajjanti. Uppajjamānā ca vaṭṭānusārimahājanassa viya maddantā abhibhavantā na uppajjanti, dvīhi pana maggehi pahīnattā mandā mandā tanukākārā uppajjanti. Iti kilesānaṃ patanubhāvena guṇasobhāya guṇasoraccena sakadāgāmī samaṇapadumo nāma. Rāgadosānaṃ abhāvāti guṇavikāsavibandhānaṃ sabbaso rāgadosānaṃ abhāvena. Khippameva pupphissatīti aggamaggavikasanena nacirasseva anavasesaguṇasobhāpāripūriyā pupphissati. Tasmā anāgāmī samaṇapuṇḍarīko nāma. ‘‘Puṇḍarīka’’nti hi rattakamalaṃ vuccati. Taṃ kira lahuṃ pupphissati. ‘Paduma’nti setakamalaṃ, taṃ cirena pupphissatī’’ti vadanti. Ganthakārakilesānanti cittassa baddhabhāvakarānaṃ uddhambhāgiyakilesānaṃ sabbaso abhāvā samaṇasukhumālonāma samaṇabhāvena paramasukhumālabhāvappattito.

    จตุกฺกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Catukkavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิตา จ ปฐมภาณวารวณฺณนาฯ

    Niṭṭhitā ca paṭhamabhāṇavāravaṇṇanā.

    ปญฺจกวณฺณนา

    Pañcakavaṇṇanā

    ๓๑๕. สเจฺจสุ วิย อริยสจฺจานิ ขเนฺธสุ อุปาทานกฺขนฺธา อโนฺตคธาติ ขเนฺธสุ โลกิยโลกุตฺตรวเสน วิภาคํ ทเสฺสตฺวา อิตเรสุ ตทภาวโต ‘‘อุปาทานกฺขนฺธา โลกิยา วา’’ติ อาหฯ

    315. Saccesu viya ariyasaccāni khandhesu upādānakkhandhā antogadhāti khandhesu lokiyalokuttaravasena vibhāgaṃ dassetvā itaresu tadabhāvato ‘‘upādānakkhandhā lokiyā vā’’ti āha.

    คนฺตพฺพาติ อุปปชฺชิตพฺพาฯ ยถา หิ กมฺมภโว ปรมตฺถโต อสติปิ การเก ปจฺจยสามคฺคิยา สิโทฺธ ‘‘ตํสมงฺคินา สนฺตานลกฺขเณน สเตฺตน กโต’’ติ โวหรียติ, เอวํ อุปปตฺติภวลกฺขณา คติโย ปรมตฺถโต อสติปิ คมเก ตํตํกมฺมวเสน เยหิ ตานิ กมฺมานิ ‘‘กตานี’’ติ วุจฺจนฺติ, เตหิ ‘‘คนฺตพฺพา’’ติ โวหรียนฺติฯ ยสฺส อุปฺปชฺชติ, ตํ พฺรูหโนฺต เอว อุปฺปชฺชตีติ อโย, สุขํฯ นตฺถิ เอตฺถ อโยติ นิรโยฯ ตโต เอว อสฺสาเทตพฺพเมตฺถ นตฺถีติ ‘‘นิรสฺสาโท’’ติ อาหฯ อวีจิอาทิโอกาเสปิ นิรยสโทฺท นิรุโฬฺหติ อาห ‘‘สโหกาเสน ขนฺธา กถิตา’’ติฯ สูริยวิมานาทิ โอกาสวิเสเสปิ โลเก เทว-สโทฺท นิรุโฬฺหติ อาห ‘‘จตุเตฺถ โอกาโสปี’’ติฯ

    Gantabbāti upapajjitabbā. Yathā hi kammabhavo paramatthato asatipi kārake paccayasāmaggiyā siddho ‘‘taṃsamaṅginā santānalakkhaṇena sattena kato’’ti voharīyati, evaṃ upapattibhavalakkhaṇā gatiyo paramatthato asatipi gamake taṃtaṃkammavasena yehi tāni kammāni ‘‘katānī’’ti vuccanti, tehi ‘‘gantabbā’’ti voharīyanti. Yassa uppajjati, taṃ brūhanto eva uppajjatīti ayo, sukhaṃ. Natthi ettha ayoti nirayo. Tato eva assādetabbamettha natthīti ‘‘nirassādo’’ti āha. Avīciādiokāsepi nirayasaddo niruḷhoti āha ‘‘sahokāsena khandhā kathitā’’ti. Sūriyavimānādi okāsavisesepi loke deva-saddo niruḷhoti āha ‘‘catutthe okāsopī’’ti.

    อาวาเสติ วิสเย ภุมฺมํฯ เปโต วา อชคโร วา หุตฺวา นิพฺพตฺตติ ลคฺคจิตฺตตาย, หีนชฺฌาสยตาย จฯ เตหิ เตหิ การเณหิ อาทีนวํ ทเสฺสตฺวา ยถา อเญฺญ น ลภนฺติ, เอวํ กโรติ อตฺตโน วิสมนิสฺสิตตาย, พลวนิสฺสิตตาย จฯ วณฺณมจฺฉริเยน อตฺตโน เอว วณฺณํ วเณฺณติ, ปเรสํ วโณฺณ ‘‘กิํ วโณฺณ เอโส’’ติ ตํ ตํ โทสํ วทติฯ ปฎิเวธธโมฺม อริยานํเยว โหติ, เต จ ตํ น มจฺฉรายนฺติ มจฺฉริยสฺส สพฺพโส ปหีนตฺตาติ ตสฺส อสมฺภโว เอวาติ อาห ‘‘ปริยตฺติธเมฺม’’ติอาทิฯ ‘‘อยํ อิมํ ธมฺมํ อุคฺคเหตฺวา อญฺญถา อตฺถํ วิปริวเตฺตตฺวา นเสฺสสฺสตี’’ติ ธมฺมานุคฺคเหน น เทติฯ ‘‘อยํ อิมํ ธมฺมํ อุคฺคเหตฺวา อุทฺธโต อุนฺนโฬ อวูปสนฺตจิโตฺต อปุญฺญํ ปสวิสฺสตี’’ติ ปุคฺคลานุคฺคเหน น เทติฯ น ตํ อทานํ มจฺฉริยํ มจฺฉริยลกฺขณเสฺสว อภาวโตฯ

    Āvāseti visaye bhummaṃ. Peto vā ajagaro vā hutvā nibbattati laggacittatāya, hīnajjhāsayatāya ca. Tehi tehi kāraṇehi ādīnavaṃ dassetvā yathā aññe na labhanti, evaṃ karoti attano visamanissitatāya, balavanissitatāya ca. Vaṇṇamacchariyena attano eva vaṇṇaṃ vaṇṇeti, paresaṃ vaṇṇo ‘‘kiṃ vaṇṇo eso’’ti taṃ taṃ dosaṃ vadati. Paṭivedhadhammo ariyānaṃyeva hoti, te ca taṃ na maccharāyanti macchariyassa sabbaso pahīnattāti tassa asambhavo evāti āha ‘‘pariyattidhamme’’tiādi. ‘‘Ayaṃ imaṃ dhammaṃ uggahetvā aññathā atthaṃ viparivattetvā nassessatī’’ti dhammānuggahena na deti. ‘‘Ayaṃ imaṃ dhammaṃ uggahetvā uddhato unnaḷo avūpasantacitto apuññaṃ pasavissatī’’ti puggalānuggahena na deti. Na taṃ adānaṃ macchariyaṃ macchariyalakkhaṇasseva abhāvato.

    จิตฺตํ นิวาเรนฺตีติ ฌานาทิวเสน อุปฺปชฺชนกํ กุสลจิตฺตํ นิเสเธนฺติ ตถาสฺส อุปฺปชฺชิตุํ น เทนฺติฯ นีวรณปฺปโตฺตติ นีวรณาวโตฺถฯ ‘‘อรหตฺตมคฺควโชฺฌ’’ติ เอเตน ภวราคานุสยสฺสปิ นีวรณภาวํ อนุชานาติ, ตํ วิจาเรตพฺพํฯ กิเมตฺถ วิจาเรตพฺพํ? ‘‘อารุเปฺป กามจฺฉนฺทนีวรณํ ปฎิจฺจ ถินมิทฺธนีวรณ’’นฺติ (ปฎฺฐา. ๓.นีวรณโคจฺฉเก ๘) อาทิวจนโต น ยิทํ ‘‘ปริยาเยน วุตฺต’’นฺติ สกฺกา วตฺตุํ, สเพฺพสมฺปิ เตภูมกธมฺมานํ กามนียเฎฺฐน กามภาวโต ภวราคสฺสปิ กามจฺฉนฺทภาวสฺส อิจฺฉิตตฺตาฯ ตสฺมา ‘‘กามจฺฉโนฺท นีวรณปฺปโตฺต’’ติ ภวราคานุสยมาหฯ โส หิ อรหตฺตมคฺควโชฺฌฯ ‘‘ยา ตสฺมิํ สมเย จิตฺตสฺส อกลฺยตา’’ติ (ธ. ส. ๑๑๖๒) อาทิวจนโต ถินํ จิตฺตเคลญฺญํฯ ตถา ‘‘ยา ตสฺมิํ สมเย เวทนากฺขนฺธสฺสา’’ติ (ธ. ส. ๔๔) อาทิวจนโต มิทฺธํ ขนฺธตฺตยเคลญฺญํฯ เอตฺถ จ จิตฺตเคลเญฺญน จิตฺตเสฺสว อกลฺยตา, ขนฺธตฺตยเคลเญฺญน ปน รูปกายสฺสปิ ถินมิทฺธสฺส นิทฺทาเหตุตฺตาฯ ตถา อุทฺธจฺจนฺติ อุทฺธจฺจสฺส อรหตฺตมคฺควชฺฌตํ อุปสํหรติ ตถา-สเทฺทน , น อุภยตํฯ น หิ ตสฺส ตาทิสี อุภยตา อตฺถิฯ ยํ ปน เกจิ วทนฺติ ‘‘ปุถุชฺชนสนฺตานวุตฺติ เสกฺขสนฺตานวุตฺตี’’ติ, ตํ อิธ อนุปโยคิ เสกฺขสนฺตานวุตฺติโน เอว เจตฺถ อธิเปฺปตตฺตาฯ

    Cittaṃ nivārentīti jhānādivasena uppajjanakaṃ kusalacittaṃ nisedhenti tathāssa uppajjituṃ na denti. Nīvaraṇappattoti nīvaraṇāvattho. ‘‘Arahattamaggavajjho’’ti etena bhavarāgānusayassapi nīvaraṇabhāvaṃ anujānāti, taṃ vicāretabbaṃ. Kimettha vicāretabbaṃ? ‘‘Āruppe kāmacchandanīvaraṇaṃ paṭicca thinamiddhanīvaraṇa’’nti (paṭṭhā. 3.nīvaraṇagocchake 8) ādivacanato na yidaṃ ‘‘pariyāyena vutta’’nti sakkā vattuṃ, sabbesampi tebhūmakadhammānaṃ kāmanīyaṭṭhena kāmabhāvato bhavarāgassapi kāmacchandabhāvassa icchitattā. Tasmā ‘‘kāmacchando nīvaraṇappatto’’ti bhavarāgānusayamāha. So hi arahattamaggavajjho. ‘‘Yā tasmiṃ samaye cittassa akalyatā’’ti (dha. sa. 1162) ādivacanato thinaṃ cittagelaññaṃ. Tathā ‘‘yā tasmiṃ samaye vedanākkhandhassā’’ti (dha. sa. 44) ādivacanato middhaṃ khandhattayagelaññaṃ. Ettha ca cittagelaññena cittasseva akalyatā, khandhattayagelaññena pana rūpakāyassapi thinamiddhassa niddāhetuttā. Tathā uddhaccanti uddhaccassa arahattamaggavajjhataṃ upasaṃharati tathā-saddena , na ubhayataṃ. Na hi tassa tādisī ubhayatā atthi. Yaṃ pana keci vadanti ‘‘puthujjanasantānavutti sekkhasantānavuttī’’ti, taṃ idha anupayogi sekkhasantānavuttino eva cettha adhippetattā.

    เตหีติ สํโยชเนหิฯ ‘‘โอรมฺภาคิยานิ อุทฺธมฺภาคิยานี’’ติ วิเสสํ อนามสิตฺวา ‘‘สํโยชนานี’’ติ สาธารณโต ปทุทฺธาโร อิทานิ วุจฺจมานจตุกฺกานุจฺฉวิกตาวเสน, กสฺสจิปิ กิเลสสฺส อวิกฺขมฺภิตตฺตา กถญฺจิปิ อวินิปาเตยฺยตามุโตฺต กามภโว อชฺฌตฺตคฺคหณสฺส วิเสสปจฺจยตฺตา อิเมสํ สตฺตานํ อพฺภนฺตรเฎฺฐน อโนฺต นามฯ รูปารูปภโว ตพฺพิปริยายโต พหิ นามฯ ตถา หิ ยสฺส โอรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ อปฺปหีนานิ, โส อชฺฌตฺตสํโยชโน วุโตฺต, ยสฺส ตานิ ปหีนานิ, โส พหิทฺธาสํโยชโน, ตสฺมา อโนฺต อสมุจฺฉินฺนพนฺธนตาย, พหิ จ ปวตฺตมานภวงฺคสนฺตานตาย อโนฺตพทฺธา พหิสยิตา นามฯ นิรนฺตรปฺปวตฺตภวงฺคสนฺตานวเสน หิ สยิตโวหาโรฯ กามํ เนสํ พหิพนฺธนมฺปิ อสมุจฺฉินฺนํ, อโนฺตพนฺธนสฺส ปน ถูลตาย เอวํ วุตฺตํ ฯ เตนาห ‘‘เตสญฺหิ กามภเว พนฺธน’’นฺติฯ อิมินา นเยน เสสทฺวเยปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อสมุจฺฉิเนฺนสุ จ โอรมฺภาคิยสํโยชนิเยสุ ลทฺธปฺปจฺจเยสุ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ อคณนูปคานิ โหนฺตีติฯ อริยานํเยว วเสเนตฺถ จตุกฺกสฺส อุทฺธฎตฺตา ลพฺภมานาปิ ปุถุชฺชนา น อุทฺธฎาฯ

    Tehīti saṃyojanehi. ‘‘Orambhāgiyāni uddhambhāgiyānī’’ti visesaṃ anāmasitvā ‘‘saṃyojanānī’’ti sādhāraṇato paduddhāro idāni vuccamānacatukkānucchavikatāvasena, kassacipi kilesassa avikkhambhitattā kathañcipi avinipāteyyatāmutto kāmabhavo ajjhattaggahaṇassa visesapaccayattā imesaṃ sattānaṃ abbhantaraṭṭhena anto nāma. Rūpārūpabhavo tabbipariyāyato bahi nāma. Tathā hi yassa orambhāgiyāni saṃyojanāni appahīnāni, so ajjhattasaṃyojano vutto, yassa tāni pahīnāni, so bahiddhāsaṃyojano, tasmā anto asamucchinnabandhanatāya, bahi ca pavattamānabhavaṅgasantānatāya antobaddhā bahisayitā nāma. Nirantarappavattabhavaṅgasantānavasena hi sayitavohāro. Kāmaṃ nesaṃ bahibandhanampi asamucchinnaṃ, antobandhanassa pana thūlatāya evaṃ vuttaṃ . Tenāha ‘‘tesañhi kāmabhave bandhana’’nti. Iminā nayena sesadvayepi attho veditabbo. Asamucchinnesu ca orambhāgiyasaṃyojaniyesu laddhappaccayesu uddhambhāgiyasaṃyojanāni agaṇanūpagāni hontīti. Ariyānaṃyeva vasenettha catukkassa uddhaṭattā labbhamānāpi puthujjanā na uddhaṭā.

    สิกฺขาโกฎฺฐาโสติ สิกฺขิตพฺพภาโคฯ ปชฺชติ สิกฺขา เอเตนาติ สิกฺขาปทํ, สิกฺขาย อธิคมุปาโยติฯ อาคตาเยว, ตสฺมา ตตฺถ อาคตนเยเนว เวทิตพฺพาติ อธิปฺปาโยฯ

    Sikkhākoṭṭhāsoti sikkhitabbabhāgo. Pajjati sikkhā etenāti sikkhāpadaṃ, sikkhāya adhigamupāyoti. Āgatāyeva, tasmā tattha āgatanayeneva veditabbāti adhippāyo.

    อภพฺพฎฺฐานาทิปญฺจกวณฺณนา

    Abhabbaṭṭhānādipañcakavaṇṇanā

    ๓๑๖. เทสนาสีสเมวาติ เทสนาปเทโส เอว, ตสฺมา โสตาปนฺนาทโยปิ อภพฺพาฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ตถา เทสนาติ อาห ‘‘ปุถุชฺชนขีณาสวาน’’นฺติอาทิฯ

    316.Desanāsīsamevāti desanāpadeso eva, tasmā sotāpannādayopi abhabbā. Yadi evaṃ kasmā tathā desanāti āha ‘‘puthujjanakhīṇāsavāna’’ntiādi.

    ญาติพฺยสเน เยสํ ญาตีนํ วินาโส, เตสํ หิตสุขํ วิทฺธํเสติ, ตสฺมา พฺยสตีติ พฺยสนํฯ โภคพฺยสเนปิ เอเสว นโยฯ โรคพฺยสนาทีสุ ปน ‘‘ยสฺส โรโค’’ติอาทินา โยเชตพฺพํฯ เนว อกุสลานิ อสํกิลิฎฺฐสภาวตฺตาฯ น ติลกฺขณาหตานิ อภาวธมฺมตฺตาฯ อิตรํ ปน วุตฺตวิปริยายโต อกุสลํ, ติลกฺขณาหตญฺจฯ

    Ñātibyasane yesaṃ ñātīnaṃ vināso, tesaṃ hitasukhaṃ viddhaṃseti, tasmā byasatīti byasanaṃ. Bhogabyasanepi eseva nayo. Rogabyasanādīsu pana ‘‘yassa rogo’’tiādinā yojetabbaṃ. Neva akusalāni asaṃkiliṭṭhasabhāvattā. Na tilakkhaṇāhatāni abhāvadhammattā. Itaraṃ pana vuttavipariyāyato akusalaṃ, tilakkhaṇāhatañca.

    คุเณหิ สมิทฺธภาวา สมฺปทาฯ

    Guṇehi samiddhabhāvā sampadā.

    วตฺถุสนฺทสฺสนาติ ยสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ ตสฺส อาปตฺติ, ตสฺส สรูปโต ทสฺสนาฯ อาปตฺติสนฺทสฺสนาติ ยํ อาปตฺติํ โส อาปโนฺน, ตสฺสา ทสฺสนาฯ สํวาสปฎิเกฺขโปติ อุโปสถปวารณาทิสํวาสสฺส ปฎิกฺขิปนํ อกรณํฯ สามีจิปฎิเกฺขโป อภิวาทนาทิสามีจิกิริยาย อกรณํฯ โจทยมาเนนาติ โจเทเนฺตนฯ จุทิตกสฺส กาโลติ จุทิตกสฺส ปุคฺคลสฺส โจเทตพฺพกาโลฯ ปุคฺคลนฺติ โจเทตพฺพํ ปุคฺคลํฯ อุปปริกฺขิตฺวาติ ‘‘อยํ จุทิตกลกฺขเณ ติฎฺฐติ, น ติฎฺฐตี’’ติ วีมํสิตฺวาฯ อยสํ อาโรเปติ ‘‘อิเม มํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺตา อนยพฺยสนํ อาปาเทนฺตี’’ติ ภิกฺขูนํ อยสํ อุปฺปาเทติฯ

    Vatthusandassanāti yasmiṃ vatthusmiṃ tassa āpatti, tassa sarūpato dassanā. Āpattisandassanāti yaṃ āpattiṃ so āpanno, tassā dassanā. Saṃvāsapaṭikkhepoti uposathapavāraṇādisaṃvāsassa paṭikkhipanaṃ akaraṇaṃ. Sāmīcipaṭikkhepo abhivādanādisāmīcikiriyāya akaraṇaṃ. Codayamānenāti codentena. Cuditakassa kāloti cuditakassa puggalassa codetabbakālo. Puggalanti codetabbaṃ puggalaṃ. Upaparikkhitvāti ‘‘ayaṃ cuditakalakkhaṇe tiṭṭhati, na tiṭṭhatī’’ti vīmaṃsitvā. Ayasaṃ āropeti ‘‘ime maṃ abhūtena abbhācikkhantā anayabyasanaṃ āpādentī’’ti bhikkhūnaṃ ayasaṃ uppādeti.

    ปธานิยงฺคปญฺจกวณฺณนา

    Padhāniyaṅgapañcakavaṇṇanā

    ๓๑๗. ปทหตีติ ปทหโน; ภาวนํ อนุยุโตฺต โยคี, ตสฺส ภาโว ภาวนานุโยโค ปทหนภาโวฯ ปธานํ อสฺส อตฺถีติ ปธานิโก, ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา ‘‘ปธานิโย’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อภินีหารโต ปฎฺฐาย อาคตตฺตา’’ติ วุตฺตตฺตา ปเจฺจกโพธิสตฺตสาวกโพธิสตฺตานมฺปิ ปณิธานโต ปภุติ อาคตา สทฺธา อาคมนสทฺธา เอว, อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสน ปน ‘‘สพฺพญฺญุโพธิสตฺตาน’’นฺติ วุตฺตํฯ อธิคมโต สมุทาคตตฺตา อคฺคมคฺคผลสมฺปยุตฺตาปิ อธิคมนสทฺธา นาม, ยา โสตาปนฺนสฺส องฺคภาเวน วุตฺตาฯ อจลภาเวนาติ ปฎิปเกฺขน อนภิภวนียตฺตา นิจฺจลภาเวนฯ โอกปฺปนนฺติ โอกฺกนฺติตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา อธิมุจฺจนํฯ ปสาทุปฺปตฺติ ปสาทนีเย วตฺถุสฺมิํ ปสีทนเมวฯ สุปฺปฎิวิทฺธนฺติ สุฎฺฐุ ปฎิวิทฺธํ, ยถา เตน ปฎิเวเธน สพฺพญฺญุตญฺญาณํ หตฺถคตํ อโหสิ, ตถา ปฎิวิทฺธํฯ ยสฺส พุทฺธสุพุทฺธตาย สทฺธา อจลา อสมฺปเวธี, ตสฺส ธมฺมสุธมฺมตาย, สงฺฆสุปฺปฎิปนฺนตาย จ สทฺธา น ตถาติ อฎฺฐานเมตํ อนวกาโสฯ เตนาห ภควา ‘‘โย, ภิกฺขเว, พุเทฺธ ปสโนฺน, ธเมฺม โส ปสโนฺน, สเงฺฆ โส ปสโนฺน’’ติอาทิฯ ปธานวีริยํ อิชฺฌติ ‘‘อทฺธา อิมาย ปฎิปทาย ชรามรณโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ สกฺกจฺจํ ปทหนโตฯ

    317. Padahatīti padahano; bhāvanaṃ anuyutto yogī, tassa bhāvo bhāvanānuyogo padahanabhāvo. Padhānaṃ assa atthīti padhāniko, ka-kārassa ya-kāraṃ katvā ‘‘padhāniyo’’ti vuttaṃ. ‘‘Abhinīhārato paṭṭhāya āgatattā’’ti vuttattā paccekabodhisattasāvakabodhisattānampi paṇidhānato pabhuti āgatā saddhā āgamanasaddhā eva, ukkaṭṭhaniddesena pana ‘‘sabbaññubodhisattāna’’nti vuttaṃ. Adhigamato samudāgatattā aggamaggaphalasampayuttāpi adhigamanasaddhā nāma, yā sotāpannassa aṅgabhāvena vuttā. Acalabhāvenāti paṭipakkhena anabhibhavanīyattā niccalabhāvena. Okappananti okkantitvā pakkhanditvā adhimuccanaṃ. Pasāduppatti pasādanīye vatthusmiṃ pasīdanameva. Suppaṭividdhanti suṭṭhu paṭividdhaṃ, yathā tena paṭivedhena sabbaññutaññāṇaṃ hatthagataṃ ahosi, tathā paṭividdhaṃ. Yassa buddhasubuddhatāya saddhā acalā asampavedhī, tassa dhammasudhammatāya, saṅghasuppaṭipannatāya ca saddhā na tathāti aṭṭhānametaṃ anavakāso. Tenāha bhagavā ‘‘yo, bhikkhave, buddhe pasanno, dhamme so pasanno, saṅghe so pasanno’’tiādi. Padhānavīriyaṃ ijjhati ‘‘addhā imāya paṭipadāya jarāmaraṇato muccissāmī’’ti sakkaccaṃ padahanato.

    อปฺป-สโทฺท อภาวโตฺถ ‘‘อปฺป-สทฺทสฺส…เป.… โข ปนา’’ติอาทีสุ วิยาติ อาห ‘‘อโรโค’’ติฯ สมเวปากินิยาติ ยถาภุตฺตํ อาหารํ สมากาเรเนว ปจฺจนสีลายฯ ทฬฺหํ กตฺวา ปจฺจนฺตี หิ คหณี โฆรภาเวน ปิตฺตวิการาทิวเสน โรคํ ชเนติ, สิถิลํ กตฺวา ปจฺจนฺตี มนฺทภาเวน วาตวิการาทิวเสนฯ เตนาห ‘‘นาติสีตาย นาจฺจุณฺหายา’’ติฯ คหณีเตชสฺส มนฺทติกฺขตาวเสน สตฺตานํ ยถากฺกมํ สีตุณฺหสหคตาติ อาห ‘‘อติสีตคหณิโก’’ติอาทิฯ ยาถาวโต อจฺจยเทสนา อตฺตโน อาวิกรณํ นามาติ อาห ‘‘ยถาภูตํ อตฺตโน อคุณํ ปกาเสตา’’ติฯ อุทยตฺถคามินิยาติ สงฺขารานํ อุทยํ, วยญฺจ ปฎิวิชฺฌนฺติยาติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘อุทยญฺจา’’ติอาทิฯ ปริสุทฺธายาติ นิรุปกฺกิเลสายฯ นิพฺพิชฺฌิตุํ สมตฺถายาติ ตทงฺควเสน อวเสสํ ปชหิตุํ สมตฺถายฯ ตสฺส ตสฺส ทุกฺขสฺส ขยคามินิยาติ ยํ ทุกฺขํ อิมสฺมิํ ญาเณ อนธิคเต ปวตฺตารหํ, อธิคเต น ปวตฺตติ, ตํ สนฺธาย วทติฯ ตถา เหส โยคาวจโร ‘‘จูฬโสตาปโนฺน’’ติ วุจฺจติฯ

    Appa-saddo abhāvattho ‘‘appa-saddassa…pe… kho panā’’tiādīsu viyāti āha ‘‘arogo’’ti. Samavepākiniyāti yathābhuttaṃ āhāraṃ samākāreneva paccanasīlāya. Daḷhaṃ katvā paccantī hi gahaṇī ghorabhāvena pittavikārādivasena rogaṃ janeti, sithilaṃ katvā paccantī mandabhāvena vātavikārādivasena. Tenāha ‘‘nātisītāya nāccuṇhāyā’’ti. Gahaṇītejassa mandatikkhatāvasena sattānaṃ yathākkamaṃ sītuṇhasahagatāti āha ‘‘atisītagahaṇiko’’tiādi. Yāthāvato accayadesanā attano āvikaraṇaṃ nāmāti āha ‘‘yathābhūtaṃ attano aguṇaṃ pakāsetā’’ti. Udayatthagāminiyāti saṅkhārānaṃ udayaṃ, vayañca paṭivijjhantiyāti ayamettha atthoti āha ‘‘udayañcā’’tiādi. Parisuddhāyāti nirupakkilesāya. Nibbijjhituṃ samatthāyāti tadaṅgavasena avasesaṃ pajahituṃ samatthāya. Tassa tassa dukkhassa khayagāminiyāti yaṃ dukkhaṃ imasmiṃ ñāṇe anadhigate pavattārahaṃ, adhigate na pavattati, taṃ sandhāya vadati. Tathā hesa yogāvacaro ‘‘cūḷasotāpanno’’ti vuccati.

    สุทฺธาวาสาทิปญฺจกวณฺณนา

    Suddhāvāsādipañcakavaṇṇanā

    ๓๑๘. ‘‘สุทฺธา อาวสิํสู’’ติอาทินา อทฺธตฺตเยปิ เตสํ สุทฺธาวาสปริยาโย อพฺยภิจารีติ ทเสฺสติฯ กิเลสมลรหิตาติ นามกายปริสุทฺธิํ วทโนฺต เอว รูปกายปริสุทฺธิมฺปิ อตฺถโต ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘อนาคามิขีณาสวา’’ติฯ

    318.‘‘Suddhāāvasiṃsū’’tiādinā addhattayepi tesaṃ suddhāvāsapariyāyo abyabhicārīti dasseti. Kilesamalarahitāti nāmakāyaparisuddhiṃ vadanto eva rūpakāyaparisuddhimpi atthato dasseti. Tenāha ‘‘anāgāmikhīṇāsavā’’ti.

    อายุโน มชฺฌนฺติ อวิหาทีสุ ยตฺถ ยตฺถ อุปฺปโนฺน, ตตฺถ ตตฺถ อายุโน มชฺฌํ อนติกฺกมิตฺวาฯ อนฺตรา วาติ ตสฺส อนฺตราว โอรเมวฯ มชฺฌํ อุปหจฺจาติ อายุโน มชฺฌํ อติจฺจฯ เตนาห ‘‘อติกฺกมิตฺวา’’ติฯ อปฺปโยเคนาติ อนุสฺสหเนนฯ อกิลมโนฺตติ อกิลโนฺตฯ สุเขนาติ อกิเจฺฉนฯ อุทฺธํ วาหิภาเวน อุทฺธํ อสฺส ตณฺหาโสตํ, วฎฺฎโสตญฺจาติ อุทฺธํโสโต; อุทฺธํ วา คนฺตฺวา ปฎิลภิตพฺพโต อุทฺธํ อสฺส มคฺคโสตนฺติ อุทฺธํโสโตฯ อกนิฎฺฐํ คจฺฉตีติ อกนิฎฺฐคามีฯ โสเธตฺวาติ ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปชฺชโนฺต เต เต เทวโลเก โสเธโนฺต วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร เทวโลเก โสเธตฺวา’’ติฯ ตตฺถ ตตฺถ วา อุปฺปชฺชิตฺวา ปุน อนุปฺปชฺชนารหภาเวเนว ตโตปิ คจฺฉโนฺต เทวูปปตฺติภวสญฺญิเต อตฺตโน ขนฺธโลเก ภวราคมลํ วิโสเธตฺวา วิกฺขเมฺภตฺวาฯ อยญฺหิ อวิเหสุ กปฺปสหสฺสํ วสโนฺต อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา อตปฺปํ คจฺฉติ, ตตฺถาปิ เทฺว กปฺปสหสฺสานิ วสโนฺต อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา สุทสฺสํ คจฺฉติ, ตตฺถาปิ จตฺตาริกปฺปสหสฺสานิ วสโนฺต อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา สุทสฺสิํ คจฺฉติ, ตตฺถาปิ อฎฺฐกปฺปสหสฺสานิ วสโนฺต อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา อกนิฎฺฐํ คจฺฉติ, ตตฺถ วสโนฺต อคฺคมคฺคํ อธิคจฺฉติฯ

    Āyuno majjhanti avihādīsu yattha yattha uppanno, tattha tattha āyuno majjhaṃ anatikkamitvā. Antarā vāti tassa antarāva orameva. Majjhaṃ upahaccāti āyuno majjhaṃ aticca. Tenāha ‘‘atikkamitvā’’ti. Appayogenāti anussahanena. Akilamantoti akilanto. Sukhenāti akicchena. Uddhaṃ vāhibhāvena uddhaṃ assa taṇhāsotaṃ, vaṭṭasotañcāti uddhaṃsoto; uddhaṃ vā gantvā paṭilabhitabbato uddhaṃ assa maggasotanti uddhaṃsoto. Akaniṭṭhaṃ gacchatīti akaniṭṭhagāmī. Sodhetvāti tattha tattha uppajjanto te te devaloke sodhento viya hotīti vuttaṃ ‘‘cattāro devaloke sodhetvā’’ti. Tattha tattha vā uppajjitvā puna anuppajjanārahabhāveneva tatopi gacchanto devūpapattibhavasaññite attano khandhaloke bhavarāgamalaṃ visodhetvā vikkhambhetvā. Ayañhi avihesu kappasahassaṃ vasanto arahattaṃ pattuṃ asakkuṇitvā atappaṃ gacchati, tatthāpi dve kappasahassāni vasanto arahattaṃ pattuṃ asakkuṇitvā sudassaṃ gacchati, tatthāpi cattārikappasahassāni vasanto arahattaṃ pattuṃ asakkuṇitvā sudassiṃ gacchati, tatthāpi aṭṭhakappasahassāni vasanto arahattaṃ pattuṃ asakkuṇitvā akaniṭṭhaṃ gacchati, tattha vasanto aggamaggaṃ adhigacchati.

    เจโตขิลปญฺจกวณฺณนา

    Cetokhilapañcakavaṇṇanā

    ๓๑๙. เจโตขิลา นาม อตฺถโต วิจิกิจฺฉา โกโธ จ, เต ปน ยสฺมิํ สนฺตาเน อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺส ขรภาโว กกฺขฬภาโว หุตฺวา อุปติฎฺฐนฺติ, ปเคว อตฺตนา สมฺปยุตฺตจิตฺตสฺสาติ อาห ‘‘จิตฺตสฺส ถทฺธภาโว’’ติฯ ยถา ลกฺขณปาริปูริยา คหิตาย สพฺพา สตฺถุรูปกายสิรี คหิตาว นาม โหติ, เอวํ สพฺพญฺญุตาย สพฺพา ธมฺมกายสิรี’’ คหิตา เอว นาม โหตีติ ตทุภยวตฺถุกเมว กงฺขํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สรีเร กงฺขมาโน’’ติอาทิมาหฯ อาตปติ กิเลเสติ อาตปฺปํ , สมฺมาวายาโมติ อาห ‘‘อาตปฺปายาติ วีริยกรณตฺถายา’’ติฯ ปุนปฺปุนํ โยคายาติ ภาวนํ ปุนปฺปุนํ ยุญฺชนายฯ สตตกิริยายาติ ภาวนาย นิรนฺตรปฺปโยคายฯ ‘‘ปฎิเวธธเมฺม กงฺขมาโน’’ติ เอตฺถ กถํ โลกุตฺตรธเมฺม กงฺขา ปวตฺตตีติ? น อารมฺมณกรณวเสน, อนุสฺสวาการปริวิตกฺกลเทฺธ ปริกปฺปิตรูเป กงฺขา ปวตฺตตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘วิปสฺสนา…เป.… วทนฺติ, ตํ อตฺถิ นุ โข นตฺถีติ กงฺขตี’’ติฯ สิกฺขาติ เจตฺถ ปุพฺพภาคสิกฺขา เวทิตพฺพาฯ ‘‘กามเญฺจตฺถ วิเสสุปฺปตฺติยา มหาสาวชฺชตาย เจว สํวาสนิมิตฺตฆฎฺฎนาเหตุ อภิณฺหุปฺปตฺติกตาย จ ‘สพฺรหฺมจารีสู’ติ โกปสฺส วิสโย วิเสเสตฺวา วุโตฺต, ตโต อญฺญตฺถาปิ ปน โกโป ‘น เจโตขิโล’ติ น สกฺกา วิญฺญาตุ’’นฺติ เกจิฯ ยทิ เอวํ วิจิกิจฺฉายปิ อยํ นโย อาปชฺชติ, ตสฺมา ยถารุตวเสเนว คเหตพฺพํฯ

    319.Cetokhilā nāma atthato vicikicchā kodho ca, te pana yasmiṃ santāne uppajjanti, tassa kharabhāvo kakkhaḷabhāvo hutvā upatiṭṭhanti, pageva attanā sampayuttacittassāti āha ‘‘cittassa thaddhabhāvo’’ti. Yathā lakkhaṇapāripūriyā gahitāya sabbā satthurūpakāyasirī gahitāva nāma hoti, evaṃ sabbaññutāya sabbā dhammakāyasirī’’ gahitā eva nāma hotīti tadubhayavatthukameva kaṅkhaṃ dassento ‘‘sarīre kaṅkhamāno’’tiādimāha. Ātapati kileseti ātappaṃ, sammāvāyāmoti āha ‘‘ātappāyāti vīriyakaraṇatthāyā’’ti. Punappunaṃ yogāyāti bhāvanaṃ punappunaṃ yuñjanāya. Satatakiriyāyāti bhāvanāya nirantarappayogāya. ‘‘Paṭivedhadhamme kaṅkhamāno’’ti ettha kathaṃ lokuttaradhamme kaṅkhā pavattatīti? Na ārammaṇakaraṇavasena, anussavākāraparivitakkaladdhe parikappitarūpe kaṅkhā pavattatīti dassento āha ‘‘vipassanā…pe… vadanti, taṃ atthi nu kho natthīti kaṅkhatī’’ti. Sikkhāti cettha pubbabhāgasikkhā veditabbā. ‘‘Kāmañcettha visesuppattiyā mahāsāvajjatāya ceva saṃvāsanimittaghaṭṭanāhetu abhiṇhuppattikatāya ca ‘sabrahmacārīsū’ti kopassa visayo visesetvā vutto, tato aññatthāpi pana kopo ‘na cetokhilo’ti na sakkā viññātu’’nti keci. Yadi evaṃ vicikicchāyapi ayaṃ nayo āpajjati, tasmā yathārutavaseneva gahetabbaṃ.

    เจตโสวินิพนฺธาทิปญฺจกวณฺณนา

    Cetasovinibandhādipañcakavaṇṇanā

    ๓๒๐. ปวตฺติตุํ อปฺปทานวเสน กุสลจิตฺตํ วินิพนฺธนฺตีติ เจตโสวินิพนฺธาฯ ตํ ปน วินิพนฺธนฺตา มุฎฺฐิคาหํ คณฺหนฺตี วิย โหนฺตีติ อาห ‘‘จิตฺตํ พนฺธิตฺวา’’ติอาทิฯ กามคิโทฺธ ปุคฺคโล วตฺถุกาเม วิย กิเลสกาเมปิ อสฺสาเทติ อภินนฺทตีติ วุตฺตํ ‘‘วตฺถุกาเมปิ กิเลสกาเมปี’’ติฯ อตฺตโน กาเยติ อตฺตโน กรชกาเย, อตฺตภาเว วาฯ พหิทฺธารูเปติ ปเรสํ กาเย, อนินฺทฺริยพทฺธรูเป จฯ อุทรํ อวทิหติ อุปจิโนติ ปริปูเรตีติ อุทราวเทหกํฯ เสยฺยสุขนฺติ เสยฺยาย สยนวเสน อุปฺปชฺชนกสุขํฯ สํปริวตฺตกนฺติ สํปริวเตฺตตฺวาฯ ปณิธายาติ ตณฺหาวเสน ปณิทหิตฺวาฯ อิติ ปญฺจวิโธปิ โลภวิเสโส เอว เจโตวินิพโนฺธ วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ

    320. Pavattituṃ appadānavasena kusalacittaṃ vinibandhantīti cetasovinibandhā. Taṃ pana vinibandhantā muṭṭhigāhaṃ gaṇhantī viya hontīti āha ‘‘cittaṃ bandhitvā’’tiādi. Kāmagiddho puggalo vatthukāme viya kilesakāmepi assādeti abhinandatīti vuttaṃ ‘‘vatthukāmepi kilesakāmepī’’ti. Attano kāyeti attano karajakāye, attabhāve vā. Bahiddhārūpeti paresaṃ kāye, anindriyabaddharūpe ca. Udaraṃ avadihati upacinoti paripūretīti udarāvadehakaṃ. Seyyasukhanti seyyāya sayanavasena uppajjanakasukhaṃ. Saṃparivattakanti saṃparivattetvā. Paṇidhāyāti taṇhāvasena paṇidahitvā. Iti pañcavidhopi lobhaviseso eva cetovinibandho vuttoti veditabbo.

    โลกิยาเนว กถิตานิ รูปินฺทฺริยานํเยว กถิตตฺตาฯ ปฐมทุติยจตุตฺถานิ โลกิยานิ ปริตฺตภูมกตฺตาฯ ตติยปญฺจมานิ กามรูปคฺคภูมิกตฺตา, กามรูปารูปคฺคภูมิกตฺตา จฯ โลกิยโลกุตฺตรานิ กถิตานีติ อาเนตฺวา โยชนาฯ ‘‘สมถวิปสฺสนามคฺคผลวเสนา’’ติ วตฺตพฺพํฯ ‘‘สมถวิปสฺสนามคฺควเสนา’’ติ วุตฺตํฯ

    Lokiyāneva kathitāni rūpindriyānaṃyeva kathitattā. Paṭhamadutiyacatutthāni lokiyāni parittabhūmakattā. Tatiyapañcamāni kāmarūpaggabhūmikattā, kāmarūpārūpaggabhūmikattā ca. Lokiyalokuttarāni kathitānīti ānetvā yojanā. ‘‘Samathavipassanāmaggaphalavasenā’’ti vattabbaṃ. ‘‘Samathavipassanāmaggavasenā’’ti vuttaṃ.

    นิสฺสรณิยปญฺจกวณฺณนา

    Nissaraṇiyapañcakavaṇṇanā

    ๓๒๑. นิสฺสรนฺตีติ นิสฺสรณียาติ วตฺตเพฺพ รสฺสํ กตฺวา นิเทฺทโสฯ กตฺตริ เหส อนีย-สโทฺท ยถา ‘‘นิยฺยานิกา’’ติฯ เตนาห ‘‘นิสฺสฎา’’ติฯ กุโต ปน นิสฺสฎาติ? ยถาสกํ ปฎิปกฺขโตฯ นิชฺชีวเฎฺฐน ธาตุโยติ อาห ‘‘อตฺตสุญฺญสภาวา’’ติฯ อตฺถโต ปน ธมฺมธาตุมโนวิญฺญาณธาตุวิเสสาฯ ตาทิสสฺส ภิกฺขุโน กิเลสวเสน กาเมสุ มนสิกาโร นาม นตฺถีติ อาห ‘‘วีมํสนตฺถ’’นฺติฯ ‘‘เนกฺขมฺมนิสฺสิตํ อิทานิ เม จิตฺตํ, กิํ นุ โข กามวิตโกฺกปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ วีมํสนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ ปกฺขนฺทนํ นาม อนุปฺปเวโส, โส ปน ตตฺถ นตฺถีติ อาห ‘‘น ปวิสตี’’ติฯ ปสาทํ นาม อภิรุจิสนฺติฎฺฐานํ , วิมุจฺจนํ อธิมุจฺจนนฺติ ตํ สพฺพํ ปกฺขิปโนฺต วทติ ‘‘ปสาทํ นาปชฺชตี’’ติอาทิฯ เอวํภูตํ ปนสฺส จิตฺตํ ตตฺถ กถํ ติฎฺฐตีติ อาห ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิฯ นฺติ ปฐมชฺฌานํฯ อสฺสาติ ภิกฺขุโนฯ จิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติ ปริกมฺมจิเตฺตน สทฺธิํ ฌานจิตฺตํ เอกฎฺฐวเสน เอกชฺฌํ คเหตฺวา วทติฯ โคจเร คตตฺตาติ อตฺตโน อารมฺมเณ เอว ปวตฺตตฺตาฯ อหานภาคิยตฺตาติ ฐิติภาคิยตฺตา, วิเสสภาคิยตฺตา วาฯ สุฎฺฐุ วิมุตฺตนฺติ วิกฺขมฺภนวิมุตฺติยา สมฺมเทว วิมุตฺตํฯ จิตฺตสฺส กายสฺส จ หนนโต วิฆาโต, ทุกฺขํฯ ปริทหนโต ปริฬาโห, กามทรโถฯ น เวทยติ อนุปฺปชฺชนโตฯ นิสฺสรนฺติ ตโตติ นิสฺสรณํฯ เก นิสฺสรนฺติ? กามาฯ เอวญฺจ กตฺวา กามานนฺติ กตฺตริ สามิวจนํ สุฎฺฐุ ยุชฺชติฯ ยทเคฺคน กามา ตโต ‘‘นิสฺสฎา’’ติ วุจฺจนฺติ, ตทเคฺคน ฌานมฺปิ กามโต ‘‘นิสฺสฎ’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ วุตฺตํ ‘‘กาเมหิ นิสฺสฎตฺตา’’ติฯ เอวํ วิกฺขมฺภนวเสน กามนิสฺสรณํ วตฺวา อิทานิ สมุเจฺฉทวเสน อจฺจนฺตโตว นิสฺสรณํ ทเสฺสตุํ ‘‘โย ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    321. Nissarantīti nissaraṇīyāti vattabbe rassaṃ katvā niddeso. Kattari hesa anīya-saddo yathā ‘‘niyyānikā’’ti. Tenāha ‘‘nissaṭā’’ti. Kuto pana nissaṭāti? Yathāsakaṃ paṭipakkhato. Nijjīvaṭṭhena dhātuyoti āha ‘‘attasuññasabhāvā’’ti. Atthato pana dhammadhātumanoviññāṇadhātuvisesā. Tādisassa bhikkhuno kilesavasena kāmesu manasikāro nāma natthīti āha ‘‘vīmaṃsanattha’’nti. ‘‘Nekkhammanissitaṃ idāni me cittaṃ, kiṃ nu kho kāmavitakkopi uppajjatī’’ti vīmaṃsantassāti attho. Pakkhandanaṃ nāma anuppaveso, so pana tattha natthīti āha ‘‘na pavisatī’’ti. Pasādaṃ nāma abhirucisantiṭṭhānaṃ , vimuccanaṃ adhimuccananti taṃ sabbaṃ pakkhipanto vadati ‘‘pasādaṃ nāpajjatī’’tiādi. Evaṃbhūtaṃ panassa cittaṃ tattha kathaṃ tiṭṭhatīti āha ‘‘yathā panā’’tiādi. Tanti paṭhamajjhānaṃ. Assāti bhikkhuno. Cittaṃ pakkhandatīti parikammacittena saddhiṃ jhānacittaṃ ekaṭṭhavasena ekajjhaṃ gahetvā vadati. Gocare gatattāti attano ārammaṇe eva pavattattā. Ahānabhāgiyattāti ṭhitibhāgiyattā, visesabhāgiyattā vā. Suṭṭhu vimuttanti vikkhambhanavimuttiyā sammadeva vimuttaṃ. Cittassa kāyassa ca hananato vighāto, dukkhaṃ. Paridahanato pariḷāho, kāmadaratho. Na vedayati anuppajjanato. Nissaranti tatoti nissaraṇaṃ. Ke nissaranti? Kāmā. Evañca katvā kāmānanti kattari sāmivacanaṃ suṭṭhu yujjati. Yadaggena kāmā tato ‘‘nissaṭā’’ti vuccanti, tadaggena jhānampi kāmato ‘‘nissaṭa’’nti vattabbataṃ labhatīti vuttaṃ ‘‘kāmehi nissaṭattā’’ti. Evaṃ vikkhambhanavasena kāmanissaraṇaṃ vatvā idāni samucchedavasena accantatova nissaraṇaṃ dassetuṃ ‘‘yo panā’’tiādi vuttaṃ.

    เสสปเทสูติ เสสโกฎฺฐาเสสุฯ อยํ ปน วิเสโสติ วิเสสํ วทเนฺตน ‘‘ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา’’ติอาทิโก อวิเสโสติ วตฺวา ทุติยตติยวาเรสุ สพฺพโส อนามโฎฺฐ, จตุตฺถวาเร ปน อยมฺปิ วิเสโสติ ทเสฺสตุํ ‘‘อจฺจนฺตนิสฺสรเณ เจตฺถ อรหตฺตผลํ โยเชตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Sesapadesūti sesakoṭṭhāsesu. Ayaṃ pana visesoti visesaṃ vadantena ‘‘taṃ jhānaṃ pādakaṃ katvā’’tiādiko avisesoti vatvā dutiyatatiyavāresu sabbaso anāmaṭṭho, catutthavāre pana ayampi visesoti dassetuṃ ‘‘accantanissaraṇe cettha arahattaphalaṃ yojetabba’’nti vuttaṃ.

    ยสฺมา อรูปชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา อคฺคมคฺคํ อธิคนฺตฺวา อรหเตฺต ฐิตสฺส จิตฺตํ สพฺพโส รูเปหิ นิสฺสฎํ นาม โหติฯ ตสฺส หิ ผลสมาปตฺติโต วุฎฺฐาย วีมํสนตฺถํ รูปาภิมุขํ จิตฺตํ เปเสนฺตสฺส อิทมกฺขาตนฺติ สมถยานิกานํ วเสน เหฎฺฐา จตฺตาโร วารา กถิตา, อิทํ ปน สุกฺขวิปสฺสกสฺส วเสนาติ อาห ‘‘สุทฺธสงฺขาเร’’ติอาทิฯ ปุน สกฺกาโย นตฺถีติ อุปฺปนฺนนฺติ อิทานิ เม สกฺกายปฺปพโนฺธ นตฺถีติ วีมํสนฺตสฺส อุปฺปนฺนํฯ

    Yasmā arūpajjhānaṃ pādakaṃ katvā aggamaggaṃ adhigantvā arahatte ṭhitassa cittaṃ sabbaso rūpehi nissaṭaṃ nāma hoti. Tassa hi phalasamāpattito vuṭṭhāya vīmaṃsanatthaṃ rūpābhimukhaṃ cittaṃ pesentassa idamakkhātanti samathayānikānaṃ vasena heṭṭhā cattāro vārā kathitā, idaṃ pana sukkhavipassakassa vasenāti āha ‘‘suddhasaṅkhāre’’tiādi. Puna sakkāyo natthīti uppannanti idāni me sakkāyappabandho natthīti vīmaṃsantassa uppannaṃ.

    วิมุตฺตายตนปญฺจกวณฺณนา

    Vimuttāyatanapañcakavaṇṇanā

    ๓๒๒. วิมุตฺติยา วฎฺฎทุกฺขโต วิมุจฺจนสฺส อายตนานิ การณานิ วิมุตฺตายตนานีติ อาห ‘‘วิมุจฺจนการณานี’’ติฯ ปาฬิอตฺถํ ชานนฺตสฺสาติ ‘‘อิธ สีลํ อาคตํ, อิธ สมาธิ, อิธ ปญฺญา’’ติอาทินา ตํ ตํ ปาฬิอตฺถํ ยาถาวโต ชานนฺตสฺสฯ ปาฬิํ ชานนฺตสฺสาติ ตทตฺถโชตนํ ปาฬิํ ยาถาวโต อุปธาเรนฺตสฺสฯ ตรุณปีตีติ สญฺชาตมตฺตา มุทุกา ปีติ ชายติฯ กถํ ชายติ? ยถาเทสิตธมฺมํ อุปธาเรนฺตสฺส ตทนุจฺฉวิกเมว อตฺตโน กายวจีมโนสมาจารํ ปริคฺคณฺหนฺตสฺส โสมนสฺสปฺปตฺตสฺส ปโมทลกฺขณํ ปาโมชฺชํ ชายติฯ ตุฎฺฐาการภูตา พลวปีตีติ ปุริมุปฺปนฺนาย ปีติยา วเสน ลทฺธาเสวนตฺตา อติวิย ตุฎฺฐาการภูตา กายจิตฺตทรถปสฺสมฺภนสมตฺถาย ปสฺสทฺธิยา ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถา พลปฺปตฺตา ปีติ ชายติฯ ยสฺมา นามกาเย ปสฺสเทฺธ รูปกาโยปิ ปสฺสโทฺธ เอว โหติ, ตสฺมา ‘‘นามกาโย ปฎิปสฺสมฺภติ’’ อิเจฺจว วุตฺตํฯ สุขํ ปฎิลภตีติ วกฺขมานสฺส จิตฺตสมาธานสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถํ เจตสิกํ นิรามิสํ สุขํ ปฎิลภติ วินฺทติฯ ‘‘สมาธิยตี’’ติ เอตฺถ น โย โกจิ สมาธิ อธิเปฺปโต, อถ โข อนุตฺตรสมาธีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อรหตฺต ผลสมาธินา สมาธิยตี’’ติ อาหฯ ‘‘อยญฺหี’’ติอาทิ ตสฺสา เทสนาย ตาทิสสฺส ปุคฺคลสฺส ยถาวุตฺตสมาธิปฎิลาภสฺส การณภาววิภาวนํฯ ตสฺส วิมุตฺตายตนภาโวฯ โอสกฺกิตุนฺติ นยิตุํฯ สมาธิเยว สมาธินิมิตฺตนฺติ กมฺมฎฺฐานปาฬิอารุโฬฺห สมาธิเยว ปรโต อุปฺปชฺชนกภาวนาสมาธิสฺส การณภาวโต สมาธินิมิตฺตํฯ เตนาห ‘‘อาจริยสนฺติเก’’ติอาทิฯ

    322. Vimuttiyā vaṭṭadukkhato vimuccanassa āyatanāni kāraṇāni vimuttāyatanānīti āha ‘‘vimuccanakāraṇānī’’ti. Pāḷiatthaṃ jānantassāti ‘‘idha sīlaṃ āgataṃ, idha samādhi, idha paññā’’tiādinā taṃ taṃ pāḷiatthaṃ yāthāvato jānantassa. Pāḷiṃ jānantassāti tadatthajotanaṃ pāḷiṃ yāthāvato upadhārentassa. Taruṇapītīti sañjātamattā mudukā pīti jāyati. Kathaṃ jāyati? Yathādesitadhammaṃ upadhārentassa tadanucchavikameva attano kāyavacīmanosamācāraṃ pariggaṇhantassa somanassappattassa pamodalakkhaṇaṃ pāmojjaṃ jāyati. Tuṭṭhākārabhūtā balavapītīti purimuppannāya pītiyā vasena laddhāsevanattā ativiya tuṭṭhākārabhūtā kāyacittadarathapassambhanasamatthāya passaddhiyā paccayo bhavituṃ samatthā balappattā pīti jāyati. Yasmā nāmakāye passaddhe rūpakāyopi passaddho eva hoti, tasmā ‘‘nāmakāyo paṭipassambhati’’ icceva vuttaṃ. Sukhaṃ paṭilabhatīti vakkhamānassa cittasamādhānassa paccayo bhavituṃ samatthaṃ cetasikaṃ nirāmisaṃ sukhaṃ paṭilabhati vindati. ‘‘Samādhiyatī’’ti ettha na yo koci samādhi adhippeto, atha kho anuttarasamādhīti dassento ‘‘arahatta phalasamādhinā samādhiyatī’’ti āha. ‘‘Ayañhī’’tiādi tassā desanāya tādisassa puggalassa yathāvuttasamādhipaṭilābhassa kāraṇabhāvavibhāvanaṃ. Tassa vimuttāyatanabhāvo. Osakkitunti nayituṃ. Samādhiyeva samādhinimittanti kammaṭṭhānapāḷiāruḷho samādhiyeva parato uppajjanakabhāvanāsamādhissa kāraṇabhāvato samādhinimittaṃ. Tenāha ‘‘ācariyasantike’’tiādi.

    วิมุตฺติ วุจฺจติ อรหตฺตํ สพฺพโส กิเลเสหิ ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺตีติ กตฺวาฯ ปริปาเจนฺตีติ สาเธนฺติ นิปฺผาเทนฺติฯ อนิจฺจานุปสฺสนาญาเณ นิสฺสยปจฺจยภูเต อุปฺปนฺนสญฺญา, เตน ญาเณน สหคตาติ อโตฺถฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. ฎี. ๑.๓๗, ๓๐๖) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํฯ

    Vimuttivuccati arahattaṃ sabbaso kilesehi paṭippassaddhivimuttīti katvā. Paripācentīti sādhenti nipphādenti. Aniccānupassanāñāṇe nissayapaccayabhūte uppannasaññā, tena ñāṇena sahagatāti attho. Sesesupi eseva nayo. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ visuddhimaggasaṃvaṇṇanāyaṃ (visuddhi. ṭī. 1.37, 306) vuttanayena veditabbaṃ.

    ปญฺจกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañcakavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ฉกฺกวณฺณนา

    Chakkavaṇṇanā

    ๓๒๓. อตฺตานํ อธิ อชฺฌตฺตา, อธิ-สโทฺท สมาสวิสเย อธิการตฺถํ, ปวตฺติอตฺถญฺจ คเหตฺวา ปวตฺตตีติ อตฺตานํ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตา อชฺฌตฺตา; อชฺฌเตฺตสุ ภวานิ อชฺฌตฺติกานีติ นิยกชฺฌเตฺตสุปิ อพฺภนฺตรานิ จกฺขาทีนิ วุจฺจนฺติ, ตานิ ปน เยน อชฺฌตฺตภาเวน ‘‘อชฺฌตฺติกานี’’ติ วุจฺจนฺติ, ตมตฺถํ ปากฎํ กตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘อชฺฌตฺติกานี’’ติ อาหฯ สทฺทตฺถโต ปน อชฺฌตฺตชฺฌตฺตานิเยว อชฺฌตฺตชฺฌตฺติกานิ ยถา ‘‘เวนยิโก’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๖; อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘) ทฎฺฐพฺพํฯ ตโต อชฺฌตฺตโตติ ตโต อชฺฌตฺตชฺฌตฺตโต, ยานิ อชฺฌตฺติกานิ วุตฺตานิฯ อชฺฌตฺติกานญฺหิ ปฎิโยคีนิ พาหิรานิ อชฺฌตฺตธมฺมานํ วิย พหิทฺธาธมฺมาฯ ‘‘อชฺฌตฺติกานี’’ติ หิ สปรสนฺตานิกานิ จกฺขาทีนิ วุจฺจนฺติ, ตถา รูปาทีนิ ‘‘พาหิรานี’’ติฯ อชฺฌตฺตานิ ปน สสนฺตานิกา เอว จกฺขุรูปาทโย, ตโต อเญฺญว พหิทฺธาติฯ ‘‘วิญฺญาณสมูหา’’ติ เอตฺถ ยทิปิ เตสํ วิญฺญาณานํ สโมธานํ นตฺถิ ภินฺนกาลิกตฺตา, จิเตฺตน ปน เอกชฺฌํ อภิสํยูหนวเสน สมูหตา วุตฺตา ยถา ‘‘เวทนากฺขโนฺธ’’ติฯ จกฺขุปสาทนิสฺสิตนฺติ จกฺขุปสาทํ นิสฺสาย ปจฺจยํ ลภิตฺวา อุปฺปนฺนํ กุสลากุสลวิปากวิญฺญาณํ จกฺขุวิญฺญาณตาสามเญฺญน เอกชฺฌํ กตฺวา วุตฺตํฯ จกฺขุสนฺนิสฺสิโต สมฺผโสฺส, น จกฺขุทฺวาริโกฯ อิเม ทส สมฺผเสฺสติ อิเม ปสาทวตฺถุเก ทส วิปากสมฺผเสฺส ฐเปตฺวาฯ เอเตเนว นเยนาติ เอเตน ผเสฺส วุเตฺตเนว นเยนฯ ตณฺหาฉเกฺก ตณฺหํ อารพฺภ ปวตฺตาปิ ตณฺหา ธมฺมตณฺหาติ เวทิตพฺพาฯ

    323. Attānaṃ adhi ajjhattā,adhi-saddo samāsavisaye adhikāratthaṃ, pavattiatthañca gahetvā pavattatīti attānaṃ adhikicca uddissa pavattā ajjhattā; ajjhattesu bhavāni ajjhattikānīti niyakajjhattesupi abbhantarāni cakkhādīni vuccanti, tāni pana yena ajjhattabhāvena ‘‘ajjhattikānī’’ti vuccanti, tamatthaṃ pākaṭaṃ katvā dassento ‘‘ajjhattikānī’’ti āha. Saddatthato pana ajjhattajjhattāniyeva ajjhattajjhattikāni yathā ‘‘venayiko’’ti (ma. ni. 1.246; a. ni. 8.11; pārā. 8) daṭṭhabbaṃ. Tato ajjhattatoti tato ajjhattajjhattato, yāni ajjhattikāni vuttāni. Ajjhattikānañhi paṭiyogīni bāhirāni ajjhattadhammānaṃ viya bahiddhādhammā. ‘‘Ajjhattikānī’’ti hi saparasantānikāni cakkhādīni vuccanti, tathā rūpādīni ‘‘bāhirānī’’ti. Ajjhattāni pana sasantānikā eva cakkhurūpādayo, tato aññeva bahiddhāti. ‘‘Viññāṇasamūhā’’ti ettha yadipi tesaṃ viññāṇānaṃ samodhānaṃ natthi bhinnakālikattā, cittena pana ekajjhaṃ abhisaṃyūhanavasena samūhatā vuttā yathā ‘‘vedanākkhandho’’ti. Cakkhupasādanissitanti cakkhupasādaṃ nissāya paccayaṃ labhitvā uppannaṃ kusalākusalavipākaviññāṇaṃ cakkhuviññāṇatāsāmaññena ekajjhaṃ katvā vuttaṃ. Cakkhusannissito samphasso, na cakkhudvāriko. Imedasa samphasseti ime pasādavatthuke dasa vipākasamphasse ṭhapetvā. Eteneva nayenāti etena phasse vutteneva nayena. Taṇhāchakke taṇhaṃ ārabbha pavattāpi taṇhā dhammataṇhāti veditabbā.

    อปฺปฎิสฺสโยติ อปฺปฎิสฺสโว, ว-การสฺส ย-การํ กตฺวา นิเทฺทโสฯ ครุนา กิสฺมิญฺจิ วุเตฺต คารววเสน ปฎิสฺสวนํ ปฎิสฺสโว, ปฎิสฺสวภูตํ, ตํสภาคญฺจ ยํ กิญฺจิ คารวํ, นตฺถิ เอตสฺมิํ ปฎิสฺสโวติ อปฺปฎิสฺสโว, คารวรหิโตฯ เตนาห ‘‘อนีจวุตฺตี’’ติฯ ยถา เจติยํ อุทฺทิสฺส กตํ สตฺถุ กตสทิสํ, เอวํ เจติยสฺส ปุรโต กตํ สตฺถุ ปุรโต กตสทิสํ เอวาติ อาห ‘‘ปรินิพฺพุเต ปนา’’ติอาทิฯ สกฺกจฺจํ น คจฺฉตีติ อาทรํ คารวํ อุปฺปาเทตฺวา น อุปสงฺกมติฯ ยถา สิกฺขาย เอกเทเส โกปิเต, อคารเว จ กเต สพฺพา สิกฺขา กุปฺปติ, สพฺพตฺถ จ อคารวํ กตํ นาม โหติ สมุทายโต สํวรสมาทานํ อวยวโต เภโทติฯ เอวํ เอกภิกฺขุสฺมิํปิ…เป.… อคารโว กโตว โหติฯ อนาทริยมเตฺตนปิ สิกฺขาย อปริปูริเยวาติ อาห ‘‘อปูรยมาโนว สิกฺขาย อคารโว นามา’’ติฯ อปฺปมาทลกฺขณํ สมฺมาปฎิปตฺติฯ ทุวิธนฺติ ธมฺมามิสวเสน ทุวิธํฯ

    Appaṭissayoti appaṭissavo, va-kārassa ya-kāraṃ katvā niddeso. Garunā kismiñci vutte gāravavasena paṭissavanaṃ paṭissavo, paṭissavabhūtaṃ, taṃsabhāgañca yaṃ kiñci gāravaṃ, natthi etasmiṃ paṭissavoti appaṭissavo, gāravarahito. Tenāha ‘‘anīcavuttī’’ti. Yathā cetiyaṃ uddissa kataṃ satthu katasadisaṃ, evaṃ cetiyassa purato kataṃ satthu purato katasadisaṃ evāti āha ‘‘parinibbute panā’’tiādi. Sakkaccaṃ na gacchatīti ādaraṃ gāravaṃ uppādetvā na upasaṅkamati. Yathā sikkhāya ekadese kopite, agārave ca kate sabbā sikkhā kuppati, sabbattha ca agāravaṃ kataṃ nāma hoti samudāyato saṃvarasamādānaṃ avayavato bhedoti. Evaṃ ekabhikkhusmiṃpi…pe… agāravo katova hoti. Anādariyamattenapi sikkhāya aparipūriyevāti āha ‘‘apūrayamānova sikkhāya agāravo nāmā’’ti. Appamādalakkhaṇaṃ sammāpaṭipatti. Duvidhanti dhammāmisavasena duvidhaṃ.

    โสมนสฺสูปวิจาราติ โสมนสฺสสหคตา วิจารา อธิเปฺปตา, อุปสโทฺท จ นิปาตมตฺตนฺติ อาห ‘‘โสมนสฺสสมฺปยุตฺตา วิจารา’’ติฯ ตถา หิสฺส อภิธเมฺม (ธ. ส. ๘) ‘‘จาโร วิจาโร…เป.… อุปวิจาโร’’ติ นิเทฺทโส ปวโตฺตฯ โสมนสฺสการณภูตนฺติ สภาวโต, สงฺกปฺปโตปิ โสมนสฺสสฺส อุปฺปตฺติยา ปจฺจยภูตํฯ กามํ ปริตฺตภูมกา วิตกฺกวิจารา อญฺญมญฺญมวิโยคิโน , กิริยาเภทโต ปน ปฐมาภินิปาตตาย วิตกฺกสฺส พฺยาปาโร สาติสโยฯ ตโต ปรํ วิจารสฺสาติ ตํ สนฺธาย ‘‘วิตเกฺกตฺวา’’ติ ปุพฺพกาลกิริยาวเสน วตฺวา ‘‘วิจาเรน ปริจฺฉินฺทตี’’ติ วุตฺตํฯ ลทฺธปุพฺพาเสวนสฺส วิจารสฺส พฺยาปาโร ปญฺญา วิย โหติฯ ตถา หิ ‘‘วิจาโร วิจิกิจฺฉาย ปฎิปโกฺข’’ติ เปฎเก วุตฺตํฯ ‘‘ทิฎฺฐิสามญฺญคโต’’ติ เอตฺถ ยาย ทิฎฺฐิยา ปุคฺคโล ทิฎฺฐิสามญฺญํ คโต วุโตฺต, สา ปฐมมคฺคสมฺมาทิฎฺฐิ โกสมฺพกสุเตฺต อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘โกสมฺพกสุเตฺต ปฐมมโคฺค กถิโต’’ติฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สุเตฺตฯ จตูสุปิ มเคฺคสุ สมฺมาทิฎฺฐิ ทิฎฺฐิคฺคหเณน คหิตาติ อาห ‘‘จตฺตาโรปิ มคฺคา กถิตา’’ติฯ

    Somanassūpavicārāti somanassasahagatā vicārā adhippetā, upasaddo ca nipātamattanti āha ‘‘somanassasampayuttā vicārā’’ti. Tathā hissa abhidhamme (dha. sa. 8) ‘‘cāro vicāro…pe… upavicāro’’ti niddeso pavatto. Somanassakāraṇabhūtanti sabhāvato, saṅkappatopi somanassassa uppattiyā paccayabhūtaṃ. Kāmaṃ parittabhūmakā vitakkavicārā aññamaññamaviyogino , kiriyābhedato pana paṭhamābhinipātatāya vitakkassa byāpāro sātisayo. Tato paraṃ vicārassāti taṃ sandhāya ‘‘vitakketvā’’ti pubbakālakiriyāvasena vatvā ‘‘vicārena paricchindatī’’ti vuttaṃ. Laddhapubbāsevanassa vicārassa byāpāro paññā viya hoti. Tathā hi ‘‘vicāro vicikicchāya paṭipakkho’’ti peṭake vuttaṃ. ‘‘Diṭṭhisāmaññagato’’ti ettha yāya diṭṭhiyā puggalo diṭṭhisāmaññaṃ gato vutto, sā paṭhamamaggasammādiṭṭhi kosambakasutte adhippetoti āha ‘‘kosambakasutte paṭhamamaggo kathito’’ti. Idhāti imasmiṃ sutte. Catūsupi maggesu sammādiṭṭhi diṭṭhiggahaṇena gahitāti āha ‘‘cattāropi maggā kathitā’’ti.

    วิวาทมูลฉกฺกวณฺณนา

    Vivādamūlachakkavaṇṇanā

    ๓๒๕. โกธโนติ กุชฺฌนสีโลฯ ยสฺมา โส อปฺปหีนโกธตาย วิคตโกธโน นาม น โหติ, ตสฺมา ‘‘โกเธน สมนฺนาคโต’’ติ อาหฯ อุปนาโห เอตสฺส อตฺถิ, อุปนยฺหนสีโลติ วา อุปนาหีฯ วิวาโท นาม อุปฺปชฺชมาโน เยภุเยฺยน ปฐมํ ทฺวินฺนํ วเสน อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ ‘‘ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ วิวาโท’’ติฯ โส ปน ยถา พหูนํ อนตฺถาวโห โหติ, ตํ นิทสฺสนมุเขน ทเสฺสโนฺต ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาหฯ อพฺภนฺตรปริสายาติ ปริสพฺภนฺตเรฯ

    325.Kodhanoti kujjhanasīlo. Yasmā so appahīnakodhatāya vigatakodhano nāma na hoti, tasmā ‘‘kodhena samannāgato’’ti āha. Upanāho etassa atthi, upanayhanasīloti vā upanāhī. Vivādo nāma uppajjamāno yebhuyyena paṭhamaṃ dvinnaṃ vasena uppajjatīti vuttaṃ ‘‘dvinnaṃ bhikkhūnaṃ vivādo’’ti. So pana yathā bahūnaṃ anatthāvaho hoti, taṃ nidassanamukhena dassento ‘‘katha’’ntiādimāha. Abbhantaraparisāyāti parisabbhantare.

    ปรคุณมกฺขนาย ปวโตฺตปิ อตฺตโน การกํ คูเถน ปหรนฺตํ คูโถ วิย ปฐมตรํ มเกฺขตีติ มโกฺข, โส เอตสฺส อตฺถีติ มกฺขีฯ ปลาสตีติ ปลาโส, ปรสฺส คุเณ ฑํสิตฺวา วิย อปเนตีติ อโตฺถ, โส เอตสฺส อตฺถีติ ปลาสีฯ ปลาสี ปุคฺคโล หิ ทุติยสฺส ธุรํ น เทติ, สมํ ปสาเรตฺวา ติฎฺฐติฯ เตนาห ‘‘ยุคคฺคาหลกฺขเณน ปลาเสน สมนฺนาคโต’’ติฯ ‘‘อิสฺสุกี’’ติอาทีนํ ปทานมโตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา สุวิเญฺญโยฺยวฯ กมฺมปถปฺปตฺตาย มิจฺฉาทิฎฺฐิยา วเสเนตฺถ มิจฺฉาทิฎฺฐิ เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘นตฺถิกวาที อเหตุกวาที อกิริยวาที’’ติฯ

    Paraguṇamakkhanāya pavattopi attano kārakaṃ gūthena paharantaṃ gūtho viya paṭhamataraṃ makkhetīti makkho, so etassa atthīti makkhī. Palāsatīti palāso, parassa guṇe ḍaṃsitvā viya apanetīti attho, so etassa atthīti palāsī. Palāsī puggalo hi dutiyassa dhuraṃ na deti, samaṃ pasāretvā tiṭṭhati. Tenāha ‘‘yugaggāhalakkhaṇena palāsena samannāgato’’ti. ‘‘Issukī’’tiādīnaṃ padānamattho heṭṭhā vuttanayattā suviññeyyova. Kammapathappattāya micchādiṭṭhiyā vasenettha micchādiṭṭhi veditabbāti āha ‘‘natthikavādī ahetukavādī akiriyavādī’’ti.

    นิสฺสรณิยฉกฺกวณฺณนา

    Nissaraṇiyachakkavaṇṇanā

    ๓๒๖. หาเปตฺวาติ กุสลจิตฺตํ ปริหาเปตฺวา ปวตฺติตุเมว อปฺปทานวเสนฯ อภูตํ พฺยากรณํ พฺยากโรติ ‘‘เมตฺตา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๖.๑๓) อตฺตนิ อวิชฺชมานํ คุณพฺยาหารํ พฺยาหรติฯ เจโตวิมุตฺติ-สทฺทํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘นิสฺสฎา’’ติ วุตฺตํฯ ปุน พฺยาปาโท นตฺถีติ อิทานิ มม พฺยาปาโท นาม นตฺถิ สพฺพโส นตฺถีติ ญตฺวาฯ

    326.Hāpetvāti kusalacittaṃ parihāpetvā pavattitumeva appadānavasena. Abhūtaṃ byākaraṇaṃ byākaroti ‘‘mettā hi kho me cetovimutti bhāvitā’’tiādinā (a. ni. 6.13) attani avijjamānaṃ guṇabyāhāraṃ byāharati. Cetovimutti-saddaṃ apekkhitvā ‘‘nissaṭā’’ti vuttaṃ. Puna byāpādo natthīti idāni mama byāpādo nāma natthi sabbaso natthīti ñatvā.

    ‘‘อนิมิตฺตา’’ติ วตฺวา เยสํ นิมิตฺตานํ อภาเวน อรหตฺตผลสมาปตฺติยา อนิมิตฺตตา, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ราคสฺส นิมิตฺตํ, ราโค เอว วา นิมิตฺตนฺติ ราคนิมิตฺตํฯ อาทิ-สเทฺทน โทสนิมิตฺตาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ รูปเวทนาทิสงฺขารนิมิตฺตํ รูปนิมิตฺตาทิฯ เตสเญฺญว นิจฺจาทิวเสน อุปฎฺฐานํ นิจฺจนิมิตฺตาทิฯ ตยิทํ นิมิตฺตํ ยสฺมา สเพฺพน สพฺพํ อรหตฺตผเล นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สา หิ…เป.… อนิมิตฺตาติ วุตฺตา’’ติฯ นิมิตฺตํ อนุสรตีติ ตํ นิมิตฺตํ อนุคจฺฉติ อารพฺภ ปวตฺตติฯ

    ‘‘Animittā’’ti vatvā yesaṃ nimittānaṃ abhāvena arahattaphalasamāpattiyā animittatā, taṃ dassetuṃ ‘‘sā hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha rāgassa nimittaṃ, rāgo eva vā nimittanti rāganimittaṃ. Ādi-saddena dosanimittādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Rūpavedanādisaṅkhāranimittaṃ rūpanimittādi. Tesaññeva niccādivasena upaṭṭhānaṃ niccanimittādi. Tayidaṃ nimittaṃ yasmā sabbena sabbaṃ arahattaphale natthi, tasmā vuttaṃ ‘‘sā hi…pe… animittāti vuttā’’ti. Nimittaṃ anusaratīti taṃ nimittaṃ anugacchati ārabbha pavattati.

    อสฺมิมาโนติ ‘‘อสฺมี’’ติ ปวโตฺต อตฺตวิสโย มาโนฯ อยํ นาม อหํ อสฺมีติ รูปลกฺขโณ, เวทนาทีสุ วา อญฺญตรลกฺขโณ อยํ นาม อตฺตา อหํ อสฺมิฯ ‘‘อสฺมี’’ติ มาโน สมุคฺฆาฎียติ เอเตนาติ อสฺมิมานสมุคฺฆาโต, อรหตฺตมโคฺคฯ ปุน อสฺมิมาโน นตฺถีติ ตสฺส อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนํ กิเตฺตโนฺต สมุคฺฆาตตฺตเมว วิภาเวติฯ

    Asmimānoti ‘‘asmī’’ti pavatto attavisayo māno. Ayaṃ nāma ahaṃ asmīti rūpalakkhaṇo, vedanādīsu vā aññataralakkhaṇo ayaṃ nāma attā ahaṃ asmi. ‘‘Asmī’’ti māno samugghāṭīyati etenāti asmimānasamugghāto, arahattamaggo. Puna asmimāno natthīti tassa anuppattidhammatāpādanaṃ kittento samugghātattameva vibhāveti.

    อนุตฺตริยาทิฉกฺกวณฺณนา

    Anuttariyādichakkavaṇṇanā

    ๓๒๗. นตฺถิ เอเตสํ อุตฺตรานิ วิสิฎฺฐานีติ อนุตฺตรานิ, อนุตฺตรานิ เอว อนุตฺตริยานิ ยถา อนนฺตเมว อานนฺตริยนฺติ อาห ‘‘อนุตฺตริยานีติ อนุตฺตรานี’’ติฯ ทสฺสนานุตฺตริยํ นาม อนุตฺตรผลวิเสสาวหตฺตาฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ สตฺตวิธอริยธนลาโภติ สตฺตวิธสทฺธาทิโลกุตฺตรธนลาโภฯ สิกฺขตฺตยปูรณนฺติ อธิสีลสิกฺขาทีนํ ติสฺสนฺนํ สิกฺขานํ ปริปูรณํฯ ตตฺถ ปริปูรณํ นิปฺปริยายโต อเสกฺขานํ วเสน เวทิตพฺพํฯ กลฺยาณปุถุชฺชนโต ปฎฺฐาย หิ สตฺต เสกฺขา ติโสฺส สิกฺขา ปูเรนฺติ นาม, อรหา ปน ปริปุณฺณสิโกฺขติฯ อิติ อิมานิ อนุตฺตริยานิ โลกิยโลกุตฺตรานิ กถิตานิฯ

    327. Natthi etesaṃ uttarāni visiṭṭhānīti anuttarāni, anuttarāni eva anuttariyāni yathā anantameva ānantariyanti āha ‘‘anuttariyānīti anuttarānī’’ti. Dassanānuttariyaṃ nāma anuttaraphalavisesāvahattā. Esa nayo sesesupi. Sattavidhaariyadhanalābhoti sattavidhasaddhādilokuttaradhanalābho. Sikkhattayapūraṇanti adhisīlasikkhādīnaṃ tissannaṃ sikkhānaṃ paripūraṇaṃ. Tattha paripūraṇaṃ nippariyāyato asekkhānaṃ vasena veditabbaṃ. Kalyāṇaputhujjanato paṭṭhāya hi satta sekkhā tisso sikkhā pūrenti nāma, arahā pana paripuṇṇasikkhoti. Iti imāni anuttariyāni lokiyalokuttarāni kathitāni.

    อนุสฺสติโย เอว ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกาทิหิตสุขานํ การณภาวโต ฐานานีติ อนุสฺสติฎฺฐานานิฯ เอวํ อนุสฺสรโตติ ยถา พุทฺธานุสฺสติ วิเสสาธิคมสฺส ฐานํ โหติ, เอวํ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๕๗, ๒๕๕) พุทฺธคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺสฯ อุปจารกมฺมฎฺฐานนฺติ ปจฺจกฺขโต อุปจารชฺฌานาวหํ กมฺมฎฺฐานํ, ปรมฺปราย ปน ยาว อรหตฺตา โลกิยโลกุตฺตรวิเสสาวหํฯ

    Anussatiyoeva diṭṭhadhammikasamparāyikādihitasukhānaṃ kāraṇabhāvato ṭhānānīti anussatiṭṭhānāni. Evaṃ anussaratoti yathā buddhānussati visesādhigamassa ṭhānaṃ hoti, evaṃ ‘‘itipi so bhagavā’’tiādinā (dī. ni. 1.157, 255) buddhaguṇe anussarantassa. Upacārakammaṭṭhānanti paccakkhato upacārajjhānāvahaṃ kammaṭṭhānaṃ, paramparāya pana yāva arahattā lokiyalokuttaravisesāvahaṃ.

    สตตวิหารฉกฺกวณฺณนา

    Satatavihārachakkavaṇṇanā

    ๓๒๘. นิจฺจวิหาราติ สพฺพทา ปวตฺตนกวิหาราฯ ฐเปตฺวา หิ สมาปตฺติเวลํ, ภวงฺคเวลญฺจ ขีณาสวา อิมินาว ฉฬงฺคุเปกฺขาวิหาเรน สพฺพกาลํ วิหรนฺติฯ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ นิสฺสยโวหาเรน วุตฺตํฯ สสมฺภารกถา เหสา ยถา ‘‘ธนุนา วิชฺฌตี’’ติฯ ตสฺมา นิสฺสยสีเสน นิสฺสิตสฺส คหณํ ทฎฺฐพฺพนฺติ อาห ‘‘จกฺขุวิญฺญาเณน ทิสฺวา’’ติฯ อิเฎฺฐ อรชฺชโนฺตติ อิเฎฺฐ อารมฺมเณ ราคํ อนุปฺปาเทโนฺต มเคฺคน สมุจฺฉินฺนตฺตาฯ เนว สุมโน โหติ เคหสิตเปมวเสนปิฯ น ทุมฺมโน ปสาทญฺญถตฺตวเสนปิฯ อสมเปกฺขเนติ อิเฎฺฐปิ อนิเฎฺฐปิ มชฺฌเตฺตปิ อารมฺมเณ น สมํ น สมฺมา อโยนิโส คหเณฯ โย อขีณาสวานํ โมโห อุปฺปชฺชติ, ตํ อนุปฺปาเทโนฺต มเคฺคเนว ตสฺส สมุคฺฆาฎิตตฺตาฯ ญาณุเปกฺขาวเสเนว อุเปกฺขโก วิหรติ มชฺฌโตฺตฯ อยญฺจสฺส ปฎิปตฺติเวปุลฺลปฺปตฺติยา , ปญฺญาเวปุลฺลปฺปตฺติยา วาติ อาห ‘‘สติยา’’ติอาทิฯ ฉฬงฺคุเปกฺขาติ ฉสุ ทฺวาเรสุ ปวตฺตา สติสมฺปชญฺญสฺส วเสน ฉาวยวา อุเปกฺขาฯ ญาณสมฺปยุตฺตจิตฺตานิ ลพฺภนฺติ เตหิ วินา สมฺปชานตาย อสมฺภวโตฯ มหาจิตฺตานีติ อฎฺฐปิ มหากิริยจิตฺตานิ ลพฺภนฺติฯ สตตวิหาราติ ญาณุปฺปตฺติปจฺจยรหิตกาเลปิ ปวตฺติเภทนโตฯ ทส จิตฺตานีติ อฎฺฐ มหากิริยจิตฺตานิ หสิตุปฺปาทโวฎฺฐพฺพนจิเตฺตหิ สทฺธิํ ทส จิตฺตานิ ลพฺภนฺติฯ อรชฺชนาทุสฺสนวเสน ปวตฺติ เตสมฺปิ สาธารณาติฯ‘‘อุเปกฺขโก วิหรตี’’ติ วจนโต ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน อาคตานํ อิเมสํ สตตวิหารานํ ‘‘โสมนสฺสํ กถํ ลพฺภตี’’ติ โจเทตฺวา ‘‘อาเสวนโต ลพฺภตี’’ติ สยเมว ปริหรตีติฯ กิญฺจาปิ ขีณาสโว อิฎฺฐานิเฎฺฐปิ อารมฺมเณ มชฺฌเตฺต วิย พหุลํ อุเปกฺขโก วิหรติ อตฺตโน ปริสุทฺธปกติภาวาวิชหนโต, กทาจิ ปน ตถา เจโตภิสงฺขาราภาเว ยํ ตํ สภาวโต อิฎฺฐํ อารมฺมณํ, ตตฺถ ยาถาวสภาวคฺคหณวเสนปิ อรหโต จิตฺตํ โสมนสฺสสหคตํ หุตฺวา ปวตฺตเตว, ตญฺจ โข ปุพฺพาเสวนวเสนฯ เตนาห ‘‘อาเสวนโต ลพฺภตี’’ติฯ

    328.Niccavihārāti sabbadā pavattanakavihārā. Ṭhapetvā hi samāpattivelaṃ, bhavaṅgavelañca khīṇāsavā imināva chaḷaṅgupekkhāvihārena sabbakālaṃ viharanti. Cakkhunā rūpaṃ disvāti nissayavohārena vuttaṃ. Sasambhārakathā hesā yathā ‘‘dhanunā vijjhatī’’ti. Tasmā nissayasīsena nissitassa gahaṇaṃ daṭṭhabbanti āha ‘‘cakkhuviññāṇena disvā’’ti. Iṭṭhe arajjantoti iṭṭhe ārammaṇe rāgaṃ anuppādento maggena samucchinnattā. Neva sumano hoti gehasitapemavasenapi. Na dummano pasādaññathattavasenapi. Asamapekkhaneti iṭṭhepi aniṭṭhepi majjhattepi ārammaṇe na samaṃ na sammā ayoniso gahaṇe. Yo akhīṇāsavānaṃ moho uppajjati, taṃ anuppādento maggeneva tassa samugghāṭitattā. Ñāṇupekkhāvaseneva upekkhako viharati majjhatto. Ayañcassa paṭipattivepullappattiyā , paññāvepullappattiyā vāti āha ‘‘satiyā’’tiādi. Chaḷaṅgupekkhāti chasu dvāresu pavattā satisampajaññassa vasena chāvayavā upekkhā. Ñāṇasampayuttacittāni labbhanti tehi vinā sampajānatāya asambhavato. Mahācittānīti aṭṭhapi mahākiriyacittāni labbhanti. Satatavihārāti ñāṇuppattipaccayarahitakālepi pavattibhedanato. Dasa cittānīti aṭṭha mahākiriyacittāni hasituppādavoṭṭhabbanacittehi saddhiṃ dasa cittāni labbhanti. Arajjanādussanavasena pavatti tesampi sādhāraṇāti.‘‘Upekkhako viharatī’’ti vacanato chaḷaṅgupekkhāvasena āgatānaṃ imesaṃ satatavihārānaṃ ‘‘somanassaṃ kathaṃ labbhatī’’ti codetvā ‘‘āsevanato labbhatī’’ti sayameva pariharatīti. Kiñcāpi khīṇāsavo iṭṭhāniṭṭhepi ārammaṇe majjhatte viya bahulaṃ upekkhako viharati attano parisuddhapakatibhāvāvijahanato, kadāci pana tathā cetobhisaṅkhārābhāve yaṃ taṃ sabhāvato iṭṭhaṃ ārammaṇaṃ, tattha yāthāvasabhāvaggahaṇavasenapi arahato cittaṃ somanassasahagataṃ hutvā pavattateva, tañca kho pubbāsevanavasena. Tenāha ‘‘āsevanato labbhatī’’ti.

    อภิชาติฉกฺกวณฺณนา

    Abhijātichakkavaṇṇanā

    ๓๒๙. ‘‘อภิชาติโย’’ติ เอตฺถ อภิ-สโทฺท อุปสคฺคมตฺตํ, น อตฺถวิเสสโชตโกติ อาห ‘‘ชาติโย’’ติฯ อภิชายตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ชายตีติ จ อโนฺตคธเหตุอตฺถปทํ, อุปฺปาเทตีติ อโตฺถฯ ชาติยา, ตํนิพฺพตฺตกกมฺมานญฺจ กณฺหสุกฺกปริยายตาย ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ ปฎิปฺปสฺสมฺภนวเสน กิเลสานํ นิพฺพาปนโต นิพฺพานํ สเจ กณฺหํ ภเวยฺย ยถา ตํ ทสวิธํ ทุสฺสีลฺยกมฺมํฯ สเจ สุกฺกํ ภเวยฺย ยถา ตํ ทานสีลาทิกุสลกมฺมํฯ ทฺวินฺนมฺปิ กณฺหสุกฺกวิปากานํฯ อรหตฺตํ อธิเปฺปตํ ‘‘อภิชายตี’’ติ วจนโตฯ ตํ กิเลสนิพฺพานเนฺต ชาตตฺตา นิพฺพานํ ยถา ราคาทีนํ ขยเนฺต ชาตตฺตา ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโยติฯ

    329. ‘‘Abhijātiyo’’ti ettha abhi-saddo upasaggamattaṃ, na atthavisesajotakoti āha ‘‘jātiyo’’ti. Abhijāyatīti etthāpi eseva nayo. Jāyatīti ca antogadhahetuatthapadaṃ, uppādetīti attho. Jātiyā, taṃnibbattakakammānañca kaṇhasukkapariyāyatāya yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. Paṭippassambhanavasena kilesānaṃ nibbāpanato nibbānaṃ sace kaṇhaṃ bhaveyya yathā taṃ dasavidhaṃ dussīlyakammaṃ. Sace sukkaṃ bhaveyya yathā taṃ dānasīlādikusalakammaṃ. Dvinnampi kaṇhasukkavipākānaṃ. Arahattaṃ adhippetaṃ ‘‘abhijāyatī’’ti vacanato. Taṃ kilesanibbānante jātattā nibbānaṃ yathā rāgādīnaṃ khayante jātattā rāgakkhayo dosakkhayo mohakkhayoti.

    นิเพฺพธภาคิยฉกฺกวณฺณนา

    Nibbedhabhāgiyachakkavaṇṇanā

    นิเพฺพโธ วุจฺจติ นิพฺพานํ มคฺคญาเณน นิพฺพิชฺฌิตพฺพเฎฺฐน, ปฎิวิชฺฌิตพฺพเฎฺฐนาติ อโตฺถฯ นิโรธานุปสฺสนาญาเณติ นิโรธานุปสฺสนาญาเณ นิสฺสยปจฺจยภูเต อุปฺปนฺนา สญฺญา, เตน สหคตาติ อโตฺถฯ

    Nibbedhovuccati nibbānaṃ maggañāṇena nibbijjhitabbaṭṭhena, paṭivijjhitabbaṭṭhenāti attho. Nirodhānupassanāñāṇeti nirodhānupassanāñāṇe nissayapaccayabhūte uppannā saññā, tena sahagatāti attho.

    ฉกฺกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Chakkavaṇṇanā niṭṭhitā.

    สตฺตกวณฺณนา

    Sattakavaṇṇanā

    ๓๓๐. สมฺปตฺติปฎิลาภเฎฺฐนาติ สีลสมฺปตฺติอาทีนํ สมฺมาสโมฺพธิปริโยสานานํ สมฺปตฺตีนํ ปฎิลาภาปนเฎฺฐน, สมฺปตฺตีนํ วา ปฎิลาโภ สมฺปตฺติปฎิลาโภ, ตสฺส การณํ สมฺปตฺติปฎิลาภโฎฺฐ, เตน สมฺปตฺติปฎิลาภเฎฺฐนฯ เตเนวาห ‘‘สมฺปตฺตีนํ ปฎิลาภการณโต’’ติฯ สทฺธาว อุภยหิตตฺถิเกหิ ธนายิตพฺพเฎฺฐน ธนํ สทฺธาธนํฯ เอตฺถาติ เอเตสุ ธเนสุฯ สพฺพเสฎฺฐํ สเพฺพสํ ปฎิลาภการณภาวโต, เตสญฺจ สํกิเลสวิโสธเนน มหาชุติกมหาวิปฺผารภาวาปาทนโตฯ เตนาห ‘‘ปญฺญาย หี’’ติอาทิฯ ตตฺถ ปญฺญาย ฐตฺวาติ กมฺมสฺสกตาปญฺญาย ปติฎฺฐาย สุจริตาทีนิ ปูเรตฺวา สคฺคูปคา โหนฺติฯ ตตฺถ เจว ปารมิตา ปญฺญาย จ ฐตฺวา สาวกปารมิญาณาทีนิ ปฎิวิชฺฌนฺติฯ

    330.Sampattipaṭilābhaṭṭhenāti sīlasampattiādīnaṃ sammāsambodhipariyosānānaṃ sampattīnaṃ paṭilābhāpanaṭṭhena, sampattīnaṃ vā paṭilābho sampattipaṭilābho, tassa kāraṇaṃ sampattipaṭilābhaṭṭho, tena sampattipaṭilābhaṭṭhena. Tenevāha ‘‘sampattīnaṃ paṭilābhakāraṇato’’ti. Saddhāva ubhayahitatthikehi dhanāyitabbaṭṭhena dhanaṃ saddhādhanaṃ. Etthāti etesu dhanesu. Sabbaseṭṭhaṃ sabbesaṃ paṭilābhakāraṇabhāvato, tesañca saṃkilesavisodhanena mahājutikamahāvipphārabhāvāpādanato. Tenāha ‘‘paññāya hī’’tiādi. Tattha paññāya ṭhatvāti kammassakatāpaññāya patiṭṭhāya sucaritādīnipūretvā saggūpagā honti. Tattha ceva pāramitā paññāya ca ṭhatvā sāvakapāramiñāṇādīni paṭivijjhanti.

    สมาธิํ ปริกฺขโรนฺติ อภิสงฺขโรนฺตีติ สมาธิปริกฺขารา, สมาธิสฺส สมฺภารภูตา สมฺมาทิฎฺฐิอาทโยฯ อิธ ปน สหการีการณภูตา อธิเปฺปตาติ อาห ‘‘สมาธิปริวารา’’ติฯ

    Samādhiṃ parikkharonti abhisaṅkharontīti samādhiparikkhārā, samādhissa sambhārabhūtā sammādiṭṭhiādayo. Idha pana sahakārīkāraṇabhūtā adhippetāti āha ‘‘samādhiparivārā’’ti.

    อสตํ อสาธูนํ ธมฺมา เตสํ อสาธุภาวสาธนโตฯ อสนฺตาติ อสุนฺทรา คารยฺหาฯ เตนาห ‘‘ลามกา’’ติฯ ‘‘วิปสฺสกเสฺสว กถิตา’’ติ วตฺวา ตสฺส วิปสฺสนานิพฺพตฺติํ ทเสฺสตุํ ‘‘เตสุปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ จตุนฺนมฺปิ หิ สจฺจานํ วิเสเสน ทสฺสนโต มคฺคปญฺญา สาติสยํ ‘‘วิปสฺสนา’’ติ วตฺตพฺพา, ตํสมงฺคี จ อริโย วิปสฺสนโกติฯ

    Asataṃ asādhūnaṃ dhammā tesaṃ asādhubhāvasādhanato. Asantāti asundarā gārayhā. Tenāha ‘‘lāmakā’’ti. ‘‘Vipassakasseva kathitā’’ti vatvā tassa vipassanānibbattiṃ dassetuṃ ‘‘tesupī’’tiādi vuttaṃ. Catunnampi hi saccānaṃ visesena dassanato maggapaññā sātisayaṃ ‘‘vipassanā’’ti vattabbā, taṃsamaṅgī ca ariyo vipassanakoti.

    สปฺปุริสานํ ธมฺมาติ สปฺปุริสานํเยว ธมฺมา, น อสปฺปุริสานํฯ ธมฺมานุธมฺมปฎิปตฺติยา เอว หิ ธมฺมญฺญุอาทิภาโว , น ปาฬิธมฺมปฐนาทิมเตฺตนฯ ภาสิตสฺสาติ สุตฺตเคยฺยาทิภาสิตสฺส เจว ตทญฺญสฺส จ อตฺตตฺถปรตฺถโพธกสฺส ปทสฺสฯ อตฺถกุสลตาวเสน อตฺถํ ชานาตีติ อตฺถญฺญู ฯ อตฺตานํ ชานาตีติ ยาถาวโต อตฺตโน ปมาณชานนวเสน อตฺตานํ ชานาติฯ ปฎิคฺคหณปริโภคมตฺตญฺญุตาหิ เอว ปริเยสนวิสฺสชฺชนมตฺตญฺญุตาปิ โพธิตา โหนฺตีติ ‘‘ปฎิคฺคหณปริโภเคสุ’’ อิเจฺจว วุตฺตํฯ เอวญฺหิ ตา อนวชฺชา โหนฺตีติฯ โยคสฺส อธิคมายาติ ภาวนาย อนุยุญฺชนสฺสฯ อติสมฺพาธนฺติ อติขุทฺทกํ อติกฺขปญฺญสฺส ตาวตา กาเลน ตีเรตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตาฯ อฎฺฐวิธํ ปริสนฺติ ขตฺติยปริสาทิกํ อฎฺฐวิธํ ปริสํฯ ภิกฺขุปริสาทิกํ จตุพฺพิธํ ขตฺติยปริสาทิกํ มนุสฺสปริสํเยว ปุน จตุพฺพิธํ คเหตฺวา อฎฺฐวิธํ วทนฺติ อปเรฯ ‘‘อิมํ เม เสวนฺตสฺส อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, ตสฺมา เสวิตโพฺพ, วิปริยายโต ตทโญฺญ อเสวิตโพฺพ’’ติ เอวํ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพํ ปุคฺคลํ ชานาตีติ ปุคฺคลญฺญูฯ เอวํ เตสํ ปุคฺคลานมฺปิ โพธนํ อุกฺกฎฺฐํ, นิหีนํ วา ชานาติ นามฯ

    Sappurisānaṃ dhammāti sappurisānaṃyeva dhammā, na asappurisānaṃ. Dhammānudhammapaṭipattiyā eva hi dhammaññuādibhāvo , na pāḷidhammapaṭhanādimattena. Bhāsitassāti suttageyyādibhāsitassa ceva tadaññassa ca attatthaparatthabodhakassa padassa. Atthakusalatāvasena atthaṃ jānātīti atthaññū . Attānaṃ jānātīti yāthāvato attano pamāṇajānanavasena attānaṃ jānāti. Paṭiggahaṇaparibhogamattaññutāhi eva pariyesanavissajjanamattaññutāpi bodhitā hontīti ‘‘paṭiggahaṇaparibhogesu’’ icceva vuttaṃ. Evañhi tā anavajjā hontīti. Yogassa adhigamāyāti bhāvanāya anuyuñjanassa. Atisambādhanti atikhuddakaṃ atikkhapaññassa tāvatā kālena tīretuṃ asakkuṇeyyattā. Aṭṭhavidhaṃ parisanti khattiyaparisādikaṃ aṭṭhavidhaṃ parisaṃ. Bhikkhuparisādikaṃ catubbidhaṃ khattiyaparisādikaṃ manussaparisaṃyeva puna catubbidhaṃ gahetvā aṭṭhavidhaṃ vadanti apare. ‘‘Imaṃ me sevantassa akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti, tasmā sevitabbo, vipariyāyato tadañño asevitabbo’’ti evaṃ sevitabbāsevitabbaṃ puggalaṃ jānātīti puggalaññū. Evaṃ tesaṃ puggalānampi bodhanaṃ ukkaṭṭhaṃ, nihīnaṃ vā jānāti nāma.

    ๓๓๑. ‘‘นิทฺทสวตฺถูนี’’ติฯ ‘‘อาทิ-สทฺทโลเปนายํ นิเทฺทโส’’ติ อาห ‘‘นิทฺทสาทิวตฺถูนี’’ติฯ นตฺถิ ทานิ อิมสฺส ทสาติ นิทฺทโสฯ ปโญฺหติ ญาตุํ อิจฺฉิโต อโตฺถฯ ปุน ทสวโสฺส น โหตีติ เตสํ มติมตฺตนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘โส กิรา’’ติ กิรสทฺทคฺคหณํฯ ‘‘นิทฺทโส’’ติ เจตํ เทสนามตฺตํ, ตสฺส นิพฺพีสาทิภาวสฺส วิย นินฺนวาทิภาวสฺส จ อิจฺฉิตตฺตาติ ทเสฺสตุํ ‘‘น เกวลญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ คาเม วิจรโนฺตติ คาเม ปิณฺฑาย วิจรโนฺตฯ

    331.‘‘Niddasavatthūnī’’ti. ‘‘Ādi-saddalopenāyaṃ niddeso’’ti āha ‘‘niddasādivatthūnī’’ti. Natthi dāni imassa dasāti niddaso. Pañhoti ñātuṃ icchito attho. Puna dasavasso na hotīti tesaṃ matimattanti dassetuṃ ‘‘so kirā’’ti kirasaddaggahaṇaṃ. ‘‘Niddaso’’ti cetaṃ desanāmattaṃ, tassa nibbīsādibhāvassa viya ninnavādibhāvassa ca icchitattāti dassetuṃ ‘‘na kevalañcā’’tiādi vuttaṃ. Gāme vicarantoti gāme piṇḍāya vicaranto.

    น อิทํ ติตฺถิยานํ อธิวจนํ เตสุ ตนฺนิมิตฺตสฺส อภาวาฯ สาสเนปิ เสกฺขสฺสาปิ น อิทํ อธิวจนํ, กิมงฺคํ ปน ปุถุชฺชนสฺสฯ ยสฺส ปเนตํ อธิวจนํ, เยน จ การเณน, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ขีณาสวเสฺสต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อปฺปฎิสนฺธิกภาโว หิสฺส ปจฺจกฺขโต การณํฯ ปรมฺปราย อิตรานิ, ยานิ ปาฬิยํ อาคตานิฯ

    Na idaṃ titthiyānaṃ adhivacanaṃ tesu tannimittassa abhāvā. Sāsanepi sekkhassāpi na idaṃ adhivacanaṃ, kimaṅgaṃ pana puthujjanassa. Yassa panetaṃ adhivacanaṃ, yena ca kāraṇena, taṃ dassetuṃ ‘‘khīṇāsavasseta’’ntiādi vuttaṃ. Appaṭisandhikabhāvo hissa paccakkhato kāraṇaṃ. Paramparāya itarāni, yāni pāḷiyaṃ āgatāni.

    สิกฺขาย สมฺมเทว อาทานํ สิกฺขาสมาทานํ, ตํ ปนสฺสา ปาริปูริยา เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สิกฺขตฺตยปูรเณ’’ติฯ สิกฺขาย วา สมฺมเทว อาทิโต ปฎฺฐาย รกฺขณํ สิกฺขาสมาทานํ, ตญฺจ อตฺถโต ปูรเณ ปริจฺฉินฺนํ อรกฺขเณ สเพฺพน สพฺพํ อภาวโต, รกฺขเณ จ ปริปูรณโตฯ พหลจฺฉโนฺทติ ทฬฺหจฺฉโนฺทฯ อายตินฺติ อนนฺตรานาคตทิวสาทิกาโล อธิเปฺปโต , น อนาคตภโวติ อาห ‘‘อนาคเต ปุนทิวสาทีสุปี’’ติฯ สิกฺขํ ปริปูเรนฺตสฺส ตตฺถ นิวิฎฺฐอตฺถิตา อวิคตเปมตา, เตภูมกธมฺมานํ อนิจฺจาทิวเสน สมฺมเทว นิชฺฌานํ ธมฺมนิสามนาติ อาห ‘‘วิปสฺสนาเยตํ อธิวจน’’นฺติฯ ตณฺหาวินยเนติ วิราคานุปสฺสนาทิวิปสฺสนาญาณานุภาวสิเทฺธ ตณฺหาวิกฺขมฺภเนฯ เอกีภาเวติ คณสงฺคณิกากิเลสสงฺคณิกาวิคมสิเทฺธ วิเวกภาเวฯ วีริยารเมฺภติ สมฺมปฺปธานวีริยสฺส ปคฺคณฺหเน, ตํ ปน สพฺพโส วีริยสฺส ปริพฺรูหนํ โหตีติ อาห ‘‘กายิกเจตสิกสฺส วีริยสฺส ปูรเณ’’ติฯ สติยเญฺจว เนปกฺกภาเว จาติ สโตการิตาย เจว สมฺปชานการิตาย จฯ สติสมฺปชญฺญพเลเนว วีริยารโมฺภ อิชฺฌติฯ ทิฎฺฐิปฎิเวเธติ สมฺมาทิฎฺฐิยา ปฎิวิชฺฌเนฯ เตนาห ‘‘มคฺคทสฺสเน’’ติฯ สจฺจสมฺปฎิเวเธ หิ อิชฺฌมาเน มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิ สิทฺธา เอว โหติฯ

    Sikkhāya sammadeva ādānaṃ sikkhāsamādānaṃ, taṃ panassā pāripūriyā veditabbanti āha ‘‘sikkhattayapūraṇe’’ti. Sikkhāya vā sammadeva ādito paṭṭhāya rakkhaṇaṃ sikkhāsamādānaṃ, tañca atthato pūraṇe paricchinnaṃ arakkhaṇe sabbena sabbaṃ abhāvato, rakkhaṇe ca paripūraṇato. Bahalacchandoti daḷhacchando. Āyatinti anantarānāgatadivasādikālo adhippeto , na anāgatabhavoti āha ‘‘anāgate punadivasādīsupī’’ti. Sikkhaṃ paripūrentassa tattha niviṭṭhaatthitā avigatapematā, tebhūmakadhammānaṃ aniccādivasena sammadeva nijjhānaṃ dhammanisāmanāti āha ‘‘vipassanāyetaṃ adhivacana’’nti. Taṇhāvinayaneti virāgānupassanādivipassanāñāṇānubhāvasiddhe taṇhāvikkhambhane. Ekībhāveti gaṇasaṅgaṇikākilesasaṅgaṇikāvigamasiddhe vivekabhāve. Vīriyārambheti sammappadhānavīriyassa paggaṇhane, taṃ pana sabbaso vīriyassa paribrūhanaṃ hotīti āha ‘‘kāyikacetasikassa vīriyassa pūraṇe’’ti. Satiyañceva nepakkabhāve cāti satokāritāya ceva sampajānakāritāya ca. Satisampajaññabaleneva vīriyārambho ijjhati. Diṭṭhipaṭivedheti sammādiṭṭhiyā paṭivijjhane. Tenāha ‘‘maggadassane’’ti. Saccasampaṭivedhe hi ijjhamāne maggasammādiṭṭhi siddhā eva hoti.

    อสุภานุปสฺสนาญาเณติ ทสวิธสฺส, เอกาทสวิธสฺสาปิ วา อสุภสฺส อนุปสฺสนาวเสน ปวตฺตญาเณฯ อิทญฺหิ ทุกฺขานุปสฺสนาย ปริจยญาณํฯ อาทีนวานุปสฺสนาญาเณติ สงฺขารานํ อนิจฺจทุกฺขวิปริณามตาสํสูจิตสฺส อาทีนวสฺส อนุปสฺสนาวเสน ปวตฺตญาเณฯ อปฺปหีนเฎฺฐนาติ มเคฺคน อสมุจฺฉินฺนภาเวนฯ อนุเสนฺตีติ สนฺตาเน อนุ อนุ สยนฺติฯ การณลาเภ หิ สติ อุปฺปนฺนารหา กิเลสา สนฺตาเน อนุ อนุ สยิตา วิย โหนฺติ, ตสฺมา เต ตทวตฺถา ‘‘อนุสยา’’ติ วุจฺจนฺติฯ ถามคโตติ ถามปฺปโตฺตฯ ถามคมนญฺจ อเญฺญหิ อสาธารโณ กามราคาทีนเมว อาเวณิโก สภาโว ทฎฺฐโพฺพฯ ตถา หิ วุตฺตํ อภิธเมฺม ‘‘ถามคตานุสยํ ปชหตี’’ติฯ กามราโค เอว อนุสโย กามราคานุสโยฯ เย ปน ‘‘กามราคสฺส อนุสโย กามราคานุสโย’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํฯ น หิ กามราควินิมุโตฺต กามราคานุสโย นาม โกจิ อตฺถิฯ ยทิ ‘‘ตสฺส พีช’’นฺติ วเทยฺยุํ, ตมฺปิ ตพฺพินิมุตฺตํ ปรมตฺถโต น อุปลพฺภเตวาติฯ เอเสว นโย เสเสสุปิฯ

    Asubhānupassanāñāṇeti dasavidhassa, ekādasavidhassāpi vā asubhassa anupassanāvasena pavattañāṇe. Idañhi dukkhānupassanāya paricayañāṇaṃ. Ādīnavānupassanāñāṇeti saṅkhārānaṃ aniccadukkhavipariṇāmatāsaṃsūcitassa ādīnavassa anupassanāvasena pavattañāṇe. Appahīnaṭṭhenāti maggena asamucchinnabhāvena. Anusentīti santāne anu anu sayanti. Kāraṇalābhe hi sati uppannārahā kilesā santāne anu anu sayitā viya honti, tasmā te tadavatthā ‘‘anusayā’’ti vuccanti. Thāmagatoti thāmappatto. Thāmagamanañca aññehi asādhāraṇo kāmarāgādīnameva āveṇiko sabhāvo daṭṭhabbo. Tathā hi vuttaṃ abhidhamme ‘‘thāmagatānusayaṃ pajahatī’’ti. Kāmarāgo eva anusayo kāmarāgānusayo. Ye pana ‘‘kāmarāgassa anusayo kāmarāgānusayo’’ti vadanti, taṃ tesaṃ matimattaṃ. Na hi kāmarāgavinimutto kāmarāgānusayo nāma koci atthi. Yadi ‘‘tassa bīja’’nti vadeyyuṃ, tampi tabbinimuttaṃ paramatthato na upalabbhatevāti. Eseva nayo sesesupi.

    อธิกรณสมถสตฺตกวณฺณนา

    Adhikaraṇasamathasattakavaṇṇanā

    อธิกรียนฺติ เอตฺถาติ อธิกรณานิฯ เก อธิกรียนฺติ? สมถาฯ กถํ อธิกรียนฺตีติ? สมนวเสน, ตสฺมา เต เตสํ สมนวเสน ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘อธิกรณานิ สเมนฺตี’’ติอาทิฯ อุปฺปนฺนานํ อุปฺปนฺนานนฺติ อุฎฺฐิตานํ อุฎฺฐิตานํฯ สมถตฺถนฺติ สมนตฺถํฯ

    Adhikarīyanti etthāti adhikaraṇāni. Ke adhikarīyanti? Samathā. Kathaṃ adhikarīyantīti? Samanavasena, tasmā te tesaṃ samanavasena pavattantīti āha ‘‘adhikaraṇāni samentī’’tiādi. Uppannānaṃ uppannānanti uṭṭhitānaṃ uṭṭhitānaṃ. Samathatthanti samanatthaṃ.

    ‘‘อฎฺฐารสหิ วตฺถูหี’’ติ ลกฺขณวจนเมตํ ยถา ‘‘ยทิ เม พฺยาธี ทาเหยฺยุํ ทาตพฺพมิทโมสธ’’นฺติ, ตสฺมา เตสุ อญฺญตรญฺญตเรน วิวทนฺตา ‘‘อฎฺฐารสหิ วตฺถูหิ วิวทนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติฯ อุปวทนาติ อโกฺกโสฯ โจทนาติ อนุโยโคฯ

    ‘‘Aṭṭhārasahi vatthūhī’’ti lakkhaṇavacanametaṃ yathā ‘‘yadi me byādhī dāheyyuṃ dātabbamidamosadha’’nti, tasmā tesu aññataraññatarena vivadantā ‘‘aṭṭhārasahi vatthūhi vivadantī’’ti vuccanti. Upavadanāti akkoso. Codanāti anuyogo.

    อธิกรณสฺส สมฺมุขาว วินยนโต สมฺมุขาวินโย ฯ สนฺนิปติตปริสาย ธมฺมวาทีนํ เยภุยฺยตาย เยภุยฺยสิกกมฺมสฺส กรณํ เยภุยฺยสิกาฯ อยนฺติ อยํ ยถาวุตฺตา จตุพฺพิธา สมฺมุขตา สมฺมุขาวินโย นามฯ

    Adhikaraṇassa sammukhāva vinayanato sammukhāvinayo. Sannipatitaparisāya dhammavādīnaṃ yebhuyyatāya yebhuyyasikakammassa karaṇaṃ yebhuyyasikā. Ayanti ayaṃ yathāvuttā catubbidhā sammukhatā sammukhāvinayo nāma.

    สงฺฆสามคฺคิวเสน สมฺมุขีภาโว, น ยถา ตถา การกปุคฺคลานํ สมฺมุขาตาฯ ภูตตาติ ตจฺฉตาฯ สจฺจปริยาโย หิ อิธ ธมฺม-สโทฺท ‘‘ธมฺมวาที’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๙, ๑๙๔) วิยฯ วิเนติ เอเตนาติ วินโย, ตสฺส ตสฺส อธิกรณสฺส วูปสมนาย ภควตา วุตฺตวิธิ, ตสฺส วินยสฺส สมฺมุขตา วินยสมฺมุขตาฯ เตนาห ‘‘ยถา ตํ…เป.… สมฺมุขตา’’ติฯ เยนาติ เยน ปุคฺคเลนฯ วิวาทวตฺถุสงฺขาเต อเตฺถ ปจฺจตฺถิกา อตฺถปจฺจตฺถิกาฯ สงฺฆสมฺมุขตา ปริหายติ สมฺมตปุคฺคเลเหว วูปสมนโตฯ

    Saṅghasāmaggivasena sammukhībhāvo, na yathā tathā kārakapuggalānaṃ sammukhātā. Bhūtatāti tacchatā. Saccapariyāyo hi idha dhamma-saddo ‘‘dhammavādī’’tiādīsu (dī. ni. 1.9, 194) viya. Vineti etenāti vinayo, tassa tassa adhikaraṇassa vūpasamanāya bhagavatā vuttavidhi, tassa vinayassa sammukhatā vinayasammukhatā. Tenāha ‘‘yathā taṃ…pe… sammukhatā’’ti. Yenāti yena puggalena. Vivādavatthusaṅkhāte atthe paccatthikā atthapaccatthikā. Saṅghasammukhatā parihāyati sammatapuggaleheva vūpasamanato.

    นฺติ วิวาทาธิกรณํฯ ‘‘น ฉนฺทาคติํ คจฺฉตี’’ติอาทินา วุตฺตํ ปญฺจงฺคสมนฺนาคตํฯ คุฬฺหกาทีสุ อลชฺชุสฺสนฺนาย ปริสาย คุฬฺหโก สลากคฺคาโห กาตโพฺพ ลชฺชุสฺสนฺนาย วิวฎโก, พาลุสฺสนฺนาย สกณฺณชปฺปโกฯ ยสฺสา กิริยาย ธมฺมวาทิโน พหุตรา, สา เยภุยฺยสิกาติ อาห ‘‘ธมฺมวาทีนํ เยภุยฺยตายา’’ติอาทิฯ

    Nanti vivādādhikaraṇaṃ. ‘‘Na chandāgatiṃ gacchatī’’tiādinā vuttaṃ pañcaṅgasamannāgataṃ. Guḷhakādīsu alajjussannāya parisāya guḷhako salākaggāho kātabbo lajjussannāya vivaṭako, bālussannāya sakaṇṇajappako. Yassā kiriyāya dhammavādino bahutarā, sā yebhuyyasikāti āha ‘‘dhammavādīnaṃ yebhuyyatāyā’’tiādi.

    ‘‘จตูหิ สมเถหิ สมฺมตี’’ติ อิทํ สพฺพสงฺคาหิกวเสน วุตฺตํฯ ตตฺถ ปน ทฺวีหิ ทฺวีหิ เอว วูปสมนํ ทฎฺฐพฺพํฯ เอวํ วินิจฺฉิตนฺติ สเจ อาปตฺติ นตฺถิ, อุโภ ขมาเปตฺวา, อถ อตฺถิ, อาปตฺติํ ทเสฺสตฺวา โรปนวเสน วินิจฺฉิตํฯ ปฎิกมฺมํ ปน อาปตฺตาธิกรณสมเถ ปรโต อาคมิสฺสติฯ

    ‘‘Catūhisamathehi sammatī’’ti idaṃ sabbasaṅgāhikavasena vuttaṃ. Tattha pana dvīhi dvīhi eva vūpasamanaṃ daṭṭhabbaṃ. Evaṃ vinicchitanti sace āpatti natthi, ubho khamāpetvā, atha atthi, āpattiṃ dassetvā ropanavasena vinicchitaṃ. Paṭikammaṃ pana āpattādhikaraṇasamathe parato āgamissati.

    น สมณสารุปฺปํ อสฺสามณกํ, สมเณหิ อกตฺตพฺพํ, ตสฺมิํฯ อชฺฌาจาเร วีติกฺกเม สติฯ

    Na samaṇasāruppaṃ assāmaṇakaṃ, samaṇehi akattabbaṃ, tasmiṃ. Ajjhācāre vītikkame sati.

    ปฎิจรโตติ ปฎิจฺฉาเทนฺตสฺสฯ ปาปุสฺสนฺนตาย ปาปิโย, ปุคฺคโล, ตสฺส กตฺตพฺพกมฺมํ ตสฺส ปาปิยสิกํฯ สมฺมุขาวินเยเนว วูปสโม นตฺถิ ปฎิญฺญาย ตถารูปาย, ขนฺติยา วา วินา อวูปสมนโตฯ

    Paṭicaratoti paṭicchādentassa. Pāpussannatāya pāpiyo, puggalo, tassa kattabbakammaṃ tassa pāpiyasikaṃ. Sammukhāvinayeneva vūpasamo natthi paṭiññāya tathārūpāya, khantiyā vā vinā avūpasamanato.

    เอตฺถาติ อาปตฺติเทสนายฯ ปฎิญฺญาเต อาปนฺนภาวาทิเก กรณํ กิริยา ‘‘อายติํ สํวเรยฺยาสี’’ติ, ปริวาสทานาทิวเสน จ ปวตฺตํ วจีกมฺมํ ปฎิญฺญาตกรณํฯ

    Etthāti āpattidesanāya. Paṭiññāte āpannabhāvādike karaṇaṃ kiriyā ‘‘āyatiṃ saṃvareyyāsī’’ti, parivāsadānādivasena ca pavattaṃ vacīkammaṃ paṭiññātakaraṇaṃ.

    ยถานุรูปนฺติ ‘‘ทฺวีหิ สมเถหิ จตูหิ ตีหิ เอเกนา’’ติ เอวํ วุตฺตนเยน ยถานุรูปํฯ เอตฺถาติ อิมสฺมิํ สุเตฺต, อิมสฺมิํ วา สมถวิจาเรฯ วินิจฺฉยนโยติ วินิจฺฉเย นยมตฺตํฯ เตนาห ‘‘วิตฺถาโร ปนา’’ติอาทิฯ สมนฺตปาสาทิกายํ วินยฎฺฐกถาย (จูฬว. อฎฺฐ. ๑๘๔-๑๘๗) วุโตฺต, ตสฺมา วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพติ อธิปฺปาโยฯ

    Yathānurūpanti ‘‘dvīhi samathehi catūhi tīhi ekenā’’ti evaṃ vuttanayena yathānurūpaṃ. Etthāti imasmiṃ sutte, imasmiṃ vā samathavicāre. Vinicchayanayoti vinicchaye nayamattaṃ. Tenāha ‘‘vitthāro panā’’tiādi. Samantapāsādikāyaṃ vinayaṭṭhakathāya (cūḷava. aṭṭha. 184-187) vutto, tasmā vuttanayeneva veditabboti adhippāyo.

    สตฺตกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sattakavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิตา จ ทุติยภาณวารวณฺณนาฯ

    Niṭṭhitā ca dutiyabhāṇavāravaṇṇanā.

    อฎฺฐกวณฺณนา

    Aṭṭhakavaṇṇanā

    ๓๓๓. อยาถาวาติ น ยาถาวาฯ อนิยฺยานิกตาย มิจฺฉาสภาวาฯ วิปรีตวุตฺติกตาย ยาถาวาฯ นิยฺยานิกตาย สมฺมาสภาวา อวิปรีตวุตฺติกาฯ

    333.Ayāthāvāti na yāthāvā. Aniyyānikatāya micchāsabhāvā. Viparītavuttikatāya yāthāvā. Niyyānikatāya sammāsabhāvā aviparītavuttikā.

    ๓๓๔. กุจฺฉิตํ สีทตีติ กุสีโต ท-การสฺส ต-การํ กตฺวาฯ ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน ปุคฺคโล ‘‘กุสีโต’’ติ วุจฺจติ, โส กุสีตภาโว อิธ กุสีต-สเทฺทน วุโตฺตฯ วินาปิ หิ ภาวโชตนํ สทฺทํ ภาวโตฺถ วิญฺญายติ ยถา ‘‘ปฎสฺส สุกฺก’’นฺติ, ตสฺมา กุสีตภาววตฺถูนีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘โกสชฺชการณานีติ อโตฺถ’’ติฯ กมฺมํ นาม สมณสารุปฺปํ อีทิสนฺติ อาห ‘‘จีวรวิจารณาที’’ติฯ วีริยนฺติ ปธานวีริยํ, ตํ ปน จงฺกมนวเสน กรเณ ‘‘กายิก’’นฺติปิ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ อาห ‘‘ทุวิธมฺปี’’ติฯ ปตฺติยาติ ปาปุณนตฺถํฯ โอสีทนนฺติ ภาวนานุโยเค สโงฺกโจฯ มาเสหิ อาจิตํ นิจิตํ วิยาติ มาสาจิตํ, ตํ มเญฺญฯ ยสฺมา มาสา ตินฺตาวิเสเสน ครุกา โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘ยถา ตินฺตมาโส’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วุฎฺฐิโต โหติ คิลานภาวาติ อธิปฺปาโยฯ

    334. Kucchitaṃ sīdatīti kusīto da-kārassa ta-kāraṃ katvā. Yassa dhammassa vasena puggalo ‘‘kusīto’’ti vuccati, so kusītabhāvo idha kusīta-saddena vutto. Vināpi hi bhāvajotanaṃ saddaṃ bhāvattho viññāyati yathā ‘‘paṭassa sukka’’nti, tasmā kusītabhāvavatthūnīti attho. Tenāha ‘‘kosajjakāraṇānīti attho’’ti. Kammaṃ nāma samaṇasāruppaṃ īdisanti āha ‘‘cīvaravicāraṇādī’’ti. Vīriyanti padhānavīriyaṃ, taṃ pana caṅkamanavasena karaṇe ‘‘kāyika’’ntipi vattabbataṃ labhatīti āha ‘‘duvidhampī’’ti. Pattiyāti pāpuṇanatthaṃ. Osīdananti bhāvanānuyoge saṅkoco. Māsehi ācitaṃ nicitaṃ viyāti māsācitaṃ, taṃ maññe. Yasmā māsā tintāvisesena garukā honti, tasmā ‘‘yathā tintamāso’’tiādi vuttaṃ. Vuṭṭhito hoti gilānabhāvāti adhippāyo.

    ๓๓๕. เตสนฺติ อารมฺภวตฺถูนํฯ อิมินาว นเยนาติ อิมินา กุสีตวตฺถูสุ วุเตฺตเนว นเยนฯ ‘‘ทุวิธมฺปิ วีริยํ อารภตี’’ติอาทินา, ‘‘อิทํ ปฐมนฺติ อิทํ หนฺทาหํ วีริยํ อารภามีติ เอวํ ภาวนาย อพฺภุสฺสหนํ ปฐมํ อารมฺภวตฺถู’’ติอาทินา จ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ยถา ตถา ปฐมํ ปวตฺตํ อพฺภุสฺสหนญฺหิ อุปริ วีริยารมฺภสฺส การณํ โหติฯ อนุรูปปจฺจเวกฺขณาสหิตานิ หิ อพฺภุสฺสหนานิ, ตมฺมูลกานิ วา ปจฺจเวกฺขณานิ อฎฺฐ อารมฺภวตฺถูนิ เวทิตพฺพานิฯ

    335.Tesanti ārambhavatthūnaṃ. Imināva nayenāti iminā kusītavatthūsu vutteneva nayena. ‘‘Duvidhampi vīriyaṃ ārabhatī’’tiādinā, ‘‘idaṃ paṭhamanti idaṃ handāhaṃ vīriyaṃ ārabhāmīti evaṃ bhāvanāya abbhussahanaṃ paṭhamaṃ ārambhavatthū’’tiādinā ca attho veditabbo. Yathā tathā paṭhamaṃ pavattaṃ abbhussahanañhi upari vīriyārambhassa kāraṇaṃ hoti. Anurūpapaccavekkhaṇāsahitāni hi abbhussahanāni, tammūlakāni vā paccavekkhaṇāni aṭṭha ārambhavatthūni veditabbāni.

    ๓๓๖. อาสชฺชาติ ยสฺส เทติ, ตสฺส อาโมทนเหตุ เตน สมาคมนิมิตฺตํฯ เตนาห ‘‘เอตฺถ อาสาทนํ ทานการณํ นามา’’ติฯ ภยาติ ภยเหตุฯ นนุ ภยํ นาม ลทฺธุกามตา ราคาทโย วิย เจตนาย อวิสุทฺธิกรํ, ตํ กสฺมา อิธ คหิตนฺติ? น อิทํ ตาทิสํ โจรภยาทิํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อทาสิ เมติ ยํ ปุเพฺพ กตํ อุปการํ จิเนฺตตฺวา ทียติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ทสฺสติ เมติ ปจฺจุปการาสีสาย ยํ ทียติ, ตํ สนฺธาย วทติฯ สาหุ ทานนฺติ ‘‘ทานํ นาเมตํ ปณฺฑิตปญฺญตฺต’’นฺติ สาธุสมาจาเร ฐตฺวา เทติฯ อลงฺการตฺถนฺติ อุปโสภนตฺถํฯ ปริวารตฺถนฺติ ปริกฺขารตฺถํฯ ทานญฺหิ ทตฺวา ตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปาโมชฺชปีติโสมนสฺสาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, โลภโทสอิสฺสามเจฺฉราทโย วิทูรี ภวนฺติฯ อิทานิ ทานํ อนุกูลธมฺมปริพฺรูหเนน, ปจฺจนีกธมฺมวิทูรีภาวกรเณน จ ภาวนาจิตฺตสฺส อุปโสภนาย จ ปริกฺขาราย จ โหตีติ ‘‘อลงฺการตฺถํ, ปริวารตฺถญฺจ เทตี’’ติ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘ทานญฺหิ จิตฺตํ มุทุกํ กโรตี’’ติอาทิฯ มุทุจิโตฺต โหติ ลทฺธา ทายเก ‘‘อิมินา มยฺหํ สงฺคโห กโต’’ติ, ทาตาปิ ลทฺธริฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อุภินฺนมฺปิ จิตฺตํ มุทุกํ กโรตี’’ติฯ

    336.Āsajjāti yassa deti, tassa āmodanahetu tena samāgamanimittaṃ. Tenāha ‘‘ettha āsādanaṃ dānakāraṇaṃ nāmā’’ti. Bhayāti bhayahetu. Nanu bhayaṃ nāma laddhukāmatā rāgādayo viya cetanāya avisuddhikaraṃ, taṃ kasmā idha gahitanti? Na idaṃ tādisaṃ corabhayādiṃ sandhāya vuttanti dassetuṃ ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ. Adāsi meti yaṃ pubbe kataṃ upakāraṃ cintetvā dīyati, taṃ sandhāya vuttaṃ. Dassati meti paccupakārāsīsāya yaṃ dīyati, taṃ sandhāya vadati. Sāhu dānanti ‘‘dānaṃ nāmetaṃ paṇḍitapaññatta’’nti sādhusamācāre ṭhatvā deti. Alaṅkāratthanti upasobhanatthaṃ. Parivāratthanti parikkhāratthaṃ. Dānañhi datvā taṃ paccavekkhantassa pāmojjapītisomanassādayo uppajjanti, lobhadosaissāmaccherādayo vidūrī bhavanti. Idāni dānaṃ anukūladhammaparibrūhanena, paccanīkadhammavidūrībhāvakaraṇena ca bhāvanācittassa upasobhanāya ca parikkhārāya ca hotīti ‘‘alaṅkāratthaṃ, parivāratthañca detī’’ti vuttaṃ. Tenāha ‘‘dānañhi cittaṃ mudukaṃ karotī’’tiādi. Muducitto hoti laddhā dāyake ‘‘iminā mayhaṃ saṅgaho kato’’ti, dātāpi laddhari. Tena vuttaṃ ‘‘ubhinnampi cittaṃ mudukaṃ karotī’’ti.

    อทนฺตทมนนฺติ อทนฺตา อนสฺสวาปิสฺส ทาเนน ทนฺตา อสฺสวา โหนฺติ วเส วตฺตนฺติฯ อทานํ ทนฺตทูสกนฺติ อทานํ ปน ปุเพฺพ ทนฺตานํ อสฺสวานมฺปิ วิฆาตุปฺปาทเนน จิตฺตํ ทูเสติฯ อุนฺนมนฺติ ทายกา, ปิยํวทา จ ปเรสํ ครุจิตฺตีการฎฺฐานตาย ฯ นมนฺติ ปฎิคฺคาหกา ทาเนน, ปิยวาจาย ลทฺธสงฺคหา สงฺคาหกานํฯ

    Adantadamananti adantā anassavāpissa dānena dantā assavā honti vase vattanti. Adānaṃ dantadūsakanti adānaṃ pana pubbe dantānaṃ assavānampi vighātuppādanena cittaṃ dūseti. Unnamanti dāyakā, piyaṃvadā ca paresaṃ garucittīkāraṭṭhānatāya . Namanti paṭiggāhakā dānena, piyavācāya laddhasaṅgahā saṅgāhakānaṃ.

    จิตฺตาลงฺการทานเมว อุตฺตมํ อนุปกฺกิลิฎฺฐตาย, สุปริสุทฺธตาย, คุณวิเสสปจฺจยตาย จฯ

    Cittālaṅkāradānameva uttamaṃ anupakkiliṭṭhatāya, suparisuddhatāya, guṇavisesapaccayatāya ca.

    ๓๓๗. ทานปจฺจยาติ ทานการณา, ทานมยปุญฺญสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตาติ อโตฺถฯ อุปปตฺติโยติ มนุเสฺสสุ, เทเวสุ จ นิพฺพตฺติโยฯ ฐเปตีติ เอกวารเมว อนุปฺปชฺชิตฺวา ยถา อุปรูปริ เตเนวากาเรน ปวตฺตติ, เอวํ ฐเปติฯ ตเทว จส อธิฎฺฐานนฺติ อาห ‘‘ตเสฺสว เววจน’’นฺติฯ วเฑฺฒตีติ พฺรูเหติ, น หาเปติฯ วิมุตฺตนฺติ อธิมุตฺตํ, นินฺนํ โปณํ ปพฺภารนฺติ อโตฺถฯ วิมุตฺตนฺติ วา วิสิฎฺฐํฯ นิปฺปริยายโต อุตฺตริ นาม ปณีตํ มเชฺฌปิ หีนมชฺฌิมวิภาคสฺส ลพฺภนโตติ วุตฺตํ ‘‘อุตฺตริ อภาวิตนฺติ ตโต อุปริ มคฺคผลตฺถาย อภาวิต’’นฺติฯ สํวตฺตติ ตถา ปณิหิตํ ทานมยจิตฺตํฯ ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘ตญฺจ โข’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ ตตฺรูปปตฺติยา วิพนฺธการทุสฺสีลฺยาภาวทสฺสนปรํ ทฎฺฐพฺพํ, น ทานมยสฺส ปุญฺญสฺส เกวลสฺส ตํสํวตฺตนตาทสฺสนปรนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    337.Dānapaccayāti dānakāraṇā, dānamayapuññassa katattā upacitattāti attho. Upapattiyoti manussesu, devesu ca nibbattiyo. Ṭhapetīti ekavārameva anuppajjitvā yathā uparūpari tenevākārena pavattati, evaṃ ṭhapeti. Tadeva casa adhiṭṭhānanti āha ‘‘tasseva vevacana’’nti. Vaḍḍhetīti brūheti, na hāpeti. Vimuttanti adhimuttaṃ, ninnaṃ poṇaṃ pabbhāranti attho. Vimuttanti vā visiṭṭhaṃ. Nippariyāyato uttari nāma paṇītaṃ majjhepi hīnamajjhimavibhāgassa labbhanatoti vuttaṃ ‘‘uttari abhāvitanti tato upari maggaphalatthāya abhāvita’’nti. Saṃvattati tathā paṇihitaṃ dānamayacittaṃ. Yaṃ pana pāḷiyaṃ ‘‘tañca kho’’tiādi vuttaṃ, taṃ tatrūpapattiyā vibandhakāradussīlyābhāvadassanaparaṃ daṭṭhabbaṃ, na dānamayassa puññassa kevalassa taṃsaṃvattanatādassanaparanti daṭṭhabbaṃ.

    สมุจฺฉินฺนราคสฺสาติ สมุจฺฉินฺนกามราคสฺสฯ ตสฺส หิ สิยา พฺรหฺมโลเก อุปปตฺติ, น สมุจฺฉินฺนภวราคสฺสฯ วีตราคคฺคหเณน เจตฺถ กาเมสุ วีตราคตา อธิเปฺปตา, ยาย พฺรหฺมโลกูปปตฺติ สิยาฯ เตนาห ‘‘ทานมเตฺตเนวา’’ติอาทิฯ ยทิ เอวํ ทานํ ตตฺถ กิํ อตฺถิยนฺติ อาห ‘‘ทานํ ปนา’’ติอาทิฯ ทาเนน มุทุจิโตฺตติ พทฺธาฆาเต เวรีปุคฺคเลปิ อตฺตโน ทานสมฺปฎิจฺฉเนน มุทุภูตจิโตฺตฯ

    Samucchinnarāgassāti samucchinnakāmarāgassa. Tassa hi siyā brahmaloke upapatti, na samucchinnabhavarāgassa. Vītarāgaggahaṇena cettha kāmesu vītarāgatā adhippetā, yāya brahmalokūpapatti siyā. Tenāha ‘‘dānamattenevā’’tiādi. Yadi evaṃ dānaṃ tattha kiṃ atthiyanti āha ‘‘dānaṃ panā’’tiādi. Dānena muducittoti baddhāghāte verīpuggalepi attano dānasampaṭicchanena mudubhūtacitto.

    ปริสีทติ ปริโต อิโต จิโต จ สมาคจฺฉตีติ ปริสา, สมูโหฯ

    Parisīdati parito ito cito ca samāgacchatīti parisā, samūho.

    โลกสฺส ธมฺมาติ สตฺตโลกสฺส อวสฺสมฺภาวี ธมฺมาฯ เตนาห ‘‘เอเตหิ มุโตฺต นาม นตฺถี’’ติอาทิฯ ยสฺมา เต โลกธมฺมา อปราปรํ กทาจิ โลกํ อนุปตนฺติ, กทาจิ เต โลโก, ตสฺมา ตเญฺจตฺถ อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อฎฺฐิเม’’ติ สุตฺตปทํ (อ. นิ. ๘.๖) อาหริฯ ฆาสจฺฉาทนาทีนํ ลทฺธิ ลาโภ, ตานิ เอว วา ลทฺธพฺพโต ลาโภฯ ตทภาโว อลาโภฯ ลาภคฺคหเณน เจตฺถ ตพฺพิสโย อนุโรโธ คหิโต, อลาภคฺคหเณน วิโรโธฯ ยสฺมา โลหิเต สติ ตทุปฆาตวเสน ปุโพฺพ วิย อนุโรเธ สติ วิโรโธ ลทฺธาวสโร เอว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ลาเภ อาคเต อลาโภ อาคโต เอวา’’ติฯ เอส นโย ยสาทีสุปิฯ

    Lokassa dhammāti sattalokassa avassambhāvī dhammā. Tenāha ‘‘etehi mutto nāma natthī’’tiādi. Yasmā te lokadhammā aparāparaṃ kadāci lokaṃ anupatanti, kadāci te loko, tasmā tañcettha atthaṃ dassento ‘‘aṭṭhime’’ti suttapadaṃ (a. ni. 8.6) āhari. Ghāsacchādanādīnaṃ laddhi lābho, tāni eva vā laddhabbato lābho. Tadabhāvo alābho. Lābhaggahaṇena cettha tabbisayo anurodho gahito, alābhaggahaṇena virodho. Yasmā lohite sati tadupaghātavasena pubbo viya anurodhe sati virodho laddhāvasaro eva hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘lābhe āgate alābho āgato evā’’ti. Esa nayo yasādīsupi.

    อฎฺฐกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Aṭṭhakavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นวกวณฺณนา

    Navakavaṇṇanā

    ๓๔๐. วสติ ตตฺถ ผลํ ตนฺนิมิตฺตกตาย ปวตฺตตีติ วตฺถุ, การณนฺติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ เตนาห ‘‘อาฆาตวตฺถูนีติ อาฆาตการณานี’’ติฯ โกโป นามายํ ยสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ อุปฺปชฺชติ, น ตตฺถ เอกวารเมว อุปฺปชฺชติ, อถ โข ปุนปิ อุปฺปชฺชเตวาติ วุตฺตํ ‘‘พนฺธตี’’ติฯ อถ วา โย ปจฺจยวิเสเสน อุปฺปชฺชมาโน อาฆาโต สวิสเย พโทฺธ วิย น วิคจฺฉติ, ปุนปิ อุปฺปเชฺชเยฺยว, ตํ สนฺธายาห ‘‘อาฆาตํ พนฺธตี’’ติฯ ตํ ปนสฺส ปจฺจยวเสน นิพฺพตฺตนํ อุปฺปาทนเมวาติ วุตฺตํ ‘‘กโรติ อุปฺปาเทตี’’ติฯ

    340. Vasati tattha phalaṃ tannimittakatāya pavattatīti vatthu, kāraṇanti vuttovāyamattho. Tenāha ‘‘āghātavatthūnīti āghātakāraṇānī’’ti. Kopo nāmāyaṃ yasmiṃ vatthusmiṃ uppajjati, na tattha ekavārameva uppajjati, atha kho punapi uppajjatevāti vuttaṃ ‘‘bandhatī’’ti. Atha vā yo paccayavisesena uppajjamāno āghāto savisaye baddho viya na vigacchati, punapi uppajjeyyeva, taṃ sandhāyāha ‘‘āghātaṃ bandhatī’’ti. Taṃ panassa paccayavasena nibbattanaṃ uppādanamevāti vuttaṃ ‘‘karoti uppādetī’’ti.

    ตํ กุเตตฺถ ลพฺภาติ เอตฺถ นฺติ กิริยาปรามสนํ, ปทชฺฌาหาเรน จ อโตฺถ เวทิตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตํ อนตฺถจรณํ มา อโหสี’’ติอาทิมาหฯ เกน การเณน ลทฺธพฺพํ นิรตฺถกภาวโตฯ กมฺมสฺสกา หิ สตฺตา, เต กสฺส รุจิยา ทุกฺขิตา, สุขิตา วา ภวนฺติ, ตสฺมา เกวลํ ตสฺมิํ มยฺหํ กุชฺฌนมตฺตํ เอวาติ อธิปฺปาโยฯ อถ วา ตํ โกปกรณเมตฺถ ปุคฺคเล กุโต ลพฺภา ปรมตฺถโต กุชฺฌิตพฺพสฺส, กุชฺฌนกสฺส จ อภาวโตฯ สงฺขารมตฺตเญฺหตํ, ยทิทํ ขนฺธปญฺจกํฯ ยํ ‘‘สโตฺต’’ติ วุจฺจติ, เต สงฺขารา อิตฺตรกาลา ขณิกา, กสฺส โก กุชฺฌตีติ อโตฺถฯ ลาภา นาม เก สิยุํ อญฺญตฺร อนุปฺปตฺติโตฯ

    Taṃ kutettha labbhāti ettha tanti kiriyāparāmasanaṃ, padajjhāhārena ca attho veditabboti dassento ‘‘taṃ anatthacaraṇaṃ mā ahosī’’tiādimāha. Kena kāraṇena laddhabbaṃ niratthakabhāvato. Kammassakā hi sattā, te kassa ruciyā dukkhitā, sukhitā vā bhavanti, tasmā kevalaṃ tasmiṃ mayhaṃ kujjhanamattaṃ evāti adhippāyo. Atha vā taṃ kopakaraṇamettha puggale kuto labbhā paramatthato kujjhitabbassa, kujjhanakassa ca abhāvato. Saṅkhāramattañhetaṃ, yadidaṃ khandhapañcakaṃ. Yaṃ ‘‘satto’’ti vuccati, te saṅkhārā ittarakālā khaṇikā, kassa ko kujjhatīti attho. Lābhā nāma ke siyuṃ aññatra anuppattito.

    ๓๔๑. สตฺตา อาวสนฺติ เอเตสูติ สตฺตาวาสาฯ นานตฺตกายา นานตฺตสญฺญี อาทิเภทา สตฺตนิกายาฯ ยสฺมา เต เต สตฺตนิกายา ตปฺปริยาปนฺนานํ สตฺตานํ ตาย เอว ตปฺปริยาปนฺนตาย อาธาโร วิย วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ สมุทายาธารตาย อวยวสฺส ยถา ‘‘รุเกฺข สาขา’’ติ , ตสฺมา ‘‘สตฺตานํ อาวาสา, วสนฎฺฐานานีติ อโตฺถ’’ติ วุตฺตํฯ สุทฺธาวาสาปิ สตฺตาวาโสว ‘‘น โส, ภิกฺขเว, สตฺตาวาโส สุลภรูโป, โย มยา อนาวุตฺถปุโพฺพ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา อญฺญตฺร สุทฺธาวาเสหิ เทเวหี’’ติ วจนโตฯ ยทิ เอวํ กสฺมา อิธ น คหิตาติ ตตฺถ การณมาห ‘‘อสพฺพกาลิกตฺตา’’ติอาทิฯ เวหปฺผโล ปน จตุตฺถํเยว สตฺตาวาสํ ภชตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    341. Sattā āvasanti etesūti sattāvāsā. Nānattakāyā nānattasaññī ādibhedā sattanikāyā. Yasmā te te sattanikāyā tappariyāpannānaṃ sattānaṃ tāya eva tappariyāpannatāya ādhāro viya vattabbataṃ arahanti samudāyādhāratāya avayavassa yathā ‘‘rukkhe sākhā’’ti , tasmā ‘‘sattānaṃ āvāsā, vasanaṭṭhānānīti attho’’ti vuttaṃ. Suddhāvāsāpi sattāvāsova ‘‘na so, bhikkhave, sattāvāso sulabharūpo, yo mayā anāvutthapubbo iminā dīghena addhunā aññatra suddhāvāsehi devehī’’ti vacanato. Yadi evaṃ kasmā idha na gahitāti tattha kāraṇamāha ‘‘asabbakālikattā’’tiādi. Vehapphalo pana catutthaṃyeva sattāvāsaṃ bhajatīti daṭṭhabbaṃ.

    ๓๔๒. โอปสมิโกติ วฎฺฎทุกฺขสฺส อุปสมาวโห, ตํ ปน วฎฺฎทุกฺขํ กิเลเสสุ อุปสเนฺตสุ อุปสมติ, น อญฺญถา, ตสฺมา ‘‘กิเลสูปสมกโร’’ติ วุตฺตํฯ ตกฺกรํ สโมฺพธํ คเมตีติ สโมฺพธคามีฯ

    342.Opasamikoti vaṭṭadukkhassa upasamāvaho, taṃ pana vaṭṭadukkhaṃ kilesesu upasantesu upasamati, na aññathā, tasmā ‘‘kilesūpasamakaro’’ti vuttaṃ. Takkaraṃ sambodhaṃ gametīti sambodhagāmī.

    ยสฺมิํ เทวนิกาเย ธมฺมเทสนา น วิยุชฺชติ สวนเสฺสว อภาวโต, โส ปาฬิยํ ‘‘ทีฆายุโก เทวนิกาโย’’ติ อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘อสญฺญภวํ วา อรูปภวํ วา’’ติฯ

    Yasmiṃ devanikāye dhammadesanā na viyujjati savanasseva abhāvato, so pāḷiyaṃ ‘‘dīghāyuko devanikāyo’’ti adhippetoti āha ‘‘asaññabhavaṃ vā arūpabhavaṃ vā’’ti.

    ๓๔๓. อนุปุพฺพโต วิหริตพฺพาติ อนุปุพฺพวิหาราฯ อนุปฎิปาฎิยาติ อนุกฺกเมนฯ สมาปชฺชิตพฺพวิหาราติ สมาปชฺชิตฺวา สมงฺคิโน หุตฺวา วิหริตพฺพวิหาราฯ

    343. Anupubbato viharitabbāti anupubbavihārā. Anupaṭipāṭiyāti anukkamena. Samāpajjitabbavihārāti samāpajjitvā samaṅgino hutvā viharitabbavihārā.

    ๓๔๔. อนุปุพฺพนิโรธาติ อนุปุเพฺพน อนุกฺกเมน ปวเตฺตตพฺพนิโรธาฯ เตนาห ‘‘อนุปฎิปาฎิยา นิโรธา’’ติฯ

    344.Anupubbanirodhāti anupubbena anukkamena pavattetabbanirodhā. Tenāha ‘‘anupaṭipāṭiyā nirodhā’’ti.

    นวกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Navakavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ทสกวณฺณนา

    Dasakavaṇṇanā

    ๓๔๕. เยหิ สีลาทีหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ธมฺมสรณตาย ธเมฺมเนว นาถติ อีสติ อภิภวตีติ นาโถติ วุจฺจติ, เต ตสฺส นาถภาวกรา ธมฺมา ‘‘นาถกรณา’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘สนาถา…เป.… ปติฎฺฐากรา ธมฺมา’’ติฯ ตตฺถ อตฺตโน ปติฎฺฐากราติ ยสฺส นาถภาวกรา, ตสฺส อตฺตโน ปติฎฺฐาวิธายิโนฯ อปฺปติโฎฺฐ อนาโถ, สปฺปติโฎฺฐ สนาโถติ ปติฎฺฐโตฺถ นาถโตฺถฯ

    345. Yehi sīlādīhi samannāgato bhikkhu dhammasaraṇatāya dhammeneva nāthati īsati abhibhavatīti nāthoti vuccati, te tassa nāthabhāvakarā dhammā ‘‘nāthakaraṇā’’ti vuttāti āha ‘‘sanāthā…pe… patiṭṭhākarā dhammā’’ti. Tattha attano patiṭṭhākarāti yassa nāthabhāvakarā, tassa attano patiṭṭhāvidhāyino. Appatiṭṭho anātho, sappatiṭṭho sanāthoti patiṭṭhattho nāthattho.

    กลฺยาณคุณโยคโต กลฺยาณาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สีลาทิคุณสมฺปนฺนา’’ติ อาหฯ มิชฺชนลกฺขณา มิตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ มิโตฺต, โส วุตฺตนเยน กลฺยาโณ อสฺส อตฺถีติ ตสฺส อตฺถิตามตฺตํ กลฺยาณมิตฺตปเทน วุตฺตํฯ อสฺส เตน สพฺพกาลํ อวิชหิตวาโสติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘กลฺยาณสหาโย’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เตวสฺสา’’ติอาทิฯ เตวสฺสาติ เต เอว กลฺยาณมิตฺตา อสฺส ภิกฺขุโนฯ สห อยนโตติ สห วตฺตนโตฯ อสโมธาเน จิเตฺตน, สโมธาเน ปน จิเตฺตน เจว กาเยน จ สมฺปวโงฺกฯ

    Kalyāṇaguṇayogato kalyāṇāti dassento ‘‘sīlādiguṇasampannā’’ti āha. Mijjanalakkhaṇā mittā etassa atthīti mitto, so vuttanayena kalyāṇo assa atthīti tassa atthitāmattaṃ kalyāṇamittapadena vuttaṃ. Assa tena sabbakālaṃ avijahitavāsoti taṃ dassetuṃ ‘‘kalyāṇasahāyo’’ti vuttanti āha ‘‘tevassā’’tiādi. Tevassāti te eva kalyāṇamittā assa bhikkhuno. Saha ayanatoti saha vattanato. Asamodhāne cittena, samodhāne pana cittena ceva kāyena ca sampavaṅko.

    สุขํ วโจ เอตสฺมิํ อนุกูลคาหิมฺหิ อาทรคารววติ ปุคฺคเลติ สุวโจฯ เตนาห ‘‘สุเขน วตฺตโพฺพ’’ติอาทิฯ ขโมติ ขนฺตา, ตเมวสฺส ขมภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘คาเฬฺหนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วามโตติ มิจฺฉา, อโยนิโส วา คณฺหาติฯ ปฎิปฺผรตีติ ปฎาณิกภาเวน ติฎฺฐติฯ ปทกฺขิณํ คณฺหาตีติ สมฺมา โยนิโส วา คณฺหาติฯ

    Sukhaṃ vaco etasmiṃ anukūlagāhimhi ādaragāravavati puggaleti suvaco. Tenāha ‘‘sukhena vattabbo’’tiādi. Khamoti khantā, tamevassa khamabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘gāḷhenā’’tiādi vuttaṃ. Vāmatoti micchā, ayoniso vā gaṇhāti. Paṭippharatīti paṭāṇikabhāvena tiṭṭhati. Padakkhiṇaṃ gaṇhātīti sammā yoniso vā gaṇhāti.

    อุจฺจาวจานีติ วิปุลขุทฺทกานิฯ ตตฺรุปคมนียาติ ตตฺร ตตฺร มหเนฺต, ขุทฺทเก จ กเมฺม สาธนวเสน อุปาเยน อุปคจฺฉนฺติยา, ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส นิปฺผาทเนน สมตฺถายาติ อโตฺถฯ ตตฺรุปายายาติ วา ตตฺร ตตฺร กเมฺม สาเธตเพฺพ อุปายภูตายฯ

    Uccāvacānīti vipulakhuddakāni. Tatrupagamanīyāti tatra tatra mahante, khuddake ca kamme sādhanavasena upāyena upagacchantiyā, tassa tassa kammassa nipphādanena samatthāyāti attho. Tatrupāyāyāti vā tatra tatra kamme sādhetabbe upāyabhūtāya.

    ธเมฺม อสฺส กาโมติ ธมฺมกาโมติ พฺยธิกรณานํปิ พาหิรโตฺถ สมาโส โหตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ กาเมตพฺพโต วา ปิยายิตพฺพโต กาโม, ธโมฺม; ธโมฺม กาโม อสฺสาติ ธมฺมกาโมฯ ธโมฺมติ ปริยตฺติธโมฺม อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ ปิยายตีติ อโตฺถ’’ติฯ สมุทาหรณํ กถนํ สมุทาหาโร, ปิโย สมุทาหาโร เอตสฺสาติ ปิยสมุทาหาโรฯ สยญฺจาติ เอตฺถ -สเทฺทน ‘‘สกฺกจฺจ’’นฺติ ปทํ อนุกฑฺฒติ, เตน สยญฺจ สกฺกจฺจํ เทเสตุกาโม โหตีติ โยชนาฯ อภิธโมฺม สตฺตปฺปกรณานิ อธิโก อภิวิสิโฎฺฐ จ ปริยตฺติธโมฺมติ กตฺวาฯ วินโย อุภโตวิภงฺคา วินยนโต กายวาจานํฯ อภิวินโย ขนฺธกปริวารา วิเสสโต อาภิสมาจาริกธมฺมกิตฺตนโตฯ อาภิสมาจาริกธมฺมปาริปูริวเสเนว หิ อาทิพฺรหฺมจริยกธมฺมปาริปูรีฯ ธโมฺม เอว ปิฎกทฺวยสฺสาปิ ปริยตฺติธมฺมภาวโตฯ มคฺคผลานิ อภิธโมฺม นิพฺพานธมฺมสฺส อภิมุโขติ กตฺวาฯ กิเลสวูปสมการณํ ปุพฺพภาคิยา ติโสฺส สิกฺขา สเงฺขปโต วิวฎฺฎนิสฺสิโต สมโถ วิปสฺสนา จฯ พหุลปาโมโชฺชติ พลวปาโมโชฺชฯ

    Dhamme assa kāmoti dhammakāmoti byadhikaraṇānaṃpi bāhirattho samāso hotīti katvā vuttaṃ. Kāmetabbato vā piyāyitabbato kāmo, dhammo; dhammo kāmo assāti dhammakāmo. Dhammoti pariyattidhammo adhippetoti āha ‘‘tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ piyāyatīti attho’’ti. Samudāharaṇaṃ kathanaṃ samudāhāro, piyo samudāhāro etassāti piyasamudāhāro. Sayañcāti ettha ca-saddena ‘‘sakkacca’’nti padaṃ anukaḍḍhati, tena sayañca sakkaccaṃ desetukāmo hotīti yojanā. Abhidhammo sattappakaraṇāni adhiko abhivisiṭṭho ca pariyattidhammoti katvā. Vinayo ubhatovibhaṅgā vinayanato kāyavācānaṃ. Abhivinayo khandhakaparivārā visesato ābhisamācārikadhammakittanato. Ābhisamācārikadhammapāripūrivaseneva hi ādibrahmacariyakadhammapāripūrī. Dhammo eva piṭakadvayassāpi pariyattidhammabhāvato. Maggaphalāni abhidhammo nibbānadhammassa abhimukhoti katvā. Kilesavūpasamakāraṇaṃ pubbabhāgiyā tisso sikkhā saṅkhepato vivaṭṭanissito samatho vipassanā ca. Bahulapāmojjoti balavapāmojjo.

    การณเตฺถติ นิมิตฺตเตฺถฯ กุสลธมฺมนิมิตฺตํ หิสฺส วีริยารโมฺภฯ เตนาห ‘‘เตสํ อธิคมตฺถายา’’ติฯ กุสเลสุ ธเมฺมสูติ วา นิปฺผาเทตเพฺพ ภุมฺมํ ยถา ‘‘เจตโส อวูปสเม อโยนิโสมนสิการปทฎฺฐาน’’นฺติฯ

    Kāraṇattheti nimittatthe. Kusaladhammanimittaṃ hissa vīriyārambho. Tenāha ‘‘tesaṃ adhigamatthāyā’’ti. Kusalesu dhammesūti vā nipphādetabbe bhummaṃ yathā ‘‘cetaso avūpasame ayonisomanasikārapadaṭṭhāna’’nti.

    ๓๔๖. สกลเฎฺฐนาติ นิเสฺสสเฎฺฐน, อนวเสสผรณวเสน เจตฺถ สกลโฎฺฐ เวทิตโพฺพ, อสุภนิมิตฺตาทีสุ วิย เอกเทเส อฎฺฐตฺวา อนวเสสโต คเหตพฺพเฎฺฐนาติ อโตฺถฯ ตทารมฺมณานํ ธมฺมานนฺติ ตํ กสิณํ อารพฺภ ปวตฺตนกธมฺมานํฯ เขตฺตเฎฺฐนาติ อุปฺปตฺติฎฺฐานเฎฺฐนฯ อธิฎฺฐานเฎฺฐนาติ ปวตฺติฎฺฐานภาเวนฯ ยถา เขตฺตํ สสฺสานํ อุปฺปตฺติฎฺฐานํ วฑฺฒิฎฺฐานญฺจ , เอวเมตํ ฌานํ ตํสมฺปยุตฺตานํ ธมฺมานนฺติ, โยคิโน วา สุขวิเสสานํ การณภาเวนฯ ‘‘ปริจฺฉินฺทิตฺวา’’ ติ อิทํ อุทฺธํ อโธติ เอตฺถาปิ โยเชตพฺพํฯ ปริจฺฉินฺทิตฺวา เอว หิ สพฺพตฺถ กสิณํ วเฑฺฒตพฺพํฯ เตน เตน วา การเณนาติ เตน เตน อุปริอาทีสุ กสิณวฑฺฒนการเณนฯ ยถา กินฺติ อาห ‘‘อาโลกมิว รูปทสฺสนกาโม’’ติฯ ยถา ทิพฺพจกฺขุนา อุทฺธํ เจ รูปํ ทฎฺฐุกาโม, อุทฺธํ อาโลกํ ปสาเรติ, อโธ เจ อโธ, สมนฺตโต เจ รูปํ ทฎฺฐุกาโม สมนฺตโต อาโลกํ ปสาเรติ; เอวมยํ กสิณนฺติ อโตฺถฯ

    346.Sakalaṭṭhenāti nissesaṭṭhena, anavasesapharaṇavasena cettha sakalaṭṭho veditabbo, asubhanimittādīsu viya ekadese aṭṭhatvā anavasesato gahetabbaṭṭhenāti attho. Tadārammaṇānaṃ dhammānanti taṃ kasiṇaṃ ārabbha pavattanakadhammānaṃ. Khettaṭṭhenāti uppattiṭṭhānaṭṭhena. Adhiṭṭhānaṭṭhenāti pavattiṭṭhānabhāvena. Yathā khettaṃ sassānaṃ uppattiṭṭhānaṃ vaḍḍhiṭṭhānañca , evametaṃ jhānaṃ taṃsampayuttānaṃ dhammānanti, yogino vā sukhavisesānaṃ kāraṇabhāvena. ‘‘Paricchinditvā’’ ti idaṃ uddhaṃ adhoti etthāpi yojetabbaṃ. Paricchinditvā eva hi sabbattha kasiṇaṃ vaḍḍhetabbaṃ. Tena tena vā kāraṇenāti tena tena upariādīsu kasiṇavaḍḍhanakāraṇena. Yathā kinti āha ‘‘ālokamiva rūpadassanakāmo’’ti. Yathā dibbacakkhunā uddhaṃ ce rūpaṃ daṭṭhukāmo, uddhaṃ ālokaṃ pasāreti, adho ce adho, samantato ce rūpaṃ daṭṭhukāmo samantato ālokaṃ pasāreti; evamayaṃ kasiṇanti attho.

    เอกสฺสาติ ปถวีกสิณาทีสุ เอเกกสฺสฯ อญฺญภาวานุปคมนตฺถนฺติ อญฺญกสิณภาวานุปคมนทีปนตฺถํ, อญฺญสฺส วา กสิณภาวานุปคมนทีปนตฺถํ, น หิ อเญฺญน ปสาริตกสิณํ ตโต อเญฺญน ปสาริตกสิณภาวํ อุปคจฺฉติ, เอวมฺปิ เนสํ อญฺญกสิณสเมฺภทาภาโว เวทิตโพฺพฯ น อญฺญํ ปถวีอาทิฯ น หิ อุทเก ฐิตฎฺฐาเน สสมฺภารปถวี อตฺถิฯ อโญฺญ กสิณสเมฺภโทติ อาโปกสิณาทินา สงฺกโรฯ สพฺพตฺถาติ สเพฺพสุ เสสกสิเณสุฯ เอกเทเส อฎฺฐตฺวา อนวเสสผรณํ ปมาณสฺส อคฺคหณโต อปฺปมาณํฯ เตเนว หิ เนสํ กสิณสมญฺญาฯ ตถา จาห ‘‘ตญฺหี’’ติอาทิฯ เจตสา ผรโนฺตติ ภาวนาจิเตฺตน อารมฺมณํ กโรโนฺตฯ ภาวนาจิตฺตญฺหิ กสิณํ ปริตฺตํ วา วิปุลํ วา สกลเมว มนสิ กโรติ, น เอกเทสํฯ

    Ekassāti pathavīkasiṇādīsu ekekassa. Aññabhāvānupagamanatthanti aññakasiṇabhāvānupagamanadīpanatthaṃ, aññassa vā kasiṇabhāvānupagamanadīpanatthaṃ, na hi aññena pasāritakasiṇaṃ tato aññena pasāritakasiṇabhāvaṃ upagacchati, evampi nesaṃ aññakasiṇasambhedābhāvo veditabbo. Na aññaṃ pathavīādi. Na hi udake ṭhitaṭṭhāne sasambhārapathavī atthi. Añño kasiṇasambhedoti āpokasiṇādinā saṅkaro. Sabbatthāti sabbesu sesakasiṇesu. Ekadese aṭṭhatvā anavasesapharaṇaṃ pamāṇassa aggahaṇato appamāṇaṃ. Teneva hi nesaṃ kasiṇasamaññā. Tathā cāha ‘‘tañhī’’tiādi. Cetasā pharantoti bhāvanācittena ārammaṇaṃ karonto. Bhāvanācittañhi kasiṇaṃ parittaṃ vā vipulaṃ vā sakalameva manasi karoti, na ekadesaṃ.

    กสิณุคฺฆาฎิมากาเส ปวตฺตวิญฺญาณํ ผรณอปฺปมาณวเสน ‘‘วิญฺญาณกสิณ’’นฺติ วุตฺตํฯ ตถา หิ ตํ ‘‘วิญฺญาณญฺจ’’นฺติ วุจฺจติฯ กสิณวเสนาติ ยถาอุคฺฆาฎิตกสิณวเสนฯ กสิณุคฺฆาฎิมากาเส อุทฺธํอโธติริยตา เวทิตพฺพาฯ ยตฺตกญฺหิ ฐานํ กสิณํ ปสาริตํ, ตตฺตกํ อากาสภาวนาวเสน อากาโส โหตีติ; เอวํ ยตฺตกํ ฐานํ อากาสํ หุตฺวา อุปฎฺฐิตํ, ตตฺตกํ สกลเมว ผริตฺวา วิญฺญาณสฺส ปวตฺตนโต อาคมนวเสน วิญฺญาณกสิเณปิ อุทฺธํอโธติริยตา วุตฺตาติ อาห ‘‘กสิณุคฺฆาฎิํ อากาสวเสน ตตฺถ ปวตฺตวิญฺญาเณ อุทฺธํอโธติริยตา เวทิตพฺพา’’ติฯ

    Kasiṇugghāṭimākāsepavattaviññāṇaṃ pharaṇaappamāṇavasena ‘‘viññāṇakasiṇa’’nti vuttaṃ. Tathā hi taṃ ‘‘viññāṇañca’’nti vuccati. Kasiṇavasenāti yathāugghāṭitakasiṇavasena. Kasiṇugghāṭimākāse uddhaṃadhotiriyatā veditabbā. Yattakañhi ṭhānaṃ kasiṇaṃ pasāritaṃ, tattakaṃ ākāsabhāvanāvasena ākāso hotīti; evaṃ yattakaṃ ṭhānaṃ ākāsaṃ hutvā upaṭṭhitaṃ, tattakaṃ sakalameva pharitvā viññāṇassa pavattanato āgamanavasena viññāṇakasiṇepi uddhaṃadhotiriyatā vuttāti āha ‘‘kasiṇugghāṭiṃ ākāsavasena tattha pavattaviññāṇe uddhaṃadhotiriyatā veditabbā’’ti.

    อกุสลกมฺมปถทสกวณฺณนา

    Akusalakammapathadasakavaṇṇanā

    ๓๔๗. ปถภูตตฺตาติ เตสํ ปวตฺตนุปายตฺตา มคฺคภูตตฺตาฯ เมถุนสมาจาเรสูติ สทารสโนฺตสปรทารคมนวเสน ทุวิเธสุ เมถุนสมาจาเรสุฯ เตปิ หิ กาเมตพฺพโต กามา นามฯ เมถุนวตฺถูสูติ เมถุนสฺส วตฺถูสุ เตสุ สเตฺตสุฯ มิจฺฉาจาโรติ คารยฺหาจาโรฯ คารยฺหตา จสฺส เอกนฺตนิหีนตาย เอวาติ อาห ‘‘เอกนฺตนินฺทิโต ลามกาจาโร’’ติฯ อสทฺธมฺมาธิปฺปาเยนาติ อสทฺธมฺมเสวนาธิปฺปาเยนฯ

    347.Pathabhūtattāti tesaṃ pavattanupāyattā maggabhūtattā. Methunasamācāresūti sadārasantosaparadāragamanavasena duvidhesu methunasamācāresu. Tepi hi kāmetabbato kāmā nāma. Methunavatthūsūti methunassa vatthūsu tesu sattesu. Micchācāroti gārayhācāro. Gārayhatā cassa ekantanihīnatāya evāti āha ‘‘ekantanindito lāmakācāro’’ti. Asaddhammādhippāyenāti asaddhammasevanādhippāyena.

    สโคเตฺตหิ รกฺขิตา โคตฺตรกฺขิตาฯ สหธมฺมิเกหิ รกฺขิตา ธมฺมรกฺขิตาฯ สสฺสามิกา สารกฺขาฯ ยสฺสา คมเน รญฺญา ทโณฺฑ ฐปิโต, สา สปริทณฺฑาฯ ภริยาภาวตฺถํ ธเนน กีตา ธนกฺกีตาฯ ฉเนฺทน วสนฺตี ฉนฺทวาสินีฯ โภคตฺถํ วสนฺตี โภควาสินีฯ ปฎตฺถํ วสนฺตี ปฎวาสินีฯ อุทกปตฺตํ อามสิตฺวา คหิตา โอทปตฺตกินีฯ จุมฺพฎํ อปเนตฺวา คหิตา โอภตจุมฺพฎาฯ กรมรานีตา ธชาหฎาฯ ตงฺขณิกา มุหุตฺติกาฯ อภิภวิตฺวา วีติกฺกเม มิจฺฉาจาโร มหาสาวโชฺช, น ตถา ทฺวินฺนํ สมานจฺฉนฺทตายฯ ‘‘อภิภวิตฺวา วีติกฺกมเน สติปิ มเคฺคนมคฺคปฎิปตฺติอธิวาสเน ปุริมุปฺปนฺนเสวนาภิสนฺธิปโยคาภาวโต มิจฺฉาจาโร น โหติ อภิภุยฺยมานสฺสา’’ติ วทนฺติฯ เสวนจิเตฺต สติ ปโยคาภาโว อปฺปมาณํ เยภุเยฺยน อิตฺถิยา เสวนปโยคสฺส อภาวโตฯ ตสฺมิํ อสติ ปุเรตรํ เสวนจิตฺตสฺส อุปฎฺฐาปเนปิ ตสฺสา มิจฺฉาจาโร น สิยา, ตถา ปุริสสฺสปิ เสวนปโยคาภาเวติฯ ตสฺมา อตฺตโน รุจิยา ปวตฺติตสฺส วเสน ตโย พลกฺกาเรน ปวตฺติตสฺส วเสน ตโยติ สเพฺพปิ อคฺคหิตคฺคหเณน ‘‘จตฺตาโร สมฺภารา’’ติ วุตฺตํฯ

    Sagottehi rakkhitā gottarakkhitā. Sahadhammikehi rakkhitā dhammarakkhitā. Sassāmikā sārakkhā. Yassā gamane raññā daṇḍo ṭhapito, sā saparidaṇḍā. Bhariyābhāvatthaṃ dhanena kītā dhanakkītā. Chandena vasantī chandavāsinī. Bhogatthaṃ vasantī bhogavāsinī. Paṭatthaṃ vasantī paṭavāsinī. Udakapattaṃ āmasitvā gahitā odapattakinī. Cumbaṭaṃ apanetvā gahitā obhatacumbaṭā. Karamarānītā dhajāhaṭā. Taṅkhaṇikā muhuttikā. Abhibhavitvā vītikkame micchācāro mahāsāvajjo, na tathā dvinnaṃ samānacchandatāya. ‘‘Abhibhavitvā vītikkamane satipi maggenamaggapaṭipattiadhivāsane purimuppannasevanābhisandhipayogābhāvato micchācāro na hoti abhibhuyyamānassā’’ti vadanti. Sevanacitte sati payogābhāvo appamāṇaṃ yebhuyyena itthiyā sevanapayogassa abhāvato. Tasmiṃ asati puretaraṃ sevanacittassa upaṭṭhāpanepi tassā micchācāro na siyā, tathā purisassapi sevanapayogābhāveti. Tasmā attano ruciyā pavattitassa vasena tayo balakkārena pavattitassa vasena tayoti sabbepi aggahitaggahaṇena ‘‘cattāro sambhārā’’ti vuttaṃ.

    อุปสคฺควเสน อตฺถวิเสสวาจิโน ธาตุสทฺทาติ ‘‘อภิชฺฌายตี’’ติ ปทสฺส ‘‘ปรภณฺฑาภิมุขี’’ติอาทินา อโตฺถ วุโตฺตฯ ตตฺถ ตนฺนินฺนตายาติ ตสฺมิํ ปรภเณฺฑ ลุพฺภนวเสน นินฺนตายาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ อภิปุโพฺพ วา ฌา-สโทฺท ลุพฺภเน นิรุโฬฺห ทฎฺฐโพฺพฯ อุปสคฺควเสน อตฺถวิเสสวาจิโน เอว ธาตุสทฺทาฯ อทินฺนาทานสฺส อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชตา พฺรหฺมชาลวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. จูฬสีลวณฺณนา) วุตฺตาติ อาห ‘‘อทินฺนาทานํ วิย อปฺปสาวชฺชา, มหาสาวชฺชา จา’’ติฯ ตสฺมา ‘‘ยสฺส ภณฺฑํ อภิชฺฌายติ, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชตา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชตา’’ติอาทินา อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชวิภาโค เวทิตโพฺพฯ อตฺตโน ปริณามนํ จิเตฺตเนวาติ เวทิตพฺพํฯ

    Upasaggavasena atthavisesavācino dhātusaddāti ‘‘abhijjhāyatī’’ti padassa ‘‘parabhaṇḍābhimukhī’’tiādinā attho vutto. Tattha tanninnatāyāti tasmiṃ parabhaṇḍe lubbhanavasena ninnatāyāti ayamettha adhippāyo veditabbo. Abhipubbo vā jhā-saddo lubbhane niruḷho daṭṭhabbo. Upasaggavasena atthavisesavācino eva dhātusaddā. Adinnādānassa appasāvajjamahāsāvajjatā brahmajālavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. cūḷasīlavaṇṇanā) vuttāti āha ‘‘adinnādānaṃ viya appasāvajjā, mahāsāvajjā cā’’ti. Tasmā ‘‘yassa bhaṇḍaṃ abhijjhāyati, tassa appaguṇatāya appasāvajjatā, mahāguṇatāya mahāsāvajjatā’’tiādinā appasāvajjamahāsāvajjavibhāgo veditabbo. Attano pariṇāmanaṃ cittenevāti veditabbaṃ.

    หิตสุขํ พฺยาปาทยตีติ โย นํ อุปฺปาเทติ, ตสฺส ยํ ปติ จิตฺตํ อุปฺปาเทติ, ตสฺส ตสฺส สติ สมวาเย หิตสุขํ วินาเสติฯ ผรุสวาจาย อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชตา พฺรหฺมชาลวณฺณนายํ วิภาวิตาติ อาห ‘‘ผรุสวาจา วิยา’’ติอาทิฯ ตสฺมา ‘‘ยํ ปติ จิตฺตํ พฺยาปาเทติ, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวโชฺช, มหาคุณตาย มหาสาวโชฺช’’ติอาทินา ตทุภยวิภาโค เวทิตโพฺพฯ ‘‘อโห วตา’’ติ อิมินา ปรสฺส อจฺจนฺตาย วินาสจินฺตนํ ทีเปติฯ เอวญฺหิ สฺส ทารุณปฺปวตฺติยา กมฺมปถปฺปวตฺติฯ

    Hitasukhaṃbyāpādayatīti yo naṃ uppādeti, tassa yaṃ pati cittaṃ uppādeti, tassa tassa sati samavāye hitasukhaṃ vināseti. Pharusavācāya appasāvajjamahāsāvajjatā brahmajālavaṇṇanāyaṃ vibhāvitāti āha ‘‘pharusavācā viyā’’tiādi. Tasmā ‘‘yaṃ pati cittaṃ byāpādeti, tassa appaguṇatāya appasāvajjo, mahāguṇatāya mahāsāvajjo’’tiādinā tadubhayavibhāgo veditabbo. ‘‘Aho vatā’’ti iminā parassa accantāya vināsacintanaṃ dīpeti. Evañhi ssa dāruṇappavattiyā kammapathappavatti.

    ยถาภุจฺจคหณาภาเวนาติ ยาถาวคหณสฺส อภาเวน อนิจฺจาทิสภาวสฺส นิจฺจาทิโต คหเณนฯ มิจฺฉา ปสฺสตีติ วิตถํ ปสฺสติฯ ‘‘สมฺผปฺปลาโป วิยา’’ติ อิมินา อาเสวนสฺส มนฺทตาย อปฺปสาวชฺชตํ, มหนฺตตาย มหาสาวชฺชตํ ทเสฺสติฯ คหิตาการวิปรีตตาติ มิจฺฉาทิฎฺฐิยา คหิตาการวิปรีตภาโวฯ วตฺถุโนติ ตสฺส อยถาภูตสภาวมาหฯ ตถาภาเวนาติ คหิตากาเรเนว วิปรีตากาเรเนวฯ ตสฺส ทิฎฺฐิคติกสฺส, ตสฺส วา วตฺถุโน อุปฎฺฐานํ, ‘‘เอวเมตํ น อิโต อญฺญถา’’ติฯ

    Yathābhuccagahaṇābhāvenāti yāthāvagahaṇassa abhāvena aniccādisabhāvassa niccādito gahaṇena. Micchā passatīti vitathaṃ passati. ‘‘Samphappalāpo viyā’’ti iminā āsevanassa mandatāya appasāvajjataṃ, mahantatāya mahāsāvajjataṃ dasseti. Gahitākāraviparītatāti micchādiṭṭhiyā gahitākāraviparītabhāvo. Vatthunoti tassa ayathābhūtasabhāvamāha. Tathābhāvenāti gahitākāreneva viparītākāreneva. Tassa diṭṭhigatikassa, tassa vā vatthuno upaṭṭhānaṃ, ‘‘evametaṃ na ito aññathā’’ti.

    ธมฺมโตติ สภาวโตฯ โกฎฺฐาสโตติ ผสฺสปญฺจมกาทีสุ จิตฺตงฺคโกฎฺฐาเสสุ เย โกฎฺฐาสา โหนฺติ, ตโตติ อโตฺถฯ

    Dhammatoti sabhāvato. Koṭṭhāsatoti phassapañcamakādīsu cittaṅgakoṭṭhāsesu ye koṭṭhāsā honti, tatoti attho.

    เจตนาธมฺมาติ เจตนาสภาวาฯ

    Cetanādhammāti cetanāsabhāvā.

    ‘‘ปฎิปาฎิยา สตฺตา’’ติ เอตฺถ นนุ เจตนา อภิธเมฺม กมฺมปเถสุ น วุตฺตาติ ปฎิปาฎิยา สตฺตนฺนํ กมฺมปถภาโว น ยุโตฺตติ? น, อวจนสฺส อญฺญเหตุกตฺตาฯ น หิ ตตฺถ เจตนาย อกมฺมปถปฺปตฺตตฺตา (ธ. ส. มูลฎี. อกุสลกมฺมปถกถาวณฺณนา) กมฺมปถราสิมฺหิ อวจนํ, กทาจิ ปน กมฺมปโถ โหติ, น สพฺพทาติ กมฺมปถภาวสฺส อนิยตตฺตา อวจนํฯ ยทา ปน กมฺมปโถ โหติ, ตทา กมฺมปถราสิสงฺคโห น นิวาริโตฯ

    ‘‘Paṭipāṭiyā sattā’’ti ettha nanu cetanā abhidhamme kammapathesu na vuttāti paṭipāṭiyā sattannaṃ kammapathabhāvo na yuttoti? Na, avacanassa aññahetukattā. Na hi tattha cetanāya akammapathappattattā (dha. sa. mūlaṭī. akusalakammapathakathāvaṇṇanā) kammapatharāsimhi avacanaṃ, kadāci pana kammapatho hoti, na sabbadāti kammapathabhāvassa aniyatattā avacanaṃ. Yadā pana kammapatho hoti, tadā kammapatharāsisaṅgaho na nivārito.

    เอตฺถาห – ยทิ เจตนาย สพฺพทา กมฺมปถภาวาภาวโต อนิยโต กมฺมปถภาโวติ กมฺมปถราสิมฺหิ อวจนํ, นนุ อภิชฺฌาทีนมฺปิ กมฺมปถภาวํ อปฺปตฺตานํ อตฺถิตาย อนิยโต กมฺมปถภาโวติ เตสมฺปิ กมฺมปถราสิมฺหิ อวจนํ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ กมฺมปถตาตํสภาคตา หิ เตสํ ตตฺถ วุตฺตตฺตาฯ ยทิ เอวํ เจตนาปิ ตตฺถ วตฺตพฺพา สิยาติ? สจฺจเมตํ, สา ปน ปาณาติปาตาทิกาวาติ ปากโฎ ตสฺสา กมฺมปถภาโวติ น วุตฺตํ สิยาฯ เจตนาย หิ ‘‘เจตนาหํ, ภิกฺขเว, กมฺมํ วทามิ (อ. นิ. ๖.๖๓; กถา. ๕๓๙), ติวิธา, ภิกฺขเว, กายสเญฺจตนา อกุสลํ กายกมฺม’’นฺติ (กถา. ๕๓๙) วจนโต กมฺมภาโว ปากโฎ; กมฺมํเยว จ สุคติทุคฺคตีนํ, ตทุปฺปชฺชนสุขทุกฺขานญฺจ ปถภาเวน ปวตฺตํ ‘‘กมฺมปโถ’’ติ วุจฺจตีติ ปากโฎ ตสฺสา กมฺมปถภาโวฯ อภิชฺฌาทีนํ ปน เจตนาสมีหนภาเวน สุจริตทุจฺจริตภาโว, เจตนาชนิตภาเวน [เจตนาชนิตตํพนฺธติภาเวน (ธ. ส. อนุฎี. อกุสลกมฺมปถาวณฺณนา)] สุคติทุคฺคติตทุปฺปชฺชนสุขทุกฺขานํ ปถภาโว จาติ น ตถา ปากโฎ กมฺมปถภาโวติ เต เอว เตน สภาเวน ทเสฺสตุํ อภิธเมฺม เจตนา กมฺมปถภาเว น วุตฺตา, อตถาชาติยตฺตา วา เจตนา เตหิ สทฺธิํ น วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ มูลํ ปตฺวาติ มูลเทสนํ ปตฺวา, มูลสภาเวสุ ธเมฺมสุ เทสิยมาเนสูติ อโตฺถฯ

    Etthāha – yadi cetanāya sabbadā kammapathabhāvābhāvato aniyato kammapathabhāvoti kammapatharāsimhi avacanaṃ, nanu abhijjhādīnampi kammapathabhāvaṃ appattānaṃ atthitāya aniyato kammapathabhāvoti tesampi kammapatharāsimhi avacanaṃ āpajjatīti? Nāpajjati kammapathatātaṃsabhāgatā hi tesaṃ tattha vuttattā. Yadi evaṃ cetanāpi tattha vattabbā siyāti? Saccametaṃ, sā pana pāṇātipātādikāvāti pākaṭo tassā kammapathabhāvoti na vuttaṃ siyā. Cetanāya hi ‘‘cetanāhaṃ, bhikkhave, kammaṃ vadāmi (a. ni. 6.63; kathā. 539), tividhā, bhikkhave, kāyasañcetanā akusalaṃ kāyakamma’’nti (kathā. 539) vacanato kammabhāvo pākaṭo; kammaṃyeva ca sugatiduggatīnaṃ, taduppajjanasukhadukkhānañca pathabhāvena pavattaṃ ‘‘kammapatho’’ti vuccatīti pākaṭo tassā kammapathabhāvo. Abhijjhādīnaṃ pana cetanāsamīhanabhāvena sucaritaduccaritabhāvo, cetanājanitabhāvena [cetanājanitataṃbandhatibhāvena (dha. sa. anuṭī. akusalakammapathāvaṇṇanā)] sugatiduggatitaduppajjanasukhadukkhānaṃ pathabhāvo cāti na tathā pākaṭo kammapathabhāvoti te eva tena sabhāvena dassetuṃ abhidhamme cetanā kammapathabhāve na vuttā, atathājātiyattā vā cetanā tehi saddhiṃ na vuttāti daṭṭhabbaṃ. Mūlaṃ patvāti mūladesanaṃ patvā, mūlasabhāvesu dhammesu desiyamānesūti attho.

    ‘‘อทินฺนาทานํ สตฺตารมฺมณ’’นฺติ อิทํ ‘‘ปญฺจสิกฺขาปทา ปริตฺตารมฺมณา เอวา’’ติ อิมาย ปญฺหปุจฺฉกปาฬิยา (วิภ. ๗๑๕) วิรุชฺฌติฯ ยญฺหิ ปาณาติปาตาทิทุสฺสีลฺยสฺส อารมฺมณํ , ตเทว ตํเวรมณิยา อารมฺมณํฯ วีติกฺกมิตพฺพวตฺถุโต เอว หิ วิรตีติฯ สตฺตารมฺมณนฺติ วา สตฺตสงฺขาตสงฺขารารมฺมณํ, ตเมว อุปาทาย วุตฺตนฺติ น โกจิ วิโรโธฯ ตถา หิ วุตฺตํ สโมฺมหวิโนทนิยํ ‘‘ยานิ สิกฺขาปทานิ เอตฺถ ‘สตฺตารมฺมณานี’ติ วุตฺตานิ, ตานิ ยสฺมา สโตฺตติ สงฺขํ คเต สงฺขาเรเยว อารมฺมณํ กโรนฺตี’’ติฯ (วิภ. อฎฺฐ. ๗๑๔) เอส นโย อิโต ปเรสุปิฯ วิสภาควตฺถุโน ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติ คเหตพฺพโต ‘‘สตฺตารมฺมโณ’’ติ เอเกฯ ‘‘เอโก ทิโฎฺฐ, เทฺว สุตา’’ติอาทินา สมฺผปฺปลาเปน ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาตวเสนฯ ตถา อภิชฺฌาติ เอตฺถ ตถา-สโทฺท ‘‘ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาตวเสนา’’ ติทมฺปิ อุปสํหรติ, น สตฺตสงฺขารารมฺมณตเมว ทสฺสนาทิวเสน อภิชฺฌายนโตฯ ‘‘นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๗๑) ปวตฺตมานาปิ มิจฺฉาทิฎฺฐิ เตภูมกธมฺมวิสยา เอวาติ อธิปฺปาเยนสฺสา สงฺขารารมฺมณตา วุตฺตาฯ กถํ ปน มิจฺฉาทิฎฺฐิยา สเพฺพ เตภูมกธมฺมา อารมฺมณํ โหตีติ? สาธารณโตฯ ‘‘นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๗๑; ม. นิ. ๒.๙๔) ปวตฺตมานาย อตฺถโต รูปารูปาวจรธมฺมาปิ คหิตา เอว โหนฺตีติฯ

    ‘‘Adinnādānaṃ sattārammaṇa’’nti idaṃ ‘‘pañcasikkhāpadā parittārammaṇā evā’’ti imāya pañhapucchakapāḷiyā (vibha. 715) virujjhati. Yañhi pāṇātipātādidussīlyassa ārammaṇaṃ , tadeva taṃveramaṇiyā ārammaṇaṃ. Vītikkamitabbavatthuto eva hi viratīti. Sattārammaṇanti vā sattasaṅkhātasaṅkhārārammaṇaṃ, tameva upādāya vuttanti na koci virodho. Tathā hi vuttaṃ sammohavinodaniyaṃ ‘‘yāni sikkhāpadāni ettha ‘sattārammaṇānī’ti vuttāni, tāni yasmā sattoti saṅkhaṃ gate saṅkhāreyeva ārammaṇaṃ karontī’’ti. (Vibha. aṭṭha. 714) esa nayo ito paresupi. Visabhāgavatthuno ‘‘itthī puriso’’ti gahetabbato ‘‘sattārammaṇo’’ti eke. ‘‘Eko diṭṭho, dve sutā’’tiādinā samphappalāpena diṭṭhasutamutaviññātavasena. Tathā abhijjhāti ettha tathā-saddo ‘‘diṭṭhasutamutaviññātavasenā’’ tidampi upasaṃharati, na sattasaṅkhārārammaṇatameva dassanādivasena abhijjhāyanato. ‘‘Natthi sattā opapātikā’’ti (dī. ni. 1.171) pavattamānāpi micchādiṭṭhi tebhūmakadhammavisayā evāti adhippāyenassā saṅkhārārammaṇatā vuttā. Kathaṃ pana micchādiṭṭhiyā sabbe tebhūmakadhammā ārammaṇaṃ hotīti? Sādhāraṇato. ‘‘Natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’ti (dī. ni. 1.171; ma. ni. 2.94) pavattamānāya atthato rūpārūpāvacaradhammāpi gahitā eva hontīti.

    สุขพหุลตาย ราชาโน หสมานาปิ ‘‘ฆาเตถา’’ติ วทนฺติ , หาโส ปน เนสํ อตฺตวูปสมาทิอญฺญวิสโยติ อาห ‘‘สนฺนิฎฺฐาปก…เป.… โหตี’’ติฯ มชฺฌตฺตเวทโน น โหติ, สุขเวทโนว เอตฺถ สมฺภวตีติฯ มุสาวาโท โลภสมุฎฺฐาโน สุขเวทโน วา สิยา มชฺฌตฺตเวทโน วา, โทสสมุฎฺฐาโน ทุกฺขเวทโน วาติ มุสาวาโท ติเวทโนฯ อิมินา นเยน เสเสสุปิ ยถารหํ เวทนาเภโท เวทิตโพฺพฯ

    Sukhabahulatāya rājāno hasamānāpi ‘‘ghātethā’’ti vadanti , hāso pana nesaṃ attavūpasamādiaññavisayoti āha ‘‘sanniṭṭhāpaka…pe… hotī’’ti. Majjhattavedano na hoti, sukhavedanova ettha sambhavatīti. Musāvādo lobhasamuṭṭhāno sukhavedano vā siyā majjhattavedano vā, dosasamuṭṭhāno dukkhavedano vāti musāvādo tivedano. Iminā nayena sesesupi yathārahaṃ vedanābhedo veditabbo.

    โทสโมหวเสน ทฺวิมูลโกติ สมฺปยุตฺตมูลเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ ตสฺส หิ มูลเฎฺฐน อุปการกภาโวฯ นิทานมูเล ปน คยฺหมาเน ‘‘โลภโมหวเสนปี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาฯ อามิสกิญฺชกฺขเหตุปิ ปาณํ หนนฺติฯ เตเนวาห – ‘‘โลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยายา’’ติอาทิ (อ. นิ. ๓.๓๔)ฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ

    Dosamohavasenadvimūlakoti sampayuttamūlameva sandhāya vuttaṃ. Tassa hi mūlaṭṭhena upakārakabhāvo. Nidānamūle pana gayhamāne ‘‘lobhamohavasenapī’’ti vattabbaṃ siyā. Āmisakiñjakkhahetupi pāṇaṃ hananti. Tenevāha – ‘‘lobho nidānaṃ kammānaṃ samudayāyā’’tiādi (a. ni. 3.34). Sesesupi eseva nayo.

    กุสลกมฺมปถทสกวณฺณนา

    Kusalakammapathadasakavaṇṇanā

    ปาณาติปาตา …เป.… เวทิตพฺพานิ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกวเสเนตฺถ กุสลกมฺมปถานํ เทสิตตฺตาฯ เวรเหตุตาย เวรสญฺญิตํ ปาณาติปาตาทิปาปธมฺมํ มณติ ‘‘มยิ อิธ ฐิตาย กถํ อาคจฺฉสี’’ติ ตชฺชนฺตี วิย นีหรตีติ เวรมณี, วิรมติ เอตายาติ วา ‘‘วิรมณี’’ติ วตฺตเพฺพ นิรุตฺตินเยน ‘‘เวรมณี’’ติ วุตฺตํฯ สมาทานวเสน อุปฺปนฺนา วิรติ สมาทานวิรติฯ อสมาทินฺนสีลสฺส สมฺปตฺตโต ยถาอุปฎฺฐิตวีติกฺกมิตพฺพวตฺถุโต วิรติ สมฺปตฺตวิรติฯ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺทนวเสน ปวตฺตา มคฺคสมฺปยุตฺตา วิรติ สมุเจฺฉทวิรติฯ กามเญฺจตฺถ ปาฬิยํ วิรติเยว อาคตา, สิกฺขาปทวิภเงฺค (วิภ. ๗๐๓) ปน เจตนาปิ อาหริตฺวา ทสฺสิตาติ ตทุภยมฺปิ คณฺหโนฺต ‘‘เจตนาปิ วตฺตนฺติ วิรติโยปี’’ติ อาหฯ อนภิชฺฌา หิ มูลํ ปตฺวาติ กมฺมปถโกฎฺฐาเส ‘‘อนภิชฺฌา’’ติ วุตฺตธโมฺม มูลโต อโลโภ กุสลมูลํ โหตีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ

    Pāṇātipātā…pe… veditabbāni lokiyalokuttaramissakavasenettha kusalakammapathānaṃ desitattā. Verahetutāya verasaññitaṃ pāṇātipātādipāpadhammaṃ maṇati ‘‘mayi idha ṭhitāya kathaṃ āgacchasī’’ti tajjantī viya nīharatīti veramaṇī, viramati etāyāti vā ‘‘viramaṇī’’ti vattabbe niruttinayena ‘‘veramaṇī’’ti vuttaṃ. Samādānavasena uppannā virati samādānavirati. Asamādinnasīlassa sampattato yathāupaṭṭhitavītikkamitabbavatthuto virati sampattavirati. Kilesānaṃ samucchindanavasena pavattā maggasampayuttā virati samucchedavirati. Kāmañcettha pāḷiyaṃ viratiyeva āgatā, sikkhāpadavibhaṅge (vibha. 703) pana cetanāpi āharitvā dassitāti tadubhayampi gaṇhanto ‘‘cetanāpi vattanti viratiyopī’’ti āha. Anabhijjhā hi mūlaṃ patvāti kammapathakoṭṭhāse ‘‘anabhijjhā’’ti vuttadhammo mūlato alobho kusalamūlaṃ hotīti evamettha attho daṭṭhabbo. Sesapadadvayepi eseva nayo.

    ทุสฺสีลฺยารมฺมณา ตทารมฺมณชีวิตินฺทฺริยาทิอารมฺมณา กถํ ทุสฺสีลฺยานิ ปชหนฺตีติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปชหนฺตีติ เวทิตพฺพา ปาณาติปาตาทีหิ วิรมณวเสเนว ปวตฺตนโตฯ อถ ตทารมฺมณภาเว, น โส ตานิ ปชหติฯ น หิ ตเทว อารพฺภ ตํ ปชหิตุํ สกฺกา ตโต อวินิสฺสฎภาวโตฯ

    Dussīlyārammaṇā tadārammaṇajīvitindriyādiārammaṇā kathaṃ dussīlyāni pajahantīti taṃ dassetuṃ ‘‘yathā panā’’tiādi vuttaṃ. Pajahantīti veditabbā pāṇātipātādīhi viramaṇavaseneva pavattanato. Atha tadārammaṇabhāve, na so tāni pajahati. Na hi tadeva ārabbha taṃ pajahituṃ sakkā tato avinissaṭabhāvato.

    อนภิชฺฌา…เป.… วิรมนฺตสฺสาติ อภิชฺฌํ ปชหนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ น หิ มโนทุจฺจริตโต วิรติ อตฺถิ อนภิชฺฌาทีเหว ตปฺปหานสิทฺธิโตฯ

    Anabhijjhā…pe… viramantassāti abhijjhaṃ pajahantassāti attho. Na hi manoduccaritato virati atthi anabhijjhādīheva tappahānasiddhito.

    อริยวาสทสกวณฺณนา

    Ariyavāsadasakavaṇṇanā

    ๓๔๘. อริยานเมว วาสาติ อริยวาสา อนริยานํ ตาทิสานํ อสมฺภวโตฯ อริยาติ เจตฺถ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสน ขีณาสวา คหิตา, เต จ ยสฺมา เตหิ สพฺพกาลํ อวิรหิตวาสา เอว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อริยา เอว วสิํสุ วสนฺติ วสิสฺสนฺตี’’ติฯ ตตฺถ วสิํสูติ นิสฺสาย วสิํสุฯ ปญฺจงฺควิปฺปหีนตฺตาทโย หิ อริยานํ อปสฺสยาฯ เตสุ ปญฺจงฺควิปฺปหานปเจฺจกสจฺจปโนทนเอสนาสมวยวิสฺสชฺชนานิ ‘‘สงฺขาเยกํ ปฎิเสวติ, อธิวาเสติ, ปริวเชฺชติ, วิโนเทตี’’ติ วุเตฺตสุ อปเสฺสเนสุ วิโนทนญฺจ มคฺคกิจฺจาเนว, อิตเร มเคฺคเนว สมิชฺฌนฺติฯ

    348. Ariyānameva vāsāti ariyavāsā anariyānaṃ tādisānaṃ asambhavato. Ariyāti cettha ukkaṭṭhaniddesena khīṇāsavā gahitā, te ca yasmā tehi sabbakālaṃ avirahitavāsā eva, tasmā vuttaṃ ‘‘ariyā eva vasiṃsu vasanti vasissantī’’ti. Tattha vasiṃsūti nissāya vasiṃsu. Pañcaṅgavippahīnattādayo hi ariyānaṃ apassayā. Tesu pañcaṅgavippahānapaccekasaccapanodanaesanāsamavayavissajjanāni ‘‘saṅkhāyekaṃ paṭisevati, adhivāseti, parivajjeti, vinodetī’’ti vuttesu apassenesu vinodanañca maggakiccāneva, itare maggeneva samijjhanti.

    ญาณาทโยติ ญาณเญฺจว ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา จฯ เตนาห ‘‘ญาณนฺติ วุเตฺต’’ติอาทิฯ ตตฺถ วตฺตพฺพํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ

    Ñāṇādayoti ñāṇañceva taṃsampayuttadhammā ca. Tenāha ‘‘ñāṇanti vutte’’tiādi. Tattha vattabbaṃ heṭṭhā vuttameva.

    อารกฺขกิจฺจํ สาเธติ สติเวปุลฺลปฺปตฺตตฺตาฯ ‘‘จรโต’’ติอาทินา นิจฺจสมาทานํ ทเสฺสติ, ตํ วิเกฺขปาภาเวน ทฎฺฐพฺพํฯ

    Ārakkhakiccaṃ sādheti sativepullappattattā. ‘‘Carato’’tiādinā niccasamādānaṃ dasseti, taṃ vikkhepābhāvena daṭṭhabbaṃ.

    ปพฺพชฺชุปคตาติ ยํ กิญฺจิ ปพฺพชฺชํ อุปคตา, น สมิตปาปาฯ โภวาทิโนติ ชาติมตฺตพฺราหฺมเณ วทติฯ ปาเฎกฺกสจฺจานีติ เตหิ เตหิ ทิฎฺฐิคติเกหิ ปาฎิเยกฺกํ คหิตานิ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗, ๒๐๓, ๔๒๗; ๓.๒๗; อุทา. ๕๕; เนตฺติ. ๕๙) อภินิวิฎฺฐานิ ทิฎฺฐิสจฺจาทีนิฯ ทิฎฺฐิคตานิปิ หิ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗, ๒๐๒, ๔๒๗; ๓.๒๗, ๒๙; เนตฺติ. ๕๙) คหณํ อุปาทาย ‘‘สจฺจานี’’ติ โวหรียนฺติฯ เตนาห ‘‘อิทเมวา’’ติอาทิฯ นีหฎานีติ อตฺตโน สนฺตานโต นีหริตานิ อปนีตานิฯ คหิตคฺคหณสฺสาติ อริยมคฺคาธิคมโต ปุเพฺพ คหิตสฺส ทิฎฺฐิคาหสฺสฯ วิสฺสฎฺฐภาวเววจนานีติ อริยมเคฺคน สพฺพโส ปริจฺจาคภาวสฺส อธิวจนานิฯ

    Pabbajjupagatāti yaṃ kiñci pabbajjaṃ upagatā, na samitapāpā. Bhovādinoti jātimattabrāhmaṇe vadati. Pāṭekkasaccānīti tehi tehi diṭṭhigatikehi pāṭiyekkaṃ gahitāni ‘‘idameva sacca’’nti (ma. ni. 2.187, 203, 427; 3.27; udā. 55; netti. 59) abhiniviṭṭhāni diṭṭhisaccādīni. Diṭṭhigatānipi hi ‘‘idameva sacca’’nti (ma. ni. 2.187, 202, 427; 3.27, 29; netti. 59) gahaṇaṃ upādāya ‘‘saccānī’’ti voharīyanti. Tenāha ‘‘idamevā’’tiādi. Nīhaṭānīti attano santānato nīharitāni apanītāni. Gahitaggahaṇassāti ariyamaggādhigamato pubbe gahitassa diṭṭhigāhassa. Vissaṭṭhabhāvavevacanānīti ariyamaggena sabbaso pariccāgabhāvassa adhivacanāni.

    นตฺถิ เอตาสํ วโย เวกลฺยนฺติ อวยาติ อาห ‘‘อนูนา’’ติ, อนวเสสาติ อโตฺถฯ เอสนาติ เหฎฺฐา วุตฺตกาเมสนาทโยฯ

    Natthi etāsaṃ vayo vekalyanti avayāti āha ‘‘anūnā’’ti, anavasesāti attho. Esanāti heṭṭhā vuttakāmesanādayo.

    มคฺคสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ กถิตา ราคาทีนํ ปหีนภาวทีปนโตฯ

    Maggassa kiccanipphatti kathitā rāgādīnaṃ pahīnabhāvadīpanato.

    ปจฺจเวกฺขณาย ผลํ กถิตนฺติ ปจฺจเวกฺขณมุเขน อริยผลํ กถิตํฯ อธิคเต หิ อคฺคผเล สพฺพโส ราคาทีนํ อนุปฺปาทธมฺมตํ ปชานาติ, ตญฺจ ปชานนํ ปจฺจเวกฺขณญาณนฺติฯ

    Paccavekkhaṇāya phalaṃ kathitanti paccavekkhaṇamukhena ariyaphalaṃ kathitaṃ. Adhigate hi aggaphale sabbaso rāgādīnaṃ anuppādadhammataṃ pajānāti, tañca pajānanaṃ paccavekkhaṇañāṇanti.

    อเสกฺขธมฺมทสกวณฺณนา

    Asekkhadhammadasakavaṇṇanā

    ผลญฺจ เต สมฺปยุตฺตธมฺมา จาติ ผลสมฺปยุตฺตธมฺมา, อริยผลสภาวา สมฺปยุตฺตา ธมฺมาติ อโตฺถฯ ผลสมฺปยุตฺตธมฺมาติ ผลธมฺมา เจว ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา จาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ทฺวีสุปิ ฐาเนสุ ปญฺญาว กถิตา สมฺมา ทสฺสนเฎฺฐน สมฺมาทิฎฺฐิ, สมฺมา ชานนเฎฺฐน สมฺมาญาณนฺติ จฯ อตฺถิ หิ ทสฺสนชานนานํ สวิสเย ปวตฺติอาการวิเสโส, สฺวายํ เหฎฺฐา ทสฺสิโต เอวฯ ผลสมาปตฺติธมฺมาติ ผลสมาปตฺติยํ ธมฺมา, ผลสมาปตฺติสหคตธมฺมาติ อโตฺถฯ อริยผลสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ หิ สพฺพโส ปฎิปกฺขโต วิมุตฺตตํ อุปาทาย ‘‘วิมุตฺตี’’ติ วตฺตพฺพตํ ลภนฺติฯ เกนจิ ปน ยถา อเสกฺขา ผลปญฺญา ทสฺสนกิจฺจํ อุปาทาย ‘‘สมฺมาทิฎฺฐี’’ติ วุตฺตา, ชานนกิจฺจํ อุปาทาย ‘‘สมฺมาญาณ’’นฺติปิ วุตฺตา เอว; เอวํ อริยผลสมาธิ สมาทานฎฺฐํ อุปาทาย ‘‘สมฺมาสมาธี’’ติ วุโตฺต, วิมุจฺจนฎฺฐํ อุปาทาย ‘‘สมฺมาวิมุตฺตี’’ ติปิ วุโตฺตฯ เอวญฺจ กตฺวา ‘‘อนาสวํ เจโตวิมุตฺติ’’นฺติ ทุติยวิมุตฺติคฺคหณญฺจ สมตฺถิตํ โหตีติฯ

    Phalañca te sampayuttadhammā cāti phalasampayuttadhammā, ariyaphalasabhāvā sampayuttā dhammāti attho. Phalasampayuttadhammāti phaladhammā ceva taṃsampayuttadhammā cāti evamettha attho veditabbo. Dvīsupi ṭhānesu paññāva kathitā sammā dassanaṭṭhena sammādiṭṭhi, sammā jānanaṭṭhena sammāñāṇanti ca. Atthi hi dassanajānanānaṃ savisaye pavattiākāraviseso, svāyaṃ heṭṭhā dassito eva. Phalasamāpattidhammāti phalasamāpattiyaṃ dhammā, phalasamāpattisahagatadhammāti attho. Ariyaphalasampayuttadhammāpi hi sabbaso paṭipakkhato vimuttataṃ upādāya ‘‘vimuttī’’ti vattabbataṃ labhanti. Kenaci pana yathā asekkhā phalapaññā dassanakiccaṃ upādāya ‘‘sammādiṭṭhī’’ti vuttā, jānanakiccaṃ upādāya ‘‘sammāñāṇa’’ntipi vuttā eva; evaṃ ariyaphalasamādhi samādānaṭṭhaṃ upādāya ‘‘sammāsamādhī’’ti vutto, vimuccanaṭṭhaṃ upādāya ‘‘sammāvimuttī’’ tipi vutto. Evañca katvā ‘‘anāsavaṃ cetovimutti’’nti dutiyavimuttiggahaṇañca samatthitaṃ hotīti.

    ทสกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dasakavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ปญฺหสโมธานวณฺณนา

    Pañhasamodhānavaṇṇanā

    สโมธาเนตพฺพาติ สมาหริตพฺพาฯ

    Samodhānetabbāti samāharitabbā.

    ๓๔๙. โอกปฺปนาติ พลวสทฺธาฯ อายติํ ภิกฺขูนํ อวิวาทเหตุภูตํ ตตฺถ ตตฺถ ภควตา เทสิตานํ อตฺถานํ สงฺคายนํ สงฺคีติ, ตสฺส จ การณํ อยํ สุตฺตเทสนา ตถา ปวตฺตตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘สงฺคีติปริยายนฺติ สามคฺคิยา การณ’’นฺติฯ สมนุโญฺญ สตฺถา อโหสิ ‘‘ปฎิภาตุ ต,ํ สาริปุตฺต, ภิกฺขูนํ ธมฺมิํ กถา’’ติ อุสฺสาเหตฺวา อาทิโต ปฎฺฐาย ยาว ปริโยสานา สุณโนฺต, สา ปเนตฺถ ภควโต สมนุญฺญตา ‘‘สาธุ, สาธู’’ติ อนุโมทเนน ปากฎา ชาตาติ วุตฺตํ ‘‘อนุโมทเนน สมนุโญฺญ อโหสี’’ติฯ ชินภาสิโต นาม ชาโต, น สาวกภาสิโตฯ ยถา หิ ราชยุเตฺตหิ ลิขิตปณฺณํ ยาว ราชมุทฺทิกาย น ลญฺชิตํ โหติ, น ตาว ‘‘ราชปณฺณ’’นฺติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ, ลญฺชิตมตฺตํ ปน ราชปณฺณํ นาม โหติฯ เอวเมว ‘‘สาธุ, สาธุ สาริปุตฺตา’’ติอาทิ อนุโมทนวจนสํสูจิตาย สมนุญฺญาสงฺขาตาย ชินวจนมุทฺทาย ลญฺชิตตฺตา อยํ สุตฺตโนฺต ชินภาสิโต นาม ชาโต อาหจฺจวจโนฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวาติฯ

    349.Okappanāti balavasaddhā. Āyatiṃ bhikkhūnaṃ avivādahetubhūtaṃ tattha tattha bhagavatā desitānaṃ atthānaṃ saṅgāyanaṃ saṅgīti, tassa ca kāraṇaṃ ayaṃ suttadesanā tathā pavattattāti vuttaṃ ‘‘saṅgītipariyāyanti sāmaggiyā kāraṇa’’nti. Samanuñño satthā ahosi ‘‘paṭibhātu ta,ṃ sāriputta, bhikkhūnaṃ dhammiṃ kathā’’ti ussāhetvā ādito paṭṭhāya yāva pariyosānā suṇanto, sā panettha bhagavato samanuññatā ‘‘sādhu, sādhū’’ti anumodanena pākaṭā jātāti vuttaṃ ‘‘anumodanena samanuñño ahosī’’ti. Jinabhāsito nāma jāto, na sāvakabhāsito. Yathā hi rājayuttehi likhitapaṇṇaṃ yāva rājamuddikāya na lañjitaṃ hoti, na tāva ‘‘rājapaṇṇa’’nti saṅkhyaṃ gacchati, lañjitamattaṃ pana rājapaṇṇaṃ nāma hoti. Evameva ‘‘sādhu, sādhu sāriputtā’’tiādi anumodanavacanasaṃsūcitāya samanuññāsaṅkhātāya jinavacanamuddāya lañjitattā ayaṃ suttanto jinabhāsito nāma jāto āhaccavacano. Yaṃ panettha atthato na vibhattaṃ, taṃ suviññeyyamevāti.

    สงฺคีติสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ

    Saṅgītisuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๑๐. สงฺคีติสุตฺตํ • 10. Saṅgītisuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. สงฺคีติสุตฺตวณฺณนา • 10. Saṅgītisuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact