Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๒. สนิทานสุตฺตวณฺณนา
2. Sanidānasuttavaṇṇanā
๙๖. ภาวนปุํสกเมตํ ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) วิยฯ สนิทานนฺติ อตฺตโน ผลํ นิททาตีติ นิทานํ, การณนฺติ อาห ‘‘สนิทาโน สปฺปจฺจโย’’ติฯ กามปฎิสํยุโตฺตติ กามราคสงฺขาเตน กาเมน ปฎิสํยุโตฺต วา กามปฎิพโทฺธ วาฯ ตเกฺกตีติ ตโกฺกฯ อภูตการํ สมาโรเปตฺวา กเปฺปตีติ สงฺกโปฺปฯ อารมฺมเณ จิตฺตํ อเปฺปตีติ อปฺปนาฯ วิเสเสน อเปฺปตีติ พฺยปฺปนาฯ อารมฺมเณ จิตฺตํ อภินิโรเปนฺตํ วิย ปวตฺตตีติ เจตโส อภินิโรปนาฯ มิจฺฉา วิปรีโต ปาปโก สงฺกโปฺปติ มิจฺฉาสงฺกโปฺปฯ อเญฺญสุ จ กามปฎิสํยุเตฺตสุ วิชฺชมาเนสุ วิตโกฺก เอว กามธาตุสเทฺทน นิรุโฬฺห ทฎฺฐโพฺพ วิตกฺกสฺส กามปสงฺคปฺปตฺติสาติสยตฺตาฯ เอส นโย พฺยาปาทธาตุอาทีสุปิฯ สเพฺพปิ อกุสลา ธมฺมา กามธาตุ หีนชฺฌาสเยหิ กาเมตพฺพธาตุภาวโตฯ
96.Bhāvanapuṃsakametaṃ ‘‘visamaṃ candimasūriyā parivattantī’’tiādīsu (a. ni. 4.70) viya. Sanidānanti attano phalaṃ nidadātīti nidānaṃ, kāraṇanti āha ‘‘sanidānosappaccayo’’ti. Kāmapaṭisaṃyuttoti kāmarāgasaṅkhātena kāmena paṭisaṃyutto vā kāmapaṭibaddho vā. Takketīti takko. Abhūtakāraṃ samāropetvā kappetīti saṅkappo. Ārammaṇe cittaṃ appetīti appanā. Visesena appetīti byappanā. Ārammaṇe cittaṃ abhiniropentaṃ viya pavattatīti cetaso abhiniropanā. Micchā viparīto pāpako saṅkappoti micchāsaṅkappo. Aññesu ca kāmapaṭisaṃyuttesu vijjamānesu vitakko eva kāmadhātusaddena niruḷho daṭṭhabbo vitakkassa kāmapasaṅgappattisātisayattā. Esa nayo byāpādadhātuādīsupi. Sabbepi akusalā dhammā kāmadhātu hīnajjhāsayehi kāmetabbadhātubhāvato.
กิเลสกามสฺส อารมฺมณภาวตฺตา สพฺพากุสลสํคาหิกาย กามธาตุยา อิตรา เทฺว สงฺคเหตฺวา กถนํ สพฺพสงฺคาหิกาฯ ติสฺสนฺนํ ธาตูนํ อญฺญมญฺญํ อสงฺกรโต กถา อสมฺภินฺนาฯ อิมํ กามาวจรสญฺญิตํ กามวิตกฺกสญฺญิตญฺจ กามธาตุํฯ ปฎิจฺจาติ ปจฺจยภูตํ ลภิตฺวาฯ ตีหิ การเณหีติ ตีหิ สารภูเตหิ การเณหิฯ
Kilesakāmassa ārammaṇabhāvattā sabbākusalasaṃgāhikāya kāmadhātuyā itarā dve saṅgahetvā kathanaṃ sabbasaṅgāhikā. Tissannaṃ dhātūnaṃ aññamaññaṃ asaṅkarato kathā asambhinnā. Imaṃ kāmāvacarasaññitaṃ kāmavitakkasaññitañca kāmadhātuṃ. Paṭiccāti paccayabhūtaṃ labhitvā. Tīhi kāraṇehīti tīhi sārabhūtehi kāraṇehi.
พฺยาปาทวิตโกฺก พฺยาปาโท อุตฺตรปทโลเปน, โส เอว นิชฺชีวเฎฺฐน สภาวธารณเฎฺฐน ธาตูติ พฺยาปาทธาตุฯ พฺยาปชฺชติ จิตฺตํ เอเตนาติ พฺยาปาโท, โทโสฯ พฺยาปาโทปิ ธาตูติ โยชนาฯ สหชาตปจฺจยาทิวเสนาติ สหชาตอญฺญมญฺญนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจยวเสนฯ วิเสเสน หิ ปรสฺส อตฺตโน จ ทุกฺขาปนํ วิหิํสา, สา เอว ธาตุ, อตฺถโต โรสนา ปรูปฆาโต, ตถา ปวโตฺต วา โทสสหคตจิตฺตุปฺปาโทฯ
Byāpādavitakko byāpādo uttarapadalopena, so eva nijjīvaṭṭhena sabhāvadhāraṇaṭṭhena dhātūti byāpādadhātu. Byāpajjati cittaṃ etenāti byāpādo, doso. Byāpādopi dhātūti yojanā. Sahajātapaccayādivasenāti sahajātaaññamaññanissayasampayuttaatthiavigatapaccayavasena. Visesena hi parassa attano ca dukkhāpanaṃ vihiṃsā, sā eva dhātu, atthato rosanā parūpaghāto, tathā pavatto vā dosasahagatacittuppādo.
ติณคหเน อรเญฺญติ ติเณหิ คหนภูเต อรเญฺญฯ อนยพฺยสนนฺติ อปายพฺยสนํ, ปริหรณูปายรหิตํ วิปตฺตินฺติ วา อโตฺถฯ อวฑฺฒิํ วินาสนฺติ อวฑฺฒิเญฺจว วินาสญฺจาติ วทนฺติ สพฺพโส วฑฺฒิรหิตํฯ สุกฺขติณทาโย วิย อารมฺมณํ กิเลสคฺคิสํวทฺธนเฎฺฐนฯ ติณุกฺกา วิย อกุสลสญฺญา อนุทหนเฎฺฐนฯ ติณกฎฺฐ…เป.… สตฺตา อนยพฺยสนาปตฺติโตฯ ‘‘อิเม สตฺตา’’ติ หิ อโยนิโส ปฎิปชฺชมานา อธิเปฺปตาฯ เตนาห ‘‘ยถา สุกฺขติณทาเย’’ติอาทิฯ
Tiṇagahane araññeti tiṇehi gahanabhūte araññe. Anayabyasananti apāyabyasanaṃ, pariharaṇūpāyarahitaṃ vipattinti vā attho. Avaḍḍhiṃ vināsanti avaḍḍhiñceva vināsañcāti vadanti sabbaso vaḍḍhirahitaṃ. Sukkhatiṇadāyo viya ārammaṇaṃ kilesaggisaṃvaddhanaṭṭhena. Tiṇukkā viyaakusalasaññā anudahanaṭṭhena. Tiṇakaṭṭha…pe… sattā anayabyasanāpattito. ‘‘Ime sattā’’ti hi ayoniso paṭipajjamānā adhippetā. Tenāha ‘‘yathā sukkhatiṇadāye’’tiādi.
สมตาภาวโต สมตาวิโรธโต วิสมตาเหตุโต จ วิสมา ราคาทโยติ อาห ‘‘ราควิสมาทีนิ อนุคต’’นฺติฯ อิจฺฉิตพฺพา อวสฺสํภาวินิภาเวนฯ
Samatābhāvato samatāvirodhato visamatāhetuto ca visamā rāgādayoti āha ‘‘rāgavisamādīni anugata’’nti. Icchitabbā avassaṃbhāvinibhāvena.
สํกิเลสโต นิกฺขมนเฎฺฐน เนกฺขโมฺม, โส เอว นิชฺชีวเฎฺฐน ธาตูติ เนกฺขมฺมธาตุฯ สฺวายํ เนกฺขมฺมสโทฺท ปพฺพชฺชาทีสุ กุสลวิตเกฺก จ นิรุโฬฺหติ อาห ‘‘เนกฺขมฺมวิตโกฺกปิ เนกฺขมฺมธาตู’’ติฯ อิตราปิ เทฺว ธาตุโยติ อพฺยาปาทอวิหิํสาธาตุโย วทติฯ วิสุํ ทีเปตพฺพา สรูเปน อาคตตฺตาฯ วิตกฺกาทโยติ เนกฺขมฺมสงฺกปฺปจฺฉนฺทปริฬาหปริเยสนาฯ ยถานุรูปํ อตฺตโน อตฺตโน ปจฺจยานุรูปํฯ กถํ ปเนตฺถ กุสลธเมฺมสุ ปริฬาโห วุโตฺตติ? สงฺขารปริฬาหมตฺตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ, โสฬสสุ อากาเรสุ ทุกฺขสเจฺจ สนฺตาปโฎฺฐ วิย วุโตฺต, ยสฺส วิคเมน อรหโต สีติภาวปฺปตฺติ วุจฺจติฯ
Saṃkilesato nikkhamanaṭṭhena nekkhammo, so eva nijjīvaṭṭhena dhātūti nekkhammadhātu. Svāyaṃ nekkhammasaddo pabbajjādīsu kusalavitakke ca niruḷhoti āha ‘‘nekkhammavitakkopi nekkhammadhātū’’ti. Itarāpi dve dhātuyoti abyāpādaavihiṃsādhātuyo vadati. Visuṃ dīpetabbā sarūpena āgatattā. Vitakkādayoti nekkhammasaṅkappacchandapariḷāhapariyesanā. Yathānurūpaṃ attano attano paccayānurūpaṃ. Kathaṃ panettha kusaladhammesu pariḷāho vuttoti? Saṅkhārapariḷāhamattaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ, soḷasasu ākāresu dukkhasacce santāpaṭṭho viya vutto, yassa vigamena arahato sītibhāvappatti vuccati.
สยํ น พฺยาปชฺชติ, เตน วา ตํสมงฺคีปุคฺคโล น กิญฺจิ พฺยาปาเทตีติ อพฺยาปาโท, วิหิํสาย วุตฺตวิปริยาเยหิ สา เวทิตพฺพาฯ หิเตสิภาเวน มิชฺชติ สินิยฺหตีติ มิโตฺต, มิตฺตสฺส เอสาติ เมตฺติ, อพฺยาปาโทฯ เมตฺตายนาติ เมตฺตาการณํ, เมตฺตาย วา อยนา ปวตฺตนาฯ เมตฺตายิตตฺตนฺติ เมตฺตายิตสฺส เมตฺตาย ปวตฺตสฺส ภาโวฯ เมตฺตาเจโตวิมุตฺตีติ เมตฺตายนวเสน ปวโตฺต จิตฺตสมาธิฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Sayaṃ na byāpajjati, tena vā taṃsamaṅgīpuggalo na kiñci byāpādetīti abyāpādo, vihiṃsāya vuttavipariyāyehi sā veditabbā. Hitesibhāvena mijjati siniyhatīti mitto, mittassa esāti metti, abyāpādo. Mettāyanāti mettākāraṇaṃ, mettāya vā ayanā pavattanā. Mettāyitattanti mettāyitassa mettāya pavattassa bhāvo. Mettācetovimuttīti mettāyanavasena pavatto cittasamādhi. Sesaṃ vuttanayameva.
สนิทานสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sanidānasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๒. สนิทานสุตฺตํ • 2. Sanidānasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. สนิทานสุตฺตวณฺณนา • 2. Sanidānasuttavaṇṇanā