Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā |
๖. สงฺขารยมกํ
6. Saṅkhārayamakaṃ
๑. ปณฺณตฺติวารวณฺณนา
1. Paṇṇattivāravaṇṇanā
๑. อิทานิ เตสเญฺญว มูลยมเก เทสิตานํ กุสลาทิธมฺมานํ ลพฺภมานวเสน เอกเทสํ สงฺคณฺหิตฺวา สจฺจยมกานนฺตรํ เทสิตสฺส สงฺขารยมกสฺส วณฺณนา โหติฯ ตตฺถาปิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว ปณฺณตฺติวาราทโย ตโย มหาวารา, อนฺตรวาราทโย จ อวเสสปเภทา เวทิตพฺพาฯ อยํ ปเนตฺถ วิเสโส – ปณฺณตฺติวาเร ตาว ยถา เหฎฺฐา ขนฺธาทโย ธเมฺม อุทฺทิสิตฺวา ‘‘รูปํ รูปกฺขโนฺธ; จกฺขุ จกฺขายตนํ; จกฺขุ จกฺขุธาตุ; ทุกฺขํ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติ ปทโสธนวาโร อารโทฺธฯ ตถา อนารภิตฺวา ‘‘อสฺสาสปสฺสาสา กายสงฺขาโร’’ติ ปฐมํ ตโยปิ สงฺขารา วิภชิตฺวา ทสฺสิตาฯ
1. Idāni tesaññeva mūlayamake desitānaṃ kusalādidhammānaṃ labbhamānavasena ekadesaṃ saṅgaṇhitvā saccayamakānantaraṃ desitassa saṅkhārayamakassa vaṇṇanā hoti. Tatthāpi heṭṭhā vuttanayeneva paṇṇattivārādayo tayo mahāvārā, antaravārādayo ca avasesapabhedā veditabbā. Ayaṃ panettha viseso – paṇṇattivāre tāva yathā heṭṭhā khandhādayo dhamme uddisitvā ‘‘rūpaṃ rūpakkhandho; cakkhu cakkhāyatanaṃ; cakkhu cakkhudhātu; dukkhaṃ dukkhasacca’’nti padasodhanavāro āraddho. Tathā anārabhitvā ‘‘assāsapassāsā kāyasaṅkhāro’’ti paṭhamaṃ tayopi saṅkhārā vibhajitvā dassitā.
ตตฺถ กายสฺส สงฺขาโร กายสงฺขาโรฯ ‘‘อสฺสาสปสฺสาสา กายิกา, เอเต ธมฺมา กายปฺปฎิพทฺธา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๓; สํ. นิ. ๔.๓๔๘ อตฺถโต สมานํ) หิ วจนโต การณภูตสฺส กรชกายสฺส ผลภูโต เอว สงฺขาโรติ กายสงฺขาโรฯ อปโร นโย – สงฺขริยตีติ สงฺขาโรฯ เกน สงฺขริยตีติ? กาเยนฯ อยญฺหิ วาโต วิย ภสฺตาย กรชกาเยน สงฺขริยตีติฯ เอวมฺปิ กายสฺส สงฺขาโรติ กายสงฺขาโรฯ กาเยน กโต อสฺสาสปสฺสาสวาโตติ อโตฺถฯ ‘‘ปุเพฺพว โข, อาวุโส วิสาข, วิตเกฺกตฺวา วิจาเรตฺวา ปจฺฉา วาจํ ภินฺทติ, ตสฺมา วิตกฺกวิจารา วจีสงฺขาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๓; สํ. นิ. ๔.๓๔๘) วจนโต ปน สงฺขโรตีติ สงฺขาโรฯ กิํ สงฺขโรติ? วจิํฯ วจิยา สงฺขาโรติ วจีสงฺขาโรฯ วจีเภทสมุฎฺฐาปกสฺส วิตกฺกวิจารทฺวยเสฺสตํ นามํฯ ‘‘สญฺญา จ เวทนา จ เจตสิกา เอเต ธมฺมา จิตฺตปฎิพทฺธา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๓; สํ. นิ. ๔.๓๔๘) วจนโตเยว ปน ตติยปเทปิ สงฺขริยตีติ สงฺขาโรฯ เกน สงฺขริยติ? จิเตฺตนฯ กรณเตฺถ สามิวจนํ กตฺวา จิตฺตสฺส สงฺขาโรติ จิตฺตสงฺขาโรฯ สเพฺพสมฺปิ จิตฺตสมุฎฺฐานานํ เจตสิกธมฺมานเมตํ อธิวจนํฯ วิตกฺกวิจารานํ ปน วจีสงฺขารภาเวน วิสุํ คหิตตฺตา ‘‘ฐเปตฺวา วิตกฺกวิจาเร’’ติ วุตฺตํฯ
Tattha kāyassa saṅkhāro kāyasaṅkhāro. ‘‘Assāsapassāsā kāyikā, ete dhammā kāyappaṭibaddhā’’ti (ma. ni. 1.463; saṃ. ni. 4.348 atthato samānaṃ) hi vacanato kāraṇabhūtassa karajakāyassa phalabhūto eva saṅkhāroti kāyasaṅkhāro. Aparo nayo – saṅkhariyatīti saṅkhāro. Kena saṅkhariyatīti? Kāyena. Ayañhi vāto viya bhastāya karajakāyena saṅkhariyatīti. Evampi kāyassa saṅkhāroti kāyasaṅkhāro. Kāyena kato assāsapassāsavātoti attho. ‘‘Pubbeva kho, āvuso visākha, vitakketvā vicāretvā pacchā vācaṃ bhindati, tasmā vitakkavicārā vacīsaṅkhāro’’ti (ma. ni. 1.463; saṃ. ni. 4.348) vacanato pana saṅkharotīti saṅkhāro. Kiṃ saṅkharoti? Vaciṃ. Vaciyā saṅkhāroti vacīsaṅkhāro. Vacībhedasamuṭṭhāpakassa vitakkavicāradvayassetaṃ nāmaṃ. ‘‘Saññā ca vedanā ca cetasikā ete dhammā cittapaṭibaddhā’’ti (ma. ni. 1.463; saṃ. ni. 4.348) vacanatoyeva pana tatiyapadepi saṅkhariyatīti saṅkhāro. Kena saṅkhariyati? Cittena. Karaṇatthe sāmivacanaṃ katvā cittassa saṅkhāroti cittasaṅkhāro. Sabbesampi cittasamuṭṭhānānaṃ cetasikadhammānametaṃ adhivacanaṃ. Vitakkavicārānaṃ pana vacīsaṅkhārabhāvena visuṃ gahitattā ‘‘ṭhapetvā vitakkavicāre’’ti vuttaṃ.
๒-๗. อิทานิ กาโย กายสงฺขาโรติ ปทโสธนวาโร อารโทฺธฯ ตสฺส อนุโลมนเย ตีณิ, ปฎิโลมนเย ตีณีติ ฉ ยมกานิฯ ปทโสธนมูลจกฺกวาเร เอเกกสงฺขารมูลกานิ เทฺว เทฺว กตฺวา อนุโลมนเย ฉ, ปฎิโลมนเย ฉาติ ทฺวาทส ยมกานิฯ สุทฺธสงฺขารวาเร ปน ยถา สุทฺธขนฺธวาราทีสุ ‘‘รูปํ ขโนฺธ, ขนฺธา รูปํ; จกฺขุ อายตนํ, อายตนา จกฺขู’’ติอาทินา นเยน ยมกานิ วุตฺตานิฯ เอวํ ‘‘กาโย สงฺขาโร, สงฺขารา กาโย’’ติ อวตฺวา ‘‘กายสงฺขาโร วจีสงฺขาโร, วจีสงฺขาโร กายสงฺขาโร’’ติอาทินา นเยน กายสงฺขารมูลกานิ เทฺว, วจีสงฺขารมูลกํ เอกนฺติ อนุโลเม ตีณิ, ปฎิโลเม ตีณีติ สพฺพานิปิ สุทฺธิกวาเร ฉ ยมกานิ วุตฺตานิฯ กิํ การณา? สุทฺธิกเอเกกปทวเสน อตฺถาภาวโตฯ ยถา หิ ขนฺธยมกาทีสุ รูปาทิวิสิฎฺฐานํ ขนฺธานํ จกฺขาทิวิสิฎฺฐานญฺจ อายตนาทีนํ อธิเปฺปตตฺตา ‘‘รูปํ ขโนฺธ , ขนฺธา รูปํ, จกฺขุ อายตนํ, อายตนา จกฺขู’’ติ สุทฺธิกเอเกกปทวเสน อโตฺถ อตฺถิฯ เอวมิธ ‘‘กาโย สงฺขาโร, สงฺขารา กาโย’’ติ นตฺถิฯ กายสงฺขาโรติ ปน ทฺวีหิปิ ปเทหิ เอโกว อโตฺถ ลพฺภติฯ อสฺสาโส วา ปสฺสาโส วาติ สุทฺธิกเอเกกปทวเสน อตฺถาภาวโต ‘‘กาโย สงฺขาโร, สงฺขารา กาโย’’ติ น วุตฺตํฯ ‘‘กาโย กายสงฺขาโร’’ติอาทิ ปน วตฺตพฺพํ สิยาฯ ตมฺปิ กายวจีจิตฺตปเทหิ อิธ อธิเปฺปตานํ สงฺขารานํ อคฺคหิตตฺตา น ยุชฺชติฯ สุทฺธสงฺขารวาโร เหสฯ ปทโสธเน ปน วินาปิ อเตฺถน วจนํ ยุชฺชตีติ ตตฺถ โส นโย คหิโตวฯ อิธ ปน กายสงฺขารสฺส วจีสงฺขาราทีหิ, วจีสงฺขารสฺส จ จิตฺตสงฺขาราทีหิ, จิตฺตสงฺขารสฺส จ กายสงฺขาราทีหิ, อญฺญตฺตา ‘‘กายสงฺขาโร วจีสงฺขาโร, วจีสงฺขาโร, กายสงฺขาโร’’ติ เอเกกสงฺขารมูลกานิ เทฺว เทฺว กตฺวา ฉ ยมกานิ ยุชฺชนฺติฯ เตสุ อคฺคหิตคฺคหเณน ตีเณว ลพฺภนฺติฯ ตสฺมา ตาเนว ทเสฺสตุํ อนุโลมนเย ตีณิ, ปฎิโลมนเย ตีณีติ ฉ ยมกานิ วุตฺตานิฯ สุทฺธสงฺขารมูลจกฺกวาโร ปเนตฺถ น คหิโตติฯ เอวํ ปณฺณตฺติวารสฺส อุเทฺทสวาโร เวทิตโพฺพฯ
2-7. Idāni kāyo kāyasaṅkhāroti padasodhanavāro āraddho. Tassa anulomanaye tīṇi, paṭilomanaye tīṇīti cha yamakāni. Padasodhanamūlacakkavāre ekekasaṅkhāramūlakāni dve dve katvā anulomanaye cha, paṭilomanaye chāti dvādasa yamakāni. Suddhasaṅkhāravāre pana yathā suddhakhandhavārādīsu ‘‘rūpaṃ khandho, khandhā rūpaṃ; cakkhu āyatanaṃ, āyatanā cakkhū’’tiādinā nayena yamakāni vuttāni. Evaṃ ‘‘kāyo saṅkhāro, saṅkhārā kāyo’’ti avatvā ‘‘kāyasaṅkhāro vacīsaṅkhāro, vacīsaṅkhāro kāyasaṅkhāro’’tiādinā nayena kāyasaṅkhāramūlakāni dve, vacīsaṅkhāramūlakaṃ ekanti anulome tīṇi, paṭilome tīṇīti sabbānipi suddhikavāre cha yamakāni vuttāni. Kiṃ kāraṇā? Suddhikaekekapadavasena atthābhāvato. Yathā hi khandhayamakādīsu rūpādivisiṭṭhānaṃ khandhānaṃ cakkhādivisiṭṭhānañca āyatanādīnaṃ adhippetattā ‘‘rūpaṃ khandho , khandhā rūpaṃ, cakkhu āyatanaṃ, āyatanā cakkhū’’ti suddhikaekekapadavasena attho atthi. Evamidha ‘‘kāyo saṅkhāro, saṅkhārā kāyo’’ti natthi. Kāyasaṅkhāroti pana dvīhipi padehi ekova attho labbhati. Assāso vā passāso vāti suddhikaekekapadavasena atthābhāvato ‘‘kāyo saṅkhāro, saṅkhārā kāyo’’ti na vuttaṃ. ‘‘Kāyo kāyasaṅkhāro’’tiādi pana vattabbaṃ siyā. Tampi kāyavacīcittapadehi idha adhippetānaṃ saṅkhārānaṃ aggahitattā na yujjati. Suddhasaṅkhāravāro hesa. Padasodhane pana vināpi atthena vacanaṃ yujjatīti tattha so nayo gahitova. Idha pana kāyasaṅkhārassa vacīsaṅkhārādīhi, vacīsaṅkhārassa ca cittasaṅkhārādīhi, cittasaṅkhārassa ca kāyasaṅkhārādīhi, aññattā ‘‘kāyasaṅkhāro vacīsaṅkhāro, vacīsaṅkhāro, kāyasaṅkhāro’’ti ekekasaṅkhāramūlakāni dve dve katvā cha yamakāni yujjanti. Tesu aggahitaggahaṇena tīṇeva labbhanti. Tasmā tāneva dassetuṃ anulomanaye tīṇi, paṭilomanaye tīṇīti cha yamakāni vuttāni. Suddhasaṅkhāramūlacakkavāro panettha na gahitoti. Evaṃ paṇṇattivārassa uddesavāro veditabbo.
๘-๑๘. นิเทฺทสวาเร ปนสฺส อนุโลเม ตาว ยสฺมา น กายาทโยว กายสงฺขาราทีนํ นามํ, ตสฺมา โนติ ปฎิเสโธ กโตฯ ปฎิโลเม น กาโย น กายสงฺขาโรติ โย น กาโย โส กายสงฺขาโรปิ น โหตีติ ปุจฺฉติฯ กายสงฺขาโร น กาโย กายสงฺขาโรติ กายสงฺขาโร กาโย น โหติ, กายสงฺขาโรเยว ปเนโสติ อโตฺถฯ อวเสสนฺติ น เกวลํ เสสสงฺขารทฺวยเมวฯ กายสงฺขารวินิมุตฺตํ ปน เสสํ สพฺพมฺปิ สงฺขตาสงฺขตปณฺณตฺติเภทํ ธมฺมชาตํ เนว กาโย, น กายสงฺขาโรติ อิมินา อุปาเยน สพฺพวิสฺสชฺชเนสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพติฯ
8-18. Niddesavāre panassa anulome tāva yasmā na kāyādayova kāyasaṅkhārādīnaṃ nāmaṃ, tasmā noti paṭisedho kato. Paṭilome na kāyo na kāyasaṅkhāroti yo na kāyo so kāyasaṅkhāropi na hotīti pucchati. Kāyasaṅkhāro na kāyo kāyasaṅkhāroti kāyasaṅkhāro kāyo na hoti, kāyasaṅkhāroyeva panesoti attho. Avasesanti na kevalaṃ sesasaṅkhāradvayameva. Kāyasaṅkhāravinimuttaṃ pana sesaṃ sabbampi saṅkhatāsaṅkhatapaṇṇattibhedaṃ dhammajātaṃ neva kāyo, na kāyasaṅkhāroti iminā upāyena sabbavissajjanesu attho veditabboti.
ปณฺณตฺติวารวณฺณนาฯ
Paṇṇattivāravaṇṇanā.
๒. ปวตฺติวารวณฺณนา
2. Pavattivāravaṇṇanā
๑๙. ปวตฺติวาเร ปเนตฺถ ปจฺจุปฺปนฺนกาเล ปุคฺคลวารสฺส อนุโลมนเย ‘‘ยสฺส กายสงฺขาโร อุปฺปชฺชติ, ตสฺส วจีสงฺขาโร อุปฺปชฺชตี’’ติ กายสงฺขารมูลกานิ เทฺว, วจีสงฺขารมูลกํ เอกนฺติ ตีเณว ยมกานิ ลพฺภนฺติ; ตานิ คหิตาเนวฯ ตสฺส ปฎิโลมนเยปิ โอกาสวาราทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอวเมตฺถ สพฺพวาเรสุ ติณฺณํ ติณฺณํ ยมกานํ วเสน ยมกคณนา เวทิตพฺพาฯ
19. Pavattivāre panettha paccuppannakāle puggalavārassa anulomanaye ‘‘yassa kāyasaṅkhāro uppajjati, tassa vacīsaṅkhāro uppajjatī’’ti kāyasaṅkhāramūlakāni dve, vacīsaṅkhāramūlakaṃ ekanti tīṇeva yamakāni labbhanti; tāni gahitāneva. Tassa paṭilomanayepi okāsavārādīsupi eseva nayo. Evamettha sabbavāresu tiṇṇaṃ tiṇṇaṃ yamakānaṃ vasena yamakagaṇanā veditabbā.
อตฺถวินิจฺฉเย ปเนตฺถ อิทํ ลกฺขณํ – อิมสฺมิญฺหิ สงฺขารยมเก ‘‘อสฺสาสปสฺสาสานํ อุปฺปาทกฺขเณ วิตกฺกวิจารานํ อุปฺปาทกฺขเณ’’ติอาทิวจนโต ปจฺจุปฺปนฺนาทิกาลเภโท ปวตฺติวเสนาปิ คเหตโพฺพ, น จุติปฎิสนฺธิวเสเนวฯ ‘‘ทุติยชฺฌาเน ตติยชฺฌาเน ตตฺถ กายสงฺขาโร อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิวจนโต จ ฌานมฺปิ โอกาสวเสน คหิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เอวเมตฺถ ยํ ยํ ลพฺภติ, ตสฺส ตสฺส วเสน อตฺถวินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
Atthavinicchaye panettha idaṃ lakkhaṇaṃ – imasmiñhi saṅkhārayamake ‘‘assāsapassāsānaṃ uppādakkhaṇe vitakkavicārānaṃ uppādakkhaṇe’’tiādivacanato paccuppannādikālabhedo pavattivasenāpi gahetabbo, na cutipaṭisandhivaseneva. ‘‘Dutiyajjhāne tatiyajjhāne tattha kāyasaṅkhāro uppajjatī’’tiādivacanato ca jhānampi okāsavasena gahitanti veditabbaṃ. Evamettha yaṃ yaṃ labbhati, tassa tassa vasena atthavinicchayo veditabbo.
ตตฺริทํ นยมุขํ – วินา วิตกฺกวิจาเรหีติ ทุติยตติยชฺฌานวเสน วุตฺตํฯ เตสนฺติ เตสํ ทุติยตติยชฺฌานสมงฺคีนํฯ กามาวจรานนฺติ กามาวจเร อุปฺปนฺนสตฺตานํฯ รูปาวจรเทวานํ ปน อสฺสาสปสฺสาสา นตฺถิฯ อรูปาวจรานํ รูปเมว นตฺถิฯ วินา อสฺสาสปสฺสาเสหีติ รูปารูปภเวสุ นิพฺพตฺตสตฺตานํ วิตกฺกวิจารุปฺปตฺติํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
Tatridaṃ nayamukhaṃ – vinā vitakkavicārehīti dutiyatatiyajjhānavasena vuttaṃ. Tesanti tesaṃ dutiyatatiyajjhānasamaṅgīnaṃ. Kāmāvacarānanti kāmāvacare uppannasattānaṃ. Rūpāvacaradevānaṃ pana assāsapassāsā natthi. Arūpāvacarānaṃ rūpameva natthi. Vinā assāsapassāsehīti rūpārūpabhavesu nibbattasattānaṃ vitakkavicāruppattiṃ sandhāya vuttaṃ.
๒๑. ปฐมชฺฌาเน กามาวจเรติ กามาวจรภูมิยํ อุปฺปเนฺน ปฐมชฺฌาเนฯ องฺคมตฺตวเสน เจตฺถ ปฐมชฺฌานํ คเหตพฺพํ, น อปฺปนาวเสเนวฯ อนปฺปนาปเตฺตปิ หิ สวิตกฺกสวิจารจิเตฺต อิทํ สงฺขารทฺวยํ อุปฺปชฺชเตวฯ
21. Paṭhamajjhāne kāmāvacareti kāmāvacarabhūmiyaṃ uppanne paṭhamajjhāne. Aṅgamattavasena cettha paṭhamajjhānaṃ gahetabbaṃ, na appanāvaseneva. Anappanāpattepi hi savitakkasavicāracitte idaṃ saṅkhāradvayaṃ uppajjateva.
๒๔. จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณติ อิทํ กายสงฺขารสฺส เอกนฺตจิตฺตสมุฎฺฐานตฺตา วุตฺตํฯ อุปฺปชฺชมานเมว หิ จิตฺตํ รูปํ วา อรูปํ วา สมุฎฺฐาเปติ, น ภิชฺชมานํฯ
24. Cittassabhaṅgakkhaṇeti idaṃ kāyasaṅkhārassa ekantacittasamuṭṭhānattā vuttaṃ. Uppajjamānameva hi cittaṃ rūpaṃ vā arūpaṃ vā samuṭṭhāpeti, na bhijjamānaṃ.
๓๗. สุทฺธาวาสานํ ทุติเย จิเตฺต วตฺตมาเนติ ปฎิสนฺธิโต ทุติเย ภวงฺคจิเตฺตฯ กามเญฺจตํ ปฎิสนฺธิจิเตฺตปิ วตฺตมาเน เตสํ ตตฺถ นุปฺปชฺชิเตฺถวฯ ยาว ปน อโพฺพกิณฺณํ วิปากจิตฺตํ วตฺตติ, ตาว นุปฺปชฺชิเตฺถว นามาติ ทสฺสนตฺถเมตํ วุตฺตํฯ ยสฺส วา ฌานสฺส วิปากจิเตฺตน เต นิพฺพตฺตา, ตํ สตโสปิ สหสฺสโสปิ อุปฺปชฺชมานํ ปฐมจิตฺตเมวฯ วิปากจิเตฺตน ปน วิสทิสํ ภวนิกนฺติยา อาวชฺชนจิตฺตํ ทุติยจิตฺตํ นามฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
37. Suddhāvāsānaṃ dutiye citte vattamāneti paṭisandhito dutiye bhavaṅgacitte. Kāmañcetaṃ paṭisandhicittepi vattamāne tesaṃ tattha nuppajjittheva. Yāva pana abbokiṇṇaṃ vipākacittaṃ vattati, tāva nuppajjittheva nāmāti dassanatthametaṃ vuttaṃ. Yassa vā jhānassa vipākacittena te nibbattā, taṃ satasopi sahassasopi uppajjamānaṃ paṭhamacittameva. Vipākacittena pana visadisaṃ bhavanikantiyā āvajjanacittaṃ dutiyacittaṃ nāma. Taṃ sandhāyetaṃ vuttanti veditabbaṃ.
๔๔. ปจฺฉิมจิตฺตสมงฺคีนนฺติ สพฺพปจฺฉิเมน อปฺปฎิสนฺธิกจิเตฺตน สมงฺคีภูตานํ ขีณาสวานํฯ อวิตกฺกอวิจารํ ปจฺฉิมจิตฺตนฺติ รูปาวจรานํ ทุติยชฺฌานิกาทิจุติจิตฺตวเสน, อรูปาวจรานญฺจ จตุตฺถชฺฌานิกจุติจิตฺตวเสเนตํ วุตฺตํฯ เตสนฺติ เตสํ ปจฺฉิมจิตฺตสมงฺคีอาทีนํฯ
44. Pacchimacittasamaṅgīnanti sabbapacchimena appaṭisandhikacittena samaṅgībhūtānaṃ khīṇāsavānaṃ. Avitakkaavicāraṃ pacchimacittanti rūpāvacarānaṃ dutiyajjhānikādicuticittavasena, arūpāvacarānañca catutthajjhānikacuticittavasenetaṃ vuttaṃ. Tesanti tesaṃ pacchimacittasamaṅgīādīnaṃ.
๗๙. ยสฺส กายสงฺขาโร นิรุชฺฌติ, ตสฺส จิตฺตสงฺขาโร นิรุชฺฌตีติ เอตฺถ นิยมโต กายสงฺขารสฺส จิตฺตสงฺขาเรน สทฺธิํ เอกกฺขเณ นิรุชฺฌนโต อามนฺตาติ ปฎิวจนํ ทินฺนํฯ น จิตฺตสงฺขารสฺส กายสงฺขาเรน สทฺธิํฯ กิํ การณา? จิตฺตสงฺขาโร หิ กายสงฺขาเรน วินาปิ อุปฺปชฺชติ จ นิรุชฺฌติ จฯ กายสงฺขาโร ปน จิตฺตสมุฎฺฐาโน อสฺสาสปสฺสาสวาโตฯ จิตฺตสมุฎฺฐานรูปญฺจ จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปชฺชิตฺวา ยาว อญฺญานิ โสฬสจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตาว ติฎฺฐติฯ เตสํ โสฬสนฺนํ สพฺพปจฺฉิเมน สทฺธิํ นิรุชฺฌตีติ เยน จิเตฺตน สทฺธิํ อุปฺปชฺชติ, ตโต ปฎฺฐาย สตฺตรสเมน สทฺธิํ นิรุชฺฌติฯ น กสฺสจิ จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ วา ฐิติกฺขเณ วา นิรุชฺฌติ, นาปิ ฐิติกฺขเณ วา ภงฺคกฺขเณ วา อุปฺปชฺชติฯ เอสา จิตฺตสมุฎฺฐานรูปสฺส ธมฺมตาติ นิยมโต จิตฺตสงฺขาเรน สทฺธิํ เอกกฺขเณ นิรุชฺฌนโต อามนฺตาติ วุตฺตํฯ ยํ ปน วิภงฺคปฺปกรณสฺส สีหฬฎฺฐกถายํ ‘‘จิตฺตสมุฎฺฐานํ รูปํ สตฺตรสมสฺส จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ นิรุชฺฌตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ อิมาย ปาฬิยา วิรูชฺฌติฯ อฎฺฐกถาโต จ ปาฬิเยว พลวตราติ ปาฬิยํ วุตฺตเมว ปมาณํฯ
79. Yassa kāyasaṅkhāro nirujjhati, tassa cittasaṅkhāro nirujjhatīti ettha niyamato kāyasaṅkhārassa cittasaṅkhārena saddhiṃ ekakkhaṇe nirujjhanato āmantāti paṭivacanaṃ dinnaṃ. Na cittasaṅkhārassa kāyasaṅkhārena saddhiṃ. Kiṃ kāraṇā? Cittasaṅkhāro hi kāyasaṅkhārena vināpi uppajjati ca nirujjhati ca. Kāyasaṅkhāro pana cittasamuṭṭhāno assāsapassāsavāto. Cittasamuṭṭhānarūpañca cittassa uppādakkhaṇe uppajjitvā yāva aññāni soḷasacittāni uppajjanti, tāva tiṭṭhati. Tesaṃ soḷasannaṃ sabbapacchimena saddhiṃ nirujjhatīti yena cittena saddhiṃ uppajjati, tato paṭṭhāya sattarasamena saddhiṃ nirujjhati. Na kassaci cittassa uppādakkhaṇe vā ṭhitikkhaṇe vā nirujjhati, nāpi ṭhitikkhaṇe vā bhaṅgakkhaṇe vā uppajjati. Esā cittasamuṭṭhānarūpassa dhammatāti niyamato cittasaṅkhārena saddhiṃ ekakkhaṇe nirujjhanato āmantāti vuttaṃ. Yaṃ pana vibhaṅgappakaraṇassa sīhaḷaṭṭhakathāyaṃ ‘‘cittasamuṭṭhānaṃ rūpaṃ sattarasamassa cittassa uppādakkhaṇe nirujjhatī’’ti vuttaṃ, taṃ imāya pāḷiyā virūjjhati. Aṭṭhakathāto ca pāḷiyeva balavatarāti pāḷiyaṃ vuttameva pamāṇaṃ.
๑๒๘. ยสฺส กายสงฺขาโร อุปฺปชฺชติ, ตสฺส วจีสงฺขาโร นิรุชฺฌตีติ เอตฺถ ยสฺมา กายสงฺขาโร จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปชฺชติ, น จ ตสฺมิํ ขเณ วิตกฺกวิจารา นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺมา โนติ ปฎิเสโธ กโตติฯ อิมินา นยมุเขน สพฺพตฺถ อตฺถวินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ ปริญฺญาวาโร ปากติโกเยวาติฯ
128. Yassa kāyasaṅkhāro uppajjati, tassa vacīsaṅkhāro nirujjhatīti ettha yasmā kāyasaṅkhāro cittassa uppādakkhaṇe uppajjati, na ca tasmiṃ khaṇe vitakkavicārā nirujjhanti, tasmā noti paṭisedho katoti. Iminā nayamukhena sabbattha atthavinicchayo veditabbo. Pariññāvāro pākatikoyevāti.
ปวตฺติวารวณฺณนาฯ
Pavattivāravaṇṇanā.
สงฺขารยมกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saṅkhārayamakavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ยมกปาฬิ • Yamakapāḷi / ๖. สงฺขารยมกํ • 6. Saṅkhārayamakaṃ
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๖. สงฺขารยมกํ • 6. Saṅkhārayamakaṃ
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๖. สงฺขารยมกํ • 6. Saṅkhārayamakaṃ