Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā

    ๖. สงฺขารยมกํ

    6. Saṅkhārayamakaṃ

    ๑. ปณฺณตฺติวารวณฺณนา

    1. Paṇṇattivāravaṇṇanā

    . ขนฺธาทโย วิย ปุเพฺพ อวิภตฺตา กายสงฺขาราทโยติ เตสํ อวิญฺญาตตฺตา ‘‘อสฺสาสปสฺสาสา กายสงฺขาโร’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๔.๓๔๘) ตโย สงฺขาเร วิภชติฯ กายสฺส สงฺขาโรติ ปฐเม อเตฺถ สามิอเตฺถ เอว สามิวจนํ, ทุติเย อเตฺถ กตฺตุอเตฺถฯ วจิยา สงฺขาโรติ กมฺมเตฺถ สามิวจนํฯ จิตฺตสฺส สงฺขาโรติ จ กตฺตุอเตฺถเยวฯ โส ปน กรณวจนสฺส อโตฺถติ กตฺวา ‘‘กรณเตฺถ สามิวจนํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ

    1. Khandhādayo viya pubbe avibhattā kāyasaṅkhārādayoti tesaṃ aviññātattā ‘‘assāsapassāsā kāyasaṅkhāro’’tiādinā (saṃ. ni. 4.348) tayo saṅkhāre vibhajati. Kāyassa saṅkhāroti paṭhame atthe sāmiatthe eva sāmivacanaṃ, dutiye atthe kattuatthe. Vaciyā saṅkhāroti kammatthe sāmivacanaṃ. Cittassa saṅkhāroti ca kattuattheyeva. So pana karaṇavacanassa atthoti katvā ‘‘karaṇatthe sāmivacanaṃ katvā’’ti vuttaṃ.

    ๒-๗. สุทฺธิกเอเกกปทวเสน อตฺถาภาวโตติ ปทโสธนตํมูลกจกฺกวาเรหิ โยปิ อโตฺถ ทสฺสิโต ทฺวีหิ ปเทหิ ลพฺภมาโน เอโก อสฺสาสปสฺสาสาทิโก, ตสฺส สุทฺธิเกหิ กายาทิปเทหิ สุทฺธิเกน จ สงฺขารปเทน อวจนียตฺตา ยถา รูปปทสฺส ขเนฺธกเทโส ขนฺธปทสฺส ขนฺธสมุทาโย ปทโสธเน ทสฺสิโต ยถาธิเปฺปโต อโตฺถ อตฺถิ, เอวํ เอเกกปทสฺส ยถาธิเปฺปตตฺถาภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ กาโย กายสงฺขาโรติอาทิ ปน วตฺตพฺพํ สิยาติ ยทิ วิสุํ อทีเปตฺวา สมุทิโต กายสงฺขารสโทฺท เอกตฺถ ทีเปติ, กายสงฺขารสโทฺท กายสงฺขารเตฺถ วตฺตมาโน ขนฺธสโทฺท วิย รูปสเทฺทน กายสเทฺทน วิเสสิตโพฺพติ อธิปฺปาเยน วทติฯ สุทฺธสงฺขารวาโร เหสาติ เอเตน อิมสฺส วารสฺส ปทโสธเนน ทสฺสิตานํ ยถาธิเปฺปตานเมว คหณโต เตสญฺจ กายาทิปเทหิ อคฺคหิตตฺตา ‘‘กาโย กายสงฺขาโร’’ติอาทิวจนสฺส อยุตฺติํ ทเสฺสติฯ อิธ ปน สงฺขารยมเก กายาทิปทานํ สงฺขารปทสฺส จ อสมานาธิกรณตฺตา ‘‘กาโย สงฺขาโร, สงฺขารา กาโย’’ติอาทิมฺหิ วุจฺจมาเน อธิเปฺปตตฺถปริจฺจาโค อนธิเปฺปตตฺถปริคฺคโห จ กโต สิยาติ สุทฺธสงฺขารตํมูลจกฺกวารา น วุตฺตาฯ ปทโสธนวารตํมูลจกฺกวาเรหิ ปน อสมานาธิกรเณหิ กายาทิปเทหิ สงฺขารสทฺทสฺส วิเสสนียตาย ทสฺสิตาย สํสโย โหติ ‘‘โย อตฺถนฺตรปฺปวตฺตินา กายสเทฺทน วิเสสิโต กายสงฺขาโร, เอโส อตฺถนฺตรปฺปวตฺตีหิ วจีจิเตฺตหิ วิเสสิโต อุทาหุ อโญฺญ’’ติฯ เอวํ เสเสสุปิฯ เอตฺถ เตสํ อญฺญตฺถ ทสฺสนตฺถํ ‘‘กายสงฺขาโร วจีสงฺขาโร’’ติอาทินา อนุโลมปฎิโลมวเสน ฉ ยมกานิ วุตฺตานีติ ทฎฺฐพฺพํฯ อฎฺฐกถายํ ปน สุทฺธสงฺขารวารฎฺฐาเน วุตฺตตฺตา อยํ นโย สุทฺธสงฺขารวาโรติ วุโตฺตฯ

    2-7. Suddhikaekekapadavasena atthābhāvatoti padasodhanataṃmūlakacakkavārehi yopi attho dassito dvīhi padehi labbhamāno eko assāsapassāsādiko, tassa suddhikehi kāyādipadehi suddhikena ca saṅkhārapadena avacanīyattā yathā rūpapadassa khandhekadeso khandhapadassa khandhasamudāyo padasodhane dassito yathādhippeto attho atthi, evaṃ ekekapadassa yathādhippetatthābhāvatoti adhippāyo. Kāyo kāyasaṅkhārotiādi pana vattabbaṃ siyāti yadi visuṃ adīpetvā samudito kāyasaṅkhārasaddo ekattha dīpeti, kāyasaṅkhārasaddo kāyasaṅkhāratthe vattamāno khandhasaddo viya rūpasaddena kāyasaddena visesitabboti adhippāyena vadati. Suddhasaṅkhāravāro hesāti etena imassa vārassa padasodhanena dassitānaṃ yathādhippetānameva gahaṇato tesañca kāyādipadehi aggahitattā ‘‘kāyo kāyasaṅkhāro’’tiādivacanassa ayuttiṃ dasseti. Idha pana saṅkhārayamake kāyādipadānaṃ saṅkhārapadassa ca asamānādhikaraṇattā ‘‘kāyo saṅkhāro, saṅkhārā kāyo’’tiādimhi vuccamāne adhippetatthapariccāgo anadhippetatthapariggaho ca kato siyāti suddhasaṅkhārataṃmūlacakkavārā na vuttā. Padasodhanavārataṃmūlacakkavārehi pana asamānādhikaraṇehi kāyādipadehi saṅkhārasaddassa visesanīyatāya dassitāya saṃsayo hoti ‘‘yo atthantarappavattinā kāyasaddena visesito kāyasaṅkhāro, eso atthantarappavattīhi vacīcittehi visesito udāhu añño’’ti. Evaṃ sesesupi. Ettha tesaṃ aññattha dassanatthaṃ ‘‘kāyasaṅkhāro vacīsaṅkhāro’’tiādinā anulomapaṭilomavasena cha yamakāni vuttānīti daṭṭhabbaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana suddhasaṅkhāravāraṭṭhāne vuttattā ayaṃ nayo suddhasaṅkhāravāroti vutto.

    ปณฺณตฺติวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṇṇattivāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. ปวตฺติวารวณฺณนา

    2. Pavattivāravaṇṇanā

    ๑๙. ปวตฺติวาเร สงฺขารานํ ปุคฺคลานญฺจ โอกาสตฺตา ฌานํ ภูมิ จ วิสุํ โอกาสภาเวน คหิตาติ ปุคฺคลวาเร จ โอกาสวเสน ปุคฺคลคฺคหเณน เตสํ ทฺวินฺนํ โอกาสานํ วเสน คหณํ โหติ, ตสฺมา ‘‘วินา วิตกฺกวิจาเรหิ อสฺสาสปสฺสาสานํ อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ ทุติยตติยชฺฌาโนกาสวเสน คหิตา ปุคฺคลา วิเสเสตฺวา ทสฺสิตาติ ทฎฺฐพฺพา ฯ ปุน ปฐมชฺฌานํ สมาปนฺนานนฺติ ฌาโนกาสวเสน ปุคฺคลํ ทเสฺสติ, กามาวจรานนฺติ ภูโมกาสวเสนฯ ทฺวิปฺปการานมฺปิ ปน เตสํ วิเสสนตฺถมาห ‘‘อสฺสาสปสฺสาสานํ อุปฺปาทกฺขเณ’’ติฯ เตน รูปารูปาวจเรสุ ปฐมชฺฌานสมาปนฺนเก กามาวจเร คพฺภคตาทิเก จ นิวเตฺตติฯ กามาวจรานมฺปิ หิ คพฺภคตาทีนํ วินา อสฺสาสปสฺสาเสหิ วิตกฺกวิจารานํ อุปฺปตฺติ อตฺถิฯ อฎฺฐกถายํ ปน เอกนฺติกตฺตา รูปารูปาวจรา นิทสฺสิตาฯ วินา อสฺสาสปสฺสาเสหิ วิตกฺกวิจารานํ อุปฺปาทกฺขเณติ เอเตน ปน ทสฺสิตา ปุคฺคลา ปฐมชฺฌาโนกาสา กามาวจราทิโอกาสา จ อสฺสาสปสฺสาสวิรหวิสิฎฺฐา ทฎฺฐพฺพาฯ อิมินา นเยน สพฺพตฺถ ปุคฺคลวิภาโค เวทิตโพฺพฯ

    19. Pavattivāre saṅkhārānaṃ puggalānañca okāsattā jhānaṃ bhūmi ca visuṃ okāsabhāvena gahitāti puggalavāre ca okāsavasena puggalaggahaṇena tesaṃ dvinnaṃ okāsānaṃ vasena gahaṇaṃ hoti, tasmā ‘‘vinā vitakkavicārehi assāsapassāsānaṃ uppādakkhaṇe’’ti dutiyatatiyajjhānokāsavasena gahitā puggalā visesetvā dassitāti daṭṭhabbā . Puna paṭhamajjhānaṃ samāpannānanti jhānokāsavasena puggalaṃ dasseti, kāmāvacarānanti bhūmokāsavasena. Dvippakārānampi pana tesaṃ visesanatthamāha ‘‘assāsapassāsānaṃ uppādakkhaṇe’’ti. Tena rūpārūpāvacaresu paṭhamajjhānasamāpannake kāmāvacare gabbhagatādike ca nivatteti. Kāmāvacarānampi hi gabbhagatādīnaṃ vinā assāsapassāsehi vitakkavicārānaṃ uppatti atthi. Aṭṭhakathāyaṃ pana ekantikattā rūpārūpāvacarā nidassitā. Vinā assāsapassāsehi vitakkavicārānaṃ uppādakkhaṇeti etena pana dassitā puggalā paṭhamajjhānokāsā kāmāvacarādiokāsā ca assāsapassāsavirahavisiṭṭhā daṭṭhabbā. Iminā nayena sabbattha puggalavibhāgo veditabbo.

    ๒๑. ‘‘ปฐมชฺฌาเน กามาวจเรติ กามาวจรภูมิยํ อุปฺปเนฺน ปฐมชฺฌาเน’’ติ อฎฺฐกถายํ วุตฺตํ , เอตสฺมิํ ปน อเตฺถ สติ ‘‘จตุตฺถชฺฌาเน รูปาวจเร อรูปาวจเร ตตฺถ จิตฺตสงฺขาโร อุปฺปชฺชติ, โน จ ตตฺถ กายสงฺขาโร อุปฺปชฺชตี’’ติ เอตฺถาปิ รูปารูปาวจรภูมีสุ อุปฺปเนฺน จตุตฺถชฺฌาเนติ อโตฺถ ภเวยฺย, โส จ อนิโฎฺฐ ภูมีนํ โอกาสภาวเสฺสว อคฺคหิตตาปตฺติโต, สพฺพจตุตฺถชฺฌานสฺส โอกาสวเสน อคฺคหิตตาปตฺติโต จ, ตสฺมา ฌานภูโมกาสานํ สงฺกรํ อกตฺวา วิสุํ เอว โอกาสภาโว โยเชตโพฺพฯ ปฐมชฺฌาโนกาเสปิ หิ กายสงฺขาโร จ อุปฺปชฺชติ วจีสงฺขาโร จ อุปฺปชฺชติ กามาวจโรกาเส จฯ ยทิปิ น สพฺพมฺหิ ปฐมชฺฌาเน สพฺพมฺหิ จ กามาวจเร ทฺวยํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ ปน ตํทฺวยุปฺปตฺติ อตฺถีติ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ วิสุํ โอกาสตฺตา จ ‘‘องฺคมตฺตวเสน เจตฺถา’’ติอาทิวจนํ น วตฺตพฺพํ โหตีติฯ อิมมฺหิ จ ยมเก อวิตกฺกวิจารมตฺตํ ทุติยชฺฌานํ วิจารวเสน ปฐมชฺฌาเน สงฺคหํ คจฺฉตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ มุทฺธภูตํ ทุติยชฺฌานํ คเหตฺวา อิตรํ อสงฺคหิตนฺติ วาฯ ยสฺสยตฺถเก ‘‘นิโรธสมาปนฺนาน’’นฺติ น ลพฺภติฯ น หิ เต อสญฺญสตฺตา วิย โอกาเส โหนฺตีติฯ

    21. ‘‘Paṭhamajjhāne kāmāvacareti kāmāvacarabhūmiyaṃ uppanne paṭhamajjhāne’’ti aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ , etasmiṃ pana atthe sati ‘‘catutthajjhāne rūpāvacare arūpāvacare tattha cittasaṅkhāro uppajjati, no ca tattha kāyasaṅkhāro uppajjatī’’ti etthāpi rūpārūpāvacarabhūmīsu uppanne catutthajjhāneti attho bhaveyya, so ca aniṭṭho bhūmīnaṃ okāsabhāvasseva aggahitatāpattito, sabbacatutthajjhānassa okāsavasena aggahitatāpattito ca, tasmā jhānabhūmokāsānaṃ saṅkaraṃ akatvā visuṃ eva okāsabhāvo yojetabbo. Paṭhamajjhānokāsepi hi kāyasaṅkhāro ca uppajjati vacīsaṅkhāro ca uppajjati kāmāvacarokāse ca. Yadipi na sabbamhi paṭhamajjhāne sabbamhi ca kāmāvacare dvayaṃ uppajjati, tattha pana taṃdvayuppatti atthīti katvā evaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ. Visuṃ okāsattā ca ‘‘aṅgamattavasena cetthā’’tiādivacanaṃ na vattabbaṃ hotīti. Imamhi ca yamake avitakkavicāramattaṃ dutiyajjhānaṃ vicāravasena paṭhamajjhāne saṅgahaṃ gacchatīti daṭṭhabbaṃ. Muddhabhūtaṃ dutiyajjhānaṃ gahetvā itaraṃ asaṅgahitanti vā. Yassayatthake ‘‘nirodhasamāpannāna’’nti na labbhati. Na hi te asaññasattā viya okāse hontīti.

    ๓๗. สุทฺธาวาสานํ ทุติเย จิเตฺต วตฺตมาเนติ เตสํ ปฐมโต อวิตกฺกอวิจารโต ทุติเย สวิตกฺกสวิจาเรปิ ภวนิกนฺติอาวชฺชเน วตฺตมาเน อุภยํ นุปฺปชฺชิตฺถาติ ทเสฺสเนฺตน ตโต ปุริมจิตฺตกฺขเณสุปิ นุปฺปชฺชิตฺถาติ ทสฺสิตเมว โหติฯ ยถา ปน จิตฺตสงฺขารสฺส อาทิทสฺสนตฺถํ ‘‘สุทฺธาวาสํ อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ วจีสงฺขารสฺส อาทิทสฺสนตฺถํ ‘‘ทุติเย จิเตฺต วตฺตมาเน’’ติ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    37. Suddhāvāsānaṃ dutiye citte vattamāneti tesaṃ paṭhamato avitakkaavicārato dutiye savitakkasavicārepi bhavanikantiāvajjane vattamāne ubhayaṃ nuppajjitthāti dassentena tato purimacittakkhaṇesupi nuppajjitthāti dassitameva hoti. Yathā pana cittasaṅkhārassa ādidassanatthaṃ ‘‘suddhāvāsaṃ upapajjantāna’’nti vuttaṃ, evaṃ vacīsaṅkhārassa ādidassanatthaṃ ‘‘dutiye citte vattamāne’’ti vuttanti daṭṭhabbaṃ.

    ปวตฺติวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pavattivāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    สงฺขารยมกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saṅkhārayamakavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ยมกปาฬิ • Yamakapāḷi / ๖. สงฺขารยมกํ • 6. Saṅkhārayamakaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๖. สงฺขารยมกํ • 6. Saṅkhārayamakaṃ

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๖. สงฺขารยมกํ • 6. Saṅkhārayamakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact