Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā

    ๖. สงฺขารยมกํ

    6. Saṅkhārayamakaṃ

    ๑. ปณฺณตฺติวารวณฺณนา

    1. Paṇṇattivāravaṇṇanā

    . สติปิ กุสลมูลาทีนมฺปิ วิภตฺตภาเว ขนฺธาทิวิภาโค ตโต สาติสโยติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ขนฺธาทโย วิย ปุเพฺพ อวิภตฺตา’’ติ อาหฯ ปการโตฺถ วา เอตฺถ อาทิ-สโทฺท ‘‘ภูวาทโย’’ติอาทีสุ วิยาติ กุสลมูลาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อวิญฺญาตตฺตา นิสาเมเนฺตหิฯ เหตุอโตฺถ วา เอตฺถ ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐ อวิญฺญาปิตตฺตาติ อโตฺถฯ ยทิปิ กายสงฺขารานํ วิกปฺปทฺวเยปิ เหตุผลภาโวเยว อิจฺฉิโต, สามิวจนรูปาวิภูโต ปน อเตฺถว อตฺถเภโทติ ทเสฺสโนฺต ‘‘กายสฺส…เป.… กตฺตุอเตฺถ’’ติ อาหฯ โส ปนาติ กตฺตุอโตฺถฯ

    1. Satipi kusalamūlādīnampi vibhattabhāve khandhādivibhāgo tato sātisayoti dassento ‘‘khandhādayo viya pubbe avibhattā’’ti āha. Pakārattho vā ettha ādi-saddo ‘‘bhūvādayo’’tiādīsu viyāti kusalamūlādīnampi saṅgaho daṭṭhabbo. Aviññātattā nisāmentehi. Hetuattho vā ettha luttaniddiṭṭho aviññāpitattāti attho. Yadipi kāyasaṅkhārānaṃ vikappadvayepi hetuphalabhāvoyeva icchito, sāmivacanarūpāvibhūto pana attheva atthabhedoti dassento ‘‘kāyassa…pe… kattuatthe’’ti āha. So panāti kattuattho.

    ๒-๗. สุทฺธิกเอเกกปทวเสนาติ ‘‘กาโย สงฺขาโร’’ติอาทีสุ ทฺวีสุ ทฺวีสุ ปเทสุ อญฺญมญฺญํ อสมฺมิสฺสเอเกกปทวเสนฯ อตฺถาภาวโตติ ยถาธิเปฺปตตฺถาภาวโตฯ อญฺญถา กรชกายาทิโก อโตฺถ อเตฺถวฯ เตเนวาห ‘‘ปทโสธน…เป.… อวจนียตฺตา’’ติฯ อิทานิ ตเมว อตฺถาภาวํ พฺยติเรกวเสน ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา’’ติอาทิมาหฯ กสฺมา ปน อุภยตฺถ สมาเน สมาสปทภาเว ตตฺถ อโตฺถ ลพฺภติ, อิธ น ลพฺภตีติ? ภินฺนลกฺขณตฺตาฯ ตตฺถ หิ รูปกฺขนฺธาทิปทานิ สมานาธิกรณานีติ ปททฺวยาธิฎฺฐาโน เอโก อโตฺถ ลพฺภติ, อิธ ปน กายสงฺขาราทิปทานิ ภินฺนาธิกรณานีติ ตถารูโป อโตฺถ น ลพฺภตีติฯ เตนาห ‘‘ยถาธิเปฺปตตฺถาภาวโต’’ติฯ

    2-7. Suddhikaekekapadavasenāti ‘‘kāyo saṅkhāro’’tiādīsu dvīsu dvīsu padesu aññamaññaṃ asammissaekekapadavasena. Atthābhāvatoti yathādhippetatthābhāvato. Aññathā karajakāyādiko attho attheva. Tenevāha ‘‘padasodhana…pe… avacanīyattā’’ti. Idāni tameva atthābhāvaṃ byatirekavasena dassento ‘‘yathā’’tiādimāha. Kasmā pana ubhayattha samāne samāsapadabhāve tattha attho labbhati, idha na labbhatīti? Bhinnalakkhaṇattā. Tattha hi rūpakkhandhādipadāni samānādhikaraṇānīti padadvayādhiṭṭhāno eko attho labbhati, idha pana kāyasaṅkhārādipadāni bhinnādhikaraṇānīti tathārūpo attho na labbhatīti. Tenāha ‘‘yathādhippetatthābhāvato’’ti.

    วิสุํ อทีเปตฺวาติ ‘‘กายสงฺขาโร’’ติอาทินา สห วุจฺจมาโนปิ กายสงฺขารสโทฺท วิสุํ วิสุํ อตฺตโน อตฺถํ อโชเตตฺวา เอกํ อตฺถํ ยทิ ทีเปตีติ ปริกปฺปวเสน วทติฯ เตน กายสงฺขารสทฺทานํ สมานาธิกรณตํ อุลฺลิเงฺคติฯ ‘‘กายสงฺขารสโทฺท กายสงฺขารเตฺถ วตฺตมาโน’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, ‘‘สงฺขารสโทฺท สงฺขารเตฺถว วตฺตมาโน’’ติ ปน วตฺตพฺพํ สิยาฯ เอวญฺหิ สติ ขนฺธเตฺถ วตฺตมาโน ขนฺธสโทฺท วิย รูปสเทฺทน กายสเทฺทน วิเสสิตโพฺพติ อิทํ วจนํ ยุเชฺชยฺย, กายสงฺขารสทฺทานํ ปน สมานาธิกรณเตฺต น เกวลํ สงฺขารสโทฺทเยว สงฺขารเตฺถ วตฺตติ, อถ โข กายสโทฺทปีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘กายสงฺขารสโทฺท กายสงฺขารเตฺถ วตฺตมาโน’’ติ วุตฺตํ สิยา, กายสเทฺทน สมานาธิกรเณนาติ อธิปฺปาโยฯ พฺยธิกรเณน ปน สงฺขารสฺส วิเสสิตพฺพตา อเตฺถวาติฯ

    Visuṃ adīpetvāti ‘‘kāyasaṅkhāro’’tiādinā saha vuccamānopi kāyasaṅkhārasaddo visuṃ visuṃ attano atthaṃ ajotetvā ekaṃ atthaṃ yadi dīpetīti parikappavasena vadati. Tena kāyasaṅkhārasaddānaṃ samānādhikaraṇataṃ ulliṅgeti. ‘‘Kāyasaṅkhārasaddo kāyasaṅkhāratthe vattamāno’’ti kasmā vuttaṃ, ‘‘saṅkhārasaddo saṅkhārattheva vattamāno’’ti pana vattabbaṃ siyā. Evañhi sati khandhatthe vattamāno khandhasaddo viya rūpasaddena kāyasaddena visesitabboti idaṃ vacanaṃ yujjeyya, kāyasaṅkhārasaddānaṃ pana samānādhikaraṇatte na kevalaṃ saṅkhārasaddoyeva saṅkhāratthe vattati, atha kho kāyasaddopīti imamatthaṃ dassetuṃ ‘‘kāyasaṅkhārasaddo kāyasaṅkhāratthe vattamāno’’ti vuttaṃ siyā, kāyasaddena samānādhikaraṇenāti adhippāyo. Byadhikaraṇena pana saṅkhārassa visesitabbatā atthevāti.

    อิมสฺส วารสฺสาติ สุทฺธสงฺขารวารสฺสฯ ปทโสธเนน ทสฺสิตานนฺติ เอตฺตเกว วุจฺจมาเน ตตฺถ ทสฺสิตภาวสามเญฺญน สุทฺธกายาทีนมฺปิ คหณํ อาปเชฺชยฺยาติ ตํนิวารณตฺถํ ‘‘ยถาธิเปฺปตานเมวา’’ติ อาหฯ กายาทิปเทหิ อคฺคหิตตฺตาติ สุทฺธกายาทิปเทหิ อคฺคหิตตฺตาฯ อิธ ปนาติ อฎฺฐกถายํฯ สุทฺธสงฺขารวารํ สนฺธาย วุตฺตมฺปิ สุทฺธสงฺขารวารเมเวตฺถ อนนุชานโนฺต สกลสงฺขารยมกวิสยนฺติ อาห ‘‘อิธ ปน สงฺขารยมเก’’ติฯ อธิเปฺปตตฺถปริจฺจาโคติ อสฺสาสปสฺสาสาทิกสฺส อธิเปฺปตตฺถสฺส อคฺคหณํ เจตนากายอภิสงฺขรณสงฺขาราทิ อนธิเปฺปตตฺถปริคฺคโหฯ ยทิ ‘‘กาโย สงฺขาโร’’ติอาทินา สุทฺธสงฺขารตํมูลจกฺกวารา อตฺถาภาวโต อิธ น คเหตพฺพา, อถ กสฺมา ปวตฺติวารเมว อนารภิตฺวา อญฺญถา เทสนา อารทฺธาติ อาห ‘‘ปทโสธนวารตํมูลจกฺกวาเรหี’’ติอาทิฯ สํสโย โหติ สงฺขารสทฺทวจนียตาสามญฺญโต กายสงฺขาราทิปทานํ พฺยธิกรณภาวโต จฯ เตเนวาห ‘‘อสมานาธิกรเณหิ…เป.… ทสฺสิตายา’’ติฯ

    Imassa vārassāti suddhasaṅkhāravārassa. Padasodhanena dassitānanti ettakeva vuccamāne tattha dassitabhāvasāmaññena suddhakāyādīnampi gahaṇaṃ āpajjeyyāti taṃnivāraṇatthaṃ ‘‘yathādhippetānamevā’’ti āha. Kāyādipadehi aggahitattāti suddhakāyādipadehi aggahitattā. Idha panāti aṭṭhakathāyaṃ. Suddhasaṅkhāravāraṃ sandhāya vuttampi suddhasaṅkhāravāramevettha ananujānanto sakalasaṅkhārayamakavisayanti āha ‘‘idha pana saṅkhārayamake’’ti. Adhippetatthapariccāgoti assāsapassāsādikassa adhippetatthassa aggahaṇaṃ cetanākāyaabhisaṅkharaṇasaṅkhārādi anadhippetatthapariggaho. Yadi ‘‘kāyo saṅkhāro’’tiādinā suddhasaṅkhārataṃmūlacakkavārā atthābhāvato idha na gahetabbā, atha kasmā pavattivārameva anārabhitvā aññathā desanā āraddhāti āha ‘‘padasodhanavārataṃmūlacakkavārehī’’tiādi. Saṃsayo hoti saṅkhārasaddavacanīyatāsāmaññato kāyasaṅkhārādipadānaṃ byadhikaraṇabhāvato ca. Tenevāha ‘‘asamānādhikaraṇehi…pe… dassitāyā’’ti.

    ปณฺณตฺติวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṇṇattivāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. ปวตฺติวารวณฺณนา

    2. Pavattivāravaṇṇanā

    ๑๙. สงฺขารานํ ปุคฺคลานญฺจ โอกาสตฺตาติ สมฺปยุตฺตานํ นิสฺสยปจฺจยตาย, สงฺขารานํ สมาปชฺชิตพฺพตาย ปุคฺคลานํ ฌานสฺส โอกาสตา เวทิตพฺพา, ภูมิ ปน ยทเคฺคน ปุคฺคลานํ โอกาโส, ตทเคฺคน สงฺขารานมฺปิ โอกาโสฯ ‘‘ทุติเย ฌาเน ตติเย ฌาเน’’ติอาทินา ฌานํ, ‘‘กามาวจเร รูปาวจเร’’ติอาทินา ภูมิ จ วิสุํ โอกาสภาเวน คหิตาฯ อิตีติ เหตุอโตฺถ, ยสฺมา ฌานมฺปิ โอกาสภาเวน คหิตํ, ตสฺมาติ อโตฺถฯ ปุคฺคลวาเร จ โอกาสวเสน ปุคฺคลคฺคหเณติ ปุคฺคลวาเร จ ยทา ปุคฺคโลกาสสงฺขาราทีนํ โอกาสภาเวน คยฺหติ, ตทา เตสํ ทฺวินฺนํ โอกาสานํ วเสน คยฺหนํ โหตีติ ยตฺถ โส ปุคฺคโล, ยญฺจ ตสฺมิํ ปุคฺคเล ฌานํ อุปลพฺภติ, เตสํ ทฺวินฺนํ ภูมิฌานสงฺขาตานํ โอกาสานํ วเสน ยถารหํ กายสงฺขาราทีนํ คหณํ กถนํ โหตีติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา เอตเทว, ตสฺมาฯ ทุติยตติยชฺฌาโนกาสวเสนาติ ทุติยตติยชฺฌานสงฺขาตโอกาสวเสน คหิตาฯ กถํ? ‘‘วินา วิตกฺกวิจาเรหิ อสฺสาสปสฺสาสานํ อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ เอวํ คหิตา ปุคฺคลา วิเสเสตฺวา ทสฺสิตาฯ เกน? เตเนว วิตกฺกวิจารรหิตอสฺสาสปสฺสาสุปฺปาทกฺขเณนาติ โยเชตพฺพํฯ

    19. Saṅkhārānaṃpuggalānañca okāsattāti sampayuttānaṃ nissayapaccayatāya, saṅkhārānaṃ samāpajjitabbatāya puggalānaṃ jhānassa okāsatā veditabbā, bhūmi pana yadaggena puggalānaṃ okāso, tadaggena saṅkhārānampi okāso. ‘‘Dutiye jhāne tatiye jhāne’’tiādinā jhānaṃ, ‘‘kāmāvacare rūpāvacare’’tiādinā bhūmi ca visuṃ okāsabhāvena gahitā. Itīti hetuattho, yasmā jhānampi okāsabhāvena gahitaṃ, tasmāti attho. Puggalavāre ca okāsavasena puggalaggahaṇeti puggalavāre ca yadā puggalokāsasaṅkhārādīnaṃ okāsabhāvena gayhati, tadā tesaṃ dvinnaṃ okāsānaṃ vasena gayhanaṃ hotīti yattha so puggalo, yañca tasmiṃ puggale jhānaṃ upalabbhati, tesaṃ dvinnaṃ bhūmijhānasaṅkhātānaṃ okāsānaṃ vasena yathārahaṃ kāyasaṅkhārādīnaṃ gahaṇaṃ kathanaṃ hotīti. Tasmāti yasmā etadeva, tasmā. Dutiyatatiyajjhānokāsavasenāti dutiyatatiyajjhānasaṅkhātaokāsavasena gahitā. Kathaṃ? ‘‘Vinā vitakkavicārehi assāsapassāsānaṃ uppādakkhaṇe’’ti evaṃ gahitā puggalā visesetvā dassitā. Kena? Teneva vitakkavicārarahitaassāsapassāsuppādakkhaṇenāti yojetabbaṃ.

    ปฐมโกฎฺฐาเส ฌาโนกาสวเสน ปุคฺคลทสฺสนํ กตนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปุน…เป.… ทเสฺสตี’’ติฯ ภูมิโอกาสวเสน ปุคฺคลํ ทเสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ ทฺวิปฺปการานนฺติ ฌานภูมิโอกาสเภเทน ทุวิธานํฯ เตสนฺติ ปุคฺคลานํฯ ‘‘ปฐมํ ฌานํ สมาปนฺนานํ กามาวจราน’’นฺติ จ อิทํ นิวเตฺตตพฺพคเหตพฺพสาธารณวจนํ, ตสฺส จ อวเจฺฉทกํ ‘‘อสฺสาสปสฺสาสานํ อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ อิทนฺติ วุตฺตํ ‘‘วิเสส…เป.… ขเณ’’ติฯ เตน วิเสสเนนฯ กามาวจรานมฺปีติ ปิ-สโทฺท สมฺปิณฺฑนโตฺถฯ เตน น เกวลํ รูปารูปาวจเรสุ ปฐมชฺฌานํ สมาปนฺนานํ, อถ โข กามาวจรานมฺปีติ วุตฺตเมวตฺถํ สมฺปิเณฺฑติฯ กีทิสานํ กามาวจรานนฺติ อาห ‘‘คพฺภคตาทีน’’นฺติฯ อาทิ-สเทฺทน อุทกนิมุคฺควิสญฺญิภูตา สงฺคหิตา, น มตจตุตฺถชฺฌานสมาปนฺนนิโรธสมาปนฺนาฯ เต หิ อกามาวจรตาย วิย รูปารูปภวสมงฺคิโน วิตกฺกวิจารุปฺปตฺติยาว นิวตฺติตาฯ เอกนฺติกตฺตาติ อสฺสาสปสฺสาสาภาวสฺส เอกนฺติกตฺตาฯ นิทสฺสิตาติ รูปารูปาวจรา นิทสฺสนภาเวน วุตฺตา, น ตพฺพิรหิตานํ อเญฺญสํ อภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ ปฐมชฺฌาโนกาสา อสฺสาสปสฺสาสวิรหวิสิฎฺฐาติ โยชนาฯ ปฐมเญฺจตฺถ ปฐมชฺฌานสมงฺคีนํ รูปารูปาวจรานํ คหณํ, ทุติยํ ยถาวุตฺตคพฺภคตาทีนํฯ อิมินา นเยนาติ ยฺวายํ ‘‘สงฺขารานํ ปุคฺคลานญฺจา’’ติอาทินา ฌาโนกาสภูมิโอกาสวเสน ปุคฺคลวิภาคนโย วุโตฺต, อิมินา นเยน อุปาเยนฯ สพฺพตฺถ สพฺพปุจฺฉาสุฯ

    Paṭhamakoṭṭhāse jhānokāsavasena puggaladassanaṃ katanti vuttaṃ ‘‘puna…pe… dassetī’’ti. Bhūmiokāsavasena puggalaṃ dassetīti sambandho. Dvippakārānanti jhānabhūmiokāsabhedena duvidhānaṃ. Tesanti puggalānaṃ. ‘‘Paṭhamaṃ jhānaṃ samāpannānaṃ kāmāvacarāna’’nti ca idaṃ nivattetabbagahetabbasādhāraṇavacanaṃ, tassa ca avacchedakaṃ ‘‘assāsapassāsānaṃ uppādakkhaṇe’’ti idanti vuttaṃ ‘‘visesa…pe… khaṇe’’ti. Tena visesanena. Kāmāvacarānampīti pi-saddo sampiṇḍanattho. Tena na kevalaṃ rūpārūpāvacaresu paṭhamajjhānaṃ samāpannānaṃ, atha kho kāmāvacarānampīti vuttamevatthaṃ sampiṇḍeti. Kīdisānaṃ kāmāvacarānanti āha ‘‘gabbhagatādīna’’nti. Ādi-saddena udakanimuggavisaññibhūtā saṅgahitā, na matacatutthajjhānasamāpannanirodhasamāpannā. Te hi akāmāvacaratāya viya rūpārūpabhavasamaṅgino vitakkavicāruppattiyāva nivattitā. Ekantikattāti assāsapassāsābhāvassa ekantikattā. Nidassitāti rūpārūpāvacarā nidassanabhāvena vuttā, na tabbirahitānaṃ aññesaṃ abhāvatoti adhippāyo. Paṭhamajjhānokāsā assāsapassāsavirahavisiṭṭhāti yojanā. Paṭhamañcettha paṭhamajjhānasamaṅgīnaṃ rūpārūpāvacarānaṃ gahaṇaṃ, dutiyaṃ yathāvuttagabbhagatādīnaṃ. Iminā nayenāti yvāyaṃ ‘‘saṅkhārānaṃ puggalānañcā’’tiādinā jhānokāsabhūmiokāsavasena puggalavibhāganayo vutto, iminā nayena upāyena. Sabbattha sabbapucchāsu.

    ๒๑. เอตสฺมิํ ปน อเตฺถ สตีติ ยฺวายํ อุปฺปตฺติภูมิยา ฌานํ วิเสเสตฺวา อโตฺถ วุโตฺต, เอตสฺมิํ อเตฺถ คยฺหมาเน อญฺญตฺถปิ อุปฺปตฺติภูมิยา ฌานํ วิเสสิตพฺพํ ภเวยฺย, ตถา จ อนิฎฺฐํ อาปชฺชตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘จตุตฺถชฺฌาเน’’ติอาทิมาหฯ กิํ ปน ตํ อนิฎฺฐนฺติ อาห ‘‘ภูมีนํ โอกาสภาวเสฺสว อคฺคหิตตาปตฺติโต’’ติฯ ยตฺถ ยตฺถ หิ ฌานํ คยฺหติ, ตตฺถ ตตฺถ ตํ อุปฺปตฺติภูมิยา วิเสสิตพฺพํ โหติฯ ตถา สติ ฌาโนกาโสว คหิโต สิยา, น ภูมิโอกาโส คุณภูตตฺตาฯ กิญฺจ ‘‘จตุตฺถชฺฌาเน รูปาวจเร อรูปาวจเร’’ติ เอตฺถ รูปารูปภูมิยา จตุตฺถชฺฌาเน วิเสสิยมาเน ตเทกเทโสว โอกาสวเสน คหิโต สิยา, น สพฺพํ จตุตฺถชฺฌานํฯ เตนาห ‘‘สพฺพจตุตฺถชฺฌานสฺส โอกาสวเสน อคฺคหิตตาปตฺติโต จา’’ติฯ ฌานภูโมกาสานนฺติ ฌาโนกาสภูมิโอกาสานํฯ

    21. Etasmiṃ pana atthe satīti yvāyaṃ uppattibhūmiyā jhānaṃ visesetvā attho vutto, etasmiṃ atthe gayhamāne aññatthapi uppattibhūmiyā jhānaṃ visesitabbaṃ bhaveyya, tathā ca aniṭṭhaṃ āpajjatīti dassento ‘‘catutthajjhāne’’tiādimāha. Kiṃ pana taṃ aniṭṭhanti āha ‘‘bhūmīnaṃokāsabhāvasseva aggahitatāpattito’’ti. Yattha yattha hi jhānaṃ gayhati, tattha tattha taṃ uppattibhūmiyā visesitabbaṃ hoti. Tathā sati jhānokāsova gahito siyā, na bhūmiokāso guṇabhūtattā. Kiñca ‘‘catutthajjhāne rūpāvacare arūpāvacare’’ti ettha rūpārūpabhūmiyā catutthajjhāne visesiyamāne tadekadesova okāsavasena gahito siyā, na sabbaṃ catutthajjhānaṃ. Tenāha ‘‘sabbacatutthajjhānassa okāsavasena aggahitatāpattito cā’’ti. Jhānabhūmokāsānanti jhānokāsabhūmiokāsānaṃ.

    นนุ จ ฌานภูมิโอกาเส อสงฺกรโต โยชิยมาเน น สพฺพสฺมิํ ปฐมชฺฌาโนกาเส กายสงฺขาโร วจีสงฺขาโร จ อตฺถิ, ตถา สพฺพสฺมิํ กามาวจโรกาเสติ โจทนุปฺปตฺติํ สนฺธาย ตสฺส ปริหารํ วตฺตุํ ‘‘ยทิปี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถาติ ปฐมชฺฌาโนกาเส กามาวจโรกาเส จฯ ตํทฺวยุปฺปตฺตีติ ตสฺส กายวจีสงฺขารทฺวยสฺส อุปฺปตฺติฯ โอกาสทฺวยสฺส อสงฺกรโต คหเณ อยญฺจ คุโณ ลโทฺธ โหตีติ อาห ‘‘วิสุํ…เป.… น วตฺตพฺพํ โหตี’’ติฯ ตตฺถ องฺคมตฺตวเสนาติ วิตกฺกาทิฌานงฺคมตฺตวเสนฯ ตตฺถ วตฺตพฺพํ อฎฺฐกถายํ วุตฺตเมวฯ วิตกฺกรหิโตปิ วิจาโร วจีสงฺขาโรเยวาติ อาห ‘‘อวิตกฺก…เป.… คจฺฉตี’’ติฯ มุทฺธภูตํ ทุติยชฺฌานนฺติ จตุกฺกนเย ทุติยชฺฌานมาหฯ ตญฺหิ สกลโกฺขภกรธมฺมวิคเมน วิตเกฺกกงฺคปฺปหายิกโต สาติสยตฺตา ‘‘มุทฺธภูต’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภติฯ อสญฺญสตฺตา วิยาติ อิทํ วิสทิสุทาหรณํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Nanu ca jhānabhūmiokāse asaṅkarato yojiyamāne na sabbasmiṃ paṭhamajjhānokāse kāyasaṅkhāro vacīsaṅkhāro ca atthi, tathā sabbasmiṃ kāmāvacarokāseti codanuppattiṃ sandhāya tassa parihāraṃ vattuṃ ‘‘yadipī’’tiādimāha. Tatthāti paṭhamajjhānokāse kāmāvacarokāse ca. Taṃdvayuppattīti tassa kāyavacīsaṅkhāradvayassa uppatti. Okāsadvayassa asaṅkarato gahaṇe ayañca guṇo laddho hotīti āha ‘‘visuṃ…pe… na vattabbaṃ hotī’’ti. Tattha aṅgamattavasenāti vitakkādijhānaṅgamattavasena. Tattha vattabbaṃ aṭṭhakathāyaṃ vuttameva. Vitakkarahitopi vicāro vacīsaṅkhāroyevāti āha ‘‘avitakka…pe… gacchatī’’ti. Muddhabhūtaṃ dutiyajjhānanti catukkanaye dutiyajjhānamāha. Tañhi sakalakkhobhakaradhammavigamena vitakkekaṅgappahāyikato sātisayattā ‘‘muddhabhūta’’nti vattabbataṃ labhati. Asaññasattā viyāti idaṃ visadisudāharaṇaṃ daṭṭhabbaṃ.

    ๓๗. อาวชฺชนโต ปุเพฺพ ปวตฺตํ สพฺพํ จิตฺตํ ปฎิสนฺธิจิเตฺตน สมานคติกตฺตา เอกํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปฐมโต’’ติฯ เตนาห ‘‘อวิตกฺกอวิจารโต’’ติอาทิฯ จิตฺตสงฺขารสฺส อาทิทสฺสนตฺถนฺติ สุทฺธาวาเส จิตฺตสงฺขารสฺส อาทิทสฺสนตฺถํฯ ตถา ‘‘วจีสงฺขารสฺส อาทิทสฺสนตฺถ’’นฺติ เอตฺถาปิฯ

    37. Āvajjanato pubbe pavattaṃ sabbaṃ cittaṃ paṭisandhicittena samānagatikattā ekaṃ katvā vuttaṃ ‘‘paṭhamato’’ti. Tenāha ‘‘avitakkaavicārato’’tiādi. Cittasaṅkhārassa ādidassanatthanti suddhāvāse cittasaṅkhārassa ādidassanatthaṃ. Tathā ‘‘vacīsaṅkhārassa ādidassanattha’’nti etthāpi.

    ปวตฺติวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pavattivāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    สงฺขารยมกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saṅkhārayamakavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ยมกปาฬิ • Yamakapāḷi / ๖. สงฺขารยมกํ • 6. Saṅkhārayamakaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๖. สงฺขารยมกํ • 6. Saṅkhārayamakaṃ

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๖. สงฺขารยมกํ • 6. Saṅkhārayamakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact