Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๑๐. สงฺขารุปปตฺติสุตฺตํ

    10. Saṅkhārupapattisuttaṃ

    ๑๖๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สงฺขารุปปตฺติํ 1 โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –

    160. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca – ‘‘saṅkhārupapattiṃ 2 vo, bhikkhave, desessāmi, taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –

    ๑๖๑. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺธาย สมนฺนาคโต โหติ, สีเลน สมนฺนาคโต โหติ, สุเตน สมนฺนาคโต โหติ, จาเคน สมนฺนาคโต โหติ, ปญฺญาย สมนฺนาคโต โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ขตฺติยมหาสาลานํ 3 สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฎฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติ ฯ ตสฺส เต สงฺขารา จ วิหารา 4 จ เอวํ ภาวิตา เอวํ พหุลีกตา ตตฺรุปปตฺติยา 5 สํวตฺตนฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตติฯ

    161. ‘‘Idha, bhikkhave, bhikkhu saddhāya samannāgato hoti, sīlena samannāgato hoti, sutena samannāgato hoti, cāgena samannāgato hoti, paññāya samannāgato hoti. Tassa evaṃ hoti – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā khattiyamahāsālānaṃ 6 sahabyataṃ upapajjeyya’nti. So taṃ cittaṃ dahati, taṃ cittaṃ adhiṭṭhāti, taṃ cittaṃ bhāveti . Tassa te saṅkhārā ca vihārā 7 ca evaṃ bhāvitā evaṃ bahulīkatā tatrupapattiyā 8 saṃvattanti. Ayaṃ, bhikkhave, maggo ayaṃ paṭipadā tatrupapattiyā saṃvattati.

    ๑๖๒. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺธาย สมนฺนาคโต โหติ, สีเลน สมนฺนาคโต โหติ, สุเตน สมนฺนาคโต โหติ, จาเคน สมนฺนาคโต โหติ, ปญฺญาย สมนฺนาคโต โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา พฺราหฺมณมหาสาลานํ…เป.… คหปติมหาสาลานํ 9 สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฎฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติฯ ตสฺส เต สงฺขารา จ วิหารา จ เอวํ ภาวิตา เอวํ พหุลีกตา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตนฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตติฯ

    162. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu saddhāya samannāgato hoti, sīlena samannāgato hoti, sutena samannāgato hoti, cāgena samannāgato hoti, paññāya samannāgato hoti. Tassa evaṃ hoti – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā brāhmaṇamahāsālānaṃ…pe… gahapatimahāsālānaṃ 10 sahabyataṃ upapajjeyya’nti. So taṃ cittaṃ dahati, taṃ cittaṃ adhiṭṭhāti, taṃ cittaṃ bhāveti. Tassa te saṅkhārā ca vihārā ca evaṃ bhāvitā evaṃ bahulīkatā tatrupapattiyā saṃvattanti. Ayaṃ, bhikkhave, maggo ayaṃ paṭipadā tatrupapattiyā saṃvattati.

    ๑๖๓. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺธาย สมนฺนาคโต โหติ, สีเลน สมนฺนาคโต โหติ, สุเตน สมนฺนาคโต โหติ, จาเคน สมนฺนาคโต โหติ, ปญฺญาย สมนฺนาคโต โหติฯ ตสฺส สุตํ โหติ – ‘จาตุมหาราชิกา 11 เทวา ทีฆายุกา วณฺณวโนฺต สุขพหุลา’ติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติ ฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฎฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติฯ ตสฺส เต สงฺขารา จ วิหารา จ เอวํ ภาวิตา เอวํ พหุลีกตา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตนฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตติฯ

    163. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu saddhāya samannāgato hoti, sīlena samannāgato hoti, sutena samannāgato hoti, cāgena samannāgato hoti, paññāya samannāgato hoti. Tassa sutaṃ hoti – ‘cātumahārājikā 12 devā dīghāyukā vaṇṇavanto sukhabahulā’ti. Tassa evaṃ hoti – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā cātumahārājikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya’nti . So taṃ cittaṃ dahati, taṃ cittaṃ adhiṭṭhāti, taṃ cittaṃ bhāveti. Tassa te saṅkhārā ca vihārā ca evaṃ bhāvitā evaṃ bahulīkatā tatrupapattiyā saṃvattanti. Ayaṃ, bhikkhave, maggo ayaṃ paṭipadā tatrupapattiyā saṃvattati.

    ๑๖๔. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺธาย สมนฺนาคโต โหติ, สีเลน สมนฺนาคโต โหติ, สุเตน สมนฺนาคโต โหติ, จาเคน สมนฺนาคโต โหติ, ปญฺญาย สมนฺนาคโต โหติฯ ตสฺส สุตํ โหติ – ตาวติํสา เทวา…เป.… ยามา เทวา… ตุสิตา เทวา… นิมฺมานรตี เทวา… ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทวา ทีฆายุกา วณฺณวโนฺต สุขพหุลาติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติ ฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฎฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติฯ ตสฺส เต สงฺขารา จ วิหารา จ เอวํ ภาวิตา เอวํ พหุลีกตา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตนฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตติฯ

    164. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu saddhāya samannāgato hoti, sīlena samannāgato hoti, sutena samannāgato hoti, cāgena samannāgato hoti, paññāya samannāgato hoti. Tassa sutaṃ hoti – tāvatiṃsā devā…pe… yāmā devā… tusitā devā… nimmānaratī devā… paranimmitavasavattī devā dīghāyukā vaṇṇavanto sukhabahulāti. Tassa evaṃ hoti – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā paranimmitavasavattīnaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya’nti . So taṃ cittaṃ dahati, taṃ cittaṃ adhiṭṭhāti, taṃ cittaṃ bhāveti. Tassa te saṅkhārā ca vihārā ca evaṃ bhāvitā evaṃ bahulīkatā tatrupapattiyā saṃvattanti. Ayaṃ, bhikkhave, maggo ayaṃ paṭipadā tatrupapattiyā saṃvattati.

    ๑๖๕. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺธาย สมนฺนาคโต โหติ, สีเลน สมนฺนาคโต โหติ, สุเตน สมนฺนาคโต โหติ, จาเคน สมนฺนาคโต โหติ, ปญฺญาย สมนฺนาคโต โหติฯ ตสฺส สุตํ โหติ – ‘สหโสฺส พฺรหฺมา ทีฆายุโก วณฺณวา สุขพหุโล’ติฯ สหโสฺส, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา สหสฺสิโลกธาตุํ 13 ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา 14 วิหรติฯ เยปิ ตตฺถ สตฺตา อุปปนฺนา เตปิ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, จกฺขุมา ปุริโส เอกํ อามณฺฑํ หเตฺถ กริตฺวา ปจฺจเวเกฺขยฺย; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, สหโสฺส พฺรหฺมา สหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ เยปิ ตตฺถ สตฺตา อุปปนฺนา เตปิ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สหสฺสสฺส พฺรหฺมุโน สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฎฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติฯ ตสฺส เต สงฺขารา จ วิหารา จ เอวํ ภาวิตา เอวํ พหุลีกตา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตนฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตติฯ

    165. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu saddhāya samannāgato hoti, sīlena samannāgato hoti, sutena samannāgato hoti, cāgena samannāgato hoti, paññāya samannāgato hoti. Tassa sutaṃ hoti – ‘sahasso brahmā dīghāyuko vaṇṇavā sukhabahulo’ti. Sahasso, bhikkhave, brahmā sahassilokadhātuṃ 15 pharitvā adhimuccitvā 16 viharati. Yepi tattha sattā upapannā tepi pharitvā adhimuccitvā viharati. Seyyathāpi, bhikkhave, cakkhumā puriso ekaṃ āmaṇḍaṃ hatthe karitvā paccavekkheyya; evameva kho, bhikkhave, sahasso brahmā sahassilokadhātuṃ pharitvā adhimuccitvā viharati. Yepi tattha sattā upapannā tepi pharitvā adhimuccitvā viharati. Tassa evaṃ hoti – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sahassassa brahmuno sahabyataṃ upapajjeyya’nti. So taṃ cittaṃ dahati, taṃ cittaṃ adhiṭṭhāti, taṃ cittaṃ bhāveti. Tassa te saṅkhārā ca vihārā ca evaṃ bhāvitā evaṃ bahulīkatā tatrupapattiyā saṃvattanti. Ayaṃ, bhikkhave, maggo ayaṃ paṭipadā tatrupapattiyā saṃvattati.

    ๑๖๖. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺธาย สมนฺนาคโต โหติ, สีเลน สมนฺนาคโต โหติ, สุเตน… จาเคน… ปญฺญาย สมนฺนาคโต โหติฯ ตสฺส สุตํ โหติ – ทฺวิสหโสฺส พฺรหฺมา…เป.… ติสหโสฺส พฺรหฺมา… จตุสหโสฺส พฺรหฺมา… ปญฺจสหโสฺส พฺรหฺมา ทีฆายุโก วณฺณวา สุขพหุโลติฯ ปญฺจสหโสฺส, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา ปญฺจสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ เยปิ ตตฺถ สตฺตา อุปปนฺนา เตปิ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, จกฺขุมา ปุริโส ปญฺจ อามณฺฑานิ หเตฺถ กริตฺวา ปจฺจเวเกฺขยฺย; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปญฺจสหโสฺส พฺรหฺมา ปญฺจสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ เยปิ ตตฺถ สตฺตา อุปปนฺนา เตปิ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปญฺจสหสฺสสฺส พฺรหฺมุโน สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฎฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติฯ ตสฺส เต สงฺขารา จ วิหารา จ เอวํ ภาวิตา เอวํ พหุลีกตา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตนฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตติฯ

    166. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu saddhāya samannāgato hoti, sīlena samannāgato hoti, sutena… cāgena… paññāya samannāgato hoti. Tassa sutaṃ hoti – dvisahasso brahmā…pe… tisahasso brahmā… catusahasso brahmā… pañcasahasso brahmā dīghāyuko vaṇṇavā sukhabahuloti. Pañcasahasso, bhikkhave, brahmā pañcasahassilokadhātuṃ pharitvā adhimuccitvā viharati. Yepi tattha sattā upapannā tepi pharitvā adhimuccitvā viharati. Seyyathāpi, bhikkhave, cakkhumā puriso pañca āmaṇḍāni hatthe karitvā paccavekkheyya; evameva kho, bhikkhave, pañcasahasso brahmā pañcasahassilokadhātuṃ pharitvā adhimuccitvā viharati. Yepi tattha sattā upapannā tepi pharitvā adhimuccitvā viharati. Tassa evaṃ hoti – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā pañcasahassassa brahmuno sahabyataṃ upapajjeyya’nti. So taṃ cittaṃ dahati, taṃ cittaṃ adhiṭṭhāti, taṃ cittaṃ bhāveti. Tassa te saṅkhārā ca vihārā ca evaṃ bhāvitā evaṃ bahulīkatā tatrupapattiyā saṃvattanti. Ayaṃ, bhikkhave, maggo ayaṃ paṭipadā tatrupapattiyā saṃvattati.

    ๑๖๗. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺธาย สมนฺนาคโต โหติ, สีเลน สมนฺนาคโต โหติ, สุเตน… จาเคน… ปญฺญาย สมนฺนาคโต โหติฯ ตสฺส สุตํ โหติ – ‘ทสสหโสฺส พฺรหฺมา ทีฆายุโก วณฺณวา สุขพหุโล’ติฯ ทสสหโสฺส, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ เยปิ ตตฺถ สตฺตา อุปปนฺนา เตปิ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฎฺฐํโส สุปริกมฺมกโต ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิโตฺต ภาสเต จ ตปเต จ 17 วิโรจติ จ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ทสสหโสฺส พฺรหฺมา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ เยปิ ตตฺถ สตฺตา อุปปนฺนา เตปิ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทสสหสฺสสฺส พฺรหฺมุโน สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฎฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติฯ ตสฺส เต สงฺขารา จ วิหารา จ เอวํ ภาวิตา เอวํ พหุลีกตา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตนฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตติฯ

    167. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu saddhāya samannāgato hoti, sīlena samannāgato hoti, sutena… cāgena… paññāya samannāgato hoti. Tassa sutaṃ hoti – ‘dasasahasso brahmā dīghāyuko vaṇṇavā sukhabahulo’ti. Dasasahasso, bhikkhave, brahmā dasasahassilokadhātuṃ pharitvā adhimuccitvā viharati. Yepi tattha sattā upapannā tepi pharitvā adhimuccitvā viharati. Seyyathāpi, bhikkhave, maṇi veḷuriyo subho jātimā aṭṭhaṃso suparikammakato paṇḍukambale nikkhitto bhāsate ca tapate ca 18 virocati ca; evameva kho, bhikkhave, dasasahasso brahmā dasasahassilokadhātuṃ pharitvā adhimuccitvā viharati. Yepi tattha sattā upapannā tepi pharitvā adhimuccitvā viharati. Tassa evaṃ hoti – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā dasasahassassa brahmuno sahabyataṃ upapajjeyya’nti. So taṃ cittaṃ dahati, taṃ cittaṃ adhiṭṭhāti, taṃ cittaṃ bhāveti. Tassa te saṅkhārā ca vihārā ca evaṃ bhāvitā evaṃ bahulīkatā tatrupapattiyā saṃvattanti. Ayaṃ, bhikkhave, maggo ayaṃ paṭipadā tatrupapattiyā saṃvattati.

    ๑๖๘. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺธาย สมนฺนาคโต โหติ, สีเลน… สุเตน… จาเคน… ปญฺญาย สมนฺนาคโต โหติฯ ตสฺส สุตํ โหติ – ‘สตสหโสฺส พฺรหฺมา ทีฆายุโก วณฺณวา สุขพหุโล’ติฯ สตสหโสฺส, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา สตสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ เยปิ ตตฺถ สตฺตา อุปปนฺนา เตปิ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, นิกฺขํ ชโมฺพนทํ 19 ทกฺขกมฺมารปุตฺตอุกฺกามุขสุกุสลสมฺปหฎฺฐํ ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิตฺตํ ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, สตสหโสฺส พฺรหฺมา สตสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ เยปิ ตตฺถ สตฺตา อุปปนฺนา เตปิ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สตสหสฺสสฺส พฺรหฺมุโน สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติ ฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฎฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติฯ ตสฺส เต สงฺขารา จ วิหารา จ เอวํ ภาวิตา เอวํ พหุลีกตา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตนฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตติฯ

    168. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu saddhāya samannāgato hoti, sīlena… sutena… cāgena… paññāya samannāgato hoti. Tassa sutaṃ hoti – ‘satasahasso brahmā dīghāyuko vaṇṇavā sukhabahulo’ti. Satasahasso, bhikkhave, brahmā satasahassilokadhātuṃ pharitvā adhimuccitvā viharati. Yepi tattha sattā upapannā tepi pharitvā adhimuccitvā viharati. Seyyathāpi, bhikkhave, nikkhaṃ jambonadaṃ 20 dakkhakammāraputtaukkāmukhasukusalasampahaṭṭhaṃ paṇḍukambale nikkhittaṃ bhāsate ca tapate ca virocati ca; evameva kho, bhikkhave, satasahasso brahmā satasahassilokadhātuṃ pharitvā adhimuccitvā viharati. Yepi tattha sattā upapannā tepi pharitvā adhimuccitvā viharati. Tassa evaṃ hoti – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā satasahassassa brahmuno sahabyataṃ upapajjeyya’nti . So taṃ cittaṃ dahati, taṃ cittaṃ adhiṭṭhāti, taṃ cittaṃ bhāveti. Tassa te saṅkhārā ca vihārā ca evaṃ bhāvitā evaṃ bahulīkatā tatrupapattiyā saṃvattanti. Ayaṃ, bhikkhave, maggo ayaṃ paṭipadā tatrupapattiyā saṃvattati.

    ๑๖๙. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺธาย สมนฺนาคโต โหติ, สีเลน… สุเตน… จาเคน… ปญฺญาย สมนฺนาคโต โหติฯ ตสฺส สุตํ โหติ – อาภา เทวา…เป.… ปริตฺตาภา เทวา… อปฺปมาณาภา เทวา… อาภสฺสรา เทวา ทีฆายุกา วณฺณวโนฺต สุขพหุลาติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อาภสฺสรานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฎฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติฯ ตสฺส เต สงฺขารา จ วิหารา จ เอวํ ภาวิตา เอวํ พหุลีกตา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตนฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตติฯ

    169. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu saddhāya samannāgato hoti, sīlena… sutena… cāgena… paññāya samannāgato hoti. Tassa sutaṃ hoti – ābhā devā…pe… parittābhā devā… appamāṇābhā devā… ābhassarā devā dīghāyukā vaṇṇavanto sukhabahulāti. Tassa evaṃ hoti – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā ābhassarānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya’nti. So taṃ cittaṃ dahati, taṃ cittaṃ adhiṭṭhāti, taṃ cittaṃ bhāveti. Tassa te saṅkhārā ca vihārā ca evaṃ bhāvitā evaṃ bahulīkatā tatrupapattiyā saṃvattanti. Ayaṃ, bhikkhave, maggo ayaṃ paṭipadā tatrupapattiyā saṃvattati.

    ๑๗๐. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺธาย สมนฺนาคโต โหติ, สีเลน … สุเตน… จาเคน… ปญฺญาย สมนฺนาคโต โหติฯ ตสฺส สุตํ โหติ – ปริตฺตสุภา เทวา…เป.… อปฺปมาณสุภา เทวา… สุภกิณฺหา เทวา ทีฆายุกา วณฺณวโนฺต สุขพหุลาติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุภกิณฺหานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฎฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติฯ ตสฺส เต สงฺขารา จ วิหารา จ เอวํ ภาวิตา เอวํ พหุลีกตา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตนฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตติฯ

    170. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu saddhāya samannāgato hoti, sīlena … sutena… cāgena… paññāya samannāgato hoti. Tassa sutaṃ hoti – parittasubhā devā…pe… appamāṇasubhā devā… subhakiṇhā devā dīghāyukā vaṇṇavanto sukhabahulāti. Tassa evaṃ hoti – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā subhakiṇhānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya’nti. So taṃ cittaṃ dahati, taṃ cittaṃ adhiṭṭhāti, taṃ cittaṃ bhāveti. Tassa te saṅkhārā ca vihārā ca evaṃ bhāvitā evaṃ bahulīkatā tatrupapattiyā saṃvattanti. Ayaṃ, bhikkhave, maggo ayaṃ paṭipadā tatrupapattiyā saṃvattati.

    ๑๗๑. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺธาย สมนฺนาคโต โหติ, สีเลน… สุเตน… จาเคน… ปญฺญาย สมนฺนาคโต โหติฯ ตสฺส สุตํ โหติ – เวหปฺผลา เทวา…เป.… อวิหา เทวา… อตปฺปา เทวา… สุทสฺสา เทวา… สุทสฺสี เทวา… อกนิฎฺฐา เทวา ทีฆายุกา วณฺณวโนฺต สุขพหุลาติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อกนิฎฺฐานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฎฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติฯ ตสฺส เต สงฺขารา จ วิหารา จ เอวํ ภาวิตา เอวํ พหุลีกตา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตนฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตติฯ

    171. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu saddhāya samannāgato hoti, sīlena… sutena… cāgena… paññāya samannāgato hoti. Tassa sutaṃ hoti – vehapphalā devā…pe… avihā devā… atappā devā… sudassā devā… sudassī devā… akaniṭṭhā devā dīghāyukā vaṇṇavanto sukhabahulāti. Tassa evaṃ hoti – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā akaniṭṭhānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya’nti. So taṃ cittaṃ dahati, taṃ cittaṃ adhiṭṭhāti, taṃ cittaṃ bhāveti. Tassa te saṅkhārā ca vihārā ca evaṃ bhāvitā evaṃ bahulīkatā tatrupapattiyā saṃvattanti. Ayaṃ, bhikkhave, maggo ayaṃ paṭipadā tatrupapattiyā saṃvattati.

    ๑๗๒. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺธาย สมนฺนาคโต โหติ, สีเลน… สุเตน… จาเคน… ปญฺญาย สมนฺนาคโต โหติฯ ตสฺส สุตํ โหติ – ‘อากาสานญฺจายตนูปคา เทวา ทีฆายุกา จิรฎฺฐิติกา สุขพหุลา’ติ ฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อากาสานญฺจายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฎฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติฯ ตสฺส เต สงฺขารา จ วิหารา จ เอวํ ภาวิตา เอวํ พหุลีกตา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตนฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตติฯ

    172. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu saddhāya samannāgato hoti, sīlena… sutena… cāgena… paññāya samannāgato hoti. Tassa sutaṃ hoti – ‘ākāsānañcāyatanūpagā devā dīghāyukā ciraṭṭhitikā sukhabahulā’ti . Tassa evaṃ hoti – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā ākāsānañcāyatanūpagānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya’nti. So taṃ cittaṃ dahati, taṃ cittaṃ adhiṭṭhāti, taṃ cittaṃ bhāveti. Tassa te saṅkhārā ca vihārā ca evaṃ bhāvitā evaṃ bahulīkatā tatrupapattiyā saṃvattanti. Ayaṃ, bhikkhave, maggo ayaṃ paṭipadā tatrupapattiyā saṃvattati.

    ๑๗๓. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺธาย สมนฺนาคโต โหติ, สีเลน… สุเตน… จาเคน… ปญฺญาย สมนฺนาคโต โหติฯ ตสฺส สุตํ โหติ – ‘วิญฺญาณญฺจายตนูปคา เทวา ทีฆายุกา จิรฎฺฐิติกา สุขพหุลา’ติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา วิญฺญาณญฺจายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฎฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติฯ ตสฺส เต สงฺขารา จ วิหารา จ เอวํ ภาวิตา เอวํ พหุลีกตา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตนฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตติฯ

    173. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu saddhāya samannāgato hoti, sīlena… sutena… cāgena… paññāya samannāgato hoti. Tassa sutaṃ hoti – ‘viññāṇañcāyatanūpagā devā dīghāyukā ciraṭṭhitikā sukhabahulā’ti. Tassa evaṃ hoti – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā viññāṇañcāyatanūpagānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya’nti. So taṃ cittaṃ dahati, taṃ cittaṃ adhiṭṭhāti, taṃ cittaṃ bhāveti. Tassa te saṅkhārā ca vihārā ca evaṃ bhāvitā evaṃ bahulīkatā tatrupapattiyā saṃvattanti. Ayaṃ, bhikkhave, maggo ayaṃ paṭipadā tatrupapattiyā saṃvattati.

    ๑๗๔. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺธาย สมนฺนาคโต โหติ, สีเลน… สุเตน… จาเคน… ปญฺญาย สมนฺนาคโต โหติฯ ตสฺส สุตํ โหติ – อากิญฺจญฺญายตนูปคา เทวา…เป.… เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปคา เทวา ทีฆายุกา จิรฎฺฐิติกา สุขพหุลาติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติฯ โส ตํ จิตฺตํ ทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฎฺฐาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติฯ ตสฺส เต สงฺขารา จ วิหารา จ เอวํ ภาวิตา เอวํ พหุลีกตา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตนฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ตตฺรุปปตฺติยา สํวตฺตติฯ

    174. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu saddhāya samannāgato hoti, sīlena… sutena… cāgena… paññāya samannāgato hoti. Tassa sutaṃ hoti – ākiñcaññāyatanūpagā devā…pe… nevasaññānāsaññāyatanūpagā devā dīghāyukā ciraṭṭhitikā sukhabahulāti. Tassa evaṃ hoti – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā nevasaññānāsaññāyatanūpagānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya’nti. So taṃ cittaṃ dahati, taṃ cittaṃ adhiṭṭhāti, taṃ cittaṃ bhāveti. Tassa te saṅkhārā ca vihārā ca evaṃ bhāvitā evaṃ bahulīkatā tatrupapattiyā saṃvattanti. Ayaṃ, bhikkhave, maggo ayaṃ paṭipadā tatrupapattiyā saṃvattati.

    ๑๗๕. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺธาย สมนฺนาคโต โหติ, สีเลน… สุเตน… จาเคน… ปญฺญาย สมนฺนาคโต โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติฯ โส อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น กตฺถจิ อุปปชฺชตี’’ติ 21

    175. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu saddhāya samannāgato hoti, sīlena… sutena… cāgena… paññāya samannāgato hoti. Tassa evaṃ hoti – ‘aho vatāhaṃ āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihareyya’nti. So āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Ayaṃ, bhikkhave, bhikkhu na katthaci upapajjatī’’ti 22.

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ

    Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.

    สงฺขารุปปตฺติสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ทสมํฯ

    Saṅkhārupapattisuttaṃ niṭṭhitaṃ dasamaṃ.

    อนุปทวโคฺค นิฎฺฐิโต ทุติโยฯ

    Anupadavaggo niṭṭhito dutiyo.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    อนุปาท-โสธน-โปริสธโมฺม, เสวิตพฺพ-พหุธาตุ-วิภตฺติ;

    Anupāda-sodhana-porisadhammo, sevitabba-bahudhātu-vibhatti;

    พุทฺธสฺส กิตฺตินาม-จตฺตารีเสน, อานาปาโน กายคโต อุปปตฺติ 23

    Buddhassa kittināma-cattārīsena, ānāpāno kāyagato upapatti 24.







    Footnotes:
    1. สงฺขารูปปตฺติํ (สฺยา. กํ.), สงฺขารุปฺปตฺติํ (สี. ปี.)
    2. saṅkhārūpapattiṃ (syā. kaṃ.), saṅkhāruppattiṃ (sī. pī.)
    3. ขตฺติยมหาสาลานํ วา (สฺยา. กํ. ปี.)
    4. วิหาโร (สี. ปี.)
    5. ตตฺรูปปตฺติยา (สฺยา. กํ.), ตตฺรุปฺปตฺติยา (สี. ปี.)
    6. khattiyamahāsālānaṃ vā (syā. kaṃ. pī.)
    7. vihāro (sī. pī.)
    8. tatrūpapattiyā (syā. kaṃ.), tatruppattiyā (sī. pī.)
    9. พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา (สฺยา. กํ. ปี.)
    10. brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā (syā. kaṃ. pī.)
    11. จาตุมฺมหาราชิกา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    12. cātummahārājikā (sī. syā. kaṃ. pī.)
    13. สหสฺสิํ โลกธาตุํ (สี.)
    14. อธิมุญฺจิตฺวา (ก.)
    15. sahassiṃ lokadhātuṃ (sī.)
    16. adhimuñcitvā (ka.)
    17. ภาสติ จ ตปติ จ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    18. bhāsati ca tapati ca (sī. syā. kaṃ. pī.)
    19. เนกฺขํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    20. nekkhaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    21. น กตฺถจิ อุปปชฺชติ, น กุหิญฺจิ อุปปชฺชตีติ (สี. ปี.), น กตฺถจิ อุปปชฺชติ, น กุหิญฺจิ อุปสมฺปชฺช วิหรตีติฯ (ก.)
    22. na katthaci upapajjati, na kuhiñci upapajjatīti (sī. pī.), na katthaci upapajjati, na kuhiñci upasampajja viharatīti. (ka.)
    23. อิโต ปรํ สฺยา. กํ. ก. โปตฺถเกสุ เอวมฺปิ ทิสฺสติ –-§จนฺทเก วิมเล ปริสุเทฺธ, ปุณฺณสโมฺมทินิโรธอตฺตโน;§ทนฺธา พหุชนเสวิตํ ธมฺมวรํ, ยํ อนุปทํ วคฺควรํ ทุติยาติ
    24. ito paraṃ syā. kaṃ. ka. potthakesu evampi dissati –-§candake vimale parisuddhe, puṇṇasammodinirodhaattano;§dandhā bahujanasevitaṃ dhammavaraṃ, yaṃ anupadaṃ vaggavaraṃ dutiyāti



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. สงฺขารุปปตฺติสุตฺตวณฺณนา • 10. Saṅkhārupapattisuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑๐. สงฺขารุปปตฺติสุตฺตวณฺณนา • 10. Saṅkhārupapattisuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact