Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๑๐. สงฺขารุปปตฺติสุตฺตวณฺณนา
10. Saṅkhārupapattisuttavaṇṇanā
๑๖๐. เอวํ เม สุตนฺติ สงฺขารุปปตฺติสุตฺตํฯ ตตฺถ สงฺขารุปปตฺตินฺติ สงฺขารานํเยว อุปปตฺติํ, น สตฺตสฺส, น โปสสฺส, ปุญฺญาภิสงฺขาเรน วา ภวูปคกฺขนฺธานํ อุปปตฺติํฯ
160.Evaṃme sutanti saṅkhārupapattisuttaṃ. Tattha saṅkhārupapattinti saṅkhārānaṃyeva upapattiṃ, na sattassa, na posassa, puññābhisaṅkhārena vā bhavūpagakkhandhānaṃ upapattiṃ.
๑๖๑. สทฺธาย สมนฺนาคโตติ สทฺธาทโย ปญฺจ ธมฺมา โลกิกา วฎฺฎนฺติฯ ทหตีติ ฐเปติฯ อธิฎฺฐาตีติ ปติฎฺฐาเปติฯ สงฺขารา จ วิหารา จาติ สห ปตฺถนาย สทฺธาทโยว ปญฺจ ธมฺมาฯ ตตฺรุปปตฺติยาติ ตสฺมิํ ฐาเน นิพฺพตฺตนตฺถายฯ อยํ มโคฺค อยํ ปฎิปทาติ สห ปตฺถนาย ปญฺจ ธมฺมาวฯ ยสฺส หิ ปญฺจ ธมฺมา อตฺถิ, น ปตฺถนา, ตสฺส คติ อนิพทฺธาฯ ยสฺส ปตฺถนา อตฺถิ, น ปญฺจ ธมฺมา, ตสฺสปิ อนิพทฺธาฯ เยสํ อุภยํ อตฺถิ, เตสํ คติ นิพทฺธาฯ ยถา หิ อากาเส ขิตฺตทโณฺฑ อเคฺคน วา มเชฺฌน วา มูเลน วา นิปติสฺสตีติ นิยโม นตฺถิ, เอวํ สตฺตานํ ปฎิสนฺธิคฺคหณํ อนิยตํฯ ตสฺมา กุสลํ กมฺมํ กตฺวา เอกสฺมิํ ฐาเน ปตฺถนํ กาตุํ วฎฺฎติฯ
161.Saddhāya samannāgatoti saddhādayo pañca dhammā lokikā vaṭṭanti. Dahatīti ṭhapeti. Adhiṭṭhātīti patiṭṭhāpeti. Saṅkhārā ca vihārā cāti saha patthanāya saddhādayova pañca dhammā. Tatrupapattiyāti tasmiṃ ṭhāne nibbattanatthāya. Ayaṃ maggo ayaṃ paṭipadāti saha patthanāya pañca dhammāva. Yassa hi pañca dhammā atthi, na patthanā, tassa gati anibaddhā. Yassa patthanā atthi, na pañca dhammā, tassapi anibaddhā. Yesaṃ ubhayaṃ atthi, tesaṃ gati nibaddhā. Yathā hi ākāse khittadaṇḍo aggena vā majjhena vā mūlena vā nipatissatīti niyamo natthi, evaṃ sattānaṃ paṭisandhiggahaṇaṃ aniyataṃ. Tasmā kusalaṃ kammaṃ katvā ekasmiṃ ṭhāne patthanaṃ kātuṃ vaṭṭati.
๑๖๕. อามณฺฑนฺติ อามลกํฯ ยถา ตํ ปริสุทฺธจกฺขุสฺส ปุริสสฺส สพฺพโสว ปากฎํ โหติ, เอวํ ตสฺส พฺรหฺมุโน สทฺธิํ ตตฺถ นิพฺพตฺตสเตฺตหิ สหสฺสี โลกธาตุฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ
165.Āmaṇḍanti āmalakaṃ. Yathā taṃ parisuddhacakkhussa purisassa sabbasova pākaṭaṃ hoti, evaṃ tassa brahmuno saddhiṃ tattha nibbattasattehi sahassī lokadhātu. Esa nayo sabbattha.
๑๖๗. สุโภติ สุนฺทโรฯ ชาติมาติ อากรสมฺปโนฺนฯ สุปริกมฺมกโตติ โธวนาทีหิ สุฎฺฐุกตปริกโมฺมฯ ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิโตฺตติ รตฺตกมฺพเล ฐปิโตฯ
167.Subhoti sundaro. Jātimāti ākarasampanno. Suparikammakatoti dhovanādīhi suṭṭhukataparikammo. Paṇḍukambale nikkhittoti rattakambale ṭhapito.
๑๖๘. สตสหโสฺสติ โลกธาตุสตสหสฺสมฺหิ อาโลกผรณพฺรหฺมาฯ นิกฺขนฺติ นิเกฺขน กตํ ปิฬนฺธนํ, นิกฺขํ นาม ปญฺจสุวณฺณํ, อูนกนิเกฺขน กตํ ปสาธนญฺหิ ฆฎฺฎนมชฺชนกฺขมํ น โหติ, อติเรเกน กตํ ฆฎฺฎนมชฺชนํ ขมติ, วณฺณวนฺตํ ปน น โหติ, ผรุสธาตุกํ ขายติฯ นิเกฺขน กตํ ฆฎฺฎนมชฺชนเญฺจว ขมติ, วณฺณวนฺตญฺจ โหติฯ ชโมฺพนทนฺติ ชมฺพุนทิยํ นิพฺพตฺตํฯ มหาชมฺพุรุกฺขสฺส หิ เอเกกา สาขา ปณฺณาส ปณฺณาส โยชนานิ วฑฺฒิตา, ตาสุ มหนฺตา นทิโย สนฺทนฺติ, ตาสํ นทีนํ อุภยตีเรสุ ชมฺพุปกฺกานํ ปติตฎฺฐาเน สุวณฺณงฺกุรา อุฎฺฐหนฺติ, เต นทีชเลน วุยฺหมานา อนุปุเพฺพน มหาสมุทฺทํ ปวิสนฺติฯ ตํ สนฺธาย ชโมฺพนทนฺติ วุตฺตํฯ ทกฺขกมฺมารปุตฺตอุกฺกามุขสุกุสลสมฺปหฎฺฐนฺติ ทเกฺขน สุกุสเลน กมฺมารปุเตฺตน อุกฺกามุเข ปจิตฺวา สมฺปหฎฺฐํฯ อุกฺกามุเขติ อุทฺธเนฯ สมฺปหฎฺฐนฺติ โธตฆฎฺฎิตมชฺชิตํฯ วโตฺถปเม (ม. นิ. ๑.๗๕-๗๖) จ ธาตุวิภเงฺค (ม. นิ. ๓.๓๕๗-๓๖๐) จ ปิณฺฑโสธนํ วุตฺตํฯ อิมสฺมิํ สุเตฺต กตภณฺฑโสธนํ วุตฺตํฯ
168.Satasahassoti lokadhātusatasahassamhi ālokapharaṇabrahmā. Nikkhanti nikkhena kataṃ piḷandhanaṃ, nikkhaṃ nāma pañcasuvaṇṇaṃ, ūnakanikkhena kataṃ pasādhanañhi ghaṭṭanamajjanakkhamaṃ na hoti, atirekena kataṃ ghaṭṭanamajjanaṃ khamati, vaṇṇavantaṃ pana na hoti, pharusadhātukaṃ khāyati. Nikkhena kataṃ ghaṭṭanamajjanañceva khamati, vaṇṇavantañca hoti. Jambonadanti jambunadiyaṃ nibbattaṃ. Mahājamburukkhassa hi ekekā sākhā paṇṇāsa paṇṇāsa yojanāni vaḍḍhitā, tāsu mahantā nadiyo sandanti, tāsaṃ nadīnaṃ ubhayatīresu jambupakkānaṃ patitaṭṭhāne suvaṇṇaṅkurā uṭṭhahanti, te nadījalena vuyhamānā anupubbena mahāsamuddaṃ pavisanti. Taṃ sandhāya jambonadanti vuttaṃ. Dakkhakammāraputtaukkāmukhasukusalasampahaṭṭhanti dakkhena sukusalena kammāraputtena ukkāmukhe pacitvā sampahaṭṭhaṃ. Ukkāmukheti uddhane. Sampahaṭṭhanti dhotaghaṭṭitamajjitaṃ. Vatthopame (ma. ni. 1.75-76) ca dhātuvibhaṅge (ma. ni. 3.357-360) ca piṇḍasodhanaṃ vuttaṃ. Imasmiṃ sutte katabhaṇḍasodhanaṃ vuttaṃ.
ยํ ปน สพฺพวาเรสุ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวาติ วุตฺตํ, ตตฺถ ปญฺจวิธํ ผรณํ เจโตผรณํ กสิณผรณํ ทิพฺพจกฺขุผรณํ อาโลกผรณํ สรีรผรณนฺติฯ ตตฺถ เจโตผรณํ นาม โลกธาตุสหเสฺส สตฺตานํ จิตฺตชานนํฯ กสิณผรณํ นาม โลกธาตุสหเสฺส กสิณปตฺถรณํฯ ทิพฺพจกฺขุผรณํ นาม อาโลกํ วเฑฺฒตฺวา ทิเพฺพน จกฺขุนา สหสฺสโลกธาตุทสฺสนํฯ อาโลกผรณมฺปิ เอตเทวฯ สรีรผรณํ นาม โลกธาตุสหเสฺส สรีรปภาย ปตฺถรณํฯ สพฺพตฺถ อิมานิ ปญฺจ ผรณานิ อวินาเสเนฺตน กเถตพฺพนฺติฯ
Yaṃ pana sabbavāresu pharitvā adhimuccitvāti vuttaṃ, tattha pañcavidhaṃ pharaṇaṃ cetopharaṇaṃ kasiṇapharaṇaṃ dibbacakkhupharaṇaṃ ālokapharaṇaṃ sarīrapharaṇanti. Tattha cetopharaṇaṃ nāma lokadhātusahasse sattānaṃ cittajānanaṃ. Kasiṇapharaṇaṃ nāma lokadhātusahasse kasiṇapattharaṇaṃ. Dibbacakkhupharaṇaṃ nāma ālokaṃ vaḍḍhetvā dibbena cakkhunā sahassalokadhātudassanaṃ. Ālokapharaṇampi etadeva. Sarīrapharaṇaṃ nāma lokadhātusahasse sarīrapabhāya pattharaṇaṃ. Sabbattha imāni pañca pharaṇāni avināsentena kathetabbanti.
ติปิฎกจูฬาภยเตฺถโร ปนาห – ‘‘มณิโอปเมฺม กสิณผรณํ วิย นิโกฺขปเมฺม สรีรผรณํ วิย ทิสฺสตี’’ติฯ ตสฺส วาทํ วิย อฎฺฐกถา นาม นตฺถีติ ปฎิกฺขิตฺวา สรีรผรณํ น สพฺพกาลิกํ, จตฺตาริมานิ ผรณานิ อวินาเสตฺวาว กเถตพฺพนฺติ วุตฺตํฯ อธิมุจฺจตีติ ปทํ ผรณปทเสฺสว เววจนํ, อถ วา ผรตีติ ปตฺถรติฯ อธิมุจฺจตีติ ชานาติฯ
Tipiṭakacūḷābhayatthero panāha – ‘‘maṇiopamme kasiṇapharaṇaṃ viya nikkhopamme sarīrapharaṇaṃ viya dissatī’’ti. Tassa vādaṃ viya aṭṭhakathā nāma natthīti paṭikkhitvā sarīrapharaṇaṃ na sabbakālikaṃ, cattārimāni pharaṇāni avināsetvāva kathetabbanti vuttaṃ. Adhimuccatīti padaṃ pharaṇapadasseva vevacanaṃ, atha vā pharatīti pattharati. Adhimuccatīti jānāti.
๑๖๙. อาภาติอาทีสุ อาภาทโย นาม ปาฎิเยกฺกา เทวา นตฺถิ, ตโย ปริตฺตาภาทโย เทวา อาภา นาม, ปริตฺตาสุภาทโย จฯ สุภกิณฺหาทโย จ สุภา นามฯ เวหปฺผลาทิวารา ปากฎาเยวฯ
169.Ābhātiādīsu ābhādayo nāma pāṭiyekkā devā natthi, tayo parittābhādayo devā ābhā nāma, parittāsubhādayo ca. Subhakiṇhādayo ca subhā nāma. Vehapphalādivārā pākaṭāyeva.
อิเม ตาว ปญฺจ ธเมฺม ภาเวตฺวา กามาวจเรสุ นิพฺพตฺตตุฯ พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตํ ปน อาสวกฺขยญฺจ กถํ ปาปุณาตีติ? อิเม ปญฺจ ธมฺมา สีลํ, โส อิมสฺมิํ สีเล ปติฎฺฐาย กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ตา ตา สมาปตฺติโย ภาเวตฺวา รูปีพฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตติ, อรูปชฺฌานานิ นิพฺพเตฺตตฺวา อรูปีพฺรหฺมโลเก, สมาปตฺติปทฎฺฐานํ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อนาคามิผลํ สจฺฉิกตฺวา ปญฺจสุ สุทฺธาวาเสสุ นิพฺพตฺตติฯ อุปริมคฺคํ ภาเวตฺวา อาสวกฺขยํ ปาปุณาตีติฯ
Ime tāva pañca dhamme bhāvetvā kāmāvacaresu nibbattatu. Brahmaloke nibbattaṃ pana āsavakkhayañca kathaṃ pāpuṇātīti? Ime pañca dhammā sīlaṃ, so imasmiṃ sīle patiṭṭhāya kasiṇaparikammaṃ katvā tā tā samāpattiyo bhāvetvā rūpībrahmaloke nibbattati, arūpajjhānāni nibbattetvā arūpībrahmaloke, samāpattipadaṭṭhānaṃ vipassanaṃ vaḍḍhetvā anāgāmiphalaṃ sacchikatvā pañcasu suddhāvāsesu nibbattati. Uparimaggaṃ bhāvetvā āsavakkhayaṃ pāpuṇātīti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
สงฺขารุปปตฺติสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saṅkhārupapattisuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
ทุติยวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑๐. สงฺขารุปปตฺติสุตฺตํ • 10. Saṅkhārupapattisuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑๐. สงฺขารุปปตฺติสุตฺตวณฺณนา • 10. Saṅkhārupapattisuttavaṇṇanā