Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๕. สนฺถววโคฺค
5. Santhavavaggo
๑. สนฺถวปโญฺห
1. Santhavapañho
๑. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ภควตา –
1. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ bhagavatā –
‘‘‘สนฺถวโต ภยํ ชาตํ, นิเกตา ชายเต รโช;
‘‘‘Santhavato bhayaṃ jātaṃ, niketā jāyate rajo;
อนิเกตมสนฺถวํ, เอตํ เว มุนิทสฺสน’นฺติฯ
Aniketamasanthavaṃ, etaṃ ve munidassana’nti.
‘‘ปุน จ ภควตา ภณิตํ ‘วิหาเร การเย รเมฺม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต’ติฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ตถาคเตน ภณิตํ ‘สนฺถวโต ภยํ ชาตํ, นิเกตา ชายเต รโชฯ อนิเกตมสนฺถวํ, เอตํ เว มุนิทสฺสน’นฺติ, เตน หิ ‘วิหาเร การเย รเมฺม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘วิหาเร การเย รเมฺม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต’ติ, เตน หิ ‘สนฺถวโต ภยํ ชาตํ, นิเกตา ชายเต รโชฯ อนิเกตมสนฺถวํ, เอตํ เว มุนิทสฺสน’นฺติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห ตวานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติฯ
‘‘Puna ca bhagavatā bhaṇitaṃ ‘vihāre kāraye ramme, vāsayettha bahussute’ti. Yadi, bhante nāgasena, tathāgatena bhaṇitaṃ ‘santhavato bhayaṃ jātaṃ, niketā jāyate rajo. Aniketamasanthavaṃ, etaṃ ve munidassana’nti, tena hi ‘vihāre kāraye ramme, vāsayettha bahussute’ti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā. Yadi tathāgatena bhaṇitaṃ ‘vihāre kāraye ramme, vāsayettha bahussute’ti, tena hi ‘santhavato bhayaṃ jātaṃ, niketā jāyate rajo. Aniketamasanthavaṃ, etaṃ ve munidassana’nti tampi vacanaṃ micchā. Ayampi ubhato koṭiko pañho tavānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti.
‘‘ภาสิตเมฺปตํ , มหาราช, ภควตา ‘สนฺถวโต ภยํ ชาตํ, นิเกตา ชายเต รโชฯ อนิเกตมสนฺถวํ, เอตํ เว มุนิทสฺสน’นฺติฯ ภณิตญฺจ ‘วิหาเร การเย รเมฺม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต’ติฯ ยํ, มหาราช, ภควตา ภณิตํ ‘สนฺถวโต ภยํ ชาตํ, นิเกตา ชายเต รโชฯ อนิเกตมสนฺถวํ, เอตํ เว มุนิทสฺสน’นฺติ, ตํ สภาววจนํ อเสสวจนํ นิเสฺสสวจนํ นิปฺปริยายวจนํ สมณานุจฺฉวํ สมณสารุปฺปํ สมณปฺปติรูปํ สมณารหํ สมณโคจรํ สมณปฺปฎิปทา สมณปฺปฎิปตฺติฯ ยถา, มหาราช, อารญฺญโก มิโค อรเญฺญ ปวเน จรมาโน นิราลโย อนิเกโต ยถิจฺฉกํ สยติ, เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุนา ‘สนฺถวโต ภยํ ชาตํ, นิเกตา ชายเต รโชฯ อนิเกตมสนฺถวํ, เอตํ เว มุนิทสฺสน’นฺติ จิเนฺตตพฺพํฯ
‘‘Bhāsitampetaṃ , mahārāja, bhagavatā ‘santhavato bhayaṃ jātaṃ, niketā jāyate rajo. Aniketamasanthavaṃ, etaṃ ve munidassana’nti. Bhaṇitañca ‘vihāre kāraye ramme, vāsayettha bahussute’ti. Yaṃ, mahārāja, bhagavatā bhaṇitaṃ ‘santhavato bhayaṃ jātaṃ, niketā jāyate rajo. Aniketamasanthavaṃ, etaṃ ve munidassana’nti, taṃ sabhāvavacanaṃ asesavacanaṃ nissesavacanaṃ nippariyāyavacanaṃ samaṇānucchavaṃ samaṇasāruppaṃ samaṇappatirūpaṃ samaṇārahaṃ samaṇagocaraṃ samaṇappaṭipadā samaṇappaṭipatti. Yathā, mahārāja, āraññako migo araññe pavane caramāno nirālayo aniketo yathicchakaṃ sayati, evameva kho, mahārāja, bhikkhunā ‘santhavato bhayaṃ jātaṃ, niketā jāyate rajo. Aniketamasanthavaṃ, etaṃ ve munidassana’nti cintetabbaṃ.
‘‘ยํ ปน, มหาราช, ภควตา ภณิตํ ‘วิหาเร การเย รเมฺม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต’ติ, ตํ เทฺว อตฺถวเส สมฺปสฺสมาเนน ภควตา ภณิตํฯ กตเม เทฺว? วิหารทานํ นาม สพฺพพุเทฺธหิ วณฺณิตํ อนุมตํ โถมิตํ ปสตฺถํ, ตํ เต วิหารทานํ ทตฺวา ชาติชรามรณา ปริมุจฺจิสฺสนฺตีติฯ อยํ ตาว ปฐโม อานิสํโส วิหารทาเนฯ
‘‘Yaṃ pana, mahārāja, bhagavatā bhaṇitaṃ ‘vihāre kāraye ramme, vāsayettha bahussute’ti, taṃ dve atthavase sampassamānena bhagavatā bhaṇitaṃ. Katame dve? Vihāradānaṃ nāma sabbabuddhehi vaṇṇitaṃ anumataṃ thomitaṃ pasatthaṃ, taṃ te vihāradānaṃ datvā jātijarāmaraṇā parimuccissantīti. Ayaṃ tāva paṭhamo ānisaṃso vihāradāne.
‘‘ปุน จปรํ วิหาเร วิชฺชมาเน ภิกฺขุนิโย พฺยตฺตสเงฺกตา ภวิสฺสนฺติ, สุลภํ ทสฺสนํ ทสฺสนกามานํ, อนิเกเต ทุทฺทสฺสนา ภวิสฺสนฺตีติฯ อยํ ทุติโย อานิสํโส วิหารทาเนฯ อิเม เทฺว อตฺถวเส สมฺปสฺสมาเนน ภควตา ภณิตํ ‘วิหาเร การเย รเมฺม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต’ติ, น ตตฺถ พุทฺธปุเตฺตน อาลโย กรณีโย นิเกเต’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ
‘‘Puna caparaṃ vihāre vijjamāne bhikkhuniyo byattasaṅketā bhavissanti, sulabhaṃ dassanaṃ dassanakāmānaṃ, anikete duddassanā bhavissantīti. Ayaṃ dutiyo ānisaṃso vihāradāne. Ime dve atthavase sampassamānena bhagavatā bhaṇitaṃ ‘vihāre kāraye ramme, vāsayettha bahussute’ti, na tattha buddhaputtena ālayo karaṇīyo nikete’’ti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.
สนฺถวปโญฺห ปฐโมฯ
Santhavapañho paṭhamo.