Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๗. สนฺตุฎฺฐิสุตฺตวณฺณนา
7. Santuṭṭhisuttavaṇṇanā
๒๗. สตฺตเม นิโทฺทสานีติ อวชฺชรหิตานิ อาคมนสุทฺธิโต กายมณฺฑนาทิกิเลสวตฺถุภาวาภาวโต จฯ ตตฺถ สุลภตาย ปริเยสนทุกฺขสฺส อภาโว ทสฺสิโต, อปฺปตาย ปริหรณทุกฺขสฺสปิ อภาโว ทสฺสิโต, อนวชฺชตาย อครหิตพฺพตาย ภิกฺขุสารุปฺปภาโว ทสฺสิโต โหติฯ อปฺปตาย วา ปริตฺตาสสฺส อวตฺถุตา, สุลภตาย เคธาทีนํ อวตฺถุตา, อนวชฺชตาย อาทีนวทสฺสนนิสฺสรณปญฺญานํ อตฺถิตา ทสฺสิตา โหติฯ อปฺปตาย วา ลาเภน น โสมนสฺสํ ชนยนฺติ, อลาเภน น โทมนสฺสํ ชนยนฺติ, อนวชฺชตาย วิปฺปฎิสารนิมิตฺตํ อญฺญาณุเปกฺขํ น ชนยนฺติ อวิปฺปฎิสารวตฺถุภาวโตฯ
27. Sattame niddosānīti avajjarahitāni āgamanasuddhito kāyamaṇḍanādikilesavatthubhāvābhāvato ca. Tattha sulabhatāya pariyesanadukkhassa abhāvo dassito, appatāya pariharaṇadukkhassapi abhāvo dassito, anavajjatāya agarahitabbatāya bhikkhusāruppabhāvo dassito hoti. Appatāya vā parittāsassa avatthutā, sulabhatāya gedhādīnaṃ avatthutā, anavajjatāya ādīnavadassananissaraṇapaññānaṃ atthitā dassitā hoti. Appatāya vā lābhena na somanassaṃ janayanti, alābhena na domanassaṃ janayanti, anavajjatāya vippaṭisāranimittaṃ aññāṇupekkhaṃ na janayanti avippaṭisāravatthubhāvato.
ปํสุกูลนฺติ สงฺการกูฎาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ ปํสูนํ อุปริ ฐิตตฺตา อพฺภุคฺคตเฎฺฐน ปํสุกูลํ วิยาติ ปํสุกูลํ, ปํสุ วิย กุจฺฉิตภาวํ อุลติ คจฺฉตีติ ปํสุกูลนฺติ เอวํ ลทฺธนามํ รถิกาทีสุ ปติตนนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา กตจีวรํฯ รุกฺขมูลนฺติ วิเวกานุรูปํ ยํ กิญฺจิ รุกฺขสมีปํฯ ยํ กิญฺจิ มุตฺตนฺติ ยํ กิญฺจิ โคมุตฺตํฯ เกจิ ปเนตฺถ ‘‘โคมุตฺตปริภาวิตหรีตกขณฺฑํ ปูติมุตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ ‘‘ปูติภาเวน อาปณาทิโต วิสฺสฎฺฐํ ฉฑฺฑิตํ อปริคฺคหิตํ ยํ กิญฺจิ เภสชฺชํ ปูติมุตฺตนฺติ อธิเปฺปต’’นฺติ อปเรฯ
Paṃsukūlanti saṅkārakūṭādīsu yattha katthaci paṃsūnaṃ upari ṭhitattā abbhuggataṭṭhena paṃsukūlaṃ viyāti paṃsukūlaṃ, paṃsu viya kucchitabhāvaṃ ulati gacchatīti paṃsukūlanti evaṃ laddhanāmaṃ rathikādīsu patitanantakāni uccinitvā katacīvaraṃ. Rukkhamūlanti vivekānurūpaṃ yaṃ kiñci rukkhasamīpaṃ. Yaṃ kiñci muttanti yaṃ kiñci gomuttaṃ. Keci panettha ‘‘gomuttaparibhāvitaharītakakhaṇḍaṃ pūtimutta’’nti vadanti. ‘‘Pūtibhāvena āpaṇādito vissaṭṭhaṃ chaḍḍitaṃ apariggahitaṃ yaṃ kiñci bhesajjaṃ pūtimuttanti adhippeta’’nti apare.
ยโต โขติ ปจฺจเตฺต นิสฺสกฺกวจนํ, ยํ โขติ วุตฺตํ โหติฯ เตน ตุโฎฺฐ โหตีติ วุตฺตกิริยํ ปรามสติฯ ตุโฎฺฐติ สนฺตุโฎฺฐฯ อิทมสฺสาหนฺติ ยฺวายํ จตุพฺพิเธน ยถาวุเตฺตน ปจฺจเยน อเปฺปน สุลเภน สโนฺตโส, อิทํ อิมสฺส ภิกฺขุโน สีลสํวราทีสุ อญฺญตรํ เอกํ สามญฺญงฺคํ สมณภาวการณนฺติ อหํ วทามิฯ สนฺตุฎฺฐสฺส หิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปริปุณฺณํ โหติ, สมถวิปสฺสนา จ ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติฯ อถ วา สามญฺญํ นาม อริยมโคฺค, ตสฺส สเงฺขปโต เทฺว องฺคา พาหิรํ อชฺฌตฺติกนฺติฯ ตตฺถ พาหิรํ สปฺปุริสูปนิสฺสโย สทฺธมฺมสฺสวนญฺจฯ อชฺฌตฺติกํ ปน โยนิโสมนสิกาโร ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปตฺติ จฯ เตสุ ยสฺมา ยถารหํ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปตฺติภูตา ตสฺส มูลภูตา เจเต ธมฺมา, ยทิทํ อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฎฺฐิตา ปวิวิตฺตตา อสํสฎฺฐตา อารทฺธวีริยตาติ เอวมาทโย, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อิทมสฺสาหํ อญฺญตรํ สามญฺญงฺคนฺติ วทามี’’ติฯ
Yato khoti paccatte nissakkavacanaṃ, yaṃ khoti vuttaṃ hoti. Tena tuṭṭho hotīti vuttakiriyaṃ parāmasati. Tuṭṭhoti santuṭṭho. Idamassāhanti yvāyaṃ catubbidhena yathāvuttena paccayena appena sulabhena santoso, idaṃ imassa bhikkhuno sīlasaṃvarādīsu aññataraṃ ekaṃ sāmaññaṅgaṃ samaṇabhāvakāraṇanti ahaṃ vadāmi. Santuṭṭhassa hi catupārisuddhisīlaṃ paripuṇṇaṃ hoti, samathavipassanā ca bhāvanāpāripūriṃ gacchanti. Atha vā sāmaññaṃ nāma ariyamaggo, tassa saṅkhepato dve aṅgā bāhiraṃ ajjhattikanti. Tattha bāhiraṃ sappurisūpanissayo saddhammassavanañca. Ajjhattikaṃ pana yonisomanasikāro dhammānudhammappaṭipatti ca. Tesu yasmā yathārahaṃ dhammānudhammappaṭipattibhūtā tassa mūlabhūtā cete dhammā, yadidaṃ appicchatā santuṭṭhitā pavivittatā asaṃsaṭṭhatā āraddhavīriyatāti evamādayo, tasmā vuttaṃ ‘‘idamassāhaṃ aññataraṃ sāmaññaṅganti vadāmī’’ti.
เสนาสนมารพฺภาติ วิหาราทิํ มญฺจปีฐาทิญฺจ เสนาสนํ นิสฺสายฯ จีวรํ ปานโภชนนฺติ นิวาสนาทิจีวรํ อมฺพปานกาทิปานํ ขาทนียโภชนียาทิภุญฺชิตพฺพวตฺถุญฺจ อารพฺภาติ สมฺพโนฺธฯ วิฆาโตติ วิฆาตภาโว, จิตฺตสฺส ทุกฺขํ น โหตีติ โยชนาฯ อยเญฺหตฺถ สเงฺขปโตฺถ – ‘‘อมุกสฺมิํ นาม อาวาเส ปจฺจยา สุลภา’’ติ ลภิตพฺพฎฺฐานคมเนน วา ‘‘มยฺหํ ปาปุณาติ, น ตุยฺห’’นฺติ วิวาทาปชฺชเนน วา นวกมฺมกรณาทิวเสน วา เสนาสนาทีนิ ปริเยสนฺตานํ อสนฺตุฎฺฐานํ อิจฺฉิตาลาภาทินา โย วิฆาโต จิตฺตสฺส โหติ, โส ตตฺถ สนฺตุฎฺฐสฺส น โหติฯ ทิสา นปฺปฎิหญฺญตีติ สนฺตุฎฺฐิยา จาตุทฺทิสภาเวน ทิสา น ปฎิหนติฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘จาตุทฺทิโส อปฺปฎิโฆ จ โหติ, สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรนา’’ติ (สุ. นิ. ๔๒)ฯ
Senāsanamārabbhāti vihārādiṃ mañcapīṭhādiñca senāsanaṃ nissāya. Cīvaraṃ pānabhojananti nivāsanādicīvaraṃ ambapānakādipānaṃ khādanīyabhojanīyādibhuñjitabbavatthuñca ārabbhāti sambandho. Vighātoti vighātabhāvo, cittassa dukkhaṃ na hotīti yojanā. Ayañhettha saṅkhepattho – ‘‘amukasmiṃ nāma āvāse paccayā sulabhā’’ti labhitabbaṭṭhānagamanena vā ‘‘mayhaṃ pāpuṇāti, na tuyha’’nti vivādāpajjanena vā navakammakaraṇādivasena vā senāsanādīni pariyesantānaṃ asantuṭṭhānaṃ icchitālābhādinā yo vighāto cittassa hoti, so tattha santuṭṭhassa na hoti. Disā nappaṭihaññatīti santuṭṭhiyā cātuddisabhāvena disā na paṭihanati. Vuttañhetaṃ ‘‘cātuddiso appaṭigho ca hoti, santussamāno itarītarenā’’ti (su. ni. 42).
สมณธมฺมสฺส อนุโลมาติ สมณธมฺมสฺส สมถวิปสฺสนาภาวนาย, อริยมคฺคเสฺสว วา อนุจฺฉวิกา อปฺปิจฺฉตาทโยฯ ตุฎฺฐจิตฺตสฺส ภิกฺขุโนติ ตุฎฺฐจิเตฺตน ภิกฺขุนาฯ อธิคฺคหิตา โหนฺตีติ ปฎิปกฺขธเมฺม อภิภวิตฺวา คหิตา โหนฺติฯ อโนฺตคตาติ อพฺภนฺตรคตาฯ น ปริพาหิราติ น พาหิรา กตาฯ
Samaṇadhammassaanulomāti samaṇadhammassa samathavipassanābhāvanāya, ariyamaggasseva vā anucchavikā appicchatādayo. Tuṭṭhacittassa bhikkhunoti tuṭṭhacittena bhikkhunā. Adhiggahitā hontīti paṭipakkhadhamme abhibhavitvā gahitā honti. Antogatāti abbhantaragatā. Na paribāhirāti na bāhirā katā.
สนฺตุฎฺฐิสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Santuṭṭhisuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๗. สนฺตุฎฺฐิสุตฺตํ • 7. Santuṭṭhisuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๗. สนฺตุฎฺฐิสุตฺตวณฺณนา • 7. Santuṭṭhisuttavaṇṇanā