Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๕. สานุสุตฺตวณฺณนา

    5. Sānusuttavaṇṇanā

    ๒๓๙. ปญฺจเม ยเกฺขน คหิโต โหตีติ โส กิร ตสฺสา อุปาสิกาย เอกปุตฺตโกฯ อถ นํ สา ทหรกาเลเยว ปพฺพาเชสิฯ โส ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย สีลวา อโหสิ วตฺตสมฺปโนฺน, อาจริยุปชฺฌายอาคนฺตุกาทีนํ วตฺตํ กตเมว โหติ, มาสสฺส อฎฺฐมีทิวเส ปาโต วุฎฺฐาย อุทกมาฬเก อุทกํ อุปฎฺฐาเปตฺวา ธมฺมสฺสวนคฺคํ สมฺมชฺชิตฺวา ทีปํ ชาเลตฺวา มธุรสฺสเรน ธมฺมสฺสวนํ โฆเสติฯ ภิกฺขู ตสฺส ถามํ ญตฺวา ‘‘สรภาณํ ภณ, สามเณรา’’ติ อเชฺฌสนฺติฯ โส ‘‘มยฺหํ หทยวาโต รุชติ, กาโส วา พาธตี’’ติ กิญฺจิ ปจฺจาหารํ อกตฺวา ธมฺมาสนํ อภิรุหิตฺวา อากาสคงฺคํ โอตาเรโนฺต วิย สรภาณํ วตฺวา โอตรโนฺต – ‘‘มยฺหํ มาตาปิตูนมฺปิ อิมสฺมิํ สรภเญฺญ ปตฺตี’’ติ วทติฯ ตสฺส มนุสฺสา มาตาปิตโร ปตฺติยา ทินฺนภาวํ น ชานนฺติฯ อนนฺตรตฺตภาเว ปนสฺส มาตา ยกฺขินี ชาตาฯ สา เทวตาหิ สทฺธิํ อาคตา , ธมฺมํ สุตฺวา – ‘‘สามเณเรน ทินฺนปตฺติํ อนุโมทามิ, ตาตา’’ติ วทติฯ สีลสมฺปนฺนา จ นาม ภิกฺขู สเทวกสฺส โลกสฺส ปิยา โหนฺตีติ ตสฺมิํ สามเณเร เทวตา สลชฺชา สคารวา มหาพฺรหฺมํ วิย อคฺคิกฺขนฺธํ วิย จ นํ มญฺญนฺติฯ สามเณเร คารเวน ตํ ยกฺขินิํ ครุํ กตฺวา ปสฺสนฺติฯ ธมฺมสฺสวนยกฺขสมาคมาทีสุ ‘‘สานุมาตา สานุมาตา’’ติ ยกฺขินิยา อคฺคาสนํ อโคฺคทกํ อคฺคปิณฺฑํ เทนฺติฯ มเหสกฺขาปิ ยกฺขา ตํ ทิสฺวา มคฺคา โอกฺกมนฺติ, อาสนา วุฎฺฐหนฺติฯ

    239. Pañcame yakkhena gahito hotīti so kira tassā upāsikāya ekaputtako. Atha naṃ sā daharakāleyeva pabbājesi. So pabbajitakālato paṭṭhāya sīlavā ahosi vattasampanno, ācariyupajjhāyaāgantukādīnaṃ vattaṃ katameva hoti, māsassa aṭṭhamīdivase pāto vuṭṭhāya udakamāḷake udakaṃ upaṭṭhāpetvā dhammassavanaggaṃ sammajjitvā dīpaṃ jāletvā madhurassarena dhammassavanaṃ ghoseti. Bhikkhū tassa thāmaṃ ñatvā ‘‘sarabhāṇaṃ bhaṇa, sāmaṇerā’’ti ajjhesanti. So ‘‘mayhaṃ hadayavāto rujati, kāso vā bādhatī’’ti kiñci paccāhāraṃ akatvā dhammāsanaṃ abhiruhitvā ākāsagaṅgaṃ otārento viya sarabhāṇaṃ vatvā otaranto – ‘‘mayhaṃ mātāpitūnampi imasmiṃ sarabhaññe pattī’’ti vadati. Tassa manussā mātāpitaro pattiyā dinnabhāvaṃ na jānanti. Anantarattabhāve panassa mātā yakkhinī jātā. Sā devatāhi saddhiṃ āgatā , dhammaṃ sutvā – ‘‘sāmaṇerena dinnapattiṃ anumodāmi, tātā’’ti vadati. Sīlasampannā ca nāma bhikkhū sadevakassa lokassa piyā hontīti tasmiṃ sāmaṇere devatā salajjā sagāravā mahābrahmaṃ viya aggikkhandhaṃ viya ca naṃ maññanti. Sāmaṇere gāravena taṃ yakkhiniṃ garuṃ katvā passanti. Dhammassavanayakkhasamāgamādīsu ‘‘sānumātā sānumātā’’ti yakkhiniyā aggāsanaṃ aggodakaṃ aggapiṇḍaṃ denti. Mahesakkhāpi yakkhā taṃ disvā maggā okkamanti, āsanā vuṭṭhahanti.

    อถ โข สามเณโร วุฑฺฒิมนฺวาย ปริปกฺกินฺทฺริโย อนภิรติปีฬิโต อนภิรติํ วิโนเทตุํ อสโกฺกโนฺต ปรูฬฺหเกสนโข กิลิฎฺฐนิวาสนปารุปโน กสฺสจิ อนาโรเจตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เอกโกว มาตุ ฆรํ คโตฯ อุปาสิกา ปุตฺตํ ทิสฺวา, วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ตาต, ตฺวํ ปุเพฺพ อาจริยุปชฺฌาเยหิ วา ทหรสามเณเรหิ วา สทฺธิํ อิธาคจฺฉสิฯ กสฺมา เอกโกว อชฺช อาคโต’’ติ? โส อุกฺกณฺฐิตภาวํ อาโรเจสิฯ สทฺธา อุปาสิกา นานปฺปกาเรน ฆราวาเส อาทีนวํ ทเสฺสตฺวา ปุตฺตํ โอวทมานาปิ ตํ สญฺญาเปตุํ อสโกฺกนฺตี, ‘‘อเปฺปว นาม อตฺตโน ธมฺมตายปิ สลฺลเกฺขสฺสตี’’ติ อนุโยเชตฺวาว – ‘‘ติฎฺฐ, ตาต, ยาว เต ยาคุภตฺตํ สมฺปาเทมิ, ยาคุํ ปิวิตฺวา กตภตฺตกิจฺจสฺส เต มนาปานิ วตฺถานิ นีหริตฺวา ทสฺสามี’’ติ วตฺวา อาสนํ ปญฺญาเปตฺวา อทาสิฯ นิสีทิ สามเณโรฯ อุปาสิกา มุหุเตฺตเนว ยาคุขชฺชกํ สมฺปาเทตฺวา อทาสิฯ ตโต ‘‘ภตฺตํ สมฺปาเทสฺสามี’’ติ อวิทูเร นิสินฺนา ตณฺฑุเล โธวติฯ ตสฺมิํ สมเย สา ยกฺขินี ‘‘กหํ นุ โข สามเณโร? กิญฺจิ ภิกฺขาหารํ ลภติ , อุทาหุ โน’’ติ? อาวชฺชมานา ตสฺส วิพฺภมิตุกามตาย นิสินฺนภาวํ ญตฺวา, ‘‘มา เหว โข เม เทวตานํ อนฺตเร ลชฺชํ อุปฺปาเทยฺย, คจฺฉามิสฺส วิพฺภมเน อนฺตรายํ กโรมี’’ติ อาคนฺตฺวา สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา คีวํ ปริวเตฺตตฺวา ภูมิยํ ปาเตสิฯ โส อกฺขีหิ วิปริวเตฺตหิ เขเฬน ปคฺฆรเนฺตน ภูมิยํ วิปฺผนฺทติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยเกฺขน คหิโต โหตี’’ติฯ

    Atha kho sāmaṇero vuḍḍhimanvāya paripakkindriyo anabhiratipīḷito anabhiratiṃ vinodetuṃ asakkonto parūḷhakesanakho kiliṭṭhanivāsanapārupano kassaci anārocetvā pattacīvaramādāya ekakova mātu gharaṃ gato. Upāsikā puttaṃ disvā, vanditvā āha – ‘‘tāta, tvaṃ pubbe ācariyupajjhāyehi vā daharasāmaṇerehi vā saddhiṃ idhāgacchasi. Kasmā ekakova ajja āgato’’ti? So ukkaṇṭhitabhāvaṃ ārocesi. Saddhā upāsikā nānappakārena gharāvāse ādīnavaṃ dassetvā puttaṃ ovadamānāpi taṃ saññāpetuṃ asakkontī, ‘‘appeva nāma attano dhammatāyapi sallakkhessatī’’ti anuyojetvāva – ‘‘tiṭṭha, tāta, yāva te yāgubhattaṃ sampādemi, yāguṃ pivitvā katabhattakiccassa te manāpāni vatthāni nīharitvā dassāmī’’ti vatvā āsanaṃ paññāpetvā adāsi. Nisīdi sāmaṇero. Upāsikā muhutteneva yāgukhajjakaṃ sampādetvā adāsi. Tato ‘‘bhattaṃ sampādessāmī’’ti avidūre nisinnā taṇḍule dhovati. Tasmiṃ samaye sā yakkhinī ‘‘kahaṃ nu kho sāmaṇero? Kiñci bhikkhāhāraṃ labhati , udāhu no’’ti? Āvajjamānā tassa vibbhamitukāmatāya nisinnabhāvaṃ ñatvā, ‘‘mā heva kho me devatānaṃ antare lajjaṃ uppādeyya, gacchāmissa vibbhamane antarāyaṃ karomī’’ti āgantvā sarīre adhimuccitvā gīvaṃ parivattetvā bhūmiyaṃ pātesi. So akkhīhi viparivattehi kheḷena paggharantena bhūmiyaṃ vipphandati. Tena vuttaṃ ‘‘yakkhena gahito hotī’’ti.

    อภาสีติ อุปาสิกา ปุตฺตสฺส ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา เวเคน คนฺตฺวา ปุตฺตํ อาลิเงฺคตฺวา อูรูสุ นิปชฺชาเปสิฯ สกลคามวาสิโน อาคนฺตฺวา พลิกมฺมาทีนิ กโรนฺติฯ อุปาสิกา ปริเทวมานา อิมา คาถาโย อภาสิฯ

    Abhāsīti upāsikā puttassa taṃ vippakāraṃ disvā vegena gantvā puttaṃ āliṅgetvā ūrūsu nipajjāpesi. Sakalagāmavāsino āgantvā balikammādīni karonti. Upāsikā paridevamānā imā gāthāyo abhāsi.

    ปาฎิหาริยปกฺขญฺจาติ มนุสฺสา ‘‘อฎฺฐมีอุโปสถสฺส ปจฺจุคฺคมนญฺจ อนุคฺคมนญฺจ กริสฺสามา’’ติ สตฺตมิยาปิ นวมิยาปิ อุโปสถงฺคานิ สมาทิยนฺติ, จาตุทฺทสีปนฺนรสีนํ ปจฺจุคฺคมนานุคฺคมนํ กโรนฺตา เตรสิยาปิ ปาฎิปเทปิ สมาทิยนฺติ, ‘‘วสฺสาวาสสฺส อนุคฺคมนํ กริสฺสามา’’ติ ทฺวินฺนํ ปวารณานํ อนฺตเร อฑฺฒมาสํ นิพทฺธุโปสถิกา ภวนฺติฯ อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปาฎิหาริยปกฺขญฺจา’’ติฯ อฎฺฐงฺคสุสมาคตนฺติ อฎฺฐเงฺคหิ สุฎฺฐุ สมาคตํ, สมฺปยุตฺตนฺติ อโตฺถฯ พฺรหฺมจริยนฺติ เสฎฺฐจริยํฯ น เต หิ ยกฺขา กีฬนฺตีติ น เต คเหตฺวา ยกฺขา กิลเมนฺติฯ

    Pāṭihāriyapakkhañcāti manussā ‘‘aṭṭhamīuposathassa paccuggamanañca anuggamanañca karissāmā’’ti sattamiyāpi navamiyāpi uposathaṅgāni samādiyanti, cātuddasīpannarasīnaṃ paccuggamanānuggamanaṃ karontā terasiyāpi pāṭipadepi samādiyanti, ‘‘vassāvāsassa anuggamanaṃ karissāmā’’ti dvinnaṃ pavāraṇānaṃ antare aḍḍhamāsaṃ nibaddhuposathikā bhavanti. Idaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘pāṭihāriyapakkhañcā’’ti. Aṭṭhaṅgasusamāgatanti aṭṭhaṅgehi suṭṭhu samāgataṃ, sampayuttanti attho. Brahmacariyanti seṭṭhacariyaṃ. Na te hi yakkhā kīḷantīti na te gahetvā yakkhā kilamenti.

    ปุน จาตุทฺทสินฺติ อิมาย คาถาย สามเณรสฺส กาเย อธิมุตฺตา ยกฺขินี อาหฯ อาวิ วา ยทิ วา รโหติ กสฺสจิ สมฺมุเข วา ปรมฺมุเข วาฯ ปมุตฺยตฺถีติ ปมุตฺติ อตฺถิฯ อุปฺปจฺจาปีติ อุปฺปติตฺวาปิฯ สเจปิ สกุโณ วิย อุปฺปติตฺวา ปลายสิ, ตถาปิ เต โมโกฺข นตฺถีติ วทติฯ เอวญฺจ ปน วตฺวา สามเณรํ มุญฺจิฯ สามเณโร อกฺขีนิ อุมฺมีเลสิ, มาตา เกเส ปกิริย อสฺสสนฺตี ปสฺสสนฺตี โรทติฯ โส ‘‘อมนุเสฺสน คหิโตมฺหี’’ติ น ชานาติฯ โอโลเกโนฺต ปน ‘‘อหํ ปุเพฺพ ปีเฐ นิสิโนฺนฯ มาตา เม อวิทูเร นิสีทิตฺวา ตณฺฑุเล โธวติฯ อิทานิ ปนมฺหิ ภูมิยํ นิสิโนฺน, มาตาปิ เม อสฺสสนฺตี ปสฺสสนฺตี โรทติ, สกลคามวาสิโนปิ สนฺนิปติตาฯ กิํ นุ โข เอต’’นฺติ? นิปนฺนโกว มตํ วา อมฺมาติ คาถมาหฯ

    Puna cātuddasinti imāya gāthāya sāmaṇerassa kāye adhimuttā yakkhinī āha. Āvi vā yadi vā rahoti kassaci sammukhe vā parammukhe vā. Pamutyatthīti pamutti atthi. Uppaccāpīti uppatitvāpi. Sacepi sakuṇo viya uppatitvā palāyasi, tathāpi te mokkho natthīti vadati. Evañca pana vatvā sāmaṇeraṃ muñci. Sāmaṇero akkhīni ummīlesi, mātā kese pakiriya assasantī passasantī rodati. So ‘‘amanussena gahitomhī’’ti na jānāti. Olokento pana ‘‘ahaṃ pubbe pīṭhe nisinno. Mātā me avidūre nisīditvā taṇḍule dhovati. Idāni panamhi bhūmiyaṃ nisinno, mātāpi me assasantī passasantī rodati, sakalagāmavāsinopi sannipatitā. Kiṃ nu kho eta’’nti? Nipannakova mataṃ vā ammāti gāthamāha.

    กาเม จชิตฺวานาติ ทุวิเธปิ กาเม ปหายฯ ปุนราคจฺฉเตติ วิพฺภมนวเสน อาคจฺฉติฯ ปุน ชีวํ มโต หิ โสติ อุปฺปพฺพชิตฺวา ปุน ชีวโนฺตปิ โส มตโกว, ตสฺมา ตมฺปิ โรทนฺตีติ วทติฯ

    Kāmecajitvānāti duvidhepi kāme pahāya. Punarāgacchateti vibbhamanavasena āgacchati. Puna jīvaṃ mato hi soti uppabbajitvā puna jīvantopi so matakova, tasmā tampi rodantīti vadati.

    อิทานิสฺส ฆราวาเส อาทีนวํ ทเสฺสนฺตี กุกฺกุฬาติอาทิมาหฯ ตตฺถ กุกฺกุฬาติ ฆราวาโส กิร อุณฺหเฎฺฐน กุกฺกุฬา นาม โหติฯ กสฺส อุชฺฌาปยามเสติ – ‘‘อภิธาวถ, ภทฺทํ เต โหตู’’ติ เอวํ วตฺวา – ‘‘ยํ ตฺวํ วิพฺภมิตุกาโม ยเกฺขน ปาปิโต, อิมํ วิปฺปการํ กสฺส มยํ อุชฺฌาปยาม นิชฺฌาปยาม อาโรจยามา’’ติ วทติฯ ปุน ฑยฺหิตุมิจฺฉสีติอาทิตฺตฆรโต นีหฎภณฺฑํ วิย ฆรา นีหริตฺวา พุทฺธสาสเน ปพฺพชิโต ปุน มหาฑาหสทิเส ฆราวาเส ฑยฺหิตุํ อิจฺฉสีติ อโตฺถฯ โส มาตริ กเถนฺติยา กเถนฺติยา สลฺลเกฺขตฺวา หิโรตฺตปฺปํ ปฎิลภิตฺวา, ‘‘นตฺถิ มยฺหํ คิหิภาเวน อโตฺถ’’ติ อาหฯ อถสฺส มาตา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตุฎฺฐา ปณีตโภชนํ โภเชตฺวา, ‘‘กติ วโสฺสสิ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิฯ ปริปุณฺณวโสฺสมฺหิ อุปาสิเกติฯ ‘‘เตน หิ, ตาต, อุปสมฺปทํ กโรหี’’ติ จีวรสาฎเก อทาสิฯ โส ติจีวรํ การาเปตฺวา อุปสมฺปโนฺน พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหโนฺต เตปิฎโก หุตฺวา สีลาทีนํ อาคตฎฺฐาเน ตํ ตํ ปูเรโนฺต นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปตฺวา มหาธมฺมกถิโก หุตฺวา วีสวสฺสสตํ ฐตฺวา สกลชมฺพุทีปํ โขเภตฺวา ปรินิพฺพายิฯ ปญฺจมํฯ

    Idānissa gharāvāse ādīnavaṃ dassentī kukkuḷātiādimāha. Tattha kukkuḷāti gharāvāso kira uṇhaṭṭhena kukkuḷā nāma hoti. Kassa ujjhāpayāmaseti – ‘‘abhidhāvatha, bhaddaṃ te hotū’’ti evaṃ vatvā – ‘‘yaṃ tvaṃ vibbhamitukāmo yakkhena pāpito, imaṃ vippakāraṃ kassa mayaṃ ujjhāpayāma nijjhāpayāma ārocayāmā’’ti vadati. Puna ḍayhitumicchasītiādittagharato nīhaṭabhaṇḍaṃ viya gharā nīharitvā buddhasāsane pabbajito puna mahāḍāhasadise gharāvāse ḍayhituṃ icchasīti attho. So mātari kathentiyā kathentiyā sallakkhetvā hirottappaṃ paṭilabhitvā, ‘‘natthi mayhaṃ gihibhāvena attho’’ti āha. Athassa mātā ‘‘sādhu, tātā’’ti tuṭṭhā paṇītabhojanaṃ bhojetvā, ‘‘kati vassosi, tātā’’ti pucchi. Paripuṇṇavassomhi upāsiketi. ‘‘Tena hi, tāta, upasampadaṃ karohī’’ti cīvarasāṭake adāsi. So ticīvaraṃ kārāpetvā upasampanno buddhavacanaṃ uggaṇhanto tepiṭako hutvā sīlādīnaṃ āgataṭṭhāne taṃ taṃ pūrento nacirasseva arahattaṃ patvā mahādhammakathiko hutvā vīsavassasataṃ ṭhatvā sakalajambudīpaṃ khobhetvā parinibbāyi. Pañcamaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๕. สานุสุตฺตํ • 5. Sānusuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๕. สานุสุตฺตวณฺณนา • 5. Sānusuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact