Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๕. สานุสุตฺตวณฺณนา

    5. Sānusuttavaṇṇanā

    ๒๓๙. ยเกฺขน คหิโต โหตีติ ยเกฺขน อนุปวิโฎฺฐ โหติฯ ตสฺส ยกฺขคหณสฺส การณํ มูลโต ปภุติ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘โส’’ติอาทิมาหฯ ตสฺส อนฺติมภวิกตฺตา อาทิโต ปฎฺฐาย อธิสีลสิกฺขาย สกฺกจฺจํ ปูรณนฺติ ทเสฺสติ ‘‘โส ปพฺพชิตกาลโต’’ติอาทินาฯ ปจฺจาหารนฺติ ปฎิเกฺขปํฯ อิมสฺมิํ สรภเญฺญติ อิมสฺมิํ มม ธมฺมภณเนฯ ปตฺตินฺติ ปตฺติทานํฯ ปิยา โหนฺติ, เตนาห ภควา ‘‘อากเงฺขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ อสฺสํ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’ติ, สีเลเสฺววสฺส ปริปูรการี’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๕)ฯ ตถา จาห ‘‘ตสฺมิํ สามเณเร’’ติอาทิฯ

    239.Yakkhenagahito hotīti yakkhena anupaviṭṭho hoti. Tassa yakkhagahaṇassa kāraṇaṃ mūlato pabhuti vitthārato dassetuṃ ‘‘so’’tiādimāha. Tassa antimabhavikattā ādito paṭṭhāya adhisīlasikkhāya sakkaccaṃ pūraṇanti dasseti ‘‘so pabbajitakālato’’tiādinā. Paccāhāranti paṭikkhepaṃ. Imasmiṃ sarabhaññeti imasmiṃ mama dhammabhaṇane. Pattinti pattidānaṃ. Piyā honti, tenāha bhagavā ‘‘ākaṅkheyya ce, bhikkhave, bhikkhu ‘sabrahmacārīnaṃ piyo ca assaṃ manāpo ca garu ca bhāvanīyo cā’ti, sīlesvevassa paripūrakārī’’ti (ma. ni. 1.65). Tathā cāha ‘‘tasmiṃ sāmaṇere’’tiādi.

    วุฑฺฒิมนฺวายาติ โยพฺพนปฺปตฺติยา องฺคปจฺจงฺคานํ ปริวุฑฺฒิมาคมฺมฯ กามสโมฺภคสมตฺถตาวเสน ปริปกฺกินฺทฺริโยอนุโยเชตฺวาวาติ วิสฺสเชฺชตฺวาว, คิหิภาเว วา อนุโยเชตฺวาวฯ ‘‘ปุเพฺพ ตุยฺหํ ปุโตฺต สีลวา กลฺยาณธโมฺม ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโมติ สมฺภาวิโต, อิทานิ ตโต อญฺญถา ชาโต’’ติ โฆสนาวเสน เทวตานํ อนฺตเร มาเหว เม ลชฺชํ อุปฺปาเทยฺย

    Vuḍḍhimanvāyāti yobbanappattiyā aṅgapaccaṅgānaṃ parivuḍḍhimāgamma. Kāmasambhogasamatthatāvasena paripakkindriyo. Anuyojetvāvāti vissajjetvāva, gihibhāve vā anuyojetvāva. ‘‘Pubbe tuyhaṃ putto sīlavā kalyāṇadhammo lajjī kukkuccako sikkhākāmoti sambhāvito, idāni tato aññathā jāto’’ti ghosanāvasena devatānaṃ antare māheva me lajjaṃ uppādeyya.

    ปาฎิหาริยปกฺขญฺจาติ จาตุทฺทสีปญฺจทสีอฎฺฐมีนํ ยถากฺกมํ อาทิโต อนฺตโต อาทิอนฺตโต จ ปเวสนนิกฺขมนวเสน อุโปสถสีลสฺส ปฎิ ปฎิ อภิมุขํ ปจฺจาวหิตพฺพปกฺขญฺจฯ เตรสิยาปีติ ปรํ สตฺตมีนวมีสุปีติ อโตฺถฯ ปเวสภูตญฺหิ อุโปสถสีลสฺส สตฺตมีสุ สมาทินฺนํ สีลํ ปฎิปทํ, นวมีสุ นิกฺขมภูตนฺติ อาจริยาฯ โปราณฎฺฐกถายํ ปน ปจฺจุคฺคมนานุคมนปริยาเยน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘มนุสฺสา’’ติอาทิฯ อฑฺฒมาสนฺติ สกลกาลปกฺขํ ฯ เอวญฺหิ วสฺสวาสสฺส อนุคมนํ คตํ โหติฯ สุฎฺฐุ สมาคตนฺติ สุปริสุทฺธํ สมฺปนฺนํ กตฺวา อตฺตโน สนฺตานํ อาคตํฯ ตํ ปน อตฺตโน จิเตฺตน สมํ ปกาเรหิ ยุตฺตํ โหตีติ อาห ‘‘สมฺปยุตฺต’’นฺติฯ อรหนฺตานํ อนุกรเณน เสฎฺฐจริยํฯ ‘‘น เต หิ ยกฺขา กีฬนฺตี’’ติ อตฺตโน ปุตฺตสฺส กาเย อธิมุจฺจนํ อตฺตโน กีฬนํ วิย โหตีติ กตฺวา อาหฯ

    Pāṭihāriyapakkhañcāti cātuddasīpañcadasīaṭṭhamīnaṃ yathākkamaṃ ādito antato ādiantato ca pavesananikkhamanavasena uposathasīlassa paṭi paṭi abhimukhaṃ paccāvahitabbapakkhañca. Terasiyāpīti paraṃ sattamīnavamīsupīti attho. Pavesabhūtañhi uposathasīlassa sattamīsu samādinnaṃ sīlaṃ paṭipadaṃ, navamīsu nikkhamabhūtanti ācariyā. Porāṇaṭṭhakathāyaṃ pana paccuggamanānugamanapariyāyena vuttanti āha ‘‘manussā’’tiādi. Aḍḍhamāsanti sakalakālapakkhaṃ . Evañhi vassavāsassa anugamanaṃ gataṃ hoti. Suṭṭhu samāgatanti suparisuddhaṃ sampannaṃ katvā attano santānaṃ āgataṃ. Taṃ pana attano cittena samaṃ pakārehi yuttaṃ hotīti āha ‘‘sampayutta’’nti. Arahantānaṃ anukaraṇena seṭṭhacariyaṃ. ‘‘Na te hi yakkhā kīḷantī’’ti attano puttassa kāye adhimuccanaṃ attano kīḷanaṃ viya hotīti katvā āha.

    อุปาสิกา ยถาวุตฺตอุโปสถสีเลน สีลวตี, สามเณโร ปน อตฺตโน สามเณรสีเลน สีลวาฯ อุปฺปติตฺวาติ อากาเส อุปฺปติตฺวาฯ โมโกฺข นตฺถิ ทุกฺขาวหสฺส กมฺมสฺส กตูปจิตตฺตาฯ

    Upāsikā yathāvuttauposathasīlena sīlavatī, sāmaṇero pana attano sāmaṇerasīlena sīlavā. Uppatitvāti ākāse uppatitvā. Mokkho natthi dukkhāvahassa kammassa katūpacitattā.

    ทุวิเธปิ กาเมติ วตฺถุกามกิเลสกาเมฯ กิเลสกามํ ปริจฺจชโนฺต เอว หิ วตฺถุกาเม ปริจฺจชติ นามฯ วิพฺภมนวเสน อาคจฺฉติ ภิกฺขาย อาหิณฺฑนาทิปพฺพชิตกิจฺจโตฯ อุปฺปพฺพชิตฺวา วิคตสีลสฺส ชีวโต อานาปานมเตฺตน ชีวโนฺตปิ โส มตโกวฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘มรณเญฺหตํ, สุนกฺขตฺต, อริยสฺส วินเย, โย สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๕)ฯ

    Duvidhepi kāmeti vatthukāmakilesakāme. Kilesakāmaṃ pariccajanto eva hi vatthukāme pariccajati nāma. Vibbhamanavasena āgacchati bhikkhāya āhiṇḍanādipabbajitakiccato. Uppabbajitvā vigatasīlassa jīvato ānāpānamattena jīvantopi so matakova. Vuttañhetaṃ ‘‘maraṇañhetaṃ, sunakkhatta, ariyassa vinaye, yo sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattatī’’ti (ma. ni. 3.45).

    อุณฺหเฎฺฐนาติ สปริฬาหเฎฺฐนฯ อภิธาวถาติ อภิธาวตีติ อิมสฺมิํ อภิธาวนกิเจฺจ ภทฺทํ เต โหตูติ วตฺวา คิหิภาวาย อภิธาวถฯ นีหริตฺวาติ นิกฺขาเมตฺวาฯ เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิตฺตตฺตา มหาฑาหสทิเสฯ สลฺลเกฺขตฺวาติ คิหิภาเว อาทีนวํ, ปพฺพชฺชาย อานิสํสญฺจ สลฺลเกฺขตฺวาฯ หิโรตฺตปฺปํ ปฎิลภิตฺวา ‘‘มม อุปฺปพฺพชิตุกามตํ สพฺรหฺมจาริโน ชานิสฺสนฺตี’’ติฯ จตุนฺนํ ปริสานํ จิตฺตสโงฺขภวเสน สกลชมฺพุทีปํ โขเภตฺวา

    Uṇhaṭṭhenāti sapariḷāhaṭṭhena. Abhidhāvathāti abhidhāvatīti imasmiṃ abhidhāvanakicce bhaddaṃ te hotūti vatvā gihibhāvāya abhidhāvatha. Nīharitvāti nikkhāmetvā. Ekādasahi aggīhi ādittattā mahāḍāhasadise. Sallakkhetvāti gihibhāve ādīnavaṃ, pabbajjāya ānisaṃsañca sallakkhetvā. Hirottappaṃ paṭilabhitvā ‘‘mama uppabbajitukāmataṃ sabrahmacārino jānissantī’’ti. Catunnaṃ parisānaṃ cittasaṅkhobhavasena sakalajambudīpaṃ khobhetvā.

    สานุสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sānusuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๕. สานุสุตฺตํ • 5. Sānusuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๕. สานุสุตฺตวณฺณนา • 5. Sānusuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact