Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๖. สปฺปทาสเตฺถรคาถาวณฺณนา
6. Sappadāsattheragāthāvaṇṇanā
ปณฺณวีสตีติอาทิกา อายสฺมโต สปฺปทาสเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมิํ สุโทฺธทนมหาราชสฺส ปุโรหิตปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส สปฺปทาโสติ นามํ อโหสิฯ โส วยปฺปโตฺต สตฺถุ ญาติสมาคเม ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา กิเลสาภิภเวน เจโตสมาธิํ อลภโนฺต พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา สํเวคชาโต ปจฺฉา สตฺถํ อาหรโนฺต โยนิโส มนสิการํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา อญฺญํ พฺยากโรโนฺต –
Paṇṇavīsatītiādikā āyasmato sappadāsattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinitvā imasmiṃ buddhuppāde kapilavatthusmiṃ suddhodanamahārājassa purohitaputto hutvā nibbatti, tassa sappadāsoti nāmaṃ ahosi. So vayappatto satthu ñātisamāgame paṭiladdhasaddho pabbajitvā kilesābhibhavena cetosamādhiṃ alabhanto brahmacariyaṃ caritvā saṃvegajāto pacchā satthaṃ āharanto yoniso manasikāraṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇitvā aññaṃ byākaronto –
๔๐๕.
405.
‘‘ปณฺณวีสติ วสฺสานิ, ยโต ปพฺพชิโต อหํ;
‘‘Paṇṇavīsati vassāni, yato pabbajito ahaṃ;
อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ, เจโตสนฺติมนชฺฌคํฯ
Accharāsaṅghātamattampi, cetosantimanajjhagaṃ.
๔๐๖.
406.
‘‘อลทฺธา จิตฺตเสฺสกคฺคํ, กามราเคน อฎฺฎิโต;
‘‘Aladdhā cittassekaggaṃ, kāmarāgena aṭṭito;
พาหา ปคฺคยฺห กนฺทโนฺต, วิหารา อุปนิกฺขมิํฯ
Bāhā paggayha kandanto, vihārā upanikkhamiṃ.
๔๐๗.
407.
‘‘สตฺถํ วา อาหริสฺสามิ, โก อโตฺถ ชีวิเตน เม;
‘‘Satthaṃ vā āharissāmi, ko attho jīvitena me;
กถญฺหิ สิกฺขํ ปจฺจกฺขํ, กาลํ กุเพฺพถ มาทิโสฯ
Kathañhi sikkhaṃ paccakkhaṃ, kālaṃ kubbetha mādiso.
๔๐๘.
408.
‘‘ตทาหํ ขุรมาทาย, มญฺจกมฺหิ อุปาวิสิํ;
‘‘Tadāhaṃ khuramādāya, mañcakamhi upāvisiṃ;
ปรินีโต ขุโร อาสิ, ธมนิํ เฉตฺตุมตฺตโนฯ
Parinīto khuro āsi, dhamaniṃ chettumattano.
๔๐๙.
409.
‘‘ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถ;
‘‘Tato me manasīkāro, yoniso udapajjatha;
อาทีนโว ปาตุรหุ, นิพฺพิทา สมติฎฺฐถฯ
Ādīnavo pāturahu, nibbidā samatiṭṭhatha.
๔๑๐.
410.
‘‘ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;
‘‘Tato cittaṃ vimucci me, passa dhammasudhammataṃ;
ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ –
Tisso vijjā anuppattā, kataṃ buddhassa sāsana’’nti. –
อิมา คาถา อภาสิฯ
Imā gāthā abhāsi.
ตตฺถ ปณฺณวีสติวสฺสานิ, ยโต ปพฺพชิโต อหนฺติ ยโต ปฎฺฐาย อหํ ปพฺพชิโต ตานิมานิ ปณฺณวีสติวสฺสานิฯ อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ, เจโตสนฺติมนชฺฌคนฺติ โสหํ เอตฺตกํ กาลํ พฺรหฺมจริยํ จรโนฺต อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ องฺคุลิโผฎนมตฺตมฺปิ ขณํ เจโตสนฺติํ เจตโส สมาธานํ น ลภิํฯ
Tattha paṇṇavīsativassāni, yato pabbajito ahanti yato paṭṭhāya ahaṃ pabbajito tānimāni paṇṇavīsativassāni. Accharāsaṅghātamattampi, cetosantimanajjhaganti sohaṃ ettakaṃ kālaṃ brahmacariyaṃ caranto accharāsaṅghātamattampi aṅguliphoṭanamattampi khaṇaṃ cetosantiṃ cetaso samādhānaṃ na labhiṃ.
เอวํ ปน อลทฺธา จิตฺตเสฺสกคฺคตํ, ตตฺถ การณมาห ‘‘กามราเคน อฎฺฎิโต’’ติฯ ตตฺถ อฎฺฎิโตติ ปีฬิโต, อภิภูโตติ อโตฺถฯ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทโนฺตติ ‘‘อิทมิธ อติวิย อยุตฺตํ วตฺตติ, ยทาหํ นิยฺยานิเก สาสเน ปพฺพชิตฺวา อตฺตานํ กิเลสปงฺกโต อุทฺธริตุํ น สโกฺกมี’’ติ อุทฺธํมุโข พาหา ปคฺคยฺห กนฺทมาโนฯ วิหารา อุปนิกฺขมินฺติ วสนกวิหารโต พหิ นิกฺขโนฺตฯ
Evaṃ pana aladdhā cittassekaggataṃ, tattha kāraṇamāha ‘‘kāmarāgena aṭṭito’’ti. Tattha aṭṭitoti pīḷito, abhibhūtoti attho. Bāhā paggayha kandantoti ‘‘idamidha ativiya ayuttaṃ vattati, yadāhaṃ niyyānike sāsane pabbajitvā attānaṃ kilesapaṅkato uddharituṃ na sakkomī’’ti uddhaṃmukho bāhā paggayha kandamāno. Vihārā upanikkhaminti vasanakavihārato bahi nikkhanto.
เยนาธิปฺปาเยน นิกฺขโนฺต, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สตฺถํ วา อาหริสฺสามี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สตฺถํ วา อาหริสฺสามีติ วา-สโทฺท วิกปฺปนโตฺถฯ เตน ‘‘รุกฺขา วา ปปติสฺสามิ, อุพฺพนฺธิตฺวา วา มริสฺสามี’’ติอาทิเก มรณปฺปกาเร สงฺคณฺหาติฯ สิกฺขนฺติ อธิสีลสิกฺขํฯ ปจฺจกฺขนฺติ ปจฺจาจิกฺขโนฺต ปริจฺจชโนฺตฯ ‘‘ปจฺจกฺขา’’ติปิ ปาฬิ, ปจฺจกฺขายาติ อโตฺถฯ กาลนฺติ มรณํฯ กถญฺหิ นาม มาทิโส สิกฺขาปจฺจกฺขาเนน กาลํ กเรยฺยาติ อโตฺถฯ สิกฺขาปจฺจกฺขานญฺหิ อริยสฺส วินเย มรณํ นามฯ ยถาห ภควา – ‘‘มรณเญฺหตํ , ภิกฺขเว, โย สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๖๓)ฯ ‘‘สิกฺขํ ปจฺจกฺขา’’ติ ปน ปาเฐ กถญฺหิ นาม มาทิโส สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย กาลํ กเรยฺย, สิกฺขาสมงฺคี เอว ปน หุตฺวา กาลํ กเรยฺย? ตสฺมา สตฺถํ วา อาหริสฺสามิ, โก อโตฺถ ชีวิเตน เมติ โยชนาฯ
Yenādhippāyena nikkhanto, taṃ dassetuṃ ‘‘satthaṃ vā āharissāmī’’tiādi vuttaṃ. Tattha satthaṃ vā āharissāmīti vā-saddo vikappanattho. Tena ‘‘rukkhā vā papatissāmi, ubbandhitvā vā marissāmī’’tiādike maraṇappakāre saṅgaṇhāti. Sikkhanti adhisīlasikkhaṃ. Paccakkhanti paccācikkhanto pariccajanto. ‘‘Paccakkhā’’tipi pāḷi, paccakkhāyāti attho. Kālanti maraṇaṃ. Kathañhi nāma mādiso sikkhāpaccakkhānena kālaṃ kareyyāti attho. Sikkhāpaccakkhānañhi ariyassa vinaye maraṇaṃ nāma. Yathāha bhagavā – ‘‘maraṇañhetaṃ , bhikkhave, yo sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattatī’’ti (ma. ni. 3.63). ‘‘Sikkhaṃ paccakkhā’’ti pana pāṭhe kathañhi nāma mādiso sikkhaṃ paccakkhāya kālaṃ kareyya, sikkhāsamaṅgī eva pana hutvā kālaṃ kareyya? Tasmā satthaṃ vā āharissāmi, ko attho jīvitena meti yojanā.
ตทาหนฺติ ยทา กิเลสาภิภเวน สมณธมฺมํ กาตุํ อสมตฺถตาย ชีวิเต นิพฺพินฺทโนฺต ตทาฯ ขุรนฺติ นิสิตขุรํ, ขุรสทิสํ วา สตฺถกํฯ มญฺจกมฺหิ อุปาวิสินฺติ ปเรสํ นิวารณภเยน โอวรกํ ปวิสิตฺวา มญฺจเก นิสีทิํฯ ปรินีโตติ อุปนีโต, คเล ฐปิโตติ อธิปฺปาโยฯ ธมนินฺติ ‘‘กเณฺฐ ธมนิํ, กณฺฐธมนิํ คลวลย’’นฺติปิ วทนฺติฯ เฉตฺตุนฺติ ฉินฺทิตุํฯ
Tadāhanti yadā kilesābhibhavena samaṇadhammaṃ kātuṃ asamatthatāya jīvite nibbindanto tadā. Khuranti nisitakhuraṃ, khurasadisaṃ vā satthakaṃ. Mañcakamhi upāvisinti paresaṃ nivāraṇabhayena ovarakaṃ pavisitvā mañcake nisīdiṃ. Parinītoti upanīto, gale ṭhapitoti adhippāyo. Dhamaninti ‘‘kaṇṭhe dhamaniṃ, kaṇṭhadhamaniṃ galavalaya’’ntipi vadanti. Chettunti chindituṃ.
ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถาติ ‘‘ยทาหํ มริสฺสามี’’ติ กเณฺฐ ธมนิํ ฉินฺทิตุํ ขุรํ อุปเนสิํ, ตโต ปรํ ‘‘อโรคํ นุ โข เม สีล’’นฺติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อกฺขณฺฑํ อจฺฉิทฺทํ สุปริสุทฺธํ สีลํ ทิสฺวา ปีติ อุปฺปชฺชิ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภิ, ปสฺสทฺธกายสฺส นิรามิสํ สุขํ อนุภวนฺตสฺส จิตฺตสฺส สมาหิตตาย วิปสฺสนาวเสน โยนิโส มนสิกาโร อุปฺปชฺชิฯ อถ วา ตโตติ กเณฺฐ ขุรสฺส อุปนยโต วเณ ชาเต อุปฺปนฺนํ เวทนํ วิกฺขเมฺภโนฺต วิปสฺสนาย วเสน โยนิโสมนสิกาโร อุปฺปชฺชิฯ อิทานิ ตโต ปรํ มคฺคผลปจฺจเวกฺขณญาณํ อุปฺปนฺนภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘อาทีนโว ปาตุรหู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตํ เหฎฺฐา วุตฺตตฺถเมวฯ
Tato me manasīkāro, yoniso udapajjathāti ‘‘yadāhaṃ marissāmī’’ti kaṇṭhe dhamaniṃ chindituṃ khuraṃ upanesiṃ, tato paraṃ ‘‘arogaṃ nu kho me sīla’’nti paccavekkhantassa akkhaṇḍaṃ acchiddaṃ suparisuddhaṃ sīlaṃ disvā pīti uppajji, pītimanassa kāyo passambhi, passaddhakāyassa nirāmisaṃ sukhaṃ anubhavantassa cittassa samāhitatāya vipassanāvasena yoniso manasikāro uppajji. Atha vā tatoti kaṇṭhe khurassa upanayato vaṇe jāte uppannaṃ vedanaṃ vikkhambhento vipassanāya vasena yonisomanasikāro uppajji. Idāni tato paraṃ maggaphalapaccavekkhaṇañāṇaṃ uppannabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘ādīnavo pāturahū’’tiādi vuttaṃ. Taṃ heṭṭhā vuttatthameva.
สปฺปทาสเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sappadāsattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๖. สปฺปทาสเตฺถรคาถา • 6. Sappadāsattheragāthā