Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๑๑. สปฺปกเตฺถรคาถาวณฺณนา
11. Sappakattheragāthāvaṇṇanā
ยทา พลากาติอาทิกา อายสฺมโต สปฺปกเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต อิโต เอกติํเส กเปฺป มหานุภาโว นาคราชา หุตฺวา นิพฺพโตฺต สมฺภวสฺส นาม ปเจฺจกพุทฺธสฺส อโพฺภกาเส สมาปตฺติยา นิสินฺนสฺส มหนฺตํ ปทุมํ คเหตฺวา อุปริมุทฺธนิ ธาเรโนฺต ปูชํ อกาสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สปฺปโกติ ลทฺธนาโม วิญฺญุตํ ปโตฺต ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา อชกรณิยา นาม นทิยา ตีเร เลณคิริวิหาเร วสโนฺต นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๗๘-๘๓) –
Yadābalākātiādikā āyasmato sappakattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto ito ekatiṃse kappe mahānubhāvo nāgarājā hutvā nibbatto sambhavassa nāma paccekabuddhassa abbhokāse samāpattiyā nisinnassa mahantaṃ padumaṃ gahetvā uparimuddhani dhārento pūjaṃ akāsi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ brāhmaṇakule nibbattitvā sappakoti laddhanāmo viññutaṃ patto bhagavato santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā kammaṭṭhānaṃ gahetvā ajakaraṇiyā nāma nadiyā tīre leṇagirivihāre vasanto nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.52.78-83) –
‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, โรมโส นาม ปพฺพโต;
‘‘Himavantassāvidūre, romaso nāma pabbato;
พุโทฺธปิ สมฺภโว นาม, อโพฺภกาเส วสี ตทาฯ
Buddhopi sambhavo nāma, abbhokāse vasī tadā.
‘‘ภวนา นิกฺขมิตฺวาน, ปทุมํ ธารยิํ อหํ;
‘‘Bhavanā nikkhamitvāna, padumaṃ dhārayiṃ ahaṃ;
เอกาหํ ธารยิตฺวาน, ภวนํ ปุนราคมิํฯ
Ekāhaṃ dhārayitvāna, bhavanaṃ punarāgamiṃ.
‘‘เอกติํเส อิโต กเปฺป, ยํ พุทฺธมภิปูชยิํ;
‘‘Ekatiṃse ito kappe, yaṃ buddhamabhipūjayiṃ;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
โส อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตุํ สาวตฺถิํ อาคโต ญาตีหิ อุปฎฺฐียมาโน ตตฺถ กติปาหํ วสิตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา ญาตเก สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐาเปตฺวา ยถาวุตฺตฎฺฐานเมว คนฺตุกาโม อโหสิฯ ตํ ญาตกา ‘‘อิเธว, ภเนฺต, วสถ, มยํ ปฎิชคฺคิสฺสามา’’ติ ยาจิํสุฯ โส คมนาการํ ทเสฺสตฺวา ฐิโต อตฺตนา วสิตฎฺฐานกิตฺตนาปเทเสน วิเวกาภิรติํ ปกาเสโนฺต –
So arahattaṃ patvā satthāraṃ vandituṃ sāvatthiṃ āgato ñātīhi upaṭṭhīyamāno tattha katipāhaṃ vasitvā dhammaṃ desetvā ñātake saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhāpetvā yathāvuttaṭṭhānameva gantukāmo ahosi. Taṃ ñātakā ‘‘idheva, bhante, vasatha, mayaṃ paṭijaggissāmā’’ti yāciṃsu. So gamanākāraṃ dassetvā ṭhito attanā vasitaṭṭhānakittanāpadesena vivekābhiratiṃ pakāsento –
๓๐๗.
307.
‘‘ยทา พลากา สุจิปณฺฑรจฺฉทา, กาฬสฺส เมฆสฺส ภเยน ตชฺชิตา;
‘‘Yadā balākā sucipaṇḍaracchadā, kāḷassa meghassa bhayena tajjitā;
ปเลหิติ อาลยมาลเยสินี, ตทา นที อชกรณี รเมติ มํฯ
Palehiti ālayamālayesinī, tadā nadī ajakaraṇī rameti maṃ.
๓๐๘.
308.
‘‘ยทา พลากา สุวิสุทฺธปณฺฑรา, กาฬสฺส เมฆสฺส ภเยน ตชฺชิตา;
‘‘Yadā balākā suvisuddhapaṇḍarā, kāḷassa meghassa bhayena tajjitā;
ปริเยสติ เลณมเลณทสฺสินี, ตทา นที อชกรณี รเมติ มํฯ
Pariyesati leṇamaleṇadassinī, tadā nadī ajakaraṇī rameti maṃ.
๓๐๙.
309.
‘‘กํ นุ ตตฺถ น รเมนฺติ, ชมฺพุโย อุภโต ตหิํ;
‘‘Kaṃ nu tattha na ramenti, jambuyo ubhato tahiṃ;
โสเภนฺตี อาปคากูลํ, มม เลณสฺส ปจฺฉโตฯ
Sobhentī āpagākūlaṃ, mama leṇassa pacchato.
๓๑๐.
310.
‘‘ตามตมทสงฺฆสุปฺปหีนา , เภกา มนฺทวตี ปนาทยนฺติ;
‘‘Tāmatamadasaṅghasuppahīnā , bhekā mandavatī panādayanti;
นาชฺช คิรินทีหิ วิปฺปวาสสมโย,
Nājja girinadīhi vippavāsasamayo,
เขมา อชกรณี สิวา สุรมฺมา’’ติฯ – จตโสฺส คาถา อภาสิ;
Khemā ajakaraṇī sivā surammā’’ti. – catasso gāthā abhāsi;
ตตฺถ ยทาติ ยสฺมิํ กาเลฯ พลากาติ พลากาสกุณิกาฯ สุจิปณฺฑรจฺฉทาติ สุจิสุทฺธธวลปกฺขาฯ กาฬสฺส เมฆสฺส ภเยน ตชฺชิตาติ ชลภารภริตตาย กาฬสฺส อญฺชนคิริสนฺนิกาสสฺส ปาวุสฺสกเมฆสฺส คชฺชโต วุฎฺฐิภเยน นิพฺพิชฺชิตา ภิํสาปิตาฯ ปเลหิตีติ โคจรภูมิโต อุปฺปติตฺวา คมิสฺสติฯ อาลยนฺติ นิลยํ อตฺตโน กุลาวกํฯ อาลเยสินีติ ตตฺถ อาลยนํ นิลียนเมว อิจฺฉนฺตีฯ ตทา นที อชกรณี รเมติ มนฺติ ตสฺมิํ ปาวุสฺสกกาเล อชกรณีนามิกา นที นโวทกสฺส ปูรา หารหารินี กุลงฺกสา มํ รเมติ มม จิตฺตํ อาราเธตีติ อุตุปเทสวิเสสกิตฺตนาปเทเสน วิเวกาภิรติํ ปกาเสสิฯ
Tattha yadāti yasmiṃ kāle. Balākāti balākāsakuṇikā. Sucipaṇḍaracchadāti sucisuddhadhavalapakkhā. Kāḷassa meghassa bhayena tajjitāti jalabhārabharitatāya kāḷassa añjanagirisannikāsassa pāvussakameghassa gajjato vuṭṭhibhayena nibbijjitā bhiṃsāpitā. Palehitīti gocarabhūmito uppatitvā gamissati. Ālayanti nilayaṃ attano kulāvakaṃ. Ālayesinīti tattha ālayanaṃ nilīyanameva icchantī. Tadā nadī ajakaraṇī rameti manti tasmiṃ pāvussakakāle ajakaraṇīnāmikā nadī navodakassa pūrā hārahārinī kulaṅkasā maṃ rameti mama cittaṃ ārādhetīti utupadesavisesakittanāpadesena vivekābhiratiṃ pakāsesi.
สุวิสุทฺธปณฺฑราติ สุฎฺฐุ วิสุทฺธปณฺฑรวณฺณา, อสมฺมิสฺสวณฺณา สพฺพเสตาติ อโตฺถฯ ปริเยสตีติ มคฺคติฯ เลณนฺติ วสนฎฺฐานํฯ อเลณทสฺสินีติ วสนฎฺฐานํ อปสฺสนฺตีฯ ปุเพฺพ นิพทฺธวสนฎฺฐานสฺส อภาเวน อเลณทสฺสินี, อิทานิ ปาวุสฺสกกาเล เมฆคชฺชิเตน อาหิตคพฺภา ปริเยสติ เลณนฺติ นิพทฺธวสนฎฺฐานํ กุลาวกํ กโรตีติ อโตฺถฯ
Suvisuddhapaṇḍarāti suṭṭhu visuddhapaṇḍaravaṇṇā, asammissavaṇṇā sabbasetāti attho. Pariyesatīti maggati. Leṇanti vasanaṭṭhānaṃ. Aleṇadassinīti vasanaṭṭhānaṃ apassantī. Pubbe nibaddhavasanaṭṭhānassa abhāvena aleṇadassinī, idāni pāvussakakāle meghagajjitena āhitagabbhā pariyesati leṇanti nibaddhavasanaṭṭhānaṃ kulāvakaṃ karotīti attho.
กํ นุ ตตฺถ…เป.… ปจฺฉโตติ มม วสนกมหาเลณสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉาภาเค อาปคากูลํ อชกรณีนทิยา อุภโตตีรํ ตหิํ ตหิํ อิโต จิโต จ โสเภนฺติโย นิจฺจกาลํ ผลภารนมิตสาขา สินิทฺธปณฺณจฺฉายา ชมฺพุโย ตตฺถ ตสฺมิํ ฐาเน กํ นาม สตฺตํ น รเมนฺติ นุ, สพฺพํ รเมนฺติเยวฯ
Kaṃ nu tattha…pe… pacchatoti mama vasanakamahāleṇassa pacchato pacchābhāge āpagākūlaṃ ajakaraṇīnadiyā ubhatotīraṃ tahiṃ tahiṃ ito cito ca sobhentiyo niccakālaṃ phalabhāranamitasākhā siniddhapaṇṇacchāyā jambuyo tattha tasmiṃ ṭhāne kaṃ nāma sattaṃ na ramenti nu, sabbaṃ ramentiyeva.
ตามตมทสงฺฆสุปฺปหีนาติ อมตํ วุจฺจติ อคทํ, เตน มชฺชนฺตีติ อมตมทา, สปฺปา, เตสํ สโงฺฆ อมตมทสโงฺฆ, ตโต สุฎฺฐุ ปหีนา อปคตาฯ เภกา มณฺฑูกิโย, มนฺทวตี สรวติโย, ปนาทยนฺติ ตํ ฐานํ มธุเรน วสฺสิเตน นินฺนาทยนฺติฯ นาชฺช คิรินทีหิ วิปฺปวาสสมโยติ อชฺช เอตรหิ อญฺญาหิปิ ปพฺพเตยฺยาหิ นทีหิ วิปฺปวาสสมโย น โหติ, วิเสสโต ปน วาฬมจฺฉสุสุมาราทิวิรหิตโต เขมา อชกรณี นทีฯ สุนฺทรตลติตฺถปุลินสมฺปตฺติยา สิวาฯ สุฎฺฐุ รมฺมา รมณียา, ตสฺมา ตเตฺถว เม มโน รมตีติ อธิปฺปาโยฯ
Tāmatamadasaṅghasuppahīnāti amataṃ vuccati agadaṃ, tena majjantīti amatamadā, sappā, tesaṃ saṅgho amatamadasaṅgho, tato suṭṭhu pahīnā apagatā. Bhekā maṇḍūkiyo, mandavatī saravatiyo, panādayanti taṃ ṭhānaṃ madhurena vassitena ninnādayanti. Nājjagirinadīhi vippavāsasamayoti ajja etarahi aññāhipi pabbateyyāhi nadīhi vippavāsasamayo na hoti, visesato pana vāḷamacchasusumārādivirahitato khemā ajakaraṇī nadī. Sundaratalatitthapulinasampattiyā sivā. Suṭṭhu rammā ramaṇīyā, tasmā tattheva me mano ramatīti adhippāyo.
เอวํ ปน วตฺวา ญาตเก วิสฺสเชฺชตฺวา อตฺตโน วสนฎฺฐานเมว คโตฯ สุญฺญาคาราภิรติทีปเนน อิทเมว จ เถรสฺส อญฺญาพฺยากรณํ อโหสีติฯ
Evaṃ pana vatvā ñātake vissajjetvā attano vasanaṭṭhānameva gato. Suññāgārābhiratidīpanena idameva ca therassa aññābyākaraṇaṃ ahosīti.
สปฺปกเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sappakattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑๑. สปฺปกเตฺถรคาถา • 11. Sappakattheragāthā