Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga

    ๗. สปฺปาณกวโคฺค

    7. Sappāṇakavaggo

    ๑. สญฺจิจฺจสิกฺขาปทํ

    1. Sañciccasikkhāpadaṃ

    ๓๘๒. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุทายี อิสฺสาโส โหติ, กากา จสฺส อมนาปา โหนฺติฯ โส กาเก วิชฺฌิตฺวา วิชฺฌิตฺวา สีสํ ฉินฺทิตฺวา สูเล ปฎิปาฎิยา ฐเปสิฯ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘‘เกนิเม, อาวุโส, กากา ชีวิตา โวโรปิตา’’ติ? ‘‘มยา, อาวุโสฯ อมนาปา เม กากา’’ติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม อายสฺมา อุทายี สญฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปสฺสตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตฺวํ, อุทายิ, สญฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปสีติ? ‘‘สจฺจํ , ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, สญฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปสฺสสิ! เนตํ, โมฆปุริส, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    382. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena āyasmā udāyī issāso hoti, kākā cassa amanāpā honti. So kāke vijjhitvā vijjhitvā sīsaṃ chinditvā sūle paṭipāṭiyā ṭhapesi. Bhikkhū evamāhaṃsu – ‘‘kenime, āvuso, kākā jīvitā voropitā’’ti? ‘‘Mayā, āvuso. Amanāpā me kākā’’ti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma āyasmā udāyī sañcicca pāṇaṃ jīvitā voropessatī’’ti…pe… saccaṃ kira tvaṃ, udāyi, sañcicca pāṇaṃ jīvitā voropesīti? ‘‘Saccaṃ , bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tvaṃ, moghapurisa, sañcicca pāṇaṃ jīvitā voropessasi! Netaṃ, moghapurisa, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๓๘๓. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สญฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    383.‘‘Yopana bhikkhu sañcicca pāṇaṃ jīvitā voropeyya, pācittiya’’nti.

    ๓๘๔. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ

    384.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.

    สญฺจิจฺจาติ ชานโนฺต สญฺชานโนฺต เจจฺจ อภิวิตริตฺวา วีติกฺกโมฯ

    Sañciccāti jānanto sañjānanto cecca abhivitaritvā vītikkamo.

    ปาโณ นาม ติรจฺฉานคตปาโณ วุจฺจติฯ

    Pāṇo nāma tiracchānagatapāṇo vuccati.

    ชีวิตา โวโรเปยฺยาติ ชีวิตินฺทฺริยํ อุปจฺฉินฺทติ อุปโรเธติ สนฺตติํ วิโกเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Jīvitā voropeyyāti jīvitindriyaṃ upacchindati uparodheti santatiṃ vikopeti, āpatti pācittiyassa.

    ๓๘๕. ปาเณ ปาณสญฺญี ชีวิตา โวโรเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ปาเณ เวมติโก ชีวิตา โวโรเปติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ปาเณ อปฺปาณสญฺญี ชีวิตา โวโรเปติ, อนาปตฺติฯ อปฺปาเณ ปาณสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อปฺปาเณ เวมิตโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อปฺปาเณ อปฺปาณสญฺญี, อนาปตฺติฯ

    385. Pāṇe pāṇasaññī jīvitā voropeti, āpatti pācittiyassa. Pāṇe vematiko jīvitā voropeti, āpatti dukkaṭassa. Pāṇe appāṇasaññī jīvitā voropeti, anāpatti. Appāṇe pāṇasaññī, āpatti dukkaṭassa. Appāṇe vemitako, āpatti dukkaṭassa. Appāṇe appāṇasaññī, anāpatti.

    ๓๘๖. อนาปตฺติ อสญฺจิจฺจ, อสฺสติยา, อชานนฺตสฺส, นมรณาธิปฺปายสฺส, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    386. Anāpatti asañcicca, assatiyā, ajānantassa, namaraṇādhippāyassa, ummattakassa, ādikammikassāti.

    สญฺจิจฺจสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ปฐมํฯ

    Sañciccasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ paṭhamaṃ.

    ๒. สปฺปาณกสิกฺขาปทํ

    2. Sappāṇakasikkhāpadaṃ

    ๓๘๗. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ชานํ สปฺปาณกํ อุทกํ ปริภุญฺชนฺติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ชานํ สปฺปาณกํ อุทกํ ปริภุญฺชิสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ชานํ สปฺปาณกํ อุทกํ ปริภุญฺชถาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, ชานํ สปฺปาณกํ อุทกํ ปริภุญฺชิสฺสถ! เนตํ , โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    387. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū jānaṃ sappāṇakaṃ udakaṃ paribhuñjanti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū jānaṃ sappāṇakaṃ udakaṃ paribhuñjissantī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, jānaṃ sappāṇakaṃ udakaṃ paribhuñjathāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, jānaṃ sappāṇakaṃ udakaṃ paribhuñjissatha! Netaṃ , moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๓๘๘. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ชานํ สปฺปาณกํ อุทกํ ปริภุเญฺชยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    388.‘‘Yo pana bhikkhu jānaṃ sappāṇakaṃ udakaṃ paribhuñjeyya, pācittiya’’nti.

    ๓๘๙. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ

    389.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.

    ชานาติ นาม สามํ วา ชานาติ, อเญฺญ วา ตสฺส อาโรเจนฺติฯ ‘‘สปฺปาณก’’นฺติ ชานโนฺต, ‘‘ปริโภเคน มริสฺสนฺตี’’ติ ชานโนฺต ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Jānāti nāma sāmaṃ vā jānāti, aññe vā tassa ārocenti. ‘‘Sappāṇaka’’nti jānanto, ‘‘paribhogena marissantī’’ti jānanto paribhuñjati, āpatti pācittiyassa.

    ๓๙๐. สปฺปาณเก สปฺปาณกสญฺญี ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ สปฺปาณเก เวมติโก ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส ฯ สปฺปาณเก อปฺปาณกสญฺญี ปริภุญฺชติ, อนาปตฺติฯ อปฺปาณเก สปฺปาณกสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อปฺปาณเก เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อปฺปาณเก อปฺปาณกสญฺญี, อนาปตฺติฯ

    390. Sappāṇake sappāṇakasaññī paribhuñjati, āpatti pācittiyassa. Sappāṇake vematiko paribhuñjati, āpatti dukkaṭassa . Sappāṇake appāṇakasaññī paribhuñjati, anāpatti. Appāṇake sappāṇakasaññī, āpatti dukkaṭassa. Appāṇake vematiko, āpatti dukkaṭassa. Appāṇake appāṇakasaññī, anāpatti.

    ๓๙๑. อนาปตฺติ ‘‘สปฺปาณก’’นฺติ อชานโนฺต, ‘‘อปฺปาณก’’นฺติ ชานโนฺต, ‘‘ปริโภเคน น มริสฺสนฺตี’’ติ ชานโนฺต ปริภุญฺชติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    391. Anāpatti ‘‘sappāṇaka’’nti ajānanto, ‘‘appāṇaka’’nti jānanto, ‘‘paribhogena na marissantī’’ti jānanto paribhuñjati, ummattakassa, ādikammikassāti.

    สปฺปาณกสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ทุติยํฯ

    Sappāṇakasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ dutiyaṃ.

    ๓. อุโกฺกฎนสิกฺขาปทํ

    3. Ukkoṭanasikkhāpadaṃ

    ๓๙๒. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ชานํ ยถาธมฺมํ นิหตาธิกรณํ ปุนกมฺมาย อุโกฺกเฎนฺติ – ‘‘อกตํ กมฺมํ ทุกฺกฎํ กมฺมํ ปุน กาตพฺพํ กมฺมํ อนิหตํ ทุนฺนิหตํ ปุน นิหนิตพฺพ’’นฺติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ชานํ ยถาธมฺมํ นิหตาธิกรณํ ปุนกมฺมาย อุโกฺกเฎสฺสนฺตี’’ติ …เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ชานํ ยถาธมฺมํ นิหตาธิกรณํ ปุนกมฺมาย อุโกฺกเฎถา’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, ชานํ ยถาธมฺมํ นิหตาธิกรณํ ปุนกมฺมาย อุโกฺกเฎสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    392. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū jānaṃ yathādhammaṃ nihatādhikaraṇaṃ punakammāya ukkoṭenti – ‘‘akataṃ kammaṃ dukkaṭaṃ kammaṃ puna kātabbaṃ kammaṃ anihataṃ dunnihataṃ puna nihanitabba’’nti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū jānaṃ yathādhammaṃ nihatādhikaraṇaṃ punakammāya ukkoṭessantī’’ti …pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, jānaṃ yathādhammaṃ nihatādhikaraṇaṃ punakammāya ukkoṭethā’’ti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, jānaṃ yathādhammaṃ nihatādhikaraṇaṃ punakammāya ukkoṭessatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๓๙๓. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ชานํ ยถาธมฺมํ นิหตาธิกรณํ ปุนกมฺมาย อุโกฺกเฎยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    393.‘‘Yo pana bhikkhu jānaṃ yathādhammaṃ nihatādhikaraṇaṃ punakammāya ukkoṭeyya, pācittiya’’nti.

    ๓๙๔. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ

    394.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.

    ชานาติ นาม สามํ วา ชานาติ, อเญฺญ วา ตสฺส อาโรเจนฺติ, โส วา อาโรเจติฯ

    Jānāti nāma sāmaṃ vā jānāti, aññe vā tassa ārocenti, so vā āroceti.

    ยถาธมฺมํ นาม ธเมฺมน วินเยน สตฺถุสาสเนน กตํ, เอตํ ยถาธมฺมํ นามฯ

    Yathādhammaṃ nāma dhammena vinayena satthusāsanena kataṃ, etaṃ yathādhammaṃ nāma.

    อธิกรณํ นาม จตฺตาริ อธิกรณานิ – วิวาทาธิกรณํ, อนุวาทาธิกรณํ, อาปตฺตาธิกรณํ, กิจฺจาธิกรณํฯ

    Adhikaraṇaṃ nāma cattāri adhikaraṇāni – vivādādhikaraṇaṃ, anuvādādhikaraṇaṃ, āpattādhikaraṇaṃ, kiccādhikaraṇaṃ.

    ปุนกมฺมาย อุโกฺกเฎยฺยาติ ‘‘อกตํ กมฺมํ ทุกฺกฎํ กมฺมํ ปุนกาตพฺพํ กมฺมํ อนิหตํ ทุนฺนิหตํ ปุน นิหนิตพฺพํ’’ติ อุโกฺกเฎติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Punakammāya ukkoṭeyyāti ‘‘akataṃ kammaṃ dukkaṭaṃ kammaṃ punakātabbaṃ kammaṃ anihataṃ dunnihataṃ puna nihanitabbaṃ’’ti ukkoṭeti, āpatti pācittiyassa.

    ๓๙๕. ธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญี อุโกฺกเฎติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ธมฺมกเมฺม เวมติโก อุโกฺกเฎติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ธมฺมกเมฺม อธมฺมกมฺมสญฺญี อุโกฺกเฎติ, อนาปตฺติฯ อธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อธมฺมกเมฺม เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อธมฺมกเมฺม อธมฺมกมฺมสญฺญี, อนาปตฺติฯ

    395. Dhammakamme dhammakammasaññī ukkoṭeti, āpatti pācittiyassa. Dhammakamme vematiko ukkoṭeti, āpatti dukkaṭassa. Dhammakamme adhammakammasaññī ukkoṭeti, anāpatti. Adhammakamme dhammakammasaññī, āpatti dukkaṭassa. Adhammakamme vematiko, āpatti dukkaṭassa. Adhammakamme adhammakammasaññī, anāpatti.

    ๓๙๖. อนาปตฺติ ‘‘อธเมฺมน วา วเคฺคน วา น กมฺมารหสฺส วา กมฺมํ กต’’นฺติ ชานโนฺต อุโกฺกเฎติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    396. Anāpatti ‘‘adhammena vā vaggena vā na kammārahassa vā kammaṃ kata’’nti jānanto ukkoṭeti, ummattakassa, ādikammikassāti.

    อุโกฺกฎนสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ตติยํฯ

    Ukkoṭanasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ tatiyaṃ.

    ๔. ทุฎฺฐุลฺลสิกฺขาปทํ

    4. Duṭṭhullasikkhāpadaṃ

    ๓๙๗. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต สเญฺจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา ภาตุโน สทฺธิวิหาริกสฺส ภิกฺขุโน อาโรเจสิ – ‘‘อหํ, อาวุโส, สเญฺจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิํ อาปตฺติํ อาปโนฺนฯ มา กสฺสจิ อาโรเจหี’’ติฯ เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ สเญฺจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา สงฺฆํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสํ ยาจิฯ ตสฺส สโงฺฆ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสํ อทาสิฯ โส ปริวสโนฺต ตํ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘อหํ, อาวุโส, สเญฺจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา สงฺฆํ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสํ ยาจิํ, ตสฺส เม สโงฺฆ ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสํ อทาสิ, โสหํ ปริวสามิ, เวทิยามหํ 1, อาวุโส, เวทิยตี’’ติ มํ อายสฺมา ธาเรตู’’ติฯ

    397. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena āyasmā upanando sakyaputto sañcetanikaṃ sukkavissaṭṭhiṃ āpattiṃ āpajjitvā bhātuno saddhivihārikassa bhikkhuno ārocesi – ‘‘ahaṃ, āvuso, sañcetanikaṃ sukkavissaṭṭhiṃ āpattiṃ āpanno. Mā kassaci ārocehī’’ti. Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu sañcetanikaṃ sukkavissaṭṭhiṃ āpattiṃ āpajjitvā saṅghaṃ tassā āpattiyā parivāsaṃ yāci. Tassa saṅgho tassā āpattiyā parivāsaṃ adāsi. So parivasanto taṃ bhikkhuṃ passitvā etadavoca – ‘‘ahaṃ, āvuso, sañcetanikaṃ sukkavissaṭṭhiṃ āpattiṃ āpajjitvā saṅghaṃ tassā āpattiyā parivāsaṃ yāciṃ, tassa me saṅgho tassā āpattiyā parivāsaṃ adāsi, sohaṃ parivasāmi, vediyāmahaṃ 2, āvuso, vediyatī’’ti maṃ āyasmā dhāretū’’ti.

    ‘‘กิํ นุ โข, อาวุโส, โย อโญฺญปิ อิมํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ โสปิ เอวํ กโรตี’’ติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติฯ ‘‘อยํ, อาวุโส, อายสฺมา อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต สเญฺจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา 3 โส เม อาโรเจติ มา กสฺสจิ อาโรเจหี’’ติฯ ‘‘กิํ ปน ตฺวํ, อาวุโส, ปฎิจฺฉาเทสี’’ติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติฯ อถ โข โส ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส ชานํ ทุฎฺฐุลฺลํ อาปตฺติํ ปฎิจฺฉาเทสฺสตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภิกฺขุสฺส ชานํ ทุฎฺฐุลฺลํ อาปตฺติํ ปฎิจฺฉาเทสีติฯ ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, ภิกฺขุสฺส ชานํ ทุฎฺฐุลฺลํ อาปตฺติํ ปฎิจฺฉาเทสฺสสิ! เนตํ, โมฆปุริส, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    ‘‘Kiṃ nu kho, āvuso, yo aññopi imaṃ āpattiṃ āpajjati sopi evaṃ karotī’’ti? ‘‘Evamāvuso’’ti. ‘‘Ayaṃ, āvuso, āyasmā upanando sakyaputto sañcetanikaṃ sukkavissaṭṭhiṃ āpattiṃ āpajjitvā 4 so me āroceti mā kassaci ārocehī’’ti. ‘‘Kiṃ pana tvaṃ, āvuso, paṭicchādesī’’ti? ‘‘Evamāvuso’’ti. Atha kho so bhikkhu bhikkhūnaṃ etamatthaṃ ārocesi. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma bhikkhu bhikkhussa jānaṃ duṭṭhullaṃ āpattiṃ paṭicchādessatī’’ti…pe… saccaṃ kira tvaṃ, bhikkhu, bhikkhussa jānaṃ duṭṭhullaṃ āpattiṃ paṭicchādesīti. ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tvaṃ, moghapurisa, bhikkhussa jānaṃ duṭṭhullaṃ āpattiṃ paṭicchādessasi! Netaṃ, moghapurisa, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๓๙๘. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส ชานํ ทุฎฺฐุลฺลํ อาปตฺติํ ปฎิจฺฉาเทยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    398.‘‘Yopana bhikkhu bhikkhussa jānaṃ duṭṭhullaṃ āpattiṃ paṭicchādeyya, pācittiya’’nti.

    ๓๙๙. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ

    399.Yopanāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.

    ภิกฺขุสฺสาติ อญฺญสฺส ภิกฺขุสฺสฯ

    Bhikkhussāti aññassa bhikkhussa.

    ชานาติ นาม สามํ วา ชานาติ อเญฺญ วา ตสฺส อาโรเจนฺติ, โส วา อาโรเจติฯ

    Jānāti nāma sāmaṃ vā jānāti aññe vā tassa ārocenti, so vā āroceti.

    ทุฎฺฐุลฺลา นาม อาปตฺติ จตฺตาริ จ ปาราชิกานิ เตรส จ สงฺฆาทิเสสาฯ

    Duṭṭhullā nāma āpatti cattāri ca pārājikāni terasa ca saṅghādisesā.

    ปฎิจฺฉาเทยฺยาติ ‘‘อิมํ ชานิตฺวา โจเทสฺสนฺติ, สาเรสฺสนฺติ ขุํเสสฺสนฺติ, วเมฺภสฺสนฺติ, มงฺกุํ กริสฺสนฺติ นาโรเจสฺสามี’’ติ ธุรํ นิกฺขิตฺตมเตฺต, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Paṭicchādeyyāti ‘‘imaṃ jānitvā codessanti, sāressanti khuṃsessanti, vambhessanti, maṅkuṃ karissanti nārocessāmī’’ti dhuraṃ nikkhittamatte, āpatti pācittiyassa.

    ๔๐๐. ทุฎฺฐุลฺลาย อาปตฺติยา ทุฎฺฐุลฺลาปตฺติสญฺญี ปฎิจฺฉาเทติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ทุฎฺฐุลฺลาย อาปตฺติยา เวมติโก ปฎิจฺฉาเทติ , อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ทุฎฺฐุลฺลาย อาปตฺติยา อทุฎฺฐุลฺลาปตฺติสญฺญี ปฎิจฺฉาเทติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อทุฎฺฐุลฺลํ อาปตฺติํ ปฎิจฺฉาเทติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปนฺนสฺส ทุฎฺฐุลฺลํ วา อทุฎฺฐุลฺลํ วา อชฺฌาจารํ ปฎิจฺฉาเทติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อทุฎฺฐุลฺลาย อาปตฺติยา ทุฎฺฐุลฺลาปตฺติสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อทุฎฺฐุลฺลาย อาปตฺติยา เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อทุฎฺฐุลฺลาย อาปตฺติยา อทุฎฺฐุลฺลาปตฺติสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ

    400. Duṭṭhullāya āpattiyā duṭṭhullāpattisaññī paṭicchādeti, āpatti pācittiyassa. Duṭṭhullāya āpattiyā vematiko paṭicchādeti , āpatti dukkaṭassa. Duṭṭhullāya āpattiyā aduṭṭhullāpattisaññī paṭicchādeti, āpatti dukkaṭassa. Aduṭṭhullaṃ āpattiṃ paṭicchādeti, āpatti dukkaṭassa. Anupasampannassa duṭṭhullaṃ vā aduṭṭhullaṃ vā ajjhācāraṃ paṭicchādeti, āpatti dukkaṭassa. Aduṭṭhullāya āpattiyā duṭṭhullāpattisaññī, āpatti dukkaṭassa. Aduṭṭhullāya āpattiyā vematiko, āpatti dukkaṭassa. Aduṭṭhullāya āpattiyā aduṭṭhullāpattisaññī, āpatti dukkaṭassa.

    ๔๐๑. อนาปตฺติ – ‘‘สงฺฆสฺส ภณฺฑนํ วา กลโห วา วิคฺคโห วา วิวาโท วา ภวิสฺสตี’’ติ นาโรเจติ, ‘‘สงฺฆเภโท วา สงฺฆราชิ วา ภวิสฺสตี’’ติ นาโรเจติ, ‘‘อยํ กกฺขโฬ ผรุโส ชีวิตนฺตรายํ วา พฺรหฺมจริยนฺตรายํ วา กริสฺสตี’’ติ นาโรเจติ, อเญฺญ ปติรูเป ภิกฺขู อปสฺสโนฺต นาโรเจติ, นฉาเทตุกาโม นาโรเจติ, ‘‘ปญฺญายิสฺสติ สเกน กเมฺมนา’’ติ นาโรเจติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    401. Anāpatti – ‘‘saṅghassa bhaṇḍanaṃ vā kalaho vā viggaho vā vivādo vā bhavissatī’’ti nāroceti, ‘‘saṅghabhedo vā saṅgharāji vā bhavissatī’’ti nāroceti, ‘‘ayaṃ kakkhaḷo pharuso jīvitantarāyaṃ vā brahmacariyantarāyaṃ vā karissatī’’ti nāroceti, aññe patirūpe bhikkhū apassanto nāroceti, nachādetukāmo nāroceti, ‘‘paññāyissati sakena kammenā’’ti nāroceti, ummattakassa, ādikammikassāti.

    ทุฎฺฐุลฺลสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ

    Duṭṭhullasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.

    ๕. อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทํ

    5. Ūnavīsativassasikkhāpadaṃ

    ๔๐๒. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ 5 เตน โข ปน สมเยน ราชคเห สตฺตรสวคฺคิยา ทารกา สหายกา โหนฺติฯ อุปาลิทารโก เตสํ ปาโมโกฺข โหติฯ อถ โข อุปาลิสฺส มาตาปิตูนํ เอตทโหสิ – ‘‘เกน นุ โข อุปาเยน อุปาลิ อมฺหากํ อจฺจเยน สุขญฺจ ชีเวยฺย น จ กิลเมยฺยา’’ติ? อถ โข อุปาลิสฺส มาตาปิตูนํ เอตทโหสิ – ‘‘สเจ โข อุปาลิ เลขํ สิเกฺขยฺย, เอวํ โข อุปาลิ อมฺหากํ อจฺจเยน สุขญฺจ ชีเวยฺย, น จ กิลเมยฺยา’’ติฯ อถ โข อุปาลิสฺส มาตาปิตูนํ เอตทโหสิ – ‘‘สเจ โข อุปาลิ เลขํ สิกฺขิสฺสติ, องฺคุลิโย ทุกฺขา ภวิสฺสนฺติฯ สเจ โข อุปาลิ คณนํ สิเกฺขยฺย, เอวํ โข อุปาลิ อมฺหากํ อจฺจเยน สุขญฺจ ชีเวยฺย น จ กิลเมยฺยา’’ติฯ อถ โข อุปาลิสฺส มาตาปิตูนํ เอตทโหสิ – ‘‘สเจ โข อุปาลิ คณนํ สิกฺขิสฺสติ, อุรสฺส ทุโกฺข ภวิสฺสติฯ สเจ โข อุปาลิ รูปํ สิเกฺขยฺย, เอวํ โข อุปาลิ อมฺหากํ อจฺจเยน สุขญฺจ ชีเวยฺย น จ กิลเมยฺยา’’ติฯ อถ โข อุปาลิสฺส มาตาปิตูนํ เอตทโหสิ – ‘‘สเจ โข อุปาลิ รูปํ สิกฺขิสฺสติ, อกฺขีนิ ทุกฺขา ภวิสฺสนฺติฯ อิเม โข สมณา สกฺยปุตฺติยา สุขสีลา สุขสมาจารา สุโภชนานิ ภุญฺชิตฺวา นิวาเตสุ สยเนสุ สยนฺติฯ สเจ โข อุปาลิ สมเณสุ สกฺยปุตฺติเยสุ ปพฺพเชยฺย, เอวํ โข อุปาลิ อมฺหากํ อจฺจเยน สุขญฺจ ชีเวยฺย, น จ กิลเมยฺยา’’ติฯ

    402. Tena samayena buddho bhagavā rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. 6 Tena kho pana samayena rājagahe sattarasavaggiyā dārakā sahāyakā honti. Upālidārako tesaṃ pāmokkho hoti. Atha kho upālissa mātāpitūnaṃ etadahosi – ‘‘kena nu kho upāyena upāli amhākaṃ accayena sukhañca jīveyya na ca kilameyyā’’ti? Atha kho upālissa mātāpitūnaṃ etadahosi – ‘‘sace kho upāli lekhaṃ sikkheyya, evaṃ kho upāli amhākaṃ accayena sukhañca jīveyya, na ca kilameyyā’’ti. Atha kho upālissa mātāpitūnaṃ etadahosi – ‘‘sace kho upāli lekhaṃ sikkhissati, aṅguliyo dukkhā bhavissanti. Sace kho upāli gaṇanaṃ sikkheyya, evaṃ kho upāli amhākaṃ accayena sukhañca jīveyya na ca kilameyyā’’ti. Atha kho upālissa mātāpitūnaṃ etadahosi – ‘‘sace kho upāli gaṇanaṃ sikkhissati, urassa dukkho bhavissati. Sace kho upāli rūpaṃ sikkheyya, evaṃ kho upāli amhākaṃ accayena sukhañca jīveyya na ca kilameyyā’’ti. Atha kho upālissa mātāpitūnaṃ etadahosi – ‘‘sace kho upāli rūpaṃ sikkhissati, akkhīni dukkhā bhavissanti. Ime kho samaṇā sakyaputtiyā sukhasīlā sukhasamācārā subhojanāni bhuñjitvā nivātesu sayanesu sayanti. Sace kho upāli samaṇesu sakyaputtiyesu pabbajeyya, evaṃ kho upāli amhākaṃ accayena sukhañca jīveyya, na ca kilameyyā’’ti.

    อโสฺสสิ โข อุปาลิทารโก มาตาปิตูนํ อิมํ กถาสลฺลาปํฯ อถ โข อุปาลิทารโก เยน เต ทารกา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ทารเก เอตทโวจ – ‘‘เอถ มยํ, อยฺยา, สมเณสุ สกฺยปุตฺติเยสุ ปพฺพชิสฺสามา’’ติฯ ‘‘สเจ โข ตฺวํ, อยฺย, ปพฺพชิสฺสสิ, เอวํ มยมฺปิ ปพฺพชิสฺสามา’’ติฯ อถ โข เต ทารกา เอกเมกสฺส มาตาปิตโร อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘‘อนุชานาถ มํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติฯ อถ โข เตสํ ทารกานํ มาตาปิตโร – ‘‘สเพฺพปิเม ทารกา สมานจฺฉนฺทา กลฺยาณาธิปฺปายา’’ติ อนุชานิํสุฯ เต ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิํสุฯ เต ภิกฺขู ปพฺพาเชสุํ อุปสมฺปาเทสุํฯ เต รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐาย โรทนฺติ – ‘‘ยาคุํ เทถ , ภตฺตํ เทถ, ขาทนียํ เทถา’’ติฯ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘‘อาคเมถ, อาวุโส, ยาว รตฺติ วิภายติฯ สเจ ยาคุ ภวิสฺสติ, ปิวิสฺสถฯ สเจ ภตฺตํ ภวิสฺสติ, ภุญฺชิสฺสถฯ สเจ ขาทนียํ ภวิสฺสติ, ขาทิสฺสถฯ โน เจ ภวิสฺสติ ยาคุ วา ภตฺตํ วา ขาทนียํ วา, ปิณฺฑาย จริตฺวา ภุญฺชิสฺสถา’’ติฯ เอวมฺปิ โข เต ภิกฺขู ภิกฺขูหิ วุจฺจมานา โรทนฺติเยว – ‘‘ยาคุํ เทถ, ภตฺตํ เทถ, ขาทนียํ เทถา’’ติฯ เสนาสนํ อูหทนฺติปิ อุมฺมิหนฺติปิฯ

    Assosi kho upālidārako mātāpitūnaṃ imaṃ kathāsallāpaṃ. Atha kho upālidārako yena te dārakā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā te dārake etadavoca – ‘‘etha mayaṃ, ayyā, samaṇesu sakyaputtiyesu pabbajissāmā’’ti. ‘‘Sace kho tvaṃ, ayya, pabbajissasi, evaṃ mayampi pabbajissāmā’’ti. Atha kho te dārakā ekamekassa mātāpitaro upasaṅkamitvā etadavocuṃ – ‘‘anujānātha maṃ agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāyā’’ti. Atha kho tesaṃ dārakānaṃ mātāpitaro – ‘‘sabbepime dārakā samānacchandā kalyāṇādhippāyā’’ti anujāniṃsu. Te bhikkhū upasaṅkamitvā pabbajjaṃ yāciṃsu. Te bhikkhū pabbājesuṃ upasampādesuṃ. Te rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhāya rodanti – ‘‘yāguṃ detha , bhattaṃ detha, khādanīyaṃ dethā’’ti. Bhikkhū evamāhaṃsu – ‘‘āgametha, āvuso, yāva ratti vibhāyati. Sace yāgu bhavissati, pivissatha. Sace bhattaṃ bhavissati, bhuñjissatha. Sace khādanīyaṃ bhavissati, khādissatha. No ce bhavissati yāgu vā bhattaṃ vā khādanīyaṃ vā, piṇḍāya caritvā bhuñjissathā’’ti. Evampi kho te bhikkhū bhikkhūhi vuccamānā rodantiyeva – ‘‘yāguṃ detha, bhattaṃ detha, khādanīyaṃ dethā’’ti. Senāsanaṃ ūhadantipi ummihantipi.

    อโสฺสสิ โข ภควา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐาย ทารกสทฺทํฯ สุตฺวาน อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘กิํ นุ โข โส, อานนฺท, ทารกสโทฺท’’ติ? อถ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ภิกฺขู ปฎิปุจฺฉิ – ‘‘สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ชานํ อูนวีสติวสฺสํ ปุคฺคลํ อุปสมฺปาเทนฺตี’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม เต, ภิกฺขเว, โมฆปุริสา ชานํ อูนวีสติวสฺสํ ปุคฺคลํ อุปสมฺปาเทสฺสนฺติ! อูนกวีสติวโสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อกฺขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺส ชิฆจฺฉาย ปิปาสาย ฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสานํ ทุรุตฺตานํ ทุราคตานํ วจนปถานํ อุปฺปนฺนานํ สารีริกานํ เวทนานํ ทุกฺขานํ ติพฺพานํ ขรานํ กฎุกานํ อสาตานํ อมนาปานํ ปาณหรานํ อนธิวาสกชาติโก โหติฯ วีสติวโสฺสว โข, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺส…เป.… ปาณหรานํ อธิวาสกชาติโก โหติฯ เนตํ, ภิกฺขเว, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    Assosi kho bhagavā rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhāya dārakasaddaṃ. Sutvāna āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘kiṃ nu kho so, ānanda, dārakasaddo’’ti? Atha kho āyasmā ānando bhagavato etamatthaṃ ārocesi. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe bhikkhusaṅghaṃ sannipātāpetvā bhikkhū paṭipucchi – ‘‘saccaṃ kira, bhikkhave, bhikkhū jānaṃ ūnavīsativassaṃ puggalaṃ upasampādentī’’ti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma te, bhikkhave, moghapurisā jānaṃ ūnavīsativassaṃ puggalaṃ upasampādessanti! Ūnakavīsativasso, bhikkhave, puggalo akkhamo hoti sītassa uṇhassa jighacchāya pipāsāya ḍaṃsamakasavātātapasarīsapasamphassānaṃ duruttānaṃ durāgatānaṃ vacanapathānaṃ uppannānaṃ sārīrikānaṃ vedanānaṃ dukkhānaṃ tibbānaṃ kharānaṃ kaṭukānaṃ asātānaṃ amanāpānaṃ pāṇaharānaṃ anadhivāsakajātiko hoti. Vīsativassova kho, bhikkhave, puggalo khamo hoti sītassa uṇhassa…pe… pāṇaharānaṃ adhivāsakajātiko hoti. Netaṃ, bhikkhave, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๔๐๓. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ชานํ อูนวีสติวสฺสํ ปุคฺคลํ อุปสมฺปาเทยฺย, โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปโนฺน , เต จ ภิกฺขู คารยฺหา, อิทํ ตสฺมิํ ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    403.‘‘Yo pana bhikkhu jānaṃ ūnavīsativassaṃ puggalaṃ upasampādeyya, so ca puggalo anupasampanno, te ca bhikkhū gārayhā, idaṃ tasmiṃ pācittiya’’nti.

    ๔๐๔. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ

    404.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.

    ชานาติ นาม สามํ วา ชานาติ, อเญฺญ วา ตสฺส อาโรเจนฺติ, โส วา อาโรเจติฯ

    Jānāti nāma sāmaṃ vā jānāti, aññe vā tassa ārocenti, so vā āroceti.

    อูนวีสติวโสฺส นาม อปฺปตฺตวีสติวโสฺสฯ

    Ūnavīsativasso nāma appattavīsativasso.

    ‘‘อุปสมฺปาเทสฺสามี’’ติ คณํ วา อาจริยํ วา ปตฺตํ วา จีวรํ วา ปริเยสติ, สีมํ วา สมฺมนฺนติ 7, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ญตฺติยา ทุกฺกฎํฯ ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ทุกฺกฎาฯ กมฺมวาจาปริโยสาเน อุปชฺฌายสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ คณสฺส จ อาจริยสฺส จ อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ

    ‘‘Upasampādessāmī’’ti gaṇaṃ vā ācariyaṃ vā pattaṃ vā cīvaraṃ vā pariyesati, sīmaṃ vā sammannati 8, āpatti dukkaṭassa. Ñattiyā dukkaṭaṃ. Dvīhi kammavācāhi dukkaṭā. Kammavācāpariyosāne upajjhāyassa āpatti pācittiyassa. Gaṇassa ca ācariyassa ca āpatti dukkaṭassa.

    ๔๐๕. อูนวีสติวเสฺส อูนวีสติวสฺสสญฺญี อุปสมฺปาเทติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อูนวีสติวเสฺส เวมติโก อุปสมฺปาเทติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อูนวีสติวเสฺส ปริปุณฺณวีสติวสฺสสญฺญี อุปสมฺปาเทติ, อนาปตฺติฯ ปริปุณฺณวีสติวเสฺส อูนวีสติวสฺสสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ปริปุณฺณวีสติวเสฺส เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ปริปุณฺณวีสติวเสฺส ปริปุณฺณวีสติวสฺสสญฺญี, อนาปตฺติฯ

    405. Ūnavīsativasse ūnavīsativassasaññī upasampādeti, āpatti pācittiyassa. Ūnavīsativasse vematiko upasampādeti, āpatti dukkaṭassa. Ūnavīsativasse paripuṇṇavīsativassasaññī upasampādeti, anāpatti. Paripuṇṇavīsativasse ūnavīsativassasaññī, āpatti dukkaṭassa. Paripuṇṇavīsativasse vematiko, āpatti dukkaṭassa. Paripuṇṇavīsativasse paripuṇṇavīsativassasaññī, anāpatti.

    ๔๐๖. อนาปตฺติ อูนวีสติวสฺสํ ปริปุณฺณวีสติวสฺสสญฺญี อุปสมฺปาเทติ, ปริปุณฺณวีสติวสฺสํ ปริปุณฺณวีสติวสฺสสญฺญี อุปสมฺปาเทติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    406. Anāpatti ūnavīsativassaṃ paripuṇṇavīsativassasaññī upasampādeti, paripuṇṇavīsativassaṃ paripuṇṇavīsativassasaññī upasampādeti, ummattakassa, ādikammikassāti.

    อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ปญฺจมํฯ

    Ūnavīsativassasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ pañcamaṃ.

    ๖. เถยฺยสตฺถสิกฺขาปทํ

    6. Theyyasatthasikkhāpadaṃ

    ๔๐๗. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร สโตฺถ ราชคหา ปฎิยาโลกํ คนฺตุกาโม โหติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ เต มนุเสฺส เอตทโวจ – ‘‘อหมฺปายสฺมเนฺตหิ สทฺธิํ คมิสฺสามี’’ติฯ ‘‘มยํ โข, ภเนฺต, สุงฺกํ ปริหริสฺสามา’’ติฯ ‘‘ปชานาถาวุโส’’ติฯ อโสฺสสุํ โข กมฺมิยา 9 – ‘‘สโตฺถ กิร สุงฺกํ ปริหริสฺสตี’’ติฯ เต มเคฺค ปริยุฎฺฐิํสุฯ อถ โข เต กมฺมิกา ตํ สตฺถํ คเหตฺวา อจฺฉินฺทิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจุํ – ‘‘กิสฺส ตฺวํ, ภเนฺต, ชานํ เถยฺยสเตฺถน สทฺธิํ คจฺฉสี’’ติ? ปลิพุเนฺธตฺวา มุญฺจิํสุฯ อถ โข โส ภิกฺขุ สาวตฺถิํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ภิกฺขุ ชานํ เถยฺยสเตฺถน สทฺธิํ สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปชฺชิสฺสตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, ชานํ เถยฺยสเตฺถน สทฺธิํ สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปชฺชสีติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, ชานํ เถยฺยสเตฺถน สทฺธิํ สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปชฺชิสฺสสิ! เนตํ, โมฆปุริส, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    407. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena aññataro sattho rājagahā paṭiyālokaṃ gantukāmo hoti. Aññataro bhikkhu te manusse etadavoca – ‘‘ahampāyasmantehi saddhiṃ gamissāmī’’ti. ‘‘Mayaṃ kho, bhante, suṅkaṃ pariharissāmā’’ti. ‘‘Pajānāthāvuso’’ti. Assosuṃ kho kammiyā 10 – ‘‘sattho kira suṅkaṃ pariharissatī’’ti. Te magge pariyuṭṭhiṃsu. Atha kho te kammikā taṃ satthaṃ gahetvā acchinditvā taṃ bhikkhuṃ etadavocuṃ – ‘‘kissa tvaṃ, bhante, jānaṃ theyyasatthena saddhiṃ gacchasī’’ti? Palibundhetvā muñciṃsu. Atha kho so bhikkhu sāvatthiṃ gantvā bhikkhūnaṃ etamatthaṃ ārocesi. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma bhikkhu jānaṃ theyyasatthena saddhiṃ saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjissatī’’ti…pe… saccaṃ kira tvaṃ, bhikkhu, jānaṃ theyyasatthena saddhiṃ saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjasīti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tvaṃ, moghapurisa, jānaṃ theyyasatthena saddhiṃ saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjissasi! Netaṃ, moghapurisa, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๔๐๘. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ชานํ เถยฺยสเตฺถน สทฺธิํ สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปเชฺชยฺย, อนฺตมโส คามนฺตรมฺปิ, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    408.‘‘Yopana bhikkhu jānaṃ theyyasatthenasaddhiṃ saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjeyya, antamaso gāmantarampi, pācittiya’’nti.

    ๔๐๙. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ

    409.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.

    ชานาติ นาม สามํ วา ชานาติ, อเญฺญ วา ตสฺส อาโรเจนฺติ, โส วา อาโรเจติฯ

    Jānāti nāma sāmaṃ vā jānāti, aññe vā tassa ārocenti, so vā āroceti.

    เถยฺยสโตฺถ นาม โจรา กตกมฺมา วา โหนฺติ อกตกมฺมา วา, ราชานํ วา เถยฺยํ คจฺฉนฺติ สุงฺกํ วา ปริหรนฺติฯ

    Theyyasattho nāma corā katakammā vā honti akatakammā vā, rājānaṃ vā theyyaṃ gacchanti suṅkaṃ vā pariharanti.

    สทฺธินฺติ เอกโตฯ

    Saddhinti ekato.

    สํวิธายาติ – ‘‘คจฺฉามาวุโส, คจฺฉาม ภเนฺต; คจฺฉาม ภเนฺต, คจฺฉามาวุโส, อชฺช วา หิโยฺย วา ปเร วา คจฺฉามา’’ติ สํวิทหติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ

    Saṃvidhāyāti – ‘‘gacchāmāvuso, gacchāma bhante; gacchāma bhante, gacchāmāvuso, ajja vā hiyyo vā pare vā gacchāmā’’ti saṃvidahati, āpatti dukkaṭassa.

    อนฺตมโส คามนฺตรมฺปีติ กุกฺกุฎสมฺปาเต คาเม คามนฺตเร คามนฺตเร อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อคามเก อรเญฺญ อทฺธโยชเน อทฺธโยชเน อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Antamaso gāmantarampīti kukkuṭasampāte gāme gāmantare gāmantare āpatti pācittiyassa. Agāmake araññe addhayojane addhayojane āpatti pācittiyassa.

    ๔๑๐. เถยฺยสเตฺถ เถยฺยสตฺถสญฺญี สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปชฺชติ, อนฺตมโส คามนฺตรมฺปิ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ เถยฺยสเตฺถ เวมติโก สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปชฺชติ, อนฺตมโส คามนฺตรมฺปิ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ เถยฺยสเตฺถ อเถยฺยสตฺถสญฺญี สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปชฺชติ, อนฺตมโส คามนฺตรมฺปิ, อนาปตฺติฯ ภิกฺขุ สํวิทหติ, มนุสฺสา น สํวิทหนฺติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อเถยฺยสเตฺถ เถยฺยสตฺถสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อเถยฺยสเตฺถ เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อเถยฺยสเตฺถ อเถยฺยสตฺถสญฺญี อนาปตฺติฯ

    410. Theyyasatthe theyyasatthasaññī saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjati, antamaso gāmantarampi, āpatti pācittiyassa. Theyyasatthe vematiko saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjati, antamaso gāmantarampi, āpatti dukkaṭassa. Theyyasatthe atheyyasatthasaññī saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjati, antamaso gāmantarampi, anāpatti. Bhikkhu saṃvidahati, manussā na saṃvidahanti, āpatti dukkaṭassa. Atheyyasatthe theyyasatthasaññī, āpatti dukkaṭassa. Atheyyasatthe vematiko, āpatti dukkaṭassa. Atheyyasatthe atheyyasatthasaññī anāpatti.

    ๔๑๑. อนาปตฺติ อสํวิทหิตฺวา คจฺฉติ, มนุสฺสา สํวิทหนฺติ ภิกฺขุ น สํวิทหติ, วิสเงฺกเตน คจฺฉติ, อาปทาสุ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    411. Anāpatti asaṃvidahitvā gacchati, manussā saṃvidahanti bhikkhu na saṃvidahati, visaṅketena gacchati, āpadāsu, ummattakassa, ādikammikassāti.

    เถยฺยสตฺถสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ฉฎฺฐํฯ

    Theyyasatthasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ chaṭṭhaṃ.

    ๗. สํวิธานสิกฺขาปทํ

    7. Saṃvidhānasikkhāpadaṃ

    ๔๑๒. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ โกสเลสุ ชนปเท สาวตฺถิํ คจฺฉโนฺต อญฺญตเรน คามทฺวาเรน อติกฺกมติฯ อญฺญตรา อิตฺถี สามิเกน สห ภณฺฑิตฺวา คามโต นิกฺขมิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘กหํ, ภเนฺต, อโยฺย คมิสฺสตี’’ติ? ‘‘สาวตฺถิํ โข อหํ, ภคินิ, คมิสฺสามี’’ติฯ ‘‘อหํ อเยฺยน สทฺธิํ คมิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอยฺยาสิ, ภคินี’’ติฯ อถ โข ตสฺสา อิตฺถิยา สามิโก คามโต นิกฺขมิตฺวา มนุเสฺส ปุจฺฉิ – ‘‘อปาโยฺย 11 เอวรูปิํ อิตฺถิํ ปเสฺสยฺยาถา’’ติ? ‘‘เอสาโยฺย, ปพฺพชิเตน สห คจฺฉตี’’ติฯ อถ โข โส ปุริโส อนุพนฺธิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ คเหตฺวา อาโกเฎตฺวา มุญฺจิฯ อถ โข โส ภิกฺขุ อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ปธูเปโนฺต นิสีทิฯ อถ โข สา อิตฺถี ตํ ปุริสํ เอตทโวจ – ‘‘นาโยฺย โส ภิกฺขุ มํ นิปฺปาเตสิ; อปิจ, อหเมว เตน ภิกฺขุนา สทฺธิํ คจฺฉามิ; อการโก โส ภิกฺขุ; คจฺฉ, นํ ขมาเปหี’’ติฯ อถ โข โส ปุริโส ตํ ภิกฺขุํ ขมาเปสิฯ อถ โข โส ภิกฺขุ สาวตฺถิํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ภิกฺขุ มาตุคาเมน สทฺธิํ สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปชฺชิสฺสตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, มาตุคาเมน สทฺธิํ สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปชฺชสีติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, มาตุคาเมน สทฺธิํ สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปชฺชิสฺสสิ! เนตํ, โมฆปุริส, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ, อุทฺทิเสยฺยาถ –

    412. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu kosalesu janapade sāvatthiṃ gacchanto aññatarena gāmadvārena atikkamati. Aññatarā itthī sāmikena saha bhaṇḍitvā gāmato nikkhamitvā taṃ bhikkhuṃ passitvā etadavoca – ‘‘kahaṃ, bhante, ayyo gamissatī’’ti? ‘‘Sāvatthiṃ kho ahaṃ, bhagini, gamissāmī’’ti. ‘‘Ahaṃ ayyena saddhiṃ gamissāmī’’ti. ‘‘Eyyāsi, bhaginī’’ti. Atha kho tassā itthiyā sāmiko gāmato nikkhamitvā manusse pucchi – ‘‘apāyyo 12 evarūpiṃ itthiṃ passeyyāthā’’ti? ‘‘Esāyyo, pabbajitena saha gacchatī’’ti. Atha kho so puriso anubandhitvā taṃ bhikkhuṃ gahetvā ākoṭetvā muñci. Atha kho so bhikkhu aññatarasmiṃ rukkhamūle padhūpento nisīdi. Atha kho sā itthī taṃ purisaṃ etadavoca – ‘‘nāyyo so bhikkhu maṃ nippātesi; apica, ahameva tena bhikkhunā saddhiṃ gacchāmi; akārako so bhikkhu; gaccha, naṃ khamāpehī’’ti. Atha kho so puriso taṃ bhikkhuṃ khamāpesi. Atha kho so bhikkhu sāvatthiṃ gantvā bhikkhūnaṃ etamatthaṃ ārocesi. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma bhikkhu mātugāmena saddhiṃ saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjissatī’’ti…pe… saccaṃ kira tvaṃ, bhikkhu, mātugāmena saddhiṃ saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjasīti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tvaṃ, moghapurisa, mātugāmena saddhiṃ saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjissasi! Netaṃ, moghapurisa, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ, uddiseyyātha –

    ๔๑๓. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ มาตุคาเมน สทฺธิํ สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปเชฺชยฺย, อนฺตมโส คามนฺตรมฺปิ, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    413.‘‘Yo pana bhikkhu mātugāmena saddhiṃ saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjeyya, antamaso gāmantarampi, pācittiya’’nti.

    ๔๑๔. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ

    414.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.

    มาตุคาโม นาม มนุสฺสิตฺถี, น ยกฺขี น เปตี น ติรจฺฉานคตา วิญฺญู ปฎิพลา สุภาสิตทุพฺภาสิตํ ทุฎฺฐุลฺลาทุฎฺฐุลฺลํ อาชานิตุํฯ

    Mātugāmo nāma manussitthī, na yakkhī na petī na tiracchānagatā viññū paṭibalā subhāsitadubbhāsitaṃ duṭṭhullāduṭṭhullaṃ ājānituṃ.

    สทฺธินฺติ เอกโตฯ

    Saddhinti ekato.

    สํวิธายาติ – ‘‘คจฺฉาม ภคินิ, คจฺฉามายฺย, คจฺฉามายฺย, คจฺฉาม ภคินิ, อชฺช วา หิโยฺย วา ปเร วา คจฺฉามา’’ติ สํวิทหติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ

    Saṃvidhāyāti – ‘‘gacchāma bhagini, gacchāmāyya, gacchāmāyya, gacchāma bhagini, ajja vā hiyyo vā pare vā gacchāmā’’ti saṃvidahati, āpatti dukkaṭassa.

    อนฺตมโส คามนฺตรมฺปีติ กุกฺกุฎสมฺปาเต คาเม คามนฺตเร คามนฺตเร อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อคามเก อรเญฺญ อทฺธโยชเน อทฺธโยชเน อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Antamaso gāmantarampīti kukkuṭasampāte gāme gāmantare gāmantare āpatti pācittiyassa. Agāmake araññe addhayojane addhayojane āpatti pācittiyassa.

    ๔๑๕. มาตุคาเม มาตุคามสญฺญี สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปชฺชติ, อนฺตมโส คามนฺตรมฺปิ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ มาตุคาเม เวมติโก สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปชฺชติ, อนฺตมโส คามนฺตรมฺปิ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ มาตุคาเม อมาตุคามสญฺญี สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปชฺชติ, อนฺตมโส คามนฺตรมฺปิ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    415. Mātugāme mātugāmasaññī saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjati, antamaso gāmantarampi, āpatti pācittiyassa. Mātugāme vematiko saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjati, antamaso gāmantarampi, āpatti pācittiyassa. Mātugāme amātugāmasaññī saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjati, antamaso gāmantarampi, āpatti pācittiyassa.

    ภิกฺขุ สํวิทหติ มาตุคาโม น สํวิทหติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ยกฺขิยา วา เปติยา ปณฺฑเกน วา ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหิตฺถิยา วา สทฺธิํ สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปชฺชติ, อนฺตมโส คามนฺตรมฺปิ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อมาตุคาเม มาตุคามสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อมาตุคาเม เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อมาตุคาเม อมาตุคามสญฺญี, อนาปตฺติฯ

    Bhikkhu saṃvidahati mātugāmo na saṃvidahati, āpatti dukkaṭassa. Yakkhiyā vā petiyā paṇḍakena vā tiracchānagatamanussaviggahitthiyā vā saddhiṃ saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjati, antamaso gāmantarampi, āpatti dukkaṭassa. Amātugāme mātugāmasaññī, āpatti dukkaṭassa. Amātugāme vematiko, āpatti dukkaṭassa. Amātugāme amātugāmasaññī, anāpatti.

    ๔๑๖. อนาปตฺติ อสํวิทหิตฺวา คจฺฉติ, มาตุคาโม สํวิทหติ ภิกฺขุ น สํวิทหติ, วิสเงฺกเตน คจฺฉติ, อาปทาสุ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    416. Anāpatti asaṃvidahitvā gacchati, mātugāmo saṃvidahati bhikkhu na saṃvidahati, visaṅketena gacchati, āpadāsu, ummattakassa, ādikammikassāti.

    สํวิธานสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ สตฺตมํฯ

    Saṃvidhānasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ sattamaṃ.

    ๘. อริฎฺฐสิกฺขาปทํ

    8. Ariṭṭhasikkhāpadaṃ

    ๔๑๗. 13 เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อริฎฺฐสฺส นาม ภิกฺขุโน คทฺธพาธิปุพฺพสฺส 14 เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติฯ อโสฺสสุํ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู – ‘‘อริฎฺฐสฺส กิร นาม ภิกฺขุโน คทฺธพาธิปุพฺพสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติฯ อถ โข เต ภิกฺขู เยน อริโฎฺฐ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุโพฺพ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อริฎฺฐํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ เอตทโวจุํ – ‘‘สจฺจํ กิร เต, อาวุโส อริฎฺฐ, เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ? ‘‘เอวํพฺยาโข อหํ, อาวุโส, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ – ‘ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติฯ

    417.15 Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena ariṭṭhassa nāma bhikkhuno gaddhabādhipubbassa 16 evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ hoti – ‘‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’ti. Assosuṃ kho sambahulā bhikkhū – ‘‘ariṭṭhassa kira nāma bhikkhuno gaddhabādhipubbassa evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ – ‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā, te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’’ti. Atha kho te bhikkhū yena ariṭṭho bhikkhu gaddhabādhipubbo tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā ariṭṭhaṃ bhikkhuṃ gaddhabādhipubbaṃ etadavocuṃ – ‘‘saccaṃ kira te, āvuso ariṭṭha, evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ – ‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā, te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’ti? ‘‘Evaṃbyākho ahaṃ, āvuso, bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi – ‘yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’’ti.

    ‘‘มา, อาวุโส อริฎฺฐ, เอวํ อวจฯ มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิฯ น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ 17ฯ น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย ฯ อเนกปริยาเยนาวุโส อริฎฺฐ, อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา ภควตาฯ อลญฺจ ปน เต ปฎิเสวโต อนฺตรายายฯ อปฺปสฺสาทา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺยฯ อฎฺฐิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺยฯ มํสเปสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา…เป.… ติณุกฺกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… องฺคารกาสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… สุปินกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… ยาจิตกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… รุกฺขผลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… อสิสูนูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… สตฺติสูลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… สปฺปสิรูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย’’ติฯ

    ‘‘Mā, āvuso ariṭṭha, evaṃ avaca. Mā bhagavantaṃ abbhācikkhi. Na hi sādhu bhagavato abbhakkhānaṃ 18. Na hi bhagavā evaṃ vadeyya . Anekapariyāyenāvuso ariṭṭha, antarāyikā dhammā antarāyikā vuttā bhagavatā. Alañca pana te paṭisevato antarāyāya. Appassādā kāmā vuttā bhagavatā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo. Aṭṭhikaṅkalūpamā kāmā vuttā bhagavatā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo. Maṃsapesūpamā kāmā vuttā bhagavatā…pe… tiṇukkūpamā kāmā vuttā bhagavatā… aṅgārakāsūpamā kāmā vuttā bhagavatā… supinakūpamā kāmā vuttā bhagavatā… yācitakūpamā kāmā vuttā bhagavatā… rukkhaphalūpamā kāmā vuttā bhagavatā… asisūnūpamā kāmā vuttā bhagavatā… sattisūlūpamā kāmā vuttā bhagavatā… sappasirūpamā kāmā vuttā bhagavatā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo’’ti.

    เอวมฺปิ โข อริโฎฺฐ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุโพฺพ เตหิ ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน ตเถว ตํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘‘เอวํพฺยาโข อหํ, อาวุโส, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, – ‘ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติฯ ยโต จ โข เต ภิกฺขู นาสกฺขิํสุ อริฎฺฐํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ เอตสฺมา ปาปกา ทิฎฺฐิคตา วิเวเจตุํ, อถ โข เต ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา อริฎฺฐํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ ปฎิปุจฺฉิ – ‘‘สจฺจํ กิร เต, อริฎฺฐ, เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติ ? ‘‘เอวํพฺยาโข อหํ, ภเนฺต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ – ‘ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติฯ

    Evampi kho ariṭṭho bhikkhu gaddhabādhipubbo tehi bhikkhūhi vuccamāno tatheva taṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ thāmasā parāmāsā abhinivissa voharati – ‘‘evaṃbyākho ahaṃ, āvuso, bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, – ‘yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā, te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’’ti. Yato ca kho te bhikkhū nāsakkhiṃsu ariṭṭhaṃ bhikkhuṃ gaddhabādhipubbaṃ etasmā pāpakā diṭṭhigatā vivecetuṃ, atha kho te bhikkhū yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe bhikkhusaṅghaṃ sannipātāpetvā ariṭṭhaṃ bhikkhuṃ gaddhabādhipubbaṃ paṭipucchi – ‘‘saccaṃ kira te, ariṭṭha, evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ – ‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’’ti ? ‘‘Evaṃbyākho ahaṃ, bhante, bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi – ‘yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’’ti.

    กสฺส นุ โข นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, มยา เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาสิ? นนุ มยา, โมฆปุริส, อเนกปริยาเยน อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตาฯ อลญฺจ ปน เต ปฎิเสวโต อนฺตรายายฯ อปฺปสฺสาทา กามา วุตฺตา มยา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺยฯ อฎฺฐิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา มยา…เป.… มํสเปสูปมา กามา วุตฺตา มยา… ติณุกฺกูปมา กามา วุตฺตา มยา… องฺคารกาสูปมา กามา วุตฺตา มยา… สุปินกูปมา กามา วุตฺตา มยา… ยาจิตกูปมา กามา วุตฺตา มยา… รุกฺขผลูปมา กามา วุตฺตา มยา… อสิสูนูปมา กามา วุตฺตา มยา… สตฺติสูลูปมา กามา วุตฺตา มยา… สปฺปสิรูปมา กามา วุตฺตา มยา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺยฯ อถ จ ปน ตฺวํ, โมฆปุริส, อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อเมฺห เจว อพฺภาจิกฺขสิ, อตฺตานญฺจ ขณสิ, พหุญฺจ อปุญฺญํ ปสวสิฯ ตญฺหิ เต, โมฆปุริส, ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายฯ เนตํ, โมฆปุริส, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.…ฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    Kassa nu kho nāma tvaṃ, moghapurisa, mayā evaṃ dhammaṃ desitaṃ ājānāsi? Nanu mayā, moghapurisa, anekapariyāyena antarāyikā dhammā antarāyikā vuttā. Alañca pana te paṭisevato antarāyāya. Appassādā kāmā vuttā mayā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo. Aṭṭhikaṅkalūpamā kāmā vuttā mayā…pe… maṃsapesūpamā kāmā vuttā mayā… tiṇukkūpamā kāmā vuttā mayā… aṅgārakāsūpamā kāmā vuttā mayā… supinakūpamā kāmā vuttā mayā… yācitakūpamā kāmā vuttā mayā… rukkhaphalūpamā kāmā vuttā mayā… asisūnūpamā kāmā vuttā mayā… sattisūlūpamā kāmā vuttā mayā… sappasirūpamā kāmā vuttā mayā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo. Atha ca pana tvaṃ, moghapurisa, attanā duggahitena amhe ceva abbhācikkhasi, attānañca khaṇasi, bahuñca apuññaṃ pasavasi. Tañhi te, moghapurisa, bhavissati dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya. Netaṃ, moghapurisa, appasannānaṃ vā pasādāya…pe…. Evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๔๑๘. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ เอวมสฺส วจนีโย – ‘มายสฺมา เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย, อเนกปริยาเยนาวุโส, อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา ภควตา, อลญฺจ ปน เต ปฎิเสวโต อนฺตรายายา’ติฯ เอวญฺจ 19 โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน ตเถว ปคฺคเณฺหยฺย, โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ ยาวตติยํ สมนุภาสิตโพฺพ ตสฺส ปฎินิสฺสคฺคายฯ ยาวตติยเญฺจ สมนุภาสิยมาโน ตํ ปฎินิสฺสเชฺชยฺย, อิเจฺจตํ กุสลํ, โน เจ ปฎินิสฺสเชฺชยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    418.‘‘Yo pana bhikkhu evaṃ vadeyya – ‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā, te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’ti so bhikkhu bhikkhūhi evamassa vacanīyo – ‘māyasmā evaṃ avaca, mā bhagavantaṃ abbhācikkhi, na hi sādhu bhagavato abbhakkhānaṃ, na hi bhagavā evaṃ vadeyya, anekapariyāyenāvuso, antarāyikā dhammā antarāyikā vuttā bhagavatā, alañca pana te paṭisevato antarāyāyā’ti. Evañca 20 so bhikkhu bhikkhūhi vuccamāno tatheva paggaṇheyya, so bhikkhu bhikkhūhi yāvatatiyaṃ samanubhāsitabbo tassa paṭinissaggāya. Yāvatatiyañce samanubhāsiyamāno taṃ paṭinissajjeyya, iccetaṃ kusalaṃ, no ce paṭinissajjeyya, pācittiya’’nti.

    ๔๑๙. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ

    419.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.

    เอวํ วเทยฺยาติ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติฯ

    Evaṃ vadeyyāti – ‘‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’ti.

    โส ภิกฺขูติ โย โส เอวํวาที ภิกฺขุฯ

    Sobhikkhūti yo so evaṃvādī bhikkhu.

    ภิกฺขูหีติ อเญฺญหิ ภิกฺขูหิฯ เย ปสฺสนฺติ เย สุณนฺติ เตหิ วตฺตโพฺพ – ‘‘มายสฺมา เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย, อเนกปริยาเยนาวุโส อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา ภควตาฯ อลญฺจ ปน เต ปฎิเสวโต อนฺตรายายา’’ติฯ ทุติยมฺปิ วตฺตโพฺพฯ ตติยมฺปิ วตฺตโพฺพฯ สเจ ปฎินิสฺสชฺชติ , อิเจฺจตํ กุสลํ; โน เจ ปฎินิสฺสชฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ สุตฺวา น วทนฺติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โส ภิกฺขุ สงฺฆมชฺฌมฺปิ อากฑฺฒิตฺวา วตฺตโพฺพ – ‘‘มายสฺมา เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย, อเนกปริยาเยนาวุโส อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา ภควตาฯ อลญฺจ ปน เต ปฎิเสวโต อนฺตรายายา’’ติฯ ทุติยมฺปิ วตฺตโพฺพฯ ตติยมฺปิ วตฺตโพฺพฯ สเจ ปฎินิสฺสชฺชติ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ ปฎินิสฺสชฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โส ภิกฺขุ สมนุภาสิตโพฺพฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, สมนุภาสิตโพฺพฯ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –

    Bhikkhūhīti aññehi bhikkhūhi. Ye passanti ye suṇanti tehi vattabbo – ‘‘māyasmā evaṃ avaca, mā bhagavantaṃ abbhācikkhi, na hi sādhu bhagavato abbhakkhānaṃ, na hi bhagavā evaṃ vadeyya, anekapariyāyenāvuso antarāyikā dhammā antarāyikā vuttā bhagavatā. Alañca pana te paṭisevato antarāyāyā’’ti. Dutiyampi vattabbo. Tatiyampi vattabbo. Sace paṭinissajjati , iccetaṃ kusalaṃ; no ce paṭinissajjati, āpatti dukkaṭassa. Sutvā na vadanti, āpatti dukkaṭassa. So bhikkhu saṅghamajjhampi ākaḍḍhitvā vattabbo – ‘‘māyasmā evaṃ avaca, mā bhagavantaṃ abbhācikkhi, na hi sādhu bhagavato abbhakkhānaṃ, na hi bhagavā evaṃ vadeyya, anekapariyāyenāvuso antarāyikā dhammā antarāyikā vuttā bhagavatā. Alañca pana te paṭisevato antarāyāyā’’ti. Dutiyampi vattabbo. Tatiyampi vattabbo. Sace paṭinissajjati, iccetaṃ kusalaṃ. No ce paṭinissajjati, āpatti dukkaṭassa. So bhikkhu samanubhāsitabbo. Evañca pana, bhikkhave, samanubhāsitabbo. Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –

    ๔๒๐. ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติฯ โส ตํ ทิฎฺฐิํ น ปฎินิสฺสชฺชติฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ สมนุภาเสยฺย – ตสฺสา ทิฎฺฐิยา ปฎินิสฺสคฺคายฯ เอสา ญตฺติฯ

    420. ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Itthannāmassa bhikkhuno evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ – ‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā, te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’ti. So taṃ diṭṭhiṃ na paṭinissajjati. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho itthannāmaṃ bhikkhuṃ samanubhāseyya – tassā diṭṭhiyā paṭinissaggāya. Esā ñatti.

    ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติฯ โส ตํ ทิฎฺฐิํ น ปฎินิสฺสชฺชติฯ สโงฺฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ สมนุภาสติ ตสฺสา ทิฎฺฐิยา ปฎินิสฺสคฺคายฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน สมนุภาสนา, ตสฺสา ทิฎฺฐิยา ปฎินิสฺสคฺคาย, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ

    ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Itthannāmassa bhikkhuno evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ – ‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā, te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’ti. So taṃ diṭṭhiṃ na paṭinissajjati. Saṅgho itthannāmaṃ bhikkhuṃ samanubhāsati tassā diṭṭhiyā paṭinissaggāya. Yassāyasmato khamati itthannāmassa bhikkhuno samanubhāsanā, tassā diṭṭhiyā paṭinissaggāya, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.

    ‘‘ทุติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ…เป.… ตติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ – ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ ฯ โส ตํ ทิฎฺฐิํ น ปฎินิสฺสชฺชติฯ สโงฺฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ สมนุภาสติ ตสฺสา ทิฎฺฐิยา ปฎินิสฺสคฺคายฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน สมนุภาสนา, ตสฺสา ทิฎฺฐิยา ปฎินิสฺสคฺคาย, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ

    ‘‘Dutiyampi etamatthaṃ vadāmi…pe… tatiyampi etamatthaṃ vadāmi – ‘‘suṇātu me, bhante, saṅgho. Itthannāmassa bhikkhuno evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ – ‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’ti . So taṃ diṭṭhiṃ na paṭinissajjati. Saṅgho itthannāmaṃ bhikkhuṃ samanubhāsati tassā diṭṭhiyā paṭinissaggāya. Yassāyasmato khamati itthannāmassa bhikkhuno samanubhāsanā, tassā diṭṭhiyā paṭinissaggāya, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.

    ‘‘สมนุภโฎฺฐ สเงฺฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ, ตสฺสา ทิฎฺฐิยา ปฎินิสฺสคฺคายฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ

    ‘‘Samanubhaṭṭho saṅghena itthannāmo bhikkhu, tassā diṭṭhiyā paṭinissaggāya. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.

    ญตฺติยา ทุกฺกฎํฯ ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ทุกฺกฎาฯ กมฺมวาจาปริโยสาเน อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Ñattiyā dukkaṭaṃ. Dvīhi kammavācāhi dukkaṭā. Kammavācāpariyosāne āpatti pācittiyassa.

    ๔๒๑. ธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญี น ปฎินิสฺสชฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ธมฺมกเมฺม เวมติโก น ปฎินิสฺสชฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส ธมฺมกเมฺม อธมฺมกมฺมสญฺญี น ปฎินิสฺสชฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    421. Dhammakamme dhammakammasaññī na paṭinissajjati, āpatti pācittiyassa. Dhammakamme vematiko na paṭinissajjati, āpatti pācittiyassa dhammakamme adhammakammasaññī na paṭinissajjati, āpatti pācittiyassa.

    อธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อธมฺมกเมฺม เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อธมฺมกเมฺม อธมฺมกมฺมสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ

    Adhammakamme dhammakammasaññī, āpatti dukkaṭassa. Adhammakamme vematiko, āpatti dukkaṭassa. Adhammakamme adhammakammasaññī, āpatti dukkaṭassa.

    ๔๒๒. อนาปตฺติ อสมนุภาสนฺตสฺส, ปฎินิสฺสชฺชนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกสฺสาติฯ

    422. Anāpatti asamanubhāsantassa, paṭinissajjantassa, ummattakassāti.

    อริฎฺฐสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ อฎฺฐมํฯ

    Ariṭṭhasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ aṭṭhamaṃ.

    ๙. อุกฺขิตฺตสโมฺภคสิกฺขาปทํ

    9. Ukkhittasambhogasikkhāpadaṃ

    ๔๒๓. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ชานํ ตถาวาทินา อริเฎฺฐน ภิกฺขุนา 21 อกฎานุธเมฺมน ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสเฎฺฐน สทฺธิํ สมฺภุญฺชนฺติปิ สํวสนฺติปิ สหาปิ เสยฺยํ กเปฺปนฺติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ชานํ ตถาวาทินา อริเฎฺฐน ภิกฺขุนา 22 อกฎานุธเมฺมน ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสเฎฺฐน สทฺธิํ สมฺภุญฺชิสฺสนฺติปิ สํวสิสฺสนฺติปิ สหาปิ เสยฺยํ กเปฺปสฺสนฺตีติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ชานํ ตถาวาทินา อริเฎฺฐน ภิกฺขุนา 23 อกฎานุธเมฺมน ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสเฎฺฐน สทฺธิํ สมฺภุญฺชถาปิ สํวสถาปิ สหาปิ เสยฺยํ กเปฺปถาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, ชานํ ตถาวาทินา อริเฎฺฐน ภิกฺขุนา 24 อกฎานุธเมฺมน ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสเฎฺฐน สทฺธิํ สมฺภุญฺชิสฺสถาปิ สํวสิสฺสถาปิ สหาปิ เสยฺยํ กเปฺปสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    423. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū jānaṃ tathāvādinā ariṭṭhena bhikkhunā 25 akaṭānudhammena taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissaṭṭhena saddhiṃ sambhuñjantipi saṃvasantipi sahāpi seyyaṃ kappenti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū jānaṃ tathāvādinā ariṭṭhena bhikkhunā 26 akaṭānudhammena taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissaṭṭhena saddhiṃ sambhuñjissantipi saṃvasissantipi sahāpi seyyaṃ kappessantīti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, jānaṃ tathāvādinā ariṭṭhena bhikkhunā 27 akaṭānudhammena taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissaṭṭhena saddhiṃ sambhuñjathāpi saṃvasathāpi sahāpi seyyaṃ kappethāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, jānaṃ tathāvādinā ariṭṭhena bhikkhunā 28 akaṭānudhammena taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissaṭṭhena saddhiṃ sambhuñjissathāpi saṃvasissathāpi sahāpi seyyaṃ kappessatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๔๒๔. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ชานํ ตถาวาทินา ภิกฺขุนา อกฎานุธเมฺมน ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสเฎฺฐน สทฺธิํ สมฺภุเญฺชยฺย วา สํวเสยฺย วา สห วา เสยฺยํ กเปฺปยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    424.‘‘Yopana bhikkhu jānaṃ tathāvādinā bhikkhunā akaṭānudhammena taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissaṭṭhena saddhiṃ sambhuñjeyya vā saṃvaseyya vā saha vā seyyaṃkappeyya, pācittiya’’nti.

    ๔๒๕. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ

    425.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.

    ชานาติ นาม สามํ วา ชานาติ, อเญฺญ วา ตสฺส อาโรเจนฺติ, โส วา อาโรเจติฯ

    Jānāti nāma sāmaṃ vā jānāti, aññe vā tassa ārocenti, so vā āroceti.

    ตถาวาทินาติ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ เอวํ วาทินาฯ

    Tathāvādināti – ‘‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā, te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’ti evaṃ vādinā.

    อกฎานุธโมฺม นาม อุกฺขิโตฺต อโนสาริโตฯ

    Akaṭānudhammo nāma ukkhitto anosārito.

    ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสเฎฺฐน สทฺธินฺติ เอตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสเฎฺฐน สทฺธิํฯ

    Taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissaṭṭhena saddhinti etaṃ diṭṭhiṃ appaṭinissaṭṭhena saddhiṃ.

    สมฺภุเญฺชยฺย วาติ สโมฺภโค นาม เทฺว สโมฺภคา – อามิสสโมฺภโค จ ธมฺมสโมฺภโค จฯ อามิสสโมฺภโค นาม อามิสํ เทติ วา ปฎิคฺคณฺหาติ วา, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ธมฺมสโมฺภโค นาม อุทฺทิสติ วา อุทฺทิสาเปติ วา, ปเทน อุทฺทิสติ วา อุทฺทิสาเปติ วา, ปเท ปเท อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อกฺขราย อุทฺทิสติ วา อุทฺทิสาเปติ วา, อกฺขรกฺขราย อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Sambhuñjeyya vāti sambhogo nāma dve sambhogā – āmisasambhogo ca dhammasambhogo ca. Āmisasambhogo nāma āmisaṃ deti vā paṭiggaṇhāti vā, āpatti pācittiyassa. Dhammasambhogo nāma uddisati vā uddisāpeti vā, padena uddisati vā uddisāpeti vā, pade pade āpatti pācittiyassa. Akkharāya uddisati vā uddisāpeti vā, akkharakkharāya āpatti pācittiyassa.

    สํวเสยฺย วาติ อุกฺขิตฺตเกน สทฺธิํ อุโปสถํ วา ปวารณํ วา สงฺฆกมฺมํ วา กโรติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Saṃvaseyyati ukkhittakena saddhiṃ uposathaṃ vā pavāraṇaṃ vā saṅghakammaṃ vā karoti, āpatti pācittiyassa.

    สห วา เสยฺยํ กเปฺปยฺยาติ เอกจฺฉเนฺน อุกฺขิตฺตเก นิปเนฺน ภิกฺขุ นิปชฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ภิกฺขุ นิปเนฺน อุกฺขิตฺตโก นิปชฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุโภ วา นิปชฺชนฺติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุฎฺฐหิตฺวา ปุนปฺปุนํ นิปชฺชนฺติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Sahavā seyyaṃ kappeyyāti ekacchanne ukkhittake nipanne bhikkhu nipajjati, āpatti pācittiyassa. Bhikkhu nipanne ukkhittako nipajjati, āpatti pācittiyassa. Ubho vā nipajjanti, āpatti pācittiyassa. Uṭṭhahitvā punappunaṃ nipajjanti, āpatti pācittiyassa.

    ๔๒๖. อุกฺขิตฺตเก อุกฺขิตฺตกสญฺญี สมฺภุญฺชติ วา สํวสติ วา สห วา เสยฺยํ กเปฺปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุกฺขิตฺตเก เวมติโก สมฺภุญฺชติ วา สํวสติ วา สห วา เสยฺยํ กเปฺปติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อุกฺขิตฺตเก อนุกฺขิตฺตกสญฺญี สมฺภุญฺชติ วา สํวสติ วา สห วา เสยฺยํ กเปฺปติ, อนาปตฺติ ฯ อนุกฺขิตฺตเก อุกฺขิตฺตกสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุกฺขิตฺตเก เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุกฺขิตฺตเก อนุกฺขิตฺตกสญฺญี, อนาปตฺติฯ

    426. Ukkhittake ukkhittakasaññī sambhuñjati vā saṃvasati vā saha vā seyyaṃ kappeti, āpatti pācittiyassa. Ukkhittake vematiko sambhuñjati vā saṃvasati vā saha vā seyyaṃ kappeti, āpatti dukkaṭassa. Ukkhittake anukkhittakasaññī sambhuñjati vā saṃvasati vā saha vā seyyaṃ kappeti, anāpatti . Anukkhittake ukkhittakasaññī, āpatti dukkaṭassa. Anukkhittake vematiko, āpatti dukkaṭassa. Anukkhittake anukkhittakasaññī, anāpatti.

    ๔๒๗. อนาปตฺติ อนุกฺขิโตฺตติ ชานาติ, อุกฺขิโตฺต โอสาริโตติ ชานาติ, อุกฺขิโตฺต ตํ ทิฎฺฐิํ ปฎินิสฺสโฎฺฐติ ชานาติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    427. Anāpatti anukkhittoti jānāti, ukkhitto osāritoti jānāti, ukkhitto taṃ diṭṭhiṃ paṭinissaṭṭhoti jānāti, ummattakassa, ādikammikassāti.

    อุกฺขิตฺตสโมฺภคสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ นวมํฯ

    Ukkhittasambhogasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ navamaṃ.

    ๑๐. กณฺฎกสิกฺขาปทํ

    10. Kaṇṭakasikkhāpadaṃ

    ๔๒๘. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน กณฺฎกสฺส 29 นาม สมณุเทฺทสสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติฯ อโสฺสสุํ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู กณฺฎกสฺส นาม กิร สมณุเทฺทสสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติฯ อถ โข เต ภิกฺขู เยน กณฺฎโก สมณุเทฺทโส เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา กณฺฎกํ สมณุเทฺทสํ เอตทโวจุํ – ‘‘สจฺจํ กิร เต, อาวุโส กณฺฎก, เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เย’เม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติ? ‘‘เอวํพฺยาโข อหํ, ภเนฺต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ – ‘ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติฯ

    428. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena kaṇṭakassa 30 nāma samaṇuddesassa evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ hoti – ‘‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’ti. Assosuṃ kho sambahulā bhikkhū kaṇṭakassa nāma kira samaṇuddesassa evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ – ‘‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā, te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’ti. Atha kho te bhikkhū yena kaṇṭako samaṇuddeso tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā kaṇṭakaṃ samaṇuddesaṃ etadavocuṃ – ‘‘saccaṃ kira te, āvuso kaṇṭaka, evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ – ‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā ye’me antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’’ti? ‘‘Evaṃbyākho ahaṃ, bhante, bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi – ‘yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’’ti.

    มา , อาวุโส กณฺฎก, เอวํ อวจฯ มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิฯ น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํฯ น หิ ภควา เอวํ วเทยฺยฯ อเนกปริยาเยน, อาวุโส กณฺฎก, อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา ภควตาฯ อลญฺจ ปน เต ปฎิเสวโต อนฺตรายายฯ อปฺปสฺสาทา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย…เป.… เอวมฺปิ โข กณฺฎโก สมณุเทฺทโส เตหิ ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน ตเถว ตํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘‘เอวํพฺยาโข อหํ, ภเนฺต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ – ‘ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติฯ

    Mā , āvuso kaṇṭaka, evaṃ avaca. Mā bhagavantaṃ abbhācikkhi. Na hi sādhu bhagavato abbhakkhānaṃ. Na hi bhagavā evaṃ vadeyya. Anekapariyāyena, āvuso kaṇṭaka, antarāyikā dhammā antarāyikā vuttā bhagavatā. Alañca pana te paṭisevato antarāyāya. Appassādā kāmā vuttā bhagavatā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo…pe… evampi kho kaṇṭako samaṇuddeso tehi bhikkhūhi vuccamāno tatheva taṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ thāmasā parāmāsā abhinivissa voharati – ‘‘evaṃbyākho ahaṃ, bhante, bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi – ‘yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’’ti.

    ยโต จ โข เต ภิกฺขู นาสกฺขิํสุ กณฺฎกํ สมณุเทฺทสํ เอตสฺมา ปาปกา ทิฎฺฐิคตา วิเวเจตุํ, อถ โข เต ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา กณฺฎกํ สมณุเทฺทสํ ปฎิปุจฺฉิ – ‘‘สจฺจํ กิร เต, กณฺฎก, เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติ? ‘‘เอวํพฺยาโข อหํ, ภเนฺต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ – ‘ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติฯ

    Yato ca kho te bhikkhū nāsakkhiṃsu kaṇṭakaṃ samaṇuddesaṃ etasmā pāpakā diṭṭhigatā vivecetuṃ, atha kho te bhikkhū yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe bhikkhusaṅghaṃ sannipātāpetvā kaṇṭakaṃ samaṇuddesaṃ paṭipucchi – ‘‘saccaṃ kira te, kaṇṭaka, evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ – ‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’’ti? ‘‘Evaṃbyākho ahaṃ, bhante, bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi – ‘yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’’ti.

    ‘‘กสฺส นุ โข นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, มยา เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาสิ? นนุ มยา, โมฆปุริส, อเนกปริยาเยน อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา, อลญฺจ ปน เต ปฎิเสวโต อนฺตรายาย? อปฺปสฺสาทา กามา วุตฺตา มยา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺยฯ อฎฺฐิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา มยา…เป.… สปฺปสิรูปมา กามา วุตฺตา มยา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺยฯ อถ จ ปน ตฺวํ, โมฆปุริส, อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อเมฺห เจว อพฺภาจิกฺขสิ อตฺตานญฺจ ขณสิ พหุญฺจ อปุญฺญํ ปสวสิฯ ตญฺหิ เต, โมฆปุริส, ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายฯ เนตํ, โมฆปุริส, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… ปสนฺนานญฺจ เอกจฺจานํ อญฺญถตฺตายา’’ติฯ วิครหิตฺวา…เป.… ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สโงฺฆ กณฺฎกํ สมณุเทฺทสํ นาเสตุฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, นาเสตโพฺพ – อชฺชตเคฺค เต, อาวุโส กณฺฎก, น เจว โส ภควา สตฺถา อปทิสิตโพฺพฯ ยมฺปิ จเญฺญ สมณุเทฺทสา ลภนฺติ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ทิรตฺตติรตฺตํ สหเสยฺยํ สาปิ เต นตฺถิฯ จร ปิเร วินสฺสา’’ติฯ อถ โข สโงฺฆ กณฺฎกํ สมณุเทฺทสํ นาเสสิฯ

    ‘‘Kassa nu kho nāma tvaṃ, moghapurisa, mayā evaṃ dhammaṃ desitaṃ ājānāsi? Nanu mayā, moghapurisa, anekapariyāyena antarāyikā dhammā antarāyikā vuttā, alañca pana te paṭisevato antarāyāya? Appassādā kāmā vuttā mayā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo. Aṭṭhikaṅkalūpamā kāmā vuttā mayā…pe… sappasirūpamā kāmā vuttā mayā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo. Atha ca pana tvaṃ, moghapurisa, attanā duggahitena amhe ceva abbhācikkhasi attānañca khaṇasi bahuñca apuññaṃ pasavasi. Tañhi te, moghapurisa, bhavissati dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya. Netaṃ, moghapurisa, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… pasannānañca ekaccānaṃ aññathattāyā’’ti. Vigarahitvā…pe… dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘tena hi, bhikkhave, saṅgho kaṇṭakaṃ samaṇuddesaṃ nāsetu. Evañca pana, bhikkhave, nāsetabbo – ajjatagge te, āvuso kaṇṭaka, na ceva so bhagavā satthā apadisitabbo. Yampi caññe samaṇuddesā labhanti bhikkhūhi saddhiṃ dirattatirattaṃ sahaseyyaṃ sāpi te natthi. Cara pire vinassā’’ti. Atha kho saṅgho kaṇṭakaṃ samaṇuddesaṃ nāsesi.

    เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ชานํ ตถานาสิตํ กณฺฎกํ สมณุเทฺทสํ อุปลาเปนฺติปิ อุปฎฺฐาเปนฺติปิ สมฺภุญฺชนฺติปิ สหาปิ เสยฺยํ กเปฺปนฺติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ชานํ ตถานาสิตํ กณฺฎกํ สมณุเทฺทสํ อุปลาเปสฺสนฺติปิ อุปฎฺฐาเปสฺสนฺติปิ สมฺภุญฺชิสฺสนฺติปิ สหาปิ เสยฺยํ กเปฺปสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ชานํ ตถานาสิตํ กณฺฎกํ สมณุเทฺทสํ อุปลาเปถาปิ อุปฎฺฐาเปถาปิ สมฺภุญฺชถาปิ สหาปิ เสยฺยํ กเปฺปถาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, ชานํ ตถานาสิตํ กณฺฎกํ สมณุเทฺทสํ อุปลาเปสฺสถาปิ อุปฎฺฐาเปสฺสถาปิ สมฺภุญฺชิสฺสถาปิ สหาปิ เสยฺยํ กเปฺปสฺสถ ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū jānaṃ tathānāsitaṃ kaṇṭakaṃ samaṇuddesaṃ upalāpentipi upaṭṭhāpentipi sambhuñjantipi sahāpi seyyaṃ kappenti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū jānaṃ tathānāsitaṃ kaṇṭakaṃ samaṇuddesaṃ upalāpessantipi upaṭṭhāpessantipi sambhuñjissantipi sahāpi seyyaṃ kappessantī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, jānaṃ tathānāsitaṃ kaṇṭakaṃ samaṇuddesaṃ upalāpethāpi upaṭṭhāpethāpi sambhuñjathāpi sahāpi seyyaṃ kappethāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, jānaṃ tathānāsitaṃ kaṇṭakaṃ samaṇuddesaṃ upalāpessathāpi upaṭṭhāpessathāpi sambhuñjissathāpi sahāpi seyyaṃ kappessatha ! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๔๒๙. ‘‘สมณุเทฺทโสปิ เจ เอวํ วเทยฺย – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ, โส สมณุเทฺทโส ภิกฺขูหิ เอวมสฺส วจนีโย – ‘มาวุโส สมณุเทฺทส, เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺยฯ อเนกปริยาเยนาวุโส สมณุเทฺทส, อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา ภควตาฯ อลญฺจ ปน เต ปฎิเสวโต อนฺตรายายา’ติฯ เอวญฺจ 31 โส สมณุเทฺทโส ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน ตเถว ปคฺคเณฺหยฺย, โส สมณุเทฺทโส ภิกฺขูหิ เอวมสฺส วจนีโย – ‘อชฺชตเคฺค เต, อาวุโส สมณุเทฺทส, น เจว โส ภควา สตฺถา อปทิสิตโพฺพฯ ยมฺปิ จเญฺญ สมณุเทฺทสา ลภนฺติ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ทิรตฺตติรตฺตํ สหเสยฺยํ สาปิ เต นตฺถิฯ จร ปิเร วินสฺสา’ติฯ โย ปน ภิกฺขุ ชานํ ตถานาสิตํ สมณุเทฺทสํ อุปลาเปยฺย วา อุปฎฺฐาเปยฺย วา สมฺภุเญฺชยฺย วา สห วา เสยฺยํ กเปฺปยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    429.‘‘Samaṇuddesopi ce evaṃ vadeyya – ‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’ti, so samaṇuddeso bhikkhūhi evamassa vacanīyo – ‘māvuso samaṇuddesa, evaṃ avaca, mā bhagavantaṃ abbhācikkhi, na hi sādhu bhagavato abbhakkhānaṃ, na hi bhagavā evaṃ vadeyya. Anekapariyāyenāvuso samaṇuddesa, antarāyikā dhammā antarāyikā vuttā bhagavatā. Alañca pana te paṭisevato antarāyāyā’ti. Evañca 32 so samaṇuddeso bhikkhūhi vuccamāno tatheva paggaṇheyya, so samaṇuddeso bhikkhūhi evamassa vacanīyo – ‘ajjatagge te, āvuso samaṇuddesa, na ceva so bhagavā satthā apadisitabbo. Yampi caññe samaṇuddesā labhanti bhikkhūhi saddhiṃ dirattatirattaṃ sahaseyyaṃ sāpi te natthi. Cara pire vinassā’ti. Yo pana bhikkhu jānaṃ tathānāsitaṃ samaṇuddesaṃ upalāpeyya vā upaṭṭhāpeyya vā sambhuñjeyya vā saha vā seyyaṃ kappeyya, pācittiya’’nti.

    ๔๓๐. สมณุเทฺทโส นาม สามเณโร วุจฺจติฯ

    430.Samaṇuddeso nāma sāmaṇero vuccati.

    เอวํ วเทยฺยาติ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติฯ

    Evaṃvadeyyāti – ‘‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathāyeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā, te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’ti.

    โส สมณุเทฺทโสติ โย โส เอวํวาที สมณุเทฺทโสฯ

    Sosamaṇuddesoti yo so evaṃvādī samaṇuddeso.

    ภิกฺขูหีติ อเญฺญหิ ภิกฺขูหิ, เย ปสฺสนฺติ เย สุณนฺติ เตหิ วตฺตโพฺพ – ‘‘มา, อาวุโส สมณุเทฺทส, เอวํ อวจฯ มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิฯ น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํฯ น หิ ภควา เอวํ วเทยฺยฯ อเนกปริยาเยนาวุโส สมณุเทฺทส, อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา ภควตาฯ อลญฺจ ปน เต ปฎิเสวโต อนฺตรายายา’’ติฯ ทุติยมฺปิ วตฺตโพฺพ… ตติยมฺปิ วตฺตโพฺพ…เป.… สเจ ปฎินิสฺสชฺชติ อิเจฺจตํ กุสลํ, โน เจ ปฎินิสฺสชฺชติ โส สมณุเทฺทโส ภิกฺขูหิ เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘อชฺชตเคฺค เต, อาวุโส สมณุเทฺทส, น เจว โส ภควา สตฺถา อปทิสิตโพฺพฯ ยมฺปิ จเญฺญ สมณุเทฺทสา ลภนฺติ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ทิรตฺตติรตฺตํ สหเสยฺยํ สาปิ เต นตฺถิฯ จร ปิเร วินสฺสา’’ติฯ

    Bhikkhūhīti aññehi bhikkhūhi, ye passanti ye suṇanti tehi vattabbo – ‘‘mā, āvuso samaṇuddesa, evaṃ avaca. Mā bhagavantaṃ abbhācikkhi. Na hi sādhu bhagavato abbhakkhānaṃ. Na hi bhagavā evaṃ vadeyya. Anekapariyāyenāvuso samaṇuddesa, antarāyikā dhammā antarāyikā vuttā bhagavatā. Alañca pana te paṭisevato antarāyāyā’’ti. Dutiyampi vattabbo… tatiyampi vattabbo…pe… sace paṭinissajjati iccetaṃ kusalaṃ, no ce paṭinissajjati so samaṇuddeso bhikkhūhi evamassa vacanīyo – ‘‘ajjatagge te, āvuso samaṇuddesa, na ceva so bhagavā satthā apadisitabbo. Yampi caññe samaṇuddesā labhanti bhikkhūhi saddhiṃ dirattatirattaṃ sahaseyyaṃ sāpi te natthi. Cara pire vinassā’’ti.

    โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ

    Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.

    ชานาติ นาม สามํ วา ชานาติ, อเญฺญ วา ตสฺส อาโรเจนฺติ, โส วา อาโรเจติฯ

    Jānāti nāma sāmaṃ vā jānāti, aññe vā tassa ārocenti, so vā āroceti.

    ตถานาสิตนฺติ เอวํ นาสิตํฯ

    Tathānāsitanti evaṃ nāsitaṃ.

    สมณุเทฺทโส นาม สามเณโร วุจฺจติฯ

    Samaṇuddeso nāma sāmaṇero vuccati.

    อุปลาเปยฺย วาติ ตสฺส ปตฺตํ วา จีวรํ วา อุเทฺทสํ วา ปริปุจฺฉํ วา ทสฺสามีติ อุปลาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Upalāpeyya vāti tassa pattaṃ vā cīvaraṃ vā uddesaṃ vā paripucchaṃ vā dassāmīti upalāpeti, āpatti pācittiyassa.

    อุปฎฺฐาเปยฺย วาติ ตสฺส จุณฺณํ วา มตฺติกํ วา ทนฺตกฎฺฐํ วา มุโขทกํ วา สาทิยติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Upaṭṭhāpeyya vāti tassa cuṇṇaṃ vā mattikaṃ vā dantakaṭṭhaṃ vā mukhodakaṃ vā sādiyati, āpatti pācittiyassa.

    สมฺภุเญฺชยฺย วาติ สโมฺภโค นาม เทฺว สโมฺภคา – อามิสสโมฺภโค จ ธมฺมสโมฺภโค จฯ อามิสสโมฺภโค นาม อามิสํ เทติ วา ปฎิคฺคณฺหาติ วา, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ธมฺมสโมฺภโค นาม อุทฺทิสติ วา อุทฺทิสาเปติ วา, ปเทน อุทฺทิสติ วา อุทฺทิสาเปติ วา, ปเท ปเท อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อกฺขราย อุทฺทิสติ วา อุทฺทิสาเปติ วา, อกฺขรกฺขราย อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Sambhuñjeyya vāti sambhogo nāma dve sambhogā – āmisasambhogo ca dhammasambhogo ca. Āmisasambhogo nāma āmisaṃ deti vā paṭiggaṇhāti vā, āpatti pācittiyassa. Dhammasambhogo nāma uddisati vā uddisāpeti vā, padena uddisati vā uddisāpeti vā, pade pade āpatti pācittiyassa. Akkharāya uddisati vā uddisāpeti vā, akkharakkharāya āpatti pācittiyassa.

    สห วา เสยฺยํ กเปฺปยฺยาติ เอกจฺฉเนฺน นาสิตเก สมณุเทฺทเส นิปเนฺน ภิกฺขุ นิปชฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ภิกฺขุ นิปเนฺน นาสิตโก สมณุเทฺทโส นิปชฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุโภ วา นิปชฺชนฺติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุฎฺฐหิตฺวา ปุนปฺปุนํ นิปชฺชนฺติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Sahavā seyyaṃ kappeyyāti ekacchanne nāsitake samaṇuddese nipanne bhikkhu nipajjati, āpatti pācittiyassa. Bhikkhu nipanne nāsitako samaṇuddeso nipajjati, āpatti pācittiyassa. Ubho vā nipajjanti, āpatti pācittiyassa. Uṭṭhahitvā punappunaṃ nipajjanti, āpatti pācittiyassa.

    ๔๓๑. นาสิตเก นาสิตกสญฺญี อุปลาเปติ วา อุปฎฺฐาเปติ วา สมฺภุญฺชติ วา สห วา เสยฺยํ กเปฺปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ นาสิตเก เวมติโก อุปลาเปติ วา อุปฎฺฐาเปติ วา สมฺภุญฺชติ วา สห วา เสยฺยํ กเปฺปติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ นาสิตเก อนาสิตกสญฺญี อุปลาเปติ วา อุปฎฺฐาเปติ วา สมฺภุญฺชติ วา สห วา เสยฺยํ กเปฺปติ, อนาปตฺติฯ อนาสิตเก นาสิตกสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนาสิตเก เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนาสิตเก อนาสิตกสญฺญี, อนาปตฺติฯ

    431. Nāsitake nāsitakasaññī upalāpeti vā upaṭṭhāpeti vā sambhuñjati vā saha vā seyyaṃ kappeti, āpatti pācittiyassa. Nāsitake vematiko upalāpeti vā upaṭṭhāpeti vā sambhuñjati vā saha vā seyyaṃ kappeti, āpatti dukkaṭassa. Nāsitake anāsitakasaññī upalāpeti vā upaṭṭhāpeti vā sambhuñjati vā saha vā seyyaṃ kappeti, anāpatti. Anāsitake nāsitakasaññī, āpatti dukkaṭassa. Anāsitake vematiko, āpatti dukkaṭassa. Anāsitake anāsitakasaññī, anāpatti.

    ๔๓๒. อนาปตฺติ อนาสิตโกติ ชานาติ, ตํ ทิฎฺฐิํ ปฎินิสฺสโฎฺฐติ ชานาติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    432. Anāpatti anāsitakoti jānāti, taṃ diṭṭhiṃ paṭinissaṭṭhoti jānāti, ummattakassa, ādikammikassāti.

    กณฺฎกสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ทสมํฯ

    Kaṇṭakasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ dasamaṃ.

    สปฺปาณกวโคฺค สตฺตโมฯ

    Sappāṇakavaggo sattamo.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    สญฺจิจฺจวธสปฺปาณํ, อุโกฺกฎํ ทุฎฺฐุลฺลฉาทนํ;

    Sañciccavadhasappāṇaṃ, ukkoṭaṃ duṭṭhullachādanaṃ;

    อูนวีสติ สตฺถญฺจ, สํวิธานํ อริฎฺฐกํ;

    Ūnavīsati satthañca, saṃvidhānaṃ ariṭṭhakaṃ;

    อุกฺขิตฺตํ กณฺฎกเญฺจว, ทส สิกฺขาปทา อิเมติฯ

    Ukkhittaṃ kaṇṭakañceva, dasa sikkhāpadā imeti.







    Footnotes:
    1. เวทยามหํ (สฺยา.)
    2. vedayāmahaṃ (syā.)
    3. อาปชฺชิ (?)
    4. āpajji (?)
    5. อิทํ วตฺถุ มหาว. ๙๙
    6. idaṃ vatthu mahāva. 99
    7. สมฺมนติ (ก.)
    8. sammanati (ka.)
    9. กมฺมิกา (สี. สฺยา.)
    10. kammikā (sī. syā.)
    11. อปยฺยา (สี. สฺยา.)
    12. apayyā (sī. syā.)
    13. อิทํ วตฺถุ จูฬว. ๖๕; ม. นิ. ๑.๒๓๔
    14. คนฺธพาธิปุพฺพสฺส (สฺยา. ก.)
    15. idaṃ vatthu cūḷava. 65; ma. ni. 1.234
    16. gandhabādhipubbassa (syā. ka.)
    17. อพฺภาจิกฺขนํ (อิติปิ)
    18. abbhācikkhanaṃ (itipi)
    19. เอวญฺจ ปน (ก.)
    20. evañca pana (ka.)
    21. ภิกฺขุนา คทฺธพาธิปุเพฺพน (?)
    22. ภิกฺขุนา คทฺธพาธิปุเพฺพน (?)
    23. ภิกฺขุนา คทฺธพาธิปุเพฺพน (?)
    24. ภิกฺขุนา คทฺธพาธิปุพฺพเน (?)
    25. bhikkhunā gaddhabādhipubbena (?)
    26. bhikkhunā gaddhabādhipubbena (?)
    27. bhikkhunā gaddhabādhipubbena (?)
    28. bhikkhunā gaddhabādhipubbane (?)
    29. กณฺฑกสฺส (สฺยา. ก.)
    30. kaṇḍakassa (syā. ka.)
    31. เอวญฺจ ปน (ก.)
    32. evañca pana (ka.)



    Related texts:




    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact