Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เทฺวมาติกาปาฬิ • Dvemātikāpāḷi |
๗. สปฺปาณกวโคฺค
7. Sappāṇakavaggo
๑. สญฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Sañciccasikkhāpadavaṇṇanā
สปฺปาณกวคฺคสฺส ปฐเม ปาโณติ ติรจฺฉานคตปาโณ อธิเปฺปโตฯ ตํ ขุทฺทกมฺปิ มหนฺตมฺปิ มาเรนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมว, มหเนฺต ปน อุปกฺกมมหนฺตตาย อกุสลํ มหนฺตํ โหติฯ
Sappāṇakavaggassa paṭhame pāṇoti tiracchānagatapāṇo adhippeto. Taṃ khuddakampi mahantampi mārentassa pācittiyameva, mahante pana upakkamamahantatāya akusalaṃ mahantaṃ hoti.
สาวตฺถิยํ อุทายิเตฺถรํ อารพฺภ ปาณํ ชีวิตา โวโรปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, สาณตฺติกํ, ปาเณ เวมติกสฺส, อปาเณ ปาณสญฺญิโน, เวมติกสฺส วา ทุกฺกฎํ ฯ อปาณสญฺญิสฺส, อสญฺจิจฺจ, อชานนฺตสฺส, นมรณาธิปฺปายสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ เสสํ มนุสฺสวิคฺคเห วุตฺตนยเมวาติฯ
Sāvatthiyaṃ udāyittheraṃ ārabbha pāṇaṃ jīvitā voropanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, sāṇattikaṃ, pāṇe vematikassa, apāṇe pāṇasaññino, vematikassa vā dukkaṭaṃ . Apāṇasaññissa, asañcicca, ajānantassa, namaraṇādhippāyassa, ummattakādīnañca anāpatti. Sesaṃ manussaviggahe vuttanayamevāti.
สญฺจิจฺจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sañciccasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Sappāṇakasikkhāpadavaṇṇanā
ทุติเย สปฺปาณกนฺติ เย ปาณกา ปริโภเคน มรนฺติ, เตหิ สปฺปาณกํ, ตาทิสญฺหิ ชานํ ปริภุญฺชนฺตสฺส ปโยเค ปโยเค ปาจิตฺติยํฯ
Dutiye sappāṇakanti ye pāṇakā paribhogena maranti, tehi sappāṇakaṃ, tādisañhi jānaṃ paribhuñjantassa payoge payoge pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ ชานํ สปฺปาณกํ อุทกํ ปริภุญฺชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เสสเมตฺถ สิญฺจนสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ chabbaggiye ārabbha jānaṃ sappāṇakaṃ udakaṃ paribhuñjanavatthusmiṃ paññattaṃ, sesamettha siñcanasikkhāpade vuttanayeneva veditabbanti.
สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sappāṇakasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๓. อุโกฺกฎนสิกฺขาปทวณฺณนา
3. Ukkoṭanasikkhāpadavaṇṇanā
ตติเย ยถาธมฺมนฺติ โย ยสฺส อธิกรณสฺส วูปสมาย ธโมฺม วุโตฺต, เตเนว ธเมฺมนฯ นิหตาธิกรณนฺติ นิหตํ อธิกรณํ, สมถกฺขนฺธเก (จูฬว. ๑๘๕ อาทโย) สตฺถารา วุตฺตธเมฺมเนว วูปสมิตนฺติ อโตฺถ, วูปสมนนยํ ปนสฺส อธิกรณสมเถสุ ทสฺสยิสฺสามฯ ปุนกมฺมาย อุโกฺกเฎยฺยาติ ตสฺส ตสฺส ภิกฺขุโน สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อกตํ กมฺม’’นฺติอาทีนิ (ปาจิ. ๓๙๔) วทโนฺต ปุนกรณตฺถาย อุจฺจาเลยฺยฯ ยถาฐิตภาเวน ปติฎฺฐาตุํ น ทเทยฺย, ตเสฺสวํ กโรนฺตสฺส ปาจิตฺติยํฯ ยํ ปน ธเมฺมน อธิกรณํ นิหตํ , ตํ สุนิหตเมวฯ สเจ วิปฺปกเต กเมฺม ปฎิโกฺกสติ, ตํ สญฺญาเปตฺวา กาตพฺพํฯ อิตรถา กมฺมญฺจ กุปฺปติ, การกานญฺจ อาปตฺติฯ
Tatiye yathādhammanti yo yassa adhikaraṇassa vūpasamāya dhammo vutto, teneva dhammena. Nihatādhikaraṇanti nihataṃ adhikaraṇaṃ, samathakkhandhake (cūḷava. 185 ādayo) satthārā vuttadhammeneva vūpasamitanti attho, vūpasamananayaṃ panassa adhikaraṇasamathesu dassayissāma. Punakammāya ukkoṭeyyāti tassa tassa bhikkhuno santikaṃ gantvā ‘‘akataṃ kamma’’ntiādīni (pāci. 394) vadanto punakaraṇatthāya uccāleyya. Yathāṭhitabhāvena patiṭṭhātuṃ na dadeyya, tassevaṃ karontassa pācittiyaṃ. Yaṃ pana dhammena adhikaraṇaṃ nihataṃ , taṃ sunihatameva. Sace vippakate kamme paṭikkosati, taṃ saññāpetvā kātabbaṃ. Itarathā kammañca kuppati, kārakānañca āpatti.
สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ อุโกฺกฎนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ธมฺมกเมฺม เวมติกสฺส, อธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญิโน, เวมติกสฺส วา ทุกฺกฎํฯ อุภเยสุ อธมฺมกมฺมสญฺญิสฺส, ‘‘อธเมฺมน วา วเคฺคน วา อกมฺมารหสฺส วา กมฺมํ กต’’นฺติ ชานนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ยถาธมฺมํ นิหตภาโว, ชานนา, อุโกฺกฎนาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ, อิทํ ปน ทุกฺขเวทนนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ chabbaggiye bhikkhū ārabbha ukkoṭanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, dhammakamme vematikassa, adhammakamme dhammakammasaññino, vematikassa vā dukkaṭaṃ. Ubhayesu adhammakammasaññissa, ‘‘adhammena vā vaggena vā akammārahassa vā kammaṃ kata’’nti jānantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Yathādhammaṃ nihatabhāvo, jānanā, ukkoṭanāti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisāni, idaṃ pana dukkhavedananti.
อุโกฺกฎนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ukkoṭanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๔. ทุฎฺฐุลฺลสิกฺขาปทวณฺณนา
4. Duṭṭhullasikkhāpadavaṇṇanā
จตุเตฺถ ทุฎฺฐุลฺลนฺติ สงฺฆาทิเสสํ อธิเปฺปตํ, ตํ เยน เกนจิ อุปาเยน ญตฺวา ปฎิจฺฉาเทนฺตสฺส ปาจิตฺติยํฯ สเจปิ ‘‘น ทานิ นํ กสฺสจิ ภิกฺขุโน อาโรเจสฺสามี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา ปจฺฉา อาโรเจติ, ปาจิตฺติยํ, อาปชฺชิตฺวาว อาโรเจสฺสติฯ สเจ ปน เอวํ ธุรํ นิกฺขิปิตฺวา ปฎิจฺฉาทนตฺถเมว อญฺญสฺส อาโรเจติ, โสปิ อญฺญสฺสาติ เอเตนุปาเยน สมณสตมฺปิ อาปชฺชติเยว ตาว, ยาว โกฎิ น ฉิชฺชติฯ กถํ ปน โกฎิ ฉิชฺชติ? สเจ หิ อาปโนฺน เอกสฺส อาโรเจติ, โสปิ อญฺญสฺส อาโรเจติ, โส นิวตฺติตฺวา เยนสฺส อาโรจิตํ, ตเสฺสว อาโรเจติ, เอวํ ตติเยน ปุคฺคเลน ทุติยสฺส อาโรจิเต โกฎิ ฉินฺนา โหติฯ
Catutthe duṭṭhullanti saṅghādisesaṃ adhippetaṃ, taṃ yena kenaci upāyena ñatvā paṭicchādentassa pācittiyaṃ. Sacepi ‘‘na dāni naṃ kassaci bhikkhuno ārocessāmī’’ti dhuraṃ nikkhipitvā pacchā āroceti, pācittiyaṃ, āpajjitvāva ārocessati. Sace pana evaṃ dhuraṃ nikkhipitvā paṭicchādanatthameva aññassa āroceti, sopi aññassāti etenupāyena samaṇasatampi āpajjatiyeva tāva, yāva koṭi na chijjati. Kathaṃ pana koṭi chijjati? Sace hi āpanno ekassa āroceti, sopi aññassa āroceti, so nivattitvā yenassa ārocitaṃ, tasseva āroceti, evaṃ tatiyena puggalena dutiyassa ārocite koṭi chinnā hoti.
สาวตฺถิยํ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ ทุฎฺฐุลฺลาปตฺติปฎิจฺฉาทนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อสาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ทุฎฺฐุลฺลาย อาปตฺติยา อาทิปเท ปาจิตฺติยํ, อิตเรสุ ทฺวีสุ ทุกฺกฎํ, อทุฎฺฐุลฺลาย ติกทุกฺกฎํ, อนุปสมฺปนฺนสฺส ทุฎฺฐุเลฺล วา อทุฎฺฐุเลฺล วา อชฺฌาจาเร ทุกฺกฎเมวฯ ‘‘สงฺฆสฺส ภณฺฑนาทีนิ ภวิสฺสนฺตี’’ติ (ปาจิ. ๔๐๑) วา ‘‘อยํ กกฺขโฬ ผรุโส ชีวิตนฺตรายํ วา พฺรหฺมจริยนฺตรายํ วา กริสฺสตี’’ติ วา อนาโรเจนฺตสฺส, ปติรูปํ ภิกฺขุํ อปสฺสโต , น ฉาเทตุกามสฺส, ‘‘ปญฺญายิสฺสติ สเกน กเมฺมนา’’ติ อนาโรเจนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อุปสมฺปนฺนสฺส ทุฎฺฐุลฺลาปตฺติชานนํ, ‘‘ปฎิจฺฉาเทตุกามตาย นาโรเจสฺสามี’’ติ ธุรนิเกฺขโปติ อิมาเนตฺถ เทฺว องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ สมนุภาสนสอสาเนวาติฯ
Sāvatthiyaṃ aññataraṃ bhikkhuṃ ārabbha duṭṭhullāpattipaṭicchādanavatthusmiṃ paññattaṃ, asādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, duṭṭhullāya āpattiyā ādipade pācittiyaṃ, itaresu dvīsu dukkaṭaṃ, aduṭṭhullāya tikadukkaṭaṃ, anupasampannassa duṭṭhulle vā aduṭṭhulle vā ajjhācāre dukkaṭameva. ‘‘Saṅghassa bhaṇḍanādīni bhavissantī’’ti (pāci. 401) vā ‘‘ayaṃ kakkhaḷo pharuso jīvitantarāyaṃ vā brahmacariyantarāyaṃ vā karissatī’’ti vā anārocentassa, patirūpaṃ bhikkhuṃ apassato , na chādetukāmassa, ‘‘paññāyissati sakena kammenā’’ti anārocentassa, ummattakādīnañca anāpatti. Upasampannassa duṭṭhullāpattijānanaṃ, ‘‘paṭicchādetukāmatāya nārocessāmī’’ti dhuranikkhepoti imānettha dve aṅgāni. Samuṭṭhānādīni samanubhāsanasaasānevāti.
ทุฎฺฐุลฺลสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Duṭṭhullasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๕. อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Ūnavīsativassasikkhāpadavaṇṇanā
ปญฺจเม อูนวีสติวสฺสนฺติ ปฎิสนฺธิคฺคหณโต ปฎฺฐาย อปริปุณฺณวีสติวสฺสํฯ อุปสมฺปาเทยฺยาติ อุปชฺฌาโย หุตฺวา อุปสมฺปาเทยฺยฯ โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปโนฺนติ ชานเนฺตนาปิ อชานเนฺตนาปิ อุปสมฺปาทิโต อนุปสมฺปโนฺนวฯ สเจ ปน โส ทสวสฺสจฺจเยน อญฺญํ อุปสมฺปาเทติ, ตเญฺจ มุญฺจิตฺวา คโณ ปูรติ, สูปสมฺปโนฺนฯ โสปิ ยาว น ชานาติ, ตาว ตสฺส เนว สคฺคนฺตราโย น โมกฺขนฺตราโย, ญตฺวา ปน ปุน อุปสมฺปชฺชิตพฺพํฯ เต จ ภิกฺขู คารยฺหาติ ฐเปตฺวา อุปชฺฌายํ อวเสสา คารยฺหา โหนฺติ, สเพฺพ ทุกฺกฎํ อาปชฺชนฺติฯ อิทํ ตสฺมิํ ปาจิตฺติยนฺติ โย ปน อุปชฺฌาโย หุตฺวา อุปสมฺปาเทติ, ตสฺมิํเยว ปุคฺคเล อิทํ ปาจิตฺติยํ เวทิตพฺพํฯ ตสฺมา โย ‘‘เอวํ อุปสมฺปาเทสฺสามี’’ติ คณํ วา อาจริยํ วา ปตฺตํ วา จีวรํ วา ปริเยสติ, สีมํ วา สมฺมนฺนติ (ปาจิ. ๔๐๔), อุทกุเกฺขปํ วา ปริจฺฉินฺทติ, โส เอเตสุ สพฺพกิเจฺจสุ ญตฺติยา, ทฺวีสุ จ กมฺมวาจาสุ ทุกฺกฎานิ อาปชฺชิตฺวา กมฺมวาจาปริโยสาเน ปาจิตฺติยํ อาปชฺชติฯ
Pañcame ūnavīsativassanti paṭisandhiggahaṇato paṭṭhāya aparipuṇṇavīsativassaṃ. Upasampādeyyāti upajjhāyo hutvā upasampādeyya. So ca puggalo anupasampannoti jānantenāpi ajānantenāpi upasampādito anupasampannova. Sace pana so dasavassaccayena aññaṃ upasampādeti, tañce muñcitvā gaṇo pūrati, sūpasampanno. Sopi yāva na jānāti, tāva tassa neva saggantarāyo na mokkhantarāyo, ñatvā pana puna upasampajjitabbaṃ. Te ca bhikkhū gārayhāti ṭhapetvā upajjhāyaṃ avasesā gārayhā honti, sabbe dukkaṭaṃ āpajjanti. Idaṃ tasmiṃ pācittiyanti yo pana upajjhāyo hutvā upasampādeti, tasmiṃyeva puggale idaṃ pācittiyaṃ veditabbaṃ. Tasmā yo ‘‘evaṃ upasampādessāmī’’ti gaṇaṃ vā ācariyaṃ vā pattaṃ vā cīvaraṃ vā pariyesati, sīmaṃ vā sammannati (pāci. 404), udakukkhepaṃ vā paricchindati, so etesu sabbakiccesu ñattiyā, dvīsu ca kammavācāsu dukkaṭāni āpajjitvā kammavācāpariyosāne pācittiyaṃ āpajjati.
ราชคเห สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ อูนวีสติวสฺสํ อุปสมฺปาทนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อสาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, อูนวีสติวเสฺส เวมติกสฺส, ปริปุณฺณวีสติวเสฺส อูนกสญฺญิโน, เวมติกสฺส จ ทุกฺกฎํฯ อุภยตฺถ ปริปุณฺณสญฺญิสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อูนวีสติวสฺสตา, อูนกสญฺญิตา, อุปสมฺปาทนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ, อิทํ ปน ปณฺณตฺติวชฺชํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Rājagahe sambahule bhikkhū ārabbha ūnavīsativassaṃ upasampādanavatthusmiṃ paññattaṃ, asādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, ūnavīsativasse vematikassa, paripuṇṇavīsativasse ūnakasaññino, vematikassa ca dukkaṭaṃ. Ubhayattha paripuṇṇasaññissa, ummattakādīnañca anāpatti. Ūnavīsativassatā, ūnakasaññitā, upasampādananti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisāni, idaṃ pana paṇṇattivajjaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ūnavīsativassasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๖. เถยฺยสตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา
6. Theyyasatthasikkhāpadavaṇṇanā
ฉเฎฺฐ เย ราชานํ วา วเญฺจตฺวา สุงฺกํ วา ปริหริตุกามา โจรา กตกมฺมา เจว อกตกมฺมา จ มคฺคปฺปฎิปนฺนา, เตสุ อิธ เถยฺยสตฺถสญฺญิโน ตสฺส เถยฺยสตฺถภาวํ ญตฺวา เตน สทฺธิํ สํวิธาย คจฺฉนฺตสฺส สํวิธาเน จ คมเน จ โอวาทวเคฺค วุตฺตนเยน อาปตฺติวินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
Chaṭṭhe ye rājānaṃ vā vañcetvā suṅkaṃ vā pariharitukāmā corā katakammā ceva akatakammā ca maggappaṭipannā, tesu idha theyyasatthasaññino tassa theyyasatthabhāvaṃ ñatvā tena saddhiṃ saṃvidhāya gacchantassa saṃvidhāne ca gamane ca ovādavagge vuttanayena āpattivinicchayo veditabbo.
สาวตฺถิยํ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ เถยฺยสเตฺถน สทฺธิํ สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปชฺชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, มนุเสฺสสุ อสํวิทหเนฺตสุ สยเมว สํวิทหิตฺวา คจฺฉนฺตสฺส, เถยฺยสเตฺถ เวมติกสฺส, อเถยฺยสเตฺถ เถยฺยสตฺถสญฺญิโน, เวมติกสฺส จ ทุกฺกฎํฯ อเถยฺยสตฺถสญฺญิสฺส, อสํวิทหิตฺวา วา กาลวิสเงฺกเตน วา, อาปทาสุ วา, คจฺฉนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ เถยฺยสตฺถภาโว, ชานนํ, สํวิธานํ, อวิสเงฺกเตน คมนนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ เถยฺยสตฺถสมุฎฺฐานํ, กิริยํ, สญฺญาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ aññataraṃ bhikkhuṃ ārabbha theyyasatthena saddhiṃ saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, manussesu asaṃvidahantesu sayameva saṃvidahitvā gacchantassa, theyyasatthe vematikassa, atheyyasatthe theyyasatthasaññino, vematikassa ca dukkaṭaṃ. Atheyyasatthasaññissa, asaṃvidahitvā vā kālavisaṅketena vā, āpadāsu vā, gacchantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Theyyasatthabhāvo, jānanaṃ, saṃvidhānaṃ, avisaṅketena gamananti imānettha cattāri aṅgāni. Theyyasatthasamuṭṭhānaṃ, kiriyaṃ, saññāvimokkhaṃ, sacittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
เถยฺยสตฺถสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Theyyasatthasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๗. สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา
7. Saṃvidhānasikkhāpadavaṇṇanā
สตฺตเม สาวตฺถิยํ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ มาตุคาเมน สทฺธิํ เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปชฺชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เสสเมตฺถ ภิกฺขุนิยา สทฺธิํ สํวิธานสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติฯ
Sattame sāvatthiyaṃ aññataraṃ bhikkhuṃ ārabbha mātugāmena saddhiṃ ekaddhānamaggaṃ paṭipajjanavatthusmiṃ paññattaṃ, sesamettha bhikkhuniyā saddhiṃ saṃvidhānasikkhāpade vuttanayeneva veditabbanti.
สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saṃvidhānasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๘. อริฎฺฐสิกฺขาปทวณฺณนา
8. Ariṭṭhasikkhāpadavaṇṇanā
อฎฺฐเม สคฺคโมกฺขานํ อนฺตรายํ กโรนฺตีติ อนฺตรายิกา, เต กมฺมกิเลสวิปากอุปวาทปญฺญตฺติวีติกฺกมนวเสน ปญฺจวิธาฯ เตสุ มุทุกานํ อตฺถรณาทีนํ ผโสฺส วิย อิตฺถิสมฺผโสฺสปิ วฎฺฎตีติ เมถุนวีติกฺกมเน โทสํ อทิสฺวา ปญฺญตฺติวีติกฺกมนฺตรายิเก สนฺธาย ‘‘เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ วุตฺตํฯ อเนกปริยาเยนาติ ‘‘อฎฺฐิกงฺกลูปมา กามา’’ติอาทีหิ (ม. นิ. ๒.๔๒; ปาจิ. ๔๑๗; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิเทฺทส ๑๔๗) เนเกหิ การเณหิฯ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหีติ เย ปสฺสนฺติ วา สุณนฺติ วา, เตหิ ติกฺขตฺตุํ เอวํ วตฺตโพฺพ ‘‘มา อายสฺมา เอวํ อวจ…เป.… อลญฺจ ปน เต ปฎิเสวโต อนฺตรายายา’’ติฯ เอวํ วุเตฺต อปฺปฎินิสฺสชฺชนฺตสฺส ทุกฺกฎํ, สุตฺวา อวทนฺตานมฺปิ ทุกฺกฎํฯ ปุน สงฺฆมชฺฌมฺปิ อากฑฺฒิตฺวา ตเถว วตฺตโพฺพ, ตตฺราปิ ตสฺส อปฺปฎินิสฺสชฺชเน, อิตเรสญฺจ อวจเน ทุกฺกฎเมวฯ เอวมฺปิ อปฺปฎินิสฺสชฺชโนฺต ปุน ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน ยาวตติยํ สมนุภาสิตโพฺพ, อถสฺส อปฺปฎินิสฺสชฺชโต ปุน ญตฺติยา จ ทฺวีหิ จ กมฺมวาจาหิ ทุกฺกฎํ, กมฺมวาจาปริโยสาเน ปาจิตฺติยํฯ
Aṭṭhame saggamokkhānaṃ antarāyaṃ karontīti antarāyikā, te kammakilesavipākaupavādapaññattivītikkamanavasena pañcavidhā. Tesu mudukānaṃ attharaṇādīnaṃ phasso viya itthisamphassopi vaṭṭatīti methunavītikkamane dosaṃ adisvā paññattivītikkamantarāyike sandhāya ‘‘yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā, te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’ti vuttaṃ. Anekapariyāyenāti ‘‘aṭṭhikaṅkalūpamā kāmā’’tiādīhi (ma. ni. 2.42; pāci. 417; cūḷani. khaggavisāṇasuttaniddesa 147) nekehi kāraṇehi. So bhikkhu bhikkhūhīti ye passanti vā suṇanti vā, tehi tikkhattuṃ evaṃ vattabbo ‘‘mā āyasmā evaṃ avaca…pe… alañca pana te paṭisevato antarāyāyā’’ti. Evaṃ vutte appaṭinissajjantassa dukkaṭaṃ, sutvā avadantānampi dukkaṭaṃ. Puna saṅghamajjhampi ākaḍḍhitvā tatheva vattabbo, tatrāpi tassa appaṭinissajjane, itaresañca avacane dukkaṭameva. Evampi appaṭinissajjanto puna ñatticatutthena kammena yāvatatiyaṃ samanubhāsitabbo, athassa appaṭinissajjato puna ñattiyā ca dvīhi ca kammavācāhi dukkaṭaṃ, kammavācāpariyosāne pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ อริฎฺฐํ อารพฺภ ปาปิกาย ทิฎฺฐิยา อปฺปฎินิสฺสชฺชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, อธมฺมกเมฺม ติกทุกฺกฎํฯ อสมนุภาสิยมานสฺส , ปฎินิสฺสชฺชนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ธมฺมกมฺมตา, สมนุภาสนา, อปฺปฎินิสฺสชฺชนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ สมนุภาสนสทิสาเนวาติฯ
Sāvatthiyaṃ ariṭṭhaṃ ārabbha pāpikāya diṭṭhiyā appaṭinissajjanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, adhammakamme tikadukkaṭaṃ. Asamanubhāsiyamānassa , paṭinissajjantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Dhammakammatā, samanubhāsanā, appaṭinissajjananti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni samanubhāsanasadisānevāti.
อริฎฺฐสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ariṭṭhasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๙. อุกฺขิตฺตสโมฺภคสิกฺขาปทวณฺณนา
9. Ukkhittasambhogasikkhāpadavaṇṇanā
นวเม ตถาวาทินาติ ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺม’’นฺติอาทิวาทินาฯ อกตานุธเมฺมนาติ อนุธโมฺม วุจฺจติ อาปตฺติยา อทสฺสเน วา อปฺปฎิกเมฺม วา ปาปิกาย ทิฎฺฐิยา อปฺปฎินิสฺสเคฺค วา ธเมฺมน วินเยน อุกฺขิตฺตกสฺส อนุโลมวตฺตํ ทิสฺวา กตโอสารณา, โส โอสารณสงฺขาโต อนุธโมฺม ยสฺส น กโต, อยํ อกตานุธโมฺม นาม, ตาทิเสน สทฺธินฺติ อโตฺถฯ สมฺภุเญฺชยฺย วาติ อามิสสโมฺภคํ วา ธมฺมสโมฺภคํ วา กเรยฺยฯ สํวเสยฺย วาติ อุโปสถาทิกํ สงฺฆกมฺมํ กเรยฺย ฯ สห วา เสยฺยํ กเปฺปยฺยาติ นานูปจาเรปิ เอกจฺฉเนฺน นิปเชฺชยฺยฯ ตตฺถ อามิสปริโภเค เอกปฺปโยเคน พหูปิ ททโต วา คณฺหโต วา เอกํ ปาจิตฺติยํ, วิจฺฉินฺทเน สติ ปโยเค ปโยเค ปาจิตฺติยํฯ ธมฺมสโมฺภเค ปทาทีหิ อุทฺทิสนฺตสฺส วา อุทฺทิสาเปนฺตสฺส วา ปทโสธเมฺม วุตฺตนเยน, สํวาเส กมฺมปริโยสานวเสน, สหเสยฺยาย เอกสฺมิํ นิปเนฺน อิตรสฺส นิปชฺชนปฺปโยควเสน อาปตฺติปริเจฺฉโท เวทิตโพฺพฯ
Navame tathāvādināti ‘‘tathāhaṃ bhagavatā dhamma’’ntiādivādinā. Akatānudhammenāti anudhammo vuccati āpattiyā adassane vā appaṭikamme vā pāpikāya diṭṭhiyā appaṭinissagge vā dhammena vinayena ukkhittakassa anulomavattaṃ disvā kataosāraṇā, so osāraṇasaṅkhāto anudhammo yassa na kato, ayaṃ akatānudhammo nāma, tādisena saddhinti attho. Sambhuñjeyya vāti āmisasambhogaṃ vā dhammasambhogaṃ vā kareyya. Saṃvaseyya vāti uposathādikaṃ saṅghakammaṃ kareyya . Saha vā seyyaṃ kappeyyāti nānūpacārepi ekacchanne nipajjeyya. Tattha āmisaparibhoge ekappayogena bahūpi dadato vā gaṇhato vā ekaṃ pācittiyaṃ, vicchindane sati payoge payoge pācittiyaṃ. Dhammasambhoge padādīhi uddisantassa vā uddisāpentassa vā padasodhamme vuttanayena, saṃvāse kammapariyosānavasena, sahaseyyāya ekasmiṃ nipanne itarassa nipajjanappayogavasena āpattiparicchedo veditabbo.
สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ อริเฎฺฐน ภิกฺขุนา สทฺธิํ สมฺภุญฺชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, อุกฺขิตฺตเก เวมติกสฺส, อนุกฺขิตฺตเก อุกฺขิตฺตกสญฺญิโน เจว เวมติกสฺส จ ทุกฺกฎํฯ อุโภสุ อนุกฺขิตฺตกสญฺญิสฺส, ‘‘โอสาริโต’’ติ วา ‘‘ตํ ทิฎฺฐิํ ปฎินิสฺสโฎฺฐ’’ติ วา ชานนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อกตานุธมฺมตา, ชานนา, สโมฺภคาทิกรณนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ, อิทํ ปน ปณฺณตฺติวชฺชํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ chabbaggiye ārabbha ariṭṭhena bhikkhunā saddhiṃ sambhuñjanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, ukkhittake vematikassa, anukkhittake ukkhittakasaññino ceva vematikassa ca dukkaṭaṃ. Ubhosu anukkhittakasaññissa, ‘‘osārito’’ti vā ‘‘taṃ diṭṭhiṃ paṭinissaṭṭho’’ti vā jānantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Akatānudhammatā, jānanā, sambhogādikaraṇanti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisāni, idaṃ pana paṇṇattivajjaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
อุกฺขิตฺตสโมฺภคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ukkhittasambhogasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๐. กณฺฎกสิกฺขาปทวณฺณนา
10. Kaṇṭakasikkhāpadavaṇṇanā
ทสเม สมณุเทฺทโสติ สามเณโรฯ จราติ คจฺฉฯ ปิเรติ ปร อมามกฯ วินสฺสาติ นสฺส , ยตฺถ ตํ น ปสฺสาม, ตตฺถ คจฺฉาติ วุตฺตํ โหติฯ ตถานาสิตนฺติเอตฺถ สํวาสนาสนา ลิงฺคนาสนา ทณฺฑกมฺมนาสนาติ ติโสฺส นาสนาฯ ตตฺถ อาปตฺติยา อทสฺสนาทีสุ อุเกฺขปนา สํวาสนาสนา นามฯ ทูสโก นาเสตโพฺพ (ปารา. ๖๖), เมตฺติยํ ภิกฺขุนิํ นาเสถาติ (จูฬว. ๑๙๓; ปารา. ๓๘๔) อยํ ลิงฺคนาสนา นามฯ ‘‘อชฺชตเคฺค เต, อาวุโส สมณุเทฺทส, น เจว โส ภควา สตฺถา อปทิสิตโพฺพ’’ติ (ปาจิ. ๔๒๙) อยํ ทณฺฑกมฺมนาสนา นาม, อยํ อิธาธิเปฺปตาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตถานาสิต’’นฺติฯ อุปลาเปยฺยาติ ‘‘ปตฺตํ วา จีวรํ วา อุเทฺทสํ วา ปริปุจฺฉํ วา ทสฺสามี’’ติ สงฺคเณฺหยฺยฯ อุปฎฺฐาเปยฺยาติ จุณฺณมตฺติกาทีนิ สาทิยโนฺต เตน อตฺตโน อุปฎฺฐานํ การาเปยฺยฯ สโมฺภคสหเสยฺยา อนนฺตรสิกฺขาปเท วุตฺตนยา เอว, ตสฺมา อาปตฺติปริเจฺฉโทเปตฺถ ตสฺมิํ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ
Dasame samaṇuddesoti sāmaṇero. Carāti gaccha. Pireti para amāmaka. Vinassāti nassa , yattha taṃ na passāma, tattha gacchāti vuttaṃ hoti. Tathānāsitantiettha saṃvāsanāsanā liṅganāsanā daṇḍakammanāsanāti tisso nāsanā. Tattha āpattiyā adassanādīsu ukkhepanā saṃvāsanāsanā nāma. Dūsako nāsetabbo (pārā. 66), mettiyaṃ bhikkhuniṃ nāsethāti (cūḷava. 193; pārā. 384) ayaṃ liṅganāsanā nāma. ‘‘Ajjatagge te, āvuso samaṇuddesa, na ceva so bhagavā satthā apadisitabbo’’ti (pāci. 429) ayaṃ daṇḍakammanāsanā nāma, ayaṃ idhādhippetā. Tena vuttaṃ ‘‘tathānāsita’’nti. Upalāpeyyāti ‘‘pattaṃ vā cīvaraṃ vā uddesaṃ vā paripucchaṃ vā dassāmī’’ti saṅgaṇheyya. Upaṭṭhāpeyyāti cuṇṇamattikādīni sādiyanto tena attano upaṭṭhānaṃ kārāpeyya. Sambhogasahaseyyā anantarasikkhāpade vuttanayā eva, tasmā āpattiparicchedopettha tasmiṃ vuttanayeneva veditabbo.
สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ กณฺฎกสมณุเทฺทสอุปลาปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เสสํ อริฎฺฐสิกฺขาปเท วุตฺตสทิสเมวาติฯ
Sāvatthiyaṃ chabbaggiye bhikkhū ārabbha kaṇṭakasamaṇuddesaupalāpanavatthusmiṃ paññattaṃ, sesaṃ ariṭṭhasikkhāpade vuttasadisamevāti.
กณฺฎกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kaṇṭakasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
สปฺปาณกวโคฺค สตฺตโมฯ
Sappāṇakavaggo sattamo.