Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๓. สปฺปุริสสุตฺตํ

    3. Sappurisasuttaṃ

    ๗๓. ‘‘จตูหิ , ภิกฺขเว, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต อสปฺปุริโส เวทิตโพฺพฯ กตเมหิ จตูหิ? อิธ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส โย โหติ ปรสฺส อวโณฺณ ตํ อปุโฎฺฐปิ ปาตุ กโรติ, โก ปน วาโท ปุฎฺฐสฺส! ปุโฎฺฐ โข ปน ปญฺหาภินีโต อหาเปตฺวา อลมฺพิตฺวา ปริปูรํ วิตฺถาเรน ปรสฺส อวณฺณํ ภาสิตา โหติฯ เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อยํ ภวนฺติฯ

    73. ‘‘Catūhi , bhikkhave, dhammehi samannāgato asappuriso veditabbo. Katamehi catūhi? Idha, bhikkhave, asappuriso yo hoti parassa avaṇṇo taṃ apuṭṭhopi pātu karoti, ko pana vādo puṭṭhassa! Puṭṭho kho pana pañhābhinīto ahāpetvā alambitvā paripūraṃ vitthārena parassa avaṇṇaṃ bhāsitā hoti. Veditabbametaṃ, bhikkhave, asappuriso ayaṃ bhavanti.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส โย โหติ ปรสฺส วโณฺณ ตํ ปุโฎฺฐปิ น ปาตุ กโรติ, โก ปน วาโท อปุฎฺฐสฺส! ปุโฎฺฐ โข ปน ปญฺหาภินีโต หาเปตฺวา ลมฺพิตฺวา อปริปูรํ อวิตฺถาเรน ปรสฺส วณฺณํ ภาสิตา โหติฯ เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อยํ ภวนฺติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso yo hoti parassa vaṇṇo taṃ puṭṭhopi na pātu karoti, ko pana vādo apuṭṭhassa! Puṭṭho kho pana pañhābhinīto hāpetvā lambitvā aparipūraṃ avitthārena parassa vaṇṇaṃ bhāsitā hoti. Veditabbametaṃ, bhikkhave, asappuriso ayaṃ bhavanti.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส โย โหติ อตฺตโน อวโณฺณ ตํ ปุโฎฺฐปิ น ปาตุ กโรติ, โก ปน วาโท อปุฎฺฐสฺส! ปุโฎฺฐ โข ปน ปญฺหาภินีโต หาเปตฺวา ลมฺพิตฺวา อปริปูรํ อวิตฺถาเรน อตฺตโน อวณฺณํ ภาสิตา โหติฯ เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อยํ ภวนฺติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso yo hoti attano avaṇṇo taṃ puṭṭhopi na pātu karoti, ko pana vādo apuṭṭhassa! Puṭṭho kho pana pañhābhinīto hāpetvā lambitvā aparipūraṃ avitthārena attano avaṇṇaṃ bhāsitā hoti. Veditabbametaṃ, bhikkhave, asappuriso ayaṃ bhavanti.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส โย โหติ อตฺตโน วโณฺณ ตํ อปุโฎฺฐปิ ปาตุ กโรติ, โก ปน วาโท ปุฎฺฐสฺส! ปุโฎฺฐ โข ปน ปญฺหาภินีโต อหาเปตฺวา อลมฺพิตฺวา ปริปูรํ วิตฺถาเรน อตฺตโน วณฺณํ ภาสิตา โหติฯ เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อยํ ภวนฺติฯ อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, จตูหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต อสปฺปุริโส เวทิตโพฺพฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso yo hoti attano vaṇṇo taṃ apuṭṭhopi pātu karoti, ko pana vādo puṭṭhassa! Puṭṭho kho pana pañhābhinīto ahāpetvā alambitvā paripūraṃ vitthārena attano vaṇṇaṃ bhāsitā hoti. Veditabbametaṃ, bhikkhave, asappuriso ayaṃ bhavanti. Imehi kho, bhikkhave, catūhi dhammehi samannāgato asappuriso veditabbo.

    ‘‘จตูหิ, ภิกฺขเว, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต สปฺปุริโส เวทิตโพฺพฯ กตเมหิ จตูหิ? อิธ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส โย โหติ ปรสฺส อวโณฺณ ตํ ปุโฎฺฐปิ น ปาตุ กโรติ, โก ปน วาโท อปุฎฺฐสฺส! ปุโฎฺฐ โข ปน ปญฺหาภินีโต หาเปตฺวา ลมฺพิตฺวา อปริปูรํ อวิตฺถาเรน ปรสฺส อวณฺณํ ภาสิตา โหติฯ เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส อยํ ภวนฺติฯ

    ‘‘Catūhi, bhikkhave, dhammehi samannāgato sappuriso veditabbo. Katamehi catūhi? Idha, bhikkhave, sappuriso yo hoti parassa avaṇṇo taṃ puṭṭhopi na pātu karoti, ko pana vādo apuṭṭhassa! Puṭṭho kho pana pañhābhinīto hāpetvā lambitvā aparipūraṃ avitthārena parassa avaṇṇaṃ bhāsitā hoti. Veditabbametaṃ, bhikkhave, sappuriso ayaṃ bhavanti.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส โย โหติ ปรสฺส วโณฺณ ตํ อปุโฎฺฐปิ ปาตุ กโรติ, โก ปน วาโท ปุฎฺฐสฺส! ปุโฎฺฐ โข ปน ปญฺหาภินีโต อหาเปตฺวา อลมฺพิตฺวา ปริปูรํ วิตฺถาเรน ปรสฺส วณฺณํ ภาสิตา โหติฯ เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส อยํ ภวนฺติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, sappuriso yo hoti parassa vaṇṇo taṃ apuṭṭhopi pātu karoti, ko pana vādo puṭṭhassa! Puṭṭho kho pana pañhābhinīto ahāpetvā alambitvā paripūraṃ vitthārena parassa vaṇṇaṃ bhāsitā hoti. Veditabbametaṃ, bhikkhave, sappuriso ayaṃ bhavanti.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส โย โหติ อตฺตโน อวโณฺณ ตํ อปุโฎฺฐปิ ปาตุ กโรติ, โก ปน วาโท ปุฎฺฐสฺส! ปุโฎฺฐ โข ปน ปญฺหาภินีโต อหาเปตฺวา อลมฺพิตฺวา ปริปูรํ วิตฺถาเรน อตฺตโน อวณฺณํ ภาสิตา โหติฯ เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส อยํ ภวนฺติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, sappuriso yo hoti attano avaṇṇo taṃ apuṭṭhopi pātu karoti, ko pana vādo puṭṭhassa! Puṭṭho kho pana pañhābhinīto ahāpetvā alambitvā paripūraṃ vitthārena attano avaṇṇaṃ bhāsitā hoti. Veditabbametaṃ, bhikkhave, sappuriso ayaṃ bhavanti.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส โย โหติ อตฺตโน วโณฺณ ตํ ปุโฎฺฐปิ น ปาตุ กโรติ, โก ปน วาโท อปุฎฺฐสฺส! ปุโฎฺฐ โข ปน ปญฺหาภินีโต หาเปตฺวา ลมฺพิตฺวา อปริปูรํ อวิตฺถาเรน อตฺตโน วณฺณํ ภาสิตา โหติฯ เวทิตพฺพเมตํ , ภิกฺขเว, สปฺปุริโส อยํ ภวนฺติฯ อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, จตูหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต สปฺปุริโส เวทิตโพฺพฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, sappuriso yo hoti attano vaṇṇo taṃ puṭṭhopi na pātu karoti, ko pana vādo apuṭṭhassa! Puṭṭho kho pana pañhābhinīto hāpetvā lambitvā aparipūraṃ avitthārena attano vaṇṇaṃ bhāsitā hoti. Veditabbametaṃ , bhikkhave, sappuriso ayaṃ bhavanti. Imehi kho, bhikkhave, catūhi dhammehi samannāgato sappuriso veditabbo.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วธุกา ยญฺญเทว รตฺติํ วา ทิวํ วา อานีตา โหติ, ตาวเทวสฺสา ติพฺพํ หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ สสฺสุยาปิ สสุเรปิ สามิเกปิ อนฺตมโส ทาสกมฺมกรโปริเสสุฯ สา อปเรน สมเยน สํวาสมนฺวาย วิสฺสาสมนฺวาย สสฺสุมฺปิ สสุรมฺปิ สามิกมฺปิ เอวมาห – ‘อเปถ, กิํ ปน ตุเมฺห ชานาถา’ติ! เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภิกฺขุ ยญฺญเทว รตฺติํ วา ทิวํ วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, ตาวเทวสฺส ติพฺพํ หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ ภิกฺขูสุ ภิกฺขุนีสุ อุปาสเกสุ อุปาสิกาสุ อนฺตมโส อารามิกสมณุเทฺทเสสุฯ โส อปเรน สมเยน สํวาสมนฺวาย วิสฺสาสมนฺวาย อาจริยมฺปิ อุปชฺฌายมฺปิ เอวมาห – ‘อเปถ, กิํ ปน ตุเมฺห ชานาถา’ติ! ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อธุนาคตวธุกาสเมน เจตสา วิหริสฺสามา’ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติฯ ตติยํฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, vadhukā yaññadeva rattiṃ vā divaṃ vā ānītā hoti, tāvadevassā tibbaṃ hirottappaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti sassuyāpi sasurepi sāmikepi antamaso dāsakammakaraporisesu. Sā aparena samayena saṃvāsamanvāya vissāsamanvāya sassumpi sasurampi sāmikampi evamāha – ‘apetha, kiṃ pana tumhe jānāthā’ti! Evamevaṃ kho, bhikkhave, idhekacco bhikkhu yaññadeva rattiṃ vā divaṃ vā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti, tāvadevassa tibbaṃ hirottappaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti bhikkhūsu bhikkhunīsu upāsakesu upāsikāsu antamaso ārāmikasamaṇuddesesu. So aparena samayena saṃvāsamanvāya vissāsamanvāya ācariyampi upajjhāyampi evamāha – ‘apetha, kiṃ pana tumhe jānāthā’ti! Tasmātiha, bhikkhave, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘adhunāgatavadhukāsamena cetasā viharissāmā’ti. Evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabba’’nti. Tatiyaṃ.







    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. สปฺปุริสสุตฺตวณฺณนา • 3. Sappurisasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๓-๕. สปฺปุริสสุตฺตาทิวณฺณนา • 3-5. Sappurisasuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact