Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๓. สปฺปุริสสุตฺตํ

    3. Sappurisasuttaṃ

    ๑๐๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สปฺปุริสธมฺมญฺจ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ อสปฺปุริสธมฺมญฺจฯ ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –

    105. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca – ‘‘sappurisadhammañca vo, bhikkhave, desessāmi asappurisadhammañca. Taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –

    ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺม? อิธ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อุจฺจากุลา ปพฺพชิโต โหติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ อุจฺจากุลา ปพฺพชิโต, อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู น อุจฺจากุลา ปพฺพชิตา’ติฯ โส ตาย อุจฺจากุลีนตาย อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วเมฺภติฯ อยํ 1, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘น โข อุจฺจากุลีนตาย โลภธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โทสธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ , โมหธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติฯ โน เจปิ อุจฺจากุลา ปพฺพชิโต โหติ; โส จ โหติ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน สามีจิปฺปฎิปโนฺน อนุธมฺมจารี , โส ตตฺถ ปุโชฺช, โส ตตฺถ ปาสํโส’ติฯ โส ปฎิปทํเยว อนฺตรํ กริตฺวา ตาย อุจฺจากุลีนตาย เนวตฺตานุกฺกํเสติ น ปรํ วเมฺภติฯ อยํ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    ‘‘Katamo ca, bhikkhave, asappurisadhammo? Idha, bhikkhave, asappuriso uccākulā pabbajito hoti. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi uccākulā pabbajito, ime panaññe bhikkhū na uccākulā pabbajitā’ti. So tāya uccākulīnatāya attānukkaṃseti, paraṃ vambheti. Ayaṃ 2, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho, bhikkhave, iti paṭisañcikkhati – ‘na kho uccākulīnatāya lobhadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, dosadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti , mohadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti. No cepi uccākulā pabbajito hoti; so ca hoti dhammānudhammappaṭipanno sāmīcippaṭipanno anudhammacārī , so tattha pujjo, so tattha pāsaṃso’ti. So paṭipadaṃyeva antaraṃ karitvā tāya uccākulīnatāya nevattānukkaṃseti na paraṃ vambheti. Ayaṃ, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส มหากุลา ปพฺพชิโต โหติ…เป.… 3 มหาโภคกุลา ปพฺพชิโต โหติ…เป.… อุฬารโภคกุลา ปพฺพชิโต โหติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ อุฬารโภคกุลา ปพฺพชิโต, อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู น อุฬารโภคกุลา ปพฺพชิตา’ติฯ โส ตาย อุฬารโภคตาย อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘น โข อุฬารโภคตาย โลภธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โทสธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โมหธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติฯ โน เจปิ อุฬารโภคกุลา ปพฺพชิโต โหติ; โส จ โหติ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน สามีจิปฺปฎิปโนฺน อนุธมฺมจารี, โส ตตฺถ ปุโชฺช, โส ตตฺถ ปาสํโส’ติฯ โส ปฎิปทํเยว อนฺตรํ กริตฺวา ตาย อุฬารโภคตาย เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso mahākulā pabbajito hoti…pe… 4 mahābhogakulā pabbajito hoti…pe… uḷārabhogakulā pabbajito hoti. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi uḷārabhogakulā pabbajito, ime panaññe bhikkhū na uḷārabhogakulā pabbajitā’ti. So tāya uḷārabhogatāya attānukkaṃseti, paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho, bhikkhave, iti paṭisañcikkhati – ‘na kho uḷārabhogatāya lobhadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, dosadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, mohadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti. No cepi uḷārabhogakulā pabbajito hoti; so ca hoti dhammānudhammappaṭipanno sāmīcippaṭipanno anudhammacārī, so tattha pujjo, so tattha pāsaṃso’ti. So paṭipadaṃyeva antaraṃ karitvā tāya uḷārabhogatāya nevattānukkaṃseti, na paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ๑๐๖. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส ญาโต โหติ ยสสฺสีฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ ญาโต ยสสฺสี, อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู อปฺปญฺญาตา อเปฺปสกฺขา’ติฯ โส เตน ญเตฺตน 5 อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘น โข ญเตฺตน โลภธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โทสธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โมหธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติฯ โน เจปิ ญาโต โหติ ยสสฺสี; โส จ โหติ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน สามีจิปฺปฎิปโนฺน อนุธมฺมจารี, โส ตตฺถ ปุโชฺช , โส ตตฺถ ปาสํโส’ติฯ โส ปฎิปทํเยว อนฺตรํ กริตฺวา เตน ญเตฺตน เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    106. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso ñāto hoti yasassī. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi ñāto yasassī, ime panaññe bhikkhū appaññātā appesakkhā’ti. So tena ñattena 6 attānukkaṃseti, paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho, bhikkhave, iti paṭisañcikkhati – ‘na kho ñattena lobhadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, dosadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, mohadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti. No cepi ñāto hoti yasassī; so ca hoti dhammānudhammappaṭipanno sāmīcippaṭipanno anudhammacārī, so tattha pujjo , so tattha pāsaṃso’ti. So paṭipadaṃyeva antaraṃ karitvā tena ñattena nevattānukkaṃseti, na paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส ลาภี โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ, อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู น ลาภิโน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’นฺติฯ โส เตน ลาเภน อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘น โข ลาเภน โลภธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โทสธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โมหธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติฯ โน เจปิ ลาภี โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ; โส จ โหติ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน สามีจิปฺปฎิปโนฺน อนุธมฺมจารี, โส ตตฺถ ปุโชฺช, โส ตตฺถ ปาสํโส’ติฯ โส ปฎิปทํเยว อนฺตรํ กริตฺวา เตน ลาเภน เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso lābhī hoti cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārānaṃ. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi lābhī cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārānaṃ, ime panaññe bhikkhū na lābhino cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārāna’nti. So tena lābhena attānukkaṃseti, paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho, bhikkhave, iti paṭisañcikkhati – ‘na kho lābhena lobhadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, dosadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, mohadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti. No cepi lābhī hoti cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārānaṃ; so ca hoti dhammānudhammappaṭipanno sāmīcippaṭipanno anudhammacārī, so tattha pujjo, so tattha pāsaṃso’ti. So paṭipadaṃyeva antaraṃ karitvā tena lābhena nevattānukkaṃseti, na paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส พหุสฺสุโต โหติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ พหุสฺสุโต, อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู น พหุสฺสุตา’ติฯ โส เตน พาหุสเจฺจน อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว , อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘น โข พาหุสเจฺจน โลภธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ , โทสธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โมหธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติฯ โน เจปิ พหุสฺสุโต โหติ; โส จ โหติ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน สามีจิปฺปฎิปโนฺน อนุธมฺมจารี, โส ตตฺถ ปุโชฺช, โส ตตฺถ ปาสํโส’ติฯ โส ปฎิปทํเยว อนฺตรํ กริตฺวา เตน พาหุสเจฺจน เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso bahussuto hoti. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi bahussuto, ime panaññe bhikkhū na bahussutā’ti. So tena bāhusaccena attānukkaṃseti, paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho, bhikkhave , iti paṭisañcikkhati – ‘na kho bāhusaccena lobhadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti , dosadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, mohadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti. No cepi bahussuto hoti; so ca hoti dhammānudhammappaṭipanno sāmīcippaṭipanno anudhammacārī, so tattha pujjo, so tattha pāsaṃso’ti. So paṭipadaṃyeva antaraṃ karitvā tena bāhusaccena nevattānukkaṃseti, na paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส วินยธโร โหติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ วินยธโร, อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู น วินยธรา’ติฯ โส เตน วินยธรเตฺตน อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘น โข วินยธรเตฺตน โลภธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โทสธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โมหธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติฯ โน เจปิ วินยธโร โหติ; โส จ โหติ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน สามีจิปฺปฎิปโนฺน อนุธมฺมจารี, โส ตตฺถ ปุโชฺช, โส ตตฺถ ปาสํโส’ติฯ โส ปฎิปทํเยว อนฺตรํ กริตฺวา เตน วินยธรเตฺตน เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso vinayadharo hoti. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi vinayadharo, ime panaññe bhikkhū na vinayadharā’ti. So tena vinayadharattena attānukkaṃseti, paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho, bhikkhave, iti paṭisañcikkhati – ‘na kho vinayadharattena lobhadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, dosadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, mohadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti. No cepi vinayadharo hoti; so ca hoti dhammānudhammappaṭipanno sāmīcippaṭipanno anudhammacārī, so tattha pujjo, so tattha pāsaṃso’ti. So paṭipadaṃyeva antaraṃ karitvā tena vinayadharattena nevattānukkaṃseti, na paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส ธมฺมกถิโก โหติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ ธมฺมกถิโก, อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู น ธมฺมกถิกา’ติฯ โส เตน ธมฺมกถิกเตฺตน อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘น โข ธมฺมกถิกเตฺตน โลภธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โทสธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โมหธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติฯ โน เจปิ ธมฺมกถิโก โหติ; โส จ โหติ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน สามีจิปฺปฎิปโนฺน อนุธมฺมจารี, โส ตตฺถ ปุโชฺช, โส ตตฺถ ปาสํโส’ติฯ โส ปฎิปทํเยว อนฺตรํ กริตฺวา เตน ธมฺมกถิกเตฺตน เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso dhammakathiko hoti. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi dhammakathiko, ime panaññe bhikkhū na dhammakathikā’ti. So tena dhammakathikattena attānukkaṃseti, paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho, bhikkhave, iti paṭisañcikkhati – ‘na kho dhammakathikattena lobhadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, dosadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, mohadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti. No cepi dhammakathiko hoti; so ca hoti dhammānudhammappaṭipanno sāmīcippaṭipanno anudhammacārī, so tattha pujjo, so tattha pāsaṃso’ti. So paṭipadaṃyeva antaraṃ karitvā tena dhammakathikattena nevattānukkaṃseti, na paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ๑๐๗. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส อารญฺญิโก โหติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ อารญฺญิโก อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู น อารญฺญิกา’ติฯ โส เตน อารญฺญิกเตฺตน อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘น โข อารญฺญิกเตฺตน โลภธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โทสธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โมหธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติฯ โน เจปิ อารญฺญิโก โหติ; โส จ โหติ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน สามีจิปฺปฎิปโนฺน อนุธมฺมจารี, โส ตตฺถ ปุโชฺช, โส ตตฺถ ปาสํโส’ติฯ โส ปฎิปทํเยว อนฺตรํ กริตฺวา เตน อารญฺญิกเตฺตน เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    107. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso āraññiko hoti. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi āraññiko ime panaññe bhikkhū na āraññikā’ti. So tena āraññikattena attānukkaṃseti, paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho, bhikkhave, iti paṭisañcikkhati – ‘na kho āraññikattena lobhadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, dosadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, mohadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti. No cepi āraññiko hoti; so ca hoti dhammānudhammappaṭipanno sāmīcippaṭipanno anudhammacārī, so tattha pujjo, so tattha pāsaṃso’ti. So paṭipadaṃyeva antaraṃ karitvā tena āraññikattena nevattānukkaṃseti, na paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส ปํสุกูลิโก โหติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ ปํสุกูลิโก, อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู น ปํสุกูลิกา’ติฯ โส เตน ปํสุกูลิกเตฺตน อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วเมฺภติ ฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘น โข ปํสุกูลิกเตฺตน โลภธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โทสธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โมหธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติฯ โน เจปิ ปํสุกูลิโก โหติ; โส จ โหติ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน สามีจิปฺปฎิปโนฺน อนุธมฺมจารี, โส ตตฺถ ปุโชฺช, โส ตตฺถ ปาสํโส’ติฯ โส ปฎิปทํเยว อนฺตรํ กริตฺวา เตน ปํสุกูลิกเตฺตน เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso paṃsukūliko hoti. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi paṃsukūliko, ime panaññe bhikkhū na paṃsukūlikā’ti. So tena paṃsukūlikattena attānukkaṃseti, paraṃ vambheti . Ayampi, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho, bhikkhave, iti paṭisañcikkhati – ‘na kho paṃsukūlikattena lobhadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, dosadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, mohadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti. No cepi paṃsukūliko hoti; so ca hoti dhammānudhammappaṭipanno sāmīcippaṭipanno anudhammacārī, so tattha pujjo, so tattha pāsaṃso’ti. So paṭipadaṃyeva antaraṃ karitvā tena paṃsukūlikattena nevattānukkaṃseti, na paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส ปิณฺฑปาติโก โหติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ ปิณฺฑปาติโก, อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู น ปิณฺฑปาติกา’ติฯ โส เตน ปิณฺฑปาติกเตฺตน อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘น โข ปิณฺฑปาติกเตฺตน โลภธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โทสธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โมหธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติฯ โน เจปิ ปิณฺฑปาติโก โหติ; โส จ โหติ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน สามีจิปฺปฎิปโนฺน อนุธมฺมจารี, โส ตตฺถ ปุโชฺช, โส ตตฺถ ปาสํโส’ติฯ โส ปฎิปทํเยว อนฺตรํ กริตฺวา เตน ปิณฺฑปาติกเตฺตน เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso piṇḍapātiko hoti. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi piṇḍapātiko, ime panaññe bhikkhū na piṇḍapātikā’ti. So tena piṇḍapātikattena attānukkaṃseti, paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho, bhikkhave, iti paṭisañcikkhati – ‘na kho piṇḍapātikattena lobhadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, dosadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, mohadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti. No cepi piṇḍapātiko hoti; so ca hoti dhammānudhammappaṭipanno sāmīcippaṭipanno anudhammacārī, so tattha pujjo, so tattha pāsaṃso’ti. So paṭipadaṃyeva antaraṃ karitvā tena piṇḍapātikattena nevattānukkaṃseti, na paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส รุกฺขมูลิโก โหติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ รุกฺขมูลิโก, อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู น รุกฺขมูลิกา’ติฯ โส เตน รุกฺขมูลิกเตฺตน อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘น โข รุกฺขมูลิกเตฺตน โลภธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โทสธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โมหธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติฯ โน เจปิ รุกฺขมูลิโก โหติ; โส จ โหติ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน สามีจิปฺปฎิปโนฺน อนุธมฺมจารี, โส ตตฺถ ปุโชฺช, โส ตตฺถ ปาสํโส’ติฯ โส ปฎิปทํเยว อนฺตรํ กริตฺวา เตน รุกฺขมูลิกเตฺตน เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso rukkhamūliko hoti. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi rukkhamūliko, ime panaññe bhikkhū na rukkhamūlikā’ti. So tena rukkhamūlikattena attānukkaṃseti, paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho, bhikkhave, iti paṭisañcikkhati – ‘na kho rukkhamūlikattena lobhadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, dosadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, mohadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti. No cepi rukkhamūliko hoti; so ca hoti dhammānudhammappaṭipanno sāmīcippaṭipanno anudhammacārī, so tattha pujjo, so tattha pāsaṃso’ti. So paṭipadaṃyeva antaraṃ karitvā tena rukkhamūlikattena nevattānukkaṃseti, na paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส โสสานิโก โหติ…เป.… อโพฺภกาสิโก โหติ… เนสชฺชิโก โหติ… ยถาสนฺถติโก โหติ… เอกาสนิโก โหติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ เอกาสนิโก, อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู น เอกาสนิกา’ติฯ โส เตน เอกาสนิกเตฺตน อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘น โข เอกาสนิกเตฺตน โลภธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โทสธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โมหธมฺมา วา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติฯ โน เจปิ เอกาสนิโก โหติ; โส จ โหติ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน สามีจิปฺปฎิปโนฺน อนุธมฺมจารี, โส ตตฺถ ปุโชฺช, โส ตตฺถ ปาสํโส’ติฯ โส ปฎิปทํเยว อนฺตรํ กริตฺวา เตน เอกาสนิกเตฺตน เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso sosāniko hoti…pe… abbhokāsiko hoti… nesajjiko hoti… yathāsanthatiko hoti… ekāsaniko hoti. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi ekāsaniko, ime panaññe bhikkhū na ekāsanikā’ti. So tena ekāsanikattena attānukkaṃseti, paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho, bhikkhave, iti paṭisañcikkhati – ‘na kho ekāsanikattena lobhadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, dosadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti, mohadhammā vā parikkhayaṃ gacchanti. No cepi ekāsaniko hoti; so ca hoti dhammānudhammappaṭipanno sāmīcippaṭipanno anudhammacārī, so tattha pujjo, so tattha pāsaṃso’ti. So paṭipadaṃyeva antaraṃ karitvā tena ekāsanikattena nevattānukkaṃseti, na paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ๑๐๘. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ ปฐมชฺฌานสมาปตฺติยา ลาภี, อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู ปฐมชฺฌานสมาปตฺติยา น ลาภิโน’ติฯ โส ตาย ปฐมชฺฌานสมาปตฺติยา อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘ปฐมชฺฌานสมาปตฺติยาปิ โข อตมฺมยตา วุตฺตา ภควตาฯ เยน เยน หิ มญฺญนฺติ ตโต ตํ โหติ อญฺญถา’ติฯ โส อตมฺมยตเญฺญว อนฺตรํ กริตฺวา ตาย ปฐมชฺฌานสมาปตฺติยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    108. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi paṭhamajjhānasamāpattiyā lābhī, ime panaññe bhikkhū paṭhamajjhānasamāpattiyā na lābhino’ti. So tāya paṭhamajjhānasamāpattiyā attānukkaṃseti, paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho, bhikkhave, iti paṭisañcikkhati – ‘paṭhamajjhānasamāpattiyāpi kho atammayatā vuttā bhagavatā. Yena yena hi maññanti tato taṃ hoti aññathā’ti. So atammayataññeva antaraṃ karitvā tāya paṭhamajjhānasamāpattiyā nevattānukkaṃseti, na paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ…เป.… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ จตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติยา ลาภี, อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู จตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติยา น ลาภิโน’ติฯ โส ตาย จตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติยา อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข , ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘จตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติยาปิ โข อตมฺมยตา วุตฺตา ภควตาฯ เยน เยน หิ มญฺญนฺติ ตโต ตํ โหติ อญฺญถา’ติฯ โส อตมฺมยตเญฺญว อนฺตรํ กริตฺวา ตาย จตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ…pe… tatiyaṃ jhānaṃ… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi catutthajjhānasamāpattiyā lābhī, ime panaññe bhikkhū catutthajjhānasamāpattiyā na lābhino’ti. So tāya catutthajjhānasamāpattiyā attānukkaṃseti, paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho , bhikkhave, iti paṭisañcikkhati – ‘catutthajjhānasamāpattiyāpi kho atammayatā vuttā bhagavatā. Yena yena hi maññanti tato taṃ hoti aññathā’ti. So atammayataññeva antaraṃ karitvā tāya catutthajjhānasamāpattiyā nevattānukkaṃseti, na paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนโนฺต อากาโส’ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ อากาสานญฺจายตนสมาปตฺติยา ลาภี, อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู อากาสานญฺจายตนสมาปตฺติยา น ลาภิโน’ติฯ โส ตาย อากาสานญฺจายตนสมาปตฺติยา อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อากาสานญฺจายตนสมาปตฺติยาปิ โข อตมฺมยตา วุตฺตา ภควตาฯ เยน เยน หิ มญฺญนฺติ ตโต ตํ โหติ อญฺญถา’ติฯ โส อตมฺมยตเญฺญว อนฺตรํ กริตฺวา ตาย อากาสานญฺจายตนสมาปตฺติยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘ananto ākāso’ti ākāsānañcāyatanaṃ upasampajja viharati. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi ākāsānañcāyatanasamāpattiyā lābhī, ime panaññe bhikkhū ākāsānañcāyatanasamāpattiyā na lābhino’ti. So tāya ākāsānañcāyatanasamāpattiyā attānukkaṃseti, paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho, bhikkhave, iti paṭisañcikkhati – ‘ākāsānañcāyatanasamāpattiyāpi kho atammayatā vuttā bhagavatā. Yena yena hi maññanti tato taṃ hoti aññathā’ti. So atammayataññeva antaraṃ karitvā tāya ākāsānañcāyatanasamāpattiyā nevattānukkaṃseti, na paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ วิญฺญาณญฺจายตนสมาปตฺติยา ลาภี, อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู วิญฺญาณญฺจายตนสมาปตฺติยา น ลาภิโน’ติฯ โส ตาย วิญฺญาณญฺจายตนสมาปตฺติยา อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘วิญฺญาณญฺจายตนสมาปตฺติยาปิ โข อตมฺมยตา วุตฺตา ภควตาฯ เยน เยน หิ มญฺญนฺติ ตโต ตํ โหติ อญฺญถา’ติฯ โส อตมฺมยตเญฺญว อนฺตรํ กริตฺวา ตาย วิญฺญาณญฺจายตนสมาปตฺติยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘anantaṃ viññāṇa’nti viññāṇañcāyatanaṃ upasampajja viharati. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi viññāṇañcāyatanasamāpattiyā lābhī, ime panaññe bhikkhū viññāṇañcāyatanasamāpattiyā na lābhino’ti. So tāya viññāṇañcāyatanasamāpattiyā attānukkaṃseti, paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho, bhikkhave, iti paṭisañcikkhati – ‘viññāṇañcāyatanasamāpattiyāpi kho atammayatā vuttā bhagavatā. Yena yena hi maññanti tato taṃ hoti aññathā’ti. So atammayataññeva antaraṃ karitvā tāya viññāṇañcāyatanasamāpattiyā nevattānukkaṃseti, na paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี’ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ อากิญฺจญฺญายตนสมาปตฺติยา ลาภี, อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู อากิญฺจญฺญายตนสมาปตฺติยา น ลาภิโน’ติฯ โส ตาย อากิญฺจญฺญายตนสมาปตฺติยา อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อากิญฺจญฺญายตนสมาปตฺติยาปิ โข อตมฺมยตา วุตฺตา ภควตาฯ เยน เยน หิ มญฺญนฺติ ตโต ตํ โหติ อญฺญถา’ติฯ โส อตมฺมยตเญฺญว อนฺตรํ กริตฺวา ตาย อากิญฺจญฺญายตนสมาปตฺติยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘natthi kiñcī’ti ākiñcaññāyatanaṃ upasampajja viharati. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi ākiñcaññāyatanasamāpattiyā lābhī, ime panaññe bhikkhū ākiñcaññāyatanasamāpattiyā na lābhino’ti. So tāya ākiñcaññāyatanasamāpattiyā attānukkaṃseti, paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho, bhikkhave, iti paṭisañcikkhati – ‘ākiñcaññāyatanasamāpattiyāpi kho atammayatā vuttā bhagavatā. Yena yena hi maññanti tato taṃ hoti aññathā’ti. So atammayataññeva antaraṃ karitvā tāya ākiñcaññāyatanasamāpattiyā nevattānukkaṃseti, na paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริโส สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติยา ลาภี, อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติยา น ลาภิโน’ติฯ โส ตาย เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติยา อตฺตานุกฺกํเสติ , ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธโมฺมฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว , อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติยาปิ โข อตมฺมยตา วุตฺตา ภควตาฯ เยน เยน หิ มญฺญนฺติ ตโต ตํ โหติ อญฺญถา’ติฯ โส อตมฺมยตเญฺญว อนฺตรํ กริตฺวา ตาย เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสธโมฺมฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, asappuriso sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma nevasaññānāsaññāyatanaṃ upasampajja viharati. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiyā lābhī, ime panaññe bhikkhū nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiyā na lābhino’ti. So tāya nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiyā attānukkaṃseti , paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, asappurisadhammo. Sappuriso ca kho, bhikkhave , iti paṭisañcikkhati – ‘nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiyāpi kho atammayatā vuttā bhagavatā. Yena yena hi maññanti tato taṃ hoti aññathā’ti. So atammayataññeva antaraṃ karitvā tāya nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiyā nevattānukkaṃseti, na paraṃ vambheti. Ayampi, bhikkhave, sappurisadhammo.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา 7 ปริกฺขีณา โหนฺติฯ อยํ 8, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น กิญฺจิ มญฺญติ, น กุหิญฺจิ มญฺญติ, น เกนจิ มญฺญตี’’ติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, sappuriso sabbaso nevasaññānāsaññāyatanaṃ samatikkamma saññāvedayitanirodhaṃ upasampajja viharati. Paññāya cassa disvā āsavā 9 parikkhīṇā honti. Ayaṃ 10, bhikkhave, bhikkhu na kiñci maññati, na kuhiñci maññati, na kenaci maññatī’’ti.

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ

    Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.

    สปฺปุริสสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ตติยํฯ

    Sappurisasuttaṃ niṭṭhitaṃ tatiyaṃ.







    Footnotes:
    1. อยมฺปิ (สี. ปี.)
    2. ayampi (sī. pī.)
    3. ยถา อุจฺจากุลวาเร ตถา วิตฺถาเรตพฺพํ
    4. yathā uccākulavāre tathā vitthāretabbaṃ
    5. ญาเตน (สี. ก.), ญาตเตฺตน (สฺยา. กํ. ปี.)
    6. ñātena (sī. ka.), ñātattena (syā. kaṃ. pī.)
    7. เอกเจฺจ อาสวา (ก.)
    8. อยํ โข (สฺยา. กํ.)
    9. ekacce āsavā (ka.)
    10. ayaṃ kho (syā. kaṃ.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. สปฺปุริสธมฺมสุตฺตวณฺณนา • 3. Sappurisadhammasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๓. สปฺปุริสธมฺมสุตฺตวณฺณนา • 3. Sappurisadhammasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact