Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๔. สรภสุตฺตวณฺณนา

    4. Sarabhasuttavaṇṇanā

    ๖๕. จตุเตฺถ คิชฺฌา เอตฺถ สนฺตีติ คิชฺฌํ, กูฎํฯ ตํ เอตสฺสาติ คิชฺฌกูโฎฯ คิโชฺฌ วิยาติ วา คิชฺฌํ, กูฎํฯ ตํ เอตสฺสาติ คิชฺฌกูโฎ, ปพฺพโตฯ ตสฺมิํ คิชฺฌกูเฎฯ เตนาห ‘‘คิชฺฌา วา’’ติอาทิฯ อจิรปกฺกโนฺตติ เอตฺถ น เทสนฺตรปกฺกมนํ อธิเปฺปตํ, อถ โข สาสนปกฺกมนนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิมสฺมิํ สาสเน ปพฺพชิตฺวา’’ติอาทิมาห, เตเนว หิ ‘‘อิมสฺสา ธมฺมวินยา’’ติ วุตฺตํฯ ลพฺภตีติ ลาโภ, จตุนฺนํ ปจฺจยานเมตํ อธิวจนํฯ สกฺกจฺจํ กาตโพฺพ ทาตโพฺพติ สกฺกาโรฯ ปจฺจยา เอว หิ ปณีตปณีตา สุนฺทรสุนฺทรา อภิสงฺขริตฺวา กตา สกฺการาติ วุจฺจนฺติฯ สกฺกาโรติ วา สุนฺทรกาโร, ปเรหิ อตฺตโน คารวกิริยา ปุปฺผาทีหิ วา ปูชาฯ ลาโภ จ สกฺกาโร จ ลาภสกฺการา, เต นฎฺฐา ปหีนา เอเตสนฺติ นฎฺฐลาภสกฺการา

    65. Catutthe gijjhā ettha santīti gijjhaṃ, kūṭaṃ. Taṃ etassāti gijjhakūṭo. Gijjho viyāti vā gijjhaṃ, kūṭaṃ. Taṃ etassāti gijjhakūṭo, pabbato. Tasmiṃ gijjhakūṭe. Tenāha ‘‘gijjhāvā’’tiādi. Acirapakkantoti ettha na desantarapakkamanaṃ adhippetaṃ, atha kho sāsanapakkamananti dassento ‘‘imasmiṃ sāsane pabbajitvā’’tiādimāha, teneva hi ‘‘imassā dhammavinayā’’ti vuttaṃ. Labbhatīti lābho, catunnaṃ paccayānametaṃ adhivacanaṃ. Sakkaccaṃ kātabbo dātabboti sakkāro. Paccayā eva hi paṇītapaṇītā sundarasundarā abhisaṅkharitvā katā sakkārāti vuccanti. Sakkāroti vā sundarakāro, parehi attano gāravakiriyā pupphādīhi vā pūjā. Lābho ca sakkāro ca lābhasakkārā, te naṭṭhā pahīnā etesanti naṭṭhalābhasakkārā.

    มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชีติ ตทา กิร ภควโต มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ ยถา ตํ จตฺตาโร อสเงฺขเยฺย ปูริตทานปารมิสญฺจยสฺสฯ สพฺพทิสาสุ หิ ยมกมหาเมโฆ วุฎฺฐหิตฺวา มโหโฆ วิย สพฺพปารมิโย ‘‘เอกสฺมิํ อตฺตภาเว วิปากํ ทสฺสามา’’ติ สมฺปิณฺฑิตา วิย ลาภสกฺการมโหฆํ นิพฺพตฺตยิํสุฯ ตโต ตโต อนฺนปานยานวตฺถมาลาคนฺธวิเลปนาทิหตฺถา ขตฺติยพฺราหฺมณาทโย อาคนฺตฺวา ‘‘กหํ พุโทฺธ , กหํ ภควา, กหํ เทวเทโว นราสโภ ปุริสสีโห’’ติ ภควนฺตํ ปริเยสนฺติ, สกฎสเตหิปิ ปจฺจเย อาหริตฺวา โอกาสํ อลภมานา สมนฺตา คาวุตปฺปมาณมฺปิ สกฎธุเรน สกฎธุรํ อาหจฺจ ติฎฺฐนฺติ เจว อนุพนฺธนฺติ จ อนฺธกวินฺทพฺราหฺมโณ วิยฯ ยถา จ ภควโต, เอวํ ภิกฺขุสงฺฆสฺสปิฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    Mahālābhasakkāro uppajjīti tadā kira bhagavato mahālābhasakkāro uppajji yathā taṃ cattāro asaṅkheyye pūritadānapāramisañcayassa. Sabbadisāsu hi yamakamahāmegho vuṭṭhahitvā mahogho viya sabbapāramiyo ‘‘ekasmiṃ attabhāve vipākaṃ dassāmā’’ti sampiṇḍitā viya lābhasakkāramahoghaṃ nibbattayiṃsu. Tato tato annapānayānavatthamālāgandhavilepanādihatthā khattiyabrāhmaṇādayo āgantvā ‘‘kahaṃ buddho , kahaṃ bhagavā, kahaṃ devadevo narāsabho purisasīho’’ti bhagavantaṃ pariyesanti, sakaṭasatehipi paccaye āharitvā okāsaṃ alabhamānā samantā gāvutappamāṇampi sakaṭadhurena sakaṭadhuraṃ āhacca tiṭṭhanti ceva anubandhanti ca andhakavindabrāhmaṇo viya. Yathā ca bhagavato, evaṃ bhikkhusaṅghassapi. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ, ภิกฺขุสโงฺฆปิ สกฺกโต โหติ…เป.… ปริกฺขาราน’’นฺติ (อุทา. ๓๘)ฯ

    ‘‘Tena kho pana samayena bhagavā sakkato hoti garukato mānito pūjito apacito lābhī cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārānaṃ, bhikkhusaṅghopi sakkato hoti…pe… parikkhārāna’’nti (udā. 38).

    ตถา –

    Tathā –

    ‘‘ยาวตา โข ปน, จุนฺท, เอตรหิ สโงฺฆ วา คโณ วา โลเก อุปฺปโนฺน, นาหํ, จุนฺท, อญฺญํ เอกํ สงฺฆมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตํ ยถริวายํ, จุนฺท, ภิกฺขุสโงฺฆ’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๗๖)ฯ

    ‘‘Yāvatā kho pana, cunda, etarahi saṅgho vā gaṇo vā loke uppanno, nāhaṃ, cunda, aññaṃ ekaṃ saṅghampi samanupassāmi evaṃlābhaggayasaggappattaṃ yatharivāyaṃ, cunda, bhikkhusaṅgho’’ti (dī. ni. 3.176).

    สฺวายํ ภควโต จ สงฺฆสฺส จ อุปฺปโนฺน ลาภสกฺกาโร เอกโต หุตฺวา ทฺวินฺนํ มหานทีนํ อุทกํ วิย อปฺปเมโยฺย อโหสิ, ภควโต ปน ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อุปฺปโนฺน ลาภสกฺกาโร ธมฺมสฺสปิ อุปฺปโนฺนเยวฯ ธมฺมธรานญฺหิ กโต สกฺกาโร ธมฺมสฺส กโต นาม โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ติณฺณํ รตนานํ มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชี’’ติฯ

    Svāyaṃ bhagavato ca saṅghassa ca uppanno lābhasakkāro ekato hutvā dvinnaṃ mahānadīnaṃ udakaṃ viya appameyyo ahosi, bhagavato pana bhikkhusaṅghassa ca uppanno lābhasakkāro dhammassapi uppannoyeva. Dhammadharānañhi kato sakkāro dhammassa kato nāma hoti. Tena vuttaṃ ‘‘tiṇṇaṃ ratanānaṃ mahālābhasakkāro uppajjī’’ti.

    วุตฺตมตฺถํ ปาฬิยา นิทเสฺสโนฺต ‘‘ยถาหา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สกฺกโตติ สกฺการปฺปโตฺตฯ ยสฺส หิ จตฺตาโร ปจฺจเย สกฺกตฺวา สุอภิสงฺขเต ปณีตปณีเต อุปเนติ, โส สกฺกโตฯ ครุกโตติ ครุภาวเหตูนํ อุตฺตมคุณานํ มตฺถกปฺปตฺติยา อนญฺญสาธารเณน ครุกาเรน สพฺพเทวมนุเสฺสหิ ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุกโตฯ ยสฺมิญฺหิ ครุภาวํ ปจฺจุปฎฺฐเปตฺวา ปจฺจเย เทนฺติ, โส ครุกโตฯ มานิโตติ สมฺมาปฎิปตฺติยา มานิโต มเนน ปิยายิโตฯ ตาย หิ วิญฺญูนํ มนาปตาฯ ปูชิโตติ มานนาทิปูชาย เจว จตุปจฺจยปูชาย จ ปูชิโตฯ ยสฺส หิ สพฺพเมตํ ปูชนญฺจ กโรนฺติ, โส ปูชิโตฯ อปจิโตติ นีจวุตฺติกรเณน อปจิโตฯ สตฺถารญฺหิ ทิสฺวา มนุสฺสา หตฺถิกฺขนฺธาทีหิ โอตรนฺติ, มคฺคํ เทนฺติ, อํสกูฎโต สาฎกํ อปเนนฺติฯ อาสนโต วุฎฺฐหนฺติ, วนฺทนฺตีติ เอวํ โส เตหิ อปจิโต นาม โหติฯ

    Vuttamatthaṃ pāḷiyā nidassento ‘‘yathāhā’’tiādimāha. Tattha sakkatoti sakkārappatto. Yassa hi cattāro paccaye sakkatvā suabhisaṅkhate paṇītapaṇīte upaneti, so sakkato. Garukatoti garubhāvahetūnaṃ uttamaguṇānaṃ matthakappattiyā anaññasādhāraṇena garukārena sabbadevamanussehi pāsāṇacchattaṃ viya garukato. Yasmiñhi garubhāvaṃ paccupaṭṭhapetvā paccaye denti, so garukato. Mānitoti sammāpaṭipattiyā mānito manena piyāyito. Tāya hi viññūnaṃ manāpatā. Pūjitoti mānanādipūjāya ceva catupaccayapūjāya ca pūjito. Yassa hi sabbametaṃ pūjanañca karonti, so pūjito. Apacitoti nīcavuttikaraṇena apacito. Satthārañhi disvā manussā hatthikkhandhādīhi otaranti, maggaṃ denti, aṃsakūṭato sāṭakaṃ apanenti. Āsanato vuṭṭhahanti, vandantīti evaṃ so tehi apacito nāma hoti.

    อวณฺณํ ปตฺถริตฺวาติ อวณฺณํ ตตฺถ ตตฺถ สํกิตฺตนวเสน ปตฺถริตฺวาฯ อาวฎฺฎนิมายนฺติ อาวเฎฺฎตฺวา คหณมายํฯ อาวเฎฺฎติ ปุริมาการโต นิวเตฺตติ อตฺตโน วเส วเตฺตติ เอตายาติ อาวฎฺฎนี, มายา, ตํ อาวฎฺฎนิมายํ โอสาเรตฺวา ปริชเปฺปตฺวาติ อโตฺถฯ โกฎิโต ปฎฺฐายาติ อนฺติมโกฎิโต ปฎฺฐายฯ ถทฺธกาเยน ผรุสวาจาย ติณฺณํ รตนานํ อวณฺณกถนํ อนตฺถาวหตฺตา วิสสิญฺจนสทิสา โหตีติ อาห ‘‘วิสํ สิญฺจิตฺวา’’ติฯ อญฺญาโตติ อาญาโตฯ เตนาห ‘‘ญาโต’’ติอาทิฯ

    Avaṇṇaṃ pattharitvāti avaṇṇaṃ tattha tattha saṃkittanavasena pattharitvā. Āvaṭṭanimāyanti āvaṭṭetvā gahaṇamāyaṃ. Āvaṭṭeti purimākārato nivatteti attano vase vatteti etāyāti āvaṭṭanī, māyā, taṃ āvaṭṭanimāyaṃ osāretvā parijappetvāti attho. Koṭito paṭṭhāyāti antimakoṭito paṭṭhāya. Thaddhakāyena pharusavācāya tiṇṇaṃ ratanānaṃ avaṇṇakathanaṃ anatthāvahattā visasiñcanasadisā hotīti āha ‘‘visaṃ siñcitvā’’ti. Aññātoti āñāto. Tenāha ‘‘ñāto’’tiādi.

    กายงฺคนฺติ กายเมว องฺคํ, กายสฺส วา องฺคํ, สีสาทิฯ วาจงฺคนฺติ ‘‘โหตุ, สาธู’’ติ เอวมาทิวาจาย อวยวํฯ เอกเกนาติ อสหาเยนฯ อิมสฺส ปนตฺถสฺสาติ ‘‘จริยํ จรณกาเล’’ติอาทินา วุตฺตสฺสฯ ยโต ยโต ครุ ธุรนฺติ ยสฺมิํ ยสฺมิํ ฐาเน ธุรํ ครุ ภาริกํ โหติ, อเญฺญ พลิพทฺทา อุกฺขิปิตุํ น สโกฺกนฺติฯ ยโต คมฺภีรวตฺตนีติ วตฺตนฺติ เอตฺถาติ วตฺตนี, ทุมฺมคฺคเสฺสตํ นามํ, ยสฺมิํ ฐาเน อุทกจิกฺขลฺลมหนฺตตาย วา วิสมจฺฉินฺนตฎภาเวน วา มโคฺค คมฺภีโร โหตีติ อโตฺถฯ ตทาสฺสุ กณฺหํ ยุเญฺชนฺตีติ อสฺสูติ นิปาตมตฺตํ, ตทา กณฺหํ ยุเญฺชนฺตีติ อโตฺถฯ ยทา ธุรญฺจ ครุ โหติ มโคฺค จ คมฺภีโร, ตทา อเญฺญ พลิพเทฺท อปเนตฺวา กณฺหเมว ยุเญฺชนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ สฺวาสฺสุ ตํ วหเต ธุรนฺติ เอตฺถปิ อสฺสูติ นิปาตมตฺตเมว, โส ตํ ธุรํ วหตีติ อโตฺถฯ

    Kāyaṅganti kāyameva aṅgaṃ, kāyassa vā aṅgaṃ, sīsādi. Vācaṅganti ‘‘hotu, sādhū’’ti evamādivācāya avayavaṃ. Ekakenāti asahāyena. Imassa panatthassāti ‘‘cariyaṃ caraṇakāle’’tiādinā vuttassa. Yato yato garu dhuranti yasmiṃ yasmiṃ ṭhāne dhuraṃ garu bhārikaṃ hoti, aññe balibaddā ukkhipituṃ na sakkonti. Yato gambhīravattanīti vattanti etthāti vattanī, dummaggassetaṃ nāmaṃ, yasmiṃ ṭhāne udakacikkhallamahantatāya vā visamacchinnataṭabhāvena vā maggo gambhīro hotīti attho. Tadāssu kaṇhaṃ yuñjentīti assūti nipātamattaṃ, tadā kaṇhaṃ yuñjentīti attho. Yadā dhurañca garu hoti maggo ca gambhīro, tadā aññe balibadde apanetvā kaṇhameva yuñjentīti vuttaṃ hoti. Svāssu taṃ vahate dhuranti etthapi assūti nipātamattameva, so taṃ dhuraṃ vahatīti attho.

    เคหเวตนนฺติ เคเห นิวุฎฺฐภาวเหตุ ทาตพฺพํฯ กาฬโก นาม นาเมนาติ อญฺชนวโณฺณ กิเรส, เตนสฺส ‘‘กาฬโก’’ติ นามํ อกํสุฯ กาฬกํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหาติ กาฬโก กิร เอกทิวสํ จิเนฺตสิ ‘‘มยฺหํ มาตา ทุคฺคตา มํ ปุตฺตฎฺฐาเน ฐเปตฺวา ทุเกฺขน โปเสติ, ยํนูนาหํ ภติํ กตฺวา อิมํ ทุคฺคตภาวโต โมเจยฺย’’นฺติฯ โส ตโต ปฎฺฐาย ภติํ อุปธาเรโนฺต วิจรติฯ อถ ตสฺมิํ ทิวเส คามโครูเปหิ สทฺธิํ ตตฺถ สมีเป จรติฯ สตฺถวาหปุโตฺตปิ โคสุตฺตวิตฺตโก, โส ‘‘อตฺถิ นุ โข เอเตสํ คุนฺนํ อนฺตเร สกฎานิ อุตฺตาเรตุํ สมโตฺถ อุสภาชานีโย’’ติ อุปธารยมาโน โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อาชานีโย สกฺขิสฺสติ มยฺหํ สกฎานิ อุตฺตาเรตุ’’นฺติ อญฺญาสิฯ เตน ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหฯ โส อเญฺญสํ…เป.… เคหเมว อคมาสีติ ตทา กิร คามทารกา ‘‘กิํ นาเมตํ กาฬกสฺส คเล’’ติ ตสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺติฯ โส เต อนุพนฺธิตฺวา ทูรโตว ปลาเปโนฺต มาตุ สนฺติกํ คโตฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ

    Gehavetananti gehe nivuṭṭhabhāvahetu dātabbaṃ. Kāḷako nāma nāmenāti añjanavaṇṇo kiresa, tenassa ‘‘kāḷako’’ti nāmaṃ akaṃsu. Kāḷakaṃ upasaṅkamitvā āhāti kāḷako kira ekadivasaṃ cintesi ‘‘mayhaṃ mātā duggatā maṃ puttaṭṭhāne ṭhapetvā dukkhena poseti, yaṃnūnāhaṃ bhatiṃ katvā imaṃ duggatabhāvato moceyya’’nti. So tato paṭṭhāya bhatiṃ upadhārento vicarati. Atha tasmiṃ divase gāmagorūpehi saddhiṃ tattha samīpe carati. Satthavāhaputtopi gosuttavittako, so ‘‘atthi nu kho etesaṃ gunnaṃ antare sakaṭāni uttāretuṃ samattho usabhājānīyo’’ti upadhārayamāno bodhisattaṃ disvā ‘‘ayaṃ ājānīyo sakkhissati mayhaṃ sakaṭāni uttāretu’’nti aññāsi. Tena taṃ upasaṅkamitvā evamāha. So aññesaṃ…pe… gehameva agamāsīti tadā kira gāmadārakā ‘‘kiṃ nāmetaṃ kāḷakassa gale’’ti tassa santikaṃ āgacchanti. So te anubandhitvā dūratova palāpento mātu santikaṃ gato. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ.

    สายนฺหสมยนฺติ สายนฺหกาเลฯ ภุมฺมเตฺถ เอตํ อุปโยควจนํฯ น เหตฺถ อจฺจนฺตสํโยโค สมฺภวติฯ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโตติ เอตฺถ เตหิ เตหิ สทฺธิวิหาริกอเนฺตวาสิกอุปาสกอุปาสิกาทิสเตฺตหิ เจว รูปารมฺมณาทิสงฺขาเรหิ จ ปฎินิวเตฺตตฺวา อปสกฺกิตฺวา นิลียนํ วิเวจนํ กายจิเตฺตหิ ตโต วิวิตฺตตาย ปฎิสลฺลานํ กายวิเวโก, จิตฺตวิเวโก จฯ โย ตโต ทุวิธวิเวกโต วุฎฺฐิโต ภวงฺคปฺปตฺติยา สพฺรหฺมจารีหิ สมาคเมน จ อเปโตฯ โส ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต นาม โหติฯ อยํ ปน ยสฺมา ปฎิสลฺลานานํ อุตฺตมโต ผลสมาปตฺติโต วุฎฺฐาสิ, ตสฺมา ‘‘ผลสมาปตฺติโต’’ติ วุตฺตํฯ กายสกฺขิโน ภวิสฺสามาติ นามกาเยน เทสนาสมฺปฎิจฺฉนวเสน สกฺขิภูตา ภวิสฺสามฯ นนุ จ ‘‘ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีที’’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตํฯ ติตฺถิยา หิ ภควโต ปฎิปกฺขา, เต กสฺมา ตสฺส อาสนํ ปญฺญาเปนฺตีติ อาห ‘‘ตถาคโต หี’’ติอาทิฯ

    Sāyanhasamayanti sāyanhakāle. Bhummatthe etaṃ upayogavacanaṃ. Na hettha accantasaṃyogo sambhavati. Paṭisallānā vuṭṭhitoti ettha tehi tehi saddhivihārikaantevāsikaupāsakaupāsikādisattehi ceva rūpārammaṇādisaṅkhārehi ca paṭinivattetvā apasakkitvā nilīyanaṃ vivecanaṃ kāyacittehi tato vivittatāya paṭisallānaṃ kāyaviveko, cittaviveko ca. Yo tato duvidhavivekato vuṭṭhito bhavaṅgappattiyā sabrahmacārīhi samāgamena ca apeto. So paṭisallānā vuṭṭhito nāma hoti. Ayaṃ pana yasmā paṭisallānānaṃ uttamato phalasamāpattito vuṭṭhāsi, tasmā ‘‘phalasamāpattito’’ti vuttaṃ. Kāyasakkhino bhavissāmāti nāmakāyena desanāsampaṭicchanavasena sakkhibhūtā bhavissāma. Nanu ca ‘‘paññatte āsane nisīdī’’ti idaṃ kasmā vuttaṃ. Titthiyā hi bhagavato paṭipakkhā, te kasmā tassa āsanaṃ paññāpentīti āha ‘‘tathāgato hī’’tiādi.

    วิคฺคาหิกกถนฺติ วิคฺคาหสํวตฺตนิกํ สารมฺภกถํฯ อายาเจยฺยาสีติ วจีเภทํ กตฺวา ยาเจยฺยาสิฯ ปเตฺถยฺยาสีติ มนสา อาสีเสยฺยาสิฯ ปิเหยฺยาสีติ ตเสฺสว เววจนํฯ นิเตฺตชตํ อาปโนฺนติ เตชหานิยา นิเตฺตชภาวํ อาปโนฺน, นิเตฺตชภูโตติ อโตฺถฯ ตโต เอว ภิกฺขุอาทโยปิ สมฺมุขา โอโลเกตุํ อสมตฺถตาย ปตฺตกฺขโนฺธ, ปติตกฺขโนฺธติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘โอนตคีโว’’ติฯ ทสฺสิตธเมฺมสูติ วุตฺตธเมฺมสุฯ วจนมตฺตเมว หิ เตสํ, น ปน ทสฺสนํ ตาทิสเสฺสว ธมฺมสฺส อภาวโตฯ ภควโต เอว วา ‘‘อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติ ปรสฺส วจนวเสน ทสฺสิตธเมฺมสุฯ ปฎิจริสฺสตีติ ปฎิจฺฉาทนวเส จริสฺสติ ปวตฺติสฺสติ, ปฎิจฺฉาทนโตฺถ เอว วา จรติ-สโทฺท อเนกตฺถตฺตา ธาตูนนฺติ อาห ‘‘ปฎิจฺฉาเทสฺสตี’’ติฯ อเญฺญน วา อญฺญนฺติ ปน ปฎิจฺฉาทนาการทสฺสนนฺติ อาห ‘‘อเญฺญน วา วจเนนา’’ติอาทิฯ

    Viggāhikakathanti viggāhasaṃvattanikaṃ sārambhakathaṃ. Āyāceyyāsīti vacībhedaṃ katvā yāceyyāsi. Pattheyyāsīti manasā āsīseyyāsi. Piheyyāsīti tasseva vevacanaṃ. Nittejataṃ āpannoti tejahāniyā nittejabhāvaṃ āpanno, nittejabhūtoti attho. Tato eva bhikkhuādayopi sammukhā oloketuṃ asamatthatāya pattakkhandho, patitakkhandhoti attho. Tenāha ‘‘onatagīvo’’ti. Dassitadhammesūti vuttadhammesu. Vacanamattameva hi tesaṃ, na pana dassanaṃ tādisasseva dhammassa abhāvato. Bhagavato eva vā ‘‘ime dhammā anabhisambuddhā’’ti parassa vacanavasena dassitadhammesu. Paṭicarissatīti paṭicchādanavase carissati pavattissati, paṭicchādanattho eva vā carati-saddo anekatthattā dhātūnanti āha ‘‘paṭicchādessatī’’ti. Aññenavā aññanti pana paṭicchādanākāradassananti āha ‘‘aññena vā vacanenā’’tiādi.

    ตตฺถ อญฺญํ วจนนฺติ ยํ สมนุยุญฺชเนฺตน ภควตา ปรสฺส โทสวิภาวนํ วจนํ วุตฺตํ, ตํ ตโต อเญฺญเนว วจเนน ปฎิจฺฉาเทติฯ ‘‘อาปตฺติํ อาปโนฺนสี’’ติ โจทเกน วุตฺตวจนํ วิย ‘‘โก อาปโนฺน, กิํ อาปโนฺน, กิสฺมิํ อาปโนฺน, กํ ภณถ, กิํ ภณถา’’ติอาทิวจเนน อญฺญํ อาคนฺตุกกถํ อาหรโนฺต ‘‘ตฺวํ อิตฺถนฺนามํ อาปตฺติํ อาปโนฺนสี’’ติ ปุโฎฺฐ ‘‘ปาฎลิปุตฺตํ คโตมฺหี’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘น ตว ปาฎลิปุตฺตคมนํ ปุจฺฉาม, อาปตฺติํ ปุจฺฉามา’’ติ วุเตฺต ตโต ราชคหํ คโตมฺหิฯ ราชคหํ วา ยาหิ พฺราหฺมณเคหํ วา, อาปตฺติํ อาปโนฺนสีติฯ ‘‘ตตฺถ เม สูกรมํสํ ลทฺธ’’นฺติอาทีนิ วทโนฺต วิย สมนุยุญฺชเกน วุตฺตวจนโต อญฺญํ อาคนฺตุกกถํ อาหรโนฺต อปนาเมสฺสติ, วิเกฺขปํ คมยิสฺสติฯ อปฺปตีตา โหนฺติ เตน อตุฎฺฐา อโสมนสฺสิกาติ อปจฺจโย, โทมนเสฺสตํ อธิวจนํฯ เนว อตฺตโน, น ปเรสํ หิตํ อภิราธยตีติ อนภิรทฺธิ, โทมนสฺสเมวฯ เตเนวาห ‘‘อปจฺจเยน โทมนสฺสํ วุตฺต’’นฺติฯ

    Tattha aññaṃ vacananti yaṃ samanuyuñjantena bhagavatā parassa dosavibhāvanaṃ vacanaṃ vuttaṃ, taṃ tato aññeneva vacanena paṭicchādeti. ‘‘Āpattiṃ āpannosī’’ti codakena vuttavacanaṃ viya ‘‘ko āpanno, kiṃ āpanno, kismiṃ āpanno, kaṃ bhaṇatha, kiṃ bhaṇathā’’tiādivacanena aññaṃ āgantukakathaṃ āharanto ‘‘tvaṃ itthannāmaṃ āpattiṃ āpannosī’’ti puṭṭho ‘‘pāṭaliputtaṃ gatomhī’’ti vatvā puna ‘‘na tava pāṭaliputtagamanaṃ pucchāma, āpattiṃ pucchāmā’’ti vutte tato rājagahaṃ gatomhi. Rājagahaṃ vā yāhi brāhmaṇagehaṃ vā, āpattiṃ āpannosīti. ‘‘Tattha me sūkaramaṃsaṃ laddha’’ntiādīni vadanto viya samanuyuñjakena vuttavacanato aññaṃ āgantukakathaṃ āharanto apanāmessati, vikkhepaṃ gamayissati. Appatītā honti tena atuṭṭhā asomanassikāti apaccayo, domanassetaṃ adhivacanaṃ. Neva attano, na paresaṃ hitaṃ abhirādhayatīti anabhiraddhi, domanassameva. Tenevāha ‘‘apaccayena domanassaṃ vutta’’nti.

    ยสฺส โข ปน เต อตฺถาย ธโมฺม เทสิโตติ เอตฺถ ธมฺม-สเทฺทน จตุสจฺจธโมฺม วุโตฺตติ อาห ‘‘ยสฺส มคฺคสฺส วา ผลสฺส วา อตฺถายา’’ติฯ จตุสจฺจธโมฺม หิ มคฺคผลาธิคมตฺถาย เทสียติฯ น นิคฺคจฺฉตีติ น ปวเตฺตติฯ นฺติ นํ ธมฺมํฯ อิทานิ ‘‘ยสฺส โข ปน เต อตฺถาย ธโมฺม เทสิโต’’ติ เอตฺถ ธมฺม-สเทฺทน ปฎิปตฺติธโมฺม ทสฺสิโต, น ปน จตุสจฺจธโมฺมติ อธิปฺปาเยน อตฺถวิกปฺปํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาหฯ ปญฺจ ธมฺมาติ คมฺภีรญาณจริยภูตานํ ขนฺธาทีนํ อุคฺคหสวนธารณปริจยโยนิโสมนสิกาเร สนฺธายาหฯ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายาติ เอตฺถ สมฺมาสโทฺท อุภยตฺถาปิ โยเชตโพฺพ ‘‘สมฺมา ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’’ติฯ โย หิ สมฺมา ธมฺมํ ปฎิปชฺชติ, ตเสฺสว สมฺมา ทุกฺขกฺขโย โหตีติฯ โย ปน วุตฺตนเยน ตกฺกโร, ตสฺส นิยฺยานํ อตฺถโต ธมฺมเสฺสว นิยฺยานนฺติ ตปฺปฎิเกฺขเปน ‘‘โส ธโมฺม…เป.… น นิยฺยาติ น นิคฺคจฺฉตี’’ติ อาหฯ

    Yassa kho pana te atthāya dhammo desitoti ettha dhamma-saddena catusaccadhammo vuttoti āha ‘‘yassa maggassa vā phalassa vā atthāyā’’ti. Catusaccadhammo hi maggaphalādhigamatthāya desīyati. Na niggacchatīti na pavatteti. Nanti naṃ dhammaṃ. Idāni ‘‘yassa kho pana te atthāya dhammo desito’’ti ettha dhamma-saddena paṭipattidhammo dassito, na pana catusaccadhammoti adhippāyena atthavikappaṃ dassento ‘‘atha vā’’tiādimāha. Pañca dhammāti gambhīrañāṇacariyabhūtānaṃ khandhādīnaṃ uggahasavanadhāraṇaparicayayonisomanasikāre sandhāyāha. Takkarassa sammā dukkhakkhayāyāti ettha sammāsaddo ubhayatthāpi yojetabbo ‘‘sammā takkarassa sammā dukkhakkhayāyā’’ti. Yo hi sammā dhammaṃ paṭipajjati, tasseva sammā dukkhakkhayo hotīti. Yo pana vuttanayena takkaro, tassa niyyānaṃ atthato dhammasseva niyyānanti tappaṭikkhepena ‘‘so dhammo…pe… na niyyāti na niggacchatī’’ti āha.

    ยทิ ติรจฺฉานสีหสฺส นาโท สพฺพติรจฺฉานเอกจฺจมนุสฺสามนุสฺสนาทโต เสฎฺฐตฺตา เสฎฺฐนาโท, กิมงฺคํ ปน ตถาคตสีหสฺส นาโทติ อาห ‘‘สีหนาทนฺติ เสฎฺฐนาท’’นฺติฯ ยทิ วา ติรจฺฉานสีหนาทสฺส เสฎฺฐนาทตา นิพฺภยตาย อปฺปฎิสตฺตุตาย อิจฺฉิตา, ตถาคตสีหนาทเสฺสว อยมโตฺถ สาติสโยติ อาห ‘‘อภีตนาทํ อปฺปฎินาท’’นฺติฯ ‘‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๑๒๙; อ. นิ. ๑.๒๖๘-๒๗๑) หิ โย อโตฺถ วุโตฺต, ตสฺส ภูตตาย อยํ นาโท เสฎฺฐนาโท นาม โหติ อุตฺตมนาโทฯ ภูตโตฺถ หิ อุตฺตมโตฺถติฯ อิมมตฺถํ ปน วทนฺตสฺส ภควโต อญฺญโต ภยํ วา อาสงฺกา วา นตฺถีติ อภีตนาโท นาม โหติฯ อภูตญฺหิ วทโต กุโตจิ ภยํ วา อาสงฺกา วา สิยา, เอวํ ปน วทนฺตํ ภควนฺตํ โกจิ อุฎฺฐหิตฺวา ปฎิพาหิตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถีติ อยํ นาโท อปฺปฎินาโท นาม โหติฯ

    Yadi tiracchānasīhassa nādo sabbatiracchānaekaccamanussāmanussanādato seṭṭhattā seṭṭhanādo, kimaṅgaṃ pana tathāgatasīhassa nādoti āha ‘‘sīhanādanti seṭṭhanāda’’nti. Yadi vā tiracchānasīhanādassa seṭṭhanādatā nibbhayatāya appaṭisattutāya icchitā, tathāgatasīhanādasseva ayamattho sātisayoti āha ‘‘abhītanādaṃ appaṭināda’’nti. ‘‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso’’tiādinā (ma. ni. 3.129; a. ni. 1.268-271) hi yo attho vutto, tassa bhūtatāya ayaṃ nādo seṭṭhanādo nāma hoti uttamanādo. Bhūtattho hi uttamatthoti. Imamatthaṃ pana vadantassa bhagavato aññato bhayaṃ vā āsaṅkā vā natthīti abhītanādo nāma hoti. Abhūtañhi vadato kutoci bhayaṃ vā āsaṅkā vā siyā, evaṃ pana vadantaṃ bhagavantaṃ koci uṭṭhahitvā paṭibāhituṃ samattho nāma natthīti ayaṃ nādo appaṭinādo nāma hoti.

    สมนฺตโต นิคฺคณฺหนวเสน โตทนํ วิชฺฌนํ สนฺนิโตทกํ, สมฺมา วา นิตุทนฺติ ปีเฬนฺติ เอเตนาติ สนฺนิโตทกํวาจายาติ จ ปจฺจเตฺต กรณวจนํฯ เตนาห ‘‘วจนปโตเทนา’’ติฯ สญฺชมฺภริมกํสูติ สมนฺตโต สมฺภริตํ อกํสุ, สเพฺพ ปริพฺพาชกา วาจาโตทเนหิ ตุทิํสูติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘สมฺภริตํ…เป.… วิชฺฌิํสู’’ติฯ สิงฺคาลกํเยวาติ สิงฺคาลเมว, ‘‘เสคาลกํเยวา’’ติปิ ปาโฐฯ ตเสฺสวาติ สิงฺคาลรวเสฺสวฯ อถ วา เภรณฺฑกํเยวาติ เภทณฺฑสกุณิสทิสํเยวาติ อโตฺถฯ เภทณฺฑํ นาม เอโก ปกฺขี ทฺวิมุโข, ตสฺส กิร สโทฺท อติวิย วิรูโป อมนาโปฯ เตนาห ‘‘อปิจ ภินฺนสฺสรํ อมนาปสทฺทํ นทตี’’ติฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ

    Samantato niggaṇhanavasena todanaṃ vijjhanaṃ sannitodakaṃ, sammā vā nitudanti pīḷenti etenāti sannitodakaṃ. Vācāyāti ca paccatte karaṇavacanaṃ. Tenāha ‘‘vacanapatodenā’’ti. Sañjambharimakaṃsūti samantato sambharitaṃ akaṃsu, sabbe paribbājakā vācātodanehi tudiṃsūti attho. Tenāha ‘‘sambharitaṃ…pe… vijjhiṃsū’’ti. Siṅgālakaṃyevāti siṅgālameva, ‘‘segālakaṃyevā’’tipi pāṭho. Tassevāti siṅgālaravasseva. Atha vā bheraṇḍakaṃyevāti bhedaṇḍasakuṇisadisaṃyevāti attho. Bhedaṇḍaṃ nāma eko pakkhī dvimukho, tassa kira saddo ativiya virūpo amanāpo. Tenāha ‘‘apica bhinnassaraṃ amanāpasaddaṃ nadatī’’ti. Sesamettha uttānameva.

    สรภสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sarabhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๔. สรภสุตฺตํ • 4. Sarabhasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๔. สรภสุตฺตวณฺณนา • 4. Sarabhasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact