Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทกปาฐ-อฎฺฐกถา • Khuddakapāṭha-aṭṭhakathā

    ๑. สรณตฺตยวณฺณนา

    1. Saraṇattayavaṇṇanā

    พุทฺธวิภาวนา

    Buddhavibhāvanā

    อิทานิ ยํ วุตฺตํ ‘‘พุทฺธํ สรณคมนํ, คมกญฺจ วิภาวเย’’ติ, ตตฺถ สพฺพธเมฺมสุ อปฺปฎิหตญาณนิมิตฺตานุตฺตรวิโมกฺขาธิคมปริภาวิตํ ขนฺธสนฺตานมุปาทาย, ปญฺญตฺติโต สพฺพญฺญุตญฺญาณปทฎฺฐานํ วา สจฺจาภิสโมฺพธิมุปาทาย ปญฺญตฺติโต สตฺตวิเสโส พุโทฺธฯ ยถาห –

    Idāni yaṃ vuttaṃ ‘‘buddhaṃ saraṇagamanaṃ, gamakañca vibhāvaye’’ti, tattha sabbadhammesu appaṭihatañāṇanimittānuttaravimokkhādhigamaparibhāvitaṃ khandhasantānamupādāya, paññattito sabbaññutaññāṇapadaṭṭhānaṃ vā saccābhisambodhimupādāya paññattito sattaviseso buddho. Yathāha –

    ‘‘พุโทฺธติ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุเพฺพ อนนุสฺสุเตสุ ธเมฺมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพญฺญุตํ ปโตฺต, พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิเทฺทส ๙๗; ปฎิ. ม. ๑.๑๖๑)ฯ

    ‘‘Buddhoti yo so bhagavā sayambhū anācariyako pubbe ananussutesu dhammesu sāmaṃ saccāni abhisambujjhi, tattha ca sabbaññutaṃ patto, balesu ca vasībhāva’’nti (mahāni. 192; cūḷani. pārāyanatthutigāthāniddesa 97; paṭi. ma. 1.161).

    อยํ ตาว อตฺถโต พุทฺธวิภาวนาฯ

    Ayaṃ tāva atthato buddhavibhāvanā.

    พฺยญฺชนโต ปน ‘‘พุชฺฌิตาติ พุโทฺธ, โพเธตาติ พุโทฺธ’’ติ เอวมาทินา นเยน เวทิตโพฺพฯ วุตฺตเญฺจตํ –

    Byañjanato pana ‘‘bujjhitāti buddho, bodhetāti buddho’’ti evamādinā nayena veditabbo. Vuttañcetaṃ –

    ‘‘พุโทฺธติ เกนเฎฺฐน พุโทฺธ? พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุโทฺธ, โพเธตา ปชายาติ พุโทฺธ, สพฺพญฺญุตาย พุโทฺธ, สพฺพทสฺสาวิตาย พุโทฺธ, อนญฺญเนยฺยตาย พุโทฺธ, วิกสิตาย พุโทฺธ, ขีณาสวสงฺขาเตน พุโทฺธ, นิรุปกฺกิเลสสงฺขาเตน พุโทฺธ, เอกนฺตวีตราโคติ พุโทฺธ, เอกนฺตวีตโทโสติ พุโทฺธ, เอกนฺตวีตโมโหติ พุโทฺธ, เอกนฺตนิกฺกิเลโสติ พุโทฺธ, เอกายนมคฺคํ คโตติ พุโทฺธ, เอโก อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธติ พุโทฺธ, อพุทฺธิวิหตตฺตา พุทฺธิปฎิลาภา พุโทฺธฯ พุโทฺธติ เนตํ นามํ มาตรา กตํ, น ปิตรา กตํ, น ภาตรา กตํ, น ภคินิยา กตํ, น มิตฺตามเจฺจหิ กตํ, น ญาติสาโลหิเตหิ กตํ, น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ, น เทวตาหิ กตํ, วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส ปฎิลาภา สจฺฉิกา ปญฺญตฺติ ยทิทํ พุโทฺธ’’ติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิเทฺทส ๙๗; ปฎิ. ม. ๑.๑๖๒)ฯ

    ‘‘Buddhoti kenaṭṭhena buddho? Bujjhitā saccānīti buddho, bodhetā pajāyāti buddho, sabbaññutāya buddho, sabbadassāvitāya buddho, anaññaneyyatāya buddho, vikasitāya buddho, khīṇāsavasaṅkhātena buddho, nirupakkilesasaṅkhātena buddho, ekantavītarāgoti buddho, ekantavītadosoti buddho, ekantavītamohoti buddho, ekantanikkilesoti buddho, ekāyanamaggaṃ gatoti buddho, eko anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddhoti buddho, abuddhivihatattā buddhipaṭilābhā buddho. Buddhoti netaṃ nāmaṃ mātarā kataṃ, na pitarā kataṃ, na bhātarā kataṃ, na bhaginiyā kataṃ, na mittāmaccehi kataṃ, na ñātisālohitehi kataṃ, na samaṇabrāhmaṇehi kataṃ, na devatāhi kataṃ, vimokkhantikametaṃ buddhānaṃ bhagavantānaṃ bodhiyā mūle saha sabbaññutaññāṇassa paṭilābhā sacchikā paññatti yadidaṃ buddho’’ti (mahāni. 192; cūḷani. pārāyanatthutigāthāniddesa 97; paṭi. ma. 1.162).

    เอตฺถ จ ยถา โลเก อวคนฺตา อวคโตติ วุจฺจติ, เอวํ พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุโทฺธฯ ยถา ปณฺณโสสา วาตา ปณฺณสุสาติ วุจฺจนฺติ, เอวํ โพเธตา ปชายาติ พุโทฺธฯ สพฺพญฺญุตาย พุโทฺธติ สพฺพธมฺมพุชฺฌนสมตฺถาย พุทฺธิยา พุโทฺธติ วุตฺตํ โหติฯ สพฺพทสฺสาวิตาย พุโทฺธติ สพฺพธมฺมโพธนสมตฺถาย พุทฺธิยา พุโทฺธติ วุตฺตํ โหติฯ อนญฺญเนยฺยตาย พุโทฺธติ อเญฺญน อโพธิโต สยเมว พุทฺธตฺตา พุโทฺธติ วุตฺตํ โหติฯ วิกสิตาย พุโทฺธติ นานาคุณวิกสนโต ปทุมมิว วิกสนเฎฺฐน พุโทฺธติ วุตฺตํ โหติฯ ขีณาสวสงฺขาเตน พุโทฺธติ เอวมาทีหิ จิตฺตสโงฺกจกรธมฺมปหานโต นิทฺทากฺขยวิพุโทฺธ ปุริโส วิย สพฺพกิเลสนิทฺทากฺขยวิพุทฺธตฺตา พุโทฺธติ วุตฺตํ โหติฯ เอกายนมคฺคํ คโตติ พุโทฺธติ พุทฺธิยตฺถานํ คมนตฺถปริยายโต ยถา มคฺคํ คโตปิ ปุริโส คโตติ วุจฺจติ, เอวํ เอกายนมคฺคํ คตตฺตาปิ พุโทฺธติ วุจฺจตีติ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ เอโก อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธติ พุโทฺธติ น ปเรหิ พุทฺธตฺตา พุโทฺธ, กินฺตุ สยเมว อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา พุโทฺธติ วุตฺตํ โหติ ฯ อพุทฺธิวิหตตฺตา พุทฺธิปฎิลาภา พุโทฺธติ พุทฺธิ พุทฺธํ โพโธติ ปริยายวจนเมตํฯ ตตฺถ ยถา นีลรตฺตคุณโยคโต ‘‘นีโล ปโฎ, รโตฺต ปโฎ’’ติ วุจฺจติ, เอวํ พุทฺธิคุณโยคโต พุโทฺธติ ญาเปตุํ วุตฺตํ โหติฯ ตโต ปรํ พุโทฺธติ เนตํ นามนฺติ เอวมาทิ อตฺถมนุคตา อยํ ปญฺญตฺตีติ โพธนตฺถํ วุตฺตนฺติ เอวรูเปน นเยน สเพฺพสํ ปทานํ พุทฺธสทฺทสฺส สาธนสมโตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Ettha ca yathā loke avagantā avagatoti vuccati, evaṃ bujjhitā saccānīti buddho. Yathā paṇṇasosā vātā paṇṇasusāti vuccanti, evaṃ bodhetā pajāyāti buddho. Sabbaññutāya buddhoti sabbadhammabujjhanasamatthāya buddhiyā buddhoti vuttaṃ hoti. Sabbadassāvitāya buddhoti sabbadhammabodhanasamatthāya buddhiyā buddhoti vuttaṃ hoti. Anaññaneyyatāya buddhoti aññena abodhito sayameva buddhattā buddhoti vuttaṃ hoti. Vikasitāya buddhoti nānāguṇavikasanato padumamiva vikasanaṭṭhena buddhoti vuttaṃ hoti. Khīṇāsavasaṅkhātena buddhoti evamādīhi cittasaṅkocakaradhammapahānato niddākkhayavibuddho puriso viya sabbakilesaniddākkhayavibuddhattā buddhoti vuttaṃ hoti. Ekāyanamaggaṃ gatoti buddhoti buddhiyatthānaṃ gamanatthapariyāyato yathā maggaṃ gatopi puriso gatoti vuccati, evaṃ ekāyanamaggaṃ gatattāpi buddhoti vuccatīti dassetuṃ vuttaṃ. Eko anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddhoti buddhoti na parehi buddhattā buddho, kintu sayameva anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddhattā buddhoti vuttaṃ hoti . Abuddhivihatattā buddhipaṭilābhā buddhoti buddhi buddhaṃ bodhoti pariyāyavacanametaṃ. Tattha yathā nīlarattaguṇayogato ‘‘nīlo paṭo, ratto paṭo’’ti vuccati, evaṃ buddhiguṇayogato buddhoti ñāpetuṃ vuttaṃ hoti. Tato paraṃ buddhoti netaṃ nāmanti evamādi atthamanugatā ayaṃ paññattīti bodhanatthaṃ vuttanti evarūpena nayena sabbesaṃ padānaṃ buddhasaddassa sādhanasamattho attho veditabbo.

    อยํ พฺยญฺชนโตปิ พุทฺธวิภาวนาฯ

    Ayaṃ byañjanatopi buddhavibhāvanā.

    สรณคมนคมกวิภาวนา

    Saraṇagamanagamakavibhāvanā

    อิทานิ สรณคมนาทีสุ หิํสตีติ สรณํ, สรณคตานํ เตเนว สรณคมเนน ภยํ สนฺตาสํ ทุกฺขํ ทุคฺคติํ ปริกฺกิเลสํ หิํสติ วิธมติ นีหรติ นิโรเธตีติ อโตฺถฯ อถ วา หิเต ปวตฺตเนน อหิตา จ นิวตฺตเนน สตฺตานํ ภยํ หิํสตีติ พุโทฺธ, ภวกนฺตารา อุตฺตรเณน อสฺสาสทาเนน จ ธโมฺม, อปฺปกานมฺปิ การานํ วิปุลผลปฎิลาภกรเณน สโงฺฆฯ ตสฺมา อิมินาปิ ปริยาเยน ตํ รตนตฺตยํ สรณํฯ ตปฺปสาทตคฺครุตาหิ วิหตวิทฺธํสิตกิเลโส ตปฺปรายณตาการปฺปวโตฺต อปรปฺปจฺจโย วา จิตฺตุปฺปาโท สรณคมนํฯ ตํสมงฺคี สโตฺต ตํ สรณํ คจฺฉติ, วุตฺตปฺปกาเรน จิตฺตุปฺปาเทน ‘‘เอส เม สรณํ, เอส เม ปรายณ’’นฺติ เอวเมตํ อุเปตีติ อโตฺถ ฯ อุเปโนฺต จ ‘‘เอเต มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉาม, ธมฺมญฺจ, อุปาสเก โน ภควา ธาเรตู’’ติ ตปุสฺสภลฺลิกาทโย วิย สมาทาเนน วา, ‘‘สตฺถา เม, ภเนฺต, ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) มหากสฺสปาทโย วิย สิสฺสภาวูปคมเนน วา, ‘‘เอวํ วุเตฺต พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ ‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ นโม ตสฺส…เป.… สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๘๘) พฺรหฺมายุอาทโย วิย ตโปฺปณเตฺตน วา, กมฺมฎฺฐานานุโยคิโน วิย อตฺตสนฺนิยฺยาตเนน วา, อริยปุคฺคลา วิย สรณคมนุปกฺกิเลสสมุเจฺฉเทน วาติ อเนกปฺปการํ วิสยโต กิจฺจโต จ อุเปติฯ

    Idāni saraṇagamanādīsu hiṃsatīti saraṇaṃ, saraṇagatānaṃ teneva saraṇagamanena bhayaṃ santāsaṃ dukkhaṃ duggatiṃ parikkilesaṃ hiṃsati vidhamati nīharati nirodhetīti attho. Atha vā hite pavattanena ahitā ca nivattanena sattānaṃ bhayaṃ hiṃsatīti buddho, bhavakantārā uttaraṇena assāsadānena ca dhammo, appakānampi kārānaṃ vipulaphalapaṭilābhakaraṇena saṅgho. Tasmā imināpi pariyāyena taṃ ratanattayaṃ saraṇaṃ. Tappasādataggarutāhi vihataviddhaṃsitakileso tapparāyaṇatākārappavatto aparappaccayo vā cittuppādo saraṇagamanaṃ. Taṃsamaṅgī satto taṃ saraṇaṃ gacchati, vuttappakārena cittuppādena ‘‘esa me saraṇaṃ, esa me parāyaṇa’’nti evametaṃ upetīti attho . Upento ca ‘‘ete mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāma, dhammañca, upāsake no bhagavā dhāretū’’ti tapussabhallikādayo viya samādānena vā, ‘‘satthā me, bhante, bhagavā, sāvakohamasmī’’ti (saṃ. ni. 2.154) mahākassapādayo viya sissabhāvūpagamanena vā, ‘‘evaṃ vutte brahmāyu brāhmaṇo uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā tikkhattuṃ udānaṃ udānesi ‘namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa. Namo tassa…pe… sammāsambuddhassā’’’ti (ma. ni. 2.388) brahmāyuādayo viya tappoṇattena vā, kammaṭṭhānānuyogino viya attasanniyyātanena vā, ariyapuggalā viya saraṇagamanupakkilesasamucchedena vāti anekappakāraṃ visayato kiccato ca upeti.

    อยํ สรณคมนสฺส คมกสฺส จ วิภาวนาฯ

    Ayaṃ saraṇagamanassa gamakassa ca vibhāvanā.

    เภทาเภทผลทีปนา

    Bhedābhedaphaladīpanā

    อิทานิ ‘‘เภทาเภทํ ผลญฺจาปิ, คมนียญฺจ ทีปเย’’ติ วุตฺตานํ เภทาทีนํ อยํ ทีปนา, เอวํ สรณคตสฺส ปุคฺคลสฺส ทุวิโธ สรณคมนเภโท – สาวโชฺช จ อนวโชฺช จฯ อนวโชฺช กาลกิริยาย, สาวโชฺช อญฺญสตฺถริ วุตฺตปฺปการปฺปวตฺติยา, ตสฺมิญฺจ วุตฺตปฺปการวิปรีตปฺปวตฺติยาฯ โส ทุวิโธปิ ปุถุชฺชนานเมวฯ พุทฺธคุเณสุ อญฺญาณสํสยมิจฺฉาญาณปฺปวตฺติยา อนาทราทิปฺปวตฺติยา จ เตสํ สรณํ สํกิลิฎฺฐํ โหติฯ อริยปุคฺคลา ปน อภินฺนสรณา เจว อสํกิลิฎฺฐสรณา จ โหนฺติฯ ยถาห ‘‘อฎฺฐานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล อญฺญํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๗๖; ม. นิ. ๓.๑๒๘; วิภ. ๘๐๙)ฯ ปุถุชฺชนา ตุ ยาวเทว สรณเภทํ น ปาปุณนฺติ, ตาวเทว อภินฺนสรณาฯ สาวโชฺชว เนสํ สรณเภโท, สํกิเลโส จ อนิฎฺฐผลโท โหติฯ อนวโชฺช อวิปากตฺตา อผโล, อเภโท ปน ผลโต อิฎฺฐเมว ผลํ เทติฯ

    Idāni ‘‘bhedābhedaṃ phalañcāpi, gamanīyañca dīpaye’’ti vuttānaṃ bhedādīnaṃ ayaṃ dīpanā, evaṃ saraṇagatassa puggalassa duvidho saraṇagamanabhedo – sāvajjo ca anavajjo ca. Anavajjo kālakiriyāya, sāvajjo aññasatthari vuttappakārappavattiyā, tasmiñca vuttappakāraviparītappavattiyā. So duvidhopi puthujjanānameva. Buddhaguṇesu aññāṇasaṃsayamicchāñāṇappavattiyā anādarādippavattiyā ca tesaṃ saraṇaṃ saṃkiliṭṭhaṃ hoti. Ariyapuggalā pana abhinnasaraṇā ceva asaṃkiliṭṭhasaraṇā ca honti. Yathāha ‘‘aṭṭhānametaṃ, bhikkhave, anavakāso, yaṃ diṭṭhisampanno puggalo aññaṃ satthāraṃ uddiseyyā’’ti (a. ni. 1.276; ma. ni. 3.128; vibha. 809). Puthujjanā tu yāvadeva saraṇabhedaṃ na pāpuṇanti, tāvadeva abhinnasaraṇā. Sāvajjova nesaṃ saraṇabhedo, saṃkileso ca aniṭṭhaphalado hoti. Anavajjo avipākattā aphalo, abhedo pana phalato iṭṭhameva phalaṃ deti.

    ยถาห –

    Yathāha –

    ‘‘เยเกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมิํ;

    ‘‘Yekeci buddhaṃ saraṇaṃ gatāse, na te gamissanti apāyabhūmiṃ;

    ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติฯ (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);

    Pahāya mānusaṃ dehaṃ, devakāyaṃ paripūressantī’’ti. (dī. ni. 2.332; saṃ. ni. 1.37);

    ตตฺร จ เย สรณคมนุปกฺกิเลสสมุเจฺฉเทน สรณํ คตา, เต อปายํ น คมิสฺสนฺติฯ อิตเร ปน สรณคมเนน น คมิสฺสนฺตีติ เอวํ คาถาย อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ

    Tatra ca ye saraṇagamanupakkilesasamucchedena saraṇaṃ gatā, te apāyaṃ na gamissanti. Itare pana saraṇagamanena na gamissantīti evaṃ gāthāya adhippāyo veditabbo.

    อยํ ตาว เภทาเภทผลทีปนาฯ

    Ayaṃ tāva bhedābhedaphaladīpanā.

    คมนียทีปนา

    Gamanīyadīpanā

    คมนียทีปนายํ โจทโก อาห – ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ เอตฺถ โย พุทฺธํ สรณํ คจฺฉติ, เอส พุทฺธํ วา คเจฺฉยฺย สรณํ วา, อุภยถาปิ จ เอกสฺส วจนํ นิรตฺถกํฯ กสฺมา? คมนกิริยาย กมฺมทฺวยาภาวโตฯ น เหตฺถ ‘‘อชํ คามํ เนตี’’ติอาทีสุ วิย ทฺวิกมฺมกตฺตํ อกฺขรจินฺตกา อิจฺฉนฺติฯ

    Gamanīyadīpanāyaṃ codako āha – ‘‘buddhaṃ saraṇaṃ gacchāmī’’ti ettha yo buddhaṃ saraṇaṃ gacchati, esa buddhaṃ vā gaccheyya saraṇaṃ vā, ubhayathāpi ca ekassa vacanaṃ niratthakaṃ. Kasmā? Gamanakiriyāya kammadvayābhāvato. Na hettha ‘‘ajaṃ gāmaṃ netī’’tiādīsu viya dvikammakattaṃ akkharacintakā icchanti.

    ‘‘คจฺฉเตว ปุพฺพํ ทิสํ, คจฺฉติ ปจฺฉิมํ ทิส’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๕๙; ๓.๘๗) วิย สาตฺถกเมวาติ เจ? น, พุทฺธสรณานํ สมานาธิกรณภาวสฺสานธิเปฺปตโตฯ เอเตสญฺหิ สมานาธิกรณภาเว อธิเปฺปเต ปฎิหตจิโตฺตปิ พุทฺธํ อุปสงฺกมโนฺต พุทฺธํ สรณํ คโต สิยาฯ ยญฺหิ ตํ พุโทฺธติ วิเสสิตํ สรณํ, ตเมเวส คโตติฯ ‘‘เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตม’’นฺติ (ธ. ป. ๑๙๒) วจนโต สมานาธิกรณตฺตเมวาติ เจ? น, ตเตฺถว ตพฺภาวโตฯ ตเตฺถว หิ คาถาปเท เอตํ พุทฺธาทิรตนตฺตยํ สรณคตานํ ภยหรณตฺตสงฺขาเต สรณภาเว อพฺยภิจรณโต ‘‘เขมมุตฺตมญฺจ สรณ’’นฺติ อยํ สมานาธิกรณภาโว อธิเปฺปโต, อญฺญตฺถ ตุ คมิสมฺพเนฺธ สติ สรณคมนสฺส อปฺปสิทฺธิโต อนธิเปฺปโตติ อสาธกเมตํฯ ‘‘เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ เอตฺถ คมิสมฺพเนฺธปิ สรณคมนปสิทฺธิโต สมานาธิกรณตฺตเมวาติ เจ? น ปุเพฺพ วุตฺตโทสปฺปสงฺคโตฯ ตตฺราปิ หิ สมานาธิกรณภาเว สติ เอตํ พุทฺธธมฺมสงฺฆสรณํ ปฎิหตจิโตฺตปิ อาคมฺม สพฺพทุกฺขา ปมุเจฺจยฺยาติ เอวํ ปุเพฺพ วุตฺตโทสปฺปสโงฺค เอว สิยา, น จ โน โทเสน อตฺถิ อโตฺถติ อสาธกเมตํฯ ยถา ‘‘มมญฺหิ, อานนฺท, กลฺยาณมิตฺตํ อาคมฺม ชาติธมฺมา สตฺตา ชาติยา ปริมุจฺจนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙) เอตฺถ ภควโต กลฺยาณมิตฺตสฺส อานุภาเวน ปริมุจฺจมานา สตฺตา ‘‘กลฺยาณมิตฺตํ อาคมฺม ปริมุจฺจนฺตี’’ติ วุตฺตาฯ เอวมิธาปิ พุทฺธธมฺมสงฺฆสฺส สรณสฺสานุภาเวน มุจฺจมาโน ‘‘เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ วุโตฺตติ เอวเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ

    ‘‘Gacchateva pubbaṃ disaṃ, gacchati pacchimaṃ disa’’ntiādīsu (saṃ. ni. 1.159; 3.87) viya sātthakamevāti ce? Na, buddhasaraṇānaṃ samānādhikaraṇabhāvassānadhippetato. Etesañhi samānādhikaraṇabhāve adhippete paṭihatacittopi buddhaṃ upasaṅkamanto buddhaṃ saraṇaṃ gato siyā. Yañhi taṃ buddhoti visesitaṃ saraṇaṃ, tamevesa gatoti. ‘‘Etaṃ kho saraṇaṃ khemaṃ, etaṃ saraṇamuttama’’nti (dha. pa. 192) vacanato samānādhikaraṇattamevāti ce? Na, tattheva tabbhāvato. Tattheva hi gāthāpade etaṃ buddhādiratanattayaṃ saraṇagatānaṃ bhayaharaṇattasaṅkhāte saraṇabhāve abyabhicaraṇato ‘‘khemamuttamañca saraṇa’’nti ayaṃ samānādhikaraṇabhāvo adhippeto, aññattha tu gamisambandhe sati saraṇagamanassa appasiddhito anadhippetoti asādhakametaṃ. ‘‘Etaṃ saraṇamāgamma, sabbadukkhā pamuccatī’’ti ettha gamisambandhepi saraṇagamanapasiddhito samānādhikaraṇattamevāti ce? Na pubbe vuttadosappasaṅgato. Tatrāpi hi samānādhikaraṇabhāve sati etaṃ buddhadhammasaṅghasaraṇaṃ paṭihatacittopi āgamma sabbadukkhā pamucceyyāti evaṃ pubbe vuttadosappasaṅgo eva siyā, na ca no dosena atthi atthoti asādhakametaṃ. Yathā ‘‘mamañhi, ānanda, kalyāṇamittaṃ āgamma jātidhammā sattā jātiyā parimuccantī’’ti (saṃ. ni. 1.129) ettha bhagavato kalyāṇamittassa ānubhāvena parimuccamānā sattā ‘‘kalyāṇamittaṃ āgamma parimuccantī’’ti vuttā. Evamidhāpi buddhadhammasaṅghassa saraṇassānubhāvena muccamāno ‘‘etaṃ saraṇamāgamma, sabbadukkhā pamuccatī’’ti vuttoti evamettha adhippāyo veditabbo.

    เอวํ สพฺพถาปิ น พุทฺธสฺส คมนียตฺตํ ยุชฺชติ, น สรณสฺส, น อุภเยสํ, อิจฺฉิตพฺพญฺจ คจฺฉามีติ นิทฺทิฎฺฐสฺส คมกสฺส คมนียํ, ตโต วตฺตพฺพา เอตฺถ ยุตฺตีติฯ วุจฺจเต –

    Evaṃ sabbathāpi na buddhassa gamanīyattaṃ yujjati, na saraṇassa, na ubhayesaṃ, icchitabbañca gacchāmīti niddiṭṭhassa gamakassa gamanīyaṃ, tato vattabbā ettha yuttīti. Vuccate –

    พุโทฺธเยเวตฺถ คมนีโย, คมนาการทสฺสนตฺถํ ตุ ตํ สรณวจนํ, พุทฺธํ สรณนฺติ คจฺฉามิฯ เอส เม สรณํ, เอส เม ปรายณํ, อฆสฺส, ตาตา, หิตสฺส จ วิธาตาติ อิมินา อธิปฺปาเยน เอตํ คจฺฉามิ ภชามิ เสวามิ ปยิรุปาสามิ, เอวํ วา ชานามิ พุชฺฌามีติฯ เยสญฺหิ ธาตูนํ คติอโตฺถ พุทฺธิปิ เตสํ อโตฺถติฯ อิติ-สทฺทสฺส อปฺปโยคา อยุตฺตมิติ เจ? ตํ นฯ ตตฺถ สิยา – ยทิ เจตฺถ เอวมโตฺถ ภเวยฺย, ตโต ‘‘อนิจฺจํ รูปํ อนิจฺจํ รูปนฺติ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๕๕, ๘๕) วิย อิติ-สโทฺท ปยุโตฺต สิยา, น จ ปยุโตฺต, ตสฺมา อยุตฺตเมตนฺติฯ ตญฺจ น, กสฺมา? ตทตฺถสมฺภวาฯ ‘‘โย จ พุทฺธญฺจ ธมฺมญฺจ สงฺฆญฺจ สรณํ คโต’’ติ เอวมาทีสุ (ธ. ป. ๑๙๐) วิย อิธาปิ อิติ-สทฺทสฺส อโตฺถ สมฺภวติ, น จ วิชฺชมานตฺถสมฺภวา อิติ-สทฺทา สพฺพตฺถ ปยุชฺชนฺติ, อปฺปยุตฺตสฺสาเปตฺถ ปยุตฺตสฺส วิย อิติ-สทฺทสฺส อโตฺถ วิญฺญาตโพฺพ อเญฺญสุ จ เอวํชาติเกสุ, ตสฺมา อโทโส เอว โสติฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตีหิ สรณคมเนหิ ปพฺพชฺช’’นฺติอาทีสุ (มหาว. ๓๔) สรณเสฺสว คมนียโต ยํ วุตฺตํ ‘‘คมนาการทสฺสนตฺถํ ตุ สรณวจน’’นฺติ, ตํ น ยุตฺตมิติ เจฯ ตํ นายุตฺตํฯ กสฺมา? ตทตฺถสมฺภวา เอวฯ ตตฺราปิ หิ ตสฺส อโตฺถ สมฺภวติ, ยโต ปุพฺพสทิสเมว อปฺปยุโตฺตปิ ปยุโตฺต วิย เวทิตโพฺพฯ อิตรถา หิ ปุเพฺพ วุตฺตโทสปฺปสโงฺค เอว สิยา, ตสฺมา ยถานุสิฎฺฐเมว คเหตพฺพํฯ

    Buddhoyevettha gamanīyo, gamanākāradassanatthaṃ tu taṃ saraṇavacanaṃ, buddhaṃ saraṇanti gacchāmi. Esa me saraṇaṃ, esa me parāyaṇaṃ, aghassa, tātā, hitassa ca vidhātāti iminā adhippāyena etaṃ gacchāmi bhajāmi sevāmi payirupāsāmi, evaṃ vā jānāmi bujjhāmīti. Yesañhi dhātūnaṃ gatiattho buddhipi tesaṃ atthoti. Iti-saddassa appayogā ayuttamiti ce? Taṃ na. Tattha siyā – yadi cettha evamattho bhaveyya, tato ‘‘aniccaṃ rūpaṃ aniccaṃ rūpanti yathābhūtaṃ pajānātī’’ti evamādīsu (saṃ. ni. 3.55, 85) viya iti-saddo payutto siyā, na ca payutto, tasmā ayuttametanti. Tañca na, kasmā? Tadatthasambhavā. ‘‘Yo ca buddhañca dhammañca saṅghañca saraṇaṃ gato’’ti evamādīsu (dha. pa. 190) viya idhāpi iti-saddassa attho sambhavati, na ca vijjamānatthasambhavā iti-saddā sabbattha payujjanti, appayuttassāpettha payuttassa viya iti-saddassa attho viññātabbo aññesu ca evaṃjātikesu, tasmā adoso eva soti. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, tīhi saraṇagamanehi pabbajja’’ntiādīsu (mahāva. 34) saraṇasseva gamanīyato yaṃ vuttaṃ ‘‘gamanākāradassanatthaṃ tu saraṇavacana’’nti, taṃ na yuttamiti ce. Taṃ nāyuttaṃ. Kasmā? Tadatthasambhavā eva. Tatrāpi hi tassa attho sambhavati, yato pubbasadisameva appayuttopi payutto viya veditabbo. Itarathā hi pubbe vuttadosappasaṅgo eva siyā, tasmā yathānusiṭṭhameva gahetabbaṃ.

    อยํ คมนียทีปนาฯ

    Ayaṃ gamanīyadīpanā.

    ธมฺมสงฺฆสรณวิภาวนา

    Dhammasaṅghasaraṇavibhāvanā

    อิทานิ ยํ วุตฺตํ ‘‘ธมฺมํ สรณมิจฺจาทิ, ทฺวเยเปส นโย มโต’’ติ เอตฺถ วุจฺจเต – ยฺวายํ ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ เอตฺถ อตฺถวณฺณนานโย วุโตฺต, ‘‘ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ เอตสฺมิมฺปิ ปททฺวเย เอโสว เวทิตโพฺพฯ ตตฺราปิ หิ ธมฺมสงฺฆานํ อตฺถโต พฺยญฺชนโต จ วิภาวนมตฺตเมว อสทิสํ, เสสํ วุตฺตสทิสเมวฯ ยโต ยเทเวตฺถ อสทิสํ, ตํ วุจฺจเต – มคฺคผลนิพฺพานานิ ธโมฺมติ เอเกฯ ภาวิตมคฺคานํ สจฺฉิกตนิพฺพานานญฺจ อปาเยสุ อปตนภาเวน ธารณโต ปรมสฺสาสวิธานโต จ มคฺควิราคา เอว อิมสฺมิํ อเตฺถ ธโมฺมติ อมฺหากํ ขนฺติ, อคฺคปฺปสาทสุตฺตเญฺจว สาธกํฯ วุตฺตเญฺจตฺถ ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา , อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ เอวมาทิ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐)ฯ

    Idāni yaṃ vuttaṃ ‘‘dhammaṃ saraṇamiccādi, dvayepesa nayo mato’’ti ettha vuccate – yvāyaṃ ‘‘buddhaṃ saraṇaṃ gacchāmī’’ti ettha atthavaṇṇanānayo vutto, ‘‘dhammaṃ saraṇaṃ gacchāmi, saṅghaṃ saraṇaṃ gacchāmī’’ti etasmimpi padadvaye esova veditabbo. Tatrāpi hi dhammasaṅghānaṃ atthato byañjanato ca vibhāvanamattameva asadisaṃ, sesaṃ vuttasadisameva. Yato yadevettha asadisaṃ, taṃ vuccate – maggaphalanibbānāni dhammoti eke. Bhāvitamaggānaṃ sacchikatanibbānānañca apāyesu apatanabhāvena dhāraṇato paramassāsavidhānato ca maggavirāgā eva imasmiṃ atthe dhammoti amhākaṃ khanti, aggappasādasuttañceva sādhakaṃ. Vuttañcettha ‘‘yāvatā, bhikkhave, dhammā saṅkhatā , ariyo aṭṭhaṅgiko maggo tesaṃ aggamakkhāyatī’’ti evamādi (a. ni. 4.34; itivu. 90).

    จตุพฺพิธอริยมคฺคสมงฺคีนํ จตุสามญฺญผลสมธิวาสิตขนฺธสนฺตานานญฺจ ปุคฺคลานํ สมูโห ทิฎฺฐิสีลสงฺฆาเตน สํหตตฺตา สโงฺฆฯ วุตฺตเญฺจตํ ภควตา –

    Catubbidhaariyamaggasamaṅgīnaṃ catusāmaññaphalasamadhivāsitakhandhasantānānañca puggalānaṃ samūho diṭṭhisīlasaṅghātena saṃhatattā saṅgho. Vuttañcetaṃ bhagavatā –

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อานนฺท, เย โว มยา ธมฺมา อภิญฺญา เทสิตา, เสยฺยถิทํ, จตฺตาโร สติปฎฺฐานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปญฺจินฺทฺริยานิ, ปญฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, ปสฺสสิ โน ตฺวํ, อานนฺท, อิเมสุ ธเมฺมสุ เทฺวปิ ภิกฺขู นานาวาเท’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๓)ฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, ānanda, ye vo mayā dhammā abhiññā desitā, seyyathidaṃ, cattāro satipaṭṭhānā, cattāro sammappadhānā, cattāro iddhipādā, pañcindriyāni, pañca balāni, satta bojjhaṅgā, ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, passasi no tvaṃ, ānanda, imesu dhammesu dvepi bhikkhū nānāvāde’’ti (ma. ni. 3.43).

    อยญฺหิ ปรมตฺถสโงฺฆ สรณนฺติ คมนีโยฯ สุเตฺต จ ‘‘อาหุเนโยฺย ปาหุเนโยฺย ทกฺขิเณโยฺย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญฺญเกฺขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔, ๑๘๑) วุโตฺตฯ เอตํ ปน สรณํ คตสฺส อญฺญสฺมิมฺปิ ภิกฺขุสเงฺฆ วา ภิกฺขุนิสเงฺฆ วา พุทฺธปฺปมุเข วา สเงฺฆ สมฺมุติสเงฺฆ วา จตุวคฺคาทิเภเท เอกปุคฺคเลปิ วา ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิเต วนฺทนาทิกิริยาย สรณคมนํ เนว ภิชฺชติ น สํกิลิสฺสติ, อยเมตฺถ วิเสโสฯ วุตฺตาวเสสนฺตุ อิมสฺส ทุติยสฺส จ สรณคมนสฺส เภทาเภทาทิวิธานํ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ อยํ ตาว ‘‘ธมฺมํ สรณมิจฺจาทิ, ทฺวเยเปส นโย มโต’’ติ เอตสฺส วณฺณนาฯ

    Ayañhi paramatthasaṅgho saraṇanti gamanīyo. Sutte ca ‘‘āhuneyyo pāhuneyyo dakkhiṇeyyo añjalikaraṇīyo anuttaraṃ puññakkhettaṃ lokassā’’ti (itivu. 90; a. ni. 4.34, 181) vutto. Etaṃ pana saraṇaṃ gatassa aññasmimpi bhikkhusaṅghe vā bhikkhunisaṅghe vā buddhappamukhe vā saṅghe sammutisaṅghe vā catuvaggādibhede ekapuggalepi vā bhagavantaṃ uddissa pabbajite vandanādikiriyāya saraṇagamanaṃ neva bhijjati na saṃkilissati, ayamettha viseso. Vuttāvasesantu imassa dutiyassa ca saraṇagamanassa bhedābhedādividhānaṃ pubbe vuttanayeneva veditabbaṃ. Ayaṃ tāva ‘‘dhammaṃ saraṇamiccādi, dvayepesa nayo mato’’ti etassa vaṇṇanā.

    อนุปุพฺพววตฺถานการณนิเทฺทโส

    Anupubbavavatthānakāraṇaniddeso

    อิทานิ อนุปุพฺพววตฺถาเน, การณญฺจ วินิทฺทิเสติ เอตฺถ เอเตสุ จ ตีสุ สรณวจเนสุ สพฺพสตฺตานํ อโคฺคติ กตฺวา ปฐมํ พุโทฺธ, ตปฺปภวโต ตทุปเทสิตโต จ อนนฺตรํ ธโมฺม, ตสฺส ธมฺมสฺส อาธารกโต ตทาเสวนโต จ อเนฺต สโงฺฆฯ สพฺพสตฺตานํ วา หิเต นิโยชโกติ กตฺวา ปฐมํ พุโทฺธ, ตปฺปภวโต สพฺพสตฺตหิตตฺตา อนนฺตรํ ธโมฺม, หิตาธิคมาย ปฎิปโนฺน อธิคตหิโต จาติ กตฺวา อเนฺต สโงฺฆ สรณภาเวน ววตฺถเปตฺวา ปกาสิโตติ เอวํ อนุปุพฺพววตฺถาเน การณญฺจ วินิทฺทิเสฯ

    Idāni anupubbavavatthāne, kāraṇañca viniddiseti ettha etesu ca tīsu saraṇavacanesu sabbasattānaṃ aggoti katvā paṭhamaṃ buddho, tappabhavato tadupadesitato ca anantaraṃ dhammo, tassa dhammassa ādhārakato tadāsevanato ca ante saṅgho. Sabbasattānaṃ vā hite niyojakoti katvā paṭhamaṃ buddho, tappabhavato sabbasattahitattā anantaraṃ dhammo, hitādhigamāya paṭipanno adhigatahito cāti katvā ante saṅgho saraṇabhāvena vavatthapetvā pakāsitoti evaṃ anupubbavavatthāne kāraṇañca viniddise.

    อุปมาปกาสนา

    Upamāpakāsanā

    อิทานิ ยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘สรณตฺตยเมตญฺจ, อุปมาหิ ปกาสเย’’ติ , ตมฺปิ วุจฺจเต – เอตฺถ ปน ปุณฺณจโนฺท วิย พุโทฺธ, จนฺทกิรณนิกโร วิย เตน เทสิโต ธโมฺม, ปุณฺณจนฺทกิรณสมุปฺปาทิตปีณิโต โลโก วิย สโงฺฆฯ พาลสูริโย วิย พุโทฺธ, ตสฺส รสฺมิชาลมิว วุตฺตปฺปกาโร ธโมฺม, เตน วิหตนฺธกาโร โลโก วิย สโงฺฆฯ วนทาหกปุริโส วิย พุโทฺธ, วนทหนคฺคิ วิย กิเลสวนทหโน ธโมฺม, ทฑฺฒวนตฺตา เขตฺตภูโต วิย ภูมิภาโค ทฑฺฒกิเลสตฺตา ปุญฺญเกฺขตฺตภูโต สโงฺฆฯ มหาเมโฆ วิย พุโทฺธ, สลิลวุฎฺฐิ วิย ธโมฺม, วุฎฺฐินิปาตูปสมิตเรณุ วิย ชนปโท อุปสมิตกิเลสเรณุ สโงฺฆฯ สุสารถิ วิย พุโทฺธ, อสฺสาชานียวินยูปาโย วิย ธโมฺม, สุวินีตสฺสาชานียสมูโห วิย สโงฺฆฯ สพฺพทิฎฺฐิสลฺลุทฺธรณโต สลฺลกโตฺต วิย พุโทฺธ, สลฺลุทฺธรณูปาโย วิย ธโมฺม, สมุทฺธฎสโลฺล วิย ชโน สมุทฺธฎทิฎฺฐิสโลฺล สโงฺฆฯ โมหปฎลสมุปฺปาฎนโต วา สาลากิโย วิย พุโทฺธ, ปฎลสมุปฺปาฎนุปาโย วิย ธโมฺม, สมุปฺปาฎิตปฎโล วิปฺปสนฺนโลจโน วิย ชโน สมุปฺปาฎิตโมหปฎโล วิปฺปสนฺนญาณโลจโน สโงฺฆฯ สานุสยกิเลสพฺยาธิหรณสมตฺถตาย วา กุสโล เวโชฺช วิย พุโทฺธ, สมฺมา ปยุตฺตเภสชฺชมิว ธโมฺม, เภสชฺชปโยเคน สมุปสนฺตพฺยาธิ วิย ชนสมุทาโย สมุปสนฺตกิเลสพฺยาธานุสโย สโงฺฆฯ

    Idāni yampi vuttaṃ ‘‘saraṇattayametañca, upamāhi pakāsaye’’ti , tampi vuccate – ettha pana puṇṇacando viya buddho, candakiraṇanikaro viya tena desito dhammo, puṇṇacandakiraṇasamuppāditapīṇito loko viya saṅgho. Bālasūriyo viya buddho, tassa rasmijālamiva vuttappakāro dhammo, tena vihatandhakāro loko viya saṅgho. Vanadāhakapuriso viya buddho, vanadahanaggi viya kilesavanadahano dhammo, daḍḍhavanattā khettabhūto viya bhūmibhāgo daḍḍhakilesattā puññakkhettabhūto saṅgho. Mahāmegho viya buddho, salilavuṭṭhi viya dhammo, vuṭṭhinipātūpasamitareṇu viya janapado upasamitakilesareṇu saṅgho. Susārathi viya buddho, assājānīyavinayūpāyo viya dhammo, suvinītassājānīyasamūho viya saṅgho. Sabbadiṭṭhisalluddharaṇato sallakatto viya buddho, salluddharaṇūpāyo viya dhammo, samuddhaṭasallo viya jano samuddhaṭadiṭṭhisallo saṅgho. Mohapaṭalasamuppāṭanato vā sālākiyo viya buddho, paṭalasamuppāṭanupāyo viya dhammo, samuppāṭitapaṭalo vippasannalocano viya jano samuppāṭitamohapaṭalo vippasannañāṇalocano saṅgho. Sānusayakilesabyādhiharaṇasamatthatāya vā kusalo vejjo viya buddho, sammā payuttabhesajjamiva dhammo, bhesajjapayogena samupasantabyādhi viya janasamudāyo samupasantakilesabyādhānusayo saṅgho.

    อถ วา สุเทสโก วิย พุโทฺธ, สุมโคฺค วิย เขมนฺตภูมิ วิย จ ธโมฺม, มคฺคปฺปฎิปโนฺน เขมนฺตภูมิปฺปโตฺต วิย สโงฺฆฯ สุนาวิโก วิย พุโทฺธ, นาวา วิย ธโมฺม, ปารปฺปโตฺต สมฺปตฺติโก วิย ชโน สโงฺฆฯ หิมวา วิย พุโทฺธ, ตปฺปภโวสธมิว ธโมฺม, โอสธูปโภเคน นิรามโย วิย ชโน สโงฺฆฯ ธนโท วิย พุโทฺธ, ธนํ วิย ธโมฺม, ยถาธิปฺปายํ ลทฺธธโน วิย ชโน สมฺมาลทฺธอริยธโน สโงฺฆฯ นิธิทสฺสนโก วิย พุโทฺธ, นิธิ วิย ธโมฺม, นิธิปฺปโตฺต วิย ชโน สโงฺฆฯ

    Atha vā sudesako viya buddho, sumaggo viya khemantabhūmi viya ca dhammo, maggappaṭipanno khemantabhūmippatto viya saṅgho. Sunāviko viya buddho, nāvā viya dhammo, pārappatto sampattiko viya jano saṅgho. Himavā viya buddho, tappabhavosadhamiva dhammo, osadhūpabhogena nirāmayo viya jano saṅgho. Dhanado viya buddho, dhanaṃ viya dhammo, yathādhippāyaṃ laddhadhano viya jano sammāladdhaariyadhano saṅgho. Nidhidassanako viya buddho, nidhi viya dhammo, nidhippatto viya jano saṅgho.

    อปิจ อภยโท วิย วีรปุริโส พุโทฺธ, อภยมิว ธโมฺม, สมฺปตฺตาภโย วิย ชโน อจฺจนฺตสพฺพภโย สโงฺฆฯ อสฺสาสโก วิย พุโทฺธ, อสฺสาโส วิย ธโมฺม, อสฺสตฺถชโน วิย สโงฺฆฯ สุมิโตฺต วิย พุโทฺธ, หิตูปเทโส วิย ธโมฺม, หิตูปโยเคน ปตฺตสทโตฺถ วิย ชโน สโงฺฆฯ ธนากโร วิย พุโทฺธ, ธนสาโร วิย ธโมฺม, ธนสารูปโภโค วิย ชโน สโงฺฆฯ ราชกุมารนฺหาปโก วิย พุโทฺธ, สีสนฺหานสลิลํ วิย ธโมฺม, สุนฺหาตราชกุมารวโคฺค วิย สทฺธมฺมสลิลสุนฺหาโต สโงฺฆฯ อลงฺการการโก วิย พุโทฺธ, อลงฺกาโร วิย ธโมฺม, อลงฺกตราชปุตฺตคโณ วิย สทฺธมฺมาลงฺกโต สโงฺฆฯ จนฺทนรุโกฺข วิย พุโทฺธ, ตปฺปภวคโนฺธ วิย ธโมฺม, จนฺทนุปโภเคน สนฺตปริฬาโห วิย ชโน สทฺธมฺมูปโภเคน สนฺตปริฬาโห สโงฺฆฯ ทายชฺชสมฺปทานโก วิย ปิตา พุโทฺธ, ทายชฺชํ วิย ธโมฺม, ทายชฺชหโร ปุตฺตวโคฺค วิย สทฺธมฺมทายชฺชหโร สโงฺฆฯ วิกสิตปทุมํ วิย พุโทฺธ, ตปฺปภวมธุ วิย ธโมฺม, ตทุปโภคีภมรคโณ วิย สโงฺฆฯ เอวํ สรณตฺตยเมตญฺจ, อุปมาหิ ปกาสเยฯ

    Apica abhayado viya vīrapuriso buddho, abhayamiva dhammo, sampattābhayo viya jano accantasabbabhayo saṅgho. Assāsako viya buddho, assāso viya dhammo, assatthajano viya saṅgho. Sumitto viya buddho, hitūpadeso viya dhammo, hitūpayogena pattasadattho viya jano saṅgho. Dhanākaro viya buddho, dhanasāro viya dhammo, dhanasārūpabhogo viya jano saṅgho. Rājakumāranhāpako viya buddho, sīsanhānasalilaṃ viya dhammo, sunhātarājakumāravaggo viya saddhammasalilasunhāto saṅgho. Alaṅkārakārako viya buddho, alaṅkāro viya dhammo, alaṅkatarājaputtagaṇo viya saddhammālaṅkato saṅgho. Candanarukkho viya buddho, tappabhavagandho viya dhammo, candanupabhogena santapariḷāho viya jano saddhammūpabhogena santapariḷāho saṅgho. Dāyajjasampadānako viya pitā buddho, dāyajjaṃ viya dhammo, dāyajjaharo puttavaggo viya saddhammadāyajjaharo saṅgho. Vikasitapadumaṃ viya buddho, tappabhavamadhu viya dhammo, tadupabhogībhamaragaṇo viya saṅgho. Evaṃ saraṇattayametañca, upamāhi pakāsaye.

    เอตฺตาวตา จ ยา ปุเพฺพ ‘‘เกน กตฺถ กทา กสฺมา, ภาสิตํ สรณตฺตย’’นฺติอาทีหิ จตูหิ คาถาหิ อตฺถวณฺณนาย มาติกา นิกฺขิตฺตา, สา อตฺถโต ปกาสิตา โหตีติฯ

    Ettāvatā ca yā pubbe ‘‘kena kattha kadā kasmā, bhāsitaṃ saraṇattaya’’ntiādīhi catūhi gāthāhi atthavaṇṇanāya mātikā nikkhittā, sā atthato pakāsitā hotīti.

    ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปาฐ-อฎฺฐกถาย

    Paramatthajotikāya khuddakapāṭha-aṭṭhakathāya

    สรณตฺตยวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saraṇattayavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ขุทฺทกปาฐปาฬิ • Khuddakapāṭhapāḷi / ๑. สรณตฺตยํ • 1. Saraṇattayaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact