Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi |
๑๔. สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปพฺพชฺชากถา
14. Sāriputtamoggallānapabbajjākathā
๖๐. เตน โข ปน สมเยน สญฺจโย 1 ปริพฺพาชโก ราชคเห ปฎิวสติ มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธิํ อฑฺฒเตเยฺยหิ ปริพฺพาชกสเตหิฯ เตน โข ปน สมเยน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา สญฺจเย ปริพฺพาชเก พฺรหฺมจริยํ จรนฺติฯ เตหิ กติกา กตา โหติ – โย ปฐมํ อมตํ อธิคจฺฉติ, โส อิตรสฺส อาโรเจตูติฯ อถ โข อายสฺมา อสฺสชิ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ ปาสาทิเกน อภิกฺกเนฺตน ปฎิกฺกเนฺตน อาโลกิเตน วิโลกิเตน สมิญฺชิเตน ปสาริเตน, โอกฺขิตฺตจกฺขุ อิริยาปถสมฺปโนฺนฯ อทฺทสา โข สาริปุโตฺต ปริพฺพาชโก อายสฺมนฺตํ อสฺสชิํ ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตํ ปาสาทิเกน อภิกฺกเนฺตน ปฎิกฺกเนฺตน อาโลกิเตน วิโลกิเตน สมิญฺชิเตน ปสาริเตน โอกฺขิตฺตจกฺขุํ อิริยาปถสมฺปนฺนํฯ ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘เย วต โลเก อรหโนฺต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา, อยํ เตสํ ภิกฺขุ อญฺญตโรฯ ยํนูนาหํ อิมํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุเจฺฉยฺยํ – ‘กํสิ ตฺวํ, อาวุโส, อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’’ติ? อถ โข สาริปุตฺตสฺส ปริพฺพาชกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อกาโล โข อิมํ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิตุํ, อนฺตรฆรํ ปวิโฎฺฐ ปิณฺฑาย จรติฯ ยํนูนาหํ อิมํ ภิกฺขุํ ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพเนฺธยฺยํ, อตฺถิเกหิ อุปญฺญาตํ มคฺค’’นฺติฯ อถ โข อายสฺมา อสฺสชิ ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตํ อาทาย ปฎิกฺกมิฯ อถ โข สาริปุโตฺตปิ ปริพฺพาชโก เยนายสฺมา อสฺสชิ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา อสฺสชินา สทฺธิํ สโมฺมทิ, สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข สาริปุโตฺต ปริพฺพาชโก อายสฺมนฺตํ อสฺสชิํ เอตทโวจ – ‘‘วิปฺปสนฺนานิ โข เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานิ, ปริสุโทฺธ ฉวิวโณฺณ ปริโยทาโตฯ กํสิ ตฺวํ, อาวุโส, อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’ติ? ‘‘อตฺถาวุโส, มหาสมโณ สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต, ตาหํ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โส จ เม ภควา สตฺถา, ตสฺส จาหํ ภควโต ธมฺมํ โรเจมี’’ติฯ ‘‘กิํวาที ปนายสฺมโต สตฺถา, กิมกฺขายี’’ติ? ‘‘อหํ โข, อาวุโส, นโว อจิรปพฺพชิโต, อธุนาคโต อิมํ ธมฺมวินยํ, น ตาหํ สโกฺกมิ วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสตุํ, อปิ จ เต สํขิเตฺตน อตฺถํ วกฺขามี’’ติฯ อถ โข สาริปุโตฺต ปริพฺพาชโก อายสฺมนฺตํ อสฺสชิํ เอตทโวจ – ‘‘โหตุ, อาวุโส –
60. Tena kho pana samayena sañcayo 2 paribbājako rājagahe paṭivasati mahatiyā paribbājakaparisāya saddhiṃ aḍḍhateyyehi paribbājakasatehi. Tena kho pana samayena sāriputtamoggallānā sañcaye paribbājake brahmacariyaṃ caranti. Tehi katikā katā hoti – yo paṭhamaṃ amataṃ adhigacchati, so itarassa ārocetūti. Atha kho āyasmā assaji pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya rājagahaṃ piṇḍāya pāvisi pāsādikena abhikkantena paṭikkantena ālokitena vilokitena samiñjitena pasāritena, okkhittacakkhu iriyāpathasampanno. Addasā kho sāriputto paribbājako āyasmantaṃ assajiṃ rājagahe piṇḍāya carantaṃ pāsādikena abhikkantena paṭikkantena ālokitena vilokitena samiñjitena pasāritena okkhittacakkhuṃ iriyāpathasampannaṃ. Disvānassa etadahosi – ‘‘ye vata loke arahanto vā arahattamaggaṃ vā samāpannā, ayaṃ tesaṃ bhikkhu aññataro. Yaṃnūnāhaṃ imaṃ bhikkhuṃ upasaṅkamitvā puccheyyaṃ – ‘kaṃsi tvaṃ, āvuso, uddissa pabbajito, ko vā te satthā, kassa vā tvaṃ dhammaṃ rocesī’’’ti? Atha kho sāriputtassa paribbājakassa etadahosi – ‘‘akālo kho imaṃ bhikkhuṃ pucchituṃ, antaragharaṃ paviṭṭho piṇḍāya carati. Yaṃnūnāhaṃ imaṃ bhikkhuṃ piṭṭhito piṭṭhito anubandheyyaṃ, atthikehi upaññātaṃ magga’’nti. Atha kho āyasmā assaji rājagahe piṇḍāya caritvā piṇḍapātaṃ ādāya paṭikkami. Atha kho sāriputtopi paribbājako yenāyasmā assaji tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā āyasmatā assajinā saddhiṃ sammodi, sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho sāriputto paribbājako āyasmantaṃ assajiṃ etadavoca – ‘‘vippasannāni kho te, āvuso, indriyāni, parisuddho chavivaṇṇo pariyodāto. Kaṃsi tvaṃ, āvuso, uddissa pabbajito, ko vā te satthā, kassa vā tvaṃ dhammaṃ rocesī’’ti? ‘‘Atthāvuso, mahāsamaṇo sakyaputto sakyakulā pabbajito, tāhaṃ bhagavantaṃ uddissa pabbajito, so ca me bhagavā satthā, tassa cāhaṃ bhagavato dhammaṃ rocemī’’ti. ‘‘Kiṃvādī panāyasmato satthā, kimakkhāyī’’ti? ‘‘Ahaṃ kho, āvuso, navo acirapabbajito, adhunāgato imaṃ dhammavinayaṃ, na tāhaṃ sakkomi vitthārena dhammaṃ desetuṃ, api ca te saṃkhittena atthaṃ vakkhāmī’’ti. Atha kho sāriputto paribbājako āyasmantaṃ assajiṃ etadavoca – ‘‘hotu, āvuso –
‘‘อปฺปํ วา พหุํ วา ภาสสฺสุ, อตฺถํเยว เม พฺรูหิ;
‘‘Appaṃ vā bahuṃ vā bhāsassu, atthaṃyeva me brūhi;
อเตฺถเนว เม อโตฺถ, กิํ กาหสิ พฺยญฺชนํ พหุ’’นฺติฯ
Attheneva me attho, kiṃ kāhasi byañjanaṃ bahu’’nti.
อถ โข อายสฺมา อสฺสชิ สาริปุตฺตสฺส ปริพฺพาชกสฺส อิมํ ธมฺมปริยายํ อภาสิ –
Atha kho āyasmā assaji sāriputtassa paribbājakassa imaṃ dhammapariyāyaṃ abhāsi –
3 ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา, เตสํ เหตุํ ตถาคโต อาห;
4 ‘‘Ye dhammā hetuppabhavā, tesaṃ hetuṃ tathāgato āha;
เตสญฺจ โย นิโรโธ, เอวํวาที มหาสมโณ’’ติฯ
Tesañca yo nirodho, evaṃvādī mahāsamaṇo’’ti.
อถ โข สาริปุตฺตสฺส ปริพฺพาชกสฺส อิมํ ธมฺมปริยายํ สุตฺวา วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ‘‘ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติฯ
Atha kho sāriputtassa paribbājakassa imaṃ dhammapariyāyaṃ sutvā virajaṃ vītamalaṃ dhammacakkhuṃ udapādi – ‘‘yaṃ kiñci samudayadhammaṃ, sabbaṃ taṃ nirodhadhamma’’nti.
5 เอเสว ธโมฺม ยทิ ตาวเทว, ปจฺจพฺยตฺถ ปทมโสกํ;
6 Eseva dhammo yadi tāvadeva, paccabyattha padamasokaṃ;
อทิฎฺฐํ อพฺภตีตํ, พหุเกหิ กปฺปนหุเตหีติฯ
Adiṭṭhaṃ abbhatītaṃ, bahukehi kappanahutehīti.
๖๑. อถ โข สาริปุโตฺต ปริพฺพาชโก เยน โมคฺคลฺลาโน ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกมิฯ อทฺทสา โข โมคฺคลฺลาโน ปริพฺพาชโก สาริปุตฺตํ ปริพฺพาชกํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ, ทิสฺวาน สาริปุตฺตํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจ – ‘‘วิปฺปสนฺนานิ โข เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานิ, ปริสุโทฺธ ฉวิวโณฺณ ปริโยทาโตฯ กจฺจิ นุ ตฺวํ, อาวุโส, อมตํ อธิคโต’’ติ? ‘‘อามาวุโส, อมตํ อธิคโต’’ติฯ ‘‘ยถากถํ ปน ตฺวํ, อาวุโส, อมตํ อธิคโต’’ติ? ‘‘อิธาหํ, อาวุโส, อทฺทสํ อสฺสชิํ ภิกฺขุํ ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตํ ปาสาทิเกน อภิกฺกเนฺตน ปฎิกฺกเนฺตน อาโลกิเตน วิโลกิเตน สมิญฺชิเตน ปสาริเตน โอกฺขิตฺตจกฺขุํ อิริยาปถสมฺปนฺนํฯ ทิสฺวาน เม เอตทโหสิ – ‘เย วต โลเก อรหโนฺต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา, อยํ เตสํ ภิกฺขุ อญฺญตโรฯ ยํนูนาหํ อิมํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุเจฺฉยฺยํ – กํสิ ตฺวํ, อาวุโส อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’’ติฯ ตสฺส มยฺหํ, อาวุโส, เอตทโหสิ – ‘‘อกาโล โข อิมํ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิตุํ อนฺตรฆรํ ปวิโฎฺฐ ปิณฺฑาย จรติ, ยํนูนาหํ อิมํ ภิกฺขุํ ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพเนฺธยฺยํ อตฺถิเกหิ อุปญฺญาตํ มคฺค’’นฺติฯ อถ โข, อาวุโส, อสฺสชิ ภิกฺขุ ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตํ อาทาย ปฎิกฺกมิฯ อถ ขฺวาหํ, อาวุโส, เยน อสฺสชิ ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิํ, อุปสงฺกมิตฺวา อสฺสชินา ภิกฺขุนา สทฺธิํ สโมฺมทิํ, สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิํฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข อหํ, อาวุโส, อสฺสชิํ ภิกฺขุํ เอตทโวจํ – ‘‘วิปฺปสนฺนานิ โข เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานิ, ปริสุโทฺธ ฉวิวโณฺณ ปริโยทาโตฯ ‘กํสิ ตฺวํ, อาวุโส, อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’’ติ? ‘อตฺถาวุโส, มหาสมโณ สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต, ตาหํ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โส จ เม ภควา สตฺถา, ตสฺส จาหํ ภควโต ธมฺมํ โรเจมี’ติฯ ‘กิํวาที ปนายสฺมโต สตฺถา กิมกฺขายี’ติ ฯ ‘อหํ โข, อาวุโส, นโว อจิรปพฺพชิโต อธุนาคโต อิมํ ธมฺมวินยํ, น ตาหํ สโกฺกมิ วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสตุํ, อปิ จ เต สํขิเตฺตน อตฺถํ วกฺขามี’’’ติ ฯ อถ ขฺวาหํ, อาวุโส, อสฺสชิํ ภิกฺขุํ เอตทโวจํ – ‘‘โหตุ, อาวุโส,
61. Atha kho sāriputto paribbājako yena moggallāno paribbājako tenupasaṅkami. Addasā kho moggallāno paribbājako sāriputtaṃ paribbājakaṃ dūratova āgacchantaṃ, disvāna sāriputtaṃ paribbājakaṃ etadavoca – ‘‘vippasannāni kho te, āvuso, indriyāni, parisuddho chavivaṇṇo pariyodāto. Kacci nu tvaṃ, āvuso, amataṃ adhigato’’ti? ‘‘Āmāvuso, amataṃ adhigato’’ti. ‘‘Yathākathaṃ pana tvaṃ, āvuso, amataṃ adhigato’’ti? ‘‘Idhāhaṃ, āvuso, addasaṃ assajiṃ bhikkhuṃ rājagahe piṇḍāya carantaṃ pāsādikena abhikkantena paṭikkantena ālokitena vilokitena samiñjitena pasāritena okkhittacakkhuṃ iriyāpathasampannaṃ. Disvāna me etadahosi – ‘ye vata loke arahanto vā arahattamaggaṃ vā samāpannā, ayaṃ tesaṃ bhikkhu aññataro. Yaṃnūnāhaṃ imaṃ bhikkhuṃ upasaṅkamitvā puccheyyaṃ – kaṃsi tvaṃ, āvuso uddissa pabbajito, ko vā te satthā, kassa vā tvaṃ dhammaṃ rocesī’’’ti. Tassa mayhaṃ, āvuso, etadahosi – ‘‘akālo kho imaṃ bhikkhuṃ pucchituṃ antaragharaṃ paviṭṭho piṇḍāya carati, yaṃnūnāhaṃ imaṃ bhikkhuṃ piṭṭhito piṭṭhito anubandheyyaṃ atthikehi upaññātaṃ magga’’nti. Atha kho, āvuso, assaji bhikkhu rājagahe piṇḍāya caritvā piṇḍapātaṃ ādāya paṭikkami. Atha khvāhaṃ, āvuso, yena assaji bhikkhu tenupasaṅkamiṃ, upasaṅkamitvā assajinā bhikkhunā saddhiṃ sammodiṃ, sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ aṭṭhāsiṃ. Ekamantaṃ ṭhito kho ahaṃ, āvuso, assajiṃ bhikkhuṃ etadavocaṃ – ‘‘vippasannāni kho te, āvuso, indriyāni, parisuddho chavivaṇṇo pariyodāto. ‘Kaṃsi tvaṃ, āvuso, uddissa pabbajito, ko vā te satthā, kassa vā tvaṃ dhammaṃ rocesī’’’ti? ‘Atthāvuso, mahāsamaṇo sakyaputto sakyakulā pabbajito, tāhaṃ bhagavantaṃ uddissa pabbajito, so ca me bhagavā satthā, tassa cāhaṃ bhagavato dhammaṃ rocemī’ti. ‘Kiṃvādī panāyasmato satthā kimakkhāyī’ti . ‘Ahaṃ kho, āvuso, navo acirapabbajito adhunāgato imaṃ dhammavinayaṃ, na tāhaṃ sakkomi vitthārena dhammaṃ desetuṃ, api ca te saṃkhittena atthaṃ vakkhāmī’’’ti . Atha khvāhaṃ, āvuso, assajiṃ bhikkhuṃ etadavocaṃ – ‘‘hotu, āvuso,
อปฺปํ วา พหุํ วา ภาสสฺสุ, อตฺถํเยว เม พฺรูหิ;
Appaṃ vā bahuṃ vā bhāsassu, atthaṃyeva me brūhi;
อเตฺถเนว เม อโตฺถ, กิํ กาหสิ พฺยญฺชนํ พหุ’’นฺติฯ
Attheneva me attho, kiṃ kāhasi byañjanaṃ bahu’’nti.
อถ โข, อาวุโส, อสฺสชิ ภิกฺขุ อิมํ ธมฺมปริยายํ อภาสิ –
Atha kho, āvuso, assaji bhikkhu imaṃ dhammapariyāyaṃ abhāsi –
‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา, เตสํ เหตุํ ตถาคโต อาห;
‘‘Ye dhammā hetuppabhavā, tesaṃ hetuṃ tathāgato āha;
เตสญฺจ โย นิโรโธ, เอวํวาที มหาสมโณ’’ติฯ
Tesañca yo nirodho, evaṃvādī mahāsamaṇo’’ti.
อถ โข โมคฺคลฺลานสฺส ปริพฺพาชกสฺส อิมํ ธมฺมปริยายํ สุตฺวา วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺมนฺติฯ
Atha kho moggallānassa paribbājakassa imaṃ dhammapariyāyaṃ sutvā virajaṃ vītamalaṃ dhammacakkhuṃ udapādi – yaṃ kiñci samudayadhammaṃ, sabbaṃ taṃ nirodhadhammanti.
เอเสว ธโมฺม ยทิ ตาวเทว, ปจฺจพฺยตฺถ ปทมโสกํ;
Eseva dhammo yadi tāvadeva, paccabyattha padamasokaṃ;
อทิฎฺฐํ อพฺภตีตํ, พหุเกหิ กปฺปนหุเตหีติฯ
Adiṭṭhaṃ abbhatītaṃ, bahukehi kappanahutehīti.
๖๒. อถ โข โมคฺคลฺลาโน ปริพฺพาชโก สาริปุตฺตํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจ ‘‘คจฺฉาม มยํ, อาวุโส, ภควโต สนฺติเก, โส โน ภควา สตฺถา’’ติฯ ‘‘อิมานิ โข, อาวุโส, อฑฺฒเตยฺยานิ ปริพฺพาชกสตานิ อเมฺห นิสฺสาย อเมฺห สมฺปสฺสนฺตา อิธ วิหรนฺติ, เตปิ ตาว อปโลเกม 7ฯ ยถา เต มญฺญิสฺสนฺติ, ตถา เต กริสฺสนฺตี’’ติฯ อถ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เยน เต ปริพฺพาชกา เตนุปสงฺกมิํสุ, อุปสงฺกมิตฺวา เต ปริพฺพาชเก เอตทโวจุํ – ‘‘คจฺฉาม มยํ, อาวุโส, ภควโต สนฺติเก, โส โน ภควา สตฺถา’’ติฯ ‘‘มยํ อายสฺมเนฺต นิสฺสาย อายสฺมเนฺต สมฺปสฺสนฺตา อิธ วิหราม, สเจ อายสฺมนฺตา มหาสมเณ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสนฺติ, สเพฺพว มยํ มหาสมเณ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามา’’ติฯ อถ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เยน สญฺจโย ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกมิํสุ, อุปสงฺกมิตฺวา สญฺจยํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจุํ – ‘‘คจฺฉาม มยํ, อาวุโส, ภควโต สนฺติเก, โส โน ภควา สตฺถา’’ติฯ ‘‘อลํ, อาวุโส, มา อคมิตฺถ, สเพฺพว ตโย อิมํ คณํ ปริหริสฺสามา’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข…เป.… ตติยมฺปิ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา สญฺจยํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจุํ – ‘‘คจฺฉาม มยํ, อาวุโส, ภควโต สนฺติเก, โส โน ภควา สตฺถา’’ติฯ ‘‘อลํ, อาวุโส, มา อคมิตฺถ, สเพฺพว ตโย อิมํ คณํ ปริหริสฺสามา’’ติฯ อถ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา ตานิ อฑฺฒเตยฺยานิ ปริพฺพาชกสตานิ อาทาย เยน เวฬุวนํ เตนุปสงฺกมิํสุฯ สญฺจยสฺส ปน ปริพฺพาชกสฺส ตเตฺถว อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคญฺฉิฯ
62. Atha kho moggallāno paribbājako sāriputtaṃ paribbājakaṃ etadavoca ‘‘gacchāma mayaṃ, āvuso, bhagavato santike, so no bhagavā satthā’’ti. ‘‘Imāni kho, āvuso, aḍḍhateyyāni paribbājakasatāni amhe nissāya amhe sampassantā idha viharanti, tepi tāva apalokema 8. Yathā te maññissanti, tathā te karissantī’’ti. Atha kho sāriputtamoggallānā yena te paribbājakā tenupasaṅkamiṃsu, upasaṅkamitvā te paribbājake etadavocuṃ – ‘‘gacchāma mayaṃ, āvuso, bhagavato santike, so no bhagavā satthā’’ti. ‘‘Mayaṃ āyasmante nissāya āyasmante sampassantā idha viharāma, sace āyasmantā mahāsamaṇe brahmacariyaṃ carissanti, sabbeva mayaṃ mahāsamaṇe brahmacariyaṃ carissāmā’’ti. Atha kho sāriputtamoggallānā yena sañcayo paribbājako tenupasaṅkamiṃsu, upasaṅkamitvā sañcayaṃ paribbājakaṃ etadavocuṃ – ‘‘gacchāma mayaṃ, āvuso, bhagavato santike, so no bhagavā satthā’’ti. ‘‘Alaṃ, āvuso, mā agamittha, sabbeva tayo imaṃ gaṇaṃ pariharissāmā’’ti. Dutiyampi kho…pe… tatiyampi kho sāriputtamoggallānā sañcayaṃ paribbājakaṃ etadavocuṃ – ‘‘gacchāma mayaṃ, āvuso, bhagavato santike, so no bhagavā satthā’’ti. ‘‘Alaṃ, āvuso, mā agamittha, sabbeva tayo imaṃ gaṇaṃ pariharissāmā’’ti. Atha kho sāriputtamoggallānā tāni aḍḍhateyyāni paribbājakasatāni ādāya yena veḷuvanaṃ tenupasaṅkamiṃsu. Sañcayassa pana paribbājakassa tattheva uṇhaṃ lohitaṃ mukhato uggañchi.
อทฺทสา โข ภควา 9 สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน ทูรโตว อาคจฺฉเนฺต, ทิสฺวาน ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เอเต, ภิกฺขเว, เทฺว สหายกา อาคจฺฉนฺติ, โกลิโต อุปติโสฺส จฯ เอตํ เม สาวกยุคํ ภวิสฺสติ อคฺคํ ภทฺทยุค’’นฺติฯ
Addasā kho bhagavā 10 sāriputtamoggallāne dūratova āgacchante, disvāna bhikkhū āmantesi – ‘‘ete, bhikkhave, dve sahāyakā āgacchanti, kolito upatisso ca. Etaṃ me sāvakayugaṃ bhavissati aggaṃ bhaddayuga’’nti.
คมฺภีเร ญาณวิสเย, อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย;
Gambhīre ñāṇavisaye, anuttare upadhisaṅkhaye;
วิมุเตฺต อปฺปเตฺต เวฬุวนํ, อถ เน สตฺถา พฺยากาสิฯ
Vimutte appatte veḷuvanaṃ, atha ne satthā byākāsi.
เอเต เทฺว สหายกา, อาคจฺฉนฺติ โกลิโต อุปติโสฺส จ;
Ete dve sahāyakā, āgacchanti kolito upatisso ca;
เอตํ เม สาวกยุคํ, ภวิสฺสติ อคฺคํ ภทฺทยุคนฺติฯ
Etaṃ me sāvakayugaṃ, bhavissati aggaṃ bhaddayuganti.
อถ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ , อุปสงฺกมิตฺวา
Atha kho sāriputtamoggallānā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu , upasaṅkamitvā
ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ลเภยฺยาม มยํ, ภเนฺต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยาม อุปสมฺปท’’นฺติฯ ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘สฺวากฺขาโต ธโมฺม, จรถ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติฯ สาว เตสํ อายสฺมนฺตานํ อุปสมฺปทา อโหสิฯ
Bhagavato pādesu sirasā nipatitvā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘labheyyāma mayaṃ, bhante, bhagavato santike pabbajjaṃ, labheyyāma upasampada’’nti. ‘‘Etha bhikkhavo’’ti bhagavā avoca – ‘‘svākkhāto dhammo, caratha brahmacariyaṃ sammā dukkhassa antakiriyāyā’’ti. Sāva tesaṃ āyasmantānaṃ upasampadā ahosi.
อภิญฺญาตานํ ปพฺพชฺชา
Abhiññātānaṃ pabbajjā
๖๓. เตน โข ปน สมเยน อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา มาคธิกา กุลปุตฺตา ภควติ พฺรหฺมจริยํ จรนฺติฯ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – อปุตฺตกตาย ปฎิปโนฺน สมโณ โคตโม, เวธพฺยาย ปฎิปโนฺน สมโณ โคตโม, กุลุปเจฺฉทาย ปฎิปโนฺน สมโณ โคตโม, อิทานิ อเนน ชฎิลสหสฺสํ ปพฺพาชิตํ, อิมานิ จ อฑฺฒเตยฺยานิ ปริพฺพาชกสตานิ สญฺจยานิ 11 ปพฺพาชิตานิฯ อิเม จ อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา มาคธิกา กุลปุตฺตา สมเณ โคตเม พฺรหฺมจริยํ จรนฺตีติฯ อปิสฺสุ ภิกฺขู ทิสฺวา อิมาย คาถาย โจเทนฺติ –
63. Tena kho pana samayena abhiññātā abhiññātā māgadhikā kulaputtā bhagavati brahmacariyaṃ caranti. Manussā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – aputtakatāya paṭipanno samaṇo gotamo, vedhabyāya paṭipanno samaṇo gotamo, kulupacchedāya paṭipanno samaṇo gotamo, idāni anena jaṭilasahassaṃ pabbājitaṃ, imāni ca aḍḍhateyyāni paribbājakasatāni sañcayāni 12 pabbājitāni. Ime ca abhiññātā abhiññātā māgadhikā kulaputtā samaṇe gotame brahmacariyaṃ carantīti. Apissu bhikkhū disvā imāya gāthāya codenti –
‘‘อาคโต โข มหาสมโณ, มาคธานํ คิริพฺพชํ;
‘‘Āgato kho mahāsamaṇo, māgadhānaṃ giribbajaṃ;
สเพฺพ สญฺจเย เนตฺวาน 13, กํสุ ทานิ นยิสฺสตี’’ติฯ
Sabbe sañcaye netvāna 14, kaṃsu dāni nayissatī’’ti.
อโสฺสสุํ โข ภิกฺขู เตสํ มนุสฺสานํ อุชฺฌายนฺตานํ ขิยฺยนฺตานํ วิปาเจนฺตานํฯ อถ โข เต ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… น, ภิกฺขเว, โส สโทฺท จิรํ ภวิสฺสติ, สตฺตาหเมว ภวิสฺสติ, สตฺตาหสฺส อจฺจเยน อนฺตรธายิสฺสติฯ เตน หิ, ภิกฺขเว, เย ตุเมฺห อิมาย คาถาย โจเทนฺติ –
Assosuṃ kho bhikkhū tesaṃ manussānaṃ ujjhāyantānaṃ khiyyantānaṃ vipācentānaṃ. Atha kho te bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… na, bhikkhave, so saddo ciraṃ bhavissati, sattāhameva bhavissati, sattāhassa accayena antaradhāyissati. Tena hi, bhikkhave, ye tumhe imāya gāthāya codenti –
‘‘อาคโต โข มหาสมโณ, มาคธานํ คิริพฺพชํ;
‘‘Āgato kho mahāsamaṇo, māgadhānaṃ giribbajaṃ;
สเพฺพ สญฺจเย เนตฺวาน, กํสุ ทานิ นยิสฺสตี’’ติฯ
Sabbe sañcaye netvāna, kaṃsu dāni nayissatī’’ti.
เต ตุเมฺห อิมาย คาถาย ปฎิโจเทถ –
Te tumhe imāya gāthāya paṭicodetha –
‘‘นยนฺติ เว มหาวีรา, สทฺธเมฺมน ตถาคตา;
‘‘Nayanti ve mahāvīrā, saddhammena tathāgatā;
เตน โข ปน สมเยน มนุสฺสา ภิกฺขู ทิสฺวา อิมาย คาถาย โจเทนฺติ –
Tena kho pana samayena manussā bhikkhū disvā imāya gāthāya codenti –
‘‘อาคโต โข มหาสมโณ, มาคธานํ คิริพฺพชํ;
‘‘Āgato kho mahāsamaṇo, māgadhānaṃ giribbajaṃ;
สเพฺพ สญฺจเย เนตฺวาน, กํสุ ทานิ นยิสฺสตี’’ติฯ
Sabbe sañcaye netvāna, kaṃsu dāni nayissatī’’ti.
ภิกฺขู เต มนุเสฺส อิมาย คาถาย ปฎิโจเทนฺติ –
Bhikkhū te manusse imāya gāthāya paṭicodenti –
‘‘นยนฺติ เว มหาวีรา, สทฺธเมฺมน ตถาคตา;
‘‘Nayanti ve mahāvīrā, saddhammena tathāgatā;
ธเมฺมน นยมานานํ, กา อุสูยา วิชานต’’นฺติฯ
Dhammena nayamānānaṃ, kā usūyā vijānata’’nti.
มนุสฺสา ธเมฺมน กิร สมณา สกฺยปุตฺติยา เนนฺติ โน อธเมฺมนาติ สตฺตาหเมว โส สโทฺท อโหสิ, สตฺตาหสฺส อจฺจเยน อนฺตรธายิฯ
Manussā dhammena kira samaṇā sakyaputtiyā nenti no adhammenāti sattāhameva so saddo ahosi, sattāhassa accayena antaradhāyi.
สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปพฺพชฺชากถา นิฎฺฐิตาฯ
Sāriputtamoggallānapabbajjākathā niṭṭhitā.
จตุตฺถภาณวาโร นิฎฺฐิโตฯ
Catutthabhāṇavāro niṭṭhito.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปพฺพชฺชากถา • Sāriputtamoggallānapabbajjākathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปพฺพชฺชากถาวณฺณนา • Sāriputtamoggallānapabbajjākathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปพฺพชฺชากถาวณฺณนา • Sāriputtamoggallānapabbajjākathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปพฺพชฺชากถาวณฺณนา • Sāriputtamoggallānapabbajjākathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑๔. สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาน ปพฺพชฺชากถา • 14. Sāriputtamoggallāna pabbajjākathā