Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๒. สาริปุตฺตสุตฺตํ
2. Sāriputtasuttaṃ
๕๒. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อาวุโส ภิกฺขเว’’ติฯ ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา สาริปุโตฺต เอตทโวจ –
52. Tatra kho āyasmā sāriputto bhikkhū āmantesi – ‘‘āvuso bhikkhave’’ti. ‘‘Āvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato sāriputtassa paccassosuṃ. Āyasmā sāriputto etadavoca –
‘‘โน เจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปรจิตฺตปริยายกุสโล โหติ, อถ ‘สจิตฺตปริยายกุสโล ภวิสฺสามี’ติ – เอวญฺหิ โว, อาวุโส, สิกฺขิตพฺพํฯ
‘‘No ce, āvuso, bhikkhu paracittapariyāyakusalo hoti, atha ‘sacittapariyāyakusalo bhavissāmī’ti – evañhi vo, āvuso, sikkhitabbaṃ.
‘‘กถญฺจาวุโส , ภิกฺขุ สจิตฺตปริยายกุสโล โหติ? เสยฺยถาปิ, อาวุโส, อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก อาทาเส วา ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อเจฺฉ วา อุทปเตฺต สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน สเจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, ตเสฺสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมติฯ โน เจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, เตเนวตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกโปฺป – ‘ลาภา วต เม, ปริสุทฺธํ วต เม’ติฯ
‘‘Kathañcāvuso , bhikkhu sacittapariyāyakusalo hoti? Seyyathāpi, āvuso, itthī vā puriso vā daharo yuvā maṇḍanakajātiko ādāse vā parisuddhe pariyodāte acche vā udapatte sakaṃ mukhanimittaṃ paccavekkhamāno sace tattha passati rajaṃ vā aṅgaṇaṃ vā, tasseva rajassa vā aṅgaṇassa vā pahānāya vāyamati. No ce tattha passati rajaṃ vā aṅgaṇaṃ vā, tenevattamano hoti paripuṇṇasaṅkappo – ‘lābhā vata me, parisuddhaṃ vata me’ti.
เอวเมวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน ปจฺจเวกฺขณา พหุการา โหติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ – ‘อภิชฺฌาลุ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อนภิชฺฌาลุ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, พฺยาปนฺนจิโตฺต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อพฺยาปนฺนจิโตฺต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, ถินมิทฺธปริยุฎฺฐิโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, วิคตถินมิโทฺธ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อุทฺธโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อนุทฺธโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, วิจิกิโจฺฉ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, ติณฺณวิจิกิโจฺฉ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, โกธโน นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อโกฺกธโน นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํกิลิฎฺฐจิโตฺต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อสํกิลิฎฺฐจิโตฺต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สารทฺธกาโย นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อสารทฺธกาโย นุ โข พหุลํ วิหรามิ, กุสีโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อารทฺธวีริโย นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สมาหิโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, อสมาหิโต นุ โข พหุลํ วิหรามี’ติฯ
Evamevaṃ kho, āvuso, bhikkhuno paccavekkhaṇā bahukārā hoti kusalesu dhammesu – ‘abhijjhālu nu kho bahulaṃ viharāmi, anabhijjhālu nu kho bahulaṃ viharāmi, byāpannacitto nu kho bahulaṃ viharāmi, abyāpannacitto nu kho bahulaṃ viharāmi, thinamiddhapariyuṭṭhito nu kho bahulaṃ viharāmi, vigatathinamiddho nu kho bahulaṃ viharāmi, uddhato nu kho bahulaṃ viharāmi, anuddhato nu kho bahulaṃ viharāmi, vicikiccho nu kho bahulaṃ viharāmi, tiṇṇavicikiccho nu kho bahulaṃ viharāmi, kodhano nu kho bahulaṃ viharāmi, akkodhano nu kho bahulaṃ viharāmi, saṃkiliṭṭhacitto nu kho bahulaṃ viharāmi, asaṃkiliṭṭhacitto nu kho bahulaṃ viharāmi, sāraddhakāyo nu kho bahulaṃ viharāmi, asāraddhakāyo nu kho bahulaṃ viharāmi, kusīto nu kho bahulaṃ viharāmi, āraddhavīriyo nu kho bahulaṃ viharāmi, samāhito nu kho bahulaṃ viharāmi, asamāhito nu kho bahulaṃ viharāmī’ti.
‘‘สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อภิชฺฌาลุ พหุลํ วิหรามิ…เป.… อสมาหิโต พหุลํ วิหรามี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย อธิมโตฺต ฉโนฺท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุโสฺสฬฺหี จ อปฺปฎิวานี จ สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ กรณียํฯ เสยฺยถาปิ, อาวุโส, อาทิตฺตเจโล วา อาทิตฺตสีโส วาฯ ตเสฺสว เจลสฺส วา สีสสฺส วา นิพฺพาปนาย อธิมตฺตํ ฉนฺทญฺจ วายามญฺจ อุสฺสาหญฺจ อุโสฺสฬฺหิญฺจ อปฺปฎิวานิญฺจ สติญฺจ สมฺปชญฺญญฺจ กเรยฺยฯ เอวเมวํ โข, อาวุโส, เตน ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย อธิมโตฺต ฉโนฺท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุโสฺสฬฺหี จ อปฺปฎิวานี จ สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ กรณียํฯ
‘‘Sace, āvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘abhijjhālu bahulaṃ viharāmi…pe… asamāhito bahulaṃ viharāmī’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya adhimatto chando ca vāyāmo ca ussāho ca ussoḷhī ca appaṭivānī ca sati ca sampajaññañca karaṇīyaṃ. Seyyathāpi, āvuso, ādittacelo vā ādittasīso vā. Tasseva celassa vā sīsassa vā nibbāpanāya adhimattaṃ chandañca vāyāmañca ussāhañca ussoḷhiñca appaṭivāniñca satiñca sampajaññañca kareyya. Evamevaṃ kho, āvuso, tena bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya adhimatto chando ca vāyāmo ca ussāho ca ussoḷhī ca appaṭivānī ca sati ca sampajaññañca karaṇīyaṃ.
‘‘สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อนภิชฺฌาลุ พหุลํ วิหรามิ…เป.… สมาหิโต พหุลํ วิหรามี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสุเยว กุสเลสุ ธเมฺมสุ ปติฎฺฐาย อุตฺตริ อาสวานํ ขยาย โยโค กรณีโย’’ติฯ ทุติยํฯ
‘‘Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘anabhijjhālu bahulaṃ viharāmi…pe… samāhito bahulaṃ viharāmī’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesuyeva kusalesu dhammesu patiṭṭhāya uttari āsavānaṃ khayāya yogo karaṇīyo’’ti. Dutiyaṃ.
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑-๔. สจิตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-4. Sacittasuttādivaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๑๐. สจิตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-10. Sacittasuttādivaṇṇanā