Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi |
๑๖. สาริปุตฺตสุตฺตํ
16. Sāriputtasuttaṃ
๙๖๑.
961.
‘‘น เม ทิโฎฺฐ อิโต ปุเพฺพ, (อิจฺจายสฺมา สาริปุโตฺต)
‘‘Na me diṭṭho ito pubbe, (iccāyasmā sāriputto)
น สุโต อุท กสฺสจิ;
Na suto uda kassaci;
เอวํ วคฺคุวโท สตฺถา,
Evaṃ vagguvado satthā,
ตุสิตา คณิมาคโตฯ
Tusitā gaṇimāgato.
๙๖๒.
962.
‘‘สเทวกสฺส โลกสฺส, ยถา ทิสฺสติ จกฺขุมา;
‘‘Sadevakassa lokassa, yathā dissati cakkhumā;
สพฺพํ ตมํ วิโนเทตฺวา, เอโกว รติมชฺฌคาฯ
Sabbaṃ tamaṃ vinodetvā, ekova ratimajjhagā.
๙๖๓.
963.
‘‘ตํ พุทฺธํ อสิตํ ตาทิํ, อกุหํ คณิมาคตํ;
‘‘Taṃ buddhaṃ asitaṃ tādiṃ, akuhaṃ gaṇimāgataṃ;
พหูนมิธ พทฺธานํ, อตฺถิ ปเญฺหน อาคมํฯ
Bahūnamidha baddhānaṃ, atthi pañhena āgamaṃ.
๙๖๔.
964.
‘‘ภิกฺขุโน วิชิคุจฺฉโต, ภชโต ริตฺตมาสนํ;
‘‘Bhikkhuno vijigucchato, bhajato rittamāsanaṃ;
รุกฺขมูลํ สุสานํ วา, ปพฺพตานํ คุหาสุ วาฯ
Rukkhamūlaṃ susānaṃ vā, pabbatānaṃ guhāsu vā.
๙๖๕.
965.
‘‘อุจฺจาวเจสุ สยเนสุ, กีวโนฺต ตตฺถ เภรวา;
‘‘Uccāvacesu sayanesu, kīvanto tattha bheravā;
เยหิ ภิกฺขุ น เวเธยฺย, นิโคฺฆเส สยนาสเนฯ
Yehi bhikkhu na vedheyya, nigghose sayanāsane.
๙๖๖.
966.
‘‘กตี ปริสฺสยา โลเก, คจฺฉโต อคตํ ทิสํ;
‘‘Katī parissayā loke, gacchato agataṃ disaṃ;
เย ภิกฺขุ อภิสมฺภเว, ปนฺตมฺหิ สยนาสเนฯ
Ye bhikkhu abhisambhave, pantamhi sayanāsane.
๙๖๗.
967.
‘‘กฺยาสฺส พฺยปฺปถโย อสฺสุ, กฺยาสฺสสฺสุ อิธ โคจรา;
‘‘Kyāssa byappathayo assu, kyāssassu idha gocarā;
กานิ สีลพฺพตานาสฺสุ, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโนฯ
Kāni sīlabbatānāssu, pahitattassa bhikkhuno.
๙๖๘.
968.
‘‘กํ โส สิกฺขํ สมาทาย, เอโกทิ นิปโก สโต;
‘‘Kaṃ so sikkhaṃ samādāya, ekodi nipako sato;
กมฺมาโร รชตเสฺสว, นิทฺธเม มลมตฺตโน’’ฯ
Kammāro rajatasseva, niddhame malamattano’’.
๙๖๙.
969.
‘‘วิชิคุจฺฉมานสฺส ยทิทํ ผาสุ, (สาริปุตฺตาติ ภควา)
‘‘Vijigucchamānassa yadidaṃ phāsu, (sāriputtāti bhagavā)
ริตฺตาสนํ สยนํ เสวโต เจ;
Rittāsanaṃ sayanaṃ sevato ce;
สโมฺพธิกามสฺส ยถานุธมฺมํ,
Sambodhikāmassa yathānudhammaṃ,
ตํ เต ปวกฺขามิ ยถา ปชานํฯ
Taṃ te pavakkhāmi yathā pajānaṃ.
๙๗๐.
970.
‘‘ปญฺจนฺนํ ธีโร ภยานํ น ภาเย, ภิกฺขุ สโต สปริยนฺตจารี;
‘‘Pañcannaṃ dhīro bhayānaṃ na bhāye, bhikkhu sato sapariyantacārī;
ฑํสาธิปาตานํ สรีสปานํ, มนุสฺสผสฺสานํ จตุปฺปทานํฯ
Ḍaṃsādhipātānaṃ sarīsapānaṃ, manussaphassānaṃ catuppadānaṃ.
๙๗๑.
971.
‘‘ปรธมฺมิกานมฺปิ น สนฺตเสยฺย, ทิสฺวาปิ เตสํ พหุเภรวานิ;
‘‘Paradhammikānampi na santaseyya, disvāpi tesaṃ bahubheravāni;
อถาปรานิ อภิสมฺภเวยฺย, ปริสฺสยานิ กุสลานุเอสีฯ
Athāparāni abhisambhaveyya, parissayāni kusalānuesī.
๙๗๒.
972.
‘‘อาตงฺกผเสฺสน ขุทาย ผุโฎฺฐ, สีตํ อตุณฺหํ 1 อธิวาสเยยฺย;
‘‘Ātaṅkaphassena khudāya phuṭṭho, sītaṃ atuṇhaṃ 2 adhivāsayeyya;
โส เตหิ ผุโฎฺฐ พหุธา อโนโก, วีริยํ ปรกฺกมฺมทฬฺหํ กเรยฺยฯ
So tehi phuṭṭho bahudhā anoko, vīriyaṃ parakkammadaḷhaṃ kareyya.
๙๗๓.
973.
‘‘เถยฺยํ น กาเร 3 น มุสา ภเณยฺย, เมตฺตาย ผเสฺส ตสถาวรานิ;
‘‘Theyyaṃ na kāre 4 na musā bhaṇeyya, mettāya phasse tasathāvarāni;
ยทาวิลตฺตํ มนโส วิชญฺญา, กณฺหสฺส ปโกฺขติ วิโนทเยยฺยฯ
Yadāvilattaṃ manaso vijaññā, kaṇhassa pakkhoti vinodayeyya.
๙๗๔.
974.
‘‘โกธาติมานสฺส วสํ น คเจฺฉ, มูลมฺปิ เตสํ ปลิขญฺญ ติเฎฺฐ;
‘‘Kodhātimānassa vasaṃ na gacche, mūlampi tesaṃ palikhañña tiṭṭhe;
อถปฺปิยํ วา ปน อปฺปิยํ วา, อทฺธา ภวโนฺต อภิสมฺภเวยฺยฯ
Athappiyaṃ vā pana appiyaṃ vā, addhā bhavanto abhisambhaveyya.
๙๗๕.
975.
‘‘ปญฺญํ ปุรกฺขตฺวา กลฺยาณปีติ, วิกฺขมฺภเย ตานิ ปริสฺสยานิ;
‘‘Paññaṃ purakkhatvā kalyāṇapīti, vikkhambhaye tāni parissayāni;
อรติํ สเหถ สยนมฺหิ ปเนฺต, จตุโร สเหถ ปริเทวธเมฺมฯ
Aratiṃ sahetha sayanamhi pante, caturo sahetha paridevadhamme.
๙๗๖.
976.
‘‘กิํสู อสิสฺสามิ กุวํ วา 5 อสิสฺสํ, ทุกฺขํ วต เสตฺถ กฺวชฺช เสสฺสํ;
‘‘Kiṃsū asissāmi kuvaṃ vā 6 asissaṃ, dukkhaṃ vata settha kvajja sessaṃ;
เอเต วิตเกฺก ปริเทวเนเยฺย, วินเยถ เสโข อนิเกตจารีฯ
Ete vitakke paridevaneyye, vinayetha sekho aniketacārī.
๙๗๗.
977.
‘‘อนฺนญฺจ ลทฺธา วสนญฺจ กาเล, มตฺตํ โส ชญฺญา อิธ โตสนตฺถํ;
‘‘Annañca laddhā vasanañca kāle, mattaṃ so jaññā idha tosanatthaṃ;
โส เตสุ คุโตฺต ยตจาริ คาเม, รุสิโตปิ วาจํ ผรุสํ น วชฺชาฯ
So tesu gutto yatacāri gāme, rusitopi vācaṃ pharusaṃ na vajjā.
๙๗๘.
978.
‘‘โอกฺขิตฺตจกฺขุ น จ ปาทโลโล, ฌานานุยุโตฺต พหุชาครสฺส;
‘‘Okkhittacakkhu na ca pādalolo, jhānānuyutto bahujāgarassa;
อุเปกฺขมารพฺภ สมาหิตโตฺต, ตกฺกาสยํ กุกฺกุจฺจิยูปฉิเนฺทฯ
Upekkhamārabbha samāhitatto, takkāsayaṃ kukkucciyūpachinde.
๙๗๙.
979.
‘‘จุทิโต วจีภิ สติมาภินเนฺท, สพฺรหฺมจารีสุ ขิลํ ปภิเนฺท;
‘‘Cudito vacībhi satimābhinande, sabrahmacārīsu khilaṃ pabhinde;
วาจํ ปมุเญฺจ กุสลํ นาติเวลํ, ชนวาทธมฺมาย น เจตเยยฺยฯ
Vācaṃ pamuñce kusalaṃ nātivelaṃ, janavādadhammāya na cetayeyya.
๙๘๐.
980.
‘‘อถาปรํ ปญฺจ รชานิ โลเก, เยสํ สตีมา วินยาย สิเกฺข;
‘‘Athāparaṃ pañca rajāni loke, yesaṃ satīmā vinayāya sikkhe;
รูเปสุ สเทฺทสุ อโถ รเสสุ, คเนฺธสุ ผเสฺสสุ สเหถ ราคํฯ
Rūpesu saddesu atho rasesu, gandhesu phassesu sahetha rāgaṃ.
๙๘๑.
981.
‘‘เอเตสุ ธเมฺมสุ วิเนยฺย ฉนฺทํ, ภิกฺขุ สติมา สุวิมุตฺตจิโตฺต;
‘‘Etesu dhammesu vineyya chandaṃ, bhikkhu satimā suvimuttacitto;
กาเลน โส สมฺมา ธมฺมํ ปริวีมํสมาโน,
Kālena so sammā dhammaṃ parivīmaṃsamāno,
เอโกทิภูโต วิหเน ตมํ โส’’ติฯ
Ekodibhūto vihane tamaṃ so’’ti.
สาริปุตฺตสุตฺตํ โสฬสมํ นิฎฺฐิตํฯ อฎฺฐกวโคฺค จตุโตฺถ
Sāriputtasuttaṃ soḷasamaṃ niṭṭhitaṃ. Aṭṭhakavaggo catuttho
นิฎฺฐิโตฯ
Niṭṭhito.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
กามํ คุหญฺจ ทุฎฺฐา จ, สุทฺธญฺจ ปรมา ชรา;
Kāmaṃ guhañca duṭṭhā ca, suddhañca paramā jarā;
เมเตฺตโยฺย จ ปสูโร จ, มาคณฺฑิ ปุราเภทนํฯ
Metteyyo ca pasūro ca, māgaṇḍi purābhedanaṃ.
อิติ เอตานิ สุตฺตานิ, สพฺพานฎฺฐกวคฺคิกาติฯ
Iti etāni suttāni, sabbānaṭṭhakavaggikāti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā / ๑๖. สาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา • 16. Sāriputtasuttavaṇṇanā