Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā

    ๑๖. สาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา

    16. Sāriputtasuttavaṇṇanā

    ๙๖๒. เม ทิโฎฺฐติ สาริปุตฺตสุตฺตํ, ‘‘เถรปญฺหสุตฺต’’นฺติปิ วุจฺจติฯ กา อุปฺปตฺติ? อิมสฺส สุตฺตสฺส อุปฺปตฺติ – ราชคหกสฺส เสฎฺฐิสฺส จนฺทนฆฎิกาย ปฎิลาภํ อาทิํ กตฺวา ตาย จนฺทนฆฎิกาย กตสฺส ปตฺตสฺส อากาเส อุสฺสาปนํ อายสฺมโต ปิโณฺฑลภารทฺวาชสฺส อิทฺธิยา ปตฺตคฺคหณํ, ตสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ สาวกานํ อิทฺธิปฎิเกฺขโป, ติตฺถิยานํ ภควตา สทฺธิํ ปาฎิหาริยํ กตฺตุกามตา, ปาฎิหาริยกรณํ, ภควโต สาวตฺถิคมนํ, ติตฺถิยานุพนฺธนํ, สาวตฺถิยํ ปเสนทิโน พุทฺธูปคมนํ กณฺฑมฺพปาตุภาโว, จตุนฺนํ ปริสานํ ติตฺถิยชยตฺถํ ปาฎิหาริยกรณุสฺสุกฺกนิวารณํ, ยมกปาฎิหาริยกรณํ, กตปาฎิหาริยสฺส ภควโต ตาวติํสภวนคมนํ, ตตฺถ เตมาสํ ธมฺมเทสนา, อายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลานเตฺถเรน ยาจิตสฺส เทวโลกโต สงฺกสฺสนคเร โอโรหณนฺติ อิมานิ วตฺถูนิ อนฺตรนฺตเร จ ชาตกานิ วิตฺถาเรตฺวา ยาว ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ ปูชิยมาโน ภควา มเชฺฌ มณิมเยน โสปาเนน สงฺกสฺสนคเร โอรุยฺห โสปานกเฬวเร อฎฺฐาสิ –

    962.Name diṭṭhoti sāriputtasuttaṃ, ‘‘therapañhasutta’’ntipi vuccati. Kā uppatti? Imassa suttassa uppatti – rājagahakassa seṭṭhissa candanaghaṭikāya paṭilābhaṃ ādiṃ katvā tāya candanaghaṭikāya katassa pattassa ākāse ussāpanaṃ āyasmato piṇḍolabhāradvājassa iddhiyā pattaggahaṇaṃ, tasmiṃ vatthusmiṃ sāvakānaṃ iddhipaṭikkhepo, titthiyānaṃ bhagavatā saddhiṃ pāṭihāriyaṃ kattukāmatā, pāṭihāriyakaraṇaṃ, bhagavato sāvatthigamanaṃ, titthiyānubandhanaṃ, sāvatthiyaṃ pasenadino buddhūpagamanaṃ kaṇḍambapātubhāvo, catunnaṃ parisānaṃ titthiyajayatthaṃ pāṭihāriyakaraṇussukkanivāraṇaṃ, yamakapāṭihāriyakaraṇaṃ, katapāṭihāriyassa bhagavato tāvatiṃsabhavanagamanaṃ, tattha temāsaṃ dhammadesanā, āyasmatā mahāmoggallānattherena yācitassa devalokato saṅkassanagare orohaṇanti imāni vatthūni antarantare ca jātakāni vitthāretvā yāva dasasahassacakkavāḷadevatāhi pūjiyamāno bhagavā majjhe maṇimayena sopānena saṅkassanagare oruyha sopānakaḷevare aṭṭhāsi –

    ‘‘เย ฌานปฺปสุตา ธีรา, เนกฺขมฺมูปสเม รตา;

    ‘‘Ye jhānappasutā dhīrā, nekkhammūpasame ratā;

    เทวาปิ เตสํ ปิหยนฺติ, สมฺพุทฺธานํ สตีมต’’นฺติฯ (ธ. ป. ๑๘๑) –

    Devāpi tesaṃ pihayanti, sambuddhānaṃ satīmata’’nti. (dha. pa. 181) –

    อิมิสฺสา ธมฺมปทคาถาย วุจฺจมานาย วุตฺตาฯ โสปานกเฬวเร ฐิตํ ปน ภควนฺตํ สพฺพปฐมํ อายสฺมา สาริปุโตฺต วนฺทิ, ตโต อุปฺปลวณฺณา ภิกฺขุนี, อถาปโร ชนกาโยฯ ตตฺร ภควา จิเนฺตสิ – ‘‘อิมิสฺสํ ปริสติ โมคฺคลฺลาโน อิทฺธิยา อโคฺคติ ปากโฎ, อนุรุโทฺธ ทิพฺพจกฺขุนา, ปุโณฺณ ธมฺมกถิกเตฺตน, สาริปุตฺตํ ปนายํ ปริสา น เกนจิ คุเณน เอวํ อโคฺคติ ชานาติ, ยํนูนาหํ สาริปุตฺตํ ปญฺญาคุเณน ปกาเสยฺย’’นฺติฯ อถ เถรํ ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ เถโร ภควตา ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ ปุถุชฺชนปญฺหํ, เสกฺขปญฺหํ, อเสกฺขปญฺหญฺจ, สพฺพํ วิสฺสเชฺชสิฯ ตทา นํ ชโน ‘‘ปญฺญาย อโคฺค’’ติ อญฺญาสิ ฯ อถ ภควา ‘‘สาริปุโตฺต น อิทาเนว ปญฺญาย อโคฺค, อตีเตปิ ปญฺญาย อโคฺค’’ติ ชาตกํ อาเนสิฯ

    Imissā dhammapadagāthāya vuccamānāya vuttā. Sopānakaḷevare ṭhitaṃ pana bhagavantaṃ sabbapaṭhamaṃ āyasmā sāriputto vandi, tato uppalavaṇṇā bhikkhunī, athāparo janakāyo. Tatra bhagavā cintesi – ‘‘imissaṃ parisati moggallāno iddhiyā aggoti pākaṭo, anuruddho dibbacakkhunā, puṇṇo dhammakathikattena, sāriputtaṃ panāyaṃ parisā na kenaci guṇena evaṃ aggoti jānāti, yaṃnūnāhaṃ sāriputtaṃ paññāguṇena pakāseyya’’nti. Atha theraṃ pañhaṃ pucchi. Thero bhagavatā pucchitaṃ pucchitaṃ puthujjanapañhaṃ, sekkhapañhaṃ, asekkhapañhañca, sabbaṃ vissajjesi. Tadā naṃ jano ‘‘paññāya aggo’’ti aññāsi . Atha bhagavā ‘‘sāriputto na idāneva paññāya aggo, atītepi paññāya aggo’’ti jātakaṃ ānesi.

    อตีเต ปโรสหสฺสา อิสโย วนมูลผลาหารา ปพฺพตปาเท วสนฺติฯ เตสํ อาจริยสฺส อาพาโธ อุปฺปชฺชิ, อุปฎฺฐานานิ วตฺตนฺติฯ เชฎฺฐเนฺตวาสี ‘‘สปฺปายเภสชฺชํ อาหริสฺสามิ, อาจริยํ อปฺปมตฺตา อุปฎฺฐหถา’’ติ วตฺวา มนุสฺสปถํ อคมาสิฯ ตสฺมิํ อนาคเตเยว อาจริโย กาลมกาสิฯ ตํ ‘‘อิทานิ กาลํ กริสฺสตี’’ติ อเนฺตวาสิกา สมาปตฺติมารพฺภ ปุจฺฉิํสุฯ โส อากิญฺจญฺญายตนสมาปตฺติํ สนฺธายาห – ‘‘นตฺถิ กิญฺจี’’ติ, อเนฺตวาสิโน ‘‘นตฺถิ อาจริยสฺส อธิคโม’’ติ อคฺคเหสุํฯ อถ เชฎฺฐเนฺตวาสี เภสชฺชํ อาทาย อาคนฺตฺวา ตํ กาลกตํ ทิสฺวา อาจริยํ ‘‘กิญฺจิ ปุจฺฉิตฺถา’’ติ อาหฯ อาม ปุจฺฉิมฺหา, ‘‘นตฺถิ กิญฺจี’’ติ อาห, น กิญฺจิ อาจริเยน อธิคตนฺติฯ นตฺถิ กิญฺจีติ วทโนฺต อาจริโย อากิญฺจญฺญายตนํ ปเวเทสิ, สกฺกาตโพฺพ อาจริโยติฯ

    Atīte parosahassā isayo vanamūlaphalāhārā pabbatapāde vasanti. Tesaṃ ācariyassa ābādho uppajji, upaṭṭhānāni vattanti. Jeṭṭhantevāsī ‘‘sappāyabhesajjaṃ āharissāmi, ācariyaṃ appamattā upaṭṭhahathā’’ti vatvā manussapathaṃ agamāsi. Tasmiṃ anāgateyeva ācariyo kālamakāsi. Taṃ ‘‘idāni kālaṃ karissatī’’ti antevāsikā samāpattimārabbha pucchiṃsu. So ākiñcaññāyatanasamāpattiṃ sandhāyāha – ‘‘natthi kiñcī’’ti, antevāsino ‘‘natthi ācariyassa adhigamo’’ti aggahesuṃ. Atha jeṭṭhantevāsī bhesajjaṃ ādāya āgantvā taṃ kālakataṃ disvā ācariyaṃ ‘‘kiñci pucchitthā’’ti āha. Āma pucchimhā, ‘‘natthi kiñcī’’ti āha, na kiñci ācariyena adhigatanti. Natthi kiñcīti vadanto ācariyo ākiñcaññāyatanaṃ pavedesi, sakkātabbo ācariyoti.

    ‘‘ปโรสหสฺสมฺปิ สมาคตานํ,

    ‘‘Parosahassampi samāgatānaṃ,

    กเนฺทยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปญฺญา;

    Kandeyyuṃ te vassasataṃ apaññā;

    เอโกปิ เสโยฺย ปุริโส สปโญฺญ,

    Ekopi seyyo puriso sapañño,

    โย ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถ’’นฺติฯ (ชา. ๑.๑.๙๙);

    Yo bhāsitassa vijānāti attha’’nti. (jā. 1.1.99);

    กถิเต จ ปน ภควตา ชาตเก อายสฺมา สาริปุโตฺต อตฺตโน สทฺธิวิหาริกานํ ปญฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานมตฺถาย สปฺปายเสนาสนโคจรสีลวตาทีนิ ปุจฺฉิตุํ ‘‘น เม ทิโฎฺฐ อิโต ปุเพฺพ’’ติ อิมํ ถุติคาถํ อาทิํ กตฺวา อฎฺฐ คาถาโย อภาสิฯ ตมตฺถํ วิสฺสเชฺชโนฺต ภควา ตโต ปรา เสสคาถาติฯ

    Kathite ca pana bhagavatā jātake āyasmā sāriputto attano saddhivihārikānaṃ pañcannaṃ bhikkhusatānamatthāya sappāyasenāsanagocarasīlavatādīni pucchituṃ ‘‘na me diṭṭho ito pubbe’’ti imaṃ thutigāthaṃ ādiṃ katvā aṭṭha gāthāyo abhāsi. Tamatthaṃ vissajjento bhagavā tato parā sesagāthāti.

    ตตฺถ อิโต ปุเพฺพติ อิโต สงฺกสฺสนคเร โอตรณโต ปุเพฺพฯ วคฺคุวโทติ สุนฺทรวโทฯ ตุสิตา คณิมาคโตติ ตุสิตกายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉิํ อาคตตฺตา ตุสิตา อาคโต, คณาจริยตฺตา คณีฯ สนฺตุฎฺฐเฎฺฐน วา ตุสิตสงฺขาตา เทวโลกา คณิํ อาคโต ตุสิตานํ วา อรหนฺตานํ คณิํ อาคโตติฯ

    Tattha ito pubbeti ito saṅkassanagare otaraṇato pubbe. Vagguvadoti sundaravado. Tusitā gaṇimāgatoti tusitakāyā cavitvā mātukucchiṃ āgatattā tusitā āgato, gaṇācariyattā gaṇī. Santuṭṭhaṭṭhena vā tusitasaṅkhātā devalokā gaṇiṃ āgato tusitānaṃ vā arahantānaṃ gaṇiṃ āgatoti.

    ๙๖๓. ทุติยคาถาย สเทวกสฺส โลกสฺส ยถา ทิสฺสตีติ สเทวกสฺส โลกสฺส วิย มนุสฺสานมฺปิ ทิสฺสติฯ ยถา วา ทิสฺสตีติ ตจฺฉโต อวิปรีตโต ทิสฺสติ จกฺขุมาติ อุตฺตมจกฺขุฯ เอโกติ ปพฺพชฺชาสงฺขาตาทีหิ เอโกฯ รตินฺติ เนกฺขมฺมรติอาทิํฯ

    963. Dutiyagāthāya sadevakassa lokassa yathā dissatīti sadevakassa lokassa viya manussānampi dissati. Yathā vā dissatīti tacchato aviparītato dissati cakkhumāti uttamacakkhu. Ekoti pabbajjāsaṅkhātādīhi eko. Ratinti nekkhammaratiādiṃ.

    ๙๖๔. ตติยคาถาย พหูนมิธ พทฺธานนฺติ อิธ พหูนํ ขตฺติยาทีนํ สิสฺสานํฯ สิสฺสา หิ อาจริเย ปฎิพทฺธวุตฺติตฺตา ‘‘พทฺธา’’ติ วุจฺจนฺติ อตฺถิ ปเญฺหน อาคมนฺติ อตฺถิโก ปเญฺหน อาคโตมฺหิ, อตฺถิกานํ วา ปเญฺหน อาคมนํ, ปเญฺหน อตฺถิ อาคมนํ วาติฯ

    964. Tatiyagāthāya bahūnamidha baddhānanti idha bahūnaṃ khattiyādīnaṃ sissānaṃ. Sissā hi ācariye paṭibaddhavuttittā ‘‘baddhā’’ti vuccanti atthi pañhena āgamanti atthiko pañhena āgatomhi, atthikānaṃ vā pañhena āgamanaṃ, pañhena atthi āgamanaṃ vāti.

    ๙๖๕. จตุตฺถคาถาย วิชิคุจฺฉโตติ ชาติอาทีหิ อฎฺฎียโต ริตฺตมาสนนฺติ วิวิตฺตํ มญฺจปีฐํฯ ปพฺพตานํ คุหาสุ วาติ ปพฺพตคุหาสุ วา ริตฺตมาสนํ ภชโตติ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ

    965. Catutthagāthāya vijigucchatoti jātiādīhi aṭṭīyato rittamāsananti vivittaṃ mañcapīṭhaṃ. Pabbatānaṃ guhāsu vāti pabbataguhāsu vā rittamāsanaṃ bhajatoti sambandhitabbaṃ.

    ๙๖๖. ปญฺจมคาถาย อุจฺจาวเจสูติ หีนปณีเตสุฯ สยเนสูติ วิหาราทีสุ เสนาสเนสุฯ กีวโนฺต ตตฺถ เภรวาติ กิตฺตกา ตตฺถ ภยการณาฯ ‘‘กุวโนฺต’’ติปิ ปาโฐ, กูชโนฺตติ จสฺส อโตฺถฯ น ปน ปุเพฺพนาปรํ สนฺธิยติฯ

    966. Pañcamagāthāya uccāvacesūti hīnapaṇītesu. Sayanesūti vihārādīsu senāsanesu. Kīvanto tattha bheravāti kittakā tattha bhayakāraṇā. ‘‘Kuvanto’’tipi pāṭho, kūjantoti cassa attho. Na pana pubbenāparaṃ sandhiyati.

    ๙๖๗. ฉฎฺฐคาถาย กตี ปริสฺสยาติ กิตฺตกา อุปทฺทวาฯ อคตํ ทิสนฺติ นิพฺพานํฯ ตญฺหิ อคตปุพฺพตฺตา อคตํ ตถา นิทฺทิสิตพฺพโต ทิสา จาติ ฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อคตํ ทิส’’นฺติฯ อภิสมฺภเวติ อภิภเวยฺยฯ ปนฺตมฺหีติ ปริยเนฺตฯ

    967. Chaṭṭhagāthāya katī parissayāti kittakā upaddavā. Agataṃ disanti nibbānaṃ. Tañhi agatapubbattā agataṃ tathā niddisitabbato disā cāti . Tena vuttaṃ ‘‘agataṃ disa’’nti. Abhisambhaveti abhibhaveyya. Pantamhīti pariyante.

    ๙๖๘-๙. สตฺตมคาถาย กฺยาสฺส พฺยปฺปถโย อสฺสูติ กีทิสานิ ตสฺส วจนานิ อสฺสุฯ อฎฺฐมคาถาย เอโกทิ นิปโกติ เอกคฺคจิโตฺต ปณฺฑิโตฯ

    968-9. Sattamagāthāya kyāssa byappathayo assūti kīdisāni tassa vacanāni assu. Aṭṭhamagāthāya ekodi nipakoti ekaggacitto paṇḍito.

    ๙๗๐. เอวํ อายสฺมตา สาริปุเตฺตน ตีหิ คาถาหิ ภควนฺตํ โถเมตฺวา ปญฺจหิ คาถาหิ – ปญฺจสตานํ สิสฺสานมตฺถาย เสนาสนโคจรสีลวตาทีนิ ปุจฺฉิโต ภควา ตมตฺถํ ปกาเสตุํ ‘‘วิชิคุจฺฉมานสฺสา’’ติอาทินา นเยน วิสฺสชฺชนมารโทฺธฯ ตตฺถ ปฐมคาถาย ตาวโตฺถ – ชาติอาทีหิ วิชิคุจฺฉมานสฺส ริตฺตาสนํ สยนํ เสวโต เจ สโมฺพธิกามสฺส สาริปุตฺต, ภิกฺขุโน ยทิทํ ผาสุ โย ผาสุวิหาโร ยถานุธมฺมํ โย จ อนุธโมฺม, ตํ เต ปวกฺขามิ ยถา ปชานํ ยถา ปชานโนฺต วเทยฺย, เอวํ วทามีติฯ

    970. Evaṃ āyasmatā sāriputtena tīhi gāthāhi bhagavantaṃ thometvā pañcahi gāthāhi – pañcasatānaṃ sissānamatthāya senāsanagocarasīlavatādīni pucchito bhagavā tamatthaṃ pakāsetuṃ ‘‘vijigucchamānassā’’tiādinā nayena vissajjanamāraddho. Tattha paṭhamagāthāya tāvattho – jātiādīhi vijigucchamānassa rittāsanaṃ sayanaṃ sevato ce sambodhikāmassa sāriputta, bhikkhuno yadidaṃ phāsu yo phāsuvihāro yathānudhammaṃ yo ca anudhammo, taṃ te pavakkhāmi yathā pajānaṃ yathā pajānanto vadeyya, evaṃ vadāmīti.

    ๙๗๑. ทุติยคาถาย ปริยนฺตจารีติ สีลาทีสุ จตูสุ ปริยเนฺตสุ จรมาโนฯ ฑํสาธิปาตานนฺติ ปิงฺคลมกฺขิกานญฺจ เสสมกฺขิกานญฺจฯ เสสมกฺขิกา หิ ตโต ตโต อธิปติตฺวา ขาทนฺติ, ตสฺมา ‘‘อธิปาตา’’ติ วุจฺจนฺติฯ มนุสฺสผสฺสานนฺติ โจราทิผสฺสานํฯ

    971. Dutiyagāthāya pariyantacārīti sīlādīsu catūsu pariyantesu caramāno. Ḍaṃsādhipātānanti piṅgalamakkhikānañca sesamakkhikānañca. Sesamakkhikā hi tato tato adhipatitvā khādanti, tasmā ‘‘adhipātā’’ti vuccanti. Manussaphassānanti corādiphassānaṃ.

    ๙๗๒. ตติยคาถาย ปรธมฺมิกา นาม สตฺต สหธมฺมิกวชฺชา สเพฺพปิ พาหิรกาฯ กุสลานุเอสีติ กุสลธเมฺม อเนฺวสมาโนฯ

    972. Tatiyagāthāya paradhammikā nāma satta sahadhammikavajjā sabbepi bāhirakā. Kusalānuesīti kusaladhamme anvesamāno.

    ๙๗๓. จตุตฺถคาถาย อาตงฺกผเสฺสนาติ โรคผเสฺสนฯ สีตํ อตุณฺหนฺติ สีตญฺจ อุณฺหญฺจฯ โส เตหิ ผุโฎฺฐ พหุธาติ โส เตหิ อาตงฺกาทีหิ อเนเกหิ อากาเรหิ ผุโฎฺฐ สมาโนปิฯ อโนโกติ อภิสงฺขารวิญฺญาณาทีนํ อโนกาสภูโตฯ

    973. Catutthagāthāya ātaṅkaphassenāti rogaphassena. Sītaṃ atuṇhanti sītañca uṇhañca. So tehi phuṭṭho bahudhāti so tehi ātaṅkādīhi anekehi ākārehi phuṭṭho samānopi. Anokoti abhisaṅkhāraviññāṇādīnaṃ anokāsabhūto.

    ๙๗๔. เอวํ ‘‘ภิกฺขุโน วิชิคุจฺฉโต’’ติอาทีหิ ตีหิ คาถาหิ ปุฎฺฐมตฺถํ วิสฺสเชฺชตฺวา อิทานิ ‘‘กฺยาสฺส พฺยปฺปถโย’’ติอาทินา นเยน ปุฎฺฐํ วิสฺสเชฺชโนฺต ‘‘เถยฺยํ น กาเร’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ผเสฺสติ ผเรยฺย ฯ ยทาวิลตฺตํ มนโส วิชญฺญาติ ยํ จิตฺตสฺส อาวิลตฺตํ วิชาเนยฺย, ตํ สพฺพํ ‘‘กณฺหสฺส ปโกฺข’’ติ วิโนทเยยฺยฯ

    974. Evaṃ ‘‘bhikkhuno vijigucchato’’tiādīhi tīhi gāthāhi puṭṭhamatthaṃ vissajjetvā idāni ‘‘kyāssa byappathayo’’tiādinā nayena puṭṭhaṃ vissajjento ‘‘theyyaṃ na kāre’’tiādimāha. Tattha phasseti phareyya . Yadāvilattaṃ manaso vijaññāti yaṃ cittassa āvilattaṃ vijāneyya, taṃ sabbaṃ ‘‘kaṇhassa pakkho’’ti vinodayeyya.

    ๙๗๕. มูลมฺปิ เตสํ ปลิขญฺญ ติเฎฺฐติ เตสํ โกธาติมานานํ ยํ อวิชฺชาทิกํ มูลํ, ตมฺปิ ปลิขณิตฺวา ติเฎฺฐยฺยฯ อทฺธา ภวโนฺต อภิสมฺภเวยฺยาติ เอวํ ปิยปฺปิยํ อภิภวโนฺต เอกํเสเนว อภิภเวยฺย, น ตตฺร สิถิลํ ปรกฺกเมยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ

    975.Mūlampi tesaṃ palikhañña tiṭṭheti tesaṃ kodhātimānānaṃ yaṃ avijjādikaṃ mūlaṃ, tampi palikhaṇitvā tiṭṭheyya. Addhā bhavanto abhisambhaveyyāti evaṃ piyappiyaṃ abhibhavanto ekaṃseneva abhibhaveyya, na tatra sithilaṃ parakkameyyāti adhippāyo.

    ๙๗๖. ปญฺญํ ปุรกฺขตฺวาติ ปญฺญํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวาฯ กลฺยาณปีตีติ กลฺยาณาย ปีติยา สมนฺนาคโตฯ จตุโร สเหถ ปริเทวธเมฺมติ อนนฺตรคาถาย วุจฺจมาเน ปริเทวนียธเมฺม สเหยฺยฯ

    976.Paññaṃ purakkhatvāti paññaṃ pubbaṅgamaṃ katvā. Kalyāṇapītīti kalyāṇāya pītiyā samannāgato. Caturo sahetha paridevadhammeti anantaragāthāya vuccamāne paridevanīyadhamme saheyya.

    ๙๗๗. กิํสู อสิสฺสามีติ กิํ ภุญฺชิสฺสามิฯ กุวํ วา อสิสฺสนฺติ กุหิํ วา อสิสฺสามิฯ ทุกฺขํ วต เสตฺถ กฺวชฺช เสสฺสนฺติ อิมํ รตฺติํ ทุกฺขํ สยิํ, อชฺช อาคมนรตฺติํ กตฺถ สยิสฺสํฯ เอเต วิตเกฺกติ เอเต ปิณฺฑปาตนิสฺสิเต เทฺว, เสนาสนนิสฺสิเต เทฺวติ จตฺตาโร วิตเกฺกฯ อนิเกตจารีติ อปลิโพธจารี นิตฺตณฺหจารีฯ

    977.Kiṃsū asissāmīti kiṃ bhuñjissāmi. Kuvaṃ vā asissanti kuhiṃ vā asissāmi. Dukkhaṃ vata settha kvajja sessanti imaṃ rattiṃ dukkhaṃ sayiṃ, ajja āgamanarattiṃ kattha sayissaṃ. Ete vitakketi ete piṇḍapātanissite dve, senāsananissite dveti cattāro vitakke. Aniketacārīti apalibodhacārī nittaṇhacārī.

    ๙๗๘. กาเลติ ปิณฺฑปาตกาเล ปิณฺฑปาตสงฺขาตํ อนฺนํ วา จีวรกาเล จีวรสงฺขาตํ วสนํ วา ลทฺธา ธเมฺมน สเมนาติ อธิปฺปาโยฯ มตฺตํ โส ชญฺญาติ ปฎิคฺคหเณ จ ปริโภเค จ โส ปมาณํ ชาเนยฺยฯ อิธาติ สาสเน, นิปาตมตฺตเมว วา เอตํฯ โตสนตฺถนฺติ สโนฺตสตฺถํ, เอตทตฺถํ มตฺตํ ชาเนยฺยาติ วุตฺตํ โหติฯ โส เตสุ คุโตฺตติ โส ภิกฺขุ เตสุ ปจฺจเยสุ คุโตฺตฯ ยตจารีติ สํยตวิหาโร , รกฺขิติริยาปโถ รกฺขิตกายวจีมโนทฺวาโร จาติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘ยติจารี’’ติปิ ปาโฐ, โสเยวโตฺถฯ รุสิโตติ โรสิโต, ฆฎฺฎิโตติ วุตฺตํ โหติฯ

    978.Kāleti piṇḍapātakāle piṇḍapātasaṅkhātaṃ annaṃ vā cīvarakāle cīvarasaṅkhātaṃ vasanaṃ vā laddhā dhammena samenāti adhippāyo. Mattaṃ so jaññāti paṭiggahaṇe ca paribhoge ca so pamāṇaṃ jāneyya. Idhāti sāsane, nipātamattameva vā etaṃ. Tosanatthanti santosatthaṃ, etadatthaṃ mattaṃ jāneyyāti vuttaṃ hoti. So tesu guttoti so bhikkhu tesu paccayesu gutto. Yatacārīti saṃyatavihāro , rakkhitiriyāpatho rakkhitakāyavacīmanodvāro cāti vuttaṃ hoti. ‘‘Yaticārī’’tipi pāṭho, soyevattho. Rusitoti rosito, ghaṭṭitoti vuttaṃ hoti.

    ๙๗๙. ฌานานุยุโตฺตติ อนุปนฺนุปฺปาทเนน อุปฺปนฺนาเสวเนน จ ฌาเน อนุยุโตฺตฯ อุเปกฺขมารพฺภ สมาหิตโตฺตติ จตุตฺถชฺฌานุเปกฺขํ อุปฺปาเทตฺวา สมาหิตจิโตฺตฯ ตกฺกาสยํ กุกฺกุจฺจิยูปฉิเนฺทติ กามวิตกฺกาทิํ ตกฺกญฺจ , กามสญฺญาทิํ ตสฺส ตกฺกสฺส อาสยญฺจ, หตฺถกุกฺกุจฺจาทิํ กุกฺกุจฺจิยญฺจ อุปจฺฉิเนฺทยฺยฯ

    979.Jhānānuyuttoti anupannuppādanena uppannāsevanena ca jhāne anuyutto. Upekkhamārabbha samāhitattoti catutthajjhānupekkhaṃ uppādetvā samāhitacitto. Takkāsayaṃ kukkucciyūpachindeti kāmavitakkādiṃ takkañca , kāmasaññādiṃ tassa takkassa āsayañca, hatthakukkuccādiṃ kukkucciyañca upacchindeyya.

    ๙๘๐. จุทิโต วจีภิ สติมาภินเนฺทติ อุปชฺฌายาทีหิ วาจาหิ โจทิโต สมาโน สติมา หุตฺวา ตํ โจทนํ อภินเนฺทยฺยฯ วาจํ ปมุเญฺจ กุสลนฺติ ญาณสมุฎฺฐิตํ วาจํ ปมุเญฺจยฺยฯ นาติเวลนฺติ อติเวลํ ปน วาจํ กาลเวลญฺจ สีลเวลญฺจ อติกฺกนฺตํ นปฺปมุเญฺจยฺยฯ ชนวาทธมฺมายาติ ชนวาทกถายฯ น เจตเยยฺยาติ เจตนํ น อุปฺปาเทยฺยฯ

    980.Cudito vacībhi satimābhinandeti upajjhāyādīhi vācāhi codito samāno satimā hutvā taṃ codanaṃ abhinandeyya. Vācaṃ pamuñce kusalanti ñāṇasamuṭṭhitaṃ vācaṃ pamuñceyya. Nātivelanti ativelaṃ pana vācaṃ kālavelañca sīlavelañca atikkantaṃ nappamuñceyya. Janavādadhammāyāti janavādakathāya. Na cetayeyyāti cetanaṃ na uppādeyya.

    ๙๘๑. อถาปรนฺติ อถ อิทานิ อิโต ปรมฺปิฯ ปญฺจ รชานีติ รูปราคาทีนิ ปญฺจ รชานิฯ เยสํ สตีมา วินยาย สิเกฺขติ เยสํ อุปฎฺฐิตสฺสติ หุตฺวา วินยนตฺถํ ติโสฺส สิกฺขา สิเกฺขยฺยฯ เอวํ สิกฺขโนฺต หิ รูเปสุ…เป.… ผเสฺสสุ สเหถ ราคํ, น อเญฺญติฯ

    981.Athāparanti atha idāni ito parampi. Pañca rajānīti rūparāgādīni pañca rajāni. Yesaṃ satīmā vinayāya sikkheti yesaṃ upaṭṭhitassati hutvā vinayanatthaṃ tisso sikkhā sikkheyya. Evaṃ sikkhanto hi rūpesu…pe… phassesu sahetha rāgaṃ, na aññeti.

    ๙๘๒. ตโต โส เตสํ วินยาย สิกฺขโนฺต อนุกฺกเมน – เอเตสุ ธเมฺมสูติ คาถาฯ ตตฺถ เอเตสูติ รูปาทีสุฯ กาเลน โส สมฺมา ธมฺมํ ปริวีมํสมาโนติ โส ภิกฺขุ ยฺวายํ ‘‘อุทฺธเต จิเตฺต สมาธิสฺส กาโล’’ติอาทินา นเยน กาโล วุโตฺต, เตน กาเลน สพฺพํ สงฺขตธมฺมํ อนิจฺจาทินเยน ปริวีมํสมาโนฯ เอโกทิภูโต วิหเน ตมํ โสติ โส เอกคฺคจิโตฺต สพฺพํ โมหาทิตมํ วิหเนยฺยฯ นตฺถิ เอตฺถ สํสโยฯ เสสํ สพฺพตฺถ ปากฎเมวฯ

    982. Tato so tesaṃ vinayāya sikkhanto anukkamena – etesu dhammesūti gāthā. Tattha etesūti rūpādīsu. Kālena so sammā dhammaṃ parivīmaṃsamānoti so bhikkhu yvāyaṃ ‘‘uddhate citte samādhissa kālo’’tiādinā nayena kālo vutto, tena kālena sabbaṃ saṅkhatadhammaṃ aniccādinayena parivīmaṃsamāno. Ekodibhūto vihane tamaṃ soti so ekaggacitto sabbaṃ mohāditamaṃ vihaneyya. Natthi ettha saṃsayo. Sesaṃ sabbattha pākaṭameva.

    เอวํ ภควา อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ เทสนาปริโยสาเน ปญฺจสตา ภิกฺขู อรหตฺตํ ปตฺตา, ติํสโกฎิสงฺขฺยานญฺจ เทวมนุสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติฯ

    Evaṃ bhagavā arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhāpesi. Desanāpariyosāne pañcasatā bhikkhū arahattaṃ pattā, tiṃsakoṭisaṅkhyānañca devamanussānaṃ dhammābhisamayo ahosīti.

    ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย

    Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya

    สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย สาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suttanipāta-aṭṭhakathāya sāriputtasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิโต จ จตุโตฺถ วโคฺค อตฺถวณฺณนานยโต, นาเมน

    Niṭṭhito ca catuttho vaggo atthavaṇṇanānayato, nāmena

    อฎฺฐกวโคฺคติฯ

    Aṭṭhakavaggoti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๑๖. สาริปุตฺตสุตฺตํ • 16. Sāriputtasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact