Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā |
๓-๑. สาริปุตฺตเตฺถรอปทานวณฺณนา
3-1. Sāriputtattheraapadānavaṇṇanā
ตทนนฺตรํ เถราปทานสงฺคหคาถาโย สํวเณฺณตุํ ‘‘อถ เถราปทานํ สุณาถา’’ติ อาหฯ อถ-อปทาน-สทฺทานมโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺตวฯ เอตฺถ เถร-สโทฺท ปนายํ กาลถิรปญฺญตฺตินามเธยฺยเชฎฺฐาทีสุ อเนเกสุ อเตฺถสุ วตฺตติฯ ตถา หิ ‘‘เถโรวสฺสิกานิ ปูตีนิ จุณฺณกชาตานี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๙; ม. นิ. ๑.๑๑๒) กาเล, เถโรวสฺสิกานิ จิรกาลํ โอวสฺสิกานีติ อโตฺถฯ ‘‘เถโรปิ ตาว มหา’’อิจฺจาทีสุ ถิเร ถิรสีโลติ อโตฺถฯ ‘‘เถรโก อยมายสฺมา มหลฺลโก’’ติอาทีสุ ปญฺญตฺติยํ , โลกปญฺญตฺติมโตฺตติ อโตฺถฯ ‘‘จุนฺทเตฺถโร ผุสฺสเตฺถโร’’ติอาทีสุ นามเธเยฺย, เอวํ กตนาโมติ อโตฺถฯ ‘‘เถโร จายํ กุมาโร มม ปุเตฺตสู’’ติอาทีสุ เชเฎฺฐ, เชโฎฺฐ กุมาโรติ อโตฺถฯ อิธ ปนายํ กาเล จ ถิเร จ วตฺตติฯ ตสฺมา จิรํ กาลํ ฐิโตติ เถโร, ถิรตรสีลาจารมทฺทวาทิคุณาภิยุโตฺต วา เถโรติ วุจฺจติฯ เถโร จ เถโร เจติ เถรา, เถรานํ อปทานํ การณํ เถราปทานํ, ตํ เถราปทานํ สุณาถาติ สมฺพโนฺธฯ หิมวนฺตสฺส อวิทูเร, ลมฺพโก นาม ปพฺพโตติอาทิ อายสฺมโต สาริปุตฺตเตฺถรสฺส อปทานํ, ตสฺสายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรสฺส จ วตฺถุ เอวํ เวทิตพฺพํ –
Tadanantaraṃ therāpadānasaṅgahagāthāyo saṃvaṇṇetuṃ ‘‘atha therāpadānaṃ suṇāthā’’ti āha. Atha-apadāna-saddānamattho heṭṭhā vuttova. Ettha thera-saddo panāyaṃ kālathirapaññattināmadheyyajeṭṭhādīsu anekesu atthesu vattati. Tathā hi ‘‘therovassikāni pūtīni cuṇṇakajātānī’’tiādīsu (dī. ni. 2.379; ma. ni. 1.112) kāle, therovassikāni cirakālaṃ ovassikānīti attho. ‘‘Theropi tāva mahā’’iccādīsu thire thirasīloti attho. ‘‘Therako ayamāyasmā mahallako’’tiādīsu paññattiyaṃ , lokapaññattimattoti attho. ‘‘Cundatthero phussatthero’’tiādīsu nāmadheyye, evaṃ katanāmoti attho. ‘‘Thero cāyaṃ kumāro mama puttesū’’tiādīsu jeṭṭhe, jeṭṭho kumāroti attho. Idha panāyaṃ kāle ca thire ca vattati. Tasmā ciraṃ kālaṃ ṭhitoti thero, thiratarasīlācāramaddavādiguṇābhiyutto vā theroti vuccati. Thero ca thero ceti therā, therānaṃ apadānaṃ kāraṇaṃ therāpadānaṃ, taṃ therāpadānaṃ suṇāthāti sambandho. Himavantassa avidūre, lambako nāma pabbatotiādi āyasmato sāriputtattherassa apadānaṃ, tassāyasmato mahāmoggallānattherassa ca vatthu evaṃ veditabbaṃ –
อตีเต กิร อิโต กปฺปโต สตสหสฺสกปฺปาธิเก เอกอสเงฺขฺยยฺยมตฺถเก อายสฺมา สาริปุโตฺต พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา นาเมน สรทมาณโว นาม อโหสิฯ มหาโมคฺคลฺลาโน คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา นาเมน สิริวฑฺฒนกุฎุมฺพิโก นาม อโหสิฯ เต อุโภปิ สหปํสุกีฬนสหายา อเหสุํฯ เตสุ สรทมาณโว ปิตุ อจฺจเยน กุลสนฺตกํ ธนํ ปฎิปชฺชิตฺวา เอกทิวสํ รโหคโต จิเนฺตสิ – ‘‘อิเมสํ สตฺตานํ มรณํ นาม เอกนฺติกํ, ตสฺมา มยา เอกํ ปพฺพชฺชํ อุปคนฺตฺวา วิโมกฺขมโคฺค คเวสิตโพฺพ’’ติ สหายํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สมฺม, อหํ ปพฺพชิตุกาโมฯ กิํ ตฺวํ ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ วตฺวา เตน ‘‘น สกฺขิสฺสามี’’ติ วุเตฺต ‘‘โหตุ อหเมว ปพฺพชิสฺสามี’’ติ รตนโกฎฺฐาคารานิ วิวราเปตฺวา กปณทฺธิกาทีนํ มหาทานํ ทตฺวา ปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิฯ ตสฺส ปพฺพชิตสฺส อนุปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา จตุสตฺตติสหสฺสมตฺตา พฺราหฺมณปุตฺตา อเหสุํฯ โส ปญฺจ อภิญฺญาโย อฎฺฐ จ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา เตสมฺปิ ชฎิลานํ กสิณปริกมฺมํ อาจิกฺขิฯ เต สเพฺพปิ ปญฺจาภิญฺญา อฎฺฐ จ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺติสุํฯ
Atīte kira ito kappato satasahassakappādhike ekaasaṅkhyeyyamatthake āyasmā sāriputto brāhmaṇamahāsālakule nibbattitvā nāmena saradamāṇavo nāma ahosi. Mahāmoggallāno gahapatimahāsālakule nibbattitvā nāmena sirivaḍḍhanakuṭumbiko nāma ahosi. Te ubhopi sahapaṃsukīḷanasahāyā ahesuṃ. Tesu saradamāṇavo pitu accayena kulasantakaṃ dhanaṃ paṭipajjitvā ekadivasaṃ rahogato cintesi – ‘‘imesaṃ sattānaṃ maraṇaṃ nāma ekantikaṃ, tasmā mayā ekaṃ pabbajjaṃ upagantvā vimokkhamaggo gavesitabbo’’ti sahāyaṃ upasaṅkamitvā ‘‘samma, ahaṃ pabbajitukāmo. Kiṃ tvaṃ pabbajituṃ sakkhissasī’’ti vatvā tena ‘‘na sakkhissāmī’’ti vutte ‘‘hotu ahameva pabbajissāmī’’ti ratanakoṭṭhāgārāni vivarāpetvā kapaṇaddhikādīnaṃ mahādānaṃ datvā pabbatapādaṃ gantvā isipabbajjaṃ pabbaji. Tassa pabbajitassa anupabbajjaṃ pabbajitā catusattatisahassamattā brāhmaṇaputtā ahesuṃ. So pañca abhiññāyo aṭṭha ca samāpattiyo nibbattetvā tesampi jaṭilānaṃ kasiṇaparikammaṃ ācikkhi. Te sabbepi pañcābhiññā aṭṭha ca samāpattiyo nibbattisuṃ.
เตน สมเยน อโนมทสฺสี นาม สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจโกฺก สเตฺต สํสารมโหฆโต ตาเรตฺวา เอกทิวสํ สรทตาปสสฺส จ อเนฺตวาสิกานญฺจ สงฺคหํ กตฺตุกาโม เอโก อทุติโย ปตฺตจีวรมาทาย อากาเสน คนฺตฺวา ‘‘พุทฺธภาวํ เม ชานาตู’’ติ ตาปสสฺส ปสฺสนฺตเสฺสว อากาสโต โอตริตฺวา ปถวิยํ ปติฎฺฐาสิฯ สรทตาปโส สตฺถุ สรีเร มหาปุริสลกฺขณานิ อุปธาเรตฺวา ‘‘สพฺพญฺญุพุโทฺธเยวาย’’นฺติ นิฎฺฐํ คนฺตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา อาสนํ ปญฺญาเปตฺวา อทาสิฯ นิสีทิ ภควา ปญฺญเตฺต อาสเนฯ สรทตาปโส สตฺถุ สนฺติเก เอกมนฺตํ นิสีทิฯ
Tena samayena anomadassī nāma sammāsambuddho loke uppajjitvā pavattitavaradhammacakko satte saṃsāramahoghato tāretvā ekadivasaṃ saradatāpasassa ca antevāsikānañca saṅgahaṃ kattukāmo eko adutiyo pattacīvaramādāya ākāsena gantvā ‘‘buddhabhāvaṃ me jānātū’’ti tāpasassa passantasseva ākāsato otaritvā pathaviyaṃ patiṭṭhāsi. Saradatāpaso satthu sarīre mahāpurisalakkhaṇāni upadhāretvā ‘‘sabbaññubuddhoyevāya’’nti niṭṭhaṃ gantvā paccuggamanaṃ katvā āsanaṃ paññāpetvā adāsi. Nisīdi bhagavā paññatte āsane. Saradatāpaso satthu santike ekamantaṃ nisīdi.
ตสฺมิํ สมเย ตสฺส อเนฺตวาสิกา จตุสตฺตติสหสฺสมตฺตา ชฎิลา ปณีตปณีตานิ โอชวนฺตานิ ผลาผลานิ คเหตฺวา อาคตา สตฺถารํ ทิสฺวา สญฺชาตปสาทา อตฺตโน อาจริยสฺส สตฺถุ จ นิสินฺนาการํ โอโลเกตฺวา ‘‘อาจริย, มยํ ปุเพฺพ ‘ตุเมฺหหิ มหนฺตตโร โกจิ นตฺถี’ติ มญฺญาม, อยํ ปน ปุริโส ตุเมฺหหิ มหนฺตตโร มเญฺญ’’ติ อาหํสุฯ กิํ วเทถ, ตาตา, สาสเปน สทฺธิํ อฎฺฐสฎฺฐิโยชนสตสหสฺสุเพฺพธํ สิเนรุํ สมํ กาตุํ อิจฺฉถ, สพฺพญฺญุพุเทฺธน มํ ตุลํ มา กริตฺถาติฯ อถ เต ตาปสา อาจริยสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘ยาว มหา วตายํ ปุริสุตฺตโม’’ติ สเพฺพว ปาเทสุ นิปติตฺวา สตฺถารํ วนฺทิํสุฯ
Tasmiṃ samaye tassa antevāsikā catusattatisahassamattā jaṭilā paṇītapaṇītāni ojavantāni phalāphalāni gahetvā āgatā satthāraṃ disvā sañjātapasādā attano ācariyassa satthu ca nisinnākāraṃ oloketvā ‘‘ācariya, mayaṃ pubbe ‘tumhehi mahantataro koci natthī’ti maññāma, ayaṃ pana puriso tumhehi mahantataro maññe’’ti āhaṃsu. Kiṃ vadetha, tātā, sāsapena saddhiṃ aṭṭhasaṭṭhiyojanasatasahassubbedhaṃ sineruṃ samaṃ kātuṃ icchatha, sabbaññubuddhena maṃ tulaṃ mā karitthāti. Atha te tāpasā ācariyassa vacanaṃ sutvā ‘‘yāva mahā vatāyaṃ purisuttamo’’ti sabbeva pādesu nipatitvā satthāraṃ vandiṃsu.
อถ เต อาจริโย อาห – ‘‘ตาตา, สตฺถุ อนุจฺฉวิโก โน เทยฺยธโมฺม นตฺถิ, สตฺถา จ ภิกฺขาจรเวลาย อิธาคโต, หนฺท, มยํ เทยฺยธมฺมํ ยถาพลํ ทสฺสามฯ ตุเมฺหหิ ยํ ยํ ปณีตํ ผลาผลํ อาภตํ, ตํ ตํ อาหรถา’’ติ อาหราเปตฺวา หเตฺถ โธวิตฺวา สยํ ตถาคตสฺส ปเตฺต ปติฎฺฐาเปสิฯ สตฺถารา ผลาผเล ปฎิคฺคหิตมเตฺต เทวตา ทิโพฺพชํ ปกฺขิปิํสุฯ ตาปโส อุทกมฺปิ สยเมว ปริสฺสาเวตฺวา อทาสิฯ ตโต โภชนกิจฺจํ นิฎฺฐาเปตฺวา สตฺถริ นิสิเนฺน สเพฺพ อเนฺตวาสิเก ปโกฺกสาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติเก สารณียํ กถํ กเถโนฺต นิสีทิฯ สตฺถา ‘‘เทฺว อคฺคสาวกา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ อาคจฺฉนฺตู’’ติ จิเนฺตสิฯ ตาวเทว สตสหสฺสขีณาสวปริวารา อคฺคสาวกา อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ
Atha te ācariyo āha – ‘‘tātā, satthu anucchaviko no deyyadhammo natthi, satthā ca bhikkhācaravelāya idhāgato, handa, mayaṃ deyyadhammaṃ yathābalaṃ dassāma. Tumhehi yaṃ yaṃ paṇītaṃ phalāphalaṃ ābhataṃ, taṃ taṃ āharathā’’ti āharāpetvā hatthe dhovitvā sayaṃ tathāgatassa patte patiṭṭhāpesi. Satthārā phalāphale paṭiggahitamatte devatā dibbojaṃ pakkhipiṃsu. Tāpaso udakampi sayameva parissāvetvā adāsi. Tato bhojanakiccaṃ niṭṭhāpetvā satthari nisinne sabbe antevāsike pakkosāpetvā satthu santike sāraṇīyaṃ kathaṃ kathento nisīdi. Satthā ‘‘dve aggasāvakā bhikkhusaṅghena saddhiṃ āgacchantū’’ti cintesi. Tāvadeva satasahassakhīṇāsavaparivārā aggasāvakā āgantvā bhagavantaṃ vanditvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu.
ตโต สรทตาปโส อเนฺตวาสิเก อามเนฺตสิ – ‘‘ตาตา, สตฺถุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปุปฺผาสเนน ปูชา กาตพฺพา, ตสฺมา ปุปฺผานิ อาหรถา’’ติฯ เต ตาวเทว อิทฺธิยา วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหริตฺวา พุทฺธสฺส โยชนปฺปมาณํ ปุปฺผาสนํ ปญฺญาเปสุํ, อุภินฺนํ อคฺคสาวกานํ ติคาวุตํ , เสสภิกฺขูนํ อฑฺฒโยชนิกาทิเภทํ, สงฺฆนวกสฺส อุสภมตฺตํ ปญฺญาเปสุํฯ เอวํ ปญฺญเตฺตสุ อาสเนสุ สรทตาปโส ตถาคตสฺส ปุรโต อญฺชลิํ ปคฺคยฺห ‘‘ภเนฺต, มยฺหํ อนุคฺคหตฺถาย อิมํ ปุปฺผาสนํ อติรุหถา’’ติ อาหฯ นิสีทิ ภควา ปุปฺผาสเน ฯ สตฺถริ นิสิเนฺน เทฺว อคฺคสาวกา เสสภิกฺขู จ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทิํสุฯ สตฺถา ‘‘เตสํ มหปฺผลํ โหตู’’ติ นิโรธํ สมาปชฺชิฯ สตฺถุ สมาปนฺนภาวํ ญตฺวา เทฺว อคฺคสาวกาปิ เสสภิกฺขูปิ นิโรธํ สมาปชฺชิํสุฯ ตาปโส สตฺตาหํ นิรนฺตรํ สตฺถุ ปุปฺผจฺฉตฺตํ ธาเรโนฺต อฎฺฐาสิฯ อิตเร วนมูลผลํ ปริภุญฺชิตฺวา เสสกาเล อญฺชลิํ ปคฺคยฺห อฎฺฐํสุฯ สตฺถา สตฺตาหสฺส อจฺจเยน นิโรธโต วุฎฺฐหิตฺวา อคฺคสาวกํ นิสภเตฺถรํ อามเนฺตสิ – ‘‘ตาปสานํ ปุปฺผาสนานุโมทนํ กโรหี’’ติฯ เถโร สาวกปารมีญาเณ ฐตฺวา เตสํ ปุปฺผาสนานุโมทนํ อกาสิฯ ตสฺส เทสนาวสาเน สตฺถา ทุติยํ อคฺคสาวกํ อโนมเตฺถรํ อามเนฺตสิ – ‘‘ตฺวมฺปิ อิเมสํ ธมฺมํ เทเสหี’’ติฯ โสปิ เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ สมฺมสิตฺวา เตสํ ธมฺมํ กเถสิฯ ทฺวินฺนมฺปิ เทสนาย ธมฺมาภิสมโย นาโหสิฯ อถ สตฺถา พุทฺธวิสเย ฐตฺวา ธมฺมเทสนํ อารภิฯ เทสนาวสาเน ฐเปตฺวา สรทตาปสํ อวเสสา สเพฺพปิ จตุสตฺตติสหสฺสชฎิลา อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ สตฺถา เต ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิฯ เต ตาวเทว อนฺตรหิตตาปสเวสา อฎฺฐปริกฺขารธรา สฎฺฐิวสฺสิกเตฺถโร วิย อเหสุํฯ
Tato saradatāpaso antevāsike āmantesi – ‘‘tātā, satthu bhikkhusaṅghassa ca pupphāsanena pūjā kātabbā, tasmā pupphāni āharathā’’ti. Te tāvadeva iddhiyā vaṇṇagandhasampannāni pupphāni āharitvā buddhassa yojanappamāṇaṃ pupphāsanaṃ paññāpesuṃ, ubhinnaṃ aggasāvakānaṃ tigāvutaṃ , sesabhikkhūnaṃ aḍḍhayojanikādibhedaṃ, saṅghanavakassa usabhamattaṃ paññāpesuṃ. Evaṃ paññattesu āsanesu saradatāpaso tathāgatassa purato añjaliṃ paggayha ‘‘bhante, mayhaṃ anuggahatthāya imaṃ pupphāsanaṃ atiruhathā’’ti āha. Nisīdi bhagavā pupphāsane . Satthari nisinne dve aggasāvakā sesabhikkhū ca attano attano pattāsane nisīdiṃsu. Satthā ‘‘tesaṃ mahapphalaṃ hotū’’ti nirodhaṃ samāpajji. Satthu samāpannabhāvaṃ ñatvā dve aggasāvakāpi sesabhikkhūpi nirodhaṃ samāpajjiṃsu. Tāpaso sattāhaṃ nirantaraṃ satthu pupphacchattaṃ dhārento aṭṭhāsi. Itare vanamūlaphalaṃ paribhuñjitvā sesakāle añjaliṃ paggayha aṭṭhaṃsu. Satthā sattāhassa accayena nirodhato vuṭṭhahitvā aggasāvakaṃ nisabhattheraṃ āmantesi – ‘‘tāpasānaṃ pupphāsanānumodanaṃ karohī’’ti. Thero sāvakapāramīñāṇe ṭhatvā tesaṃ pupphāsanānumodanaṃ akāsi. Tassa desanāvasāne satthā dutiyaṃ aggasāvakaṃ anomattheraṃ āmantesi – ‘‘tvampi imesaṃ dhammaṃ desehī’’ti. Sopi tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ sammasitvā tesaṃ dhammaṃ kathesi. Dvinnampi desanāya dhammābhisamayo nāhosi. Atha satthā buddhavisaye ṭhatvā dhammadesanaṃ ārabhi. Desanāvasāne ṭhapetvā saradatāpasaṃ avasesā sabbepi catusattatisahassajaṭilā arahattaṃ pāpuṇiṃsu. Satthā te ‘‘etha bhikkhavo’’ti hatthaṃ pasāresi. Te tāvadeva antarahitatāpasavesā aṭṭhaparikkhāradharā saṭṭhivassikatthero viya ahesuṃ.
สรทตาปโส ปน ‘‘อโห วตาหมฺปิ อยํ นิสภเตฺถโร วิย อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาวโก ภเวยฺย’’นฺติ เทสนากาเล อุปฺปนฺนปริวิตกฺกตาย อญฺญวิหิโต หุตฺวา มคฺคผลานิ ปฎิวิชฺฌิตุํ นาสกฺขิฯ อถ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ตถา ปณิธานํ อกาสิฯ สตฺถา อนนฺตราเยน สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกํ เอกํ อสเงฺขฺยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โคตมสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อคฺคสาวโก สาริปุโตฺต นาม ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา ธมฺมกถํ วตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร อากาสํ ปกฺขนฺทิฯ สรทตาปโสปิ สหายสฺส สิริวฑฺฒสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สมฺม, มยา อโนมทสฺสิสฺส ภควโต ปาทมูเล อนาคเต อุปฺปชฺชนกสฺส โคตมสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อคฺคสาวกฎฺฐานํ ปตฺถิตํ, ตฺวมฺปิ ตสฺส ทุติยสาวกฎฺฐานํ ปเตฺถหี’’ติฯ สิริวโฑฺฒ ตํ อุปเทสํ สุตฺวา อตฺตโน นิเวสนทฺวาเร อฎฺฐกรีสมตฺตํ ฐานํ สมตลํ กาเรตฺวา ลาชปญฺจมานิ ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา นีลุปฺปลจฺฉทนํ มณฺฑปํ กาเรตฺวา พุทฺธาสนํ ปญฺญาเปตฺวา ภิกฺขูนมฺปิ อาสนานิ ปญฺญาเปตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ สเชฺชตฺวา สรทตาปเสน สตฺถารํ นิมนฺตาเปตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ มหารเหหิ วเตฺถหิ อจฺฉาเทตฺวา ทุติยสาวกภาวาย ปณิธานํ อกาสิฯ สตฺถา ตสฺส อนนฺตราเยน สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา วุตฺตนเยน พฺยากริตฺวา ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิฯ สิริวโฑฺฒ หฎฺฐปหโฎฺฐ ยาวชีวํ กุสลกมฺมํ กตฺวา ทุติยจิตฺตวาเร กามาวจรเทวโลเก นิพฺพตฺติฯ สรทตาปโส จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติฯ
Saradatāpaso pana ‘‘aho vatāhampi ayaṃ nisabhatthero viya anāgate ekassa buddhassa sāvako bhaveyya’’nti desanākāle uppannaparivitakkatāya aññavihito hutvā maggaphalāni paṭivijjhituṃ nāsakkhi. Atha satthāraṃ vanditvā tathā paṇidhānaṃ akāsi. Satthā anantarāyena samijjhanabhāvaṃ disvā ‘‘ito kappasatasahassādhikaṃ ekaṃ asaṅkhyeyyaṃ atikkamitvā gotamassa nāma sammāsambuddhassa aggasāvako sāriputto nāma bhavissatī’’ti byākaritvā dhammakathaṃ vatvā bhikkhusaṅghaparivāro ākāsaṃ pakkhandi. Saradatāpasopi sahāyassa sirivaḍḍhassa santikaṃ gantvā ‘‘samma, mayā anomadassissa bhagavato pādamūle anāgate uppajjanakassa gotamasammāsambuddhassa aggasāvakaṭṭhānaṃ patthitaṃ, tvampi tassa dutiyasāvakaṭṭhānaṃ patthehī’’ti. Sirivaḍḍho taṃ upadesaṃ sutvā attano nivesanadvāre aṭṭhakarīsamattaṃ ṭhānaṃ samatalaṃ kāretvā lājapañcamāni pupphāni vikiritvā nīluppalacchadanaṃ maṇḍapaṃ kāretvā buddhāsanaṃ paññāpetvā bhikkhūnampi āsanāni paññāpetvā mahantaṃ sakkārasammānaṃ sajjetvā saradatāpasena satthāraṃ nimantāpetvā sattāhaṃ mahādānaṃ pavattetvā buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ mahārahehi vatthehi acchādetvā dutiyasāvakabhāvāya paṇidhānaṃ akāsi. Satthā tassa anantarāyena samijjhanabhāvaṃ disvā vuttanayena byākaritvā bhattānumodanaṃ katvā pakkāmi. Sirivaḍḍho haṭṭhapahaṭṭho yāvajīvaṃ kusalakammaṃ katvā dutiyacittavāre kāmāvacaradevaloke nibbatti. Saradatāpaso cattāro brahmavihāre bhāvetvā brahmaloke nibbatti.
ตโต ปฎฺฐาย เตสํ อุภินฺนมฺปิ อนฺตรา กมฺมํ น กถิตํฯ อมฺหากํ ปน ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว สรทตาปโส ราชคหสฺส อวิทูเร อุปติสฺสาคาเม รูปสาริยา พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ ตํทิวสเมวสฺส สหาโยปิ ราชคหเสฺสว อวิทูเร โกลิตคาเม โมคฺคลิยา พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ ตสฺมา โมคฺคลฺลาโน โมคฺคลิยา พฺราหฺมณิยา ปุโตฺตติ โมคฺคลฺลาโนฯ โมคฺคลิโคเตฺตน ชาโตติ วา โมคฺคลฺลาโนฯ อถ วา มาตุกุมาริกกาเล ตสฺสา มาตาปิตูหิ วุตฺตํ – ‘‘มา อุคฺคลิ มา อุคฺคลี’’ติ วจนมุปาทาย ‘‘มุคฺคลี’’ติ นามํฯ ตสฺสา มุคฺคลิยา ปุโตฺตติ โมคฺคลฺลาโนฯ อถ วา โสตาปตฺติมคฺคาทิมคฺคสฺส ลาเภ อาทาเน ปฎิวิชฺฌเน อลํ สมโตฺถติ โมคฺคลฺลาโนติฯ ตานิ กิร เทฺว กุลานิ ยาว สตฺตมา กุลปริวฎฺฎา อาพทฺธสหายาเนวฯ เตสํ ทฺวินฺนํ เอกทิวสเมว คพฺภปริหารมทํสุฯ ทสมาสจฺจเยน ชาตานมฺปิ เตสํ ฉสฎฺฐิ ธาติโย ปฎฺฐเปสุํฯ นามคฺคหณทิวเส รูปสารีพฺราหฺมณิยา ปุตฺตสฺส อุปติสฺสคาเม เชฎฺฐกุลสฺส ปุตฺตตฺตา อุปติโสฺสติ นามํ กริํสุฯ อิตรสฺส โกลิตคาเม เชฎฺฐกุลสฺส ปุตฺตตฺตา โกลิโตติ นามํ กริํสุฯ เต อุโภปิ มหตา ปริวาเรน วฑฺฒนฺตา วุทฺธิมนฺวาย สพฺพสิปฺปานํ ปารํ อคมํสุฯ
Tato paṭṭhāya tesaṃ ubhinnampi antarā kammaṃ na kathitaṃ. Amhākaṃ pana bhagavato uppattito puretarameva saradatāpaso rājagahassa avidūre upatissāgāme rūpasāriyā brāhmaṇiyā kucchimhi paṭisandhiṃ gaṇhi. Taṃdivasamevassa sahāyopi rājagahasseva avidūre kolitagāme moggaliyā brāhmaṇiyā kucchimhi paṭisandhiṃ gaṇhi. Tasmā moggallāno moggaliyā brāhmaṇiyā puttoti moggallāno. Moggaligottena jātoti vā moggallāno. Atha vā mātukumārikakāle tassā mātāpitūhi vuttaṃ – ‘‘mā uggali mā uggalī’’ti vacanamupādāya ‘‘muggalī’’ti nāmaṃ. Tassā muggaliyā puttoti moggallāno. Atha vā sotāpattimaggādimaggassa lābhe ādāne paṭivijjhane alaṃ samatthoti moggallānoti. Tāni kira dve kulāni yāva sattamā kulaparivaṭṭā ābaddhasahāyāneva. Tesaṃ dvinnaṃ ekadivasameva gabbhaparihāramadaṃsu. Dasamāsaccayena jātānampi tesaṃ chasaṭṭhi dhātiyo paṭṭhapesuṃ. Nāmaggahaṇadivase rūpasārībrāhmaṇiyā puttassa upatissagāme jeṭṭhakulassa puttattā upatissoti nāmaṃ kariṃsu. Itarassa kolitagāme jeṭṭhakulassa puttattā kolitoti nāmaṃ kariṃsu. Te ubhopi mahatā parivārena vaḍḍhantā vuddhimanvāya sabbasippānaṃ pāraṃ agamaṃsu.
อเถกทิวสํ เต ราชคเห คิรคฺคสมชฺชํ ปสฺสนฺตา มหาชนํ สนฺนิปติตํ ทิสฺวา ญาณสฺส ปริปากํ คตตฺตา โยนิโส อุมฺมุชฺชนฺตา ‘‘สเพฺพปิเม โอรํ วสฺสสตาว มจฺจุมุขํ ปวิสนฺตี’’ติ สํเวคํ ปฎิลภิตฺวา ‘‘อเมฺหหิ โมกฺขธโมฺม ปริเยสิตโพฺพ, ตญฺจ ปริเยสเนฺตหิ เอกา ปพฺพชฺชา ลทฺธุํ วฎฺฎตี’’ติ นิจฺฉยํ กตฺวา ปญฺจมาณวกสเตหิ สทฺธิํ สญฺจยสฺส ปริพฺพาชกสฺส สนฺติเก ปพฺพชิํสุฯ เตสํ ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย สญฺจโย ลาภคฺคยสคฺคปฺปโตฺต อโหสิฯ เต กติปาเหเนว สพฺพํ สญฺจยสฺส สมยํ ปริมชฺชิตฺวา ตตฺถ สารํ อทิสฺวา ตโต นิพฺพิชฺชิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปณฺฑิตสมฺมเต สมณพฺราหฺมเณ ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติ, เต เตหิ ปุฎฺฐา น สมฺปาเทนฺติฯ อญฺญทตฺถุ เตเยว เตสํ ปญฺหํ วิสฺสเชฺชนฺติฯ เอวํ เต โมกฺขํ ปริเยสนฺตา กติกํ อกํสุ – ‘‘อเมฺหสุ โย ปฐมํ อมตํ อธิคจฺฉติ, โส อิตรสฺส อาโรเจตู’’ติฯ
Athekadivasaṃ te rājagahe giraggasamajjaṃ passantā mahājanaṃ sannipatitaṃ disvā ñāṇassa paripākaṃ gatattā yoniso ummujjantā ‘‘sabbepime oraṃ vassasatāva maccumukhaṃ pavisantī’’ti saṃvegaṃ paṭilabhitvā ‘‘amhehi mokkhadhammo pariyesitabbo, tañca pariyesantehi ekā pabbajjā laddhuṃ vaṭṭatī’’ti nicchayaṃ katvā pañcamāṇavakasatehi saddhiṃ sañcayassa paribbājakassa santike pabbajiṃsu. Tesaṃ pabbajitakālato paṭṭhāya sañcayo lābhaggayasaggappatto ahosi. Te katipāheneva sabbaṃ sañcayassa samayaṃ parimajjitvā tattha sāraṃ adisvā tato nibbijjitvā tattha tattha paṇḍitasammate samaṇabrāhmaṇe pañhaṃ pucchanti, te tehi puṭṭhā na sampādenti. Aññadatthu teyeva tesaṃ pañhaṃ vissajjenti. Evaṃ te mokkhaṃ pariyesantā katikaṃ akaṃsu – ‘‘amhesu yo paṭhamaṃ amataṃ adhigacchati, so itarassa ārocetū’’ti.
เตน จ สมเยน อมฺหากํ สตฺถริ ปฐมาภิสโมฺพธิํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจเกฺก อนุปุเพฺพน อุรุเวลกสฺสปาทิเก สหสฺสชฎิเล ทเมตฺวา ราชคเห วิหรเนฺต เอกทิวสํ อุปติโสฺส ปริพฺพาชโก ปริพฺพาชการามํ คจฺฉโนฺต อายสฺมนฺตํ อสฺสชิเตฺถรํ ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘น มยา เอวรูโป อากปฺปสมฺปโนฺน ปพฺพชิโต ทิฎฺฐปุโพฺพ, สนฺตธเมฺมน นาม เอตฺถ ภวิตพฺพ’’นฺติ สญฺชาตปสาโท ปญฺหํ ปุจฺฉิตุํ อายสฺมนฺตํ อุทิกฺขโนฺต ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพนฺธิฯ เถโรปิ ลทฺธปิณฺฑปาโต ปริภุญฺชิตุํ ปติรูปํ โอกาสํ คโตฯ ปริพฺพาชโก อตฺตโน ปริพฺพาชกปีฐํ ปญฺญาเปตฺวา อทาสิฯ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน จสฺส อตฺตโน กุณฺฑิกาย อุทกํ อทาสิฯ เอวํ โส อาจริยวตฺตํ กตฺวา กตภตฺตกิเจฺจน เถเรน สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กตฺวา – ‘‘โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’ติ ปุจฺฉิฯ เถโร สมฺมาสมฺพุทฺธํ อปทิสิฯ ปุน เตน ‘‘กิํ วาที ปนายสฺมโต สตฺถา’’ติ ปุโฎฺฐ ‘‘อิมสฺส สาสนสฺส คมฺภีรตํ ทเสฺสสฺสามี’’ติ อตฺตโน นวกภาวํ ปเวเทตฺวา สเงฺขปวเสน จสฺส สาสนธมฺมํ กเถโนฺต ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา’’ติ (มหาว. ๖๐; อป. เถร ๑.๑.๒๘๖) คาถมาหฯ ปริพฺพาชโก ปฐมปททฺวยเมว สุตฺวา สหสฺสนยสมฺปเนฺน โสตาปตฺติมคฺคผเล ปติฎฺฐหิฯ อิตรํ ปททฺวยํ โสตาปนฺนกาเล นิฎฺฐาสิฯ คาถาปริโยสาเน ปน โสตาปโนฺน หุตฺวา อุปริวิเสเส อปวตฺตเนฺต ‘‘ภวิสฺสติ เอตฺถ การณ’’นฺติ สลฺลเกฺขตฺวา เถรํ อาห – ‘‘มา, ภเนฺต, อุปริ ธมฺมเทสนํ วฑฺฒยิตฺถ, เอตฺตกเมว อลํ, กหํ อมฺหากํ สตฺถา วสตี’’ติ? ‘‘เวฬุวเน’’ติฯ ‘‘ภเนฺต, ตุเมฺห ปุรโต คจฺฉถ, อหํ มยฺหํ สหายสฺส กตปฎิญฺญํ โมเจตฺวา ตํ คเหตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เถรํ อุโยฺยเชตฺวา ปริพฺพาชการามํ อคมาสิฯ
Tena ca samayena amhākaṃ satthari paṭhamābhisambodhiṃ patvā pavattitavaradhammacakke anupubbena uruvelakassapādike sahassajaṭile dametvā rājagahe viharante ekadivasaṃ upatisso paribbājako paribbājakārāmaṃ gacchanto āyasmantaṃ assajittheraṃ rājagahe piṇḍāya carantaṃ disvā ‘‘na mayā evarūpo ākappasampanno pabbajito diṭṭhapubbo, santadhammena nāma ettha bhavitabba’’nti sañjātapasādo pañhaṃ pucchituṃ āyasmantaṃ udikkhanto piṭṭhito piṭṭhito anubandhi. Theropi laddhapiṇḍapāto paribhuñjituṃ patirūpaṃ okāsaṃ gato. Paribbājako attano paribbājakapīṭhaṃ paññāpetvā adāsi. Bhattakiccapariyosāne cassa attano kuṇḍikāya udakaṃ adāsi. Evaṃ so ācariyavattaṃ katvā katabhattakiccena therena saddhiṃ paṭisanthāraṃ katvā – ‘‘ko vā te satthā, kassa vā tvaṃ dhammaṃ rocesī’’ti pucchi. Thero sammāsambuddhaṃ apadisi. Puna tena ‘‘kiṃ vādī panāyasmato satthā’’ti puṭṭho ‘‘imassa sāsanassa gambhīrataṃ dassessāmī’’ti attano navakabhāvaṃ pavedetvā saṅkhepavasena cassa sāsanadhammaṃ kathento ‘‘ye dhammā hetuppabhavā’’ti (mahāva. 60; apa. thera 1.1.286) gāthamāha. Paribbājako paṭhamapadadvayameva sutvā sahassanayasampanne sotāpattimaggaphale patiṭṭhahi. Itaraṃ padadvayaṃ sotāpannakāle niṭṭhāsi. Gāthāpariyosāne pana sotāpanno hutvā uparivisese apavattante ‘‘bhavissati ettha kāraṇa’’nti sallakkhetvā theraṃ āha – ‘‘mā, bhante, upari dhammadesanaṃ vaḍḍhayittha, ettakameva alaṃ, kahaṃ amhākaṃ satthā vasatī’’ti? ‘‘Veḷuvane’’ti. ‘‘Bhante, tumhe purato gacchatha, ahaṃ mayhaṃ sahāyassa katapaṭiññaṃ mocetvā taṃ gahetvā āgamissāmī’’ti pañcapatiṭṭhitena vanditvā padakkhiṇaṃ katvā theraṃ uyyojetvā paribbājakārāmaṃ agamāsi.
โกลิตปริพฺพาชโก ตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มุขวโณฺณ น อญฺญทิวเสสุ วิย อทฺธาเนน อมตํ อธิคตํ ภวิสฺสตี’’ติ เตเนวสฺส วิเสสาธิคมํ สมฺภาเวตฺวา อมตาธิคมํ ปุจฺฉิฯ โสปิสฺส ‘‘อาวุโส, อมตมธิคต’’นฺติ ปฎิชานิตฺวา ตเมว คาถํ อภาสิฯ คาถาปริโยสาเน โกลิโต โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิตฺวา อาห – ‘‘กหํ โน สตฺถา’’ติ? ‘‘เวฬุวเน’’ติฯ ‘‘เตน หิ, อาวุโส, อายาม, สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามา’’ติฯ อุปติโสฺส สพฺพกาลมฺปิ อาจริยปูชโกว, ตสฺมา สญฺจยสฺส สตฺถุ คุเณ ปกาเสตฺวา ตมฺปิ สตฺถุ สนฺติกํ เนตุกาโม อโหสิฯ โส ลาภาสาปกโต อเนฺตวาสิกภาวํ อนิจฺฉโนฺต ‘‘น สโกฺกมิ จาฎิ หุตฺวา อุทกสิญฺจนํ โหตุ’’นฺติ ปฎิกฺขิปิฯ เต อเนเกหิ การเณหิ ตํ สญฺญาเปตุํ อสโกฺกนฺตา อตฺตโน โอวาเท วตฺตมาเนหิ อฑฺฒุเตยฺยสเตหิ อเนฺตวาสิเกหิ สทฺธิํ เวฬุวนํ อคมํสุฯ สตฺถา เต ทูรโตว อาคจฺฉเนฺต ทิสฺวา ‘‘เอตํ เม สาวกยุคํ ภวิสฺสติ, อคฺคํ ภทฺทยุค’’นฺติ วตฺวา เตสํ ปริสาย จริยวเสน ธมฺมํ เทเสตฺวา อรหเตฺต ปติฎฺฐาเปตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปทํ อทาสิฯ ยถา เตสํ เอวํ อคฺคสาวกานมฺปิ อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ อาคตเมวฯ อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจํ ปน น นิฎฺฐาสิฯ กสฺมา? สาวกปารมีญาณสฺส มหนฺตตายฯ
Kolitaparibbājako taṃ dūratova āgacchantaṃ disvā ‘‘mukhavaṇṇo na aññadivasesu viya addhānena amataṃ adhigataṃ bhavissatī’’ti tenevassa visesādhigamaṃ sambhāvetvā amatādhigamaṃ pucchi. Sopissa ‘‘āvuso, amatamadhigata’’nti paṭijānitvā tameva gāthaṃ abhāsi. Gāthāpariyosāne kolito sotāpattiphale patiṭṭhahitvā āha – ‘‘kahaṃ no satthā’’ti? ‘‘Veḷuvane’’ti. ‘‘Tena hi, āvuso, āyāma, satthāraṃ passissāmā’’ti. Upatisso sabbakālampi ācariyapūjakova, tasmā sañcayassa satthu guṇe pakāsetvā tampi satthu santikaṃ netukāmo ahosi. So lābhāsāpakato antevāsikabhāvaṃ anicchanto ‘‘na sakkomi cāṭi hutvā udakasiñcanaṃ hotu’’nti paṭikkhipi. Te anekehi kāraṇehi taṃ saññāpetuṃ asakkontā attano ovāde vattamānehi aḍḍhuteyyasatehi antevāsikehi saddhiṃ veḷuvanaṃ agamaṃsu. Satthā te dūratova āgacchante disvā ‘‘etaṃ me sāvakayugaṃ bhavissati, aggaṃ bhaddayuga’’nti vatvā tesaṃ parisāya cariyavasena dhammaṃ desetvā arahatte patiṭṭhāpetvā ehibhikkhubhāvena upasampadaṃ adāsi. Yathā tesaṃ evaṃ aggasāvakānampi iddhimayapattacīvaraṃ āgatameva. Uparimaggattayakiccaṃ pana na niṭṭhāsi. Kasmā? Sāvakapāramīñāṇassa mahantatāya.
เตสุ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปพฺพชิตโต สตฺตเม ทิวเส มคธรเฎฺฐ กลฺลวาลคาเม สมณธมฺมํ กโรโนฺต ถินมิเทฺธ โอกฺกมเนฺต สตฺถารา สํเวชิโต ถินมิทฺธํ วิโนเทตฺวา ธาตุกมฺมฎฺฐานํ สุณโนฺต เอว อุปริมคฺคตฺตยํ อธิคนฺตฺวา สาวกปารมีญาณสฺส มตฺถกํ ปาปุณิฯ อายสฺมา สาริปุโตฺต ปพฺพชฺชาย อทฺธมาสํ อติกฺกมิตฺวา สตฺถารา สทฺธิํ ราชคเห สูกรขตเลเณ วิหรโนฺต อตฺตโน ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุตฺตเนฺต (ม. นิ. ๒.๒๐๑ อาทโย) เทสิยมาเน เทสนานุสาเรน ญาณํ เปเสตฺวา ปรสฺส วฑฺฒิตํ ภตฺตํ ภุญฺชโนฺต วิย สาวกปารมีญาณสฺส มตฺถกํ ปาปุณิฯ อิติ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ สตฺถุ สมีเป เอว สาวกปารมีญาณํ มตฺถกํ ปตฺตํฯ
Tesu āyasmā mahāmoggallāno pabbajitato sattame divase magadharaṭṭhe kallavālagāme samaṇadhammaṃ karonto thinamiddhe okkamante satthārā saṃvejito thinamiddhaṃ vinodetvā dhātukammaṭṭhānaṃ suṇanto eva uparimaggattayaṃ adhigantvā sāvakapāramīñāṇassa matthakaṃ pāpuṇi. Āyasmā sāriputto pabbajjāya addhamāsaṃ atikkamitvā satthārā saddhiṃ rājagahe sūkarakhataleṇe viharanto attano bhāgineyyassa dīghanakhaparibbājakassa vedanāpariggahasuttante (ma. ni. 2.201 ādayo) desiyamāne desanānusārena ñāṇaṃ pesetvā parassa vaḍḍhitaṃ bhattaṃ bhuñjanto viya sāvakapāramīñāṇassa matthakaṃ pāpuṇi. Iti dvinnaṃ aggasāvakānaṃ satthu samīpe eva sāvakapāramīñāṇaṃ matthakaṃ pattaṃ.
เอวํ ปตฺตสาวกปารมีญาโณ อายสฺมา สาริปุโตฺต ‘‘เกน กเมฺมน อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ อาวเชฺชโนฺต ตํ ญตฺวา ปีติโสมนสฺสวเสน อุทานํ อุทาเนโนฺต ‘‘หิมวนฺตสฺส อวิทูเร’’ติอาทิมาหฯ เตน วุตฺตํ –
Evaṃ pattasāvakapāramīñāṇo āyasmā sāriputto ‘‘kena kammena ayaṃ sampatti laddhā’’ti āvajjento taṃ ñatvā pītisomanassavasena udānaṃ udānento ‘‘himavantassa avidūre’’tiādimāha. Tena vuttaṃ –
๑๔๑.
141.
‘‘หิมวนฺตสฺส อวิทูเร, ลมฺพโก นาม ปพฺพโต;
‘‘Himavantassa avidūre, lambako nāma pabbato;
อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา’’ติฯ
Assamo sukato mayhaṃ, paṇṇasālā sumāpitā’’ti.
ตตฺถ หิมวนฺตสฺสาติ หิโม อสฺส อตฺถีติ หิมวา, ตสฺส หิมวนฺตสฺส อวิทูเร สมีเป, หิมาลยปฎิพทฺธวเนหิ อโตฺถฯ ลมฺพโก นาม ปพฺพโตติ เอวํนามโก ปํสุมิสฺสกปพฺพโตฯ อสฺสโม สุกโต มยฺหนฺติ ตสฺมิํ ลมฺพเก ปพฺพเต มยฺหํ มมตฺถาย กโต อสฺสโม อรญฺญวาโส อาสมนฺตโต สโมติ อสฺสโมฯ นตฺถิ ปวิฎฺฐานํ สโม ปริสฺสโม เอตฺถาติ วา อสฺสโม, โส อิตฺถมฺภูโต อรญฺญวาโส สุฎฺฐุ กโต, รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐานกุฎิมณฺฑปาทิวเสน สุนฺทเรนากาเรน กโตติ อโตฺถฯ ปณฺณสาลาติ อุสีรปพฺพชาทีหิ ปเณฺณหิ ฉาทิตา นิวสนปณฺณสาลาติ อโตฺถฯ
Tattha himavantassāti himo assa atthīti himavā, tassa himavantassa avidūre samīpe, himālayapaṭibaddhavanehi attho. Lambako nāma pabbatoti evaṃnāmako paṃsumissakapabbato. Assamo sukato mayhanti tasmiṃ lambake pabbate mayhaṃ mamatthāya kato assamo araññavāso āsamantato samoti assamo. Natthi paviṭṭhānaṃ samo parissamo etthāti vā assamo, so itthambhūto araññavāso suṭṭhu kato, rattiṭṭhānadivāṭṭhānakuṭimaṇḍapādivasena sundarenākārena katoti attho. Paṇṇasālāti usīrapabbajādīhi paṇṇehi chāditā nivasanapaṇṇasālāti attho.
๑๔๒.
142.
‘‘อุตฺตานกูลา นทิกา, สุปติตฺถา มโนรมา;
‘‘Uttānakūlā nadikā, supatitthā manoramā;
สุสุทฺธปุลินากิณฺณา, อวิทูเร มมสฺสมํ’’ฯ
Susuddhapulinākiṇṇā, avidūre mamassamaṃ’’.
ตตฺถ อุตฺตานกูลาติ อคมฺภีรา นทีฯ สุปติตฺถาติ สุนฺทรปติตฺถาฯ มโนรมา มนลฺลีนา มนาปาฯ สุสุทฺธปุลินากิณฺณาติ สุฎฺฐุ ธวลมุตฺตาทลสทิสวาลุกากิณฺณา คหนีภูตาติ อโตฺถฯ สา อิตฺถมฺภูตา นทิกา กุนฺนที มมสฺสมํ มยฺหํ อสฺสมสฺส อวิทูเร สมีเป อโหสีติ อโตฺถฯ ‘‘อสฺสม’’นฺติ จ สตฺตมฺยเตฺถ อุปโยควจนนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Tattha uttānakūlāti agambhīrā nadī. Supatitthāti sundarapatitthā. Manoramā manallīnā manāpā. Susuddhapulinākiṇṇāti suṭṭhu dhavalamuttādalasadisavālukākiṇṇā gahanībhūtāti attho. Sā itthambhūtā nadikā kunnadī mamassamaṃ mayhaṃ assamassa avidūre samīpe ahosīti attho. ‘‘Assama’’nti ca sattamyatthe upayogavacananti veditabbaṃ.
๑๔๓.
143.
‘‘อสกฺขรา อปพฺภารา, สาทุ อปฺปฎิคนฺธิกา;
‘‘Asakkharā apabbhārā, sādu appaṭigandhikā;
สนฺทตี นทิกา ตตฺถ, โสภยนฺตา มมสฺสมํ’’ฯ
Sandatī nadikā tattha, sobhayantā mamassamaṃ’’.
ตตฺถ อสกฺขราติ ‘‘ปุลินากิณฺณา’’ติ วุตฺตตฺตา อสกฺขรา สกฺขรวิรหิตาฯ อปพฺภาราติ ปพฺภารวิรหิตา, อคมฺภีรกูลาติ อโตฺถฯ สาทุ อปฺปฎิคนฺธิกาติ สาทุรโสทกา ทุคฺคนฺธรหิตา มยฺหํ อสฺสมปทํ โสภยนฺตี นทิกา ขุทฺทกนที สนฺทติ ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ
Tattha asakkharāti ‘‘pulinākiṇṇā’’ti vuttattā asakkharā sakkharavirahitā. Apabbhārāti pabbhāravirahitā, agambhīrakūlāti attho. Sādu appaṭigandhikāti sādurasodakā duggandharahitā mayhaṃ assamapadaṃ sobhayantī nadikā khuddakanadī sandati pavattatīti attho.
๑๔๔.
144.
‘‘กุมฺภีลา มกรา เจตฺถ, สุสุมารา จ กจฺฉปา;
‘‘Kumbhīlā makarā cettha, susumārā ca kacchapā;
สนฺทติ นทิกา ตตฺถ, โสภยนฺตา มมสฺสมํ’’ฯ
Sandati nadikā tattha, sobhayantā mamassamaṃ’’.
ตตฺถ กุมฺภีลมจฺฉา มกรมจฺฉา จ สุสุมารา จณฺฑมจฺฉา จ กจฺฉปมจฺฉา จ เอตฺถ เอติสฺสํ นทิยํ กีฬนฺตา อเหสุนฺติ สมฺพโนฺธฯ มมสฺสมํ โสภยนฺตา นทิกา ขุทฺทกนที สนฺทติ ปวตฺตตีติ สมฺพโนฺธฯ
Tattha kumbhīlamacchā makaramacchā ca susumārā caṇḍamacchā ca kacchapamacchā ca ettha etissaṃ nadiyaṃ kīḷantā ahesunti sambandho. Mamassamaṃ sobhayantā nadikā khuddakanadī sandati pavattatīti sambandho.
๑๔๕.
145.
‘‘ปาฐีนา ปาวุสา มจฺฉา, พลชา มุญฺชโรหิตา;
‘‘Pāṭhīnā pāvusā macchā, balajā muñjarohitā;
วคฺคฬา ปปตายนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํ’’ฯ
Vaggaḷā papatāyantā, sobhayanti mamassamaṃ’’.
ปาฐีนมจฺฉา จ ปาวุสา มจฺฉา จ พลชมจฺฉา จ มุญฺชมจฺฉา โรหิตมจฺฉา จ วคฺคฬมจฺฉา จ เอเต สเพฺพ มจฺฉชาติกา อิโต จิโต จ ปปตายนฺตา นทิยา สทฺธิํ ปวตฺตนฺตา มม อสฺสมปทํ โสภยนฺตีติ อโตฺถฯ
Pāṭhīnamacchā ca pāvusā macchā ca balajamacchā ca muñjamacchā rohitamacchā ca vaggaḷamacchā ca ete sabbe macchajātikā ito cito ca papatāyantā nadiyā saddhiṃ pavattantā mama assamapadaṃ sobhayantīti attho.
๑๔๖.
146.
‘‘อุโภ กูเลสุ นทิยา, ปุปฺผิโน ผลิโน ทุมา;
‘‘Ubho kūlesu nadiyā, pupphino phalino dumā;
อุภโต อภิลมฺพนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํ’’ฯ
Ubhato abhilambantā, sobhayanti mamassamaṃ’’.
ตตฺถ อุโภ กูเลสูติ ตสฺสา นทิยา อุโภสุ ปเสฺสสุ ธุวปุปฺผิโน ธุวผลิโน รุกฺขา อุภโต อภิลมฺพนฺตา นทิยา อุโภ ตีเร เหฎฺฐา โอนมนฺตา มม อสฺสมํ โสภยนฺตีติ อโตฺถฯ
Tattha ubho kūlesūti tassā nadiyā ubhosu passesu dhuvapupphino dhuvaphalino rukkhā ubhato abhilambantā nadiyā ubho tīre heṭṭhā onamantā mama assamaṃ sobhayantīti attho.
๑๔๗.
147.
‘‘อมฺพา สาลา จ ติลกา, ปาฎลี สินฺทุวารกา;
‘‘Ambā sālā ca tilakā, pāṭalī sinduvārakā;
ทิพฺพคนฺธา สมฺปวนฺติ, ปุปฺผิตา มม อสฺสเม’’ฯ
Dibbagandhā sampavanti, pupphitā mama assame’’.
ตตฺถ อมฺพาติ มธุปิณฺฑิอมฺพา จ สาลรุกฺขา จ ติลกรุกฺขา จ ปาฎลิรุกฺขา จ สินฺทุวารกรุกฺขา จ เอเต รุกฺขา นิจฺจกาลํ ปุปฺผิตา ปุปฺผนฺตาฯ ทิพฺพา คนฺธา อิว มม อสฺสเม สุคนฺธา สมฺปวนฺติ สมนฺตโต ปวายนฺตีติ อโตฺถฯ
Tattha ambāti madhupiṇḍiambā ca sālarukkhā ca tilakarukkhā ca pāṭalirukkhā ca sinduvārakarukkhā ca ete rukkhā niccakālaṃ pupphitā pupphantā. Dibbā gandhā iva mama assame sugandhā sampavanti samantato pavāyantīti attho.
๑๔๘.
148.
‘‘จมฺปกา สฬลา นีปา, นาคปุนฺนาคเกตกา;
‘‘Campakā saḷalā nīpā, nāgapunnāgaketakā;
ทิพฺพคนฺธา สมฺปวนฺติ, ปุปฺผิตา มม อสฺสเม’’ฯ
Dibbagandhā sampavanti, pupphitā mama assame’’.
ตตฺถ จมฺปกรุกฺขา จ สฬลรุกฺขา จ สุวณฺณวฎฺฎลสทิสปุปฺผา นีปรุกฺขา จ นาครุกฺขา จ ปุนฺนาครุกฺขา จ สุคนฺธยนฺตา เกตกรุกฺขา จ เอเต สเพฺพ รุกฺขา ทิพฺพา คนฺธาริว มม อสฺสเม ปุปฺผิตา ผุลฺลิตา สมฺปวนฺติ สุคนฺธํ สุฎฺฐุ ปวายนฺตีติ อโตฺถฯ
Tattha campakarukkhā ca saḷalarukkhā ca suvaṇṇavaṭṭalasadisapupphā nīparukkhā ca nāgarukkhā ca punnāgarukkhā ca sugandhayantā ketakarukkhā ca ete sabbe rukkhā dibbā gandhāriva mama assame pupphitā phullitā sampavanti sugandhaṃ suṭṭhu pavāyantīti attho.
๑๔๙.
149.
อโสกา จ‘‘อธิมุตฺตา อโสกา จ, ภคินีมาลา จ ปุปฺผิตา;
Asokā ca‘‘adhimuttā asokā ca, bhaginīmālā ca pupphitā;
อโงฺกลา พิมฺพิชาลา จ, ปุปฺผิตา มม อสฺสเม’’ฯ
Aṅkolā bimbijālā ca, pupphitā mama assame’’.
ตตฺถ ปุปฺผิตา อธิมุตฺตกรุกฺขา จ ปุปฺผิตา อโสกรุกฺขา จ ปุปฺผิตา ภคินีมาลา จ ปุปฺผิตา อโงฺกลา จ ปุปฺผิตา พิมฺพิชาลา จ เอเต รุกฺขา มม อสฺสเม ผุลฺลิตา โสภยนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
Tattha pupphitā adhimuttakarukkhā ca pupphitā asokarukkhā ca pupphitā bhaginīmālā ca pupphitā aṅkolā ca pupphitā bimbijālā ca ete rukkhā mama assame phullitā sobhayantīti sambandho.
๑๕๐.
150.
‘‘เกตกา กนฺทลิ เจว, โคธุกา ติณสูลิกา;
‘‘Ketakā kandali ceva, godhukā tiṇasūlikā;
ทิพฺพคนฺธํ สมฺปวนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํ’’ฯ
Dibbagandhaṃ sampavantā, sobhayanti mamassamaṃ’’.
ตตฺถ เกตกาติ สุคนฺธเกตกคจฺฉา จฯ กนฺทลิรุกฺขา จ โคธุกรุกฺขา จ ติณสูลิกคจฺฉา จ เอเต สเพฺพ รุกฺขชาติกา ทิพฺพคนฺธํ ปวายมานา มม อสฺสมํ สกลํ โสภยนฺตีติ อโตฺถฯ
Tattha ketakāti sugandhaketakagacchā ca. Kandalirukkhā ca godhukarukkhā ca tiṇasūlikagacchā ca ete sabbe rukkhajātikā dibbagandhaṃ pavāyamānā mama assamaṃ sakalaṃ sobhayantīti attho.
๑๕๑.
151.
‘‘กณิการา กณฺณิกา จ, อสนา อชฺชุนา พหู;
‘‘Kaṇikārā kaṇṇikā ca, asanā ajjunā bahū;
ทิพฺพคนฺธํ สมฺปวนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํ’’ฯ
Dibbagandhaṃ sampavantā, sobhayanti mamassamaṃ’’.
เอเต กณิการาทโย รุกฺขา มม อสฺสมํ สกลํ โสภยนฺตา ทิพฺพคนฺธํ สมฺปวายนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
Ete kaṇikārādayo rukkhā mama assamaṃ sakalaṃ sobhayantā dibbagandhaṃ sampavāyantīti sambandho.
๑๕๒.
152.
‘‘ปุนฺนาคา คิริปุนฺนาคา, โกวิฬารา จ ปุปฺผิตา;
‘‘Punnāgā giripunnāgā, koviḷārā ca pupphitā;
ทิพฺพคนฺธํ สมฺปวนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํ’’ฯ
Dibbagandhaṃ sampavantā, sobhayanti mamassamaṃ’’.
ปุนฺนาคาทโย รุกฺขา ทิพฺพคนฺธํ ปวายมานา มม อสฺสมํ โสภยนฺตีติ อโตฺถฯ
Punnāgādayo rukkhā dibbagandhaṃ pavāyamānā mama assamaṃ sobhayantīti attho.
๑๕๓.
153.
‘‘อุทฺทาลกา จ กุฎชา, กทมฺพา วกุลา พหู;
‘‘Uddālakā ca kuṭajā, kadambā vakulā bahū;
ทิพฺพคนฺธํ สมฺปวนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํ’’ฯ
Dibbagandhaṃ sampavantā, sobhayanti mamassamaṃ’’.
อุทฺทาลกาทโย รุกฺขา ทิพฺพคนฺธํ วายมานา มม อสฺสมํ โสภยนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
Uddālakādayo rukkhā dibbagandhaṃ vāyamānā mama assamaṃ sobhayantīti sambandho.
๑๕๔.
154.
‘‘อาฬกา อิสิมุคฺคา จ, กทลิมาตุลุงฺคิโย;
‘‘Āḷakā isimuggā ca, kadalimātuluṅgiyo;
คโนฺธทเกน สํวฑฺฒา, ผลานิ ธารยนฺติ เต’’ฯ
Gandhodakena saṃvaḍḍhā, phalāni dhārayanti te’’.
ตตฺถ เอเต อาฬกาทโย คจฺฉา จนฺทนาทิสุคนฺธคโนฺธทเกน วฑฺฒิตฺวา สุวณฺณผลานิ ธาเรนฺตา มม อสฺสมํ โสภยนฺตีติ อโตฺถฯ
Tattha ete āḷakādayo gacchā candanādisugandhagandhodakena vaḍḍhitvā suvaṇṇaphalāni dhārentā mama assamaṃ sobhayantīti attho.
๑๕๕.
155.
‘‘อเญฺญ ปุปฺผนฺติ ปทุมา, อเญฺญ ชายนฺติ เกสรี;
‘‘Aññe pupphanti padumā, aññe jāyanti kesarī;
อเญฺญ โอปุปฺผา ปทุมา, ปุปฺผิตา ตฬาเก ตทา’’ฯ
Aññe opupphā padumā, pupphitā taḷāke tadā’’.
ตตฺถ อเญฺญ ปุปฺผนฺติ ปทุมาติ มม อสฺสมสฺส อวิทูเร ตฬาเก อเญฺญ เอกเจฺจ ปทุมา ปุปฺผนฺติ, เอกเจฺจ เกสรี ปทุมา ชายนฺติ นิพฺพตฺตนฺติ, เอกเจฺจ ปทุมา โอปุปฺผา วิคลิตปตฺตเกสราติ อโตฺถฯ
Tattha aññe pupphanti padumāti mama assamassa avidūre taḷāke aññe ekacce padumā pupphanti, ekacce kesarī padumā jāyanti nibbattanti, ekacce padumā opupphā vigalitapattakesarāti attho.
๑๕๖.
156.
‘‘คพฺภํ คณฺหนฺติ ปทุมา, นิทฺธาวนฺติ มุฬาลิโย;
‘‘Gabbhaṃ gaṇhanti padumā, niddhāvanti muḷāliyo;
สิงฺฆาฎิปตฺตมากิณฺณา, โสภนฺติ ตฬาเก ตทา’’ฯ
Siṅghāṭipattamākiṇṇā, sobhanti taḷāke tadā’’.
ตตฺถ คพฺภํ คณฺหนฺติ ปทุมาติ ตทา ตาปเสน หุตฺวา มม วสนสมเย เอกเจฺจ ปทุมา ตฬากพฺภนฺตเร มกุฬปุปฺผาทโย คณฺหนฺติฯ มุฬาลิโย ปทุมมูลา นิทฺธาวนฺติ อิโต กทฺทมพฺภนฺตรโต หตฺถิทาฐา วิย คจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ ปตฺตปุปฺผมากิณฺณา คหนีภูตา สิงฺฆาฎิโย โสภยนฺตีติ อโตฺถฯ
Tattha gabbhaṃ gaṇhanti padumāti tadā tāpasena hutvā mama vasanasamaye ekacce padumā taḷākabbhantare makuḷapupphādayo gaṇhanti. Muḷāliyo padumamūlā niddhāvanti ito kaddamabbhantarato hatthidāṭhā viya gacchantīti attho. Pattapupphamākiṇṇā gahanībhūtā siṅghāṭiyo sobhayantīti attho.
๑๕๗.
157.
‘‘นยิตา อมฺพคนฺธี จ, อุตฺตลี พนฺธุชีวกา;
‘‘Nayitā ambagandhī ca, uttalī bandhujīvakā;
ทิพฺพคนฺธา สมฺปวนฺติ, ปุปฺผิตา ตฬาเก ตทา’’ฯ
Dibbagandhā sampavanti, pupphitā taḷāke tadā’’.
ตทา มม วสนสมเย ตฬากสฺส สมีเป นยิตา จ คจฺฉา อมฺพคนฺธี จ คจฺฉา อุตฺตลี นาม คจฺฉา จ พนฺธุชีวกา จ เอเต สเพฺพ คจฺฉา ปุปฺผิตา ปุปฺผธาริตา สุคนฺธวาหกา ตฬากํ โสภยนฺตีติ อโตฺถฯ
Tadā mama vasanasamaye taḷākassa samīpe nayitā ca gacchā ambagandhī ca gacchā uttalī nāma gacchā ca bandhujīvakā ca ete sabbe gacchā pupphitā pupphadhāritā sugandhavāhakā taḷākaṃ sobhayantīti attho.
๑๕๘.
158.
‘‘ปาฐีนา ปาวุสา มจฺฉา, พลชา มุญฺชโรหิตา;
‘‘Pāṭhīnā pāvusā macchā, balajā muñjarohitā;
สํคุลา มคฺคุรา เจว, วสนฺติ ตฬาเก ตทา’’ฯ
Saṃgulā maggurā ceva, vasanti taḷāke tadā’’.
ตทา มม วสนสมเย นิพฺภีตา ปาฐีนาทโย มจฺฉา ตฬาเก วสนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
Tadā mama vasanasamaye nibbhītā pāṭhīnādayo macchā taḷāke vasantīti sambandho.
๑๕๙.
159.
‘‘กุมฺภีลา สุสุมารา จ, ตนฺติคาหา จ รกฺขสา;
‘‘Kumbhīlā susumārā ca, tantigāhā ca rakkhasā;
โอคุหา อชครา จ, วสนฺติ ตฬาเก ตทา’’ฯ
Oguhā ajagarā ca, vasanti taḷāke tadā’’.
ตทา มม วสนสมเย มม อสฺสมสมีเป ตฬาเก เอเต กุมฺภีลาทโย มจฺฉา นิพฺภีตา นิรูปทฺทวา วสนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
Tadā mama vasanasamaye mama assamasamīpe taḷāke ete kumbhīlādayo macchā nibbhītā nirūpaddavā vasantīti sambandho.
๑๖๐.
160.
‘‘ปาเรวตา รวิหํสา, จกฺกวากา นทีจรา;
‘‘Pārevatā ravihaṃsā, cakkavākā nadīcarā;
โกกิลา สุกสาฬิกา, อุปชีวนฺติ ตํ สรํ’’ฯ
Kokilā sukasāḷikā, upajīvanti taṃ saraṃ’’.
ตตฺถ มม อสฺสมสมีเป สรํ นิสฺสาย ปาเรวตาปกฺขี จ รวิหํสาปกฺขี จ นทีจรา จกฺกวากปกฺขี จ โกกิลาปกฺขี จ สุกปกฺขี จ สาฬิกาปกฺขี จ ตํ สรํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
Tattha mama assamasamīpe saraṃ nissāya pārevatāpakkhī ca ravihaṃsāpakkhī ca nadīcarā cakkavākapakkhī ca kokilāpakkhī ca sukapakkhī ca sāḷikāpakkhī ca taṃ saraṃ upanissāya jīvantīti sambandho.
๑๖๑.
161.
‘‘กุกุตฺถกา กุฬีรกา, วเน โปกฺขรสาตกา;
‘‘Kukutthakā kuḷīrakā, vane pokkharasātakā;
ทินฺทิภา สุวโปตา จ, อุปชีวนฺติ ตํ สรํ’’ฯ
Dindibhā suvapotā ca, upajīvanti taṃ saraṃ’’.
ตตฺถ กุกุตฺถกาติ เอวํนามิกา ปกฺขี จฯ กุฬีรกาติ เอวํนามิกา ปกฺขี จฯ วเน โปกฺขรสาตกา ปกฺขี จ ทินฺทิภา ปกฺขี จ สุวโปตา ปกฺขี จ เอเต สเพฺพ ปกฺขิโน ตํ มม อสฺสมสมีเป สรํ นิสฺสาย ชีวนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
Tattha kukutthakāti evaṃnāmikā pakkhī ca. Kuḷīrakāti evaṃnāmikā pakkhī ca. Vane pokkharasātakā pakkhī ca dindibhā pakkhī ca suvapotā pakkhī ca ete sabbe pakkhino taṃ mama assamasamīpe saraṃ nissāya jīvantīti sambandho.
๑๖๒.
162.
‘‘หํสา โกญฺจา มยูรา จ, โกกิลา ตมฺพจูฬกา;
‘‘Haṃsā koñcā mayūrā ca, kokilā tambacūḷakā;
ปมฺมกา ชีวํชีวา จ, อุปชีวนฺติ ตํ สรํ’’ฯ
Pammakā jīvaṃjīvā ca, upajīvanti taṃ saraṃ’’.
สเพฺพ เอเต หํสาทโย ปกฺขิโน ตํ สรํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺติ ชีวิกํ ปาเลนฺตีติ อโตฺถฯ
Sabbe ete haṃsādayo pakkhino taṃ saraṃ upanissāya jīvanti jīvikaṃ pālentīti attho.
๑๖๓.
163.
‘‘โกสิกา โปฎฺฐสีสา จ, กุรรา เสนกา พหู;
‘‘Kosikā poṭṭhasīsā ca, kurarā senakā bahū;
มหากาฬา จ สกุณา, อุปชีวนฺติ ตํ สรํ’’ฯ
Mahākāḷā ca sakuṇā, upajīvanti taṃ saraṃ’’.
ตตฺถ โกสิกา จ ปกฺขี โปฎฺฐสีสา จ ปกฺขี กุรรา จ ปกฺขี เสนกา จ ปกฺขี มหากาฬา จ ปกฺขี ถเล พหู ปกฺขิโน ตํ สรํ ตสฺส สรสฺส สมีเป ชีวนฺติ ชีวิกํ กเปฺปนฺตีติ อโตฺถฯ
Tattha kosikā ca pakkhī poṭṭhasīsā ca pakkhī kurarā ca pakkhī senakā ca pakkhī mahākāḷā ca pakkhī thale bahū pakkhino taṃ saraṃ tassa sarassa samīpe jīvanti jīvikaṃ kappentīti attho.
๑๖๔.
164.
‘‘ปสทา จ วราหา จ, จมรา คณฺฑกา พหู;
‘‘Pasadā ca varāhā ca, camarā gaṇḍakā bahū;
โรหิจฺจา สุกโปตา จ, อุปชีวนฺติ ตํ สรํ’’ฯ
Rohiccā sukapotā ca, upajīvanti taṃ saraṃ’’.
ตตฺถ ปสทาทโย เอเต มิคา ตํ สรํ ตสฺมิํ สรสมีเป, ภุมฺมเตฺถ อุปโยควจนํ, ชีวิตํ ปริปาเลนฺตา วิหรนฺตีติ อโตฺถฯ
Tattha pasadādayo ete migā taṃ saraṃ tasmiṃ sarasamīpe, bhummatthe upayogavacanaṃ, jīvitaṃ paripālentā viharantīti attho.
๑๖๕.
165.
‘‘สีหพฺยคฺฆา จ ทีปี จ, อจฺฉโกกตรจฺฉกา;
‘‘Sīhabyagghā ca dīpī ca, acchakokataracchakā;
ติธา ปภินฺนมาตงฺคา, อุปชีวนฺติ ตํ สรํ’’ฯ
Tidhā pabhinnamātaṅgā, upajīvanti taṃ saraṃ’’.
เอเต สีหาทโย จตุปฺปทา สรสมีเป อุปทฺทวรหิตา ชีวนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
Ete sīhādayo catuppadā sarasamīpe upaddavarahitā jīvantīti sambandho.
๑๖๖.
166.
‘‘กินฺนรา วานรา เจว, อโถปิ วนกมฺมิกา;
‘‘Kinnarā vānarā ceva, athopi vanakammikā;
เจตา จ ลุทฺทกา เจว, อุปชีวนฺติ ตํ สรํ’’ฯ
Cetā ca luddakā ceva, upajīvanti taṃ saraṃ’’.
เอตฺถ เอเต เอวํนามิกา กินฺนราทโย สตฺตา ตสฺมิํ สรสมีเป วสนฺตีติ อโตฺถฯ
Ettha ete evaṃnāmikā kinnarādayo sattā tasmiṃ sarasamīpe vasantīti attho.
๑๖๗.
167.
‘‘ตินฺทุกานิ ปิยาลานิ, มธุเกกา สุมาริโย;
‘‘Tindukāni piyālāni, madhukekā sumāriyo;
ธุวํ ผลานิ ธาเรนฺติ, อวิทูเร มมสฺสมํ’’ฯ
Dhuvaṃ phalāni dhārenti, avidūre mamassamaṃ’’.
ตตฺถ เอเต ตินฺทุกาทโย รุกฺขา ธุวํ เหมนฺตคิมฺหวสฺสานสงฺขาเต กาลตฺตเย มม อสฺสมโต อวิทูเร ฐาเน มธุรผลานิ ธาเรนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
Tattha ete tindukādayo rukkhā dhuvaṃ hemantagimhavassānasaṅkhāte kālattaye mama assamato avidūre ṭhāne madhuraphalāni dhārentīti sambandho.
๑๖๘.
168.
‘‘โกสมฺพา สฬลา นิมฺพา, สาทุผลสมายุตา;
‘‘Kosambā saḷalā nimbā, sāduphalasamāyutā;
ธุวํ ผลานิ ธาเรนฺติ, อวิทูเร มมสฺสมํ’’ฯ
Dhuvaṃ phalāni dhārenti, avidūre mamassamaṃ’’.
ตตฺถ เอเต โกสมฺพาทโย รุกฺขา สารผลา มธุรผลา อุตฺตมผลา สมายุตา สํ สุฎฺฐุ อายุตา สมงฺคีภูตา นิจฺจํ ผลธาริโน มม อสฺสมสมีเป โสภนฺตีติ อโตฺถฯ
Tattha ete kosambādayo rukkhā sāraphalā madhuraphalā uttamaphalā samāyutā saṃ suṭṭhu āyutā samaṅgībhūtā niccaṃ phaladhārino mama assamasamīpe sobhantīti attho.
๑๖๙.
169.
‘‘หรีตกา อามลกา, อมฺพชมฺพุวิภีตกา;
‘‘Harītakā āmalakā, ambajambuvibhītakā;
โกลา ภลฺลาตกา พิลฺลา, ผลานิ ธารยนฺติ เต’’ฯ
Kolā bhallātakā billā, phalāni dhārayanti te’’.
เต หรีตกาทโย รุกฺขา มม อสฺสมสมีเป ชาตา นิจฺจํ ผลานิ ธารยนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
Te harītakādayo rukkhā mama assamasamīpe jātā niccaṃ phalāni dhārayantīti sambandho.
๑๗๐.
170.
‘‘อาลุวา จ กฬมฺพา จ, พิฬาลีตกฺกฬานิ จ;
‘‘Āluvā ca kaḷambā ca, biḷālītakkaḷāni ca;
ชีวกา สุตกา เจว, พหูกา มม อสฺสเม’’ฯ
Jīvakā sutakā ceva, bahūkā mama assame’’.
เอเต อาลุวาทโย มูลผลา ขุทฺทา มธุรสา มม อสฺสมสมีเป พหู สนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
Ete āluvādayo mūlaphalā khuddā madhurasā mama assamasamīpe bahū santīti sambandho.
๑๗๑.
171.
‘‘อสฺสมสฺสาวิทูรมฺหิ, ตฬากาสุํ สุนิมฺมิตา;
‘‘Assamassāvidūramhi, taḷākāsuṃ sunimmitā;
อโจฺฉทกา สีตชลา, สุปติตฺถา มโนรมา’’ฯ
Acchodakā sītajalā, supatitthā manoramā’’.
ตตฺถ อสฺสมสฺสาวิทูรมฺหิ อสฺสมสฺส สมีเป สุนิมฺมิตา สุฎฺฐุ อาโรหนโอโรหนกฺขมํ กตฺวา นิมฺมิตา อโจฺฉทกา วิปฺปสโนฺนทกา สีตชลา สีโตทกา สุปติตฺถา สุนฺทรติตฺถา มโนรมา โสมนสฺสกรา ตฬากา อาสุํ อเหสุนฺติ อโตฺถฯ
Tattha assamassāvidūramhi assamassa samīpe sunimmitā suṭṭhu ārohanaorohanakkhamaṃ katvā nimmitā acchodakā vippasannodakā sītajalā sītodakā supatitthā sundaratitthā manoramā somanassakarā taḷākā āsuṃ ahesunti attho.
๑๗๒.
172.
‘‘ปทุมุปฺปลสญฺฉนฺนา, ปุณฺฑรีกสมายุตา;
‘‘Padumuppalasañchannā, puṇḍarīkasamāyutā;
มนฺทาลเกหิ สญฺฉนฺนา, ทิพฺพคโนฺธปวายติ’’ฯ
Mandālakehi sañchannā, dibbagandhopavāyati’’.
ตตฺถ ปทุเมหิ จ อุปฺปเลหิ จ สญฺฉนฺนา ปริปุณฺณา ปุณฺฑรีเกหิ สมายุตา สมงฺคีภูตา มนฺทาลเกหิ จ สญฺฉนฺนา คหนีภูตา ตฬากา ทิพฺพคนฺธานิ อุปวายนฺติ สมนฺตโต วายนฺตีติ อโตฺถฯ
Tattha padumehi ca uppalehi ca sañchannā paripuṇṇā puṇḍarīkehi samāyutā samaṅgībhūtā mandālakehi ca sañchannā gahanībhūtā taḷākā dibbagandhāni upavāyanti samantato vāyantīti attho.
๑๗๓.
173.
‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปเนฺน, ปุปฺผิเต ผลิเต วเน;
‘‘Evaṃ sabbaṅgasampanne, pupphite phalite vane;
สุกเต อสฺสเม รเมฺม, วิหรามิ อหํ ตทา’’ฯ
Sukate assame ramme, viharāmi ahaṃ tadā’’.
ตตฺถ เอวํ สพฺพงฺคสมฺปเนฺนติ อเพฺพหิ นทิกาทิอวยเวหิ สมฺปเนฺน ปริปุเณฺณ ปุปฺผผลรุเกฺขหิ คหนีภูเต วเน สุกเต รมณีเย อสฺสเม อรญฺญาวาเส ตทา ตาปสภูตกาเล อหํ วิหรามีติ อโตฺถฯ
Tattha evaṃ sabbaṅgasampanneti abbehi nadikādiavayavehi sampanne paripuṇṇe pupphaphalarukkhehi gahanībhūte vane sukate ramaṇīye assame araññāvāse tadā tāpasabhūtakāle ahaṃ viharāmīti attho.
เอตฺตาวตา อสฺสมสมฺปตฺติํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อตฺตโน สีลาทิคุณสมฺปตฺติํ ทเสฺสโนฺต –
Ettāvatā assamasampattiṃ dassetvā idāni attano sīlādiguṇasampattiṃ dassento –
๑๗๔.
174.
‘‘สีลวา วตสมฺปโนฺน, ฌายี ฌานรโต สทา;
‘‘Sīlavā vatasampanno, jhāyī jhānarato sadā;
ปญฺจาภิญฺญาพลปฺปโตฺต, สุรุจิ นาม ตาปโส’’ติฯ – อาห;
Pañcābhiññābalappatto, suruci nāma tāpaso’’ti. – āha;
ตตฺถ สีลวาติ ฌานสมฺปยุตฺตจตุปาริสุทฺธิสีลสทิเสหิ ปญฺจหิ สีเลหิ สมฺปุโณฺณติ อโตฺถฯ วตสมฺปโนฺนติ ‘‘อิโต ปฎฺฐาย ฆราวาสํ ปญฺจ กามคุเณ วา น เสวิสฺสามี’’ติ วตสมาทาเนน สมฺปโนฺนฯ ฌายีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานอารมฺมณูปนิชฺฌาเนหิ ฌายี ฌายนสีโลฯ ฌานรโตติ เอเตสุ ฌาเนสุ รโต อลฺลีโน สทา สมฺปุโณฺณฯ ปญฺจาภิญฺญาพลปฺปโตฺตติ อิทฺธิวิธทิพฺพโสตปรจิตฺตวิชานนปุเพฺพนิวาสานุสฺสติทิพฺพจกฺขุสงฺขาตาหิ ปญฺจหิ อภิญฺญาหิ วิเสสปญฺญาหิ พลสมฺปโนฺน, ปริปุโณฺณติ อโตฺถฯ นาเมน สุรุจิ นาม ตาปโส หุตฺวา วิหรามีติ สมฺพโนฺธฯ
Tattha sīlavāti jhānasampayuttacatupārisuddhisīlasadisehi pañcahi sīlehi sampuṇṇoti attho. Vatasampannoti ‘‘ito paṭṭhāya gharāvāsaṃ pañca kāmaguṇe vā na sevissāmī’’ti vatasamādānena sampanno. Jhāyīti lakkhaṇūpanijjhānaārammaṇūpanijjhānehi jhāyī jhāyanasīlo. Jhānaratoti etesu jhānesu rato allīno sadā sampuṇṇo. Pañcābhiññābalappattoti iddhividhadibbasotaparacittavijānanapubbenivāsānussatidibbacakkhusaṅkhātāhi pañcahi abhiññāhi visesapaññāhi balasampanno, paripuṇṇoti attho. Nāmena suruci nāma tāpaso hutvā viharāmīti sambandho.
เอตฺตเกน อตฺตโน คุณสมฺปตฺติํ ทเสฺสตฺวา ปริสสมฺปตฺติํ ทเสฺสโนฺต –
Ettakena attano guṇasampattiṃ dassetvā parisasampattiṃ dassento –
๑๗๕.
175.
‘‘จตุวีสสหสฺสานิ, สิสฺสา มยฺหํ อุปฎฺฐหุํ;
‘‘Catuvīsasahassāni, sissā mayhaṃ upaṭṭhahuṃ;
สเพฺพ มํ พฺราหฺมณา เอเต, ชาติมโนฺต ยสสฺสิโน’’ติฯ – อาทิมาห;
Sabbe maṃ brāhmaṇā ete, jātimanto yasassino’’ti. – ādimāha;
ตตฺถ เอเต สเพฺพ จตุวีสติสหสฺสพฺราหฺมณา มยฺหํ สิสฺสา ชาติมโนฺต ชาติสมฺปนฺนา ยสสฺสิโน ปริวารสมฺปนฺนา มํ อุปฎฺฐหุนฺติ สมฺพโนฺธฯ
Tattha ete sabbe catuvīsatisahassabrāhmaṇā mayhaṃ sissā jātimanto jātisampannā yasassino parivārasampannā maṃ upaṭṭhahunti sambandho.
๑๗๖.
176.
‘‘ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สนิฆณฺฑุสเกฎุเภ;
‘‘Lakkhaṇe itihāse ca, sanighaṇḍusakeṭubhe;
ปทกา เวยฺยากรณา, สธเมฺม ปารมิํ คตา’’ฯ
Padakā veyyākaraṇā, sadhamme pāramiṃ gatā’’.
ตตฺถ ลกฺขเณติ ลกฺขณสเตฺถฯ สพฺพโลกิยานํ อิตฺถิปุริสานํ ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคตา ทุกฺขิตา ภวนฺติ, อิเมหิ สุขิตา ภวนฺตี’’ติ ลกฺขณํ ชานาติฯ ตปฺปกาสโก คโนฺถ ลกฺขณํ, ตสฺมิํ ลกฺขเณ จฯ อิติหาเสติ ‘‘อิติห อาส อิติห อาสา’’ติ วุตฺตวจนปฎิทีปเก คเนฺถฯ ลกฺขเณ จ อิติหาเส จ ปารมิํ ปริโยสานํ คตาติ สมฺพโนฺธฯ รุกฺขปพฺพตาทีนํ นามปฺปกาสกคนฺถํ ‘‘นิฆณฺฑู’’ติ วุจฺจติฯ เกฎูเภติ กิริยากปฺปวิกปฺปานํ กวีนํ อุปการโก คโนฺถฯ นิฆณฺฑุยา สห วตฺตตีติ สนิฆณฺฑุ, เกฎุเภน สห วตฺตตีติ สเกฎุภํ, ตสฺมิํ สนิฆณฺฑุสเกฎุเภ เวทตฺตเย ปารมิํ คตาติ สมฺพโนฺธฯ ปทกาติ นามปทสมาสตทฺธิตาขฺยาตกิตกาทิปเทสุ เฉกา ฯ เวยฺยากรณานิ จนฺทปาณินียกลาปาทิพฺยากรเณ เฉกาฯ สธเมฺม ปารมิํ คตาติ อตฺตโน ธเมฺม พฺราหฺมณธเมฺม เวทตฺตเย ปารมิํ ปริโยสานํ คตา ปตฺตาติ อโตฺถฯ
Tattha lakkhaṇeti lakkhaṇasatthe. Sabbalokiyānaṃ itthipurisānaṃ ‘‘imehi lakkhaṇehi samannāgatā dukkhitā bhavanti, imehi sukhitā bhavantī’’ti lakkhaṇaṃ jānāti. Tappakāsako gantho lakkhaṇaṃ, tasmiṃ lakkhaṇe ca. Itihāseti ‘‘itiha āsa itiha āsā’’ti vuttavacanapaṭidīpake ganthe. Lakkhaṇe ca itihāse ca pāramiṃ pariyosānaṃ gatāti sambandho. Rukkhapabbatādīnaṃ nāmappakāsakaganthaṃ ‘‘nighaṇḍū’’ti vuccati. Keṭūbheti kiriyākappavikappānaṃ kavīnaṃ upakārako gantho. Nighaṇḍuyā saha vattatīti sanighaṇḍu, keṭubhena saha vattatīti sakeṭubhaṃ, tasmiṃ sanighaṇḍusakeṭubhe vedattaye pāramiṃ gatāti sambandho. Padakāti nāmapadasamāsataddhitākhyātakitakādipadesu chekā . Veyyākaraṇāni candapāṇinīyakalāpādibyākaraṇe chekā. Sadhamme pāramiṃ gatāti attano dhamme brāhmaṇadhamme vedattaye pāramiṃ pariyosānaṃ gatā pattāti attho.
๑๗๗.
177.
‘‘อุปฺปาเตสุ นิมิเตฺตสุ, ลกฺขเณสุ จ โกวิทา;
‘‘Uppātesu nimittesu, lakkhaṇesu ca kovidā;
ปถพฺยา ภูมนฺตลิเกฺข, มม สิสฺสา สุสิกฺขิตา’’ฯ
Pathabyā bhūmantalikkhe, mama sissā susikkhitā’’.
ตตฺถ อุกฺกาปาตภูมิกมฺปาทิเกสุ อุปฺปาเตสุ จ สุภนิมิตฺตาสุภนิมิเตฺตสุ จ อิตฺถิลกฺขณปุริสลกฺขณมหาปุริสลกฺขเณสุ จ โกวิทา เฉกาฯ ปถวิยา จ ภูมิยา จ สกลโลเก จ อนฺตลิเกฺข อากาเส จาติ สพฺพตฺถ มม สิสฺสา สุสิกฺขิตาฯ
Tattha ukkāpātabhūmikampādikesu uppātesu ca subhanimittāsubhanimittesu ca itthilakkhaṇapurisalakkhaṇamahāpurisalakkhaṇesu ca kovidā chekā. Pathaviyā ca bhūmiyā ca sakalaloke ca antalikkhe ākāse cāti sabbattha mama sissā susikkhitā.
๑๗๘.
178.
‘‘อปฺปิจฺฉา นิปกา เอเต, อปฺปาหารา อโลลุปา;
‘‘Appicchā nipakā ete, appāhārā alolupā;
ลาภาลาเภน สนฺตุฎฺฐา, ปริวาเรนฺติ มํ สทา’’ฯ
Lābhālābhena santuṭṭhā, parivārenti maṃ sadā’’.
ตตฺถ อปฺปิจฺฉาติ อปฺปเกนาปิ ยาเปนฺตาฯ นิปกาติ เนปกฺกสงฺขาตาย ปญฺญาย สมนฺนาคตาฯ อปฺปาหาราติ เอกาหารา เอกภตฺติกาติ อโตฺถฯ อโลลุปาติ โลลุปตณฺหาย อปฺปวตฺตนกาฯ ลาภาลาเภนาติ ลาเภน อลาเภน จ สนฺตุฎฺฐา โสมนสฺสา เอเต มม สิสฺสา สทา นิจฺจกาลํ มํ ปริวาเรนฺติ อุปฎฺฐหนฺตีติ อโตฺถฯ
Tattha appicchāti appakenāpi yāpentā. Nipakāti nepakkasaṅkhātāya paññāya samannāgatā. Appāhārāti ekāhārā ekabhattikāti attho. Alolupāti lolupataṇhāya appavattanakā. Lābhālābhenāti lābhena alābhena ca santuṭṭhā somanassā ete mama sissā sadā niccakālaṃ maṃ parivārenti upaṭṭhahantīti attho.
๑๗๙.
179.
‘‘ฌายี ฌานรตา ธีรา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;
‘‘Jhāyī jhānaratā dhīrā, santacittā samāhitā;
อากิญฺจญฺญํ ปตฺถยนฺตา, ปริวาเรนฺติ มํ สทา’’ฯ
Ākiñcaññaṃ patthayantā, parivārenti maṃ sadā’’.
ตตฺถ ฌายีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานอารมฺมณูปนิชฺฌาเนหิ สมนฺนาคตาฯ ฌายนสีลา วาฯ ฌานรตาติ เตสุ จ ฌาเนสุ รตา อลฺลีนาฯ ธีราติ ธิติสมฺปนฺนาฯ สนฺตจิตฺตาติ วูปสนฺตมนาฯ สมาหิตาติ เอกคฺคจิตฺตาฯ อากิญฺจญฺญนฺติ นิปฺปลิโพธภาวํฯ ปตฺถยนฺตาติ อิจฺฉนฺตาฯ อิตฺถมฺภูตา เม สิสฺสา สทา มํ ปริวาเรนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
Tattha jhāyīti lakkhaṇūpanijjhānaārammaṇūpanijjhānehi samannāgatā. Jhāyanasīlā vā. Jhānaratāti tesu ca jhānesu ratā allīnā. Dhīrāti dhitisampannā. Santacittāti vūpasantamanā. Samāhitāti ekaggacittā. Ākiñcaññanti nippalibodhabhāvaṃ. Patthayantāti icchantā. Itthambhūtā me sissā sadā maṃ parivārentīti sambandho.
๑๘๐.
180.
‘‘อภิญฺญาปารมิปฺปตฺตา, เปตฺติเก โคจเร รตา;
‘‘Abhiññāpāramippattā, pettike gocare ratā;
อนฺตลิกฺขจรา ธีรา, ปริวาเรนฺติ มํ สทา’’ฯ
Antalikkhacarā dhīrā, parivārenti maṃ sadā’’.
ตตฺถ อภิญฺญาปารมิปฺปตฺตาติ ปญฺจสุ อภิญฺญาสุ ปารมิํ ปริโยสานํ ปตฺตา ปูริตาติ อโตฺถฯ เปตฺติเก โคจเร รตาติ พุทฺธานุญฺญาตาย อวิญฺญตฺติยา ลเทฺธ อาหาเร รตาติ อโตฺถฯ อนฺตลิกฺขจราติ อนฺตลิเกฺขน อากาเสน คจฺฉนฺตา อาคจฺฉนฺตา จาติ อโตฺถฯ ธีราติ ถิรภูตา สีหพฺยคฺฆาทิปริสฺสเย อจฺฉมฺภิตสภาวาติ อโตฺถฯ เอวํภูตา มม ตาปสา สทา มํ ปริวาเรนฺตีติ อโตฺถฯ
Tattha abhiññāpāramippattāti pañcasu abhiññāsu pāramiṃ pariyosānaṃ pattā pūritāti attho. Pettike gocare ratāti buddhānuññātāya aviññattiyā laddhe āhāre ratāti attho. Antalikkhacarāti antalikkhena ākāsena gacchantā āgacchantā cāti attho. Dhīrāti thirabhūtā sīhabyagghādiparissaye acchambhitasabhāvāti attho. Evaṃbhūtā mama tāpasā sadā maṃ parivārentīti attho.
๑๘๑.
181.
‘‘สํวุตา ฉสุ ทฺวาเรสุ, อเนชา รกฺขิตินฺทฺริยา;
‘‘Saṃvutā chasu dvāresu, anejā rakkhitindriyā;
อสํสฎฺฐา จ เต ธีรา, มม สิสฺสา ทุราสทา’’ฯ
Asaṃsaṭṭhā ca te dhīrā, mama sissā durāsadā’’.
ตตฺถ จกฺขาทีสุ ฉสุ ทฺวาเรสุ รูปาทีสุ ฉสุ อารมฺมเณสุ สํวุตา ปิหิตา ปฎิจฺฉนฺนา, รกฺขิตโคปิตทฺวาราติ อโตฺถฯ อเนชา นิตฺตณฺหา รกฺขิตินฺทฺริยา โคปิตจกฺขาทิอินฺทฺริยา อสํสฎฺฐา ญาตีหิ คหเฎฺฐหิ อมิสฺสีภูตาติ อโตฺถฯ ทุราสทาติ ทุฎฺฐุ อาสทา, อาสาเทตุํ ฆเฎฺฎตุํ อสกฺกุเณยฺยา อโยคฺคาติ อโตฺถฯ
Tattha cakkhādīsu chasu dvāresu rūpādīsu chasu ārammaṇesu saṃvutā pihitā paṭicchannā, rakkhitagopitadvārāti attho. Anejā nittaṇhā rakkhitindriyā gopitacakkhādiindriyā asaṃsaṭṭhā ñātīhi gahaṭṭhehi amissībhūtāti attho. Durāsadāti duṭṭhu āsadā, āsādetuṃ ghaṭṭetuṃ asakkuṇeyyā ayoggāti attho.
๑๘๒.
182.
‘‘ปลฺลเงฺกน นิสชฺชาย, ฐานจงฺกมเนน จ;
‘‘Pallaṅkena nisajjāya, ṭhānacaṅkamanena ca;
วีตินาเมนฺติ เต รตฺติํ, มม สิสฺสา ทุราสทา’’ฯ
Vītināmenti te rattiṃ, mama sissā durāsadā’’.
ตตฺถ มม สิสฺสา ปลฺลเงฺกน อูรุพทฺธาสเนน เสยฺยํ วิหาย นิสชฺชาย จ ฐาเนน จ จงฺกเมน จ สกลํ รตฺติํ วิเสเสน อตินาเมนฺติ อติกฺกาเมนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
Tattha mama sissā pallaṅkena ūrubaddhāsanena seyyaṃ vihāya nisajjāya ca ṭhānena ca caṅkamena ca sakalaṃ rattiṃ visesena atināmenti atikkāmentīti sambandho.
๑๘๓.
183.
‘‘รชนีเย น รชฺชนฺติ, ทุสฺสนีเย น ทุสฺสเร;
‘‘Rajanīye na rajjanti, dussanīye na dussare;
โมหนีเย น มุยฺหนฺติ, มม สิสฺสา ทุราสทา’’ฯ
Mohanīye na muyhanti, mama sissā durāsadā’’.
เต อิตฺถมฺภูตา มม สิสฺสา ตาปสา รชนีเย รชฺชิตเพฺพ วตฺถุสฺมิํ น รชฺชนฺติ รชฺชํ น อุปฺปาเทนฺติฯ ทุสฺสนีเย ทุสฺสิตเพฺพ โทสํ อุปฺปาเทตุํ ยุเตฺต วตฺถุมฺหิ น ทุสฺสเร โทสํ น กโรนฺติฯ โมหนีเย โมหิตุํ ยุเตฺต วตฺถุมฺหิ น มุยฺหนฺติ โมหํ น กโรนฺติ, ปญฺญาสมฺปยุตฺตา ภวนฺตีติ อโตฺถฯ
Te itthambhūtā mama sissā tāpasā rajanīye rajjitabbe vatthusmiṃ na rajjanti rajjaṃ na uppādenti. Dussanīye dussitabbe dosaṃ uppādetuṃ yutte vatthumhi na dussare dosaṃ na karonti. Mohanīye mohituṃ yutte vatthumhi na muyhanti mohaṃ na karonti, paññāsampayuttā bhavantīti attho.
๑๘๔.
184.
‘‘อิทฺธิํ วีมํสมานา เต, วตฺตนฺติ นิจฺจกาลิกํ;
‘‘Iddhiṃ vīmaṃsamānā te, vattanti niccakālikaṃ;
ปถวิํ เต ปกเมฺปนฺติ, สารเมฺภน ทุราสทา’’ฯ
Pathaviṃ te pakampenti, sārambhena durāsadā’’.
เต มม สิสฺสา ‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหตี’’ติอาทิกํ (ปฎิ. ม. ๑.๑๐๒) อิทฺธิวิกุพฺพนํ นิจฺจกาลิกํ วีมํสมานา วตฺตนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ เต มม สิสฺสา อากาเสปิ อุทเกปิ ปถวิํ นิมฺมินิตฺวา อิริยาปถํ ปกเมฺปนฺตีติ อโตฺถฯ สารเมฺภน ยุคคฺคาเหน กลหกรเณน น อาสาเทตพฺพาติ อโตฺถฯ
Te mama sissā ‘‘ekopi hutvā bahudhā hoti, bahudhāpi hutvā eko hotī’’tiādikaṃ (paṭi. ma. 1.102) iddhivikubbanaṃ niccakālikaṃ vīmaṃsamānā vattantīti sambandho. Te mama sissā ākāsepi udakepi pathaviṃ nimminitvā iriyāpathaṃ pakampentīti attho. Sārambhena yugaggāhena kalahakaraṇena na āsādetabbāti attho.
๑๘๕.
185.
‘‘กีฬมานา จ เต สิสฺสา, กีฬนฺติ ฌานกีฬิตํ;
‘‘Kīḷamānā ca te sissā, kīḷanti jhānakīḷitaṃ;
ชมฺพุโต ผลมาเนนฺติ, มม สิสฺสา ทุราสทา’’ฯ
Jambuto phalamānenti, mama sissā durāsadā’’.
เต มม สิสฺสา กีฬมานา ปฐมชฺฌานาทิกีฬํ กีฬนฺติ ลฬนฺติ รมนฺตีติ อโตฺถฯ ชมฺพุโต ผลมาเนนฺตีติ หิมวนฺตมฺหิ สตโยชนุเพฺพธชมฺพุรุกฺขโต ฆฎปฺปมาณํ ชมฺพุผลํ อิทฺธิยา คนฺตฺวา อาเนนฺตีติ อโตฺถฯ
Te mama sissā kīḷamānā paṭhamajjhānādikīḷaṃ kīḷanti laḷanti ramantīti attho. Jambutophalamānentīti himavantamhi satayojanubbedhajamburukkhato ghaṭappamāṇaṃ jambuphalaṃ iddhiyā gantvā ānentīti attho.
๑๘๖.
186.
‘‘อเญฺญ คจฺฉนฺติ โคยานํ, อเญฺญ ปุพฺพวิเทหกํ;
‘‘Aññe gacchanti goyānaṃ, aññe pubbavidehakaṃ;
อเญฺญ จ อุตฺตรกุรุํ, เอสนาย ทุราสทา’’ฯ
Aññe ca uttarakuruṃ, esanāya durāsadā’’.
เตสํ มม สิสฺสานํ อนฺตเร อเญฺญ เอกเจฺจ โคยานํ อปรโคยานํ ทีปํ คจฺฉนฺติ, เอกเจฺจ ปุพฺพวิเทหกํ ทีปํ คจฺฉนฺติ, เอกเจฺจ อุตฺตรกุรุํ ทีปํ คจฺฉนฺติ, เต ทุราสทา เอเตสุ ฐาเนสุ เอสนาย คเวสนาย ปจฺจยปริเยสนาย คจฺฉนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
Tesaṃ mama sissānaṃ antare aññe ekacce goyānaṃ aparagoyānaṃ dīpaṃ gacchanti, ekacce pubbavidehakaṃ dīpaṃ gacchanti, ekacce uttarakuruṃ dīpaṃ gacchanti, te durāsadā etesu ṭhānesu esanāya gavesanāya paccayapariyesanāya gacchantīti sambandho.
๑๘๗.
187.
‘‘ปุรโต เปเสนฺติ ขาริํ, ปจฺฉโต จ วชนฺติ เต;
‘‘Purato pesenti khāriṃ, pacchato ca vajanti te;
จตุวีสสหเสฺสหิ, ฉาทิตํ โหติ อมฺพรํ’’ฯ
Catuvīsasahassehi, chāditaṃ hoti ambaraṃ’’.
เต มม สิสฺสา อากาเสน คจฺฉมานา ขาริํ ตาปสปริกฺขารภริตํ กาชํ ปุรโต เปเสนฺติ ปฐมํ อภิมุขญฺจ ตํ เปเสตฺวา สยํ ตสฺส ปจฺฉโต คจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ เอวํ คจฺฉมาเนหิ จตุวีสสหเสฺสหิ ตาปเสหิ อมฺพรํ อากาสตลํ ฉาทิตํ ปฎิจฺฉนฺนํ โหตีติ สมฺพโนฺธฯ
Te mama sissā ākāsena gacchamānā khāriṃ tāpasaparikkhārabharitaṃ kājaṃ purato pesenti paṭhamaṃ abhimukhañca taṃ pesetvā sayaṃ tassa pacchato gacchantīti attho. Evaṃ gacchamānehi catuvīsasahassehi tāpasehi ambaraṃ ākāsatalaṃ chāditaṃ paṭicchannaṃ hotīti sambandho.
๑๘๘.
188.
‘‘อคฺคิปากี อนคฺคี จ, ทโนฺตทุกฺขลิกาปิ จ;
‘‘Aggipākī anaggī ca, dantodukkhalikāpi ca;
อเสฺมน โกฎฺฎิตา เกจิ, ปวตฺตผลโภชนา’’ฯ
Asmena koṭṭitā keci, pavattaphalabhojanā’’.
ตตฺถ เกจิ เอกเจฺจ มม สิสฺสา อคฺคิปากี ผลาผลปณฺณาทโย ปจิตฺวา ขาทนฺติ, เอกเจฺจ อนคฺคี อคฺคีหิ อปจิตฺวา อามกเมว ขาทนฺติ, เอกเจฺจ ทนฺติกา ทเนฺตหิเยว ตจํ อุปฺปาเฎตฺวา ขาทนฺติฯ เอกเจฺจ อุทุกฺขลิกา อุทุกฺขเลหิ โกเฎฺฎตฺวา ขาทนฺติฯ เอกเจฺจ อเสฺมน โกฎฺฎิตา ปาสาเณน โกเฎฺฎตฺวา ขาทนฺติฯ เอกเจฺจ สยํปติตผลาหาราติ สมฺพโนฺธฯ
Tattha keci ekacce mama sissā aggipākī phalāphalapaṇṇādayo pacitvā khādanti, ekacce anaggī aggīhi apacitvā āmakameva khādanti, ekacce dantikā dantehiyeva tacaṃ uppāṭetvā khādanti. Ekacce udukkhalikā udukkhalehi koṭṭetvā khādanti. Ekacce asmena koṭṭitā pāsāṇena koṭṭetvā khādanti. Ekacce sayaṃpatitaphalāhārāti sambandho.
๑๘๙.
189.
‘‘อุทโกโรหณา เกจิ, สายํ ปาโต สุจีรตา;
‘‘Udakorohaṇā keci, sāyaṃ pāto sucīratā;
โตยาภิเสจนกรา, มม สิสฺสา ทุราสทา’’ฯ
Toyābhisecanakarā, mama sissā durāsadā’’.
ทุราสทา มม สิสฺสา เกจิ สุจีรตา สุทฺธิกามา สายํ ปาโต จ อุทโกโรหณา อุทกปเวสกาติ อโตฺถฯ เกจิ โตยาภิเสจนกรา อุทเกน อตฺตนิ อภิสิญฺจนกราติ อโตฺถฯ
Durāsadā mama sissā keci sucīratā suddhikāmā sāyaṃ pāto ca udakorohaṇā udakapavesakāti attho. Keci toyābhisecanakarā udakena attani abhisiñcanakarāti attho.
๑๙๐.
190.
‘‘ปรูฬฺหกจฺฉนขโลมา , ปงฺกทนฺตา รชสฺสิรา;
‘‘Parūḷhakacchanakhalomā , paṅkadantā rajassirā;
คนฺธิตา สีลคเนฺธน, มม สิสฺสา ทุราสทา’’ฯ
Gandhitā sīlagandhena, mama sissā durāsadā’’.
ตตฺถ เต ทุราสทา มม สิสฺสา กเจฺฉสุ อุภยกเจฺฉสุ จ หตฺถปาเทสุ จ ปรูฬฺหา สญฺชาตา, ทีฆนขโลมาติ อโตฺถฯ ขุรกมฺมรหิตตฺตา อมณฺฑิตา อปสาธิตาติ อธิปฺปาโยฯ ปงฺกทนฺตาติ อิฎฺฐกจุณฺณขีรปาสาณจุณฺณาทีหิ ธวลมกตตฺตา มลคฺคหิตทนฺตาติ อโตฺถฯ รชสฺสิราติ เตลมกฺขนาทิรหิตตฺตา ธูลีหิ มกฺขิตสีสาติ อโตฺถฯ คนฺธิตา สีลคเนฺธนาติ ฌานสมาธิสมาปตฺตีหิ สมฺปยุตฺตสีเลน สมงฺคีภูตตฺตา โลกิยสีลคเนฺธน สพฺพตฺถ สุคนฺธีภูตาติ อโตฺถฯ มม สิสฺสา ทุราสทาติ อิเมหิ วุตฺตปฺปการคุเณหิ สมนฺนาคตตฺตา อาสาเทตุํ ฆเฎฺฎตุํ อสกฺกุเณยฺยา มม สิสฺสาติ สมฺพโนฺธฯ
Tattha te durāsadā mama sissā kacchesu ubhayakacchesu ca hatthapādesu ca parūḷhā sañjātā, dīghanakhalomāti attho. Khurakammarahitattā amaṇḍitā apasādhitāti adhippāyo. Paṅkadantāti iṭṭhakacuṇṇakhīrapāsāṇacuṇṇādīhi dhavalamakatattā malaggahitadantāti attho. Rajassirāti telamakkhanādirahitattā dhūlīhi makkhitasīsāti attho. Gandhitā sīlagandhenāti jhānasamādhisamāpattīhi sampayuttasīlena samaṅgībhūtattā lokiyasīlagandhena sabbattha sugandhībhūtāti attho. Mama sissā durāsadāti imehi vuttappakāraguṇehi samannāgatattā āsādetuṃ ghaṭṭetuṃ asakkuṇeyyā mama sissāti sambandho.
๑๙๑.
191.
‘‘ปาโตว สนฺนิปติตฺวา, ชฎิลา อุคฺคตาปนา;
‘‘Pātova sannipatitvā, jaṭilā uggatāpanā;
ลาภาลาภํ ปกิเตฺตตฺวา, คจฺฉนฺติ อมฺพเร ตทา’’ฯ
Lābhālābhaṃ pakittetvā, gacchanti ambare tadā’’.
ตตฺถ ปาโตว สนฺนิปติตฺวาติ สตฺตมฺยเตฺถ โตปจฺจโย, ปาตราสกาเลเยว มม สนฺติเก ราสิภูตาติ อโตฺถฯ อุคฺคตาปนา ปากฎตปา ปตฺถฎตปา ชฎิลา ชฎาธาริโน ตาปสาฯ ลาภาลาภํ ปกิเตฺตตฺวา ขุทฺทเก จ มหเนฺต จ ลาเภ ปากเฎ กตฺวา ตทา ตสฺมิํ กาเล อมฺพเร อากาสตเล คจฺฉนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
Tattha pātova sannipatitvāti sattamyatthe topaccayo, pātarāsakāleyeva mama santike rāsibhūtāti attho. Uggatāpanā pākaṭatapā patthaṭatapā jaṭilā jaṭādhārino tāpasā. Lābhālābhaṃ pakittetvā khuddake ca mahante ca lābhe pākaṭe katvā tadā tasmiṃ kāle ambare ākāsatale gacchantīti sambandho.
๑๙๒. ปุน เตสํเยว คุเณ ปกาเสโนฺต เอเตสํ ปกฺกมนฺตานนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อากาเส วา ถเล วา ปกฺกมนฺตานํ คจฺฉนฺตานํ เอเตสํ ตาปสานํ วากจีรชนิโต มหาสโทฺท ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ มุทิตา โหนฺติ เทวตาติ เอวํ มหาสทฺทํ ปวเตฺตตฺวา คจฺฉนฺตานํ อชินจมฺมสเทฺทน สนฺตุฎฺฐา ‘‘สาธุ สาธุ, อยฺยา’’ติ โสมนสฺสชาตา เทวตา มุทิตา สนฺตุฎฺฐา โหนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
192. Puna tesaṃyeva guṇe pakāsento etesaṃ pakkamantānantiādimāha. Tattha ākāse vā thale vā pakkamantānaṃ gacchantānaṃ etesaṃ tāpasānaṃ vākacīrajanito mahāsaddo pavattatīti attho. Muditā honti devatāti evaṃ mahāsaddaṃ pavattetvā gacchantānaṃ ajinacammasaddena santuṭṭhā ‘‘sādhu sādhu, ayyā’’ti somanassajātā devatā muditā santuṭṭhā hontīti sambandho.
๑๙๓. ทิโสทิสนฺติ เต อิสโย อนฺตลิกฺขจรา อากาสจาริโน ทกฺขิณาทิสานุทิสํ ปกฺกมนฺติ คจฺฉนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ สเก พเลนุปตฺถทฺธาติ อตฺตโน สรีรพเลน วา ฌานพเลน วา สมนฺนาคตา ยทิจฺฉกํ ยตฺถ ยตฺถ คนฺตุกามา, ตตฺถ ตเตฺถว คจฺฉนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
193.Disodisanti te isayo antalikkhacarā ākāsacārino dakkhiṇādisānudisaṃ pakkamanti gacchantīti sambandho. Sake balenupatthaddhāti attano sarīrabalena vā jhānabalena vā samannāgatā yadicchakaṃ yattha yattha gantukāmā, tattha tattheva gacchantīti sambandho.
๑๙๔. ปุน เตสเมวานุภาวํ ปกาเสโนฺต ปถวีกมฺปกา เอเตติอาทิมาหฯ ตทา เอเต สพฺพตฺถ อิจฺฉาจารา ปถวีกมฺปกา เมทนีสญฺจลนชาติกา นภจาริโน อากาสจาริโนฯ อุคฺคเตชาติ อุคฺคตเตชา ปตฺถฎเตชา ทุปฺปสหา ปสยฺห อภิภวิตฺวา ปวตฺติตุํ อสกฺกุเณยฺยาติ ทุปฺปสหาฯ สาคโรว อโขภิยาติ อเญฺญหิ อโขภิโย อนาลุฬิโต สาคโร อิว สมุโทฺท วิย อเญฺญหิ อโขภิยา กเมฺปตุํ อสกฺกุเณยฺยา โหนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
194. Puna tesamevānubhāvaṃ pakāsento pathavīkampakā etetiādimāha. Tadā ete sabbattha icchācārā pathavīkampakā medanīsañcalanajātikā nabhacārino ākāsacārino. Uggatejāti uggatatejā patthaṭatejā duppasahā pasayha abhibhavitvā pavattituṃ asakkuṇeyyāti duppasahā. Sāgarova akhobhiyāti aññehi akhobhiyo anāluḷito sāgaro iva samuddo viya aññehi akhobhiyā kampetuṃ asakkuṇeyyā hontīti sambandho.
๑๙๕. ฐานจงฺกมิโน เกจีติ เตสํ มม สิสฺสานํ อนฺตเร เอกเจฺจ อิสโย ฐานิริยาปถจงฺกมนิริยาปถสมฺปนฺนา, เอกเจฺจ อิสโย เนสชฺชิกา นิสชฺชิริยาปถสมฺปนฺนา, เอกเจฺจ อิสโย ปวตฺตโภชนา สยํปติตปณฺณาหารา เอวรูเปหิ คุเณหิ ยุตฺตตฺตา ทุราสทาติ สมฺพโนฺธฯ
195.Ṭhānacaṅkamino kecīti tesaṃ mama sissānaṃ antare ekacce isayo ṭhāniriyāpathacaṅkamaniriyāpathasampannā, ekacce isayo nesajjikā nisajjiriyāpathasampannā, ekacce isayo pavattabhojanā sayaṃpatitapaṇṇāhārā evarūpehi guṇehi yuttattā durāsadāti sambandho.
๑๙๖. เต สเพฺพ โถเมโนฺต เมตฺตาวิหาริโนติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘อปริมาเณสุ จกฺกวาเฬสุ อปริมาณา สตฺตา สุขี โหนฺตู’’ติอาทินา สิเนหลกฺขณาย เมตฺตาย ผริตฺวา วิหรนฺติ, อตฺตภาวํ ปวเตฺตนฺตีติ เมตฺตาวิหาริโน เอเต มม สิสฺสาติ อโตฺถฯ สเพฺพ เต อิสโย สพฺพปาณินํ สเพฺพสํ สตฺตานํ หิเตสี หิตคเวสกาฯ อนตฺตุกฺกํสกา อตฺตานํ น อุกฺกํสกา อมานิโน กสฺสจิ กญฺจิ ปุคฺคลํ น วเมฺภนฺติ นีจํ กตฺวา น มญฺญนฺตีติ อโตฺถฯ
196. Te sabbe thomento mettāvihārinotiādimāha. Tattha ‘‘aparimāṇesu cakkavāḷesu aparimāṇā sattā sukhī hontū’’tiādinā sinehalakkhaṇāya mettāya pharitvā viharanti, attabhāvaṃ pavattentīti mettāvihārino ete mama sissāti attho. Sabbe te isayo sabbapāṇinaṃ sabbesaṃ sattānaṃ hitesī hitagavesakā. Anattukkaṃsakā attānaṃ na ukkaṃsakā amānino kassaci kañci puggalaṃ na vambhenti nīcaṃ katvā na maññantīti attho.
๑๙๗. เต มม สิสฺสา สีลสมาธิสมาปตฺติคุณยุตฺตตฺตา สีหราชา อิว อจฺฉมฺภีตา นิพฺภยา, คชราชา อิว หตฺถิราชา วิย ถามวา สรีรพลฌานพลสมฺปนฺนา พฺยคฺฆราชา อิว, ทุราสทา ฆเฎฺฎตุมสกฺกุเณยฺยา มม สนฺติเก อาคจฺฉนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
197. Te mama sissā sīlasamādhisamāpattiguṇayuttattā sīharājā iva acchambhītā nibbhayā, gajarājā iva hatthirājā viya thāmavā sarīrabalajhānabalasampannā byaggharājā iva, durāsadā ghaṭṭetumasakkuṇeyyā mama santike āgacchantīti sambandho.
๑๙๘. ตโต อตฺตโน อานุภาวสฺส ทสฺสนเลเสน ปกาเสโนฺต วิชฺชาธราติอาทิมาหฯ ตตฺถ มนฺตสชฺฌายาทิวิชฺชาธรา จ รุกฺขปพฺพตาทีสุ วสนฺตา ภุมฺมเทวตา จ ภูมฎฺฐถลฎฺฐา นาคา จ คนฺธพฺพเทวา จ จณฺฑา รกฺขสา จ กุมฺภณฺฑา เทวา จ ทานวา เทวา จ อิจฺฉิติจฺฉิตนิมฺมานสมตฺถา ครุฬา จ ตํ สรํ อุปชีวนฺตีติ สมฺพโนฺธ, ตสฺมิํ สเร สรสฺส สมีเป วสนฺตีติ อโตฺถฯ
198. Tato attano ānubhāvassa dassanalesena pakāsento vijjādharātiādimāha. Tattha mantasajjhāyādivijjādharā ca rukkhapabbatādīsu vasantā bhummadevatā ca bhūmaṭṭhathalaṭṭhā nāgā ca gandhabbadevā ca caṇḍā rakkhasā ca kumbhaṇḍā devā ca dānavā devā ca icchiticchitanimmānasamatthā garuḷā ca taṃ saraṃ upajīvantīti sambandho, tasmiṃ sare sarassa samīpe vasantīti attho.
๑๙๙. ปุนปิ เตสํเยว อตฺตโน สิสฺสตาปสานํ คุเณ วเณฺณโนฺต เต ชฎา ขาริภริตาติอาทิมาหฯ ตํ สพฺพํ อุตฺตานตฺถเมวฯ ขาริภารนฺติ อุทญฺจนกมณฺฑลุอาทิกํ ตาปสปริกฺขารํฯ
199. Punapi tesaṃyeva attano sissatāpasānaṃ guṇe vaṇṇento te jaṭā khāribharitātiādimāha. Taṃ sabbaṃ uttānatthameva. Khāribhāranti udañcanakamaṇḍaluādikaṃ tāpasaparikkhāraṃ.
๒๐๗. ปุนปิ อตฺตโน คุเณ ปกาเสโนฺต อุปฺปาเต สุปิเน จาปีติอาทิมาหฯ ตตฺถ พฺราหฺมณสิเปฺปสุ นิปฺผตฺติํ คตตฺตา นกฺขตฺตปาเฐ จ เฉกตฺตา ‘‘อิมสฺส ราชกุมารสฺส อุปฺปนฺนนกฺขตฺตํ สุภํ อสุภ’’นฺติ อุปฺปาตลกฺขเณ จ สุปิเน จ ปวตฺติํ ปุจฺฉิเตน ‘‘อิทํ สุปินํ สุภํ, อิทํ อสุภ’’นฺติ สุปินนิปฺผตฺติกถเน จ สเพฺพสํ อิตฺถิปุริสานํ หตฺถปาทลกฺขณกถเน จ สุฎฺฐุ สิกฺขิโต สกลชมฺพุทีเป ปวตฺตมานํ มนฺตปทํ ลกฺขณมนฺตโกฎฺฐาสํ สพฺพํ อหํ ตทา มม ตาปสกาเล ธาเรมีติ สมฺพโนฺธฯ
207. Punapi attano guṇe pakāsento uppāte supine cāpītiādimāha. Tattha brāhmaṇasippesu nipphattiṃ gatattā nakkhattapāṭhe ca chekattā ‘‘imassa rājakumārassa uppannanakkhattaṃ subhaṃ asubha’’nti uppātalakkhaṇe ca supine ca pavattiṃ pucchitena ‘‘idaṃ supinaṃ subhaṃ, idaṃ asubha’’nti supinanipphattikathane ca sabbesaṃ itthipurisānaṃ hatthapādalakkhaṇakathane ca suṭṭhu sikkhito sakalajambudīpe pavattamānaṃ mantapadaṃ lakkhaṇamantakoṭṭhāsaṃ sabbaṃ ahaṃ tadā mama tāpasakāle dhāremīti sambandho.
๒๐๘. อตฺตโน พฺยากรณํ พุทฺธคุณปุพฺพงฺคมํ ปกาเสโนฺต อโนมทสฺสีติอาทิมาหฯ ตตฺถ น โอมกนฺติ อโนมํฯ มํสจกฺขุทิพฺพจกฺขุสมนฺตจกฺขุธมฺมจกฺขุพุทฺธจกฺขูหิ สพฺพสตฺตานํ ปสฺสนํ ทสฺสนํ นาม, อโนมํ ทสฺสนํ ยสฺส ภควโต โส ภควา อโนมทสฺสีฯ ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ ภควา โลกสฺส เชฎฺฐเสฎฺฐตฺตา โลกเชโฎฺฐ อุสโภ นิสโภ อาสโภติ ตโย ควเชฎฺฐกาฯ ตตฺถ ควสตเชฎฺฐโก อุสโภ, ควสหสฺสเชฎฺฐโก นิสโภ, ควสตสหสฺสเชฎฺฐโก อาสโภ, นรานํ อาสโภ นราสโภ ปฎิวิทฺธสพฺพธโมฺม, สมฺพุโทฺธ วิเวกกาโม เอกีภาวํ อิจฺฉโนฺต หิมวนฺตํ หิมาลยปพฺพตํ อุปาคมีติ สมฺพโนฺธฯ
208. Attano byākaraṇaṃ buddhaguṇapubbaṅgamaṃ pakāsento anomadassītiādimāha. Tattha na omakanti anomaṃ. Maṃsacakkhudibbacakkhusamantacakkhudhammacakkhubuddhacakkhūhi sabbasattānaṃ passanaṃ dassanaṃ nāma, anomaṃ dassanaṃ yassa bhagavato so bhagavā anomadassī. Bhāgyavantatādīhi kāraṇehi bhagavā lokassa jeṭṭhaseṭṭhattā lokajeṭṭho usabho nisabho āsabhoti tayo gavajeṭṭhakā. Tattha gavasatajeṭṭhako usabho, gavasahassajeṭṭhako nisabho, gavasatasahassajeṭṭhako āsabho, narānaṃ āsabho narāsabho paṭividdhasabbadhammo, sambuddho vivekakāmo ekībhāvaṃ icchanto himavantaṃ himālayapabbataṃ upāgamīti sambandho.
๒๐๙. อโชฺฌคาเหตฺวา หิมวนฺตนฺติ หิมวนฺตสมีปํ โอคาเหตฺวา ปวิสิตฺวาติ อโตฺถฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ
209.Ajjhogāhetvā himavantanti himavantasamīpaṃ ogāhetvā pavisitvāti attho. Sesaṃ uttānatthameva.
๒๑๐-๑. ชลิตํ ชลมานํ อินฺทีวรปุปฺผํ อิว, หุตาสนํ โหมสฺส อาสนํ, อาทิตฺตํ อาภายุตํ อคฺคิกฺขนฺธํ อิว, คคเน อากาเส โชตมานํ วิชฺชุ อิว, สุฎฺฐุ ผุลฺลํ สาลราชํ อิว, นิสินฺนํ โลกนายกํ อทฺทสนฺติ สมฺพโนฺธฯ
210-1.Jalitaṃ jalamānaṃ indīvarapupphaṃ iva, hutāsanaṃ homassa āsanaṃ, ādittaṃ ābhāyutaṃ aggikkhandhaṃ iva, gagane ākāse jotamānaṃ vijju iva, suṭṭhu phullaṃ sālarājaṃ iva, nisinnaṃ lokanāyakaṃ addasanti sambandho.
๒๑๓. เทวานํ เทโว เทวเทโว, ตํ เทวเทวํ ทิสฺวาน ตสฺส ลกฺขณํ ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณสญฺชานนการณํฯ ‘‘พุโทฺธ นุ โข น วา พุโทฺธ’’ติ อุปธารยิํ วิจาเรสิํฯ จกฺขุมํ ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมนฺตํ ชินํ เกน การเณน ปสฺสามีติ สมฺพโนฺธฯ
213. Devānaṃ devo devadevo, taṃ devadevaṃ disvāna tassa lakkhaṇaṃ dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇasañjānanakāraṇaṃ. ‘‘Buddho nu kho na vā buddho’’ti upadhārayiṃ vicāresiṃ. Cakkhumaṃ pañcahi cakkhūhi cakkhumantaṃ jinaṃ kena kāraṇena passāmīti sambandho.
๒๑๔. จรณุตฺตเม อุตฺตมปาทตเล สหสฺสารานิ จกฺกลกฺขณานิ ทิสฺสนฺติ, อหํ ตสฺส ภควโต ตานิ ลกฺขณานิ ทิสฺวา ตถาคเต นิฎฺฐํ คจฺฉิํ สนฺนิฎฺฐานํ อคมาสิ, นิสฺสเนฺทโห อาสินฺติ อโตฺถฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ
214.Caraṇuttame uttamapādatale sahassārāni cakkalakkhaṇāni dissanti, ahaṃ tassa bhagavato tāni lakkhaṇāni disvā tathāgate niṭṭhaṃ gacchiṃ sanniṭṭhānaṃ agamāsi, nissandeho āsinti attho. Sesaṃ uttānatthameva.
๒๑๘. สยมฺภู สยเมว ภูตาฯ อมิโตทย อมิตานํ อปริมาณานํ คุณานํ อุทย อุฎฺฐานฎฺฐาน , อิทํ ปททฺวยํ อาลปนเมวฯ อิมํ โลกํ อิมํ สตฺตโลกํ สํ สุฎฺฐุ อุทฺธรสิ สํสารโต อุทฺธริตฺวา นิพฺพานถลํ ปาเปสีติ อโตฺถฯ เต สเพฺพ สตฺตา ตว ทสฺสนํ อาคมฺม อาคนฺตฺวา กงฺขาโสตํ วิจิกิจฺฉามโหฆํ ตรนฺติ อติกฺกมนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
218.Sayambhū sayameva bhūtā. Amitodaya amitānaṃ aparimāṇānaṃ guṇānaṃ udaya uṭṭhānaṭṭhāna , idaṃ padadvayaṃ ālapanameva. Imaṃ lokaṃ imaṃ sattalokaṃ saṃ suṭṭhu uddharasi saṃsārato uddharitvā nibbānathalaṃ pāpesīti attho. Te sabbe sattā tava dassanaṃ āgamma āgantvā kaṅkhāsotaṃ vicikicchāmahoghaṃ taranti atikkamantīti sambandho.
๒๑๙. ภควนฺตํ โถเมโนฺต ตาปโส ตุวํ สตฺถาติอาทิมาหฯ ตตฺถ, ภเนฺต, สพฺพญฺญุ ตุวํ สเทวกสฺส โลกสฺส สตฺถา อาจริโย อุตฺตมเฎฺฐน ตฺวเมว เกตุ อุโจฺจ, สกลโลเก ปกาสนเฎฺฐน ตฺวเมว ธโช, โลกตฺตเย อุคฺคตตฺตา ตฺวเมว ยูโป อุสฺสาปิตถมฺภสทิโส, ปาณินํ สพฺพสตฺตานํ ตฺวเมว ปรายโณ อุตฺตมคมนียฎฺฐานํ ตฺวเมว ปติฎฺฐา ปติฎฺฐฎฺฐานํ โลกสฺส โมหนฺธการวิธมนโต ตฺวเมว ทีโป เตลปทีโป วิย, ทฺวิปทุตฺตโม ทฺวิปทานํ เทวพฺรหฺมมนุสฺสานํ อุตฺตโม เสโฎฺฐติ สมฺพโนฺธฯ
219. Bhagavantaṃ thomento tāpaso tuvaṃ satthātiādimāha. Tattha, bhante, sabbaññu tuvaṃ sadevakassa lokassa satthā ācariyo uttamaṭṭhena tvameva ketu ucco, sakalaloke pakāsanaṭṭhena tvameva dhajo, lokattaye uggatattā tvameva yūpo ussāpitathambhasadiso, pāṇinaṃ sabbasattānaṃ tvameva parāyaṇo uttamagamanīyaṭṭhānaṃ tvameva patiṭṭhā patiṭṭhaṭṭhānaṃ lokassa mohandhakāravidhamanato tvameva dīpo telapadīpo viya, dvipaduttamo dvipadānaṃ devabrahmamanussānaṃ uttamo seṭṭhoti sambandho.
๒๒๐. ปุน ภควนฺตํเยว โถเมโนฺต สกฺกา สมุเทฺท อุทกนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีเร สมุเทฺท อุทกํ อาฬฺหเกน ปเมตุํ มินิตุํ สกฺกา ภเวยฺย, ภเนฺต, สพฺพญฺญุ ตว ญาณํ ‘‘เอตฺตกํ ปมาณ’’นฺติ ปเมตเว มินิตุํ น เตฺวว สกฺกาติ อโตฺถฯ
220. Puna bhagavantaṃyeva thomento sakkā samudde udakantiādimāha. Tattha caturāsītiyojanasahassagambhīre samudde udakaṃ āḷhakena pametuṃ minituṃ sakkā bhaveyya, bhante, sabbaññu tava ñāṇaṃ ‘‘ettakaṃ pamāṇa’’nti pametave minituṃ na tveva sakkāti attho.
๒๒๑. ตุลมณฺฑเล ตุลปญฺชเร ฐเปตฺวา ปถวิํ เมทนิํ ธาเรตุํ สกฺกา, ภเนฺต, สพฺพญฺญุ ตว ญาณํ ธาเรตุํ น ตุ เอว สกฺกาติ สมฺพโนฺธฯ
221.Tulamaṇḍale tulapañjare ṭhapetvā pathaviṃ medaniṃ dhāretuṃ sakkā, bhante, sabbaññu tava ñāṇaṃ dhāretuṃ na tu eva sakkāti sambandho.
๒๒๒. ภเนฺต, สพฺพญฺญุ อากาโส สกลนฺตลิกฺขํ รชฺชุยา วา องฺคุเลน วา มินิตุํ สกฺกา ภเวยฺย, ตว ปน ญาณํ ญาณากาสํ น ตุ เอว ปเมตเว มินิตุํ สกฺกาติ อโตฺถฯ
222. Bhante, sabbaññu ākāso sakalantalikkhaṃ rajjuyā vā aṅgulena vā minituṃ sakkā bhaveyya, tava pana ñāṇaṃ ñāṇākāsaṃ na tu eva pametave minituṃ sakkāti attho.
๒๒๓. มหาสมุเทฺท อุทกนฺติ จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีเร สาคเร อขิลํ อุทกญฺจ, จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลํ อขิลํ ปถวิญฺจ ชเห ชเหยฺย อติกฺกเมยฺย สมํ กเรยฺย พุทฺธสฺส ญาณํ อุปาทาย คเหตฺวา ตุเลยฺย สมํ กเรยฺยฯ อุปมาโต อุปมาวเสน น ยุชฺชเร น โยเชยฺยุํฯ ญาณเมว อธิกนฺติ อโตฺถฯ
223.Mahāsamudde udakanti caturāsītiyojanasahassagambhīre sāgare akhilaṃ udakañca, catunahutādhikadviyojanasatasahassabahalaṃ akhilaṃ pathaviñca jahe jaheyya atikkameyya samaṃ kareyya buddhassa ñāṇaṃ upādāya gahetvā tuleyya samaṃ kareyya. Upamāto upamāvasena na yujjare na yojeyyuṃ. Ñāṇameva adhikanti attho.
๒๒๔. จกฺขุม ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมนฺต, อาลปนเมตํฯ สห เทเวหิ ปวตฺตสฺส โลกสฺส, ภุมฺมเตฺถ สามิวจนํฯ สเทวเก โลกสฺมิํ อนฺตเร เยสํ ยตฺตกานํ สตฺตานํ จิตฺตํ ปวตฺตติฯ เอเต ตตฺตกา สจิตฺตกา สตฺตา ตว ญาณมฺหิ อโนฺตชาลคตา ญาณชาลสฺมิํ อโนฺต ปวิฎฺฐาติ สมฺพโนฺธ, ญาณชาเลน สพฺพสเตฺต ปสฺสสีติ อโตฺถฯ
224.Cakkhuma pañcahi cakkhūhi cakkhumanta, ālapanametaṃ. Saha devehi pavattassa lokassa, bhummatthe sāmivacanaṃ. Sadevake lokasmiṃ antare yesaṃ yattakānaṃ sattānaṃ cittaṃ pavattati. Ete tattakā sacittakā sattā tava ñāṇamhi antojālagatā ñāṇajālasmiṃ anto paviṭṭhāti sambandho, ñāṇajālena sabbasatte passasīti attho.
๒๒๕. ภเนฺต , สพฺพญฺญุ สพฺพธมฺมชานนก, ตฺวํ เยน ญาเณน จตุมคฺคสมฺปยุเตฺตน สกลํ อุตฺตมํ โพธิํ นิพฺพานํ ปโตฺต อธิคโต อสิ ภวสิ, เตน ญาเณน ปรติตฺถิเย อญฺญติตฺถิเย มทฺทสี อภิภวสีติ สมฺพโนฺธฯ
225. Bhante , sabbaññu sabbadhammajānanaka, tvaṃ yena ñāṇena catumaggasampayuttena sakalaṃ uttamaṃ bodhiṃ nibbānaṃ patto adhigato asi bhavasi, tena ñāṇena paratitthiye aññatitthiye maddasī abhibhavasīti sambandho.
๒๒๖. เตน ตาปเสน โถมิตาการํ ปกาเสนฺตา ธมฺมสงฺคาหกา เถรา อิมา คาถา ถวิตฺวานาติ อาหํสุฯ ตตฺถ อิมา คาถาติ เอตฺตกาหิ คาถาหิ ถวิตฺวาน โถมนํ กตฺวาน นาเมน สุรุจิ นาม ตาปโส เสสฎฺฐกถาสุ (อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๑๘๙-๑๙๐; ธ. ป. อฎฺฐ. ๑.สาริปุตฺตเตฺถรวตฺถุ) ปน ‘‘สรทมาณโว’’ติ อาคโตฯ โส อฎฺฐกถานยโต ปาโฐเยว ปมาณํ, อถ วา สุนฺทรา รุจิ อชฺฌาสโย นิพฺพานาลโย อสฺสาติ สุรุจิฯ สรติ คจฺฉติ อินฺทฺริยทมนาย ปวตฺตตีติ สรโท, อิติ ทฺวยมฺปิ ตเสฺสว นามํฯ โส สุรุจิตาปโส อชินจมฺมํ ปตฺถริตฺวาน ปถวิยํ นิสีทิ, อจฺจาสนฺนาทโย ฉ นิสชฺชโทเส วเชฺชตฺวา สรโท นิสีทีติ อโตฺถฯ
226. Tena tāpasena thomitākāraṃ pakāsentā dhammasaṅgāhakā therā imā gāthā thavitvānāti āhaṃsu. Tattha imā gāthāti ettakāhi gāthāhi thavitvāna thomanaṃ katvāna nāmena suruci nāma tāpaso sesaṭṭhakathāsu (a. ni. aṭṭha. 1.1.189-190; dha. pa. aṭṭha. 1.sāriputtattheravatthu) pana ‘‘saradamāṇavo’’ti āgato. So aṭṭhakathānayato pāṭhoyeva pamāṇaṃ, atha vā sundarā ruci ajjhāsayo nibbānālayo assāti suruci. Sarati gacchati indriyadamanāya pavattatīti sarado, iti dvayampi tasseva nāmaṃ. So surucitāpaso ajinacammaṃ pattharitvāna pathaviyaṃ nisīdi, accāsannādayo cha nisajjadose vajjetvā sarado nisīdīti attho.
๒๒๗. ตตฺถ นิสิโนฺน ตาปโส ตสฺส ภควโต ญาณเมว โถเมโนฺต จุลฺลาสีติสหสฺสานีติอาทิมาห ฯ ตตฺถ จุลฺลาสีติสหสฺสานีติ จตุราสีติสหสฺสานิ, คิริราชา เมรุปพฺพตราชา, มหณฺณเว สาคเร อโชฺฌคาโฬฺห อธิโอคาโฬฺห ปวิโฎฺฐ, ตาวเทว ตตฺตกานิ จตุราสีติสหสฺสานิ อจฺจุคฺคโต อติอุคฺคโต อิทานิ ปวุจฺจตีติ สมฺพโนฺธฯ
227. Tattha nisinno tāpaso tassa bhagavato ñāṇameva thomento cullāsītisahassānītiādimāha . Tattha cullāsītisahassānīti caturāsītisahassāni, girirājā merupabbatarājā, mahaṇṇave sāgare ajjhogāḷho adhiogāḷho paviṭṭho, tāvadeva tattakāni caturāsītisahassāni accuggato atiuggato idāni pavuccatīti sambandho.
๒๒๘. ตาว อจฺจุคฺคโต ตถา อติอุคฺคโต เนรุ, โส มหาเนรุ อายโต อุจฺจโต จ วิตฺถารโต จ เอวํ มหโนฺต เนรุราชา โกฎิสตสหสฺสิโย สงฺขาณุเภเทน จุณฺณิโต จุณฺณวิจุณฺณํ กโต อสิฯ
228.Tāva accuggato tathā atiuggato neru, so mahāneru āyato uccato ca vitthārato ca evaṃ mahanto nerurājā koṭisatasahassiyo saṅkhāṇubhedena cuṇṇito cuṇṇavicuṇṇaṃ kato asi.
๒๒๙. ภเนฺต, สพฺพญฺญุ ตว ญาณํ ลเกฺข ฐปิยมานมฺหิ ญาเณ สตํ วา สหสฺสํ วา สตสหสฺสํ วา เอเกกํ พินฺทุํ กตฺวา ฐปิเต ตเทว มหาเนรุสฺส จุณฺณํ ขยํ คเจฺฉยฺย, ตว ญาณํ ปเมตเว ปมาณํ กาตุํ เอว น สกฺกาติ สมฺพโนฺธฯ
229. Bhante, sabbaññu tava ñāṇaṃ lakkhe ṭhapiyamānamhi ñāṇe sataṃ vā sahassaṃ vā satasahassaṃ vā ekekaṃ binduṃ katvā ṭhapite tadeva mahānerussa cuṇṇaṃ khayaṃ gaccheyya, tava ñāṇaṃ pametave pamāṇaṃ kātuṃ eva na sakkāti sambandho.
๒๓๐. สุขุมจฺฉิเกน สุขุมจฺฉิเทฺทน ชาเลน โย สกลมหาสมุเทฺท อุทกํ ปริกฺขิเป สมนฺตโต ปริกฺขํ กเรยฺย, เอวํ ปริกฺขิเต เย เกจิ ปาณา อุทเก ชาตา สเพฺพ เต อโนฺตชาลคตา สิยุํ ภเวยฺยุนฺติ อโตฺถฯ
230.Sukhumacchikena sukhumacchiddena jālena yo sakalamahāsamudde udakaṃ parikkhipe samantato parikkhaṃ kareyya, evaṃ parikkhite ye keci pāṇā udake jātā sabbe te antojālagatā siyuṃ bhaveyyunti attho.
๒๓๑. ตมุปเมยฺยํ ทเสฺสโนฺต ตเถว หีติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยถา อุทชา ปาณา อโนฺตชาลคตา โหนฺติ, ตเถว มหาวีร มหาโพธิอธิคมาย วีริยกรฯ เย เกจิ ปุถุ อเนกา ติตฺถิยา มิจฺฉา ติตฺถกรา ทิฎฺฐิคหนปกฺขนฺทา ทิฎฺฐิสงฺขาตคหนํ ปวิฎฺฐา ปรามาเสน สภาวโต ปรโต อามสนลกฺขณาย ทิฎฺฐิยา โมหิตา ปิหิตา สนฺติฯ
231. Tamupameyyaṃ dassento tatheva hītiādimāha. Tattha yathā udajā pāṇā antojālagatā honti, tatheva mahāvīra mahābodhiadhigamāya vīriyakara. Ye keci puthu anekā titthiyā micchā titthakarā diṭṭhigahanapakkhandā diṭṭhisaṅkhātagahanaṃ paviṭṭhā parāmāsena sabhāvato parato āmasanalakkhaṇāya diṭṭhiyā mohitā pihitā santi.
๒๓๒. ตว สุเทฺธน นิกฺกิเลเสน ญาเณน อนาวรณทสฺสินา สพฺพธมฺมานํ อาวรณรหิตทสฺสนสีเลน เอเต สเพฺพ ติตฺถิยา อโนฺตชาลคตา ญาณชาลสฺสโนฺต ปเวสิตา วา ตเถวาติ สมฺพโนฺธฯ ญาณํ เต นาติวตฺตเรติ ตว ญาณํ เต ติตฺถิยา นาติกฺกมนฺตีติ อโตฺถฯ
232. Tava suddhena nikkilesena ñāṇena anāvaraṇadassinā sabbadhammānaṃ āvaraṇarahitadassanasīlena ete sabbe titthiyā antojālagatā ñāṇajālassanto pavesitā vā tathevāti sambandho. Ñāṇaṃ te nātivattareti tava ñāṇaṃ te titthiyā nātikkamantīti attho.
๒๓๓. เอวํ วุตฺตโถมนาวสาเน ภควโต อตฺตโน พฺยากรณารพฺภํ ทเสฺสตุํ ภควา ตมฺหิ สมเยติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยสฺมิํ สมเย ตาปโส ภควนฺตํ โถเมสิ, ตสฺมิํ โถมนาย ปริโยสานกาเล สงฺขฺยาติกฺกนฺตปริวารตาย มหายโส อโนมทสฺสี ภควา กิเลสมาราทีนํ ชิตตฺตา ชิโนฯ สมาธิมฺหา อปฺปิตสมาธิโต วุฎฺฐหิตฺวา สกลชมฺพุทีปํ ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกสีติ สมฺพโนฺธฯ
233. Evaṃ vuttathomanāvasāne bhagavato attano byākaraṇārabbhaṃ dassetuṃ bhagavā tamhi samayetiādimāha. Tattha yasmiṃ samaye tāpaso bhagavantaṃ thomesi, tasmiṃ thomanāya pariyosānakāle saṅkhyātikkantaparivāratāya mahāyaso anomadassī bhagavā kilesamārādīnaṃ jitattā jino. Samādhimhā appitasamādhito vuṭṭhahitvā sakalajambudīpaṃ dibbacakkhunā olokesīti sambandho.
๒๓๔-๕. ตสฺส อโนมทสฺสิสฺส ภควโต มุนิโน โมนสงฺขาเตน ญาเณน สมนฺนาคตสฺส นิสโภ นาม สาวโก สนฺตจิเตฺตหิ วูปสนฺตกิเลสมานเสหิ ตาทีหิ อิฎฺฐานิเฎฺฐสุ อกมฺปิยสภาวตฺตา, ตาทิภิ ขีณาสเวหิ สุเทฺธหิ ปริสุทฺธกายกมฺมาทิยุเตฺตหิ ฉฬภิเญฺญหิ ตาทีหิ อฎฺฐหิ โลกธเมฺมหิ อกมฺปนสภาเวหิ สตสหเสฺสหิ ปริวุโต พุทฺธสฺส จิตฺตํ, อญฺญาย ชานิตฺวา โลกนายกํ อุเปสิ, ตาวเทว สมีปํ อคมาสีติ สมฺพโนฺธฯ
234-5. Tassa anomadassissa bhagavato munino monasaṅkhātena ñāṇena samannāgatassa nisabho nāma sāvako santacittehi vūpasantakilesamānasehi tādīhi iṭṭhāniṭṭhesu akampiyasabhāvattā, tādibhi khīṇāsavehi suddhehi parisuddhakāyakammādiyuttehi chaḷabhiññehi tādīhi aṭṭhahi lokadhammehi akampanasabhāvehi satasahassehi parivuto buddhassa cittaṃ, aññāya jānitvā lokanāyakaṃ upesi, tāvadeva samīpaṃ agamāsīti sambandho.
๒๓๖. เต ตถา อาคตา สมานา ตตฺถ ภควโต สมีเปฯ อนฺตลิเกฺข อากาเส ฐิตา ภควนฺตํ ปทกฺขิณํ อกํสุฯ เต สเพฺพ ปญฺชลิกา นมสฺสมานา อากาสโต พุทฺธสฺส สนฺติเก โอตรุํ โอโรหิํสูติ สมฺพโนฺธฯ
236. Te tathā āgatā samānā tattha bhagavato samīpe. Antalikkhe ākāse ṭhitā bhagavantaṃ padakkhiṇaṃ akaṃsu. Te sabbe pañjalikā namassamānā ākāsato buddhassa santike otaruṃ orohiṃsūti sambandho.
๒๓๗. ปุน พฺยากรณทานสฺส ปุพฺพภาคการณํ ปกาเสโนฺต สิตํ ปาตุกรีติอาทิมาหฯ ตํ สพฺพํ อุตฺตานตฺถเมวฯ
237. Puna byākaraṇadānassa pubbabhāgakāraṇaṃ pakāsento sitaṃ pātukarītiādimāha. Taṃ sabbaṃ uttānatthameva.
๒๔๑. โย มํ ปุเปฺผนาติ โย ตาปโส มยิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา อเนกปุเปฺผน มํ ปูเชสิ, ญาณญฺจ เม อนุ ปุนปฺปุนํ ถวิ โถเมสิ, ตมหนฺติ ตํ ตาปสํ อหํ กิตฺตยิสฺสามิ ปากฎํ กริสฺสามิ, มม ภาสโต ภาสนฺตสฺส วจนํ สุโณถ สวนวิสยํ กโรถ มนสิ กโรถฯ
241.Yo maṃ pupphenāti yo tāpaso mayi cittaṃ pasādetvā anekapupphena maṃ pūjesi, ñāṇañca me anu punappunaṃ thavi thomesi, tamahanti taṃ tāpasaṃ ahaṃ kittayissāmi pākaṭaṃ karissāmi, mama bhāsato bhāsantassa vacanaṃ suṇotha savanavisayaṃ karotha manasi karotha.
๒๕๐. ปจฺฉิเม ภวสมฺปเตฺตติ พฺยากรณํ ททมาโน ภควา อาหฯ ตตฺถ ปจฺฉิเม ปริโยสานภูเต ภเว สมฺปเตฺต สติฯ มนุสฺสตฺตํ มนุสฺสชาติํ คมิสฺสติ, มนุสฺสโลเก อุปฺปชฺชิสฺสตีติ อโตฺถฯ รูปสารธนสารวยสารกุลสารโภคสารปุญฺญสาราทีหิ สาเรหิ สารวนฺตตาย สารี นาม พฺราหฺมณี กุจฺฉินา ธารยิสฺสติฯ
250.Pacchimebhavasampatteti byākaraṇaṃ dadamāno bhagavā āha. Tattha pacchime pariyosānabhūte bhave sampatte sati. Manussattaṃ manussajātiṃ gamissati, manussaloke uppajjissatīti attho. Rūpasāradhanasāravayasārakulasārabhogasārapuññasārādīhi sārehi sāravantatāya sārī nāma brāhmaṇī kucchinā dhārayissati.
๒๕๓. พฺยากรณมูลมารภิ อปริเมเยฺย อิโต กเปฺปติฯ เอตฺถ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ เอกํ อสเงฺขฺยยฺยํ กปฺปสตสหสฺสญฺจ ปารมี ปูริตา, ตถาปิ คาถาพนฺธสุขตฺถํ อนฺตรกปฺปานิ อุปาทาย เอวํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
253. Byākaraṇamūlamārabhi aparimeyye ito kappeti. Ettha dvinnaṃ aggasāvakānaṃ ekaṃ asaṅkhyeyyaṃ kappasatasahassañca pāramī pūritā, tathāpi gāthābandhasukhatthaṃ antarakappāni upādāya evaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ.
๒๕๔. ‘‘สาริปุโตฺตติ นาเมน, เหสฺสติ อคฺคสาวโก’’ติ พฺยากรณมทาสิ, พฺยากรณํ ทตฺวา ตํ โถเมโนฺต โส ภควา อยํ ภาคีรถีติอาทิมาหฯ คงฺคา, ยมุนา, สรภู, มหี, อจิรวตีติ อิมาสํ ปญฺจนฺนํ คงฺคานํ อนฺตเร อยํ ภาคีรถี นาม ปฐมมหาคงฺคา หิมวนฺตา ปภาวิตา หิมวนฺตโต อาคตา อโนตตฺตทหโต ปภวา, มโหทธิํ มหาอุทกกฺขนฺธํ อปฺปยนฺติ ปาปุณนฺติ, มหาสมุทฺทํ มหาสาครํ อเปฺปติ อุปคจฺฉติ ยถา, ตถา เอว อยํ สาริปุโตฺต สเก ตีสุ วิสารโท อตฺตโน กุเล ปวตฺตมาเนสุ ตีสุ เวเทสุ วิสารโท อปกฺขลิตญาโณ ปตฺถฎญาโณฯ ปญฺญาย ปารมิํ คนฺตฺวา อตฺตโน สาวกญาณสฺส ปริโยสานํ คนฺตฺวา, ปาณิเน สพฺพสเตฺต ตปฺปยิสฺสติ สนฺตเปฺปสฺสติ สุหิตฺตภาวํ กริสฺสตีติ อโตฺถฯ
254. ‘‘Sāriputtoti nāmena, hessati aggasāvako’’ti byākaraṇamadāsi, byākaraṇaṃ datvā taṃ thomento so bhagavā ayaṃ bhāgīrathītiādimāha. Gaṅgā, yamunā, sarabhū, mahī, aciravatīti imāsaṃ pañcannaṃ gaṅgānaṃ antare ayaṃ bhāgīrathī nāma paṭhamamahāgaṅgā himavantā pabhāvitā himavantato āgatā anotattadahato pabhavā, mahodadhiṃ mahāudakakkhandhaṃ appayanti pāpuṇanti, mahāsamuddaṃ mahāsāgaraṃ appeti upagacchati yathā, tathā eva ayaṃ sāriputto sake tīsu visārado attano kule pavattamānesu tīsu vedesu visārado apakkhalitañāṇo patthaṭañāṇo. Paññāya pāramiṃ gantvā attano sāvakañāṇassa pariyosānaṃ gantvā, pāṇine sabbasatte tappayissati santappessati suhittabhāvaṃ karissatīti attho.
๒๕๗. หิมวนฺตมุปาทายาติ หิมาลยปพฺพตํ อาทิํ กตฺวา มโหทธิํ มหาสมุทฺทํ อุทกภารํ สาครํ ปริโยสานํ กตฺวา เอตฺถนฺตเร เอเตสํ ทฺวินฺนํ ปพฺพตสาครานํ มเชฺฌ ยํ ปุลินํ ยตฺตกา วาลุกราสิ อตฺถิ, คณนาโต คณนวเสน อสงฺขิยํ สงฺขฺยาติกฺกนฺตํ ฯ
257.Himavantamupādāyāti himālayapabbataṃ ādiṃ katvā mahodadhiṃ mahāsamuddaṃ udakabhāraṃ sāgaraṃ pariyosānaṃ katvā etthantare etesaṃ dvinnaṃ pabbatasāgarānaṃ majjhe yaṃ pulinaṃ yattakā vālukarāsi atthi, gaṇanāto gaṇanavasena asaṅkhiyaṃ saṅkhyātikkantaṃ .
๒๕๘. ตมฺปิ สกฺกา อเสเสนาติ ตํ ปุลินมฺปิ นิเสเสน สงฺขาตุํ สกฺกา สกฺกุเณยฺย ภเวยฺย, สา คณนา ยถา โหตีติ สมฺพโนฺธฯ ตถา สาริปุตฺตสฺส ปญฺญาย อโนฺต ปริโยสานํ น เตฺวว ภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ
258.Tampi sakkā asesenāti taṃ pulinampi nisesena saṅkhātuṃ sakkā sakkuṇeyya bhaveyya, sā gaṇanā yathā hotīti sambandho. Tathā sāriputtassa paññāya anto pariyosānaṃ na tveva bhavissatīti attho.
๒๕๙. ลเกฺข…เป.… ภวิสฺสตีติ ลเกฺข ญาณลเกฺข ญาณสฺส เอกสฺมิํ กเล ฐปิยมานมฺหิ ฐปิเต สติ คงฺคาย วาลุกา ขีเย ปริกฺขยํ คเจฺฉยฺยาติ อโตฺถฯ
259.Lakkhe…pe…bhavissatīti lakkhe ñāṇalakkhe ñāṇassa ekasmiṃ kale ṭhapiyamānamhi ṭhapite sati gaṅgāya vālukā khīye parikkhayaṃ gaccheyyāti attho.
๒๖๐. มหาสมุเทฺทติ จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีเร จตุมหาสาคเร อูมิโย คาวุตาทิเภทา ตรงฺคราสโย คณนาโต อสงฺขิยา สงฺขฺยาวิรหิตา ยถา โหนฺติ, ตเถว สาริปุตฺตสฺส ปญฺญาย อโนฺต ปริโยสานํ น เหสฺสติ น ภวิสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ
260.Mahāsamuddeti caturāsītiyojanasahassagambhīre catumahāsāgare ūmiyo gāvutādibhedā taraṅgarāsayo gaṇanāto asaṅkhiyā saṅkhyāvirahitā yathā honti, tatheva sāriputtassa paññāya anto pariyosānaṃ na hessati na bhavissatīti sambandho.
๒๖๑. โส เอวํ ปญฺญวา สาริปุโตฺต โคตมโคตฺตตฺตา โคตมํ สกฺยกุเล เชฎฺฐกํ สกฺยปุงฺควํ สมฺพุทฺธํ อาราธยิตฺวา วตฺตปฎิปตฺติสีลาจาราทีหิ จิตฺตาราธนํ กตฺวา ปญฺญาย สาวกญาณสฺส ปารมิํ ปริโยสานํ คนฺตฺวา ตสฺส ภควโต อคฺคสาวโก เหสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ
261. So evaṃ paññavā sāriputto gotamagottattā gotamaṃ sakyakule jeṭṭhakaṃ sakyapuṅgavaṃ sambuddhaṃ ārādhayitvā vattapaṭipattisīlācārādīhi cittārādhanaṃ katvā paññāya sāvakañāṇassa pāramiṃ pariyosānaṃ gantvā tassa bhagavato aggasāvako hessatīti sambandho.
๒๖๒. โส เอวํ อคฺคสาวกฎฺฐานํ ปโตฺต สกฺยปุเตฺตน ภควตา อิฎฺฐานิเฎฺฐสุ อกมฺปิยสภาเวน ปวตฺติตํ ปากฎํ กตํ ธมฺมจกฺกํ สทฺธมฺมํ อนุวเตฺตสฺสติ อวินสฺสมานํ ธาเรสฺสติฯ ธมฺมวุฎฺฐิโย ธมฺมเทสนาสงฺขาตา วุฎฺฐิโย วเสฺสโนฺต เทเสโนฺต ปกาเสโนฺต วิวรโนฺต วิภชโนฺต อุตฺตานีกโรโนฺต ปวตฺติสฺสตีติ อโตฺถฯ
262. So evaṃ aggasāvakaṭṭhānaṃ patto sakyaputtena bhagavatā iṭṭhāniṭṭhesu akampiyasabhāvena pavattitaṃ pākaṭaṃ kataṃ dhammacakkaṃ saddhammaṃ anuvattessati avinassamānaṃ dhāressati. Dhammavuṭṭhiyo dhammadesanāsaṅkhātā vuṭṭhiyo vassento desento pakāsento vivaranto vibhajanto uttānīkaronto pavattissatīti attho.
๒๖๓. โคตโม สกฺยปุงฺคโว ภควา เอตํ สพฺพํ อภิญฺญาย วิเสเสน ญาเณน ชานิตฺวา ภิกฺขุสเงฺฆ อริยปุคฺคลมเชฺฌ นิสีทิตฺวา อคฺคฎฺฐาเน สกลปญฺญาทิคุณคณาภิรเม อุจฺจฎฺฐาเน ฐเปสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ
263. Gotamo sakyapuṅgavo bhagavā etaṃ sabbaṃ abhiññāya visesena ñāṇena jānitvā bhikkhusaṅghe ariyapuggalamajjhe nisīditvā aggaṭṭhāne sakalapaññādiguṇagaṇābhirame uccaṭṭhāne ṭhapessatīti sambandho.
๒๖๔. เอวํ โส ลทฺธพฺยากรโณ โสมนสฺสปฺปโตฺต ปีติโสมนสฺสวเสน อุทานํ อุทาเนโนฺต อโห เม สุกตํ กมฺมนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อโหติ วิมฺหยเตฺถ นิปาโตฯ อโนมทสฺสิสฺส ภควโต สตฺถุโน ครุโน สุกตํ สุฎฺฐุ กตํ สทฺทหิตฺวา กตํ กมฺมํ ปุญฺญโกฎฺฐาสํ อโห วิมฺหยํ อจิเนฺตยฺยานุภาวนฺติ อโตฺถฯ ยสฺส ภควโต อหํ การํ ปุญฺญสมฺภารํ กตฺวา สพฺพตฺถ สกลคุณคเณ ปารมิํ ปริโยสานํ คโต ปรมํ โกฎิํ สมฺปโตฺต, โส ภควา อโห วิมฺหโยติ สมฺพโนฺธฯ
264. Evaṃ so laddhabyākaraṇo somanassappatto pītisomanassavasena udānaṃ udānento aho me sukataṃ kammantiādimāha. Tattha ahoti vimhayatthe nipāto. Anomadassissa bhagavato satthuno garuno sukataṃ suṭṭhu kataṃ saddahitvā kataṃ kammaṃ puññakoṭṭhāsaṃ aho vimhayaṃ acinteyyānubhāvanti attho. Yassa bhagavato ahaṃ kāraṃ puññasambhāraṃ katvā sabbattha sakalaguṇagaṇe pāramiṃ pariyosānaṃ gato paramaṃ koṭiṃ sampatto, so bhagavā aho vimhayoti sambandho.
๒๖๕. อปริเมเยฺยติ สงฺขฺยาติกฺกนฺตกาลสฺมิํ กตํ กุสลกมฺมํ, เม มยฺหํ อิธ อิมสฺมิํ ปจฺฉิมตฺตภาเว ผลํ วิปากํ ทเสฺสสิฯ สุมุโตฺต สุฎฺฐุ วิมุโตฺต เฉเกน ธนุคฺคเหน ขิโตฺต สรเวโค อิว อหํ เตน ปุญฺญผเลน กิเลเส ฌาปยิํ ฌาเปสินฺติ อโตฺถฯ
265.Aparimeyyeti saṅkhyātikkantakālasmiṃ kataṃ kusalakammaṃ, me mayhaṃ idha imasmiṃ pacchimattabhāve phalaṃ vipākaṃ dassesi. Sumutto suṭṭhu vimutto chekena dhanuggahena khitto saravego iva ahaṃ tena puññaphalena kilese jhāpayiṃ jhāpesinti attho.
๒๖๖. อตฺตโน เอว วีริยํ ปกาเสโนฺต อสงฺขตนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อสงฺขตนฺติ น สงฺขตํ, ปจฺจเยหิ สมาคมฺม น กตนฺติ อโตฺถฯ ตํ อสงฺขตํ นิพฺพานํ กิเลสกาลุสฺสิยาภาเวน อจลํ กตสมฺภารานํ ปติฎฺฐเฎฺฐน ปทํ คเวสโนฺต ปริเยสโนฺต สเพฺพ ติตฺถิเย สกเล ติตฺถกเร ทิฎฺฐุปฺปาทเก ปุคฺคเล วิจินํ อุปปริกฺขโนฺต เอสาหํ เอโส อหํ ภเว กามภวาทิเก ภเว สํสริํ ปริพฺภมินฺติ สมฺพโนฺธฯ
266. Attano eva vīriyaṃ pakāsento asaṅkhatantiādimāha. Tattha asaṅkhatanti na saṅkhataṃ, paccayehi samāgamma na katanti attho. Taṃ asaṅkhataṃ nibbānaṃ kilesakālussiyābhāvena acalaṃ katasambhārānaṃ patiṭṭhaṭṭhena padaṃ gavesanto pariyesanto sabbe titthiye sakale titthakare diṭṭhuppādake puggale vicinaṃ upaparikkhanto esāhaṃ eso ahaṃ bhave kāmabhavādike bhave saṃsariṃ paribbhaminti sambandho.
๒๖๗-๘. อตฺตโน อธิปฺปายํ ปกาเสโนฺต ยถาปิ พฺยาธิโต โปโสติอาทิมาหฯ ตตฺถ พฺยาธิโตติ พฺยาธินา ปีฬิโต โปโส ปุริโส โอสธํ ปริเยเสยฺย ยถา, ตถา อหํ อสงฺขตํ อมตํ ปทํ นิพฺพานํ คเวสโนฺต อโพฺพกิณฺณํ อวิจฺฉินฺนํ นิรนฺตรํ, ปญฺจสตํ ชาติปญฺจสเตสุ อตฺตภาเวสุ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชินฺติ สมฺพโนฺธฯ
267-8. Attano adhippāyaṃ pakāsento yathāpi byādhito posotiādimāha. Tattha byādhitoti byādhinā pīḷito poso puriso osadhaṃ pariyeseyya yathā, tathā ahaṃ asaṅkhataṃ amataṃ padaṃ nibbānaṃ gavesanto abbokiṇṇaṃ avicchinnaṃ nirantaraṃ, pañcasataṃ jātipañcasatesu attabhāvesu isipabbajjaṃ pabbajinti sambandho.
๒๗๑. กุติเตฺถ สญฺจริํ อหนฺติ ลามเก ติเตฺถ คมนมเคฺค อหํ สญฺจริํฯ
271.Kutitthe sañcariṃ ahanti lāmake titthe gamanamagge ahaṃ sañcariṃ.
๒๗๒. สารตฺถิโก โปโส สารคเวสี ปุริโสฯ กทลิํ เฉตฺวาน ผาลเยติ กทลิกฺขนฺธํ เฉตฺวา เทฺวธา ผาเลยฺยฯ น ตตฺถ สารํ วิเนฺทยฺยาติ ผาเลตฺวา จ ปน ตตฺถ กทลิกฺขเนฺธ สารํ น วิเนฺทยฺย น ลเภยฺย, โส ปุริโส สาเรน ริตฺตโก ตุโจฺฉติ สมฺพโนฺธฯ
272.Sāratthiko poso sāragavesī puriso. Kadaliṃ chetvāna phālayeti kadalikkhandhaṃ chetvā dvedhā phāleyya. Na tattha sāraṃ vindeyyāti phāletvā ca pana tattha kadalikkhandhe sāraṃ na vindeyya na labheyya, so puriso sārena rittako tucchoti sambandho.
๒๗๓. ยถา กทลิกฺขโนฺธ สาเรน ริโตฺต ตุโจฺฉ, ตเถว ตถา เอว โลเก ติตฺถิยา นานาทิฎฺฐิคติกา พหุชฺชนา อสงฺขเตน นิพฺพาเนน ริตฺตา ตุจฺฉาติ สมฺพโนฺธฯ เสติ นิปาตมตฺตํฯ
273. Yathā kadalikkhandho sārena ritto tuccho, tatheva tathā eva loke titthiyā nānādiṭṭhigatikā bahujjanā asaṅkhatena nibbānena rittā tucchāti sambandho. Seti nipātamattaṃ.
๒๗๔. ปจฺฉิมภเว ปริโยสานชาติยํ พฺรหฺมพนฺธุ พฺราหฺมณกุเล ชาโต อหํ อโหสินฺติ อโตฺถฯ มหาโภคํ ฉเฑฺฑตฺวานาติ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ เขฬปิณฺฑํ อิว ฉเฑฺฑตฺวา, อนคาริยํ กสิวาณิชฺชาทิกมฺมวิรหิตํ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิํ ปฎิปชฺชินฺติ อโตฺถฯ
274.Pacchimabhave pariyosānajātiyaṃ brahmabandhu brāhmaṇakule jāto ahaṃ ahosinti attho. Mahābhogaṃ chaḍḍetvānāti mahantaṃ bhogakkhandhaṃ kheḷapiṇḍaṃ iva chaḍḍetvā, anagāriyaṃ kasivāṇijjādikammavirahitaṃ tāpasapabbajjaṃ pabbajiṃ paṭipajjinti attho.
ปฐมภาณวารวณฺณนา สมตฺตาฯ
Paṭhamabhāṇavāravaṇṇanā samattā.
๒๗๕-๗. อชฺฌายโก…เป.… มุนิํ โมเน สมาหิตนฺติ โมนํ วุจฺจติ ญาณํ, เตน โมเนน สมนฺนาคโต มุนิ, ตสฺมิํ โมเน สมฺมา อาหิตํ ฐปิตํ สมาหิตํ จิตฺตนฺติ อโตฺถฯ อาคุสงฺขาตํ ปาปํ น กโรตีติ นาโค, อสฺสชิเตฺถโร, ตํ มหานาคํ สุฎฺฐุ ผุลฺลํ วิกสิตปทุมํ ยถา วิโรจมานนฺติ อโตฺถฯ
275-7.Ajjhāyako…pe… muniṃ mone samāhitanti monaṃ vuccati ñāṇaṃ, tena monena samannāgato muni, tasmiṃ mone sammā āhitaṃ ṭhapitaṃ samāhitaṃ cittanti attho. Āgusaṅkhātaṃ pāpaṃ na karotīti nāgo, assajitthero, taṃ mahānāgaṃ suṭṭhu phullaṃ vikasitapadumaṃ yathā virocamānanti attho.
๒๗๘-๒๘๑. ทิสฺวา เม…เป.… ปุจฺฉิตุํ อมตํ ปทนฺติ อุตฺตานตฺถเมวฯ
278-281.Disvā me…pe…pucchituṃ amataṃ padanti uttānatthameva.
๒๘๒. วีถินฺตเรติ วีถิอนฺตเร อนุปฺปตฺตํ สมฺปตฺตํ อุปคตํ ตํ เถรํ อุปคนฺตฺวาน สมีปํ คนฺตฺวา อหํ ปุจฺฉินฺติ สมฺพโนฺธฯ
282.Vīthintareti vīthiantare anuppattaṃ sampattaṃ upagataṃ taṃ theraṃ upagantvāna samīpaṃ gantvā ahaṃ pucchinti sambandho.
๒๘๔. กีทิสํ เต มหาวีราติ สกลธิติปุริสสาสเน อรหนฺตานมนฺตเร ปฐมํ ธมฺมจกฺกปวตฺตเน, อรหตฺตปฺปตฺตมหาวีร, อนุชาตปริวารพหุลตาย มหายส เต ตว พุทฺธสฺส กีทิสํ สาสนํ ธมฺมํ ธมฺมเทสนาสงฺขาตํ สาสนนฺติ สมฺพโนฺธฯ โส ภทฺรมุข, เม มยฺหํ สาธุ ภทฺทกํ สาสนํ กถยสฺสุ กเถหีติ อโตฺถฯ
284.Kīdisaṃ te mahāvīrāti sakaladhitipurisasāsane arahantānamantare paṭhamaṃ dhammacakkapavattane, arahattappattamahāvīra, anujātaparivārabahulatāya mahāyasa te tava buddhassa kīdisaṃ sāsanaṃ dhammaṃ dhammadesanāsaṅkhātaṃ sāsananti sambandho. So bhadramukha, me mayhaṃ sādhu bhaddakaṃ sāsanaṃ kathayassu kathehīti attho.
๒๘๕. ตโต กถิตาการํ ทเสฺสโนฺต โส เม ปุโฎฺฐติอาทิมาหฯ ตตฺถ โสติ อสฺสชิเตฺถโร, เม มยา ปุโฎฺฐ ‘‘สาสนํ กีทิส’’นฺติ กถิโต สพฺพํ กถํ กเถสิฯ สพฺพํ สาสนํ สตฺถคมฺภีรตาย คมฺภีรํ เทสนาธมฺมปฎิเวธคมฺภีรตาย คมฺภีรํ ปรมตฺถสจฺจวิภาวิตาทิวเสน นิปุณํ ปทํ นิพฺพานํ ตณฺหาสลฺลสฺส หนฺตารํ วินาสกรํ สพฺพสฺส สํสารทุกฺขสฺส อปนุทนํ เขปนกรํ ธมฺมนฺติ สมฺพโนฺธฯ
285. Tato kathitākāraṃ dassento so me puṭṭhotiādimāha. Tattha soti assajitthero, me mayā puṭṭho ‘‘sāsanaṃ kīdisa’’nti kathito sabbaṃ kathaṃ kathesi. Sabbaṃ sāsanaṃ satthagambhīratāya gambhīraṃ desanādhammapaṭivedhagambhīratāya gambhīraṃ paramatthasaccavibhāvitādivasena nipuṇaṃ padaṃ nibbānaṃ taṇhāsallassa hantāraṃ vināsakaraṃ sabbassa saṃsāradukkhassa apanudanaṃ khepanakaraṃ dhammanti sambandho.
๒๘๖. เตน กถิตาการํ ทเสฺสโนฺต เย ธมฺมาติอาทิมาหฯ เหตุปฺปภวา เหตุโต การณโต อุปฺปนฺนา ชาตา ภูตา สญฺชาตา นิพฺพตฺตา อภินิพฺพตฺตา, เย ธมฺมา เย สปฺปจฺจยา สภาวธมฺมา สนฺติ สํวิชฺชนฺติ อุปลภนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ เตสํ ธมฺมานํ เหตุํ การณํ ตถาคโต อาห กเถสิฯ เตสญฺจ โย นิโรโธติ เตสํ เหตุธมฺมานํ โย นิโรโธ นิรุชฺฌนสภาโว, เอวํวาที มหาสมโณติ สีลสมาธิปญฺญาทิคุณปริวารมหนฺตตาย สมิตปาปตฺตา วิทฺธํสิตปาปตฺตา จ มหาสมโณ ภควา เอวํวาที เหตุวูปสมนาทิวทนสีโล กเถตาติ อโตฺถฯ
286. Tena kathitākāraṃ dassento ye dhammātiādimāha. Hetuppabhavā hetuto kāraṇato uppannā jātā bhūtā sañjātā nibbattā abhinibbattā, ye dhammā ye sappaccayā sabhāvadhammā santi saṃvijjanti upalabhantīti sambandho. Tesaṃ dhammānaṃ hetuṃ kāraṇaṃ tathāgato āha kathesi. Tesañca yo nirodhoti tesaṃ hetudhammānaṃ yo nirodho nirujjhanasabhāvo, evaṃvādī mahāsamaṇoti sīlasamādhipaññādiguṇaparivāramahantatāya samitapāpattā viddhaṃsitapāpattā ca mahāsamaṇo bhagavā evaṃvādī hetuvūpasamanādivadanasīlo kathetāti attho.
๒๘๗. ตโต วุตฺตธมฺมํ สุตฺวา อตฺตนา ปจฺจกฺขกตปฺปการํ ทเสฺสโนฺต โสหนฺติอาทิมาหฯ ตํ อุตฺตานเมวฯ
287. Tato vuttadhammaṃ sutvā attanā paccakkhakatappakāraṃ dassento sohantiādimāha. Taṃ uttānameva.
๒๘๙. เอเสว ธโมฺม ยทิตาวเทวาติ สเจปิ อิโต อุตฺตริํ นตฺถิ, เอตฺตกเมว อิทํ โสตาปตฺติผลเมว ปตฺตพฺพํฯ ตถา เอโส เอว ธโมฺมติ อโตฺถฯ ปจฺจพฺยถ ปฎิวิทฺธถ ตุเมฺห อโสกํ ปทํ นิพฺพานํฯ อเมฺหหิ นาม อิทํ ปทํ พหุเกหิ กปฺปนหุเตหิ อทิฎฺฐเมว อพฺภตีตํฯ
289.Eseva dhammo yaditāvadevāti sacepi ito uttariṃ natthi, ettakameva idaṃ sotāpattiphalameva pattabbaṃ. Tathā eso eva dhammoti attho. Paccabyatha paṭividdhatha tumhe asokaṃ padaṃ nibbānaṃ. Amhehi nāma idaṃ padaṃ bahukehi kappanahutehi adiṭṭhameva abbhatītaṃ.
๒๙๐. ยฺวาหํ ธมฺมํ คเวสโนฺตติ โย อหํ ธมฺมํ สนฺติปทํ คเวสโนฺต ปริเยสโนฺต กุติเตฺถ กุจฺฉิตติเตฺถ นินฺทิตพฺพติเตฺถ สญฺจริํ ปริพฺภมินฺติ อโตฺถฯ โส เม อโตฺถ อนุปฺปโตฺตติ โส ปริเยสิตโพฺพ อโตฺถ มยา อนุปฺปโตฺต สมฺปโตฺต, อิทานิ ปน เม มยฺหํ นปฺปมชฺชิตุํ อปฺปมาเทน ภวิตุํ กาโลติ อโตฺถฯ
290.Yvāhaṃdhammaṃ gavesantoti yo ahaṃ dhammaṃ santipadaṃ gavesanto pariyesanto kutitthe kucchitatitthe ninditabbatitthe sañcariṃ paribbhaminti attho. So me attho anuppattoti so pariyesitabbo attho mayā anuppatto sampatto, idāni pana me mayhaṃ nappamajjituṃ appamādena bhavituṃ kāloti attho.
๒๙๑. อหํ อสฺสชินา เถเรน โตสิโต กตโสมนโสฺส, อจลํ นิจฺจลํ นิพฺพานปทํ, ปตฺวาน ปาปุณิตฺวา สหายกํ โกลิตมาณวํ คเวสโนฺต ปริเยสโนฺต อสฺสมปทํ อคมาสินฺติ อโตฺถฯ
291. Ahaṃ assajinā therena tosito katasomanasso, acalaṃ niccalaṃ nibbānapadaṃ, patvāna pāpuṇitvā sahāyakaṃ kolitamāṇavaṃ gavesanto pariyesanto assamapadaṃ agamāsinti attho.
๒๙๒. ทูรโตว มมํ ทิสฺวาติ อสฺสมปทโต ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ มมํ ทิสฺวา สุสิกฺขิโต เม มม สหาโย ฐานนิสชฺชาทิอิริยาปเถหิ สมฺปโนฺน สมงฺคีภูโต อิทํ อุปริ วุจฺจมานวจนํ อพฺรวิ กเถสีติ อโตฺถฯ
292.Dūratova mamaṃ disvāti assamapadato dūratova āgacchantaṃ mamaṃ disvā susikkhito me mama sahāyo ṭhānanisajjādiiriyāpathehi sampanno samaṅgībhūto idaṃ upari vuccamānavacanaṃ abravi kathesīti attho.
๒๙๓. โภ สหาย, ปสนฺนมุขเนตฺตาสิ ปสเนฺนหิ โสภเนหิ ททฺทลฺลมาเนหิ มุขเนเตฺตหิ สมนฺนาคโต อสิฯ มุนิภาโว อิว เต ทิสฺสติ ปญฺญายติฯ อิตฺถมฺภูโต ตฺวํ อมตาธิคโต อมตํ นิพฺพานํ อธิคโต อสิ, กจฺจิ อจฺจุตํ นิพฺพานปทํ อธิคโต อธิคจฺฉีติ ปุจฺฉามีติ อโตฺถฯ
293. Bho sahāya, pasannamukhanettāsi pasannehi sobhanehi daddallamānehi mukhanettehi samannāgato asi. Munibhāvo iva te dissati paññāyati. Itthambhūto tvaṃ amatādhigato amataṃ nibbānaṃ adhigato asi, kacci accutaṃ nibbānapadaṃ adhigato adhigacchīti pucchāmīti attho.
๒๙๔. สุภานุรูโป อายาสีติ สุภสฺส ปสนฺนวณฺณสฺส อนุรูโป หุตฺวา อายาสิ อาคจฺฉสิฯ อาเนญฺชการิโต วิยาติ โตมราทีหิ การิโต อาเนโญฺช หตฺถี วิย ทโนฺตว ตีหิ มาเสหิ สุสิกฺขิโต อิว พาหิตปาปตฺตา, พฺราหฺมณ ทนฺตทมโถ สิกฺขิตสิโกฺข นิพฺพานปเท อุปสโนฺต อสีติ ปุจฺฉิฯ
294.Subhānurūpoāyāsīti subhassa pasannavaṇṇassa anurūpo hutvā āyāsi āgacchasi. Āneñjakārito viyāti tomarādīhi kārito āneñjo hatthī viya dantova tīhi māsehi susikkhito iva bāhitapāpattā, brāhmaṇa dantadamatho sikkhitasikkho nibbānapade upasanto asīti pucchi.
๒๙๕. เตน ปุโฎฺฐ อมตํ มยาติอาทิมาหฯ ตํ อุตฺตานตฺถเมวฯ
295. Tena puṭṭho amataṃ mayātiādimāha. Taṃ uttānatthameva.
๒๙๙. อปริโยสิตสงฺกโปฺปติ ‘‘อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส อคฺคสาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถิตปตฺถนาย โกฎิํ อปฺปตฺตสงฺกโปฺปติ อโตฺถฯ กุติเตฺถ อคนฺตพฺพมเคฺค อหํ สญฺจริํ ปริพฺภมิํฯ ภเนฺต โคตม, โลกเชฎฺฐ ตว ทสฺสนํ อาคมฺม ปตฺวา, มม สงฺกโปฺป มยฺหํ ปตฺถนา ปูริโต อรหตฺตมคฺคาธิคเมน สาวกปารมีญาณสฺส ปาปุณเนน ปริปุโณฺณติ อธิปฺปาโยฯ
299.Apariyositasaṅkappoti ‘‘anāgate ekassa buddhassa aggasāvako bhaveyya’’nti patthitapatthanāya koṭiṃ appattasaṅkappoti attho. Kutitthe agantabbamagge ahaṃ sañcariṃ paribbhamiṃ. Bhante gotama, lokajeṭṭha tava dassanaṃ āgamma patvā, mama saṅkappo mayhaṃ patthanā pūrito arahattamaggādhigamena sāvakapāramīñāṇassa pāpuṇanena paripuṇṇoti adhippāyo.
๓๐๐. ปถวิยํ ปติฎฺฐายาติ ปถวิยํ นิพฺพตฺตา สมเย เหมนฺตกาเล ปุปฺผนฺติ วิกสนฺติ, ทิพฺพคนฺธา สุคนฺธา สุฎฺฐุ ปวนฺติ ปวายนฺติ, สพฺพปาณินํ สเพฺพ เทวมนุเสฺส โตเสนฺติ โสมนสฺสยุเตฺต กโรนฺติ ยถาฯ
300.Pathaviyaṃpatiṭṭhāyāti pathaviyaṃ nibbattā samaye hemantakāle pupphanti vikasanti, dibbagandhā sugandhā suṭṭhu pavanti pavāyanti, sabbapāṇinaṃ sabbe devamanusse tosenti somanassayutte karonti yathā.
๓๐๑. ตเถวาหํ มหาวีราติ มหาวีริยวนฺตสกฺยกุลปสุตมหาปริวาร เต ตว สาสเน ปติฎฺฐาย อหํ ปติฎฺฐหิตฺวา ปุปฺผิตุํ อรหตฺตมคฺคญาเณน วิกสิตุํ สมยํ กาลํ เอสามิ คเวสามิ ตเถวาติ สมฺพโนฺธฯ
301.Tathevāhaṃ mahāvīrāti mahāvīriyavantasakyakulapasutamahāparivāra te tava sāsane patiṭṭhāya ahaṃ patiṭṭhahitvā pupphituṃ arahattamaggañāṇena vikasituṃ samayaṃ kālaṃ esāmi gavesāmi tathevāti sambandho.
๓๐๒. วิมุตฺติปุปฺผนฺติ สพฺพกิเลเสหิ วิมุจฺจนโต วิโมจนโต วา วิมุตฺติ อรหตฺตผลวิมุตฺติสงฺขาตํ ปุปฺผํ เอสโนฺต คเวเสโนฺต, ตญฺจ โข ภวสํสารโมจนํ กามภวาทิภเวสุ สํสรณํ คมนํ ภวสํสารํ, ตโต โมจนํ ภวสํสารโมจนํฯ วิมุตฺติปุปฺผลาเภนาติ วิมุจฺจนํ วิมุจฺจนฺติ วา กตสมฺภารา เอตายาติ วิมุตฺติ, อคฺคผลํฯ ปุปฺผนฺติ วิกสนฺติ เวเนยฺยา เอเตนาติ ปุปฺผํฯ วิมุตฺติ เอว ปุปฺผํ วิมุตฺติปุปฺผํฯ ลภนํ ลาโภ, วิมุตฺติปุปฺผสฺส ลาโภ วิมุตฺติปุปฺผลาโภฯ เตน วิมุตฺติปุปฺผลาเภน อธิคมเนน สพฺพปาณินํ สพฺพสเตฺต โตเสมิ โสมนสฺสํ ปาเปมีติ อโตฺถฯ
302.Vimuttipupphanti sabbakilesehi vimuccanato vimocanato vā vimutti arahattaphalavimuttisaṅkhātaṃ pupphaṃ esanto gavesento, tañca kho bhavasaṃsāramocanaṃ kāmabhavādibhavesu saṃsaraṇaṃ gamanaṃ bhavasaṃsāraṃ, tato mocanaṃ bhavasaṃsāramocanaṃ. Vimuttipupphalābhenāti vimuccanaṃ vimuccanti vā katasambhārā etāyāti vimutti, aggaphalaṃ. Pupphanti vikasanti veneyyā etenāti pupphaṃ. Vimutti eva pupphaṃ vimuttipupphaṃ. Labhanaṃ lābho, vimuttipupphassa lābho vimuttipupphalābho. Tena vimuttipupphalābhena adhigamanena sabbapāṇinaṃ sabbasatte tosemi somanassaṃ pāpemīti attho.
๓๐๓. ‘‘ยาวตา พุทฺธเขตฺตมฺหี’’ติอาทีสุ จกฺขุม ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมนฺต ยตฺตเก ฐาเน รตนสุตฺตาทีนํ ปริตฺตานํ อาณา อานุภาโว ปวตฺตติ, ตตฺตเก สตสหสฺสโกฎิจกฺกวาฬสงฺขาเต พุทฺธเขเตฺต ฐเปตฺวาน มหามุนิํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ วเชฺชตฺวา อวเสเสสุ สเตฺตสุ อโญฺญ โกจิ ตว ปุตฺตสฺส ตุยฺหํ ปุเตฺตน มยา ปญฺญาย สทิโส สโม นตฺถีติ สมฺพโนฺธฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ
303.‘‘Yāvatābuddhakhettamhī’’tiādīsu cakkhuma pañcahi cakkhūhi cakkhumanta yattake ṭhāne ratanasuttādīnaṃ parittānaṃ āṇā ānubhāvo pavattati, tattake satasahassakoṭicakkavāḷasaṅkhāte buddhakhette ṭhapetvāna mahāmuniṃ sammāsambuddhaṃ vajjetvā avasesesu sattesu añño koci tava puttassa tuyhaṃ puttena mayā paññāya sadiso samo natthīti sambandho. Sesaṃ uttānameva.
๓๐๘. ปฎิปนฺนาติ จตุมคฺคสมงฺคิโน จ ผลฎฺฐา อรหตฺตผเล ฐิตา จ เสขา ผลสมงฺคิโน เหฎฺฐิเมหิ ตีหิ ผเลหิ สมนฺนาคตา จ เอเต อฎฺฐ อริยภิกฺขู, อุตฺตมตฺถํ นิพฺพานํ อาสีสกา คเวสกา, ตํ ปญฺญวนฺตํ ปริวาเรนฺติ สทา สพฺพกาลํ เสวนฺติ ภชนฺติ ปยิรุปาสนฺตีติ อโตฺถฯ
308.Paṭipannāti catumaggasamaṅgino ca phalaṭṭhā arahattaphale ṭhitā ca sekhā phalasamaṅgino heṭṭhimehi tīhi phalehi samannāgatā ca ete aṭṭha ariyabhikkhū, uttamatthaṃ nibbānaṃ āsīsakā gavesakā, taṃ paññavantaṃ parivārenti sadā sabbakālaṃ sevanti bhajanti payirupāsantīti attho.
๓๑๐. กายเวทนาจิตฺตธมฺมานุปสฺสนาสงฺขาตานํ จตุนฺนํ สติปฎฺฐานานํ กุสลา เฉกา สติสโมฺพชฺฌงฺคาทีนํ สตฺตนฺนํ สโมฺพชฺฌงฺคานํ ภาวนายวฑฺฒนาย รตา อลฺลีนาฯ
310. Kāyavedanācittadhammānupassanāsaṅkhātānaṃ catunnaṃ satipaṭṭhānānaṃ kusalā chekā satisambojjhaṅgādīnaṃ sattannaṃ sambojjhaṅgānaṃ bhāvanāyavaḍḍhanāya ratā allīnā.
๓๑๔
314
. อุฬุราชาว ตารกราชา อิว จ โสภสิฯ
.Uḷurājāva tārakarājā iva ca sobhasi.
๓๑๕. รุกฺขปพฺพตรตนสตฺตาทโย ธาเรตีติ ธรณี, ธรณิยํ รุหา สญฺชาตา วฑฺฒิตา จาติ ธรณีรุหา รุกฺขาฯ ปถวิยํ ปติฎฺฐาย รุหนฺติ วฑฺฒนฺติ วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ อาปชฺชนฺติฯ เวปุลฺลตํ วิปุลภาวํ ปริปูรภาวํ ปาปุณนฺติ, เต รุกฺขา กเมน ผลํ ทสฺสยนฺติ ผลธาริโน โหนฺติฯ
315. Rukkhapabbataratanasattādayo dhāretīti dharaṇī, dharaṇiyaṃ ruhā sañjātā vaḍḍhitā cāti dharaṇīruhā rukkhā. Pathaviyaṃ patiṭṭhāya ruhanti vaḍḍhanti vuddhiṃ virūḷhiṃ āpajjanti. Vepullataṃ vipulabhāvaṃ paripūrabhāvaṃ pāpuṇanti, te rukkhā kamena phalaṃ dassayanti phaladhārino honti.
๓๑๗-๙. ปุนปิ ภควนฺตเมว โถเมโนฺต สินฺธุ สรสฺสตีติอาทิมาหฯ ตตฺถ สินฺธุวาทิ นาม คงฺคา จ สรสฺสตี นาม คงฺคา จ นนฺทิยคงฺคา จ จนฺทภาคาคงฺคา จ คงฺคา นาม คงฺคา จ ยมุนา นาม คงฺคา จ สรภู นาม คงฺคา จ มหี นาม คงฺคา จฯ สนฺทมานานํ คจฺฉนฺตีนํ เอตาสํ คงฺคานํ สาคโรว สมุโทฺท เอว สมฺปฎิจฺฉติ ปฎิคฺคณฺหาติ ธาเรติฯ ตทา เอตา สพฺพคงฺคา ปุริมํ นามํ สินฺธุวาทิคงฺคาตฺยาทิกํ ปุริมํ นามปญฺญตฺติโวหารํ ชหนฺติ ฉเฑฺฑนฺติ สาคโรเตว สาคโร อิติ เอว ญายติ ปากฎา ภวติ ยถาฯ ตเถว ตถา เอว อิเม จตุพฺพณฺณา ขตฺติยพฺราหฺมณเวสฺสสุทฺทสงฺขาตา จตฺตาโร กุลา ตวนฺติเก ตว อนฺติเก สมีเป ปพฺพชิตฺวา ปตฺตกาสายจีวรธาริโน ปริจรนฺตา ปุริมํ นามํ ขตฺติยาทินามเธยฺยํ ปญฺญตฺติโวหารํ ชหนฺติ จชนฺติ, พุทฺธปุตฺตาติ พุทฺธสฺส โอรสาติ ญายเร ปากฎา ภเวยฺยุํฯ
317-9. Punapi bhagavantameva thomento sindhu sarassatītiādimāha. Tattha sindhuvādi nāma gaṅgā ca sarassatī nāma gaṅgā ca nandiyagaṅgā ca candabhāgāgaṅgā ca gaṅgā nāma gaṅgā ca yamunā nāma gaṅgā ca sarabhū nāma gaṅgā ca mahī nāma gaṅgā ca. Sandamānānaṃ gacchantīnaṃ etāsaṃ gaṅgānaṃ sāgarova samuddo eva sampaṭicchati paṭiggaṇhāti dhāreti. Tadā etā sabbagaṅgā purimaṃ nāmaṃ sindhuvādigaṅgātyādikaṃ purimaṃ nāmapaññattivohāraṃ jahanti chaḍḍenti sāgaroteva sāgaro iti eva ñāyati pākaṭā bhavati yathā. Tatheva tathā eva imecatubbaṇṇā khattiyabrāhmaṇavessasuddasaṅkhātā cattāro kulā tavantike tava antike samīpe pabbajitvā pattakāsāyacīvaradhārino paricarantā purimaṃ nāmaṃ khattiyādināmadheyyaṃ paññattivohāraṃ jahanti cajanti, buddhaputtāti buddhassa orasāti ñāyare pākaṭā bhaveyyuṃ.
๓๒๐-๔. จโนฺท จนฺทมณฺฑโล อพฺภา มหิกา รโช ธุโม ราหูติ ปญฺจหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิรหิตตฺตา วิมโล วิคตมโล นิมฺมโล, อากาสธาตุยา อากาสคเพฺภ คจฺฉํ คจฺฉโนฺต, สเพฺพ ตารกสมูเห อาภาย มทฺทมาโน โลเก อติโรจติ ททฺทลฺลติ ยถาฯ ตเถว ตถา เอว ตฺวํ…เป.…ฯ
320-4.Cando candamaṇḍalo abbhā mahikā rajo dhumo rāhūti pañcahi upakkilesehi virahitattā vimalo vigatamalo nimmalo, ākāsadhātuyā ākāsagabbhe gacchaṃ gacchanto, sabbe tārakasamūhe ābhāya maddamāno loke atirocati daddallati yathā. Tatheva tathā eva tvaṃ…pe….
๓๒๕-๗. อุทเก ชาตา อุทเก สํวฑฺฒา กุมุทา มนฺทาลกา จ พหู สงฺขาติกฺกนฺตา, โตเยน อุทเกน กทฺทมกลเลน จ อุปลิมฺปนฺติ อลฺลียนฺติ ยถา, ตเถว พหุกา สตฺตา อปริมาณา สตฺตา โลเก ชาตา สํวฑฺฒา ราเคน จ โทเสน จ อฎฺฎิตา พนฺธิตา วิรูหเร วิรุหนฺติฯ กทฺทเม กุมุทํ ยถา วิรุหติ สญฺชายติฯ เกสรีติ ปทุมํฯ
325-7.Udake jātā udake saṃvaḍḍhā kumudā mandālakā ca bahū saṅkhātikkantā, toyena udakena kaddamakalalena ca upalimpanti allīyanti yathā, tatheva bahukā sattā aparimāṇā sattā loke jātā saṃvaḍḍhā rāgena ca dosena ca aṭṭitā bandhitā virūhare viruhanti. Kaddame kumudaṃ yathā viruhati sañjāyati. Kesarīti padumaṃ.
๓๒๙-๓๐. รมฺมเก มาเสติ กตฺติกมาเส ‘‘โกมุทิยา จาตุมาสินิยา’’ติ วุตฺตตฺตาฯ วาริชา ปทุมปุปฺผาทโย พหู ปุปฺผา ปุปฺผนฺติ วิกสนฺติ, ตํ มาสํ ตํ กตฺติกมาสํ นาติวตฺตนฺติ วาริชาติ สมฺพโนฺธฯ สมโย ปุปฺผนาย โสติ โส กตฺติกมาโส ปุปฺผนาย วิกสนาย สมโย กาโลติ อโตฺถฯ ยถา ปุปฺผนฺติ ตเถว ตฺวํ, สกฺยปุตฺต, ปุปฺผิโต วิกสิโต อสิฯ ปุปฺผิโต เต วิมุตฺติยาติ เต ตุยฺหํ สิสฺสา กตสมฺภารา ภิกฺขู วิมุตฺติยา อรหตฺตผลญาเณน ปุปฺผิโต วิกสิโตฯ ยถา วาริชํ ปทุมํ ปุปฺผนสมยํ นาติกฺกมติ, ตถา เต สาสนํ โอวาทานุสาสนิํ นาติวตฺตนฺติ นาติกฺกมนฺตีติ อโตฺถฯ
329-30.Rammake māseti kattikamāse ‘‘komudiyā cātumāsiniyā’’ti vuttattā. Vārijā padumapupphādayo bahū pupphā pupphanti vikasanti, taṃ māsaṃ taṃ kattikamāsaṃ nātivattanti vārijāti sambandho. Samayo pupphanāya soti so kattikamāso pupphanāya vikasanāya samayo kāloti attho. Yathā pupphanti tatheva tvaṃ, sakyaputta, pupphito vikasito asi. Pupphito te vimuttiyāti te tuyhaṃ sissā katasambhārā bhikkhū vimuttiyā arahattaphalañāṇena pupphito vikasito. Yathā vārijaṃ padumaṃ pupphanasamayaṃ nātikkamati, tathā te sāsanaṃ ovādānusāsaniṃ nātivattanti nātikkamantīti attho.
๓๓๓-๔. ยถาปิ เสโล หิมวาติ หิมวา นาม เสลมยปพฺพโตฯ สพฺพปาณินํ สเพฺพสํ พฺยาธิตานํ สตฺตานํ โอสโธ โอสธวโนฺต สพฺพนาคานํ สพฺพอสุรานํ สพฺพเทวานญฺจ อาลโย อคารภูโต ยถา, ตเถว ตฺวํ, มหาวีร, สพฺพปาณินํ ชราพฺยาธิมรณาทีหิ ปโมจนโต โอสโธ วิยฯ ยถา โส หิมวา นาคาทีนํ อาลโย, ตถา เตวิชฺชาย จ ฉฬภิญฺญาย จ อิทฺธิยา จ ปารมิํ ปริโยสานํ คตา ปตฺตา ตุวํ นิสฺสาย วสนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ เหฎฺฐา วา อุปริ วา อุปมาอุปเมยฺยวเสน คาถานํ สมฺพนฺธนยา สุวิเญฺญยฺยาวฯ
333-4.Yathāpi selo himavāti himavā nāma selamayapabbato. Sabbapāṇinaṃ sabbesaṃ byādhitānaṃ sattānaṃ osadho osadhavanto sabbanāgānaṃ sabbaasurānaṃ sabbadevānañca ālayo agārabhūto yathā, tatheva tvaṃ, mahāvīra, sabbapāṇinaṃ jarābyādhimaraṇādīhi pamocanato osadho viya. Yathā so himavā nāgādīnaṃ ālayo, tathā tevijjāya ca chaḷabhiññāya ca iddhiyā ca pāramiṃ pariyosānaṃ gatā pattā tuvaṃ nissāya vasantīti sambandho. Heṭṭhā vā upari vā upamāupameyyavasena gāthānaṃ sambandhanayā suviññeyyāva.
๓๔๒. อาสยานุสยํ ญตฺวาติ เอตฺถ อาสโยติ อชฺฌาสโย จริยา, อนุสโยติ ถามคตกิเลโสฯ ‘‘อยํ ราคจริโต, อยํ โทสจริโต, อยํ โมหจริโต’’ติอาทินา อาสยญฺจ อนุสยํ กิเลสปวตฺติญฺจ ชานิตฺวาติ อโตฺถฯ อินฺทฺริยานํ พลาพลนฺติ สทฺธินฺทฺริยาทีนํ ปญฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ ติกฺขินฺทฺริโย มุทินฺทฺริโย สฺวากาโร ทฺวากาโร สุวิญฺญาปโย ทุวิญฺญาปโยติ เอวํ พลาพลํ ชานิตฺวาฯ ภพฺพาภเพฺพ วิทิตฺวานาติ ‘‘มยา เทสิตํ ธมฺมํ ปฎิวิชฺฌิตุํ อยํ ปุคฺคโล ภโพฺพ สมโตฺถ, อยํ ปุคฺคโล อภโพฺพ’’ติ วิทิตฺวา ปจฺจกฺขํ กตฺวา, ภเนฺต, สพฺพญฺญุ ตฺวํ จาตุทฺทีปิกมหาเมโฆ วิย ธมฺมเทสนาสีหนาเทน อภีตนาเทน คชฺชสิ สกลํ จกฺกวาฬํ เอกนินฺนาทํ กโรสิฯ
342.Āsayānusayaṃ ñatvāti ettha āsayoti ajjhāsayo cariyā, anusayoti thāmagatakileso. ‘‘Ayaṃ rāgacarito, ayaṃ dosacarito, ayaṃ mohacarito’’tiādinā āsayañca anusayaṃ kilesapavattiñca jānitvāti attho. Indriyānaṃ balābalanti saddhindriyādīnaṃ pañcannaṃ indriyānaṃ tikkhindriyo mudindriyo svākāro dvākāro suviññāpayo duviññāpayoti evaṃ balābalaṃ jānitvā. Bhabbābhabbe viditvānāti ‘‘mayā desitaṃ dhammaṃ paṭivijjhituṃ ayaṃ puggalo bhabbo samattho, ayaṃ puggalo abhabbo’’ti viditvā paccakkhaṃ katvā, bhante, sabbaññu tvaṃ cātuddīpikamahāmegho viya dhammadesanāsīhanādena abhītanādena gajjasi sakalaṃ cakkavāḷaṃ ekaninnādaṃ karosi.
๓๔๓-๔. จกฺกวาฬปริยนฺตาติ สมนฺตา จกฺกวาฬคพฺภํ ปูเรตฺวา ปริสา นิสินฺนา ภเวยฺยฯ เต เอวํ นิสินฺนา นานาทิฎฺฐี อเนกทสฺสนคาหิโน วิวทมานา เทฺวฬฺหกชาตา วิวทนฺติ, ตํ เตสํ วิมติเจฺฉทนาย ทุพุทฺธิฉินฺทนตฺถาย สเพฺพสํ สตฺตานํ จิตฺตมญฺญาย จิตฺตาจารํ ญตฺวา โอปมฺมกุสโล อุปมาอุปเมเยฺยสุ ทโกฺข ตฺวํ, มุนิ, เอกํ ปญฺหํ กเถโนฺตว เอเกเนว ปญฺหกถเนน สกลจกฺกวาฬคเพฺภ นิสินฺนานํ ปาณีนํ วิมติํ สํสยํ ฉินฺทสิ นิกฺกงฺขํ กโรตีติ อโตฺถฯ
343-4.Cakkavāḷapariyantāti samantā cakkavāḷagabbhaṃ pūretvā parisā nisinnā bhaveyya. Te evaṃ nisinnā nānādiṭṭhī anekadassanagāhino vivadamānā dveḷhakajātā vivadanti, taṃ tesaṃ vimaticchedanāya dubuddhichindanatthāya sabbesaṃ sattānaṃ cittamaññāya cittācāraṃ ñatvā opammakusalo upamāupameyyesu dakkho tvaṃ, muni, ekaṃ pañhaṃ kathentova ekeneva pañhakathanena sakalacakkavāḷagabbhe nisinnānaṃ pāṇīnaṃ vimatiṃ saṃsayaṃ chindasi nikkaṅkhaṃ karotīti attho.
๓๔๕. อุปทิสสทิเสเหวาติ เอตฺถ อุทกสฺส อุปริ ทิสฺสนฺติ ปากฎา โหนฺตีติ อุปทิสา, เสวาลาฯ อุปทิเสหิ สทิสา อุปทิสสทิสา, มนุสฺสาฯ ยถา หิ อุปทิสา เสวาลา อุทกํ อทิสฺสมานํ กตฺวา ตสฺสุปริ ปตฺถริตฺวา ฐิตา โหนฺติ, ตถา วสุธา ปถวี เตหิ อุปทิสสทิเสหิ เอว มนุเสฺสหิ นิรนฺตรํ ปตฺถริตฺวา ฐิเตหิ ปูริตา ภเวยฺยฯ เต สเพฺพว ปถวิํ ปูเรตฺวา ฐิตา มนุสฺสา ปญฺชลิกา สิรสิ อญฺชลิํ ปคฺคหิตา กิตฺตยุํ โลกนายกํ โลกนายกสฺส พุทฺธสฺส คุณํ กเถยฺยุํฯ
345.Upadisasadisehevāti ettha udakassa upari dissanti pākaṭā hontīti upadisā, sevālā. Upadisehi sadisā upadisasadisā, manussā. Yathā hi upadisā sevālā udakaṃ adissamānaṃ katvā tassupari pattharitvā ṭhitā honti, tathā vasudhā pathavī tehi upadisasadisehi eva manussehi nirantaraṃ pattharitvā ṭhitehi pūritā bhaveyya. Te sabbeva pathaviṃ pūretvā ṭhitā manussā pañjalikā sirasi añjaliṃ paggahitā kittayuṃ lokanāyakaṃ lokanāyakassa buddhassa guṇaṃ katheyyuṃ.
๓๔๖. เต สเพฺพ เทวมนุสฺสา กปฺปํ วา สกลํ กปฺปํ กิตฺตยนฺตา คุณํ กเถนฺตาปิ นานาวเณฺณหิ นานปฺปกาเรหิ คุเณหิ กิตฺตยุํฯ ตถาปิ เต สเพฺพ ปริเมตุํ คุณปมาณํ กเถตุํ น ปเปฺปยฺยุํ น สมฺปาปุเณยฺยุํ น สกฺกุเณยฺยุํฯ อปฺปเมโยฺย ตถาคโต สมฺมาสมฺพุโทฺธ อปริเมโยฺย คุณาติเรโกฯ เอเตน คุณมหนฺตตํ ทีเปติฯ
346.Te sabbe devamanussā kappaṃ vā sakalaṃ kappaṃ kittayantā guṇaṃ kathentāpi nānāvaṇṇehi nānappakārehi guṇehi kittayuṃ. Tathāpi te sabbe parimetuṃ guṇapamāṇaṃ kathetuṃ na pappeyyuṃ na sampāpuṇeyyuṃ na sakkuṇeyyuṃ. Appameyyo tathāgato sammāsambuddho aparimeyyo guṇātireko. Etena guṇamahantataṃ dīpeti.
๓๔๗. สเกน ถาเมน อตฺตโน พเลน เหฎฺฐา อุปมาอุปเมยฺยวเสน ชิโน ชิตกิเลโส พุโทฺธ มยา กิตฺติโต โถมิโต ยถา อโหสิ, เอวเมว สเพฺพ เทวมนุสฺสา กปฺปโกฎีปิ กปฺปโกฎิสเตปิ กิเตฺตนฺตา ปกิตฺตยุํ กเถยฺยุนฺติ อโตฺถฯ
347.Sakena thāmena attano balena heṭṭhā upamāupameyyavasena jino jitakileso buddho mayā kittito thomito yathā ahosi, evameva sabbe devamanussā kappakoṭīpi kappakoṭisatepi kittentā pakittayuṃ katheyyunti attho.
๓๔๘. ปุนปิ คุณานํ อปฺปมาณตํ ทีเปตุํ สเจ หิ โกจิ เทโว วาติอาทิมาหฯ ปูริตํ ปริกเฑฺฒยฺยาติ มหาสมุเทฺท ปูริตอุทกํ สมนฺตโต อากเฑฺฒยฺยฯ โส ปุคฺคโล วิฆาตํ ทุกฺขเมว ลเภยฺย ปาปุเณยฺยาติ อโตฺถฯ
348. Punapi guṇānaṃ appamāṇataṃ dīpetuṃ sace hi koci devo vātiādimāha. Pūritaṃ parikaḍḍheyyāti mahāsamudde pūritaudakaṃ samantato ākaḍḍheyya. So puggalo vighātaṃ dukkhameva labheyya pāpuṇeyyāti attho.
๓๕๐. วเตฺตมิ ชินสาสนนฺติ ชิเนน ภาสิตํ สกลํ ปิฎกตฺตยํ วเตฺตมิ ปวเตฺตมิ รกฺขามีติ อโตฺถฯ ธมฺมเสนาปตีติ ธเมฺมน ปญฺญาย ภควโต จตุปริสสงฺขาตาย ปริสาย ปติ ปธาโนติ ธมฺมเสนาปติฯ สกฺยปุตฺตสฺส ภควโต สาสเน อชฺช อิมสฺมิํ วตฺตมานกาเล จกฺกวตฺติรโญฺญ เชฎฺฐปุโตฺต วิย สกลํ พุทฺธสาสนํ ปาเลมีติ อโตฺถฯ
350.Vattemi jinasāsananti jinena bhāsitaṃ sakalaṃ piṭakattayaṃ vattemi pavattemi rakkhāmīti attho. Dhammasenāpatīti dhammena paññāya bhagavato catuparisasaṅkhātāya parisāya pati padhānoti dhammasenāpati. Sakyaputtassa bhagavato sāsane ajja imasmiṃ vattamānakāle cakkavattirañño jeṭṭhaputto viya sakalaṃ buddhasāsanaṃ pālemīti attho.
๓๕๒-๓. อตฺตโน สํสารปริพฺภมํ ทเสฺสโนฺต โย โกจิ มนุโช ภารนฺติอาทิมาหฯ โย โกจิ มนุโช มานุโส ภารํ สีสภารํ มตฺถเก สีเส ฐเปตฺวา ธาเรยฺย วเหยฺย, สทา สพฺพกาลํ โส มนุโช เตน ภาเรน ทุกฺขิโต ปีฬิโต อติภูโต อสฺส ภเวยฺยฯ ภาโร ภริตภาโร ภริโต อตีว ภาริโตฯ ตถา เตน ปกาเรน อหํ ราคคฺคิโทสคฺคิโมหคฺคิสงฺขาเตหิ ตีหิ อคฺคีหิ ฑยฺหมาโน, คิริํ อุทฺธริโต ยถา มหาเมรุปพฺพตํ อุทฺธริตฺวา อุกฺขิปิตฺวา สีเส ฐปิโต ภวภาเรน ภวสํสารุปฺปตฺติภาเรน, ภริโต ทุกฺขิโต ภเวสุ สํสริํ ปริพฺภมินฺติ สมฺพโนฺธฯ
352-3. Attano saṃsāraparibbhamaṃ dassento yo koci manujo bhārantiādimāha. Yo koci manujo mānuso bhāraṃ sīsabhāraṃ matthake sīse ṭhapetvā dhāreyya vaheyya, sadā sabbakālaṃ so manujo tena bhārena dukkhito pīḷito atibhūto assa bhaveyya. Bhāro bharitabhāro bharito atīva bhārito. Tathā tena pakārena ahaṃ rāgaggidosaggimohaggisaṅkhātehi tīhi aggīhi ḍayhamāno, giriṃ uddharito yathā mahāmerupabbataṃ uddharitvā ukkhipitvā sīse ṭhapito bhavabhārena bhavasaṃsāruppattibhārena, bharito dukkhito bhavesu saṃsariṃ paribbhaminti sambandho.
๓๕๔. โอโรปิโต จ เม ภาโรติ อิทานิ ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย โส ภวภาโร มยา โอโรปิโต นิกฺขิโตฺตฯ ภวา อุคฺฆาฎิตา มยาติ สเพฺพ นว ภวา มยา วิทฺธํสิตาฯ สกฺยปุตฺตสฺส ภควโต สาสเน ยํ กรณียํ กตฺตพฺพํ มคฺคปฎิปาฎิยา กิเลสวิทฺธํสนกมฺมํ อตฺถิ, ตํ สพฺพํ มยา กตนฺติ อโตฺถฯ
354.Oropitoca me bhāroti idāni pabbajitakālato paṭṭhāya so bhavabhāro mayā oropito nikkhitto. Bhavā ugghāṭitā mayāti sabbe nava bhavā mayā viddhaṃsitā. Sakyaputtassa bhagavato sāsane yaṃ karaṇīyaṃ kattabbaṃ maggapaṭipāṭiyā kilesaviddhaṃsanakammaṃ atthi, taṃ sabbaṃ mayā katanti attho.
๓๕๕. ปุน อตฺตโน วิเสสํ ทเสฺสโนฺต ยาวตา พุทฺธเขตฺตมฺหีติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยาวตา ยตฺตเก ทสสหสฺสจกฺกวาฬสงฺขาเต พุทฺธเขเตฺต สกฺยปุงฺควํ สกฺยกุลเชฎฺฐกํ ภควนฺตํ ฐเปตฺวา อวเสสสเตฺตสุ โกจิปิ ปญฺญาย เม มยา สโม นตฺถีติ ทีเปติฯ เตนาห – ‘‘อหํ อโคฺคมฺหิ ปญฺญาย, สทิโส เม น วิชฺชตี’’ติฯ
355. Puna attano visesaṃ dassento yāvatā buddhakhettamhītiādimāha. Tattha yāvatā yattake dasasahassacakkavāḷasaṅkhāte buddhakhette sakyapuṅgavaṃ sakyakulajeṭṭhakaṃ bhagavantaṃ ṭhapetvā avasesasattesu kocipi paññāya me mayā samo natthīti dīpeti. Tenāha – ‘‘ahaṃ aggomhi paññāya, sadiso me na vijjatī’’ti.
๓๕๖. ปุน อตฺตโน อานุภาวํ ปกาเสโนฺต สมาธิมฺหีตฺยาทิมาหฯ ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
356. Puna attano ānubhāvaṃ pakāsento samādhimhītyādimāha. Taṃ suviññeyyameva.
๓๖๐. ฌานวิโมกฺขานขิปฺปปฎิลาภีติ ปฐมชฺฌานาทีนํ ฌานานํ โลกโต วิมุจฺจนโต ‘‘วิโมกฺข’’นฺติ สงฺขํ คตานํ อฎฺฐนฺนํ โลกุตฺตรวิโมกฺขานญฺจ ขิปฺปลาภี สีฆํ ปาปุณาตีติ อโตฺถฯ
360.Jhānavimokkhānakhippapaṭilābhīti paṭhamajjhānādīnaṃ jhānānaṃ lokato vimuccanato ‘‘vimokkha’’nti saṅkhaṃ gatānaṃ aṭṭhannaṃ lokuttaravimokkhānañca khippalābhī sīghaṃ pāpuṇātīti attho.
๓๖๒. เอวํ มหานุภาวสฺสาปิ อตฺตโน สพฺรหฺมจารีสุ คารวพหุมานตํ ปกาเสโนฺต อุทฺธตวิโสวาติอาทิมาหฯ ตตฺถ อุทฺธตวิโส อุปฺปาฎิตโฆรวิโส สโปฺป อิว ฉินฺนวิสาโณว ฉินฺทิตสิโงฺค อุสโภ อิว อหํ อิทานิ นิกฺขิตฺตมานทโปฺปว ฉฑฺฑิตโคตฺตมทาทิมานทโปฺปว คณํ สงฺฆสฺส สนฺติกํ ครุคารเวน อาทรพหุมาเนน อุเปมิ อุปคจฺฉามิฯ
362. Evaṃ mahānubhāvassāpi attano sabrahmacārīsu gāravabahumānataṃ pakāsento uddhatavisovātiādimāha. Tattha uddhataviso uppāṭitaghoraviso sappo iva chinnavisāṇova chinditasiṅgo usabho iva ahaṃ idāni nikkhittamānadappova chaḍḍitagottamadādimānadappova gaṇaṃ saṅghassa santikaṃ garugāravena ādarabahumānena upemi upagacchāmi.
๓๖๓. อิทานิ อตฺตโน ปญฺญาย มหตฺตตํ ปกาเสโนฺต ยทิรูปินีติอาทิมาหฯ เอวรูปา เม มหตี ปญฺญา อรูปินี สมานา ยทิ รูปินี ภเวยฺย, ตทา เม มม ปญฺญา วสุปตีนํ ปถวิสฺสรานํ ราชูนํ สเมยฺย สมา ภเวยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ เอวํ อตฺตโน ปญฺญาย มหตฺตภาวํ ทเสฺสตฺวา ตโต ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาเณน ปุเพฺพ กมฺมํ สริตฺวา อโนมทสฺสิสฺสาติอาทิมาหฯ ตตฺถ อโนมทสฺสิสฺส ภควโต มยา กตาย ญาณโถมนาย ผลํ เอตํ มม ปญฺญามหตฺตนฺติ อโตฺถฯ
363. Idāni attano paññāya mahattataṃ pakāsento yadirūpinītiādimāha. Evarūpā me mahatī paññā arūpinī samānā yadi rūpinī bhaveyya, tadā me mama paññā vasupatīnaṃ pathavissarānaṃ rājūnaṃ sameyya samā bhaveyyāti adhippāyo. Evaṃ attano paññāya mahattabhāvaṃ dassetvā tato pubbenivāsānussatiñāṇena pubbe kammaṃ saritvā anomadassissātiādimāha. Tattha anomadassissa bhagavato mayā katāya ñāṇathomanāya phalaṃ etaṃ mama paññāmahattanti attho.
๓๖๔. ปวตฺติตํ ธมฺมจกฺกนฺติ เอตฺถ จกฺก-สโทฺท ปนายํ ‘‘จตุจกฺกยาน’’นฺติอาทีสุ วาหเน วตฺตติฯ ‘‘ปวตฺติเต จ ปน ภควตา ธมฺมจเกฺก’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๗; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑) เทสนายํฯ ‘‘จกฺกํ วตฺตย สพฺพปาณิน’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๑.๗.๑๔๙) ทานมยปุญฺญกิริยายํฯ ‘‘จกฺกํ วเตฺตติ อโหรตฺต’’นฺติอาทีสุ อิริยาปเถฯ ‘‘อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑.๑๐๔; ๑.๕.๑๐๓) ขุรจเกฺก ‘‘ราชา จกฺกวตฺตี จกฺกานุภาเวน วตฺตนโก’’ติอาทีสุ (อิติวุ. ๒๒; ที. นิ. ๑.๒๕๘) รตนจเกฺกฯ อิธ ปนายํ เทสนายํฯ ตาทินา ตาทิคุณสมนฺนาคเตน สกฺยปุเตฺตน โคตมสมฺพุเทฺธน ปวตฺติตํ เทสิตํ ปิฎกตฺตยสงฺขาตํ ธมฺมจกฺกํ อหํ สมฺมา อวิปรีเตน อนุวเตฺตมิ อนุคนฺตฺวา วเตฺตมิ, เทเสมิ เทสนํ กโรมิฯ อิทํ อนุวตฺตนํ เทสิตสฺส อนุคนฺตฺวา ปจฺฉา เทสนํ ปุริมพุทฺธานํ กตาย ญาณโถมนาย ผลนฺติ สมฺพโนฺธฯ
364.Pavattitaṃdhammacakkanti ettha cakka-saddo panāyaṃ ‘‘catucakkayāna’’ntiādīsu vāhane vattati. ‘‘Pavattite ca pana bhagavatā dhammacakke’’tiādīsu (mahāva. 17; saṃ. ni. 5.1081) desanāyaṃ. ‘‘Cakkaṃ vattaya sabbapāṇina’’ntiādīsu (jā. 1.7.149) dānamayapuññakiriyāyaṃ. ‘‘Cakkaṃ vatteti ahoratta’’ntiādīsu iriyāpathe. ‘‘Icchāhatassa posassa, cakkaṃ bhamati matthake’’tiādīsu (jā. 1.1.104; 1.5.103) khuracakke ‘‘rājā cakkavattī cakkānubhāvena vattanako’’tiādīsu (itivu. 22; dī. ni. 1.258) ratanacakke. Idha panāyaṃ desanāyaṃ. Tādinā tādiguṇasamannāgatena sakyaputtena gotamasambuddhena pavattitaṃ desitaṃ piṭakattayasaṅkhātaṃ dhammacakkaṃ ahaṃ sammā aviparītena anuvattemi anugantvā vattemi, desemi desanaṃ karomi. Idaṃ anuvattanaṃ desitassa anugantvā pacchā desanaṃ purimabuddhānaṃ katāya ñāṇathomanāya phalanti sambandho.
๓๖๕. ตโต สปฺปุริสูปนิสฺสยโยนิโสมนสิการาทิปุญฺญผลํ ทเสฺสโนฺต มา เม กทาจิ ปาปิโจฺฉติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปาปิโจฺฉ ลามกาย อิจฺฉาย สมนฺนาคโต ปาปจารี ปุคฺคโล จ ฐานนิสชฺชาทีสุ วตฺตปฎิวตฺตกรเณ กุสีโต จ ฌานสมาธิมคฺคภาวนาทีสุ หีนวีริโย จ คนฺถธุรวิปสฺสนาธุรวิรหิตตฺตา อปฺปสฺสุโต จ อาจริยุปชฺฌายาทีสุ อาจารวิรหิตตฺตา อนาจาโร จ ปุคฺคโล กทาจิ กาเล กตฺถจิ ฐาเน เม มยา สห สเมโต สมาคโต มา อหุ มา ภวตูติ สมฺพโนฺธฯ
365. Tato sappurisūpanissayayonisomanasikārādipuññaphalaṃ dassento mā me kadāci pāpicchotiādimāha. Tattha pāpiccho lāmakāya icchāya samannāgato pāpacārī puggalo ca ṭhānanisajjādīsu vattapaṭivattakaraṇe kusīto ca jhānasamādhimaggabhāvanādīsu hīnavīriyo ca ganthadhuravipassanādhuravirahitattā appassuto ca ācariyupajjhāyādīsu ācāravirahitattā anācāro ca puggalo kadāci kāle katthaci ṭhāne me mayā saha sameto samāgato mā ahu mā bhavatūti sambandho.
๓๖๖. พหุสฺสุโตติ ปริยตฺติปฎิเวธวเสน ทุวิโธ พหุสฺสุโต จ ปุคฺคโลฯ เมธาวีติ เมธาย ปญฺญาย สมนฺนาคโต จฯ สีเลสุ สุสมาหิโตติ จตุปาริสุทฺธิสีลมคฺคสมฺปยุตฺตสีลอฎฺฐงฺคุโปสถสีลาทีสุ สุฎฺฐุ อาหิโต ฐปิตจิโตฺต จฯ เจโตสมถานุยุโตฺตติ จิตฺตสฺส เอกีภาวมนุยุโตฺต จ ปุคฺคโลฯ อปิ มุทฺธนิ ติฎฺฐตุ เอวรูโป ปุคฺคโล มยฺหํ มุทฺธนิ สิรสิ อปิ ติฎฺฐตูติ อโตฺถฯ
366.Bahussutoti pariyattipaṭivedhavasena duvidho bahussuto ca puggalo. Medhāvīti medhāya paññāya samannāgato ca. Sīlesu susamāhitoti catupārisuddhisīlamaggasampayuttasīlaaṭṭhaṅguposathasīlādīsu suṭṭhu āhito ṭhapitacitto ca. Cetosamathānuyuttoti cittassa ekībhāvamanuyutto ca puggalo. Api muddhani tiṭṭhatu evarūpo puggalo mayhaṃ muddhani sirasi api tiṭṭhatūti attho.
๓๖๗. อตฺตโน ลทฺธผลานิสํสํ วตฺวา ตตฺถเญฺญ นิโยเชโนฺต ตํ โว วทามิ ภทฺทเนฺตติอาทิมาหฯ ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
367. Attano laddhaphalānisaṃsaṃ vatvā tatthaññe niyojento taṃ vo vadāmi bhaddantetiādimāha. Taṃ suviññeyyameva.
๓๖๘-๙. ยมหนฺติ ยํ อสฺสชิเตฺถรํ อหํ ปฐมํ อาทิมฺหิ ทิสฺวา โสตาปตฺติมคฺคปฎิลาเภน สกฺกายทิฎฺฐาทีนํ กิเลสานํ ปหีนตฺตา วิมโล มลรหิโต อหุํ อโหสิ, โส อสฺสชิเตฺถโร เม มยฺหํ อาจริโย โลกุตฺตรธมฺมสิกฺขาปโก อหุํฯ อหํ ตสฺส สวนาย อนุสาสเนน อชฺช ธมฺมเสนาปติ อหุํฯ สพฺพตฺถ สเพฺพสุ คุเณสุ ปารมิํ ปโตฺต ปริโยสานํ ปโตฺต อนาสโว นิกฺกิเลโส วิหรามิฯ
368-9.Yamahanti yaṃ assajittheraṃ ahaṃ paṭhamaṃ ādimhi disvā sotāpattimaggapaṭilābhena sakkāyadiṭṭhādīnaṃ kilesānaṃ pahīnattā vimalo malarahito ahuṃ ahosi, so assajitthero me mayhaṃ ācariyo lokuttaradhammasikkhāpako ahuṃ. Ahaṃ tassa savanāya anusāsanena ajja dhammasenāpati ahuṃ. Sabbattha sabbesu guṇesu pāramiṃ patto pariyosānaṃ patto anāsavo nikkileso viharāmi.
๓๗๐. อตฺตโน อาจริเย สคารวํ ทเสฺสโนฺต โย เม อาจริโยติอาทิมาหฯ โย อสฺสชิ นาม เถโร สตฺถุ สาวโก เม มยฺหํ อาจริโย อาสิ อโหสิ, โส เถโร ยสฺสํ ทิสายํ ยสฺมิํ ทิสาภาเค วสติ, อหํ ตํ ทิสาภาคํ อุสฺสีสมฺหิ สีสุปริภาเค กโรมีติ สมฺพโนฺธฯ
370. Attano ācariye sagāravaṃ dassento yo me ācariyotiādimāha. Yo assaji nāma thero satthu sāvako me mayhaṃ ācariyo āsi ahosi, so thero yassaṃ disāyaṃ yasmiṃ disābhāge vasati, ahaṃ taṃ disābhāgaṃ ussīsamhi sīsuparibhāge karomīti sambandho.
๓๗๑. ตโต อตฺตโน ฐานนฺตรปฺปตฺตภาวํ ทเสฺสโนฺต มม กมฺมนฺติอาทิมาหฯ โคตโม ภควา สกฺยปุงฺคโว สกฺยกุลเกตุ สพฺพญฺญุตญฺญาเณน มม ปุเพฺพ กตกมฺมํ สริตฺวาน ญตฺวา ภิกฺขุสงฺฆมเชฺฌ นิสิโนฺน อคฺคฎฺฐาเน อคฺคสาวกฎฺฐาเน มํ ฐเปสีติ สมฺพโนฺธฯ
371. Tato attano ṭhānantarappattabhāvaṃ dassento mama kammantiādimāha. Gotamo bhagavā sakyapuṅgavo sakyakulaketu sabbaññutaññāṇena mama pubbe katakammaṃ saritvāna ñatvā bhikkhusaṅghamajjhe nisinno aggaṭṭhāne aggasāvakaṭṭhāne maṃ ṭhapesīti sambandho.
๓๗๔. อตฺถปฎิสมฺภิทา, ธมฺมปฎิสมฺภิทา, นิรุตฺติปฎิสมฺภิทา, ปฎิภานปฎิสมฺภิทาติ อิมา จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา จ, ตาสํ เภโท ปฎิสมฺภิทามเคฺค (ปฎิ. ม. ๑.๗๖; วิภ. ๗๑๘) วุโตฺตเยวฯ จตุมคฺคจตุผลวเสน วา รูปารูปฌานวเสน วา อฎฺฐ วิโมกฺขา สํสารวิมุจฺจนธมฺมา จ อิทฺธิวิธาทโย ฉ อภิญฺญาโย จ สจฺฉิกตา ปจฺจกฺขํ กตาฯ กตํ พุทฺธสฺส สาสนนฺติ พุทฺธสฺส อนุสิฎฺฐิ โอวาทสงฺขาตํ สาสนํ กตํ อรหตฺตมคฺคญาเณน นิปฺผาทิตนฺติ อโตฺถฯ
374. Atthapaṭisambhidā, dhammapaṭisambhidā, niruttipaṭisambhidā, paṭibhānapaṭisambhidāti imā catasso paṭisambhidā ca, tāsaṃ bhedo paṭisambhidāmagge (paṭi. ma. 1.76; vibha. 718) vuttoyeva. Catumaggacatuphalavasena vā rūpārūpajhānavasena vā aṭṭha vimokkhā saṃsāravimuccanadhammā ca iddhividhādayo cha abhiññāyo ca sacchikatā paccakkhaṃ katā. Kataṃ buddhassa sāsananti buddhassa anusiṭṭhi ovādasaṅkhātaṃ sāsanaṃ kataṃ arahattamaggañāṇena nipphāditanti attho.
อิตฺถํ สุทนฺติ เอตฺถ อิตฺถนฺติ นิทสฺสนเตฺถ นิปาโต, อิมินา ปกาเรนาติ อโตฺถฯ เตน สกลสาริปุตฺตาปทานํ นิทเสฺสติฯ สุทนฺติ ปทปูรเณ นิปาโตฯ อายสฺมาติ ครุคารวาธิวจนํฯ สาริปุโตฺตติ มาตุ นามวเสน กตนามเธโยฺย เถโรฯ อิมา คาถาโยติ อิมา สกลา สาริปุตฺตเตฺถราปทานคาถาโย อภาสิ กเถสิฯ อิติสโทฺท ปริสมาปนเตฺถ นิปาโต, สกลํ สาริปุตฺตาปทานํ นิฎฺฐิตนฺติ อโตฺถฯ
Itthaṃ sudanti ettha itthanti nidassanatthe nipāto, iminā pakārenāti attho. Tena sakalasāriputtāpadānaṃ nidasseti. Sudanti padapūraṇe nipāto. Āyasmāti garugāravādhivacanaṃ. Sāriputtoti mātu nāmavasena katanāmadheyyo thero. Imā gāthāyoti imā sakalā sāriputtattherāpadānagāthāyo abhāsi kathesi. Itisaddo parisamāpanatthe nipāto, sakalaṃ sāriputtāpadānaṃ niṭṭhitanti attho.
สาริปุตฺตเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ
Sāriputtattheraapadānavaṇṇanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๓-๑. สาริปุตฺตเตฺถรอปทานํ • 3-1. Sāriputtattheraapadānaṃ