Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๒. สาริปุตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา

    2. Sāriputtattheragāthāvaṇṇanā

    ยถาจารี ยถาสโตติอาทิกา อายสฺมโต สาริปุตฺตเตฺถรสฺส คาถาฯ ตสฺส อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรสฺส จ วตฺถุ เอวํ เวทิตพฺพํ – อตีเต อิโต สตสหสฺสกปฺปาธิเก อสเงฺขฺยยฺยมตฺถเก อายสฺมา สาริปุโตฺต พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ, นาเมน สรทมาณโว นาม อโหสิฯ มหาโมคฺคลฺลาโน คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ, นาเมน สิริวฑฺฒกุฎุมฺพิโก นาม อโหสิฯ เต อุโภปิ สหปํสุกีฬกสหายา อเหสุํฯ เตสุ สรทมาณโว ปิตุ อจฺจเยน กุลสนฺตกํ ธนํ ปฎิปชฺชิตฺวา เอกทิวสํ รโหคโต จิเนฺตสิ – ‘‘อิเมสํ สตฺตานํ มรณํ นาม เอกนฺติกํ, ตสฺมา มยา เอกํ ปพฺพชฺชํ อุปคนฺตฺวา โมกฺขมโคฺค คเวสิตโพฺพ’’ติ สหายํ อุปสงฺกมิตฺวา, สมฺม, อหํ ปพฺพชิตุกาโม, กิํ ตฺวํ ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ วตฺวา เตน ‘‘น สกฺขิสฺสามี’’ติ วุเตฺต ‘‘โหตุ อหเมว ปพฺพชิสฺสามี’’ติ รตนโกฎฺฐาคารานิ วิวราเปตฺวา กปณทฺธิกาทีนํ มหาทานํ ทตฺวา ปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิฯ ตสฺส ปพฺพชฺชํ อนุปพฺพชิตา จตุสตฺตติสหสฺสมตฺตา พฺราหฺมณปุตฺตา อเหสุํฯ โส ปญฺจ อภิญฺญาโย อฎฺฐ จ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา เตสมฺปิ ชฎิลานํ กสิณปริกมฺมํ อาจิกฺขิฯ เตปิ สเพฺพ ปญฺจาภิญฺญา อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตสุํฯ

    Yathācārīyathāsatotiādikā āyasmato sāriputtattherassa gāthā. Tassa āyasmato mahāmoggallānattherassa ca vatthu evaṃ veditabbaṃ – atīte ito satasahassakappādhike asaṅkhyeyyamatthake āyasmā sāriputto brāhmaṇamahāsālakule nibbatti, nāmena saradamāṇavo nāma ahosi. Mahāmoggallāno gahapatimahāsālakule nibbatti, nāmena sirivaḍḍhakuṭumbiko nāma ahosi. Te ubhopi sahapaṃsukīḷakasahāyā ahesuṃ. Tesu saradamāṇavo pitu accayena kulasantakaṃ dhanaṃ paṭipajjitvā ekadivasaṃ rahogato cintesi – ‘‘imesaṃ sattānaṃ maraṇaṃ nāma ekantikaṃ, tasmā mayā ekaṃ pabbajjaṃ upagantvā mokkhamaggo gavesitabbo’’ti sahāyaṃ upasaṅkamitvā, samma, ahaṃ pabbajitukāmo, kiṃ tvaṃ pabbajituṃ sakkhissasī’’ti vatvā tena ‘‘na sakkhissāmī’’ti vutte ‘‘hotu ahameva pabbajissāmī’’ti ratanakoṭṭhāgārāni vivarāpetvā kapaṇaddhikādīnaṃ mahādānaṃ datvā pabbatapādaṃ gantvā isipabbajjaṃ pabbaji. Tassa pabbajjaṃ anupabbajitā catusattatisahassamattā brāhmaṇaputtā ahesuṃ. So pañca abhiññāyo aṭṭha ca samāpattiyo nibbattetvā tesampi jaṭilānaṃ kasiṇaparikammaṃ ācikkhi. Tepi sabbe pañcābhiññā aṭṭha samāpattiyo nibbattesuṃ.

    เตน สมเยน อโนมทสฺสี นาม สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจโกฺก สเตฺต สํสารมโหฆโต ตาเรตฺวา เอกทิวสํ ‘‘สรทตาปสสฺส จ อเนฺตวาสิกานญฺจ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ เอโก อทุติโย ปตฺตจีวรมาทาย อากาเสน คนฺตฺวา ‘‘พุทฺธภาวํ เม ชานาตู’’ติ ตาปสสฺส ปสฺสนฺตเสฺสว อากาสโต โอตริตฺวา ปถวิยํ ปติฎฺฐาสิฯ สรทตาปโส สตฺถุ สรีเร มหาปุริสลกฺขณานิ อุปธาเรตฺวา ‘‘สพฺพญฺญุพุโทฺธเยวาย’’นฺติ นิฎฺฐํ คนฺตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา อาสนํ ปญฺญาเปตฺวา อทาสิฯ นิสีทิ ภควา ปญฺญเตฺต อาสเนฯ สรทตาปโส สตฺถุ สนฺติเก เอกมนฺตํ นิสีทิฯ

    Tena samayena anomadassī nāma sammāsambuddho loke uppajjitvā pavattitavaradhammacakko satte saṃsāramahoghato tāretvā ekadivasaṃ ‘‘saradatāpasassa ca antevāsikānañca saṅgahaṃ karissāmī’’ti eko adutiyo pattacīvaramādāya ākāsena gantvā ‘‘buddhabhāvaṃ me jānātū’’ti tāpasassa passantasseva ākāsato otaritvā pathaviyaṃ patiṭṭhāsi. Saradatāpaso satthu sarīre mahāpurisalakkhaṇāni upadhāretvā ‘‘sabbaññubuddhoyevāya’’nti niṭṭhaṃ gantvā paccuggamanaṃ katvā āsanaṃ paññāpetvā adāsi. Nisīdi bhagavā paññatte āsane. Saradatāpaso satthu santike ekamantaṃ nisīdi.

    ตสฺมิํ สมเย ตสฺส อเนฺตวาสิกา จตุสตฺตติสหสฺสมตฺตา ชฎิลา ปณีตปณีตานิ โอชวนฺตานิ ผลาผลานิ คเหตฺวา อาคตา สตฺถารํ ทิสฺวา สญฺชาตปฺปสาทา อตฺตโน อาจริยสฺส จ สตฺถุ จ นิสินฺนาการํ โอโลเกตฺวา, ‘‘อาจริย, มยํ ปุเพฺพ ‘ตุเมฺหหิ มหนฺตตโร โกจิ นตฺถี’ติ วิจราม, อยํ ปน ปุริโส ตุเมฺหหิ มหนฺตตโร มเญฺญ’’ติ อาหํสุฯ ‘‘กิํ วเทถ, ตาตา? สาสเปน สทฺธิํ อฎฺฐสฎฺฐิโยชนสตสหสฺสุเพฺพธํ สิเนรุํ สมํ กาตุํ อิจฺฉถ? สพฺพญฺญุพุเทฺธน มํ ตุลฺยํ มา กริตฺถา’’ติฯ อถ เต ตาปสา อาจริยสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘ยาว มหา วตายํ ปุริสุตฺตโม’’ติ สเพฺพว ปาเทสุ นิปติตฺวา สตฺถารํ วนฺทิํสุฯ

    Tasmiṃ samaye tassa antevāsikā catusattatisahassamattā jaṭilā paṇītapaṇītāni ojavantāni phalāphalāni gahetvā āgatā satthāraṃ disvā sañjātappasādā attano ācariyassa ca satthu ca nisinnākāraṃ oloketvā, ‘‘ācariya, mayaṃ pubbe ‘tumhehi mahantataro koci natthī’ti vicarāma, ayaṃ pana puriso tumhehi mahantataro maññe’’ti āhaṃsu. ‘‘Kiṃ vadetha, tātā? Sāsapena saddhiṃ aṭṭhasaṭṭhiyojanasatasahassubbedhaṃ sineruṃ samaṃ kātuṃ icchatha? Sabbaññubuddhena maṃ tulyaṃ mā karitthā’’ti. Atha te tāpasā ācariyassa vacanaṃ sutvā ‘‘yāva mahā vatāyaṃ purisuttamo’’ti sabbeva pādesu nipatitvā satthāraṃ vandiṃsu.

    อถ เต อาจริโย อาห – ‘‘ตาตา, สตฺถุ อนุจฺฉวิโก โน เทยฺยธโมฺม นตฺถิ, สตฺถา จ ภิกฺขาจารเวลาย อิธาคโต, หนฺท มยํ เทยฺยธมฺมํ ยถาพลํ ทสฺสามฯ ตุเมฺหหิ ยํ ยํ ปณีตํ ผลาผลํ อาภตํ, ตํ ตํ อาหรถา’’ติ อาหราเปตฺวา หเตฺถ โธวิตฺวา สยํ ตถาคตสฺส ปเตฺต ปติฎฺฐาเปสิฯ สตฺถารา จ ผลาผเล ปฎิคฺคณฺหิตมเตฺต เทวตา ทิโพฺพชํ ปกฺขิปิํสุฯ ตาปโส อุทกมฺปิ สยเมว ปริสฺสาเวตฺวา อทาสิฯ ตโต โภชนกิจฺจํ นิฎฺฐาเปตฺวา สตฺถริ นิสิเนฺน สเพฺพ อเนฺตวาสิเก ปโกฺกสิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก สารณียํ กถํ กเถโนฺต นิสีทิฯ สตฺถา ‘‘เทฺว อคฺคสาวกา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ อาคจฺฉนฺตู’’ติ จิเนฺตสิฯ เต สตฺถุ จิตฺตํ ญตฺวา ตาวเทว สตสหสฺสขีณาสวปริวารา อคฺคสาวกา อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ

    Atha te ācariyo āha – ‘‘tātā, satthu anucchaviko no deyyadhammo natthi, satthā ca bhikkhācāravelāya idhāgato, handa mayaṃ deyyadhammaṃ yathābalaṃ dassāma. Tumhehi yaṃ yaṃ paṇītaṃ phalāphalaṃ ābhataṃ, taṃ taṃ āharathā’’ti āharāpetvā hatthe dhovitvā sayaṃ tathāgatassa patte patiṭṭhāpesi. Satthārā ca phalāphale paṭiggaṇhitamatte devatā dibbojaṃ pakkhipiṃsu. Tāpaso udakampi sayameva parissāvetvā adāsi. Tato bhojanakiccaṃ niṭṭhāpetvā satthari nisinne sabbe antevāsike pakkositvā satthu santike sāraṇīyaṃ kathaṃ kathento nisīdi. Satthā ‘‘dve aggasāvakā bhikkhusaṅghena saddhiṃ āgacchantū’’ti cintesi. Te satthu cittaṃ ñatvā tāvadeva satasahassakhīṇāsavaparivārā aggasāvakā āgantvā satthāraṃ vanditvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu.

    ตโต สรทตาปโส อเนฺตวาสิเก อามเนฺตสิ – ‘‘ตาตา, สตฺถุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปุปฺผาสเนน ปูชา กาตพฺพา, ตสฺมา ปุปฺผานิ อาหรถา’’ติฯ เต ตาวเทว อิทฺธิยา วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหริตฺวา พุทฺธสฺส โยชนปฺปมาณํ ปุปฺผาสนํ ปญฺญาเปสุํ, อุภินฺนํ อคฺคสาวกานํ ติคาวุตํ, เสสภิกฺขูนํ อฑฺฒโยชนิกาทิเภทํ, สงฺฆนวกสฺส อุสภมตฺตํ ปญฺญาเปสุํฯ เอวํ เตสํ ปญฺญเตฺตสุ อาสเนสุ สรทตาปโส ตถาคตสฺส ปุรโต อญฺชลิํ ปคฺคยฺห ฐิโต – ‘‘ภเนฺต, มยฺหํ อนุคฺคหตฺถาย อิมํ ปุปฺผาสนํ อภิรุหถา’’ติ อาหฯ นิสีทิ ภควา ปุปฺผาสเนฯ สตฺถริ นิสิเนฺน เทฺว อคฺคสาวกา เสสภิกฺขู จ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทิํสุฯ สตฺถา ‘‘เตสํ มหปฺผลํ โหตู’’ติ นิโรธํ สมาปชฺชิฯ สตฺถุ สมาปนฺนภาวํ ญตฺวา เทฺว อคฺคสาวกาปิ เสสภิกฺขูปิ นิโรธํ สมาปชฺชิํสุฯ ตาปโส สตฺตาหํ นิรนฺตรํ ปุปฺผจฺฉตฺตํ ธาเรโนฺต อฎฺฐาสิฯ อิตเร ปน วนมูลผลาผลํ ปริภุญฺชิตฺวา เสสกาเล อญฺชลิํ ปคฺคยฺห อฎฺฐํสุฯ

    Tato saradatāpaso antevāsike āmantesi – ‘‘tātā, satthu bhikkhusaṅghassa ca pupphāsanena pūjā kātabbā, tasmā pupphāni āharathā’’ti. Te tāvadeva iddhiyā vaṇṇagandhasampannāni pupphāni āharitvā buddhassa yojanappamāṇaṃ pupphāsanaṃ paññāpesuṃ, ubhinnaṃ aggasāvakānaṃ tigāvutaṃ, sesabhikkhūnaṃ aḍḍhayojanikādibhedaṃ, saṅghanavakassa usabhamattaṃ paññāpesuṃ. Evaṃ tesaṃ paññattesu āsanesu saradatāpaso tathāgatassa purato añjaliṃ paggayha ṭhito – ‘‘bhante, mayhaṃ anuggahatthāya imaṃ pupphāsanaṃ abhiruhathā’’ti āha. Nisīdi bhagavā pupphāsane. Satthari nisinne dve aggasāvakā sesabhikkhū ca attano attano pattāsane nisīdiṃsu. Satthā ‘‘tesaṃ mahapphalaṃ hotū’’ti nirodhaṃ samāpajji. Satthu samāpannabhāvaṃ ñatvā dve aggasāvakāpi sesabhikkhūpi nirodhaṃ samāpajjiṃsu. Tāpaso sattāhaṃ nirantaraṃ pupphacchattaṃ dhārento aṭṭhāsi. Itare pana vanamūlaphalāphalaṃ paribhuñjitvā sesakāle añjaliṃ paggayha aṭṭhaṃsu.

    สตฺถา สตฺตาหสฺส อจฺจเยน นิโรธโต วุฎฺฐาย อคฺคสาวกํ นิสภเตฺถรํ อามเนฺตสิ – ‘‘ตาปสานํ ปุปฺผาสนานุโมทนํ กโรหี’’ติฯ เถโร สาวกปารมีญาเณ ฐตฺวา เตสํ ปุปฺผาสนานุโมทนํ อกาสิฯ ตสฺส เทสนาวสาเน สตฺถา ทุติยํ อคฺคสาวกํ อโนมเตฺถรํ อามเนฺตสิ – ‘‘ตฺวมฺปิ อิเมสํ ธมฺมํ เทเสหี’’ติฯ โสปิ เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ สมฺมสิตฺวา เตสํ ธมฺมํ กเถสิฯ ทฺวินฺนมฺปิ เทสนาย เอกสฺสปิ ธมฺมาภิสมโย นาโหสิฯ อถ สตฺถา พุทฺธวิสเย ฐตฺวา ธมฺมเทสนํ อารภิฯ เทสนาวสาเน ฐเปตฺวา สรทตาปสํ อวเสสา สเพฺพปิ จตุสตฺตติสหสฺสมตฺตา ชฎิลา อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ สตฺถา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิฯ เต ตาวเทว อนฺตรหิตตาปสเวสา อฎฺฐปริกฺขารวรธรา สฎฺฐิวสฺสิกเตฺถรา วิย อเหสุํฯ

    Satthā sattāhassa accayena nirodhato vuṭṭhāya aggasāvakaṃ nisabhattheraṃ āmantesi – ‘‘tāpasānaṃ pupphāsanānumodanaṃ karohī’’ti. Thero sāvakapāramīñāṇe ṭhatvā tesaṃ pupphāsanānumodanaṃ akāsi. Tassa desanāvasāne satthā dutiyaṃ aggasāvakaṃ anomattheraṃ āmantesi – ‘‘tvampi imesaṃ dhammaṃ desehī’’ti. Sopi tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ sammasitvā tesaṃ dhammaṃ kathesi. Dvinnampi desanāya ekassapi dhammābhisamayo nāhosi. Atha satthā buddhavisaye ṭhatvā dhammadesanaṃ ārabhi. Desanāvasāne ṭhapetvā saradatāpasaṃ avasesā sabbepi catusattatisahassamattā jaṭilā arahattaṃ pāpuṇiṃsu. Satthā ‘‘etha, bhikkhavo’’ti hatthaṃ pasāresi. Te tāvadeva antarahitatāpasavesā aṭṭhaparikkhāravaradharā saṭṭhivassikattherā viya ahesuṃ.

    สรทตาปโส ปน ‘‘อโห วตาหมฺปิ อยํ นิสภเตฺถโร วิย อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส อคฺคสาวโก ภเวยฺย’’นฺติ สตฺถุ เทสนากาเล อุปฺปนฺนปริวิตกฺกตาย อญฺญวิหิโต หุตฺวา มคฺคผลานิ ปฎิวิชฺฌิตุํ นาสกฺขิฯ อถ ตถาคตํ วนฺทิตฺวา ตถา ปณิธานํ อกาสิฯ สตฺถาปิสฺส อนนฺตราเยน สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา – ‘‘อิโต ตฺวํ กปฺปสตสหสฺสาธิกํ เอกํ อสเงฺขฺยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โคตมสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อคฺคสาวโก สาริปุโตฺต นาม ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ธมฺมกถํ วตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อากาสํ ปกฺขนฺทิฯ

    Saradatāpaso pana ‘‘aho vatāhampi ayaṃ nisabhatthero viya anāgate ekassa buddhassa aggasāvako bhaveyya’’nti satthu desanākāle uppannaparivitakkatāya aññavihito hutvā maggaphalāni paṭivijjhituṃ nāsakkhi. Atha tathāgataṃ vanditvā tathā paṇidhānaṃ akāsi. Satthāpissa anantarāyena samijjhanabhāvaṃ disvā – ‘‘ito tvaṃ kappasatasahassādhikaṃ ekaṃ asaṅkhyeyyaṃ atikkamitvā gotamassa nāma sammāsambuddhassa aggasāvako sāriputto nāma bhavissasī’’ti byākaritvā dhammakathaṃ vatvā bhikkhusaṅghaparivuto ākāsaṃ pakkhandi.

    สรทตาปโสปิ สหายกสฺส สิริวฑฺฒสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, สมฺม, มยา อโนมทสฺสิสฺส ภควโต ปาทมูเล อนาคเต อุปฺปชฺชนกสฺส โคตมสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อคฺคสาวกฎฺฐานํ ปตฺถิตํ, ตฺวมฺปิ ตสฺส ทุติยสาวกฎฺฐานํ ปเตฺถหีติฯ

    Saradatāpasopi sahāyakassa sirivaḍḍhassa santikaṃ gantvā, samma, mayā anomadassissa bhagavato pādamūle anāgate uppajjanakassa gotamassa nāma sammāsambuddhassa aggasāvakaṭṭhānaṃ patthitaṃ, tvampi tassa dutiyasāvakaṭṭhānaṃ patthehīti.

    สิริวโฑฺฒ ตํ อุปเทสํ สุตฺวา อตฺตโน นิเวสนทฺวาเร อฎฺฐกรีสมตฺตํ ฐานํ สมตลํ กาเรตฺวา ลาชปญฺจมานิ ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา นีลุปฺปลจฺฉทนํ มณฺฑปํ กาเรตฺวา พุทฺธาสนํ ปญฺญาเปตฺวา ภิกฺขูนมฺปิ อาสนานิ ปญฺญาเปตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ สเชฺชตฺวา, สรทตาปเสน สตฺถารํ นิมนฺตาเปตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา, พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ มหารเหหิ วเตฺถหิ อจฺฉาเทตฺวา, ทุติยสาวกภาวาย ปณิธานํ อกาสิฯ สตฺถาปิสฺส อนนฺตราเยน สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา วุตฺตนเยน พฺยากริตฺวา ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิฯ สิริวโฑฺฒ หฎฺฐปหโฎฺฐ ยาวชีวํ กุสลกมฺมํ กตฺวา ทุติยจิตฺตวาเร กามาวจรเทวโลเก นิพฺพตฺติฯ สรทตาปโส จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติฯ

    Sirivaḍḍho taṃ upadesaṃ sutvā attano nivesanadvāre aṭṭhakarīsamattaṃ ṭhānaṃ samatalaṃ kāretvā lājapañcamāni pupphāni vikiritvā nīluppalacchadanaṃ maṇḍapaṃ kāretvā buddhāsanaṃ paññāpetvā bhikkhūnampi āsanāni paññāpetvā mahantaṃ sakkārasammānaṃ sajjetvā, saradatāpasena satthāraṃ nimantāpetvā sattāhaṃ mahādānaṃ pavattetvā, buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ mahārahehi vatthehi acchādetvā, dutiyasāvakabhāvāya paṇidhānaṃ akāsi. Satthāpissa anantarāyena samijjhanabhāvaṃ disvā vuttanayena byākaritvā bhattānumodanaṃ katvā pakkāmi. Sirivaḍḍho haṭṭhapahaṭṭho yāvajīvaṃ kusalakammaṃ katvā dutiyacittavāre kāmāvacaradevaloke nibbatti. Saradatāpaso cattāro brahmavihāre bhāvetvā brahmaloke nibbatti.

    ตโต ปฎฺฐาย เนสํ อุภินฺนมฺปิ อนฺตรากมฺมํ น กถิตํฯ อมฺหากํ ปน ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว สรทตาปโส ราชคหสฺส อวิทูเร อุปติสฺสคาเม รูปสาริยา พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ ตํทิวสเมวสฺส สหาโยปิ ราชคหเสฺสว อวิทูเร โกลิตคาเม โมคฺคลิยา พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ ตานิ กิร เทฺวปิ กุลานิ ยาว สตฺตมา กุลปริวฎฺฎา อาพทฺธปฎิพทฺธสหายกาเนวฯ เตสํ ทฺวินฺนํ เอกทิวสเมว คพฺภปริหารมทํสุฯ ทสมาสจฺจเยน ชาตานมฺปิ เตสํ ฉสฎฺฐิ ธาติโย อุปฎฺฐาเปสุํ, นามคฺคหณทิวเส รูปสาริพฺราหฺมณิยา ปุตฺตสฺส อุปติสฺสคาเม เชฎฺฐกุลสฺส ปุตฺตตฺตา อุปติโสฺสติ นามํ อกํสุฯ อิตรสฺส โกลิตคาเม เชฎฺฐกุลสฺส ปุตฺตตฺตา โกลิโตติ นามํ อกํสุฯ เต อุโภปิ มหตา ปริวาเรน วฑฺฒนฺตา วุทฺธิมนฺวาย สพฺพสิปฺปานํ ปารํ อคมํสุฯ

    Tato paṭṭhāya nesaṃ ubhinnampi antarākammaṃ na kathitaṃ. Amhākaṃ pana bhagavato uppattito puretarameva saradatāpaso rājagahassa avidūre upatissagāme rūpasāriyā brāhmaṇiyā kucchimhi paṭisandhiṃ gaṇhi. Taṃdivasamevassa sahāyopi rājagahasseva avidūre kolitagāme moggaliyā brāhmaṇiyā kucchimhi paṭisandhiṃ gaṇhi. Tāni kira dvepi kulāni yāva sattamā kulaparivaṭṭā ābaddhapaṭibaddhasahāyakāneva. Tesaṃ dvinnaṃ ekadivasameva gabbhaparihāramadaṃsu. Dasamāsaccayena jātānampi tesaṃ chasaṭṭhi dhātiyo upaṭṭhāpesuṃ, nāmaggahaṇadivase rūpasāribrāhmaṇiyā puttassa upatissagāme jeṭṭhakulassa puttattā upatissoti nāmaṃ akaṃsu. Itarassa kolitagāme jeṭṭhakulassa puttattā kolitoti nāmaṃ akaṃsu. Te ubhopi mahatā parivārena vaḍḍhantā vuddhimanvāya sabbasippānaṃ pāraṃ agamaṃsu.

    อเถกทิวสํ เต ราชคเห คิรคฺคสมชฺชํ ปสฺสนฺตา มหาชนํ สนฺนิปติตํ ทิสฺวา ญาณสฺส ปริปากคตตฺตา โยนิโส อุมฺมุชฺชนฺตา ‘‘สเพฺพปิเม โอรํ วสฺสสตานํ มจฺจุมุเข ปติสฺสนฺตี’’ติ สํเวคํ ปฎิลภิตฺวา ‘‘อเมฺหหิ โมกฺขธโมฺม ปริเยสิตโพฺพ, ตญฺจ ปริเยสเนฺตหิ เอกํ ปพฺพชฺชํ ลทฺธุํ วฎฺฎตี’’ติ นิจฺฉยํ กตฺวา ปญฺจหิ มาณวกสเตหิ สทฺธิํ สญฺจยสฺส ปริพฺพาชกสฺส สนฺติเก ปพฺพชิํสุฯ เตสํ ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย สญฺจโย ลาภคฺคยสคฺคปฺปโตฺต อโหสิ ฯ เต กติปาเหเนว สพฺพํ สญฺจยสฺส สมยํ ปริคฺคณฺหิตฺวา ตตฺถ สารํ อทิสฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ เต เต ปณฺฑิตสมฺมเต สมณพฺราหฺมเณ ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติ, เต เตหิ ปุฎฺฐา เนว สมฺปายนฺติ, อญฺญทตฺถุ เตเยว เตสํ ปญฺหํ วิสฺสเชฺชนฺติฯ เอวํ เต โมกฺขํ ปริเยสนฺตา กติกํ อกํสุ – ‘‘อเมฺหสุ โย ปฐมํ อมตํ อธิคจฺฉติ, โส อิตรสฺส อาโรเจตู’’ติฯ

    Athekadivasaṃ te rājagahe giraggasamajjaṃ passantā mahājanaṃ sannipatitaṃ disvā ñāṇassa paripākagatattā yoniso ummujjantā ‘‘sabbepime oraṃ vassasatānaṃ maccumukhe patissantī’’ti saṃvegaṃ paṭilabhitvā ‘‘amhehi mokkhadhammo pariyesitabbo, tañca pariyesantehi ekaṃ pabbajjaṃ laddhuṃ vaṭṭatī’’ti nicchayaṃ katvā pañcahi māṇavakasatehi saddhiṃ sañcayassa paribbājakassa santike pabbajiṃsu. Tesaṃ pabbajitakālato paṭṭhāya sañcayo lābhaggayasaggappatto ahosi . Te katipāheneva sabbaṃ sañcayassa samayaṃ pariggaṇhitvā tattha sāraṃ adisvā tato nikkhamitvā tattha tattha te te paṇḍitasammate samaṇabrāhmaṇe pañhaṃ pucchanti, te tehi puṭṭhā neva sampāyanti, aññadatthu teyeva tesaṃ pañhaṃ vissajjenti. Evaṃ te mokkhaṃ pariyesantā katikaṃ akaṃsu – ‘‘amhesu yo paṭhamaṃ amataṃ adhigacchati, so itarassa ārocetū’’ti.

    เตน จ สมเยน อมฺหากํ สตฺถริ ปฐมาภิสโมฺพธิํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจเกฺก อนุปุเพฺพน อุรุเวลกสฺสปาทิเก สหสฺสชฎิเล ทเมตฺวา ราชคเห วิหรเนฺต เอกทิวสํ อุปติโสฺส ปริพฺพาชโก ปริพฺพาชการามํ คจฺฉโนฺต อายสฺมนฺตํ อสฺสชิเตฺถรํ ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘น มยา เอวรูโป อากปฺปสมฺปโนฺน ปพฺพชิโต ทิฎฺฐปุโพฺพ, สนฺตธเมฺมน นาม เอตฺถ ภวิตพฺพ’’นฺติ สญฺชาตปฺปสาโท ปญฺหํ ปุจฺฉิตุํ อายสฺมนฺตํ อุทิกฺขโนฺต ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพนฺธิฯ เถโรปิ ลทฺธปิณฺฑปาโต ปริภุญฺชิตุํ ปติรูปํ โอกาสํ คโตฯ ปริพฺพาชโก อตฺตโน ปริพฺพาชกปีฐํ ปญฺญาเปตฺวา อทาสิฯ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน จสฺส อตฺตโน กุณฺฑิกาย อุทกํ อทาสิฯ

    Tena ca samayena amhākaṃ satthari paṭhamābhisambodhiṃ patvā pavattitavaradhammacakke anupubbena uruvelakassapādike sahassajaṭile dametvā rājagahe viharante ekadivasaṃ upatisso paribbājako paribbājakārāmaṃ gacchanto āyasmantaṃ assajittheraṃ rājagahe piṇḍāya carantaṃ disvā ‘‘na mayā evarūpo ākappasampanno pabbajito diṭṭhapubbo, santadhammena nāma ettha bhavitabba’’nti sañjātappasādo pañhaṃ pucchituṃ āyasmantaṃ udikkhanto piṭṭhito piṭṭhito anubandhi. Theropi laddhapiṇḍapāto paribhuñjituṃ patirūpaṃ okāsaṃ gato. Paribbājako attano paribbājakapīṭhaṃ paññāpetvā adāsi. Bhattakiccapariyosāne cassa attano kuṇḍikāya udakaṃ adāsi.

    เอวํ โส อาจริยวตฺตํ กตฺวา กตภตฺตกิเจฺจน เถเรน สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’ติ ปุจฺฉิฯ เถโร สมฺมาสมฺพุทฺธํ อปทิสิฯ ปุน เตน ‘‘กิํวาที ปนายสฺมโต สตฺถา’’ติ ปุโฎฺฐ ‘‘อิมสฺส สาสนสฺส คมฺภีรตํ ทเสฺสสฺสามี’’ติ อตฺตโน นวกภาวํ ปเวเทตฺวา สเงฺขปวเสน จสฺส สาสนธมฺมํ กเถโนฺต ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา’’ติ (มหาว. ๖๐; อป. เถร ๑.๑.๒๘๖; เปฎโก. ๙) คาถมาหฯ ปริพฺพาชโก ปฐมปททฺวยเมว สุตฺวา สหสฺสนยสมฺปเนฺน โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาสิ, อิตรํ ปททฺวยํ โสตาปนฺนกาเล นิฎฺฐาสิฯ คาถาปริโยสาเน ปน โสตาปโนฺน หุตฺวา อุปริ วิเสเส อปฺปวเตฺตเนฺต ‘‘ภวิสฺสติ เอตฺถ การณ’’นฺติ สลฺลเกฺขตฺวา เถรํ อาห – ‘‘มา, ภเนฺต, อุปริ ธมฺมเทสนํ วฑฺฒยิตฺถ, เอตฺตกเมว โหตุ, กหํ อมฺหากํ สตฺถา วสตี’’ติ? ‘‘เวฬุวเน’’ติฯ ‘‘ภเนฺต, ตุเมฺห ปุรโต คจฺฉถ, อหํ มยฺหํ สหายกสฺส กตปฎิญฺญํ โมเจตฺวา ตํ คเหตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เถรํ อุโยฺยเชตฺวา ปริพฺพาชการามํ อคมาสิฯ

    Evaṃ so ācariyavattaṃ katvā katabhattakiccena therena saddhiṃ paṭisanthāraṃ katvā ‘‘ko vā te satthā, kassa vā tvaṃ dhammaṃ rocesī’’ti pucchi. Thero sammāsambuddhaṃ apadisi. Puna tena ‘‘kiṃvādī panāyasmato satthā’’ti puṭṭho ‘‘imassa sāsanassa gambhīrataṃ dassessāmī’’ti attano navakabhāvaṃ pavedetvā saṅkhepavasena cassa sāsanadhammaṃ kathento ‘‘ye dhammā hetuppabhavā’’ti (mahāva. 60; apa. thera 1.1.286; peṭako. 9) gāthamāha. Paribbājako paṭhamapadadvayameva sutvā sahassanayasampanne sotāpattiphale patiṭṭhāsi, itaraṃ padadvayaṃ sotāpannakāle niṭṭhāsi. Gāthāpariyosāne pana sotāpanno hutvā upari visese appavattente ‘‘bhavissati ettha kāraṇa’’nti sallakkhetvā theraṃ āha – ‘‘mā, bhante, upari dhammadesanaṃ vaḍḍhayittha, ettakameva hotu, kahaṃ amhākaṃ satthā vasatī’’ti? ‘‘Veḷuvane’’ti. ‘‘Bhante, tumhe purato gacchatha, ahaṃ mayhaṃ sahāyakassa katapaṭiññaṃ mocetvā taṃ gahetvā āgamissāmī’’ti pañcapatiṭṭhitena vanditvā tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā theraṃ uyyojetvā paribbājakārāmaṃ agamāsi.

    โกลิตปริพฺพาชโก ตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มุขวโณฺณ น อญฺญทิวเสสุ วิย, อทฺธาเนน อมตํ อธิคตํ ภวิสฺสตี’’ติ เตเนวสฺส วิเสสาธิคมํ สมฺภาเวตฺวา อมตาธิคมํ ปุจฺฉิฯ โสปิสฺส ‘‘อามาวุโส, อมตํ อธิคต’’นฺติ ปฎิชานิตฺวา ตเมว คาถํ อภาสิฯ คาถาปริโยสาเน โกลิโต โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิตฺวา อาห – ‘‘กหํ โน สตฺถา’’ติ? ‘‘เวฬุวเน’’ติฯ ‘‘เตน หิ, อาวุโส, อายาม, สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามา’’ติฯ อุปติโสฺส สพฺพกาลมฺปิ อาจริยปูชโกว, ตสฺมา สญฺจยสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถุ คุเณ ปกาเสตฺวา ตมฺปิ สตฺถุ สนฺติกํ เนตุกาโม อโหสิฯ โส ลาภาสาปกโต อเนฺตวาสิกภาวํ อนิจฺฉโนฺต ‘‘น สโกฺกมิ จาฎิ หุตฺวา อุทกสิญฺจนํ โหตุ’’นฺติ ปฎิกฺขิปิฯ เต อเนเกหิ การเณหิ ตํ สญฺญาเปตุํ อสโกฺกนฺตา อตฺตโน โอวาเท วตฺตมาเนหิ อฑฺฒเตยฺยสเตหิ อเนฺตวาสิเกหิ สทฺธิํ เวฬุวนํ อคมํสุฯ สตฺถา เต ทูรโตว อาคจฺฉเนฺต ทิสฺวา ‘‘เอตํ เม สาวกยุคํ ภวิสฺสติ อคฺคํ ภทฺทยุค’’นฺติ วตฺวา เตสํ ปริสาย จริยวเสน ธมฺมํ เทเสตฺวา อรหเตฺต ปติฎฺฐาเปตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปทํ อทาสิฯ ยถา เตสํ, เอวํ อคฺคสาวกานมฺปิ อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ อาคตเมวฯ อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจํ ปน น นิฎฺฐาติฯ กสฺมา? สาวกปารมีญาณสฺส มหนฺตตายฯ

    Kolitaparibbājako taṃ dūratova āgacchantaṃ disvā ‘‘mukhavaṇṇo na aññadivasesu viya, addhānena amataṃ adhigataṃ bhavissatī’’ti tenevassa visesādhigamaṃ sambhāvetvā amatādhigamaṃ pucchi. Sopissa ‘‘āmāvuso, amataṃ adhigata’’nti paṭijānitvā tameva gāthaṃ abhāsi. Gāthāpariyosāne kolito sotāpattiphale patiṭṭhahitvā āha – ‘‘kahaṃ no satthā’’ti? ‘‘Veḷuvane’’ti. ‘‘Tena hi, āvuso, āyāma, satthāraṃ passissāmā’’ti. Upatisso sabbakālampi ācariyapūjakova, tasmā sañcayassa santikaṃ gantvā satthu guṇe pakāsetvā tampi satthu santikaṃ netukāmo ahosi. So lābhāsāpakato antevāsikabhāvaṃ anicchanto ‘‘na sakkomi cāṭi hutvā udakasiñcanaṃ hotu’’nti paṭikkhipi. Te anekehi kāraṇehi taṃ saññāpetuṃ asakkontā attano ovāde vattamānehi aḍḍhateyyasatehi antevāsikehi saddhiṃ veḷuvanaṃ agamaṃsu. Satthā te dūratova āgacchante disvā ‘‘etaṃ me sāvakayugaṃ bhavissati aggaṃ bhaddayuga’’nti vatvā tesaṃ parisāya cariyavasena dhammaṃ desetvā arahatte patiṭṭhāpetvā ehibhikkhubhāvena upasampadaṃ adāsi. Yathā tesaṃ, evaṃ aggasāvakānampi iddhimayapattacīvaraṃ āgatameva. Uparimaggattayakiccaṃ pana na niṭṭhāti. Kasmā? Sāvakapāramīñāṇassa mahantatāya.

    เตสุ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปพฺพชิตทิวสโต สตฺตเม ทิวเส มคธรเฎฺฐ กลฺลวาลคาเม สมณธมฺมํ กโรโนฺต ถินมิเทฺธ โอกฺกเนฺต สตฺถารา สํเวชิโต ถินมิทฺธํ วิโนเทตฺวา ธาตุกมฺมฎฺฐานํ (อ. นิ. ๗.๖๑) สุณโนฺต เอว อุปริมคฺคตฺตยํ อธิคนฺตฺวา สาวกปารมีญาณสฺส มตฺถกํ ปาปุณิฯ อายสฺมา สาริปุโตฺต ปพฺพชิตทิวสโต อฑฺฒมาสํ อติกฺกมิตฺวา สตฺถารา สทฺธิํ ราชคเห สูกรขตเลเณ วิหรโนฺต อตฺตโน ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุตฺตเนฺต (ม. นิ. ๒.๒๐๑ อาทโย) เทสิยมาเน เทสนานุสาเรน ญาณํ เปเสตฺวา ปรสฺส วฑฺฒิตํ ภตฺตํ ภุญฺชโนฺต วิย สาวกปารมีญาณสฺส มตฺถกํ ปาปุณิฯ อิติ ทฺวินฺนมฺปิ อคฺคสาวกานํ สตฺถุ สมีเป เอว สาวกปารมีญาณํ มตฺถกํ ปตฺตํฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑.๑๔๑-๓๗๔) –

    Tesu āyasmā mahāmoggallāno pabbajitadivasato sattame divase magadharaṭṭhe kallavālagāme samaṇadhammaṃ karonto thinamiddhe okkante satthārā saṃvejito thinamiddhaṃ vinodetvā dhātukammaṭṭhānaṃ (a. ni. 7.61) suṇanto eva uparimaggattayaṃ adhigantvā sāvakapāramīñāṇassa matthakaṃ pāpuṇi. Āyasmā sāriputto pabbajitadivasato aḍḍhamāsaṃ atikkamitvā satthārā saddhiṃ rājagahe sūkarakhataleṇe viharanto attano bhāgineyyassa dīghanakhaparibbājakassa vedanāpariggahasuttante (ma. ni. 2.201 ādayo) desiyamāne desanānusārena ñāṇaṃ pesetvā parassa vaḍḍhitaṃ bhattaṃ bhuñjanto viya sāvakapāramīñāṇassa matthakaṃ pāpuṇi. Iti dvinnampi aggasāvakānaṃ satthu samīpe eva sāvakapāramīñāṇaṃ matthakaṃ pattaṃ. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.1.141-374) –

    ‘‘หิมวนฺตสฺส อวิทูเร, ลมฺพโก นาม ปพฺพโต;

    ‘‘Himavantassa avidūre, lambako nāma pabbato;

    อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตาฯ

    Assamo sukato mayhaṃ, paṇṇasālā sumāpitā.

    ‘‘อุตฺตานกูลา นทิกา, สุปติตฺถา มโนรมา;

    ‘‘Uttānakūlā nadikā, supatitthā manoramā;

    สุสุทฺธปุลินากิณฺณา, อวิทูเร มมสฺสมํฯ

    Susuddhapulinākiṇṇā, avidūre mamassamaṃ.

    ‘‘อสกฺขรา อปพฺภารา, สาทุ อปฺปฎิคนฺธิกา;

    ‘‘Asakkharā apabbhārā, sādu appaṭigandhikā;

    สนฺทตี นทิกา ตตฺถ, โสภยนฺตา มมสฺสมํฯ

    Sandatī nadikā tattha, sobhayantā mamassamaṃ.

    ‘‘กุมฺภีลา มกรา เจตฺถ, สุสุมารา จ กจฺฉปา;

    ‘‘Kumbhīlā makarā cettha, susumārā ca kacchapā;

    จรนฺติ นทิยา ตตฺถ, โสภยนฺตา มมสฺสมํฯ

    Caranti nadiyā tattha, sobhayantā mamassamaṃ.

    ‘‘ปาฐีนา ปาวุสา มจฺฉา, พลชา มุญฺชโรหิตา;

    ‘‘Pāṭhīnā pāvusā macchā, balajā muñjarohitā;

    วคฺคฬา ปปตายนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํฯ

    Vaggaḷā papatāyantā, sobhayanti mamassamaṃ.

    ‘‘อุโภ กูเลสุ นทิยา, ปุปฺผิโน ผลิโน ทุมา;

    ‘‘Ubho kūlesu nadiyā, pupphino phalino dumā;

    อุภโต อภิลมฺพนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํฯ

    Ubhato abhilambantā, sobhayanti mamassamaṃ.

    ‘‘อมฺพา สาลา จ ติลกา, ปาฎลี สินฺทุวารกา;

    ‘‘Ambā sālā ca tilakā, pāṭalī sinduvārakā;

    ทิพฺพคนฺธา สมฺปวนฺติ, ปุปฺผิตา มม อสฺสเมฯ

    Dibbagandhā sampavanti, pupphitā mama assame.

    ‘‘จมฺมกา สฬลา นีปา, นาคปุนฺนาคเกตกา;

    ‘‘Cammakā saḷalā nīpā, nāgapunnāgaketakā;

    ทิพฺพคนฺธา สมฺปวนฺติ, ปุปฺผิตา มม อสฺสเมฯ

    Dibbagandhā sampavanti, pupphitā mama assame.

    ‘‘อติมุตฺตา อโสกา จ, ภคินีมาลา จ ปุปฺผิตา;

    ‘‘Atimuttā asokā ca, bhaginīmālā ca pupphitā;

    อโงฺกลา พิมฺพิชาลา จ, ปุปฺผิตา มม อสฺสเมฯ

    Aṅkolā bimbijālā ca, pupphitā mama assame.

    ‘‘เกตกา กนฺทลิ เจว, โคธุกา ติณสูลิกา;

    ‘‘Ketakā kandali ceva, godhukā tiṇasūlikā;

    ทิพฺพคนฺธํ สมฺปวนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํฯ

    Dibbagandhaṃ sampavantā, sobhayanti mamassamaṃ.

    ‘‘กณิการา กณฺณิกา จ, อสนา อชฺชุนา พหู;

    ‘‘Kaṇikārā kaṇṇikā ca, asanā ajjunā bahū;

    ทิพฺพคนฺธํ สมฺปวนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํฯ

    Dibbagandhaṃ sampavantā, sobhayanti mamassamaṃ.

    ‘‘ปุนฺนาคา คิริปุนฺนาคา, โกวิฬารา จ ปุปฺผิตา;

    ‘‘Punnāgā giripunnāgā, koviḷārā ca pupphitā;

    ทิพฺพคนฺธํ สมฺปวนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํฯ

    Dibbagandhaṃ sampavantā, sobhayanti mamassamaṃ.

    ‘‘อุทฺทาลกา จ กุฎชา, กทมฺพา วกุลา พหู;

    ‘‘Uddālakā ca kuṭajā, kadambā vakulā bahū;

    ทิพฺพคนฺธํ สมฺปวนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํฯ

    Dibbagandhaṃ sampavantā, sobhayanti mamassamaṃ.

    ‘‘อาฬกา อิสิมุคฺคา จ, กทลิมาตุลุงฺคิโย;

    ‘‘Āḷakā isimuggā ca, kadalimātuluṅgiyo;

    คโนฺธทเกน สํวฑฺฒา, ผลานิ ธารยนฺติ เตฯ

    Gandhodakena saṃvaḍḍhā, phalāni dhārayanti te.

    ‘‘อเญฺญ ปุปฺผนฺติ ปทุมา, อเญฺญ ชายนฺติ เกสรี;

    ‘‘Aññe pupphanti padumā, aññe jāyanti kesarī;

    อเญฺญ โอปุปฺผา ปทุมา, ปุปฺผิตา ตฬาเก ตทาฯ

    Aññe opupphā padumā, pupphitā taḷāke tadā.

    ‘‘คพฺภํ คณฺหนฺติ ปทุมา, นิทฺธาวนฺติ มุฬาลิโย;

    ‘‘Gabbhaṃ gaṇhanti padumā, niddhāvanti muḷāliyo;

    สิงฺฆาฎิปตฺตมากิณฺณา, โสภนฺติ ตฬาเก ตทาฯ

    Siṅghāṭipattamākiṇṇā, sobhanti taḷāke tadā.

    ‘‘นยิตา อมฺพคนฺธี จ, อุตฺตลี พนฺธุชีวกา;

    ‘‘Nayitā ambagandhī ca, uttalī bandhujīvakā;

    ทิพฺพคนฺธา สมฺปวนฺติ, ปุปฺผิตา ตฬาเก ตทาฯ

    Dibbagandhā sampavanti, pupphitā taḷāke tadā.

    ‘‘ปาฐีนา ปาวุสา มจฺฉา, พลชา มุญฺชโรหิตา;

    ‘‘Pāṭhīnā pāvusā macchā, balajā muñjarohitā;

    สํคุลา มคฺคุรา เจว, วสนฺติ ตฬาเก ตทาฯ

    Saṃgulā maggurā ceva, vasanti taḷāke tadā.

    ‘‘กุมฺภีลา สุสุมารา จ, ตนฺติคาหา จ รกฺขสา;

    ‘‘Kumbhīlā susumārā ca, tantigāhā ca rakkhasā;

    โอคุหา อชครา จ, วสนฺติ ตฬาเก ตทาฯ

    Oguhā ajagarā ca, vasanti taḷāke tadā.

    ‘‘ปาเรวตา รวิหํสา, จกฺกวากา นทีจรา;

    ‘‘Pārevatā ravihaṃsā, cakkavākā nadīcarā;

    โกกิลา สุกสาฬิกา, อุปชีวนฺติ ตํ สรํฯ

    Kokilā sukasāḷikā, upajīvanti taṃ saraṃ.

    ‘‘กุกุตฺถกา กุฬีรกา, วเน โปกฺขรสาตกา;

    ‘‘Kukutthakā kuḷīrakā, vane pokkharasātakā;

    ทินฺทิภา สุวโปตา จ, อุปชีวนฺติ ตํ สรํฯ

    Dindibhā suvapotā ca, upajīvanti taṃ saraṃ.

    ‘‘หํสา โกญฺจา มยูรา จ, โกกิลา ตมฺพจูฬกา;

    ‘‘Haṃsā koñcā mayūrā ca, kokilā tambacūḷakā;

    ปมฺปกา ชีวํชีวา จ, อุปชีวนฺติ ตํ สรํฯ

    Pampakā jīvaṃjīvā ca, upajīvanti taṃ saraṃ.

    ‘‘โกสิกา โปฎฺฐสีสา จ, กุรรา เสนกา พหู;

    ‘‘Kosikā poṭṭhasīsā ca, kurarā senakā bahū;

    มหากาฬา จ สกุณา, อุปชีวนฺติ ตํ สรํฯ

    Mahākāḷā ca sakuṇā, upajīvanti taṃ saraṃ.

    ‘‘ปสทา จ วราหา จ, จมรา คณฺฑกา พหู;

    ‘‘Pasadā ca varāhā ca, camarā gaṇḍakā bahū;

    โรหิจฺจา สุกโปตา จ, อุปชีวนฺติ ตํ สรํฯ

    Rohiccā sukapotā ca, upajīvanti taṃ saraṃ.

    ‘‘สีหพฺยคฺฆา จ ทีปี จ, อจฺฉโกกตรจฺฉกา;

    ‘‘Sīhabyagghā ca dīpī ca, acchakokataracchakā;

    ติธา ปภินฺนมาตงฺคา, อุปชีวนฺติ ตํ สรํฯ

    Tidhā pabhinnamātaṅgā, upajīvanti taṃ saraṃ.

    ‘‘กินฺนรา วานรา เจว, อโถปิ วนกมฺมิกา;

    ‘‘Kinnarā vānarā ceva, athopi vanakammikā;

    เจตา จ ลุทฺทกา เจว, อุปชีวนฺติ ตํ สรํฯ

    Cetā ca luddakā ceva, upajīvanti taṃ saraṃ.

    ‘‘ตินฺทุกานิ ปิยาลานิ, มธุเก กาสุมาริโย;

    ‘‘Tindukāni piyālāni, madhuke kāsumāriyo;

    ธุวํ ผลานิ ธาเรนฺติ, อวิทูเร มมสฺสมํฯ

    Dhuvaṃ phalāni dhārenti, avidūre mamassamaṃ.

    ‘‘โกสมฺพา สฬลา นิมฺพา, สาทุผลสมายุตา;

    ‘‘Kosambā saḷalā nimbā, sāduphalasamāyutā;

    ธุวํ ผลานิ ธาเรนฺติ, อวิทูเร มมสฺสมํฯ

    Dhuvaṃ phalāni dhārenti, avidūre mamassamaṃ.

    ‘‘หรีตกา อามลกา, อมฺพชมฺพุวิภีตกา;

    ‘‘Harītakā āmalakā, ambajambuvibhītakā;

    โกลา ภลฺลาตกา พิลฺลา, ผลานิ ธารยนฺติ เตฯ

    Kolā bhallātakā billā, phalāni dhārayanti te.

    ‘‘อาลุวา จ กฬมฺพา จ, พิฬาลีตกฺกฬานิ จ;

    ‘‘Āluvā ca kaḷambā ca, biḷālītakkaḷāni ca;

    ชีวกา สุตกา เจว, พหุกา มม อสฺสเมฯ

    Jīvakā sutakā ceva, bahukā mama assame.

    ‘‘อสฺสมสฺสาวิทูรมฺหิ, ตฬากาสุํ สุนิมฺมิตา;

    ‘‘Assamassāvidūramhi, taḷākāsuṃ sunimmitā;

    อโจฺฉทกา สีตชลา, สุปติตฺถา มโนรมาฯ

    Acchodakā sītajalā, supatitthā manoramā.

    ‘‘ปทุมุปฺปลสญฺฉนฺนา, ปุณฺฑรีกสมายุตา;

    ‘‘Padumuppalasañchannā, puṇḍarīkasamāyutā;

    มนฺทาลเกหิ สญฺฉนฺนา, ทิพฺพคโนฺธปวายติฯ

    Mandālakehi sañchannā, dibbagandhopavāyati.

    ‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปเนฺน, ปุปฺผิเต ผลิเต วเน;

    ‘‘Evaṃ sabbaṅgasampanne, pupphite phalite vane;

    สุกเต อสฺสเม รเมฺม, วิหรามิ อหํ ตทาฯ

    Sukate assame ramme, viharāmi ahaṃ tadā.

    ‘‘สีลวา วตสมฺปโนฺน, ฌายี ฌานรโต สทา;

    ‘‘Sīlavā vatasampanno, jhāyī jhānarato sadā;

    ปญฺจาภิญฺญาพลปฺปโตฺต, สุรุจิ นาม ตาปโสฯ

    Pañcābhiññābalappatto, suruci nāma tāpaso.

    ‘‘จตุวีสสหสฺสานิ, สิสฺสา มยฺหํ อุปฎฺฐหุํ;

    ‘‘Catuvīsasahassāni, sissā mayhaṃ upaṭṭhahuṃ;

    สเพฺพ มํ พฺราหฺมณา เอเต, ชาติมโนฺต ยสสฺสิโนฯ

    Sabbe maṃ brāhmaṇā ete, jātimanto yasassino.

    ‘‘ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สนิฆณฺฑุสเกฎุเภ;

    ‘‘Lakkhaṇe itihāse ca, sanighaṇḍusakeṭubhe;

    ปทกา เวยฺยากรณา, สธเมฺม ปารมิํ คตาฯ

    Padakā veyyākaraṇā, sadhamme pāramiṃ gatā.

    ‘‘อุปฺปาเตสุ นิมิเตฺตสุ, ลกฺขเณสุ จ โกวิทา;

    ‘‘Uppātesu nimittesu, lakkhaṇesu ca kovidā;

    ปถพฺยา ภูมนฺตลิเกฺข, มม สิสฺสา สุสิกฺขิตาฯ

    Pathabyā bhūmantalikkhe, mama sissā susikkhitā.

    ‘‘อปฺปิจฺฉา นิปกา เอเต, อปฺปาหารา อโลลุปา;

    ‘‘Appicchā nipakā ete, appāhārā alolupā;

    ลาภาลาเภน สนฺตุฎฺฐา, ปริวาเรนฺติ มํ สทาฯ

    Lābhālābhena santuṭṭhā, parivārenti maṃ sadā.

    ‘‘ฌายี ฌานรตา ธีรา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;

    ‘‘Jhāyī jhānaratā dhīrā, santacittā samāhitā;

    อากิญฺจญฺญํ ปตฺถยนฺตา, ปริวาเรนฺติ มํ สทาฯ

    Ākiñcaññaṃ patthayantā, parivārenti maṃ sadā.

    ‘‘อภิญฺญาปารมิปฺปตฺตา, เปตฺติเก โคจเร รตา;

    ‘‘Abhiññāpāramippattā, pettike gocare ratā;

    อนฺตลิกฺขจรา ธีรา, ปริวาเรนฺติ มํ สทาฯ

    Antalikkhacarā dhīrā, parivārenti maṃ sadā.

    ‘‘สํวุตา ฉสุ ทฺวาเรสุ, อเนชา รกฺขิตินฺทฺริยา;

    ‘‘Saṃvutā chasu dvāresu, anejā rakkhitindriyā;

    อสํสฎฺฐา จ เต ธีรา, มม สิสฺสา ทุราสทาฯ

    Asaṃsaṭṭhā ca te dhīrā, mama sissā durāsadā.

    ‘‘ปลฺลเงฺกน นิสชฺชาย, ฐานจงฺกมเนน จ;

    ‘‘Pallaṅkena nisajjāya, ṭhānacaṅkamanena ca;

    วีตินาเมนฺติ เต รตฺติํ, มม สิสฺสา ทุราสทาฯ

    Vītināmenti te rattiṃ, mama sissā durāsadā.

    ‘‘รชฺชนีเย น รชฺชนฺติ, ทุสฺสนีเย น ทุสฺสเร;

    ‘‘Rajjanīye na rajjanti, dussanīye na dussare;

    โมหนีเย น มุยฺหนฺติ, มม สิสฺสา ทุราสทาฯ

    Mohanīye na muyhanti, mama sissā durāsadā.

    ‘‘อิทฺธิํ วีมํสมานา เต, วตฺตนฺติ นิจฺจกาลิกํ;

    ‘‘Iddhiṃ vīmaṃsamānā te, vattanti niccakālikaṃ;

    ปถวิํ เต ปกเมฺปนฺติ, สารเพฺภน ทุราสทาฯ

    Pathaviṃ te pakampenti, sārabbhena durāsadā.

    ‘‘กีฬมานา จ เต สิสฺสา, กีฬนฺติ ฌานกีฬิตํฯ

    ‘‘Kīḷamānā ca te sissā, kīḷanti jhānakīḷitaṃ.

    ชมฺพุโต ผลมาเนนฺติ, มม สิสฺสา ทุราสทาฯ

    Jambuto phalamānenti, mama sissā durāsadā.

    ‘‘อเญฺญ คจฺฉนฺติ โคยานํ, อเญฺญ ปุพฺพวิเทหกํ;

    ‘‘Aññe gacchanti goyānaṃ, aññe pubbavidehakaṃ;

    อเญฺญ จ อุตฺตรกุรุํ, เอสนาย ทุราสทาฯ

    Aññe ca uttarakuruṃ, esanāya durāsadā.

    ‘‘ปุรโต เปเสนฺติ ขาริํ, ปจฺฉโต จ วชนฺติ เต;

    ‘‘Purato pesenti khāriṃ, pacchato ca vajanti te;

    จตุวีสสหเสฺสหิ, ฉาทิตํ โหติ อมฺพรํฯ

    Catuvīsasahassehi, chāditaṃ hoti ambaraṃ.

    ‘‘อคฺคิปากี อนคฺคี จ, ทโนฺตทุกฺขลิกาปิ จ;

    ‘‘Aggipākī anaggī ca, dantodukkhalikāpi ca;

    อเสฺมน โกฎฺฎิตา เกจิ, ปวตฺตผลโภชนาฯ

    Asmena koṭṭitā keci, pavattaphalabhojanā.

    ‘‘อุทโกโรหณา เกจิ, สายํ ปาโต สุจีรตา;

    ‘‘Udakorohaṇā keci, sāyaṃ pāto sucīratā;

    โตยาภิเสจนกรา, มม สิสฺสา ทุราสทาฯ

    Toyābhisecanakarā, mama sissā durāsadā.

    ‘‘ปรูฬฺหกจฺฉนขโลมา, ปงฺกทนฺตา รชสฺสิรา;

    ‘‘Parūḷhakacchanakhalomā, paṅkadantā rajassirā;

    คนฺธิตา สีลคเนฺธน, มม สิสฺสา ทุราสทาฯ

    Gandhitā sīlagandhena, mama sissā durāsadā.

    ‘‘ปาโตว สนฺนิปติตฺวา, ชฎิลา อุคฺคตาปนา;

    ‘‘Pātova sannipatitvā, jaṭilā uggatāpanā;

    ลาภาลาภํ ปกิเตฺตตฺวา, คจฺฉนฺติ อมฺพเร ตทาฯ

    Lābhālābhaṃ pakittetvā, gacchanti ambare tadā.

    ‘‘เอเตสํ ปกฺกมนฺตานํ, มหาสโทฺท ปวตฺตติ;

    ‘‘Etesaṃ pakkamantānaṃ, mahāsaddo pavattati;

    อชินจมฺมสเทฺทน, มุทิตา โหนฺติ เทวตาฯ

    Ajinacammasaddena, muditā honti devatā.

    ‘‘ทิโสทิสํ ปกฺกมนฺติ, อนฺตลิกฺขจรา อิสี;

    ‘‘Disodisaṃ pakkamanti, antalikkhacarā isī;

    สเก พเลนุปตฺถทฺธา, เต คจฺฉนฺติ ยทิจฺฉกํฯ

    Sake balenupatthaddhā, te gacchanti yadicchakaṃ.

    ‘‘ปถวีกมฺปกา เอเต, สเพฺพว นภจาริโน;

    ‘‘Pathavīkampakā ete, sabbeva nabhacārino;

    อุคฺคเตชา ทุปฺปสหา, สาคโรว อโขภิยาฯ

    Uggatejā duppasahā, sāgarova akhobhiyā.

    ‘‘ฐานจงฺกมิโน เกจิ, เกจิ เนสชฺชิกา อิสี;

    ‘‘Ṭhānacaṅkamino keci, keci nesajjikā isī;

    ปวตฺตโภชนา เกจิ, มม สิสฺสา ทุราสทาฯ

    Pavattabhojanā keci, mama sissā durāsadā.

    ‘‘เมตฺตาวิหาริโน เอเต, หิเตสี สพฺพปาณินํ;

    ‘‘Mettāvihārino ete, hitesī sabbapāṇinaṃ;

    อนตฺตุกฺกํสกา สเพฺพ, น เต วเมฺภนฺติ กสฺสจิฯ

    Anattukkaṃsakā sabbe, na te vambhenti kassaci.

    ‘‘สีหราชาวสมฺภีตา, คชราชาว ถามวา;

    ‘‘Sīharājāvasambhītā, gajarājāva thāmavā;

    ทุราสทา พฺยคฺฆาริว, อาคจฺฉนฺติ มมนฺติเกฯ

    Durāsadā byagghāriva, āgacchanti mamantike.

    ‘‘วิชฺชาธรา เทวตา จ, นาคคนฺธพฺพรกฺขสา;

    ‘‘Vijjādharā devatā ca, nāgagandhabbarakkhasā;

    กุมฺภณฺฑา ทานวา ครุฬา, อุปชีวนฺติ ตํ สรํฯ

    Kumbhaṇḍā dānavā garuḷā, upajīvanti taṃ saraṃ.

    ‘‘เต ชฎาขาริภริตา, อชินุตฺตรวาสนา;

    ‘‘Te jaṭākhāribharitā, ajinuttaravāsanā;

    อนฺตลิกฺขจรา สเพฺพ, อุปชีวนฺติ ตํ สรํฯ

    Antalikkhacarā sabbe, upajīvanti taṃ saraṃ.

    ‘‘สทานุจฺฉวิกา เอเต, อญฺญมญฺญํ สคารวา;

    ‘‘Sadānucchavikā ete, aññamaññaṃ sagāravā;

    จตุพฺพีสสหสฺสานํ, ขิปิตสโทฺท น วิชฺชติฯ

    Catubbīsasahassānaṃ, khipitasaddo na vijjati.

    ‘‘ปาเท ปาทํ นิกฺขิปนฺตา, อปฺปสทฺทา สุสํวุตา;

    ‘‘Pāde pādaṃ nikkhipantā, appasaddā susaṃvutā;

    อุปสงฺกมฺม สเพฺพว, สิรสา วนฺทเร มมํฯ

    Upasaṅkamma sabbeva, sirasā vandare mamaṃ.

    ‘‘เตหิ สิเสฺสหิ ปริวุโต, สเนฺตหิ จ ตปสฺสิภิ;

    ‘‘Tehi sissehi parivuto, santehi ca tapassibhi;

    วสามิ อสฺสเม ตตฺถ, ฌายี ฌานรโต อหํฯ

    Vasāmi assame tattha, jhāyī jhānarato ahaṃ.

    ‘‘อิสีนํ สีลคเนฺธน, ปุปฺผคเนฺธน จูภยํ;

    ‘‘Isīnaṃ sīlagandhena, pupphagandhena cūbhayaṃ;

    ผลีนํ ผลคเนฺธน, คนฺธิโต โหติ อสฺสโมฯ

    Phalīnaṃ phalagandhena, gandhito hoti assamo.

    ‘‘รตฺตินฺทิวํ น ชานามิ, อรติ เม น วิชฺชติ;

    ‘‘Rattindivaṃ na jānāmi, arati me na vijjati;

    สเก สิเสฺส โอวทโนฺต, ภิโยฺย หาสํ ลภามหํฯ

    Sake sisse ovadanto, bhiyyo hāsaṃ labhāmahaṃ.

    ‘‘ปุปฺผานํ ปุปฺผมานานํ, ผลานญฺจ วิปจฺจตํ;

    ‘‘Pupphānaṃ pupphamānānaṃ, phalānañca vipaccataṃ;

    ทิพฺพคนฺธา ปวายนฺติ, โสภยนฺตา มมสฺสมํฯ

    Dibbagandhā pavāyanti, sobhayantā mamassamaṃ.

    ‘‘สมาธิมฺหา วุฎฺฐหิตฺวา, อตาปี นิปโก อหํ;

    ‘‘Samādhimhā vuṭṭhahitvā, atāpī nipako ahaṃ;

    ขาริภารํ คเหตฺวาน, วนํ อโชฺฌคหิํ อหํฯ

    Khāribhāraṃ gahetvāna, vanaṃ ajjhogahiṃ ahaṃ.

    ‘‘อุปฺปาเต สุปิเน จาปิ, ลกฺขเณสุ สุสิกฺขิโต;

    ‘‘Uppāte supine cāpi, lakkhaṇesu susikkhito;

    ปวตฺตมานํ มนฺตปทํ, ธารยามิ อหํ ตทาฯ

    Pavattamānaṃ mantapadaṃ, dhārayāmi ahaṃ tadā.

    ‘‘อโนมทสฺสี ภควา, โลกเชโฎฺฐ นราสโภ;

    ‘‘Anomadassī bhagavā, lokajeṭṭho narāsabho;

    วิเวกกาโม สมฺพุโทฺธ, หิมวนฺตมุปาคมิฯ

    Vivekakāmo sambuddho, himavantamupāgami.

    ‘‘อโชฺฌคาเหตฺวา หิมวนฺตํ, อโคฺค การุณิโก มุนิ;

    ‘‘Ajjhogāhetvā himavantaṃ, aggo kāruṇiko muni;

    ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวาน, นิสีทิ ปุริสุตฺตโมฯ

    Pallaṅkaṃ ābhujitvāna, nisīdi purisuttamo.

    ‘‘ตมทฺทสาหํ สมฺพุทฺธํ, สปฺปภาสํ มโนรมํ;

    ‘‘Tamaddasāhaṃ sambuddhaṃ, sappabhāsaṃ manoramaṃ;

    อินฺทีวรํว ชลิตํ, อาทิตฺตํว หุตาสนํฯ

    Indīvaraṃva jalitaṃ, ādittaṃva hutāsanaṃ.

    ‘‘ชลนฺตํ ทีปรุกฺขํว, วิชฺชุตํ คคเน ยถา;

    ‘‘Jalantaṃ dīparukkhaṃva, vijjutaṃ gagane yathā;

    สุผุลฺลํ สาลราชํว, อทฺทสํ โลกนายกํฯ

    Suphullaṃ sālarājaṃva, addasaṃ lokanāyakaṃ.

    ‘‘อยํ นาโค มหาวีโร, ทุกฺขสฺสนฺตกโร มุนิ;

    ‘‘Ayaṃ nāgo mahāvīro, dukkhassantakaro muni;

    อิมํ ทสฺสนมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจเรฯ

    Imaṃ dassanamāgamma, sabbadukkhā pamuccare.

    ‘‘ทิสฺวานาหํ เทวเทวํ, ลกฺขณํ อุปธารยิํ;

    ‘‘Disvānāhaṃ devadevaṃ, lakkhaṇaṃ upadhārayiṃ;

    พุโทฺธ นุ โข น วา พุโทฺธ, หนฺท ปสฺสามิ จกฺขุมํฯ

    Buddho nu kho na vā buddho, handa passāmi cakkhumaṃ.

    ‘‘สหสฺสารานิ จกฺกานิ, ทิสฺสนฺติ จรณุตฺตเม;

    ‘‘Sahassārāni cakkāni, dissanti caraṇuttame;

    ลกฺขณานิสฺส ทิสฺวาน, นิฎฺฐํ คเจฺฉ ตถาคเตฯ

    Lakkhaṇānissa disvāna, niṭṭhaṃ gacche tathāgate.

    ‘‘สมฺมชฺชนิํ คเหตฺวาน, สมฺมชฺชิตฺวานหํ ตทา;

    ‘‘Sammajjaniṃ gahetvāna, sammajjitvānahaṃ tadā;

    อถ ปุเปฺผ สมาเนตฺวา, พุทฺธเสฎฺฐํ อปูชยิํฯ

    Atha pupphe samānetvā, buddhaseṭṭhaṃ apūjayiṃ.

    ‘‘ปูชยิตฺวาน สมฺพุทฺธํ, โอฆติณฺณมนาสวํ;

    ‘‘Pūjayitvāna sambuddhaṃ, oghatiṇṇamanāsavaṃ;

    เอกํสํ อชินํ กตฺวา, นมสฺสิํ โลกนายกํฯ

    Ekaṃsaṃ ajinaṃ katvā, namassiṃ lokanāyakaṃ.

    ‘‘เยน ญาเณน สมฺพุโทฺธ, วิหรติ อนาสโว;

    ‘‘Yena ñāṇena sambuddho, viharati anāsavo;

    ตํ ญาณํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโตฯ

    Taṃ ñāṇaṃ kittayissāmi, suṇātha mama bhāsato.

    ‘‘สมุทฺธรสิมํ โลกํ, สยมฺภู อมิโตทย;

    ‘‘Samuddharasimaṃ lokaṃ, sayambhū amitodaya;

    ตว ทสฺสนมาคมฺม, กงฺขาโสตํ ตรนฺติ เตฯ

    Tava dassanamāgamma, kaṅkhāsotaṃ taranti te.

    ‘‘ตุวํ สตฺถา จ เกตุ จ, ธโช ยูโป จ ปาณินํ;

    ‘‘Tuvaṃ satthā ca ketu ca, dhajo yūpo ca pāṇinaṃ;

    ปรายโณ ปติฎฺฐา จ, ทีโป จ ทฺวิปทุตฺตโมฯ

    Parāyaṇo patiṭṭhā ca, dīpo ca dvipaduttamo.

    ‘‘สกฺกา สมุเทฺท อุทกํ, ปเมตุํ อาฬฺหเกน วา;

    ‘‘Sakkā samudde udakaṃ, pametuṃ āḷhakena vā;

    น เตฺวว ตว สพฺพญฺญุ, ญาณํ สกฺกา ปเมตเวฯ

    Na tveva tava sabbaññu, ñāṇaṃ sakkā pametave.

    ‘‘ธาเรตุํ ปถวิํ สกฺกา, ฐเปตฺวา ตุลมณฺฑเล;

    ‘‘Dhāretuṃ pathaviṃ sakkā, ṭhapetvā tulamaṇḍale;

    น เตฺวว ตว สพฺพญฺญุ, ญาณํ สกฺกา ธเรตเวฯ

    Na tveva tava sabbaññu, ñāṇaṃ sakkā dharetave.

    ‘‘อากาโส มินิตุํ สกฺกา, รชฺชุยา องฺคุเลน วา;

    ‘‘Ākāso minituṃ sakkā, rajjuyā aṅgulena vā;

    น เตฺวว ตว สพฺพญฺญุ, ญาณํ สกฺกา ปเมตเวฯ

    Na tveva tava sabbaññu, ñāṇaṃ sakkā pametave.

    ‘‘มหาสมุเทฺท อุทกํ, ปถวิญฺจาขิลญฺชเห;

    ‘‘Mahāsamudde udakaṃ, pathaviñcākhilañjahe;

    พุทฺธญาณํ อุปาทาย, อุปมาโต น ยุชฺชเรฯ

    Buddhañāṇaṃ upādāya, upamāto na yujjare.

    ‘‘สเทวกสฺส โลกสฺส, จิตฺตํ เยสํ ปวตฺตติ;

    ‘‘Sadevakassa lokassa, cittaṃ yesaṃ pavattati;

    อโนฺตชาลีกตา เอเต, ตว ญาณมฺหิ จกฺขุมฯ

    Antojālīkatā ete, tava ñāṇamhi cakkhuma.

    ‘‘เยน ญาเณน ปโตฺตสิ, เกวลํ โพธิมุตฺตมํ;

    ‘‘Yena ñāṇena pattosi, kevalaṃ bodhimuttamaṃ;

    เตน ญาเณน สพฺพญฺญุ, มทฺทสี ปรติตฺถิเยฯ

    Tena ñāṇena sabbaññu, maddasī paratitthiye.

    ‘‘อิมา คาถา ถวิตฺวาน, สุรุจิ นาม ตาปโส;

    ‘‘Imā gāthā thavitvāna, suruci nāma tāpaso;

    อชินํ ปตฺถริตฺวาน, ปถวิยํ นิสีทิ โสฯ

    Ajinaṃ pattharitvāna, pathaviyaṃ nisīdi so.

    ‘‘จุลฺลาสีติสหสฺสานิ , อโชฺฌคาโฬฺห มหณฺณเว;

    ‘‘Cullāsītisahassāni , ajjhogāḷho mahaṇṇave;

    อจฺจุคฺคโต ตาวเทว, คิริราชา ปวุจฺจติฯ

    Accuggato tāvadeva, girirājā pavuccati.

    ‘‘ตาว อจฺจุคฺคโต เนรุ, อายโต วิตฺถโต จ โส;

    ‘‘Tāva accuggato neru, āyato vitthato ca so;

    จุณฺณิโต อณุเภเทน, โกฎิสตสหสฺสโสฯ

    Cuṇṇito aṇubhedena, koṭisatasahassaso.

    ‘‘ลเกฺข ฐปิยมานมฺหิ, ปริกฺขยมคจฺฉถ;

    ‘‘Lakkhe ṭhapiyamānamhi, parikkhayamagacchatha;

    น เตฺวว ตว สพฺพญฺญุ, ญาณํ สกฺกา ปเมตเวฯ

    Na tveva tava sabbaññu, ñāṇaṃ sakkā pametave.

    ‘‘สุขุมจฺฉิเกน ชาเลน, อุทกํ โย ปริกฺขิเป;

    ‘‘Sukhumacchikena jālena, udakaṃ yo parikkhipe;

    เย เกจิ อุทเก ปาณา, อโนฺตชาลีกตา สิยุํฯ

    Ye keci udake pāṇā, antojālīkatā siyuṃ.

    ‘‘ตเถว หิ มหาวีร, เย เกจิ ปุถุติตฺถิยา;

    ‘‘Tatheva hi mahāvīra, ye keci puthutitthiyā;

    ทิฎฺฐิคหนปกฺขนฺทา, ปรามาเสน โมหิตาฯ

    Diṭṭhigahanapakkhandā, parāmāsena mohitā.

    ‘‘ตว สุเทฺธน ญาเณน, อนาวรณทสฺสินา;

    ‘‘Tava suddhena ñāṇena, anāvaraṇadassinā;

    อโนฺตชาลีกตา เอเต, ญาณํ เต นาติวตฺตเรฯ

    Antojālīkatā ete, ñāṇaṃ te nātivattare.

    ‘‘ภควา ตมฺหิ สมเย, อโนมทสฺสี มหายโส;

    ‘‘Bhagavā tamhi samaye, anomadassī mahāyaso;

    วุฎฺฐหิตฺวา สมาธิมฺหา, ทิสํ โอโลกยี ชิโนฯ

    Vuṭṭhahitvā samādhimhā, disaṃ olokayī jino.

    ‘‘อโนมทสฺสิมุนิโน, นิสโภ นาม สาวโก;

    ‘‘Anomadassimunino, nisabho nāma sāvako;

    ปริวุโต สตสหเสฺสหิ, สนฺตจิเตฺตหิ ตาทิภิฯ

    Parivuto satasahassehi, santacittehi tādibhi.

    ‘‘ขีณาสเวหิ สุเทฺธหิ, ฉฬภิเญฺญหิ ฌายิภิ;

    ‘‘Khīṇāsavehi suddhehi, chaḷabhiññehi jhāyibhi;

    จิตฺตมญฺญาย พุทฺธสฺส, อุเปสิ โลกนายกํฯ

    Cittamaññāya buddhassa, upesi lokanāyakaṃ.

    ‘‘อนฺตลิเกฺข ฐิตา ตตฺถ, ปทกฺขิณมกํสุ เต;

    ‘‘Antalikkhe ṭhitā tattha, padakkhiṇamakaṃsu te;

    นมสฺสนฺตา ปญฺชลิกา, โอตรุํ พุทฺธสนฺติเกฯ

    Namassantā pañjalikā, otaruṃ buddhasantike.

    ‘‘อโนมทสฺสี ภควา, โลกเชโฎฺฐ นราสโภ;

    ‘‘Anomadassī bhagavā, lokajeṭṭho narāsabho;

    ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, สิตํ ปาตุกรี ชิโนฯ

    Bhikkhusaṅghe nisīditvā, sitaṃ pātukarī jino.

    ‘‘วรุโณ นามุปฎฺฐาโก, อโนมทสฺสิสฺส สตฺถุโน;

    ‘‘Varuṇo nāmupaṭṭhāko, anomadassissa satthuno;

    เอกํสํ จีวรํ กตฺวา, อปุจฺฉิ โลกนายกํฯ

    Ekaṃsaṃ cīvaraṃ katvā, apucchi lokanāyakaṃ.

    ‘‘โก นุ โข ภควา เหตุ, สิตกมฺมสฺส สตฺถุโน;

    ‘‘Ko nu kho bhagavā hetu, sitakammassa satthuno;

    น หิ พุทฺธา อเหตูหิ, สิตํ ปาตุกโรนฺติ เตฯ

    Na hi buddhā ahetūhi, sitaṃ pātukaronti te.

    ‘‘อโนมทสฺสี ภควา, โลกเชโฎฺฐ นราสโภ;

    ‘‘Anomadassī bhagavā, lokajeṭṭho narāsabho;

    ภิกฺขุมเชฺฌ นิสีทิตฺวา, อิมํ คาถํ อภาสถฯ

    Bhikkhumajjhe nisīditvā, imaṃ gāthaṃ abhāsatha.

    ‘‘โย มํ ปุเปฺผน ปูเชสิ, ญาณญฺจาปิ อนุตฺถวิ;

    ‘‘Yo maṃ pupphena pūjesi, ñāṇañcāpi anutthavi;

    ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุโณถ มม ภาสโตฯ

    Tamahaṃ kittayissāmi, suṇotha mama bhāsato.

    ‘‘พุทฺธสฺส คิรมญฺญาย, สเพฺพ เทวา สมาคตา;

    ‘‘Buddhassa giramaññāya, sabbe devā samāgatā;

    สทฺธมฺมํ โสตุกามา เต, สมฺพุทฺธมุปสงฺกมุํฯ

    Saddhammaṃ sotukāmā te, sambuddhamupasaṅkamuṃ.

    ‘‘ทสสุ โลกธาตูสุ, เทวกายา มหิทฺธิกา;

    ‘‘Dasasu lokadhātūsu, devakāyā mahiddhikā;

    สทฺธมฺมํ โสตุกามา เต, สมฺพุทฺธมุปสงฺกมุํฯ

    Saddhammaṃ sotukāmā te, sambuddhamupasaṅkamuṃ.

    ‘‘หตฺถี อสฺสา รถา ปตฺตี, เสนา จ จตุรงฺคินี;

    ‘‘Hatthī assā rathā pattī, senā ca caturaṅginī;

    ปริวาเรสฺสนฺติมํ นิจฺจํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Parivāressantimaṃ niccaṃ, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘สฎฺฐิตูริยสหสฺสานิ, เภริโย สมลงฺกตา;

    ‘‘Saṭṭhitūriyasahassāni, bheriyo samalaṅkatā;

    อุปฎฺฐิสฺสนฺติมํ นิจฺจํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Upaṭṭhissantimaṃ niccaṃ, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘โสฬสิตฺถิสหสฺสานิ, นาริโย สมลงฺกตา;

    ‘‘Soḷasitthisahassāni, nāriyo samalaṅkatā;

    วิจิตฺตวตฺถาภรณา, อามุตฺตมณิกุณฺฑลาฯ

    Vicittavatthābharaṇā, āmuttamaṇikuṇḍalā.

    ‘‘อฬารปมฺหา หสุลา, สุสญฺญา ตนุมชฺฌิมา;

    ‘‘Aḷārapamhā hasulā, susaññā tanumajjhimā;

    ปริวาเรสฺสนฺติมํ นิจฺจํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Parivāressantimaṃ niccaṃ, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘กปฺปสตสหสฺสานิ, เทวโลเก รมิสฺสติ;

    ‘‘Kappasatasahassāni, devaloke ramissati;

    สหสฺสกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี, ราชา รเฎฺฐ ภวิสฺสติฯ

    Sahassakkhattuṃ cakkavattī, rājā raṭṭhe bhavissati.

    ‘‘สหสฺสกฺขตฺตุํ เทวิโนฺท, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;

    ‘‘Sahassakkhattuṃ devindo, devarajjaṃ karissati;

    ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํฯ

    Padesarajjaṃ vipulaṃ, gaṇanāto asaṅkhiyaṃ.

    ‘‘ปจฺฉิเม ภวสมฺปเตฺต, มนุสฺสตฺตํ คมิสฺสติ;

    ‘‘Pacchime bhavasampatte, manussattaṃ gamissati;

    พฺราหฺมณี สาริยา นาม, ธารยิสฺสติ กุจฺฉินาฯ

    Brāhmaṇī sāriyā nāma, dhārayissati kucchinā.

    ‘‘มาตุยา นามโคเตฺตน, ปญฺญายิสฺสติยํ นโร;

    ‘‘Mātuyā nāmagottena, paññāyissatiyaṃ naro;

    สาริปุโตฺตติ นาเมน, ติกฺขปโญฺญ ภวิสฺสติฯ

    Sāriputtoti nāmena, tikkhapañño bhavissati.

    ‘‘อสีติโกฎี ฉเฑฺฑตฺวา, ปพฺพชิสฺสติกิญฺจโน;

    ‘‘Asītikoṭī chaḍḍetvā, pabbajissatikiñcano;

    คเวสโนฺต สนฺติปทํ, จริสฺสติ มหิํ อิมํฯ

    Gavesanto santipadaṃ, carissati mahiṃ imaṃ.

    ‘‘อปริเมเยฺย อิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Aparimeyye ito kappe, okkākakulasambhavo;

    โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ

    Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.

    ‘‘ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

    ‘‘Tassa dhammesu dāyādo, oraso dhammanimmito;

    สาริปุโตฺตติ นาเมน, เหสฺสติ อคฺคสาวโกฯ

    Sāriputtoti nāmena, hessati aggasāvako.

    ‘‘อยํ ภาคีรถี คงฺคา, หิมวนฺตา ปภาวิตา;

    ‘‘Ayaṃ bhāgīrathī gaṅgā, himavantā pabhāvitā;

    มหาสมุทฺทมเปฺปติ, ตปฺปยนฺตี มโหทธิํฯ

    Mahāsamuddamappeti, tappayantī mahodadhiṃ.

    ‘‘ตเถวายํ สาริปุโตฺต, สเก ตีสุ วิสารโท;

    ‘‘Tathevāyaṃ sāriputto, sake tīsu visārado;

    ปญฺญาย ปารมิํ คนฺตฺวา, ตปฺปยิสฺสติ ปาณิเนฯ

    Paññāya pāramiṃ gantvā, tappayissati pāṇine.

    ‘‘หิมวนฺตมุปาทาย , สาครญฺจ มโหทธิํ;

    ‘‘Himavantamupādāya , sāgarañca mahodadhiṃ;

    เอตฺถนฺตเร ยํ ปุลินํ, คณนาโต อสงฺขิยํฯ

    Etthantare yaṃ pulinaṃ, gaṇanāto asaṅkhiyaṃ.

    ‘‘ตมฺปิ สกฺกา อเสเสน, สงฺขาตุํ คณนา ยถา;

    ‘‘Tampi sakkā asesena, saṅkhātuṃ gaṇanā yathā;

    น เตฺวว สาริปุตฺตสฺส, ปญฺญายโนฺต ภวิสฺสติฯ

    Na tveva sāriputtassa, paññāyanto bhavissati.

    ‘‘ลเกฺข ฐปิยมานมฺหิ, ขีเย คงฺคาย วาลุกา;

    ‘‘Lakkhe ṭhapiyamānamhi, khīye gaṅgāya vālukā;

    น เตฺวว สาริปุตฺตสฺส, ปญฺญายโนฺต ภวิสฺสติฯ

    Na tveva sāriputtassa, paññāyanto bhavissati.

    ‘‘มหาสมุเทฺท อูมิโย, คณนาโต อสงฺขิยา;

    ‘‘Mahāsamudde ūmiyo, gaṇanāto asaṅkhiyā;

    ตเถว สาริปุตฺตสฺส, ปญฺญายโนฺต น เหสฺสติฯ

    Tatheva sāriputtassa, paññāyanto na hessati.

    ‘‘อาราธยิตฺวา สมฺพุทฺธํ, โคตมํ สกฺยปุงฺควํ;

    ‘‘Ārādhayitvā sambuddhaṃ, gotamaṃ sakyapuṅgavaṃ;

    ปญฺญาย ปารมิํ คนฺตฺวา, เหสฺสติ อคฺคสาวโกฯ

    Paññāya pāramiṃ gantvā, hessati aggasāvako.

    ‘‘ปวตฺติตํ ธมฺมจกฺกํ, สกฺยปุเตฺตน ตาทินา;

    ‘‘Pavattitaṃ dhammacakkaṃ, sakyaputtena tādinā;

    อนุวเตฺตสฺสติ สมฺมา, วเสฺสโนฺต ธมฺมวุฎฺฐิโยฯ

    Anuvattessati sammā, vassento dhammavuṭṭhiyo.

    ‘‘สพฺพเมตํ อภิญฺญาย, โคตโม สกฺยปุงฺคโว;

    ‘‘Sabbametaṃ abhiññāya, gotamo sakyapuṅgavo;

    ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสฺสติฯ

    Bhikkhusaṅghe nisīditvā, aggaṭṭhāne ṭhapessati.

    ‘‘อโห เม สุกตํ กมฺมํ, อโนมทสฺสิสฺส สตฺถุโน;

    ‘‘Aho me sukataṃ kammaṃ, anomadassissa satthuno;

    ยสฺสาหํ การํ กตฺวาน, สพฺพตฺถ ปารมิํ คโตฯ

    Yassāhaṃ kāraṃ katvāna, sabbattha pāramiṃ gato.

    ‘‘อปริเมเยฺย กตํ กมฺมํ, ผลํ ทเสฺสติ เม อิธ;

    ‘‘Aparimeyye kataṃ kammaṃ, phalaṃ dasseti me idha;

    สุมุโตฺต สรเวโคว, กิเลเส ฌาปยิํ อหํฯ

    Sumutto saravegova, kilese jhāpayiṃ ahaṃ.

    ‘‘อสงฺขตํ คเวสโนฺต, นิพฺพานํ อจลํ ปทํ;

    ‘‘Asaṅkhataṃ gavesanto, nibbānaṃ acalaṃ padaṃ;

    วิจินํ ติตฺถิเย สเพฺพ, เอสาหํ สํสริํ ภเวฯ

    Vicinaṃ titthiye sabbe, esāhaṃ saṃsariṃ bhave.

    ‘‘ยถาปิ พฺยาธิโต โปโส, ปริเยเสยฺย โอสธํ;

    ‘‘Yathāpi byādhito poso, pariyeseyya osadhaṃ;

    วิจิเนยฺย วนํ สพฺพํ, พฺยาธิโต ปริมุตฺติยาฯ

    Vicineyya vanaṃ sabbaṃ, byādhito parimuttiyā.

    ‘‘อสงฺขตํ คเวสโนฺต, นิพฺพานํ อมตํ ปทํ;

    ‘‘Asaṅkhataṃ gavesanto, nibbānaṃ amataṃ padaṃ;

    อโพฺพกิณฺณํ ปญฺจสตํ, ปพฺพชิํ อิสิปพฺพชํฯ

    Abbokiṇṇaṃ pañcasataṃ, pabbajiṃ isipabbajaṃ.

    ‘‘ชฎาภาเรน ภริโต, อชินุตฺตรนิวาสโน;

    ‘‘Jaṭābhārena bharito, ajinuttaranivāsano;

    อภิญฺญาปารมิํ คนฺตฺวา, พฺรหฺมโลกํ อคจฺฉิหํฯ

    Abhiññāpāramiṃ gantvā, brahmalokaṃ agacchihaṃ.

    ‘‘นตฺถิ พาหิรเก สุทฺธิ, ฐเปตฺวา ชินสาสนํ;

    ‘‘Natthi bāhirake suddhi, ṭhapetvā jinasāsanaṃ;

    เย เกจิ พุทฺธิมา สตฺตา, สุชฺฌนฺติ ชินสาสเนฯ

    Ye keci buddhimā sattā, sujjhanti jinasāsane.

    ‘‘อตฺตการมยํ เอตํ, นยิทํ อิติหีติหํ;

    ‘‘Attakāramayaṃ etaṃ, nayidaṃ itihītihaṃ;

    อสงฺขตํ คเวสโนฺต, กุติเตฺถ สญฺจริํ อหํฯ

    Asaṅkhataṃ gavesanto, kutitthe sañcariṃ ahaṃ.

    ‘‘ยถา สารตฺถิโก โปโส, กทลิํ เฉตฺวาน ผาลเย;

    ‘‘Yathā sāratthiko poso, kadaliṃ chetvāna phālaye;

    น ตตฺถ สารํ วิเนฺทยฺย, สาเรน ริตฺตโก หิ โสฯ

    Na tattha sāraṃ vindeyya, sārena rittako hi so.

    ‘‘ตเถว ติตฺถิยา โลเก, นานาทิฎฺฐี พหุชฺชนาฯ

    ‘‘Tatheva titthiyā loke, nānādiṭṭhī bahujjanā.

    อสงฺขเตน ริตฺตาเส, สาเรน กทลี ยถาฯ

    Asaṅkhatena rittāse, sārena kadalī yathā.

    ‘‘ปจฺฉิเม ภวสมฺปเตฺต, พฺรหฺมพนฺธุ อโหสหํ;

    ‘‘Pacchime bhavasampatte, brahmabandhu ahosahaṃ;

    มหาโภคํ ฉเฑฺฑตฺวาน, ปพฺพชิํ อนคาริยํฯ

    Mahābhogaṃ chaḍḍetvāna, pabbajiṃ anagāriyaṃ.

    ‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

    ‘‘Ajjhāyako mantadharo, tiṇṇaṃ vedāna pāragū;

    พฺราหฺมโณ สญฺจโย นาม, ตสฺส มูเล วสามหํฯ

    Brāhmaṇo sañcayo nāma, tassa mūle vasāmahaṃ.

    ‘‘สาวโก เต มหาวีร, อสฺสชิ นาม พฺราหฺมโณ;

    ‘‘Sāvako te mahāvīra, assaji nāma brāhmaṇo;

    ทุราสโท อุคฺคเตโช, ปิณฺฑาย จรตี ตทาฯ

    Durāsado uggatejo, piṇḍāya caratī tadā.

    ‘‘ตมทฺทสาสิํ สปฺปญฺญํ, มุนิํ โมเน สมาหิตํ;

    ‘‘Tamaddasāsiṃ sappaññaṃ, muniṃ mone samāhitaṃ;

    สนฺตจิตฺตํ มหานาคํ, สุผุลฺลํ ปทุมํ ยถาฯ

    Santacittaṃ mahānāgaṃ, suphullaṃ padumaṃ yathā.

    ‘‘ทิสฺวา เม จิตฺตมุปฺปชฺชิ, สุทนฺตํ สุทฺธมานสํ;

    ‘‘Disvā me cittamuppajji, sudantaṃ suddhamānasaṃ;

    อุสภํ ปวรํ วีรํ, อรหายํ ภวิสฺสติฯ

    Usabhaṃ pavaraṃ vīraṃ, arahāyaṃ bhavissati.

    ‘‘ปาสาทิโก อิริยติ, อภิรูโป สุสํวุโต;

    ‘‘Pāsādiko iriyati, abhirūpo susaṃvuto;

    อุตฺตเม ทมเถ ทโนฺต, อมตทสฺสี ภวิสฺสติฯ

    Uttame damathe danto, amatadassī bhavissati.

    ‘‘ยํนูนาหํ อุตฺตมตฺถํ, ปุเจฺฉยฺยํ ตุฎฺฐมานสํ;

    ‘‘Yaṃnūnāhaṃ uttamatthaṃ, puccheyyaṃ tuṭṭhamānasaṃ;

    โส เม ปุโฎฺฐ กเถสฺสติ, ปฎิปุจฺฉามหํ ตทาฯ

    So me puṭṭho kathessati, paṭipucchāmahaṃ tadā.

    ‘‘ปิณฺฑปาตํ จรนฺตสฺส, ปจฺฉโต อคมาสหํ;

    ‘‘Piṇḍapātaṃ carantassa, pacchato agamāsahaṃ;

    โอกาสํ ปฎิมาเนโนฺต, ปุจฺฉิตุํ อมตํ ปทํฯ

    Okāsaṃ paṭimānento, pucchituṃ amataṃ padaṃ.

    ‘‘วีถินฺตเร อนุปฺปตฺตํ, อุปคนฺตฺวาน ปุจฺฉหํ;

    ‘‘Vīthintare anuppattaṃ, upagantvāna pucchahaṃ;

    กถํ โคโตฺตสิ ตฺวํ วีร, กสฺส สิโสฺสสิ มาริสฯ

    Kathaṃ gottosi tvaṃ vīra, kassa sissosi mārisa.

    ‘‘โส เม ปุโฎฺฐ วิยากาสิ, อสมฺภีโตว เกสรี;

    ‘‘So me puṭṭho viyākāsi, asambhītova kesarī;

    พุโทฺธ โลเก สมุปฺปโนฺน, ตสฺส สิโสฺสมฺหิ อาวุโสฯ

    Buddho loke samuppanno, tassa sissomhi āvuso.

    ‘‘กีทิสํ เต มหาวีร, อนุชาโต มหายโส;

    ‘‘Kīdisaṃ te mahāvīra, anujāto mahāyaso;

    พุทฺธสฺส สาสนํ ธมฺมํ, สาธุ เม กถยสฺสุ โภฯ

    Buddhassa sāsanaṃ dhammaṃ, sādhu me kathayassu bho.

    ‘‘โส เม ปุโฎฺฐ กถี สพฺพํ, คมฺภีรํ นิปุณํ ปทํ;

    ‘‘So me puṭṭho kathī sabbaṃ, gambhīraṃ nipuṇaṃ padaṃ;

    ตณฺหาสลฺลสฺส หนฺตารํ, สพฺพทุกฺขาปนูทนํฯ

    Taṇhāsallassa hantāraṃ, sabbadukkhāpanūdanaṃ.

    ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา, เตสํ เหตุํ ตถาคโต อาห;

    ‘‘Ye dhammā hetuppabhavā, tesaṃ hetuṃ tathāgato āha;

    เตสญฺจ โย นิโรโธ, เอวํวาที มหาสมโณฯ

    Tesañca yo nirodho, evaṃvādī mahāsamaṇo.

    ‘‘โสหํ วิสฺสชฺชิเต ปเญฺห, ปฐมํ ผลมชฺฌคํ;

    ‘‘Sohaṃ vissajjite pañhe, paṭhamaṃ phalamajjhagaṃ;

    วิรโช วิมโล อาสิํ, สุตฺวาน ชินสาสนํฯ

    Virajo vimalo āsiṃ, sutvāna jinasāsanaṃ.

    ‘‘สุตฺวาน มุนิโน วากฺยํ, ปสฺสิตฺวา ธมฺมมุตฺตมํ;

    ‘‘Sutvāna munino vākyaṃ, passitvā dhammamuttamaṃ;

    ปริโยคาฬฺหสทฺธโมฺม, อิมํ คาถมภาสหํฯ

    Pariyogāḷhasaddhammo, imaṃ gāthamabhāsahaṃ.

    ‘‘เอเสว ธโมฺม ยทิ ตาวเทว, ปจฺจพฺยถ ปทมโสกํ;

    ‘‘Eseva dhammo yadi tāvadeva, paccabyatha padamasokaṃ;

    อทิฎฺฐํ อพฺภตีตํ, พหุเกหิ กปฺปนหุเตหิฯ

    Adiṭṭhaṃ abbhatītaṃ, bahukehi kappanahutehi.

    ‘‘ยฺวาหํ ธมฺมํ คเวสโนฺต, กุติเตฺถ สญฺจริํ อหํ;

    ‘‘Yvāhaṃ dhammaṃ gavesanto, kutitthe sañcariṃ ahaṃ;

    โส เม อโตฺถ อนุปฺปโตฺต, กาโล เม นปฺปมชฺชิตุํฯ

    So me attho anuppatto, kālo me nappamajjituṃ.

    ‘‘โตสิโตหํ อสฺสชินา, ปตฺวาน อจลํ ปทํ;

    ‘‘Tositohaṃ assajinā, patvāna acalaṃ padaṃ;

    สหายกํ คเวสโนฺต, อสฺสมํ อคมาสหํฯ

    Sahāyakaṃ gavesanto, assamaṃ agamāsahaṃ.

    ‘‘ทูรโตว มมํ ทิสฺวา, สหาโย เม สุสิกฺขิโต;

    ‘‘Dūratova mamaṃ disvā, sahāyo me susikkhito;

    อิริยาปถสมฺปโนฺน, อิทํ วจนมพฺรวิฯ

    Iriyāpathasampanno, idaṃ vacanamabravi.

    ‘‘ปสนฺนมุขเนโตฺตสิ, มุนิภาโวว ทิสฺสติ;

    ‘‘Pasannamukhanettosi, munibhāvova dissati;

    อมตาธิคโต กจฺจิ, นิพฺพานมจฺจุตํ ปทํฯ

    Amatādhigato kacci, nibbānamaccutaṃ padaṃ.

    ‘‘สุภานุรูโป อายาสิ, อาเนญฺชการิโต วิย;

    ‘‘Subhānurūpo āyāsi, āneñjakārito viya;

    ทโนฺตว ทนฺตทมโถ, อุปสโนฺตสิ พฺราหฺมณฯ

    Dantova dantadamatho, upasantosi brāhmaṇa.

    ‘‘อมตํ มยาธิคตํ, โสกสลฺลาปนูทนํ;

    ‘‘Amataṃ mayādhigataṃ, sokasallāpanūdanaṃ;

    ตฺวมฺปิ ตํ อธิคเจฺฉสิ, คจฺฉาม พุทฺธสนฺติกํฯ

    Tvampi taṃ adhigacchesi, gacchāma buddhasantikaṃ.

    ‘‘สาธูติ โส ปฎิสฺสุตฺวา, สหาโย เม สุสิกฺขิโต;

    ‘‘Sādhūti so paṭissutvā, sahāyo me susikkhito;

    หเตฺถน หตฺถํ คณฺหิตฺวา, อุปคมฺม ตวนฺติกํฯ

    Hatthena hatthaṃ gaṇhitvā, upagamma tavantikaṃ.

    ‘‘อุโภปิ ปพฺพชิสฺสาม, สกฺยปุตฺต ตวนฺติเก;

    ‘‘Ubhopi pabbajissāma, sakyaputta tavantike;

    ตว สาสนมาคมฺม, วิหราม อนาสวาฯ

    Tava sāsanamāgamma, viharāma anāsavā.

    ‘‘โกลิโต อิทฺธิยา เสโฎฺฐ, อหํ ปญฺญาย ปารโค;

    ‘‘Kolito iddhiyā seṭṭho, ahaṃ paññāya pārago;

    อุโภว เอกโต หุตฺวา, สาสนํ โสภยามเสฯ

    Ubhova ekato hutvā, sāsanaṃ sobhayāmase.

    ‘‘อปริโยสิตสงฺกโปฺป, กุติเตฺถ สญฺจริํ อหํ;

    ‘‘Apariyositasaṅkappo, kutitthe sañcariṃ ahaṃ;

    ตว ทสฺสนมาคมฺม, สงฺกโปฺป ปูริโต มมฯ

    Tava dassanamāgamma, saṅkappo pūrito mama.

    ‘‘ปถวิยํ ปติฎฺฐาย, ปุปฺผนฺติ สมเย ทุมา;

    ‘‘Pathaviyaṃ patiṭṭhāya, pupphanti samaye dumā;

    ทิพฺพคนฺธา สมฺปวนฺติ, โตเสนฺติ สพฺพปาณินํฯ

    Dibbagandhā sampavanti, tosenti sabbapāṇinaṃ.

    ‘‘ตเถวาหํ มหาวีร, สกฺยปุตฺต มหายส;

    ‘‘Tathevāhaṃ mahāvīra, sakyaputta mahāyasa;

    สาสเน เต ปติฎฺฐาย, สมเยสามิ ปุปฺผิตุํฯ

    Sāsane te patiṭṭhāya, samayesāmi pupphituṃ.

    ‘‘วิมุตฺติปุปฺผํ เอสโนฺต, ภวสํสารโมจนํ;

    ‘‘Vimuttipupphaṃ esanto, bhavasaṃsāramocanaṃ;

    วิมุตฺติปุปฺผลาเภน, โตเสมิ สพฺพปาณินํฯ

    Vimuttipupphalābhena, tosemi sabbapāṇinaṃ.

    ‘‘ยาวตา พุทฺธเขตฺตมฺหิ, ฐเปตฺวาน มหามุนิํ;

    ‘‘Yāvatā buddhakhettamhi, ṭhapetvāna mahāmuniṃ;

    ปญฺญาย สทิโส นตฺถิ, ตว ปุตฺตสฺส จกฺขุมฯ

    Paññāya sadiso natthi, tava puttassa cakkhuma.

    ‘‘สุวินีตา จ เต สิสฺสา, ปริสา จสุสิกฺขิตา;

    ‘‘Suvinītā ca te sissā, parisā casusikkhitā;

    อุตฺตเม ทมเถ ทนฺตา, ปริวาเรนฺติ ตํ สทาฯ

    Uttame damathe dantā, parivārenti taṃ sadā.

    ‘‘ฌายี ฌานรตา ธีรา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;

    ‘‘Jhāyī jhānaratā dhīrā, santacittā samāhitā;

    มุนี โมเนยฺยสมฺปนฺนา, ปริวาเรนฺติ ตํ สทาฯ

    Munī moneyyasampannā, parivārenti taṃ sadā.

    ‘‘อปฺปิจฺฉา นิปกา ธีรา, อปฺปาหารา อโลลุปา;

    ‘‘Appicchā nipakā dhīrā, appāhārā alolupā;

    ลาภาลาเภน สนฺตุฎฺฐา, ปริวาเรนฺติ ตํ สทาฯ

    Lābhālābhena santuṭṭhā, parivārenti taṃ sadā.

    ‘‘อารญฺญิกา ธุตรตา, ฌายิโน ลูขจีวรา;

    ‘‘Āraññikā dhutaratā, jhāyino lūkhacīvarā;

    วิเวกาภิรตา ธีรา, ปริวาเรนฺติ ตํ สทาฯ

    Vivekābhiratā dhīrā, parivārenti taṃ sadā.

    ‘‘ปฎิปนฺนา ผลฎฺฐา จ, เสขา ผลสมงฺคิโน;

    ‘‘Paṭipannā phalaṭṭhā ca, sekhā phalasamaṅgino;

    อาสีสกา อุตฺตมตฺถํ, ปริวาเรนฺติ ตํ สทาฯ

    Āsīsakā uttamatthaṃ, parivārenti taṃ sadā.

    ‘‘โสตาปนฺนา จ วิมลา, สกทาคามิโน จ เย;

    ‘‘Sotāpannā ca vimalā, sakadāgāmino ca ye;

    อนาคามี จ อรหา, ปริวาเรนฺติ ตํ สทาฯ

    Anāgāmī ca arahā, parivārenti taṃ sadā.

    ‘‘สติปฎฺฐานกุสลา, โพชฺฌงฺคภาวนารตา;

    ‘‘Satipaṭṭhānakusalā, bojjhaṅgabhāvanāratā;

    สาวกา เต พหู สเพฺพ, ปริวาเรนฺติ ตํ สทาฯ

    Sāvakā te bahū sabbe, parivārenti taṃ sadā.

    ‘‘อิทฺธิปาเทสุ กุสลา, สมาธิภาวนารตา;

    ‘‘Iddhipādesu kusalā, samādhibhāvanāratā;

    สมฺมปฺปธานานุยุตฺตา, ปริวาเรนฺติ ตํ สทาฯ

    Sammappadhānānuyuttā, parivārenti taṃ sadā.

    ‘‘เตวิชฺชา ฉฬภิญฺญา จ, อิทฺธิยา ปารมิํ คตา;

    ‘‘Tevijjā chaḷabhiññā ca, iddhiyā pāramiṃ gatā;

    ปญฺญาย ปารมิํ ปตฺตา, ปริวาเรนฺติ ตํ สทาฯ

    Paññāya pāramiṃ pattā, parivārenti taṃ sadā.

    ‘‘เอทิสา เต มหาวีร, ตว สิสฺสา สุสิกฺขิตา;

    ‘‘Edisā te mahāvīra, tava sissā susikkhitā;

    ทุราสทา อุคฺคเตชา, ปริวาเรนฺติ ตํ สทาฯ

    Durāsadā uggatejā, parivārenti taṃ sadā.

    ‘‘เตหิ สิเสฺสหิ ปริวุโต, สญฺญเตหิ ตปสฺสิภิ;

    ‘‘Tehi sissehi parivuto, saññatehi tapassibhi;

    มิคราชาวสมฺภีโต, อุฬุราชาว โสภสิฯ

    Migarājāvasambhīto, uḷurājāva sobhasi.

    ‘‘ปถวิยํ ปติฎฺฐาย, รุหนฺติ ธรณีรุหา;

    ‘‘Pathaviyaṃ patiṭṭhāya, ruhanti dharaṇīruhā;

    เวปุลฺลตํ ปาปุณนฺติ, ผลญฺจ ทสฺสยนฺติ เตฯ

    Vepullataṃ pāpuṇanti, phalañca dassayanti te.

    ‘‘ปถวีสทิโส ตฺวํสิ, สกฺยปุตฺต มหายส;

    ‘‘Pathavīsadiso tvaṃsi, sakyaputta mahāyasa;

    สาสเน เต ปติฎฺฐาย, ลภนฺติ อมตํ ผลํฯ

    Sāsane te patiṭṭhāya, labhanti amataṃ phalaṃ.

    ‘‘สินฺธุ สรสฺสตี เจว, นนฺทิโย จนฺทภาคิกา;

    ‘‘Sindhu sarassatī ceva, nandiyo candabhāgikā;

    คงฺคา จ ยมุนา เจว, สรภู จ อโถ มหีฯ

    Gaṅgā ca yamunā ceva, sarabhū ca atho mahī.

    ‘‘เอตาสํ สนฺทมานานํ, สาคโรว สมฺปฎิจฺฉติ;

    ‘‘Etāsaṃ sandamānānaṃ, sāgarova sampaṭicchati;

    ชหนฺติ ปุริมํ นามํ, สาคโรเตว ญายติฯ

    Jahanti purimaṃ nāmaṃ, sāgaroteva ñāyati.

    ‘‘ตเถวิเม จตุพฺพณฺณา, ปพฺพชิตฺวา ตวนฺติเก;

    ‘‘Tathevime catubbaṇṇā, pabbajitvā tavantike;

    ชหนฺติ ปุริมํ นามํ, พุทฺธปุตฺตาติ ญายเรฯ

    Jahanti purimaṃ nāmaṃ, buddhaputtāti ñāyare.

    ‘‘ยถาปิ จโนฺท วิมโล, คจฺฉํ อากาสธาตุยา;

    ‘‘Yathāpi cando vimalo, gacchaṃ ākāsadhātuyā;

    สเพฺพ ตารคเณ โลเก, อาภาย อติโรจติฯ

    Sabbe tāragaṇe loke, ābhāya atirocati.

    ‘‘ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ปริวุโต เทวมานุเส;

    ‘‘Tatheva tvaṃ mahāvīra, parivuto devamānuse;

    เอเต สเพฺพ อติกฺกมฺม, ชลสิ สพฺพทา ตุวํฯ

    Ete sabbe atikkamma, jalasi sabbadā tuvaṃ.

    ‘‘คมฺภีเร อุฎฺฐิตา อูมี, น เวลมติวตฺตเร;

    ‘‘Gambhīre uṭṭhitā ūmī, na velamativattare;

    สพฺพา เวลํว ผุสนฺติ, สญฺจุณฺณา วิกิรนฺติ ตาฯ

    Sabbā velaṃva phusanti, sañcuṇṇā vikiranti tā.

    ‘‘ตเถว ติตฺถิยา โลเก, นานาทิฎฺฐี พหุชฺชนา;

    ‘‘Tatheva titthiyā loke, nānādiṭṭhī bahujjanā;

    ธมฺมํ วาทิตุกามา เต, นาติวตฺตนฺติ ตํ มุนิํฯ

    Dhammaṃ vāditukāmā te, nātivattanti taṃ muniṃ.

    ‘‘สเจ จ ตํ ปาปุณนฺติ, ปฎิวาเทหิ จกฺขุม;

    ‘‘Sace ca taṃ pāpuṇanti, paṭivādehi cakkhuma;

    ตวนฺติกํ อุปคนฺตฺวา, สญฺจุณฺณาว ภวนฺติ เตฯ

    Tavantikaṃ upagantvā, sañcuṇṇāva bhavanti te.

    ‘‘ยถาปิ อุทเก ชาตา, กุมุทา มนฺทาลกา พหู;

    ‘‘Yathāpi udake jātā, kumudā mandālakā bahū;

    อุปลิมฺปนฺติ โตเยน, กทฺทมกลเลน จฯ

    Upalimpanti toyena, kaddamakalalena ca.

    ‘‘ตเถว พหุกา สตฺตา, โลเก ชาตา วิรูหเร;

    ‘‘Tatheva bahukā sattā, loke jātā virūhare;

    อฎฺฎิตา ราคโทเสน, กทฺทเม กุมุทํ ยถาฯ

    Aṭṭitā rāgadosena, kaddame kumudaṃ yathā.

    ‘‘ยถาปิ ปทุมํ ชลชํ, ชลมเชฺฌ วิรูหติ;

    ‘‘Yathāpi padumaṃ jalajaṃ, jalamajjhe virūhati;

    น โส ลิมฺปติ โตเยน, ปริสุโทฺธ หิ เกสรีฯ

    Na so limpati toyena, parisuddho hi kesarī.

    ‘‘ตเถว ตฺวํ มหาวีร, โลเก ชาโต มหามุนิ;

    ‘‘Tatheva tvaṃ mahāvīra, loke jāto mahāmuni;

    โนปลิมฺปสิ โลเกน, โตเยน ปทุมํ ยถาฯ

    Nopalimpasi lokena, toyena padumaṃ yathā.

    ‘‘ยถาปิ รมฺมเก มาเส, พหู ปุปฺผนฺติ วาริชา;

    ‘‘Yathāpi rammake māse, bahū pupphanti vārijā;

    นาติกฺกมนฺติ ตํ มาสํ, สมโย ปุปฺผนาย โสฯ

    Nātikkamanti taṃ māsaṃ, samayo pupphanāya so.

    ‘‘ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ปุปฺผิโต เต วิมุตฺติยา;

    ‘‘Tatheva tvaṃ mahāvīra, pupphito te vimuttiyā;

    สาสนํ นาติวตฺตนฺติ, ปทุมํ วาริชํ ยถาฯ

    Sāsanaṃ nātivattanti, padumaṃ vārijaṃ yathā.

    ‘‘สุปุปฺผิโต สาลราชา, ทิพฺพคนฺธํ ปวายติ;

    ‘‘Supupphito sālarājā, dibbagandhaṃ pavāyati;

    อญฺญสาเลหิ ปริวุโต, สาลราชาว โสภติฯ

    Aññasālehi parivuto, sālarājāva sobhati.

    ‘‘ตเถว ตฺวํ มหาวีร, พุทฺธญาเณน ปุปฺผิโต;

    ‘‘Tatheva tvaṃ mahāvīra, buddhañāṇena pupphito;

    ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต, สาลราชาว โสภสิฯ

    Bhikkhusaṅghaparivuto, sālarājāva sobhasi.

    ‘‘ยถาปิ เสโล หิมวา, โอสโธ สพฺพปาณินํ;

    ‘‘Yathāpi selo himavā, osadho sabbapāṇinaṃ;

    นาคานํ อสุรานญฺจ, เทวตานญฺจ อาลโยฯ

    Nāgānaṃ asurānañca, devatānañca ālayo.

    ‘‘ตเถว ตฺวํ มหาวีร, โอสโธ วิย ปาณินํ;

    ‘‘Tatheva tvaṃ mahāvīra, osadho viya pāṇinaṃ;

    เตวิชฺชา ฉฬภิญฺญา จ, อิทฺธิยา ปารมิํ คตาฯ

    Tevijjā chaḷabhiññā ca, iddhiyā pāramiṃ gatā.

    ‘‘อนุสิฎฺฐา มหาวีร, ตยา การุณิเกน เต;

    ‘‘Anusiṭṭhā mahāvīra, tayā kāruṇikena te;

    รมนฺติ ธมฺมรติยา, วสนฺติ ตว สาสเนฯ

    Ramanti dhammaratiyā, vasanti tava sāsane.

    ‘‘มิคราชา ยถา สีโห, อภินิกฺขมฺม อาสยา;

    ‘‘Migarājā yathā sīho, abhinikkhamma āsayā;

    จตุทฺทิสานุวิโลเกตฺวา, ติกฺขตฺตุํ อภินาทติฯ

    Catuddisānuviloketvā, tikkhattuṃ abhinādati.

    ‘‘สเพฺพ มิคา อุตฺตสนฺติ, มิคราชสฺส คชฺชโต;

    ‘‘Sabbe migā uttasanti, migarājassa gajjato;

    ตถา หิ ชาติมา เอโส, ปสู ตาเสติ สพฺพทาฯ

    Tathā hi jātimā eso, pasū tāseti sabbadā.

    ‘‘คชฺชโต เต มหาวีร, วสุธา สมฺปกมฺปติ;

    ‘‘Gajjato te mahāvīra, vasudhā sampakampati;

    โพธเนยฺยาวพุชฺฌนฺติ, ตสนฺติ มารกายิกาฯ

    Bodhaneyyāvabujjhanti, tasanti mārakāyikā.

    ‘‘ตสนฺติ ติตฺถิยา สเพฺพ, นทโต เต มหามุนิ;

    ‘‘Tasanti titthiyā sabbe, nadato te mahāmuni;

    กากา เสนาว วิพฺภนฺตา, มิครญฺญา ยถา มิคาฯ

    Kākā senāva vibbhantā, migaraññā yathā migā.

    ‘‘เย เกจิ คณิโน โลเก, สตฺถาโรติ ปวุจฺจเร;

    ‘‘Ye keci gaṇino loke, satthāroti pavuccare;

    ปรมฺปราคตํ ธมฺมํ, เทเสนฺติ ปริสาย เตฯ

    Paramparāgataṃ dhammaṃ, desenti parisāya te.

    ‘‘น เหวํ ตฺวํ มหาวีร, ธมฺมํ เทเสสิ ปาณินํ;

    ‘‘Na hevaṃ tvaṃ mahāvīra, dhammaṃ desesi pāṇinaṃ;

    สามํ สจฺจานิ พุชฺฌิตฺวา, เกวลํ โพธิปกฺขิยํฯ

    Sāmaṃ saccāni bujjhitvā, kevalaṃ bodhipakkhiyaṃ.

    ‘‘อาสยานุสยํ ญตฺวา; อินฺทฺริยานํ พลาพลํ;

    ‘‘Āsayānusayaṃ ñatvā; indriyānaṃ balābalaṃ;

    ภพฺพาภเพฺพ วิทิตฺวาน, มหาเมโฆว คชฺชสิฯ

    Bhabbābhabbe viditvāna, mahāmeghova gajjasi.

    ‘‘จกฺกวาฬปริยนฺตา, นิสินฺนา ปริสา ภเว;

    ‘‘Cakkavāḷapariyantā, nisinnā parisā bhave;

    นานาทิฎฺฐี วิจินนฺตํ, วิมติเจฺฉทนาย ตํฯ

    Nānādiṭṭhī vicinantaṃ, vimaticchedanāya taṃ.

    ‘‘สเพฺพสํ จิตฺตมญฺญาย, โอปมฺมกุสโล มุนิ;

    ‘‘Sabbesaṃ cittamaññāya, opammakusalo muni;

    เอกํ ปญฺหํ กเถโนฺตว, วิมติํ ฉินฺทสิ ปาณินํฯ

    Ekaṃ pañhaṃ kathentova, vimatiṃ chindasi pāṇinaṃ.

    ‘‘อุปติสฺสสทิเสเหว, วสุธา ปูริตา ภเว;

    ‘‘Upatissasadiseheva, vasudhā pūritā bhave;

    สเพฺพว เต ปญฺชลิกา, กิตฺตยุํ โลกนายกํฯ

    Sabbeva te pañjalikā, kittayuṃ lokanāyakaṃ.

    ‘‘กปฺปํ วา เต กิตฺตยนฺตา, นานาวเณฺณหิ กิตฺตยุํ;

    ‘‘Kappaṃ vā te kittayantā, nānāvaṇṇehi kittayuṃ;

    ปริเมตุํ น สเกฺกยฺยุํ, อปฺปเมโยฺย ตถาคโตฯ

    Parimetuṃ na sakkeyyuṃ, appameyyo tathāgato.

    ‘‘ยถา สเกน ถาเมน, กิตฺติโต หิ มยา ชิโน;

    ‘‘Yathā sakena thāmena, kittito hi mayā jino;

    กปฺปโกฎีปิ กิเตฺตนฺตา, เอวเมว ปกิตฺตยุํฯ

    Kappakoṭīpi kittentā, evameva pakittayuṃ.

    ‘‘สเจ หิ โกจิ เทโว วา, มนุโสฺส วา สุสิกฺขิโต;

    ‘‘Sace hi koci devo vā, manusso vā susikkhito;

    ปเมตุํ ปริกเปฺปยฺย, วิฆาตํว ลเภยฺย โสฯ

    Pametuṃ parikappeyya, vighātaṃva labheyya so.

    ‘‘สาสเน เต ปติฎฺฐาย, สกฺยปุตฺต มหายส;

    ‘‘Sāsane te patiṭṭhāya, sakyaputta mahāyasa;

    ปญฺญาย ปารมิํ คนฺตฺวา, วิหรามิ อนาสโวฯ

    Paññāya pāramiṃ gantvā, viharāmi anāsavo.

    ‘‘ติตฺถิเย สมฺปมทฺทามิ, วเตฺตมิ ชินสาสนํ;

    ‘‘Titthiye sampamaddāmi, vattemi jinasāsanaṃ;

    ธมฺมเสนาปติ อชฺช, สกฺยปุตฺตสฺส สาสเนฯ

    Dhammasenāpati ajja, sakyaputtassa sāsane.

    ‘‘อปริเมเยฺย กตํ กมฺมํ, ผลํ ทเสฺสสิ เม อิธ;

    ‘‘Aparimeyye kataṃ kammaṃ, phalaṃ dassesi me idha;

    สุขิโตฺต สรเวโคว, กิเลเส ฌาปยี มมฯ

    Sukhitto saravegova, kilese jhāpayī mama.

    ‘‘โย โกจิ มนุโช ภารํ, ธาเรยฺย มตฺถเก สทา;

    ‘‘Yo koci manujo bhāraṃ, dhāreyya matthake sadā;

    ภาเรน ทุกฺขิโต อสฺส, ภาเรหิ ภริโต ตถาฯ

    Bhārena dukkhito assa, bhārehi bharito tathā.

    ‘‘ฑยฺหมาโน ตีหคฺคีหิ, ภเวสุ สํสริํ อหํ;

    ‘‘Ḍayhamāno tīhaggīhi, bhavesu saṃsariṃ ahaṃ;

    ภริโต ภวภาเรน, คิริํ อุจฺจาริโต ยถาฯ

    Bharito bhavabhārena, giriṃ uccārito yathā.

    ‘‘โอโรปิโต จ เม ภาโร, ภวา อุคฺฆาฎิตา มยา;

    ‘‘Oropito ca me bhāro, bhavā ugghāṭitā mayā;

    กรณียํ กตํ สพฺพํ, สกฺยปุตฺตสฺส สาสเนฯ

    Karaṇīyaṃ kataṃ sabbaṃ, sakyaputtassa sāsane.

    ‘‘ยาวตา พุทฺธเขตฺตมฺหิ, ฐเปตฺวา สกฺยปุงฺควํ;

    ‘‘Yāvatā buddhakhettamhi, ṭhapetvā sakyapuṅgavaṃ;

    อหํ อโคฺคมฺหิ ปญฺญาย, สทิโส เม น วิชฺชติฯ

    Ahaṃ aggomhi paññāya, sadiso me na vijjati.

    ‘‘สมาธิมฺหิ สุกุสโล, อิทฺธิยา ปารมิํ คโต;

    ‘‘Samādhimhi sukusalo, iddhiyā pāramiṃ gato;

    อิจฺฉมาโน จหํ อชฺช, สหสฺสํ อภินิมฺมิเนฯ

    Icchamāno cahaṃ ajja, sahassaṃ abhinimmine.

    ‘‘อนุปุพฺพวิหารสฺส, วสีภูโต มหามุนิ;

    ‘‘Anupubbavihārassa, vasībhūto mahāmuni;

    กเถสิ สาสนํ มยฺหํ, นิโรโธ สยนํ มมฯ

    Kathesi sāsanaṃ mayhaṃ, nirodho sayanaṃ mama.

    ‘‘ทิพฺพจกฺขุ วิสุทฺธํ เม, สมาธิกุสโล อหํ;

    ‘‘Dibbacakkhu visuddhaṃ me, samādhikusalo ahaṃ;

    สมฺมปฺปธานานุยุโตฺต, โพชฺฌงฺคภาวนารโตฯ

    Sammappadhānānuyutto, bojjhaṅgabhāvanārato.

    ‘‘สาวเกน หิ ปตฺตพฺพํ, สพฺพเมว กตํ มยา;

    ‘‘Sāvakena hi pattabbaṃ, sabbameva kataṃ mayā;

    โลกนาถํ ฐเปตฺวาน, สทิโส เม น วิชฺชติฯ

    Lokanāthaṃ ṭhapetvāna, sadiso me na vijjati.

    ‘‘สมาปตฺตีนํ กุสโล, ฌานวิโมกฺขาน ขิปฺปปฎิลาภี;

    ‘‘Samāpattīnaṃ kusalo, jhānavimokkhāna khippapaṭilābhī;

    โพชฺฌงฺคภาวนารโต, สาวกคุณปารมิคโตสฺมิฯ

    Bojjhaṅgabhāvanārato, sāvakaguṇapāramigatosmi.

    ‘‘สาวกคุเณนปิ ผุเสฺสน, พุทฺธิยา ปริสุตฺตมภารวา;

    ‘‘Sāvakaguṇenapi phussena, buddhiyā parisuttamabhāravā;

    ยํ สทฺธาสงฺคหิตํ จิตฺตํ, สทา สพฺรหฺมจารีสุฯ

    Yaṃ saddhāsaṅgahitaṃ cittaṃ, sadā sabrahmacārīsu.

    ‘‘อุทฺธตวิโสว สโปฺป, ฉินฺนวิสาโณว อุสโภ;

    ‘‘Uddhatavisova sappo, chinnavisāṇova usabho;

    นิกฺขิตฺตมานทโปฺปว, อุเปมิ ครุคารเวน คณํฯ

    Nikkhittamānadappova, upemi garugāravena gaṇaṃ.

    ‘‘ยทิ รูปินี ภเวยฺย, ปญฺญา เม วสุมตีปิ น สเมยฺย;

    ‘‘Yadi rūpinī bhaveyya, paññā me vasumatīpi na sameyya;

    อโนมทสฺสิสฺส ภควโต, ผลเมตํ ญาณถวนายฯ

    Anomadassissa bhagavato, phalametaṃ ñāṇathavanāya.

    ‘‘ปวตฺติตํ ธมฺมจกฺกํ, สกฺยปุเตฺตน ตาทินา;

    ‘‘Pavattitaṃ dhammacakkaṃ, sakyaputtena tādinā;

    อนุวเตฺตมหํ สมฺมา, ญาณถวนายิทํ ผลํฯ

    Anuvattemahaṃ sammā, ñāṇathavanāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘มา เม กทาจิ ปาปิโจฺฉ, กุสีโต หีนวีริโย;

    ‘‘Mā me kadāci pāpiccho, kusīto hīnavīriyo;

    อปฺปสฺสุโต อนาจาโร, สเมโต อหุ กตฺถจิฯ

    Appassuto anācāro, sameto ahu katthaci.

    ‘‘พหุสฺสุโต จ เมธาวี, สีเลสุ สุสมาหิโต;

    ‘‘Bahussuto ca medhāvī, sīlesu susamāhito;

    เจโตสมถานุยุโตฺต, อปิ มุทฺธนิ ติฎฺฐตุฯ

    Cetosamathānuyutto, api muddhani tiṭṭhatu.

    ‘‘ตํ โว วทามิ ภทฺทเนฺต, ตาวเนฺตตฺถ สมาคตา;

    ‘‘Taṃ vo vadāmi bhaddante, tāvantettha samāgatā;

    อปฺปิจฺฉา โหถ สนฺตุฎฺฐา, ฌายี ฌานรตา สทาฯ

    Appicchā hotha santuṭṭhā, jhāyī jhānaratā sadā.

    ‘‘ยมหํ ปฐมํ ทิสฺวา, วิรโช วิมโล อหุํ;

    ‘‘Yamahaṃ paṭhamaṃ disvā, virajo vimalo ahuṃ;

    โส เม อาจริโย ธีโร, อสฺสชิ นาม สาวโกฯ

    So me ācariyo dhīro, assaji nāma sāvako.

    ‘‘ตสฺสาหํ วาหสา อชฺช, ธมฺมเสนาปตี อหุํ;

    ‘‘Tassāhaṃ vāhasā ajja, dhammasenāpatī ahuṃ;

    สพฺพตฺถ ปารมิํ ปตฺวา, วิหรามิ อนาสโวฯ

    Sabbattha pāramiṃ patvā, viharāmi anāsavo.

    ‘‘โย เม อาจริโย อาสิ, อสฺสชิ นาม สาวโก;

    ‘‘Yo me ācariyo āsi, assaji nāma sāvako;

    ยสฺสํ ทิสายํ วสติ, อุสฺสีสมฺหิ กโรมหํฯ

    Yassaṃ disāyaṃ vasati, ussīsamhi karomahaṃ.

    ‘‘มม กมฺมํ สริตฺวาน, โคตโม สกฺยปุงฺคโว;

    ‘‘Mama kammaṃ saritvāna, gotamo sakyapuṅgavo;

    ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิ มํฯ

    Bhikkhusaṅghe nisīditvā, aggaṭṭhāne ṭhapesi maṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อปรภาเค ปน สตฺถา เชตวนมหาวิหาเร อริยคณมเชฺฌ นิสิโนฺน อตฺตโน สาวเก เตน เตน คุณวิเสเสน เอตทเคฺค ฐเปโนฺต – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ มหาปญฺญานํ ยทิทํ สาริปุโตฺต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘-๑๘๙) เถรํ มหาปญฺญภาเวน เอตทเคฺค ฐเปสิฯ โส เอวํ สาวกปารมีญาณสฺส มตฺถกํ ปตฺวา ธมฺมเสนาปติฎฺฐาเน ปติฎฺฐหิตฺวา สตฺตหิตํ กโรโนฺต เอกทิวสํ สพฺรหฺมจารีนํ อตฺตโน จริยวิภาวนมุเขน อญฺญํ พฺยากโรโนฺต –

    Aparabhāge pana satthā jetavanamahāvihāre ariyagaṇamajjhe nisinno attano sāvake tena tena guṇavisesena etadagge ṭhapento – ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ mahāpaññānaṃ yadidaṃ sāriputto’’ti (a. ni. 1.188-189) theraṃ mahāpaññabhāvena etadagge ṭhapesi. So evaṃ sāvakapāramīñāṇassa matthakaṃ patvā dhammasenāpatiṭṭhāne patiṭṭhahitvā sattahitaṃ karonto ekadivasaṃ sabrahmacārīnaṃ attano cariyavibhāvanamukhena aññaṃ byākaronto –

    ๙๘๑.

    981.

    ‘‘ยถาจารี ยถาสโต สตีมา, ยตสงฺกปฺปชฺฌายิ อปฺปมโตฺต;

    ‘‘Yathācārī yathāsato satīmā, yatasaṅkappajjhāyi appamatto;

    อชฺฌตฺตรโต สมาหิตโตฺต, เอโก สนฺตุสิโต ตมาหุ ภิกฺขุํฯ

    Ajjhattarato samāhitatto, eko santusito tamāhu bhikkhuṃ.

    ๙๘๒.

    982.

    ‘‘อลฺลํ สุกฺขํ วา ภุญฺชโนฺต, น พาฬฺหํ สุหิโต สิยา;

    ‘‘Allaṃ sukkhaṃ vā bhuñjanto, na bāḷhaṃ suhito siyā;

    อูนูทโร มิตาหาโร, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเชฯ

    Ūnūdaro mitāhāro, sato bhikkhu paribbaje.

    ๙๘๓.

    983.

    ‘‘จตฺตาโร ปญฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;

    ‘‘Cattāro pañca ālope, abhutvā udakaṃ pive;

    อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโนฯ

    Alaṃ phāsuvihārāya, pahitattassa bhikkhuno.

    ๙๘๔.

    984.

    ‘‘กปฺปิยํ ตเญฺจ ฉาเทติ, จีวรํ อิทมตฺถิกํ;

    ‘‘Kappiyaṃ tañce chādeti, cīvaraṃ idamatthikaṃ;

    อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโนฯ

    Alaṃ phāsuvihārāya, pahitattassa bhikkhuno.

    ๙๘๕.

    985.

    ‘‘ปลฺลเงฺกน นิสินฺนสฺส, ชณฺณุเก นาภิวสฺสติ;

    ‘‘Pallaṅkena nisinnassa, jaṇṇuke nābhivassati;

    อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโนฯ

    Alaṃ phāsuvihārāya, pahitattassa bhikkhuno.

    ๙๘๖.

    986.

    ‘‘โย สุขํ ทุกฺขโต อทฺท, ทุกฺขมทฺทกฺขิ สลฺลโต;

    ‘‘Yo sukhaṃ dukkhato adda, dukkhamaddakkhi sallato;

    อุภยนฺตเรน นาโหสิ, เกน โลกสฺมิ กิํ สิยาฯ

    Ubhayantarena nāhosi, kena lokasmi kiṃ siyā.

    ๙๘๗.

    987.

    ‘‘มา เม กทาจิ ปาปิโจฺฉ, กุสีโต หีนวีริโย;

    ‘‘Mā me kadāci pāpiccho, kusīto hīnavīriyo;

    อปฺปสฺสุโต อนาทโร, เกน โลกสฺมิ กิํ สิยาฯ

    Appassuto anādaro, kena lokasmi kiṃ siyā.

    ๙๘๘.

    988.

    ‘‘พหุสฺสุโต จ เมธาวี, สีเลสุ สุสมาหิโต;

    ‘‘Bahussuto ca medhāvī, sīlesu susamāhito;

    เจโตสมถมนุยุโตฺต, อปิ มุทฺธนิ ติฎฺฐตุฯ

    Cetosamathamanuyutto, api muddhani tiṭṭhatu.

    ๙๘๙.

    989.

    ‘‘โย ปปญฺจมนุยุโตฺต, ปปญฺจาภิรโต มโค;

    ‘‘Yo papañcamanuyutto, papañcābhirato mago;

    วิราธยี โส นิพฺพานํ, โยคเกฺขมํ อนุตฺตรํฯ

    Virādhayī so nibbānaṃ, yogakkhemaṃ anuttaraṃ.

    ๙๙๐.

    990.

    ‘‘โย จ ปปญฺจํ หิตฺวาน, นิปฺปปญฺจปเถ รโต;

    ‘‘Yo ca papañcaṃ hitvāna, nippapañcapathe rato;

    อาราธยี โส นิพฺพานํ, โยคเกฺขมํ อนุตฺตรํฯ

    Ārādhayī so nibbānaṃ, yogakkhemaṃ anuttaraṃ.

    ๙๙๑.

    991.

    ‘‘คาเม วา ยทิ วารเญฺญ, นิเนฺน วา ยทิ วา ถเล;

    ‘‘Gāme vā yadi vāraññe, ninne vā yadi vā thale;

    ยตฺถ อรหโนฺต วิหรนฺติ, ตํ ภูมิรามเณยฺยกํฯ

    Yattha arahanto viharanti, taṃ bhūmirāmaṇeyyakaṃ.

    ๙๙๒.

    992.

    ‘‘รมณียานิ อรญฺญานิ, ยตฺถ น รมตี ชโน;

    ‘‘Ramaṇīyāni araññāni, yattha na ramatī jano;

    วีตราคา รมิสฺสนฺติ, น เต กามคเวสิโนฯ

    Vītarāgā ramissanti, na te kāmagavesino.

    ๙๙๓.

    993.

    ‘‘นิธีนํว ปวตฺตารํ, ยํ ปเสฺส วชฺชทสฺสินํ;

    ‘‘Nidhīnaṃva pavattāraṃ, yaṃ passe vajjadassinaṃ;

    นิคฺคยฺหวาทิํ เมธาวิํ, ตาทิสํ ปณฺฑิตํ ภเช;

    Niggayhavādiṃ medhāviṃ, tādisaṃ paṇḍitaṃ bhaje;

    ตาทิสํ ภชมานสฺส, เสโยฺย โหติ น ปาปิโยฯ

    Tādisaṃ bhajamānassa, seyyo hoti na pāpiyo.

    ๙๙๔.

    994.

    ‘‘โอวเทยฺยานุสาเสยฺย, อสพฺภา จ นิวารเย;

    ‘‘Ovadeyyānusāseyya, asabbhā ca nivāraye;

    สตญฺหิ โส ปิโย โหติ, อสตํ โหติ อปฺปิโยฯ

    Satañhi so piyo hoti, asataṃ hoti appiyo.

    ๙๙๕.

    995.

    ‘‘อญฺญสฺส ภควา พุโทฺธ, ธมฺมํ เทเสสิ จกฺขุมา;

    ‘‘Aññassa bhagavā buddho, dhammaṃ desesi cakkhumā;

    ธเมฺม เทสิยมานมฺหิ, โสตมาเธสิมตฺถิโก;

    Dhamme desiyamānamhi, sotamādhesimatthiko;

    ตํ เม อโมฆํ สวนํ, วิมุโตฺตมฺหิ อนาสโวฯ

    Taṃ me amoghaṃ savanaṃ, vimuttomhi anāsavo.

    ๙๙๖.

    996.

    ‘‘เนว ปุเพฺพนิวาสาย, นปิ ทิพฺพสฺส จกฺขุโน;

    ‘‘Neva pubbenivāsāya, napi dibbassa cakkhuno;

    เจโตปริยาย อิทฺธิยา, จุติยา อุปปตฺติยา;

    Cetopariyāya iddhiyā, cutiyā upapattiyā;

    โสตธาตุวิสุทฺธิยา, ปณิธี เม น วิชฺชติฯ

    Sotadhātuvisuddhiyā, paṇidhī me na vijjati.

    ๙๙๗.

    997.

    ‘‘รุกฺขมูลํว นิสฺสาย, มุโณฺฑ สงฺฆาฎิปารุโต;

    ‘‘Rukkhamūlaṃva nissāya, muṇḍo saṅghāṭipāruto;

    ปญฺญาย อุตฺตโม เถโร, อุปติโสฺสว ฌายติฯ

    Paññāya uttamo thero, upatissova jhāyati.

    ๙๙๘.

    998.

    ‘‘อวิตกฺกํ สมาปโนฺน, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก;

    ‘‘Avitakkaṃ samāpanno, sammāsambuddhasāvako;

    อริเยน ตุณฺหีภาเวน, อุเปโต โหติ ตาวเทฯ

    Ariyena tuṇhībhāvena, upeto hoti tāvade.

    ๙๙๙.

    999.

    ‘‘ยถาปิ ปพฺพโต เสโล, อจโล สุปฺปติฎฺฐิโต;

    ‘‘Yathāpi pabbato selo, acalo suppatiṭṭhito;

    เอวํ โมหกฺขยา ภิกฺขุ, ปพฺพโตว น เวธติฯ

    Evaṃ mohakkhayā bhikkhu, pabbatova na vedhati.

    ๑๐๐๐.

    1000.

    ‘‘อนงฺคณสฺส โปสสฺส, นิจฺจํ สุจิคเวสิโน;

    ‘‘Anaṅgaṇassa posassa, niccaṃ sucigavesino;

    วาลคฺคมตฺตํ ปาปสฺส, อพฺภมตฺตํว ขายติฯ

    Vālaggamattaṃ pāpassa, abbhamattaṃva khāyati.

    ๑๐๐๑.

    1001.

    ‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;

    ‘‘Nābhinandāmi maraṇaṃ, nābhinandāmi jīvitaṃ;

    นิกฺขิปิสฺสํ อิมํ กายํ, สมฺปชาโน ปฎิสฺสโตฯ

    Nikkhipissaṃ imaṃ kāyaṃ, sampajāno paṭissato.

    ๑๐๐๒.

    1002.

    ‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;

    ‘‘Nābhinandāmi maraṇaṃ, nābhinandāmi jīvitaṃ;

    กาลญฺจ ปฎิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถาฯ

    Kālañca paṭikaṅkhāmi, nibbisaṃ bhatako yathā.

    ๑๐๐๓.

    1003.

    ‘‘อุภเยน มิทํ มรณเมว, นามรณํ ปจฺฉา วา ปุเร วา;

    ‘‘Ubhayena midaṃ maraṇameva, nāmaraṇaṃ pacchā vā pure vā;

    ปฎิปชฺชถ มา วินสฺสถ, ขโณ โว มา อุปจฺจคาฯ

    Paṭipajjatha mā vinassatha, khaṇo vo mā upaccagā.

    ๑๐๐๔.

    1004.

    ‘‘นครํ ยถา ปจฺจนฺตํ, คุตฺตํ สนฺตรพาหิรํ;

    ‘‘Nagaraṃ yathā paccantaṃ, guttaṃ santarabāhiraṃ;

    เอวํ โคเปถ อตฺตานํ, ขโณ โว มา อุปจฺจคา;

    Evaṃ gopetha attānaṃ, khaṇo vo mā upaccagā;

    ขณาตีตา หิ โสจนฺติ, นิรยมฺหิ สมปฺปิตาฯ

    Khaṇātītā hi socanti, nirayamhi samappitā.

    ๑๐๐๕.

    1005.

    ‘‘อุปสโนฺต อุปรโต, มนฺตภาณี อนุทฺธโต;

    ‘‘Upasanto uparato, mantabhāṇī anuddhato;

    ธุนาติ ปาปเก ธเมฺม, ทุมปตฺตํว มาลุโตฯ

    Dhunāti pāpake dhamme, dumapattaṃva māluto.

    ๑๐๐๖.

    1006.

    ‘‘อุปสโนฺต อุปรโต, มนฺตภาณี อนุทฺธโต;

    ‘‘Upasanto uparato, mantabhāṇī anuddhato;

    อปฺปาสิ ปาปเก ธเมฺม, ทุมปตฺตํว มาลุโตฯ

    Appāsi pāpake dhamme, dumapattaṃva māluto.

    ๑๐๐๗.

    1007.

    ‘‘อุปสโนฺต อนายาโส, วิปฺปสโนฺน อนาวิโล;

    ‘‘Upasanto anāyāso, vippasanno anāvilo;

    กลฺยาณสีโล เมธาวี, ทุกฺขสฺสนฺตกโร สิยาฯ

    Kalyāṇasīlo medhāvī, dukkhassantakaro siyā.

    ๑๐๐๘.

    1008.

    ‘‘น วิสฺสเส เอกติเยสุ เอวํ, อคาริสุ ปพฺพชิเตสุ จาปิ;

    ‘‘Na vissase ekatiyesu evaṃ, agārisu pabbajitesu cāpi;

    สาธูปิ หุตฺวาน อสาธุ โหนฺติ, อสาธุ หุตฺวา ปุน สาธุ โหนฺติฯ

    Sādhūpi hutvāna asādhu honti, asādhu hutvā puna sādhu honti.

    ๑๐๐๙.

    1009.

    ‘‘กามจฺฉโนฺท จ พฺยาปาโท, ถินมิทฺธญฺจ ภิกฺขุโน;

    ‘‘Kāmacchando ca byāpādo, thinamiddhañca bhikkhuno;

    อุทฺธจฺจํ วิจิกิจฺฉา จ, ปเญฺจเต จิตฺตเกลิสาฯ

    Uddhaccaṃ vicikicchā ca, pañcete cittakelisā.

    ๑๐๑๐.

    1010.

    ‘‘ยสฺส สกฺกริยมานสฺส, อสกฺกาเรน จูภยํ;

    ‘‘Yassa sakkariyamānassa, asakkārena cūbhayaṃ;

    สมาธิ น วิกมฺปติ, อปฺปมาทวิหาริโนฯ

    Samādhi na vikampati, appamādavihārino.

    ๑๐๑๑.

    1011.

    ‘‘ตํ ฌายินํ สาตติกํ, สุขุมทิฎฺฐิปสฺสกํ;

    ‘‘Taṃ jhāyinaṃ sātatikaṃ, sukhumadiṭṭhipassakaṃ;

    อุปาทานกฺขยารามํ, อาหุ สปฺปุริโส อิติฯ

    Upādānakkhayārāmaṃ, āhu sappuriso iti.

    ๑๐๑๒.

    1012.

    ‘‘มหาสมุโทฺท ปถวี, ปพฺพโต อนิโลปิ จ;

    ‘‘Mahāsamuddo pathavī, pabbato anilopi ca;

    อุปมาย น ยุชฺชนฺติ, สตฺถุ วรวิมุตฺติยาฯ

    Upamāya na yujjanti, satthu varavimuttiyā.

    ๑๐๑๓.

    1013.

    ‘‘จกฺกานุวตฺตโก เถโร, มหาญาณี สมาหิโต;

    ‘‘Cakkānuvattako thero, mahāñāṇī samāhito;

    ปถวาปคฺคิสมาโน, น รชฺชติ น ทุสฺสติฯ

    Pathavāpaggisamāno, na rajjati na dussati.

    ๑๐๑๔.

    1014.

    ‘‘ปญฺญาปารมิตํ ปโตฺต, มหาพุทฺธิ มหามติ;

    ‘‘Paññāpāramitaṃ patto, mahābuddhi mahāmati;

    อชโฬ ชฬสมาโน, สทา จรติ นิพฺพุโตฯ

    Ajaḷo jaḷasamāno, sadā carati nibbuto.

    ๑๐๑๕.

    1015.

    ‘‘ปริจิโณฺณ มยา สตฺถา…เป.… ภวเนตฺติสมูหตาฯ

    ‘‘Pariciṇṇo mayā satthā…pe… bhavanettisamūhatā.

    ๑๐๑๖.

    1016.

    ‘‘สมฺปาเทถปฺปมาเทน, เอสา เม อนุสาสนี;

    ‘‘Sampādethappamādena, esā me anusāsanī;

    หนฺทาหํ ปรินิพฺพิสฺสํ, วิปฺปมุโตฺตมฺหิ สพฺพธี’’ติฯ –

    Handāhaṃ parinibbissaṃ, vippamuttomhi sabbadhī’’ti. –

    อิมา คาถา อภาสิฯ อิมา หิ กาจิ คาถา เถเรน ภาสิตา, กาจิ เถรํ อารพฺภ ภควตา ภาสิตา, สพฺพา ปจฺฉา อตฺตโน จริยปเวทนวเสน เถเรน ภาสิตตฺตา เถรเสฺสว คาถา อเหสุํฯ

    Imā gāthā abhāsi. Imā hi kāci gāthā therena bhāsitā, kāci theraṃ ārabbha bhagavatā bhāsitā, sabbā pacchā attano cariyapavedanavasena therena bhāsitattā therasseva gāthā ahesuṃ.

    ตตฺถ ยถาจารีติ ยถา กายาทีหิ สํยโต, สํวุโต หุตฺวา จรติ วิหรติ, ยถาจรณสีโลติ วา ยถาจารี, สีลสมฺปโนฺนติ อโตฺถฯ ยถาสโตติ ยถาสโนฺตฯ คาถาสุขตฺถญฺหิ อนุนาสิกโลปํ กตฺวา นิเทฺทโส กโต, สโนฺต วิย, อริเยหิ นิพฺพิเสโสติ อโตฺถฯ สตีมาติ ปรมาย สติยา สมนฺนาคโตฯ ยตสงฺกปฺปชฺฌายีติ สพฺพโส มิจฺฉาสงฺกปฺปํ ปหาย เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทิวเสน สํยตสงฺกโปฺป หุตฺวา อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จ ฌายนสีโลฯ อปฺปมโตฺตติ ตสฺมิํเยว ยถาจาริภาเว ยตสงฺกโปฺป หุตฺวา ฌายเนน จ ปมาทรหิโต สพฺพตฺถ สุปฺปติฎฺฐิตสติสมฺปชโญฺญฯ อชฺฌตฺตรโตติ โคจรชฺฌเตฺต กมฺมฎฺฐานภาวนาย อภิรโตฯ สมาหิตโตฺตติ ตาย เอว ภาวนาย เอกคฺคจิโตฺตฯ เอโกติ อสหาโย คณสํสคฺคํ, กิเลสสํสคฺคญฺจ ปหาย กายวิเวกํ, จิตฺตวิเวกญฺจ ปริพฺรูหยโนฺตฯ สนฺตุสิโตติ ปจฺจยสโนฺตเสน จ ภาวนารามสโนฺตเสน จ สมฺมเทว ตุสิโต ตุโฎฺฐฯ ภาวนาย หิ อุปรูปริ วิเสสํ อาวหนฺติยา อุฬารํ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, มตฺถกํ ปตฺตาย ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ ตมาหุ ภิกฺขุนฺติ ตํ เอวรูปํ ปุคฺคลํ สิกฺขตฺตยปาริปูริยา ภยํ อิกฺขนตาย ภินฺนกิเลสตาย จ ภิกฺขูติ วทนฺติฯ

    Tattha yathācārīti yathā kāyādīhi saṃyato, saṃvuto hutvā carati viharati, yathācaraṇasīloti vā yathācārī, sīlasampannoti attho. Yathāsatoti yathāsanto. Gāthāsukhatthañhi anunāsikalopaṃ katvā niddeso kato, santo viya, ariyehi nibbisesoti attho. Satīmāti paramāya satiyā samannāgato. Yatasaṅkappajjhāyīti sabbaso micchāsaṅkappaṃ pahāya nekkhammasaṅkappādivasena saṃyatasaṅkappo hutvā ārammaṇūpanijjhānena lakkhaṇūpanijjhānena ca jhāyanasīlo. Appamattoti tasmiṃyeva yathācāribhāve yatasaṅkappo hutvā jhāyanena ca pamādarahito sabbattha suppatiṭṭhitasatisampajañño. Ajjhattaratoti gocarajjhatte kammaṭṭhānabhāvanāya abhirato. Samāhitattoti tāya eva bhāvanāya ekaggacitto. Ekoti asahāyo gaṇasaṃsaggaṃ, kilesasaṃsaggañca pahāya kāyavivekaṃ, cittavivekañca paribrūhayanto. Santusitoti paccayasantosena ca bhāvanārāmasantosena ca sammadeva tusito tuṭṭho. Bhāvanāya hi uparūpari visesaṃ āvahantiyā uḷāraṃ pītipāmojjaṃ uppajjati, matthakaṃ pattāya pana vattabbameva natthi. Tamāhubhikkhunti taṃ evarūpaṃ puggalaṃ sikkhattayapāripūriyā bhayaṃ ikkhanatāya bhinnakilesatāya ca bhikkhūti vadanti.

    อิทานิ ยถาวุตฺตสโนฺตสทฺวเย ปจฺจยสโนฺตสํ ตาว ทเสฺสโนฺต ‘‘อลฺลํ สุกฺขํ วา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อลฺลนฺติ สปฺปิอาทิอุปเสเกน ตินฺตํ สินิทฺธํฯ สุกฺขนฺติ ตทภาเวน ลูขํฯ วา-สโทฺท อนิยมโตฺถ, อลฺลํ วา สุกฺขํ วาติฯ พาฬฺหนฺติ อติวิยฯ สุหิโตติ ธาโต น สิยาติ อโตฺถฯ กถํ ปน สิยาติ อาห ‘‘อูนูทโร มิตาหาโร’’ติ ปณีตํ ลูขํ วาปิ โภชนํ ภุญฺชโนฺต ภิกฺขุ ยาวทตฺถํ อภุญฺชิตฺวา อูนูทโร สลฺลหุกุทโร, ตโต เอว มิตาหาโร ปริมิตโภชโน อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตํ อาหารํ อาหรโนฺต ตตฺถ มตฺตญฺญุตาย ปจฺจเวกฺขณสติยา จ สโต หุตฺวา ปริพฺพเช วิหเรยฺยฯ

    Idāni yathāvuttasantosadvaye paccayasantosaṃ tāva dassento ‘‘allaṃ sukkhaṃ vā’’tiādimāha. Tattha allanti sappiādiupasekena tintaṃ siniddhaṃ. Sukkhanti tadabhāvena lūkhaṃ. -saddo aniyamattho, allaṃ vā sukkhaṃ vāti. Bāḷhanti ativiya. Suhitoti dhāto na siyāti attho. Kathaṃ pana siyāti āha ‘‘ūnūdaro mitāhāro’’ti paṇītaṃ lūkhaṃ vāpi bhojanaṃ bhuñjanto bhikkhu yāvadatthaṃ abhuñjitvā ūnūdaro sallahukudaro, tato eva mitāhāro parimitabhojano aṭṭhaṅgasamannāgataṃ āhāraṃ āharanto tattha mattaññutāya paccavekkhaṇasatiyā ca sato hutvā paribbaje vihareyya.

    ยถา ปน อูนูทโร มิตาหาโร จ นาม โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘จตฺตาโร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อภุตฺวาติ จตฺตาโร วา ปญฺจ วา อาโลเป กพเฬ อภุญฺชิตฺวา ตตฺตกสฺส อาหารสฺส โอกาสํ ฐเปตฺวา ปานียํ ปิเวยฺยฯ อยญฺหิ อาหาเร สลฺลหุกวุตฺติฯ นิพฺพานญฺหิ เปสิตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน ผาสุวิหาราย ฌานาทีนํ อธิคมโยคฺยตาย สุขวิหาราย อลํ ปริยตฺตนฺติ อโตฺถฯ อิมินา กุจฺฉิปริหาริยํ ปิณฺฑปาตํ วทโนฺต ปิณฺฑปาเต อิตรีตรสโนฺตสํ ทเสฺสติฯ ‘‘ภุตฺวานา’’ติ วา ปาโฐ, โส จตุปญฺจาโลปมเตฺตนาปิ อาหาเรน สรีรํ ยาเปตุํ สมตฺถสฺส อติวิย ถิรปกติกสฺส ปุคฺคลสฺส วเสน วุโตฺต สิยา, อุตฺตรคาถาหิปิ สํสนฺทติ เอว อปฺปกเสฺสว จีวรสฺส เสนาสนสฺส จ วกฺขมานตฺตาฯ

    Yathā pana ūnūdaro mitāhāro ca nāma hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘cattāro’’tiādi vuttaṃ. Tattha abhutvāti cattāro vā pañca vā ālope kabaḷe abhuñjitvā tattakassa āhārassa okāsaṃ ṭhapetvā pānīyaṃ piveyya. Ayañhi āhāre sallahukavutti. Nibbānañhi pesitacittassa bhikkhuno phāsuvihārāya jhānādīnaṃ adhigamayogyatāya sukhavihārāya alaṃ pariyattanti attho. Iminā kucchiparihāriyaṃ piṇḍapātaṃ vadanto piṇḍapāte itarītarasantosaṃ dasseti. ‘‘Bhutvānā’’ti vā pāṭho, so catupañcālopamattenāpi āhārena sarīraṃ yāpetuṃ samatthassa ativiya thirapakatikassa puggalassa vasena vutto siyā, uttaragāthāhipi saṃsandati eva appakasseva cīvarassa senāsanassa ca vakkhamānattā.

    กปฺปิยนฺติ ยํ กปฺปิยกปฺปิยานุโลเมสุ โขมาทีสุ อญฺญตรนฺติ อโตฺถฯ ตเญฺจ ฉาเทตีติ กปฺปิยํ จีวรํ สมานํ ฉาเทตพฺพํ ฐานํ ฉาเทติ เจ, สตฺถารา อนุญฺญาตชาติยํ สนฺตํ เหฎฺฐิมเนฺตน อนุญฺญาตปมาณยุตฺตํ เจ โหตีติ อโตฺถฯ อิทมตฺถิกนฺติ อิทํ ปโยชนตฺถํ สตฺถารา วุตฺตปโยชนตฺถํ ยาวเทว สีตาทิปฎิฆาตนตฺถเญฺจว หิรีโกปีนปฎิจฺฉาทนตฺถญฺจาติ อโตฺถฯ เอเตน กายปริหาริยํ จีวรํ ตตฺถ อิตรีตรสโนฺตสญฺจ วทติฯ

    Kappiyanti yaṃ kappiyakappiyānulomesu khomādīsu aññataranti attho. Tañce chādetīti kappiyaṃ cīvaraṃ samānaṃ chādetabbaṃ ṭhānaṃ chādeti ce, satthārā anuññātajātiyaṃ santaṃ heṭṭhimantena anuññātapamāṇayuttaṃ ce hotīti attho. Idamatthikanti idaṃ payojanatthaṃ satthārā vuttapayojanatthaṃ yāvadeva sītādipaṭighātanatthañceva hirīkopīnapaṭicchādanatthañcāti attho. Etena kāyaparihāriyaṃ cīvaraṃ tattha itarītarasantosañca vadati.

    ปลฺลเงฺกน นิสินฺนสฺสาติ ปลฺลงฺกํ วุจฺจติ สมนฺตโต อูรุพทฺธาสนํ, เตน นิสินฺนสฺส, ติสนฺธิปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺนสฺสาติ อโตฺถฯ ชณฺณุเก นาภิวสฺสตีติ ยสฺสํ กุฎิยํ ตถา นิสินฺนสฺส เทเว วสฺสเนฺต ชณฺณุกทฺวยํ วโสฺสทเกน น เตมิยติ, เอตฺตกมฺปิ สพฺพปริยนฺตเสนาสนํ , สกฺกา หิ ตตฺถ นิสีทิตฺวา อตฺถกามรูเปน กุลปุเตฺตน สทตฺถํ นิปฺผาเทตุํฯ เตนาห ‘‘อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติฯ

    Pallaṅkena nisinnassāti pallaṅkaṃ vuccati samantato ūrubaddhāsanaṃ, tena nisinnassa, tisandhipallaṅkaṃ ābhujitvā nisinnassāti attho. Jaṇṇukenābhivassatīti yassaṃ kuṭiyaṃ tathā nisinnassa deve vassante jaṇṇukadvayaṃ vassodakena na temiyati, ettakampi sabbapariyantasenāsanaṃ , sakkā hi tattha nisīditvā atthakāmarūpena kulaputtena sadatthaṃ nipphādetuṃ. Tenāha ‘‘alaṃ phāsuvihārāya, pahitattassa bhikkhuno’’ti.

    เอวํ เถโร อิมาหิ จตูหิ คาถาหิ เย เต ภิกฺขู มหิจฺฉา อสนฺตุฎฺฐา, เตสํ ปรมุกฺกํสคตํ สเลฺลขโอวาทํ ปกาเสตฺวา อิทานิ เวทนามุเขน ภาวนารามสโนฺตสํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โย สุข’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ สุขนฺติ สุขเวทนํฯ ทุกฺขโตติ วิปริณามทุกฺขโตฯ อทฺทาติ อทฺทส, วิปสฺสนาปญฺญาสหิตาย มคฺคปญฺญาย ยถาภูตํ โย อปสฺสีติ อโตฺถฯ สุขเวทนา หิ ปริโภคกาเล อสฺสาทิยมานาปิ วิสมิสฺสํ วิย โภชนํ วิปริณามกาเล ทุกฺขาเยว โหติฯ เตเนตฺถ ทุกฺขานุปสฺสนํ ทเสฺสติฯ ทุกฺขมทฺทกฺขิ สลฺลโตติ ทุกฺขเวทนํ โย สลฺลนฺติ ปสฺสิฯ ทุกฺขเวทนา หิ ยถา สลฺลํ สรีรํ อนุปวิสนฺตมฺปิ อนุปวิสิตฺวา ฐิตมฺปิ อุทฺธริยมานมฺปิ ปีฬนเมว ชเนติ, เอวํ อุปฺปชฺชมานาปิ ฐิติปฺปตฺตาปิ ภิชฺชมานาปิ วิพาธติเยวาติฯ เอเตเนตฺถ ทุกฺขานุปสฺสนํเยว อุกฺกํเสตฺวา วทติ, เตน จ ‘‘ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕) วจนโต เวทนาทฺวเย อตฺตตฺตนิยคาหํ วินิเวเฐติฯ อุภยนฺตเรนาติ อุภเยสํ อนฺตเร, สุขทุกฺขเวทนานํ มชฺฌภูเต อทุกฺขมสุเขติ อโตฺถฯ นาโหสีติ ยถาภูตาวโพธเน อตฺตตฺตนิยาภินิเวสนํ อโหสิฯ เกน โลกสฺมิ กิํ สิยาติ เอวํ เวทนามุเขน ปญฺจปิ อุปาทานกฺขเนฺธ ปริชานิตฺวา ตปฺปฎิพทฺธํ สกลกิเลสชาลํ สมุจฺฉินฺทิตฺวา ฐิโต เกน นาม กิเลเสน โลกสฺมิํ พโทฺธ, เทวตาทีสุ กิํ วา อายติ สิยา, อญฺญทตฺถุ ฉินฺนพนฺธโน อปญฺญตฺติโกว สิยาติ อธิปฺปาโยฯ

    Evaṃ thero imāhi catūhi gāthāhi ye te bhikkhū mahicchā asantuṭṭhā, tesaṃ paramukkaṃsagataṃ sallekhaovādaṃ pakāsetvā idāni vedanāmukhena bhāvanārāmasantosaṃ dassento ‘‘yo sukha’’ntiādimāha. Tattha sukhanti sukhavedanaṃ. Dukkhatoti vipariṇāmadukkhato. Addāti addasa, vipassanāpaññāsahitāya maggapaññāya yathābhūtaṃ yo apassīti attho. Sukhavedanā hi paribhogakāle assādiyamānāpi visamissaṃ viya bhojanaṃ vipariṇāmakāle dukkhāyeva hoti. Tenettha dukkhānupassanaṃ dasseti. Dukkhamaddakkhi sallatoti dukkhavedanaṃ yo sallanti passi. Dukkhavedanā hi yathā sallaṃ sarīraṃ anupavisantampi anupavisitvā ṭhitampi uddhariyamānampi pīḷanameva janeti, evaṃ uppajjamānāpi ṭhitippattāpi bhijjamānāpi vibādhatiyevāti. Etenettha dukkhānupassanaṃyeva ukkaṃsetvā vadati, tena ca ‘‘yaṃ dukkhaṃ tadanattā’’ti (saṃ. ni. 3.15) vacanato vedanādvaye attattaniyagāhaṃ viniveṭheti. Ubhayantarenāti ubhayesaṃ antare, sukhadukkhavedanānaṃ majjhabhūte adukkhamasukheti attho. Nāhosīti yathābhūtāvabodhane attattaniyābhinivesanaṃ ahosi. Kena lokasmi kiṃ siyāti evaṃ vedanāmukhena pañcapi upādānakkhandhe parijānitvā tappaṭibaddhaṃ sakalakilesajālaṃ samucchinditvā ṭhito kena nāma kilesena lokasmiṃ baddho, devatādīsu kiṃ vā āyati siyā, aññadatthu chinnabandhano apaññattikova siyāti adhippāyo.

    อิทานิ มิจฺฉาปฎิปเนฺน ปุคฺคเล ครหโนฺต สมฺมาปฎิปเนฺน ปสํสโนฺต ‘‘มา เม’’ติอาทิกา จตโสฺส คาถา อภาสิฯ ตตฺถ มา เม กทาจิ ปาปิโจฺฉติ โย อสนฺตคุณสมฺภาวนิจฺฉาย ปาปิโจฺฉ , สมณธเมฺม อุสฺสาหาภาเวน กุสีโต, ตโตเยว หีนวีริโย, สจฺจปฎิจฺจสมุปฺปาทาทิปฎิสํยุตฺตสฺส สุตสฺส อภาเวน อปฺปสฺสุโต, โอวาทานุสาสนีสุ อาทราภาเวน อนาทโร, ตาทิโส อติหีนปุคฺคโล มม สนฺติเก กทาจิปิ มา โหตุฯ กสฺมา? เกน โลกสฺมิ กิํ สิยาติ โลกสฺมิํ สตฺตนิกาเย ตสฺส ตาทิสสฺส ปุคฺคลสฺส เกน โอวาเทน กิํ ภวิตพฺพํ, เกน วา กเตน กิํ สิยา, นิรตฺถกเมวาติ อโตฺถฯ

    Idāni micchāpaṭipanne puggale garahanto sammāpaṭipanne pasaṃsanto ‘‘mā me’’tiādikā catasso gāthā abhāsi. Tattha mā me kadāci pāpicchoti yo asantaguṇasambhāvanicchāya pāpiccho , samaṇadhamme ussāhābhāvena kusīto, tatoyeva hīnavīriyo, saccapaṭiccasamuppādādipaṭisaṃyuttassa sutassa abhāvena appassuto, ovādānusāsanīsu ādarābhāvena anādaro, tādiso atihīnapuggalo mama santike kadācipi mā hotu. Kasmā? Kena lokasmi kiṃ siyāti lokasmiṃ sattanikāye tassa tādisassa puggalassa kena ovādena kiṃ bhavitabbaṃ, kena vā katena kiṃ siyā, niratthakamevāti attho.

    พหุสฺสุโต จาติ โย ปุคฺคโล สีลาทิปฎิสํยุตฺตสฺส สุตฺตเคยฺยาทิเภทสฺส พหุโน สุตสฺส สมฺภเวน พหุสฺสุโต, ธโมฺมชปญฺญาย ปาริหาริยปญฺญาย ปฎิเวธปญฺญาย จ วเสน เมธาวี, สีเลสุ จ สุฎฺฐุ ปติฎฺฐิตตฺตา สุสมาหิโต, เจโตสมถํ โลกิยโลกุตฺตรเภทํ จิตฺตสมาธานํ อนุยุโตฺต, ตาทิโส ปุคฺคโล มยฺหํ มตฺถเกปิ ติฎฺฐตุ, ปเคว สหวาโสฯ

    Bahussuto cāti yo puggalo sīlādipaṭisaṃyuttassa suttageyyādibhedassa bahuno sutassa sambhavena bahussuto, dhammojapaññāya pārihāriyapaññāya paṭivedhapaññāya ca vasena medhāvī, sīlesu ca suṭṭhu patiṭṭhitattā susamāhito, cetosamathaṃ lokiyalokuttarabhedaṃ cittasamādhānaṃ anuyutto, tādiso puggalo mayhaṃ matthakepi tiṭṭhatu, pageva sahavāso.

    โย ปปญฺจมนุยุโตฺตติ โย ปน ปุคฺคโล กมฺมารามตาทิวเสน รูปาภิสงฺคาทิวเสน จ ปวตฺติยา ปปญฺจนเฎฺฐน ตณฺหาทิเภทํ ปปญฺจํ อนุยุโตฺต, ตตฺถ จ อนาทีนวทสฺสเนน อภิรโต มคสทิโส, โส นิพฺพานํ วิราธยิ, โส นิพฺพานา สุวิทูรวิทูเร ฐิโตฯ

    Yo papañcamanuyuttoti yo pana puggalo kammārāmatādivasena rūpābhisaṅgādivasena ca pavattiyā papañcanaṭṭhena taṇhādibhedaṃ papañcaṃ anuyutto, tattha ca anādīnavadassanena abhirato magasadiso, so nibbānaṃ virādhayi, so nibbānā suvidūravidūre ṭhito.

    โย จ ปปญฺจํ หิตฺวานาติ โย ปน ปุคฺคโล ตณฺหาปปญฺจํ ปหาย ตทภาวโต นิปฺปปญฺจสฺส นิพฺพานสฺส ปเถ อธิคมุปาเย อริยมเคฺค รโต ภาวนาภิสมเย อภิรโต, โส นิพฺพานํ อาราธยิ สาเธสิ อธิคจฺฉีติ อโตฺถฯ

    Yo ca papañcaṃ hitvānāti yo pana puggalo taṇhāpapañcaṃ pahāya tadabhāvato nippapañcassa nibbānassa pathe adhigamupāye ariyamagge rato bhāvanābhisamaye abhirato, so nibbānaṃ ārādhayi sādhesi adhigacchīti attho.

    อเถกทิวสํ เถโร อตฺตโน กนิฎฺฐภาติกสฺส เรวตเตฺถรสฺส กณฺฎกนิจิตขทิรรุกฺขสญฺฉเนฺน นิรุทกกนฺตาเร วาสํ ทิสฺวา ตํ ปสํสโนฺต ‘‘คาเม วา’’ติอาทิกา เทฺว คาถา อภาสิฯ ตตฺถ คาเม วาติ กิญฺจาปิ อรหโนฺต คามเนฺต กายวิเวกํ น ลภนฺติ, จิตฺตวิเวกํ ปน ลภเนฺตวฯ เตสญฺหิ ทิพฺพปฎิภาคานิปิ อารมฺมณานิ จิตฺตํ จาเลตุํ น สโกฺกนฺติ, ตสฺมา คาเม วา โหตุ อรญฺญาทีสุ อญฺญตรํ วา, ยตฺถ อรหโนฺต วิหรนฺติ, ตํ ภูมิรามเณยฺยกนฺติ โส ภูมิปฺปเทโส รมณีโย เอวาติ อโตฺถฯ

    Athekadivasaṃ thero attano kaniṭṭhabhātikassa revatattherassa kaṇṭakanicitakhadirarukkhasañchanne nirudakakantāre vāsaṃ disvā taṃ pasaṃsanto ‘‘gāme vā’’tiādikā dve gāthā abhāsi. Tattha gāme vāti kiñcāpi arahanto gāmante kāyavivekaṃ na labhanti, cittavivekaṃ pana labhanteva. Tesañhi dibbapaṭibhāgānipi ārammaṇāni cittaṃ cāletuṃ na sakkonti, tasmā gāme vā hotu araññādīsu aññataraṃ vā, yattha arahanto viharanti, taṃ bhūmirāmaṇeyyakanti so bhūmippadeso ramaṇīyo evāti attho.

    อรญฺญานีติ สุปุปฺผิตตรุสณฺฑมณฺฑิตานิ วิมลสลิลาสยสมฺปนฺนานิ อรญฺญานิ รมณียานีติ สมฺพโนฺธฯ ยตฺถาติ เยสุ อรเญฺญสุ วิกสิเตสุ วิย รมมาเนสุ กามปกฺขิโก กามคเวสโก ชโน น รมติฯ วีตราคาติ วิคตราคา ปน ขีณาสวา ภมรมธุกรา วิย ปทุมวเนสุ ตถารูเปสุ อรเญฺญสุ รมิสฺสนฺตีติฯ น เต กามคเวสิโนติ ยสฺมา เต วีตราคา กามคเวสิโน น โหนฺตีติ อโตฺถฯ

    Araññānīti supupphitatarusaṇḍamaṇḍitāni vimalasalilāsayasampannāni araññāni ramaṇīyānīti sambandho. Yatthāti yesu araññesu vikasitesu viya ramamānesu kāmapakkhiko kāmagavesako jano na ramati. Vītarāgāti vigatarāgā pana khīṇāsavā bhamaramadhukarā viya padumavanesu tathārūpesu araññesu ramissantīti. Na te kāmagavesinoti yasmā te vītarāgā kāmagavesino na hontīti attho.

    ปุน เถโร ราธํ นาม ทุคฺคตพฺราหฺมณํ อนุกมฺปาย ปพฺพาเชตฺวา, อุปสมฺปาเทตฺวา ตเมว ปจฺฉาสมณํ กตฺวา วิจรโนฺต เอกทิวสํ ตสฺส จ สุพฺพจภาเวน ตุสฺสิตฺวา โอวาทํ เทโนฺต ‘‘นิธีนํวา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ นิธีนํวาติ ตตฺถ ตตฺถ นิทหิตฺวา ฐปิตานํ หิรญฺญสุวณฺณาทิปูรานํ นิธิกุมฺภีนํฯ ปวตฺตารนฺติ กิจฺฉชีวิเก ทุคฺคตมนุเสฺส อนุกมฺปํ กตฺวา ‘‘เอหิ เต สุเขน ชีวิตุํ อุปายํ ทเสฺสสฺสามี’’ติ นิธิฎฺฐานํ เนตฺวา หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘อิมํ คเหตฺวา สุขํ ชีวาหี’’ติ อาจิกฺขิตารํ วิยฯ วชฺชทสฺสินนฺติ เทฺว วชฺชทสฺสิโน – ‘‘อิมินา นํ อสารุเปฺปน วา ขลิเตน วา สงฺฆมเชฺฌ นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ รนฺธคเวสโก จ, อญฺญาตํ ญาเปตุกาโม ญาตํ อสฺสาเทโนฺต สีลาทิวุทฺธิกามตาย ตํ ตํ วชฺชํ โอโลเกโนฺต อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺฐิโต จาติ, อยํ อิธ อธิเปฺปโตฯ ยถา หิ ทุคฺคตมนุโสฺส ‘‘อิมํ นิธิํ คณฺหาหี’’ติ นิคฺคยฺหมาโนปิ นิธิทสฺสเน โกปํ น กโรติ, ปมุทิโตว โหติ, เอวํ เอวรูเปสุ ปุคฺคเลสุ อสารุปฺปํ วา ขลิตํ วา ทิสฺวา อาจิกฺขเนฺต โกโป น กาตโพฺพ, ตุฎฺฐจิเตฺตเนว ภวิตพฺพํ, ‘‘ภเนฺต, ปุนปิ มํ เอวรูปํ วเทยฺยาถา’’ติ ปวาเรตพฺพเมวฯ นิคฺคยฺหวาทินฺติ โย วชฺชํ ทิสฺวา อยํ เม สทฺธิวิหาริโก, อเนฺตวาสิโก, อุปการโกติ อจิเนฺตตฺวา วชฺชานุรูปํ ตเชฺชโนฺต ปณาเมโนฺต ทณฺฑกมฺมํ กโรโนฺต สิกฺขาเปติ, อยํ นิคฺคยฺหวาที นาม สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิยฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘นิคฺคยฺห นิคฺคยฺหาหํ, อานนฺท, วกฺขามิ; ปวยฺห ปวยฺห, อานนฺท, วกฺขามิฯ โย สาโร โส ฐสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๙๖)ฯ เมธาวินฺติ ธโมฺมชปญฺญาย สมนฺนาคตํฯ ตาทิสนฺติ เอวรูปํ ปณฺฑิตํฯ ภเชติ ปยิรุปาเสยฺยฯ ตาทิสญฺหิ อาจริยํ ภชมานสฺส อเนฺตวาสิกสฺส เสโยฺย โหติ, น ปาปิโย, วุฑฺฒิเยว โหติ, โน ปริหานีติ อโตฺถฯ

    Puna thero rādhaṃ nāma duggatabrāhmaṇaṃ anukampāya pabbājetvā, upasampādetvā tameva pacchāsamaṇaṃ katvā vicaranto ekadivasaṃ tassa ca subbacabhāvena tussitvā ovādaṃ dento ‘‘nidhīnaṃvā’’tiādimāha. Tattha nidhīnaṃvāti tattha tattha nidahitvā ṭhapitānaṃ hiraññasuvaṇṇādipūrānaṃ nidhikumbhīnaṃ. Pavattāranti kicchajīvike duggatamanusse anukampaṃ katvā ‘‘ehi te sukhena jīvituṃ upāyaṃ dassessāmī’’ti nidhiṭṭhānaṃ netvā hatthaṃ pasāretvā ‘‘imaṃ gahetvā sukhaṃ jīvāhī’’ti ācikkhitāraṃ viya. Vajjadassinanti dve vajjadassino – ‘‘iminā naṃ asāruppena vā khalitena vā saṅghamajjhe niggaṇhissāmī’’ti randhagavesako ca, aññātaṃ ñāpetukāmo ñātaṃ assādento sīlādivuddhikāmatāya taṃ taṃ vajjaṃ olokento ullumpanasabhāvasaṇṭhito cāti, ayaṃ idha adhippeto. Yathā hi duggatamanusso ‘‘imaṃ nidhiṃ gaṇhāhī’’ti niggayhamānopi nidhidassane kopaṃ na karoti, pamuditova hoti, evaṃ evarūpesu puggalesu asāruppaṃ vā khalitaṃ vā disvā ācikkhante kopo na kātabbo, tuṭṭhacitteneva bhavitabbaṃ, ‘‘bhante, punapi maṃ evarūpaṃ vadeyyāthā’’ti pavāretabbameva. Niggayhavādinti yo vajjaṃ disvā ayaṃ me saddhivihāriko, antevāsiko, upakārakoti acintetvā vajjānurūpaṃ tajjento paṇāmento daṇḍakammaṃ karonto sikkhāpeti, ayaṃ niggayhavādī nāma sammāsambuddho viya. Vuttañhetaṃ – ‘‘niggayha niggayhāhaṃ, ānanda, vakkhāmi; pavayha pavayha, ānanda, vakkhāmi. Yo sāro so ṭhassatī’’ti (ma. ni. 3.196). Medhāvinti dhammojapaññāya samannāgataṃ. Tādisanti evarūpaṃ paṇḍitaṃ. Bhajeti payirupāseyya. Tādisañhi ācariyaṃ bhajamānassa antevāsikassa seyyo hoti, na pāpiyo, vuḍḍhiyeva hoti, no parihānīti attho.

    อเถกทา อสฺสชิปุนพฺพสุเกหิ กีฎาคิริสฺมิํ อาวาเส ทูสิเต สตฺถารา อาณโตฺต อตฺตโน ปริสาย มหาโมคฺคลฺลาเนน จ สทฺธิํ ตตฺถ คโต ธมฺมเสนาปติ อสฺสชิปุนพฺพสุเกสุ โอวาทํ อนาทิยเนฺตสุ อิมํ คาถมาหฯ ตตฺถ โอวเทยฺยาติ โอวาทํ อนุสิฎฺฐิํ ทเทยฺยฯ อนุสาเสยฺยาติ ตเสฺสว ปริยายวจนํฯ อถ วา อุปฺปเนฺน วตฺถุสฺมิํ วทโนฺต โอวทติ นาม, อนุปฺปเนฺน ‘‘อยโสปิ เต สิยา’’ติอาทิํ อนาคตํ อุทฺทิสฺส วทโนฺต อนุสาสติ นามฯ สมฺมุขา วทโนฺต วา โอวทติ นาม, ปรมฺมุขา ทูตํ, สาสนํ วา เปเสตฺวา วทโนฺต อนุสาสติ นามฯ สกิํ วทโนฺต วา โอวทติ นาม, ปุนปฺปุนํ วทโนฺต อนุสาสติ นามฯ อสพฺภา จาติ อกุสลา ธมฺมา จ นิวารเย, กุสเล ธเมฺม จ ปติฎฺฐาเปยฺยาติ อโตฺถฯ สตญฺหิ โสติ เอวรูโป ปุคฺคโล สาธูนํ ปิโย โหติฯ เย ปน อสนฺตา อสปฺปุริสา วิติณฺณปรโลกา อามิสจกฺขุกา ชีวิกตฺถาย ปพฺพชิตา, เตสํ โส โอวาทโก อนุสาสโก ‘‘น ตฺวํ อมฺหากํ อุปชฺฌาโย, น อาจริโย, กสฺมา อเมฺห วทสี’’ติ เอวํ มุขสตฺตีหิ วิชฺฌนฺตานํ อปฺปิโย โหตีติฯ

    Athekadā assajipunabbasukehi kīṭāgirismiṃ āvāse dūsite satthārā āṇatto attano parisāya mahāmoggallānena ca saddhiṃ tattha gato dhammasenāpati assajipunabbasukesu ovādaṃ anādiyantesu imaṃ gāthamāha. Tattha ovadeyyāti ovādaṃ anusiṭṭhiṃ dadeyya. Anusāseyyāti tasseva pariyāyavacanaṃ. Atha vā uppanne vatthusmiṃ vadanto ovadati nāma, anuppanne ‘‘ayasopi te siyā’’tiādiṃ anāgataṃ uddissa vadanto anusāsati nāma. Sammukhā vadanto vā ovadati nāma, parammukhā dūtaṃ, sāsanaṃ vā pesetvā vadanto anusāsati nāma. Sakiṃ vadanto vā ovadati nāma, punappunaṃ vadanto anusāsati nāma. Asabbhā cāti akusalā dhammā ca nivāraye, kusale dhamme ca patiṭṭhāpeyyāti attho. Satañhi soti evarūpo puggalo sādhūnaṃ piyo hoti. Ye pana asantā asappurisā vitiṇṇaparalokā āmisacakkhukā jīvikatthāya pabbajitā, tesaṃ so ovādako anusāsako ‘‘na tvaṃ amhākaṃ upajjhāyo, na ācariyo, kasmā amhe vadasī’’ti evaṃ mukhasattīhi vijjhantānaṃ appiyo hotīti.

    ‘‘ยํ อารพฺภ สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ, โส เอว อุปนิสฺสยสมฺปโนฺน’’ติ ภิกฺขูสุ กถาย สมุฎฺฐิตาย ‘‘นยิทเมต’’นฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อญฺญสฺสา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ อญฺญสฺสาติ อตฺตโน ภาคิเนยฺยํ ทีฆนขปริพฺพาชกํ สนฺธายาหฯ ตสฺส หิ สตฺถารา เวทนาปริคฺคหสุเตฺต (ม. นิ. ๒.๒๐๕-๒๐๖) เทสิยมาเน อยํ มหาเถโร ภาวนามเคฺค อธิคนฺตฺวา สาวกปารมีญาณสฺส มตฺถกํ ปโตฺตฯ โสตโมเธสิมตฺถิโกติ สตฺถารํ พีชยมาโน ฐิโต อตฺถิโก หุตฺวา สุสฺสูสโนฺต โสตํ โอทหิํฯ ตํ เม อโมฆํ สวนนฺติ ตํ ตถา สุตํ สวนํ มยฺหํ อโมฆํ อวญฺฌํ อโหสิ, อคฺคสาวเกน ปตฺตพฺพํ สมฺปตฺตีนํ อวสฺสโย อโหสิฯ เตนาห ‘‘วิมุโตฺตมฺหี’’ติอาทิฯ

    ‘‘Yaṃ ārabbha satthā dhammaṃ deseti, so eva upanissayasampanno’’ti bhikkhūsu kathāya samuṭṭhitāya ‘‘nayidameta’’nti dassento ‘‘aññassā’’ti gāthamāha. Tattha aññassāti attano bhāgineyyaṃ dīghanakhaparibbājakaṃ sandhāyāha. Tassa hi satthārā vedanāpariggahasutte (ma. ni. 2.205-206) desiyamāne ayaṃ mahāthero bhāvanāmagge adhigantvā sāvakapāramīñāṇassa matthakaṃ patto. Sotamodhesimatthikoti satthāraṃ bījayamāno ṭhito atthiko hutvā sussūsanto sotaṃ odahiṃ. Taṃme amoghaṃ savananti taṃ tathā sutaṃ savanaṃ mayhaṃ amoghaṃ avañjhaṃ ahosi, aggasāvakena pattabbaṃ sampattīnaṃ avassayo ahosi. Tenāha ‘‘vimuttomhī’’tiādi.

    ตตฺถ เนว ปุเพฺพนิวาสายาติ อตฺตโน ปเรสญฺจ ปุเพฺพนิวาสชานนญาณตฺถาย, ปณิธี เม เนว วิชฺชตีติ โยชนาฯ ปริกมฺมกรณวเสน ตทตฺถํ จิตฺตปณิธานมตฺตมฺปิ เนวตฺถิ เนว อโหสีติ อโตฺถฯ เจโตปริยายาติ เจโตปริยญาณสฺสฯ อิทฺธิยาติ อิทฺธิวิธญาณสฺสฯ จุติยา อุปปตฺติยาติ, สตฺตานํ จุติยา อุปปตฺติยา จ ชานนญาณาย จุตูปปาตญาณตฺถายฯ โสตธาตุวิสุทฺธิยาติ ทิพฺพโสตญาณสฺสฯ ปณิธี เม น วิชฺชตีติ อิเมสํ อภิญฺญาวิเสสานํ อตฺถาย ปริกมฺมวเสน จิตฺตสฺส ปณิธิ จิตฺตาภินีหาโร เม นตฺถิ นาโหสีติ อโตฺถฯ สพฺพญฺญุคุณา วิย หิ พุทฺธานํ อคฺคมคฺคาธิคเมเนว สาวกานํ สเพฺพ สาวกคุณา หตฺถคตา โหนฺติ, น เตสํ อธิคมาย วิสุํ ปริกมฺมกรณกิจฺจํ อตฺถีติฯ

    Tattha neva pubbenivāsāyāti attano paresañca pubbenivāsajānanañāṇatthāya, paṇidhī me neva vijjatīti yojanā. Parikammakaraṇavasena tadatthaṃ cittapaṇidhānamattampi nevatthi neva ahosīti attho. Cetopariyāyāti cetopariyañāṇassa. Iddhiyāti iddhividhañāṇassa. Cutiyā upapattiyāti, sattānaṃ cutiyā upapattiyā ca jānanañāṇāya cutūpapātañāṇatthāya. Sotadhātuvisuddhiyāti dibbasotañāṇassa. Paṇidhī me na vijjatīti imesaṃ abhiññāvisesānaṃ atthāya parikammavasena cittassa paṇidhi cittābhinīhāro me natthi nāhosīti attho. Sabbaññuguṇā viya hi buddhānaṃ aggamaggādhigameneva sāvakānaṃ sabbe sāvakaguṇā hatthagatā honti, na tesaṃ adhigamāya visuṃ parikammakaraṇakiccaṃ atthīti.

    รุกฺขมูลนฺติอาทิกา ติโสฺส คาถา กโปตกนฺทรายํ วิหรนฺตสฺส ยเกฺขน ปหตกาเล สมาปตฺติพเลน อตฺตโน นิพฺพิการตาทีปนวเสน วุตฺตาฯ ตตฺถ มุโณฺฑติ น โวโรปิตเกโสฯ สงฺฆาฎิปารุโตติ สงฺฆาฎิํ ปารุปิตฺวา นิสิโนฺนฯ ‘‘สงฺฆาฎิยา สุปารุโต’’ติ จ ปฐนฺติฯ ปญฺญาย อุตฺตโม เถโรติ เถโร หุตฺวา ปญฺญาย อุตฺตโม, สาวเกสุ ปญฺญาย เสโฎฺฐติ อโตฺถฯ ฌายตีติ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จ ฌายติ, พหุลํ สมาปตฺติวิหาเรน วิหรตีติ อโตฺถฯ

    Rukkhamūlantiādikā tisso gāthā kapotakandarāyaṃ viharantassa yakkhena pahatakāle samāpattibalena attano nibbikāratādīpanavasena vuttā. Tattha muṇḍoti na voropitakeso. Saṅghāṭipārutoti saṅghāṭiṃ pārupitvā nisinno. ‘‘Saṅghāṭiyā supāruto’’ti ca paṭhanti. Paññāya uttamo theroti thero hutvā paññāya uttamo, sāvakesu paññāya seṭṭhoti attho. Jhāyatīti ārammaṇūpanijjhānena lakkhaṇūpanijjhānena ca jhāyati, bahulaṃ samāpattivihārena viharatīti attho.

    อุเปโต โหติ ตาวเทติ ยทา ยเกฺขน สีเส ปหโต, ตาวเทว อวิตกฺกํ จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺติํ สมาปโนฺน อริเยน ตุณฺหีภาเวน อุเปโต สมนฺนาคโต อโหสิฯ อตีตเตฺถ หิ โหตีติ อิทํ วตฺตมานวจนํฯ

    Upeto hoti tāvadeti yadā yakkhena sīse pahato, tāvadeva avitakkaṃ catutthajjhānikaphalasamāpattiṃ samāpanno ariyena tuṇhībhāvena upeto samannāgato ahosi. Atītatthe hi hotīti idaṃ vattamānavacanaṃ.

    ปพฺพโตว น เวธตีติ โมหกฺขยา ภินฺนสพฺพกิเลโส ภิกฺขุฯ โส เสลมยปพฺพโต วิย อจโล สุปฺปติฎฺฐิโต อิฎฺฐาทินา เกนจิ น เวธติ, สพฺพตฺถ นิพฺพิกาโร โหตีติ อโตฺถฯ

    Pabbatova na vedhatīti mohakkhayā bhinnasabbakileso bhikkhu. So selamayapabbato viya acalo suppatiṭṭhito iṭṭhādinā kenaci na vedhati, sabbattha nibbikāro hotīti attho.

    อเถกทิวสํ เถรสฺส อสติยา นิวาสนกเณฺณ โอลมฺพเนฺต อญฺญตโร สามเณโร, ‘‘ภเนฺต, ปริมณฺฑลํ นิวาเสตพฺพ’’นฺติ อาหฯ ตํ สุตฺวา ‘‘ภทฺทํ ตยา สุฎฺฐุ วุตฺต’’นฺติ สิรสา วิย สมฺปฎิจฺฉโนฺต ตาวเทว โถกํ อปกฺกมิตฺวา ปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวา ‘‘มาทิสานํ อยมฺปิ โทโสเยวา’’ติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนงฺคณสฺสา’’ติ คาถมาหฯ

    Athekadivasaṃ therassa asatiyā nivāsanakaṇṇe olambante aññataro sāmaṇero, ‘‘bhante, parimaṇḍalaṃ nivāsetabba’’nti āha. Taṃ sutvā ‘‘bhaddaṃ tayā suṭṭhu vutta’’nti sirasā viya sampaṭicchanto tāvadeva thokaṃ apakkamitvā parimaṇḍalaṃ nivāsetvā ‘‘mādisānaṃ ayampi dosoyevā’’ti dassento ‘‘anaṅgaṇassā’’ti gāthamāha.

    ปุน มรเณ ชีวิเต จ อตฺตโน สมจิตฺตตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘นาภินนฺทามี’’ติอาทินา เทฺว คาถา วตฺวา ปเรสํ ธมฺมํ กเถโนฺต ‘‘อุภเยน มิท’’นฺติอาทินา คาถาทฺวยมาหฯ ตตฺถ อุภเยนาติ อุภเยสุ, อุโภสุ กาเลสูติ อโตฺถฯ มิทนฺติ ม-กาโร ปทสนฺธิกโรฯ อิทํ มรณเมว, มรณํ อเตฺถว นาม, อมรณํ นาม นตฺถิฯ เกสุ อุโภสุ กาเลสูติ อาห ‘‘ปจฺฉา วา ปุเร วา’’ติ มชฺฌิมวยสฺส ปจฺฉา วา ชราชิณฺณกาเล ปุเร วา ทหรกาเล มรณเมว มรณํ เอกนฺติกเมวฯ ตสฺมา ปฎิปชฺชถ สมฺมา ปฎิปตฺติํ ปูเรถ วิปฺปฎิปชฺชิตฺวา มา วินสฺสถ อปาเยสุ มหาทุกฺขํ มานุภวถฯ ขโณ โว มา อุปจฺจคาติ อฎฺฐหิ อกฺขเณหิ วิวชฺชิโต อยํ นวโม ขโณ มา ตุเมฺห อติกฺกมีติ อโตฺถฯ

    Puna maraṇe jīvite ca attano samacittataṃ dassento ‘‘nābhinandāmī’’tiādinā dve gāthā vatvā paresaṃ dhammaṃ kathento ‘‘ubhayena mida’’ntiādinā gāthādvayamāha. Tattha ubhayenāti ubhayesu, ubhosu kālesūti attho. Midanti ma-kāro padasandhikaro. Idaṃ maraṇameva, maraṇaṃ attheva nāma, amaraṇaṃ nāma natthi. Kesu ubhosu kālesūti āha ‘‘pacchā vā pure vā’’ti majjhimavayassa pacchā vā jarājiṇṇakāle pure vā daharakāle maraṇameva maraṇaṃ ekantikameva. Tasmā paṭipajjatha sammā paṭipattiṃ pūretha vippaṭipajjitvā mā vinassatha apāyesu mahādukkhaṃ mānubhavatha. Khaṇo vo mā upaccagāti aṭṭhahi akkhaṇehi vivajjito ayaṃ navamo khaṇo mā tumhe atikkamīti attho.

    อเถกทิวสํ อายสฺมนฺตํ มหาโกฎฺฐิกํ ทิสฺวา ตสฺส คุณํ ปกาเสโนฺต ‘‘อุปสโนฺต’’ติอาทินา ติโสฺส คาถา อภาสิฯ ตตฺถ อนุเทฺทสิกวเสน ‘‘ธุนาตี’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ ปุน เถรสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา วทโนฺต ‘‘อปฺปาสี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อปฺปาสีติ อธุนา ปหาสีติ อโตฺถฯ อนายาโสติ อปริสฺสโม, กิเลสทุกฺขรหิโตติ อโตฺถฯ วิปฺปสโนฺน อนาวิโลติ วิปฺปสโนฺน อสทฺธิยาทีนํ อภาเวน สุฎฺฐุ ปสนฺนจิโตฺต อนาวิลสงฺกปฺปตาย อนาวิโลฯ

    Athekadivasaṃ āyasmantaṃ mahākoṭṭhikaṃ disvā tassa guṇaṃ pakāsento ‘‘upasanto’’tiādinā tisso gāthā abhāsi. Tattha anuddesikavasena ‘‘dhunātī’’ti vuttamevatthaṃ puna therasannissitaṃ katvā vadanto ‘‘appāsī’’tiādimāha. Tattha appāsīti adhunā pahāsīti attho. Anāyāsoti aparissamo, kilesadukkharahitoti attho. Vippasanno anāviloti vippasanno asaddhiyādīnaṃ abhāvena suṭṭhu pasannacitto anāvilasaṅkappatāya anāvilo.

    น วิสฺสเสติ คาถา เทวทตฺตํ สทฺทหิตฺวา ตสฺส ทิฎฺฐิํ โรเจตฺวา ฐิเต วชฺชิปุตฺตเก อารพฺภ วุตฺตาฯ ตตฺถ น วิสฺสเสติ วิสฺสโฎฺฐ น ภเวยฺย, น สทฺทเหยฺยาติ อโตฺถฯ เอกติเยสูติ เอกเจฺจสุ อนวฎฺฐิตสภาเวสุ ปุถุชฺชเนสุฯ เอวนฺติ ยถา ตุเมฺห ‘‘เทวทโตฺต สมฺมา ปฎิปโนฺน’’ติ วิสฺสาสํ อาปชฺชิตฺถ, เอวํฯ อคาริสูติ คหเฎฺฐสุฯ สาธูปิ หุตฺวานาติ ยสฺมา ปุถุชฺชนภาโว นาม อสฺสปิเฎฺฐ ฐปิตกุมฺภณฺฑํ วิย ถุสราสิมฺหิ นิขาตขาณุกํ วิย จ อนวฎฺฐิโต, ตสฺมา เอกเจฺจ อาทิโต สาธู หุตฺวา ฐิตาปิ ปจฺฉา อสาธู โหนฺติฯ ยถา เทวทโตฺต ปุเพฺพ สีลสมฺปโนฺน อภิญฺญาสมาปตฺติลาภี หุตฺวา ลาภสกฺการปกโต อิทานิ ปริหีนวิเสโส ฉินฺนปกฺขกาโก วิย อาปายิโก ชาโตฯ ตสฺมา ตาทิโส ทิฎฺฐมเตฺตน ‘‘สาธู’’ติ น วิสฺสาสิตโพฺพฯ เอกเจฺจ ปน กลฺยาณมิตฺตสํสคฺคาภาเวน อาทิโต อสาธู หุตฺวาปิ ปจฺฉา กลฺยาณสํสเคฺคน สาธู โหนฺติเยว, ตสฺมา เทวทตฺตสทิเส สาธุปติรูเป ‘‘สาธู’’ติ น วิสฺสาเสยฺยาติ อโตฺถฯ

    Na vissaseti gāthā devadattaṃ saddahitvā tassa diṭṭhiṃ rocetvā ṭhite vajjiputtake ārabbha vuttā. Tattha na vissaseti vissaṭṭho na bhaveyya, na saddaheyyāti attho. Ekatiyesūti ekaccesu anavaṭṭhitasabhāvesu puthujjanesu. Evanti yathā tumhe ‘‘devadatto sammā paṭipanno’’ti vissāsaṃ āpajjittha, evaṃ. Agārisūti gahaṭṭhesu. Sādhūpi hutvānāti yasmā puthujjanabhāvo nāma assapiṭṭhe ṭhapitakumbhaṇḍaṃ viya thusarāsimhi nikhātakhāṇukaṃ viya ca anavaṭṭhito, tasmā ekacce ādito sādhū hutvā ṭhitāpi pacchā asādhū honti. Yathā devadatto pubbe sīlasampanno abhiññāsamāpattilābhī hutvā lābhasakkārapakato idāni parihīnaviseso chinnapakkhakāko viya āpāyiko jāto. Tasmā tādiso diṭṭhamattena ‘‘sādhū’’ti na vissāsitabbo. Ekacce pana kalyāṇamittasaṃsaggābhāvena ādito asādhū hutvāpi pacchā kalyāṇasaṃsaggena sādhū hontiyeva, tasmā devadattasadise sādhupatirūpe ‘‘sādhū’’ti na vissāseyyāti attho.

    เยสํ กามจฺฉนฺทาทโย จิตฺตุปกฺกิเลสา อวิคตา, เต อสาธูฯ เยสํ เต วิคตา, เต สาธูติ ทเสฺสตุํ ‘‘กามจฺฉโนฺท’’ติ คาถํ วตฺวา อสาธารณโต อุกฺกํสคตํ สาธุลกฺขณํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยสฺส สกฺกริยมานสฺสา’’ติอาทินา คาถาทฺวยํ วุตฺตํฯ

    Yesaṃ kāmacchandādayo cittupakkilesā avigatā, te asādhū. Yesaṃ te vigatā, te sādhūti dassetuṃ ‘‘kāmacchando’’ti gāthaṃ vatvā asādhāraṇato ukkaṃsagataṃ sādhulakkhaṇaṃ dassetuṃ ‘‘yassa sakkariyamānassā’’tiādinā gāthādvayaṃ vuttaṃ.

    อสาธารณโต ปน อุกฺกํสคตํ ตํ ทเสฺสตุํ สตฺถารํ อตฺตานญฺจ อุทาหรโนฺต ‘‘มหาสมุโทฺท’’ติอาทิกา คาถา อภาสิฯ ตตฺถ มหาสมุโทฺทติ อยํ มหาสมุโทฺท, มหาปถวี เสโล ปพฺพโต, ปุรตฺถิมาทิเภทโต อนิโล จ อตฺตโน อเจตนาภาเวน อิฎฺฐานิฎฺฐํ สหนฺติ, น ปฎิสงฺขานพเลน, สตฺถา ปน ยสฺสา อรหตฺตุปฺปตฺติยา วเสน อุตฺตเม ตาทิภาเว ฐิโต อิฎฺฐาทีสุ สพฺพตฺถ สโม นิพฺพิกาโร, ตสฺสา สตฺถุ วรวิมุตฺติยา อคฺคผลวิมุตฺติยา เต มหาสมุทฺทาทโย อุปมาย อุปมาภาเวน น ยุชฺชนฺติ กลภาคมฺปิ น อุเปนฺตีติ อโตฺถฯ

    Asādhāraṇato pana ukkaṃsagataṃ taṃ dassetuṃ satthāraṃ attānañca udāharanto ‘‘mahāsamuddo’’tiādikā gāthā abhāsi. Tattha mahāsamuddoti ayaṃ mahāsamuddo, mahāpathavī selo pabbato, puratthimādibhedato anilo ca attano acetanābhāvena iṭṭhāniṭṭhaṃ sahanti, na paṭisaṅkhānabalena, satthā pana yassā arahattuppattiyā vasena uttame tādibhāve ṭhito iṭṭhādīsu sabbattha samo nibbikāro, tassā satthu varavimuttiyā aggaphalavimuttiyā te mahāsamuddādayo upamāya upamābhāvena na yujjanti kalabhāgampi na upentīti attho.

    จกฺกานุวตฺตโกติ สตฺถารา วตฺติตสฺส ธมฺมจกฺกสฺส อนุวตฺตโกฯ เถโรติ อเสเกฺขหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคเมน เถโรฯ มหาญาณีติ มหาปโญฺญฯ สมาหิโตติ อุปจารปฺปนาสมาธินา อนุตฺตรสมาธินา จ สมาหิโตฯ ปฐวาปคฺคิสมาโนติ อิฎฺฐาทิอารมฺมณสนฺนิปาเต นิพฺพิการตาย ปถวิยา อาเปน อคฺคินา จ สทิสวุตฺติโกฯ เตนาห ‘‘น รชฺชติ น ทุสฺสตี’’ติฯ

    Cakkānuvattakoti satthārā vattitassa dhammacakkassa anuvattako. Theroti asekkhehi sīlakkhandhādīhi samannāgamena thero. Mahāñāṇīti mahāpañño. Samāhitoti upacārappanāsamādhinā anuttarasamādhinā ca samāhito. Paṭhavāpaggisamānoti iṭṭhādiārammaṇasannipāte nibbikāratāya pathaviyā āpena agginā ca sadisavuttiko. Tenāha ‘‘na rajjati na dussatī’’ti.

    ปญฺญาปารมิตํ ปโตฺตติ สาวกญาณสฺส ปารมิํ ปารโกฎิํ ปโตฺตฯ มหาพุทฺธีติ มหาปุถุหาสชวนติกฺขนิเพฺพธิกภาวปฺปตฺตาย มหติยา พุทฺธิยา ปญฺญาย สมนฺนาคโตฯ มหามตีติ ธมฺมนฺวยเวทิตสงฺขาตาย มหติยา นยคฺคาหมติยา สมนฺนาคโตฯ เย หิ เต จตุพฺพิธา, โสฬสวิธา, จตุจตฺตาลีสวิธา, เตสตฺตติวิธา จ ปญฺญปฺปเภทาฯ เตสํ สพฺพโส อนวเสสานํ อธิคตตฺตา มหาปญฺญตา ทิวิเสสโยคโต จ อยํ มหาเถโร สาติสยํ ‘‘มหาพุทฺธี’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติฯ ยถาห ภควา –

    Paññāpāramitaṃ pattoti sāvakañāṇassa pāramiṃ pārakoṭiṃ patto. Mahābuddhīti mahāputhuhāsajavanatikkhanibbedhikabhāvappattāya mahatiyā buddhiyā paññāya samannāgato. Mahāmatīti dhammanvayaveditasaṅkhātāya mahatiyā nayaggāhamatiyā samannāgato. Ye hi te catubbidhā, soḷasavidhā, catucattālīsavidhā, tesattatividhā ca paññappabhedā. Tesaṃ sabbaso anavasesānaṃ adhigatattā mahāpaññatā divisesayogato ca ayaṃ mahāthero sātisayaṃ ‘‘mahābuddhī’’ti vattabbataṃ arahati. Yathāha bhagavā –

    ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, สาริปุโตฺต; มหาปโญฺญ, ภิกฺขเว, สาริปุโตฺต; ปุถุปโญฺญ, ภิกฺขเว, สาริปุโตฺต; หาสปโญฺญ, ภิกฺขเว, สาริปุโตฺต; ชวนปโญฺญ, ภิกฺขเว, สาริปุโตฺต; ติกฺขปโญฺญ, ภิกฺขเว, สาริปุโตฺต; นิเพฺพธิกปโญฺญ, ภิกฺขเว, สาริปุโตฺต’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๙๓)ฯ

    ‘‘Paṇḍito, bhikkhave, sāriputto; mahāpañño, bhikkhave, sāriputto; puthupañño, bhikkhave, sāriputto; hāsapañño, bhikkhave, sāriputto; javanapañño, bhikkhave, sāriputto; tikkhapañño, bhikkhave, sāriputto; nibbedhikapañño, bhikkhave, sāriputto’’tiādi (ma. ni. 3.93).

    ตตฺถายํ ปณฺฑิตภาวาทีนํ วิภาควิภาวนาฯ ธาตุกุสลตา, อายตนกุสลตา, ปฎิจฺจสมุปฺปาทกุสลตา, ฐานาฎฺฐานกุสลตาติ อิเมหิ จตูหิ การเณหิ ปณฺฑิโตฯ มหาปญฺญตาทีนํ วิภาคทสฺสเน อยํ ปาฬิ –

    Tatthāyaṃ paṇḍitabhāvādīnaṃ vibhāgavibhāvanā. Dhātukusalatā, āyatanakusalatā, paṭiccasamuppādakusalatā, ṭhānāṭṭhānakusalatāti imehi catūhi kāraṇehi paṇḍito. Mahāpaññatādīnaṃ vibhāgadassane ayaṃ pāḷi –

    ‘‘กตมา มหาปญฺญา? มหเนฺต อเตฺถ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหเนฺต ธเมฺม ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหนฺตา นิรุตฺติโย ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหนฺตานิ ปฎิภานานิ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหเนฺต สีลกฺขเนฺธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหเนฺต สมาธิกฺขเนฺธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหเนฺต ปญฺญากฺขเนฺธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหเนฺต วิมุตฺติกฺขเนฺธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหเนฺต วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขเนฺธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหนฺตานิ ฐานาฎฺฐานานิ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหนฺตา วิหารสมาปตฺติโย ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหนฺตานิ อริยสจฺจานิ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหเนฺต สติปฎฺฐาเน ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหเนฺต สมฺมปฺปธาเน ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหเนฺต อิทฺธิปาเท ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหนฺตานิ อินฺทฺริยานิ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหนฺตานิ พลานิ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหเนฺต โพชฺฌเงฺค ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหเนฺต อริยมเคฺค ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหนฺตานิ สามญฺญผลานิ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหนฺตา อภิญฺญาโย ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหนฺตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานํ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญาฯ

    ‘‘Katamā mahāpaññā? Mahante atthe pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahante dhamme pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahantā niruttiyo pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahantāni paṭibhānāni pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahante sīlakkhandhe pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahante samādhikkhandhe pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahante paññākkhandhe pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahante vimuttikkhandhe pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahante vimuttiñāṇadassanakkhandhe pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahantāni ṭhānāṭṭhānāni pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahantā vihārasamāpattiyo pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahantāni ariyasaccāni pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahante satipaṭṭhāne pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahante sammappadhāne pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahante iddhipāde pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahantāni indriyāni pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahantāni balāni pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahante bojjhaṅge pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahante ariyamagge pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahantāni sāmaññaphalāni pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahantā abhiññāyo pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahantaṃ paramatthaṃ nibbānaṃ pariggaṇhātīti mahāpaññā.

    ‘‘กตมา ปุถุปญฺญา? ปุถุนานาขเนฺธสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา , ปุถุนานาธาตูสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาอายตเนสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาปฎิจฺจสมุปฺปาเทสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาสุญฺญตมนุปลเพฺภสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาอเตฺถสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาธเมฺมสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานานิรุตฺตีสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาปฎิภาเนสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาสีลกฺขเนฺธสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาสมาธิกฺขเนฺธสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาปญฺญากฺขเนฺธสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาวิมุตฺติกฺขเนฺธสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาวิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขเนฺธสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาฐานาฎฺฐาเนสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาวิหารสมาปตฺตีสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาอริยสเจฺจสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาสติปฎฺฐาเนสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาสมฺมปฺปธาเนสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาอิทฺธิปาเทสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาอินฺทฺริเยสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาพเลสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาโพชฺฌเงฺคสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาอริยมเคฺคสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาสามญฺญผเลสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุนานาอภิญฺญาสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญา, ปุถุชฺชนสาธารเณ ธเมฺม อติกฺกมฺม ปรมเตฺถ นิพฺพาเน ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญาฯ

    ‘‘Katamā puthupaññā? Puthunānākhandhesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā , puthunānādhātūsu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāāyatanesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāpaṭiccasamuppādesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāsuññatamanupalabbhesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāatthesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānādhammesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāniruttīsu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāpaṭibhānesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāsīlakkhandhesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāsamādhikkhandhesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāpaññākkhandhesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāvimuttikkhandhesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāvimuttiñāṇadassanakkhandhesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāṭhānāṭṭhānesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāvihārasamāpattīsu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāariyasaccesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāsatipaṭṭhānesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāsammappadhānesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāiddhipādesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāindriyesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānābalesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānābojjhaṅgesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāariyamaggesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāsāmaññaphalesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthunānāabhiññāsu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā, puthujjanasādhāraṇe dhamme atikkamma paramatthe nibbāne ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā.

    ‘‘กตมา หาสปญฺญา? อิเธกโจฺจ หาสพหุโล เวทพหุโล ตุฎฺฐิพหุโล ปาโมชฺชพหุโล สีลานิ ปริปูเรตีติ หาสปญฺญา, หาสพหุโล…เป.… ปาโมชฺชพหุโล อินฺทฺริยสํวรํ ปริปูเรตีติ หาสปญฺญา, หาสพหุโล…เป.… ปาโมชฺชพหุโล โภชเน มตฺตญฺญุตํ ปริปูเรตีติ หาสปญฺญา, หาสพหุโล…เป.… ปาโมชฺชพหุโล ชาคริยานุโยคํ ปริปูเรตีติ หาสปญฺญา, หาสพหุโล…เป.… ปาโมชฺชพหุโล สีลกฺขนฺธํ…เป.… สมาธิกฺขนฺธํ, ปญฺญากฺขนฺธํ, วิมุตฺติกฺขนฺธํ, วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขนฺธํ ปริปูเรตีติ…เป.… ปฎิวิชฺฌตีติฯ วิหารสมาปตฺติโย ปริปูเรตีติ, อริยสจฺจานิ ปฎิวิชฺฌตีติ, สติปฎฺฐาเน ภาเวตีติ, สมฺมปฺปธาเน ภาเวตีติ, อิทฺธิปาเท ภาเวตีติ, อินฺทฺริยานิ ภาเวตีติ, พลานิ ภาเวตีติ, โพชฺฌเงฺค ภาเวตีติ, อริยมคฺคํ ภาเวตีติ…เป.… สามญฺญผลานิ สจฺฉิกโรตีติ หาสปญฺญา, หาสพหุโล เวทพหุโล ตุฎฺฐิพหุโล ปาโมชฺชพหุโล อภิญฺญาโย ปฎิวิชฺฌตีติ หาสปญฺญา; หาสพหุโล เวทพหุโล ตุฎฺฐิพหุโล ปาโมชฺชพหุโล ปรมตฺถํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรตีติ หาสปญฺญาฯ

    ‘‘Katamā hāsapaññā? Idhekacco hāsabahulo vedabahulo tuṭṭhibahulo pāmojjabahulo sīlāni paripūretīti hāsapaññā, hāsabahulo…pe… pāmojjabahulo indriyasaṃvaraṃ paripūretīti hāsapaññā, hāsabahulo…pe… pāmojjabahulo bhojane mattaññutaṃ paripūretīti hāsapaññā, hāsabahulo…pe… pāmojjabahulo jāgariyānuyogaṃ paripūretīti hāsapaññā, hāsabahulo…pe… pāmojjabahulo sīlakkhandhaṃ…pe… samādhikkhandhaṃ, paññākkhandhaṃ, vimuttikkhandhaṃ, vimuttiñāṇadassanakkhandhaṃ paripūretīti…pe… paṭivijjhatīti. Vihārasamāpattiyo paripūretīti, ariyasaccāni paṭivijjhatīti, satipaṭṭhāne bhāvetīti, sammappadhāne bhāvetīti, iddhipāde bhāvetīti, indriyāni bhāvetīti, balāni bhāvetīti, bojjhaṅge bhāvetīti, ariyamaggaṃ bhāvetīti…pe… sāmaññaphalāni sacchikarotīti hāsapaññā, hāsabahulo vedabahulo tuṭṭhibahulo pāmojjabahulo abhiññāyo paṭivijjhatīti hāsapaññā; hāsabahulo vedabahulo tuṭṭhibahulo pāmojjabahulo paramatthaṃ nibbānaṃ sacchikarotīti hāsapaññā.

    ‘‘กตมา ชวนปญฺญา? ยํ กิญฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ…เป.… ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ อนิจฺจโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญา, ทุกฺขโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญา, อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญา; ยา กาจิ เวทนา…เป.… ยํ กิญฺจิ วิญฺญาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ…เป.… สพฺพํ วิญฺญาณํ อนิจฺจโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญา, ทุกฺขโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญา, อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ จกฺขุ…เป.… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ, อนิจฺจโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญา, ทุกฺขโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญา, อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ

    ‘‘Katamā javanapaññā? Yaṃ kiñci rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ…pe… yaṃ dūre santike vā, sabbaṃ rūpaṃ aniccato khippaṃ javatīti javanapaññā, dukkhato khippaṃ javatīti javanapaññā, anattato khippaṃ javatīti javanapaññā; yā kāci vedanā…pe… yaṃ kiñci viññāṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ…pe… sabbaṃ viññāṇaṃ aniccato khippaṃ javatīti javanapaññā, dukkhato khippaṃ javatīti javanapaññā, anattato khippaṃ javatīti javanapaññā. Cakkhu…pe… jarāmaraṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ, aniccato khippaṃ javatīti javanapaññā, dukkhato khippaṃ javatīti javanapaññā, anattato khippaṃ javatīti javanapaññā.

    ‘‘รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ ขยเฎฺฐน, ทุกฺขํ ภยเฎฺฐน, อนตฺตา อสารกเฎฺฐนาติ ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา วิภาวยิตฺวา วิภูตํ กตฺวา รูปนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญา…เป.… เวทนา…เป.… สญฺญา… สงฺขารา… วิญฺญาณํ… จกฺขุ…เป.… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ ขยเฎฺฐน, ทุกฺขํ ภยเฎฺฐน, อนตฺตา อสารกเฎฺฐนาติ ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา วิภาวยิตฺวา วิภูตํ กตฺวา ชรามรณนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ

    ‘‘Rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccaṃ khayaṭṭhena, dukkhaṃ bhayaṭṭhena, anattā asārakaṭṭhenāti tulayitvā tīrayitvā vibhāvayitvā vibhūtaṃ katvā rūpanirodhe nibbāne khippaṃ javatīti javanapaññā…pe… vedanā…pe… saññā… saṅkhārā… viññāṇaṃ… cakkhu…pe… jarāmaraṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccaṃ khayaṭṭhena, dukkhaṃ bhayaṭṭhena, anattā asārakaṭṭhenāti tulayitvā tīrayitvā vibhāvayitvā vibhūtaṃ katvā jarāmaraṇanirodhe nibbāne khippaṃ javatīti javanapaññā.

    ‘‘รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺมนฺติ ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา วิภาวยิตฺวา วิภูตํ กตฺวา รูปนิโรเธ ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ เวทนา…เป.… สญฺญา… สงฺขารา… วิญฺญาณํ… จกฺขุ…เป.… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺมนฺติ ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา วิภาวยิตฺวา วิภูตํ กตฺวา ชรามรณนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ

    ‘‘Rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccaṃ saṅkhataṃ paṭiccasamuppannaṃ khayadhammaṃ vayadhammaṃ virāgadhammaṃ nirodhadhammanti tulayitvā tīrayitvā vibhāvayitvā vibhūtaṃ katvā rūpanirodhe khippaṃ javatīti javanapaññā. Vedanā…pe… saññā… saṅkhārā… viññāṇaṃ… cakkhu…pe… jarāmaraṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccaṃ saṅkhataṃ paṭiccasamuppannaṃ khayadhammaṃ vayadhammaṃ virāgadhammaṃ nirodhadhammanti tulayitvā tīrayitvā vibhāvayitvā vibhūtaṃ katvā jarāmaraṇanirodhe nibbāne khippaṃ javatīti javanapaññā.

    ‘‘กตมา ติกฺขปญฺญา? ขิปฺปํ กิเลเส ฉินฺทตีติ ติกฺขปญฺญา, อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมตีติ ติกฺขปญฺญา; อุปฺปนฺนํ พฺยาปาทวิตกฺกํ นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมตีติ ติกฺขปญฺญา; อุปฺปนฺนํ วิหิํสาวิตกฺกํ นาธิวาเสติ…เป.… อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน ปาปเก อกุสเล ธเมฺม นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมตีติ ติกฺขปญฺญา; อุปฺปนฺนํ ราคํ นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมตีติ ติกฺขปญฺญา; อุปฺปนฺนํ โทสํ…เป.… อุปฺปนฺนํ โมหํ… อุปฺปนฺนํ โกธํ… อุปฺปนฺนํ อุปนาหํ… มกฺขํ… ปฬาสํ… อิสฺสํ… มจฺฉริยํ… มายํ… สาเฐยฺยํ… ถมฺภํ… สารมฺภํ… มานํ… อติมานํ… มทํ… ปมาทํ… สเพฺพ กิเลเส… สเพฺพ ทุจฺจริเต… สเพฺพ อภิสงฺขาเร…เป.… สเพฺพ ภวคามิกเมฺม นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมตีติ ติกฺขปญฺญาฯ เอกสฺมิํ อาสเน จตฺตาโร จ อริยมคฺคา, จตฺตาริ สามญฺญผลานิ, จตโสฺส ปฎิสมฺภิทาโย, ฉ อภิญฺญาโย อธิคตา โหนฺติ สจฺฉิกตา ผสฺสิตา ปญฺญายาติ ติกฺขปญฺญาฯ

    ‘‘Katamā tikkhapaññā? Khippaṃ kilese chindatīti tikkhapaññā, uppannaṃ kāmavitakkaṃ nādhivāseti pajahati vinodeti byantīkaroti anabhāvaṃ gametīti tikkhapaññā; uppannaṃ byāpādavitakkaṃ nādhivāseti pajahati vinodeti byantīkaroti anabhāvaṃ gametīti tikkhapaññā; uppannaṃ vihiṃsāvitakkaṃ nādhivāseti…pe… uppannuppanne pāpake akusale dhamme nādhivāseti pajahati vinodeti byantīkaroti anabhāvaṃ gametīti tikkhapaññā; uppannaṃ rāgaṃ nādhivāseti pajahati vinodeti byantīkaroti anabhāvaṃ gametīti tikkhapaññā; uppannaṃ dosaṃ…pe… uppannaṃ mohaṃ… uppannaṃ kodhaṃ… uppannaṃ upanāhaṃ… makkhaṃ… paḷāsaṃ… issaṃ… macchariyaṃ… māyaṃ… sāṭheyyaṃ… thambhaṃ… sārambhaṃ… mānaṃ… atimānaṃ… madaṃ… pamādaṃ… sabbe kilese… sabbe duccarite… sabbe abhisaṅkhāre…pe… sabbe bhavagāmikamme nādhivāseti pajahati vinodeti byantīkaroti anabhāvaṃ gametīti tikkhapaññā. Ekasmiṃ āsane cattāro ca ariyamaggā, cattāri sāmaññaphalāni, catasso paṭisambhidāyo, cha abhiññāyo adhigatā honti sacchikatā phassitā paññāyāti tikkhapaññā.

    ‘‘กตมา นิเพฺพธิกปญฺญา? อิเธกโจฺจ สพฺพสงฺขาเรสุ อุเพฺพคพหุโล โหติ อุตฺตาสพหุโล อุกฺกณฺฐนพหุโล อรติพหุโล อนภิรติพหุโล พหิมุโข น รมติ สพฺพสงฺขาเรสุ, อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปทาลิตปุพฺพํ โลภกฺขนฺธํ นิพฺพิชฺฌติ ปทาเลตีติ นิเพฺพธิกปญฺญา, อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปทาลิตปุพฺพํ โทสกฺขนฺธํ นิพฺพิชฺฌติ ปทาเลตีติ นิเพฺพธิกปญฺญา, อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปทาลิตปุพฺพํ โมหกฺขนฺธํ นิพฺพิชฺฌติ ปทาเลตีติ นิเพฺพธิกปญฺญา; อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปทาลิตปุพฺพํ โกธํ…เป.… อุปนาหํ…เป.… สเพฺพ ภวคามิกเมฺม นิพฺพิชฺฌติ ปทาเลตีติ นิเพฺพธิกปญฺญา’’ติ (ปฎิ. ม. ๓.๖-๗)ฯ

    ‘‘Katamā nibbedhikapaññā? Idhekacco sabbasaṅkhāresu ubbegabahulo hoti uttāsabahulo ukkaṇṭhanabahulo aratibahulo anabhiratibahulo bahimukho na ramati sabbasaṅkhāresu, anibbiddhapubbaṃ apadālitapubbaṃ lobhakkhandhaṃ nibbijjhati padāletīti nibbedhikapaññā, anibbiddhapubbaṃ apadālitapubbaṃ dosakkhandhaṃ nibbijjhati padāletīti nibbedhikapaññā, anibbiddhapubbaṃ apadālitapubbaṃ mohakkhandhaṃ nibbijjhati padāletīti nibbedhikapaññā; anibbiddhapubbaṃ apadālitapubbaṃ kodhaṃ…pe… upanāhaṃ…pe… sabbe bhavagāmikamme nibbijjhati padāletīti nibbedhikapaññā’’ti (paṭi. ma. 3.6-7).

    เอวํ ยถาวุตฺตวิภาคาย มหติยา ปญฺญาย สมนฺนาคตตฺตา ‘‘มหาพุทฺธี’’ติ วุตฺตํฯ

    Evaṃ yathāvuttavibhāgāya mahatiyā paññāya samannāgatattā ‘‘mahābuddhī’’ti vuttaṃ.

    อปิจ อนุปทธมฺมวิปสฺสนาวเสนาปิ อิมสฺส เถรสฺส มหาปญฺญตา เวทิตพฺพาฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Apica anupadadhammavipassanāvasenāpi imassa therassa mahāpaññatā veditabbā. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘สาริปุโตฺต, ภิกฺขเว, อฑฺฒมาสํ อนุปทธมฺมวิปสฺสนํ วิปสฺสติฯ ตตฺริทํ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺตสฺส อนุปทธมฺมวิปสฺสนาย โหติฯ

    ‘‘Sāriputto, bhikkhave, aḍḍhamāsaṃ anupadadhammavipassanaṃ vipassati. Tatridaṃ, bhikkhave, sāriputtassa anupadadhammavipassanāya hoti.

    ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, สาริปุโตฺต วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ เย จ ปฐเม ฌาเน ธมฺมา วิตโกฺก จ…เป.… จิเตฺตกคฺคตา จ ผโสฺส เวทนา สญฺญา เจตนา จิตฺตํ ฉโนฺท อธิโมโกฺข วีริยํ สติ อุเปกฺขา มนสิกาโร, ตฺยาสฺส ธมฺมา อนุปทววตฺถิตา โหนฺติ, ตฺยาสฺส ธมฺมา วิทิตา อุปฺปชฺชนฺติ, วิทิตา อุปฎฺฐหนฺติ, วิทิตา อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติฯ โส เอวํ ปชานาติ ‘เอวํ กิร เม ธมฺมา อหุตฺวา สโมฺภนฺติ, หุตฺวา ปฎิเวนฺตี’ติฯ โส เตสุ ธเมฺมสุ อนุปาโย อนปาโย อนิสฺสิโต อปฺปฎิพโทฺธ วิปฺปมุโตฺต วิสํยุโตฺต วิมริยาทีกเตน เจตสา วิหรติฯ โส ‘อตฺถิ อุตฺตริ นิสฺสรณ’นฺติ ปชานาติฯ ตพฺพหุลีการา อตฺถิเตฺววสฺส โหติฯ

    ‘‘Idha, bhikkhave, sāriputto vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Ye ca paṭhame jhāne dhammā vitakko ca…pe… cittekaggatā ca phasso vedanā saññā cetanā cittaṃ chando adhimokkho vīriyaṃ sati upekkhā manasikāro, tyāssa dhammā anupadavavatthitā honti, tyāssa dhammā viditā uppajjanti, viditā upaṭṭhahanti, viditā abbhatthaṃ gacchanti. So evaṃ pajānāti ‘evaṃ kira me dhammā ahutvā sambhonti, hutvā paṭiventī’ti. So tesu dhammesu anupāyo anapāyo anissito appaṭibaddho vippamutto visaṃyutto vimariyādīkatena cetasā viharati. So ‘atthi uttari nissaraṇa’nti pajānāti. Tabbahulīkārā atthitvevassa hoti.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สาริปุโตฺต วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อากาสานญฺจายตนํ… วิญฺญาณญฺจายตนํ… อากิญฺจญฺญายตนํ… สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ตาย สมาปตฺติยา สโต วุฎฺฐหติ, โส ตาย สมาปตฺติยา สโต วุฎฺฐหิตฺวา เย ธมฺมา อตีตา นิรุทฺธา วิปริณตา, เต ธเมฺม สมนุปสฺสติ ‘‘เอวํ กิร เม ธมฺมา อหุตฺวา สโมฺภนฺติ, หุตฺวา ปฎิเวนฺตี’’ติฯ โส เตสุ ธเมฺมสุ อนุปาโย อนปาโย อนิสฺสิโต อปฺปฎิพโทฺธ วิปฺปมุโตฺต วิสํยุโตฺต วิมริยาทีกเตน เจตสา วิหรติฯ โส ‘อตฺถิ อุตฺตริ นิสฺสรณ’นฺติ ปชานาติฯ ตพฺพหุลีการา อตฺถิเตฺววสฺส โหติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, sāriputto vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ… tatiyaṃ jhānaṃ… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Ākāsānañcāyatanaṃ… viññāṇañcāyatanaṃ… ākiñcaññāyatanaṃ… sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma nevasaññānāsaññāyatanaṃ upasampajja viharati. So tāya samāpattiyā sato vuṭṭhahati, so tāya samāpattiyā sato vuṭṭhahitvā ye dhammā atītā niruddhā vipariṇatā, te dhamme samanupassati ‘‘evaṃ kira me dhammā ahutvā sambhonti, hutvā paṭiventī’’ti. So tesu dhammesu anupāyo anapāyo anissito appaṭibaddho vippamutto visaṃyutto vimariyādīkatena cetasā viharati. So ‘atthi uttari nissaraṇa’nti pajānāti. Tabbahulīkārā atthitvevassa hoti.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สาริปุโตฺต สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติฯ โส ตาย สมาปตฺติยา สโต วุฎฺฐหติ, โส ตาย สมาปตฺติยา สโต วุฎฺฐหิตฺวา เย ธมฺมา อตีตา นิรุทฺธา วิปริณตา, เต ธเมฺม สมนุปสฺสติ ‘เอวํ กิร เม ธมฺมา อหุตฺวา สโมฺภนฺติ, หุตฺวา ปฎิเวนฺตี’ติฯ โส เตสุ ธเมฺมสุ อนุปาโย อนปาโย อนิสฺสิโต อปฺปฎิพโทฺธ วิปฺปมุโตฺต วิสํยุโตฺต วิมริยาทีกเตน เจตสา วิหรติ, โส ‘นตฺถิ อุตฺตริ นิสฺสรณ’นฺติ ปชานาติฯ ตพฺพหุลีการา นตฺถิเตฺววสฺส โหติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, sāriputto sabbaso nevasaññānāsaññāyatanaṃ samatikkamma saññāvedayitanirodhaṃ upasampajja viharati. Paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā honti. So tāya samāpattiyā sato vuṭṭhahati, so tāya samāpattiyā sato vuṭṭhahitvā ye dhammā atītā niruddhā vipariṇatā, te dhamme samanupassati ‘evaṃ kira me dhammā ahutvā sambhonti, hutvā paṭiventī’ti. So tesu dhammesu anupāyo anapāyo anissito appaṭibaddho vippamutto visaṃyutto vimariyādīkatena cetasā viharati, so ‘natthi uttari nissaraṇa’nti pajānāti. Tabbahulīkārā natthitvevassa hoti.

    ‘‘ยํ โข ตํ, ภิกฺขเว, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย ‘วสิปฺปโตฺต ปารมิปฺปโตฺต อริยสฺมิํ สีลสฺมิํ, วสิปฺปโตฺต ปารมิปฺปโตฺต อริยสฺมิํ สมาธิสฺมิํ, วสิปฺปโตฺต ปารมิปฺปโตฺต อริยาย ปญฺญาย, วสิปฺปโตฺต ปารมิปฺปโตฺต อริยาย วิมุตฺติยา’ติฯ สาริปุตฺตเมเวตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๙๓-๙๗)ฯ

    ‘‘Yaṃ kho taṃ, bhikkhave, sammā vadamāno vadeyya ‘vasippatto pāramippatto ariyasmiṃ sīlasmiṃ, vasippatto pāramippatto ariyasmiṃ samādhismiṃ, vasippatto pāramippatto ariyāya paññāya, vasippatto pāramippatto ariyāya vimuttiyā’ti. Sāriputtamevetaṃ sammā vadamāno vadeyyā’’ti (ma. ni. 3.93-97).

    เอวํ มหาปุถุหาสชวนติกฺขนิเพฺพธิกภาวปฺปตฺตาย มหติยา พุทฺธิยา สมนฺนาคตตฺตา เถโร มหาพุทฺธีติ อโตฺถฯ ธมฺมนฺวยเวทิตา ปนสฺส สมฺปสาทนียสุเตฺตน (ที. นิ. ๓.๑๔๑ อาทโย) ทีเปตพฺพาฯ ตตฺถ หิ สพฺพญฺญุตญฺญาณสทิโส เถรสฺส นยคฺคาโห วุโตฺตฯ อชโฬ ชฬสมาโนติ สาวเกสุ ปญฺญาย อุกฺกํสคตตฺตา สพฺพถาปิ อชโฬ สมาโน ปรมปฺปิจฺฉตาย อตฺตานํ อชานนฺตํ วิย กตฺวา, ทสฺสเนน ชฬสทิโส มนฺทสริโกฺข กิเลสปริฬาหาภาเวน นิพฺพุโต สีติภูโต สทา จรติ นิจฺจํ วิหรตีติ อโตฺถฯ

    Evaṃ mahāputhuhāsajavanatikkhanibbedhikabhāvappattāya mahatiyā buddhiyā samannāgatattā thero mahābuddhīti attho. Dhammanvayaveditā panassa sampasādanīyasuttena (dī. ni. 3.141 ādayo) dīpetabbā. Tattha hi sabbaññutaññāṇasadiso therassa nayaggāho vutto. Ajaḷo jaḷasamānoti sāvakesu paññāya ukkaṃsagatattā sabbathāpi ajaḷo samāno paramappicchatāya attānaṃ ajānantaṃ viya katvā, dassanena jaḷasadiso mandasarikkho kilesapariḷāhābhāvena nibbuto sītibhūto sadā carati niccaṃ viharatīti attho.

    ปริจิโณฺณติ คาถา เถเรน อตฺตโน กตกิจฺจตํ ปกาเสเนฺตน ภาสิตา, สาปิ วุตฺตตฺถาเยวฯ

    Pariciṇṇoti gāthā therena attano katakiccataṃ pakāsentena bhāsitā, sāpi vuttatthāyeva.

    สมฺปาเทถปฺปมาเทนาติ อยํ ปน อตฺตโน ปรินิพฺพานกาเล สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ โอวาททานวเสน ภาสิตาฯ สาปิ วุตฺตตฺถาเยวาติฯ

    Sampādethappamādenāti ayaṃ pana attano parinibbānakāle sannipatitānaṃ bhikkhūnaṃ ovādadānavasena bhāsitā. Sāpi vuttatthāyevāti.

    สาริปุตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sāriputtattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๒. สาริปุตฺตเตฺถรคาถา • 2. Sāriputtattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact