Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā

    ๒. สาริปุตฺตเตฺถรมาตุเปติวตฺถุวณฺณนา

    2. Sāriputtattheramātupetivatthuvaṇṇanā

    นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสีติ อิทํ สตฺถริ เวฬุวเน วิหรเนฺต อายสฺมโต สาริปุตฺตเตฺถรสฺส อิโต ปญฺจมาย ชาติยา มาตุภูตํ เปติํ อารพฺภ วุตฺตํฯ เอกทิวสํ อายสฺมา จ สาริปุโตฺต อายสฺมา จ มหาโมคฺคลฺลาโน อายสฺมา จ อนุรุโทฺธ อายสฺมา จ กปฺปิโน ราชคหสฺส อวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ อรญฺญายตเน วิหรนฺติฯ เตน จ สมเยน พาราณสิยํ อญฺญตโร พฺราหฺมโณ อโฑฺฒ มหทฺธโน มหาโภโค สมณพฺราหฺมณกปณทฺธิกวนิพฺพกยาจกานํ โอปานภูโต อนฺนปานวตฺถสยนาทีนิ เทติฯ เทโนฺต จ อาคตาคตานํ ยถากาลํ ยถารหญฺจ ปาโททกปาทพฺภญฺชนาทิทานานุปุพฺพกํ สพฺพาภิเทยฺยํ ปฎิปโนฺน โหติ, ปุเรภตฺตํ ภิกฺขู อนฺนปานาทินา สกฺกจฺจํ ปริวิสติฯ โส เทสนฺตรํ คจฺฉโนฺต ภริยํ อาห – ‘‘โภติ, ยถาปญฺญตฺตํ อิมํ ทานวิธิํ อปริหาเปนฺตี สกฺกจฺจํ อนุปติฎฺฐาหี’’ติฯ สา ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิตฺวา ตสฺมิํ ปกฺกเนฺต เอว ตาว ภิกฺขูนํ ปญฺญตฺตํ ทานวิธิํ ปจฺฉินฺทิ, อทฺธิกานํ ปน นิวาสตฺถาย อุปคตานํ เคหปิฎฺฐิโต ฉฑฺฑิตํ ชรสาลํ ทเสฺสสิ ‘‘เอตฺถ วสถา’’ติฯ อนฺนปานาทีนํ อตฺถาย ตตฺถ อทฺธิเกสุ อาคเตสุ ‘‘คูถํ ขาทถ, มุตฺตํ ปิวถ, โลหิตํ ปิวถ , ตุมฺหากํ มาตุ มตฺถลุงฺคํ ขาทถา’’ติ ยํ ยํ อสุจิ เชคุจฺฉํ, ตสฺส ตสฺส นามํ คเหตฺวา นิฎฺฐุรํ วทติฯ

    Naggā dubbaṇṇarūpāsīti idaṃ satthari veḷuvane viharante āyasmato sāriputtattherassa ito pañcamāya jātiyā mātubhūtaṃ petiṃ ārabbha vuttaṃ. Ekadivasaṃ āyasmā ca sāriputto āyasmā ca mahāmoggallāno āyasmā ca anuruddho āyasmā ca kappino rājagahassa avidūre aññatarasmiṃ araññāyatane viharanti. Tena ca samayena bārāṇasiyaṃ aññataro brāhmaṇo aḍḍho mahaddhano mahābhogo samaṇabrāhmaṇakapaṇaddhikavanibbakayācakānaṃ opānabhūto annapānavatthasayanādīni deti. Dento ca āgatāgatānaṃ yathākālaṃ yathārahañca pādodakapādabbhañjanādidānānupubbakaṃ sabbābhideyyaṃ paṭipanno hoti, purebhattaṃ bhikkhū annapānādinā sakkaccaṃ parivisati. So desantaraṃ gacchanto bhariyaṃ āha – ‘‘bhoti, yathāpaññattaṃ imaṃ dānavidhiṃ aparihāpentī sakkaccaṃ anupatiṭṭhāhī’’ti. Sā ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇitvā tasmiṃ pakkante eva tāva bhikkhūnaṃ paññattaṃ dānavidhiṃ pacchindi, addhikānaṃ pana nivāsatthāya upagatānaṃ gehapiṭṭhito chaḍḍitaṃ jarasālaṃ dassesi ‘‘ettha vasathā’’ti. Annapānādīnaṃ atthāya tattha addhikesu āgatesu ‘‘gūthaṃ khādatha, muttaṃ pivatha, lohitaṃ pivatha , tumhākaṃ mātu matthaluṅgaṃ khādathā’’ti yaṃ yaṃ asuci jegucchaṃ, tassa tassa nāmaṃ gahetvā niṭṭhuraṃ vadati.

    สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา กมฺมานุภาวุกฺขิตฺตา เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อตฺตโน วจีทุจฺจริตานุรูปํ ทุกฺขํ อนุภวนฺตี ปุริมชาติสมฺพนฺธํ อนุสฺสริตฺวา อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตุกามา ตสฺส วิหารทฺวารํ สมฺปาปุณิ, ตสฺส วิหารทฺวารเทวตาโย วิหารปฺปเวสนํ นิวาเรสุํฯ สา กิร อิโต ปญฺจมาย ชาติยา เถรสฺส มาตุภูตปุพฺพา, ตสฺมา เอวมาห – ‘‘อหํ อยฺยสฺส สาริปุตฺตเตฺถรสฺส อิโต ปญฺจมาย ชาตียา มาตา, เทถ เม ทฺวารปฺปเวสนํ เถรํ ทฎฺฐุ’’นฺติฯ ตํ สุตฺวา เทวตา ตสฺสา ปเวสนํ อนุชานิํสุฯ สา ปวิสิตฺวา จงฺกมนโกฎิยํ ฐตฺวา เถรสฺส อตฺตานํ ทเสฺสสิฯ เถโร ตํ ทิสฺวา กรุณาย สโญฺจทิตมานโส หุตฺวา –

    Sā aparena samayena kālaṃ katvā kammānubhāvukkhittā petayoniyaṃ nibbattitvā attano vacīduccaritānurūpaṃ dukkhaṃ anubhavantī purimajātisambandhaṃ anussaritvā āyasmato sāriputtassa santikaṃ upasaṅkamitukāmā tassa vihāradvāraṃ sampāpuṇi, tassa vihāradvāradevatāyo vihārappavesanaṃ nivāresuṃ. Sā kira ito pañcamāya jātiyā therassa mātubhūtapubbā, tasmā evamāha – ‘‘ahaṃ ayyassa sāriputtattherassa ito pañcamāya jātīyā mātā, detha me dvārappavesanaṃ theraṃ daṭṭhu’’nti. Taṃ sutvā devatā tassā pavesanaṃ anujāniṃsu. Sā pavisitvā caṅkamanakoṭiyaṃ ṭhatvā therassa attānaṃ dassesi. Thero taṃ disvā karuṇāya sañcoditamānaso hutvā –

    ๑๑๖.

    116.

    ‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ, กิสา ธมนิสนฺถตา;

    ‘‘Naggā dubbaṇṇarūpāsi, kisā dhamanisanthatā;

    อุปฺผาสุลิเก กิสิเก, กา นุ ตฺวํ อิธ ติฎฺฐสี’’ติฯ –

    Upphāsulike kisike, kā nu tvaṃ idha tiṭṭhasī’’ti. –

    คาถาย ปุจฺฉิฯ สา เถเรน ปุฎฺฐา ปฎิวจนํ เทนฺตี –

    Gāthāya pucchi. Sā therena puṭṭhā paṭivacanaṃ dentī –

    ๑๑๗.

    117.

    ‘‘อหํ เต สกิยา มาตา, ปุเพฺพ อญฺญาสุ ชาตีสุ;

    ‘‘Ahaṃ te sakiyā mātā, pubbe aññāsu jātīsu;

    อุปปนฺนา เปตฺติวิสยํ, ขุปฺปิปาสสมปฺปิตาฯ

    Upapannā pettivisayaṃ, khuppipāsasamappitā.

    ๑๑๘.

    118.

    ‘‘ฉฑฺฑิตํ ขิปิตํ เขฬํ, สิงฺฆาณิกํ สิเลสุมํ;

    ‘‘Chaḍḍitaṃ khipitaṃ kheḷaṃ, siṅghāṇikaṃ silesumaṃ;

    วสญฺจ ฑยฺหมานานํ, วิชาตานญฺจ โลหิตํฯ

    Vasañca ḍayhamānānaṃ, vijātānañca lohitaṃ.

    ๑๑๙.

    119.

    ‘‘วณิกานญฺจ ยํ ฆาน-สีสจฺฉินฺนาน โลหิตํ;

    ‘‘Vaṇikānañca yaṃ ghāna-sīsacchinnāna lohitaṃ;

    ขุทาปเรตา ภุญฺชามิ, อิจฺฉิปุริสนิสฺสิตํฯ

    Khudāparetā bhuñjāmi, icchipurisanissitaṃ.

    ๑๒๐.

    120.

    ‘‘ปุพฺพโลหิตํ ภกฺขามิ, ปสูนํ มานุสาน จ;

    ‘‘Pubbalohitaṃ bhakkhāmi, pasūnaṃ mānusāna ca;

    อเลณา อนคารา จ, นีลมญฺจปรายณาฯ

    Aleṇā anagārā ca, nīlamañcaparāyaṇā.

    ๑๒๑.

    121.

    ‘‘เทหิ ปุตฺตก เม ทานํ, ทตฺวา อนฺวาทิสาหิ เม;

    ‘‘Dehi puttaka me dānaṃ, datvā anvādisāhi me;

    อเปฺปว นาม มุเจฺจยฺยํ, ปุพฺพโลหิตโภชนา’’ติฯ – ปญฺจคาถา อภาสิ;

    Appeva nāma mucceyyaṃ, pubbalohitabhojanā’’ti. – pañcagāthā abhāsi;

    ๑๑๗. ตตฺถ อหํ เต สกิยา มาตาติ อหํ ตุยฺหํ ชนนิภาวโต สกิยา มาตาฯ ปุเพฺพ อญฺญาสุ ชาตีสูติ มาตา โหนฺตีปิ น อิมิสฺสํ ชาติยํ, อถ โข ปุเพฺพ อญฺญาสุ ชาตีสุ, อิโต ปญฺจมิยนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อุปปนฺนา เปตฺติวิสยนฺติ ปฎิสนฺธิวเสน เปตโลกํ อุปคตาฯ ขุปฺปิปาสสมปฺปิตาติ ขุทาย จ ปิปาสาย จ อภิภูตา, นิรนฺตรํ ชิฆจฺฉาปิปาสาหิ อภิภุยฺยมานาติ อโตฺถฯ

    117. Tattha ahaṃ te sakiyā mātāti ahaṃ tuyhaṃ jananibhāvato sakiyā mātā. Pubbe aññāsu jātīsūti mātā hontīpi na imissaṃ jātiyaṃ, atha kho pubbe aññāsu jātīsu, ito pañcamiyanti daṭṭhabbaṃ. Upapannā pettivisayanti paṭisandhivasena petalokaṃ upagatā. Khuppipāsasamappitāti khudāya ca pipāsāya ca abhibhūtā, nirantaraṃ jighacchāpipāsāhi abhibhuyyamānāti attho.

    ๑๑๘-๑๑๙. ฉฑฺฑิตนฺติ อุจฺฉิฎฺฐกํ, วนฺตนฺติ อโตฺถฯ ขิปิตนฺติ ขิปิเตน สทฺธิํ มุขโต นิกฺขนฺตมลํฯ เขฬนฺติ นิฎฺฐุภํฯ สิงฺฆาณิกนฺติ มตฺถลุงฺคโต วิสฺสนฺทิตฺวา นาสิกาย นิกฺขนฺตมลํฯ สิเลสุมนฺติ เสมฺหํฯ วสญฺจ ฑยฺหมานานนฺติ จิตกสฺมิํ ฑยฺหมานานํ กเฬวรานํ วสาเตลญฺจฯ วิชาตานญฺจ โลหิตนฺติ ปสูตานํ อิตฺถีนํ โลหิตํ, คพฺภมลํ จ-สเทฺทน สงฺคณฺหาติฯ วณิกานนฺติ สญฺชาตวณานํฯ นฺติ ยํ โลหิตนฺติ สมฺพโนฺธฯ ฆานสีสจฺฉินฺนานนฺติ ฆานจฺฉินฺนานํ สีสจฺฉินฺนานญฺจ ยํ โลหิตํ, ตํ ภุญฺชามีติ โยชนาฯ เทสนาสีสเมตํ ‘‘ฆานสีสจฺฉินฺนาน’’นฺติ, ยสฺมา หตฺถปาทาทิจฺฉินฺนานมฺปิ โลหิตํ ภุญฺชามิเยวฯ ตถา ‘‘วณิกาน’’นฺติ อิมินา เตสมฺปิ โลหิตํ สงฺคหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ขุทาปเรตาติ ชิฆจฺฉาภิภูตา หุตฺวาฯ อิตฺถิปุริสนิสฺสิตนฺติ อิตฺถิปุริสสรีรนิสฺสิตํ ยถาวุตฺตํ อญฺญญฺจ จมฺมมํสนฺหารุปุพฺพาทิกํ ปริภุญฺชามีติ ทเสฺสติฯ

    118-119.Chaḍḍitanti ucchiṭṭhakaṃ, vantanti attho. Khipitanti khipitena saddhiṃ mukhato nikkhantamalaṃ. Kheḷanti niṭṭhubhaṃ. Siṅghāṇikanti matthaluṅgato vissanditvā nāsikāya nikkhantamalaṃ. Silesumanti semhaṃ. Vasañca ḍayhamānānanti citakasmiṃ ḍayhamānānaṃ kaḷevarānaṃ vasātelañca. Vijātānañca lohitanti pasūtānaṃ itthīnaṃ lohitaṃ, gabbhamalaṃ ca-saddena saṅgaṇhāti. Vaṇikānanti sañjātavaṇānaṃ. Yanti yaṃ lohitanti sambandho. Ghānasīsacchinnānanti ghānacchinnānaṃ sīsacchinnānañca yaṃ lohitaṃ, taṃ bhuñjāmīti yojanā. Desanāsīsametaṃ ‘‘ghānasīsacchinnāna’’nti, yasmā hatthapādādicchinnānampi lohitaṃ bhuñjāmiyeva. Tathā ‘‘vaṇikāna’’nti iminā tesampi lohitaṃ saṅgahitanti daṭṭhabbaṃ. Khudāparetāti jighacchābhibhūtā hutvā. Itthipurisanissitanti itthipurisasarīranissitaṃ yathāvuttaṃ aññañca cammamaṃsanhārupubbādikaṃ paribhuñjāmīti dasseti.

    ๑๒๐-๑๒๑. ปสูนนฺติ อชโคมหิํสาทีนํฯ อเลณาติ อสรณาฯ อนคาราติ อนาวาสาฯ นีลมญฺจปรายณาติ สุสาเน ฉฑฺฑิตมลมญฺจสยนาฯ อถ วา นีลาติ ฉาริกงฺคารพหุลา สุสานภูมิ อธิเปฺปตา, ตํเยว มญฺจํ วิย อธิสยนาติ อโตฺถฯ อนฺวาทิสาหิ เมติ ยถา ทินฺนํ ทกฺขิณํ มยฺหํ อุปกปฺปติ, ตถา อุทฺทิส ปตฺติทานํ เทหิฯ อเปฺปว นาม มุเจฺจยฺยํ, ปุพฺพโลหิตโภชนาติ ตว อุทฺทิสเนน เอตสฺมา ปุพฺพโลหิตโภชนา เปตชีวิกา อปิ นาม มุเจฺจยฺยํฯ

    120-121.Pasūnanti ajagomahiṃsādīnaṃ. Aleṇāti asaraṇā. Anagārāti anāvāsā. Nīlamañcaparāyaṇāti susāne chaḍḍitamalamañcasayanā. Atha vā nīlāti chārikaṅgārabahulā susānabhūmi adhippetā, taṃyeva mañcaṃ viya adhisayanāti attho. Anvādisāhimeti yathā dinnaṃ dakkhiṇaṃ mayhaṃ upakappati, tathā uddisa pattidānaṃ dehi. Appeva nāma mucceyyaṃ, pubbalohitabhojanāti tava uddisanena etasmā pubbalohitabhojanā petajīvikā api nāma mucceyyaṃ.

    ตํ สุตฺวา อายสฺมา สาริปุตฺตเตฺถโร ทุติยทิวเส มหาโมคฺคลฺลานเตฺถราทิเก ตโย เถเร อามเนฺตตฺวา เตหิ สทฺธิํ ราชคเห ปิณฺฑาย จรโนฺต รโญฺญ พิมฺพิสารสฺส นิเวสนํ อคมาสิฯ ราชา เถเร ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กิํ, ภเนฺต, อาคตตฺถา’’ติ อาคมนการณํ ปุจฺฉิฯ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ ปวตฺติํ รโญฺญ อาโรเจสิฯ ราชา ‘‘อญฺญาตํ, ภเนฺต’’ติ วตฺวา เถเร วิสฺสเชฺชตฺวา สพฺพกมฺมิกํ อมจฺจํ ปโกฺกสาเปตฺวา อาณาเปสิ ‘‘นครสฺส อวิทูเร วิวิเตฺต ฉายูทกสมฺปเนฺน ฐาเน จตโสฺส กุฎิโย กาเรหี’’ติฯ อเนฺตปุเร จ ปโหนกวิเสสวเสน ติธา วิภชิตฺวา จตโสฺส กุฎิโย ปฎิจฺฉาเปสิ, สยญฺจ ตตฺถ คนฺตฺวา กาตพฺพยุตฺตกํ อกาสิฯ นิฎฺฐิตาสุ กุฎิกาสุ สพฺพํ พลิกรณํ สชฺชาเปตฺวา อนฺนปานวตฺถาทีนิ พุทฺธปฺปมุขสฺส จาตุทฺทิสสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนุจฺฉวิเก สพฺพปริกฺขาเร จ อุปฎฺฐาเปตฺวา อายสฺมโต สาริปุตฺตเตฺถรสฺส ตํ สพฺพํ นิยฺยาเทสิฯ อถ เถโร ตํ เปติํ อุทฺทิสฺส ตํ สพฺพํ พุทฺธปฺปมุขสฺส จาตุทฺทิสสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อทาสิฯ สา เปตี ตํ อนุโมทิตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา สพฺพกามสมิทฺธา จ หุตฺวา อปรทิวเส อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรสฺส สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฎฺฐาสิฯ ตํ เถโร ปฎิปุจฺฉิ, สา อตฺตโน เปตูปปตฺติํ ปุน เทวูปปตฺติญฺจ วิตฺถารโต กเถสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Taṃ sutvā āyasmā sāriputtatthero dutiyadivase mahāmoggallānattherādike tayo there āmantetvā tehi saddhiṃ rājagahe piṇḍāya caranto rañño bimbisārassa nivesanaṃ agamāsi. Rājā there disvā vanditvā ‘‘kiṃ, bhante, āgatatthā’’ti āgamanakāraṇaṃ pucchi. Āyasmā mahāmoggallāno taṃ pavattiṃ rañño ārocesi. Rājā ‘‘aññātaṃ, bhante’’ti vatvā there vissajjetvā sabbakammikaṃ amaccaṃ pakkosāpetvā āṇāpesi ‘‘nagarassa avidūre vivitte chāyūdakasampanne ṭhāne catasso kuṭiyo kārehī’’ti. Antepure ca pahonakavisesavasena tidhā vibhajitvā catasso kuṭiyo paṭicchāpesi, sayañca tattha gantvā kātabbayuttakaṃ akāsi. Niṭṭhitāsu kuṭikāsu sabbaṃ balikaraṇaṃ sajjāpetvā annapānavatthādīni buddhappamukhassa cātuddisassa bhikkhusaṅghassa anucchavike sabbaparikkhāre ca upaṭṭhāpetvā āyasmato sāriputtattherassa taṃ sabbaṃ niyyādesi. Atha thero taṃ petiṃ uddissa taṃ sabbaṃ buddhappamukhassa cātuddisassa bhikkhusaṅghassa adāsi. Sā petī taṃ anumoditvā devaloke nibbattitvā sabbakāmasamiddhā ca hutvā aparadivase āyasmato mahāmoggallānattherassa santikaṃ upagantvā vanditvā aṭṭhāsi. Taṃ thero paṭipucchi, sā attano petūpapattiṃ puna devūpapattiñca vitthārato kathesi. Tena vuttaṃ –

    ๑๒๒.

    122.

    ‘‘มาตุยา วจนํ สุตฺวา, อุปติโสฺสนุกมฺปโก;

    ‘‘Mātuyā vacanaṃ sutvā, upatissonukampako;

    อามนฺตยิ โมคฺคลฺลานํ, อนุรุทฺธญฺจ กปฺปินํฯ

    Āmantayi moggallānaṃ, anuruddhañca kappinaṃ.

    ๑๒๓.

    123.

    ‘‘จตโสฺส กุฎิโย กตฺวา, สเงฺฆ จาตุทฺทิเส อทา;

    ‘‘Catasso kuṭiyo katvā, saṅghe cātuddise adā;

    กุฎิโย อนฺนปานญฺจ, มาตุ ทกฺขิณมาทิสีฯ

    Kuṭiyo annapānañca, mātu dakkhiṇamādisī.

    ๑๒๔.

    124.

    ‘‘สมนนฺตรานุทฺทิเฎฺฐ, วิปาโก อุทปชฺชถ;

    ‘‘Samanantarānuddiṭṭhe, vipāko udapajjatha;

    โภชนํ ปานียํ วตฺถํ, ทกฺขิณาย อิทํ ผลํฯ

    Bhojanaṃ pānīyaṃ vatthaṃ, dakkhiṇāya idaṃ phalaṃ.

    ๑๒๕.

    125.

    ‘‘ตโต สุทฺธา สุจิวสนา, กาสิกุตฺตมธารินี;

    ‘‘Tato suddhā sucivasanā, kāsikuttamadhārinī;

    วิจิตฺตวตฺถาภรณา, โกลิกํ อุปสงฺกมี’’ติฯ

    Vicittavatthābharaṇā, kolikaṃ upasaṅkamī’’ti.

    ๑๒๓. ตตฺถ สเงฺฆ จาตุทฺทิเส อทาติ จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส อทาสิ, นิยฺยาเทสีติ อโตฺถฯ เสสํ วุตฺตตฺถเมวฯ

    123. Tattha saṅghe cātuddise adāti cātuddisassa saṅghassa adāsi, niyyādesīti attho. Sesaṃ vuttatthameva.

    อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ เปติํ –

    Athāyasmā mahāmoggallāno taṃ petiṃ –

    ๑๒๖.

    126.

    ‘‘อภิกฺกเนฺตน วเณฺณน, ยา ตฺวํ ติฎฺฐสิ เทวเต;

    ‘‘Abhikkantena vaṇṇena, yā tvaṃ tiṭṭhasi devate;

    โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกาฯ

    Obhāsentī disā sabbā, osadhī viya tārakā.

    ๑๒๗.

    127.

    ‘‘เกน เตตาทิโส วโณฺณ, เตน เต อิธ มิชฺฌติ;

    ‘‘Kena tetādiso vaṇṇo, tena te idha mijjhati;

    อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ

    Uppajjanti ca te bhogā, ye keci manaso piyā.

    ๑๒๘.

    128.

    ‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุญฺญํ;

    ‘‘Pucchāmi taṃ devi mahānubhāve, manussabhūtā kimakāsi puññaṃ;

    เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา,

    Kenāsi evaṃ jalitānubhāvā,

    วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ – ปุจฺฉิ;

    Vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti. – pucchi;

    ๑๒๙-๑๓๓. อถ สา ‘‘สาริปุตฺตสฺสาหํ มาตา’’ติอาทินา วิสฺสเชฺชสิฯ เสสํ วุตฺตตฺถเมวฯ อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ ปวตฺติํ ภควโต อาโรเจสิฯ ภควา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ

    129-133. Atha sā ‘‘sāriputtassāhaṃ mātā’’tiādinā vissajjesi. Sesaṃ vuttatthameva. Athāyasmā mahāmoggallāno taṃ pavattiṃ bhagavato ārocesi. Bhagavā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya dhammaṃ desesi, sā desanā mahājanassa sātthikā ahosīti.

    สาริปุตฺตเตฺถรมาตุเปติวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sāriputtattheramātupetivatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๒. สาริปุตฺตเตฺถรมาตุเปติวตฺถุ • 2. Sāriputtattheramātupetivatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact