Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi

    สาสนปฎฺฐานํ

    Sāsanapaṭṭhānaṃ

    ๘๙. ตตฺถ อฎฺฐารส มูลปทา กุหิํ ทฎฺฐพฺพา? สาสนปฎฺฐาเนฯ ตตฺถ กตมํ สาสนปฎฺฐานํ? สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ, วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ, นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํ, อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยญฺจ วาสนาภาคิยญฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยญฺจ นิเพฺพธภาคิยญฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยญฺจ อเสกฺขภาคิยญฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยญฺจ นิเพฺพธภาคิยญฺจ อเสกฺขภาคิยญฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยญฺจ วาสนาภาคิยญฺจ นิเพฺพธภาคิยญฺจ สุตฺตํ, วาสนาภาคิยญฺจ นิเพฺพธภาคิยญฺจ สุตฺตํ, ตณฺหาสํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ, ทิฎฺฐิสํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ, ทุจฺจริตสํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ, ตณฺหาโวทานภาคิยํ สุตฺตํ, ทิฎฺฐิโวทานภาคิยํ สุตฺตํ, ทุจฺจริตโวทานภาคิยํ สุตฺตํฯ

    89. Tattha aṭṭhārasa mūlapadā kuhiṃ daṭṭhabbā? Sāsanapaṭṭhāne. Tattha katamaṃ sāsanapaṭṭhānaṃ? Saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ, vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ, nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ, asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ, saṃkilesabhāgiyañca vāsanābhāgiyañca suttaṃ, saṃkilesabhāgiyañca nibbedhabhāgiyañca suttaṃ, saṃkilesabhāgiyañca asekkhabhāgiyañca suttaṃ, saṃkilesabhāgiyañca nibbedhabhāgiyañca asekkhabhāgiyañca suttaṃ, saṃkilesabhāgiyañca vāsanābhāgiyañca nibbedhabhāgiyañca suttaṃ, vāsanābhāgiyañca nibbedhabhāgiyañca suttaṃ, taṇhāsaṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ, diṭṭhisaṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ, duccaritasaṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ, taṇhāvodānabhāgiyaṃ suttaṃ, diṭṭhivodānabhāgiyaṃ suttaṃ, duccaritavodānabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ตตฺถ สํกิเลโส ติวิโธ – ตณฺหาสํกิเลโส ทิฎฺฐิสํกิเลโส ทุจฺจริตสํกิเลโสฯ ตตฺถ ตณฺหาสํกิเลโส สมเถน วิสุชฺฌติ, โส สมโถ สมาธิกฺขโนฺธฯ ทิฎฺฐิสํกิเลโส วิปสฺสนาย วิสุชฺฌติ, สา วิปสฺสนา ปญฺญากฺขโนฺธฯ ทุจฺจริตสํกิเลโส สุจริเตน วิสุชฺฌติ, ตํ สุจริตํ สีลกฺขโนฺธฯ ตสฺส สีเล ปติฎฺฐิตสฺส ยทิ อาสตฺติ อุปฺปชฺชติ ภเวสุ, เอวํ สายํ สมถวิปสฺสนา ภาวนามยํ ปุญฺญกฺริยวตฺถุ ภวติ ตตฺรูปปตฺติยา สํวตฺตติฯ อิมานิ จตฺตาริ สุตฺตานิ, สาธารณานิ กตานิ อฎฺฐ ภวนฺติ, ตานิเยว อฎฺฐ สุตฺตานิ สาธารณานิ กตานิ โสฬส ภวนฺติฯ

    Tattha saṃkileso tividho – taṇhāsaṃkileso diṭṭhisaṃkileso duccaritasaṃkileso. Tattha taṇhāsaṃkileso samathena visujjhati, so samatho samādhikkhandho. Diṭṭhisaṃkileso vipassanāya visujjhati, sā vipassanā paññākkhandho. Duccaritasaṃkileso sucaritena visujjhati, taṃ sucaritaṃ sīlakkhandho. Tassa sīle patiṭṭhitassa yadi āsatti uppajjati bhavesu, evaṃ sāyaṃ samathavipassanā bhāvanāmayaṃ puññakriyavatthu bhavati tatrūpapattiyā saṃvattati. Imāni cattāri suttāni, sādhāraṇāni katāni aṭṭha bhavanti, tāniyeva aṭṭha suttāni sādhāraṇāni katāni soḷasa bhavanti.

    อิเมหิ โสฬสหิ สุเตฺตหิ ภิเนฺนหิ นววิธํ สุตฺตํ ภินฺนํ ภวติฯ คาถาย คาถา อนุมินิตพฺพา, เวยฺยากรเณน เวยฺยากรณํ อนุมินิตพฺพํฯ สุเตฺตน สุตฺตํ อนุมินิตพฺพํฯ

    Imehi soḷasahi suttehi bhinnehi navavidhaṃ suttaṃ bhinnaṃ bhavati. Gāthāya gāthā anuminitabbā, veyyākaraṇena veyyākaraṇaṃ anuminitabbaṃ. Suttena suttaṃ anuminitabbaṃ.

    ๙๐. ตตฺถ กตมํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ?

    90. Tattha katamaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ?

    ‘‘กามนฺธา ชาลสญฺฉนฺนา, ตณฺหาฉทนฉาทิตา;

    ‘‘Kāmandhā jālasañchannā, taṇhāchadanachāditā;

    ปมตฺตพนฺธนา 1 พทฺธา, มจฺฉาว กุมินามุเข;

    Pamattabandhanā 2 baddhā, macchāva kumināmukhe;

    ชรามรณมเนฺวนฺติ, วโจฺฉ ขีรปโกว 3 มาตร’’นฺติฯ

    Jarāmaraṇamanventi, vaccho khīrapakova 4 mātara’’nti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    จตฺตาริมานิ , ภิกฺขเว, อคติคมนานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? ฉนฺทาคติํ 5 คจฺฉติ, โทสาคติํ คจฺฉติ, โมหาคติํ คจฺฉติ, ภยาคติํ คจฺฉติฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ อคติคมนานิฯ อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต, อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –

    Cattārimāni , bhikkhave, agatigamanāni. Katamāni cattāri? Chandāgatiṃ 6 gacchati, dosāgatiṃ gacchati, mohāgatiṃ gacchati, bhayāgatiṃ gacchati. Imāni kho, bhikkhave, cattāri agatigamanāni. Idamavoca bhagavā, idaṃ vatvāna sugato, athāparaṃ etadavoca satthā –

    ‘‘ฉนฺทา โทสา ภยา โมหา, โย ธมฺมํ อติวตฺตติ;

    ‘‘Chandā dosā bhayā mohā, yo dhammaṃ ativattati;

    นิหียติ ตสฺส ยโส, กาฬปเกฺขว จนฺทิมา’’ติฯ

    Nihīyati tassa yaso, kāḷapakkheva candimā’’ti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, มโนเสฎฺฐา มโนมยา;

    ‘‘Manopubbaṅgamā dhammā, manoseṭṭhā manomayā;

    มนสา เจ ปทุเฎฺฐน, ภาสติ วา กโรติ วา;

    Manasā ce paduṭṭhena, bhāsati vā karoti vā;

    ตโต นํ ทุกฺขมเนฺวติ, จกฺกํว วหโต ปท’’นฺติฯ

    Tato naṃ dukkhamanveti, cakkaṃva vahato pada’’nti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘มิทฺธี 7 ยทา โหติ มหคฺฆโส จ, นิทฺทายิตา สมฺปริวตฺตสายี;

    ‘‘Middhī 8 yadā hoti mahagghaso ca, niddāyitā samparivattasāyī;

    มหาวราโหว นิวาปปุโฎฺฐ, ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มโนฺท’’ติฯ

    Mahāvarāhova nivāpapuṭṭho, punappunaṃ gabbhamupeti mando’’ti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘อยสาว มลํ สมุฎฺฐิตํ, ตตุฎฺฐาย 9 ตเมว ขาทติ;

    ‘‘Ayasāva malaṃ samuṭṭhitaṃ, tatuṭṭhāya 10 tameva khādati;

    เอวํ อติโธนจารินํ, สานิ 11 กมฺมานิ นยนฺติ ทุคฺคติ’’นฺติฯ

    Evaṃ atidhonacārinaṃ, sāni 12 kammāni nayanti duggati’’nti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘โจโร ยถา สนฺธิมุเข คหีโต, สกมฺมุนา หญฺญติ พชฺฌเต จ;

    ‘‘Coro yathā sandhimukhe gahīto, sakammunā haññati bajjhate ca;

    เอวํ อยํ เปจฺจ ปชา ปรตฺถ, สกมฺมุนา หญฺญติ พชฺฌเต จา’’ติฯ

    Evaṃ ayaṃ pecca pajā parattha, sakammunā haññati bajjhate cā’’ti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘สุขกามานิ ภูตานิ, โย ทเณฺฑน วิหิํสติ;

    ‘‘Sukhakāmāni bhūtāni, yo daṇḍena vihiṃsati;

    อตฺตโน สุขเมสาโน, เปจฺจ โส น ลภเต 13 สุข’’นฺติฯ

    Attano sukhamesāno, pecca so na labhate 14 sukha’’nti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘คุนฺนํ เจ ตรมานานํ, ชิมฺหํ คจฺฉติ ปุงฺคโว;

    ‘‘Gunnaṃ ce taramānānaṃ, jimhaṃ gacchati puṅgavo;

    สพฺพา ตา ชิมฺหํ คจฺฉนฺติ, เนเตฺต ชิมฺหํ คเต 15 สติฯ

    Sabbā tā jimhaṃ gacchanti, nette jimhaṃ gate 16 sati.

    ‘‘เอวเมว มนุเสฺสสุ, โย โหติ เสฎฺฐสมฺมโต;

    ‘‘Evameva manussesu, yo hoti seṭṭhasammato;

    โส เจ อธมฺมํ จรติ, ปเคว อิตรา ปชา;

    So ce adhammaṃ carati, pageva itarā pajā;

    สพฺพํ รฎฺฐํ ทุกฺขํ เสติ, ราชา เจ โหติ อธมฺมิโก’’ติฯ

    Sabbaṃ raṭṭhaṃ dukkhaṃ seti, rājā ce hoti adhammiko’’ti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘สุกิจฺฉรูปาวติเม มนุสฺสา, กโรนฺติ ปาปํ อุปธีสุ รตฺตา;

    ‘‘Sukiccharūpāvatime manussā, karonti pāpaṃ upadhīsu rattā;

    คจฺฉนฺติ เต พหุชนสนฺนิวาสํ, นิรยํ อวีจิํ กฎุกํ ภยานก’’นฺติฯ

    Gacchanti te bahujanasannivāsaṃ, nirayaṃ avīciṃ kaṭukaṃ bhayānaka’’nti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘ผลํ เว 17 กทลิํ หนฺติ, ผลํ เวฬุํ ผลํ นฬํ;

    ‘‘Phalaṃ ve 18 kadaliṃ hanti, phalaṃ veḷuṃ phalaṃ naḷaṃ;

    สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ, คโพฺภ อสฺสตริํ ยถา’’ติฯ

    Sakkāro kāpurisaṃ hanti, gabbho assatariṃ yathā’’ti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘โกธมกฺขครุ ภิกฺขุ, ลาภสกฺการคารโว 19;

    ‘‘Kodhamakkhagaru bhikkhu, lābhasakkāragāravo 20;

    สุเขเตฺต ปูติพีชํว, สทฺธเมฺม น วิรูหตี’’ติฯ

    Sukhette pūtibījaṃva, saddhamme na virūhatī’’ti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ๙๑. ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ ปทุฎฺฐจิตฺตํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ, (ยถา โข อยํ ปุคฺคโล อิริยติ, ยญฺจ ปฎิปทํ ปฎิปโนฺน, ยญฺจ มคฺคํ สมารูโฬฺห) 21ฯ อิมมฺหิ จายํ สมเย กาลํ กเรยฺย, ยถาภตํ นิกฺขิโตฺต, เอวํ นิรเยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? จิตฺตํ หิสฺส, ภิกฺขเว, ปทุฎฺฐํ 22, เจโตปโทสเหตุ 23 โข ปน, ภิกฺขเว, เอวมิเธกเจฺจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺตี’’ติฯ เอตมตฺถํ ภควา อโวจ, ตเตฺถตํ อิติ วุจฺจติ –

    91. ‘‘Idhāhaṃ, bhikkhave, ekaccaṃ puggalaṃ paduṭṭhacittaṃ evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi, (yathā kho ayaṃ puggalo iriyati, yañca paṭipadaṃ paṭipanno, yañca maggaṃ samārūḷho) 24. Imamhi cāyaṃ samaye kālaṃ kareyya, yathābhataṃ nikkhitto, evaṃ niraye. Taṃ kissa hetu? Cittaṃ hissa, bhikkhave, paduṭṭhaṃ 25, cetopadosahetu 26 kho pana, bhikkhave, evamidhekacce sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjantī’’ti. Etamatthaṃ bhagavā avoca, tatthetaṃ iti vuccati –

    ‘‘ปทุฎฺฐจิตฺตํ ญตฺวาน, เอกจฺจํ อิธ ปุคฺคลํ;

    ‘‘Paduṭṭhacittaṃ ñatvāna, ekaccaṃ idha puggalaṃ;

    เอตมตฺถญฺจ พฺยากาสิ, พุโทฺธ 27 ภิกฺขูน สนฺติเก;

    Etamatthañca byākāsi, buddho 28 bhikkhūna santike;

    อิมมฺหิ จายํ สมเย, กาลํ กยิราถ ปุคฺคโล;

    Imamhi cāyaṃ samaye, kālaṃ kayirātha puggalo;

    นิรยํ อุปปเชฺชยฺย, จิตฺตํ หิสฺส ปทูสิตํ;

    Nirayaṃ upapajjeyya, cittaṃ hissa padūsitaṃ;

    เจโตปโทสเหตุ หิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคฺคติํฯ

    Cetopadosahetu hi, sattā gacchanti duggatiṃ.

    ยถาภตํ นิกฺขิเปยฺย, เอวเมว ตถาวิโธ;

    Yathābhataṃ nikkhipeyya, evameva tathāvidho;

    กายสฺส เภทา ทุปฺปโญฺญ, นิรยํ โสปปชฺชตี’’ติฯ

    Kāyassa bhedā duppañño, nirayaṃ sopapajjatī’’ti.

    อยมฺปิ อโตฺถ วุโตฺต ภควตา อิติ เม สุตนฺติฯ

    Ayampi attho vutto bhagavatā iti me sutanti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘สเจ ภายถ ทุกฺขสฺส, สเจ โว ทุกฺขมปฺปิยํ;

    ‘‘Sace bhāyatha dukkhassa, sace vo dukkhamappiyaṃ;

    มากตฺถ ปาปกํ กมฺมํ, อาวิ 29 วา ยทิ วา รโหฯ

    Mākattha pāpakaṃ kammaṃ, āvi 30 vā yadi vā raho.

    ‘‘สเจ จ ปาปกํ กมฺมํ, กริสฺสถ กโรถ วา;

    ‘‘Sace ca pāpakaṃ kammaṃ, karissatha karotha vā;

    น โว ทุกฺขา ปมุตฺยตฺถิ, อุเปจฺจปิ ปลายต’’นฺติฯ

    Na vo dukkhā pamutyatthi, upeccapi palāyata’’nti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘อธเมฺมน ธนํ ลทฺธา, มุสาวาเทน จูภยํ;

    ‘‘Adhammena dhanaṃ laddhā, musāvādena cūbhayaṃ;

    มเมติ พาลา มญฺญนฺติ, ตํ กถํ นุ ภวิสฺสติฯ

    Mameti bālā maññanti, taṃ kathaṃ nu bhavissati.

    ‘‘อนฺตรายา สุ ภวิสฺสนฺติ, สมฺภตสฺส วินสฺสติ;

    ‘‘Antarāyā su bhavissanti, sambhatassa vinassati;

    มตา สคฺคํ น คจฺฉนฺติ, นนุ เอตฺตาวตา หตา’’ติฯ

    Matā saggaṃ na gacchanti, nanu ettāvatā hatā’’ti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘กถํ ขณติ อตฺตานํ, กถํ มิเตฺตหิ ชีรติ;

    ‘‘Kathaṃ khaṇati attānaṃ, kathaṃ mittehi jīrati;

    กถํ วิวฎฺฎเต ธมฺมา, กถํ สคฺคํ น คจฺฉติฯ

    Kathaṃ vivaṭṭate dhammā, kathaṃ saggaṃ na gacchati.

    ‘‘โลภา ขณติ อตฺตานํ, ลุโทฺธ มิเตฺตหิ ชีรติ;

    ‘‘Lobhā khaṇati attānaṃ, luddho mittehi jīrati;

    โลภา วิวฎฺฎเต ธมฺมา, โลภา สคฺคํ น คจฺฉตี’’ติฯ

    Lobhā vivaṭṭate dhammā, lobhā saggaṃ na gacchatī’’ti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘จรนฺติ พาลา ทุเมฺมธา, อมิเตฺตเนว อตฺตนา;

    ‘‘Caranti bālā dummedhā, amitteneva attanā;

    กโรนฺตา ปาปกํ กมฺมํ, ยํ โหติ กฎุกปฺผลํ 31

    Karontā pāpakaṃ kammaṃ, yaṃ hoti kaṭukapphalaṃ 32.

    ‘‘น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ;

    ‘‘Na taṃ kammaṃ kataṃ sādhu, yaṃ katvā anutappati;

    ยสฺส อสฺสุมุโข โรทํ, วิปากํ ปฎิเสวตี’’ติฯ

    Yassa assumukho rodaṃ, vipākaṃ paṭisevatī’’ti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘ทุกฺกรํ ทุตฺติติกฺขญฺจ, อพฺยเตฺตน จ 33 สามญฺญํ;

    ‘‘Dukkaraṃ duttitikkhañca, abyattena ca 34 sāmaññaṃ;

    พหู หิ ตตฺถ สมฺพาธา, ยตฺถ พาโล วิสีทติฯ

    Bahū hi tattha sambādhā, yattha bālo visīdati.

    ‘‘โย หิ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ, ภาสมาเน ตถาคเต;

    ‘‘Yo hi atthañca dhammañca, bhāsamāne tathāgate;

    มนํ ปโทสเย พาโล, โมฆํ โข ตสฺส ชีวิตํฯ

    Manaṃ padosaye bālo, moghaṃ kho tassa jīvitaṃ.

    ‘‘เอตญฺจาหํ อรหามิ, ทุกฺขญฺจ อิโต จ ปาปิยตรํ ภเนฺต;

    ‘‘Etañcāhaṃ arahāmi, dukkhañca ito ca pāpiyataraṃ bhante;

    โย อปฺปเมเยฺยสุ ตถาคเตสุ, จิตฺตํ ปโทเสมิ อวีตราโค’’ติฯ

    Yo appameyyesu tathāgatesu, cittaṃ padosemi avītarāgo’’ti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘อปฺปเมยฺยํ ปมินโนฺต, โกธ วิทฺวา วิกปฺปเย;

    ‘‘Appameyyaṃ paminanto, kodha vidvā vikappaye;

    อปฺปเมยฺยํ ปมายินํ 35, นิวุตํ ตํ มเญฺญ อกิสฺสว’’นฺติฯ

    Appameyyaṃ pamāyinaṃ 36, nivutaṃ taṃ maññe akissava’’nti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘ปุริสสฺส หิ ชาตสฺส, กุฐารี 37 ชายเต มุเข;

    ‘‘Purisassa hi jātassa, kuṭhārī 38 jāyate mukhe;

    ยาย ฉินฺทติ อตฺตานํ, พาโล ทุพฺภาสิตํ ภณํฯ

    Yāya chindati attānaṃ, bālo dubbhāsitaṃ bhaṇaṃ.

    ‘‘น หิ สตฺถํ สุนิสิตํ, วิสํ หลาหลํ อิว;

    ‘‘Na hi satthaṃ sunisitaṃ, visaṃ halāhalaṃ iva;

    เอวํ วิรทฺธํ ปาเตติ, วาจา ทุพฺภาสิตา ยถา’’ติฯ

    Evaṃ viraddhaṃ pāteti, vācā dubbhāsitā yathā’’ti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ๙๒.

    92.

    ‘‘โย นินฺทิยํ ปสํสติ, ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโยฯ

    ‘‘Yo nindiyaṃ pasaṃsati, taṃ vā nindati yo pasaṃsiyo.

    วิจินาติ มุเขน โส กลิํ, กลินา เตน สุขํ น วินฺทติฯ

    Vicināti mukhena so kaliṃ, kalinā tena sukhaṃ na vindati.

    ‘‘อปฺปมโตฺต อยํ กลิ, โย อเกฺขสุ ธนปราชโย;

    ‘‘Appamatto ayaṃ kali, yo akkhesu dhanaparājayo;

    สพฺพสฺสาปิ สหาปิ อตฺตนา, อยเมว มหนฺตตโร 39 กลิ;

    Sabbassāpi sahāpi attanā, ayameva mahantataro 40 kali;

    โย สุคเตสุ มนํ ปโทสเยฯ

    Yo sugatesu manaṃ padosaye.

    ‘‘สตํ สหสฺสานํ นิรพฺพุทานํ, ฉตฺติํสตี ปญฺจ จ อพฺพุทานิ;

    ‘‘Sataṃ sahassānaṃ nirabbudānaṃ, chattiṃsatī pañca ca abbudāni;

    ยมริยครหี นิรยํ อุเปติ, วาจํ มนญฺจ ปณิธาย ปาปก’’นฺติฯ

    Yamariyagarahī nirayaṃ upeti, vācaṃ manañca paṇidhāya pāpaka’’nti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘โย โลภคุเณ อนุยุโตฺต, โส วจสา 41 ปริภาสติ อเญฺญ;

    ‘‘Yo lobhaguṇe anuyutto, so vacasā 42 paribhāsati aññe;

    อสฺสโทฺธ กทริโย 43 อวทญฺญู, มจฺฉริ เปสุณิยํ อนุยุโตฺตฯ

    Assaddho kadariyo 44 avadaññū, macchari pesuṇiyaṃ anuyutto.

    ‘‘มุขทุคฺค วิภูต อนริย, ภูนหุ ปาปก ทุกฺกฎการิ;

    ‘‘Mukhadugga vibhūta anariya, bhūnahu pāpaka dukkaṭakāri;

    ปุริสนฺต กลี อวชาตปุตฺต 45, มา พหุภาณิธ เนรยิโกสิฯ

    Purisanta kalī avajātaputta 46, mā bahubhāṇidha nerayikosi.

    ‘‘รชมากิรสี อหิตาย, สเนฺต ครหสิ กิพฺพิสการี;

    ‘‘Rajamākirasī ahitāya, sante garahasi kibbisakārī;

    พหูนิ ทุจฺจริตานิ จริตฺวา, คจฺฉสิ โข ปปตํ จิรรตฺต’’นฺติฯ

    Bahūni duccaritāni caritvā, gacchasi kho papataṃ ciraratta’’nti.

    อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ตตฺถ กตมํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ?

    Tattha katamaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ?

    ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, มโนเสฎฺฐา มโนมยา;

    ‘‘Manopubbaṅgamā dhammā, manoseṭṭhā manomayā;

    มนสา เจ ปสเนฺนน, ภาสติ วา กโรติ วา;

    Manasā ce pasannena, bhāsati vā karoti vā;

    ตโต นํ สุขมเนฺวติ, ฉายาว อนปายินี’’ติ 47

    Tato naṃ sukhamanveti, chāyāva anapāyinī’’ti 48.

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ๙๓. มหานาโม สโกฺก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิทํ, ภเนฺต, กปิลวตฺถุ อิทฺธเญฺจว ผีตญฺจ พาหุชญฺญํ 49 อากิณฺณมนุสฺสํ สมฺพาธพฺยูหํ, โส โข อหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ วา ปยิรุปาสิตฺวา มโนภาวนีเย วา ภิกฺขู สายนฺหสมยํ กปิลวตฺถุํ ปวิสโนฺต ภเนฺตนปิ หตฺถินา สมาคจฺฉามิ, ภเนฺตนปิ อเสฺสน สมาคจฺฉามิ, ภเนฺตนปิ รเถน สมาคจฺฉามิ, ภเนฺตนปิ สกเฎน สมาคจฺฉามิ, ภเนฺตนปิ ปุริเสน สมาคจฺฉามิ, ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, ตสฺมิํ สมเย มุสฺสเตว ภควนฺตํ อารพฺภ สติ, มุสฺสติ ธมฺมํ อารพฺภ สติ, มุสฺสติ สงฺฆํ อารพฺภ สติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, เอวํ โหติ ‘อิมมฺหิ จาหํ สายนฺหสมเย กาลํ กเรยฺยํ, กา มยฺหํ 50 คติ, โก อภิสมฺปราโย’’’ติฯ

    93. Mahānāmo sakko bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘idaṃ, bhante, kapilavatthu iddhañceva phītañca bāhujaññaṃ 51 ākiṇṇamanussaṃ sambādhabyūhaṃ, so kho ahaṃ, bhante, bhagavantaṃ vā payirupāsitvā manobhāvanīye vā bhikkhū sāyanhasamayaṃ kapilavatthuṃ pavisanto bhantenapi hatthinā samāgacchāmi, bhantenapi assena samāgacchāmi, bhantenapi rathena samāgacchāmi, bhantenapi sakaṭena samāgacchāmi, bhantenapi purisena samāgacchāmi, tassa mayhaṃ, bhante, tasmiṃ samaye mussateva bhagavantaṃ ārabbha sati, mussati dhammaṃ ārabbha sati, mussati saṅghaṃ ārabbha sati. Tassa mayhaṃ, bhante, evaṃ hoti ‘imamhi cāhaṃ sāyanhasamaye kālaṃ kareyyaṃ, kā mayhaṃ 52 gati, ko abhisamparāyo’’’ti.

    ‘‘มา ภายิ, มหานาม, มา ภายิ, มหานาม, อปาปกํ เต มรณํ ภวิสฺสติ, อปาปิกา 53 กาลงฺกิริยาฯ จตูหิ โข, มหานาม, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก นิพฺพานนิโนฺน โหติ นิพฺพานโปโณ นิพฺพานปพฺภาโรฯ กตเมหิ จตูหิ? อิธ, มหานาม, อริยสาวโก พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ, อิติปิ โส ภควา อรหํ…เป.… พุโทฺธ ภควาติฯ ธเมฺม…เป.… สเงฺฆ…เป.… อริยกเนฺตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต โหติ อขเณฺฑหิ…เป.… สมาธิสํวตฺตนิเกหิฯ เสยฺยถาปิ, มหานาม, รุโกฺข ปาจีนนิโนฺน ปาจีนโปโณ ปาจีนปพฺภาโร, โส มูลจฺฉิโนฺน 54 กตเมน ปปเตยฺยา’’ติ? ‘‘เยน, ภเนฺต, นิโนฺน เยน โปโณ เยน ปพฺภาโร’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหานาม, อิเมหิ จตูหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก นิพฺพานนิโนฺน โหติ นิพฺพานโปโณ นิพฺพานปพฺภาโรฯ มา ภายิ, มหานาม, มา ภายิ, มหานาม, อปาปกํ เต มรณํ ภวิสฺสติ, อปาปิกา กาลงฺกิริยา’’ติฯ

    ‘‘Mā bhāyi, mahānāma, mā bhāyi, mahānāma, apāpakaṃ te maraṇaṃ bhavissati, apāpikā 55 kālaṅkiriyā. Catūhi kho, mahānāma, dhammehi samannāgato ariyasāvako nibbānaninno hoti nibbānapoṇo nibbānapabbhāro. Katamehi catūhi? Idha, mahānāma, ariyasāvako buddhe aveccappasādena samannāgato hoti, itipi so bhagavā arahaṃ…pe… buddho bhagavāti. Dhamme…pe… saṅghe…pe… ariyakantehi sīlehi samannāgato hoti akhaṇḍehi…pe… samādhisaṃvattanikehi. Seyyathāpi, mahānāma, rukkho pācīnaninno pācīnapoṇo pācīnapabbhāro, so mūlacchinno 56 katamena papateyyā’’ti? ‘‘Yena, bhante, ninno yena poṇo yena pabbhāro’’ti. ‘‘Evameva kho, mahānāma, imehi catūhi dhammehi samannāgato ariyasāvako nibbānaninno hoti nibbānapoṇo nibbānapabbhāro. Mā bhāyi, mahānāma, mā bhāyi, mahānāma, apāpakaṃ te maraṇaṃ bhavissati, apāpikā kālaṅkiriyā’’ti.

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘สุขกามานิ ภูตานิ, โย ทเณฺฑน น หิํสติ;

    ‘‘Sukhakāmāni bhūtāni, yo daṇḍena na hiṃsati;

    อตฺตโน สุขเมสาโน, เปจฺจ โส ลภเต สุข’’นฺติฯ

    Attano sukhamesāno, pecca so labhate sukha’’nti.

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘คุนฺนเญฺจ ตรมานานํ, อุชุํ คจฺฉติ ปุงฺคโว;

    ‘‘Gunnañce taramānānaṃ, ujuṃ gacchati puṅgavo;

    สพฺพา ตา อุชุํ คจฺฉนฺติ, เนเตฺต อุชุํ คเต สติฯ

    Sabbā tā ujuṃ gacchanti, nette ujuṃ gate sati.

    ‘‘เอวเมว มนุเสฺสสุ, โย โหติ เสฎฺฐสมฺมโต;

    ‘‘Evameva manussesu, yo hoti seṭṭhasammato;

    โส สเจ 57 ธมฺมํ จรติ, ปเคว อิตรา ปชา;

    So sace 58 dhammaṃ carati, pageva itarā pajā;

    สพฺพํ รฎฺฐํ สุขํ เสติ, ราชา เจ โหติ ธมฺมิโก’’ติฯ

    Sabbaṃ raṭṭhaṃ sukhaṃ seti, rājā ce hoti dhammiko’’ti.

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ๙๔. ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู ภควโต จีวรกมฺมํ กโรนฺติ ‘‘นิฎฺฐิตจีวโร ภควา เตมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’’ติฯ เตน โข ปน สมเยน อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย สาเกเต 59 ปฎิวสนฺติ เกนจิ เทว กรณีเยนฯ อโสฺสสุํ โข อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย ‘‘สมฺพหุลา กิร ภิกฺขู ภควโต จีวรกมฺมํ กโรนฺติฯ นิฎฺฐิตจีวโร ภควา เตมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’’ติฯ

    94. Bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena sambahulā bhikkhū bhagavato cīvarakammaṃ karonti ‘‘niṭṭhitacīvaro bhagavā temāsaccayena cārikaṃ pakkamissatī’’ti. Tena kho pana samayena isidattapurāṇā thapatayo sākete 60 paṭivasanti kenaci deva karaṇīyena. Assosuṃ kho isidattapurāṇā thapatayo ‘‘sambahulā kira bhikkhū bhagavato cīvarakammaṃ karonti. Niṭṭhitacīvaro bhagavā temāsaccayena cārikaṃ pakkamissatī’’ti.

    อถ โข อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย มเคฺค ปุริสํ ฐเปสุํ ‘‘ยทา ตฺวํ อโมฺภ ปุริส ปเสฺสยฺยาสิ ภควนฺตํ อาคจฺฉนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ, อถ อมฺหากํ อาโรเจยฺยาสี’’ติฯ ทฺวีหตีหํ ฐิโต โข โส ปุริโส อทฺทส ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ, ทิสฺวาน เยน อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อิสิทตฺตปุราเณ ถปตโย เอตทโวจ ‘‘อยํ โส ภเนฺต 61 ภควา อาคจฺฉติ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ, ยสฺสทานิ กาลํ มญฺญถา’’ติฯ

    Atha kho isidattapurāṇā thapatayo magge purisaṃ ṭhapesuṃ ‘‘yadā tvaṃ ambho purisa passeyyāsi bhagavantaṃ āgacchantaṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ, atha amhākaṃ āroceyyāsī’’ti. Dvīhatīhaṃ ṭhito kho so puriso addasa bhagavantaṃ dūratova āgacchantaṃ, disvāna yena isidattapurāṇā thapatayo tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā isidattapurāṇe thapatayo etadavoca ‘‘ayaṃ so bhante 62 bhagavā āgacchati arahaṃ sammāsambuddho, yassadāni kālaṃ maññathā’’ti.

    อถ โข อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ภควนฺตํ ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพนฺธิํสุฯ อถ โข ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม เยน อญฺญตรํ รุกฺขมูลํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย ภควนฺตํ เอตทโวจุํ –

    Atha kho isidattapurāṇā thapatayo yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā bhagavantaṃ piṭṭhito piṭṭhito anubandhiṃsu. Atha kho bhagavā maggā okkamma yena aññataraṃ rukkhamūlaṃ tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Isidattapurāṇā thapatayo bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu, ekamantaṃ nisinnā kho isidattapurāṇā thapatayo bhagavantaṃ etadavocuṃ –

    ‘‘ยทา มยํ ภเนฺต ภควนฺตํ สุโณม ‘สาวตฺถิยา โกสเลสุ จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อนตฺตมนตา โหติ โทมนสฺสํ ‘ทูเร โน ภควา ภวิสฺสตี’ติฯ ยทา ปน มยํ ภเนฺต ภควนฺตํ สุโณม ‘สาวตฺถิยา โกสเลสุ จาริกํ ปกฺกโนฺต’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อนตฺตมนตา โหติ โทมนสฺสํ ‘ทูเร โน ภควา’ติ…เป.…ฯ

    ‘‘Yadā mayaṃ bhante bhagavantaṃ suṇoma ‘sāvatthiyā kosalesu cārikaṃ pakkamissatī’ti, hoti no tasmiṃ samaye anattamanatā hoti domanassaṃ ‘dūre no bhagavā bhavissatī’ti. Yadā pana mayaṃ bhante bhagavantaṃ suṇoma ‘sāvatthiyā kosalesu cārikaṃ pakkanto’ti, hoti no tasmiṃ samaye anattamanatā hoti domanassaṃ ‘dūre no bhagavā’ti…pe….

    ‘‘ยทา ปน มยํ ภเนฺต ภควนฺตํ สุโณม ‘กาสีสุ มคเธสุ 63 จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อนตฺตมนตา โหติ โทมนสฺสํ ‘ทูเร โน ภควา ภวิสฺสตี’ติ ฯ ยทา ปน มยํ ภเนฺต ภควนฺตํ สุโณม ‘กาสีสุ มคเธสุ จาริกํ ปกฺกโนฺต’ติ, อนปฺปกา โน ตสฺมิํ สมเย อนตฺตมนตา โหติ อนปฺปกํ โทมนสฺสํ ‘ทูเร โน ภควา’ติฯ

    ‘‘Yadā pana mayaṃ bhante bhagavantaṃ suṇoma ‘kāsīsu magadhesu 64 cārikaṃ pakkamissatī’ti, hoti no tasmiṃ samaye anattamanatā hoti domanassaṃ ‘dūre no bhagavā bhavissatī’ti . Yadā pana mayaṃ bhante bhagavantaṃ suṇoma ‘kāsīsu magadhesu cārikaṃ pakkanto’ti, anappakā no tasmiṃ samaye anattamanatā hoti anappakaṃ domanassaṃ ‘dūre no bhagavā’ti.

    ‘‘ยทา ปน มยํ ภเนฺต ภควนฺตํ สุโณม ‘มคเธสุ กาสีสุ จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อตฺตมนตา โหติ โสมนสฺสํ ‘อาสเนฺน โน ภควา ภวิสฺสตี’ติฯ ยทา ปน มยํ ภเนฺต ภควนฺตํ สุโณม ‘มคเธสุ กาสีสุ จาริกํ ปกฺกโนฺต’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อตฺตมนตา โหติ โสมนสฺสํ ‘อาสเนฺน โน ภควา’ติ…เป.…ฯ

    ‘‘Yadā pana mayaṃ bhante bhagavantaṃ suṇoma ‘magadhesu kāsīsu cārikaṃ pakkamissatī’ti, hoti no tasmiṃ samaye attamanatā hoti somanassaṃ ‘āsanne no bhagavā bhavissatī’ti. Yadā pana mayaṃ bhante bhagavantaṃ suṇoma ‘magadhesu kāsīsu cārikaṃ pakkanto’ti, hoti no tasmiṃ samaye attamanatā hoti somanassaṃ ‘āsanne no bhagavā’ti…pe….

    ‘‘ยทา ปน มยํ ภเนฺต ภควนฺตํ สุโณม ‘โกสเลสุ สาวตฺถิํ 65 จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติฯ โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อตฺตมนตา โหติ โสมนสฺสํ ‘อาสเนฺน โน ภควา ภวิสฺสตี’ติฯ

    ‘‘Yadā pana mayaṃ bhante bhagavantaṃ suṇoma ‘kosalesu sāvatthiṃ 66 cārikaṃ pakkamissatī’ti. Hoti no tasmiṃ samaye attamanatā hoti somanassaṃ ‘āsanne no bhagavā bhavissatī’ti.

    ‘‘ยทา ปน มยํ ภเนฺต ภควนฺตํ สุโณม ‘สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’ติ โหติ อนปฺปกา โน ตสฺมิํ สมเย อตฺตมนตา, โหติ อนปฺปกํ โสมนสฺสํ ‘อาสเนฺน โน ภควา’’’ติฯ

    ‘‘Yadā pana mayaṃ bhante bhagavantaṃ suṇoma ‘sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme’ti hoti anappakā no tasmiṃ samaye attamanatā, hoti anappakaṃ somanassaṃ ‘āsanne no bhagavā’’’ti.

    ‘‘ตสฺมาติห, ถปตโย, สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อโพฺภกาโส ปพฺพชฺชา, อลญฺจ ปน โว, ถปตโย, อปฺปมาทายา’’ติฯ ‘‘อตฺถิ โข โน, ภเนฺต, เอตมฺหา สมฺพาธา อโญฺญ สมฺพาโธ สมฺพาธตโร เจว สมฺพาธสงฺขาตตโร จา’’ติ? ‘‘กตโม ปน โว, ถปตโย, เอตมฺหา สมฺพาธา อโญฺญ สมฺพาโธ สมฺพาธตโร เจว สมฺพาธสงฺขาตตโร จา’’ติ?

    ‘‘Tasmātiha, thapatayo, sambādho gharāvāso rajāpatho, abbhokāso pabbajjā, alañca pana vo, thapatayo, appamādāyā’’ti. ‘‘Atthi kho no, bhante, etamhā sambādhā añño sambādho sambādhataro ceva sambādhasaṅkhātataro cā’’ti? ‘‘Katamo pana vo, thapatayo, etamhā sambādhā añño sambādho sambādhataro ceva sambādhasaṅkhātataro cā’’ti?

    ‘‘อิธ มยํ, ภเนฺต, ยทา ราชา ปเสนทิ โกสโล อุยฺยานภูมิํ นิยฺยาตุกาโม 67 โหติ, เย เต รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส นาคา โอปวยฺหา, เต กเปฺปตฺวา ยา ตา รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปชาปติโย ปิยา มนาปา, ตา 68 เอกํ ปุรโต เอกํ ปจฺฉโต นิสีทาเปม, ตาสํ โข ปน, ภเนฺต, ภคินีนํ เอวรูโป คโนฺธ โหติฯ เสยฺยถาปิ นาม คนฺธกรณฺฑกสฺส ตาวเทว วิวริยมานสฺส, ยถา ตํ ราชกญฺญานํ 69 คเนฺธน วิภูสิตานํฯ ตาสํ โข ปน, ภเนฺต, ภคินีนํ เอวรูโป กายสมฺผโสฺส โหติ, เสยฺยถาปิ นาม ตูลปิจุโน วา กปฺปาหปิจุโน วา, ยถา ตํ ราชกญฺญานํ สุเขธิตานํฯ ตสฺมิํ โข ปน, ภเนฺต, สมเย นาโคปิ รกฺขิตโพฺพ โหติฯ ตาปิ ภคินิโย รกฺขิตพฺพา โหติฯ อตฺตาปิ รกฺขิตพฺพา โหติฯ น โข ปน มยํ, ภเนฺต, อภิชานาม ตาสุ ภคีนิสุ ปาปกํ จิตฺตํ ญปฺปาเทนฺตา, อยํ โข โน, ภเนฺต, เอตมฺหา สมฺพาธา อโญฺญ สมฺพาโธ สมฺพาธตโร เจว สมฺพาธสงฺฆาตตโร จาติฯ

    ‘‘Idha mayaṃ, bhante, yadā rājā pasenadi kosalo uyyānabhūmiṃ niyyātukāmo 70 hoti, ye te rañño pasenadissa kosalassa nāgā opavayhā, te kappetvā yā tā rañño pasenadissa kosalassa pajāpatiyo piyā manāpā, tā 71 ekaṃ purato ekaṃ pacchato nisīdāpema, tāsaṃ kho pana, bhante, bhaginīnaṃ evarūpo gandho hoti. Seyyathāpi nāma gandhakaraṇḍakassa tāvadeva vivariyamānassa, yathā taṃ rājakaññānaṃ 72 gandhena vibhūsitānaṃ. Tāsaṃ kho pana, bhante, bhaginīnaṃ evarūpo kāyasamphasso hoti, seyyathāpi nāma tūlapicuno vā kappāhapicuno vā, yathā taṃ rājakaññānaṃ sukhedhitānaṃ. Tasmiṃ kho pana, bhante, samaye nāgopi rakkhitabbo hoti. Tāpi bhaginiyo rakkhitabbā hoti. Attāpi rakkhitabbā hoti. Na kho pana mayaṃ, bhante, abhijānāma tāsu bhagīnisu pāpakaṃ cittaṃ ñappādentā, ayaṃ kho no, bhante, etamhā sambādhā añño sambādho sambādhataro ceva sambādhasaṅghātataro cāti.

    ‘‘ตสฺมาติห , ถปตโย, สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อโพฺภกาโส ปพฺพชฺชาฯ อลญฺจ ปน โว, ถปตโย, อปฺปมาทายฯ จตูหิ โข ถปตโย, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก โสตาปโนฺน โหติ อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณฯ

    ‘‘Tasmātiha , thapatayo, sambādho gharāvāso rajāpatho, abbhokāso pabbajjā. Alañca pana vo, thapatayo, appamādāya. Catūhi kho thapatayo, dhammehi samannāgato ariyasāvako sotāpanno hoti avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo.

    ‘‘กตเมหิ จตูหิ? อิธ, ถปตโย, สุตวา อริยสาวโก พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ อิติปิ โส ภควา อรหํ…เป.… พุโทฺธ ภควาติ, ธเมฺม…เป.… สเงฺฆ…เป.… วิคตมลมเจฺฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ, มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต อปฺปฎิวิภตฺตํฯ อิเมหิ โข, ถปตโย, จตูหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก โสตาปโนฺน โหติ อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณฯ

    ‘‘Katamehi catūhi? Idha, thapatayo, sutavā ariyasāvako buddhe aveccappasādena samannāgato hoti itipi so bhagavā arahaṃ…pe… buddho bhagavāti, dhamme…pe… saṅghe…pe… vigatamalamaccherena cetasā agāraṃ ajjhāvasati, muttacāgo payatapāṇi vossaggarato yācayogo dānasaṃvibhāgarato appaṭivibhattaṃ. Imehi kho, thapatayo, catūhi dhammehi samannāgato ariyasāvako sotāpanno hoti avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo.

    ‘‘ตุเมฺห โข, ถปตโย, พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา อิติปิ โส ภควา อรหํ…เป.… พุโทฺธ ภควาติ, ธเมฺม…เป.… สเงฺฆ…เป.… ยํ โข ปน กิญฺจิ กุเล เทยฺยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ อปฺปฎิวิภตฺตํ สีลวเนฺตหิ กลฺยาณธเมฺมหิ, ตํ กิํ มญฺญถ, ถปตโย, กติวิธา เต โกสเลสุ มนุสฺสา เย ตุมฺหากํ สมสมา ยทิทํ ทานสํวิภาเคหี’’ติ? ‘‘ลาภา โน, ภเนฺต, สุลทฺธํ โน, ภเนฺต, เยสํ โน ภควา เอวํ ปชานาตี’’ติฯ

    ‘‘Tumhe kho, thapatayo, buddhe aveccappasādena samannāgatā itipi so bhagavā arahaṃ…pe… buddho bhagavāti, dhamme…pe… saṅghe…pe… yaṃ kho pana kiñci kule deyyadhammaṃ, sabbaṃ taṃ appaṭivibhattaṃ sīlavantehi kalyāṇadhammehi, taṃ kiṃ maññatha, thapatayo, katividhā te kosalesu manussā ye tumhākaṃ samasamā yadidaṃ dānasaṃvibhāgehī’’ti? ‘‘Lābhā no, bhante, suladdhaṃ no, bhante, yesaṃ no bhagavā evaṃ pajānātī’’ti.

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ๙๕.

    95.

    ‘‘เอกปุปฺผํ จชิตฺวาน 73, สหสฺสํ กปฺปโกฎิโยฯ

    ‘‘Ekapupphaṃ cajitvāna 74, sahassaṃ kappakoṭiyo.

    เทเว เจว มนุเสฺส จ, เสเสน ปรินิพฺพุโต’’ติฯ

    Deve ceva manusse ca, sesena parinibbuto’’ti.

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘อสฺสเตฺถ หริโตภาเส, สํวิรูฬฺหมฺหิ ปาทเป;

    ‘‘Assatthe haritobhāse, saṃvirūḷhamhi pādape;

    เอกํ พุทฺธคตํ 75 สญฺญํ, อลภิํตฺถํ 76 ปติสฺสโตฯ

    Ekaṃ buddhagataṃ 77 saññaṃ, alabhiṃtthaṃ 78 patissato.

    ‘‘อชฺช ติํสํ ตโต กปฺปา, นาภิชานามิ ทุคฺคติํ;

    ‘‘Ajja tiṃsaṃ tato kappā, nābhijānāmi duggatiṃ;

    ติโสฺส วิชฺชา สจฺฉิกตา, ตสฺสา สญฺญาย วาสนา’’ติฯ

    Tisso vijjā sacchikatā, tassā saññāya vāsanā’’ti.

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘ปิณฺฑาย โกสลํ ปุรํ, ปาวิสิ อคฺคปุคฺคโล;

    ‘‘Piṇḍāya kosalaṃ puraṃ, pāvisi aggapuggalo;

    อนุกมฺปโก ปุเรภตฺตํ, ตณฺหานิฆาตโก มุนิฯ

    Anukampako purebhattaṃ, taṇhānighātako muni.

    ‘‘ปุริสสฺส วฎํสโก หเตฺถ, สพฺพปุเปฺผหิลงฺกโต;

    ‘‘Purisassa vaṭaṃsako hatthe, sabbapupphehilaṅkato;

    โส อทฺทสาสิ สมฺพุทฺธํ, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขตํฯ

    So addasāsi sambuddhaṃ, bhikkhusaṅghapurakkhataṃ.

    ‘‘ปวิสนฺตํ ราชมเคฺคน, เทวมานุสปูชิตํ;

    ‘‘Pavisantaṃ rājamaggena, devamānusapūjitaṃ;

    หโฎฺฐ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, สมฺพุทฺธมุปสงฺกมิฯ

    Haṭṭho cittaṃ pasādetvā, sambuddhamupasaṅkami.

    ‘‘โส ตํ วฎํสกํ สุรภิํ, วณฺณวนฺตํ มโนรมํ;

    ‘‘So taṃ vaṭaṃsakaṃ surabhiṃ, vaṇṇavantaṃ manoramaṃ;

    สมฺพุทฺธสฺสุปนาเมสิ, ปสโนฺน เสหิ ปาณิภิฯ

    Sambuddhassupanāmesi, pasanno sehi pāṇibhi.

    ‘‘ตโต อคฺคิสิขา วณฺณา, พุทฺธสฺส ลปนนฺตรา;

    ‘‘Tato aggisikhā vaṇṇā, buddhassa lapanantarā;

    สหสฺสรํสิ วิชฺชุริว, โอกฺกา นิกฺขมิ อานนาฯ

    Sahassaraṃsi vijjuriva, okkā nikkhami ānanā.

    ‘‘ปทกฺขิณํ กริตฺวาน, สีเส อาทิจฺจพนฺธุโน;

    ‘‘Padakkhiṇaṃ karitvāna, sīse ādiccabandhuno;

    ติกฺขตฺตุํ ปริวเฎฺฎตฺวา, มุทฺธนนฺตรธายถฯ

    Tikkhattuṃ parivaṭṭetvā, muddhanantaradhāyatha.

    ‘‘อิทํ ทิสฺวา อจฺฉริยํ, อพฺภุตํ โลมหํสนํ;

    ‘‘Idaṃ disvā acchariyaṃ, abbhutaṃ lomahaṃsanaṃ;

    เอกํสํ จีวรํ กตฺวา, อานโนฺท เอตทพฺรวิฯ

    Ekaṃsaṃ cīvaraṃ katvā, ānando etadabravi.

    ‘‘‘โก เหตุ สิตกมฺมสฺส, พฺยากโรหิ มหามุเน;

    ‘‘‘Ko hetu sitakammassa, byākarohi mahāmune;

    ธมฺมาโลโก ภวิสฺสติ, กงฺขํ วิตร โน มุเนฯ

    Dhammāloko bhavissati, kaṅkhaṃ vitara no mune.

    ‘‘‘ยสฺส ตํ สพฺพธเมฺมสุ, สทา ญาณํ ปวตฺตติ;

    ‘‘‘Yassa taṃ sabbadhammesu, sadā ñāṇaṃ pavattati;

    กงฺขิํ เวมติกํ เถรํ, อานนฺทํ เอตทพฺรวิฯ

    Kaṅkhiṃ vematikaṃ theraṃ, ānandaṃ etadabravi.

    ‘‘‘โย โส อานนฺท ปุริโส, มยิ จิตฺตํ ปสาทยิ;

    ‘‘‘Yo so ānanda puriso, mayi cittaṃ pasādayi;

    จตุราสีติกปฺปานิ, ทุคฺคติํ น คมิสฺสติฯ

    Caturāsītikappāni, duggatiṃ na gamissati.

    ‘‘‘เทเวสุ เทวโสภคฺคํ, ทิพฺพํ รชฺชํ ปสาสิย;

    ‘‘‘Devesu devasobhaggaṃ, dibbaṃ rajjaṃ pasāsiya;

    มนุเชสุ มนุชิโนฺท, ราชา รเฎฺฐ ภวิสฺสติฯ

    Manujesu manujindo, rājā raṭṭhe bhavissati.

    ‘‘‘โส จริมํ ปพฺพชิตฺวา, สจฺฉิกตฺวาน 79 ธมฺมตํ;

    ‘‘‘So carimaṃ pabbajitvā, sacchikatvāna 80 dhammataṃ;

    ปเจฺจกพุโทฺธ ธุตราโค, วฎํสโก นาม ภวิสฺสติฯ

    Paccekabuddho dhutarāgo, vaṭaṃsako nāma bhavissati.

    ‘‘‘นตฺถิ จิเตฺต 81 ปสนฺนมฺหิ, อปฺปกา นาม ทกฺขิณา;

    ‘‘‘Natthi citte 82 pasannamhi, appakā nāma dakkhiṇā;

    ตถาคเต วา สมฺพุเทฺธ, อถ วา ตสฺส สาวเกฯ

    Tathāgate vā sambuddhe, atha vā tassa sāvake.

    ‘‘‘เอวํ อจินฺติยา 83 พุทฺธา, พุทฺธธมฺมา อจินฺติยา;

    ‘‘‘Evaṃ acintiyā 84 buddhā, buddhadhammā acintiyā;

    อจินฺติเย ปสนฺนานํ, วิปาโก โหติ อจินฺติโย’’’ติฯ

    Acintiye pasannānaṃ, vipāko hoti acintiyo’’’ti.

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ๙๖. ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ ปสนฺนจิตฺตํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ ‘‘(ยถา โข อยํ ปุคฺคโล อิริยติ, ยญฺจ ปฎิปทํ ปฎิปโนฺน, ยญฺจ มคฺคํ สมารูโฬฺห) 85ฯ อิมมฺหิ จายํ สมเย กาลํ กเรยฺย, ยถาภตํ นิกฺขิโตฺต เอวํ สเคฺคฯ ตํ กิสฺส เหตุ? จิตฺตํ หิสฺส, ภิกฺขเว, ปสนฺนํ, เจโตปสาทเหตุ 86 โข ปน เอวมิเธกเจฺจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺตี’’ติฯ เอตมตฺถํ ภควา อโวจ, ตเตฺถตํ อิติ วุจฺจติ –

    96. ‘‘Idhāhaṃ, bhikkhave, ekaccaṃ puggalaṃ pasannacittaṃ evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi ‘‘(yathā kho ayaṃ puggalo iriyati, yañca paṭipadaṃ paṭipanno, yañca maggaṃ samārūḷho) 87. Imamhi cāyaṃ samaye kālaṃ kareyya, yathābhataṃ nikkhitto evaṃ sagge. Taṃ kissa hetu? Cittaṃ hissa, bhikkhave, pasannaṃ, cetopasādahetu 88 kho pana evamidhekacce sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjantī’’ti. Etamatthaṃ bhagavā avoca, tatthetaṃ iti vuccati –

    ‘‘ปสนฺนจิตฺตํ ญตฺวาน, เอกจฺจํ อิธ ปุคฺคลํ;

    ‘‘Pasannacittaṃ ñatvāna, ekaccaṃ idha puggalaṃ;

    เอตมตฺถญฺจ พฺยากาสิ, พุโทฺธ 89 ภิกฺขูน สนฺติเกฯ

    Etamatthañca byākāsi, buddho 90 bhikkhūna santike.

    ‘‘อิมมฺหิ จายํ สมเย, กาลํ กยิราถ ปุคฺคโล;

    ‘‘Imamhi cāyaṃ samaye, kālaṃ kayirātha puggalo;

    สคฺคมฺหิ อุปปเชฺชยฺย, จิตฺตํ หิสฺส ปสาทิตํฯ

    Saggamhi upapajjeyya, cittaṃ hissa pasāditaṃ.

    ‘‘เจโตปสาทเหตุ หิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคติํ;

    ‘‘Cetopasādahetu hi, sattā gacchanti suggatiṃ;

    ยถาภตํ นิกฺขิเปยฺย, เอวเมวํ ตถาวิโธ;

    Yathābhataṃ nikkhipeyya, evamevaṃ tathāvidho;

    กายสฺส เภทา สปฺปโญฺญ, สคฺคํ โส อุปปชฺชตี’’ติฯ

    Kāyassa bhedā sappañño, saggaṃ so upapajjatī’’ti.

    ‘‘อยมฺปิ อโตฺถ วุโตฺต ภควตา อิติ เม สุต’’นฺติฯ

    ‘‘Ayampi attho vutto bhagavatā iti me suta’’nti.

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘สุวณฺณจฺฉทนํ นาวํ, นาริ อารุยฺห ติฎฺฐสิ;

    ‘‘Suvaṇṇacchadanaṃ nāvaṃ, nāri āruyha tiṭṭhasi;

    โอคาหสิ 91 โปกฺขรณิํ, ปทฺมํ ฉินฺทสิ ปาณินาฯ

    Ogāhasi 92 pokkharaṇiṃ, padmaṃ chindasi pāṇinā.

    ‘‘เกน เต ตาทิโส วโณฺณ, อานุภาโว ชุติ จ เต;

    ‘‘Kena te tādiso vaṇṇo, ānubhāvo juti ca te;

    อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนสิจฺฉิตาฯ

    Uppajjanti ca te bhogā, ye keci manasicchitā.

    ‘‘ปุจฺฉิตา เทวเต สํส, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ;

    ‘‘Pucchitā devate saṃsa, kissa kammassidaṃ phalaṃ;

    สา เทวตา อตฺตมนา, เทวราเชน ปุจฺฉิตาฯ

    Sā devatā attamanā, devarājena pucchitā.

    ‘‘ปญฺหํ ปุฎฺฐา วิยากาสิ, สกฺกสฺส อิติ เม สุตํ;

    ‘‘Pañhaṃ puṭṭhā viyākāsi, sakkassa iti me sutaṃ;

    อทฺธานํ ปฎิปนฺนาหํ, ทิสฺวา ถูปํ มโนรมํฯ

    Addhānaṃ paṭipannāhaṃ, disvā thūpaṃ manoramaṃ.

    ‘‘ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทสิํ, กสฺสปสฺส ยสสฺสิโน;

    ‘‘Tattha cittaṃ pasādesiṃ, kassapassa yasassino;

    ปทฺธปุเปฺผหิ ปูเชสิํ, ปสนฺนา เสหิ ตเสฺสว;

    Paddhapupphehi pūjesiṃ, pasannā sehi tasseva;

    กมฺมสฺส ผลํ วิปาโก, เอตาทิสํ กตปุญฺญา ลภนฺตี’’ติฯ

    Kammassa phalaṃ vipāko, etādisaṃ katapuññā labhantī’’ti.

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘ทานกถา สีลกถา สคฺคกถา ปุญฺญกถา ปุญฺญวิปากกถา’’ติ;

    ‘‘Dānakathā sīlakathā saggakathā puññakathā puññavipākakathā’’ti;

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘อปิจาปิ ปํสุถูเปสุ อุทฺทิสฺสกเตสุ ทสพลธรานํ ตตฺถปิ การํ กตฺวา สเคฺคสุ นรา ปโมทนฺตี’’ติฯ

    ‘‘Apicāpi paṃsuthūpesu uddissakatesu dasabaladharānaṃ tatthapi kāraṃ katvā saggesu narā pamodantī’’ti.

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ๙๗.

    97.

    ‘‘เทวปุตฺตสรีรวณฺณา, สเพฺพ สุภคสณฺฐิตีฯ

    ‘‘Devaputtasarīravaṇṇā, sabbe subhagasaṇṭhitī.

    อุทเกน ปํสุํ เตเมตฺวา, ถูปํ วเฑฺฒถ กสฺสปํฯ

    Udakena paṃsuṃ temetvā, thūpaṃ vaḍḍhetha kassapaṃ.

    ‘‘อยํ สุคเตฺต สุคตสฺส ถูโป, มเหสิโน ทสพลธมฺมธาริโน;

    ‘‘Ayaṃ sugatte sugatassa thūpo, mahesino dasabaladhammadhārino;

    ตสฺมิํ 93 อิเม เทวมนุชา ปสนฺนา, การํ กโรนฺตา ชรามรณา ปมุจฺจเร’’ติฯ

    Tasmiṃ 94 ime devamanujā pasannā, kāraṃ karontā jarāmaraṇā pamuccare’’ti.

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘อุฬารํ วต ตํ อาสิ, ยาหํ ถูปํ มเหสิโน;

    ‘‘Uḷāraṃ vata taṃ āsi, yāhaṃ thūpaṃ mahesino;

    อุปฺปลานิ จ จตฺตาริ, มาลญฺจ อภิโรปยิํฯ

    Uppalāni ca cattāri, mālañca abhiropayiṃ.

    ‘‘อชฺช ติํสํ ตโต กปฺปา, นาภิชานามิ ทุคฺคติํ;

    ‘‘Ajja tiṃsaṃ tato kappā, nābhijānāmi duggatiṃ;

    วินิปาตํ น คจฺฉามิ, ถูปํ ปูเชตฺว 95 สตฺถุโน’’ติฯ

    Vinipātaṃ na gacchāmi, thūpaṃ pūjetva 96 satthuno’’ti.

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘พาตฺติํสลกฺขณธรสฺส, วิชิตวิชยสฺส โลกนาถสฺส;

    ‘‘Bāttiṃsalakkhaṇadharassa, vijitavijayassa lokanāthassa;

    สตสหสฺสํ กเปฺป, มุทิโต ถูปํ อปูเชสิฯ

    Satasahassaṃ kappe, mudito thūpaṃ apūjesi.

    ‘‘ยํ มยา ปสุตํ ปุญฺญํ, เตน จ ปุเญฺญน เทว โสภคฺคํ;

    ‘‘Yaṃ mayā pasutaṃ puññaṃ, tena ca puññena deva sobhaggaṃ;

    รชฺชานิ จ การิตานิ, อนาคนฺตุน วินิปาตํฯ

    Rajjāni ca kāritāni, anāgantuna vinipātaṃ.

    ‘‘ยํ จกฺขุ อทนฺตทมกสฺส, สาสเน ปณิหิตํ ตถา;

    ‘‘Yaṃ cakkhu adantadamakassa, sāsane paṇihitaṃ tathā;

    จิตฺตํ ตํ เม สพฺพํ, ลทฺธํ วิมุตฺตจิตฺตมฺหิ วิธูตลโต’’ติฯ

    Cittaṃ taṃ me sabbaṃ, laddhaṃ vimuttacittamhi vidhūtalato’’ti.

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ๙๘.

    98.

    ‘‘สามากปโตฺถทนมตฺตเมว หิ, ปเจฺจกพุทฺธมฺหิ อทาสิ ทกฺขิณํฯ

    ‘‘Sāmākapatthodanamattameva hi, paccekabuddhamhi adāsi dakkhiṇaṃ.

    วิมุตฺตจิเตฺต อขิเล อนาสเว, อรณวิหาริมฺหิ อสงฺคมานเสฯ

    Vimuttacitte akhile anāsave, araṇavihārimhi asaṅgamānase.

    ‘‘ตสฺมิญฺจ โอกปฺปยิ ธมฺมมุตฺตมํ, ตสฺมิญฺจ ธเมฺม ปณิเธสิํ มานสํ;

    ‘‘Tasmiñca okappayi dhammamuttamaṃ, tasmiñca dhamme paṇidhesiṃ mānasaṃ;

    เอวํ วิหารีหิ เม สงฺคโม สิยา, ภเว กุทาสุปิ จ มา อเปกฺขวาฯ

    Evaṃ vihārīhi me saṅgamo siyā, bhave kudāsupi ca mā apekkhavā.

    ‘‘ตเสฺสว กมฺมสฺส วิปากโต อหํ, สหสฺสกฺขตฺตุํ กุรุสูปปชฺชถ 97;

    ‘‘Tasseva kammassa vipākato ahaṃ, sahassakkhattuṃ kurusūpapajjatha 98;

    ทีฆายุเกสุ อมเมสุ ปาณิสุ, วิเสสคามีสุ อหีนคามิสุฯ

    Dīghāyukesu amamesu pāṇisu, visesagāmīsu ahīnagāmisu.

    ‘‘ตเสฺสว กมฺมสฺส วิปากโต อหํ, สหสฺสกฺขตฺตุํ ติทโสปปชฺชถ;

    ‘‘Tasseva kammassa vipākato ahaṃ, sahassakkhattuṃ tidasopapajjatha;

    วิจิตฺรมาลาภรณานุเลปิสุ, วิสิฎฺฐกายูปคโต ยสสฺสิสุฯ

    Vicitramālābharaṇānulepisu, visiṭṭhakāyūpagato yasassisu.

    ‘‘ตเสฺสว กมฺมสฺส วิปากโต อหํ, วิมุตฺตจิโตฺต อขิโล อนาสโว;

    ‘‘Tasseva kammassa vipākato ahaṃ, vimuttacitto akhilo anāsavo;

    อิเมหิ เม อนฺติมเทหธาริภิ, สมาคโม อาสิหิ ตาหิ ตาสิหิฯ

    Imehi me antimadehadhāribhi, samāgamo āsihi tāhi tāsihi.

    ‘‘ปจฺจกฺขํ ขฺวิมํ อวจ ตถาคโต ชิโน, สมิชฺฌเต สีลวโต ยทิจฺฉติ;

    ‘‘Paccakkhaṃ khvimaṃ avaca tathāgato jino, samijjhate sīlavato yadicchati;

    ยถา ยถา เม มนสา วิจินฺติตํ, ตถา สมิทฺธํ อยมนฺติโม ภโว’’ติฯ

    Yathā yathā me manasā vicintitaṃ, tathā samiddhaṃ ayamantimo bhavo’’ti.

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘เอกติํสมฺหิ กปฺปมฺหิ ชิโน อเนโช, อนนฺตทสฺสี ภควา สิขีติ;

    ‘‘Ekatiṃsamhi kappamhi jino anejo, anantadassī bhagavā sikhīti;

    ตสฺสาปิ ราชา ภาตา สิขิเทฺธ 99, พุเทฺธ จ ธเมฺม จ อภิปฺปสโนฺนฯ

    Tassāpi rājā bhātā sikhiddhe 100, buddhe ca dhamme ca abhippasanno.

    ‘‘ปรินิพฺพุเต โลกวินายกมฺหิ, ถูปํ สกาสิ วิปุลํ มหนฺตํ;

    ‘‘Parinibbute lokavināyakamhi, thūpaṃ sakāsi vipulaṃ mahantaṃ;

    สมนฺตโต คาวุติกํ มเหสิโน, เทวาติเทวสฺส นรุตฺตมสฺสฯ

    Samantato gāvutikaṃ mahesino, devātidevassa naruttamassa.

    ‘‘ตสฺมิํ มนุโสฺส พลิมาภิหารี, ปคฺคยฺห ชาติสุมนํ ปหโฎฺฐ;

    ‘‘Tasmiṃ manusso balimābhihārī, paggayha jātisumanaṃ pahaṭṭho;

    วาเตน ปุปฺผํ ปติตสฺส เอกํ, ตาหํ คเหตฺวาน ตเสฺสว ทาสิฯ

    Vātena pupphaṃ patitassa ekaṃ, tāhaṃ gahetvāna tasseva dāsi.

    ‘‘โส มํ อโวจาภิปสนฺนจิโตฺต, ตุยฺหเมว เอตํ ปุปฺผํ ททามิ;

    ‘‘So maṃ avocābhipasannacitto, tuyhameva etaṃ pupphaṃ dadāmi;

    ตาหํ คเหตฺวา อภิโรปเยสิํ, ปุนปฺปุนํ พุทฺธมนุสฺสรโนฺตฯ

    Tāhaṃ gahetvā abhiropayesiṃ, punappunaṃ buddhamanussaranto.

    ‘‘อชฺช ติํสํ ตโต กปฺปา, นาภิชานามิ ทุคฺคติํ;

    ‘‘Ajja tiṃsaṃ tato kappā, nābhijānāmi duggatiṃ;

    วินิปาตญฺจ น คจฺฉามิ, ถูปปูชายิทํ ผล’’นฺติฯ

    Vinipātañca na gacchāmi, thūpapūjāyidaṃ phala’’nti.

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘กปิลํ นาม นครํ, สุวิภตฺตํ มหาปถํ;

    ‘‘Kapilaṃ nāma nagaraṃ, suvibhattaṃ mahāpathaṃ;

    อากิณฺณมิทฺธํ ผีตญฺจ, พฺรหฺมทตฺตสฺส ราชิโนฯ

    Ākiṇṇamiddhaṃ phītañca, brahmadattassa rājino.

    ‘‘กุมฺมาสํ วิกฺกิณิํ ตตฺถ, ปญฺจาลานํ ปุรุตฺตเม;

    ‘‘Kummāsaṃ vikkiṇiṃ tattha, pañcālānaṃ puruttame;

    โสหํ อทฺทสิํ สมฺพุทฺธํ, อุปริฎฺฐํ ยสสฺสินํฯ

    Sohaṃ addasiṃ sambuddhaṃ, upariṭṭhaṃ yasassinaṃ.

    ‘‘หโฎฺฐ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, นิมเนฺตสิํ นรุตฺตมํ;

    ‘‘Haṭṭho cittaṃ pasādetvā, nimantesiṃ naruttamaṃ;

    อริฎฺฐํ ธุวภเตฺตน, ยํ เม เคหมฺหิ วิชฺชถฯ

    Ariṭṭhaṃ dhuvabhattena, yaṃ me gehamhi vijjatha.

    ‘‘ตโต จ กตฺติโก ปุโณฺณ 101, ปุณฺณมาสี อุปฎฺฐิตา;

    ‘‘Tato ca kattiko puṇṇo 102, puṇṇamāsī upaṭṭhitā;

    นวํ ทุสฺสยุคํ คยฺห, อริฎฺฐโสฺสปนามยิํฯ

    Navaṃ dussayugaṃ gayha, ariṭṭhassopanāmayiṃ.

    ‘‘ปสนฺนจิตฺตํ ญตฺวาน, ปฎิคฺคณฺหิ นรุตฺตโม;

    ‘‘Pasannacittaṃ ñatvāna, paṭiggaṇhi naruttamo;

    อนุกมฺปโก การุณิโก, ตณฺหานิฆาตโก มุนิฯ

    Anukampako kāruṇiko, taṇhānighātako muni.

    ‘‘ตาหํ กมฺมํ กริตฺวาน, กลฺยาณํ พุทฺธวณฺณิตํ;

    ‘‘Tāhaṃ kammaṃ karitvāna, kalyāṇaṃ buddhavaṇṇitaṃ;

    เทเว เจว มนุเสฺส จ, สนฺธาวิตฺวา ตโต จุโตฯ

    Deve ceva manusse ca, sandhāvitvā tato cuto.

    ‘‘พาราณสิยํ นคเร, เสฎฺฐิสฺส เอกปุตฺตโก;

    ‘‘Bārāṇasiyaṃ nagare, seṭṭhissa ekaputtako;

    อเฑฺฒ กุลสฺมิํ อุปฺปชฺชิํ, ปาเณหิ จ ปิยตโรฯ

    Aḍḍhe kulasmiṃ uppajjiṃ, pāṇehi ca piyataro.

    ‘‘ตโต จ วิญฺญุตํ ปโตฺต, เทวปุเตฺตน โจทิโต;

    ‘‘Tato ca viññutaṃ patto, devaputtena codito;

    ปาสาทา โอรูหิตฺวาน, สมฺพุทฺธมุปสงฺกมิํฯ

    Pāsādā orūhitvāna, sambuddhamupasaṅkamiṃ.

    ‘‘โส เม ธมฺมมเทสยิ, อนุกมฺปาย โคตโม;

    ‘‘So me dhammamadesayi, anukampāya gotamo;

    ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํฯ

    Dukkhaṃ dukkhasamuppādaṃ, dukkhassa ca atikkamaṃ.

    ‘‘อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ;

    ‘‘Ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ, dukkhūpasamagāminaṃ;

    จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, มุนิ ธมฺมมเทสยิฯ

    Cattāri ariyasaccāni, muni dhammamadesayi.

    ‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, วิหริํ สาสเน รโต;

    ‘‘Tassāhaṃ vacanaṃ sutvā, vihariṃ sāsane rato;

    สมถํ ปฎิวิชฺฌาหํ, รตฺตินฺทิวมตนฺทิโตฯ

    Samathaṃ paṭivijjhāhaṃ, rattindivamatandito.

    ‘‘อชฺฌตฺตญฺจ พหิทฺธา จ, เย เม วิชฺชิํสุ 103 อาสวา;

    ‘‘Ajjhattañca bahiddhā ca, ye me vijjiṃsu 104 āsavā;

    สเพฺพ อาสุํ สมุจฺฉินฺนา, น จ อุปฺปชฺชเร ปุนฯ

    Sabbe āsuṃ samucchinnā, na ca uppajjare puna.

    ‘‘ปริยนฺตกตํ ทุกฺขํ, จริโมยํ สมุสฺสโย;

    ‘‘Pariyantakataṃ dukkhaṃ, carimoyaṃ samussayo;

    ชาติมรณสํสาโร, นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว’’ติฯ

    Jātimaraṇasaṃsāro, natthidāni punabbhavo’’ti.

    อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ๙๙. ตตฺถ กตมํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํ?

    99. Tattha katamaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ?

    ‘‘อุทฺธํ อโธ สพฺพธิ วิปฺปมุโตฺต, อยํ อหสฺมีติ 105 อนานุปสฺสี;

    ‘‘Uddhaṃ adho sabbadhi vippamutto, ayaṃ ahasmīti 106 anānupassī;

    เอวํ วิมุโตฺต อุทตาริ โอฆํ, อติณฺณปุพฺพํ อปุนพฺภวายา’’ติฯ

    Evaṃ vimutto udatāri oghaṃ, atiṇṇapubbaṃ apunabbhavāyā’’ti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘สีลวโต , อานนฺท, น เจตนา 107 กรณียา ‘กินฺติ เม อวิปฺปฎิสาโร ชาเยยฺยา’ติฯ ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ สีลวโต อวิปฺปฎิสาโร ชาเยยฺยฯ อวิปฺปฎิสารินา, อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺติ เม ปาโมชฺชํ ชาเยยฺยา’ติฯ ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ อวิปฺปฎิสาริโน ปาโมชฺชํ ชาเยยฺยฯ ปมุทิเตน, อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺติ เม ปีติ ชาเยยฺยา’ติฯ ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ ปมุทิตสฺส ปีติ ชาเยยฺยฯ ปีติมนสฺส, อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺติ เม กาโย ปสฺสเมฺภยฺยา’ติฯ ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสเมฺภยฺยฯ ปสฺสทฺธกายสฺส อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺตาหํ สุขํ เวทิเยยฺย’นฺติฯ ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิเยยฺยฯ สุขิโน อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺติ เม สมาธิ ชาเยยฺยา’ติฯ ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ สุขิโน สมาธิ ชาเยยฺยฯ สมาหิตสฺส อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺตาหํ ยถาภูตํ ปชาเนยฺย’นฺติฯ ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ สมาหิโต ยถาภูตํ ปชาเนยฺยฯ ยถาภูตํ ปชานตา , อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺติ เม นิพฺพิทา ชาเยยฺยา’ติฯ ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ ยถาภูตํ ปชานโนฺต นิพฺพิเนฺทยฺยฯ นิพฺพินฺทเนฺตน, อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺติ เม วิราโค ชาเยยฺยา’ติฯ ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ นิพฺพินฺทโนฺต วิรเชฺชยฺยฯ วิรชฺชเนฺตน อานนฺท น เจตนา กรณียา ‘กินฺติ เม วิมุตฺติ ชาเยยฺยา’ติฯ ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ วิรชฺชโนฺต วิมุเจฺจยฺยฯ วิมุเตฺตน, อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺติ เม วิมุตฺติญาณทสฺสนํ อุปฺปเชฺชยฺยา’ติฯ ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ วิมุตฺตสฺส วิมุตฺติญาณทสฺสนํ อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติฯ

    ‘‘Sīlavato , ānanda, na cetanā 108 karaṇīyā ‘kinti me avippaṭisāro jāyeyyā’ti. Dhammatā esā, ānanda, yaṃ sīlavato avippaṭisāro jāyeyya. Avippaṭisārinā, ānanda, na cetanā karaṇīyā ‘kinti me pāmojjaṃ jāyeyyā’ti. Dhammatā esā, ānanda, yaṃ avippaṭisārino pāmojjaṃ jāyeyya. Pamuditena, ānanda, na cetanā karaṇīyā ‘kinti me pīti jāyeyyā’ti. Dhammatā esā, ānanda, yaṃ pamuditassa pīti jāyeyya. Pītimanassa, ānanda, na cetanā karaṇīyā ‘kinti me kāyo passambheyyā’ti. Dhammatā esā, ānanda, yaṃ pītimanassa kāyo passambheyya. Passaddhakāyassa ānanda, na cetanā karaṇīyā ‘kintāhaṃ sukhaṃ vediyeyya’nti. Dhammatā esā, ānanda, yaṃ passaddhakāyo sukhaṃ vediyeyya. Sukhino ānanda, na cetanā karaṇīyā ‘kinti me samādhi jāyeyyā’ti. Dhammatā esā, ānanda, yaṃ sukhino samādhi jāyeyya. Samāhitassa ānanda, na cetanā karaṇīyā ‘kintāhaṃ yathābhūtaṃ pajāneyya’nti. Dhammatā esā, ānanda, yaṃ samāhito yathābhūtaṃ pajāneyya. Yathābhūtaṃ pajānatā , ānanda, na cetanā karaṇīyā ‘kinti me nibbidā jāyeyyā’ti. Dhammatā esā, ānanda, yaṃ yathābhūtaṃ pajānanto nibbindeyya. Nibbindantena, ānanda, na cetanā karaṇīyā ‘kinti me virāgo jāyeyyā’ti. Dhammatā esā, ānanda, yaṃ nibbindanto virajjeyya. Virajjantena ānanda na cetanā karaṇīyā ‘kinti me vimutti jāyeyyā’ti. Dhammatā esā, ānanda, yaṃ virajjanto vimucceyya. Vimuttena, ānanda, na cetanā karaṇīyā ‘kinti me vimuttiñāṇadassanaṃ uppajjeyyā’ti. Dhammatā esā, ānanda, yaṃ vimuttassa vimuttiñāṇadassanaṃ uppajjeyyā’’ti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ๑๐๐.

    100.

    ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา, อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺสฯ

    ‘‘Yadā have pātubhavanti dhammā, ātāpino jhāyato brāhmaṇassa.

    อถสฺส กงฺขา วปยนฺติ สพฺพา, ยโต ปชานาติ สเหตุธมฺม’’นฺติฯ

    Athassa kaṅkhā vapayanti sabbā, yato pajānāti sahetudhamma’’nti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา, อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส;

    ‘‘Yadā have pātubhavanti dhammā, ātāpino jhāyato brāhmaṇassa;

    อถสฺส กงฺขา วปยนฺติ สพฺพา, ยโต ขยํ ปจฺจยานํ อเวที’’ติฯ

    Athassa kaṅkhā vapayanti sabbā, yato khayaṃ paccayānaṃ avedī’’ti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘กิํนุ 109 กุชฺฌสิ มา กุชฺฌิ, อโกฺกโธ ติสฺส เต วรํ;

    ‘‘Kiṃnu 110 kujjhasi mā kujjhi, akkodho tissa te varaṃ;

    โกธมานมกฺขวินยตฺถํ หิ, ติสฺส พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติฯ

    Kodhamānamakkhavinayatthaṃ hi, tissa brahmacariyaṃ vussatī’’ti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘กทาหํ นนฺทํ ปเสฺสยฺยํ, อารญฺญํ 111 ปํสุกูลิกํ;

    ‘‘Kadāhaṃ nandaṃ passeyyaṃ, āraññaṃ 112 paṃsukūlikaṃ;

    อญฺญาตุเญฺฉน ยาเปนฺตํ, กาเมสุ อนเปกฺขิน’’นฺติฯ

    Aññātuñchena yāpentaṃ, kāmesu anapekkhina’’nti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘กิํสุ เฉตฺวา สุขํ เสติ, กิํสุ เฉตฺวา น โสจติ;

    ‘‘Kiṃsu chetvā sukhaṃ seti, kiṃsu chetvā na socati;

    กิสฺสสฺสุ 113 เอกธมฺมสฺส, วธํ โรเจสิ โคตมาติฯ

    Kissassu 114 ekadhammassa, vadhaṃ rocesi gotamāti.

    ‘‘โกธํ เฉตฺวา สุขํ เสติ, โกธํ เฉตฺวา น โสจติ;

    ‘‘Kodhaṃ chetvā sukhaṃ seti, kodhaṃ chetvā na socati;

    โกธสฺส วิสมูลสฺส, มธุรคฺคสฺส พฺราหฺมณ;

    Kodhassa visamūlassa, madhuraggassa brāhmaṇa;

    วธํ อริยา ปสํสนฺติ, ตํ หิ เฉตฺวา น โสจตี’’ติฯ

    Vadhaṃ ariyā pasaṃsanti, taṃ hi chetvā na socatī’’ti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘กิํสุ หเน อุปฺปติตํ, กิํสุ ชาตํ วิโนทเย;

    ‘‘Kiṃsu hane uppatitaṃ, kiṃsu jātaṃ vinodaye;

    กิญฺจสฺสุ ปชเห ธีโร, กิสฺสาภิสมโย สุโขฯ

    Kiñcassu pajahe dhīro, kissābhisamayo sukho.

    ‘‘โกธํ หเน อุปฺปติตํ, ราคํ ชาตํ วิโนทเย;

    ‘‘Kodhaṃ hane uppatitaṃ, rāgaṃ jātaṃ vinodaye;

    อวิชฺชํ ปชเห ธีโร, สจฺจาภิสมโย สุโข’’ติฯ

    Avijjaṃ pajahe dhīro, saccābhisamayo sukho’’ti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ๑๐๑.

    101.

    ‘‘สตฺติยา วิย โอมโฎฺฐ, ฑยฺหมาโนว 115 มตฺถเกฯ

    ‘‘Sattiyā viya omaṭṭho, ḍayhamānova 116 matthake.

    กามราคปฺปหานาย, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเชฯ

    Kāmarāgappahānāya, sato bhikkhu paribbaje.

    ‘‘สตฺติยา วิย โอมโฎฺฐ, ฑยฺหมาโนว มตฺถเก;

    ‘‘Sattiyā viya omaṭṭho, ḍayhamānova matthake;

    สกฺกายทิฎฺฐิปฺปหานาย, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติฯ

    Sakkāyadiṭṭhippahānāya, sato bhikkhu paribbaje’’ti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘สเพฺพ ขยนฺตา นิจยา, ปตนนฺตา สมุสฺสยา;

    ‘‘Sabbe khayantā nicayā, patanantā samussayā;

    สเพฺพสํ มรณมาคมฺม, สเพฺพสํ ชีวิตมทฺธุวํ;

    Sabbesaṃ maraṇamāgamma, sabbesaṃ jīvitamaddhuvaṃ;

    เอตํ ภยํ มรเณ 117 เปกฺขมาโน, ปุญฺญานิ กยิราถ สุขาวหานิฯ

    Etaṃ bhayaṃ maraṇe 118 pekkhamāno, puññāni kayirātha sukhāvahāni.

    ‘‘สเพฺพ ขยนฺตา นิจยา, ปตนนฺตา สมุสฺสยา;

    ‘‘Sabbe khayantā nicayā, patanantā samussayā;

    สเพฺพสํ มรณมาคมฺม, สเพฺพสํ ชีวิตมทฺธุวํ;

    Sabbesaṃ maraṇamāgamma, sabbesaṃ jīvitamaddhuvaṃ;

    เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน, โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปโกฺข’’ติฯ

    Etaṃ bhayaṃ maraṇe pekkhamāno, lokāmisaṃ pajahe santipekkho’’ti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘สุขํ สยนฺติ มุนโย, น เต โสจนฺติ มาวิธ;

    ‘‘Sukhaṃ sayanti munayo, na te socanti māvidha;

    เยสํ ฌานรตํ จิตฺตํ, ปญฺญวา สุสมาหิโต;

    Yesaṃ jhānarataṃ cittaṃ, paññavā susamāhito;

    อารทฺธวีริโย ปหิตโตฺต, โอฆํ ตรติ ทุตฺตรํฯ

    Āraddhavīriyo pahitatto, oghaṃ tarati duttaraṃ.

    ‘‘วิรโต กามสญฺญาย, สพฺพสํโยชนาตีโต 119;

    ‘‘Virato kāmasaññāya, sabbasaṃyojanātīto 120;

    นนฺทิภวปริกฺขีโณ 121, โส คมฺภีเร น สีทตี’’ติฯ

    Nandibhavaparikkhīṇo 122, so gambhīre na sīdatī’’ti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘สทฺทหาโน อรหตํ, ธมฺมํ นิพฺพานปตฺติยา;

    ‘‘Saddahāno arahataṃ, dhammaṃ nibbānapattiyā;

    สุสฺสูสํ ลภเต ปญฺญํ, อปฺปมโตฺต วิจกฺขโณฯ

    Sussūsaṃ labhate paññaṃ, appamatto vicakkhaṇo.

    ปติรูปการี ธุรวา, อุฎฺฐาตา วินฺทเต ธนํ;

    Patirūpakārī dhuravā, uṭṭhātā vindate dhanaṃ;

    สเจฺจน กิตฺติํ ปโปฺปติ, ททํ มิตฺตานิ คนฺถติ;

    Saccena kittiṃ pappoti, dadaṃ mittāni ganthati;

    อสฺมา โลกา ปรํ โลกํ, เอวํ 123 เปจฺจ น โสจตี’’ติฯ

    Asmā lokā paraṃ lokaṃ, evaṃ 124 pecca na socatī’’ti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘สพฺพคนฺถปหีนสฺส, วิปฺปมุตฺตสฺส เต สโต;

    ‘‘Sabbaganthapahīnassa, vippamuttassa te sato;

    สมณสฺส น ตํ สาธุ, ยทญฺญมนุสาสสีติฯ

    Samaṇassa na taṃ sādhu, yadaññamanusāsasīti.

    ‘‘เยน เกนจิ วเณฺณน, สํวาโส สกฺก ชายติ;

    ‘‘Yena kenaci vaṇṇena, saṃvāso sakka jāyati;

    น ตํ อรหติ สปฺปโญฺญ, มนสา อนุกมฺปิตุํ 125

    Na taṃ arahati sappañño, manasā anukampituṃ 126.

    ‘‘มนสา เจ ปสเนฺนน, ยทญฺญมนุสาสติ;

    ‘‘Manasā ce pasannena, yadaññamanusāsati;

    น เตน โหติ สํยุโตฺต, ยานุกมฺปา อนุทฺทยา’’ติฯ

    Na tena hoti saṃyutto, yānukampā anuddayā’’ti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ๑๐๒.

    102.

    ‘‘ราโค จ โทโส จ กุโตนิทานา, อรตี รตี 127 โลมหํโส กุโตชาฯ

    ‘‘Rāgo ca doso ca kutonidānā, aratī ratī 128 lomahaṃso kutojā.

    กุโต สมุฎฺฐาย มโนวิตกฺกา, กุมารกา ธงฺกมิโวสฺสชนฺติฯ

    Kuto samuṭṭhāya manovitakkā, kumārakā dhaṅkamivossajanti.

    ‘‘ราโค จ โทโส จ อิโตนิทานา, อรตี รตี โลมหํโส อิโตชา;

    ‘‘Rāgo ca doso ca itonidānā, aratī ratī lomahaṃso itojā;

    อิโต สมุฎฺฐาย มโนวิตกฺกา, กุมารกา ธงฺกมิโวสฺสชนฺติฯ

    Ito samuṭṭhāya manovitakkā, kumārakā dhaṅkamivossajanti.

    ‘‘เสฺนหชา อตฺตสมฺภูตา, นิโคฺรธเสฺสว ขนฺธชา;

    ‘‘Snehajā attasambhūtā, nigrodhasseva khandhajā;

    ปุถุ วิสตฺตา กาเมสุ, มาลุวาว วิตตา วเนฯ

    Puthu visattā kāmesu, māluvāva vitatā vane.

    ‘‘เย นํ ปชานนฺติ ยโตนิทานํ, เต นํ วิโนเทนฺติ สุโณหิ ยกฺข;

    ‘‘Ye naṃ pajānanti yatonidānaṃ, te naṃ vinodenti suṇohi yakkha;

    เต ทุตฺตรํ โอฆมิมํ ตรนฺติ, อติณฺณปุพฺพํ อปุนพฺภวายา’’ติฯ

    Te duttaraṃ oghamimaṃ taranti, atiṇṇapubbaṃ apunabbhavāyā’’ti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘ทุกฺกรํ ภควา สุทุกฺกรํ ภควา’’ติ;

    ‘‘Dukkaraṃ bhagavā sudukkaraṃ bhagavā’’ti;

    ‘‘ทุกฺกรํ วาปิ กโรนฺติ, [กามทาติ ภควา]

    ‘‘Dukkaraṃ vāpi karonti, [kāmadāti bhagavā]

    เสกฺขา สีลสมาหิตา;

    Sekkhā sīlasamāhitā;

    ฐิตตฺตา อนคาริยุเปตสฺส, ตุฎฺฐิ โหติ สุขาวหา’’ติฯ

    Ṭhitattā anagāriyupetassa, tuṭṭhi hoti sukhāvahā’’ti.

    ‘‘ทุลฺลภา 129 ภควา ยทิทํ ตุฎฺฐี’’ติ;

    ‘‘Dullabhā 130 bhagavā yadidaṃ tuṭṭhī’’ti;

    ‘‘ทุลฺลภํ วาปิ ลภนฺติ, [กามทาติ ภควา]

    ‘‘Dullabhaṃ vāpi labhanti, [kāmadāti bhagavā]

    จิตฺตวูปสเม รตา;

    Cittavūpasame ratā;

    เยสํ ทิวา จ รโตฺต จ, ภาวนาย รโต มโน’’ติฯ

    Yesaṃ divā ca ratto ca, bhāvanāya rato mano’’ti.

    ‘‘ทุสฺสมาทหํ ภควา ยทิทํ จิตฺต’’นฺติ;

    ‘‘Dussamādahaṃ bhagavā yadidaṃ citta’’nti;

    ‘‘ทุสฺสมาทหํ วาปิ สมาทหนฺติ, [กามทาติ ภควา]

    ‘‘Dussamādahaṃ vāpi samādahanti, [kāmadāti bhagavā]

    อินฺทฺริยูปสเม รตา;

    Indriyūpasame ratā;

    เต เฉตฺวา มจฺจุโน ชาลํ, อริยา คจฺฉนฺติ กามทา’’ติฯ

    Te chetvā maccuno jālaṃ, ariyā gacchanti kāmadā’’ti.

    ‘‘ทุคฺคโม ภควา วิสโม มโคฺค’’ติ;

    ‘‘Duggamo bhagavā visamo maggo’’ti;

    ‘‘ทุคฺคเม วิสเม วาปิ, อริยา คจฺฉนฺติ กามท 131;

    ‘‘Duggame visame vāpi, ariyā gacchanti kāmada 132;

    อนริยา วิสเม มเคฺค, ปปตนฺติ อวํสิรา;

    Anariyā visame magge, papatanti avaṃsirā;

    อริยานํ สโม มโคฺค, อริยา หิ วิสเม สมา’’ติฯ

    Ariyānaṃ samo maggo, ariyā hi visame samā’’ti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ๑๐๓.

    103.

    ‘‘อิทํ หิ 133 ตํ เชตวนํ, อิสิสงฺฆนิเสวิตํฯ

    ‘‘Idaṃ hi 134 taṃ jetavanaṃ, isisaṅghanisevitaṃ.

    อาวุตฺถํ ธมฺมราเชน, ปีติสญฺชนนํ มมฯ

    Āvutthaṃ dhammarājena, pītisañjananaṃ mama.

    ‘‘กมฺมํ วิชฺชา จ ธโมฺม จ, สีลํ ชีวิตมุตฺตมํ;

    ‘‘Kammaṃ vijjā ca dhammo ca, sīlaṃ jīvitamuttamaṃ;

    เอเตน มจฺจา สุชฺฌนฺติ, น โคเตฺตน ธเนน วาฯ

    Etena maccā sujjhanti, na gottena dhanena vā.

    ‘‘ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน;

    ‘‘Tasmā hi paṇḍito poso, sampassaṃ atthamattano;

    โยนิโส วิจิเน ธมฺมํ, เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌติฯ

    Yoniso vicine dhammaṃ, evaṃ tattha visujjhati.

    ‘‘สาริปุโตฺตว ปญฺญาย, สีเลน อุปสเมน จ;

    ‘‘Sāriputtova paññāya, sīlena upasamena ca;

    โยปิ ปารงฺคโต ภิกฺขุ, เอตาวปรโม สิยา’’ติฯ

    Yopi pāraṅgato bhikkhu, etāvaparamo siyā’’ti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘อตีตํ นานฺวาคเมยฺย, นปฺปฎิกเงฺข อนาคตํ;

    ‘‘Atītaṃ nānvāgameyya, nappaṭikaṅkhe anāgataṃ;

    ยทตีตํ ปหีนํ 135 ตํ, อปฺปตฺตญฺจ อนาคตํฯ

    Yadatītaṃ pahīnaṃ 136 taṃ, appattañca anāgataṃ.

    ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนญฺจ โย ธมฺมํ, ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสติ;

    ‘‘Paccuppannañca yo dhammaṃ, tattha tattha vipassati;

    อสํหีรํ อสํกุปฺปํ, ตํ วิทฺวา มนุพฺรูหเยฯ

    Asaṃhīraṃ asaṃkuppaṃ, taṃ vidvā manubrūhaye.

    ‘‘อเชฺชว กิจฺจมาตปฺปํ 137, โก ชญฺญา มรณํ สุเว;

    ‘‘Ajjeva kiccamātappaṃ 138, ko jaññā maraṇaṃ suve;

    น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนาฯ

    Na hi no saṅgaraṃ tena, mahāsenena maccunā.

    ‘‘เอวํ วิหาริํ อาตาปิํ, อโหรตฺตมตนฺทิตํ;

    ‘‘Evaṃ vihāriṃ ātāpiṃ, ahorattamatanditaṃ;

    ตํ เว ‘‘ภเทฺทกรโตฺต’’ติ, สโนฺต อาจิกฺขเต มุนี’’ติฯ

    Taṃ ve ‘‘bhaddekaratto’’ti, santo ācikkhate munī’’ti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘จตฺตาริมานิ , ภิกฺขเว, สจฺฉิกาตพฺพานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? อตฺถิ, ภิกฺขเว, ธมฺมา จกฺขุนา ปญฺญาย จ สจฺฉิกาตพฺพา, อตฺถิ ธมฺมา สติยา ปญฺญาย จ สจฺฉิกาตพฺพา, อตฺถิ ธมฺมา กาเยน ปญฺญาย จ สจฺฉิกาตพฺพา, อตฺถิ ธมฺมา ปญฺญาย เวทิตพฺพา, ปญฺญาย จ สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    ‘‘Cattārimāni , bhikkhave, sacchikātabbāni. Katamāni cattāri? Atthi, bhikkhave, dhammā cakkhunā paññāya ca sacchikātabbā, atthi dhammā satiyā paññāya ca sacchikātabbā, atthi dhammā kāyena paññāya ca sacchikātabbā, atthi dhammā paññāya veditabbā, paññāya ca sacchikātabbā.

    ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา จกฺขุนา ปญฺญาย จ สจฺฉิกาตพฺพา? ทิพฺพจกฺขุ สุวิสุทฺธํ อติกฺกนฺตมานุสกํ จกฺขุนา ปญฺญาย จ สจฺฉิกาตพฺพํฯ

    ‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā cakkhunā paññāya ca sacchikātabbā? Dibbacakkhu suvisuddhaṃ atikkantamānusakaṃ cakkhunā paññāya ca sacchikātabbaṃ.

    ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา สติยา ปญฺญาย จ สจฺฉิกาตพฺพา? ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติ สติยา ปญฺญาย จ สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    ‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā satiyā paññāya ca sacchikātabbā? Pubbenivāsānussati satiyā paññāya ca sacchikātabbā.

    ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา กาเยน ปญฺญาย จ สจฺฉิกาตพฺพา? อิทฺธิวิธา นิโรธา กาเยน ปญฺญาย จ สจฺฉิกาตพฺพาฯ

    ‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā kāyena paññāya ca sacchikātabbā? Iddhividhā nirodhā kāyena paññāya ca sacchikātabbā.

    ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา ปญฺญาย เวทิตพฺพา, ปญฺญาย สจฺฉิกาตพฺพา? อาสวานํ ขเย ญาณํ ปญฺญาย เวทิตพฺพํ, ปญฺญาย จ สจฺฉิกาตพฺพ’’นฺติฯ

    ‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā paññāya veditabbā, paññāya sacchikātabbā? Āsavānaṃ khaye ñāṇaṃ paññāya veditabbaṃ, paññāya ca sacchikātabba’’nti.

    อิทํ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ๑๐๔. ตตฺถ กตมํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ?

    104. Tattha katamaṃ asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ?

    ‘‘ยสฺส เสลูปมํ จิตฺตํ, ฐิตํ นานุปกมฺปติ;

    ‘‘Yassa selūpamaṃ cittaṃ, ṭhitaṃ nānupakampati;

    วิรตฺตํ รชนีเยสุ, โกปเนเยฺย น กุปฺปติ;

    Virattaṃ rajanīyesu, kopaneyye na kuppati;

    ยเสฺสวํ ภาวิตํ จิตฺตํ, กุโต นํ 139 ทุกฺขเมสฺสตี’’ติฯ

    Yassevaṃ bhāvitaṃ cittaṃ, kuto naṃ 140 dukkhamessatī’’ti.

    อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    อายสฺมโต จ สาริปุตฺตสฺส จาริกาทสมํ เวยฺยากรณํ กาตพฺพนฺติฯ

    Āyasmato ca sāriputtassa cārikādasamaṃ veyyākaraṇaṃ kātabbanti.

    อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘โย พฺราหฺมโณ พาหิตปาปธโมฺม, นิหุํหุโงฺก 141 นิกฺกสาโว ยตโตฺต;

    ‘‘Yo brāhmaṇo bāhitapāpadhammo, nihuṃhuṅko 142 nikkasāvo yatatto;

    เวทนฺตคู วูสิตพฺรหฺมจริโย, ธเมฺมน โส พฺรหฺมวาทํ วเทยฺย;

    Vedantagū vūsitabrahmacariyo, dhammena so brahmavādaṃ vadeyya;

    ยสฺสุสฺสทา นตฺถิ กุหิญฺจิ โลเก’’ติฯ

    Yassussadā natthi kuhiñci loke’’ti.

    อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘พาหิตฺวา ปาปเก ธเมฺม, เย จรนฺติ สทา สตา;

    ‘‘Bāhitvā pāpake dhamme, ye caranti sadā satā;

    ขีณสํโยชนา พุทฺธา, เต เว โลกสฺมิ 143 พฺราหฺมณา’’ติฯ

    Khīṇasaṃyojanā buddhā, te ve lokasmi 144 brāhmaṇā’’ti.

    อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘ยตฺถ อาโป จ ปถวี, เตโช วาโย น คาธติ;

    ‘‘Yattha āpo ca pathavī, tejo vāyo na gādhati;

    น ตตฺถ สุกฺกา โชตนฺติ, อาทิโจฺจ นปฺปกาสติ;

    Na tattha sukkā jotanti, ādicco nappakāsati;

    น ตตฺถ จนฺทิมา ภาติ, ตโม ตตฺถ น วิชฺชติฯ

    Na tattha candimā bhāti, tamo tattha na vijjati.

    ‘‘ยทา จ อตฺตนาเวทิ 145, มุนิ โมเนน พฺราหฺมโณ;

    ‘‘Yadā ca attanāvedi 146, muni monena brāhmaṇo;

    อถ รูปา อรูปา จ, สุขทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติฯ

    Atha rūpā arūpā ca, sukhadukkhā pamuccatī’’ti.

    อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘ยทา สเกสุ 147 ธเมฺมสุ, ปารคู โหติ พฺราหฺมโณ;

    ‘‘Yadā sakesu 148 dhammesu, pāragū hoti brāhmaṇo;

    อถ เอตํ ปิสาจญฺจ, ปกฺกุลญฺจาติวตฺตตี’’ติฯ

    Atha etaṃ pisācañca, pakkulañcātivattatī’’ti.

    อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘นาภินนฺทติ อายนฺติํ 149, ปกฺกมนฺติํ น โสจติ;

    ‘‘Nābhinandati āyantiṃ 150, pakkamantiṃ na socati;

    สงฺคา สงฺคามชิํ มุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติฯ

    Saṅgā saṅgāmajiṃ muttaṃ, tamahaṃ brūmi brāhmaṇa’’nti.

    อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘น อุทเกน สุจี 151 โหติ, พเหฺวตฺถ นฺหายตี 152 ชโน;

    ‘‘Na udakena sucī 153 hoti, bahvettha nhāyatī 154 jano;

    ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธโมฺม จ, โส สุจี โส จ พฺราหฺมโณ’’ติฯ

    Yamhi saccañca dhammo ca, so sucī so ca brāhmaṇo’’ti.

    อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา, อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส;

    ‘‘Yadā have pātubhavanti dhammā, ātāpino jhāyato brāhmaṇassa;

    วิธูปยํ ติฎฺฐติ มารเสนํ, สูริโยว โอภาสยมนฺตลิกฺข’’นฺติฯ

    Vidhūpayaṃ tiṭṭhati mārasenaṃ, sūriyova obhāsayamantalikkha’’nti.

    อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘สนฺตินฺทฺริยํ ปสฺสถ อิริยมานํ, เตวิชฺชปตฺตํ อปหานธมฺมํ;

    ‘‘Santindriyaṃ passatha iriyamānaṃ, tevijjapattaṃ apahānadhammaṃ;

    สพฺพานิ โยคานิ อุปาติวโตฺต, อกิญฺจโน อิริยติ ปํสุกูลิโกฯ

    Sabbāni yogāni upātivatto, akiñcano iriyati paṃsukūliko.

    ‘‘ตํ เทวตา สมฺพหุลา อุฬารา, พฺรหฺมวิมานํ อุปสงฺกมิตฺวา;

    ‘‘Taṃ devatā sambahulā uḷārā, brahmavimānaṃ upasaṅkamitvā;

    อาชานิยํ ชาติพลํ นิเสธํ, นิธ นมสฺสนฺติ ปสนฺนจิตฺตาฯ

    Ājāniyaṃ jātibalaṃ nisedhaṃ, nidha namassanti pasannacittā.

    ‘‘นโม เต ปุริสาชญฺญ, นโม เต ปุริสุตฺตม;

    ‘‘Namo te purisājañña, namo te purisuttama;

    ยสฺส เต นาภิชานาม, กิํ ตฺวํ นิสฺสาย ฌายสี’’ติฯ

    Yassa te nābhijānāma, kiṃ tvaṃ nissāya jhāyasī’’ti.

    อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘สหายา วติเม ภิกฺขู, จิรรตฺตํ สเมติกา;

    ‘‘Sahāyā vatime bhikkhū, cirarattaṃ sametikā;

    สเมติ เนสํ สทฺธโมฺม, ธเมฺม พุทฺธปฺปเวทิเต’’ฯ

    Sameti nesaṃ saddhammo, dhamme buddhappavedite’’.

    ‘‘สุวินีตา กปฺปิเนน, ธเมฺม อริยปฺปเวทิเต;

    ‘‘Suvinītā kappinena, dhamme ariyappavedite;

    ธาเรนฺติ อนฺติมํ เทหํ, เชตฺวา มารํ สวาหินิ’’นฺติ 155

    Dhārenti antimaṃ dehaṃ, jetvā māraṃ savāhini’’nti 156.

    อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘นยิทํ สิถิลมารพฺภ, นยิทํ อเปฺปน ถามสา;

    ‘‘Nayidaṃ sithilamārabbha, nayidaṃ appena thāmasā;

    นิพฺพานํ อธิคนฺตพฺพํ, สพฺพทุกฺขปฺปโมจนํ 157

    Nibbānaṃ adhigantabbaṃ, sabbadukkhappamocanaṃ 158.

    ‘‘อยญฺจ ทหโร ภิกฺขุ, อยมุตฺตมปุริโส;

    ‘‘Ayañca daharo bhikkhu, ayamuttamapuriso;

    ธาเรติ อนฺติมํ เทหํ, เชตฺวา มารํ สวาหินิ’’นฺติฯ

    Dhāreti antimaṃ dehaṃ, jetvā māraṃ savāhini’’nti.

    อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ‘‘ทุพฺพณฺณโก ลูขจีวโร, โมฆราชา สทา สโต;

    ‘‘Dubbaṇṇako lūkhacīvaro, mogharājā sadā sato;

    ขีณาสโว วิสํยุโตฺต, กตกิโจฺจ อนาสโวฯ

    Khīṇāsavo visaṃyutto, katakicco anāsavo.

    ‘‘เตวิโชฺช อิทฺธิปฺปโตฺต จ, เจโตปริยโกวิโท 159;

    ‘‘Tevijjo iddhippatto ca, cetopariyakovido 160;

    ธาเรติ อนฺติมํ เทหํ, เชตฺวา มารํ สวาหินิ’’นฺติฯ

    Dhāreti antimaṃ dehaṃ, jetvā māraṃ savāhini’’nti.

    อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ๑๐๕. ‘‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ รูปสฺส นิพฺพิทา วิราคา นิโรธา อนุปาทา วิมุโตฺต สมฺมาสมฺพุโทฺธติ วุจฺจติฯ ภิกฺขุปิ, ภิกฺขเว, ปญฺญาวิมุโตฺต รูปสฺส นิพฺพิทา วิราคา นิโรธา อนุปาทา วิมุโตฺต ปญฺญาวิมุโตฺตติ วุจฺจติฯ

    105. ‘‘Tathāgato, bhikkhave, arahaṃ sammāsambuddho rūpassa nibbidā virāgā nirodhā anupādā vimutto sammāsambuddhoti vuccati. Bhikkhupi, bhikkhave, paññāvimutto rūpassa nibbidā virāgā nirodhā anupādā vimutto paññāvimuttoti vuccati.

    ‘‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ เวทนาย…เป.… สญฺญาย…เป.… สงฺขารานํ…เป.… วิญฺญาณสฺส นิพฺพิทา วิราคา นิโรธา อนุปาทา วิมุโตฺต สมฺมาสมฺพุโทฺธติ วุจฺจติฯ ภิกฺขุปิ, ภิกฺขเว, ปญฺญาวิมุโตฺต วิญฺญาณสฺส นิพฺพิทา วิราคา นิโรธา อนุปาทา วิมุโตฺต ปญฺญาวิมุโตฺตติ วุจฺจติฯ

    ‘‘Tathāgato, bhikkhave, arahaṃ sammāsambuddho vedanāya…pe… saññāya…pe… saṅkhārānaṃ…pe… viññāṇassa nibbidā virāgā nirodhā anupādā vimutto sammāsambuddhoti vuccati. Bhikkhupi, bhikkhave, paññāvimutto viññāṇassa nibbidā virāgā nirodhā anupādā vimutto paññāvimuttoti vuccati.

    ‘‘ตตฺร โข, ภิกฺขเว, โก วิเสโส โก อธิปฺปยาโส 161 กิํ นานากรณํ ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปญฺญาวิมุเตฺตน ภิกฺขุนาติ? ภควํมูลกา โน, ภเนฺต, ธมฺมา…เป.…

    ‘‘Tatra kho, bhikkhave, ko viseso ko adhippayāso 162 kiṃ nānākaraṇaṃ tathāgatassa arahato sammāsambuddhassa paññāvimuttena bhikkhunāti? Bhagavaṃmūlakā no, bhante, dhammā…pe…

    ‘‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา, อสญฺชาตสฺส มคฺคสฺส สญฺชเนตา, อนกฺขาตสฺส มคฺคสฺส อกฺขาตา , มคฺคญฺญู มคฺควิทู มคฺคโกวิโท, มคฺคานุคา จ, ภิกฺขเว, เอตรหิ สาวกา วิหรนฺติ ปจฺฉาสมนฺนาคตาฯ อยํ โข, ภิกฺขเว, วิเสโส, อยํ อธิปฺปยาโส, อิทํ นานากรณํ ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปญฺญาวิมุเตฺตน ภิกฺขุนา’’ติฯ

    ‘‘Tathāgato, bhikkhave, arahaṃ sammāsambuddho anuppannassa maggassa uppādetā, asañjātassa maggassa sañjanetā, anakkhātassa maggassa akkhātā , maggaññū maggavidū maggakovido, maggānugā ca, bhikkhave, etarahi sāvakā viharanti pacchāsamannāgatā. Ayaṃ kho, bhikkhave, viseso, ayaṃ adhippayāso, idaṃ nānākaraṇaṃ tathāgatassa arahato sammāsambuddhassa paññāvimuttena bhikkhunā’’ti.

    อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Idaṃ asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ.

    ๑๐๖. ตตฺถ กตมํ สํกิเลสภาคิยญฺจ วาสนาภาคิยญฺจ สุตฺตํ?

    106. Tattha katamaṃ saṃkilesabhāgiyañca vāsanābhāgiyañca suttaṃ?

    ‘‘ฉนฺนมติวสฺสติ 163, วิวฎํ นาติวสฺสติ;

    ‘‘Channamativassati 164, vivaṭaṃ nātivassati;

    ตสฺมา ฉนฺนํ วิวเรถ, เอวํ ตํ นาติวสฺสตี’’ติฯ

    Tasmā channaṃ vivaretha, evaṃ taṃ nātivassatī’’ti.

    ‘‘ฉนฺนมติวสฺสตี’’ติ สํกิเลโส, ‘‘วิวฎํ นาติวสฺสตี’’ติ วาสนา, ‘‘ตสฺมา ฉนฺนํ วิวเรถ, เอวํ ตํ นาติวสฺสตี’’ติ อยํ สํกิเลโส จ วาสนา จฯ อิทํ สํกิเลสภาคิยญฺจ วาสนาภาคิยญฺจ สุตฺตํฯ

    ‘‘Channamativassatī’’ti saṃkileso, ‘‘vivaṭaṃ nātivassatī’’ti vāsanā, ‘‘tasmā channaṃ vivaretha, evaṃ taṃ nātivassatī’’ti ayaṃ saṃkileso ca vāsanā ca. Idaṃ saṃkilesabhāgiyañca vāsanābhāgiyañca suttaṃ.

    ‘‘จตฺตาโรเม, มหาราช 165, ปุคฺคลา สโนฺต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิํฯ กตเม จตฺตาโร? ตโม ตมปรายโณ ตโม โชติปรายโณ โชติ ตมปรายโณ โชติ โชติปรายโณ’’ติฯ ตตฺถ โย จ ปุคฺคโล โชติ ตมปรายโณ โย จ ปุคฺคโล ตโม ตมปรายโณ, อิเม เทฺว ปุคฺคลา สํกิเลสภาคิยา, โย จ ปุคฺคโล ตโม โชติปรายโณ โย จ ปุคฺคโล โชติ โชติปรายโณ, อิเม เทฺว ปุคฺคลา วาสนาภาคิยาฯ อิทํ สํกิเลสภาคิยญฺจ วาสนาภาคิยญฺจ สุตฺตํฯ

    ‘‘Cattārome, mahārāja 166, puggalā santo saṃvijjamānā lokasmiṃ. Katame cattāro? Tamo tamaparāyaṇo tamo jotiparāyaṇo joti tamaparāyaṇo joti jotiparāyaṇo’’ti. Tattha yo ca puggalo joti tamaparāyaṇo yo ca puggalo tamo tamaparāyaṇo, ime dve puggalā saṃkilesabhāgiyā, yo ca puggalo tamo jotiparāyaṇo yo ca puggalo joti jotiparāyaṇo, ime dve puggalā vāsanābhāgiyā. Idaṃ saṃkilesabhāgiyañca vāsanābhāgiyañca suttaṃ.

    ตตฺถ กตมํ สํกิเลสภาคิยญฺจ นิเพฺพธภาคิยญฺจ สุตฺตํ?

    Tattha katamaṃ saṃkilesabhāgiyañca nibbedhabhāgiyañca suttaṃ?

    ‘‘น ตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา, ยทายสํ ทารุชปพฺพชญฺจ 167;

    ‘‘Na taṃ daḷhaṃ bandhanamāhu dhīrā, yadāyasaṃ dārujapabbajañca 168;

    สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ, ปุเตฺตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา’’ติ;

    Sārattarattā maṇikuṇḍalesu, puttesu dāresu ca yā apekkhā’’ti;

    อยํ สํกิเลโสฯ

    Ayaṃ saṃkileso.

    ‘‘เอตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา, โอหารินํ สิถิลํ ทุปฺปมุญฺจํ;

    ‘‘Etaṃ daḷhaṃ bandhanamāhu dhīrā, ohārinaṃ sithilaṃ duppamuñcaṃ;

    เอตมฺปิ เฉตฺวาน ปริพฺพชนฺติ, อนเปกฺขิโน กามสุขํ ปหายา’’ติฯ

    Etampi chetvāna paribbajanti, anapekkhino kāmasukhaṃ pahāyā’’ti.

    อยํ นิเพฺพโธ ฯ อิทํ สํกิเลสภาคิยญฺจ นิเพฺพธภาคิยญฺจ สุตฺตํฯ

    Ayaṃ nibbedho . Idaṃ saṃkilesabhāgiyañca nibbedhabhāgiyañca suttaṃ.

    ๑๐๗. ‘‘ยญฺจ, ภิกฺขเว, เจเตติ, ยญฺจ ปกเปฺปติ, ยญฺจ อนุเสติฯ อารมฺมณเมตํ โหติ วิญฺญาณสฺส ฐิติยา, อารมฺมเณ สติ ปติฎฺฐา วิญฺญาณสฺส โหติ, ตสฺมิํ ปติฎฺฐิเต วิญฺญาเณ วิรูเฬฺห อายติํ 169 ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ โหติ, อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยา สติ อายติํ 170 ชาติชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ, เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติฯ

    107. ‘‘Yañca, bhikkhave, ceteti, yañca pakappeti, yañca anuseti. Ārammaṇametaṃ hoti viññāṇassa ṭhitiyā, ārammaṇe sati patiṭṭhā viññāṇassa hoti, tasmiṃ patiṭṭhite viññāṇe virūḷhe āyatiṃ 171 punabbhavābhinibbatti hoti, āyatiṃ punabbhavābhinibbattiyā sati āyatiṃ 172 jātijarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā sambhavanti, evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa samudayo hoti.

    ‘‘โน เจ, ภิกฺขเว, เจเตติ, โน เจ ปกเปฺปติ, อถ เจ อนุเสติฯ อารมฺมณเมตํ โหติ วิญฺญาณสฺส ฐิติยา, อารมฺมเณ สติ ปติฎฺฐา วิญฺญาณสฺส 173 โหติ, ตสฺมิํ ปติฎฺฐิเต วิญฺญาเณ วิรูเฬฺห อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ โหติ, อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยา สติ อายติํ ชาติชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ, เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติฯ อยํ สํกิเลโสฯ

    ‘‘No ce, bhikkhave, ceteti, no ce pakappeti, atha ce anuseti. Ārammaṇametaṃ hoti viññāṇassa ṭhitiyā, ārammaṇe sati patiṭṭhā viññāṇassa 174 hoti, tasmiṃ patiṭṭhite viññāṇe virūḷhe āyatiṃ punabbhavābhinibbatti hoti, āyatiṃ punabbhavābhinibbattiyā sati āyatiṃ jātijarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā sambhavanti, evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa samudayo hotī’’ti. Ayaṃ saṃkileso.

    ‘‘ยโต จ โข, ภิกฺขเว, โน เจว 175 เจเตติ, โน จ ปกเปฺปติ, โน จ อนุเสติฯ อารมฺมณเมตํ น โหติ วิญฺญาณสฺส ฐิติยา, อารมฺมเณ อสติ ปติฎฺฐา วิญฺญาณสฺส น โหติ, ตสฺมิํ อปฺปติฎฺฐิเต วิญฺญาเณ อวิรูเฬฺห อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ น โหติ, อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยา อสติ อายติํ ชาติชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติฯ เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติ, อยํ นิเพฺพโธฯ อิทํ สํกิเลสภาคิยญฺจ นิเพฺพธภาคิยญฺจ สุตฺตํฯ

    ‘‘Yato ca kho, bhikkhave, no ceva 176 ceteti, no ca pakappeti, no ca anuseti. Ārammaṇametaṃ na hoti viññāṇassa ṭhitiyā, ārammaṇe asati patiṭṭhā viññāṇassa na hoti, tasmiṃ appatiṭṭhite viññāṇe avirūḷhe āyatiṃ punabbhavābhinibbatti na hoti, āyatiṃ punabbhavābhinibbattiyā asati āyatiṃ jātijarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā nirujjhanti. Evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa nirodho hotī’’ti, ayaṃ nibbedho. Idaṃ saṃkilesabhāgiyañca nibbedhabhāgiyañca suttaṃ.

    ๑๐๘. ตตฺถ กตมํ สํกิเลสภาคิยญฺจ อเสกฺขภาคิยญฺจ สุตฺตํ?

    108. Tattha katamaṃ saṃkilesabhāgiyañca asekkhabhāgiyañca suttaṃ?

    ‘‘‘สมุโทฺท สมุโทฺท’ติ โข, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน ภาสติ, เนโส, ภิกฺขเว, อริยสฺส วินเย สมุโทฺท, มหา เอโส ภิกฺขเว, อุทกราสิ มหาอุทกณฺณโวฯ จกฺขุ, ภิกฺขเว, ปุริสสฺส สมุโทฺท, ตสฺส รูปมโย เวโคฯ อยํ สํกิเลโสฯ

    ‘‘‘Samuddo samuddo’ti kho, bhikkhave, assutavā puthujjano bhāsati, neso, bhikkhave, ariyassa vinaye samuddo, mahā eso bhikkhave, udakarāsi mahāudakaṇṇavo. Cakkhu, bhikkhave, purisassa samuddo, tassa rūpamayo vego. Ayaṃ saṃkileso.

    ‘‘โย ตํ รูปมยํ เวคํ สหติ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อตริ 177 จกฺขุสมุทฺทํ สอูมิํ สาวฎฺฎํ สคหํ 178 สรกฺขสํ ติโณฺณ ปารงฺคโต ถเล ติฎฺฐติ พฺราหฺมโณ’’ติฯ อยํ อเสโกฺขฯ

    ‘‘Yo taṃ rūpamayaṃ vegaṃ sahati ayaṃ vuccati, bhikkhave, atari 179 cakkhusamuddaṃ saūmiṃ sāvaṭṭaṃ sagahaṃ 180 sarakkhasaṃ tiṇṇo pāraṅgato thale tiṭṭhati brāhmaṇo’’ti. Ayaṃ asekkho.

    ‘‘‘โสตํ, ภิกฺขเว…เป.… ฆานํ…เป.… ชิวฺหา…เป.… กาโย…เป.… มโน, ภิกฺขเว, ปุริสสฺส สมุโทฺท ตสฺส ธมฺมมโย เวโคติฯ อยํ สํกิเลโสฯ

    ‘‘‘Sotaṃ, bhikkhave…pe… ghānaṃ…pe… jivhā…pe… kāyo…pe… mano, bhikkhave, purisassa samuddo tassa dhammamayo vegoti. Ayaṃ saṃkileso.

    ‘‘โย ตํ ธมฺมมยํ เวคํ สหติ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อตริ มโนสมุทฺทํ สอูมิํ สาวฎฺฎํ สคหํ สรกฺขสํ ติโณฺณ ปารงฺคโต ถเล ติฎฺฐติ พฺราหฺมโณ’’ติฯ อยํ อเสโกฺขฯ อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต, อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –

    ‘‘Yo taṃ dhammamayaṃ vegaṃ sahati, ayaṃ vuccati, bhikkhave, atari manosamuddaṃ saūmiṃ sāvaṭṭaṃ sagahaṃ sarakkhasaṃ tiṇṇo pāraṅgato thale tiṭṭhati brāhmaṇo’’ti. Ayaṃ asekkho. Idamavoca bhagavā, idaṃ vatvāna sugato, athāparaṃ etadavoca satthā –

    ‘‘โย อิมํ สมุทฺทํ สคหํ สรกฺขสํ,

    ‘‘Yo imaṃ samuddaṃ sagahaṃ sarakkhasaṃ,

    สอูมิํ สาวฎฺฎํ สภยํ ทุตฺตรํ อจฺจตริ;

    Saūmiṃ sāvaṭṭaṃ sabhayaṃ duttaraṃ accatari;

    ส เวทนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย, โลกนฺตคู ปารคโตติ วุจฺจตี’’ติฯ

    Sa vedantagū vusitabrahmacariyo, lokantagū pāragatoti vuccatī’’ti.

    อยํ อเสโกฺขฯ อิทํ สํกิเลสภาคิยญฺจ อเสกฺขภาคิยญฺจ สุตฺตํฯ

    Ayaṃ asekkho. Idaṃ saṃkilesabhāgiyañca asekkhabhāgiyañca suttaṃ.

    ‘‘ฉยิเม, ภิกฺขเว, พฬิสา โลกสฺมิํ อนยาย สตฺตานํ พฺยาพาธาย 181 ปาณีนํฯ กตเม ฉ? สนฺติ, ภิกฺขเว, จกฺขุวิเญฺญยฺยา รูปา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, ตเญฺจ ภิกฺขุ อภินนฺทติ อภิวทติ อโชฺฌสาย ติฎฺฐติ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คิลิตพฬิโส 182 มารสฺส อนยํ อาปโนฺน, พฺยสนํ อาปโนฺน, ยถากามํ กรณีโย ปาปิมโตฯ

    ‘‘Chayime, bhikkhave, baḷisā lokasmiṃ anayāya sattānaṃ byābādhāya 183 pāṇīnaṃ. Katame cha? Santi, bhikkhave, cakkhuviññeyyā rūpā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā, tañce bhikkhu abhinandati abhivadati ajjhosāya tiṭṭhati, ayaṃ vuccati, bhikkhave, bhikkhu gilitabaḷiso 184 mārassa anayaṃ āpanno, byasanaṃ āpanno, yathākāmaṃ karaṇīyo pāpimato.

    ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, โสตวิเญฺญยฺยา สทฺทา…เป.… ฆานวิเญฺญยฺยา คนฺธา…เป.… ชิวฺหาวิเญฺญยฺยา รสา…เป.… กายวิเญฺญยฺยา โผฎฺฐพฺพา…เป.… มโนวิเญฺญยฺยา ธมฺมา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, ตเญฺจ ภิกฺขุ อภินนฺทติ อภิวทติ อโชฺฌสาย ติฎฺฐติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คิลิตพฬิโส มารสฺส อนยํ อาปโนฺน, พฺยสนํ อาปโนฺน, ยถากามํ กรณีโย 185 ปาปิมโต’’ติฯ อยํ สํกิเลโสฯ

    ‘‘Santi, bhikkhave, sotaviññeyyā saddā…pe… ghānaviññeyyā gandhā…pe… jivhāviññeyyā rasā…pe… kāyaviññeyyā phoṭṭhabbā…pe… manoviññeyyā dhammā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā, tañce bhikkhu abhinandati abhivadati ajjhosāya tiṭṭhati. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, bhikkhu gilitabaḷiso mārassa anayaṃ āpanno, byasanaṃ āpanno, yathākāmaṃ karaṇīyo 186 pāpimato’’ti. Ayaṃ saṃkileso.

    ‘‘สนฺติ จ, ภิกฺขเว, จกฺขุวิเญฺญยฺยา รูปา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, ตเญฺจ ภิกฺขุ นาภินนฺทติ นาภิวทติ นาโชฺฌสาย ติฎฺฐติ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น คิลิตพฬิโส มารสฺส, อเภทิ พฬิสํ, ปริเภทิ พฬิสํ, น อนยํ อาปโนฺน, น พฺยสนํ อาปโนฺน, น ยถากามํ กรณีโย ปาปิมโตฯ

    ‘‘Santi ca, bhikkhave, cakkhuviññeyyā rūpā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā, tañce bhikkhu nābhinandati nābhivadati nājjhosāya tiṭṭhati, ayaṃ vuccati, bhikkhave, bhikkhu na gilitabaḷiso mārassa, abhedi baḷisaṃ, paribhedi baḷisaṃ, na anayaṃ āpanno, na byasanaṃ āpanno, na yathākāmaṃ karaṇīyo pāpimato.

    ‘‘สนฺติ จ, ภิกฺขเว, โสตวิเญฺญยฺยา สทฺทา…เป.… มโนวิเญฺญยฺยา ธมฺมา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, ตเญฺจ ภิกฺขุ นาภินนฺทติ นาภิวทติ, นาโชฺฌสาย ติฎฺฐติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น คิลิตพฬิโส มารสฺส, อเภทิ พฬิสํ, ปริเภทิ พฬิสํ, น อนยํ อาปโนฺน, น พฺยสนํ อาปโนฺน, น ยถากามํ กรณีโย ปาปิมโต’’ติฯ อยํ อเสโกฺขฯ อิทํ สํกิเลสภาคิยญฺจ อเสกฺขภาคิยญฺจ สุตฺตํฯ

    ‘‘Santi ca, bhikkhave, sotaviññeyyā saddā…pe… manoviññeyyā dhammā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā, tañce bhikkhu nābhinandati nābhivadati, nājjhosāya tiṭṭhati. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, bhikkhu na gilitabaḷiso mārassa, abhedi baḷisaṃ, paribhedi baḷisaṃ, na anayaṃ āpanno, na byasanaṃ āpanno, na yathākāmaṃ karaṇīyo pāpimato’’ti. Ayaṃ asekkho. Idaṃ saṃkilesabhāgiyañca asekkhabhāgiyañca suttaṃ.

    ๑๐๙. ตตฺถ กตมํ สํกิเลสภาคิยญฺจ นิเพฺพธภาคิยญฺจ อเสกฺขภาคิยญฺจ สุตฺตํ?

    109. Tattha katamaṃ saṃkilesabhāgiyañca nibbedhabhāgiyañca asekkhabhāgiyañca suttaṃ?

    ‘‘อยํ โลโก สนฺตาปชาโต, ผสฺสปเรโต โรคํ วทติ อตฺตโต 187;

    ‘‘Ayaṃ loko santāpajāto, phassapareto rogaṃ vadati attato 188;

    เยน เยน หิ มญฺญติ 189, ตโต ตํ โหติ อญฺญถาฯ

    Yena yena hi maññati 190, tato taṃ hoti aññathā.

    ‘‘อญฺญถาภาวี ภวสโตฺต โลโก, ภวปเรโต ภวเมวาภินนฺทติ;

    ‘‘Aññathābhāvī bhavasatto loko, bhavapareto bhavamevābhinandati;

    ยทภินนฺทติ ตํ ภยํ;

    Yadabhinandati taṃ bhayaṃ;

    ยสฺส ภายติ ตํ ทุกฺข’’นฺติ; อยํ สํกิเลโสฯ

    Yassa bhāyati taṃ dukkha’’nti; Ayaṃ saṃkileso.

    ‘‘ภววิปฺปหานาย โข ปนิทํ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ; อยํ นิเพฺพโธ;

    ‘‘Bhavavippahānāya kho panidaṃ brahmacariyaṃ vussatī’’ti; Ayaṃ nibbedho;

    ‘‘เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ภเวน ภวสฺส วิปฺปโมกฺขมาหํสุ, สเพฺพ เต ‘อวิปฺปมุตฺตา ภวสฺมา’ติ วทามิฯ เย วา ปน เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา วิภเวน ภวสฺส นิสฺสรณมาหํสุ, สเพฺพ เต ‘อนิสฺสฎา ภวสฺมา’ติ วทามิฯ อุปธิํ 191 หิ ปฎิจฺจ ทุกฺขมิทํ สโมฺภตี’’ติฯ อยํ สํกิเลโสฯ

    ‘‘Ye hi keci samaṇā vā brāhmaṇā vā bhavena bhavassa vippamokkhamāhaṃsu, sabbe te ‘avippamuttā bhavasmā’ti vadāmi. Ye vā pana keci samaṇā vā brāhmaṇā vā vibhavena bhavassa nissaraṇamāhaṃsu, sabbe te ‘anissaṭā bhavasmā’ti vadāmi. Upadhiṃ 192 hi paṭicca dukkhamidaṃ sambhotī’’ti. Ayaṃ saṃkileso.

    ‘‘สพฺพุปาทานกฺขยา นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโว’’ติฯ อยํ นิเพฺพโธฯ

    ‘‘Sabbupādānakkhayā natthi dukkhassa sambhavo’’ti. Ayaṃ nibbedho.

    ‘‘โลกมิมํ ปสฺส, ปุถู อวิชฺชาย ปเรตา ภูตา ภูตรตา, ภวา อปริมุตฺตา, เย หิ เกจิ ภวา สพฺพธิ สพฺพตฺถตาย, สเพฺพ เต ภวา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’’ติฯ อยํ สํกิเลโสฯ

    ‘‘Lokamimaṃ passa, puthū avijjāya paretā bhūtā bhūtaratā, bhavā aparimuttā, ye hi keci bhavā sabbadhi sabbatthatāya, sabbe te bhavā aniccā dukkhā vipariṇāmadhammā’’ti. Ayaṃ saṃkileso.

    ‘‘เอวเมตํ ยถาภูตํ, สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต;

    ‘‘Evametaṃ yathābhūtaṃ, sammappaññāya passato;

    ภวตณฺหา ปหียติ, วิภวํ นาภินนฺทติ;

    Bhavataṇhā pahīyati, vibhavaṃ nābhinandati;

    สพฺพโส ตณฺหานํ ขยา, อเสสวิราคนิโรโธ นิพฺพาน’’นฺติ;

    Sabbaso taṇhānaṃ khayā, asesavirāganirodho nibbāna’’nti;

    อยํ นิเพฺพโธฯ

    Ayaṃ nibbedho.

    ‘‘ตสฺส นิพฺพุตสฺส ภิกฺขุโน, อนุปาทา ปุนพฺภโว น โหติ;

    ‘‘Tassa nibbutassa bhikkhuno, anupādā punabbhavo na hoti;

    อภิภูโต มาโร วิชิตสงฺคาโม, อุปจฺจคา สพฺพภวานิ ตาที’’ติฯ

    Abhibhūto māro vijitasaṅgāmo, upaccagā sabbabhavāni tādī’’ti.

    อยํ อเสโกฺขฯ อิทํ สํกิเลสภาคิยญฺจ นิเพฺพธภาคิยญฺจ อเสกฺขภาคิยญฺจ สุตฺตํฯ

    Ayaṃ asekkho. Idaṃ saṃkilesabhāgiyañca nibbedhabhāgiyañca asekkhabhāgiyañca suttaṃ.

    ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว 193, ปุคฺคลาฯ กตเม จตฺตาโร? อนุโสตคามี ปฎิโสตคามี ฐิตโตฺต ติโณฺณ ปารงฺคโต ถเล ติฎฺฐติ พฺราหฺมโณ’’ติฯ ตตฺถ โยยํ ปุคฺคโล อนุโสตคามี, อยํ ปุคฺคโล สํกิเลสภาคิโยฯ ตตฺถ โยยํ ปุคฺคโล ปฎิโสตคามี โย จ ฐิตโตฺต, อิเม เทฺว ปุคฺคลา นิเพฺพธภาคิยาฯ ตตฺถ โยยํ ปุคฺคโล ติโณฺณ ปารงฺคโต ถเล ติฎฺฐติ พฺราหฺมโณ, อยํ อเสโกฺขฯ อิทํ สํกิเลสภาคิยญฺจ นิเพฺพธภาคิยญฺจ อเสกฺขภาคิยญฺจ สุตฺตํฯ

    ‘‘Cattārome, bhikkhave 194, puggalā. Katame cattāro? Anusotagāmī paṭisotagāmī ṭhitatto tiṇṇo pāraṅgato thale tiṭṭhati brāhmaṇo’’ti. Tattha yoyaṃ puggalo anusotagāmī, ayaṃ puggalo saṃkilesabhāgiyo. Tattha yoyaṃ puggalo paṭisotagāmī yo ca ṭhitatto, ime dve puggalā nibbedhabhāgiyā. Tattha yoyaṃ puggalo tiṇṇo pāraṅgato thale tiṭṭhati brāhmaṇo, ayaṃ asekkho. Idaṃ saṃkilesabhāgiyañca nibbedhabhāgiyañca asekkhabhāgiyañca suttaṃ.

    ๑๑๐. ตตฺถ กตมํ สํกิเลสภาคิยญฺจ วาสนาภาคิยญฺจ นิเพฺพธภาคิยญฺจ สุตฺตํ?

    110. Tattha katamaṃ saṃkilesabhāgiyañca vāsanābhāgiyañca nibbedhabhāgiyañca suttaṃ?

    ฉฬาภิชาติโก อตฺถิ ปุคฺคโล กโณฺห กณฺหาภิชาติโก กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายติ, อตฺถิ ปุคฺคโล กโณฺห กณฺหาภิชาติโก สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายติ, อตฺถิ ปุคฺคโล กโณฺห กณฺหาภิชาติโก อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ อจฺจนฺตทิฎฺฐํ 195 นิพฺพานํ อาราเธติ, อตฺถิ ปุคฺคโล สุโกฺก สุกฺกาภิชาติโก กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายติ, อตฺถิ ปุคฺคโล สุโกฺก สุกฺกาภิชาติโก สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายติ, อตฺถิ ปุคฺคโล สุโกฺก สุกฺกาภิชาติโก อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ อจฺจนฺตทิฎฺฐํ นิพฺพานํ อาราเธติฯ

    Chaḷābhijātiko atthi puggalo kaṇho kaṇhābhijātiko kaṇhaṃ dhammaṃ abhijāyati, atthi puggalo kaṇho kaṇhābhijātiko sukkaṃ dhammaṃ abhijāyati, atthi puggalo kaṇho kaṇhābhijātiko akaṇhaṃ asukkaṃ akaṇhaasukkavipākaṃ accantadiṭṭhaṃ 196 nibbānaṃ ārādheti, atthi puggalo sukko sukkābhijātiko kaṇhaṃ dhammaṃ abhijāyati, atthi puggalo sukko sukkābhijātiko sukkaṃ dhammaṃ abhijāyati, atthi puggalo sukko sukkābhijātiko akaṇhaṃ asukkaṃ akaṇhaasukkavipākaṃ accantadiṭṭhaṃ nibbānaṃ ārādheti.

    ตตฺถ โย จ ปุคฺคโล กโณฺห กณฺหาภิชาติโก กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายติ, โย จ ปุคฺคโล สุโกฺก สุกฺกาภิชาติโก กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายติ, อิเม เทฺว ปุคฺคลา สํกิเลสภาคิยาฯ

    Tattha yo ca puggalo kaṇho kaṇhābhijātiko kaṇhaṃ dhammaṃ abhijāyati, yo ca puggalo sukko sukkābhijātiko kaṇhaṃ dhammaṃ abhijāyati, ime dve puggalā saṃkilesabhāgiyā.

    ตตฺถ โย จ ปุคฺคโล กโณฺห กณฺหาภิชาติโก สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายติ, โย จ ปุคฺคโล สุโกฺก สุกฺกาภิชาติโก สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายติ, อิเม เทฺว ปุคฺคลา วาสนาภาคิยาฯ

    Tattha yo ca puggalo kaṇho kaṇhābhijātiko sukkaṃ dhammaṃ abhijāyati, yo ca puggalo sukko sukkābhijātiko sukkaṃ dhammaṃ abhijāyati, ime dve puggalā vāsanābhāgiyā.

    ตตฺถ โย จ ปุคฺคโล กโณฺห กณฺหาภิชาติโก อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ อจฺจนฺตทิฎฺฐํ นิพฺพานํ อาราเธติ, โย จ ปุคฺคโล สุโกฺก สุกฺกาภิชาติโก อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ อจฺจนฺตทิฎฺฐํ นิพฺพานํ อาราเธติ, อิเม เทฺว ปุคฺคลา นิเพฺพธภาคิยา, อิทํ สํกิเลสภาคิยญฺจ วาสนาภาคิยญฺจ นิเพฺพธภาคิยญฺจ สุตฺตํฯ

    Tattha yo ca puggalo kaṇho kaṇhābhijātiko akaṇhaṃ asukkaṃ akaṇhaasukkavipākaṃ accantadiṭṭhaṃ nibbānaṃ ārādheti, yo ca puggalo sukko sukkābhijātiko akaṇhaṃ asukkaṃ akaṇhaasukkavipākaṃ accantadiṭṭhaṃ nibbānaṃ ārādheti, ime dve puggalā nibbedhabhāgiyā, idaṃ saṃkilesabhāgiyañca vāsanābhāgiyañca nibbedhabhāgiyañca suttaṃ.

    ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว 197, กมฺมานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? อตฺถิ กมฺมํ กณฺหํ กณฺหวิปากํ, อตฺถิ กมฺมํ สุกฺกํ สุกฺกวิปากํ, อตฺถิ กมฺมํ กณฺหสุกฺกํ กณฺหสุกฺกวิปากํ, อตฺถิ กมฺมํ อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ กมฺมุตฺตมํ กมฺมเสฎฺฐํ กมฺมกฺขยาย สํวตฺตติ’’ฯ

    ‘‘Cattārimāni, bhikkhave 198, kammāni. Katamāni cattāri? Atthi kammaṃ kaṇhaṃ kaṇhavipākaṃ, atthi kammaṃ sukkaṃ sukkavipākaṃ, atthi kammaṃ kaṇhasukkaṃ kaṇhasukkavipākaṃ, atthi kammaṃ akaṇhaṃ asukkaṃ akaṇhaasukkavipākaṃ kammuttamaṃ kammaseṭṭhaṃ kammakkhayāya saṃvattati’’.

    ตตฺถ ยญฺจ กมฺมํ กณฺหํ กณฺหวิปากํ, ยญฺจ กมฺมํ กณฺหสุกฺกํ กณฺหสุกฺกวิปากํ, อยํ สํกิเลโสฯ ยญฺจ กมฺมํ สุกฺกํ สุกฺกวิปากํ, อยํ วาสนาฯ ยญฺจ กมฺมํ อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ กมฺมุตฺตมํ กมฺมเสฎฺฐํ กมฺมกฺขยาย สํวตฺตติ, อยํ นิเพฺพโธฯ อิทํ สํกิเลสภาคิยญฺจ วาสนาภาคิยญฺจ นิเพฺพธภาคิยญฺจ สุตฺตํฯ

    Tattha yañca kammaṃ kaṇhaṃ kaṇhavipākaṃ, yañca kammaṃ kaṇhasukkaṃ kaṇhasukkavipākaṃ, ayaṃ saṃkileso. Yañca kammaṃ sukkaṃ sukkavipākaṃ, ayaṃ vāsanā. Yañca kammaṃ akaṇhaṃ asukkaṃ akaṇhaasukkavipākaṃ kammuttamaṃ kammaseṭṭhaṃ kammakkhayāya saṃvattati, ayaṃ nibbedho. Idaṃ saṃkilesabhāgiyañca vāsanābhāgiyañca nibbedhabhāgiyañca suttaṃ.

    ๑๑๑. ตตฺถ กตมํ วาสนาภาคิยญฺจ, นิเพฺพธภาคิยญฺจ สุตฺตํ?

    111. Tattha katamaṃ vāsanābhāgiyañca, nibbedhabhāgiyañca suttaṃ?

    ‘‘ลทฺธาน มานุสตฺตํ เทฺว, กิจฺจํ อกิจฺจเมว จ;

    ‘‘Laddhāna mānusattaṃ dve, kiccaṃ akiccameva ca;

    สุกิจฺจํ เจว ปุญฺญานิ, สํโยชนวิปฺปหานํ วา’’ติฯ

    Sukiccaṃ ceva puññāni, saṃyojanavippahānaṃ vā’’ti.

    ‘‘สุกิจฺจํ เจว ปุญฺญานี’’ติ วาสนาฯ ‘‘สํโยชนวิปฺปหานํ วา’’ติ นิเพฺพโธฯ

    ‘‘Sukiccaṃ ceva puññānī’’ti vāsanā. ‘‘Saṃyojanavippahānaṃ vā’’ti nibbedho.

    ‘‘ปุญฺญานิ กริตฺวาน, สคฺคา สคฺคํ วชนฺติ กตปุญฺญา;

    ‘‘Puññāni karitvāna, saggā saggaṃ vajanti katapuññā;

    สํโยชนปฺปหานา, ชรามรณา วิปฺปมุจฺจนฺตี’’ติฯ

    Saṃyojanappahānā, jarāmaraṇā vippamuccantī’’ti.

    ‘‘ปุญฺญานิ กริตฺวาน, สคฺคา สคฺคํ วชนฺติ กตปุญฺญา’’ติ วาสนาฯ ‘‘สํโยชนปฺปหานา ชรามรณา วิปฺปมุจฺจนฺตี’’ติ นิเพฺพโธฯ อิทํ วาสนาภาคิยญฺจ นิเพฺพธภาคิยญฺจ สุตฺตํฯ

    ‘‘Puññāni karitvāna, saggā saggaṃ vajanti katapuññā’’ti vāsanā. ‘‘Saṃyojanappahānā jarāmaraṇā vippamuccantī’’ti nibbedho. Idaṃ vāsanābhāgiyañca nibbedhabhāgiyañca suttaṃ.

    ‘‘เทฺวมานิ, ภิกฺขเว, ปธานานิ 199ฯ กตมานิ เทฺว? โย จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิเตสุ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปริจฺจชติ, โย จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิเตสุ สพฺพูปธิปฎินิสฺสโคฺค ตณฺหกฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพาน’’นฺติฯ ตตฺถ โย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิเตสุ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปริจฺจชติ, อยํ วาสนาฯ

    ‘‘Dvemāni, bhikkhave, padhānāni 200. Katamāni dve? Yo ca agārasmā anagāriyaṃ pabbajitesu cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhāraṃ pariccajati, yo ca agārasmā anagāriyaṃ pabbajitesu sabbūpadhipaṭinissaggo taṇhakkhayo virāgo nirodho nibbāna’’nti. Tattha yo agārasmā anagāriyaṃ pabbajitesu cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhāraṃ pariccajati, ayaṃ vāsanā.

    โย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิเตสุ สพฺพูปธิปฎินิสฺสโคฺค ตณฺหกฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํ, อยํ นิเพฺพโธฯ อิทํ วาสนาภาคิยญฺจ นิเพฺพธภาคิยญฺจ สุตฺตํฯ

    Yo agārasmā anagāriyaṃ pabbajitesu sabbūpadhipaṭinissaggo taṇhakkhayo virāgo nirodho nibbānaṃ, ayaṃ nibbedho. Idaṃ vāsanābhāgiyañca nibbedhabhāgiyañca suttaṃ.

    ตตฺถ ตณฺหาสํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ ตณฺหาปเกฺขเนว นิทฺทิสิตพฺพํ ตีหิ ตณฺหาหิ – กามตณฺหาย ภวตณฺหาย วิภวตณฺหายฯ เยน เยน วา ปน วตฺถุนา อโชฺฌสิตา, เตน เตเนว นิทฺทิสิตพฺพํ, ตสฺสา วิตฺถาโร ฉตฺติํสตณฺหาชาลินิยาวิจริตานิฯ

    Tattha taṇhāsaṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ taṇhāpakkheneva niddisitabbaṃ tīhi taṇhāhi – kāmataṇhāya bhavataṇhāya vibhavataṇhāya. Yena yena vā pana vatthunā ajjhositā, tena teneva niddisitabbaṃ, tassā vitthāro chattiṃsataṇhājāliniyāvicaritāni.

    ตตฺถ ทิฎฺฐิสํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ ทิฎฺฐิปเกฺขเนว นิทฺทิสิตพฺพํ อุเจฺฉทสสฺสเตน, เยน เยน วา ปน วตฺถุนา ทิฎฺฐิวเสน อภินิวิสติ ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติ, เตน เตเนว นิทฺทิสิตพฺพํ, ตสฺสา วิตฺถาโร ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคตานิฯ

    Tattha diṭṭhisaṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ diṭṭhipakkheneva niddisitabbaṃ ucchedasassatena, yena yena vā pana vatthunā diṭṭhivasena abhinivisati ‘‘idameva saccaṃ moghamañña’’nti, tena teneva niddisitabbaṃ, tassā vitthāro dvāsaṭṭhidiṭṭhigatāni.

    ตตฺถ ทุจฺจริตสํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ เจตนาย เจตสิกกเมฺมน นิทฺทิสิตพฺพํ ตีหิ ทุจฺจริเตหิ – กายทุจฺจริเตน วจีทุจฺจริเตน มโนทุจฺจริเตน, ตสฺส วิตฺถาโร ทสอกุสลกมฺมปถาฯ

    Tattha duccaritasaṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ cetanāya cetasikakammena niddisitabbaṃ tīhi duccaritehi – kāyaduccaritena vacīduccaritena manoduccaritena, tassa vitthāro dasaakusalakammapathā.

    ตตฺถ ตณฺหาโวทานภาคิยํ สุตฺตํ สมเถน นิทฺทิสิตพฺพํ, ทิฎฺฐิโวทานภาคิยํ สุตฺตํ วิปสฺสนา นิทฺทิสิตพฺพํ, ทุจฺจริตโวทานภาคิยํ สุตฺตํ สุจริเตน นิทฺทิสิตพฺพํฯ ตีณิ อกุสลมูลานิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? สํสารสฺส นิพฺพตฺติยาฯ ตถา นิพฺพเตฺต สํสาเร กายทุจฺจริตํ กายสุจริตํ วจีทุจฺจริตํ วจีสุจริตํ มโนทุจฺจริตํ มโนสุจริตํ อิมินา อสุเภน กมฺมวิปาเกน อิทํ พาลลกฺขณํ นิพฺพตฺตตีติฯ อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Tattha taṇhāvodānabhāgiyaṃ suttaṃ samathena niddisitabbaṃ, diṭṭhivodānabhāgiyaṃ suttaṃ vipassanā niddisitabbaṃ, duccaritavodānabhāgiyaṃ suttaṃ sucaritena niddisitabbaṃ. Tīṇi akusalamūlāni. Taṃ kissa hetu? Saṃsārassa nibbattiyā. Tathā nibbatte saṃsāre kāyaduccaritaṃ kāyasucaritaṃ vacīduccaritaṃ vacīsucaritaṃ manoduccaritaṃ manosucaritaṃ iminā asubhena kammavipākena idaṃ bālalakkhaṇaṃ nibbattatīti. Idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    อิมินา สุเภน กมฺมวิปาเกน อิทํ มหาปุริสลกฺขณํ นิพฺพตฺตตีติฯ อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Iminā subhena kammavipākena idaṃ mahāpurisalakkhaṇaṃ nibbattatīti. Idaṃ vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ.

    ตตฺถ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ จตูหิ กิเลสภูมีหิ นิทฺทิสิตพฺพํ – อนุสยภูมิยา ปริยุฎฺฐานภูมิยา สํโยชนภูมิยา อุปาทานภูมิยาฯ สานุสยสฺส ปริยุฎฺฐานํ ชายติ, ปริยุฎฺฐิโต สํยุชฺชติ, สํยุชฺชโนฺต อุปาทิยติ, อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ, เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติฯ อิมาหิ จตูหิ กิเลสภูมีหิ สเพฺพ กิเลสา สงฺคหํ สโมสรณํ คจฺฉนฺติ, อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํฯ

    Tattha saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ catūhi kilesabhūmīhi niddisitabbaṃ – anusayabhūmiyā pariyuṭṭhānabhūmiyā saṃyojanabhūmiyā upādānabhūmiyā. Sānusayassa pariyuṭṭhānaṃ jāyati, pariyuṭṭhito saṃyujjati, saṃyujjanto upādiyati, upādānapaccayā bhavo, bhavapaccayā jāti, jātipaccayā jarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā sambhavanti, evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa samudayo hoti. Imāhi catūhi kilesabhūmīhi sabbe kilesā saṅgahaṃ samosaraṇaṃ gacchanti, idaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ suttaṃ.

    วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ ตีหิ สุจริเตหิ นิทฺทิสิตพฺพํ, นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํ จตูหิ สเจฺจหิ นิทฺทิสิตพฺพํ, อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ ตีหิ ธเมฺมหิ นิทฺทิสิตพฺพํ – พุทฺธธเมฺมหิ ปเจฺจกพุทฺธธเมฺมหิ สาวกภูมิยาฯ ฌายิวิสเย นิทฺทิสิตพฺพนฺติฯ

    Vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ tīhi sucaritehi niddisitabbaṃ, nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ catūhi saccehi niddisitabbaṃ, asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ tīhi dhammehi niddisitabbaṃ – buddhadhammehi paccekabuddhadhammehi sāvakabhūmiyā. Jhāyivisaye niddisitabbanti.

    ๑๑๒. ตตฺถ กตเม อฎฺฐารส มูลปทา? โลกิยํ โลกุตฺตรํ โลกิยญฺจ โลกุตฺตรญฺจ, สตฺตาธิฎฺฐานํ ธมฺมาธิฎฺฐานํ สตฺตาธิฎฺฐานญฺจ ธมฺมาธิฎฺฐานญฺจ, ญาณํ เญยฺยํ ญาณญฺจ เญยฺยญฺจ, ทสฺสนํ ภาวนา ทสฺสนญฺจ ภาวนา จ, สกวจนํ ปรวจนํ สกวจนญฺจ ปรวจนญฺจ, วิสชฺชนียํ อวิสชฺชนียํ วิสชฺชนียญฺจ อวิสชฺชนียญฺจ, กมฺมํ วิปาโก กมฺมญฺจ วิปาโก จ, กุสลํ อกุสลํ กุสลญฺจ อกุสลญฺจ, อนุญฺญาตํ ปฎิกฺขิตฺตํ อนุญฺญาตญฺจ ปฎิกฺขิตฺตญฺจ, ถโว จาติฯ

    112. Tattha katame aṭṭhārasa mūlapadā? Lokiyaṃ lokuttaraṃ lokiyañca lokuttarañca, sattādhiṭṭhānaṃ dhammādhiṭṭhānaṃ sattādhiṭṭhānañca dhammādhiṭṭhānañca, ñāṇaṃ ñeyyaṃ ñāṇañca ñeyyañca, dassanaṃ bhāvanā dassanañca bhāvanā ca, sakavacanaṃ paravacanaṃ sakavacanañca paravacanañca, visajjanīyaṃ avisajjanīyaṃ visajjanīyañca avisajjanīyañca, kammaṃ vipāko kammañca vipāko ca, kusalaṃ akusalaṃ kusalañca akusalañca, anuññātaṃ paṭikkhittaṃ anuññātañca paṭikkhittañca, thavo cāti.

    ตตฺถ กตมํ โลกิยํ?

    Tattha katamaṃ lokiyaṃ?

    ‘‘น หิ ปาปํ กตํ กมฺมํ, สชฺชุขีรํว มุจฺจติ;

    ‘‘Na hi pāpaṃ kataṃ kammaṃ, sajjukhīraṃva muccati;

    ฑหนฺตํ 201 พาลมเนฺวติ, ภสฺมจฺฉโนฺนว 202 ปาวโกติฯ

    Ḍahantaṃ 203 bālamanveti, bhasmacchannova 204 pāvakoti.

    อิทํ โลกิยํฯ

    Idaṃ lokiyaṃ.

    ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อคติคมนานิ สพฺพํ…เป.… นิหียเต ตสฺส ยโส กาฬปเกฺขว จนฺทิมา’’ติฯ อิทํ โลกิยํฯ

    ‘‘Cattārimāni, bhikkhave, agatigamanāni sabbaṃ…pe… nihīyate tassa yaso kāḷapakkheva candimā’’ti. Idaṃ lokiyaṃ.

    ‘‘อฎฺฐิเม, ภิกฺขเว, โลกธมฺมา 205ฯ กตเม อฎฺฐ? ลาโภ อลาโภ, ยโส อยโส, นินฺทา ปสํสา, สุขํ ทุกฺขํฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, อฎฺฐ โลกธมฺมา’’ติฯ อิทํ โลกิยํฯ

    ‘‘Aṭṭhime, bhikkhave, lokadhammā 206. Katame aṭṭha? Lābho alābho, yaso ayaso, nindā pasaṃsā, sukhaṃ dukkhaṃ. Ime kho, bhikkhave, aṭṭha lokadhammā’’ti. Idaṃ lokiyaṃ.

    ตตฺถ กตมํ โลกุตฺตรํ?

    Tattha katamaṃ lokuttaraṃ?

    ‘‘ยสฺสินฺทฺริยานิ สมถงฺคตานิ 207; อสฺสา ยถา สารถินา สุทนฺตา;

    ‘‘Yassindriyāni samathaṅgatāni 208; Assā yathā sārathinā sudantā;

    ปหีนมานสฺส อนาสวสฺส, เทวาปิ ตสฺส ปิหยนฺติ ตาทิโน’’ติฯ

    Pahīnamānassa anāsavassa, devāpi tassa pihayanti tādino’’ti.

    อิทํ โลกุตฺตรํฯ

    Idaṃ lokuttaraṃ.

    ‘‘ปญฺจิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานิ โลกุตฺตรานิฯ กตมานิ ปญฺจ? สทฺธินฺทฺริยํ วีริยินฺทฺริยํ สตินฺทฺริยํ สมาธินฺทฺริยํ ปญฺญินฺทฺริยํฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจินฺทฺริยานิ โลกุตฺตรานี’’ติฯ อิทํ โลกุตฺตรํฯ

    ‘‘Pañcimāni, bhikkhave, indriyāni lokuttarāni. Katamāni pañca? Saddhindriyaṃ vīriyindriyaṃ satindriyaṃ samādhindriyaṃ paññindriyaṃ. Imāni kho, bhikkhave, pañcindriyāni lokuttarānī’’ti. Idaṃ lokuttaraṃ.

    ตตฺถ กตมํ โลกิยญฺจ โลกุตฺตรญฺจ?

    Tattha katamaṃ lokiyañca lokuttarañca?

    ‘‘ลทฺธาน มานุสตฺตํ เทฺว, กิจฺจํ อกิจฺจเมว จา’’ติ เทฺว คาถาฯ ยํ อิห ‘‘สุกิจฺจํ เจว ปุญฺญานี’’ติ จ ‘‘ปุญฺญานิ กริตฺวาน, สคฺคา สคฺคํ วชนฺติ กตปุญฺญา’’ติ จฯ อิทํ โลกิยํฯ

    ‘‘Laddhāna mānusattaṃ dve, kiccaṃ akiccameva cā’’ti dve gāthā. Yaṃ iha ‘‘sukiccaṃ ceva puññānī’’ti ca ‘‘puññāni karitvāna, saggā saggaṃ vajanti katapuññā’’ti ca. Idaṃ lokiyaṃ.

    ยํ อิห ‘‘สํโยชนวิปฺปหานํ วา’’ติ จ ‘‘สํโยชนปฺปหานา, ชรามรณา วิปฺปมุจฺจนฺตี’’ติ จ, อิทํ โลกุตฺตรํฯ อิทํ โลกิยญฺจ โลกุตฺตรญฺจฯ

    Yaṃ iha ‘‘saṃyojanavippahānaṃ vā’’ti ca ‘‘saṃyojanappahānā, jarāmaraṇā vippamuccantī’’ti ca, idaṃ lokuttaraṃ. Idaṃ lokiyañca lokuttarañca.

    ‘‘วิญฺญาเณ เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร สติ นามรูปสฺส อวกฺกนฺติ โหติ, นามรูปสฺส อวกฺกนฺติยา สติ ปุนพฺภโว โหติ, ปุนพฺภเว สติ ชาติ โหติ, ชาติยา สติ ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติฯ เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว 209, มหารุโกฺข, ตสฺส ยานิ เจว มูลานิ อโธคมานิ ยานิ จ ติริยํ คมานิ, สพฺพานิ ตานิ อุทฺธํ โอชํ อภิหรนฺติฯ เอวํ หิ โส, ภิกฺขเว, มหารุโกฺข ตทาหาโร ตทุปาทาโน จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติเฎฺฐยฺยฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อาหาเร สติ นามรูปสฺส อวกฺกนฺติ โหติ สพฺพํ…เป.… เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติฯ อิทํ โลกิยํฯ

    ‘‘Viññāṇe ce, bhikkhave, āhāre sati nāmarūpassa avakkanti hoti, nāmarūpassa avakkantiyā sati punabbhavo hoti, punabbhave sati jāti hoti, jātiyā sati jarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā sambhavanti. Evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa samudayo hoti. Seyyathāpi, bhikkhave 210, mahārukkho, tassa yāni ceva mūlāni adhogamāni yāni ca tiriyaṃ gamāni, sabbāni tāni uddhaṃ ojaṃ abhiharanti. Evaṃ hi so, bhikkhave, mahārukkho tadāhāro tadupādāno ciraṃ dīghamaddhānaṃ tiṭṭheyya. Evameva kho, bhikkhave, viññāṇe āhāre sati nāmarūpassa avakkanti hoti sabbaṃ…pe… evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa samudayo hotī’’ti. Idaṃ lokiyaṃ.

    ‘‘วิญฺญาเณ เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร อสติ นามรูปสฺส อวกฺกนฺติ น โหติ, นามรูปสฺส อวกฺกนฺติยา อสติ ปุนพฺภโว น โหติ, ปุนพฺภเว อสติ ชาติ น โหติ, ชาติยา อสติ ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติฯ เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหารุโกฺข อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย กุทฺทาลปิฎกํ 211 อาทาย, โส ตํ รุกฺขํ มูเล ฉิเนฺทยฺย, มูเล 212 เฉตฺวา ปลิขเณยฺย, ปลิขณิตฺวา มูลานิ อุทฺธเรยฺย อนฺตมโส อุสีรนาฬิมตฺตานิปิฯ โส ตํ รุกฺขํ ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉิเนฺทยฺย, ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา 213 ผาเลยฺย, ผาเลตฺวา สกลิกํ สกลิกํ กเรยฺย, สกลิกํ สกลิกํ กริตฺวา วาตาตเป วิโสเสยฺย, วาตาตเป วิโสเสตฺวา อคฺคินา ฑเหยฺย, อคฺคินา ฑเหตฺวา มสิํ กเรยฺย, มสิํ กริตฺวา มหาวาเต วา โอผุเนยฺย, นทิยา วา สีฆโสตาย ปวาเหยฺย, เอวํ หิ โส, ภิกฺขเว, มหารุโกฺข อุจฺฉินฺนมูโล อสฺส ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต 214 อายติํ อนุปฺปาทธโมฺมฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อาหาเร อสติ นามรูปสฺส อวกฺกนฺติ น โหติ, นามรูปสฺส อวกฺกนฺติยา อสติ สพฺพํ…เป.… เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติฯ อิทํ โลกุตฺตรํฯ อิทํ โลกิยญฺจ โลกุตฺตรญฺจฯ

    ‘‘Viññāṇe ce, bhikkhave, āhāre asati nāmarūpassa avakkanti na hoti, nāmarūpassa avakkantiyā asati punabbhavo na hoti, punabbhave asati jāti na hoti, jātiyā asati jarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā nirujjhanti. Evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa nirodho hoti. Seyyathāpi, bhikkhave, mahārukkho atha puriso āgaccheyya kuddālapiṭakaṃ 215 ādāya, so taṃ rukkhaṃ mūle chindeyya, mūle 216 chetvā palikhaṇeyya, palikhaṇitvā mūlāni uddhareyya antamaso usīranāḷimattānipi. So taṃ rukkhaṃ khaṇḍākhaṇḍikaṃ chindeyya, khaṇḍākhaṇḍikaṃ chinditvā 217 phāleyya, phāletvā sakalikaṃ sakalikaṃ kareyya, sakalikaṃ sakalikaṃ karitvā vātātape visoseyya, vātātape visosetvā agginā ḍaheyya, agginā ḍahetvā masiṃ kareyya, masiṃ karitvā mahāvāte vā ophuneyya, nadiyā vā sīghasotāya pavāheyya, evaṃ hi so, bhikkhave, mahārukkho ucchinnamūlo assa tālāvatthukato anabhāvaṃkato 218 āyatiṃ anuppādadhammo. Evameva kho, bhikkhave, viññāṇe āhāre asati nāmarūpassa avakkanti na hoti, nāmarūpassa avakkantiyā asati sabbaṃ…pe… evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa nirodho hotī’’ti. Idaṃ lokuttaraṃ. Idaṃ lokiyañca lokuttarañca.

    ๑๑๓. ตตฺถ กตมํ สตฺตาธิฎฺฐานํ?

    113. Tattha katamaṃ sattādhiṭṭhānaṃ?

    ‘‘สพฺพา ทิสา อนุปริคมฺม เจตสา, เนวชฺฌคา ปิยตรมตฺตนา กฺวจิ;

    ‘‘Sabbā disā anuparigamma cetasā, nevajjhagā piyataramattanā kvaci;

    เอวํ ปิโย ปุถุ อตฺตา ปเรสํ, ตสฺมา น หิํเส ปรมตฺตกาโม’’ติ 219

    Evaṃ piyo puthu attā paresaṃ, tasmā na hiṃse paramattakāmo’’ti 220.

    อิทํ สตฺตาธิฎฺฐานํฯ

    Idaṃ sattādhiṭṭhānaṃ.

    ‘‘เย เกจิ ภูตา ภวิสฺสนฺติ เย วาปิ 221, สเพฺพ คมิสฺสนฺติ ปหาย เทหํ;

    ‘‘Ye keci bhūtā bhavissanti ye vāpi 222, sabbe gamissanti pahāya dehaṃ;

    ตํ สพฺพชานิํ กุสโล วิทิตฺวา, อาตาปิโย 223 พฺรหฺมจริยํ จเรยฺยา’’ติฯ

    Taṃ sabbajāniṃ kusalo viditvā, ātāpiyo 224 brahmacariyaṃ careyyā’’ti.

    อิทํ สตฺตาธิฎฺฐานํฯ

    Idaṃ sattādhiṭṭhānaṃ.

    ‘‘สตฺตหิ, ภิกฺขเว, อเงฺคหิ สมนฺนาคตํ กลฺยาณมิตฺตํ อปิ วิเวจิยมาเนน ปณามิยมาเนน คเล ปิสนมชฺชมาเนน 225 ยาวชีวํ น วิชหิตพฺพํฯ กตเมหิ สตฺตหิ? ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จ วตฺตา จ วจนกฺขโม จ คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา โหติ, โน จ อฎฺฐาเน 226 นิโยเชติฯ อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, สตฺตหิ…เป.… น วิชหิตพฺพํฯ อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโตฯ อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –

    ‘‘Sattahi, bhikkhave, aṅgehi samannāgataṃ kalyāṇamittaṃ api viveciyamānena paṇāmiyamānena gale pisanamajjamānena 227 yāvajīvaṃ na vijahitabbaṃ. Katamehi sattahi? Piyo ca hoti manāpo ca garu ca bhāvanīyo ca vattā ca vacanakkhamo ca gambhīrañca kathaṃ kattā hoti, no ca aṭṭhāne 228 niyojeti. Imehi kho, bhikkhave, sattahi…pe… na vijahitabbaṃ. Idamavoca bhagavā, idaṃ vatvāna sugato. Athāparaṃ etadavoca satthā –

    ‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;

    ‘‘Piyo garu bhāvanīyo, vattā ca vacanakkhamo;

    คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา, น จฎฺฐาเน นิโยชโก;

    Gambhīrañca kathaṃ kattā, na caṭṭhāne niyojako;

    ตํ มิตฺตํ มิตฺตกาเมน, ยาวชีวมฺปิ เสวิย’’นฺติฯ

    Taṃ mittaṃ mittakāmena, yāvajīvampi seviya’’nti.

    อิทํ สตฺตาธิฎฺฐานํฯ

    Idaṃ sattādhiṭṭhānaṃ.

    ตตฺถ กตมํ ธมฺมาธิฎฺฐานํ?

    Tattha katamaṃ dhammādhiṭṭhānaṃ?

    ‘‘ยญฺจ กามสุขํ โลเก, ยญฺจิทํ ทิวิยํ สุขํ;

    ‘‘Yañca kāmasukhaṃ loke, yañcidaṃ diviyaṃ sukhaṃ;

    ตณฺหกฺขยสุขเสฺสเต 229, กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสิ’’นฺติฯ

    Taṇhakkhayasukhassete 230, kalaṃ nāgghanti soḷasi’’nti.

    อิทํ ธมฺมาธิฎฺฐานํฯ

    Idaṃ dhammādhiṭṭhānaṃ.

    ‘‘สุสุขํ 231 วต นิพฺพานํ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ;

    ‘‘Susukhaṃ 232 vata nibbānaṃ, sammāsambuddhadesitaṃ;

    อโสกํ วิรชํ เขมํ, ยตฺถ ทุกฺขํ นิรุชฺฌตี’’ติฯ

    Asokaṃ virajaṃ khemaṃ, yattha dukkhaṃ nirujjhatī’’ti.

    อิทํ ธมฺมาธิฎฺฐานํฯ

    Idaṃ dhammādhiṭṭhānaṃ.

    ตตฺถ กตมํ สตฺตาธิฎฺฐานญฺจ ธมฺมาธิฎฺฐานญฺจ

    Tattha katamaṃ sattādhiṭṭhānañca dhammādhiṭṭhānañca

    ‘‘มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา, ราชาโน เทฺว จ ขตฺติเย;

    ‘‘Mātaraṃ pitaraṃ hantvā, rājāno dve ca khattiye;

    รฎฺฐํ สานุจรํ หนฺตฺวา’’ติ อิทํ ธมฺมาธิฎฺฐานํฯ

    Raṭṭhaṃ sānucaraṃ hantvā’’ti idaṃ dhammādhiṭṭhānaṃ.

    ‘‘อนีโฆ ยาติ พฺราหฺมโณ’’ติ; อิทํ สตฺตาธิฎฺฐานํ;

    ‘‘Anīgho yāti brāhmaṇo’’ti; Idaṃ sattādhiṭṭhānaṃ;

    อิทํ สตฺตาธิฎฺฐานญฺจ ธมฺมาธิฎฺฐานญฺจฯ

    Idaṃ sattādhiṭṭhānañca dhammādhiṭṭhānañca.

    ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อิทฺธิปาทา 233ฯ กตเม จตฺตาโร? ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคโต อิทฺธิปาโท, วีริย…เป.… จิตฺตฯ วีมํสาสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคโต อิทฺธิปาโท’’ติฯ อิทํ ธมฺมาธิฎฺฐานํฯ

    ‘‘Cattārome, bhikkhave, iddhipādā 234. Katame cattāro? Chandasamādhipadhānasaṅkhārasamannāgato iddhipādo, vīriya…pe… citta. Vīmaṃsāsamādhipadhānasaṅkhārasamannāgato iddhipādo’’ti. Idaṃ dhammādhiṭṭhānaṃ.

    โส กาเยปิ จิตฺตํ สโมทหติ, จิเตฺตปิ กายํ สโมทหติ, กาเย สุขสญฺญญฺจ ลหุสญฺญญฺจ โอกฺกมิตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทํ สตฺตาธิฎฺฐานํ, อิทํ สตฺตาธิฎฺฐานญฺจ ธมฺมาธิฎฺฐานญฺจฯ

    So kāyepi cittaṃ samodahati, cittepi kāyaṃ samodahati, kāye sukhasaññañca lahusaññañca okkamitvā upasampajja viharati. Idaṃ sattādhiṭṭhānaṃ, idaṃ sattādhiṭṭhānañca dhammādhiṭṭhānañca.

    ๑๑๔. ตตฺถ กตมํ ญาณํ?

    114. Tattha katamaṃ ñāṇaṃ?

    ‘‘ยํ ตํ โลกุตฺตรํ ญาณํ, สพฺพญฺญู เยน วุจฺจติ;

    ‘‘Yaṃ taṃ lokuttaraṃ ñāṇaṃ, sabbaññū yena vuccati;

    น ตสฺส ปริหานตฺถิ, สพฺพกาเล ปวตฺตตี’’ติฯ

    Na tassa parihānatthi, sabbakāle pavattatī’’ti.

    อิทํ ญาณํฯ

    Idaṃ ñāṇaṃ.

    ‘‘ปญฺญา หิ เสฎฺฐา โลกสฺมิํ, ยายํ นิพฺพานคามินี 235;

    ‘‘Paññā hi seṭṭhā lokasmiṃ, yāyaṃ nibbānagāminī 236;

    ยาย สมฺมา ปชานาติ, ชาติมรณสงฺขย’’นฺติฯ

    Yāya sammā pajānāti, jātimaraṇasaṅkhaya’’nti.

    อิทํ ญาณํฯ

    Idaṃ ñāṇaṃ.

    ตตฺถ กตมํ เญยฺยํ?

    Tattha katamaṃ ñeyyaṃ?

    ‘‘กิตฺตยิสฺสามิ เต 237 สนฺติํ, [โธตกาติ ภควา,]

    ‘‘Kittayissāmi te 238 santiṃ, [dhotakāti bhagavā,]

    ทิเฎฺฐ ธเมฺม อนีติหํ;

    Diṭṭhe dhamme anītihaṃ;

    ยํ วิทิตฺวา สโต จรํ, ตเร โลเก วิสตฺติกํฯ

    Yaṃ viditvā sato caraṃ, tare loke visattikaṃ.

    ‘‘ตญฺจาหํ อภินนฺทามิ, มเหสิ สนฺติมุตฺตมํ;

    ‘‘Tañcāhaṃ abhinandāmi, mahesi santimuttamaṃ;

    ยํ วิทิตฺวา สโต จรํ, ตเร โลเก วิสตฺติกํฯ

    Yaṃ viditvā sato caraṃ, tare loke visattikaṃ.

    ‘‘ยํ กิญฺจิ สมฺปชานาสิ, [โธตกาติ ภควา]

    ‘‘Yaṃ kiñci sampajānāsi, [dhotakāti bhagavā]

    อุทฺธํ อโธ ติริยญฺจาปิ มเชฺฌ;

    Uddhaṃ adho tiriyañcāpi majjhe;

    เอตํ วิทิตฺวา สโงฺคติ โลเก,

    Etaṃ viditvā saṅgoti loke,

    ภวาภวาย มากาสิ ตณฺห’’นฺติฯ

    Bhavābhavāya mākāsi taṇha’’nti.

    อิทํ เญยฺยํฯ

    Idaṃ ñeyyaṃ.

    ‘‘จตุนฺนํ, ภิกฺขเว, อริยสจฺจานํ อนนุโพธา อปฺปฎิเวธา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิตํ สํสริตํ มมเญฺจว ตุมฺหากญฺจ…เป.… ตยิทํ, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ อริยสจฺจํ อนุพุทฺธํ ปฎิวิทฺธํ, ทุกฺขสมุทยํ 239 อริยสจฺจํ อนุพุทฺธํ ปฎิวิทฺธํ, ทุกฺขนิโรธํ 240 อริยสจฺจํ อนุพุทฺธํ ปฎิวิทฺธํ, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา อริยสจฺจํ อนุพุทฺธํ ปฎิวิทฺธํฯ อุจฺฉินฺนา ภวตณฺหา, ขีณา ภวเนตฺติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติฯ อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต, อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –

    ‘‘Catunnaṃ, bhikkhave, ariyasaccānaṃ ananubodhā appaṭivedhā evamidaṃ dīghamaddhānaṃ sandhāvitaṃ saṃsaritaṃ mamañceva tumhākañca…pe… tayidaṃ, bhikkhave, dukkhaṃ ariyasaccaṃ anubuddhaṃ paṭividdhaṃ, dukkhasamudayaṃ 241 ariyasaccaṃ anubuddhaṃ paṭividdhaṃ, dukkhanirodhaṃ 242 ariyasaccaṃ anubuddhaṃ paṭividdhaṃ, dukkhanirodhagāminī paṭipadā ariyasaccaṃ anubuddhaṃ paṭividdhaṃ. Ucchinnā bhavataṇhā, khīṇā bhavanetti, natthi dāni punabbhavo’’ti. Idamavoca bhagavā, idaṃ vatvāna sugato, athāparaṃ etadavoca satthā –

    ‘‘จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ, ยถาภูตํ อทสฺสนา;

    ‘‘Catunnaṃ ariyasaccānaṃ, yathābhūtaṃ adassanā;

    สํสิตํ 243 ทีฆมทฺธานํ, ตาสุ ตาเสฺวว ชาติสุฯ

    Saṃsitaṃ 244 dīghamaddhānaṃ, tāsu tāsveva jātisu.

    ‘‘ตานิ เอตานิ ทิฎฺฐานิ, ภวเนตฺติ สมูหตา;

    ‘‘Tāni etāni diṭṭhāni, bhavanetti samūhatā;

    อุจฺฉินฺนํ มูลํ ทุกฺขสฺส, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติฯ

    Ucchinnaṃ mūlaṃ dukkhassa, natthi dāni punabbhavo’’ti.

    อิทํ เญยฺยํฯ

    Idaṃ ñeyyaṃ.

    ตตฺถ กตมํ ญาณญฺจ เญยฺยญฺจ? รูปํ อนิจฺจํ, เวทนา อนิจฺจา, สญฺญา อนิจฺจา, สงฺขารา อนิจฺจา, วิญฺญาณํ อนิจฺจนฺติฯ อิทํ เญยฺยํฯ

    Tattha katamaṃ ñāṇañca ñeyyañca? Rūpaṃ aniccaṃ, vedanā aniccā, saññā aniccā, saṅkhārā aniccā, viññāṇaṃ aniccanti. Idaṃ ñeyyaṃ.

    เอวํ ชานํ เอวํ ปสฺสํ อริยสาวโก ‘‘รูปํ อนิจฺจ’’นฺติ ปสฺสติ, ‘‘เวทนา อนิจฺจา’’ติ ปสฺสติ, ‘‘สญฺญํ…เป.… สงฺขาเร…เป.… วิญฺญาณํ อนิจฺจ’’นฺติ ปสฺสตีติฯ อิทํ ญาณํฯ

    Evaṃ jānaṃ evaṃ passaṃ ariyasāvako ‘‘rūpaṃ anicca’’nti passati, ‘‘vedanā aniccā’’ti passati, ‘‘saññaṃ…pe… saṅkhāre…pe… viññāṇaṃ anicca’’nti passatīti. Idaṃ ñāṇaṃ.

    โส ปริมุจฺจติ รูเปน, ปริมุจฺจติ เวทนาย, ปริมุจฺจติ สญฺญาย, ปริมุจฺจติ สงฺขาเรหิ, ปริมุจฺจติ วิญฺญาณมฺหา, ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามีติฯ อิทํ ญาณญฺจ เญยฺยญฺจฯ

    So parimuccati rūpena, parimuccati vedanāya, parimuccati saññāya, parimuccati saṅkhārehi, parimuccati viññāṇamhā, parimuccati dukkhasmāti vadāmīti. Idaṃ ñāṇañca ñeyyañca.

    ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ อิทํ เญยฺยํฯ ‘‘ยทา ปญฺญาย ปสฺสตี’’ติ อิทํ ญาณํฯ ‘‘อถ นิพฺพินฺทติ ทุเกฺข เอส มโคฺค วิสุทฺธิยา’’ติ อิทํ ญาณญฺจ เญยฺยญฺจฯ

    ‘‘Sabbe saṅkhārā aniccā’’ti idaṃ ñeyyaṃ. ‘‘Yadā paññāya passatī’’ti idaṃ ñāṇaṃ. ‘‘Atha nibbindati dukkhe esa maggo visuddhiyā’’ti idaṃ ñāṇañca ñeyyañca.

    ‘‘สเพฺพ สงฺขารา ทุกฺขา’’ติ อิทํ เญยฺยํฯ ‘‘ยทา ปญฺญาย ปสฺสตี’’ติ อิทํ ญาณํฯ ‘‘อถ นิพฺพินฺทติ ทุเกฺข เอส มโคฺค วิสุทฺธิยา’’ติ อิทํ ญาณญฺจ เญยฺยญฺจฯ

    ‘‘Sabbe saṅkhārā dukkhā’’ti idaṃ ñeyyaṃ. ‘‘Yadā paññāya passatī’’ti idaṃ ñāṇaṃ. ‘‘Atha nibbindati dukkhe esa maggo visuddhiyā’’ti idaṃ ñāṇañca ñeyyañca.

    ‘‘สเพฺพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ อิทํ เญยฺยํฯ ‘‘ยทา ปญฺญาย ปสฺสตี’’ติ อิทํ ญาณํฯ ‘‘อถ นิพฺพินฺทติ ทุเกฺข เอส มโคฺค วิสุทฺธิยา’’ติ อิทํ ญาณญฺจ เญยฺยญฺจฯ

    ‘‘Sabbe dhammā anattā’’ti idaṃ ñeyyaṃ. ‘‘Yadā paññāya passatī’’ti idaṃ ñāṇaṃ. ‘‘Atha nibbindati dukkhe esa maggo visuddhiyā’’ti idaṃ ñāṇañca ñeyyañca.

    ‘‘เย หิ เกจิ, โสณ 245, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อนิเจฺจน รูเปน ทุเกฺขน วิปริณามธเมฺมน ‘เสโยฺยหมสฺมี’ติ วา สมนุปสฺสนฺติ, ‘สทิโสหมสฺมี’ติ วา สมนุปสฺสนฺติ, ‘หีโนหมสฺมี’ติ วา สมนุปสฺสนฺติฯ กิมญฺญตฺร ยถาภูตสฺส อทสฺสนาฯ อนิจฺจาย เวทนาย…เป.… อนิจฺจาย สญฺญาย…เป.… อนิเจฺจหิ สงฺขาเรหิ…เป.… อนิเจฺจน วิญฺญาเณน ทุเกฺขน วิปริณามธเมฺมน ‘เสโยฺยหมสฺมี’ติ วา สมนุปสฺสนฺติ, ‘สทิโสหมสฺมี’ติ วา สมนุปสฺสนฺติ, ‘หีโนหมสฺมี’ติ วา สมนุปสฺสนฺติ, กิมญฺญตฺร ยถาภูตสฺส อทสฺสนา’’ติฯ อิทํ เญยฺยํฯ

    ‘‘Ye hi keci, soṇa 246, samaṇā vā brāhmaṇā vā aniccena rūpena dukkhena vipariṇāmadhammena ‘seyyohamasmī’ti vā samanupassanti, ‘sadisohamasmī’ti vā samanupassanti, ‘hīnohamasmī’ti vā samanupassanti. Kimaññatra yathābhūtassa adassanā. Aniccāya vedanāya…pe… aniccāya saññāya…pe… aniccehi saṅkhārehi…pe… aniccena viññāṇena dukkhena vipariṇāmadhammena ‘seyyohamasmī’ti vā samanupassanti, ‘sadisohamasmī’ti vā samanupassanti, ‘hīnohamasmī’ti vā samanupassanti, kimaññatra yathābhūtassa adassanā’’ti. Idaṃ ñeyyaṃ.

    ‘‘เย จ โข เกจิ, โสณ, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อนิเจฺจน รูเปน ทุเกฺขน วิปริณามธเมฺมน ‘เสโยฺยหมสฺมี’ติปิ น สมนุปสฺสนฺติ, ‘สทิโสหมสฺมี’ติปิ น สมนุปสฺสนฺติ, ‘หีโนหมสฺมี’ติปิ น สมนุปสฺสนฺติ, กิมญฺญตฺร ยถาภูตสฺส ทสฺสนาฯ อนิจฺจาย เวทนาย…เป.… อนิจฺจาย สญฺญาย…เป.… อนิเจฺจหิ สงฺขาเรหิ…เป.… อนิเจฺจน วิญฺญาเณน ทุเกฺขน วิปริณามธเมฺมน ‘เสโยฺยหมสฺมี’ติปิ น สมนุปสฺสนฺติ, ‘สทิโสหมสฺมี’ติปิ น สมนุปสฺสนฺติ, ‘หีโนหมสฺมี’ติปิ น สมนุปสฺสนฺติ, กิมญฺญตฺร ยถาภูตสฺส ทสฺสนาติฯ อิทํ ญาณํฯ

    ‘‘Ye ca kho keci, soṇa, samaṇā vā brāhmaṇā vā aniccena rūpena dukkhena vipariṇāmadhammena ‘seyyohamasmī’tipi na samanupassanti, ‘sadisohamasmī’tipi na samanupassanti, ‘hīnohamasmī’tipi na samanupassanti, kimaññatra yathābhūtassa dassanā. Aniccāya vedanāya…pe… aniccāya saññāya…pe… aniccehi saṅkhārehi…pe… aniccena viññāṇena dukkhena vipariṇāmadhammena ‘seyyohamasmī’tipi na samanupassanti, ‘sadisohamasmī’tipi na samanupassanti, ‘hīnohamasmī’tipi na samanupassanti, kimaññatra yathābhūtassa dassanāti. Idaṃ ñāṇaṃ.

    อิทํ ญาณญฺจ เญยฺยญฺจฯ

    Idaṃ ñāṇañca ñeyyañca.

    ตตฺถ กตมํ ทสฺสนํ?

    Tattha katamaṃ dassanaṃ?

    ๑๑๕.

    115.

    ‘‘เย อริยสจฺจานิ วิภาวยนฺติ, คมฺภีรปเญฺญน สุเทสิตานิฯ

    ‘‘Ye ariyasaccāni vibhāvayanti, gambhīrapaññena sudesitāni.

    กิญฺจาปิ เต โหนฺติ ภุสํ ปมตฺตา 247, น เต ภวํ อฎฺฐมมาทิยนฺตี’’ติฯ

    Kiñcāpi te honti bhusaṃ pamattā 248, na te bhavaṃ aṭṭhamamādiyantī’’ti.

    อิทํ ทสฺสนํฯ

    Idaṃ dassanaṃ.

    ‘‘ยถินฺทขีโล ปถวิสฺสิโต สิยา, จตุพฺภิ วาเตหิ อสมฺปกมฺปิโย;

    ‘‘Yathindakhīlo pathavissito siyā, catubbhi vātehi asampakampiyo;

    ตถูปมํ สปฺปุริสํ วทามิ, โย อริยสจฺจานิ อเวจฺจ ปสฺสตี’’ติฯ

    Tathūpamaṃ sappurisaṃ vadāmi, yo ariyasaccāni avecca passatī’’ti.

    อิทํ ทสฺสนํฯ

    Idaṃ dassanaṃ.

    ‘‘จตูหิ, ภิกฺขเว, โสตาปตฺติยเงฺคหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย ‘ขีณนิรโยมฺหิ, ขีณติรจฺฉานโยนิ, ขีณเปตฺติวิสโย, ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต, โสตาปโนฺนหมสฺมิ อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณ, สตฺตกฺขตฺตุปรมํ 249 เทเว จ มนุเสฺส จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามี’ติฯ กตเมหิ จตูหิ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวกสฺส ตถาคเต สทฺธา นิวิฎฺฐา ปติฎฺฐิตา วิรูฬฺหา มูลชาตา อสํหาริยา สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิํ สห ธเมฺมน, ธเมฺม โข ปน นิฎฺฐํ คโต โหติ, สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม สนฺทิฎฺฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ วิญฺญูหิ, ยทิทํ มทนิมฺมทโน…เป.… นิโรโธ นิพฺพานํ, สห ธมฺมิยา โข ปนสฺส โหนฺติ อิฎฺฐา กนฺตา ปิยา มนาปา คิหี เจว ปพฺพชิตา จฯ อริยกเนฺตหิ โข ปน สีเลหิ สมนฺนาคโต โหติ อขเณฺฑหิ อจฺฉิเทฺทหิ อสพเลหิ อกมฺมาเสหิ ภุชิเสฺสหิ วิญฺญุปฺปสเฎฺฐหิ อปรามเฎฺฐหิ สมาธิสํวตฺตนิเกหิฯ อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, จตูหิ โสตาปตฺติยเงฺคหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย ‘ขีณนิรโยมฺหิ, ขีณติรจฺฉานโยนิ, ขีณเปตฺติวิสโย, ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต, โสตาปโนฺนหมสฺมิ อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณ, สตฺตกฺขตฺตุปรมํ เทเว จ มนุเสฺส จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามี’’’ติฯ

    ‘‘Catūhi, bhikkhave, sotāpattiyaṅgehi samannāgato ariyasāvako ākaṅkhamāno attanāva attānaṃ byākareyya ‘khīṇanirayomhi, khīṇatiracchānayoni, khīṇapettivisayo, khīṇāpāyaduggativinipāto, sotāpannohamasmi avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo, sattakkhattuparamaṃ 250 deve ca manusse ca sandhāvitvā saṃsaritvā dukkhassantaṃ karissāmī’ti. Katamehi catūhi? Idha, bhikkhave, ariyasāvakassa tathāgate saddhā niviṭṭhā patiṭṭhitā virūḷhā mūlajātā asaṃhāriyā samaṇena vā brāhmaṇena vā devena vā mārena vā brahmunā vā kenaci vā lokasmiṃ saha dhammena, dhamme kho pana niṭṭhaṃ gato hoti, svākkhāto bhagavatā dhammo sandiṭṭhiko akāliko ehipassiko opaneyyiko paccattaṃ veditabbo viññūhi, yadidaṃ madanimmadano…pe… nirodho nibbānaṃ, saha dhammiyā kho panassa honti iṭṭhā kantā piyā manāpā gihī ceva pabbajitā ca. Ariyakantehi kho pana sīlehi samannāgato hoti akhaṇḍehi acchiddehi asabalehi akammāsehi bhujissehi viññuppasaṭṭhehi aparāmaṭṭhehi samādhisaṃvattanikehi. Imehi kho, bhikkhave, catūhi sotāpattiyaṅgehi samannāgato ariyasāvako ākaṅkhamāno attanāva attānaṃ byākareyya ‘khīṇanirayomhi, khīṇatiracchānayoni, khīṇapettivisayo, khīṇāpāyaduggativinipāto, sotāpannohamasmi avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo, sattakkhattuparamaṃ deve ca manusse ca sandhāvitvā saṃsaritvā dukkhassantaṃ karissāmī’’’ti.

    อิทํ ทสฺสนํฯ

    Idaṃ dassanaṃ.

    ตตฺถ กตมา ภาวนา?

    Tattha katamā bhāvanā?

    ‘‘ยสฺสินฺทฺริยานิ ภาวิตานิ 251, อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ สพฺพโลเก;

    ‘‘Yassindriyāni bhāvitāni 252, ajjhattaṃ bahiddhā ca sabbaloke;

    นิพฺพิชฺฌ อิมํ ปรญฺจ โลกํ, กาลํ กงฺขติ ภาวิโต สทโนฺต’’ติฯ

    Nibbijjha imaṃ parañca lokaṃ, kālaṃ kaṅkhati bhāvito sadanto’’ti.

    อยํ ภาวนาฯ

    Ayaṃ bhāvanā.

    ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ธมฺมปทานิ 253ฯ กตมานิ จตฺตาริ? อนภิชฺฌา ธมฺมปทํ, อพฺยาปาโท ธมฺมปทํ, สมฺมาสติ ธมฺมปทํ, สมฺมาสมาธิ ธมฺมปทํ, อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ ธมฺมปทานี’’ติฯ อยํ ภาวนาฯ

    ‘‘Cattārimāni, bhikkhave, dhammapadāni 254. Katamāni cattāri? Anabhijjhā dhammapadaṃ, abyāpādo dhammapadaṃ, sammāsati dhammapadaṃ, sammāsamādhi dhammapadaṃ, imāni kho, bhikkhave, cattāri dhammapadānī’’ti. Ayaṃ bhāvanā.

    ตตฺถ กตมํ ทสฺสนญฺจ ภาวนา จ? ‘‘ปญฺจ ฉิเนฺท ปญฺจ ชเห’’ติ อิทํ ทสฺสนํฯ ‘‘ปญฺจ จุตฺตริ ภาวเยฯ ปญฺจ สงฺคาติโค ภิกฺขุ, โอฆติโณฺณติ วุจฺจตี’’ติ อยํ ภาวนาฯ อิทํ ทสฺสนญฺจ ภาวนา จฯ

    Tattha katamaṃ dassanañca bhāvanā ca? ‘‘Pañca chinde pañca jahe’’ti idaṃ dassanaṃ. ‘‘Pañca cuttari bhāvaye. Pañca saṅgātigo bhikkhu, oghatiṇṇoti vuccatī’’ti ayaṃ bhāvanā. Idaṃ dassanañca bhāvanā ca.

    ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานิ 255ฯ กตมานิ ตีณิ, อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยํ อญฺญินฺทฺริยํ อญฺญาตาวินฺทฺริยํฯ กตมญฺจ, ภิกฺขเว, อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนภิสเมตสฺส ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส อภิสมยาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ, อนภิสเมตสฺส ทุกฺขสมุทยสฺส อริยสจฺจสฺส…เป.… ทุกฺขนิโรธสฺส…เป.… ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย อริยสจฺจสฺส อภิสมยาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริย’’นฺติฯ อิทํ ทสฺสนํฯ

    ‘‘Tīṇimāni, bhikkhave, indriyāni 256. Katamāni tīṇi, anaññātaññassāmītindriyaṃ aññindriyaṃ aññātāvindriyaṃ. Katamañca, bhikkhave, anaññātaññassāmītindriyaṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhu anabhisametassa dukkhassa ariyasaccassa abhisamayāya chandaṃ janeti vāyamati vīriyaṃ ārabhati cittaṃ paggaṇhāti padahati, anabhisametassa dukkhasamudayassa ariyasaccassa…pe… dukkhanirodhassa…pe… dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya ariyasaccassa abhisamayāya chandaṃ janeti vāyamati vīriyaṃ ārabhati cittaṃ paggaṇhāti padahati. Idaṃ, bhikkhave, anaññātaññassāmītindriya’’nti. Idaṃ dassanaṃ.

    ‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, อญฺญินฺทฺริยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ…เป.… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, อญฺญินฺทฺริยํฯ

    ‘‘Katamañca, bhikkhave, aññindriyaṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhu ‘idaṃ dukkha’nti yathābhūtaṃ pajānāti, ‘ayaṃ dukkhasamudayo’ti yathābhūtaṃ pajānāti, ‘ayaṃ dukkhanirodho’ti…pe… ‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’ti yathābhūtaṃ pajānāti. Idaṃ, bhikkhave, aññindriyaṃ.

    ‘‘กตมญฺจ , ภิกฺขเว, อญฺญาตาวินฺทฺริยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, อญฺญาตาวินฺทฺริย’’นฺติฯ อยํ ภาวนาฯ

    ‘‘Katamañca , bhikkhave, aññātāvindriyaṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhu āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati, khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ nāparaṃ itthattāyāti pajānāti. Idaṃ, bhikkhave, aññātāvindriya’’nti. Ayaṃ bhāvanā.

    อิทํ ทสฺสนญฺจ ภาวนา จฯ

    Idaṃ dassanañca bhāvanā ca.

    ๑๑๖. ตตฺถ กตมํ สกวจนํ?

    116. Tattha katamaṃ sakavacanaṃ?

    ‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;

    ‘‘Sabbapāpassa akaraṇaṃ, kusalassa upasampadā;

    สจิตฺตปริโยทาปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติฯ

    Sacittapariyodāpanaṃ, etaṃ buddhāna sāsana’’nti.

    อิทํ สกวจนํฯ

    Idaṃ sakavacanaṃ.

    ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, พาลสฺส พาลลกฺขณานิ พาลนิมิตฺตานิ พาลาปทานานิ, เยหิ พาลํ พาโลติ ปเร สญฺชานนฺติฯ กตมานิ ตีณิ? พาโล, ภิกฺขเว, ทุจฺจินฺติตจินฺตี จ โหติ, ทุพฺภาสิตภาสี จ โหติ, ทุกฺกฎกมฺมการี 257 จ โหติฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ พาลสฺส พาลลกฺขณานิ พาลนิมิตฺตานิ พาลาปทานานิฯ

    ‘‘Tīṇimāni, bhikkhave, bālassa bālalakkhaṇāni bālanimittāni bālāpadānāni, yehi bālaṃ bāloti pare sañjānanti. Katamāni tīṇi? Bālo, bhikkhave, duccintitacintī ca hoti, dubbhāsitabhāsī ca hoti, dukkaṭakammakārī 258 ca hoti. Imāni kho, bhikkhave, tīṇi bālassa bālalakkhaṇāni bālanimittāni bālāpadānāni.

    ‘‘ตีณิมานิ , ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานิ ปณฺฑิตนิมิตฺตานิ ปณฺฑิตาปทานานิ, เยหิ ปณฺฑิตํ ปณฺฑิโตติ ปเร สญฺชานนฺติฯ กตมานิ ตีณิ? ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, สุจินฺติตจินฺตี จ โหติ, สุภาสิตภาสี จ โหติ, สุกตกมฺมการี จ โหติฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานิ ปณฺฑิตนิมิตฺตานิ ปณฺฑิตาปทานานี’’ติฯ

    ‘‘Tīṇimāni , bhikkhave, paṇḍitassa paṇḍitalakkhaṇāni paṇḍitanimittāni paṇḍitāpadānāni, yehi paṇḍitaṃ paṇḍitoti pare sañjānanti. Katamāni tīṇi? Paṇḍito, bhikkhave, sucintitacintī ca hoti, subhāsitabhāsī ca hoti, sukatakammakārī ca hoti. Imāni kho, bhikkhave, tīṇi paṇḍitassa paṇḍitalakkhaṇāni paṇḍitanimittāni paṇḍitāpadānānī’’ti.

    อิทํ สกวจนํฯ

    Idaṃ sakavacanaṃ.

    ตตฺถ กตมํ ปรวจนํ?

    Tattha katamaṃ paravacanaṃ?

    ‘‘ปถวีสโม นตฺถิ วิตฺถโต, นิโนฺน ปาตาลสโม น วิชฺชติ;

    ‘‘Pathavīsamo natthi vitthato, ninno pātālasamo na vijjati;

    เมรุสโม นตฺถิ อุนฺนโต, จกฺกวตฺติสทิโส นตฺถิ โปริโส’’ติฯ

    Merusamo natthi unnato, cakkavattisadiso natthi poriso’’ti.

    อิทํ ปรวจนํฯ

    Idaṃ paravacanaṃ.

    ‘‘‘โหตุ , เทวานมินฺท, สุภาสิเตน ชโยติฯ โหตุ, เวปจิตฺติ สุภาสิเตน ชโยติฯ ภณ, เวปจิตฺติ, คาถ’นฺติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุริโนฺท อิมํ คาถํ อภาสิ –

    ‘‘‘Hotu , devānaminda, subhāsitena jayoti. Hotu, vepacitti subhāsitena jayoti. Bhaṇa, vepacitti, gātha’nti. Atha kho, bhikkhave, vepacitti asurindo imaṃ gāthaṃ abhāsi –

    ‘‘ภิโยฺย พาลา ปภิเชฺชยฺยุํ 259, โน จสฺส ปฎิเสธโก;

    ‘‘Bhiyyo bālā pabhijjeyyuṃ 260, no cassa paṭisedhako;

    ตสฺมา ภุเสน ทเณฺฑน, ธีโร พาลํ นิเสธเย’’ติฯ

    Tasmā bhusena daṇḍena, dhīro bālaṃ nisedhaye’’ti.

    ‘‘ภาสิตาย โข ปน, ภิกฺขเว, เวปจิตฺตินา อสุริเนฺทน คาถาย อสุรา อนุโมทิํสุ, เทวา ตุณฺหี อเหสุํฯ อถ โข, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุริโนฺท สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ ‘ภณ, เทวานมินฺท, คาถ’นฺติฯ เอวํ วุเตฺต, ภิกฺขเว, สโกฺก เทวานมิโนฺท อิมํ คาถํ อภาสิ –

    ‘‘Bhāsitāya kho pana, bhikkhave, vepacittinā asurindena gāthāya asurā anumodiṃsu, devā tuṇhī ahesuṃ. Atha kho, bhikkhave, vepacitti asurindo sakkaṃ devānamindaṃ etadavoca ‘bhaṇa, devānaminda, gātha’nti. Evaṃ vutte, bhikkhave, sakko devānamindo imaṃ gāthaṃ abhāsi –

    ‘‘เอตเทว อหํ มเญฺญ, พาลสฺส ปฎิเสธนํ;

    ‘‘Etadeva ahaṃ maññe, bālassa paṭisedhanaṃ;

    ปรํ สงฺกุปิตํ ญตฺวา, โย สโต อุปสมฺมตี’’ติฯ

    Paraṃ saṅkupitaṃ ñatvā, yo sato upasammatī’’ti.

    ‘‘ภาสิตาย โข ปน, ภิกฺขเว, สเกฺกน เทวานมิเนฺทน คาถาย เทวา อนุโมทิํสุ, อสุรา ตุณฺหี อเหสุํฯ อถ โข, ภิกฺขเว, สโกฺก เทวานมิโนฺท เวปจิตฺติํ อสุรินฺทํ เอตทโวจ ‘ภณ, เวปจิตฺติ, คาถ’นฺติฯ เอวํ วุเตฺต, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุริโนฺท อิมํ คาถํ อภาสิ –

    ‘‘Bhāsitāya kho pana, bhikkhave, sakkena devānamindena gāthāya devā anumodiṃsu, asurā tuṇhī ahesuṃ. Atha kho, bhikkhave, sakko devānamindo vepacittiṃ asurindaṃ etadavoca ‘bhaṇa, vepacitti, gātha’nti. Evaṃ vutte, bhikkhave, vepacitti asurindo imaṃ gāthaṃ abhāsi –

    ‘‘เอตเทว ติติกฺขาย, วชฺชํ ปสฺสามิ วาสว;

    ‘‘Etadeva titikkhāya, vajjaṃ passāmi vāsava;

    ยทา นํ มญฺญติ 261 พาโล, ภยา มฺยายํ ติติกฺขติ;

    Yadā naṃ maññati 262 bālo, bhayā myāyaṃ titikkhati;

    อชฺฌารุหติ ทุเมฺมโธ, โคว ภิโยฺย ปลายิน’’นฺติฯ

    Ajjhāruhati dummedho, gova bhiyyo palāyina’’nti.

    ‘‘ภาสิตาย โข ปน, ภิกฺขเว, เวปจิตฺตินา อสุริเนฺทน คาถาย อสุรา อนุโมทิํสุ, เทวา ตุณฺหี อเหสุํฯ อถ โข เวปจิตฺติ อสุริโนฺท สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ ‘ภณ, เทวานมินฺท, คาถ’นฺติฯ เอวํ วุเตฺต, ภิกฺขเว, สโกฺก เทวานมิโนฺท อิมา คาถาโย อภาสิ –

    ‘‘Bhāsitāya kho pana, bhikkhave, vepacittinā asurindena gāthāya asurā anumodiṃsu, devā tuṇhī ahesuṃ. Atha kho vepacitti asurindo sakkaṃ devānamindaṃ etadavoca ‘bhaṇa, devānaminda, gātha’nti. Evaṃ vutte, bhikkhave, sakko devānamindo imā gāthāyo abhāsi –

    ‘‘กามํ มญฺญตุ วา มา วา, ภยา มฺยายํ ติติกฺขติ;

    ‘‘Kāmaṃ maññatu vā mā vā, bhayā myāyaṃ titikkhati;

    สทตฺถปรมา อตฺถา, ขนฺตา ภิโยฺย น วิชฺชติฯ

    Sadatthaparamā atthā, khantā bhiyyo na vijjati.

    ‘‘โย หเว พลวา สโนฺต, ทุพฺพลสฺส ติติกฺขติ;

    ‘‘Yo have balavā santo, dubbalassa titikkhati;

    ตมาหุ ปรมํ ขนฺติํ, นิจฺจํ ขมติ ทุพฺพโลฯ

    Tamāhu paramaṃ khantiṃ, niccaṃ khamati dubbalo.

    ‘‘อพลํ ตํ พลํ อาหุ, ยสฺส พาลพลํ พลํ;

    ‘‘Abalaṃ taṃ balaṃ āhu, yassa bālabalaṃ balaṃ;

    พลสฺส ธมฺมคุตฺตสฺส, ปฎิวตฺตา น วิชฺชติฯ

    Balassa dhammaguttassa, paṭivattā na vijjati.

    ‘‘ตเสฺสว เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฎิกุชฺฌติ;

    ‘‘Tasseva tena pāpiyo, yo kuddhaṃ paṭikujjhati;

    กุทฺธํ อปฺปฎิกุชฺฌโนฺต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชยํฯ

    Kuddhaṃ appaṭikujjhanto, saṅgāmaṃ jeti dujjayaṃ.

    ‘‘อุภินฺนมตฺถํ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;

    ‘‘Ubhinnamatthaṃ carati, attano ca parassa ca;

    ปรํ สงฺกุปิตํ ญตฺวา, โย สโต อุปสมฺมติฯ

    Paraṃ saṅkupitaṃ ñatvā, yo sato upasammati.

    ‘‘อุภินฺนํ ติกิจฺฉนฺตานํ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;

    ‘‘Ubhinnaṃ tikicchantānaṃ, attano ca parassa ca;

    ชนา มญฺญนฺติ พาโลติ, เย ธมฺมสฺส อโกวิทา’’ติฯ

    Janā maññanti bāloti, ye dhammassa akovidā’’ti.

    ‘‘ภาสิตาสุ โข ปน, ภิกฺขเว, สเกฺกน เทวานมิเนฺทน คาถาสุ เทวา อนุโมทิํสุ, อสุรา ตุณฺหี อเหสุ’’นฺติฯ อิทํ ปรวจนํฯ

    ‘‘Bhāsitāsu kho pana, bhikkhave, sakkena devānamindena gāthāsu devā anumodiṃsu, asurā tuṇhī ahesu’’nti. Idaṃ paravacanaṃ.

    ๑๑๗. ตตฺถ กตมํ สกวจนญฺจ ปรวจนญฺจ?

    117. Tattha katamaṃ sakavacanañca paravacanañca?

    ยญฺจ ปตฺตํ ยญฺจ ปตฺตพฺพํ อุภยเมตํ รชานุกิณฺณํ อาตุรสฺสานุสิกฺขโตฯ เย จ สิกฺขาสารา สีลํ วตํ ชีวิตํ พฺรหฺมจริยํ อุปฎฺฐานสารา, อยเมโก อโนฺตฯ เย จ เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน ‘‘นตฺถิ กาเมสุ โทโส’’ติ, อยํ ทุติโย อโนฺตฯ อิเจฺจเต อุโภ อนฺตา กฎสิวฑฺฒนา กฎสิโย ทิฎฺฐิํ วเฑฺฒนฺติฯ เอเต อุโภ อเนฺต อนภิญฺญาย โอลียนฺติ เอเก อติธาวนฺติ เอเกติฯ อิทํ ปรวจนํฯ

    Yañca pattaṃ yañca pattabbaṃ ubhayametaṃ rajānukiṇṇaṃ āturassānusikkhato. Ye ca sikkhāsārā sīlaṃ vataṃ jīvitaṃ brahmacariyaṃ upaṭṭhānasārā, ayameko anto. Ye ca evaṃvādino evaṃdiṭṭhino ‘‘natthi kāmesu doso’’ti, ayaṃ dutiyo anto. Iccete ubho antā kaṭasivaḍḍhanā kaṭasiyo diṭṭhiṃ vaḍḍhenti. Ete ubho ante anabhiññāya olīyanti eke atidhāvanti eketi. Idaṃ paravacanaṃ.

    เย จ โข เต อุโภ อเนฺต อภิญฺญาย ตตฺร จ น อเหสุํ, เตน จ อมญฺญิํสุ, วฎฺฎํ เตสํ นตฺถิ ปญฺญาปนายาติฯ อิทํ สกวจนํฯ อยํ อุทาโน สกวจนญฺจ ปรวจนญฺจฯ

    Ye ca kho te ubho ante abhiññāya tatra ca na ahesuṃ, tena ca amaññiṃsu, vaṭṭaṃ tesaṃ natthi paññāpanāyāti. Idaṃ sakavacanaṃ. Ayaṃ udāno sakavacanañca paravacanañca.

    ราชา ปเสนทิ 263 โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – อิธ มยฺหํ, ภเนฺต, รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ ‘‘เกสํ นุ โข ปิโย อตฺตา, เกสํ อปฺปิโย อตฺตา’’ติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, เอตทโหสิ ‘‘เย จ โข เกจิ กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ, เตสํ อปฺปิโย อตฺตาฯ กิญฺจาปิ เต เอวํ วเทยฺยุํ ‘ปิโย โน อตฺตา’ติ, อถ โข เตสํ อปฺปิโย อตฺตาฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ยํ หิ อปฺปิโย อปฺปิยสฺส กเรยฺย, ตํ เต อตฺตนาว อตฺตโน กโรนฺติ, ตสฺมา เตสํ อปฺปิโย อตฺตาฯ เย จ โข เกจิ กาเยน สุจริตํ จรนฺติ, วาจาย สุจริตํ จรนฺติ, มนสา สุจริตํ จรนฺติ, เตสํ ปิโย อตฺตาฯ กิญฺจาปิ เต เอวํ วเทยฺยุํ ‘อปฺปิโย โน อตฺตา’ติ, อถ โข เตสํ ปิโย อตฺตาฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ยํ หิ ปิโย ปิยสฺส กเรยฺย ฯ ตํ เต อตฺตนาว อตฺตโน กโรนฺติฯ ตสฺมา เตสํ ปิโย อตฺตา’’ติฯ

    Rājā pasenadi 264 kosalo bhagavantaṃ etadavoca – idha mayhaṃ, bhante, rahogatassa paṭisallīnassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi ‘‘kesaṃ nu kho piyo attā, kesaṃ appiyo attā’’ti. Tassa mayhaṃ, bhante, etadahosi ‘‘ye ca kho keci kāyena duccaritaṃ caranti, vācāya duccaritaṃ caranti, manasā duccaritaṃ caranti, tesaṃ appiyo attā. Kiñcāpi te evaṃ vadeyyuṃ ‘piyo no attā’ti, atha kho tesaṃ appiyo attā. Taṃ kissa hetu? Yaṃ hi appiyo appiyassa kareyya, taṃ te attanāva attano karonti, tasmā tesaṃ appiyo attā. Ye ca kho keci kāyena sucaritaṃ caranti, vācāya sucaritaṃ caranti, manasā sucaritaṃ caranti, tesaṃ piyo attā. Kiñcāpi te evaṃ vadeyyuṃ ‘appiyo no attā’ti, atha kho tesaṃ piyo attā. Taṃ kissa hetu? Yaṃ hi piyo piyassa kareyya . Taṃ te attanāva attano karonti. Tasmā tesaṃ piyo attā’’ti.

    ‘‘เอวเมตํ, มหาราช, เอวเมตํ, มหาราช, เย หิ เกจิ, มหาราช, กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ ตสฺมา เตสํ อปฺปิโย อตฺตาฯ กิญฺจาปิ เต เอวํ วเทยฺยุํ ‘ปิโย โน อตฺตา’ติ, อถ โข เตสํ อปฺปิโย อตฺตาฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ยํ หิ, มหาราช, อปฺปิโย อปฺปิยสฺส กเรยฺย, ตํ เต อตฺตนาว อตฺตโน กโรนฺติ, ตสฺมา เตสํ อปฺปิโย อตฺตาฯ เย จ โข เกจิ มหาราช กาเยน สุจริตํ จรนฺติ, วาจาย สุจริตํ จรนฺติ, มนสา สุจริตํ จรนฺติ, เตสํ ปิโย อตฺตาฯ กิญฺจาปิ เต เอวํ วเทยฺยุํ ‘อปฺปิโย โน อตฺตา’ติ, อถ โข เตสํ ปิโย อตฺตาฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ยํ หิ, มหาราช, ปิโย ปิยสฺส กเรยฺย, ตํ เต อตฺตนาว อตฺตโน กโรนฺติ, ตสฺมา เตสํ ปิโย อตฺตาติฯ อิทมโวจ ภควา…เป.… สตฺถา –

    ‘‘Evametaṃ, mahārāja, evametaṃ, mahārāja, ye hi keci, mahārāja, kāyena duccaritaṃ caranti, vācāya duccaritaṃ caranti, manasā duccaritaṃ caranti tasmā tesaṃ appiyo attā. Kiñcāpi te evaṃ vadeyyuṃ ‘piyo no attā’ti, atha kho tesaṃ appiyo attā. Taṃ kissa hetu? Yaṃ hi, mahārāja, appiyo appiyassa kareyya, taṃ te attanāva attano karonti, tasmā tesaṃ appiyo attā. Ye ca kho keci mahārāja kāyena sucaritaṃ caranti, vācāya sucaritaṃ caranti, manasā sucaritaṃ caranti, tesaṃ piyo attā. Kiñcāpi te evaṃ vadeyyuṃ ‘appiyo no attā’ti, atha kho tesaṃ piyo attā. Taṃ kissa hetu? Yaṃ hi, mahārāja, piyo piyassa kareyya, taṃ te attanāva attano karonti, tasmā tesaṃ piyo attāti. Idamavoca bhagavā…pe… satthā –

    ‘‘อตฺตานเญฺจ ปิยํ ชญฺญา, น นํ ปาเปน สํยุเช;

    ‘‘Attānañce piyaṃ jaññā, na naṃ pāpena saṃyuje;

    น หิ ตํ สุลภํ โหติ, สุขํ ทุกฺกฎการินาฯ

    Na hi taṃ sulabhaṃ hoti, sukhaṃ dukkaṭakārinā.

    ‘‘อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส 265, ชหโต มานุสํ ภวํ;

    ‘‘Antakenādhipannassa 266, jahato mānusaṃ bhavaṃ;

    กิํ หิ ตสฺส สกํ โหติ, กิญฺจ อาทาย คจฺฉติ;

    Kiṃ hi tassa sakaṃ hoti, kiñca ādāya gacchati;

    กิญฺจสฺส อนุคํ โหติ, ฉายาว อนปายินีฯ

    Kiñcassa anugaṃ hoti, chāyāva anapāyinī.

    ‘‘อุโภ ปุญฺญญฺจ ปาปญฺจ, ยํ มโจฺจ กุรุเต อิธ;

    ‘‘Ubho puññañca pāpañca, yaṃ macco kurute idha;

    ตญฺหิ ตสฺส สกํ โหติ, ตํว อาทาย คจฺฉติ;

    Tañhi tassa sakaṃ hoti, taṃva ādāya gacchati;

    ตํวสฺส อนุคํ โหติ, ฉายาว อนปายินีฯ

    Taṃvassa anugaṃ hoti, chāyāva anapāyinī.

    ‘‘ตสฺมา กเรยฺย กลฺยาณํ, นิจยํ สมฺปรายิกํ;

    ‘‘Tasmā kareyya kalyāṇaṃ, nicayaṃ samparāyikaṃ;

    ปุญฺญานิ ปรโลกสฺมิํ, ปติฎฺฐา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติฯ

    Puññāni paralokasmiṃ, patiṭṭhā honti pāṇina’’nti.

    อิทํ สุตฺตํ ปรวจนํฯ อนุคีติ สกวจนํฯ อิทํ สกวจนญฺจ ปรวจนญฺจฯ

    Idaṃ suttaṃ paravacanaṃ. Anugīti sakavacanaṃ. Idaṃ sakavacanañca paravacanañca.

    ๑๑๘. ตตฺถ กตมํ วิสชฺชนียํ?

    118. Tattha katamaṃ visajjanīyaṃ?

    ปเญฺห ปุจฺฉิเต อิทํ อภิเญฺญยฺยํ, อิทํ ปริเญฺญยฺยํ, อิทํ ปหาตพฺพํ, อิทํ ภาเวตพฺพํ, อิทํ สจฺฉิกาตพฺพํ, อิเม ธมฺมา เอวํคหิตา อิทํ ผลํ นิพฺพตฺตยนฺติฯ เตสํ เอวํคหิตานํ อยมโตฺถ อิติ อิทํ วิสชฺชนียํฯ ‘‘อุฬาโร พุโทฺธ ภควา’’ติ พุทฺธอุฬารตํ ธมฺมสฺวากฺขาตตํ สงฺฆสุปฺปฎิปตฺติญฺจ เอกํเสเนว นิทฺทิเสฯ ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ ‘‘สเพฺพ สงฺขารา ทุกฺขา’’ติ ‘‘สเพฺพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ เอกํเสเนว นิทฺทิเสฯ ยํ วา ปนญฺญมฺปิ เอวํ ชาติยํฯ อิทํ วิสชฺชนียํฯ

    Pañhe pucchite idaṃ abhiññeyyaṃ, idaṃ pariññeyyaṃ, idaṃ pahātabbaṃ, idaṃ bhāvetabbaṃ, idaṃ sacchikātabbaṃ, ime dhammā evaṃgahitā idaṃ phalaṃ nibbattayanti. Tesaṃ evaṃgahitānaṃ ayamattho iti idaṃ visajjanīyaṃ. ‘‘Uḷāro buddho bhagavā’’ti buddhauḷārataṃ dhammasvākkhātataṃ saṅghasuppaṭipattiñca ekaṃseneva niddise. ‘‘Sabbe saṅkhārā aniccā’’ti ‘‘sabbe saṅkhārā dukkhā’’ti ‘‘sabbe dhammā anattā’’ti ekaṃseneva niddise. Yaṃ vā panaññampi evaṃ jātiyaṃ. Idaṃ visajjanīyaṃ.

    ตตฺถ กตมํ อวิสชฺชนียํ?

    Tattha katamaṃ avisajjanīyaṃ?

    ‘‘อากงฺขโต เต นรทมฺมสารถิ 267, เทวา มนุสฺสา มนสา วิจินฺติตํ;

    ‘‘Ākaṅkhato te naradammasārathi 268, devā manussā manasā vicintitaṃ;

    สเพฺพ น ชญฺญา กสิณาปิ ปาณิโน, สนฺตํ สมาธิํ อรณํ นิเสวโต;

    Sabbe na jaññā kasiṇāpi pāṇino, santaṃ samādhiṃ araṇaṃ nisevato;

    กินฺตํ ภควา อากงฺขตี’’ติฯ

    Kintaṃ bhagavā ākaṅkhatī’’ti.

    อิทํ อวิสชฺชนียํฯ

    Idaṃ avisajjanīyaṃ.

    เอตฺตโก ภควา สีลกฺขเนฺธ สมาธิกฺขเนฺธ ปญฺญากฺขเนฺธ วิมุตฺติกฺขเนฺธ วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขเนฺธ อิริยายํ ปภาเว หิเตสิตายํ กรุณายํ อิทฺธิยนฺติฯ อิทํ อวิสชฺชนียํฯ

    Ettako bhagavā sīlakkhandhe samādhikkhandhe paññākkhandhe vimuttikkhandhe vimuttiñāṇadassanakkhandhe iriyāyaṃ pabhāve hitesitāyaṃ karuṇāyaṃ iddhiyanti. Idaṃ avisajjanīyaṃ.

    ‘‘ตถาคตสฺส, ภิกฺขเว, อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โลเก อุปฺปาทา ติณฺณํ รตนานํ อุปฺปาโท พุทฺธรตนสฺส ธมฺมรตนสฺส สงฺฆรตนสฺส’’ฯ กิํ ปมาณานิ ตีณิ รตนานีติ? อิทํ อวิสชฺชนียํฯ

    ‘‘Tathāgatassa, bhikkhave, arahato sammāsambuddhassa loke uppādā tiṇṇaṃ ratanānaṃ uppādo buddharatanassa dhammaratanassa saṅgharatanassa’’. Kiṃ pamāṇāni tīṇi ratanānīti? Idaṃ avisajjanīyaṃ.

    พุทฺธวิสโย อวิสชฺชนีโยฯ ปุคฺคลปโรปรญฺญุตา อวิสชฺชนียาฯ ‘‘ปุพฺพา, ภิกฺขเว, โกฎิ น ปญฺญายติ อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สกิํ นิรยํ สกิํ ติรจฺฉานโยนิํ สกิํ เปตฺติวิสยํ สกิํ อสุรโยนิํ สกิํ เทเว สกิํ มนุเสฺส สนฺธาวิตํ สํสริตํ’’ฯ กตมา ปุพฺพา โกฎีติ อวิสชฺชนียํฯ น ปญฺญายตีติ สาวกานํ ญาณเวกเลฺลนฯ ทุวิธา พุทฺธานํ ภควนฺตานํ เทสนา อตฺตูปนายิกา จ ปรูปนายิกา จฯ น ปญฺญายตีติ ปรูปนายิกาฯ นตฺถิ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อวิชานนาติ 269 อตฺตูปนายิกาฯ ยถา ภควา โกกาลิกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ เอวมาห –

    Buddhavisayo avisajjanīyo. Puggalaparoparaññutā avisajjanīyā. ‘‘Pubbā, bhikkhave, koṭi na paññāyati avijjānīvaraṇānaṃ sattānaṃ taṇhāsaṃyojanānaṃ sakiṃ nirayaṃ sakiṃ tiracchānayoniṃ sakiṃ pettivisayaṃ sakiṃ asurayoniṃ sakiṃ deve sakiṃ manusse sandhāvitaṃ saṃsaritaṃ’’. Katamā pubbā koṭīti avisajjanīyaṃ. Na paññāyatīti sāvakānaṃ ñāṇavekallena. Duvidhā buddhānaṃ bhagavantānaṃ desanā attūpanāyikā ca parūpanāyikā ca. Na paññāyatīti parūpanāyikā. Natthi buddhānaṃ bhagavantānaṃ avijānanāti 270 attūpanāyikā. Yathā bhagavā kokālikaṃ bhikkhuṃ ārabbha aññataraṃ bhikkhuṃ evamāha –

    ‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขุ, วีสติขาริโก โกสลโก ติลวาโห…เป.… น เตฺวว เอโก อพฺพุโท นิรโยฯ เสยฺยถาปิ ภิกฺขุ, วีสติ อพฺพุทา นิรยา, เอวเมโก นิรพฺพุโท นิรโย 271ฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ นิรพฺพุทา นิรยา, เอวเมโก อพโพ นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อพพา นิรยา, เอวเมโก อฎโฎ นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อฎฎา นิรยา, เอวเมโก อหโห นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อหหา นิรยา, เอวเมโก กุมุโท นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ กุมุทา นิรยา, เอวเมโก โสคนฺธิโก นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ โสคนฺธิกา นิรยา, เอวเมโก อุปฺปลโก นิรโย 272ฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อุปฺปลกา นิรยา, เอวเมโก ปุณฺฑรีโก นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ ปุณฺฑรีกา นิรยา, เอวเมโก ปทุโม นิรโยฯ ปทุเม ปน, ภิกฺขุ, นิรเย โกกาลิโก ภิกฺขุ อุปปโนฺน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวา’’ติฯ ยํ วา ปน กิญฺจิ ภควา อาห ‘‘อยํ อปฺปเมโยฺย อสเงฺขฺยโย’’ติฯ สพฺพํ ตํ อวิสชฺชนียํฯ อิทํ อวิสชฺชนียํฯ

    ‘‘Seyyathāpi , bhikkhu, vīsatikhāriko kosalako tilavāho…pe… na tveva eko abbudo nirayo. Seyyathāpi bhikkhu, vīsati abbudā nirayā, evameko nirabbudo nirayo 273. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati nirabbudā nirayā, evameko ababo nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati ababā nirayā, evameko aṭaṭo nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati aṭaṭā nirayā, evameko ahaho nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati ahahā nirayā, evameko kumudo nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati kumudā nirayā, evameko sogandhiko nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati sogandhikā nirayā, evameko uppalako nirayo 274. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati uppalakā nirayā, evameko puṇḍarīko nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati puṇḍarīkā nirayā, evameko padumo nirayo. Padume pana, bhikkhu, niraye kokāliko bhikkhu upapanno sāriputtamoggallānesu cittaṃ āghātetvā’’ti. Yaṃ vā pana kiñci bhagavā āha ‘‘ayaṃ appameyyo asaṅkhyeyo’’ti. Sabbaṃ taṃ avisajjanīyaṃ. Idaṃ avisajjanīyaṃ.

    ๑๑๙. ตตฺถ กตมํ วิสชฺชนียญฺจ อวิสชฺชนียญฺจ, ยทา โส อุปโก อาชีวโก ภควนฺตํ อาห ‘‘กุหิํ, อาวุโส โคตม, คมิสฺสสี’’ติฯ ภควา อาห –

    119. Tattha katamaṃ visajjanīyañca avisajjanīyañca, yadā so upako ājīvako bhagavantaṃ āha ‘‘kuhiṃ, āvuso gotama, gamissasī’’ti. Bhagavā āha –

    ‘‘พาราณสิํ คมิสฺสามิ, อหํ ตํ อมตทุนฺทุภิํ;

    ‘‘Bārāṇasiṃ gamissāmi, ahaṃ taṃ amatadundubhiṃ;

    ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตตุํ, โลเก อปฺปฎิวตฺติย’’นฺติฯ

    Dhammacakkaṃ pavattetuṃ, loke appaṭivattiya’’nti.

    อุปโก อาชีวโก อาห ‘‘‘ชิโน’ติ โข อาวุโส, โภ โคตม, ปฎิชานาสี’’ติฯ ภควา อาห –

    Upako ājīvako āha ‘‘‘jino’ti kho āvuso, bho gotama, paṭijānāsī’’ti. Bhagavā āha –

    ‘‘มาทิสา เว ชินา 275 โหนฺติ, เย ปตฺตา อาสวกฺขยํ;

    ‘‘Mādisā ve jinā 276 honti, ye pattā āsavakkhayaṃ;

    ชิตา เม ปาปกา ธมฺมา, ตสฺมาหํ อุปกา ชิโน’’ติฯ

    Jitā me pāpakā dhammā, tasmāhaṃ upakā jino’’ti.

    กถํ ชิโน เกน ชิโนติ วิสชฺชนียํฯ กตโม ชิโนติ อวิสชฺชนียํฯ กตโม อาสวกฺขโย, ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโยติ วิสชฺชนียํฯ กิตฺตโก อาสวกฺขโยติ อวิสชฺชนียํฯ อิทํ วิสชฺชนียญฺจ อวิสชฺชนียญฺจฯ

    Kathaṃ jino kena jinoti visajjanīyaṃ. Katamo jinoti avisajjanīyaṃ. Katamo āsavakkhayo, rāgakkhayo dosakkhayo mohakkhayoti visajjanīyaṃ. Kittako āsavakkhayoti avisajjanīyaṃ. Idaṃ visajjanīyañca avisajjanīyañca.

    อตฺถิ ตถาคโตติ วิสชฺชนียํฯ อตฺถิ รูปนฺติ วิสชฺชนียํฯ รูปํ ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํฯ รูปวา ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํฯ รูเป ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํฯ ตถาคเต รูปนฺติ อวิสชฺชนียํฯ เอวํ อตฺถิ เวทนา…เป.… สญฺญา…เป.… สงฺขารา…เป.… อตฺถิ วิญฺญาณนฺติ วิสชฺชนียํฯ วิญฺญาณํ ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํฯ วิญฺญาณวา ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํฯ วิญฺญาเณ ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํฯ ตถาคเต วิญฺญาณนฺติ อวิสชฺชนียํฯ อญฺญตฺร รูเปน ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํฯ อญฺญตฺร เวทนาย…เป.… สญฺญาย…เป.… สงฺขาเรหิ…เป.… วิญฺญาเณน ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํฯ อยํ โส ตถาคโต อรูปโก…เป.… อเวทนโก…เป.… อสญฺญโก…เป.… อสงฺขารโก…เป.… อวิญฺญาณโกติ อวิสชฺชนียํฯ อิทํ วิสชฺชนียญฺจ อวิสชฺชนียญฺจฯ

    Atthi tathāgatoti visajjanīyaṃ. Atthi rūpanti visajjanīyaṃ. Rūpaṃ tathāgatoti avisajjanīyaṃ. Rūpavā tathāgatoti avisajjanīyaṃ. Rūpe tathāgatoti avisajjanīyaṃ. Tathāgate rūpanti avisajjanīyaṃ. Evaṃ atthi vedanā…pe… saññā…pe… saṅkhārā…pe… atthi viññāṇanti visajjanīyaṃ. Viññāṇaṃ tathāgatoti avisajjanīyaṃ. Viññāṇavā tathāgatoti avisajjanīyaṃ. Viññāṇe tathāgatoti avisajjanīyaṃ. Tathāgate viññāṇanti avisajjanīyaṃ. Aññatra rūpena tathāgatoti avisajjanīyaṃ. Aññatra vedanāya…pe… saññāya…pe… saṅkhārehi…pe… viññāṇena tathāgatoti avisajjanīyaṃ. Ayaṃ so tathāgato arūpako…pe… avedanako…pe… asaññako…pe… asaṅkhārako…pe… aviññāṇakoti avisajjanīyaṃ. Idaṃ visajjanīyañca avisajjanīyañca.

    ปสฺสติ ภควา ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต จวมาเน อุปปชฺชมาเน เอวํ สพฺพํ…เป.… ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชานาตีติ วิสชฺชนียํฯ กตเม สตฺตา, กตโม ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํฯ อิทํ วิสชฺชนียญฺจ อวิสชฺชนียญฺจฯ

    Passati bhagavā dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte cavamāne upapajjamāne evaṃ sabbaṃ…pe… yathākammūpage satte pajānātīti visajjanīyaṃ. Katame sattā, katamo tathāgatoti avisajjanīyaṃ. Idaṃ visajjanīyañca avisajjanīyañca.

    อตฺถิ ตถาคโตติ วิสชฺชนียํฯ อตฺถิ ตถาคโต ปรํ มรณาติ อวิสชฺชนียํฯ อิทํ วิสชฺชนียญฺจ อวิสชฺชนียญฺจฯ

    Atthi tathāgatoti visajjanīyaṃ. Atthi tathāgato paraṃ maraṇāti avisajjanīyaṃ. Idaṃ visajjanīyañca avisajjanīyañca.

    ๑๒๐. ตตฺถ กตมํ กมฺมํ?

    120. Tattha katamaṃ kammaṃ?

    ‘‘อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส , ชหโต มานุสํ ภวํ;

    ‘‘Antakenādhipannassa , jahato mānusaṃ bhavaṃ;

    กิํ หิ ตสฺส สกํ โหติ, กิญฺจ อาทาย คจฺฉติ;

    Kiṃ hi tassa sakaṃ hoti, kiñca ādāya gacchati;

    กิญฺจสฺส อนุคํ โหติ, ฉายาว อนปายินีฯ

    Kiñcassa anugaṃ hoti, chāyāva anapāyinī.

    ‘‘อุโภ ปุญฺญญฺจ ปาปญฺจ, ยํ มโจฺจ กุรุเต อิธ;

    ‘‘Ubho puññañca pāpañca, yaṃ macco kurute idha;

    ตญฺหิ ตสฺส สกํ โหติ, ตํว 277 อาทาย คจฺฉติ;

    Tañhi tassa sakaṃ hoti, taṃva 278 ādāya gacchati;

    ตํวสฺส อนุคํ โหติ, ฉายาว อนปายินี’’ติฯ

    Taṃvassa anugaṃ hoti, chāyāva anapāyinī’’ti.

    อิทํ กมฺมํฯ

    Idaṃ kammaṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, พาลํ ปีฐสมารูฬฺหํ วา มญฺจสมารูฬฺหํ วา ฉมายํ 279 วา เสมานํ ยานิสฺส ปุเพฺพ ปาปกานิ กมฺมานิ กตานิ กาเยน ทุจฺจริตานิ วาจาย ทุจฺจริตานิ มนสา ทุจฺจริตานิ, ตานิสฺส ตมฺหิ สมเย โอลมฺพนฺติ อโชฺฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหตํ ปพฺพตกูฎานํ ฉายา สายนฺหสมยํ ปถวิยํ โอลมฺพนฺติ อโชฺฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, พาลํ ปีฐสมารูฬฺหํ วา มญฺจสมารูฬฺหํ วา ฉมายํ วา เสมานํ ยานิสฺส ปุเพฺพ ปาปกานิ กมฺมานิ กตานิ กาเยน ทุจฺจริตานิ วาจาย ทุจฺจริตานิ มนสา ทุจฺจริตานิ, ตานิสฺส ตมฺหิ สมเย โอลมฺพนฺติ อโชฺฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, พาลสฺส เอวํ โหติ ‘อกตํ วต เม กลฺยาณํ, อกตํ กุสลํ, อกตํ ภีรุตฺตาณํฯ กตํ ปาปํ, กตํ ลุทฺทํ, กตํ กิพฺพิสํ, ยาวตา โภ อกตกลฺยาณานํ อกตกุสลานํ อกตภีรุตฺตาณานํ กตปาปานํ กตลุทฺทานํ กตกิพฺพิสานํ คติ, ตํ คติํ เปจฺจ คจฺฉามี’ติ, โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ สโมฺมหํ อาปชฺชตี’’ติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bālaṃ pīṭhasamārūḷhaṃ vā mañcasamārūḷhaṃ vā chamāyaṃ 280 vā semānaṃ yānissa pubbe pāpakāni kammāni katāni kāyena duccaritāni vācāya duccaritāni manasā duccaritāni, tānissa tamhi samaye olambanti ajjholambanti abhippalambanti. Seyyathāpi, bhikkhave, mahataṃ pabbatakūṭānaṃ chāyā sāyanhasamayaṃ pathaviyaṃ olambanti ajjholambanti abhippalambanti. Evameva kho, bhikkhave, bālaṃ pīṭhasamārūḷhaṃ vā mañcasamārūḷhaṃ vā chamāyaṃ vā semānaṃ yānissa pubbe pāpakāni kammāni katāni kāyena duccaritāni vācāya duccaritāni manasā duccaritāni, tānissa tamhi samaye olambanti ajjholambanti abhippalambanti. Tatra, bhikkhave, bālassa evaṃ hoti ‘akataṃ vata me kalyāṇaṃ, akataṃ kusalaṃ, akataṃ bhīruttāṇaṃ. Kataṃ pāpaṃ, kataṃ luddaṃ, kataṃ kibbisaṃ, yāvatā bho akatakalyāṇānaṃ akatakusalānaṃ akatabhīruttāṇānaṃ katapāpānaṃ kataluddānaṃ katakibbisānaṃ gati, taṃ gatiṃ pecca gacchāmī’ti, so socati kilamati paridevati urattāḷiṃ kandati sammohaṃ āpajjatī’’ti.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตํ ปีฐสมารูฬฺหํ วา มญฺจสมารูฬฺหํ วา ฉมายํ วา เสมานํ ยานิสฺส ปุเพฺพ กลฺยาณานิ กมฺมานิ กตานิ กาเยน สุจริตานิ วาจาย สุจริตานิ มนสา สุจริตานิ, ตานิสฺส ตมฺหิ สมเย โอลมฺพนฺติ อโชฺฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหตํ ปพฺพตกูฎานํ ฉายา สายนฺหสมยํ ปถวิยํ โอลมฺพนฺติ อโชฺฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตํ ปีฐสมารูฬฺหํ วา มญฺจสมารูฬฺหํ วา ฉมายํ วา เสมานํ ยานิสฺส ปุเพฺพ กลฺยาณานิ กมฺมานิ กตานิ กาเยน สุจริตานิ วาจาย สุจริตานิ มนสา สุจริตานิ, ตานิสฺส ตมฺหิ สมเย โอลมฺพนฺติ อโชฺฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ‘เอวํ โหติ อกตํ วต เม ปาปํ , อกตํ ลุทฺทํ, อกตํ กิพฺพิสํฯ กตํ กลฺยาณํ, กตํ กุสลํ, กตํ ภีรุตฺตาณํ, ยาวตา โภ อกตปาปานํ อกตลุทฺทานํ อกตกิพฺพิสานํ กตกลฺยาณานํ กตกุสลานํ กตภีรุตฺตาณานํ คติ, ตํ คติํ เปจฺจ คจฺฉามี’ติ, โส น โสจติ น กิลมติ น ปริเทวติ น อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ น สโมฺมหํ อาปชฺชติ, ‘กตํ เม ปุญฺญํ, อกตํ ปาปํ, ยา ภวิสฺสติ คติ อกตปาปสฺส อกตลุทฺทสฺส อกตกิพฺพิสสฺส กตปุญฺญสฺส กตกุสลสฺส กตภีรุตฺตาณสฺส, ตํ เปจฺจ ภเว คติํ ปจฺจนุภวิสฺสามี’ติ วิปฺปฎิสาโร น ชายติฯ อวิปฺปฎิสาริโน โข, ภิกฺขเว, อิตฺถิยา วา ปุริสสฺส วา คิหิโน วา ปพฺพชิตสฺส วา ภทฺทกํ มรณํ ภทฺทิกา กาลงฺกิริยาติ วทามี’’ติฯ อิทํ กมฺมํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, paṇḍitaṃ pīṭhasamārūḷhaṃ vā mañcasamārūḷhaṃ vā chamāyaṃ vā semānaṃ yānissa pubbe kalyāṇāni kammāni katāni kāyena sucaritāni vācāya sucaritāni manasā sucaritāni, tānissa tamhi samaye olambanti ajjholambanti abhippalambanti. Seyyathāpi, bhikkhave, mahataṃ pabbatakūṭānaṃ chāyā sāyanhasamayaṃ pathaviyaṃ olambanti ajjholambanti abhippalambanti. Evameva kho, bhikkhave, paṇḍitaṃ pīṭhasamārūḷhaṃ vā mañcasamārūḷhaṃ vā chamāyaṃ vā semānaṃ yānissa pubbe kalyāṇāni kammāni katāni kāyena sucaritāni vācāya sucaritāni manasā sucaritāni, tānissa tamhi samaye olambanti ajjholambanti abhippalambanti. Tatra, bhikkhave, paṇḍitassa ‘evaṃ hoti akataṃ vata me pāpaṃ , akataṃ luddaṃ, akataṃ kibbisaṃ. Kataṃ kalyāṇaṃ, kataṃ kusalaṃ, kataṃ bhīruttāṇaṃ, yāvatā bho akatapāpānaṃ akataluddānaṃ akatakibbisānaṃ katakalyāṇānaṃ katakusalānaṃ katabhīruttāṇānaṃ gati, taṃ gatiṃ pecca gacchāmī’ti, so na socati na kilamati na paridevati na urattāḷiṃ kandati na sammohaṃ āpajjati, ‘kataṃ me puññaṃ, akataṃ pāpaṃ, yā bhavissati gati akatapāpassa akataluddassa akatakibbisassa katapuññassa katakusalassa katabhīruttāṇassa, taṃ pecca bhave gatiṃ paccanubhavissāmī’ti vippaṭisāro na jāyati. Avippaṭisārino kho, bhikkhave, itthiyā vā purisassa vā gihino vā pabbajitassa vā bhaddakaṃ maraṇaṃ bhaddikā kālaṅkiriyāti vadāmī’’ti. Idaṃ kammaṃ.

    ‘‘ตีณิมานิ , ภิกฺขเว, ทุจฺจริตานิฯ กตมานิ ตีณิ, กายทุจฺจริตํ วจีทุจฺจริตํ มโนทุจฺจริตํฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ทุจฺจริตานิฯ ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, สุจริตานิฯ กตมานิ ตีณิ? กายสุจริตํ วจีสุจริตํ มโนสุจริตํฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ สุจริตานิฯ อิทํ กมฺมํฯ

    ‘‘Tīṇimāni , bhikkhave, duccaritāni. Katamāni tīṇi, kāyaduccaritaṃ vacīduccaritaṃ manoduccaritaṃ. Imāni kho, bhikkhave, tīṇi duccaritāni. Tīṇimāni, bhikkhave, sucaritāni. Katamāni tīṇi? Kāyasucaritaṃ vacīsucaritaṃ manosucaritaṃ. Imāni kho, bhikkhave, tīṇi sucaritāni. Idaṃ kammaṃ.

    ตตฺถ กตโม วิปาโก?

    Tattha katamo vipāko?

    ‘‘ลาภา โว, ภิกฺขเว, สุลทฺธํ โว, ภิกฺขเว, ขโณ โว, ภิกฺขเว, ปฎิลโทฺธ พฺรหฺมจริยวาสายฯ ทิฎฺฐา มยา, ภิกฺขเว, ฉ ผสฺสายตนิกา นาม นิรยาฯ ตตฺถ ยํ กิญฺจิ จกฺขุนา รูปํ ปสฺสติ อนิฎฺฐรูปํเยว ปสฺสติ, โน อิฎฺฐรูปํฯ อกนฺตรูปํเยว ปสฺสติ, โน กนฺตรูปํฯ อมนาปรูปํเยว ปสฺสติ, โน มนาปรูปํฯ

    ‘‘Lābhā vo, bhikkhave, suladdhaṃ vo, bhikkhave, khaṇo vo, bhikkhave, paṭiladdho brahmacariyavāsāya. Diṭṭhā mayā, bhikkhave, cha phassāyatanikā nāma nirayā. Tattha yaṃ kiñci cakkhunā rūpaṃ passati aniṭṭharūpaṃyeva passati, no iṭṭharūpaṃ. Akantarūpaṃyeva passati, no kantarūpaṃ. Amanāparūpaṃyeva passati, no manāparūpaṃ.

    ยํ กิญฺจิ โสเตน สทฺทํ สุณาติ…เป.… ฆาเนน…เป.… ชิวฺหาย…เป.… กาเยน…เป.… ยํ กิญฺจิ มนสา ธมฺมํ วิชานาติ อนิฎฺฐธมฺมํเยว วิชานาติ, โน อิฎฺฐธมฺมํฯ อกนฺตธมฺมํเยว วิชานาติ, โน กนฺตธมฺมํฯ อมนาปธมฺมํเยว วิชานาติ, โน มนาปธมฺมํฯ ลาภา โว, ภิกฺขเว, สุลทฺธํ โว, ภิกฺขเว, ขโณ โว, ภิกฺขเว, ปฎิลโทฺธ พฺรหฺมจริยวาสายฯ

    Yaṃ kiñci sotena saddaṃ suṇāti…pe… ghānena…pe… jivhāya…pe… kāyena…pe… yaṃ kiñci manasā dhammaṃ vijānāti aniṭṭhadhammaṃyeva vijānāti, no iṭṭhadhammaṃ. Akantadhammaṃyeva vijānāti, no kantadhammaṃ. Amanāpadhammaṃyeva vijānāti, no manāpadhammaṃ. Lābhā vo, bhikkhave, suladdhaṃ vo, bhikkhave, khaṇo vo, bhikkhave, paṭiladdho brahmacariyavāsāya.

    ‘‘ทิฎฺฐา มยา, ภิกฺขเว, ฉ ผสฺสายตนิกา นาม สคฺคาฯ ตตฺถ ยํ กิญฺจิ จกฺขุนา รูปํ ปสฺสติ อิฎฺฐรูปํเยว ปสฺสติ, โน อนิฎฺฐรูปํฯ กนฺตรูปํเยว ปสฺสติ, โน อกนฺตรูปํฯ มนาปรูปํเยว ปสฺสติ, โน อมนาปรูปํฯ ยํ กิญฺจิ โสเตน สทฺทํ สุณาติ…เป.… ฆาเนน …เป.… ชิวฺหาย…เป.… กาเยน…เป.… มนสา ธมฺมํ วิชานาติ อิฎฺฐธมฺมํเยว วิชานาติ, โน อนิฎฺฐธมฺมํฯ กนฺตธมฺมํเยว วิชานาติ, โน อกนฺตธมฺมํฯ มนาปธมฺมํเยว วิชานาติ, โน อมนาปธมฺมํฯ ลาภา โว, ภิกฺขเว, สุลทฺธํ โว, ภิกฺขเว, ขโณ โว, ภิกฺขเว, ปฎิลโทฺธ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติฯ อยํ วิปาโกฯ

    ‘‘Diṭṭhā mayā, bhikkhave, cha phassāyatanikā nāma saggā. Tattha yaṃ kiñci cakkhunā rūpaṃ passati iṭṭharūpaṃyeva passati, no aniṭṭharūpaṃ. Kantarūpaṃyeva passati, no akantarūpaṃ. Manāparūpaṃyeva passati, no amanāparūpaṃ. Yaṃ kiñci sotena saddaṃ suṇāti…pe… ghānena …pe… jivhāya…pe… kāyena…pe… manasā dhammaṃ vijānāti iṭṭhadhammaṃyeva vijānāti, no aniṭṭhadhammaṃ. Kantadhammaṃyeva vijānāti, no akantadhammaṃ. Manāpadhammaṃyeva vijānāti, no amanāpadhammaṃ. Lābhā vo, bhikkhave, suladdhaṃ vo, bhikkhave, khaṇo vo, bhikkhave, paṭiladdho brahmacariyavāsāyā’’ti. Ayaṃ vipāko.

    ‘‘สฎฺฐิวสฺสสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ สพฺพโส;

    ‘‘Saṭṭhivassasahassāni, paripuṇṇāni sabbaso;

    นิรเย ปจฺจมานานํ 281, กทา อโนฺต ภวิสฺสติฯ

    Niraye paccamānānaṃ 282, kadā anto bhavissati.

    ‘‘นตฺถิ อโนฺต กุโต อโนฺต, น อโนฺต ปฎิทิสฺสติ 283;

    ‘‘Natthi anto kuto anto, na anto paṭidissati 284;

    ตทา หิ ปกตํ ปาปํ, ตุยฺหํ มยฺหญฺจ มาริสา’’ติฯ

    Tadā hi pakataṃ pāpaṃ, tuyhaṃ mayhañca mārisā’’ti.

    อยํ วิปาโกฯ

    Ayaṃ vipāko.

    ๑๒๑. ตตฺถ กตมํ กมฺมญฺจ วิปาโก จ?

    121. Tattha katamaṃ kammañca vipāko ca?

    ‘‘อธมฺมจารี หิ นโร ปมโตฺต, ยหิํ ยหิํ คจฺฉติ ทุคฺคติํ โย;

    ‘‘Adhammacārī hi naro pamatto, yahiṃ yahiṃ gacchati duggatiṃ yo;

    โส นํ อธโมฺม จริโต หนาติ, สยํ คหีโต ยถา กณฺหสโปฺปฯ

    So naṃ adhammo carito hanāti, sayaṃ gahīto yathā kaṇhasappo.

    ‘‘น หิ 285 ธโมฺม อธโมฺม จ, อุโภ สมวิปากิโน;

    ‘‘Na hi 286 dhammo adhammo ca, ubho samavipākino;

    อธโมฺม นิรยํ เนติ, ธโมฺม ปาเปติ สุคฺคติ’’นฺติฯ

    Adhammo nirayaṃ neti, dhammo pāpeti suggati’’nti.

    อิทํ กมฺมญฺจ วิปาโก จฯ

    Idaṃ kammañca vipāko ca.

    ‘‘มา, ภิกฺขเว, ปุญฺญานํ ภายิตฺถ, สุขเสฺสตํ, ภิกฺขเว, อธิวจนํ อิฎฺฐสฺส กนฺตสฺส ปิยสฺส มนาปสฺส ยทิทํ ปุญฺญานิฯ อภิชานามิ โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, ทีฆรตฺตํ กตานํ ปุญฺญานํ อิฎฺฐํ 287 กนฺตํ ปิยํ มนาปํ วิปากํ ปจฺจนุภูตํ, สตฺต วสฺสานิ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตฺวา สตฺต สํวฎฺฎวิวฎฺฎกเปฺป น อิมํ 288 โลกํ ปุนราคมาสิํฯ สํวฎฺฎมาเน สุทาหํ, ภิกฺขเว, กเปฺป อาภสฺสรูปโค โหมิฯ วิวฎฺฎมาเน กเปฺป สุญฺญํ พฺรหฺมวิมานํ อุปปชฺชามิฯ ตตฺร สุทาหํ 289, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา โหมิ มหาพฺรหฺมา อภิภู อนภิภูโต อญฺญทตฺถุทโส วสวตฺตีฯ ฉตฺติํสกฺขตฺตุํ โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, สโกฺก อโหสิํ เทวานมิโนฺท, อเนกสตกฺขตฺตุํ ราชา อโหสิํ จกฺกวตฺตี 290 ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรโนฺต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺต สตฺตรตนสมนฺนาคโต, โก ปน วาโท ปเทสรชฺชสฺส? ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ ‘กิสฺส นุ โข เม อิทํ กมฺมสฺส ผลํ, กิสฺส กมฺมสฺส วิปาโก, เยนาหํ เอตรหิ เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว’ติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ ‘ติณฺณํ โข เม อิทํ กมฺมานํ ผลํ, ติณฺณํ กมฺมานํ วิปาโกฯ เยนาหํ เอตรหิ เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว’ติฯ เสยฺยถิทํ, ทานสฺส ทมสฺส สํยมสฺสา’’ติฯ ตตฺถ ยญฺจ ทานํ โย จ ทโม โย จ สํยโม, อิทํ กมฺมํฯ โย ตปฺปจฺจยา วิปาโก ปจฺจนุภูโต, อยํ วิปาโกฯ ตถา จูฬกมฺมวิภโงฺค วตฺตโพฺพฯ

    ‘‘Mā, bhikkhave, puññānaṃ bhāyittha, sukhassetaṃ, bhikkhave, adhivacanaṃ iṭṭhassa kantassa piyassa manāpassa yadidaṃ puññāni. Abhijānāmi kho panāhaṃ, bhikkhave, dīgharattaṃ katānaṃ puññānaṃ iṭṭhaṃ 291 kantaṃ piyaṃ manāpaṃ vipākaṃ paccanubhūtaṃ, satta vassāni mettacittaṃ bhāvetvā satta saṃvaṭṭavivaṭṭakappe na imaṃ 292 lokaṃ punarāgamāsiṃ. Saṃvaṭṭamāne sudāhaṃ, bhikkhave, kappe ābhassarūpago homi. Vivaṭṭamāne kappe suññaṃ brahmavimānaṃ upapajjāmi. Tatra sudāhaṃ 293, bhikkhave, brahmā homi mahābrahmā abhibhū anabhibhūto aññadatthudaso vasavattī. Chattiṃsakkhattuṃ kho panāhaṃ, bhikkhave, sakko ahosiṃ devānamindo, anekasatakkhattuṃ rājā ahosiṃ cakkavattī 294 dhammiko dhammarājā cāturanto vijitāvī janapadatthāvariyappatto sattaratanasamannāgato, ko pana vādo padesarajjassa? Tassa mayhaṃ, bhikkhave, etadahosi ‘kissa nu kho me idaṃ kammassa phalaṃ, kissa kammassa vipāko, yenāhaṃ etarahi evaṃmahiddhiko evaṃmahānubhāvo’ti. Tassa mayhaṃ, bhikkhave, etadahosi ‘tiṇṇaṃ kho me idaṃ kammānaṃ phalaṃ, tiṇṇaṃ kammānaṃ vipāko. Yenāhaṃ etarahi evaṃmahiddhiko evaṃmahānubhāvo’ti. Seyyathidaṃ, dānassa damassa saṃyamassā’’ti. Tattha yañca dānaṃ yo ca damo yo ca saṃyamo, idaṃ kammaṃ. Yo tappaccayā vipāko paccanubhūto, ayaṃ vipāko. Tathā cūḷakammavibhaṅgo vattabbo.

    ยํ สุภสฺส มาณวสฺส โตเทยฺยปุตฺตสฺส เทสิตํฯ ตตฺถ เย ธมฺมา อปฺปายุกทีฆายุกตาย สํวตฺตนฺติ พหฺวาพาธอปฺปาพาธตาย อเปฺปสกฺขมเหสกฺขตาย ทุพฺพณฺณสุวณฺณตาย นีจกุลิกอุจฺจกุลิกตาย อปฺปโภคมหาโภคตาย ทุปฺปญฺญปญฺญวนฺตตาย จ สํวตฺตนฺติ, อิทํ กมฺมํฯ ยา ตตฺถ อปฺปายุกทีฆายุกตา…เป.… ทุปฺปญฺญปญฺญวนฺตตา, อยํ วิปาโกฯ อิทํ กมฺมญฺจ วิปาโก จฯ

    Yaṃ subhassa māṇavassa todeyyaputtassa desitaṃ. Tattha ye dhammā appāyukadīghāyukatāya saṃvattanti bahvābādhaappābādhatāya appesakkhamahesakkhatāya dubbaṇṇasuvaṇṇatāya nīcakulikauccakulikatāya appabhogamahābhogatāya duppaññapaññavantatāya ca saṃvattanti, idaṃ kammaṃ. Yā tattha appāyukadīghāyukatā…pe… duppaññapaññavantatā, ayaṃ vipāko. Idaṃ kammañca vipāko ca.

    ๑๒๒. ตตฺถ กตมํ กุสลํ?

    122. Tattha katamaṃ kusalaṃ?

    ‘‘วาจานุรกฺขี มนสา สุสํวุโต, กาเยน จ นากุสลํ กยิรา 295;

    ‘‘Vācānurakkhī manasā susaṃvuto, kāyena ca nākusalaṃ kayirā 296;

    เอเต ตโย กมฺมปเถ วิโสธเย, อาราธเย มคฺคมิสิปฺปเวทิต’’นฺติฯ

    Ete tayo kammapathe visodhaye, ārādhaye maggamisippavedita’’nti.

    อิทํ กุสลํฯ

    Idaṃ kusalaṃ.

    ‘‘ยสฺส กาเยน วาจาย, มนสา นตฺถิ ทุกฺกฎํ;

    ‘‘Yassa kāyena vācāya, manasā natthi dukkaṭaṃ;

    สํวุตํ ตีหิ ฐาเนหิ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติฯ

    Saṃvutaṃ tīhi ṭhānehi, tamahaṃ brūmi brāhmaṇa’’nti.

    อิทํ กุสลํฯ

    Idaṃ kusalaṃ.

    ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, กุสลมูลานิฯ กตมานิ ตีณิ? อโลโภ กุสลมูลํ, อโทโส กุสลมูลํ, อโมโห กุสลมูลํฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ กุสลมูลานิฯ อิทํ กุสลํฯ ‘‘วิชฺชา, ภิกฺขเว 297, ปุพฺพงฺคมา กุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา อนุเทว 298 หิรี โอตฺตปฺปญฺจา’’ติฯ อิทํ กุสลํฯ

    ‘‘Tīṇimāni, bhikkhave, kusalamūlāni. Katamāni tīṇi? Alobho kusalamūlaṃ, adoso kusalamūlaṃ, amoho kusalamūlaṃ. Imāni kho, bhikkhave, tīṇi kusalamūlāni. Idaṃ kusalaṃ. ‘‘Vijjā, bhikkhave 299, pubbaṅgamā kusalānaṃ dhammānaṃ samāpattiyā anudeva 300 hirī ottappañcā’’ti. Idaṃ kusalaṃ.

    ตตฺถ กตมํ อกุสลํ?

    Tattha katamaṃ akusalaṃ?

    ‘‘ยสฺส อจฺจนฺต ทุสฺสีลฺยํ, มาลุวา สาลมิโวตฺถตํ;

    ‘‘Yassa accanta dussīlyaṃ, māluvā sālamivotthataṃ;

    กโรติ โส ตถตฺตานํ, ยถา นํ อิจฺฉตี ทิโส’’ติฯ

    Karoti so tathattānaṃ, yathā naṃ icchatī diso’’ti.

    อิทํ อกุสลํฯ

    Idaṃ akusalaṃ.

    ‘‘อตฺตนา หิ กตํ ปาปํ, อตฺตชํ อตฺตสมฺภวํ;

    ‘‘Attanā hi kataṃ pāpaṃ, attajaṃ attasambhavaṃ;

    อภิมตฺถติ 301 ทุเมฺมธํ, วชิรํวสฺมมยํ มณิ’’นฺติฯ

    Abhimatthati 302 dummedhaṃ, vajiraṃvasmamayaṃ maṇi’’nti.

    อิทํ อกุสลํฯ

    Idaṃ akusalaṃ.

    ‘‘ทส กมฺมปเถ นิเสวิย, อกุสลากุสเลหิ วิวชฺชิตา;

    ‘‘Dasa kammapathe niseviya, akusalākusalehi vivajjitā;

    ครหา จ ภวนฺติ เทวเต, พาลมตี นิรเยสุ ปจฺจเร’’ติฯ

    Garahā ca bhavanti devate, bālamatī nirayesu paccare’’ti.

    อิทํ อกุสลํฯ

    Idaṃ akusalaṃ.

    ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อกุสลมูลานิ 303, กตมานิ ตีณิ? โลโภ อกุสลมูลํ, โทโส อกุสลมูลํ, โมโห อกุสลมูลํฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ อกุสลมูลานิ’’ฯ อิทํ อกุสลํฯ

    ‘‘Tīṇimāni, bhikkhave, akusalamūlāni 304, katamāni tīṇi? Lobho akusalamūlaṃ, doso akusalamūlaṃ, moho akusalamūlaṃ. Imāni kho, bhikkhave, tīṇi akusalamūlāni’’. Idaṃ akusalaṃ.

    ตตฺถ กตมํ กุสลญฺจ อกุสลญฺจ?

    Tattha katamaṃ kusalañca akusalañca?

    ‘‘ยาทิสํ 305 วปเต พีชํ, ตาทิสํ หรเต ผลํ;

    ‘‘Yādisaṃ 306 vapate bījaṃ, tādisaṃ harate phalaṃ;

    กลฺยาณการี กลฺยาณํ, ปาปการี จ ปาปก’’นฺติฯ

    Kalyāṇakārī kalyāṇaṃ, pāpakārī ca pāpaka’’nti.

    ตตฺถ ยํ อาห ‘‘กลฺยาณการี กลฺยาณ’’นฺติ, อิทํ กุสลํฯ ยํ อาห ‘‘ปาปการี จ ปาปก’’นฺติ, อิทํ อกุสลํฯ อิทํ กุสลญฺจ อกุสลญฺจฯ

    Tattha yaṃ āha ‘‘kalyāṇakārī kalyāṇa’’nti, idaṃ kusalaṃ. Yaṃ āha ‘‘pāpakārī ca pāpaka’’nti, idaṃ akusalaṃ. Idaṃ kusalañca akusalañca.

    ‘‘สุเภน กเมฺมน วชนฺติ สุคฺคติํ, อปายภูมิํ อสุเภน กมฺมุนา;

    ‘‘Subhena kammena vajanti suggatiṃ, apāyabhūmiṃ asubhena kammunā;

    ขยา จ กมฺมสฺส วิมุตฺตเจตโส, นิพฺพนฺติ เต โชติริวินฺธนกฺขยา’’ฯ

    Khayā ca kammassa vimuttacetaso, nibbanti te jotirivindhanakkhayā’’.

    ตตฺถ ยํ อาห ‘‘สุเภน กเมฺมน วชนฺติ สุคฺคติ’’นฺติ, อิทํ กุสลํฯ ยํ อาห ‘‘อปายภูมิํ อสุเภน กมฺมุนา’’ติ, อิทํ อกุสลํฯ อิทํ กุสลญฺจ อกุสลญฺจฯ

    Tattha yaṃ āha ‘‘subhena kammena vajanti suggati’’nti, idaṃ kusalaṃ. Yaṃ āha ‘‘apāyabhūmiṃ asubhena kammunā’’ti, idaṃ akusalaṃ. Idaṃ kusalañca akusalañca.

    ๑๒๓. ตตฺถ กตมํ อนุญฺญาตํ?

    123. Tattha katamaṃ anuññātaṃ?

    ‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผํ, วณฺณคนฺธมเหฐยํ 307;

    ‘‘Yathāpi bhamaro pupphaṃ, vaṇṇagandhamaheṭhayaṃ 308;

    ปเลติ 309 รสมาทาย, เอวํ คาเม มุนี จเร’’ติฯ

    Paleti 310 rasamādāya, evaṃ gāme munī care’’ti.

    อิทํ อนุญฺญาตํฯ

    Idaṃ anuññātaṃ.

    ‘‘ตีณิมานิ , ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ กรณียานิฯ กตมานิ ตีณิ, อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปโนฺน อณุมเตฺตสุ วเชฺชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ, กายกมฺมวจีกเมฺมน สมนฺนาคโต กุสเลน ปริสุทฺธาชีโวฯ อารทฺธวีริโย โข ปน โหติ ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย สจฺฉิกิริยายฯ ปญฺญวา โข ปน โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปญฺญาย สมนฺนาคโต อริยาย นิเพฺพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยาฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ตีณิ กรณียานี’’ติฯ อิทํ อนุญฺญาตํฯ

    ‘‘Tīṇimāni , bhikkhave, bhikkhūnaṃ karaṇīyāni. Katamāni tīṇi, idha, bhikkhave, bhikkhu pātimokkhasaṃvarasaṃvuto viharati ācāragocarasampanno aṇumattesu vajjesu bhayadassāvī, samādāya sikkhati sikkhāpadesu, kāyakammavacīkammena samannāgato kusalena parisuddhājīvo. Āraddhavīriyo kho pana hoti thāmavā daḷhaparakkamo anikkhittadhuro akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya kusalānaṃ dhammānaṃ bhāvanāya sacchikiriyāya. Paññavā kho pana hoti udayatthagāminiyā paññāya samannāgato ariyāya nibbedhikāya sammā dukkhakkhayagāminiyā. Imāni kho, bhikkhave, bhikkhūnaṃ tīṇi karaṇīyānī’’ti. Idaṃ anuññātaṃ.

    ‘‘ทสยิเม 311, ภิกฺขเว, ธมฺมา ปพฺพชิเตน อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพาฯ กตเม ทส? ‘เววณฺณิยมฺหิ อชฺฌุปคโต’ติ ปพฺพชิเตน อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ…เป.… อิเม โข ภิกฺขเว ทส ธมฺมา ปพฺพชิเตน อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพา’’ติฯ อิทํ อนุญฺญาตํฯ

    ‘‘Dasayime 312, bhikkhave, dhammā pabbajitena abhiṇhaṃ paccavekkhitabbā. Katame dasa? ‘Vevaṇṇiyamhi ajjhupagato’ti pabbajitena abhiṇhaṃ paccavekkhitabbaṃ…pe… ime kho bhikkhave dasa dhammā pabbajitena abhiṇhaṃ paccavekkhitabbā’’ti. Idaṃ anuññātaṃ.

    ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, กรณียานิฯ กตมานิ ตีณิ? กายสุจริตํ วจีสุจริตํ มโนสุจริตนฺติฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ กรณียานี’’ติฯ อิทํ อนุญฺญาตํฯ

    ‘‘Tīṇimāni, bhikkhave, karaṇīyāni. Katamāni tīṇi? Kāyasucaritaṃ vacīsucaritaṃ manosucaritanti. Imāni kho, bhikkhave, tīṇi karaṇīyānī’’ti. Idaṃ anuññātaṃ.

    ตตฺถ กตมํ ปฎิกฺขิตฺตํ?

    Tattha katamaṃ paṭikkhittaṃ?

    ‘‘นตฺถิ ปุตฺตสมํ เปมํ, นตฺถิ โคสมิตํ 313 ธนํ;

    ‘‘Natthi puttasamaṃ pemaṃ, natthi gosamitaṃ 314 dhanaṃ;

    นตฺถิ สูริยสมา 315 อาภา, สมุทฺทปรมา สรา’’ติฯ

    Natthi sūriyasamā 316 ābhā, samuddaparamā sarā’’ti.

    ภควา อาห –

    Bhagavā āha –

    ‘‘นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ, นตฺถิ ธญฺญสมํ ธนํ;

    ‘‘Natthi attasamaṃ pemaṃ, natthi dhaññasamaṃ dhanaṃ;

    นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา, วุฎฺฐิเวปรมา สรา’’ติฯ

    Natthi paññāsamā ābhā, vuṭṭhiveparamā sarā’’ti.

    เอตฺถ ยํ ปุริมกํ, อิทํ ปฎิกฺขิตฺตํฯ

    Ettha yaṃ purimakaṃ, idaṃ paṭikkhittaṃ.

    ‘‘ตีณิมานิ , ภิกฺขเวऋ อกรณียานิฯ กตมานิ ตีณิ? กายทุจฺจริตํ วจีทุจฺจริตํ มโนทุจฺจริตนฺติฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ อกรณียานี’’ติฯ อิทํ ปฎิกฺขิตฺตํฯ

    ‘‘Tīṇimāni , bhikkhaveऋ akaraṇīyāni. Katamāni tīṇi? Kāyaduccaritaṃ vacīduccaritaṃ manoduccaritanti. Imāni kho, bhikkhave, tīṇi akaraṇīyānī’’ti. Idaṃ paṭikkhittaṃ.

    ๑๒๔. ตตฺถ กตมํ อนุญฺญาตญฺจ ปฎิกฺขิตฺตญฺจ?

    124. Tattha katamaṃ anuññātañca paṭikkhittañca?

    ‘‘กิํสูธ ภีตา ชนตา อเนกา, มโคฺค จเนกายตโน ปวุโตฺต 317;

    ‘‘Kiṃsūdha bhītā janatā anekā, maggo canekāyatano pavutto 318;

    ปุจฺฉามิ ตํ โคตม ภูริปญฺญ, กิสฺมิํ ฐิโต ปรโลกํ น ภาเยติฯ

    Pucchāmi taṃ gotama bhūripañña, kismiṃ ṭhito paralokaṃ na bhāyeti.

    ‘‘วาจํ มนญฺจ ปณิธาย สมฺมา, กาเยน ปาปานิ อกุพฺพมาโน;

    ‘‘Vācaṃ manañca paṇidhāya sammā, kāyena pāpāni akubbamāno;

    พหฺวนฺนปานํ ฆรมาวสโนฺต, สโทฺธ มุทู สํวิภาคี วทญฺญู;

    Bahvannapānaṃ gharamāvasanto, saddho mudū saṃvibhāgī vadaññū;

    เอเตสุ ธเมฺมสุ ฐิโต จตูสุ, ธเมฺม ฐิโต ปรโลกํ น ภาเย’’ติฯ

    Etesu dhammesu ṭhito catūsu, dhamme ṭhito paralokaṃ na bhāye’’ti.

    ตตฺถ ยํ อาห ‘‘วาจํ มนญฺจ ปณิธาย สมฺมา’’ติ, อิทํ อนุญฺญาตํฯ ‘‘กาเยน ปาปานิ อกุพฺพมาโน’’ติ, อิทํ ปฎิกฺขิตฺตํฯ ‘‘พหฺวนฺนปานํ ฆรมาวสโนฺต, สโทฺธ มุทู สํวิภาคี วทญฺญูฯ เอเตสุ ธเมฺมสุ ฐิโต จตูสุ, ธเมฺม ฐิโต ปรโลกํ น ภาเย’’ติ, อิทํ อนุญฺญาตํฯ อิทํ อนุญฺญาตญฺจ ปฎิกฺขิตฺตญฺจฯ

    Tattha yaṃ āha ‘‘vācaṃ manañca paṇidhāya sammā’’ti, idaṃ anuññātaṃ. ‘‘Kāyena pāpāni akubbamāno’’ti, idaṃ paṭikkhittaṃ. ‘‘Bahvannapānaṃ gharamāvasanto, saddho mudū saṃvibhāgī vadaññū. Etesu dhammesu ṭhito catūsu, dhamme ṭhito paralokaṃ na bhāye’’ti, idaṃ anuññātaṃ. Idaṃ anuññātañca paṭikkhittañca.

    ‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;

    ‘‘Sabbapāpassa akaraṇaṃ, kusalassa upasampadā;

    สจิตฺตปริโยทาปนํ, เอตํ พุทฺธานสาสนํ’’ฯ

    Sacittapariyodāpanaṃ, etaṃ buddhānasāsanaṃ’’.

    ตตฺถ ยํ อาห ‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณ’’นฺติ, อิทํ ปฎิกฺขิตฺตํ, ยํ อาห ‘‘กุสลสฺส อุปสมฺปทา’’ติ, อิทํ อนุญฺญาตํฯ อิทํ อนุญฺญาตญฺจ ปฎิกฺขิตฺตญฺจฯ

    Tattha yaṃ āha ‘‘sabbapāpassa akaraṇa’’nti, idaṃ paṭikkhittaṃ, yaṃ āha ‘‘kusalassa upasampadā’’ti, idaṃ anuññātaṃ. Idaṃ anuññātañca paṭikkhittañca.

    ‘‘กายสมาจารมฺปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิฯ วจีสมาจารมฺปาหํ , เทวานมินฺท , ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิฯ มโนสมาจารมฺปาหํ เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ…เป.… ปริเยสนมฺปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิ’’ฯ

    ‘‘Kāyasamācārampāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi sevitabbampi asevitabbampi. Vacīsamācārampāhaṃ , devānaminda , duvidhena vadāmi sevitabbampi asevitabbampi. Manosamācārampāhaṃ devānaminda, duvidhena vadāmi…pe… pariyesanampāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi sevitabbampi asevitabbampi’’.

    ‘‘กายสมาจารมฺปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ ยถารูปญฺจ โข กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, เอวรูโป กายสมาจาโร น เสวิตโพฺพฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา กายสมาจารํ ‘‘อิมํ 319 โข เม กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’’ติ, เอวรูโป กายสมาจาโร เสวิตโพฺพฯ ‘‘กายสมาจารมฺปาหํ เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ ‘‘วจีสมาจารํ…เป.… ‘‘ปริเยสนมฺปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ ยถารูปญฺจ โข ปริเยสนํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, เอวรูปา ปริเยสนา น เสวิตพฺพาฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา ปริเยสนํ ‘‘อิมํ โข เม ปริเยสนํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’’ติ, เอวรูปา ปริเยสนา เสวิตพฺพาฯ ‘‘ปริเยสนมฺปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘Kāyasamācārampāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi sevitabbampi asevitabbampī’’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ. Yathārūpañca kho kāyasamācāraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti, evarūpo kāyasamācāro na sevitabbo. Tattha yaṃ jaññā kāyasamācāraṃ ‘‘imaṃ 320 kho me kāyasamācāraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’’ti, evarūpo kāyasamācāro sevitabbo. ‘‘Kāyasamācārampāhaṃ devānaminda, duvidhena vadāmi sevitabbampi asevitabbampī’’ti iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ. ‘‘Vacīsamācāraṃ…pe… ‘‘pariyesanampāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi sevitabbampi asevitabbampī’’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ. Yathārūpañca kho pariyesanaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti, evarūpā pariyesanā na sevitabbā. Tattha yaṃ jaññā pariyesanaṃ ‘‘imaṃ kho me pariyesanaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’’ti, evarūpā pariyesanā sevitabbā. ‘‘Pariyesanampāhaṃ, devānaminda, duvidhena vadāmi sevitabbampi asevitabbampī’’ti iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ตตฺถ ยํ อาห ‘‘เสวิตพฺพมฺปี’’ติ, อิทํ อนุญฺญาตํฯ ยํ อาห ‘‘น เสวิตพฺพมฺปี’’ติ, อิทํ ปฎิกฺขิตฺตํฯ อิทํ อนุญฺญาตญฺจ ปฎิกฺขิตฺตญฺจฯ

    Tattha yaṃ āha ‘‘sevitabbampī’’ti, idaṃ anuññātaṃ. Yaṃ āha ‘‘na sevitabbampī’’ti, idaṃ paṭikkhittaṃ. Idaṃ anuññātañca paṭikkhittañca.

    ๑๗๐. ตตฺถ กตโม ถโว?

    170. Tattha katamo thavo?

    ‘‘มคฺคานฎฺฐงฺคิโก 321 เสโฎฺฐ, สจฺจานํ จตุโร ปทา;

    ‘‘Maggānaṭṭhaṅgiko 322 seṭṭho, saccānaṃ caturo padā;

    วิราโค เสโฎฺฐ ธมฺมานํ, ทฺวิปทานญฺจ จกฺขุมา’’ติฯ

    Virāgo seṭṭho dhammānaṃ, dvipadānañca cakkhumā’’ti.

    อยํ ถโวฯ

    Ayaṃ thavo.

    ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อคฺคานิฯ กตมานิ ตีณิ? ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา จตุปฺปทา วา พหุปฺปทา วา รูปิโน วา อรูปิโน วา สญฺญิโน วา อสญฺญิโน วา เนวสญฺญีนาสญฺญิโน วา, ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายติ เสฎฺฐมกฺขายติ ปวรมกฺขายติ , ยทิทํ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธฯ ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ 323 ปณฺณตฺติสงฺขตานํ วา อสงฺขตานํ วา, วิราโค เตสํ ธมฺมานํ อคฺคมกฺขายติ เสฎฺฐมกฺขายติ ปวรมกฺขายติ, ยทิทํ มทนิมฺมทโน…เป.… นิโรโธ นิพฺพานํฯ ยาวตา, ภิกฺขเว, สงฺฆานํ ปณฺณตฺติ คณานํ ปณฺณตฺติ มหาชนสนฺนิปาตานํ ปณฺณตฺติ, ตถาคตสาวกสโงฺฆ เตสํ อคฺคมกฺขายติ เสฎฺฐมกฺขายติ ปวรมกฺขายติ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฎฺฐ ปุริสปุคฺคลา…เป.… ปุญฺญเกฺขตฺตํ โลกสฺสาติฯ

    ‘‘Tīṇimāni, bhikkhave, aggāni. Katamāni tīṇi? Yāvatā, bhikkhave, sattā apadā vā dvipadā vā catuppadā vā bahuppadā vā rūpino vā arūpino vā saññino vā asaññino vā nevasaññīnāsaññino vā, tathāgato tesaṃ aggamakkhāyati seṭṭhamakkhāyati pavaramakkhāyati , yadidaṃ arahaṃ sammāsambuddho. Yāvatā, bhikkhave, dhammānaṃ 324 paṇṇattisaṅkhatānaṃ vā asaṅkhatānaṃ vā, virāgo tesaṃ dhammānaṃ aggamakkhāyati seṭṭhamakkhāyati pavaramakkhāyati, yadidaṃ madanimmadano…pe… nirodho nibbānaṃ. Yāvatā, bhikkhave, saṅghānaṃ paṇṇatti gaṇānaṃ paṇṇatti mahājanasannipātānaṃ paṇṇatti, tathāgatasāvakasaṅgho tesaṃ aggamakkhāyati seṭṭhamakkhāyati pavaramakkhāyati, yadidaṃ cattāri purisayugāni aṭṭha purisapuggalā…pe… puññakkhettaṃ lokassāti.

    ‘‘สพฺพโลกุตฺตโร สตฺถา, ธโมฺม จ กุสลกฺขโต 325;

    ‘‘Sabbalokuttaro satthā, dhammo ca kusalakkhato 326;

    คโณ จ นรสีหสฺส, ตานิ ตีณิ วิสฺสิสฺสเรฯ

    Gaṇo ca narasīhassa, tāni tīṇi vississare.

    ‘‘สมณปทุมสญฺจโย คโณ, ธมฺมวโร จ วิทูนํ สกฺกโต;

    ‘‘Samaṇapadumasañcayo gaṇo, dhammavaro ca vidūnaṃ sakkato;

    นรวรทมโก จ จกฺขุมา, ตานิ ตีณิ โลกสฺส อุตฺตริฯ

    Naravaradamako ca cakkhumā, tāni tīṇi lokassa uttari.

    ‘‘สตฺถา จ อปฺปฎิสโม, ธโมฺม จ สโพฺพ นิรุปทาโห;

    ‘‘Satthā ca appaṭisamo, dhammo ca sabbo nirupadāho;

    อริโย จ คณวโร, ตานิ ขลุ วิสฺสิสฺสเร ตีณิฯ

    Ariyo ca gaṇavaro, tāni khalu vississare tīṇi.

    ‘‘สจฺจนาโม ชิโน เขโม สพฺพาภิภู, สจฺจธโมฺม นตฺถโญฺญ ตสฺส อุตฺตริ;

    ‘‘Saccanāmo jino khemo sabbābhibhū, saccadhammo natthañño tassa uttari;

    อริยสโงฺฆ นิจฺจํ วิญฺญูนํ ปูชิโต, ตานิ ตีณิ โลกสฺส อุตฺตริฯ

    Ariyasaṅgho niccaṃ viññūnaṃ pūjito, tāni tīṇi lokassa uttari.

    ‘‘เอกายนํ ชาติขยนฺตทสฺสี, มคฺคํ ปชานาติ หิตานุกมฺปี;

    ‘‘Ekāyanaṃ jātikhayantadassī, maggaṃ pajānāti hitānukampī;

    เอเตน มเคฺคน ตริํสุ ปุเพฺพ, ตริสฺสนฺติ เย จ 327 ตรนฺติ โอฆํฯ

    Etena maggena tariṃsu pubbe, tarissanti ye ca 328 taranti oghaṃ.

    ‘‘ตํ ตาทิสํ เทวมนุสฺสเสฎฺฐํ;

    ‘‘Taṃ tādisaṃ devamanussaseṭṭhaṃ;

    สตฺตา นมสฺสนฺติ วิสุทฺธิเปกฺขา’’ติฯ

    Sattā namassanti visuddhipekkhā’’ti.

    อยํ ถโวติฯ

    Ayaṃ thavoti.

    ตตฺถ โลกิยํ สุตฺตํ ทฺวีหิ สุเตฺตหิ นิทฺทิสิตพฺพํ สํกิเลสภาคิเยน จ วาสนาภาคิเยน จฯ โลกุตฺตรํปิ สุตฺตํ ตีหิ สุเตฺตหิ นิทฺทิสิตพฺพํ ทสฺสนภาคิเยน จ ภาวนาภาคิเยน จ อเสกฺขภาคิเยน จฯ โลกิยญฺจ โลกุตฺตรญฺจฯ ยสฺมิํ สุเตฺต ยํ ยํ ปทํ ทิสฺสติ สํกิเลสภาคิยํ วา วาสนาภาคิยํ วา, เตน เตน โลกิยนฺติ นิทฺทิสิตพฺพํ, ทสฺสนภาคิยํ วา ภาวนาภาคิยํ วา อเสกฺขภาคิยํ วา ยํ ยํ ปทํ ทิสฺสติ เตน เตน โลกุตฺตรนฺติ นิทฺทิสิตพฺพํฯ

    Tattha lokiyaṃ suttaṃ dvīhi suttehi niddisitabbaṃ saṃkilesabhāgiyena ca vāsanābhāgiyena ca. Lokuttaraṃpi suttaṃ tīhi suttehi niddisitabbaṃ dassanabhāgiyena ca bhāvanābhāgiyena ca asekkhabhāgiyena ca. Lokiyañca lokuttarañca. Yasmiṃ sutte yaṃ yaṃ padaṃ dissati saṃkilesabhāgiyaṃ vā vāsanābhāgiyaṃ vā, tena tena lokiyanti niddisitabbaṃ, dassanabhāgiyaṃ vā bhāvanābhāgiyaṃ vā asekkhabhāgiyaṃ vā yaṃ yaṃ padaṃ dissati tena tena lokuttaranti niddisitabbaṃ.

    วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ สํกิเลสภาคิยสฺส สุตฺตสฺส นิคฺฆาตาย, ทสฺสนภาคิยํ สุตฺตํ วาสนาภาคิยสฺส สุตฺตสฺส นิคฺฆาตาย, ภาวนาภาคิยํ สุตฺตํ ทสฺสนภาคิยสฺส สุตฺตสฺส ปฎินิสฺสคฺคาย, อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ ภาวนาภาคิยสฺส สุตฺตสฺส ปฎินิสฺสคฺคาย, อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารตฺถํฯ

    Vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ saṃkilesabhāgiyassa suttassa nigghātāya, dassanabhāgiyaṃ suttaṃ vāsanābhāgiyassa suttassa nigghātāya, bhāvanābhāgiyaṃ suttaṃ dassanabhāgiyassa suttassa paṭinissaggāya, asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ bhāvanābhāgiyassa suttassa paṭinissaggāya, asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ diṭṭhadhammasukhavihāratthaṃ.

    โลกุตฺตรํ สุตฺตํ สตฺตาธิฎฺฐานํ ฉพฺพีสติยา ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํ, เต ตีหิ สุเตฺตหิ สมเนฺวสิตพฺพา ทสฺสนภาคิเยน ภาวนาภาคิเยน อเสกฺขภาคิเยน จาติฯ

    Lokuttaraṃ suttaṃ sattādhiṭṭhānaṃ chabbīsatiyā puggalehi niddisitabbaṃ, te tīhi suttehi samanvesitabbā dassanabhāgiyena bhāvanābhāgiyena asekkhabhāgiyena cāti.

    ตตฺถ ทสฺสนภาคิยํ สุตฺตํ ปญฺจหิ ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํ เอกพีชินา โกลํโกเลน สตฺตกฺขตฺตุปรเมน สทฺธานุสารินา ธมฺมานุสารินา จาติ, ทสฺสนภาคิยํ สุตฺตํ อิเมหิ ปญฺจหิ ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํฯ ภาวนาภาคิยํ สุตฺตํ ทฺวาทสหิ ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํ สกทาคามิผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปเนฺนน, สกทาคามินา, อนาคามิผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปเนฺนน, อนาคามินา , อนฺตรา ปรินิพฺพายินา, อุปหจฺจ ปรินิพฺพายินา, อสงฺขารปรินิพฺพายินา, สสงฺขารปรินิพฺพายินา, อุทฺธํโสเตน อกนิฎฺฐคามินา, สทฺธาวิมุเตฺตน, ทิฎฺฐิปฺปเตฺตน, กายสกฺขินา จาติ, ภาวนาภาคิยํ สุตฺตํ อิเมหิ ทฺวาทสหิ ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํฯ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ นวหิ ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํ สทฺธาวิมุเตฺตน, ปญฺญาวิมุเตฺตน, สุญฺญตวิมุเตฺตน, อนิมิตฺตวิมุเตฺตน, อปฺปณิหิตวิมุเตฺตน, อุภโตภาควิมุเตฺตน สมสีสินา ปเจฺจกพุทฺธสมฺมาสมฺพุเทฺธหิ จาติ, อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ อิเมหิ นวหิ ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํฯ เอวํ โลกุตฺตรํ สุตฺตํ สตฺตาธิฎฺฐานํ อิเมหิ ฉพฺพีสติยา ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํฯ

    Tattha dassanabhāgiyaṃ suttaṃ pañcahi puggalehi niddisitabbaṃ ekabījinā kolaṃkolena sattakkhattuparamena saddhānusārinā dhammānusārinā cāti, dassanabhāgiyaṃ suttaṃ imehi pañcahi puggalehi niddisitabbaṃ. Bhāvanābhāgiyaṃ suttaṃ dvādasahi puggalehi niddisitabbaṃ sakadāgāmiphalasacchikiriyāya paṭipannena, sakadāgāminā, anāgāmiphalasacchikiriyāya paṭipannena, anāgāminā , antarā parinibbāyinā, upahacca parinibbāyinā, asaṅkhāraparinibbāyinā, sasaṅkhāraparinibbāyinā, uddhaṃsotena akaniṭṭhagāminā, saddhāvimuttena, diṭṭhippattena, kāyasakkhinā cāti, bhāvanābhāgiyaṃ suttaṃ imehi dvādasahi puggalehi niddisitabbaṃ. Asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ navahi puggalehi niddisitabbaṃ saddhāvimuttena, paññāvimuttena, suññatavimuttena, animittavimuttena, appaṇihitavimuttena, ubhatobhāgavimuttena samasīsinā paccekabuddhasammāsambuddhehi cāti, asekkhabhāgiyaṃ suttaṃ imehi navahi puggalehi niddisitabbaṃ. Evaṃ lokuttaraṃ suttaṃ sattādhiṭṭhānaṃ imehi chabbīsatiyā puggalehi niddisitabbaṃ.

    โลกิยํ สุตฺตํ สตฺตาธิฎฺฐานํ เอกูนวีสติยา ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํฯ เต จริเตหิ นิทฺทิฎฺฐา สมเนฺวสิตพฺพา เกจิ ราคจริตา, เกจิ โทสจริตา, เกจิ โมหจริตา, เกจิ ราคจริตา จ โทสจริตา จ, เกจิ ราคจริตา จ โมหจริตา จ, เกจิ โทสจริตา จ โมหจริตา จ, เกจิ ราคจริตา จ โทสจริตา จ โมหจริตา จ, ราคมุเข ฐิโต ราคจริโต, ราคมุเข ฐิโต โทสจริโต, ราคมุเข ฐิโต โมหจริโต, ราคมุเข ฐิโต ราคจริโต จ โทสจริโต จ โมหจริโต จ, โทสมุเข ฐิโต โทสจริโต, โทสมุเข ฐิโต โมหจริโต, โทสมุเข ฐิโต ราคจริโต, โทสมุเข ฐิโต ราคจริโต จ โทสจริโต จ โมหจริโต จ, โมหมุเข ฐิโต โมหจริโต, โมหมุเข ฐิโต ราคจริโต โมหมุเข ฐิโต โทสจริโต, โมหมุเข ฐิโต ราคจริโต จ โทสจริโต จ โมหจริโต จาติ, โลกิยํ สุตฺตํ สตฺตาธิฎฺฐานํ อิเมหิ เอกูนวีสติยา ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํฯ

    Lokiyaṃ suttaṃ sattādhiṭṭhānaṃ ekūnavīsatiyā puggalehi niddisitabbaṃ. Te caritehi niddiṭṭhā samanvesitabbā keci rāgacaritā, keci dosacaritā, keci mohacaritā, keci rāgacaritā ca dosacaritā ca, keci rāgacaritā ca mohacaritā ca, keci dosacaritā ca mohacaritā ca, keci rāgacaritā ca dosacaritā ca mohacaritā ca, rāgamukhe ṭhito rāgacarito, rāgamukhe ṭhito dosacarito, rāgamukhe ṭhito mohacarito, rāgamukhe ṭhito rāgacarito ca dosacarito ca mohacarito ca, dosamukhe ṭhito dosacarito, dosamukhe ṭhito mohacarito, dosamukhe ṭhito rāgacarito, dosamukhe ṭhito rāgacarito ca dosacarito ca mohacarito ca, mohamukhe ṭhito mohacarito, mohamukhe ṭhito rāgacarito mohamukhe ṭhito dosacarito, mohamukhe ṭhito rāgacarito ca dosacarito ca mohacarito cāti, lokiyaṃ suttaṃ sattādhiṭṭhānaṃ imehi ekūnavīsatiyā puggalehi niddisitabbaṃ.

    วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ สีลวเนฺตหิ นิทฺทิสิตพฺพํ, เต สีลวโนฺต ปญฺจ ปุคฺคลา ปกติสีลํ สมาทานสีลํ จิตฺตปฺปสาโท สมโถ วิปสฺสนา จาติ, วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ อิเมหิ ปญฺจหิ ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํฯ

    Vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ sīlavantehi niddisitabbaṃ, te sīlavanto pañca puggalā pakatisīlaṃ samādānasīlaṃ cittappasādo samatho vipassanā cāti, vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ imehi pañcahi puggalehi niddisitabbaṃ.

    โลกุตฺตรํ สุตฺตํ ธมฺมาธิฎฺฐานํ ตีหิ สุเตฺตหิ นิทฺทิสิตพฺพํ ทสฺสนภาคิเยน ภาวนาภาคิเยน อเสกฺขภาคิเยน จฯ

    Lokuttaraṃ suttaṃ dhammādhiṭṭhānaṃ tīhi suttehi niddisitabbaṃ dassanabhāgiyena bhāvanābhāgiyena asekkhabhāgiyena ca.

    โลกิยญฺจ โลกุตฺตรญฺจ สตฺตาธิฎฺฐานญฺจ ธมฺมาธิฎฺฐานญฺจ อุภเยน นิทฺทิสิตพฺพํ, ญาณํ ปญฺญาย นิทฺทิสิตพฺพํ ปญฺญินฺทฺริเยน ปญฺญาพเลน อธิปญฺญาสิกฺขาย ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌเงฺคน สมฺมาทิฎฺฐิยา ตีรณาย สนฺตีรณาย ธเมฺม ญาเณน อนฺวเย ญาเณน ขเย ญาเณน อนุปฺปาเท ญาเณน อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริเยน อญฺญินฺทฺริเยน อญฺญาตาวินฺทฺริเยน จกฺขุนา วิชฺชาย พุทฺธิยา ภูริยา เมธาย, ยํ ยํ วา ปน ลพฺภติ, เตน เตน ปญฺญาธิวจเนน นิทฺทิสิตพฺพํฯ

    Lokiyañca lokuttarañca sattādhiṭṭhānañca dhammādhiṭṭhānañca ubhayena niddisitabbaṃ, ñāṇaṃ paññāya niddisitabbaṃ paññindriyena paññābalena adhipaññāsikkhāya dhammavicayasambojjhaṅgena sammādiṭṭhiyā tīraṇāya santīraṇāya dhamme ñāṇena anvaye ñāṇena khaye ñāṇena anuppāde ñāṇena anaññātaññassāmītindriyena aññindriyena aññātāvindriyena cakkhunā vijjāya buddhiyā bhūriyā medhāya, yaṃ yaṃ vā pana labbhati, tena tena paññādhivacanena niddisitabbaṃ.

    เญยฺยํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปเนฺนหิ อชฺฌตฺติกพาหิเรหิ หีนปฺปณีเตหิ ทูรสนฺติเกหิ สงฺขตาสงฺขเตหิ กุสลากุสลาพฺยากเตหิ สเงฺขปโต วา ฉหิ อารมฺมเณหิ นิทฺทิสิตพฺพํฯ ญาณญฺจ เญยฺยญฺจ ตทุภเยน นิทฺทิสิตพฺพํ, ปญฺญาปิ อารมฺมณภูตา เญยฺยํ, ยํ กิญฺจิ อารมฺมณภูตํ อชฺฌตฺติกํ วา พาหิรํ วา, สพฺพํ ตํ สงฺขเตน อสงฺขเตน จ นิทฺทิสิตพฺพํฯ

    Ñeyyaṃ atītānāgatapaccuppannehi ajjhattikabāhirehi hīnappaṇītehi dūrasantikehi saṅkhatāsaṅkhatehi kusalākusalābyākatehi saṅkhepato vā chahi ārammaṇehi niddisitabbaṃ. Ñāṇañca ñeyyañca tadubhayena niddisitabbaṃ, paññāpi ārammaṇabhūtā ñeyyaṃ, yaṃ kiñci ārammaṇabhūtaṃ ajjhattikaṃ vā bāhiraṃ vā, sabbaṃ taṃ saṅkhatena asaṅkhatena ca niddisitabbaṃ.

    ทสฺสนํ ภาวนา 329 สกวจนํ ปรวจนํ วิสชฺชนียํ อวิสชฺชนียํ กมฺมํ วิปาโกติ สพฺพตฺถ ตทุภยํ สุเตฺต ยถา นิทฺทิฎฺฐํ, ตถา อุปธารยิตฺวา ลพฺภมานโต นิทฺทิสิตพฺพํ, ยํ วา ปน กิญฺจิ ภควา อญฺญตรวจนํ ภาสติ, สพฺพํ ตํ ยถานิทฺทิฎฺฐํ ธารยิตพฺพํฯ

    Dassanaṃ bhāvanā 330 sakavacanaṃ paravacanaṃ visajjanīyaṃ avisajjanīyaṃ kammaṃ vipākoti sabbattha tadubhayaṃ sutte yathā niddiṭṭhaṃ, tathā upadhārayitvā labbhamānato niddisitabbaṃ, yaṃ vā pana kiñci bhagavā aññataravacanaṃ bhāsati, sabbaṃ taṃ yathāniddiṭṭhaṃ dhārayitabbaṃ.

    ทุวิโธ เหตุ ยญฺจ กมฺมํ เย จ กิเลสา, สมุทโย กิเลสาฯ ตตฺถ กิเลสา สํกิเลสภาคิเยน สุเตฺตน นิทฺทิสิตพฺพาฯ สมุทโย สํกิเลสภาคิเยน จ วาสนาภาคิเยน จ สุเตฺตน นิทฺทิสิตโพฺพฯ ตตฺถ กุสลํ จตูหิ สุเตฺตหิ นิทฺทิสิตพฺพํ วาสนาภาคิเยน ทสฺสนภาคิเยน ภาวนาภาคิเยน อเสกฺขภาคิเยน จฯ อกุสลํ สํกิเลสภาคิเยน สุเตฺตน นิทฺทิสิตพฺพํ ฯ กุสลญฺจ อกุสลญฺจ ตทุภเยน 331 นิทฺทิสิตพฺพํฯ อนุญฺญาตํ ภควโต อนุญฺญาตาย นิทฺทิสิตพฺพํ, ตํ ปญฺจวิธํ สํวโร ปหานํ ภาวนา สจฺฉิกิริยา กปฺปิยานุโลโมติ, ยํ ทิสฺสติ ตาสุ ตาสุ ภูมีสุ, ตํ กปฺปิยานุโลเมน นิทฺทิสิตพฺพํฯ ปฎิกฺขิตฺตํ ภควตา ปฎิกฺขิตฺตการเณน นิทฺทิสิตพฺพํฯ อนุญฺญาตญฺจ ปฎิกฺขิตฺตญฺจ ตทุภเยน นิทฺทิสิตพฺพํฯ ถโว ปสํสาย นิทฺทิสิตโพฺพฯ โส ปญฺจวิเธน เวทิตโพฺพ ภควโต ธมฺมสฺส อริยสงฺฆสฺส อริยธมฺมานํ สิกฺขาย โลกิยคุณสมฺปตฺติยาติฯ เอวํ ถโว ปญฺจวิเธน นิทฺทิสิตโพฺพฯ

    Duvidho hetu yañca kammaṃ ye ca kilesā, samudayo kilesā. Tattha kilesā saṃkilesabhāgiyena suttena niddisitabbā. Samudayo saṃkilesabhāgiyena ca vāsanābhāgiyena ca suttena niddisitabbo. Tattha kusalaṃ catūhi suttehi niddisitabbaṃ vāsanābhāgiyena dassanabhāgiyena bhāvanābhāgiyena asekkhabhāgiyena ca. Akusalaṃ saṃkilesabhāgiyena suttena niddisitabbaṃ . Kusalañca akusalañca tadubhayena 332 niddisitabbaṃ. Anuññātaṃ bhagavato anuññātāya niddisitabbaṃ, taṃ pañcavidhaṃ saṃvaro pahānaṃ bhāvanā sacchikiriyā kappiyānulomoti, yaṃ dissati tāsu tāsu bhūmīsu, taṃ kappiyānulomena niddisitabbaṃ. Paṭikkhittaṃ bhagavatā paṭikkhittakāraṇena niddisitabbaṃ. Anuññātañca paṭikkhittañca tadubhayena niddisitabbaṃ. Thavo pasaṃsāya niddisitabbo. So pañcavidhena veditabbo bhagavato dhammassa ariyasaṅghassa ariyadhammānaṃ sikkhāya lokiyaguṇasampattiyāti. Evaṃ thavo pañcavidhena niddisitabbo.

    อินฺทฺริยภูมิ นวหิ ปเทหิ นิทฺทิสิตพฺพา, กิเลสภูมิ นวหิ ปเทหิ นิทฺทิสิตพฺพา, เอวเมตานิ อฎฺฐารส ปทานิ โหนฺติ นว ปทานิ กุสลานิ นว ปทานิ อกุสลานีติ, ตถาหิ วุตฺตํ ‘‘อฎฺฐารส มูลปทา กุหิํ ทฎฺฐพฺพา, สาสนปฺปฎฺฐาเน’’ติฯ เตนาห อายสฺมา มหากจฺจายโน –

    Indriyabhūmi navahi padehi niddisitabbā, kilesabhūmi navahi padehi niddisitabbā, evametāni aṭṭhārasa padāni honti nava padāni kusalāni nava padāni akusalānīti, tathāhi vuttaṃ ‘‘aṭṭhārasa mūlapadā kuhiṃ daṭṭhabbā, sāsanappaṭṭhāne’’ti. Tenāha āyasmā mahākaccāyano –

    ‘‘นวหิ จ ปเทหิ กุสลา, นวหิ จ ยุชฺชนฺติ อกุสลปฺปกฺขา;

    ‘‘Navahi ca padehi kusalā, navahi ca yujjanti akusalappakkhā;

    เอเต ขลุ มูลปทา, ภวนฺติ อฎฺฐารส ปทานี’’ติฯ

    Ete khalu mūlapadā, bhavanti aṭṭhārasa padānī’’ti.

    นิยุตฺตํ สาสนปฺปฎฺฐานํฯ

    Niyuttaṃ sāsanappaṭṭhānaṃ.

    เอตฺตาวตา สมตฺตา เนตฺติ ยา อายสฺมตา มหากจฺจายเนน ภาสิตา ภควตา อนุโมทิตา มูลสงฺคีติยํ สงฺคีตาติฯ

    Ettāvatā samattā netti yā āyasmatā mahākaccāyanena bhāsitā bhagavatā anumoditā mūlasaṅgītiyaṃ saṅgītāti.

    เนตฺติปฺปกรณํ นิฎฺฐิตํฯ

    Nettippakaraṇaṃ niṭṭhitaṃ.




    Footnotes:
    1. ปมตฺตพนฺธุนา (อุทา. ๗๔)
    2. pamattabandhunā (udā. 74)
    3. ขีรูปโกว (ก.) ปสฺส อุทา. ๖๔
    4. khīrūpakova (ka.) passa udā. 64
    5. ฉนฺทา อคติํ (สี. ก.) ปสฺส อ. นิ. ๔.๑๗
    6. chandā agatiṃ (sī. ka.) passa a. ni. 4.17
    7. ปสฺส ธ. ป. ๓๒๕
    8. passa dha. pa. 325
    9. ตทุฎฺฐาย (สี.) ปสฺส ธ. ป. ๒๔๐
    10. taduṭṭhāya (sī.) passa dha. pa. 240
    11. ตานิ (สี.) ปสฺส ธ. ป. ๒๔๐
    12. tāni (sī.) passa dha. pa. 240
    13. ลเภ (ก.) ปสฺส ธ. ป. ๑๓๑
    14. labhe (ka.) passa dha. pa. 131
    15. ชิมฺหคเต (สี. ก.) ปสฺส อ. นิ. ๔.๗๐
    16. jimhagate (sī. ka.) passa a. ni. 4.70
    17. ปสฺส อ. นิ. ๔.๖๘
    18. passa a. ni. 4.68
    19. ลาภสกฺการการณา (สี. ก.) ปสฺส อ. นิ. ๔.๔๓
    20. lābhasakkārakāraṇā (sī. ka.) passa a. ni. 4.43
    21. ( ) นตฺถิ อ. นิ. ๑.๔๓-๔๔; อิติวุ. ๒๐
    22. ปโทสิตํ (สี. ก.) อ. นิ. ๑.๔๓; อิติวุ. ๒๐ ปสฺสิตพฺพํ
    23. จิตฺตปโทสเหตุ (สี. ก.)
    24. ( ) natthi a. ni. 1.43-44; itivu. 20
    25. padositaṃ (sī. ka.) a. ni. 1.43; itivu. 20 passitabbaṃ
    26. cittapadosahetu (sī. ka.)
    27. สตฺถา (สี. ก.)
    28. satthā (sī. ka.)
    29. อาวี (สี.) ปสฺส อุทา. ๔๔
    30. āvī (sī.) passa udā. 44
    31. กฎกํ ผลํ (ก.) ปสฺส ธ. ป. ๖๖
    32. kaṭakaṃ phalaṃ (ka.) passa dha. pa. 66
    33. อวิยเตฺตน (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๗
    34. aviyattena (sī. ka.) passa saṃ. ni. 1.17
    35. ปมายนฺตํ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๗๙
    36. pamāyantaṃ (sī. ka.) passa saṃ. ni. 1.179
    37. กุธารี (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๘๐
    38. kudhārī (ka.) passa saṃ. ni. 1.180
    39. มหตฺตโร (ก.) ปสฺส อ. นิ. ๔.๓; สํ. นิ. ๑.๑๘๐
    40. mahattaro (ka.) passa a. ni. 4.3; saṃ. ni. 1.180
    41. วจสา จ (ก.) ปสฺส สุ. นิ. ๖๖๘
    42. vacasā ca (ka.) passa su. ni. 668
    43. อนริโย (สี. ก.)
    44. anariyo (sī. ka.)
    45. อวชาตกปุตฺต (สี. ก.) ปสฺส สุ. นิ. ๖๖๙
    46. avajātakaputta (sī. ka.) passa su. ni. 669
    47. อนุปายินีติ (ก.) ปสฺส ธ. ป. ๒
    48. anupāyinīti (ka.) passa dha. pa. 2
    49. พหุชนํ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๕.๑๐๑๘
    50. มมสฺส (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๕.๑๐๑๘
    51. bahujanaṃ (sī. ka.) passa saṃ. ni. 5.1018
    52. mamassa (sī. ka.) passa saṃ. ni. 5.1018
    53. อปาปิกา เต (สี.)
    54. มูเลหิ ฉิโนฺน (สี. ก.)
    55. apāpikā te (sī.)
    56. mūlehi chinno (sī. ka.)
    57. โส เจว (สี.) ปสฺส (สี.) ปสฺส อ. นิ. ๔.๗๐
    58. so ceva (sī.) passa (sī.) passa a. ni. 4.70
    59. สาธุเก (สํ. นิ. ๕.๑๐๐๒)
    60. sādhuke (saṃ. ni. 5.1002)
    61. อยํ ภเนฺต (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๕.๑๐๐๒
    62. ayaṃ bhante (sī. ka.) passa saṃ. ni. 5.1002
    63. กาสีหิ มาคเธ (สํ. นิ. ๕.๑๐๐๒)
    64. kāsīhi māgadhe (saṃ. ni. 5.1002)
    65. สาวตฺถิยํ (สี. ก.)
    66. sāvatthiyaṃ (sī. ka.)
    67. คนฺตุกาโม (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๕.๑๐๐๒
    68. ตาสํ (สี. ก.)
    69. ราชารเหน (สี. ก.)
    70. gantukāmo (sī. ka.) passa saṃ. ni. 5.1002
    71. tāsaṃ (sī. ka.)
    72. rājārahena (sī. ka.)
    73. ยชิตฺวาน (ก.) ปสฺส เถรคา. ๙๖
    74. yajitvāna (ka.) passa theragā. 96
    75. พุทฺธกตํ (ก.) ปสฺส เถรคา. ๒๑๗
    76. อลภิํหํ (สี. ก.)
    77. buddhakataṃ (ka.) passa theragā. 217
    78. alabhiṃhaṃ (sī. ka.)
    79. สจฺฉิกตฺวา จ (ก.)
    80. sacchikatvā ca (ka.)
    81. ปสฺส วิ. ว. ๘๐๔
    82. passa vi. va. 804
    83. ปสฺส อป. เถร ๑.๑.๘๒
    84. passa apa. thera 1.1.82
    85. ( ) นตฺถิ อ. นิ. ๑.๔๓-๔๔; อิติวุ. ๒๑
    86. จิตฺตปฺปสาทเหตุ (สี. ก.)
    87. ( ) natthi a. ni. 1.43-44; itivu. 21
    88. cittappasādahetu (sī. ka.)
    89. สตฺถา (สี. ก.) ปสฺส อิติวุ. ๒๑
    90. satthā (sī. ka.) passa itivu. 21
    91. โอคาหเส (สี. ก.) ปสฺส วิ. ว. ๕๓
    92. ogāhase (sī. ka.) passa vi. va. 53
    93. ยสฺมิํ (สี.)
    94. yasmiṃ (sī.)
    95. ปูเชตฺวา (ก.)
    96. pūjetvā (ka.)
    97. กุรูสูปปชฺชถ (สี.)
    98. kurūsūpapajjatha (sī.)
    99. สิขณฺฑิ (สี.)
    100. sikhaṇḍi (sī.)
    101. กตฺติกา ปุณฺณา (ก.)
    102. kattikā puṇṇā (ka.)
    103. วิชฺฌิํสุ (สี.)
    104. vijjhiṃsu (sī.)
    105. อยมหมสฺมีติ (สี.) ปสฺส อุทา. ๖๑
    106. ayamahamasmīti (sī.) passa udā. 61
    107. เจตนาย (อ. นิ. ๑๑.๒)
    108. cetanāya (a. ni. 11.2)
    109. ปสฺส สํ. นิ. ๒.๒๔๓
    110. passa saṃ. ni. 2.243
    111. อรญฺญํ (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๒.๒๔๒
    112. araññaṃ (ka.) passa saṃ. ni. 2.242
    113. กิสฺสสฺส (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๘๗
    114. kissassa (sī. ka.) passa saṃ. ni. 1.187
    115. ทยฺหมาเนว (ก.) สํ. นิ. ๑.๒๑; เถรคา. ๓๙ ปสฺสิตพฺพํ
    116. dayhamāneva (ka.) saṃ. ni. 1.21; theragā. 39 passitabbaṃ
    117. มรณํ (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๐๐
    118. maraṇaṃ (ka.) passa saṃ. ni. 1.100
    119. สพฺพสํโยชนาติโค (สี.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๙๖
    120. sabbasaṃyojanātigo (sī.) passa saṃ. ni. 1.96
    121. นนฺทีราคปริกฺขีโณ (ก.) สํ. นิ. ๑.๙๖
    122. nandīrāgaparikkhīṇo (ka.) saṃ. ni. 1.96
    123. สเว (สี.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๒๔๖
    124. save (sī.) passa saṃ. ni. 1.246
    125. อนนุกมฺปิตํ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๒๓๖
    126. ananukampitaṃ (sī. ka.) passa saṃ. ni. 1.236
    127. อรติ รติ (ก.) สํ. นิ. ๑.๒๓๗; สุ. นิ. ๒๗๓ ปสฺสิตพฺพํ
    128. arati rati (ka.) saṃ. ni. 1.237; su. ni. 273 passitabbaṃ
    129. ทุลฺลภํ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๘๗
    130. dullabhaṃ (sī. ka.) passa saṃ. ni. 1.87
    131. กามทา (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๘๗
    132. kāmadā (ka.) passa saṃ. ni. 1.87
    133. ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๐๑
    134. passa saṃ. ni. 1.101
    135. ปหีณํ (สี.) ปสฺส ม. นิ. ๓.๒๗๒
    136. pahīṇaṃ (sī.) passa ma. ni. 3.272
    137. กิจฺจํ อาตปฺปํ (สี.)
    138. kiccaṃ ātappaṃ (sī.)
    139. ตํ (อุทา. ๓๔)
    140. taṃ (udā. 34)
    141. นิหุหุโงฺก (สี.) ปสฺส อุทา. ๔
    142. nihuhuṅko (sī.) passa udā. 4
    143. โลกสฺมิํ (สี. ก.) ปสฺส อุทา. ๕
    144. lokasmiṃ (sī. ka.) passa udā. 5
    145. เวที (สี.) ปสฺส อุทา. ๑๐
    146. vedī (sī.) passa udā. 10
    147. ปสฺส อุทา. ๗
    148. passa udā. 7
    149. อายนฺติํ นาภินนฺทติ (อุทา. ๘)
    150. āyantiṃ nābhinandati (udā. 8)
    151. สุจิ (สี. ก.) ปสฺส อุทา. ๙
    152. นหายติ (สี.)
    153. suci (sī. ka.) passa udā. 9
    154. nahāyati (sī.)
    155. สวาหน’’นฺติ (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๒.๒๔๖
    156. savāhana’’nti (ka.) passa saṃ. ni. 2.246
    157. สพฺพคนฺตปโมจนํ (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๒.๒๓๘
    158. sabbagantapamocanaṃ (ka.) passa saṃ. ni. 2.238
    159. เจโตปริยายโกวิโท (สี.)
    160. cetopariyāyakovido (sī.)
    161. อธิปฺปาโย (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๓.๕๘
    162. adhippāyo (ka.) passa saṃ. ni. 3.58
    163. ปสฺส อุทา. ๔๕
    164. passa udā. 45
    165. ภิกฺขเว (อ. นิ. ๔.๘๕)
    166. bhikkhave (a. ni. 4.85)
    167. ทารุชํ ปพฺพชญฺจ (สํ. นิ. ๑.๑๒๑)
    168. dārujaṃ pabbajañca (saṃ. ni. 1.121)
    169. อายติ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๒.๓๘
    170. อายติ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๒.๓๘
    171. āyati (sī. ka.) passa saṃ. ni. 2.38
    172. āyati (sī. ka.) passa saṃ. ni. 2.38
    173. ตสฺส วิญฺญาณสฺส (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๒.๓๘
    174. tassa viññāṇassa (sī. ka.) passa saṃ. ni. 2.38
    175. จ (สี. ก.)
    176. ca (sī. ka.)
    177. อตาริ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๔.๒๒๘
    178. สคาหํ (สํ. นิ. ๔.๒๒๘)
    179. atāri (sī. ka.) passa saṃ. ni. 4.228
    180. sagāhaṃ (saṃ. ni. 4.228)
    181. วธาย (สํ. นิ. ๔.๒๓๐)
    182. คิลพฬิโส (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๔.๒๓๐
    183. vadhāya (saṃ. ni. 4.230)
    184. gilabaḷiso (sī. ka.) passa saṃ. ni. 4.230
    185. ยถากามกรณีโย (สี.) สํ. นิ. ๔.๒๓๐
    186. yathākāmakaraṇīyo (sī.) saṃ. ni. 4.230
    187. อตฺตโน (สี. ก.) ปสฺส อุทา. ๓๐
    188. attano (sī. ka.) passa udā. 30
    189. มญฺญนฺติ (สี. ก.)
    190. maññanti (sī. ka.)
    191. อุปธิ (สี. ก.) ปสฺส อุทา. ๓๐
    192. upadhi (sī. ka.) passa udā. 30
    193. ปสฺส อ. นิ. ๔.๕
    194. passa a. ni. 4.5
    195. อนฺตํ นิฎฺฐํ (สี.)
    196. antaṃ niṭṭhaṃ (sī.)
    197. ปสฺส อ. นิ. ๔.๒๓๒-๒๓๓
    198. passa a. ni. 4.232-233
    199. ปสฺส อ. นิ. ๒.๒
    200. passa a. ni. 2.2
    201. ทหนฺตํ (สี. ก.) ปสฺส ธ. ป. ๗๑
    202. ภสฺมาฉโนฺนว (ก.)
    203. dahantaṃ (sī. ka.) passa dha. pa. 71
    204. bhasmāchannova (ka.)
    205. ปสฺส อ. นิ. ๘.๖
    206. passa a. ni. 8.6
    207. สมถํ คตานิ (สี.) ปสฺส ธ. ป. ๙๔
    208. samathaṃ gatāni (sī.) passa dha. pa. 94
    209. ปสฺส สํ. นิ. ๒.๕๕
    210. passa saṃ. ni. 2.55
    211. กุทาลปิฎกํ (ก.)
    212. มูลํ (สํ. นิ. ๒.๕๕)
    213. ฉิตฺวา (สี. ก.)
    214. อนภาวํคโต (สี.)
    215. kudālapiṭakaṃ (ka.)
    216. mūlaṃ (saṃ. ni. 2.55)
    217. chitvā (sī. ka.)
    218. anabhāvaṃgato (sī.)
    219. ปรํ อตฺตกาโมติ (สี.) สํ. นิ. ๑.๑๑๙; อุทา. ๔๑ ปสฺสิตพฺพํ
    220. paraṃ attakāmoti (sī.) saṃ. ni. 1.119; udā. 41 passitabbaṃ
    221. จ (สี. ก.) ปสฺส อุทา. ๔๒
    222. ca (sī. ka.) passa udā. 42
    223. อาตาปี โส (สี. ก.) ปสฺส อุทา. ๔๒
    224. ātāpī so (sī. ka.) passa udā. 42
    225. คเลปิ ปมชฺชมาเนน (สี.)
    226. น จ อฎฺฐาเน (สี. ก.) ปสฺส อ. นิ. ๗.๓๗
    227. galepi pamajjamānena (sī.)
    228. na ca aṭṭhāne (sī. ka.) passa a. ni. 7.37
    229. ตณฺหกฺขยา สุขเสฺสเต (สี.) ปสฺส อุทา. ๑๒
    230. taṇhakkhayā sukhassete (sī.) passa udā. 12
    231. ปสฺส เถรคา. ๒๒๗
    232. passa theragā. 227
    233. ปสฺส อิทฺธิปาทสํยุเตฺต
    234. passa iddhipādasaṃyutte
    235. นิเพฺพธคามินี (อิติวุ. ๔๑)
    236. nibbedhagāminī (itivu. 41)
    237. โว (สี. ก.) ปสฺส สุ. นิ. ๑๐๗๒
    238. vo (sī. ka.) passa su. ni. 1072
    239. ทุกฺขสมุทโย (สี. ก.) ปสฺส ที. นิ. ๒.๑๕๕
    240. ทุกฺขนิโรโธ (สี. ก.)
    241. dukkhasamudayo (sī. ka.) passa dī. ni. 2.155
    242. dukkhanirodho (sī. ka.)
    243. สํสริตํ (สี.)
    244. saṃsaritaṃ (sī.)
    245. ปสฺส สํ. นิ. ๓.๔๙
    246. passa saṃ. ni. 3.49
    247. ภุสปฺปมตฺตา (สี.) ปสฺส ขุ. ปา. ๖๐๙
    248. bhusappamattā (sī.) passa khu. pā. 609
    249. สตฺตกฺขตฺตุปรโม (สี.)
    250. sattakkhattuparamo (sī.)
    251. สุภาวิตานิ (สี. ก.) ปสฺส สุ. นิ. ๕๑๒
    252. subhāvitāni (sī. ka.) passa su. ni. 512
    253. ปสฺส อ. นิ. ๔.๒๙
    254. passa a. ni. 4.29
    255. ปสฺส สํ. นิ. ๕.๔๙๓
    256. passa saṃ. ni. 5.493
    257. ทุกฺกตกมฺมการี (สี.) ม. นิ. ๓.๒๔๖; อ. นิ. ๓.๓ ปสฺสิตพฺพํ
    258. dukkatakammakārī (sī.) ma. ni. 3.246; a. ni. 3.3 passitabbaṃ
    259. ปกุเชฺฌยฺยุํ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๒๕๑
    260. pakujjheyyuṃ (sī. ka.) passa saṃ. ni. 1.251
    261. มญฺญตี (สี.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๒๕๑
    262. maññatī (sī.) passa saṃ. ni. 1.251
    263. ปเสฺสนทิ (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๑๓
    264. passenadi (ka.) passa saṃ. ni. 1.113
    265. มรเณนาภิภูตสฺส (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๑๕
    266. maraṇenābhibhūtassa (ka.) passa saṃ. ni. 1.115
    267. นรทมฺมสารถี (สี.)
    268. naradammasārathī (sī.)
    269. อปฺปชานนาติ (สี.)
    270. appajānanāti (sī.)
    271. นิรพฺพุทนิรโย (สํ. นิ. ๑.๑๘๑)
    272. อุปฺปลนิรโย (สํ. นิ. ๑.๑๘๑)
    273. nirabbudanirayo (saṃ. ni. 1.181)
    274. uppalanirayo (saṃ. ni. 1.181)
    275. ชินา เว มาทิสา (สี. ก.) ปสฺส ม. นิ. ๒.๓๔๑
    276. jinā ve mādisā (sī. ka.) passa ma. ni. 2.341
    277. ตญฺจ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๑๕
    278. tañca (sī. ka.) passa saṃ. ni. 1.115
    279. ฉมาย (สี. ก.) ปสฺส ม. นิ. ๓.๒๔๘
    280. chamāya (sī. ka.) passa ma. ni. 3.248
    281. ปจฺจมานสฺส (ก.) ปสฺส เป. ว. ๘๐๒
    282. paccamānassa (ka.) passa pe. va. 802
    283. ปติทิสฺสติ (สี.) ชา. ๑.๔.๕๕
    284. patidissati (sī.) jā. 1.4.55
    285. ปสฺส เถรคา. ๓๐๔
    286. passa theragā. 304
    287. ทีฆรตฺตํ อิฎฺฐํ (สี. ก.) ปสฺส อิติวุ. ๒๒
    288. น ยิมํ (อิติวุ. ๒๒)
    289. สุทํ (อิติวุ. ๒๒)
    290. จกฺกวตฺติ (ก.)
    291. dīgharattaṃ iṭṭhaṃ (sī. ka.) passa itivu. 22
    292. na yimaṃ (itivu. 22)
    293. sudaṃ (itivu. 22)
    294. cakkavatti (ka.)
    295. อกุสลํ น กยิรา (สี.) ปสฺส ธ. ป. ๒๘๑
    296. akusalaṃ na kayirā (sī.) passa dha. pa. 281
    297. วิชฺชา จ โข ภิกฺขเว (สํยุตฺตนิกาเย)
    298. อนฺวเทว (สี. ก.), สฺยาทิกเณฺฑ (โมคฺคลฺลาเน) ๑๑ สุตฺตํ ปสฺสิตพฺพํ
    299. vijjā ca kho bhikkhave (saṃyuttanikāye)
    300. anvadeva (sī. ka.), syādikaṇḍe (moggallāne) 11 suttaṃ passitabbaṃ
    301. อภิมนฺถติ (สี.) ปสฺส ธ. ป. ๑๖๑
    302. abhimanthati (sī.) passa dha. pa. 161
    303. ปสฺส อ. นิ. ๓.๗๐
    304. passa a. ni. 3.70
    305. สํ. นิ. ๑.๒๕๖
    306. saṃ. ni. 1.256
    307. วณฺณคนฺธํ อเหฐยํ (สี.) ปสฺส ธ. ป. ๔๙
    308. vaṇṇagandhaṃ aheṭhayaṃ (sī.) passa dha. pa. 49
    309. ปเฬติ (ก.)
    310. paḷeti (ka.)
    311. ทส อิเม (สี. ก.) ปสฺส อ. นิ. ๑๐.๔๘
    312. dasa ime (sī. ka.) passa a. ni. 10.48
    313. โคณสมํ (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๓
    314. goṇasamaṃ (ka.) passa saṃ. ni. 1.13
    315. สุริยสมา (สี.)
    316. suriyasamā (sī.)
    317. จเนกายตนปฺปวุตฺตา (สํ. นิ. ๑.๗๕)
    318. canekāyatanappavuttā (saṃ. ni. 1.75)
    319. อิทํ (ก.) ปสฺส ที. นิ. ๒.๓๖๔
    320. idaṃ (ka.) passa dī. ni. 2.364
    321. ปสฺส ธ. ป. ๒๗๓
    322. passa dha. pa. 273
    323. อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๘๑ ปสฺสิตพฺพํ
    324. a. ni. 4.34; itivu. 81 passitabbaṃ
    325. กุสลมกฺขโต (ก.)
    326. kusalamakkhato (ka.)
    327. เย จาปิ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๕.๓๘๔
    328. ye cāpi (sī. ka.) passa saṃ. ni. 5.384
    329. ทสฺสนา ภาวนา (สี.)
    330. dassanā bhāvanā (sī.)
    331. ตทุภเยหิ (สี.)
    332. tadubhayehi (sī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / สาสนปฎฺฐานวารวณฺณนา • Sāsanapaṭṭhānavāravaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / สาสนปฎฺฐานวารวณฺณนา • Sāsanapaṭṭhānavāravaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / สาสนปฎฺฐานวิภาวนา • Sāsanapaṭṭhānavibhāvanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact