Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā

    ๙. สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา

    9. Sāsaṅkasikkhāpadavaṇṇanā

    ๖๕๒. เตน สมเยนาติ สาสงฺกสิกฺขาปทํฯ ตตฺถ วุตฺถวสฺสา อารญฺญเกสูติ เต ปุเพฺพปิ อรเญฺญเยว วิหริํสุฯ ทุพฺพลจีวรตฺตา ปน ปจฺจยวเสน คามนฺตเสนาสเน วสฺสํ วสิตฺวา นิฎฺฐิตจีวรา หุตฺวา ‘‘อิทานิ นิปฺปลิโพธา สมณธมฺมํ กริสฺสามา’’ติ อารญฺญเกสุ เสนาสเนสุ วิหรนฺติฯ กตฺติกโจรกาติ กตฺติกมาเส โจราฯ ปริปาเตนฺตีติ อุปทฺทวนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ อาธาวิตฺวา อุตฺตาเสนฺติ ปลาเปนฺติฯ อนฺตรฆเร นิกฺขิปิตุนฺติ อโนฺตคาเม นิกฺขิปิตุํฯ ภควา ยสฺมา ปจฺจยา นาม ธเมฺมน สเมน ทุลฺลภา, สเลฺลขวา หิ ภิกฺขุ มาตรมฺปิ วิญฺญาเปตุํ น สโกฺกติฯ ตสฺมา จีวรคุตฺตตฺถํ อนฺตรฆเร นิกฺขิปิตุํ อนุชานาติฯ ภิกฺขูนํ ปน อนุรูปตฺตา อรญฺญวาสํ น ปฎิกฺขิปิฯ

    652.Tenasamayenāti sāsaṅkasikkhāpadaṃ. Tattha vutthavassā āraññakesūti te pubbepi araññeyeva vihariṃsu. Dubbalacīvarattā pana paccayavasena gāmantasenāsane vassaṃ vasitvā niṭṭhitacīvarā hutvā ‘‘idāni nippalibodhā samaṇadhammaṃ karissāmā’’ti āraññakesu senāsanesu viharanti. Kattikacorakāti kattikamāse corā. Paripātentīti upaddavanti, tattha tattha ādhāvitvā uttāsenti palāpenti. Antaraghare nikkhipitunti antogāme nikkhipituṃ. Bhagavā yasmā paccayā nāma dhammena samena dullabhā, sallekhavā hi bhikkhu mātarampi viññāpetuṃ na sakkoti. Tasmā cīvaraguttatthaṃ antaraghare nikkhipituṃ anujānāti. Bhikkhūnaṃ pana anurūpattā araññavāsaṃ na paṭikkhipi.

    ๖๕๓. อุปวสฺสํ โข ปนาติ เอตฺถ อุปวสฺสนฺติ อุปวสฺส; อุปวสิตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ อุปสมฺปชฺชนฺติอาทีสุ วิย หิ เอตฺถ อนุนาสิโก ทฎฺฐโพฺพฯ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา วสิตฺวา จาติ อโตฺถฯ อิมสฺส จ ปทสฺส ‘‘ตถารูเปสุ ภิกฺขุ เสนาสเนสุ วิหรโนฺต’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? วสฺสํ อุปคนฺตฺวา วสิตฺวา จ ตโต ปรํ ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมปริโยสานกาลํ ยานิ โข ปน ตานิ อารญฺญกานิ เสนาสนานิ สาสงฺกสมฺมตานิ สปฺปฎิภยานิ; ตถารูเปสุ ภิกฺขุ เสนาสเนสุ วิหรโนฺต อากงฺขมาโน ติณฺณํ จีวรานํ อญฺญตรํ จีวรํ อนฺตรฆเร นิกฺขิเปยฺยาติฯ ยสฺมา ปน โย วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ยาว ปฐมกตฺติกปุณฺณมํ วสติ, โส วุฎฺฐวสฺสานํ อพฺภนฺตโร โหติ, ตสฺมา อิทํ อติคหนํ พฺยญฺชนวิจารณํ อกตฺวา ปทภาชเน เกวลํ จีวรนิเกฺขปารหํ ปุคฺคลํ ทเสฺสตุํ ‘‘วุฎฺฐวสฺสาน’’นฺติ วุตฺตํฯ ตสฺสาปิ ‘‘ภิกฺขุ เสนาสเนสุ วิหรโนฺต’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ อยญฺหิ เอตฺถ อโตฺถ ‘‘วุฎฺฐวสฺสานํ ภิกฺขุ เสนาสเนสุ วิหรโนฺต’’ติ เอวรูปานํ ภิกฺขูนํ อพฺภนฺตเร โย โกจิ ภิกฺขูติ วุตฺตํ โหติฯ

    653.Upavassaṃ kho panāti ettha upavassanti upavassa; upavasitvāti vuttaṃ hoti. Upasampajjantiādīsu viya hi ettha anunāsiko daṭṭhabbo. Vassaṃ upagantvā vasitvā cāti attho. Imassa ca padassa ‘‘tathārūpesu bhikkhu senāsanesu viharanto’’ti iminā sambandho. Kiṃ vuttaṃ hoti? Vassaṃ upagantvā vasitvā ca tato paraṃ pacchimakattikapuṇṇamapariyosānakālaṃ yāni kho pana tāni āraññakāni senāsanāni sāsaṅkasammatāni sappaṭibhayāni; tathārūpesu bhikkhu senāsanesu viharanto ākaṅkhamāno tiṇṇaṃ cīvarānaṃ aññataraṃ cīvaraṃ antaraghare nikkhipeyyāti. Yasmā pana yo vassaṃ upagantvā yāva paṭhamakattikapuṇṇamaṃ vasati, so vuṭṭhavassānaṃ abbhantaro hoti, tasmā idaṃ atigahanaṃ byañjanavicāraṇaṃ akatvā padabhājane kevalaṃ cīvaranikkhepārahaṃ puggalaṃ dassetuṃ ‘‘vuṭṭhavassāna’’nti vuttaṃ. Tassāpi ‘‘bhikkhu senāsanesu viharanto’’ti iminā sambandho. Ayañhi ettha attho ‘‘vuṭṭhavassānaṃ bhikkhu senāsanesu viharanto’’ti evarūpānaṃ bhikkhūnaṃ abbhantare yo koci bhikkhūti vuttaṃ hoti.

    อรญฺญลกฺขณํ อทินฺนาทานวณฺณนายํ วุตฺตํฯ อยํ ปน วิเสโส – สเจ วิหาโร ปริกฺขิโตฺต โหติ, ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีลโต อปริกฺขิตฺตสฺส ปริเกฺขปารหฎฺฐานโต ปฎฺฐาย ยาว วิหารปริเกฺขปา มินิตพฺพํฯ สเจ วิหาโร อปริกฺขิโตฺต โหติ, ยํ สพฺพปฐมํ เสนาสนํ วา ภตฺตสาลา วา ธุวสนฺนิปาตฎฺฐานํ วา โพธิวา เจติยํ วา ทูเร เจปิ เสนาสนโต โหติ, ตํ ปริเจฺฉทํ กตฺวา มินิตพฺพํฯ สเจปิ อาสเนฺน คาโม โหติ, วิหาเร ฐิเตหิ ฆรมานุสกานํ สโทฺท สูยติ, ปพฺพตนทีอาทีหิ ปน อนฺตริตตฺตา น สกฺกา อุชุํ คนฺตุํ, โย จสฺส ปกติมโคฺค โหติ, สเจปิ นาวาย สญฺจริตโพฺพ, เตน มเคฺคน คามโต ปญฺจธนุสติกํ คเหตพฺพํฯ โย อาสนฺนคามสฺส องฺคสมฺปาทนตฺถํ ตโต ตโต มคฺคํ ปิทหติ, อยํ ‘‘ธุตงฺคโจโร’’ติ เวทิตโพฺพฯ

    Araññalakkhaṇaṃ adinnādānavaṇṇanāyaṃ vuttaṃ. Ayaṃ pana viseso – sace vihāro parikkhitto hoti, parikkhittassa gāmassa indakhīlato aparikkhittassa parikkhepārahaṭṭhānato paṭṭhāya yāva vihāraparikkhepā minitabbaṃ. Sace vihāro aparikkhitto hoti, yaṃ sabbapaṭhamaṃ senāsanaṃ vā bhattasālā vā dhuvasannipātaṭṭhānaṃ vā bodhivā cetiyaṃ vā dūre cepi senāsanato hoti, taṃ paricchedaṃ katvā minitabbaṃ. Sacepi āsanne gāmo hoti, vihāre ṭhitehi gharamānusakānaṃ saddo sūyati, pabbatanadīādīhi pana antaritattā na sakkā ujuṃ gantuṃ, yo cassa pakatimaggo hoti, sacepi nāvāya sañcaritabbo, tena maggena gāmato pañcadhanusatikaṃ gahetabbaṃ. Yo āsannagāmassa aṅgasampādanatthaṃ tato tato maggaṃ pidahati, ayaṃ ‘‘dhutaṅgacoro’’ti veditabbo.

    สาสงฺกสมฺมตานีติ ‘‘สาสงฺกานี’’ติ สมฺมตานิ; เอวํ สญฺญาตานีติ อโตฺถฯ ปทภาชเน ปน เยน การเณน ตานิ สาสงฺกสมฺมตานิ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อาราเม อารามูปจาเร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Sāsaṅkasammatānīti ‘‘sāsaṅkānī’’ti sammatāni; evaṃ saññātānīti attho. Padabhājane pana yena kāraṇena tāni sāsaṅkasammatāni, taṃ dassetuṃ ‘‘ārāme ārāmūpacāre’’tiādi vuttaṃ.

    สห ปฎิภเยน สปฺปฎิภยานิ, สนฺนิหิตพลวภยานีติ อโตฺถฯ ปทภาชเน ปน เยน การเณน ตานิ สปฺปฎิภยานิ; ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อาราเม อารามูปจาเร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Saha paṭibhayena sappaṭibhayāni, sannihitabalavabhayānīti attho. Padabhājane pana yena kāraṇena tāni sappaṭibhayāni; taṃ dassetuṃ ‘‘ārāme ārāmūpacāre’’tiādi vuttaṃ.

    สมนฺตา โคจรคาเม นิกฺขิเปยฺยาติ อารญฺญกสฺส เสนาสนสฺส สมนฺตา สพฺพทิสาภาเคสุ อตฺตนา อภิรุจิเต โคจรคาเม สติยา องฺคสมฺปตฺติยา นิกฺขิเปยฺยฯ

    Samantā gocaragāme nikkhipeyyāti āraññakassa senāsanassa samantā sabbadisābhāgesu attanā abhirucite gocaragāme satiyā aṅgasampattiyā nikkhipeyya.

    ตตฺรายํ องฺคสมฺปตฺติ – ปุริมิกาย อุปคนฺตฺวา มหาปวารณาย ปวาริโต โหติ, อิทเมกํ องฺคํฯ สเจ ปจฺฉิมิกาย วา อุปคโต โหติ ฉินฺนวโสฺส วา, นิกฺขิปิตุํ น ลภติฯ กตฺติกมาโสเยว โหติ, อิทํ ทุติยํ องฺคํฯ กตฺติกมาสโต ปรํ น ลภติ, ปญฺจธนุสติกํ ปจฺฉิมเมว ปมาณยุตฺตํ เสนาสนํ โหติ, อิทํ ตติยํ องฺคํฯ อูนปฺปมาเณ วา คาวุตโต อติเรกปฺปมาเณ วา น ลภติ, ยตฺร หิ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปุน วิหารํ ภตฺตเวลายํ สกฺกา อาคนฺตุํ, ตเทว อิธ อธิเปฺปตํฯ นิมนฺติโต ปน อทฺธโยชนมฺปิ โยชนมฺปิ คนฺตฺวา วสิตุํ ปเจฺจติ, อิทมปฺปมาณํฯ สาสงฺกสปฺปฎิภยเมว โหติ, อิทํ จตุตฺถํ องฺคํฯ อนาสงฺกอปฺปฎิภเย หิ องฺคยุเตฺตปิ เสนาสเน วสโนฺต นิกฺขิปิตุํ น ลภตีติฯ

    Tatrāyaṃ aṅgasampatti – purimikāya upagantvā mahāpavāraṇāya pavārito hoti, idamekaṃ aṅgaṃ. Sace pacchimikāya vā upagato hoti chinnavasso vā, nikkhipituṃ na labhati. Kattikamāsoyeva hoti, idaṃ dutiyaṃ aṅgaṃ. Kattikamāsato paraṃ na labhati, pañcadhanusatikaṃ pacchimameva pamāṇayuttaṃ senāsanaṃ hoti, idaṃ tatiyaṃ aṅgaṃ. Ūnappamāṇe vā gāvutato atirekappamāṇe vā na labhati, yatra hi piṇḍāya caritvā puna vihāraṃ bhattavelāyaṃ sakkā āgantuṃ, tadeva idha adhippetaṃ. Nimantito pana addhayojanampi yojanampi gantvā vasituṃ pacceti, idamappamāṇaṃ. Sāsaṅkasappaṭibhayameva hoti, idaṃ catutthaṃ aṅgaṃ. Anāsaṅkaappaṭibhaye hi aṅgayuttepi senāsane vasanto nikkhipituṃ na labhatīti.

    อญฺญตฺร ภิกฺขุสมฺมุติยาติ ยา อุโทสิตสิกฺขาปเท โกสมฺพกสมฺมุติ (ปารา. ๔๗๕) อนุญฺญาตา ตสฺสา สมฺมุติยา อญฺญตฺร; สเจ สา ลทฺธา โหติ, ฉารตฺตาติเรกมฺปิ วิปฺปวสิตุํ วฎฺฎติฯ

    Aññatra bhikkhusammutiyāti yā udositasikkhāpade kosambakasammuti (pārā. 475) anuññātā tassā sammutiyā aññatra; sace sā laddhā hoti, chārattātirekampi vippavasituṃ vaṭṭati.

    ปุน คามสีมํ โอกฺกมิตฺวาติ สเจ โคจรคามโต ปุรตฺถิมาย ทิสาย เสนาสนํ; อยญฺจ ปจฺฉิมทิสํ คโต โหติ, เสนาสนํ อาคนฺตฺวา สตฺตมํ อรุณํ อุฎฺฐาเปตุํ อสโกฺกเนฺตน คามสีมมฺปิ โอกฺกมิตฺวา สภายํ วา ยตฺถ กตฺถจิ วา วสิตฺวา จีวรปฺปวตฺติํ ญตฺวา ปกฺกมิตุํ วฎฺฎตีติ อโตฺถฯ เอวํ อสโกฺกเนฺตน ตเตฺถว ฐิเตน ปจฺจุทฺธริตพฺพํ, อติเรกจีวรฎฺฐาเน ฐสฺสตีติฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ

    Puna gāmasīmaṃ okkamitvāti sace gocaragāmato puratthimāya disāya senāsanaṃ; ayañca pacchimadisaṃ gato hoti, senāsanaṃ āgantvā sattamaṃ aruṇaṃ uṭṭhāpetuṃ asakkontena gāmasīmampi okkamitvā sabhāyaṃ vā yattha katthaci vā vasitvā cīvarappavattiṃ ñatvā pakkamituṃ vaṭṭatīti attho. Evaṃ asakkontena tattheva ṭhitena paccuddharitabbaṃ, atirekacīvaraṭṭhāne ṭhassatīti. Sesaṃ uttānameva.

    กถินสมุฎฺฐานํ – กายวาจโต กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติ, อกิริยา, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมวจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ

    Kathinasamuṭṭhānaṃ – kāyavācato kāyavācācittato ca samuṭṭhāti, akiriyā, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammavacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.

    สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sāsaṅkasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๙. สาสงฺกสิกฺขาปทํ • 9. Sāsaṅkasikkhāpadaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๙. สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Sāsaṅkasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๙. สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Sāsaṅkasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๙. สาสงฺกสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Sāsaṅkasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact