Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๑๗๙] ๙. สตธมฺมชาตกวณฺณนา

    [179] 9. Satadhammajātakavaṇṇanā

    ตญฺจ อปฺปนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกวีสติวิธํ อเนสนํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกสฺมิญฺหิ กาเล พหู ภิกฺขู เวชฺชกเมฺมน ทูตกเมฺมน ปหิณกเมฺมน ชงฺฆเปสนิเกน ปิณฺฑปฎิปิเณฺฑนาติ เอวรูปาย เอกวีสติวิธาย อเนสนาย ชีวิกํ กเปฺปสุํฯ สา สาเกตชาตเก (ชา. ๑.๒.๑๗๓-๑๗๔) อาวิภวิสฺสติฯ สตฺถา เตสํ ตถา ชีวิกกปฺปนภาวํ ญตฺวา ‘‘เอตรหิ โข พหู ภิกฺขู อเนสนาย ชีวิกํ กเปฺปนฺติ, เต ปน เอวํ ชีวิกํ กเปฺปตฺวา ยกฺขตฺตภาวา เปตตฺตภาวา น มุจฺจิสฺสนฺติ, ธุรโคณา หุตฺวาว นิพฺพตฺติสฺสนฺติ, นิรเย ปฎิสนฺธิํ คณฺหิสฺสนฺติ, เอเตสํ หิตตฺถาย สุขตฺถาย อตฺตชฺฌาสยํ สกปฎิภานํ เอกํ ธมฺมเทสนํ กเถตุํ วฎฺฎตี’’ติ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, เอกวีสติวิธาย อเนสนาย ปจฺจยา อุปฺปาเทตพฺพาฯ อเนสนาย หิ อุปฺปโนฺน ปิณฺฑปาโต อาทิตฺตโลหคุฬสทิโส หลาหลวิสูปโมฯ อเนสนา หิ นาเมสา พุทฺธปเจฺจกพุทฺธสาวเกหิ ครหิตพฺพา ปฎิกุฎฺฐาฯ อเนสนาย อุปฺปนฺนํ ปิณฺฑปาตํ ภุญฺชนฺตสฺส หิ หาโส วา โสมนสฺสํ วา นตฺถิฯ เอวํ อุปฺปโนฺน หิ ปิณฺฑปาโต มม สาสเน จณฺฑาลสฺส อุจฺฉิฎฺฐโภชนสทิโส, ตสฺส ปริโภโค สตธมฺมมาณวสฺส จณฺฑาลุจฺฉิฎฺฐภตฺตปริโภโค วิย โหตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Tañcaappanti idaṃ satthā jetavane viharanto ekavīsatividhaṃ anesanaṃ ārabbha kathesi. Ekasmiñhi kāle bahū bhikkhū vejjakammena dūtakammena pahiṇakammena jaṅghapesanikena piṇḍapaṭipiṇḍenāti evarūpāya ekavīsatividhāya anesanāya jīvikaṃ kappesuṃ. Sā sāketajātake (jā. 1.2.173-174) āvibhavissati. Satthā tesaṃ tathā jīvikakappanabhāvaṃ ñatvā ‘‘etarahi kho bahū bhikkhū anesanāya jīvikaṃ kappenti, te pana evaṃ jīvikaṃ kappetvā yakkhattabhāvā petattabhāvā na muccissanti, dhuragoṇā hutvāva nibbattissanti, niraye paṭisandhiṃ gaṇhissanti, etesaṃ hitatthāya sukhatthāya attajjhāsayaṃ sakapaṭibhānaṃ ekaṃ dhammadesanaṃ kathetuṃ vaṭṭatī’’ti bhikkhusaṅghaṃ sannipātāpetvā ‘‘na, bhikkhave, ekavīsatividhāya anesanāya paccayā uppādetabbā. Anesanāya hi uppanno piṇḍapāto ādittalohaguḷasadiso halāhalavisūpamo. Anesanā hi nāmesā buddhapaccekabuddhasāvakehi garahitabbā paṭikuṭṭhā. Anesanāya uppannaṃ piṇḍapātaṃ bhuñjantassa hi hāso vā somanassaṃ vā natthi. Evaṃ uppanno hi piṇḍapāto mama sāsane caṇḍālassa ucchiṭṭhabhojanasadiso, tassa paribhogo satadhammamāṇavassa caṇḍālucchiṭṭhabhattaparibhogo viya hotī’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต จณฺฑาลโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต เกนจิเทว กรณีเยน ปาเถยฺยตณฺฑุเล จ ภตฺตปุฎญฺจ คเหตฺวา มคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ ตสฺมิญฺหิ กาเล พาราณสิยํ เอโก มาณโว อตฺถิ สตธโมฺม นาม อุทิจฺจพฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพโตฺตฯ โสปิ เกนจิเทว กรณีเยน ตณฺฑุเล จ ภตฺตปุฎญฺจ อคเหตฺวาว มคฺคํ ปฎิปชฺชิ, เต อุโภปิ มหามเคฺค สมาคจฺฉิํสุฯ มาณโว โพธิสตฺตํ ‘‘กิํชาติโกสี’’ติ ปุจฺฉิฯ โส ‘‘อหํ จณฺฑาโล’’ติ วตฺวา ‘‘ตฺวํ กิํชาติโกสี’’ติ มาณวํ ปุจฺฉิ ฯ ‘‘อุทิจฺจพฺราหฺมโณ อห’’นฺติฯ ‘‘สาธุ คจฺฉามา’’ติ เต อุโภปิ มคฺคํ อคมํสุฯ โพธิสโตฺต ปาตราสเวลาย อุทกผาสุกฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา หเตฺถ โธวิตฺวา ภตฺตปุฎํ โมเจตฺวา ‘‘มาณว, ภตฺตํ ภุญฺชาหี’’ติ อาหฯ ‘‘นตฺถิ, อเร จณฺฑาล, มม ภเตฺตน อโตฺถ’’ติฯ โพธิสโตฺต ‘‘สาธู’’ติ ปุฎกภตฺตํ อุจฺฉิฎฺฐํ อกตฺวาว อตฺตโน ยาปนมตฺตํ อญฺญสฺมิํ ปเณฺณ ปกฺขิปิตฺวา ปุฎกภตฺตํ พนฺธิตฺวา เอกมเนฺต ฐเปตฺวา ภุญฺชิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา โธตหตฺถปาโท ตณฺฑุเล จ เสสภตฺตญฺจ อาทาย ‘‘คจฺฉาม, มาณวา’’ติ มคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto caṇḍālayoniyaṃ nibbattitvā vayappatto kenacideva karaṇīyena pātheyyataṇḍule ca bhattapuṭañca gahetvā maggaṃ paṭipajji. Tasmiñhi kāle bārāṇasiyaṃ eko māṇavo atthi satadhammo nāma udiccabrāhmaṇamahāsālakule nibbatto. Sopi kenacideva karaṇīyena taṇḍule ca bhattapuṭañca agahetvāva maggaṃ paṭipajji, te ubhopi mahāmagge samāgacchiṃsu. Māṇavo bodhisattaṃ ‘‘kiṃjātikosī’’ti pucchi. So ‘‘ahaṃ caṇḍālo’’ti vatvā ‘‘tvaṃ kiṃjātikosī’’ti māṇavaṃ pucchi . ‘‘Udiccabrāhmaṇo aha’’nti. ‘‘Sādhu gacchāmā’’ti te ubhopi maggaṃ agamaṃsu. Bodhisatto pātarāsavelāya udakaphāsukaṭṭhāne nisīditvā hatthe dhovitvā bhattapuṭaṃ mocetvā ‘‘māṇava, bhattaṃ bhuñjāhī’’ti āha. ‘‘Natthi, are caṇḍāla, mama bhattena attho’’ti. Bodhisatto ‘‘sādhū’’ti puṭakabhattaṃ ucchiṭṭhaṃ akatvāva attano yāpanamattaṃ aññasmiṃ paṇṇe pakkhipitvā puṭakabhattaṃ bandhitvā ekamante ṭhapetvā bhuñjitvā pānīyaṃ pivitvā dhotahatthapādo taṇḍule ca sesabhattañca ādāya ‘‘gacchāma, māṇavā’’ti maggaṃ paṭipajji.

    เต สกลทิวสํ คนฺตฺวา สายํ อุโภปิ เอกสฺมิํ อุทกผาสุกฎฺฐาเน นฺหตฺวา ปจฺจุตฺตริํสุฯ โพธิสโตฺต ผาสุกฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา ภตฺตปุฎํ โมเจตฺวา มาณวํ อนาปุจฺฉิตฺวา ภุญฺชิตุํ อารภิฯ มาณโว สกลทิวสํ มคฺคคมเนน กิลโนฺต ฉาตชฺฌโตฺต ‘‘สเจ เม ภตฺตํ ทสฺสติ, ภุญฺชิสฺสามี’’ติ โอโลเกโนฺต อฎฺฐาสิฯ อิตโร กิญฺจิ อวตฺวา ภุญฺชเตวฯ มาณโว จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ จณฺฑาโล มยฺหํ อวตฺวาว สพฺพํ ภุญฺชติ นิปฺปีเฬตฺวาปิ ตํ คเหตฺวา อุปริ อุจฺฉิฎฺฐภตฺตํ ฉเฑฺฑตฺวา เสสํ ภุญฺชิตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ โส ตถา กตฺวา อุจฺฉิฎฺฐภตฺตํ ภุญฺชิฯ อถสฺส ภุตฺตมตฺตเสฺสว ‘‘มยา อตฺตโน ชาติโคตฺตกุลปเทสานํ อนนุจฺฉวิกํ กตํ, จณฺฑาลสฺส นาม เม อุจฺฉิฎฺฐภตฺตํ ภุตฺต’’นฺติ พลววิปฺปฎิสาโร อุปฺปชฺชิ, ตาวเทวสฺส สโลหิตํ ภตฺตํ มุขโต อุคฺคจฺฉิฯ โส ‘‘อปฺปมตฺตกสฺส วต เม การณา อนนุจฺฉวิกํ กมฺมํ กต’’นฺติ อุปฺปนฺนพลวโสกตาย ปริเทวมาโน ปฐมํ คาถมาห –

    Te sakaladivasaṃ gantvā sāyaṃ ubhopi ekasmiṃ udakaphāsukaṭṭhāne nhatvā paccuttariṃsu. Bodhisatto phāsukaṭṭhāne nisīditvā bhattapuṭaṃ mocetvā māṇavaṃ anāpucchitvā bhuñjituṃ ārabhi. Māṇavo sakaladivasaṃ maggagamanena kilanto chātajjhatto ‘‘sace me bhattaṃ dassati, bhuñjissāmī’’ti olokento aṭṭhāsi. Itaro kiñci avatvā bhuñjateva. Māṇavo cintesi – ‘‘ayaṃ caṇḍālo mayhaṃ avatvāva sabbaṃ bhuñjati nippīḷetvāpi taṃ gahetvā upari ucchiṭṭhabhattaṃ chaḍḍetvā sesaṃ bhuñjituṃ vaṭṭatī’’ti. So tathā katvā ucchiṭṭhabhattaṃ bhuñji. Athassa bhuttamattasseva ‘‘mayā attano jātigottakulapadesānaṃ ananucchavikaṃ kataṃ, caṇḍālassa nāma me ucchiṭṭhabhattaṃ bhutta’’nti balavavippaṭisāro uppajji, tāvadevassa salohitaṃ bhattaṃ mukhato uggacchi. So ‘‘appamattakassa vata me kāraṇā ananucchavikaṃ kammaṃ kata’’nti uppannabalavasokatāya paridevamāno paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๕๗.

    57.

    ‘‘ตญฺจ อปฺปญฺจ อุจฺฉิฎฺฐํ, ตญฺจ กิเจฺฉน โน อทา;

    ‘‘Tañca appañca ucchiṭṭhaṃ, tañca kicchena no adā;

    โสหํ พฺราหฺมณชาติโก, ยํ ภุตฺตํ ตมฺปิ อุคฺคต’’นฺติฯ

    Sohaṃ brāhmaṇajātiko, yaṃ bhuttaṃ tampi uggata’’nti.

    ตตฺรายํ สเงฺขปโตฺถ – ยํ มยา ภุตฺตํ, ตํ อปฺปญฺจ อุจฺฉิฎฺฐญฺจ, ตญฺจ โส จณฺฑาโล น อตฺตโน รุจิยา มํ อทาสิ, อถ โข นิปฺปีฬิยมาโน กิเจฺฉน กสิเรน อทาสิ, โสหํ ปริสุทฺธพฺราหฺมณชาติโก, เตเนว เม ยํ ภุตฺตํ, ตมฺปิ สทฺธิํ โลหิเตน อุคฺคตนฺติฯ

    Tatrāyaṃ saṅkhepattho – yaṃ mayā bhuttaṃ, taṃ appañca ucchiṭṭhañca, tañca so caṇḍālo na attano ruciyā maṃ adāsi, atha kho nippīḷiyamāno kicchena kasirena adāsi, sohaṃ parisuddhabrāhmaṇajātiko, teneva me yaṃ bhuttaṃ, tampi saddhiṃ lohitena uggatanti.

    เอวํ มาณโว ปริเทวิตฺวา ‘‘กิํ ทานิ เม เอวรูปํ อนนุจฺฉวิกํ กมฺมํ กตฺวา ชีวิเตนา’’ติ อรญฺญํ ปวิสิตฺวา กสฺสจิ อตฺตานํ อทเสฺสตฺวาว อนาถมรณํ ปโตฺตฯ

    Evaṃ māṇavo paridevitvā ‘‘kiṃ dāni me evarūpaṃ ananucchavikaṃ kammaṃ katvā jīvitenā’’ti araññaṃ pavisitvā kassaci attānaṃ adassetvāva anāthamaraṇaṃ patto.

    สตฺถา อิมํ อตีตํ ทเสฺสตฺวา ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สตธมฺมมาณวสฺส ตํ จณฺฑาลุจฺฉิฎฺฐกํ ภุญฺชิตฺวา อตฺตโน อยุตฺตโภชนสฺส ภุตฺตตฺตา เนว หาโส, น โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ, เอวเมว โย อิมสฺมิํ สาสเน ปพฺพชิโต อเนสนาย ชีวิกํ กเปฺปโนฺต ตถาลทฺธปจฺจยํ ปริภุญฺชติ, ตสฺส พุทฺธปฎิกุฎฺฐครหิตชีวิตภาวโต เนว หาโส, น โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

    Satthā imaṃ atītaṃ dassetvā ‘‘seyyathāpi, bhikkhave, satadhammamāṇavassa taṃ caṇḍālucchiṭṭhakaṃ bhuñjitvā attano ayuttabhojanassa bhuttattā neva hāso, na somanassaṃ uppajji, evameva yo imasmiṃ sāsane pabbajito anesanāya jīvikaṃ kappento tathāladdhapaccayaṃ paribhuñjati, tassa buddhapaṭikuṭṭhagarahitajīvitabhāvato neva hāso, na somanassaṃ uppajjatī’’ti vatvā abhisambuddho hutvā dutiyaṃ gāthamāha –

    ๕๘.

    58.

    ‘‘เอวํ ธมฺมํ นิรํกตฺวา, โย อธเมฺมน ชีวติ;

    ‘‘Evaṃ dhammaṃ niraṃkatvā, yo adhammena jīvati;

    สตธโมฺมว ลาเภน, ลเทฺธนปิ น นนฺทตี’’ติฯ

    Satadhammova lābhena, laddhenapi na nandatī’’ti.

    ตตฺถ ธมฺมนฺติ อาชีวปาริสุทฺธิสีลธมฺมํฯ นิรํกตฺวาติ นีหริตฺวา ฉเฑฺฑตฺวาฯ อธเมฺมนาติ เอกวีสติยา อเนสนสงฺขาเตน มิจฺฉาชีเวนฯ สตธโมฺมติ ตสฺส นามํ, ‘‘สนฺตธโมฺม’’ติปิ ปาโฐฯ น นนฺทตีติ ยถา สตธโมฺม มาณโว ‘‘จณฺฑาลุจฺฉิฎฺฐกํ เม ลทฺธ’’นฺติ เตน ลาเภน น นนฺทติ, เอวํ อิมสฺมิมฺปิ สาสเน ปพฺพชิโต กุลปุโตฺต อเนสนาย ลทฺธลาภํ ปริภุญฺชโนฺต น นนฺทติ น ตุสฺสติ, ‘‘พุทฺธครหิตชีวิกาย ชีวามี’’ติ โทมนสฺสปฺปโตฺต โหติฯ ตสฺมา อเนสนาย ชีวิกํ กเปฺปนฺตสฺส สตธมฺมมาณวเสฺสว อรญฺญํ ปวิสิตฺวา อนาถมรณํ มริตุํ วรนฺติฯ

    Tattha dhammanti ājīvapārisuddhisīladhammaṃ. Niraṃkatvāti nīharitvā chaḍḍetvā. Adhammenāti ekavīsatiyā anesanasaṅkhātena micchājīvena. Satadhammoti tassa nāmaṃ, ‘‘santadhammo’’tipi pāṭho. Na nandatīti yathā satadhammo māṇavo ‘‘caṇḍālucchiṭṭhakaṃ me laddha’’nti tena lābhena na nandati, evaṃ imasmimpi sāsane pabbajito kulaputto anesanāya laddhalābhaṃ paribhuñjanto na nandati na tussati, ‘‘buddhagarahitajīvikāya jīvāmī’’ti domanassappatto hoti. Tasmā anesanāya jīvikaṃ kappentassa satadhammamāṇavasseva araññaṃ pavisitvā anāthamaraṇaṃ marituṃ varanti.

    เอวํ สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ เทเสตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู ภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณิํสุฯ ‘‘ตทา มาณโว อานโนฺท อโหสิ, อหเมว จณฺฑาลปุโตฺต อโหสิ’’นฺติฯ

    Evaṃ satthā imaṃ dhammadesanaṃ desetvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne bahū bhikkhū sotāpattiphalādīni pāpuṇiṃsu. ‘‘Tadā māṇavo ānando ahosi, ahameva caṇḍālaputto ahosi’’nti.

    สตธมฺมชาตกวณฺณนา นวมาฯ

    Satadhammajātakavaṇṇanā navamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๗๙. สตธมฺมชาตกํ • 179. Satadhammajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact