Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๑๓. สติลกฺขณปโญฺห
13. Satilakkhaṇapañho
๑๓. ราชา อาห ‘‘ภเนฺต นาคเสน, กิํลกฺขณา สตี’’ติ? ‘‘อปิลาปนลกฺขณา, มหาราช, สติ, อุปคฺคณฺหนลกฺขณา จา’’ติฯ ‘‘กถํ, ภเนฺต, อปิลาปนลกฺขณา สตี’’ติ? ‘‘สติ, มหาราช, อุปฺปชฺชมานา กุสลากุสลสาวชฺชานวชฺชหีนปฺปณีตกณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคธเมฺม อปิลาเปติ ‘อิเม จตฺตาโร สติปฎฺฐานา, อิเม จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, อิเม จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, อิมานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ, อิมานิ ปญฺจ พลานิ, อิเม สตฺต โพชฺฌงฺคา, อยํ อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, อยํ สมโถ, อยํ วิปสฺสนา, อยํ วิชฺชา, อยํ วิมุตฺตี’ติฯ ตโต โยคาวจโร เสวิตเพฺพ ธเมฺม เสวติ, อเสวิตเพฺพ ธเมฺม น เสวติฯ ภชิตเพฺพ ธเมฺม ภชติ อภชิตฺตเพฺพ ธเมฺม น ภชติฯ เอวํ โข, มหาราช, อปิลาปนลกฺขณา สตี’’ติฯ
13. Rājā āha ‘‘bhante nāgasena, kiṃlakkhaṇā satī’’ti? ‘‘Apilāpanalakkhaṇā, mahārāja, sati, upaggaṇhanalakkhaṇā cā’’ti. ‘‘Kathaṃ, bhante, apilāpanalakkhaṇā satī’’ti? ‘‘Sati, mahārāja, uppajjamānā kusalākusalasāvajjānavajjahīnappaṇītakaṇhasukkasappaṭibhāgadhamme apilāpeti ‘ime cattāro satipaṭṭhānā, ime cattāro sammappadhānā, ime cattāro iddhipādā, imāni pañcindriyāni, imāni pañca balāni, ime satta bojjhaṅgā, ayaṃ ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, ayaṃ samatho, ayaṃ vipassanā, ayaṃ vijjā, ayaṃ vimuttī’ti. Tato yogāvacaro sevitabbe dhamme sevati, asevitabbe dhamme na sevati. Bhajitabbe dhamme bhajati abhajittabbe dhamme na bhajati. Evaṃ kho, mahārāja, apilāpanalakkhaṇā satī’’ti.
‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ยถา, มหาราช, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส ภณฺฑาคาริโก ราชานํ จกฺกวตฺติํ สายํ ปาตํ ยสํ สราเปติ ‘เอตฺตกา, เทว, เต หตฺถี, เอตฺตกา อสฺสา, เอตฺตกา รถา, เอตฺตกา ปตฺตี, เอตฺตกํ หิรญฺญํ, เอตฺตกํ สุวณฺณํ, เอตฺตกํ สาปเตยฺยํ, ตํ เทโว สรตู’ติ รโญฺญ สาปเตยฺยํ อปิลาเปติฯ เอวเมว โข, มหาราช, สติ อุปฺปชฺชมานา กุสลากุสลสาวชฺชานวชฺชหีนปฺปณีตกณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคธเมฺม อปิลาเปติ ‘อิเม จตฺตาโร สติปฎฺฐานา, อิเม จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, อิเม จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, อิมานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ, อิมานิ ปญฺจ พลานิ, อิเม สตฺต โพชฺฌงฺคา, อยํ อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, อยํ สมโถ, อยํ วิปสฺสนา, อยํ วิชฺชา, อยํ วิมุตฺตี’ติฯ ตโต โยคาวจโร เสวิตเพฺพ ธเมฺม เสวติ, อเสวิตเพฺพ ธเมฺม น เสวติฯ ภชิตเพฺพ ธเมฺม ภชติ, อภชิตเพฺพ ธเมฺม น ภชติฯ เอวํ โข, มหาราช, อปิลาปนลกฺขณา สตี’’ติฯ
‘‘Opammaṃ karohī’’ti. ‘‘Yathā, mahārāja, rañño cakkavattissa bhaṇḍāgāriko rājānaṃ cakkavattiṃ sāyaṃ pātaṃ yasaṃ sarāpeti ‘ettakā, deva, te hatthī, ettakā assā, ettakā rathā, ettakā pattī, ettakaṃ hiraññaṃ, ettakaṃ suvaṇṇaṃ, ettakaṃ sāpateyyaṃ, taṃ devo saratū’ti rañño sāpateyyaṃ apilāpeti. Evameva kho, mahārāja, sati uppajjamānā kusalākusalasāvajjānavajjahīnappaṇītakaṇhasukkasappaṭibhāgadhamme apilāpeti ‘ime cattāro satipaṭṭhānā, ime cattāro sammappadhānā, ime cattāro iddhipādā, imāni pañcindriyāni, imāni pañca balāni, ime satta bojjhaṅgā, ayaṃ ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, ayaṃ samatho, ayaṃ vipassanā, ayaṃ vijjā, ayaṃ vimuttī’ti. Tato yogāvacaro sevitabbe dhamme sevati, asevitabbe dhamme na sevati. Bhajitabbe dhamme bhajati, abhajitabbe dhamme na bhajati. Evaṃ kho, mahārāja, apilāpanalakkhaṇā satī’’ti.
‘‘กถํ, ภเนฺต, อุปคฺคณฺหนลกฺขณา สตี’’ติ? ‘‘สติ, มหาราช, อุปฺปชฺชมานา หิตาหิตานํ ธมฺมานํ คติโย สมเนฺวติ ‘อิเม ธมฺมา หิตา, อิเม ธมฺมา อหิตาฯ อิเม ธมฺมา อุปการา, อิเม ธมฺมา อนุปการา’ติฯ ตโต โยคาวจโร อหิเต ธเมฺม อปนุเทติ, หิเต ธเมฺม อุปคฺคณฺหาติฯ อนุปกาเร ธเมฺม อปนุเทติ, อุปกาเร ธเมฺม อุปคฺคณฺหาติฯ เอวํ โข, มหาราช, อุปคฺคณฺหนลกฺขณา สตี’’ติฯ
‘‘Kathaṃ, bhante, upaggaṇhanalakkhaṇā satī’’ti? ‘‘Sati, mahārāja, uppajjamānā hitāhitānaṃ dhammānaṃ gatiyo samanveti ‘ime dhammā hitā, ime dhammā ahitā. Ime dhammā upakārā, ime dhammā anupakārā’ti. Tato yogāvacaro ahite dhamme apanudeti, hite dhamme upaggaṇhāti. Anupakāre dhamme apanudeti, upakāre dhamme upaggaṇhāti. Evaṃ kho, mahārāja, upaggaṇhanalakkhaṇā satī’’ti.
‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ยถา, มหาราช, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส ปริณายกรตนํ รโญฺญ หิตาหิเต ชานาติ ‘อิเม รโญฺญ หิตา, อิเม อหิตาฯ อิเม อุปการา, อิเม อนุปการา’ติฯ ตโต อหิเต อปนุเทติ, หิเต อุปคฺคณฺหาติฯ อนุปกาเร อปนุเทติ, อุปกาเร อุปคฺคณฺหาติฯ เอวเมว โข, มหาราช, สติ อุปฺปชฺชมานา หิตาหิตานํ ธมฺมานํ คติโย สมเนฺวติ ‘อิเม ธมฺมา หิตา, อิเม ธมฺมา อหิตาฯ อิเม ธมฺมา อุปการา, อิเม ธมฺมา อนุปการา’ติฯ ตโต โยคาวจโร อหิเต ธเมฺม อปนุเทติ, หิเต ธเมฺม อุปคฺคณฺหา’ติฯ อนุปกาเร ธเมฺม อปนุเทติ, อุปกาเร ทเมฺม อุปคฺคณฺหาติฯ เอวํ โข, มหาราช, อุปคฺคณฺหนลกฺขณา สติฯ ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา – ‘สติญฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’’ติฯ
‘‘Opammaṃ karohī’’ti. ‘‘Yathā, mahārāja, rañño cakkavattissa pariṇāyakaratanaṃ rañño hitāhite jānāti ‘ime rañño hitā, ime ahitā. Ime upakārā, ime anupakārā’ti. Tato ahite apanudeti, hite upaggaṇhāti. Anupakāre apanudeti, upakāre upaggaṇhāti. Evameva kho, mahārāja, sati uppajjamānā hitāhitānaṃ dhammānaṃ gatiyo samanveti ‘ime dhammā hitā, ime dhammā ahitā. Ime dhammā upakārā, ime dhammā anupakārā’ti. Tato yogāvacaro ahite dhamme apanudeti, hite dhamme upaggaṇhā’ti. Anupakāre dhamme apanudeti, upakāre damme upaggaṇhāti. Evaṃ kho, mahārāja, upaggaṇhanalakkhaṇā sati. Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā – ‘satiñca khvāhaṃ, bhikkhave, sabbatthikaṃ vadāmī’’’ti.
‘‘กโลฺลสิ , ภเนฺต นาคเสนา’’ติฯ
‘‘Kallosi , bhante nāgasenā’’ti.
สติลกฺขณปโญฺห เตรสโมฯ
Satilakkhaṇapañho terasamo.