Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๑๐. สาฎิมตฺติยเตฺถรคาถาวณฺณนา
10. Sāṭimattiyattheragāthāvaṇṇanā
อหุ ตุยฺหํ ปุเร สทฺธาติ อายสฺมโต สาฎิมตฺติยเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ตาลวณฺฎํ อทาสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท มคธรเฎฺฐ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สาฎิมตฺติโยติ ลทฺธนาโม วยปฺปโตฺต เหตุสมฺปนฺนตาย อารญฺญกภิกฺขูนํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๘.๔๓-๔๗) –
Ahu tuyhaṃ pure saddhāti āyasmato sāṭimattiyattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto siddhatthassa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto ekadivasaṃ satthāraṃ disvā pasannamānaso tālavaṇṭaṃ adāsi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde magadharaṭṭhe brāhmaṇakule nibbattitvā sāṭimattiyoti laddhanāmo vayappatto hetusampannatāya āraññakabhikkhūnaṃ santike pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karonto chaḷabhiñño ahosi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.38.43-47) –
‘‘สิทฺธตฺถสฺส ภควโต, ตาลวณฺฎมทาสหํ;
‘‘Siddhatthassa bhagavato, tālavaṇṭamadāsahaṃ;
สุมเนหิ ปฎิจฺฉนฺนํ, ธารยามิ มหารหํฯ
Sumanehi paṭicchannaṃ, dhārayāmi mahārahaṃ.
‘‘จตุนฺนวุติโต กเปฺป, ตาลวณฺฎมทาสหํ;
‘‘Catunnavutito kappe, tālavaṇṭamadāsahaṃ;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ตาลวณฺฎสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, tālavaṇṭassidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
ฉฬภิโญฺญ ปน หุตฺวา ภิกฺขู โอวทติ อนุสาสติ พหู จ สเตฺต ธมฺมํ กเถตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐาเปสิฯ อญฺญตรญฺจ กุลํ อสฺสทฺธํ อปฺปสนฺนํ สทฺธํ ปสนฺนํ อกาสิฯ เตน ตสฺมิํ กุเล มนุสฺสา เถเร อภิปฺปสนฺนา อเหสุํฯ ตเตฺถกา ทาริกา อภิรูปา ทสฺสนียา เถรํ ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐํ สกฺกจฺจํ โภชเนน ปริวิสติฯ อเถกทิวสํ มาโร ‘‘เอวํ อิมสฺส อยโส วฑฺฒิสฺสติ, อปฺปติโฎฺฐ ภวิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา เถรสฺส รูเปน คนฺตฺวา ตํ ทาริกํ หเตฺถ อคฺคเหสิฯ ทาริกา ‘‘นายํ มนุสฺสสมฺผโสฺส’’ติ จ อญฺญาสิ, หตฺถญฺจ มุญฺจาเปสิฯ ตํ ทิสฺวา ฆรชโน เถเร อปฺปสาทํ ชเนสิฯ ปุนทิวเส เถโร ตํ การณํ อนาวเชฺชโนฺต ตํ ฆรํ อคมาสิฯ ตตฺถ มนุสฺสา อนาทรํ อกํสุฯ เถโร ตํ การณํ อาวเชฺชโนฺต มารสฺส กิริยํ ทิสฺวา ‘‘ตสฺส คีวายํ กุกฺกุรกุณปํ ปฎิมุญฺจตู’’ติ อธิฎฺฐหิตฺวา ตสฺส โมจนตฺถํ อุปคเตน มาเรน อตีตทิวเส กตกิริยํ กถาเปตฺวา ตํ ตเชฺชตฺวา วิสฺสเชฺชสิฯ ตํ ทิสฺวา ฆรสามิโก ‘‘ขมถ, ภเนฺต, อจฺจย’’นฺติ ขมาเปตฺวา ‘‘อชฺชตเคฺค อหเมว, ภเนฺต, ตุเมฺห อุปฎฺฐหามี’’ติ อาหฯ เถโร ตสฺส ธมฺมํ กเถโนฺต –
Chaḷabhiñño pana hutvā bhikkhū ovadati anusāsati bahū ca satte dhammaṃ kathetvā saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhāpesi. Aññatarañca kulaṃ assaddhaṃ appasannaṃ saddhaṃ pasannaṃ akāsi. Tena tasmiṃ kule manussā there abhippasannā ahesuṃ. Tatthekā dārikā abhirūpā dassanīyā theraṃ piṇḍāya paviṭṭhaṃ sakkaccaṃ bhojanena parivisati. Athekadivasaṃ māro ‘‘evaṃ imassa ayaso vaḍḍhissati, appatiṭṭho bhavissatī’’ti cintetvā therassa rūpena gantvā taṃ dārikaṃ hatthe aggahesi. Dārikā ‘‘nāyaṃ manussasamphasso’’ti ca aññāsi, hatthañca muñcāpesi. Taṃ disvā gharajano there appasādaṃ janesi. Punadivase thero taṃ kāraṇaṃ anāvajjento taṃ gharaṃ agamāsi. Tattha manussā anādaraṃ akaṃsu. Thero taṃ kāraṇaṃ āvajjento mārassa kiriyaṃ disvā ‘‘tassa gīvāyaṃ kukkurakuṇapaṃ paṭimuñcatū’’ti adhiṭṭhahitvā tassa mocanatthaṃ upagatena mārena atītadivase katakiriyaṃ kathāpetvā taṃ tajjetvā vissajjesi. Taṃ disvā gharasāmiko ‘‘khamatha, bhante, accaya’’nti khamāpetvā ‘‘ajjatagge ahameva, bhante, tumhe upaṭṭhahāmī’’ti āha. Thero tassa dhammaṃ kathento –
๒๔๖.
246.
‘‘อหุ ตุยฺหํ ปุเร สทฺธา, สา เต อชฺช น วิชฺชติ;
‘‘Ahu tuyhaṃ pure saddhā, sā te ajja na vijjati;
ยํ ตุยฺหํ ตุยฺหเมเวตํ, นตฺถิ ทุจฺจริตํ มมฯ
Yaṃ tuyhaṃ tuyhamevetaṃ, natthi duccaritaṃ mama.
๒๔๗.
247.
‘‘อนิจฺจา หิ จลา สทฺธา, เอวํ ทิฎฺฐา หิ สา มยา;
‘‘Aniccā hi calā saddhā, evaṃ diṭṭhā hi sā mayā;
รชฺชนฺติปิ วิรชฺชนฺติ, ตตฺถ กิํ ชิยฺยเต มุนิฯ
Rajjantipi virajjanti, tattha kiṃ jiyyate muni.
๒๔๘.
248.
‘‘ปจฺจติ มุนิโน ภตฺตํ, โถกํ โถกํ กุเล กุเล;
‘‘Paccati munino bhattaṃ, thokaṃ thokaṃ kule kule;
ปิณฺฑิกาย จริสฺสามิ, อตฺถิ ชงฺฆพลํ มมา’’ติฯ –
Piṇḍikāya carissāmi, atthi jaṅghabalaṃ mamā’’ti. –
ติโสฺส คาถา อภาสิฯ
Tisso gāthā abhāsi.
ตตฺถ อหุ ตุยฺหํ ปุเร สทฺธา, สา เต อชฺช น วิชฺชตีติ, อุปาสก, อิโต ปุเพฺพ ตว มยิ ‘‘อโยฺย ธมฺมจารี สมจารี’’ติอาทินา สทฺธา อโหสิ, สา สทฺธา เต ตว อชฺช อิทานิ น อุปลพฺภติฯ ตสฺมา ยํ ตุยฺหํ ตุยฺหเมเวตนฺติ จตุปจฺจยทานํ, ตุยฺหเมว เอตํ โหตุ, น เตน มยฺหํ อโตฺถ, สมฺมา ปสนฺนจิเตฺตน หิ ทานํ นาม ทาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ อถ วา ยํ ตุยฺหํ ตุยฺหเมเวตนฺติ ยํ ตว มยิ อชฺช อคารวํ ปวตฺตํ, ตํ ตุยฺหเมว, ตสฺส ผลํ ตยา เอว ปจฺจนุภวิตพฺพํ, น มยาติ อโตฺถฯ นตฺถิ ทุจฺจริตํ มมาติ มม ปน ทุจฺจริตํ นาม นตฺถิ มเคฺคเนว ทุจฺจริตเหตูนํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตาฯ
Tattha ahu tuyhaṃ pure saddhā, sā te ajja na vijjatīti, upāsaka, ito pubbe tava mayi ‘‘ayyo dhammacārī samacārī’’tiādinā saddhā ahosi, sā saddhā te tava ajja idāni na upalabbhati. Tasmā yaṃ tuyhaṃ tuyhamevetanti catupaccayadānaṃ, tuyhameva etaṃ hotu, na tena mayhaṃ attho, sammā pasannacittena hi dānaṃ nāma dātabbanti adhippāyo. Atha vā yaṃ tuyhaṃ tuyhamevetanti yaṃ tava mayi ajja agāravaṃ pavattaṃ, taṃ tuyhameva, tassa phalaṃ tayā eva paccanubhavitabbaṃ, na mayāti attho. Natthi duccaritaṃ mamāti mama pana duccaritaṃ nāma natthi maggeneva duccaritahetūnaṃ kilesānaṃ samucchinnattā.
อนิจฺจา หิ จลา สทฺธาติ ยสฺมา โปถุชฺชนิกา สทฺธา อนิจฺจา เอกนฺติกา น โหติ, ตโต เอว จลา อสฺสปิเฎฺฐ ฐปิตกุมฺภณฺฑํ วิย, ถุสราสิมฺหิ นิขาตขาณุกํ วิย จ อนวฎฺฐิตาฯ เอวํ ทิฎฺฐา หิ สา มยาติ เอวํ ภูตา จ สา สทฺธา มยา ตยิ ทิฎฺฐา ปจฺจกฺขโต วิทิตาฯ รชฺชนฺติปิ วิรชฺชนฺตีติ เอวํ ตสฺสา อนวฎฺฐิตตฺตา เอว อิเม สตฺตา กทาจิ กตฺถจิ มิตฺตสนฺถววเสน รชฺชนฺติ สิเนหมฺปิ กโรนฺติ, กทาจิ วิรชฺชนฺติ วิรตฺตจิตฺตา โหนฺติฯ ตตฺถ กิํ ชิยฺยเต มุนีติ ตสฺมิํ ปุถุชฺชนานํ รชฺชเน วิรชฺชเน จ มุนิ ปพฺพชิโต กิํ ชิยฺยติ, กา ตสฺส หานีติ อโตฺถฯ
Aniccā hi calā saddhāti yasmā pothujjanikā saddhā aniccā ekantikā na hoti, tato eva calā assapiṭṭhe ṭhapitakumbhaṇḍaṃ viya, thusarāsimhi nikhātakhāṇukaṃ viya ca anavaṭṭhitā. Evaṃ diṭṭhā hi sā mayāti evaṃ bhūtā ca sā saddhā mayā tayi diṭṭhā paccakkhato viditā. Rajjantipi virajjantīti evaṃ tassā anavaṭṭhitattā eva ime sattā kadāci katthaci mittasanthavavasena rajjanti sinehampi karonti, kadāci virajjanti virattacittā honti. Tattha kiṃ jiyyate munīti tasmiṃ puthujjanānaṃ rajjane virajjane ca muni pabbajito kiṃ jiyyati, kā tassa hānīti attho.
‘‘สเจ มม ปจฺจเย น คณฺหถ, กถํ ตุเมฺห ยาเปถา’’ติ เอวํ มา จินฺตยีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปจฺจตี’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ มุนิโน ปพฺพชิตสฺส ภตฺตํ นาม กุเล กุเล อนุฆรํ ทิวเส ทิวเส โถกํ โถกํ ปจฺจเต, น จ ตุยฺหํ เอว เคเหฯ ปิณฺฑิกาย จริสฺสามิ, อตฺถิ ชงฺฆพลํ มมาติ อตฺถิ เม ชงฺฆพลํ, นาหํ โอภคฺคชโงฺฆ น ขโญฺช น จ ปาทโรคี, ตสฺมา ปิณฺฑิกาย มิสฺสกภิกฺขาย จริสฺสามิ, ‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผ’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๔๙; เนตฺติ. ๑๒๓) สตฺถารา วุตฺตนเยน ปิณฺฑาย จริตฺวา ยาเปสฺสามีติ ทเสฺสติฯ
‘‘Sace mama paccaye na gaṇhatha, kathaṃ tumhe yāpethā’’ti evaṃ mā cintayīti dassento ‘‘paccatī’’ti gāthamāha. Tassattho munino pabbajitassa bhattaṃ nāma kule kule anugharaṃ divase divase thokaṃ thokaṃ paccate, na ca tuyhaṃ eva gehe. Piṇḍikāya carissāmi, atthi jaṅghabalaṃ mamāti atthi me jaṅghabalaṃ, nāhaṃ obhaggajaṅgho na khañjo na ca pādarogī, tasmā piṇḍikāya missakabhikkhāya carissāmi, ‘‘yathāpi bhamaro puppha’’ntiādinā (dha. pa. 49; netti. 123) satthārā vuttanayena piṇḍāya caritvā yāpessāmīti dasseti.
สาฎิมตฺติยเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sāṭimattiyattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑๐. สาฎิมตฺติยเตฺถรคาถา • 10. Sāṭimattiyattheragāthā