Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๑๐. สติปฎฺฐานสุตฺตวณฺณนา
10. Satipaṭṭhānasuttavaṇṇanā
๑๐๕. ชานปทิโนติ (ที. นิ. ฎี. ๒.๙๕) ชนปทวโนฺต, ชนปทสฺส วา อิสฺสรา ราชกุมาราฯ โคตฺตวเสน กุรู นามฯ เตสํ นิวาโส ยทิ เอโก ชนปโท, กถํ พหุวจนนฺติ อาห ‘‘รุฬฺหีสเทฺทนา’’ติฯ อกฺขรจินฺตกา หิ อีทิเสสุ ฐาเนสุ ยุเตฺต วิย สลิงฺควจนานิ (ปาณินิ ๑.๒๕๑) อิจฺฉนฺติ, อยเมตฺถ รุฬฺหี ยถา อญฺญตฺถาปิ ‘‘อเงฺคสุ วิหรติ, มเลฺลสุ วิหรตี’’ติ จฯ ตพฺพิเสสเน ปน ชนปท-สเทฺท ชาติ-สเทฺท เอกวจนเมวฯ อฎฺฐกถาจริยา ปนาติ ปน-สโทฺท วิเสสตฺถโชตโนฯ เตน ปุถุอตฺถวิสยตาย เอวํ ตํ พหุวจนนฺติ ‘‘พหุเก ปนา’’ติอาทินา วกฺขมานํ วิเสสํ ทีเปติฯ สุตฺวาติ มนฺธาตุมหาราชสฺส อานุภาวทสฺสนานุสาเรน ปรมฺปราคตํ กถํ สุตฺวาฯ อนุสํยายเนฺตนาติ อนุวิจรเนฺตนฯ เอเตสํ ฐานนฺติ จนฺทิมสูริยมุเขน จาตุมหาราชิกภวนมาหฯ เตนาห ‘‘ตตฺถ อคมาสี’’ติอาทิฯ โสติ มนฺธาตุมหาราชาฯ ตนฺติ จาตุมหาราชิกรชฺชํฯ คเหตฺวาติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวาฯ ปุน ปุจฺฉิ ปริณายกรตนํฯ โทวาริกภูมิยํ ติฎฺฐนฺติ สุธมฺมาย เทวสภาย เทวปุรสฺส จ จตูสุ ทฺวาเรสุ อารกฺขาย อธิกตตฺตาฯ ทิพฺพรุกฺขสหสฺสปฎิมณฺฑิตนฺติ อิทํ ‘‘จิตฺตลตาวน’’นฺติอาทีสุปิ โยเชตพฺพํฯ
105.Jānapadinoti (dī. ni. ṭī. 2.95) janapadavanto, janapadassa vā issarā rājakumārā. Gottavasena kurū nāma. Tesaṃ nivāso yadi eko janapado, kathaṃ bahuvacananti āha ‘‘ruḷhīsaddenā’’ti. Akkharacintakā hi īdisesu ṭhānesu yutte viya saliṅgavacanāni (pāṇini 1.251) icchanti, ayamettha ruḷhī yathā aññatthāpi ‘‘aṅgesu viharati, mallesu viharatī’’ti ca. Tabbisesane pana janapada-sadde jāti-sadde ekavacanameva. Aṭṭhakathācariyā panāti pana-saddo visesatthajotano. Tena puthuatthavisayatāya evaṃ taṃ bahuvacananti ‘‘bahuke panā’’tiādinā vakkhamānaṃ visesaṃ dīpeti. Sutvāti mandhātumahārājassa ānubhāvadassanānusārena paramparāgataṃ kathaṃ sutvā. Anusaṃyāyantenāti anuvicarantena. Etesaṃ ṭhānanti candimasūriyamukhena cātumahārājikabhavanamāha. Tenāha ‘‘tattha agamāsī’’tiādi. Soti mandhātumahārājā. Tanti cātumahārājikarajjaṃ. Gahetvāti sampaṭicchitvā. Puna pucchi pariṇāyakaratanaṃ. Dovārikabhūmiyaṃ tiṭṭhanti sudhammāya devasabhāya devapurassa ca catūsu dvāresu ārakkhāya adhikatattā. Dibbarukkhasahassapaṭimaṇḍitanti idaṃ ‘‘cittalatāvana’’ntiādīsupi yojetabbaṃ.
ปถวิยํ ปติฎฺฐาสีติ ภสฺสิตฺวา ปถวิยา อาสเนฺน ฐาเน อฎฺฐาสิ, ฐตฺวา จ นจิรเสฺสว อนฺตรธายิ เตนตฺตภาเวน รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺสริยสฺส อภาวโตฯ ‘‘จิรตรํ กาลํ ฐตฺวา’’ติ อปเรฯ เทวภาโว ปาตุรโหสิ เทวโลเก ปวตฺติวิปากทายิโน อปราปริยายเวทนียสฺส กมฺมสฺส กโตกาสตฺตาฯ อวยเว สิโทฺธ วิเสโส สมุทายสฺส วิเสสโก โหตีติ เอกมฺปิ รฎฺฐํ พหุวจเนน โวหรียติฯ
Pathaviyaṃ patiṭṭhāsīti bhassitvā pathaviyā āsanne ṭhāne aṭṭhāsi, ṭhatvā ca nacirasseva antaradhāyi tenattabhāvena rañño cakkavattissariyassa abhāvato. ‘‘Cirataraṃ kālaṃ ṭhatvā’’ti apare. Devabhāvo pāturahosi devaloke pavattivipākadāyino aparāpariyāyavedanīyassa kammassa katokāsattā. Avayave siddho viseso samudāyassa visesako hotīti ekampi raṭṭhaṃ bahuvacanena voharīyati.
ท-กาเรน อตฺถํ วณฺณยนฺติ นิรุตฺตินเยนฯ กมฺมาโสติ กมฺมาสปาโท วุจฺจติ อุตฺตรปทโลเปน ยถา ‘‘รูปภโว รูป’’นฺติฯ กถํ ปน โส กมฺมาสปาโทติ อาห ‘‘ตสฺส กิรา’’ติอาทิฯ ทมิโตติ เอตฺถ กีทิสํ ทมนํ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘โปริสาทภาวโต ปฎิเสธิโต’’ติฯ อิเม ปน เถราติ มชฺฌิมภาณเก วทติ, เต ปน จูฬกมฺมาสทมฺมํ สนฺธาย ตถา วทนฺติฯ ยกฺขินิปุโตฺต หิ กมฺมาสปาโท อลีนสตฺตุกุมารกาเล โพธิสเตฺตน ตตฺถ ทมิโต, สุตโสมกาเล ปน พาราณสิราชา โปริสาทภาวปฎิเสธเนน ยตฺถ ทมิโต, ตํ มหากมฺมาสทมฺมํ นามฯ ปุโตฺตติ วตฺวา อตฺรโชติ วจนํ โอรสปุตฺตภาวทสฺสนตฺถํฯ
Da-kārena atthaṃ vaṇṇayanti niruttinayena. Kammāsoti kammāsapādo vuccati uttarapadalopena yathā ‘‘rūpabhavo rūpa’’nti. Kathaṃ pana so kammāsapādoti āha ‘‘tassa kirā’’tiādi. Damitoti ettha kīdisaṃ damanaṃ adhippetanti āha ‘‘porisādabhāvato paṭisedhito’’ti. Ime pana therāti majjhimabhāṇake vadati, te pana cūḷakammāsadammaṃ sandhāya tathā vadanti. Yakkhiniputto hi kammāsapādo alīnasattukumārakāle bodhisattena tattha damito, sutasomakāle pana bārāṇasirājā porisādabhāvapaṭisedhanena yattha damito, taṃ mahākammāsadammaṃ nāma. Puttoti vatvā atrajoti vacanaṃ orasaputtabhāvadassanatthaṃ.
เยหิ อาวสิตปเทโส กุรุรฎฺฐนฺติ นามํ ลภิ, เต อุตฺตรกุรุโต อาคตา มนุสฺสา ตตฺถ รกฺขิตนิยาเมเนว ปญฺจ สีลานิ รกฺขิํสุ, เตสํ ทิฎฺฐานุคติยา ปจฺฉิมา ชนตาติ, โส เทสธมฺมวเสน อวิเจฺฉทโต วตฺตมาโน กุรุวตฺตธโมฺมติ ปญฺญายิตฺถ, อยญฺจ อโตฺถ กุรุธมฺมชาตเกน (ชา. ๑.๓.๗๖-๗๘) ทีเปตโพฺพฯ โส อปรภาเค ยตฺถ ปฐมํ สํกิลิโฎฺฐ ชาโต, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘กุรุรฎฺฐวาสีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ยตฺถ ภควโต วสโนกาโส โกจิ วิหาโร น โหติ, ตตฺถ เกวลํ โคจรคามกิตฺตนํ นิทานกถาย ปกติ, ยถา ตํสเกฺกสุ วิหรติ เทวทหํ นาม สกฺกานํ นิคโมติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อวสโนกาสโต’’ติอาทิมาหฯ
Yehi āvasitapadeso kururaṭṭhanti nāmaṃ labhi, te uttarakuruto āgatā manussā tattha rakkhitaniyāmeneva pañca sīlāni rakkhiṃsu, tesaṃ diṭṭhānugatiyā pacchimā janatāti, so desadhammavasena avicchedato vattamāno kuruvattadhammoti paññāyittha, ayañca attho kurudhammajātakena (jā. 1.3.76-78) dīpetabbo. So aparabhāge yattha paṭhamaṃ saṃkiliṭṭho jāto, taṃ dassetuṃ ‘‘kururaṭṭhavāsīna’’ntiādi vuttaṃ. Yattha bhagavato vasanokāso koci vihāro na hoti, tattha kevalaṃ gocaragāmakittanaṃ nidānakathāya pakati, yathā taṃsakkesu viharati devadahaṃ nāma sakkānaṃ nigamoti imamatthaṃ dassento ‘‘avasanokāsato’’tiādimāha.
อุเทฺทสวารกถาวณฺณนา
Uddesavārakathāvaṇṇanā
๑๐๖. กสฺมา ภควา อิมํ สุตฺตมภาสีติ อสาธารณสมุฎฺฐานํ ปุจฺฉติ, สาธารณํ ปน ปากฎนฺติ อนามฎฺฐํ, เตน สุตฺตนิเกฺขโป ปุจฺฉิโตติ กตฺวา อิตโร ‘‘กุรุรฎฺฐวาสีน’’นฺติอาทินา อปรชฺฌาสโยยํ สุตฺตนิเกฺขโปติ ทเสฺสติฯ เอเตน พาหิรสมุฎฺฐานํ วิภาวิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อชฺฌตฺติกํ ปน อสาธารณญฺจ มูลปริยายสุตฺตาทิฎีกายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ กุรุรฎฺฐํ กิร (ที. นิ. ฎี. ๒.๓๗๓) ตทา ตนฺนิวาสีนํ สตฺตานํ เยภุเยฺยน โยนิโสมนสิการวนฺตตาย ปุเพฺพ จ กตปุญฺญตาพเลน อุตุอาทิสมฺปนฺนเมว อโหสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อุตุปจฺจยาทิสมฺปนฺนตฺตา’’ติฯ อาทิ-สเทฺทน โภชนาทิสมฺปตฺติํ สงฺคณฺหาติฯ เกจิ ปน ‘‘ปุเพฺพ กุรุวตฺตธมฺมานุฎฺฐานวาสนาย อุตฺตรกุรุ วิย เยภุเยฺยน อุตุอาทิสมฺปนฺนเมว โหนฺตํ ภควโต กาเล สาติสยํ อุตุสปฺปายาทิยุตฺตํ ตํ รฎฺฐํ อโหสี’’ติ วทนฺติฯ จิตฺตสรีรกลฺลตายาติ จิตฺตสฺส สรีรสฺส จ อโรคตายฯ อนุคฺคหิตปญฺญาพลาติ ลทฺธุปการญาณานุภาวา, อนุ อนุ วา อาจิณฺณปญฺญาเตชาฯ เอกวีสติยา ฐาเนสูติ กายานุปสฺสนาวเสน จุทฺทสสุฐาเนสุ, เวทนานุปสฺสนาวเสน เอกสฺมิํ ฐาเน, ตถา จิตฺตานุปสฺสนาวเสน, ธมฺมานุปสฺสนาวเสน ปญฺจสุ ฐาเนสูติ เอวํ เอกวีสติยา ฐาเนสุฯ กมฺมฎฺฐานํ อรหเตฺต ปกฺขิปิตฺวาติ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานํ ยถา อรหตฺตํ ปาเปติ, เอวํ เทสนาวเสน อรหเตฺต ปกฺขิปิตฺวาฯ สุวณฺณจโงฺกฎกสุวณฺณมญฺชูสาสุ ปกฺขิตฺตานิ สุมนจมฺปกาทินานาปุปฺผานิ มณิปุตฺตาทิสตฺตรตนานิ จ ยถา ภาชนสมฺปตฺติยา สวิเสสํ โสภนฺติ, กิจฺจกรานิ จ โหนฺติ มนุญฺญาภาวโต, เอวํ สีลทสฺสนาทิสมฺปตฺติยา ภาชนวิเสสภูตาย กุรุรฎฺฐวาสิปริสาย เทสิตา จ ภควโต อยํ เทสนา ภิโยฺยโสมตฺตาย โสภติ, กิจฺจการี จ โหตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘ยถา หิ ปุริโส’’ติอาทินาฯ เอตฺถาติ กุรุรเฎฺฐฯ
106.Kasmā bhagavā imaṃ suttamabhāsīti asādhāraṇasamuṭṭhānaṃ pucchati, sādhāraṇaṃ pana pākaṭanti anāmaṭṭhaṃ, tena suttanikkhepo pucchitoti katvā itaro ‘‘kururaṭṭhavāsīna’’ntiādinā aparajjhāsayoyaṃ suttanikkhepoti dasseti. Etena bāhirasamuṭṭhānaṃ vibhāvitanti daṭṭhabbaṃ. Ajjhattikaṃ pana asādhāraṇañca mūlapariyāyasuttādiṭīkāyaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. Kururaṭṭhaṃ kira (dī. ni. ṭī. 2.373) tadā tannivāsīnaṃ sattānaṃ yebhuyyena yonisomanasikāravantatāya pubbe ca katapuññatābalena utuādisampannameva ahosi. Tena vuttaṃ ‘‘utupaccayādisampannattā’’ti. Ādi-saddena bhojanādisampattiṃ saṅgaṇhāti. Keci pana ‘‘pubbe kuruvattadhammānuṭṭhānavāsanāya uttarakuru viya yebhuyyena utuādisampannameva hontaṃ bhagavato kāle sātisayaṃ utusappāyādiyuttaṃ taṃ raṭṭhaṃ ahosī’’ti vadanti. Cittasarīrakallatāyāti cittassa sarīrassa ca arogatāya. Anuggahitapaññābalāti laddhupakārañāṇānubhāvā, anu anu vā āciṇṇapaññātejā. Ekavīsatiyā ṭhānesūti kāyānupassanāvasena cuddasasuṭhānesu, vedanānupassanāvasena ekasmiṃ ṭhāne, tathā cittānupassanāvasena, dhammānupassanāvasena pañcasu ṭhānesūti evaṃ ekavīsatiyā ṭhānesu. Kammaṭṭhānaṃ arahatte pakkhipitvāti catusaccakammaṭṭhānaṃ yathā arahattaṃ pāpeti, evaṃ desanāvasena arahatte pakkhipitvā. Suvaṇṇacaṅkoṭakasuvaṇṇamañjūsāsu pakkhittāni sumanacampakādinānāpupphāni maṇiputtādisattaratanāni ca yathā bhājanasampattiyā savisesaṃ sobhanti, kiccakarāni ca honti manuññābhāvato, evaṃ sīladassanādisampattiyā bhājanavisesabhūtāya kururaṭṭhavāsiparisāya desitā ca bhagavato ayaṃ desanā bhiyyosomattāya sobhati, kiccakārī ca hotīti imamatthaṃ dasseti ‘‘yathā hi puriso’’tiādinā. Etthāti kururaṭṭhe.
ปกติยาติ สรสโต, อิมิสฺสา สติปฎฺฐานสุตฺตเทสนาย ปุเพฺพปีติ อธิปฺปาโยฯ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ สตฺถุ เทสนานุสารโตติ อธิปฺปาโยฯ วิสฺสฎฺฐอตฺตภาวนาติ อนิจฺจาทิวเสน กิสฺมิญฺจิ โยนิโสมนสิกาเร จิตฺตํ อนิโยเชตฺวา รูปาทิอารมฺมเณ อภิรติวเสน วิสฺสฎฺฐจิเตฺตน ภวิตุํ น วฎฺฎติ, ปมาทวิหารํ ปหาย อปฺปมเตฺตน ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ
Pakatiyāti sarasato, imissā satipaṭṭhānasuttadesanāya pubbepīti adhippāyo. Anuyuttā viharanti satthu desanānusāratoti adhippāyo. Vissaṭṭhaattabhāvanāti aniccādivasena kismiñci yonisomanasikāre cittaṃ aniyojetvā rūpādiārammaṇe abhirativasena vissaṭṭhacittena bhavituṃ na vaṭṭati, pamādavihāraṃ pahāya appamattena bhavitabbanti adhippāyo.
เอกายโนติ เอตฺถ อยน-สโทฺท มคฺคปริยาโยฯ น เกวลมยนเมว, อถ โข อเญฺญปิ พหู มคฺคปริยายาติ ปทุทฺธารํ กโรโนฺต ‘‘มคฺคสฺส หี’’ติอาทิ วตฺวา ยทิ มคฺคปริยาโย อยน-สโทฺท, กสฺมา ปุน มโคฺคติ วุตฺตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิฯ ตตฺถ เอกมโคฺคติ เอโก เอว มโคฺคฯ น หิ นิพฺพานคามี มโคฺค อโญฺญ อตฺถีติฯ นนุ สติปฎฺฐานํ อิธ ‘‘มโคฺค’’ติ อธิเปฺปตํ, ตทเญฺญ จ พหู มคฺคธมฺมา อตฺถีติ? สจฺจํ อตฺถิ, เต ปน สติปฎฺฐานคฺคหเณเนว คหิตา ตทวินาภาวโตฯ ตถา หิ ญาณวีริยาทโย นิเทฺทเส คหิตาฯ อุเทฺทเส ปน สติยา เอว คหณํ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสนาติ ทฎฺฐพฺพํฯ น เทฺวธาปถภูโตติ อิมินา อิมสฺส มคฺคสฺส อเนกมคฺคตาภาวํ วิย อนิพฺพานคามิภาวาภาวญฺจ ทเสฺสติฯ เอเกนาติ อสหาเยนฯ อสหายตา จ ทุวิธา อตฺตทุติยตาภาเวน วา, ยา ‘‘วูปกฎฺฐกายตา’’ติ วุจฺจติ, ตณฺหาทุติยตาภาเวน วา, ยา ‘‘ปวิวิตฺตจิตฺตตา’’ติ วุจฺจติฯ เตนาห ‘‘วูปกเฎฺฐน ปวิวิตฺตจิเตฺตนา’’ติฯ เสโฎฺฐปิ โลเก ‘‘เอโก’’ติ วุจฺจติ ‘‘ยาว ปเร เอกโต กโรสี’’ติอาทีสูติ อาห ‘‘เอกสฺสาติ เสฎฺฐสฺสา’’ติฯ ยทิ สํสารโต นิสฺสรณโฎฺฐ อยนโฎฺฐ อเญฺญสมฺปิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺนานํ สาธารโณ กถํ ภควโตติ อาห ‘‘กิญฺจาปี’’ติอาทิฯ อิมสฺมิํ โขติ เอตฺถ โข-สโทฺท อวธารเณ, ตสฺมา อิมสฺมิํ เยวาติ อโตฺถฯ เทสนาเภโทเยว เหโส, ยทิทํ มโคฺคติ วา อยโนติ วาฯ เตนาห ‘‘อโตฺถ ปเนโก’’ติฯ
Ekāyanoti ettha ayana-saddo maggapariyāyo. Na kevalamayanameva, atha kho aññepi bahū maggapariyāyāti paduddhāraṃ karonto ‘‘maggassa hī’’tiādi vatvā yadi maggapariyāyo ayana-saddo, kasmā puna maggoti vuttanti codanaṃ sandhāyāha ‘‘tasmā’’tiādi. Tattha ekamaggoti eko eva maggo. Na hi nibbānagāmī maggo añño atthīti. Nanu satipaṭṭhānaṃ idha ‘‘maggo’’ti adhippetaṃ, tadaññe ca bahū maggadhammā atthīti? Saccaṃ atthi, te pana satipaṭṭhānaggahaṇeneva gahitā tadavinābhāvato. Tathā hi ñāṇavīriyādayo niddese gahitā. Uddese pana satiyā eva gahaṇaṃ veneyyajjhāsayavasenāti daṭṭhabbaṃ. Na dvedhāpathabhūtoti iminā imassa maggassa anekamaggatābhāvaṃ viya anibbānagāmibhāvābhāvañca dasseti. Ekenāti asahāyena. Asahāyatā ca duvidhā attadutiyatābhāvena vā, yā ‘‘vūpakaṭṭhakāyatā’’ti vuccati, taṇhādutiyatābhāvena vā, yā ‘‘pavivittacittatā’’ti vuccati. Tenāha ‘‘vūpakaṭṭhena pavivittacittenā’’ti. Seṭṭhopi loke ‘‘eko’’ti vuccati ‘‘yāva pare ekato karosī’’tiādīsūti āha ‘‘ekassāti seṭṭhassā’’ti. Yadi saṃsārato nissaraṇaṭṭho ayanaṭṭho aññesampi upanissayasampannānaṃ sādhāraṇo kathaṃ bhagavatoti āha ‘‘kiñcāpī’’tiādi. Imasmiṃ khoti ettha kho-saddo avadhāraṇe, tasmā imasmiṃ yevāti attho. Desanābhedoyeva heso, yadidaṃ maggoti vā ayanoti vā. Tenāha ‘‘attho paneko’’ti.
นานามุขภาวนานยปฺปวโตฺตติ กายานุปสฺสนาทิมุเขน ตตฺถาปิ อานาปานาทิมุเขน ภาวนานเยน ปวโตฺตฯ เอกายนนฺติ เอกคามินํ, นิพฺพานคามินนฺติ อโตฺถฯ นิพฺพานญฺหิ อทุติยตฺตา เสฎฺฐตฺตา จ ‘‘เอก’’นฺติ วุจฺจติฯ ยถาห ‘‘เอกญฺหิ สจฺจํ น ทุตียมตฺถี’’ติ (สุ. นิ. ๘๙๐) ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) จฯ ขโย เอว อโนฺตติ ขยโนฺต , ชาติยา ขยนฺตํ ทิฎฺฐวาติ ชาติขยนฺตทสฺสีฯ อวิภาเคน สเพฺพปิ สเตฺต หิเตน อนุกมฺปตีติ หิตานุกมฺปีฯ อตริํสูติ ตริํสุฯ ปุเพฺพติ ปุริมกา พุทฺธา, ปุเพฺพ วา อตีตกาเลฯ
Nānāmukhabhāvanānayappavattoti kāyānupassanādimukhena tatthāpi ānāpānādimukhena bhāvanānayena pavatto. Ekāyananti ekagāminaṃ, nibbānagāminanti attho. Nibbānañhi adutiyattā seṭṭhattā ca ‘‘eka’’nti vuccati. Yathāha ‘‘ekañhi saccaṃ na dutīyamatthī’’ti (su. ni. 890) ‘‘yāvatā, bhikkhave, dhammā saṅkhatā vā asaṅkhatā vā, virāgo tesaṃ aggamakkhāyatī’’ti (a. ni. 4.34; itivu. 90) ca. Khayo eva antoti khayanto , jātiyā khayantaṃ diṭṭhavāti jātikhayantadassī. Avibhāgena sabbepi satte hitena anukampatīti hitānukampī. Atariṃsūti tariṃsu. Pubbeti purimakā buddhā, pubbe vā atītakāle.
ตนฺติ ตํ เตสํ วจนํ, ตํ วา กิริยาวุตฺติวาจกตฺตํ น ยุชฺชติฯ น หิ สเงฺขยฺยปฺปธานตาย สตฺตวาจิโน เอก-สทฺทสฺส กิริยาวุตฺติวาจกตา อตฺถิฯ ‘‘สกิมฺปิ อุทฺธํ คเจฺฉยฺยา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๗.๗๒) วิย ‘‘สกิํ อยโน’’ติ อิมินา พฺยญฺชเนน ภวิตพฺพํฯ เอวํ อตฺถํ โยเชตฺวาติ เอวํ ปทตฺถํ โยเชตฺวาฯ อุภยถาปีติ ปุริมนเยน ปจฺฉิมนเยน จฯ น ยุชฺชติ อิธาธิเปฺปตมคฺคสฺส อเนกวารํ ปวตฺติสพฺภาวโตฯ เตนาห ‘‘กสฺมา’’ติอาทิฯ อเนกวารมฺปิ อยตีติ ปุริมนยสฺส, อเนกญฺจสฺส อยนํ โหตีติ ปจฺฉิมนยสฺส จ ปฎิเกฺขโปฯ
Tanti taṃ tesaṃ vacanaṃ, taṃ vā kiriyāvuttivācakattaṃ na yujjati. Na hi saṅkheyyappadhānatāya sattavācino eka-saddassa kiriyāvuttivācakatā atthi. ‘‘Sakimpi uddhaṃ gaccheyyā’’tiādīsu (a. ni. 7.72) viya ‘‘sakiṃ ayano’’ti iminā byañjanena bhavitabbaṃ. Evaṃ atthaṃ yojetvāti evaṃ padatthaṃ yojetvā. Ubhayathāpīti purimanayena pacchimanayena ca. Na yujjati idhādhippetamaggassa anekavāraṃ pavattisabbhāvato. Tenāha ‘‘kasmā’’tiādi. Anekavārampi ayatīti purimanayassa, anekañcassa ayanaṃ hotīti pacchimanayassa ca paṭikkhepo.
อิมสฺมิํ ปเทติ ‘‘เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มโคฺค’’ติ อิมสฺมิํ วาเกฺย, อิมสฺมิํ วา ‘‘ปุพฺพภาคมโคฺค โลกุตฺตรมโคฺค’’ติ สํสยฎฺฐาเนฯ มิสฺสกมโคฺคติ โลกิเยน มิสฺสโก โลกุตฺตรมโคฺคฯ วิสุทฺธิอาทีนํ นิปฺปริยายเหตุํ สงฺคณฺหโนฺต อาจริยเตฺถโร ‘‘มิสฺสกมโคฺค’’ติ อาห, อิตโร ปริยายเหตุ อิธาธิเปฺปโตติ ‘‘ปุพฺพภาคมโคฺค’’ติฯ
Imasmiṃ padeti ‘‘ekāyano ayaṃ bhikkhave maggo’’ti imasmiṃ vākye, imasmiṃ vā ‘‘pubbabhāgamaggo lokuttaramaggo’’ti saṃsayaṭṭhāne. Missakamaggoti lokiyena missako lokuttaramaggo. Visuddhiādīnaṃ nippariyāyahetuṃ saṅgaṇhanto ācariyatthero ‘‘missakamaggo’’ti āha, itaro pariyāyahetu idhādhippetoti ‘‘pubbabhāgamaggo’’ti.
สทฺทํ สุตฺวาวาติ ‘‘กาโล, ภเนฺต, ธมฺมสฺสวนายา’’ติ กาลาโรจนสทฺทํ สุตฺวาฯ เอวํ อุกฺขิปิตฺวาติฯ เอวํ ‘‘มธุรํ อิมํ กุหิํ ฉเฑฺฑมา’’ติ อฉเฑฺฑนฺตา อุจฺฉุภารํ วิย ปคฺคเหตฺวา น วิจรนฺติฯ อาลุเฬตีติ วิลุฬิโต อากุโล โหตีติ อโตฺถฯ เอกายนมโคฺค วุจฺจติ ปุพฺพภาคสติปฎฺฐานมโคฺคติฯ เอตฺตาวตา อิธาธิเปฺปตเตฺถ สิเทฺธ ตเสฺสว อลงฺการตฺถํ โส ปน ยสฺส ปุพฺพภาคมโคฺค, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘มคฺคานฎฺฐงฺคิโก’’ติอาทิกา คาถาปิ ปฎิสมฺภิทามคฺคโตว อาเนตฺวา ฐปิตาฯ
Saddaṃ sutvāvāti ‘‘kālo, bhante, dhammassavanāyā’’ti kālārocanasaddaṃ sutvā. Evaṃ ukkhipitvāti. Evaṃ ‘‘madhuraṃ imaṃ kuhiṃ chaḍḍemā’’ti achaḍḍentā ucchubhāraṃ viya paggahetvā na vicaranti. Āluḷetīti viluḷito ākulo hotīti attho. Ekāyanamaggo vuccati pubbabhāgasatipaṭṭhānamaggoti. Ettāvatā idhādhippetatthe siddhe tasseva alaṅkāratthaṃ so pana yassa pubbabhāgamaggo, taṃ dassetuṃ ‘‘maggānaṭṭhaṅgiko’’tiādikā gāthāpi paṭisambhidāmaggatova ānetvā ṭhapitā.
นิพฺพานคมนเฎฺฐนาติ นิพฺพานํ คจฺฉติ อธิคจฺฉติ เอเตนาติ นิพฺพานคมนํ, โส เอว อวิปรีตสภาวตาย อโตฺถ, เตน นิพฺพานคมนเฎฺฐน, นิพฺพานาธิคมุปายตายาติ อโตฺถฯ มคฺคนียเฎฺฐนาติ คเวสิตพฺพตาย, ‘‘คมนียเฎฺฐนา’’ติ วา ปาโฐ, อุปคนฺตพฺพตฺตาติ อโตฺถฯ ราคาทีหีติฯ อิมินา ราคโทสโมหานํเยว คหณํ ‘‘ราโค มลํ, โทโส มลํ, โมโห มล’’นฺติ (วิภ. ๙๒๔) วจนโตฯ ‘‘อภิชฺฌาวิสมโลภาทีหี’’ติ ปน อิมินา สเพฺพสมฺปิ อุปกฺกิเลสานํ สงฺคณฺหนตฺถํ เต วิสุํ อุทฺธฎาฯ สตฺตานํ วิสุทฺธิยาติ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส เอกนฺติกตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตถา หี’’ติอาทิมาหฯ กามํ ‘‘วิสุทฺธิยา’’ติ สามญฺญโชตนา, จิตฺตวิสุทฺธิ เอว ปเนตฺถ อธิเปฺปตาติ ทเสฺสตุํ ‘‘รูปมลวเสน ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ น เกวลํ อฎฺฐกถาวจนเมว, อถ โข อิทเมตฺถ อาหจฺจภาสิตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตถา หี’’ติอาทิมาหฯ
Nibbānagamanaṭṭhenāti nibbānaṃ gacchati adhigacchati etenāti nibbānagamanaṃ, so eva aviparītasabhāvatāya attho, tena nibbānagamanaṭṭhena, nibbānādhigamupāyatāyāti attho. Magganīyaṭṭhenāti gavesitabbatāya, ‘‘gamanīyaṭṭhenā’’ti vā pāṭho, upagantabbattāti attho. Rāgādīhīti. Iminā rāgadosamohānaṃyeva gahaṇaṃ ‘‘rāgo malaṃ, doso malaṃ, moho mala’’nti (vibha. 924) vacanato. ‘‘Abhijjhāvisamalobhādīhī’’ti pana iminā sabbesampi upakkilesānaṃ saṅgaṇhanatthaṃ te visuṃ uddhaṭā. Sattānaṃ visuddhiyāti vuttassa atthassa ekantikataṃ dassento ‘‘tathā hī’’tiādimāha. Kāmaṃ ‘‘visuddhiyā’’ti sāmaññajotanā, cittavisuddhi eva panettha adhippetāti dassetuṃ ‘‘rūpamalavasena panā’’tiādi vuttaṃ. Na kevalaṃ aṭṭhakathāvacanameva, atha kho idamettha āhaccabhāsitanti dassento ‘‘tathā hī’’tiādimāha.
สา ปนายํ จิตฺตวิสุทฺธิ สิชฺฌมานา ยสฺมา โสกาทีนํ อนุปฺปาทาย สํวตฺตติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘โสกปริเทวานํ สมติกฺกมายา’’ติอาทิฯ ตตฺถ โสจนํ ญาติพฺยสนาทินิมิตฺตํ เจตโส สนฺตาโป อโนฺตนิชฺฌานํ โสโกฯ ญาติพฺยสนาทินิมิตฺตเมว โสกาธิกตาย ‘‘กหํ, เอกปุตฺตก, กหํ, เอกปุตฺตกา’’ติ ปริเทววเสน ลปนํ ปริเทโว, อายติํ อนุปฺปชฺชนํ อิธ สมติกฺกโมติ อาห ‘‘ปหานายา’’ติฯ ตํ ปนสฺส สมติกฺกมาวหตํ นิทสฺสนวเสน ทเสฺสโนฺต ‘‘อยํ หี’’ติอาทิมาหฯ
Sā panāyaṃ cittavisuddhi sijjhamānā yasmā sokādīnaṃ anuppādāya saṃvattati, tasmā vuttaṃ ‘‘sokaparidevānaṃ samatikkamāyā’’tiādi. Tattha socanaṃ ñātibyasanādinimittaṃ cetaso santāpo antonijjhānaṃ soko. Ñātibyasanādinimittameva sokādhikatāya ‘‘kahaṃ, ekaputtaka, kahaṃ, ekaputtakā’’ti paridevavasena lapanaṃ paridevo, āyatiṃ anuppajjanaṃ idha samatikkamoti āha ‘‘pahānāyā’’ti. Taṃ panassa samatikkamāvahataṃ nidassanavasena dassento ‘‘ayaṃ hī’’tiādimāha.
ตตฺถ ยํ ปุเพฺพ ตํ วิโสเธหีติ อตีเตสุ ขเนฺธสุ ตณฺหาสํกิเลสวิโสธนํ วุตฺตํฯ ปจฺฉาติ ปรโตฯ เตติ ตุยฺหํฯ มาหูติ มา อหุฯ กิญฺจนนฺติ ราคาทิกิญฺจนํฯ เอเตน อนาคเตสุ ขเนฺธสุ สํกิเลสวิโสธนํ วุตฺตํฯ มเชฺฌติ ตทุภยเวมเชฺฌฯ โน เจ คเหสฺสสีติ น อุปาทิยิสฺสสิ เจฯ เอเตน ปจฺจุปฺปเนฺน ขนฺธปพเนฺธ อุปาทานปฺปวตฺติ วุตฺตาฯ อุปสโนฺต จริสฺสสีติ เอวํ อทฺธตฺตยคตสํกิเลสวิโสธเน สติ นิพฺพุตสพฺพปริฬาหตาย อุปสโนฺต หุตฺวา วิหริสฺสสีติ อรหตฺตนิกูเฎน คาถํ นิฎฺฐเปสิฯ เตนาห ‘‘อิมํ คาถ’’นฺติอาทิฯ
Tattha yaṃ pubbe taṃ visodhehīti atītesu khandhesu taṇhāsaṃkilesavisodhanaṃ vuttaṃ. Pacchāti parato. Teti tuyhaṃ. Māhūti mā ahu. Kiñcananti rāgādikiñcanaṃ. Etena anāgatesu khandhesu saṃkilesavisodhanaṃ vuttaṃ. Majjheti tadubhayavemajjhe. No ce gahessasīti na upādiyissasi ce. Etena paccuppanne khandhapabandhe upādānappavatti vuttā. Upasanto carissasīti evaṃ addhattayagatasaṃkilesavisodhane sati nibbutasabbapariḷāhatāya upasanto hutvā viharissasīti arahattanikūṭena gāthaṃ niṭṭhapesi. Tenāha ‘‘imaṃ gātha’’ntiādi.
ปุตฺตาติ โอรสา, อเญฺญปิ วา เย เกจิฯ ปิตาติ ชนโกฯ พนฺธวาติ ญาตกาฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – ปุตฺตา วา ปิตา วา พนฺธวา วา อนฺตเกน มจฺจุนา อธิปนฺนสฺส อภิภูตสฺส มรณโต ตาณาย น โหนฺติ, ตสฺมา นตฺถิ ญาตีสุ ตาณตาติฯ น หิ ญาตีนํ วเสน มรณโต อารกฺขา อตฺถิ, ตสฺมา ปฎาจาเร ‘‘อุโภ ปุตฺตา กาลกตา’’ติอาทินา (อป. เถรี ๒.๒.๔๙๘) มา นิรตฺถกํ ปริเทวิ, ธมฺมํเยว ปน ยาถาวโต ปสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ
Puttāti orasā, aññepi vā ye keci. Pitāti janako. Bandhavāti ñātakā. Ayañhettha attho – puttā vā pitā vā bandhavā vā antakena maccunā adhipannassa abhibhūtassa maraṇato tāṇāya na honti, tasmā natthi ñātīsu tāṇatāti. Na hi ñātīnaṃ vasena maraṇato ārakkhā atthi, tasmā paṭācāre ‘‘ubho puttā kālakatā’’tiādinā (apa. therī 2.2.498) mā niratthakaṃ paridevi, dhammaṃyeva pana yāthāvato passāti adhippāyo.
โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐิตาติ ยถานุโลมํ ปวตฺติตาย สามุกฺกํสิกาย ธมฺมเทสนาย ปริโยสาเน สหสฺสนยปฎิมณฺฑิเต โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ กถํ ปนายํ สติปฎฺฐานมคฺควเสน โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาสีติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิฯ น หิ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานกถาย วินา สาวกานํ อริยมคฺคาธิคโม อตฺถิฯ ‘‘อิมํ คาถํ สุตฺวา’’ติ ปน อิทํ โสกวิโนทนวเสน ปวตฺติตาย คาถาย ปฐมํ สุตตฺตา วุตฺตํฯ เอส นโย อิตรคาถายปิฯ ภาวนาติ ปญฺญาภาวนาฯ สา หิ อิธาธิเปฺปตาฯ ตสฺมาติ ยสฺมา รูปาทีนํ อนิจฺจาทิโต อนุปสฺสนาปิ สติปฎฺฐานภาวนา, ตสฺมาฯ เตปีติ สนฺตติมหามตฺตปฎาจาราฯ
Sotāpattiphale patiṭṭhitāti yathānulomaṃ pavattitāya sāmukkaṃsikāya dhammadesanāya pariyosāne sahassanayapaṭimaṇḍite sotāpattiphale patiṭṭhahi. Kathaṃ panāyaṃ satipaṭṭhānamaggavasena sotāpattiphale patiṭṭhāsīti āha ‘‘yasmā panā’’tiādi. Na hi catusaccakammaṭṭhānakathāya vinā sāvakānaṃ ariyamaggādhigamo atthi. ‘‘Imaṃ gāthaṃ sutvā’’ti pana idaṃ sokavinodanavasena pavattitāya gāthāya paṭhamaṃ sutattā vuttaṃ. Esa nayo itaragāthāyapi. Bhāvanāti paññābhāvanā. Sā hi idhādhippetā. Tasmāti yasmā rūpādīnaṃ aniccādito anupassanāpi satipaṭṭhānabhāvanā, tasmā. Tepīti santatimahāmattapaṭācārā.
ปญฺจสเต โจเรติ สตสตโจรปริวาเร ปญฺจ โจเร ปฎิปาฎิยา เปเสสิฯ เต อรญฺญํ ปวิสิตฺวา เถรํ ปริเยสนฺตา อนุกฺกเมน เถรสฺส สมีเป สมาคจฺฉิํสุฯ เตนาห ‘‘เต คนฺตฺวา เถรํ ปริวาเรตฺวา นิสีทิํสู’’ติฯ เวทนํ วิกฺขเมฺภตฺวา ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชีติ สมฺพโนฺธฯ เถรสฺส หิ สีลํ ปจฺจเวกฺขโต สุปริสุทฺธํ สีลํ นิสฺสาย อุฬารํ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชมานํ อูรุฎฺฐิเภทชนิตํ ทุกฺขเวทนํ วิกฺขเมฺภสิฯ ปาทานีติ ปาเทฯ สญฺญเปสฺสามีติ สญฺญตฺติํ กริสฺสามิฯ อฑฺฑิยามีติ ชิคุจฺฉามิฯ หรายามีติ ลชฺชามิฯ วิปสฺสิสนฺติ สมฺมสิํฯ
Pañcasate coreti satasatacoraparivāre pañca core paṭipāṭiyā pesesi. Te araññaṃ pavisitvā theraṃ pariyesantā anukkamena therassa samīpe samāgacchiṃsu. Tenāha ‘‘te gantvā theraṃ parivāretvā nisīdiṃsū’’ti. Vedanaṃ vikkhambhetvā pītipāmojjaṃ uppajjīti sambandho. Therassa hi sīlaṃ paccavekkhato suparisuddhaṃ sīlaṃ nissāya uḷāraṃ pītipāmojjaṃ uppajjamānaṃ ūruṭṭhibhedajanitaṃ dukkhavedanaṃ vikkhambhesi. Pādānīti pāde. Saññapessāmīti saññattiṃ karissāmi. Aḍḍiyāmīti jigucchāmi. Harāyāmīti lajjāmi. Vipassisanti sammasiṃ.
ปจลายนฺตานนฺติ ปจลายนํ นิทฺทํ อุปคตานํฯ วตสมฺปโนฺนติ ธุตจรณสมฺปโนฺนฯ ปมาทนฺติ ปจลายนํ สนฺธายาหฯ โอรุทฺธมานโสติ อุปรุทฺธอธิจิโตฺตฯ ปญฺชรสฺมินฺติ สรีเรฯ สรีรญฺหิ นฺหารุสมฺพนฺธอฎฺฐิสงฺฆาตตาย อิธ ‘‘ปญฺชร’’นฺติ วุตฺตํฯ
Pacalāyantānanti pacalāyanaṃ niddaṃ upagatānaṃ. Vatasampannoti dhutacaraṇasampanno. Pamādanti pacalāyanaṃ sandhāyāha. Oruddhamānasoti uparuddhaadhicitto. Pañjarasminti sarīre. Sarīrañhi nhārusambandhaaṭṭhisaṅghātatāya idha ‘‘pañjara’’nti vuttaṃ.
ปีตวณฺณาย ปฎากาย ปริหรณโต มลฺลยุทฺธจิตฺตกตาย จ ปีตมโลฺลฯ ตีสุ รเชฺชสูติ ปณฺฑุโจฬโคฬรเชฺชสุฯ มลฺลา สีหฬทีเป สกฺการสมฺมานํ ลภนฺตีติ ตมฺพปณฺณิทีปํ อาคมฺมฯ ตํเยว องฺกุสํ กตฺวาติ ‘‘รูปาทโย ‘มมา’ติ น คเหตพฺพา’’ติ น ตุมฺหากวเคฺคน (สํ. นิ. ๓.๓๓-๓๔) ปกาสิตมตฺถํ อตฺตโน จิตฺตมตฺตหตฺถิโน องฺกุสํ กตฺวาฯ ชณฺณุเกหิ จงฺกมติ ‘‘นิสิเนฺน นิทฺทาย อวสโร โหตี’’ติฯ พฺยากริตฺวาติ อตฺตโน วีริยารมฺภสฺส สผลตาปเวทนมุเขน สพฺรหฺมจารีนํ อุสฺสาหํ ชเนโนฺต อญฺญํ พฺยากริตฺวาฯ ภาสิตนฺติ วจนํฯ กสฺส ปน ตนฺติ อาห ‘‘พุทฺธเสฎฺฐสฺส, สพฺพโลกคฺควาทิโน’’ติฯ น ตุมฺหากนฺติอาทิ ตสฺส ปวตฺติอาการทสฺสนํฯ ตยิทํ เม สงฺขารานํ อจฺจนฺตวูปสมการณนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนิจฺจา วตา’’ติ คาถํ อาหริฯ เตน อิทานาหํ สงฺขารานํ ขเณ ขเณ ภงฺคสงฺขาตสฺส โรคสฺส อภาเวน อโรโค ปรินิพฺพุโตติ ทเสฺสติฯ
Pītavaṇṇāya paṭākāya pariharaṇato mallayuddhacittakatāya ca pītamallo. Tīsu rajjesūti paṇḍucoḷagoḷarajjesu. Mallā sīhaḷadīpe sakkārasammānaṃ labhantīti tambapaṇṇidīpaṃ āgamma. Taṃyeva aṅkusaṃ katvāti ‘‘rūpādayo ‘mamā’ti na gahetabbā’’ti na tumhākavaggena (saṃ. ni. 3.33-34) pakāsitamatthaṃ attano cittamattahatthino aṅkusaṃ katvā. Jaṇṇukehi caṅkamati ‘‘nisinne niddāya avasaro hotī’’ti. Byākaritvāti attano vīriyārambhassa saphalatāpavedanamukhena sabrahmacārīnaṃ ussāhaṃ janento aññaṃ byākaritvā. Bhāsitanti vacanaṃ. Kassa pana tanti āha ‘‘buddhaseṭṭhassa,sabbalokaggavādino’’ti. Na tumhākantiādi tassa pavattiākāradassanaṃ. Tayidaṃ me saṅkhārānaṃ accantavūpasamakāraṇanti dassento ‘‘aniccā vatā’’ti gāthaṃ āhari. Tena idānāhaṃ saṅkhārānaṃ khaṇe khaṇe bhaṅgasaṅkhātassa rogassa abhāvena arogo parinibbutoti dasseti.
อสฺสาติ สกฺกสฺสฯ อุปปตฺตีติ เทวูปปตฺติฯ ปุนปากติกาว อโหสิ สกฺกภาเวเนว อุปปนฺนตฺตาฯ สุพฺรหฺมาติ เอวํ นาโมฯ อจฺฉรานํ นิรยูปปตฺติํ ทิสฺวา ตโต ปภุติ สตตํ ปวตฺตมานํ อตฺตโน จิตฺตุตฺราสํ สนฺธายาห ‘‘นิจฺจํ อุตฺรสฺตมิทํ จิตฺต’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ อุตฺรสฺตนฺติ สนฺตสฺตํ ภีตํฯ อุพฺพิคฺคนฺติ สํวิคฺคํฯ อุตฺรสฺตนฺติ วา สํวิคฺคํฯ อุพฺพิคฺคนฺติ ภยวเสน สห กาเยน สญฺจลิตํฯ อนุปฺปเนฺนสูติ อนาคเตสุฯ กิเจฺฉสูติ ทุเกฺขสุฯ นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมวจนํ, ภาวีทุกฺขปวตฺตินิมิตฺตนฺติ อโตฺถฯ อุปฺปติเตสูติ อุปฺปเนฺนสุ กิเจฺฉสูติ โยชนา, ตทา อตฺตโน ปริวารสฺส อุปฺปนฺนทุกฺขนิมิตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ
Assāti sakkassa. Upapattīti devūpapatti. Punapākatikāva ahosi sakkabhāveneva upapannattā. Subrahmāti evaṃ nāmo. Accharānaṃ nirayūpapattiṃ disvā tato pabhuti satataṃ pavattamānaṃ attano cittutrāsaṃ sandhāyāha ‘‘niccaṃ utrastamidaṃ citta’’ntiādi. Tattha utrastanti santastaṃ bhītaṃ. Ubbigganti saṃviggaṃ. Utrastanti vā saṃviggaṃ. Ubbigganti bhayavasena saha kāyena sañcalitaṃ. Anuppannesūti anāgatesu. Kicchesūti dukkhesu. Nimittatthe bhummavacanaṃ, bhāvīdukkhapavattinimittanti attho. Uppatitesūti uppannesu kicchesūti yojanā, tadā attano parivārassa uppannadukkhanimittanti adhippāyo.
โพชฺฌาติ โพธิโต, อริยมคฺคโตติ อโตฺถฯ อญฺญตฺราติ จ ปทํ อเปกฺขิตฺวา นิสฺสกฺกวจนํ, ตสฺมา โพธิํ ฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ ตปสาติ ตโปกมฺมโตฯ เตน มคฺคาธิคมสฺส อุปายภูตํ ธุตงฺคเสวนาทิสเลฺลขปฎิปทํ ทเสฺสติฯ อินฺทฺริยสํวราติ มนจฺฉฎฺฐานํ อินฺทฺริยานํ สํวรณโตฯ เอเตน สติสํวรสีเสน สพฺพมฺปิ สํวรสีลํ, ลกฺขณหารนเยน วา สพฺพมฺปิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ทเสฺสติฯ สพฺพนิสฺสคฺคาติ สพฺพุปธินิสฺสชฺชนโต สพฺพกิเลสปฺปหานโตฯ กิเลเสสุ หิ นิสฺสเฎฺฐสุ กมฺมวฎฺฎํ วิปากวฎฺฎญฺจ นิสฺสฎฺฐเมว โหตีติฯ โสตฺถินฺติ เขมํ อนุปทฺทวตํฯ
Bojjhāti bodhito, ariyamaggatoti attho. Aññatrāti ca padaṃ apekkhitvā nissakkavacanaṃ, tasmā bodhiṃ ṭhapetvāti attho. Esa nayo sesesupi. Tapasāti tapokammato. Tena maggādhigamassa upāyabhūtaṃ dhutaṅgasevanādisallekhapaṭipadaṃ dasseti. Indriyasaṃvarāti manacchaṭṭhānaṃ indriyānaṃ saṃvaraṇato. Etena satisaṃvarasīsena sabbampi saṃvarasīlaṃ, lakkhaṇahāranayena vā sabbampi catupārisuddhisīlaṃ dasseti. Sabbanissaggāti sabbupadhinissajjanato sabbakilesappahānato. Kilesesu hi nissaṭṭhesu kammavaṭṭaṃ vipākavaṭṭañca nissaṭṭhameva hotīti. Sotthinti khemaṃ anupaddavataṃ.
ญายติ นิจฺฉเยน กมติ นิพฺพานํ, ตํ วา ญายติ ปฎิวิชฺฌียติ เอเตนาติ ญาโย, อริยมโคฺคติ อาห ‘‘ญาโย วุจฺจติ อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค’’ติ ฯ ตณฺหาวานวิรหิตตฺตาติ ตณฺหาสงฺขาตวานวิวิตฺตตฺตาฯ ตณฺหา หิ ขเนฺธหิ ขนฺธํ, กมฺมุนา วา ผลํ, สเตฺตหิ วา ทุกฺขํ วินติ สํสิพฺพตีติ วานนฺติ วุจฺจติฯ ตยิทํ นตฺถิ เอตฺถ วานํ, น วา เอตสฺมิํ อธิคเต ปุคฺคลสฺส วานนฺติ นิพฺพานํ, อสงฺขตา ธาตุฯ ปรปจฺจเยน วินา ปจฺจกฺขกรณํ สจฺฉิกิริยาติ อาห ‘‘อตฺตปจฺจกฺขตายา’’ติฯ
Ñāyati nicchayena kamati nibbānaṃ, taṃ vā ñāyati paṭivijjhīyati etenāti ñāyo, ariyamaggoti āha ‘‘ñāyo vuccati ariyo aṭṭhaṅgiko maggo’’ti . Taṇhāvānavirahitattāti taṇhāsaṅkhātavānavivittattā. Taṇhā hi khandhehi khandhaṃ, kammunā vā phalaṃ, sattehi vā dukkhaṃ vinati saṃsibbatīti vānanti vuccati. Tayidaṃ natthi ettha vānaṃ, na vā etasmiṃ adhigate puggalassa vānanti nibbānaṃ, asaṅkhatā dhātu. Parapaccayena vinā paccakkhakaraṇaṃ sacchikiriyāti āha ‘‘attapaccakkhatāyā’’ti.
นนุ ‘‘วิสุทฺธิยา’’ติ จิตฺตวิสุทฺธิยา อธิเปฺปตตฺตา วิสุทฺธิคฺคหเณเนเวตฺถ โสกสมติกฺกมาทโยปิ คหิตา เอว โหนฺติ, เต ปุน กสฺมา คหิตาติ อนุโยคํ สนฺธาย ‘‘ตตฺถ กิญฺจาปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สาสนยุตฺติโกวิเทติ สจฺจปฎิจฺจสมุปฺปาทาทิลกฺขณายํ ธมฺมนีติยํ เฉเกฯ ตํ ตํ อตฺถํ ญาเปตีติ เย เย โพธเนยฺยปุคฺคลา สเงฺขปวิตฺถาราทิวเสน ยถา ยถา โพเธตพฺพา, อตฺตโน เทสนาวิลาเสน ภควา เต เต ตถา ตถา โพเธโนฺต ตํ ตมตฺถํ ญาเปติฯ ตํ ตํ ปากฎํ กตฺวา ทเสฺสโนฺตติ อตฺถาปตฺติํ อคเณโนฺต ตํ ตํ อตฺถํ ปากฎํ กตฺวา ทเสฺสโนฺตฯ น หิ สมฺมาสมฺพุทฺธา อตฺถาปตฺติญาปกาทิสาธนียวจนาติฯ สํวตฺตตีติ ชายติ, โหตีติ อโตฺถฯ ยสฺมา อนติกฺกนฺตโสกปริเทวสฺส น กทาจิ จิตฺตวิสุทฺธิ อตฺถิ โสกปริเทวสมติกฺกมมุเขเนว จิตฺตวิสุทฺธิยา อิชฺฌนโต, ตสฺมา อาห ‘‘โสกปริเทวานํ สมติกฺกเมน โหตี’’ติฯ ยสฺมา ปน โทมนสฺสปจฺจเยหิ ทุกฺขธเมฺมหิ ปุฎฺฐํ ปุถุชฺชนํ โสกาทโย อภิภวนฺติ, ปริญฺญาเตสุ จ เตสุ เต น โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘โสกปริเทวานํ สมติกฺกโม ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคเมนา’’ติฯ ญายสฺสาติ อคฺคมคฺคสฺส ตติยมคฺคสฺส จฯ ตทธิคเมน หิ ยถากฺกมํ ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคโมฯ สจฺฉิกิริยาภิสมยสหภาวีปิ อิตราภิสมโย ตทวินาภาวโต สจฺฉิกิริยาภิสมยเหตุโก วิย วุโตฺต ‘‘ญายสฺสาธิคโม นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติฯ ผลญาเณน วา ปจฺจกฺขกรณํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติฯ สมฺปทานวจนเญฺจตํ ทฎฺฐพฺพํฯ
Nanu ‘‘visuddhiyā’’ti cittavisuddhiyā adhippetattā visuddhiggahaṇenevettha sokasamatikkamādayopi gahitā eva honti, te puna kasmā gahitāti anuyogaṃ sandhāya ‘‘tattha kiñcāpī’’tiādi vuttaṃ. Sāsanayuttikovideti saccapaṭiccasamuppādādilakkhaṇāyaṃ dhammanītiyaṃ cheke. Taṃ taṃ atthaṃ ñāpetīti ye ye bodhaneyyapuggalā saṅkhepavitthārādivasena yathā yathā bodhetabbā, attano desanāvilāsena bhagavā te te tathā tathā bodhento taṃ tamatthaṃ ñāpeti. Taṃ taṃ pākaṭaṃ katvā dassentoti atthāpattiṃ agaṇento taṃ taṃ atthaṃ pākaṭaṃ katvā dassento. Na hi sammāsambuddhā atthāpattiñāpakādisādhanīyavacanāti. Saṃvattatīti jāyati, hotīti attho. Yasmā anatikkantasokaparidevassa na kadāci cittavisuddhi atthi sokaparidevasamatikkamamukheneva cittavisuddhiyā ijjhanato, tasmā āha ‘‘sokaparidevānaṃ samatikkamena hotī’’ti. Yasmā pana domanassapaccayehi dukkhadhammehi puṭṭhaṃ puthujjanaṃ sokādayo abhibhavanti, pariññātesu ca tesu te na honti, tasmā vuttaṃ ‘‘sokaparidevānaṃ samatikkamo dukkhadomanassānaṃ atthaṅgamenā’’ti. Ñāyassāti aggamaggassa tatiyamaggassa ca. Tadadhigamena hi yathākkamaṃ dukkhadomanassānaṃ atthaṅgamo. Sacchikiriyābhisamayasahabhāvīpi itarābhisamayo tadavinābhāvato sacchikiriyābhisamayahetuko viya vutto ‘‘ñāyassādhigamo nibbānassa sacchikiriyāyā’’ti. Phalañāṇena vā paccakkhakaraṇaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘nibbānassa sacchikiriyāyā’’ti. Sampadānavacanañcetaṃ daṭṭhabbaṃ.
วณฺณภณนนฺติ ปสํสาวจนํฯ ตยิทํ น อิเธว, อถ โข อญฺญตฺถาปิ สตฺถา อกาสิเยวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยเถว หี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถอาทิมฺหิ กลฺยาณํ, อาทิ วา กลฺยาณํ เอตสฺสาติ อาทิกลฺยาณํฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํฯ พฺยญฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยญฺชนํฯ สีลาทิปญฺจธมฺมกฺขนฺธปาริปูริโต อุปเนตพฺพสฺส อภาวา จ เกวลปริปุณฺณํฯ นิรุปกฺกิเลสโต อปเนตพฺพสฺส อภาวา จ ปริสุทฺธํฯ เสฎฺฐจริยภาวโต สาสน พฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยญฺจ โว ปกาเสสฺสามีติ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๗) วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ อริยวํสาติ อริยานํ พุทฺธาทีนํ วํสา ปเวณิโยฯ อคฺคญฺญาติ ‘‘อคฺคา’’ติ ชานิตพฺพา สพฺพวํเสหิ เสฎฺฐภาวโตฯ รตฺตญฺญาติ ‘‘จิรรตฺตา’’ติ ชานิตพฺพาฯ วํสญฺญาติ ‘‘พุทฺธาทีนํ วํสา’’ติ ชานิตพฺพาฯ โปราณาติ ปุราตนา อนธุนาตนตฺตาฯ อสํกิณฺณาติ อวิกิณฺณา อนปนีตาฯ อสํกิณฺณปุพฺพาติ ‘‘กิํ อิเมหี’’ติ อริเยหิ น อปนีตปุพฺพาฯ น สํกียนฺตีติ อิทานิปิ เตหิ น อปนียนฺติฯ น สํกียิสฺสนฺตีติ อนาคเตปิ เตหิ น อปนียิสฺสนฺติฯ อปฺปฎิกุฎฺฐา…เป.… วิญฺญูหีติ เย โลเก วิญฺญู สมณพฺราหฺมณา, เตหิ อปจฺจกฺขตา อนินฺทิตา, อครหิตาติ อโตฺถฯ วิสุทฺธิยาติอาทีหีติ วิสุทฺธิอาทิทีปเนหิฯ ปเทหีติ วาเกฺยหิ, วิสุทฺธิอตฺถตาทิเภทภิเนฺนหิ วา ธมฺมโกฎฺฐาเสหิฯ
Vaṇṇabhaṇananti pasaṃsāvacanaṃ. Tayidaṃ na idheva, atha kho aññatthāpi satthā akāsiyevāti dassento ‘‘yatheva hī’’tiādimāha. Tatthaādimhi kalyāṇaṃ, ādi vā kalyāṇaṃ etassāti ādikalyāṇaṃ. Sesapadadvayepi eseva nayo. Atthasampattiyā sātthaṃ. Byañjanasampattiyā sabyañjanaṃ. Sīlādipañcadhammakkhandhapāripūrito upanetabbassa abhāvā ca kevalaparipuṇṇaṃ. Nirupakkilesato apanetabbassa abhāvā ca parisuddhaṃ. Seṭṭhacariyabhāvato sāsana brahmacariyaṃ maggabrahmacariyañca vo pakāsessāmīti ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimagge (visuddhi. 1.147) vuttanayena veditabbo. Ariyavaṃsāti ariyānaṃ buddhādīnaṃ vaṃsā paveṇiyo. Aggaññāti ‘‘aggā’’ti jānitabbā sabbavaṃsehi seṭṭhabhāvato. Rattaññāti ‘‘cirarattā’’ti jānitabbā. Vaṃsaññāti ‘‘buddhādīnaṃ vaṃsā’’ti jānitabbā. Porāṇāti purātanā anadhunātanattā. Asaṃkiṇṇāti avikiṇṇā anapanītā. Asaṃkiṇṇapubbāti ‘‘kiṃ imehī’’ti ariyehi na apanītapubbā. Na saṃkīyantīti idānipi tehi na apanīyanti. Na saṃkīyissantīti anāgatepi tehi na apanīyissanti. Appaṭikuṭṭhā…pe… viññūhīti ye loke viññū samaṇabrāhmaṇā, tehi apaccakkhatā aninditā, agarahitāti attho. Visuddhiyātiādīhīti visuddhiādidīpanehi. Padehīti vākyehi, visuddhiatthatādibhedabhinnehi vā dhammakoṭṭhāsehi.
อุปทฺทเวติ อนเตฺถฯ วิสุทฺธินฺติ วิสุชฺฌนํ สํกิเลสปฺปหานํฯ วาจุคฺคตกรณํ อุคฺคโหฯ ปริยาปุณนํ ปริจโยฯ อตฺถสฺส หทเย ฐปนํ ธารณํฯ ปริวตฺตนํ วาจนํฯ คนฺธารโกติ คนฺธารเทเส อุปฺปโนฺนฯ ปโหนฺตีติ สโกฺกนฺติ อนิยฺยานมคฺคาติ มิจฺฉามคฺคา, มิจฺฉตฺตนิยตานิยตมคฺคาปิ วาฯ สุวณฺณนฺติ กูฎสุวณฺณมฺปิ วุจฺจติฯ ปณีติ กาจมณิปิฯ มุตฺตาติ เวฬุชาปิฯ ปวาฬนฺติ ปลฺลโวปิ วุจฺจตีติ รตฺตชมฺพุนทาทิปเทหิ เต วิเสสิตาฯ
Upaddaveti anatthe. Visuddhinti visujjhanaṃ saṃkilesappahānaṃ. Vācuggatakaraṇaṃ uggaho. Pariyāpuṇanaṃ paricayo. Atthassa hadaye ṭhapanaṃ dhāraṇaṃ. Parivattanaṃ vācanaṃ. Gandhārakoti gandhāradese uppanno. Pahontīti sakkonti aniyyānamaggāti micchāmaggā, micchattaniyatāniyatamaggāpi vā. Suvaṇṇanti kūṭasuvaṇṇampi vuccati. Paṇīti kācamaṇipi. Muttāti veḷujāpi. Pavāḷanti pallavopi vuccatīti rattajambunadādipadehi te visesitā.
น ตโต เหฎฺฐาติ (สํ. นิ. ฎี. ๒.๕.๓๖๗; ที. นิ. ฎี. ๒.๓๗๓) อิธาธิเปฺปตกายาทีนํ เวทนาทิสภาวตฺตาภาวา, กายเวทนาจิตฺตวิมุตฺตสฺส เตภูมกธมฺมสฺส วิสุํ วิปลฺลาสวตฺถนฺตรภาเวน คหิตตฺตา จ เหฎฺฐาคหเณสุ วิปลฺลาสวตฺถูนํ อนิฎฺฐานํ สนฺธาย วุตฺตํ, ปญฺจมสฺส ปน วิปลฺลาสวตฺถุโน อภาวา ‘‘น อุทฺธ’’นฺติ อาหฯ อารมฺมณวิภาเคน เหตฺถ สติปฎฺฐานวิภาโคติฯ ตโย สติปฎฺฐานาติ สติปฎฺฐานสทฺทสฺส อตฺถุทฺธารทสฺสนํ, น อิธ ปาฬิยํ วุตฺตสฺส สติปฎฺฐานสทฺทสฺส อตฺถทสฺสนนฺติฯ อาทีสุ หิ สติโคจโรติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน ‘‘ผสฺสสมุทยา เวทนานํ สมุทโย, นามรูปสมุทยา จิตฺตสฺส สมุทโย, มนสิการสมุทยา ธมฺมานํ สมุทโย’’ติ สติปฎฺฐานาติ วุตฺตานํ สติโคจรานํ ปกาสเก สุตฺตปเทเส สงฺคณฺหาติฯ เอวํ ปฎิสมฺภิทาปาฬิยมฺปิ (ปฎิ. ม. ๓.๓๔) อวเสสปาฬิปฺปเทสทสฺสนโตฺถ อาทิ-สโทฺท ทฎฺฐโพฺพฯ สติยา ปฎฺฐานนฺติ สติยา ปติฎฺฐาตพฺพฎฺฐานํฯ ทานาทีนิ สติยา กโรนฺตสฺส รูปาทีนิ กสิณาทีนิ จ สติยา ฐานํ โหนฺตีติ ตํนิวารณตฺถมาห ‘‘ปธานํ ฐาน’’นฺติฯ ป-สโทฺท หิ อิธ ‘‘ปณีตา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๔ ติกมาติกา) วิย ปธานตฺถทีปโกติ อธิปฺปาโยฯ
Na tato heṭṭhāti (saṃ. ni. ṭī. 2.5.367; dī. ni. ṭī. 2.373) idhādhippetakāyādīnaṃ vedanādisabhāvattābhāvā, kāyavedanācittavimuttassa tebhūmakadhammassa visuṃ vipallāsavatthantarabhāvena gahitattā ca heṭṭhāgahaṇesu vipallāsavatthūnaṃ aniṭṭhānaṃ sandhāya vuttaṃ, pañcamassa pana vipallāsavatthuno abhāvā ‘‘na uddha’’nti āha. Ārammaṇavibhāgena hettha satipaṭṭhānavibhāgoti. Tayo satipaṭṭhānāti satipaṭṭhānasaddassa atthuddhāradassanaṃ, na idha pāḷiyaṃ vuttassa satipaṭṭhānasaddassa atthadassananti. Ādīsu hi satigocaroti ettha ādi-saddena ‘‘phassasamudayā vedanānaṃ samudayo, nāmarūpasamudayā cittassa samudayo, manasikārasamudayā dhammānaṃ samudayo’’ti satipaṭṭhānāti vuttānaṃ satigocarānaṃ pakāsake suttapadese saṅgaṇhāti. Evaṃ paṭisambhidāpāḷiyampi (paṭi. ma. 3.34) avasesapāḷippadesadassanattho ādi-saddo daṭṭhabbo. Satiyā paṭṭhānanti satiyā patiṭṭhātabbaṭṭhānaṃ. Dānādīni satiyā karontassa rūpādīni kasiṇādīni ca satiyā ṭhānaṃ hontīti taṃnivāraṇatthamāha ‘‘padhānaṃ ṭhāna’’nti. Pa-saddo hi idha ‘‘paṇītā dhammā’’tiādīsu (dha. sa. 14 tikamātikā) viya padhānatthadīpakoti adhippāyo.
อริโยติ อริยํ สพฺพสตฺตเสฎฺฐํ สมฺมาสมฺพุทฺธมาหฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ สฬายตนวิภงฺคสุเตฺต (ม. นิ. ๓.๓๑๑)ฯ สุเตฺตกเทเสน หิ สุตฺตํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ หิ –
Ariyoti ariyaṃ sabbasattaseṭṭhaṃ sammāsambuddhamāha. Etthāti etasmiṃ saḷāyatanavibhaṅgasutte (ma. ni. 3.311). Suttekadesena hi suttaṃ dasseti. Tattha hi –
‘‘ตโย สติปฎฺฐานา ยทริโย…เป.… มรหตีติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ อิธ, ภิกฺขเว, สตฺถา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสติ อนุกมฺปโก หิเตสี อนุกมฺปํ อุปาทาย ‘‘อิทํ โว หิตาย อิทํ โว สุขายา’ติฯ ตสฺส สาวกา น สุสฺสูสนฺติ, น โสตํ โอทหนฺติ, น อญฺญา จิตฺตํ อุปฎฺฐเปนฺติ, โวกฺกมฺม จ สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต น เจว อนตฺตมโน โหติ, น จ อนตฺตมนตํ ปฎิสํเวเทติ, อนวสฺสุโต จ วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ปฐมํ สติปฎฺฐานํ, ยทริโย…เป.… อรหติฯ
‘‘Tayo satipaṭṭhānā yadariyo…pe… marahatīti iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ. Idha, bhikkhave, satthā sāvakānaṃ dhammaṃ deseti anukampako hitesī anukampaṃ upādāya ‘‘idaṃ vo hitāya idaṃ vo sukhāyā’ti. Tassa sāvakā na sussūsanti, na sotaṃ odahanti, na aññā cittaṃ upaṭṭhapenti, vokkamma ca satthusāsanā vattanti. Tatra, bhikkhave, tathāgato na ceva anattamano hoti, na ca anattamanataṃ paṭisaṃvedeti, anavassuto ca viharati sato sampajāno. Idaṃ, bhikkhave, paṭhamaṃ satipaṭṭhānaṃ, yadariyo…pe… arahati.
ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สตฺถา…เป.… อิทํ โว สุขายาติฯ ตสฺส เอกเจฺจ สาวกา น สุสฺสูสนฺติ…เป.… วตฺตนฺติฯ เอกเจฺจ สาวกา สุสฺสูสนฺติ…เป.… น จ โวกฺกมฺม สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต น เจว อนตฺตมโน โหติ, น จ อนตฺตมนตํ ปฎิสํเวเทติ, น เจว อตฺตมโน โหติ, น จ อตฺตมนตํ ปฎิสํเวเทติฯ อนตฺตมนตญฺจ อตฺตมนตญฺจ ตทุภยํ อภินิวเชฺชตฺวา อุเปกฺขโต วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุติยํ สติปฎฺฐานํ…เป.… อรหติฯ
Puna caparaṃ, bhikkhave, satthā…pe… idaṃ vo sukhāyāti. Tassa ekacce sāvakā na sussūsanti…pe… vattanti. Ekacce sāvakā sussūsanti…pe… na ca vokkamma satthusāsanā vattanti. Tatra, bhikkhave, tathāgato na ceva anattamano hoti, na ca anattamanataṃ paṭisaṃvedeti, na ceva attamano hoti, na ca attamanataṃ paṭisaṃvedeti. Anattamanatañca attamanatañca tadubhayaṃ abhinivajjetvā upekkhato viharati sato sampajāno. Idaṃ vuccati, bhikkhave, dutiyaṃ satipaṭṭhānaṃ…pe… arahati.
ปุน จปรํ…เป.… สุขายาติฯ ตสฺส สาวกา สุสฺสูสนฺติ…เป.… วตฺตนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต อตฺตมโน เจว โหติ, อตฺตมนตญฺจ ปฎิสํเวเทติ, อนวสฺสุโต จ วิหรติ สโต สมฺปชาโน ฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ตติยํ สติปฎฺฐานํ…เป.… อรหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๑๑) –
Puna caparaṃ…pe… sukhāyāti. Tassa sāvakā sussūsanti…pe… vattanti. Tatra, bhikkhave, tathāgato attamano ceva hoti, attamanatañca paṭisaṃvedeti, anavassuto ca viharati sato sampajāno . Idaṃ vuccati, bhikkhave, tatiyaṃ satipaṭṭhānaṃ…pe… arahatī’’ti (ma. ni. 3.311) –
เอวํ ปฎิฆานุนเยหิ อนวสฺสุตตา, นิจฺจํ อุปฎฺฐิตสฺสติตาย ตทุภยวีติวตฺตตา ‘‘สติปฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตาฯ พุทฺธานํเยว หิ นิจฺจํ อุปฎฺฐิตสฺสติตา โหติ อาเวณิกธมฺมภาวโต, น ปเจฺจกพุทฺธาทีนํฯ ป-สโทฺท อารมฺภํ โชเตติ, อารโมฺภ จ ปวตฺตีติ กตฺวา อาห ‘‘ปวตฺตยิตพฺพโตติ อโตฺถ’’ติฯ สติยา กรณภูตาย ปฎฺฐานํ ปฎฺฐเปตพฺพํ สติปฎฺฐานํฯ อน-สโทฺท หิ พหุลวจเนน กมฺมโตฺถปิ โหตีติฯ
Evaṃ paṭighānunayehi anavassutatā, niccaṃ upaṭṭhitassatitāya tadubhayavītivattatā ‘‘satipaṭṭhāna’’nti vuttā. Buddhānaṃyeva hi niccaṃ upaṭṭhitassatitā hoti āveṇikadhammabhāvato, na paccekabuddhādīnaṃ. Pa-saddo ārambhaṃ joteti, ārambho ca pavattīti katvā āha ‘‘pavattayitabbatoti attho’’ti. Satiyā karaṇabhūtāya paṭṭhānaṃ paṭṭhapetabbaṃ satipaṭṭhānaṃ. Ana-saddo hi bahulavacanena kammatthopi hotīti.
ตถาสฺส กตฺตุอโตฺถปิ ลพฺภตีติ ‘‘ปติฎฺฐาตีติ ปฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ป-สโทฺท ภูสตฺถวิสิฎฺฐํ ปกฺขนฺธนํ ทีเปตีติ ‘‘โอกฺกนฺติตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ปวตฺตตีติ อโตฺถ’’ติ อาหฯ ปุน ภาวตฺถํ สติ-สทฺทํ ปฎฺฐาน-สทฺทญฺจ วเณฺณโนฺต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาหฯ เตน ปุริมวิกเปฺป สติ-สโทฺท ปฎฺฐาน-สโทฺท จ กตฺถุอโตฺถติ วิญฺญายติฯ สรณเฎฺฐนาติ จิรกตสฺส จิรภาสิตสฺส จ อนุสฺสรณเฎฺฐนฯ อิทนฺติ ยํ ‘‘สติเยว สติปฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํ, อิทํ อิธ อิมสฺมิํ สุตฺตปเทเส อธิเปฺปตํฯ
Tathāssa kattuatthopi labbhatīti ‘‘patiṭṭhātīti paṭṭhāna’’nti vuttaṃ. Tattha pa-saddo bhūsatthavisiṭṭhaṃ pakkhandhanaṃ dīpetīti ‘‘okkantitvā pakkhanditvā pavattatīti attho’’ti āha. Puna bhāvatthaṃ sati-saddaṃ paṭṭhāna-saddañca vaṇṇento ‘‘atha vā’’tiādimāha. Tena purimavikappe sati-saddo paṭṭhāna-saddo ca katthuatthoti viññāyati. Saraṇaṭṭhenāti cirakatassa cirabhāsitassa ca anussaraṇaṭṭhena. Idanti yaṃ ‘‘satiyeva satipaṭṭhāna’’nti vuttaṃ, idaṃ idha imasmiṃ suttapadese adhippetaṃ.
ยทิ เอวนฺติ ยทิ สติ เอว สติปฎฺฐานํ, สติ นาม เอโก ธโมฺม, เอวํ สเนฺต กสฺมา ‘‘สติปฎฺฐานา’’ติ พหุวจนนฺติ อาห ‘‘สติพหุตฺตา’’ติอาทิฯ ยทิ พหุกา เอตา สติโย, อถ กสฺมา ‘‘มโคฺค’’ติ เอกวจนนฺติ โยชนาฯ มคฺคเฎฺฐนาติ นิยฺยานเฎฺฐนฯ นิยฺยานิโก หิ มคฺคธโมฺม, เตเนว นิยฺยานิกภาเวน เอกตฺตุปคโต เอกนฺตโต นิพฺพานํ คจฺฉติ, อตฺถิเกหิ จ ตทตฺถํ มคฺคียตีติ อตฺตนาว ปุเพฺพ วุตฺตํ ปจฺจาหรติ ‘‘วุตฺตเญฺจต’’นฺติฯ ตตฺถ จตโสฺสปิ เจตาติ กายานุปสฺสนาทิวเสน จตุพฺพิธาปิ จ เอตา สติโยฯ อปรภาเคติ อริยมคฺคกฺขเณฯ กิจฺจํ สาธยมานาติ ปุพฺพภาเค กายาทีสุ อารมฺมเณสุ สุภสญฺญาทิวิธมเนน วิสุํ วิสุํ ปวตฺติตฺวา มคฺคกฺขเณ สกิํเยว ตตฺถ จตุพฺพิธสฺสปิ วิปลฺลาสสฺส สมุเจฺฉทวเสน ปหานกิจฺจํ สาธยมานา อารมฺมณกรณวเสน นิพฺพานํ คจฺฉนฺติฯ จตุพฺพิธกิจฺจสาธเนเนว เหตฺถ พหุวจนนิเทฺทโสฯ เอวญฺจ สตีติ มคฺคเฎฺฐน เอกตฺตํ อุปาทาย ‘‘มโคฺค’’ติ เอกวจเนน อารมฺมณเภเทน จตุพฺพิธตํ อุปาทาย ‘‘จตฺตาโร’’ติ จ วตฺตพฺพตาย สติวิชฺชมานตฺตาฯ วจนานุสนฺธินา ‘‘เอกายโน อย’’นฺติอาทิกา เทสนา สานุสนฺธิกาว, น อนนุสนฺธิกาติ อธิปฺปาโยฯ วุตฺตเมวตฺถํ นิทสฺสเนน ปฎิปาเทตุํ ‘‘มารเสนปฺปมทฺทน’’นฺติ สุตฺตปทํ (สํ. นิ. ๕.๒๒๔) อาเนตฺวา ‘‘ยถา’’ติอาทินา นิทสฺสนํ สํสเนฺทติฯ ตสฺมาติอาทิ นิคมนํฯ
Yadi evanti yadi sati eva satipaṭṭhānaṃ, sati nāma eko dhammo, evaṃ sante kasmā ‘‘satipaṭṭhānā’’ti bahuvacananti āha ‘‘satibahuttā’’tiādi. Yadi bahukā etā satiyo, atha kasmā ‘‘maggo’’ti ekavacananti yojanā. Maggaṭṭhenāti niyyānaṭṭhena. Niyyāniko hi maggadhammo, teneva niyyānikabhāvena ekattupagato ekantato nibbānaṃ gacchati, atthikehi ca tadatthaṃ maggīyatīti attanāva pubbe vuttaṃ paccāharati ‘‘vuttañceta’’nti. Tattha catassopi cetāti kāyānupassanādivasena catubbidhāpi ca etā satiyo. Aparabhāgeti ariyamaggakkhaṇe. Kiccaṃ sādhayamānāti pubbabhāge kāyādīsu ārammaṇesu subhasaññādividhamanena visuṃ visuṃ pavattitvā maggakkhaṇe sakiṃyeva tattha catubbidhassapi vipallāsassa samucchedavasena pahānakiccaṃ sādhayamānā ārammaṇakaraṇavasena nibbānaṃ gacchanti. Catubbidhakiccasādhaneneva hettha bahuvacananiddeso. Evañca satīti maggaṭṭhena ekattaṃ upādāya ‘‘maggo’’ti ekavacanena ārammaṇabhedena catubbidhataṃ upādāya ‘‘cattāro’’ti ca vattabbatāya sativijjamānattā. Vacanānusandhinā ‘‘ekāyano aya’’ntiādikā desanā sānusandhikāva, na ananusandhikāti adhippāyo. Vuttamevatthaṃ nidassanena paṭipādetuṃ ‘‘mārasenappamaddana’’nti suttapadaṃ (saṃ. ni. 5.224) ānetvā ‘‘yathā’’tiādinā nidassanaṃ saṃsandeti. Tasmātiādi nigamanaṃ.
วิเสสโต กาโย จ เวทนา จ อสฺสาทสฺสการณนฺติ ตปฺปหานตฺถํ เตสุ ตณฺหาวตฺถูสุ โอฬาริกสุขุเมสุ อสุภทุกฺขภาวทสฺสนานิ มนฺทติกฺขปเญฺญหิ ตณฺหาจริเตหิ สุกรานีติ ตานิ เตสํ ‘‘วิสุทฺธิมโคฺค’’ติ วุตฺตานิ ตถา ‘‘นิจฺจํ อตฺตา’’ติ อภินิเวสวตฺถุตาย ทิฎฺฐิยา วิเสสการเณสุ จิตฺตธเมฺมสุ อนิจฺจานตฺตตาทสฺสนานิ สราคาทิวเสน สญฺญาผสฺสาทิวเสน นีวรณาทิวเสน จ นาติปฺปเภทอติปฺปเภทคเตสุ เตสุ ตปฺปหานตฺถํ มนฺทติกฺขปญฺญานํ ทิฎฺฐิจริตานํ สุกรานีติ เตสํ ตานิ ‘‘วิสุทฺธิมโคฺค’’ติ วุตฺตานิฯ เอตฺถ จ ยถา จิตฺตธมฺมานมฺปิ ตณฺหาย วตฺถุภาโว สมฺภวติ, ตถา กายเวทนานมฺปิ ทิฎฺฐิยาติ สติปิ เนสํ จตุนฺนมฺปิ ตณฺหาทิฎฺฐิยา วตฺถุภาเว โย ยสฺส สาติสยปจฺจโย, ตํทสฺสนตฺถํ วิเสสคฺคหณํ กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ติกฺขปญฺญสมถยานิโก โอฬาริการมฺมณํ ปริคฺคณฺหโนฺต ตตฺถ อฎฺฐตฺวา ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย เวทนํ ปริคฺคณฺหาตีติ วุตฺตํฯ ‘‘โอฬาริการมฺมเณ อสณฺฐหนโต’’ติฯ วิปสฺสนายานิกสฺส ปน สุขุเม จิเตฺต ธเมฺมสุ จ จิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติ จิตฺตธมฺมานุปสฺสนานํ มนฺทติกฺขปญฺญาวิปสฺสนายานิกานํ วิสุทฺธิมคฺคตา วุตฺตาฯ
Visesato kāyo ca vedanā ca assādassakāraṇanti tappahānatthaṃ tesu taṇhāvatthūsu oḷārikasukhumesu asubhadukkhabhāvadassanāni mandatikkhapaññehi taṇhācaritehi sukarānīti tāni tesaṃ ‘‘visuddhimaggo’’ti vuttāni tathā ‘‘niccaṃ attā’’ti abhinivesavatthutāya diṭṭhiyā visesakāraṇesu cittadhammesu aniccānattatādassanāni sarāgādivasena saññāphassādivasena nīvaraṇādivasena ca nātippabhedaatippabhedagatesu tesu tappahānatthaṃ mandatikkhapaññānaṃ diṭṭhicaritānaṃ sukarānīti tesaṃ tāni ‘‘visuddhimaggo’’ti vuttāni. Ettha ca yathā cittadhammānampi taṇhāya vatthubhāvo sambhavati, tathā kāyavedanānampi diṭṭhiyāti satipi nesaṃ catunnampi taṇhādiṭṭhiyā vatthubhāve yo yassa sātisayapaccayo, taṃdassanatthaṃ visesaggahaṇaṃ katanti daṭṭhabbaṃ. Tikkhapaññasamathayāniko oḷārikārammaṇaṃ pariggaṇhanto tattha aṭṭhatvā jhānaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya vedanaṃ pariggaṇhātīti vuttaṃ. ‘‘Oḷārikārammaṇe asaṇṭhahanato’’ti. Vipassanāyānikassa pana sukhume citte dhammesu ca cittaṃ pakkhandatīti cittadhammānupassanānaṃ mandatikkhapaññāvipassanāyānikānaṃ visuddhimaggatā vuttā.
เตสํ ตตฺถาติ เอตฺถ ตตฺถ-สทฺทสฺส ‘‘ปหานตฺถ’’นฺติ เอเตน โยชนาฯ ปรโต เตสํ ตตฺถาติ เอตฺถาปิ เอเสวนโยฯ ปญฺจ กามคุณา สวิเสสา กาเย ลพฺภนฺตีติ วิเสเสน กาโย กาโมฆสฺส วตฺถุ, ภเวสุ สุขคฺคหณวเสน ภวสฺสาโท โหติ ภโวฆสฺส เวทนา วตฺถุ, สนฺตติฆนคหณวเสน วิเสสโต จิเตฺต อตฺตาภินิเวโส โหตีติ ทิโฎฺฐฆสฺส จิตฺตํ วตฺถุ, ธเมฺมสุ วินิโพฺภคสฺส ทุกฺกรตฺตา ธมฺมานํ ธมฺมมตฺตตาย ทุปฺปฎิวิชฺฌตฺตา สโมฺมโห โหตีติ อวิโชฺชฆสฺส ธมฺมา วตฺถุ, ตสฺมา เตสํ ปหานตฺถํ จตฺตาโรว วุตฺตาฯ
Tesaṃ tatthāti ettha tattha-saddassa ‘‘pahānattha’’nti etena yojanā. Parato tesaṃ tatthāti etthāpi esevanayo. Pañca kāmaguṇā savisesā kāye labbhantīti visesena kāyo kāmoghassa vatthu, bhavesu sukhaggahaṇavasena bhavassādo hoti bhavoghassa vedanā vatthu, santatighanagahaṇavasena visesato citte attābhiniveso hotīti diṭṭhoghassa cittaṃ vatthu, dhammesu vinibbhogassa dukkarattā dhammānaṃ dhammamattatāya duppaṭivijjhattā sammoho hotīti avijjoghassa dhammā vatthu, tasmā tesaṃ pahānatthaṃ cattārova vuttā.
ยทเคฺคน จ กาโย กาโมฆสฺส วตฺถุ, ตทเคฺคน อภิชฺฌากายคนฺถสฺส วตฺถุ, ทุกฺขาย เวทนาย ปฎิฆานุสโย อนุเสตีติ ทุกฺขทุกฺขวิปริณามทุกฺขสงฺขารทุกฺขภูตา เวทนา วิเสเสน พฺยาปาทกายคนฺถสฺส วตฺถุ, จิเตฺต นิจฺจคฺคหณวเสน สสฺสตสฺส อตฺตโน สีเลน สุทฺธีติอาทิ ปรามสนํ โหตีติ สีลพฺพตปรามาสสฺส จิตฺตํ วตฺถุ, นามรูปปริเจฺฉเทน ภูตํ ภูตโต อปสฺสนฺตสฺส ภววิภวทิฎฺฐิสงฺขาโต อิทํสจฺจาภินิเวโส โหตีติ ตสฺส ธมฺมา วตฺถุ, สุขเวทนาสฺสาทวเสน ปรโลกนิรเปโกฺข ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิกํ ปรามาสํ อุปฺปาเทตีติ ทิฎฺฐุปาทานสฺส เวทนา วตฺถุ สนฺตติฆนคหณวเสน สราคาทิจิเตฺต สโมฺมโห โหตีติ โมหาคติยา จิตฺตํ วตฺถุ, ธมฺมสภาวานวโพเธน ภยํ โหตีติ ภยาคติยา ธมฺมา วตฺถุฯ เย ปเนตฺถ อวุตฺตา, เตสํ วุตฺตนเยน วตฺถุภาโว โยเชตโพฺพฯ ตถา หิ โอเฆสุ วุตฺตนยา เอว โยคาสเวสุปิ โยชนา อตฺถโต อภินฺนตฺตาฯ ตถา ปฐโมฆตติยจตุตฺถคนฺถโยชนาย วุตฺตนยา เอว กายจิตฺตธมฺมานํ อิตรูปาทานวตฺถุตา โยชนา, ตถา กาโมฆพฺยาปาทกายคนฺถโยชนาย วุตฺตนยา เอว กายเวทนานํ ฉนฺทโทสาคติ วตฺถุตา โยชนา วาฯ
Yadaggena ca kāyo kāmoghassa vatthu, tadaggena abhijjhākāyaganthassa vatthu, dukkhāya vedanāya paṭighānusayo anusetīti dukkhadukkhavipariṇāmadukkhasaṅkhāradukkhabhūtā vedanā visesena byāpādakāyaganthassa vatthu, citte niccaggahaṇavasena sassatassa attano sīlena suddhītiādi parāmasanaṃ hotīti sīlabbataparāmāsassa cittaṃ vatthu, nāmarūpaparicchedena bhūtaṃ bhūtato apassantassa bhavavibhavadiṭṭhisaṅkhāto idaṃsaccābhiniveso hotīti tassa dhammā vatthu, sukhavedanāssādavasena paralokanirapekkho ‘‘natthi dinna’’ntiādikaṃ parāmāsaṃ uppādetīti diṭṭhupādānassa vedanā vatthu santatighanagahaṇavasena sarāgādicitte sammoho hotīti mohāgatiyā cittaṃ vatthu, dhammasabhāvānavabodhena bhayaṃ hotīti bhayāgatiyā dhammā vatthu. Ye panettha avuttā, tesaṃ vuttanayena vatthubhāvo yojetabbo. Tathā hi oghesu vuttanayā eva yogāsavesupi yojanā atthato abhinnattā. Tathā paṭhamoghatatiyacatutthaganthayojanāya vuttanayā eva kāyacittadhammānaṃ itarūpādānavatthutā yojanā, tathā kāmoghabyāpādakāyaganthayojanāya vuttanayā eva kāyavedanānaṃ chandadosāgati vatthutā yojanā vā.
‘‘อาหารสมุทยา กายสมุทโย, ผสฺสสมุทยา เวทนาสมุทโย, (สํ. นิ. ๕.๔๐๘) สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; อุทา. ๑; วิภ. ๒๒๕) วจนโต กายาทีนํ สมุทยภูตา กพฬีการาหารผสฺสมโนสเญฺจตนาวิญฺญาณาหารา กายาทิปริชานเนน ปริญฺญาตา โหนฺตีติ อาห ‘‘จตุพฺพิธาหารปริญฺญตฺถ’’นฺติ ปกรณนโยติ เนตฺติปกรณวเสน สุตฺตนฺตสํวณฺณนานโยฯ
‘‘Āhārasamudayā kāyasamudayo, phassasamudayā vedanāsamudayo, (saṃ. ni. 5.408) saṅkhārapaccayā viññāṇaṃ, viññāṇapaccayā nāmarūpa’’nti (ma. ni. 3.126; udā. 1; vibha. 225) vacanato kāyādīnaṃ samudayabhūtā kabaḷīkārāhāraphassamanosañcetanāviññāṇāhārā kāyādiparijānanena pariññātā hontīti āha ‘‘catubbidhāhārapariññattha’’nti pakaraṇanayoti nettipakaraṇavasena suttantasaṃvaṇṇanānayo.
สรณวเสนาติ กายาทีนํ กุสลาทิธมฺมานญฺจ อุปธารณวเสนฯ สรนฺติ คจฺฉนฺติ นิพฺพานํ เอตายาติ สตีติ อิมสฺมิํ อเตฺถ เอกเตฺต เอกสภาเว นิพฺพาเน สโมสรณํ สมาคโม เอกตฺตสโมสรณํฯ เอตเทว หิ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอกนิพฺพานปเวสเหตุภูตา วา สมานตา เอโก สติปฎฺฐานสฺส ภาโว เอกตฺตํ, ตตฺถ สโมสรณํ ตํสภาคตา เอกตฺตสโมสรณํฯ เอกนิพฺพานปเวสเหตุภาวํ ปน ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาหฯ เอตสฺมิํ อเตฺถ สรเณกตฺตสโมสรณานิ สเหว สติปฎฺฐาเนกภาวสฺส การณเตฺถน วุตฺตานีติ ทฎฺฐพฺพานิ, ปุริมสฺมิํ วิสุํฯ สรณวเสนาติ วา ‘‘คมนวเสนา’’ติ อเตฺถ สติ ตเทว คมนํ สโมสรณนฺติ, สโมสรเณ วา สติสทฺทตฺถวเสน อวุจฺจมาเน ธารณตาว สตีติ สติสทฺทตฺถนฺตราภาวา ปุริมํ สติภาวสฺส การณํ, ปจฺฉิมํ เอกภาวสฺสาติ นิพฺพานสโมสรเณปิ สหิตาเนว ตานิ สติปฎฺฐาเนกภาวสฺส การณานิ วุตฺตานิ โหนฺติฯ จุทฺทสวิเธน, นววิเธน, โสฬสวิเธน, ปญฺจวิเธนาติ อิทํ อุปริ ปาฬิยํ (ม. นิ. ๑.๑๐๗) อาคตานํ อานาปานปพฺพาทีนํ วเสน วุตฺตํ, เตสํ ปน อนฺตรเภทวเสน ตทนุคตเภทวเสน จ ภาวนาย อเนกวิธตา ลพฺภติเยวฯ จตูสุ ทิสาสุ อุฎฺฐานกภณฺฑสทิสตา กายานุปสฺสนาทิตํตํสติปฎฺฐานภาวนานุภาวสฺส ทฎฺฐพฺพาฯ
Saraṇavasenāti kāyādīnaṃ kusalādidhammānañca upadhāraṇavasena. Saranti gacchanti nibbānaṃ etāyāti satīti imasmiṃ atthe ekatte ekasabhāve nibbāne samosaraṇaṃ samāgamo ekattasamosaraṇaṃ. Etadeva hi dassetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Ekanibbānapavesahetubhūtā vā samānatā eko satipaṭṭhānassa bhāvo ekattaṃ, tattha samosaraṇaṃ taṃsabhāgatā ekattasamosaraṇaṃ. Ekanibbānapavesahetubhāvaṃ pana dassetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādimāha. Etasmiṃ atthe saraṇekattasamosaraṇāni saheva satipaṭṭhānekabhāvassa kāraṇatthena vuttānīti daṭṭhabbāni, purimasmiṃ visuṃ. Saraṇavasenāti vā ‘‘gamanavasenā’’ti atthe sati tadeva gamanaṃ samosaraṇanti, samosaraṇe vā satisaddatthavasena avuccamāne dhāraṇatāva satīti satisaddatthantarābhāvā purimaṃ satibhāvassa kāraṇaṃ, pacchimaṃ ekabhāvassāti nibbānasamosaraṇepi sahitāneva tāni satipaṭṭhānekabhāvassa kāraṇāni vuttāni honti. Cuddasavidhena,navavidhena, soḷasavidhena, pañcavidhenāti idaṃ upari pāḷiyaṃ (ma. ni. 1.107) āgatānaṃ ānāpānapabbādīnaṃ vasena vuttaṃ, tesaṃ pana antarabhedavasena tadanugatabhedavasena ca bhāvanāya anekavidhatā labbhatiyeva. Catūsu disāsu uṭṭhānakabhaṇḍasadisatā kāyānupassanāditaṃtaṃsatipaṭṭhānabhāvanānubhāvassa daṭṭhabbā.
‘‘โคจเร, ภิกฺขเว, จรถ สเก เปตฺติเก วิสเย’’ติอาทิวจนโต (ที. นิ. ๓.๘๐; สํ. นิ. ๕.๓๗๒) ภิกฺขุโคจรา เอเต ธมฺมา, ยทิทํ กายานุปสฺสนาทโยฯ ตตฺถ ยสฺมา กายานุปสฺสนาทิปฎิปตฺติยา ภิกฺขุ โหติ, ตสฺมา ‘‘กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติอาทินา ภิกฺขุํ ทเสฺสติ, ภิกฺขุมฺหิ ตํ นิยมโตติ อาห ‘‘ปฎิปตฺติยา ภิกฺขุภาวทสฺสนโต’’ติฯ สตฺถุ จริยานุวิธายกตฺตา สกลสาสนสมฺปฎิคฺคาหกตฺตา จ สพฺพปฺปการาย อนุสาสนิยา ภาชนภาโวฯ
‘‘Gocare, bhikkhave, caratha sake pettike visaye’’tiādivacanato (dī. ni. 3.80; saṃ. ni. 5.372) bhikkhugocarā ete dhammā, yadidaṃ kāyānupassanādayo. Tattha yasmā kāyānupassanādipaṭipattiyā bhikkhu hoti, tasmā ‘‘kāyānupassī viharatī’’tiādinā bhikkhuṃ dasseti, bhikkhumhi taṃ niyamatoti āha ‘‘paṭipattiyā bhikkhubhāvadassanato’’ti. Satthu cariyānuvidhāyakattā sakalasāsanasampaṭiggāhakattā ca sabbappakārāya anusāsaniyā bhājanabhāvo.
สมํ จเรยฺยาติ กายาทิวิสมจริยํ ปหาย กายาทีหิ สมํ จเรยฺยฯ ราคาทิวูปสเมน สโนฺตฯ อินฺทฺริยทเมน ทโนฺตฯ จตุมคฺคนิยาเมน นิยโตฯ เสฎฺฐจริตาย พฺรหฺมจารีฯ กายทณฺฑาทิโอโรปเนน นิธาย ทณฺฑํฯ อริยภาเว ฐิโต โส เอวรูโป พาหิตปาปสมิตปาปภินฺนกิเลสตาหิ พฺราหฺมโณ สมโณ ภิกฺขูติ เวทิตโพฺพฯ
Samaṃ careyyāti kāyādivisamacariyaṃ pahāya kāyādīhi samaṃ careyya. Rāgādivūpasamena santo. Indriyadamena danto. Catumagganiyāmena niyato. Seṭṭhacaritāya brahmacārī. Kāyadaṇḍādioropanena nidhāya daṇḍaṃ. Ariyabhāve ṭhito so evarūpo bāhitapāpasamitapāpabhinnakilesatāhi brāhmaṇo samaṇo bhikkhūti veditabbo.
‘‘อยเญฺจว กาโย พหิโทฺธ จ นามรูป’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ฎี. ๒.๓๗๓) ขนฺธปญฺจกํ, ‘‘สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๗๑, ๒๘๗; ปารา. ๑๑) นามกาโย กาโยติ วุจฺจตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘กาเยติ รูปกาเย’’ติ อาหฯ
‘‘Ayañceva kāyo bahiddho ca nāmarūpa’’ntiādīsu (dī. ni. ṭī. 2.373) khandhapañcakaṃ, ‘‘sukhañca kāyena paṭisaṃvedetī’’tiādīsu (ma. ni. 1.271, 287; pārā. 11) nāmakāyo kāyoti vuccatīti tato visesanatthaṃ ‘‘kāyeti rūpakāye’’ti āha.
อสมฺมิสฺสโตติ ‘‘เวทนาทโยปิ เอตฺถ สิตา เอตฺถ ปฎิพทฺธา’’ติ กาเย เวทนาทิอนุปสฺสนาปสเงฺคปิ อาปเนฺน ตโต อสมฺมิสฺสโตติ อโตฺถฯ สมูหวิสยตาย จสฺส กาย-สทฺทสฺส สมุทายุปาทานตาย จ อสุภาการสฺส ‘‘กาเย’’ติ เอกวจนํ, ตถา อารมฺมณาทิวิภาเคน อเนกเภทภินฺนมฺปิ จิตฺตํ จิตฺตภาวสามเญฺญน เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘จิเตฺต’’ติ เอกวจนํ, เวทนา ปน สุขาทิเภทภินฺนา วิสุํ วิสุํ อนุปสฺสิตพฺพาติ ทเสฺสเนฺตน ‘‘เวทนาสู’’ติ พหุวจเนน วุตฺตา, ตเถว จ นิเทฺทโส ปวตฺติโต, ธมฺมา จ ปโรปณฺณาสเภทา อนุปสฺสิตพฺพากาเรน จ อเนกเภทา เอวาติ เตปิ พหุวจนวเสเนว วุตฺตาฯ อวยวีคาห-สมญฺญาติธาวน-สาราทานาภินิเวสนิเสธนตฺถํ กายํ องฺคปจฺจเงฺคหิ, ตานิ จ เกสาทีหิ, เกสาทิเก จ ภูตุปาทายรูเปหิ วินิพฺภุชฺชโนฺต ‘‘ตถา น กาเย’’ติอาทิมาหฯ ปาสาทาทินคราวยวสมูเห อวยวีวาทิโนปิ อวยวีคาหํ น กโรนฺติ, นครํ นาม โกจิ อโตฺถ อตฺถีติ ปน เกสญฺจิ สมญฺญาติธาวนํ สิยาติ อิตฺถิปุริสาทิสมญฺญาติธาวเน นครนิทสฺสนํ วุตฺตํฯ องฺคปจฺจงฺคสมูโห, เกสโลมาทิสมูโห ภูตุปาทายสมูโห จ ยถาวุตฺตสมูเห ตพฺพินิมุโตฺต กาโยปิ นาม โกจิ นตฺถิ, ปเคว อิตฺถิอาทโยติ อาห ‘‘กาโย วา…เป.… ทิสฺสตี’’ติฯ โกจิ ธโมฺมติ อิมินา สตฺตชีวาทิํ ปฎิกฺขิปติ, อวยวี ปน กายปฎิเกฺขเปเนว ปฎิกฺขิโตฺตติฯ ยทิ เอวํ กถํ กายาทิสญฺญาภิธานานีติอาห ‘‘ยถาวุตฺต…เป.… กโรนฺตี’’ติฯ
Asammissatoti ‘‘vedanādayopi ettha sitā ettha paṭibaddhā’’ti kāye vedanādianupassanāpasaṅgepi āpanne tato asammissatoti attho. Samūhavisayatāya cassa kāya-saddassa samudāyupādānatāya ca asubhākārassa ‘‘kāye’’ti ekavacanaṃ, tathā ārammaṇādivibhāgena anekabhedabhinnampi cittaṃ cittabhāvasāmaññena ekajjhaṃ gahetvā ‘‘citte’’ti ekavacanaṃ, vedanā pana sukhādibhedabhinnā visuṃ visuṃ anupassitabbāti dassentena ‘‘vedanāsū’’ti bahuvacanena vuttā, tatheva ca niddeso pavattito, dhammā ca paropaṇṇāsabhedā anupassitabbākārena ca anekabhedā evāti tepi bahuvacanavaseneva vuttā. Avayavīgāha-samaññātidhāvana-sārādānābhinivesanisedhanatthaṃ kāyaṃ aṅgapaccaṅgehi, tāni ca kesādīhi, kesādike ca bhūtupādāyarūpehi vinibbhujjanto ‘‘tathā na kāye’’tiādimāha. Pāsādādinagarāvayavasamūhe avayavīvādinopi avayavīgāhaṃ na karonti, nagaraṃ nāma koci attho atthīti pana kesañci samaññātidhāvanaṃ siyāti itthipurisādisamaññātidhāvane nagaranidassanaṃ vuttaṃ. Aṅgapaccaṅgasamūho, kesalomādisamūho bhūtupādāyasamūho ca yathāvuttasamūhe tabbinimutto kāyopi nāma koci natthi, pageva itthiādayoti āha ‘‘kāyo vā…pe… dissatī’’ti. Koci dhammoti iminā sattajīvādiṃ paṭikkhipati, avayavī pana kāyapaṭikkhepeneva paṭikkhittoti. Yadi evaṃ kathaṃ kāyādisaññābhidhānānītiāha ‘‘yathāvutta…pe… karontī’’ti.
ยํ ปสฺสติ อิตฺถิํ ปุริสํ วาฯ นนุ จกฺขุนา อิตฺถิปุริสทสฺสนํ นตฺถีติ? สจฺจเมตํ, ‘‘อิตฺถิํ ปสฺสามิ, ปุริสํ ปสฺสามี’’ติ ปน ปวตฺตสญฺญาย วเสน ‘‘ยํ ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ มิจฺฉาทสฺสเนน วา ทิฎฺฐิยา ยํ ปสฺสติ, น ตํ ทิฎฺฐํ, ตํ รูปายตนํ น โหตีติ อโตฺถ วิปรีตคฺคาหวเสน มิจฺฉาปริกปฺปิตรูปตฺตาฯ อถ วา ตํ เกสาทิภูตุปาทายสมูหสงฺขาตํ ทิฎฺฐํ น โหติ อจกฺขุวิญฺญาณวิเญฺญยฺยตฺตา, ทิฎฺฐํ วา ตํ น โหติฯ ยํ ทิฎฺฐํ ตํ น ปสฺสตีติ ยํ รูปายตนํ เกสาทิภูตุปาทายสมูหสงฺขาตํ ทิฎฺฐํ, ตํ ปญฺญาจกฺขุนา ภูตโต น ปสฺสตีติ อโตฺถฯ อปสฺสํ พชฺฌเตติ อิมํ อตฺตภาวํ ยถาภูตํ ปญฺญาจกฺขุนา อปสฺสโนฺต ‘‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อโตฺต’’ติ กิเลสพนฺธเนน พชฺฌติฯ
Yaṃ passati itthiṃ purisaṃ vā. Nanu cakkhunā itthipurisadassanaṃ natthīti? Saccametaṃ, ‘‘itthiṃ passāmi, purisaṃ passāmī’’ti pana pavattasaññāya vasena ‘‘yaṃ passatī’’ti vuttaṃ. Micchādassanena vā diṭṭhiyā yaṃ passati, na taṃ diṭṭhaṃ, taṃ rūpāyatanaṃ na hotīti attho viparītaggāhavasena micchāparikappitarūpattā. Atha vā taṃ kesādibhūtupādāyasamūhasaṅkhātaṃ diṭṭhaṃ na hoti acakkhuviññāṇaviññeyyattā, diṭṭhaṃ vā taṃ na hoti. Yaṃ diṭṭhaṃ taṃ na passatīti yaṃ rūpāyatanaṃ kesādibhūtupādāyasamūhasaṅkhātaṃ diṭṭhaṃ, taṃ paññācakkhunā bhūtato na passatīti attho. Apassaṃ bajjhateti imaṃ attabhāvaṃ yathābhūtaṃ paññācakkhunā apassanto ‘‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me atto’’ti kilesabandhanena bajjhati.
น อญฺญธมฺมานุปสฺสีติ น อญฺญสภาวานุปสฺสี, อสุภาทิโต อญฺญาการานุปสฺสี น โหตีติ อโตฺถฯ กิํ วุตฺตํ โหตีติอาทินา ตเมวตฺถํ ปากฎํ กโรติฯ ปถวีกายนฺติ เกสาทิโกฎฺฐาสปถวิํ ธมฺมสมูหตฺตา ‘‘กาโย’’ติ วทติ, ลกฺขณปถวิเมว วา อเนกปฺปเภทํ สกลสรีรคตํ ปุพฺพาปริยภาเวน จ ปวตฺตมานํ สมูหวเสน คเหตฺวา ‘‘กาโย’’ติ วทติฯ อาโปกายนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ
Naaññadhammānupassīti na aññasabhāvānupassī, asubhādito aññākārānupassī na hotīti attho. Kiṃ vuttaṃ hotītiādinā tamevatthaṃ pākaṭaṃ karoti. Pathavīkāyanti kesādikoṭṭhāsapathaviṃ dhammasamūhattā ‘‘kāyo’’ti vadati, lakkhaṇapathavimeva vā anekappabhedaṃ sakalasarīragataṃ pubbāpariyabhāvena ca pavattamānaṃ samūhavasena gahetvā ‘‘kāyo’’ti vadati. Āpokāyantiādīsupi eseva nayo.
เอวํ คเหตพฺพสฺสาติ ‘‘อหํ มม’’นฺติ เอวํ อตฺตตฺตนิยภาเวน อนฺธพาเลหิ คเหตพฺพสฺสฯ อิทานิ สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนาการานมฺปิ วเสน กายานุปสฺสนํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ อนิจฺจโต อนุปสฺสตีติ จตุสมุฎฺฐานิกกายํ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ อนุปสฺสติ, เอวํ ปสฺสโนฺต เอวํ จสฺส อนิจฺจาการมฺปิ อนุปสฺสตีติ วุจฺจติฯ ตถาภูตสฺส จสฺส นิจฺจคฺคาหสฺส เลโสปิ น โหตีติ วุตฺตํ ‘‘โน นิจฺจโต’’ติ ตถาเหส ‘‘นิจฺจสญฺญํ ปชหตี’’ติ (ปฎิ. ม. ๓.๓๕) วุโตฺตฯ เอตฺถ จ ‘‘อนิจฺจโต เอว อนุปสฺสตี’’ติ เอว-กาโร ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐติ เตน นิวตฺติตมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘โน นิจฺจโต’’ติ วุตฺตํฯ น เจตฺถ ทุกฺขโต อนุปสฺสนาทินิวตฺตนมาสงฺกิตพฺพํ ปฎิโยคีนิวตฺตนปรตฺตา เอว-การสฺส, อุปริเทสนารุฬฺหตฺตา จ ตาสํฯ
Evaṃ gahetabbassāti ‘‘ahaṃ mama’’nti evaṃ attattaniyabhāvena andhabālehi gahetabbassa. Idāni sattannaṃ anupassanākārānampi vasena kāyānupassanaṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha aniccato anupassatīti catusamuṭṭhānikakāyaṃ ‘‘anicca’’nti anupassati, evaṃ passanto evaṃ cassa aniccākārampi anupassatīti vuccati. Tathābhūtassa cassa niccaggāhassa lesopi na hotīti vuttaṃ ‘‘no niccato’’ti tathāhesa ‘‘niccasaññaṃ pajahatī’’ti (paṭi. ma. 3.35) vutto. Ettha ca ‘‘aniccato eva anupassatī’’ti eva-kāro luttaniddiṭṭhoti tena nivattitamatthaṃ dassetuṃ ‘‘no niccato’’ti vuttaṃ. Na cettha dukkhato anupassanādinivattanamāsaṅkitabbaṃ paṭiyogīnivattanaparattā eva-kārassa, uparidesanāruḷhattā ca tāsaṃ.
ทุกฺขโต อนุปสฺสตีติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปน วิเสโส – อนิจฺจสฺส ทุกฺขตฺตา ตเมว กายํ ทุกฺขโต อนุปสฺสติ, ทุกฺขสฺส อนตฺตตฺตา อนตฺตโต อนุปสฺสติฯ ยสฺมา ปน ยํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา, ตํ อนภินนฺทิตพฺพํ, น ตตฺถ รชฺชิตพฺพํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘นิพฺพินฺทติ โน นนฺทติ, วิรชฺชติ โน รชฺชตี’’ติฯ โส เอวํ อรชฺชโนฺต ราคํ นิโรเธติ โน สมุเทติ, สมุทยํ น กโรตีติ อโตฺถฯ เอวํ ปฎิปโนฺน จ ปฎินิสฺสชฺชติ โน อาทิยติฯ อยญฺหิ อนิจฺจาทิอนุปสฺสนา ตทงฺควเสน สทฺธิํ กายตนฺนิสฺสยขนฺธาภิสงฺขาเรหิ กิเลสานํ ปริจฺจชนโต, สงฺขตโทสทสฺสเนน ตพฺพิปรีเต นิพฺพาเน ตนฺนินฺนตาย ปกฺขนฺทนโต ‘‘ปริจฺจาคปฎินิสฺสโคฺค เจว ปกฺขนฺทนปฎินิสฺสโคฺค จา’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา ตาย สมนฺนาคโต ภิกฺขุ วุตฺตนเยน กิเลเส จ ปริจฺจชติ, นิพฺพาเน จ ปกฺขนฺทติ , ตถาภูโต จ นิพฺพตฺตนวเสน กิเลเส น อาทิยติ, นาปิ อโทสทสฺสิตาวเสน สงฺขตารมฺมณํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปฎินิสฺสชฺชติ โน อาทิยตี’’ติฯ อิทานิสฺส ตาหิ อนุปสฺสนาหิ เยสํ ธมฺมานํ ปหานํ โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘โส ตํ อนิจฺจโต อนุปสฺสโนฺต นิจฺจสญฺญํ ปชหตี’’ติฯ ตตฺถ นิจฺจสญฺญนฺติ ‘‘สงฺขารา นิจฺจา’’ติ เอวํ ปวตฺตวิปรีตสญฺญํฯ ทิฎฺฐิจิตฺตวิปลฺลาสปหานมุเขเนว สญฺญาวิปลฺลาสปฺปหานนฺติ สญฺญาคหณํ, สญฺญาสีเสน วา เตสมฺปิ คหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ นนฺทินฺติ สปฺปีติกตณฺหํฯ เสสํ วุตฺตนเยเมวฯ
Dukkhato anupassatītiādīsupi eseva nayo. Ayaṃ pana viseso – aniccassa dukkhattā tameva kāyaṃ dukkhato anupassati, dukkhassa anattattā anattato anupassati. Yasmā pana yaṃ aniccaṃ dukkhaṃ anattā, taṃ anabhinanditabbaṃ, na tattha rajjitabbaṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘nibbindati no nandati,virajjati no rajjatī’’ti. So evaṃ arajjanto rāgaṃ nirodheti no samudeti, samudayaṃ na karotīti attho. Evaṃ paṭipanno ca paṭinissajjati no ādiyati. Ayañhi aniccādianupassanā tadaṅgavasena saddhiṃ kāyatannissayakhandhābhisaṅkhārehi kilesānaṃ pariccajanato, saṅkhatadosadassanena tabbiparīte nibbāne tanninnatāya pakkhandanato ‘‘pariccāgapaṭinissaggo ceva pakkhandanapaṭinissaggo cā’’ti vuccati, tasmā tāya samannāgato bhikkhu vuttanayena kilese ca pariccajati, nibbāne ca pakkhandati , tathābhūto ca nibbattanavasena kilese na ādiyati, nāpi adosadassitāvasena saṅkhatārammaṇaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘paṭinissajjati no ādiyatī’’ti. Idānissa tāhi anupassanāhi yesaṃ dhammānaṃ pahānaṃ hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘so taṃ aniccato anupassanto niccasaññaṃ pajahatī’’ti. Tattha niccasaññanti ‘‘saṅkhārā niccā’’ti evaṃ pavattaviparītasaññaṃ. Diṭṭhicittavipallāsapahānamukheneva saññāvipallāsappahānanti saññāgahaṇaṃ, saññāsīsena vā tesampi gahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Nandinti sappītikataṇhaṃ. Sesaṃ vuttanayemeva.
วิหรตีติ อิมินา กายานุปสฺสนาสมงฺคิโน อิริยาปถวิหาโร วุโตฺตติ อาห ‘‘อิริยตี’’ติ อิริยาปถํ ปวเตฺตตีติ อโตฺถฯ อารมฺมณกรณวเสน อภิพฺยาปนโต ‘‘ตีสุ ภเวสู’’ติ วุตฺตํ, อุปฺปชฺชนวเสน ปน กิเลสา ปริตฺตภูมกา เอวาติฯ ยทิปิ กิเลสานํ ปหานํ อาตาปนนฺติ ตํ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนมฺปิ อเตฺถว, อาตาป-สโทฺท ปน วีริเยเยว นิรุโฬฺหติ วุตฺตํ ‘‘วีริยเสฺสตํ นาม’’นฺติฯ อถ วา ปฎิปกฺขปหาเน สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อพฺภุสฺสหนวเสน ปวตฺตมานสฺส วีริยสฺส สาติสยํ ตทาตาปนนฺติ วีริยเมว ตถา วุจฺจติ, น อเญฺญ ธมฺมาฯ อาตาปีติ จายมีกาโร ปสํสาย, อติสยสฺส วา ทีปโกติ อาตาปีคหเณน สมฺมปฺปธานสมงฺคิตํ ทเสฺสติฯ สมฺมา, สมนฺตโต, สามญฺจ ปชานโนฺต สมฺปชาโน, อสมฺมิสฺสโต ววตฺถาเน อญฺญธมฺมานุปสฺสิตาภาเวน สมฺมา อวิปรีตํ, สพฺพาการปชานเนน สมนฺตโต, อุปรูปริ วิเสสาวหภาเวน ปวตฺติยา สยํ ปชานโนฺตติ อโตฺถฯ ยทิ ปญฺญาย อนุปสฺสติ, กถํ สติปฎฺฐานตาติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิฯ สพฺพตฺถิกนฺติ สพฺพตฺถ ภวํ สพฺพตฺถ ลีเน อุทฺธเต จ จิเตฺต อิจฺฉิตพฺพตฺตา, สเพฺพ วา ลีเน อุทฺธเต จ ภาเวตพฺพา โพชฺฌงฺคา อตฺถิกา เอตายาติ สพฺพตฺถิกาฯ สติยา ลทฺธูปการาย เอว ปญฺญาย เอตฺถ ยถาวุเตฺต กาเย กมฺมฎฺฐานิโก ภิกฺขุ กายานุปสฺสี วิหรติฯ อโนฺตสเงฺขโป อโนฺต โอลียโน, โกสชฺชนฺติ อโตฺถฯ อุปายปริคฺคเหติ เอตฺถ สีลวิโสธนาทิ คณนาทิ อุคฺคหโกสลฺลาทิ จ อุปาโย, ตพฺพิปริยายโต อนุปาโย เวทิตโพฺพฯ ยสฺมา จ อุปฎฺฐิตสฺสติ ยถาวุตฺตอุปายํ น ปริจฺจชติ, อนุปายญฺจ น อุปาทิยติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มุฎฺฐสฺสติ…เป.… อสมโตฺถ โหตี’’ติฯ เตนาติ อุปายานุปายานํ ปริคฺคหปริวชฺชเนสุ อปริจฺจาคาปริคฺคเหสุ จ อสมตฺถภาเวน อสฺส โยคิโนฯ
Viharatīti iminā kāyānupassanāsamaṅgino iriyāpathavihāro vuttoti āha ‘‘iriyatī’’ti iriyāpathaṃ pavattetīti attho. Ārammaṇakaraṇavasena abhibyāpanato ‘‘tīsu bhavesū’’ti vuttaṃ, uppajjanavasena pana kilesā parittabhūmakā evāti. Yadipi kilesānaṃ pahānaṃ ātāpananti taṃ sammādiṭṭhiādīnampi attheva, ātāpa-saddo pana vīriyeyeva niruḷhoti vuttaṃ ‘‘vīriyassetaṃ nāma’’nti. Atha vā paṭipakkhapahāne sampayuttadhammānaṃ abbhussahanavasena pavattamānassa vīriyassa sātisayaṃ tadātāpananti vīriyameva tathā vuccati, na aññe dhammā. Ātāpīti cāyamīkāro pasaṃsāya, atisayassa vā dīpakoti ātāpīgahaṇena sammappadhānasamaṅgitaṃ dasseti. Sammā, samantato, sāmañca pajānanto sampajāno, asammissato vavatthāne aññadhammānupassitābhāvena sammā aviparītaṃ, sabbākārapajānanena samantato, uparūpari visesāvahabhāvena pavattiyā sayaṃ pajānantoti attho. Yadi paññāya anupassati, kathaṃ satipaṭṭhānatāti āha ‘‘na hī’’tiādi. Sabbatthikanti sabbattha bhavaṃ sabbattha līne uddhate ca citte icchitabbattā, sabbe vā līne uddhate ca bhāvetabbā bojjhaṅgā atthikā etāyāti sabbatthikā. Satiyā laddhūpakārāya eva paññāya ettha yathāvutte kāye kammaṭṭhāniko bhikkhu kāyānupassī viharati. Antosaṅkhepo anto olīyano, kosajjanti attho. Upāyapariggaheti ettha sīlavisodhanādi gaṇanādi uggahakosallādi ca upāyo, tabbipariyāyato anupāyo veditabbo. Yasmā ca upaṭṭhitassati yathāvuttaupāyaṃ na pariccajati, anupāyañca na upādiyati, tasmā vuttaṃ ‘‘muṭṭhassati…pe… asamatthohotī’’ti. Tenāti upāyānupāyānaṃ pariggahaparivajjanesu apariccāgāpariggahesu ca asamatthabhāvena assa yogino.
ยสฺมา สติเยเวตฺถ สติปฎฺฐานํ วุตฺตา, ตสฺมาสฺส สมฺปยุตฺตา ธมฺมา วีริยาทโย องฺคนฺติ อาห ‘‘สมฺปโยคงฺคญฺจสฺส ทเสฺสตฺวา’’ติฯ องฺค-สโทฺท เจตฺถ การณปริยาโย ทฎฺฐโพฺพ, สติคฺคหเณเนว เจตฺถ สมาธิสฺสติ คหณํ ทฎฺฐพฺพํ ตสฺสา สมาธิกฺขเนฺธ สงฺคหิตตฺตาฯ ยสฺมา วา สติสีเสนายํ เทสนาฯ น หิ เกวลาย สติยา กิเลสปฺปหานํ โหติ, นิพฺพานาธิคโม วา, น จ เกวลา สติ ปวตฺตติ, ตสฺมาสฺส ฌานเทสนายํ สวิตกฺกาทิวจนสฺส วิย สมฺปโยคงฺคทสฺสนตาติ องฺค-สทฺทสฺส อวยวปริยายตา ทฎฺฐพฺพาฯ ปหานงฺคนฺติ ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๒๖; ม. นิ. ๑.๒๗๑, ๒๘๗; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓; ปารา. ๑๑) วิย ปหาตพฺพงฺคํ ทเสฺสตุํฯ ยสฺมา เอตฺถ โลกิยมโคฺค อธิเปฺปโต, น โลกุตฺตรมโคฺค, ตสฺมา ปุพฺพภาคิยเมว วินยํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตทงฺควินเยน วา วิกฺขมฺภนวินเยน วา’’ติ อาหฯ เตสํ ธมฺมานนฺติ เวทนาทิธมฺมานํฯ เตสญฺหิ ตตฺถ อนธิเปฺปตตฺตา ‘‘อตฺถุทฺธารนเยเนตํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ
Yasmā satiyevettha satipaṭṭhānaṃ vuttā, tasmāssa sampayuttā dhammā vīriyādayo aṅganti āha ‘‘sampayogaṅgañcassa dassetvā’’ti. Aṅga-saddo cettha kāraṇapariyāyo daṭṭhabbo, satiggahaṇeneva cettha samādhissati gahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ tassā samādhikkhandhe saṅgahitattā. Yasmā vā satisīsenāyaṃ desanā. Na hi kevalāya satiyā kilesappahānaṃ hoti, nibbānādhigamo vā, na ca kevalā sati pavattati, tasmāssa jhānadesanāyaṃ savitakkādivacanassa viya sampayogaṅgadassanatāti aṅga-saddassa avayavapariyāyatā daṭṭhabbā. Pahānaṅganti ‘‘vivicceva kāmehī’’tiādīsu (dī. ni. 1.226; ma. ni. 1.271, 287; saṃ. ni. 2.152; a. ni. 4.123; pārā. 11) viya pahātabbaṅgaṃ dassetuṃ. Yasmā ettha lokiyamaggo adhippeto, na lokuttaramaggo, tasmā pubbabhāgiyameva vinayaṃ dassento ‘‘tadaṅgavinayena vā vikkhambhanavinayena vā’’ti āha. Tesaṃ dhammānanti vedanādidhammānaṃ. Tesañhi tattha anadhippetattā ‘‘atthuddhāranayenetaṃ vutta’’nti vuttaṃ.
อวิเสเสน ทฺวีหิปิ นีวรณปฺปหานํ วุตฺตนฺติ กตฺวา ปุน เอเกเกน วุตฺตํ ปหานวิเสสํ ทเสฺสตุํ ‘‘วิเสเสนา’’ติ อาหฯ อถ วา ‘‘วิเนยฺย นีวรณานี’’ติ อวตฺวา อภิชฺฌาโทมนสฺสวจนสฺส ปโยชนํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิเสเสนา’’ติอาทิมาหฯ กายานุปสฺสนาภาวนาย หิ อุชุวิปจฺจนีกานํ อนุโรธาทีนํ ปหานํ ทสฺสนํ เอตสฺส ปโยชนนฺติฯ กายสมฺปตฺติมูลกสฺสาติ รูป-พล-โยพฺพนาโรคฺยาทิ-สรีรสมฺปทา-นิมิตฺตสฺสฯ วุตฺตวิปริยายโต กายวิปตฺติมูลโก วิโรโธ เวทิตโพฺพฯ กายภาวนายาติ กายานุปสฺสนาภาวนายฯ สา หิ อิธ ‘‘กายภาวนา’’ติ อธิเปฺปตาฯ เตนาติ อนุโรธาทิปฺปหานวจเนนฯ โยคานุภาโว หีติอาทิ วุตฺตเสฺสวตฺถสฺส ปากฎกรณํฯ
Avisesena dvīhipi nīvaraṇappahānaṃ vuttanti katvā puna ekekena vuttaṃ pahānavisesaṃ dassetuṃ ‘‘visesenā’’ti āha. Atha vā ‘‘vineyya nīvaraṇānī’’ti avatvā abhijjhādomanassavacanassa payojanaṃ dassento ‘‘visesenā’’tiādimāha. Kāyānupassanābhāvanāya hi ujuvipaccanīkānaṃ anurodhādīnaṃ pahānaṃ dassanaṃ etassa payojananti. Kāyasampattimūlakassāti rūpa-bala-yobbanārogyādi-sarīrasampadā-nimittassa. Vuttavipariyāyato kāyavipattimūlako virodho veditabbo. Kāyabhāvanāyāti kāyānupassanābhāvanāya. Sā hi idha ‘‘kāyabhāvanā’’ti adhippetā. Tenāti anurodhādippahānavacanena. Yogānubhāvo hītiādi vuttassevatthassa pākaṭakaraṇaṃ.
สติสมฺปชเญฺญนาติ อติสมฺปชญฺญคฺคหเณนฯ สพฺพตฺถิกกมฺมฎฺฐานนฺติ พุทฺธานุสฺสติ เมตฺตา มรณสฺสติ อสุภภาวนา จฯ อิทญฺหิ จตุกฺกํ โยคินา ปริหริยมานํ ‘‘สพฺพตฺถิกกมฺมฎฺฐาน’’นฺติ วุจฺจติ อติสมฺปชญฺญพเลน อวิจฺฉินฺนสฺส ตสฺส ปริหริตพฺพตฺตา, สติยา วา สมโถ วุโตฺต ตสฺสา สมาทฺธิกฺขเนฺธน สงฺคหิตตฺตาฯ
Satisampajaññenāti atisampajaññaggahaṇena. Sabbatthikakammaṭṭhānanti buddhānussati mettā maraṇassati asubhabhāvanā ca. Idañhi catukkaṃ yoginā parihariyamānaṃ ‘‘sabbatthikakammaṭṭhāna’’nti vuccati atisampajaññabalena avicchinnassa tassa pariharitabbattā, satiyā vā samatho vutto tassā samāddhikkhandhena saṅgahitattā.
เตนาติ สทฺทตฺถํ อนาทิยิตฺวา ภาวตฺถเสฺสว วิภชนวเสน ปวเตฺตน วิภงฺคปาเฐน สหฯ อฎฺฐกถานโยติ สทฺทตฺถสฺสปิ วิวรณวเสน ยถารหํ วุโตฺต อตฺถสํวณฺณนานโยฯ ยถา สํสนฺทตีติ ยถา อตฺถโต อธิปฺปายโต จ อวิโลเมโนฺต อญฺญทตฺถุ สํสนฺทติ สเมติ, เอวํ เวทิตโพฺพฯ
Tenāti saddatthaṃ anādiyitvā bhāvatthasseva vibhajanavasena pavattena vibhaṅgapāṭhena saha. Aṭṭhakathānayoti saddatthassapi vivaraṇavasena yathārahaṃ vutto atthasaṃvaṇṇanānayo. Yathā saṃsandatīti yathā atthato adhippāyato ca avilomento aññadatthu saṃsandati sameti, evaṃ veditabbo.
เวทนาทีนํ ปุน วจเนติ เอตฺถ นิสฺสยปจฺจยภาววเสน จิตฺตธมฺมานํ เวทนาสนฺนิสฺสิตตฺตา ปญฺจโวการภเว อรูปธมฺมานํ รูปปฎิพทฺธวุตฺติโต จ เวทนาย กายาทิอนุปสฺสนาปสเงฺคปิ อาปเนฺน ตทสมฺมิสฺสโต ววตฺถานทสฺสนตฺถํ ฆนวินิโพฺภคาทิทสฺสนตฺถญฺจ ทุติยเวทนาคหณํฯ เตน น เวทนายํ กายานุปสฺสี, จิตฺตธมฺมานุปสฺสี วา, อถ โข เวทนานุปสฺสีเยวาติ เวทนาสงฺขาเต วตฺถุสฺมิํ เวทนานุปสฺสนาการเสฺสว ทสฺสเนน อสมฺมิสฺสโต ววตฺถานํ ทสฺสิตํ โหติฯ ตถา ‘‘ยสฺมิํ สมเย สุขา เวทนา, น ตสฺมิํ สมเย ทุกฺขา อทุกฺขมสุขา วา เวทนาฯ ยสฺมิํ วา ปน สมเย ทุกฺขา อทุกฺขมสุขา วา เวทนา, น ตสฺมิํ สมเย อิตรา เวทนา’’ติ เวทนาภาวสามเญฺญ อฎฺฐตฺวา ตํ ตํ เวทนํ วินิพฺภุชิตฺวา ทสฺสเนน ฆนวินิโพฺภโค ธุวภาววิเวโก ทสฺสิโต โหติฯ เตน ตาสํ ขณมตฺตาวฎฺฐานทสฺสเนน อนิจฺจตาย ตโต เอว ทุกฺขตาย อนตฺตตาย จ ทสฺสนํ วิภาวิตํ โหติฯ ฆนวินิโพฺภคาทีติ อาทิ-สเทฺทน อยมฺปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อยญฺหิ เวทนายํ เวทนานุปสฺสีเยว, น อญฺญธมฺมานุปสฺสีฯ กิํ วุตฺตํ โหติ – ยถา นาม พาโล อมณิสภาเวปิ อุทกพุพฺพุฬเก มณิอาการานุปสฺสี โหติ, น เอวมยํ ฐิติรมณีเยปิ เวทยิเต, ปเคว อิตรสฺมิํ มนุญฺญาการานุปสฺสี, อถ โข ขณภงฺคุรตาย อวสวตฺติตาย กิเลสาสุจิปคฺฆรณตาย จ อนิจฺจอนตฺตอสุภาการานุปสฺสี, วิปริณามทุกฺขตาย สงฺขารทุกฺขตาย จ วิเสสโต ทุกฺขานุปสฺสีเยวาติ วุตฺตํ โหติฯ เอวํ จิตฺตธเมฺมสุปิ ยถารหํ ปุน วจเน ปโยชนํ วตฺตพฺพํฯ ‘‘เกวลํ ปนิธา’’ติอาทินา อิธ ‘เอตฺตกํ เวทิตพฺพ’’นฺติ เวทิตพฺพปริเจฺฉทํ ทเสฺสติฯ เอส นโยติ อิมินา ยถา จิตฺตํ ธมฺมา จ อนุปสฺสิตพฺพา, ตถา ตานิ อนุปสฺสโนฺต ‘‘จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี, ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี’’ติ เวทิตโพฺพติ อิมมตฺถํ อติทิสติฯ
Vedanādīnaṃpuna vacaneti ettha nissayapaccayabhāvavasena cittadhammānaṃ vedanāsannissitattā pañcavokārabhave arūpadhammānaṃ rūpapaṭibaddhavuttito ca vedanāya kāyādianupassanāpasaṅgepi āpanne tadasammissato vavatthānadassanatthaṃ ghanavinibbhogādidassanatthañca dutiyavedanāgahaṇaṃ. Tena na vedanāyaṃ kāyānupassī, cittadhammānupassī vā, atha kho vedanānupassīyevāti vedanāsaṅkhāte vatthusmiṃ vedanānupassanākārasseva dassanena asammissato vavatthānaṃ dassitaṃ hoti. Tathā ‘‘yasmiṃ samaye sukhā vedanā, na tasmiṃ samaye dukkhā adukkhamasukhā vā vedanā. Yasmiṃ vā pana samaye dukkhā adukkhamasukhā vā vedanā, na tasmiṃ samaye itarā vedanā’’ti vedanābhāvasāmaññe aṭṭhatvā taṃ taṃ vedanaṃ vinibbhujitvā dassanena ghanavinibbhogo dhuvabhāvaviveko dassito hoti. Tena tāsaṃ khaṇamattāvaṭṭhānadassanena aniccatāya tato eva dukkhatāya anattatāya ca dassanaṃ vibhāvitaṃ hoti. Ghanavinibbhogādīti ādi-saddena ayampi attho veditabbo. Ayañhi vedanāyaṃ vedanānupassīyeva, na aññadhammānupassī. Kiṃ vuttaṃ hoti – yathā nāma bālo amaṇisabhāvepi udakabubbuḷake maṇiākārānupassī hoti, na evamayaṃ ṭhitiramaṇīyepi vedayite, pageva itarasmiṃ manuññākārānupassī, atha kho khaṇabhaṅguratāya avasavattitāya kilesāsucipaggharaṇatāya ca aniccaanattaasubhākārānupassī, vipariṇāmadukkhatāya saṅkhāradukkhatāya ca visesato dukkhānupassīyevāti vuttaṃ hoti. Evaṃ cittadhammesupi yathārahaṃ puna vacane payojanaṃ vattabbaṃ. ‘‘Kevalaṃ panidhā’’tiādinā idha ‘ettakaṃ veditabba’’nti veditabbaparicchedaṃ dasseti. Esa nayoti iminā yathā cittaṃ dhammā ca anupassitabbā, tathā tāni anupassanto ‘‘citte cittānupassī, dhammesu dhammānupassī’’ti veditabboti imamatthaṃ atidisati.
โย สุขํ ทุกฺขโต อทฺทาติ โย ภิกฺขุ สุขเวทนํ วิปริณามทุกฺขตาย ‘‘ทุกฺข’’นฺติ ปญฺญาจกฺขุนา อทฺทกฺขิฯ ทุกฺขมทฺทกฺขิ สลฺลโตติ ทุกฺขเวทนํ ปีฬาชนนโต อโนฺตตุทนโต ทุนฺนีหรณโต จ สลฺลนฺติ อทฺทกฺขิ ปสฺสิฯ อทุกฺขมสุขนฺติ อุเปกฺขาเวทนํฯ สนฺตนฺติ สุขทุกฺขานิ วิย อโนฬาริกตาย ปจฺจยวเสน วูปสนฺตสภาวตาย จ สนฺตํฯ อนิจฺจโตติ หุตฺวา อภาวโต อุทยพฺพยวนฺตโต ตาวกาลิกโตนิจฺจปฎิเกฺขปโต จ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ โย อทฺทกฺขิฯ ส เว สมฺมทฺทโส ภิกฺขุ เอกํเสน ปริพฺยตฺตํ วา เวทนาย สมฺมา ปสฺสนโกติ อโตฺถฯ
Yosukhaṃ dukkhato addāti yo bhikkhu sukhavedanaṃ vipariṇāmadukkhatāya ‘‘dukkha’’nti paññācakkhunā addakkhi. Dukkhamaddakkhi sallatoti dukkhavedanaṃ pīḷājananato antotudanato dunnīharaṇato ca sallanti addakkhi passi. Adukkhamasukhanti upekkhāvedanaṃ. Santanti sukhadukkhāni viya anoḷārikatāya paccayavasena vūpasantasabhāvatāya ca santaṃ. Aniccatoti hutvā abhāvato udayabbayavantato tāvakālikatoniccapaṭikkhepato ca ‘‘anicca’’nti yo addakkhi. Sa ve sammaddaso bhikkhu ekaṃsena paribyattaṃ vā vedanāya sammā passanakoti attho.
ทุกฺขาติปีติ สงฺขารทุกฺขตาย ทุกฺขา อิติปิฯ สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ สพฺพํ ตํ เวทยิตํ ทุกฺขสฺมิํ อโนฺตคธํ ปริยาปนฺนํ วทามิ สงฺขารทุกฺขตานติวตฺตนโตฯ สุขทุกฺขโตปิ จาติ สุขาทีนํ ฐิติวิปริณามญฺญาณสุขตาย วิปริณามฐิติอญฺญาณทุกฺขตาย จ วุตฺตตฺตา ติโสฺสปิ สุขโต, ติโสฺสปิ จ ทุกฺขโต อนุปสฺสิตพฺพาติ อโตฺถฯ รูปาทิ-อารมฺมณฉนฺทาทิ-อธิปติ-ญาณาทิ-สหชาต- กามาวจราทิ-ภูมินานตฺตเภทานํ กุสลากุสล-ตํวิปากกิริยา-นานตฺตาทิเภทานญฺจ, อาทิ-สเทฺทน สงฺขาริกาสงฺขาริกส-วตฺถุกาวตฺถุกาทิ-นานตฺตเภทานญฺจ วเสนาติ โยเชตพฺพํฯ สุญฺญตธมฺมสฺสาติ ‘‘ธมฺมา โหนฺตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๒๑) สุญฺญตวาเร อาคตสุญฺญตสภาวสฺส วเสนฯ ‘‘กามเญฺจตฺถา’’ติอาทินา ปุเพฺพ ปหีนตฺตา ปุน ปหานํ น วตฺตพฺพนฺติ โจทนํ ทเสฺสติ, มคฺคจิตฺตกฺขเณ วา เอกตฺถ ปหีนํ สพฺพตฺถ ปหีนเมว โหตีติ วิสุํ วิสุํ น วตฺตพฺพนฺติฯ ตตฺถ ปุริมาย โจทนาย นานาปุคฺคลปริหาโร, ปจฺฉิมาย นานาจิตฺตกฺขณิกปริหาโรฯ โลกิยภาวนาย หิ กาเย ปหีนํ น เวทนาทีสุ ปหีนํ โหติ ยทิปิ น ปวเตฺตยฺย, น ปฎิปกฺขภาวนาย ตตฺถ สา อภิชฺฌาโทมนสฺสสฺส อปฺปวตฺติ โหตีติ ปุน ตปฺปหานํ วตฺตพฺพเมวาติฯ เอกตฺถ ปหีนํ เสเสสุปิ ปหีนํ โหตีติ มคฺคสติปฎฺฐานภาวนํ, โลกิยภาวนาย วา สพฺพตฺถ อปฺปวตฺติมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ‘‘ปญฺจปิ ขนฺธา โลโก’’ติ หิ วิภเงฺค (วิภ. ๓๖๒, ๓๖๔, ๓๖๖, ๓๗๓) จตูสุปิ ฐาเนสุ วุตฺตนฺติฯ
Dukkhātipīti saṅkhāradukkhatāya dukkhā itipi. Sabbaṃ taṃ dukkhasminti sabbaṃ taṃ vedayitaṃ dukkhasmiṃ antogadhaṃ pariyāpannaṃ vadāmi saṅkhāradukkhatānativattanato. Sukhadukkhatopi cāti sukhādīnaṃ ṭhitivipariṇāmaññāṇasukhatāya vipariṇāmaṭhitiaññāṇadukkhatāya ca vuttattā tissopi sukhato, tissopi ca dukkhato anupassitabbāti attho. Rūpādi-ārammaṇachandādi-adhipati-ñāṇādi-sahajāta- kāmāvacarādi-bhūminānattabhedānaṃ kusalākusala-taṃvipākakiriyā-nānattādibhedānañca, ādi-saddena saṅkhārikāsaṅkhārikasa-vatthukāvatthukādi-nānattabhedānañca vasenāti yojetabbaṃ. Suññatadhammassāti ‘‘dhammā hontī’’tiādinā (dha. sa. 121) suññatavāre āgatasuññatasabhāvassa vasena. ‘‘Kāmañcetthā’’tiādinā pubbe pahīnattā puna pahānaṃ na vattabbanti codanaṃ dasseti, maggacittakkhaṇe vā ekattha pahīnaṃ sabbattha pahīnameva hotīti visuṃ visuṃ na vattabbanti. Tattha purimāya codanāya nānāpuggalaparihāro, pacchimāya nānācittakkhaṇikaparihāro. Lokiyabhāvanāya hi kāye pahīnaṃ na vedanādīsu pahīnaṃ hoti yadipi na pavatteyya, na paṭipakkhabhāvanāya tattha sā abhijjhādomanassassa appavatti hotīti puna tappahānaṃ vattabbamevāti. Ekattha pahīnaṃ sesesupi pahīnaṃ hotīti maggasatipaṭṭhānabhāvanaṃ, lokiyabhāvanāya vā sabbattha appavattimattaṃ sandhāya vuttaṃ. ‘‘Pañcapi khandhā loko’’ti hi vibhaṅge (vibha. 362, 364, 366, 373) catūsupi ṭhānesu vuttanti.
อุเทฺทสวารวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Uddesavāravaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
กายานุปสฺสนาวณฺณนา
Kāyānupassanāvaṇṇanā
อานาปานปพฺพวณฺณนา
Ānāpānapabbavaṇṇanā
๑๐๗. พาหิรเกสุปิ อิโต เอกเทสสฺส สมฺภวโต สพฺพปฺปการคฺคหณํ กตํ ‘‘สพฺพปฺปการกายานุปสฺสนานิพฺพตฺตกสฺสา’’ติฯ เตน เย อิเม อานาปานปพฺพาทิวเสน อาคตา จุทฺทสปฺปการา, ตทโนฺตคธา จ อชฺฌตฺตาทิอนุปสฺสนา ปการา, ตถา กายคตาสติสุเตฺต (ม. นิ. ๓.๑๕๔) วุตฺตา เกสาทิวณฺณสณฺฐานกสิณารมฺมณจตุกฺกชฺฌานปฺปการา, โลกิยาทิปฺปการา จ, เต สเพฺพปิ อนวเสสโต สงฺคณฺหาติฯ อิเม จ ปการา อิมสฺมิํเยว สาสเน, น อิโต พหิทฺธาติ วุตฺตํ ‘‘สพฺพปฺปการ…เป.… ปฎิเสธโน จา’’ติฯ ตตฺถ ตถาภาวปฎิเสธโนติ สพฺพปฺปการกายานุปสฺสนานิพฺพตฺตกสฺส ปุคฺคลสฺส อญฺญสาสนสฺส นิสฺสยภาวปฎิเสธโนฯ เอเตน ‘‘อิธ, ภิกฺขเว’’ติ เอตฺถ อิธ-สโทฺท อโนฺตคธเอวสทฺทโตฺถติ ทเสฺสติ ฯ สนฺติ หิ เอกปทานิปิ สาวธารณานิ ยถา ‘‘วายุภโกฺข’’ติ (ที. นิ. ฎี. ๒.๓๗๔)ฯ เตนาห ‘‘อิเธว สมโณ’’ติอาทิฯ ปริปุณฺณสมณกรณธโมฺม หิ โส, โย สพฺพปฺปการกายานุปสฺสนานิพฺพตฺตโกฯ ปรปฺปวาทาติ ปเรสํ อญฺญติตฺถิยานํ นานปฺปการา วาทา ติตฺถายตนานิฯ
107. Bāhirakesupi ito ekadesassa sambhavato sabbappakāraggahaṇaṃ kataṃ ‘‘sabbappakārakāyānupassanānibbattakassā’’ti. Tena ye ime ānāpānapabbādivasena āgatā cuddasappakārā, tadantogadhā ca ajjhattādianupassanā pakārā, tathā kāyagatāsatisutte (ma. ni. 3.154) vuttā kesādivaṇṇasaṇṭhānakasiṇārammaṇacatukkajjhānappakārā, lokiyādippakārā ca, te sabbepi anavasesato saṅgaṇhāti. Ime ca pakārā imasmiṃyeva sāsane, na ito bahiddhāti vuttaṃ ‘‘sabbappakāra…pe… paṭisedhano cā’’ti. Tattha tathābhāvapaṭisedhanoti sabbappakārakāyānupassanānibbattakassa puggalassa aññasāsanassa nissayabhāvapaṭisedhano. Etena ‘‘idha, bhikkhave’’ti ettha idha-saddo antogadhaevasaddatthoti dasseti . Santi hi ekapadānipi sāvadhāraṇāni yathā ‘‘vāyubhakkho’’ti (dī. ni. ṭī. 2.374). Tenāha ‘‘idheva samaṇo’’tiādi. Paripuṇṇasamaṇakaraṇadhammo hi so, yo sabbappakārakāyānupassanānibbattako. Parappavādāti paresaṃ aññatitthiyānaṃ nānappakārā vādā titthāyatanāni.
อรญฺญาทิกเสฺสว ภาวนานุรูปเสนาสนตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิมสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ทุทฺทโม ทมถํ อนุปคโต โคโณ กูฎโคโณฯ โทหนกาเล ยถา ถเนหิ อนวเสสโต ขีรํ น ปคฺฆรติ, เอวํ โทหปฎิพนฺธินี กูฎเธนุฯ รูปสทฺทาทิเก ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชนกอสฺสาโท รูปารมฺมณาทิรโสฯ ปุเพฺพ อาจิณฺณารมฺมณนฺติ ปพฺพชฺชาโต ปุเพฺพ, อนาทิมติ วา สํสาเร ปริจิตารมฺมณํฯ
Araññādikasseva bhāvanānurūpasenāsanataṃ dassetuṃ ‘‘imassa hī’’tiādi vuttaṃ. Duddamo damathaṃ anupagato goṇo kūṭagoṇo. Dohanakāle yathā thanehi anavasesato khīraṃ na paggharati, evaṃ dohapaṭibandhinī kūṭadhenu. Rūpasaddādike paṭicca uppajjanakaassādo rūpārammaṇādiraso. Pubbe āciṇṇārammaṇanti pabbajjāto pubbe, anādimati vā saṃsāre paricitārammaṇaṃ.
นิพเนฺธยฺยาติ พเนฺธยฺยฯ สติยาติ สมฺมเทว กมฺมฎฺฐานสฺส สลฺลกฺขณวเสน ปวตฺตาย สติยาฯ อารมฺมเณติ กมฺมฎฺฐานารมฺมเณฯ ทฬฺหนฺติ ถิรํ, ยถา สโตการิสฺส อุปจารปฺปนาเภโท สมาธิ อิชฺฌติ, ตถา ถามคตํ กตฺวาติ อโตฺถฯ
Nibandheyyāti bandheyya. Satiyāti sammadeva kammaṭṭhānassa sallakkhaṇavasena pavattāya satiyā. Ārammaṇeti kammaṭṭhānārammaṇe. Daḷhanti thiraṃ, yathā satokārissa upacārappanābhedo samādhi ijjhati, tathā thāmagataṃ katvāti attho.
วิเสสาธิคมทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารปทฎฺฐานนฺติ สเพฺพสํ พุทฺธานํ, เอกจฺจานํ ปเจฺจกพุทฺธานํ, พุทฺธสาวกานญฺจ วิเสสาธิคมสฺส, อเญฺญน กมฺมฎฺฐาเนน อธิคตวิเสสานํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารสฺส จ ปทฎฺฐานภูตํฯ วตฺถุวิชฺชาจริโย วิย ภควา โยคีนํ อนุรูปนิวาสฎฺฐานุปทิสนโตฯ ภิกฺขุ ทีปิสทิโส อรเญฺญ เอกากี วิหริตฺวา ปฎิปกฺขนิมฺมถเนน อิจฺฉิตตฺถสาธนโตฯ ผลมุตฺตมนฺติ สามญฺญผลํ สนฺธายาหฯ ปรกฺกมชวโยคฺคภูมินฺติ ภาวนุสฺสาหชวสฺส โยคฺคกรณภูมิภูตํฯ
Visesādhigamadiṭṭhadhammasukhavihārapadaṭṭhānanti sabbesaṃ buddhānaṃ, ekaccānaṃ paccekabuddhānaṃ, buddhasāvakānañca visesādhigamassa, aññena kammaṭṭhānena adhigatavisesānaṃ diṭṭhadhammasukhavihārassa ca padaṭṭhānabhūtaṃ. Vatthuvijjācariyo viya bhagavā yogīnaṃ anurūpanivāsaṭṭhānupadisanato. Bhikkhu dīpisadiso araññe ekākī viharitvā paṭipakkhanimmathanena icchitatthasādhanato. Phalamuttamanti sāmaññaphalaṃ sandhāyāha. Parakkamajavayoggabhūminti bhāvanussāhajavassa yoggakaraṇabhūmibhūtaṃ.
อสฺสาสปสฺสาสานํ วเสน สิกฺขโตติ อสฺสาสปสฺสาสานํ ทีฆรสฺสตาปชานน-สพฺพกายปฎิสํเวทน-โอฬาริโกฬาริกปฎิปฺปสฺสมฺภนวเสน ภาวนานุโยคํ สิกฺขโต, ตถาภูโต วา หุตฺวา ติโสฺส สิกฺขา ปวตฺตยโตฯ อสฺสาสปสฺสาสนิมิเตฺตติ อสฺสาสปสฺสาสสนฺนิสฺสเยน อุปฎฺฐิตปฎิภาคนิมิเตฺตฯ อสฺสาสปสฺสาเส ปริคฺคณฺหาติ รูปมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิสโนฺต, โย ‘‘อสฺสาสปสฺสาสกมฺมิโก’’ติ วุโตฺตฯ ฌานงฺคานิ ปริคฺคณฺหาติ อรูปมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิสโนฺตฯ วตฺถุ นาม กรชกาโย จิตฺตเจตสิกานํ ปวตฺติฎฺฐานภาวโตฯ อโญฺญ สโตฺต วา ปุคฺคโล วา นตฺถีติ วิสุทฺธทิฎฺฐิ ‘‘ตยิทํ ธมฺมมตฺตํ น อเหตุกํ, นาปิ อิสฺสราทิวิสมเหตุกํ, อถ โข อวิชฺชาทีหิ เอว สเหตุก’’นฺติ อทฺธตฺตเยปิ กงฺขาวิตรเณน วิติณฺณกโงฺข ‘‘ยํ กิญฺจิ รูป’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๖๑; ม. นิ. ๒.๑๑๓; ม. นิ. ๓.๘๖; อ. นิ. ๔.๑๘๑; ปฎิ. ม. ๑.๔๘) กลาปสมฺมสนวเสน ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา อุทยพฺพยานุปสฺสนาทิวเสน วิปสฺสนํ วเฑฺฒโนฺต อนุกฺกเมน มคฺคปฎิปาฎิยาฯ
Assāsapassāsānaṃ vasena sikkhatoti assāsapassāsānaṃ dīgharassatāpajānana-sabbakāyapaṭisaṃvedana-oḷārikoḷārikapaṭippassambhanavasena bhāvanānuyogaṃ sikkhato, tathābhūto vā hutvā tisso sikkhā pavattayato. Assāsapassāsanimitteti assāsapassāsasannissayena upaṭṭhitapaṭibhāganimitte. Assāsapassāse pariggaṇhāti rūpamukhena vipassanaṃ abhinivisanto, yo ‘‘assāsapassāsakammiko’’ti vutto. Jhānaṅgāni pariggaṇhāti arūpamukhena vipassanaṃ abhinivisanto. Vatthu nāma karajakāyo cittacetasikānaṃ pavattiṭṭhānabhāvato. Añño satto vā puggalo vā natthīti visuddhadiṭṭhi ‘‘tayidaṃ dhammamattaṃ na ahetukaṃ, nāpi issarādivisamahetukaṃ, atha kho avijjādīhi eva sahetuka’’nti addhattayepi kaṅkhāvitaraṇena vitiṇṇakaṅkho ‘‘yaṃ kiñci rūpa’’ntiādinā (ma. ni. 1.361; ma. ni. 2.113; ma. ni. 3.86; a. ni. 4.181; paṭi. ma. 1.48) kalāpasammasanavasena tilakkhaṇaṃ āropetvā udayabbayānupassanādivasena vipassanaṃ vaḍḍhento anukkamena maggapaṭipāṭiyā.
ปรสฺส วา อสฺสาสปสฺสาสกาเยติ อิทํ สมฺมสนจารวเสนายํ ปาฬิ ปวตฺตาติ กตฺวา วุตฺตํ, สมถวเสน ปน ปรสฺส อสฺสาสปสฺสาสกาเย อปฺปนานิมิตฺตุปฺปตฺติ เอว นตฺถีติฯ อิทํ อุภยํ น ลพฺภตีติ ‘‘อชฺฌตฺตํ, พหิทฺธา’’ติ จ วุตฺตํ อิทํ ธมฺมทฺวยฆฎิตํ เอกโต อารมฺมณภาเวน น ลพฺภติฯ
Parassa vā assāsapassāsakāyeti idaṃ sammasanacāravasenāyaṃ pāḷi pavattāti katvā vuttaṃ, samathavasena pana parassa assāsapassāsakāye appanānimittuppatti eva natthīti. Idaṃ ubhayaṃ na labbhatīti ‘‘ajjhattaṃ, bahiddhā’’ti ca vuttaṃ idaṃ dhammadvayaghaṭitaṃ ekato ārammaṇabhāvena na labbhati.
สมุเทติ เอตสฺมาติ สมุทโย, โส เอว การณเฎฺฐน ธโมฺมติ สมุทยธโมฺม, อสฺสาสปสฺสาสานํ ปวตฺติเหตุกรชกายาทิฯ ตสฺส อนุปสฺสนสีโล สมุทยธมฺมานุปสฺสีฯ ตํ ปน สมุทยธมฺมํ อุปมามุเขน ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ภสฺตนฺติ รุตฺติํฯ คคฺครนาฬินฺติ อุกฺกาปนาฬิํฯ เตติ กรชกายาทิเกฯ ยถา อสฺสาสปสฺสาสกาโย กรชกายาทิสมฺพนฺธี ผลภาเวน, เอวํ เตปิ อสฺสาสปสฺสาสกายสมฺพนฺธิโน เหตุภาเวนาติ ‘‘สมุทยธมฺมา กายสฺมิ’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘สมุทย…เป.… วุจฺจตี’’ติฯ ปกติวาจี วา ธมฺม-สโทฺท ‘‘ชาติธมฺมาน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๓๑; ม. นิ. ๓.๓๗๓; ปฎิ. ม. ๑.๓๓) วิยาติ กายสฺส ปจฺจยสมวาเย อุปฺปชฺชนปกติกานุปสฺสี ‘‘สมุทยธมฺมานุปสฺสี’’ติ วุโตฺตฯ เตนาห – ‘‘กรชกายญฺจา’’ติอาทิฯ เอวญฺจ กตฺวา กายสฺมินฺติ ภุมฺมวจนญฺจ สมตฺถิตํ โหติฯ วยธมฺมานุปสฺสีติ เอตฺถ อเหตุกเตฺตปิ วินาสสฺส เยสํ เหตุธมฺมานํ อภาเว ยํ น โหติ, ตทภาโว ตสฺส อภาวสฺส โหตุ วิย โวหรียตีติ อุปจารโต กรชกายาทิอภาโว อสฺสาสปสฺสาสกายสฺส วยการณํ วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘ยถา ภสฺตายา’’ติอาทิฯ อยํ ตาเวตฺถ ปฐมวิกปฺปวเสน อตฺถวิภาวนาฯ ทุติยวิกปฺปวเสน ปน อุปจาเรน วินาเยว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อชฺฌตฺตพหิทฺธานุปสฺสนา วิย ภินฺนวตฺถุวิสยตาย สมุทยวยธมฺมานุปสฺสนาปิ เอกกาเล น ลพฺภตีติ อาห ‘‘กาเลน สมุทยํ กาเลน วยํ อนุปสฺสโนฺต’’ติฯ
Samudeti etasmāti samudayo, so eva kāraṇaṭṭhena dhammoti samudayadhammo, assāsapassāsānaṃ pavattihetukarajakāyādi. Tassa anupassanasīlo samudayadhammānupassī. Taṃ pana samudayadhammaṃ upamāmukhena dassento ‘‘yathā nāmā’’tiādimāha. Tattha bhastanti ruttiṃ. Gaggaranāḷinti ukkāpanāḷiṃ. Teti karajakāyādike. Yathā assāsapassāsakāyo karajakāyādisambandhī phalabhāvena, evaṃ tepi assāsapassāsakāyasambandhino hetubhāvenāti ‘‘samudayadhammā kāyasmi’’nti vattabbataṃ labhantīti vuttaṃ ‘‘samudaya…pe… vuccatī’’ti. Pakativācī vā dhamma-saddo ‘‘jātidhammāna’’ntiādīsu (ma. ni. 1.131; ma. ni. 3.373; paṭi. ma. 1.33) viyāti kāyassa paccayasamavāye uppajjanapakatikānupassī ‘‘samudayadhammānupassī’’ti vutto. Tenāha – ‘‘karajakāyañcā’’tiādi. Evañca katvā kāyasminti bhummavacanañca samatthitaṃ hoti. Vayadhammānupassīti ettha ahetukattepi vināsassa yesaṃ hetudhammānaṃ abhāve yaṃ na hoti, tadabhāvo tassa abhāvassa hotu viya voharīyatīti upacārato karajakāyādiabhāvo assāsapassāsakāyassa vayakāraṇaṃ vutto. Tenāha ‘‘yathā bhastāyā’’tiādi. Ayaṃ tāvettha paṭhamavikappavasena atthavibhāvanā. Dutiyavikappavasena pana upacārena vināyeva attho veditabbo. Ajjhattabahiddhānupassanā viya bhinnavatthuvisayatāya samudayavayadhammānupassanāpi ekakāle na labbhatīti āha ‘‘kālena samudayaṃ kālena vayaṃ anupassanto’’ti.
อตฺถิ กาโยติ เอว-สโทฺท ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐติ ‘‘กาโยว อตฺถี’’ติ วตฺวา อวธารเณน นิวตฺถิตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘น สโตฺต’’ติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – โย รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย ปเรสญฺจ สชฺชาปนเฎฺฐน, สตฺวคุณโยคโต วา ‘‘สโตฺต’’ติ ปเรหิ ปริกปฺปิโตฯ ตสฺส สตฺตนิกายสฺส ปูรณโต จ จวนุปปชฺชนธมฺมตาย คลนโต จ ‘‘ปุคฺคโล’’ติฯ ถียติ สํหญฺญติ เอตฺถ คโพฺภติ ‘‘อิตฺถี’’ติฯ ปุริ ปุเร ภาเค เสติ ปวตฺตตีติ ‘‘ปุริโส’’ติฯ อาหิโต อหํมาโน เอตฺถาติ ‘‘อตฺตา’’ติ, อตฺตโน สนฺตกภาเวน ‘‘อตฺตนิย’’นฺติฯ ปโร น โหตีติ กตฺวา ‘‘อห’’นฺติ, มม สนฺตกนฺติ กตฺวา ‘‘มม’’นฺติฯ วุตฺตปฺปการวินิมุโตฺต อโญฺญติ กตฺวา ‘‘โกจี’’ติ, ตสฺส สนฺตกภาเวน ‘‘กสฺสจี’’ติ ปริกเปฺปตโพฺพ โกจิ นตฺถิ, เกวลํ กาโย เอว อตฺถีติ อตฺตตฺตนิยสุญฺญตเมว กายสฺส วิภาเวติฯ เอวนฺติ ‘‘กาโยว อตฺถี’’ติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรนฯ ญาณปมาณตฺถายาติ กายานุปสฺสนาญาณปรํ ปมาณํ ปาปนตฺถายฯ สติปมาณตฺถายาติ กายปริคฺคาหิกสติปวตฺตํ สติปรํ ปมาณํ ปาปนตฺถายฯ อิมสฺส หิ วุตฺตนเยน ‘‘อตฺถิ กาโย’’ติ อปราปรุปฺปตฺติวเสน ปจฺจุปฎฺฐิตา สติ ภิโยฺยโส มตฺตาย ตตฺถ ญาณสฺส สติยา จ ปริพฺรูหนาย โหติฯ เตนาห ‘‘สติสมฺปชญฺญานํ วฑฺฒตฺถายา’’ติฯ
Atthi kāyoti eva-saddo luttaniddiṭṭhoti ‘‘kāyova atthī’’ti vatvā avadhāraṇena nivatthitaṃ dassento ‘‘na satto’’tiādimāha. Tassattho – yo rūpādīsu sattavisattatāya paresañca sajjāpanaṭṭhena, satvaguṇayogato vā ‘‘satto’’ti parehi parikappito. Tassa sattanikāyassa pūraṇato ca cavanupapajjanadhammatāya galanato ca ‘‘puggalo’’ti. Thīyati saṃhaññati ettha gabbhoti ‘‘itthī’’ti. Puri pure bhāge seti pavattatīti ‘‘puriso’’ti. Āhito ahaṃmāno etthāti ‘‘attā’’ti, attano santakabhāvena ‘‘attaniya’’nti. Paro na hotīti katvā ‘‘aha’’nti, mama santakanti katvā ‘‘mama’’nti. Vuttappakāravinimutto aññoti katvā ‘‘kocī’’ti, tassa santakabhāvena ‘‘kassacī’’ti parikappetabbo koci natthi, kevalaṃ kāyo eva atthīti attattaniyasuññatameva kāyassa vibhāveti. Evanti ‘‘kāyova atthī’’tiādinā vuttappakārena. Ñāṇapamāṇatthāyāti kāyānupassanāñāṇaparaṃ pamāṇaṃ pāpanatthāya. Satipamāṇatthāyāti kāyapariggāhikasatipavattaṃ satiparaṃ pamāṇaṃ pāpanatthāya. Imassa hi vuttanayena ‘‘atthi kāyo’’ti aparāparuppattivasena paccupaṭṭhitā sati bhiyyoso mattāya tattha ñāṇassa satiyā ca paribrūhanāya hoti. Tenāha ‘‘satisampajaññānaṃ vaḍḍhatthāyā’’ti.
อิมิสฺสา ภาวนาย ตณฺหาทิฎฺฐิคาหานํ อุชุปฎิปกฺขตฺตา วุตฺตํ ‘‘ตณฺหา…เป.… วิหรตี’’ติฯ ตถาภูโต จ โลเก กิญฺจิ ‘‘อห’’นฺติ วา ‘‘มม’’นฺติ วา คเหตพฺพํ น ปสฺสติ, กุโต คเณฺหยฺยฯ เตนาห ‘‘น จ กิญฺจี’’ติอาทิฯ เอวมฺปีติ เอตฺถ ปิ-สโทฺท เหฎฺฐา นิทฺทิฎฺฐสฺส ตาทิสสฺส อตฺถสฺส อภาวโต อวุตฺตสมุจฺจยโตฺถติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อุปริ อตฺถํ อุปาทายา’’ติ อาหฯ ‘‘เอว’’นฺติ ปน นิทฺทิฎฺฐาการสฺส ปจฺจามสนํ นิคมนวเสน กตนฺติ อาห ‘‘อิมินา ปน…เป.… ทเสฺสตี’’ติฯ ปุพฺพภาคสติปฎฺฐานสฺส อิธาธิเปฺปตตฺตา วุตฺตํ ‘‘สติ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติฯ สา ปน สติ ยสฺมิํ อตฺตภาเว, ตสฺส สมุฎฺฐาปิกา ตณฺหา ตสฺสาปิ สมุฎฺฐาปิกา เอว นาม โหติ ตทภาเว อภาวโตติ อาห ‘‘ตสฺสา สมุฎฺฐาปิกา ปุริมตณฺหา’’ติฯ อปฺปวตฺตีติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ, น ปวตฺตติ เอตฺถาติ วา อปฺปวตฺติฯ จตุสจฺจวเสนาติ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานวเสนฯ อุสฺสกฺกิตฺวาติ วิสุทฺธิปรมฺปราย อารุหิตฺวา, ภาวนํ อุปริ เนตฺวาติ อโตฺถฯ นิยฺยานมุขนฺติ วฎฺฎทุกฺขโต นิสฺสรณูปาโยฯ
Imissā bhāvanāya taṇhādiṭṭhigāhānaṃ ujupaṭipakkhattā vuttaṃ ‘‘taṇhā…pe… viharatī’’ti. Tathābhūto ca loke kiñci ‘‘aha’’nti vā ‘‘mama’’nti vā gahetabbaṃ na passati, kuto gaṇheyya. Tenāha ‘‘na ca kiñcī’’tiādi. Evampīti ettha pi-saddo heṭṭhā niddiṭṭhassa tādisassa atthassa abhāvato avuttasamuccayatthoti dassento ‘‘upari atthaṃ upādāyā’’ti āha. ‘‘Eva’’nti pana niddiṭṭhākārassa paccāmasanaṃ nigamanavasena katanti āha ‘‘iminā pana…pe… dassetī’’ti. Pubbabhāgasatipaṭṭhānassa idhādhippetattā vuttaṃ ‘‘sati dukkhasacca’’nti. Sā pana sati yasmiṃ attabhāve, tassa samuṭṭhāpikā taṇhā tassāpi samuṭṭhāpikā eva nāma hoti tadabhāve abhāvatoti āha ‘‘tassā samuṭṭhāpikā purimataṇhā’’ti. Appavattīti appavattinimittaṃ, na pavattati etthāti vā appavatti. Catusaccavasenāti catusaccakammaṭṭhānavasena. Ussakkitvāti visuddhiparamparāya āruhitvā, bhāvanaṃ upari netvāti attho. Niyyānamukhanti vaṭṭadukkhato nissaraṇūpāyo.
อานาปานปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ānāpānapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.
อิริยาปถปพฺพวณฺณนา
Iriyāpathapabbavaṇṇanā
๑๐๘. อิริยาปถวเสนาติ อิริยนํ อิริยา, กิริยา, อิธ ปน กายิกปโยโค เวทิตโพฺพฯ อิริยานํ ปโถ ปวตฺติมโคฺคติ อิริยาปโถ, คมนาทิสรีราวตฺถาฯ คจฺฉโนฺต วา หิ สโตฺต กาเยน กตฺตพฺพกิริยํ กเรยฺย ฐิโต วา นิสิโนฺน วา นิปโนฺน วาติฯ เตสํ วเสน, อิริยาปถวิภาเคนาติ อโตฺถฯ ปุน จปรนฺติ ปุน จ อปรํ, ยถาวุตฺตอานาปานกมฺมฎฺฐานโต ภิโยฺยปิ อญฺญํ กายานุปสฺสนากมฺมฎฺฐานํ กเถมิ, สุณาถาติ วา อธิปฺปาโยฯ คจฺฉโนฺต วาติอาทิ คมนาทิมตฺตชานนสฺส คมนาทิคตวิเสสชานนสฺส จ สาธารณวจนํฯ ตตฺถ คมนาทิมตฺตชานนํ อิธ นาธิเปฺปตํ, คมนาทิคตวิเสสชานนํ ปน อธิเปฺปตนฺติ ตํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ กาม’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ สตฺตูปลทฺธินฺติ สโตฺต อตฺถีติ อุปลทฺธิํ สตฺตคฺคาหํ น ชหติ น ปริจฺจชติ ‘‘อหํ คจฺฉามิ, มม คมน’’นฺติ คาหสพฺภาวโตฯ ตโต เอว อตฺตสญฺญํ ‘‘อตฺถิ อตฺตา การโก เวทโก’’ติ เอวํ ปวตฺตํ วิปรีตสญฺญํ น อุคฺฆาเฎติ นาปเนติ อปฎิปกฺขภาวโต, อนนพฺรูหนโต วาฯ เอวํ ภูตสฺส จสฺส กุโต กมฺมฎฺฐานาทิภาโวติ อาห ‘‘กมฺมฎฺฐานํ วา สติปฎฺฐานภาวนา วา น โหตี’’ติฯ อิมสฺส ปนาติอาทิสุกฺกปกฺขสฺส วุตฺตวิปริยาเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ตเมว หิ อตฺถํ วิวริตุํ ‘‘อิทํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โก คจฺฉตีติ คมนกิริยาย กตฺตุปุจฺฉา, สา กตฺตุภาววิสิฎฺฐอตฺตปฎิเกฺขปตฺถา ธมฺมมตฺตเสฺสว คมนสิทฺธิทสฺสนโตฯ กสฺส คมนนฺติ อกตฺตุตาวิสิฎฺฐอตฺตคฺคาหปฎิเกฺขปตฺถาฯ กิํการณาติ ปน ปฎิกฺขิตฺตกตฺตุกาย คมนกิริยาย อวิปรีตการณปุจฺฉา ‘‘คมนนฺติ อตฺตา มนสา สํยุชฺชติ, มโน อินฺทฺริเยหิ, อินฺทฺริยานิ อเตฺตหี’’ติ เอวมาทิคมนการณปฎิเกฺขปนโตฯ เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ
108.Iriyāpathavasenāti iriyanaṃ iriyā, kiriyā, idha pana kāyikapayogo veditabbo. Iriyānaṃ patho pavattimaggoti iriyāpatho, gamanādisarīrāvatthā. Gacchanto vā hi satto kāyena kattabbakiriyaṃ kareyya ṭhito vā nisinno vā nipanno vāti. Tesaṃ vasena, iriyāpathavibhāgenāti attho. Puna caparanti puna ca aparaṃ, yathāvuttaānāpānakammaṭṭhānato bhiyyopi aññaṃ kāyānupassanākammaṭṭhānaṃ kathemi, suṇāthāti vā adhippāyo. Gacchanto vātiādi gamanādimattajānanassa gamanādigatavisesajānanassa ca sādhāraṇavacanaṃ. Tattha gamanādimattajānanaṃ idha nādhippetaṃ, gamanādigatavisesajānanaṃ pana adhippetanti taṃ vibhajitvā dassetuṃ ‘‘tattha kāma’’ntiādi vuttaṃ. Sattūpaladdhinti satto atthīti upaladdhiṃ sattaggāhaṃ na jahati na pariccajati ‘‘ahaṃ gacchāmi, mama gamana’’nti gāhasabbhāvato. Tato eva attasaññaṃ ‘‘atthi attā kārako vedako’’ti evaṃ pavattaṃ viparītasaññaṃ na ugghāṭeti nāpaneti apaṭipakkhabhāvato, ananabrūhanato vā. Evaṃ bhūtassa cassa kuto kammaṭṭhānādibhāvoti āha ‘‘kammaṭṭhānaṃ vā satipaṭṭhānabhāvanā vā na hotī’’ti. Imassa panātiādisukkapakkhassa vuttavipariyāyena attho veditabbo. Tameva hi atthaṃ vivarituṃ ‘‘idaṃ hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha ko gacchatīti gamanakiriyāya kattupucchā, sā kattubhāvavisiṭṭhaattapaṭikkhepatthā dhammamattasseva gamanasiddhidassanato. Kassa gamananti akattutāvisiṭṭhaattaggāhapaṭikkhepatthā. Kiṃkāraṇāti pana paṭikkhittakattukāya gamanakiriyāya aviparītakāraṇapucchā ‘‘gamananti attā manasā saṃyujjati, mano indriyehi, indriyāni attehī’’ti evamādigamanakāraṇapaṭikkhepanato. Tenāha ‘‘tatthā’’tiādi.
น โกจิ สโตฺต วา ปุคฺคโล วา คจฺฉติ ธมฺมมตฺตเสฺสว คมนสิทฺธิโต ตพฺพินิมุตฺตสฺส จ กสฺสจิ อภาวโตฯ อิทานิ ธมฺมมตฺตเสฺสว คมนสิทฺธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ จิตฺตกิริยา จ สา วาโยธาตุยา วิปฺผาโร วิปฺผนฺทนญฺจาติ จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาโร, เตนฯ เอตฺถ จ จิตฺตกิริยคฺคหเณน อนินฺทฺริยพทฺธวาโยธาตุวิปฺผารํ นิวเตฺตติ, วาโยธาตุวิปฺผารคฺคหเณน เจตนาวจีวิญฺญตฺติเภทํ จิตฺตกิริยํ นิวเตฺตติ, อุภเยน ปน กายวิญฺญตฺติํ วิภาเวติฯ ‘‘คจฺฉตี’’ติ วตฺวา ยถา ปวตฺตมาเน กาเย ‘‘คจฺฉตี’’ติ โวหาโร โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตนฺติ คนฺตุกามตาวเสน ปวตฺตจิตฺตํฯ วายํ ชเนตีติ วาโยธาตุอธิกํ รูปกลาปํ ชเนติ, อธิกตา เจตฺถ สามตฺถิยโต, น ปมาณโตฯ คมนจิตฺตสมุฎฺฐิตํ สหชาตรูปกายสฺส ถมฺภนสนฺธารณจลนานํ ปจฺจยภูเตน อาการวิเสเสน ปวตฺตมานํ วาโยธาตุํ สนฺธายาห ‘‘วาโย วิญฺญตฺติํ ชเนตี’’ติฯ อธิปฺปายสหภาวี หิ วิกาโร วิญฺญตฺติ, ยถาวุตฺตอธิกภาเวเนว จ วาโยคหณํ, น วาโยธาตุยา เอว ชนกภาวโต, อญฺญถา วิญฺญตฺติยา อุปาทายรูปภาโว ทุรุปปาโท สิยาฯ ปุรโต อภินีหาโร ปุรโตภาเคน กายสฺส ปวตฺตนํ, โย ‘‘อภิกฺกโม’’ติ วุจฺจติฯ
Na koci satto vā puggalo vā gacchati dhammamattasseva gamanasiddhito tabbinimuttassa ca kassaci abhāvato. Idāni dhammamattasseva gamanasiddhiṃ dassetuṃ ‘‘cittakiriyavāyodhātuvipphārenā’’tiādi vuttaṃ. Tattha cittakiriyā ca sā vāyodhātuyā vipphāro vipphandanañcāti cittakiriyavāyodhātuvipphāro, tena. Ettha ca cittakiriyaggahaṇena anindriyabaddhavāyodhātuvipphāraṃ nivatteti, vāyodhātuvipphāraggahaṇena cetanāvacīviññattibhedaṃ cittakiriyaṃ nivatteti, ubhayena pana kāyaviññattiṃ vibhāveti. ‘‘Gacchatī’’ti vatvā yathā pavattamāne kāye ‘‘gacchatī’’ti vohāro hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘tasmā’’tiādi vuttaṃ. Tanti gantukāmatāvasena pavattacittaṃ. Vāyaṃ janetīti vāyodhātuadhikaṃ rūpakalāpaṃ janeti, adhikatā cettha sāmatthiyato, na pamāṇato. Gamanacittasamuṭṭhitaṃ sahajātarūpakāyassa thambhanasandhāraṇacalanānaṃ paccayabhūtena ākāravisesena pavattamānaṃ vāyodhātuṃ sandhāyāha ‘‘vāyo viññattiṃ janetī’’ti. Adhippāyasahabhāvī hi vikāro viññatti, yathāvuttaadhikabhāveneva ca vāyogahaṇaṃ, na vāyodhātuyā eva janakabhāvato, aññathā viññattiyā upādāyarūpabhāvo durupapādo siyā. Purato abhinīhāro puratobhāgena kāyassa pavattanaṃ, yo ‘‘abhikkamo’’ti vuccati.
‘‘เอเสว นโย’’ติ อติเทสวเสน สเงฺขปโต วตฺวา ตเมวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ตตฺราปิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โกฎิโต ปฎฺฐายาติ เหฎฺฐิมโกฎิโต ปฎฺฐายฯ อุสฺสิตภาโวติ อุพฺพิทฺธภาโวฯ
‘‘Esevanayo’’ti atidesavasena saṅkhepato vatvā tamevatthaṃ vivarituṃ ‘‘tatrāpi hī’’tiādi vuttaṃ. Koṭito paṭṭhāyāti heṭṭhimakoṭito paṭṭhāya. Ussitabhāvoti ubbiddhabhāvo.
เอวํ ปชานโตติ เอวํ จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว คมนาทิภาโว โหตีติ ปชานโต ตสฺส เอวํ ปชานนาย นิจฺฉยคมนตฺถํ ‘‘เอวํ โหตี’’ติ วิจารณา วุจฺจติ โลเก ยถาภูตํ อชานเนฺตหิ มิจฺฉาภินิเวสวเสน, โลกโวหารวเสน วาฯ อตฺถิ ปนาติ อตฺตโน เอว วีมํสนวเสน ปุจฺฉาวจนํฯ นตฺถีติ นิจฺฉยวเสน สตฺตสฺส ปฎิเกฺขปวจนํฯ ยถา ปนาติอาทิ ตเสฺสวตฺถสฺส อุปมาย วิภาวนํฯ
Evaṃpajānatoti evaṃ cittakiriyavāyodhātuvipphāreneva gamanādibhāvo hotīti pajānato tassa evaṃ pajānanāya nicchayagamanatthaṃ ‘‘evaṃ hotī’’ti vicāraṇā vuccati loke yathābhūtaṃ ajānantehi micchābhinivesavasena, lokavohāravasena vā. Atthi panāti attano eva vīmaṃsanavasena pucchāvacanaṃ. Natthīti nicchayavasena sattassa paṭikkhepavacanaṃ. Yathā panātiādi tassevatthassa upamāya vibhāvanaṃ.
นาวา มาลุตเวเคนาติ ยถา อเจตนา นาวา วาตเวเคน เทสนฺตรํ ยาติ, ยถา จ อเจตโน เตชนํ กโณฺฑ ชิยาเวเคน เทสนฺตรํ ยาติ, ตถา อเจตโน กาโย วาตาหโต ยถาวุตฺตวายุนา นีโต เทสนฺตรํ ยาตีติ เอวํ อุปมาสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํฯ สเจ ปน โกจิ วเทยฺย ‘‘ยถา นาวาย เตชนสฺส จ เปลฺลกสฺส ปุริสสฺส วเสน เทสนฺตรคมนํ, เอวํ กายสฺสาปี’’ติ, โหตุ, เอวํ อิจฺฉิโตวายมโตฺถฯ ยถา หิ นาวา เตชนานํ สํหตลกฺขณเสฺสว ปุริสสฺส วเสน คมนํ, น อสํหตลกฺขณสฺส, เอวํ กายสฺสาปีติ กา โน หานิ, ภิโยฺยปิ ธมฺมมตฺตตาว ปติฎฺฐํ ลภติ, น ปุริสวาโทฯ เตนาห ‘‘ยนฺตํ สุตฺตวเสนา’’ติอาทิฯ
Nāvā mālutavegenāti yathā acetanā nāvā vātavegena desantaraṃ yāti, yathā ca acetano tejanaṃ kaṇḍo jiyāvegena desantaraṃ yāti, tathā acetano kāyo vātāhato yathāvuttavāyunā nīto desantaraṃ yātīti evaṃ upamāsaṃsandanaṃ veditabbaṃ. Sace pana koci vadeyya ‘‘yathā nāvāya tejanassa ca pellakassa purisassa vasena desantaragamanaṃ, evaṃ kāyassāpī’’ti, hotu, evaṃ icchitovāyamattho. Yathā hi nāvā tejanānaṃ saṃhatalakkhaṇasseva purisassa vasena gamanaṃ, na asaṃhatalakkhaṇassa, evaṃ kāyassāpīti kā no hāni, bhiyyopi dhammamattatāva patiṭṭhaṃ labhati, na purisavādo. Tenāha ‘‘yantaṃ suttavasenā’’tiādi.
ตตฺถ ปยุตฺตนฺติ เหฎฺฐา วุตฺตนเยน คมนาทิกิริยาวเสน ปโยชิตํฯ ฐาตีติ ติฎฺฐติฯ เอตฺถาติ อิมสฺมิํ โลเกฯ วินา เหตุปจฺจเยติ คนฺตุกามตาจิตฺต-ตํสมุฎฺฐาน-วาโยธาตุ-อาทิเหตุปจฺจเยหิ วินาฯ ติเฎฺฐติ ติเฎฺฐยฺยฯ วเชติ วเชยฺย คเจฺฉยฺย โก นามาติ สมฺพโนฺธฯ ปฎิเกฺขปโตฺถ เจตฺถ กิํ-สโทฺทติ เหตุปจฺจยวิรเหน ฐานคมนปฎิเกฺขปมุเขน สพฺพายปิ ธมฺมปฺปวตฺติยา ปจฺจยาธีนวุตฺติตาวิภาวเนน อตฺตสุญฺญตา วิย อนิจฺจทุกฺขตาปิ วิภาวิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
Tattha payuttanti heṭṭhā vuttanayena gamanādikiriyāvasena payojitaṃ. Ṭhātīti tiṭṭhati. Etthāti imasmiṃ loke. Vinā hetupaccayeti gantukāmatācitta-taṃsamuṭṭhāna-vāyodhātu-ādihetupaccayehi vinā. Tiṭṭheti tiṭṭheyya. Vajeti vajeyya gaccheyya ko nāmāti sambandho. Paṭikkhepattho cettha kiṃ-saddoti hetupaccayavirahena ṭhānagamanapaṭikkhepamukhena sabbāyapi dhammappavattiyā paccayādhīnavuttitāvibhāvanena attasuññatā viya aniccadukkhatāpi vibhāvitāti daṭṭhabbā.
ปณิหิโตติ ยถา ยถา ปจฺจเยหิ ปการโต นิหิโต ฐปิโตฯ สพฺพสงฺคาหิกวจนนฺติ สเพฺพสํ จตุนฺนมฺปิ อิริยาปถานํ สงฺคณฺหนวจนํ, ปุเพฺพ วิสุํ วิสุํ อิริยาปถานํ วุตฺตตฺตา อิทํ เตสํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา วจนนฺติ อโตฺถฯ ปุริมนโย วา อิริยาปถปฺปธาโน วุโตฺตติ ตตฺถ กาโย อปฺปธาโน อนุนิปฺผาทีติ อิธ กายํ ปธานํ อปฺปธานญฺจ อิริยาปถํ อนุนิปฺผาทํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ทุติยนโย วุโตฺตติ เอวเมฺปตฺถ ทฺวินฺนํ นยานํ วิเสโส เวทิตโพฺพฯ ฐิโตติ ปวโตฺตฯ
Paṇihitoti yathā yathā paccayehi pakārato nihito ṭhapito. Sabbasaṅgāhikavacananti sabbesaṃ catunnampi iriyāpathānaṃ saṅgaṇhanavacanaṃ, pubbe visuṃ visuṃ iriyāpathānaṃ vuttattā idaṃ tesaṃ ekajjhaṃ gahetvā vacananti attho. Purimanayo vā iriyāpathappadhāno vuttoti tattha kāyo appadhāno anunipphādīti idha kāyaṃ padhānaṃ appadhānañca iriyāpathaṃ anunipphādaṃ katvā dassetuṃ dutiyanayo vuttoti evampettha dvinnaṃ nayānaṃ viseso veditabbo. Ṭhitoti pavatto.
อิริยาปถปริคฺคณฺหนมฺปิ อิริยาปถวโต กายเสฺสว ปริคฺคณฺหนํ ตสฺส อวตฺถาวิเสสภาวโตติ วุตฺตํ ‘‘อิริยาปถปริคฺคหเณน กาเย กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติฯ เตเนเวตฺถ รูปกฺขนฺธวเสเนว สมุทยาทโย อุทฺธฎาฯ เอส นโย เสสวาเรสุปิฯ อาทินาติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน ยถา ‘‘ตณฺหาสมุทยา กมฺมสมุทยา อาหารสมุทยา’’ติ นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสโนฺตปิ รุปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสตีติ อิเม จตฺตาโร อาหารา สงฺคยฺหนฺติ, เอวํ ‘‘อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรธา’’ติอาทโยปิ ปญฺจ อาการา สงฺคหิตาติ ทฎฺฐโพฺพฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Iriyāpathapariggaṇhanampi iriyāpathavato kāyasseva pariggaṇhanaṃ tassa avatthāvisesabhāvatoti vuttaṃ ‘‘iriyāpathapariggahaṇena kāye kāyānupassī viharatī’’ti. Tenevettha rūpakkhandhavaseneva samudayādayo uddhaṭā. Esa nayo sesavāresupi. Ādināti ettha ādi-saddena yathā ‘‘taṇhāsamudayā kammasamudayā āhārasamudayā’’ti nibbattilakkhaṇaṃ passantopi rupakkhandhassa udayaṃ passatīti ime cattāro āhārā saṅgayhanti, evaṃ ‘‘avijjānirodhā rūpanirodhā’’tiādayopi pañca ākārā saṅgahitāti daṭṭhabbo. Sesaṃ vuttanayameva.
อิริยาปถปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Iriyāpathapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.
จตุสมฺปชญฺญปพฺพวณฺณนา
Catusampajaññapabbavaṇṇanā
๑๐๙. จตุสมฺปชญฺญวเสนาติ (ที. นิ. ฎี. ๑.๒๘๔; สํ. นิ. ๕.๓๖๘; ที. นิ. อภิ. ฎี. ๒.๒๑๔) สมนฺตโต ปกาเรหิ, ปกฎฺฐํ วา สวิเสสํ ชานาตีติ สมฺปชาโน, สมฺปชานสฺส ภาโว สมฺปชญฺญํ, ตถาปวตฺตํ ญาณํฯ จตฺตาริ สมฺปชญฺญานิ สมาหฎานิ จตุสมฺปชญฺญํ, ตสฺส วเสนฯ อภิกฺกมนํ อภิกฺกนฺตนฺติ อาห ‘‘อภิกฺกนฺตํ วุจฺจติ คมน’’นฺติฯ ตถา ปฎิกฺกมนํ ปฎิกฺกนฺตนฺติ อาห ‘‘ปฎิกฺกนฺตํ วุจฺจติ นิวตฺตน’’นฺติฯ นิวตฺตนนฺติ จ นิวตฺติมตฺตํ, นิวตฺติตฺวา ปน คมนํ คมนเมวฯ อภิหรโนฺตติ คมนวเสน กายํ อุปเนโนฺตฯ
109.Catusampajaññavasenāti (dī. ni. ṭī. 1.284; saṃ. ni. 5.368; dī. ni. abhi. ṭī. 2.214) samantato pakārehi, pakaṭṭhaṃ vā savisesaṃ jānātīti sampajāno, sampajānassa bhāvo sampajaññaṃ, tathāpavattaṃ ñāṇaṃ. Cattāri sampajaññāni samāhaṭāni catusampajaññaṃ, tassa vasena. Abhikkamanaṃ abhikkantanti āha ‘‘abhikkantaṃ vuccati gamana’’nti. Tathā paṭikkamanaṃ paṭikkantanti āha ‘‘paṭikkantaṃ vuccati nivattana’’nti. Nivattananti ca nivattimattaṃ, nivattitvā pana gamanaṃ gamanameva. Abhiharantoti gamanavasena kāyaṃ upanento.
สมฺมา ปชานนํ สมฺปชานํ, เตน อตฺตนา กาตพฺพสฺส กรณสีโล สมฺปชานการีติ อาห ‘‘สมฺปชเญฺญน สพฺพกิจฺจการี’’ติฯ สมฺปชานสทฺทสฺส สมฺปชญฺญปริยายตา ปุเพฺพ วุตฺตาเยวฯ สมฺปชญฺญํ กโรเตวาติ อภิกฺกนฺตาทีสุ อสโมฺมหํ อุปฺปาเทติ เอวฯ สมฺปชานสฺส วา กาโร เอตสฺส อตฺถีติ สมฺปชานการีฯ ธมฺมโต วฑฺฒิสงฺขาเตน สห อเตฺถน ปวตฺตตีติ สาตฺถกํ, อภิกฺกนฺตาทิฯ สาตฺถกสฺส สมฺปชานนํ สาตฺถกสมฺปชญฺญํฯ สปฺปายสฺส อตฺตโน อุปการาวหสฺส หิตสฺส สมฺปชานนํ สปฺปายสมฺปชญฺญํ อภิกฺกมาทีสุ ภิกฺขาจารโคจเร, อญฺญตฺถาปิ จ ปวเตฺตสุ อวิชหิเต กมฺมฎฺฐานสงฺขาเต โคจเร สมฺปชญฺญํ โคจรสมฺปชญฺญํฯ อภิกฺกมาทีสุ อสมฺมุยฺหนเมว สมฺปชญฺญํ อสโมฺมหสมฺปชญฺญํฯ ปริคฺคณฺหิตฺวาติ ปฎิสงฺขายฯ
Sammā pajānanaṃ sampajānaṃ, tena attanā kātabbassa karaṇasīlo sampajānakārīti āha ‘‘sampajaññena sabbakiccakārī’’ti. Sampajānasaddassa sampajaññapariyāyatā pubbe vuttāyeva. Sampajaññaṃ karotevāti abhikkantādīsu asammohaṃ uppādeti eva. Sampajānassa vā kāro etassa atthīti sampajānakārī. Dhammato vaḍḍhisaṅkhātena saha atthena pavattatīti sātthakaṃ, abhikkantādi. Sātthakassa sampajānanaṃ sātthakasampajaññaṃ. Sappāyassa attano upakārāvahassa hitassa sampajānanaṃ sappāyasampajaññaṃ abhikkamādīsu bhikkhācāragocare, aññatthāpi ca pavattesu avijahite kammaṭṭhānasaṅkhāte gocare sampajaññaṃ gocarasampajaññaṃ. Abhikkamādīsu asammuyhanameva sampajaññaṃ asammohasampajaññaṃ. Pariggaṇhitvāti paṭisaṅkhāya.
ตสฺมินฺติ สาตฺถกสมฺปชญฺญวเสน ปริคฺคหิตอเตฺถฯ อโตฺถ นาม ธมฺมโต วฑฺฒีติ ยํ สาตฺถกนฺติ อธิเปฺปตํ คมนํ, ตํ สปฺปายเมวาติ สิยา กสฺสจิ อาสงฺกาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘เจติยทสฺสนํ ตาวา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ จิตฺตกมฺมรูปกานิ วิยาติ จิตฺตกมฺมกตปฎิมาโย วิย, ยนฺตปโยเคน วา วิจิตฺตกมฺมปฎิมาโย วิยฯ อสมเปกฺขนํ เคหสิตอญฺญาณุเปกฺขาวเสน อารมฺมณสฺส อโยนิโส คหณํฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขา พาลสฺส มูฬฺหสฺส ปุถุชฺชนสฺสา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๓๐๘)ฯ หตฺถิอาทิสมฺมเทฺทน ชีวิตนฺตราโย, วิสภาครูปทสฺสนาทินา พฺรหฺมจริยนฺตราโยฯ
Tasminti sātthakasampajaññavasena pariggahitaatthe. Attho nāma dhammato vaḍḍhīti yaṃ sātthakanti adhippetaṃ gamanaṃ, taṃ sappāyamevāti siyā kassaci āsaṅkāti tannivattanatthaṃ ‘‘cetiyadassanaṃ tāvā’’tiādi āraddhaṃ. Cittakammarūpakāni viyāti cittakammakatapaṭimāyo viya, yantapayogena vā vicittakammapaṭimāyo viya. Asamapekkhanaṃ gehasitaaññāṇupekkhāvasena ārammaṇassa ayoniso gahaṇaṃ. Yaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘cakkhunā rūpaṃ disvā uppajjati upekkhā bālassa mūḷhassa puthujjanassā’’tiādi (ma. ni. 3.308). Hatthiādisammaddena jīvitantarāyo, visabhāgarūpadassanādinā brahmacariyantarāyo.
ปพฺพชิตทิวสโต ปฎฺฐาย ภิกฺขูนํ อนุวตฺตนกถา อาจิณฺณา, อนนุวตฺตนกถา ปน ตสฺสา ทุติยา นาม โหตีติ อาห ‘‘เทฺว กถา นาม น กถิตปุพฺพา’’ติฯ
Pabbajitadivasato paṭṭhāya bhikkhūnaṃ anuvattanakathā āciṇṇā, ananuvattanakathā pana tassā dutiyā nāma hotīti āha ‘‘dve kathā nāma na kathitapubbā’’ti.
เอวนฺติ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิกํ สพฺพมฺปิ วุตฺตาการํ ปจฺจามสติ, น ‘‘ปุริสสฺส มาตุคามาสุภ’’นฺติอาทิกํ วุจฺจมานํฯ โยคกมฺมสฺส ปวตฺติฎฺฐานตาย ภาวนาย อารมฺมณํ กมฺมฎฺฐานนฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘กมฺมฎฺฐานสงฺขาตํ โคจร’’นฺติฯ อุคฺคเหตฺวาติ ยถา อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, เอวํ อุคฺคหโกสลฺลสฺส สมฺปาทนวเสน อุคฺคเหตฺวาฯ หรตีติ กมฺมฎฺฐานํ ปวเตฺตติ, ยาว ปิณฺฑปาตปฎิกฺกมา อนุยุญฺชตีติ อโตฺถฯ น ปจฺจาหรตีติ อาหารูปโภคโต ยาว ทิวาฎฺฐานุปสงฺกมนา กมฺมฎฺฐานํ น ปฎิเนติฯ
Evanti ‘‘sace panā’’tiādikaṃ sabbampi vuttākāraṃ paccāmasati, na ‘‘purisassa mātugāmāsubha’’ntiādikaṃ vuccamānaṃ. Yogakammassa pavattiṭṭhānatāya bhāvanāya ārammaṇaṃ kammaṭṭhānanti vuccatīti āha ‘‘kammaṭṭhānasaṅkhātaṃ gocara’’nti. Uggahetvāti yathā uggahanimittaṃ uppajjati, evaṃ uggahakosallassa sampādanavasena uggahetvā. Haratīti kammaṭṭhānaṃ pavatteti, yāva piṇḍapātapaṭikkamā anuyuñjatīti attho. Napaccāharatīti āhārūpabhogato yāva divāṭṭhānupasaṅkamanā kammaṭṭhānaṃ na paṭineti.
สรีรปริกมฺมนฺติ มุขโธวนาทิสรีรปฎิชคฺคนํฯ เทฺว ตโย ปลฺลเงฺกติ เทฺว ตโย นิสชฺชาวาเร, เทฺว ตีณิ อุณฺหาสนานิฯ เตนาห ‘‘อุสุมํ คาหาเปโนฺต’’ติฯ กมฺมฎฺฐานสีเสเนวาติ กมฺมฎฺฐานเคฺคเนว, กมฺมฎฺฐานํ ปธานํ กตฺวา เอวาติ อโตฺถฯ เตน ‘‘ปโตฺตปิ อเจตโน’’ติอาทินา (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๐๙) วกฺขมานํ กมฺมฎฺฐานํ, ยถาปริหริยมานํ วา อวิชหิตฺวาติ ทเสฺสติฯ ‘‘ปริโภคเจติยโต สรีรเจติยํ ครุตร’’นฺติ กตฺวา ‘‘เจติยํ วนฺทิตฺวา’’ติ ปุพฺพกาลกิริยาวเสน วุตฺตํฯ ตถา หิ อฎฺฐกถายํ (วิภ. อฎฺฐ. ๘๐๙; ม. นิ. อฎฺฐ. ๓.๑๒๘; อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๗๕) ‘‘เจติยํ พาธยมานา โพธิสาขา หริตพฺพา’’ติ วุตฺตาฯ
Sarīraparikammanti mukhadhovanādisarīrapaṭijagganaṃ. Dve tayo pallaṅketi dve tayo nisajjāvāre, dve tīṇi uṇhāsanāni. Tenāha ‘‘usumaṃ gāhāpento’’ti. Kammaṭṭhānasīsenevāti kammaṭṭhānaggeneva, kammaṭṭhānaṃ padhānaṃ katvā evāti attho. Tena ‘‘pattopi acetano’’tiādinā (ma. ni. aṭṭha. 1.109) vakkhamānaṃ kammaṭṭhānaṃ, yathāparihariyamānaṃ vā avijahitvāti dasseti. ‘‘Paribhogacetiyato sarīracetiyaṃ garutara’’nti katvā ‘‘cetiyaṃ vanditvā’’ti pubbakālakiriyāvasena vuttaṃ. Tathā hi aṭṭhakathāyaṃ (vibha. aṭṭha. 809; ma. ni. aṭṭha. 3.128; a. ni. aṭṭha. 1.1.275) ‘‘cetiyaṃ bādhayamānā bodhisākhā haritabbā’’ti vuttā.
ชนสงฺคหตฺถนฺติ ‘‘มยิ อกเถเนฺต เอเตสํ โก กเถสฺสตี’’ติ ธมฺมานุคฺคเหน ชนสงฺคหตฺถํฯ ตสฺมาติฯ ยสฺมา ‘‘ธมฺมกถา นาม กเถตพฺพาเยวา’’ติ อฎฺฐกถาจริยา วทนฺติ, ยสฺมา จ ธมฺมกถา กมฺมฎฺฐานวินิมุตฺตา นาม นตฺถิ, ตสฺมาฯ อนุโมทนํ กตฺวาติ เอตฺถาปิ ‘‘กมฺมฎฺฐานสีเสเนวา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ สมฺปตฺตปริเจฺฉเทเนวาติ ‘‘ปริจิโต อปริจิโต’’ติอาทิวิภาคํ อกตฺวา สมฺปตฺตโกฎิยาวฯ ภเยติ ปรจกฺกาทิภเยฯ
Janasaṅgahatthanti ‘‘mayi akathente etesaṃ ko kathessatī’’ti dhammānuggahena janasaṅgahatthaṃ. Tasmāti. Yasmā ‘‘dhammakathā nāma kathetabbāyevā’’ti aṭṭhakathācariyā vadanti, yasmā ca dhammakathā kammaṭṭhānavinimuttā nāma natthi, tasmā. Anumodanaṃ katvāti etthāpi ‘‘kammaṭṭhānasīsenevā’’ti ānetvā sambandho. Sampattaparicchedenevāti ‘‘paricito aparicito’’tiādivibhāgaṃ akatvā sampattakoṭiyāva. Bhayeti paracakkādibhaye.
กมฺมชเตโชติ คหณิํ สนฺธายาหฯ กมฺมฎฺฐานวีถิํ นาโรหติ ขุทาปริสฺสเมน กิลนฺตกายตฺตา สมาธานาภาวโตฯ อวเสสฎฺฐาเนติ ยาคุยา อคฺคหิตฎฺฐาเนฯ โปงฺขานุโปงฺขนฺติ กมฺมฎฺฐานุปฎฺฐานสฺส อวิเจฺฉททสฺสนวจนเมตํ, ยถา โปงฺขานุโปงฺขปวตฺตาย สรปฎิปาฎิยา อวิเจฺฉโท, เอวเมตสฺสาปีติฯ
Kammajatejoti gahaṇiṃ sandhāyāha. Kammaṭṭhānavīthiṃ nārohati khudāparissamena kilantakāyattā samādhānābhāvato. Avasesaṭṭhāneti yāguyā aggahitaṭṭhāne. Poṅkhānupoṅkhanti kammaṭṭhānupaṭṭhānassa avicchedadassanavacanametaṃ, yathā poṅkhānupoṅkhapavattāya sarapaṭipāṭiyā avicchedo, evametassāpīti.
นิกฺขิตฺตธุโร ภาวนานุโยเคฯ วตฺตปฎิปตฺติยา อปูรเณน สพฺพวตฺถานิ ภินฺทิตฺวาฯ ‘‘กาเม อวีตราโค โหติ, กาเย อวีตราโค, รูเป อวีตราโค, ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภุญฺชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุโตฺต วิหรติ, อญฺญตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๐; ม. นิ. ๑.๑๘๖) เอวํ วุตฺต ปญฺจวิธเจโตขิลวินิพนฺธจิโตฺตฯ จริตฺวาติ ปวตฺติตฺวาฯ
Nikkhittadhuro bhāvanānuyoge. Vattapaṭipattiyā apūraṇena sabbavatthāni bhinditvā. ‘‘Kāme avītarāgo hoti, kāye avītarāgo, rūpe avītarāgo, yāvadatthaṃ udarāvadehakaṃ bhuñjitvā seyyasukhaṃ passasukhaṃ middhasukhaṃ anuyutto viharati, aññataraṃ devanikāyaṃ paṇidhāya brahmacariyaṃ caratī’’ti (dī. ni. 3.320; ma. ni. 1.186) evaṃ vutta pañcavidhacetokhilavinibandhacitto. Caritvāti pavattitvā.
อตฺตกามาติ อตฺตโน หิตสุขํ อิจฺฉนฺตา, ธมฺมจฺฉนฺทวโนฺตติ อโตฺถฯ ธโมฺมติ หิ หิตํ, ตนฺนิมิตฺตกญฺจ สุขนฺติฯ อถ วา วิญฺญูนํ นิพฺพิเสสตฺตา อตฺตภาวปริยาปนฺนตฺตา จ อตฺตา นาม ธโมฺม, ตํ กาเมนฺติ อิจฺฉนฺตีติ อตฺตกามาฯ อุสภํ นาม วีสติ ยฎฺฐิโยฯ ตาย สญฺญายาติ ตาย ปาสาณสญฺญาย, เอตฺตกํ ฐานํ อาคตาติ ชานนฺตาติ อธิปฺปาโยฯ โสเยว นโยติ ‘‘อยํ ภิกฺขู’’ติอาทิโก โย ฐาเน วุโตฺต, โส เอว นิสชฺชายปิ นโยฯ ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตานํ ฉินฺนภตฺตภาวภเยนปิ โยนิโสมนสิการํ ปริพฺรูเหติฯ
Attakāmāti attano hitasukhaṃ icchantā, dhammacchandavantoti attho. Dhammoti hi hitaṃ, tannimittakañca sukhanti. Atha vā viññūnaṃ nibbisesattā attabhāvapariyāpannattā ca attā nāma dhammo, taṃ kāmenti icchantīti attakāmā. Usabhaṃ nāma vīsati yaṭṭhiyo. Tāya saññāyāti tāya pāsāṇasaññāya, ettakaṃ ṭhānaṃ āgatāti jānantāti adhippāyo. Soyeva nayoti ‘‘ayaṃ bhikkhū’’tiādiko yo ṭhāne vutto, so eva nisajjāyapi nayo. Pacchato āgacchantānaṃ chinnabhattabhāvabhayenapi yonisomanasikāraṃ paribrūheti.
พหาปธานํ ปูเชสฺสามีติ อมฺหากํ อตฺถาย โลกนาเถน ฉ วสฺสานิ กตํ ทุกฺกรจริยํ เอวาหํ ยถาสตฺติ ปูเชสฺสามีติฯ ปฎิปตฺติปูชา หิ สตฺถุปูชา, น อามิสปูชาฯ ฐานจงฺกมนเมวาติ อธิฎฺฐาตพฺพอิริยาปถวเสน วุตฺตํ, น โภชนาทิกาเลสุ อวสฺสํ กตฺตพฺพนิสชฺชาย ปฎิเกฺขปวเสนฯ
Bahāpadhānaṃ pūjessāmīti amhākaṃ atthāya lokanāthena cha vassāni kataṃ dukkaracariyaṃ evāhaṃ yathāsatti pūjessāmīti. Paṭipattipūjā hi satthupūjā, na āmisapūjā. Ṭhānacaṅkamanamevāti adhiṭṭhātabbairiyāpathavasena vuttaṃ, na bhojanādikālesu avassaṃ kattabbanisajjāya paṭikkhepavasena.
วีถิํ โอตริตฺวา อิโต จิโต จ อโนโลเกตฺวา ปฐมเมว วีถิโย สลฺลเกฺขตพฺพาติ อาห ‘‘วีถิโย สลฺลเกฺขตฺวา’’ติฯ ยํ สนฺธาย วุจฺจติ ‘‘ปาสาทิเกน อภิกฺกเนฺตนา’’ติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Vīthiṃ otaritvā ito cito ca anoloketvā paṭhamameva vīthiyo sallakkhetabbāti āha ‘‘vīthiyo sallakkhetvā’’ti. Yaṃ sandhāya vuccati ‘‘pāsādikena abhikkantenā’’ti, taṃ dassetuṃ ‘‘tattha cā’’tiādi vuttaṃ.
ปเจฺจกโพธิํ สจฺฉิกโรติ, ยทิ อุปนิสฺสยสมฺปโนฺน โหตีติ สมฺพโนฺธฯ เอวํ สพฺพตฺถ อิโต ปเรสุปิฯ ตตฺถ ปเจฺจกโพธิยา อุปนิสฺสยสมฺปทา กปฺปานํ เทฺว อสเงฺขฺยยฺยานิ สตสหสฺสญฺจ ตชฺชํ ปุญฺญญาณสมฺภรณํ, สาวกโพธิยํ อคฺคสาวกานํ เอกํ อสเงฺขฺยยฺยํ กปฺปสตสหสฺสญฺจ, มหาสาวกานํ กปฺปสตสหสฺสเมว, อิตเรสํ อตีตาสุ ชาตีสุ วิวฎฺฎสนฺนิสฺสยวเสน นิพฺพตฺติตํ นิเพฺพธภาคิยํ กุสลํฯ พาหิโย ทารุจีริโยติ พหิ วิสเย สญฺชาตสํวฑฺฒตาย พาหิโย, ทารุจีรปริหรเณน ทารุจีริโยติ จ สมญฺญาโตฯ โส หิ อายสฺมา –
Paccekabodhiṃ sacchikaroti, yadi upanissayasampanno hotīti sambandho. Evaṃ sabbattha ito paresupi. Tattha paccekabodhiyā upanissayasampadā kappānaṃ dve asaṅkhyeyyāni satasahassañca tajjaṃ puññañāṇasambharaṇaṃ, sāvakabodhiyaṃ aggasāvakānaṃ ekaṃ asaṅkhyeyyaṃ kappasatasahassañca, mahāsāvakānaṃ kappasatasahassameva, itaresaṃ atītāsu jātīsu vivaṭṭasannissayavasena nibbattitaṃ nibbedhabhāgiyaṃ kusalaṃ. Bāhiyo dārucīriyoti bahi visaye sañjātasaṃvaḍḍhatāya bāhiyo, dārucīrapariharaṇena dārucīriyoti ca samaññāto. So hi āyasmā –
‘‘ตสฺมา ติห เต, พาหิย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ทิเฎฺฐ ทิฎฺฐมตฺตํ ภวิสฺสติ, สุเต… มุเต… วิญฺญาเต วิญฺญาตมตฺตํ ภวิสฺสตี’ติฯ ยโต โข เต, พาหิย, ทิเฎฺฐ ทิฎฺฐมตฺตํ ภวิสฺสติ, สุเต… มุเต… วิญฺญาเต วิญฺญาตมตฺตํ ภวิสฺสติ, ตโต ตฺวํ, พาหิย, น เตนฯ ยโต ตฺวํ, พาหิย, น เตน, ตโต ตฺวํ, พาหิย, น ตตฺถฯ ยโต ตฺวํ, พาหิย, น ตตฺถ, ตโต ตฺวํ, พาหิย, เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเรน, เอเสวโนฺต ทุกฺขสฺสา’’ติ (อุทา. ๑๐) – เอตฺตกาย เทสนาย อรหตฺตํ สจฺฉากาสิฯ
‘‘Tasmā tiha te, bāhiya, evaṃ sikkhitabbaṃ ‘diṭṭhe diṭṭhamattaṃ bhavissati, sute… mute… viññāte viññātamattaṃ bhavissatī’ti. Yato kho te, bāhiya, diṭṭhe diṭṭhamattaṃ bhavissati, sute… mute… viññāte viññātamattaṃ bhavissati, tato tvaṃ, bāhiya, na tena. Yato tvaṃ, bāhiya, na tena, tato tvaṃ, bāhiya, na tattha. Yato tvaṃ, bāhiya, na tattha, tato tvaṃ, bāhiya, nevidha na huraṃ na ubhayamantarena, esevanto dukkhassā’’ti (udā. 10) – ettakāya desanāya arahattaṃ sacchākāsi.
ตนฺติ อสมฺมุยฺหนํฯ เอวนฺติ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน เวทิตพฺพํฯ อตฺตา อภิกฺกมตีติ อิมินา อนฺธปุถุชฺชนสฺส ทิฎฺฐิคฺคาหวเสน อภิกฺกเม สมฺมุยฺหนํ ทเสฺสติ, อหํ อภิกฺกมามีติ ปน อิมินา มานคฺคาหวเสน, ตทุภยํ ปน ตณฺหาย วินา น โหตีติ ตณฺหาคฺคาหวเสนปิ สมฺมุยฺหนํ ทสฺสิตเมว โหติฯ ‘‘ตถา อสมฺมุยฺหโนฺต’’ติ วตฺวา ตํ อสมฺมุยฺหนํ เยน ฆนวินิโพฺภเคน โหติ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อภิกฺกมามี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยสฺมา วาโยธาตุยา อนุคตา เตโชธาตุ อุทฺธรณสฺส ปจฺจโยฯ อุทฺธรณคติกา หิ เตโชธาตูติ อุทฺธรเณ วาโยธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว, ตสฺมา อิมาสํ ทฺวินฺนเมตฺถ สามตฺถิยโต อธิมตฺตตา, อิตราสญฺจ โอมตฺตตาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอเกก…เป.… พลวติโย’’ติ อาหฯ ยสฺมา ปน เตโชธาตุยา อนุคตา วาโยธาตุ อติหรณวีติหรณานํ ปจฺจโยฯ ติริยคติกาย หิ วาโยธาตุยา อติหรณวีติหรเณสุ สาติสโย พฺยาปาโรติ เตโชธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว, ตสฺมา อิมาสํ ทฺวินฺนเมตฺถ สามตฺถิยโต อธิมตฺตตา, อิตราสญฺจ โอมตฺตตาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตถา อติหรณวีติหรเณสู’’ติ อาหฯ สติปิ อนุคมนานุคนฺตพฺพตาวิเสเส เตโชธาตุ-วาโยธาตุ-ภาวมตฺตํ สนฺธาย ตถา-สทฺทคฺคหณํฯ ตตฺถ อกฺกนฺตฎฺฐานโต ปาทสฺส อุกฺขิปนํ อุทฺธรณํ, ฐิตฎฺฐานํ อติกฺกมิตฺวา ปุรโต หรณํ อติหรณํ ขาณุอาทิปริหรณตฺถํ, ปติฎฺฐิตปาทฆฎฺฎนปริหรณตฺถํ วา ปเสฺสน หรณํ วีติหรณํ, ยาว ปติฎฺฐิตปาโท, ตาว อาหรณํ อติหรณํ, ตโต ปรํ หรณํ วีติหรณนฺติ อยํ วา เอเตสํ วิเสโสฯ
Tanti asammuyhanaṃ. Evanti idāni vuccamānākārena veditabbaṃ. Attā abhikkamatīti iminā andhaputhujjanassa diṭṭhiggāhavasena abhikkame sammuyhanaṃ dasseti, ahaṃ abhikkamāmīti pana iminā mānaggāhavasena, tadubhayaṃ pana taṇhāya vinā na hotīti taṇhāggāhavasenapi sammuyhanaṃ dassitameva hoti. ‘‘Tathā asammuyhanto’’ti vatvā taṃ asammuyhanaṃ yena ghanavinibbhogena hoti, taṃ dassento ‘‘abhikkamāmī’’tiādimāha. Tattha yasmā vāyodhātuyā anugatā tejodhātu uddharaṇassa paccayo. Uddharaṇagatikā hi tejodhātūti uddharaṇe vāyodhātuyā tassā anugatabhāvo, tasmā imāsaṃ dvinnamettha sāmatthiyato adhimattatā, itarāsañca omattatāti dassento ‘‘ekeka…pe… balavatiyo’’ti āha. Yasmā pana tejodhātuyā anugatā vāyodhātu atiharaṇavītiharaṇānaṃ paccayo. Tiriyagatikāya hi vāyodhātuyā atiharaṇavītiharaṇesu sātisayo byāpāroti tejodhātuyā tassā anugatabhāvo, tasmā imāsaṃ dvinnamettha sāmatthiyato adhimattatā, itarāsañca omattatāti dassento ‘‘tathā atiharaṇavītiharaṇesū’’ti āha. Satipi anugamanānugantabbatāvisese tejodhātu-vāyodhātu-bhāvamattaṃ sandhāya tathā-saddaggahaṇaṃ. Tattha akkantaṭṭhānato pādassa ukkhipanaṃ uddharaṇaṃ, ṭhitaṭṭhānaṃ atikkamitvā purato haraṇaṃ atiharaṇaṃ khāṇuādipariharaṇatthaṃ, patiṭṭhitapādaghaṭṭanapariharaṇatthaṃ vā passena haraṇaṃ vītiharaṇaṃ, yāva patiṭṭhitapādo, tāva āharaṇaṃ atiharaṇaṃ, tato paraṃ haraṇaṃ vītiharaṇanti ayaṃ vā etesaṃ viseso.
ยสฺมา ปถวีธาตุยา อนุคตา อาโปธาตุ โวสฺสชฺชนสฺส ปจฺจโยฯ ครุตรสภาวา หิ อาโปธาตูติ โวสฺสชฺชเน ปถวีธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว, ตสฺมา ตาสํ ทฺวินฺนเมตฺถ สามตฺถิยโต อธิมตฺตตา, อิตราสญฺจ โอมตฺตตาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘โวสฺสชฺชเน…เป.… พลวติโย’’ติฯ ยสฺมา ปน อาโปธาตุยา อนุคตา ปถวีธาตุ สนฺนิเกฺขปนสฺส ปจฺจโย, ปติฎฺฐาภาเว วิย ปติฎฺฐาปเนปิ ตสฺสา สาติสยกิจฺจตฺตา อาโปธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว, ตถา ฆฎฺฎนกิริยาย ปถวีธาตุยา วเสน สนฺนิรุมฺภนสฺส สิชฺฌนโต ตตฺถาปิ ปถวีธาตุยา อาโปธาตุอนุคตภาโว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตถา สนฺนิเกฺขปนสนฺนิรุมฺภเนสู’’ติฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ อภิกฺกมเน, เตสุ วา วุเตฺตสุ อุทฺธรณาทีสุ ฉสุ โกฎฺฐาเสสุฯ อุทฺธรเณติ อุทฺธรณกฺขเณฯ รูปารูปธมฺมาติ อุทฺธรณากาเรน ปวตฺตา รูปธมฺมา, ตํสมุฎฺฐาปกา อรูปธมฺมา จ อติหรณํ น ปาปุณนฺติ ขณมตฺตาวฎฺฐานโตฯ ตตฺถ ตเตฺถวาติ ยตฺถ ยตฺถ อุปฺปนฺนา, ตตฺถ ตเตฺถวฯ น หิ ธมฺมานํ เทสนฺตรสงฺกมนํ อตฺถิฯ ปพฺพํ ปพฺพนฺติอาทิ อุทฺธรณาทิโกฎฺฐาเส สนฺธาย วุตฺตํ, ตํ สภาคสนฺตติวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อติอิตฺตโร หิ รูปธมฺมานมฺปิ ปวตฺติกฺขโณ คมนสฺสาทานํ เทวปุตฺตานํ เหฎฺฐุปริเยน ปฎิมุขํ ธาวนฺตานํ สิรสิ ปาเท จ พทฺธธุรธาราสมาคมโตปิ สีฆตโรฯ ยถา ติลานํ ภชฺชิยมานานํ ปฎปฎายเนน เภโท ลกฺขียติ, เอวํ สงฺขตธมฺมานํ อุปฺปาเทนาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปฎปฎายนฺตา’’ติ วุตฺตํฯ อุปฺปนฺนา หิ เอกนฺตโต ภิชฺชนฺตีติฯ
Yasmā pathavīdhātuyā anugatā āpodhātu vossajjanassa paccayo. Garutarasabhāvā hi āpodhātūti vossajjane pathavīdhātuyā tassā anugatabhāvo, tasmā tāsaṃ dvinnamettha sāmatthiyato adhimattatā, itarāsañca omattatāti dassento āha ‘‘vossajjane…pe… balavatiyo’’ti. Yasmā pana āpodhātuyā anugatā pathavīdhātu sannikkhepanassa paccayo, patiṭṭhābhāve viya patiṭṭhāpanepi tassā sātisayakiccattā āpodhātuyā tassā anugatabhāvo, tathā ghaṭṭanakiriyāya pathavīdhātuyā vasena sannirumbhanassa sijjhanato tatthāpi pathavīdhātuyā āpodhātuanugatabhāvo, tasmā vuttaṃ ‘‘tathā sannikkhepanasannirumbhanesū’’ti. Tatthāti tasmiṃ abhikkamane, tesu vā vuttesu uddharaṇādīsu chasu koṭṭhāsesu. Uddharaṇeti uddharaṇakkhaṇe. Rūpārūpadhammāti uddharaṇākārena pavattā rūpadhammā, taṃsamuṭṭhāpakā arūpadhammā ca atiharaṇaṃ na pāpuṇanti khaṇamattāvaṭṭhānato. Tattha tatthevāti yattha yattha uppannā, tattha tattheva. Na hi dhammānaṃ desantarasaṅkamanaṃ atthi. Pabbaṃ pabbantiādi uddharaṇādikoṭṭhāse sandhāya vuttaṃ, taṃ sabhāgasantativasena vuttanti veditabbaṃ. Atiittaro hi rūpadhammānampi pavattikkhaṇo gamanassādānaṃ devaputtānaṃ heṭṭhupariyena paṭimukhaṃ dhāvantānaṃ sirasi pāde ca baddhadhuradhārāsamāgamatopi sīghataro. Yathā tilānaṃ bhajjiyamānānaṃ paṭapaṭāyanena bhedo lakkhīyati, evaṃ saṅkhatadhammānaṃ uppādenāti dassanatthaṃ ‘‘paṭapaṭāyantā’’ti vuttaṃ. Uppannā hi ekantato bhijjantīti.
สทฺธิํ รูเปนาติ อิทํ ตสฺส ตสฺส จิตฺตสฺส นิโรเธน สทฺธิํ นิรุชฺฌนกรูปธมฺมานํ วเสน วุตฺตํ, ยํ ตโต สตฺตรสมจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํฯ อญฺญถา ยทิ รูปารูปธมฺมา สมานกฺขณา สิยุํ, ‘‘รูปํ ครุปริณามํ ทนฺธนิโรธ’’นฺติอาทิวจเนหิ (วิภ. อฎฺฐ. ๒๖) วิโรโธ สิยา, ตถา ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อญฺญํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ลหุปริวตฺตํ, ยถยิทํ จิตฺต’’นฺติ เอวมาทิปาฬิยา (อ. นิ. ๑.๔๘)ฯ จิตฺตเจตสิกา หิ สารมฺมณสภาวา ยถาพลํ อตฺตโน อารมฺมณปจฺจยภูตมตฺถํ วิภาเวโนฺต เอว อุปฺปชฺชนฺตีติ เตสํ ตํสภาวนิปฺผตฺติอนนฺตรํ นิโรโธ, รูปธมฺมา ปน อนารมฺมณา ปกาเสตพฺพา, เอวํ เตสํ ปกาเสตพฺพภาวนิวตฺติ โสฬสหิ จิเตฺตหิ โหตีติ ตงฺขณายุกตา เตสํ อิจฺฉิตา, ลหุวิญฺญาณวิสยสงฺคติมตฺตปจฺจยตาย ติณฺณํ ขนฺธานํ, วิสยสงฺคติมตฺตตาย จ วิญฺญาณสฺส ลหุปริวตฺติตา, ทนฺธมหาภูตปจฺจยตาย รูปธมฺมานํ ทนฺธปริวตฺติตา, นานาธาตุยา ยถาภูตญาณํ โข ปน ตถาคตเสฺสว, เตน จ ปุเรชาตปจฺจโย รูปธโมฺมว วุโตฺต, ปจฺฉาชาตปจฺจโย จ ตเสฺสวาติ รูปารูปธมฺมานํ สมานกฺขณตา น ยุชฺชเตว, ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Saddhiṃ rūpenāti idaṃ tassa tassa cittassa nirodhena saddhiṃ nirujjhanakarūpadhammānaṃ vasena vuttaṃ, yaṃ tato sattarasamacittassa uppādakkhaṇe uppannaṃ. Aññathā yadi rūpārūpadhammā samānakkhaṇā siyuṃ, ‘‘rūpaṃ garupariṇāmaṃ dandhanirodha’’ntiādivacanehi (vibha. aṭṭha. 26) virodho siyā, tathā ‘‘nāhaṃ, bhikkhave, aññaṃ ekadhammampi samanupassāmi, yaṃ evaṃ lahuparivattaṃ, yathayidaṃ citta’’nti evamādipāḷiyā (a. ni. 1.48). Cittacetasikā hi sārammaṇasabhāvā yathābalaṃ attano ārammaṇapaccayabhūtamatthaṃ vibhāvento eva uppajjantīti tesaṃ taṃsabhāvanipphattianantaraṃ nirodho, rūpadhammā pana anārammaṇā pakāsetabbā, evaṃ tesaṃ pakāsetabbabhāvanivatti soḷasahi cittehi hotīti taṅkhaṇāyukatā tesaṃ icchitā, lahuviññāṇavisayasaṅgatimattapaccayatāya tiṇṇaṃ khandhānaṃ, visayasaṅgatimattatāya ca viññāṇassa lahuparivattitā, dandhamahābhūtapaccayatāya rūpadhammānaṃ dandhaparivattitā, nānādhātuyā yathābhūtañāṇaṃ kho pana tathāgatasseva, tena ca purejātapaccayo rūpadhammova vutto, pacchājātapaccayo ca tassevāti rūpārūpadhammānaṃ samānakkhaṇatā na yujjateva, tasmā vuttanayenevettha attho veditabbo.
อญฺญํ อุปฺปชฺชเต จิตฺตํ, อญฺญํ จิตฺตํ นิรุชฺฌตีติ ยํ ปุริมุปฺปนฺนํ จิตฺตํ, ตํ อญฺญํ, ตํ ปน นิรุชฺฌนฺตํ อปรสฺส อนนฺตราทิปจฺจยภาเวเนว นิรุชฺฌตีติ ตโต ลทฺธปจฺจยํ อญฺญํ อุปฺปชฺชเต จิตฺตํฯ ยทิ เอวํ เตสํ อนฺตโร ลเพฺภยฺยาติ โนติ อาห ‘‘อวีจิมนุสมฺพโนฺธ’’ติ, ยถา วีจิ อนฺตโร น ลพฺภติ, ตเทเวตนฺติ อวิเสสวิทุ มญฺญนฺติ, เอวํ อนุ อนุ สมฺพโนฺธ จิตฺตสนฺตาโน รูปสนฺตาโน จ นทีโสโตว นทิยํ อุทกปฺปวาโห วิย วตฺตติฯ
Aññaṃ uppajjate cittaṃ,aññaṃ cittaṃ nirujjhatīti yaṃ purimuppannaṃ cittaṃ, taṃ aññaṃ, taṃ pana nirujjhantaṃ aparassa anantarādipaccayabhāveneva nirujjhatīti tato laddhapaccayaṃ aññaṃ uppajjate cittaṃ. Yadi evaṃ tesaṃ antaro labbheyyāti noti āha ‘‘avīcimanusambandho’’ti, yathā vīci antaro na labbhati, tadevetanti avisesavidu maññanti, evaṃ anu anu sambandho cittasantāno rūpasantāno ca nadīsotova nadiyaṃ udakappavāho viya vattati.
อภิมุขํ โลกิตํ อาโลกิตนฺติ อาห ‘‘ปุรโตเปกฺขน’’นฺติฯ ยสฺมา ยํทิสาภิมุโข คจฺฉติ ติฎฺฐติ นิสีทติ วา, ตทภิมุขํ เปกฺขนํ อาโลกิตํ, ตสฺมา ตทนุคตํ วิทิสาโลกนํ วิโลกิตนฺติ อาห ‘‘วิโลกิตํ นาม อนุทิสาเปกฺขน’’นฺติฯ สมฺมชฺชนปริภณฺฑาทิกรเณ โอโลกิตสฺส, อุโลฺลกหรณาทีสุ อุโลฺลกิตสฺส, ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตปริสฺสยสฺส ปริวชฺชนาทีสุ อปโลกิตสฺส สิยา สมฺภโวติ อาห ‘‘อิมินา วา มุเขน สพฺพานิปิ ตานิ คหิตาเนวา’’ติฯ
Abhimukhaṃlokitaṃ ālokitanti āha ‘‘puratopekkhana’’nti. Yasmā yaṃdisābhimukho gacchati tiṭṭhati nisīdati vā, tadabhimukhaṃ pekkhanaṃ ālokitaṃ, tasmā tadanugataṃ vidisālokanaṃ vilokitanti āha ‘‘vilokitaṃ nāma anudisāpekkhana’’nti. Sammajjanaparibhaṇḍādikaraṇe olokitassa, ullokaharaṇādīsu ullokitassa, pacchato āgacchantaparissayassa parivajjanādīsu apalokitassa siyā sambhavoti āha ‘‘iminā vā mukhena sabbānipi tāni gahitānevā’’ti.
กายสกฺขินฺติ กาเยน สจฺฉิกตวนฺตํ, ปจฺจกฺขการินนฺติ อโตฺถฯ โส หิ อายสฺมา วิปสฺสนากาเล เอว ‘‘ยเมวาหํ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตํ นิสฺสาย สาสเน อนภิรติอาทิวิปฺปการํ ปโตฺต, ตเมว สุฎฺฐุ นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาโต พลวหิโรตฺตโปฺป, ตตฺถ จ กตาธิการตฺตา อินฺทฺริยสํวเร อุกฺกํสปารมิปฺปโตฺต, เตเนว นํ สตฺถา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ ยทิทํ นโนฺท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๓๕) เอตทเคฺค ฐเปสิฯ
Kāyasakkhinti kāyena sacchikatavantaṃ, paccakkhakārinanti attho. So hi āyasmā vipassanākāle eva ‘‘yamevāhaṃ indriyesu aguttadvārataṃ nissāya sāsane anabhiratiādivippakāraṃ patto, tameva suṭṭhu niggaṇhissāmī’’ti ussāhajāto balavahirottappo, tattha ca katādhikārattā indriyasaṃvare ukkaṃsapāramippatto, teneva naṃ satthā ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ indriyesu guttadvārānaṃ yadidaṃ nando’’ti (a. ni. 1.235) etadagge ṭhapesi.
สาตฺถกตา จ สปฺปายตา จ อาโลกิตวิโลกิตสฺส เวทิตพฺพาฯ ตสฺมาติ ‘‘กมฺมฎฺฐานาวิชหนเสฺสว โคจรสมฺปชญฺญภาวโต’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ เหตุภาเวน ปจฺจามสติฯ อตฺตโน กมฺมฎฺฐานวเสเนว อาโลกนวิโลกนํ กาตพฺพํ, ขนฺธาทิกมฺมฎฺฐานา อโญฺญ อุปาโย น คเวสิตโพฺพติ อธิปฺปาโยฯ อาโลกิตาทิสมญฺญาปิ ยสฺมา ธมฺมมตฺตเสฺสว ปวตฺติวิเสโส, ตสฺมา ตสฺส ยาถาวโต ชานนํ อสโมฺมหสมฺปชญฺญนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘อพฺภนฺตเร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Sātthakatā ca sappāyatā ca ālokitavilokitassa veditabbā. Tasmāti ‘‘kammaṭṭhānāvijahanasseva gocarasampajaññabhāvato’’ti vuttamevatthaṃ hetubhāvena paccāmasati. Attano kammaṭṭhānavaseneva ālokanavilokanaṃ kātabbaṃ, khandhādikammaṭṭhānā añño upāyo na gavesitabboti adhippāyo. Ālokitādisamaññāpi yasmā dhammamattasseva pavattiviseso, tasmā tassa yāthāvato jānanaṃ asammohasampajaññanti dassetuṃ ‘‘abbhantare’’tiādi vuttaṃ.
‘‘ปฐมชวเนปิ …เป.… น โหตี’’ติ อิทํ ปญฺจทฺวารวิญฺญาณวีถิยํ ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติ รชฺชนาทีนํ อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตตฺถ หิ อาวชฺชนโวฎฺฐพฺพนานํ อโยนิโส อาวชฺชนโวฎฺฐพฺพนวเสน อิเฎฺฐ อิตฺถิรูปาทิมฺหิ โลโภ, อนิเฎฺฐ จ ปฎิโฆ อุปฺปชฺชติ, มโนทฺวาเร ปน ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติ รชฺชนาทิ โหติ, ตสฺส ปญฺจทฺวารชวนํ มูลํ, ยถาวุตฺตํ วา สพฺพํ ภวงฺคาทิ, เอวํ มโนทฺวารชวนสฺส มูลวเสน มูลปริญฺญา วุตฺตาฯ อาคนฺตุกตาวกาลิกตา ปน ปญฺจทฺวารชวนเสฺสว อปุพฺพภาววเสน อิตฺตรภาววเสน จ วุตฺตาฯ เหฎฺฐุปริยวเสน ภิชฺชิตฺวา ปติเตสูติ เหฎฺฐิมสฺส อุปริมสฺส จ อปราปรํ ภงฺคปฺปตฺติมาหฯ ตนฺติ ชวนํฯ ตสฺส น ยุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ อาคนฺตุโก อพฺภาคโตฯ อุทยพฺพยปริจฺฉิโนฺน ตาวตโก กาโล เอเตสนฺติ ตาวกาลิกานิฯ
‘‘Paṭhamajavanepi…pe… na hotī’’ti idaṃ pañcadvāraviññāṇavīthiyaṃ ‘‘itthī puriso’’ti rajjanādīnaṃ abhāvaṃ sandhāya vuttaṃ. Tattha hi āvajjanavoṭṭhabbanānaṃ ayoniso āvajjanavoṭṭhabbanavasena iṭṭhe itthirūpādimhi lobho, aniṭṭhe ca paṭigho uppajjati, manodvāre pana ‘‘itthī puriso’’ti rajjanādi hoti, tassa pañcadvārajavanaṃ mūlaṃ, yathāvuttaṃ vā sabbaṃ bhavaṅgādi, evaṃ manodvārajavanassa mūlavasena mūlapariññā vuttā. Āgantukatāvakālikatā pana pañcadvārajavanasseva apubbabhāvavasena ittarabhāvavasena ca vuttā. Heṭṭhupariyavasena bhijjitvā patitesūti heṭṭhimassa uparimassa ca aparāparaṃ bhaṅgappattimāha. Tanti javanaṃ. Tassa na yuttanti sambandho. Āgantuko abbhāgato. Udayabbayaparicchinno tāvatako kālo etesanti tāvakālikāni.
เอตํ อสโมฺมหสมฺปชญฺญํฯ ตตฺถาติ ปญฺจกฺขนฺธวเสน อาโลกนวิโลกเน ปญฺญายมาเน ตพฺพินิมุโตฺต โก เอโก อาโลเกติ, โก วิโลเกติฯ อุปนิสฺสยปจฺจโยติ อิทํ สุตฺตนฺตนเยน ปริยายโต วุตฺตํฯ สหชาตปจฺจโยติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ อญฺญมญฺญ-สมฺปยุตฺต-อตฺถิอวิคตาทิปจฺจยานมฺปิ ลพฺภนโตฯ
Etaṃ asammohasampajaññaṃ. Tatthāti pañcakkhandhavasena ālokanavilokane paññāyamāne tabbinimutto ko eko āloketi, ko viloketi. Upanissayapaccayoti idaṃ suttantanayena pariyāyato vuttaṃ. Sahajātapaccayoti nidassanamattametaṃ aññamañña-sampayutta-atthiavigatādipaccayānampi labbhanato.
มณิสโปฺป นาม เอกา สปฺปชาตีติ วทนฺติฯ ลฬนนฺติ กมฺปนนฺติ วทนฺติ, ลีฬากรณํ วา ลฬนํฯ
Maṇisappo nāma ekā sappajātīti vadanti. Laḷananti kampananti vadanti, līḷākaraṇaṃ vā laḷanaṃ.
อุณฺหปกติโก ปริฬาหพหุโลฯ สีลสฺส วิทูสเนน อหิตาวหตฺตา มิจฺฉาชีววเสน อุปฺปนฺนํ อสปฺปายํฯ จีวรมฺปิ อเจตนนฺติอาทินา จีวรสฺส วิย ‘‘กาโยปิ อเจตโน’’ติ กายสฺส อตฺตสุญฺญตาวิภาวเนน ‘‘อพฺภนฺตเร’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวโนฺต อิตรีตรสโนฺตสสฺส การณํ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิฯ จตุปญฺจคณฺฐิกาหโตติ อาหตจตุปญฺจคณฺฐิโก, จตุปญฺจคณฺฐิกาหิ วา หตโสโภฯ
Uṇhapakatiko pariḷāhabahulo. Sīlassa vidūsanena ahitāvahattā micchājīvavasena uppannaṃ asappāyaṃ. Cīvarampi acetanantiādinā cīvarassa viya ‘‘kāyopi acetano’’ti kāyassa attasuññatāvibhāvanena ‘‘abbhantare’’tiādinā vuttamevatthaṃ vibhāvento itarītarasantosassa kāraṇaṃ dasseti. Tenāha ‘‘tasmā’’tiādi. Catupañcagaṇṭhikāhatoti āhatacatupañcagaṇṭhiko, catupañcagaṇṭhikāhi vā hatasobho.
อฎฺฐวิโธปิ อโตฺถติ อฎฺฐวิโธปิ ปโยชนวิเสโสฯ ปถวีสนฺธารกชลสฺส ตํสนฺธารกวายุนา วิย ปริภุตฺตสฺส อาหารสฺส วาโยธาตุนาว อาสเย อวฎฺฐานนฺติ อาห ‘‘วาโยธาตุวเสเนว ติฎฺฐตี’’ติฯ อติหรตีติ ยาว มุขา อภิหรติฯ วีติหรตีติ ตโต ยาว กุจฺฉิ, ตาว หรติฯ อติหรตีติ วา มุขทฺวารํ อติกฺกาเมโนฺต หรติฯ วีติหรตีติ กุจฺฉิคตํ ปสฺสโต หรติฯ ปริวเตฺตตีติ อปราปรํ จาเรติฯ เอตฺถ จ อาหารสฺส ธารณปริวตฺตนสํจุณฺณนวิโสสนานิ ปถวีธาตุสหิตา เอว วาโยธาตุ กโรติ, น เกวลาติ ตานิ ปถวีธาตุยาปิ กิจฺจภาเวน วุตฺตานิฯ อลฺลตฺตญฺจ อนุปาเลตีติ วายุอาทีหิ อติโสสนํ ยถา น โหติ, ตถา อนุปาเลติ อลฺลอาทีหิ อติโสสนํ ยถา น โหติ, ตถา อนุปาเลติ อลฺลภาวํฯ เตโชธาตูติ คหณีสงฺขาตา เตโชธาตุฯ สา หิ อโนฺต ปวิฎฺฐํ อาหารํ ปริปาเจติฯ อญฺชโส โหตีติ อาหารสฺส ปเวสนาทีนํ มโคฺค โหติฯ อาภุชตีติ ปริเยสนโชฺฌหรณชิณฺณาชิณฺณตาทิํ อาวเชฺชติ, วิชานาตีติ อโตฺถฯ ตํตํวิชานนนิปฺผาทโกเยว หิ ปโยโค ‘‘สมฺมาปโยโค’’ติ วุโตฺตฯ เยน หิ ปโยเคน ปริเยสนาทิ นิปฺผชฺชติ, โส ตพฺพิสยวิชานนมฺปิ นิปฺผาเทติ นาม ตทวินาภาวโตฯ อถ วา สมฺมาปโยคํ สมฺมาปฎิปตฺติํ อนฺวาย อาคมฺม อาภุชติ สมนฺนาหรติฯ อาโภคปุพฺพโก หิ สโพฺพปิ วิญฺญาณพฺยาปาโรติ ตถา วุตฺตํฯ
Aṭṭhavidhopi atthoti aṭṭhavidhopi payojanaviseso. Pathavīsandhārakajalassa taṃsandhārakavāyunā viya paribhuttassa āhārassa vāyodhātunāva āsaye avaṭṭhānanti āha ‘‘vāyodhātuvaseneva tiṭṭhatī’’ti. Atiharatīti yāva mukhā abhiharati. Vītiharatīti tato yāva kucchi, tāva harati. Atiharatīti vā mukhadvāraṃ atikkāmento harati. Vītiharatīti kucchigataṃ passato harati. Parivattetīti aparāparaṃ cāreti. Ettha ca āhārassa dhāraṇaparivattanasaṃcuṇṇanavisosanāni pathavīdhātusahitā eva vāyodhātu karoti, na kevalāti tāni pathavīdhātuyāpi kiccabhāvena vuttāni. Allattañca anupāletīti vāyuādīhi atisosanaṃ yathā na hoti, tathā anupāleti allaādīhi atisosanaṃ yathā na hoti, tathā anupāleti allabhāvaṃ. Tejodhātūti gahaṇīsaṅkhātā tejodhātu. Sā hi anto paviṭṭhaṃ āhāraṃ paripāceti. Añjaso hotīti āhārassa pavesanādīnaṃ maggo hoti. Ābhujatīti pariyesanajjhoharaṇajiṇṇājiṇṇatādiṃ āvajjeti, vijānātīti attho. Taṃtaṃvijānananipphādakoyeva hi payogo ‘‘sammāpayogo’’ti vutto. Yena hi payogena pariyesanādi nipphajjati, so tabbisayavijānanampi nipphādeti nāma tadavinābhāvato. Atha vā sammāpayogaṃ sammāpaṭipattiṃ anvāya āgamma ābhujati samannāharati. Ābhogapubbako hi sabbopi viññāṇabyāpāroti tathā vuttaṃ.
คมนโตติ ภิกฺขาจารวเสน โคจรคามํ อุทฺทิสฺส คมนโตฯ ปริเยสนโตติ โคจรคาเม ภิกฺขตฺถํ อาหิณฺฑนโตฯ ปริโภคโตติ อาหารสฺส ปริภุญฺชนโตฯ อาสยโตติ ปิตฺตาทิอาสยโตฯ อาสยติ เอตฺถ เอกชฺฌํ ปวตฺตมาโนปิ กมฺมพลวตฺถิโต หุตฺวา มริยาทวเสน อญฺญมญฺญํ อสงฺกรโต สยติ ติฎฺฐติ ปวตฺตตีติ อาสโย, อามาสยสฺส อุปริ ติฎฺฐนโก ปิตฺตาทิโกฯ มริยาทโตฺถ หิ อยมากาโรฯ นิเธติ ยถาภุโตฺต อาหาโร นิจิโต หุตฺวา ติฎฺฐติ เอตฺถาติ นิธานํ, อามาสโยฯ ตโต นิธานโตฯ อปริปกฺกโตติ คหณีสงฺขาเตน กมฺมชเตเชน อวิปกฺกโตฯ ปริปกฺกโตติ ยถาภุตฺตสฺส อาหารสฺส วิปกฺกภาวโตฯ ผลโตติ นิปฺผตฺติโตฯ นิสฺสนฺทโตติ อิโต จิโต จ วิสฺสนฺทนโตฯ สมฺมกฺขนโตติ สพฺพโส มกฺขนโตฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาย (วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๑.๒๙๔) คเหตโพฺพฯ
Gamanatoti bhikkhācāravasena gocaragāmaṃ uddissa gamanato. Pariyesanatoti gocaragāme bhikkhatthaṃ āhiṇḍanato. Paribhogatoti āhārassa paribhuñjanato. Āsayatoti pittādiāsayato. Āsayati ettha ekajjhaṃ pavattamānopi kammabalavatthito hutvā mariyādavasena aññamaññaṃ asaṅkarato sayati tiṭṭhati pavattatīti āsayo, āmāsayassa upari tiṭṭhanako pittādiko. Mariyādattho hi ayamākāro. Nidheti yathābhutto āhāro nicito hutvā tiṭṭhati etthāti nidhānaṃ, āmāsayo. Tato nidhānato. Aparipakkatoti gahaṇīsaṅkhātena kammajatejena avipakkato. Paripakkatoti yathābhuttassa āhārassa vipakkabhāvato. Phalatoti nipphattito. Nissandatoti ito cito ca vissandanato. Sammakkhanatoti sabbaso makkhanato. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimaggasaṃvaṇṇanāya (visuddhi. mahāṭī. 1.294) gahetabbo.
อเญฺญ จ โรคา กณฺณสูลภคนฺทราทโยฯ อฎฺฐาเนติ มนุสฺสามนุสฺสปริคฺคหิเต อยุเตฺต ฐาเน เขตฺตเทวายตนาทิเกฯ นิสฺสฎฺฐตฺตา เนว อตฺตโน กสฺสจิ อนิสฺสชฺชิตตฺตา ชิคุจฺฉนียตฺตา จ น ปรสฺสฯ อุทกตุมฺพโตติ เวฬุนาฬิอาทิอุทกภาชนโตฯ ตนฺติ ฉฑฺฑิตอุทกํฯ
Aññe ca rogā kaṇṇasūlabhagandarādayo. Aṭṭhāneti manussāmanussapariggahite ayutte ṭhāne khettadevāyatanādike. Nissaṭṭhattā neva attano kassaci anissajjitattā jigucchanīyattā ca na parassa. Udakatumbatoti veḷunāḷiādiudakabhājanato. Tanti chaḍḍitaudakaṃ.
อทฺธานอิริยาปถา จิรปฺปวตฺติกา ทีฆกาลิกา อิริยาปถาฯ มชฺฌิมา ภิกฺขาจรณาทิวเสน ปวตฺตาฯ จุณฺณิกอิริยาปถา วิหาเร อญฺญตฺถาปิ อิโต จิโต จ ปริวตฺตนาทิวเสน ปวตฺตาติ วทนฺติฯ ‘‘คเตติ คมเน’’ติ ปุเพฺพ อภิกฺกมปฎิกฺกมคฺคหเณน คมเนนปิ ปุรโต ปจฺฉโต จ กายสฺส อติหรณํ วุตฺตนฺติ อิธ คมนเมว คหิตนฺติ เกจิฯ
Addhānairiyāpathā cirappavattikā dīghakālikā iriyāpathā. Majjhimā bhikkhācaraṇādivasena pavattā. Cuṇṇikairiyāpathā vihāre aññatthāpi ito cito ca parivattanādivasena pavattāti vadanti. ‘‘Gateti gamane’’ti pubbe abhikkamapaṭikkamaggahaṇena gamanenapi purato pacchato ca kāyassa atiharaṇaṃ vuttanti idha gamanameva gahitanti keci.
ยสฺมา มหาสีวเตฺถรวาเท อนนฺตเร อนนฺตเร อิริยาปเถ ปวตฺตรูปารูปธมฺมานํ ตตฺถ ตเตฺถว นิโรธทสฺสนวเสน สมฺปชานการิตา คหิตา, อิทเญฺจตฺถ สมฺปชญฺญวิปสฺสนาจารวเสน อาคตํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตยิทํ มหาสีวเตฺถเรน วุตฺตํ อสโมฺมหธุรํ อิมสฺมิํ สติปฎฺฐานภุเตฺต อธิเปฺปต’’นฺติฯ สามญฺญผเล (ที. นิ. ๑.๒๑๔; ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๑๔; ที. นิ. ฎี. ๑.๒๑๔) ปน สพฺพมฺปิ จตุพฺพิธํ สมฺปชญฺญํ ลพฺภติ ยาวเทว สามญฺญผลวิเสสทสฺสนปรตฺตา ตสฺสา เทสนายฯ สติสมฺปยุตฺตเสฺสวาติ อิทํ ยถา สมฺปชญฺญกิจฺจสฺส ปธานตา, เอวํ สติกิจฺจสฺสาปีติ ทสฺสนตฺถํ, น สติยา สพฺภาวมตฺตทสฺสนตฺถํฯ น หิ กทาจิ สติรหิตา ญาณปฺปวตฺติ อตฺถิฯ เอตานิ ปทานีติ สมฺปชญฺญปทานิฯ วิภตฺตาเนวาติ วิสุํ วิภตฺตาเนวฯ อิมินาปิ สมฺปชญฺญสฺส วิย สติยาปิ ปธานตํเยว วิภาเวติฯ
Yasmā mahāsīvattheravāde anantare anantare iriyāpathe pavattarūpārūpadhammānaṃ tattha tattheva nirodhadassanavasena sampajānakāritā gahitā, idañcettha sampajaññavipassanācāravasena āgataṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘tayidaṃ mahāsīvattherena vuttaṃ asammohadhuraṃ imasmiṃ satipaṭṭhānabhutte adhippeta’’nti. Sāmaññaphale (dī. ni. 1.214; dī. ni. aṭṭha. 1.214; dī. ni. ṭī. 1.214) pana sabbampi catubbidhaṃ sampajaññaṃ labbhati yāvadeva sāmaññaphalavisesadassanaparattā tassā desanāya. Satisampayuttassevāti idaṃ yathā sampajaññakiccassa padhānatā, evaṃ satikiccassāpīti dassanatthaṃ, na satiyā sabbhāvamattadassanatthaṃ. Na hi kadāci satirahitā ñāṇappavatti atthi. Etāni padānīti sampajaññapadāni. Vibhattānevāti visuṃ vibhattāneva. Imināpi sampajaññassa viya satiyāpi padhānataṃyeva vibhāveti.
อปโร นโย – เอโก ภิกฺขุ คจฺฉโนฺต อญฺญํ จิเนฺตโนฺต อญฺญํ วิตเกฺกโนฺต คจฺฉติ, เอโก กมฺมฎฺฐานํ อวิสฺสเชฺชตฺวาว คจฺฉติ, ตถา เอโก ติฎฺฐโนฺต นิสีทโนฺต สยโนฺต อญฺญํ จิเนฺตโนฺต อญฺญํ วิตเกฺกโนฺต สยติ, เอโก กมฺมฎฺฐานํ อวิสฺสเชฺชตฺวาว สยติ, เอตฺถเกน ปน น ปากฎํ โหตีติ จงฺกมเนน ทีเปนฺติฯ โย หิ ภิกฺขุ จงฺกมนํ โอตริตฺวา จงฺกมนโกฎิยํ ฐิโต ปริคฺคณฺหาติ ‘‘ปาจีนจงฺกมนโกฎิยํ ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา ปจฺฉิมจงฺกมนโกฎิํ อปฺปตฺวา เอเตฺถว นิรุทฺธา, ปจฺฉิมจงฺกมนโกฎิยํ ปวตฺตาปิ ปาจีนจงฺกมนโกฎิํ อปฺปตฺวา เอเตฺถว นิรุทฺทา, จงฺกมนมเชฺฌ ปวตฺตา อุโภ โกฎิโย อปฺปตฺวา เอเตฺถว นิรุทฺธา, จงฺกเม ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา ฐานํ อปฺปตฺวา เอเตฺถว นิรุทฺธา, ฐาเน ปวตฺตา นิสชฺชํ, นิสชฺชาย ปวตฺตา สยนํ อปฺปตฺวา เอเตฺถวนิรุทฺธา’’ติ, เอวํ ปริคฺคณฺหโนฺต ปริคฺคณฺหโนฺตเยว จิตฺตํ ภวงฺคํ โอตาเรติ, อุฎฺฐหโนฺต กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวาว อุฎฺฐหติ, อยํ ภิกฺขุ คตาทีสุ สมฺปชานการี นาม โหติ, เอวมฺปิ สุเตฺต กมฺมฎฺฐานํ อวิภูตํ โหติ, ตสฺมา โย ภิกฺขุ ยาว สโกฺกติ, ตาว จงฺกมิตฺวา ฐตฺวา นิสีทิตฺวา สยมาโน เอวํ ปริคฺคเหตฺวา สยติ ‘‘กาโย อเจตโน, มโญฺจ อเจตโน, กาโย น ชานาติ ‘‘อหํ มเญฺจ สยิโต’ติ, มโญฺจ น ชานาติ ‘‘มยิ กาโย สยิโต’’ติ, อเจตโน กาโย อเจตเน มเญฺจ สยิโต’’ติ, เอวํ ปริคฺคณฺหโนฺตเยว จิตฺตํ ภวงฺคํ โอตาเรติ, ปพุชฺฌโนฺต กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวาว ปพุชฺฌติ, อยํ สุเตฺต สมฺปชานการี นาม โหตีติฯ
Aparo nayo – eko bhikkhu gacchanto aññaṃ cintento aññaṃ vitakkento gacchati, eko kammaṭṭhānaṃ avissajjetvāva gacchati, tathā eko tiṭṭhanto nisīdanto sayanto aññaṃ cintento aññaṃ vitakkento sayati, eko kammaṭṭhānaṃ avissajjetvāva sayati, etthakena pana na pākaṭaṃ hotīti caṅkamanena dīpenti. Yo hi bhikkhu caṅkamanaṃ otaritvā caṅkamanakoṭiyaṃ ṭhito pariggaṇhāti ‘‘pācīnacaṅkamanakoṭiyaṃ pavattā rūpārūpadhammā pacchimacaṅkamanakoṭiṃ appatvā ettheva niruddhā, pacchimacaṅkamanakoṭiyaṃ pavattāpi pācīnacaṅkamanakoṭiṃ appatvā ettheva niruddā, caṅkamanamajjhe pavattā ubho koṭiyo appatvā ettheva niruddhā, caṅkame pavattā rūpārūpadhammā ṭhānaṃ appatvā ettheva niruddhā, ṭhāne pavattā nisajjaṃ, nisajjāya pavattā sayanaṃ appatvā etthevaniruddhā’’ti, evaṃ pariggaṇhanto pariggaṇhantoyeva cittaṃ bhavaṅgaṃ otāreti, uṭṭhahanto kammaṭṭhānaṃ gahetvāva uṭṭhahati, ayaṃ bhikkhu gatādīsu sampajānakārī nāma hoti, evampi sutte kammaṭṭhānaṃ avibhūtaṃ hoti, tasmā yo bhikkhu yāva sakkoti, tāva caṅkamitvā ṭhatvā nisīditvā sayamāno evaṃ pariggahetvā sayati ‘‘kāyo acetano, mañco acetano, kāyo na jānāti ‘‘ahaṃ mañce sayito’ti, mañco na jānāti ‘‘mayi kāyo sayito’’ti, acetano kāyo acetane mañce sayito’’ti, evaṃ pariggaṇhantoyeva cittaṃ bhavaṅgaṃ otāreti, pabujjhanto kammaṭṭhānaṃ gahetvāva pabujjhati, ayaṃ sutte sampajānakārī nāma hotīti.
กายาทิกิริยานิพฺพตฺตเนน ตมฺมยตฺตา อาวชฺชนกิริยาสมุฎฺฐิตตฺตา จ ชวนํ, สพฺพมฺปิ วา ฉทฺวารปฺปวตฺตํ กิริยามยปวตฺตํ นาม, ตสฺมิํ สติ ชาคริตํ นาม โหตีติ ปริคฺคณฺหโนฺต ชาคริเต สมฺปชานการี นามฯ อปิจ รตฺตินฺทิวํ ฉ โกฎฺฐาเส กตฺวา ปญฺจ โกฎฺฐาเส ชคฺคโนฺตปิ ชาคริเต สมฺปชานการี นาม โหติฯ วิมุตฺตายตนสีเสน ธมฺมํ เทเสโนฺตปิ พาตฺติํสติรจฺฉานกถํ ปหาย ทสกถาวตฺถุนิสฺสิตํ สปฺปายกถํ กเถโนฺตปิ ภาสิเต สมฺปชานการี นามฯ อฎฺฐติํสาย อารมฺมเณสุ จิตฺตรุจิยํ มนสิการํ ปวเตฺตโนฺตปิ ทุติยํ ฌานํ สมาปโนฺนปิ ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี นามฯ ทุติยญฺหิ ฌานํ วจีสงฺขารวิรหโต วิเสสโต ตุณฺหีภาโว นามฯ รูปธมฺมเสฺสว ปวตฺติอาการวิเสสา อภิกฺกมาทโยติ วุตฺตํ ‘‘รูปกฺขนฺธเสฺสว สมุทโย จ วโย จ นีหริตโพฺพ’’ติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Kāyādikiriyānibbattanena tammayattā āvajjanakiriyāsamuṭṭhitattā ca javanaṃ, sabbampi vā chadvārappavattaṃ kiriyāmayapavattaṃ nāma, tasmiṃ sati jāgaritaṃ nāma hotīti pariggaṇhanto jāgarite sampajānakārī nāma. Apica rattindivaṃ cha koṭṭhāse katvā pañca koṭṭhāse jaggantopi jāgarite sampajānakārī nāma hoti. Vimuttāyatanasīsena dhammaṃ desentopi bāttiṃsatiracchānakathaṃ pahāya dasakathāvatthunissitaṃ sappāyakathaṃ kathentopi bhāsite sampajānakārī nāma. Aṭṭhatiṃsāya ārammaṇesu cittaruciyaṃ manasikāraṃ pavattentopi dutiyaṃ jhānaṃ samāpannopi tuṇhībhāve sampajānakārī nāma. Dutiyañhi jhānaṃ vacīsaṅkhāravirahato visesato tuṇhībhāvo nāma. Rūpadhammasseva pavattiākāravisesā abhikkamādayoti vuttaṃ ‘‘rūpakkhandhasseva samudayo ca vayo ca nīharitabbo’’ti. Sesaṃ vuttanayameva.
จตุสมฺปชญฺญปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Catusampajaññapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.
ปฎิกูลมนสิการปพฺพวณฺณนา
Paṭikūlamanasikārapabbavaṇṇanā
๑๑๐. ปฎิกูลมนสิการวเสนาติ (ที. นิ. ฎี. ๒.๓๗๗) ชิคุจฺฉนียตายฯ ปฎิกูลเมว ปฎิกูลํ โย ปฎิกูลสภาโว ปฎิกูลากาโร, ตสฺส มนสิกรณวเสนฯ อนฺตเรนปิ หิ ภาววาจินํ สทฺทํ ภาวโตฺถ วิญฺญายติ ยถา ‘‘ปฎสฺส สุกฺก’’นฺติฯ ยสฺมา วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๘๒-๑๘๓) วุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ ตํสํวณฺณนายญฺจ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํฯ วตฺถาทีหิ ปสิพฺพกากาเรน พนฺธิตฺวา กตํ อาวฎนํ ปุโตฬิฯ วิภูตากาโรติ ปณฺณตฺติํ สมติกฺกมิตฺวา อสุภภาวสฺส อุปฎฺฐิตากาโรฯ อิติ-สทฺทสฺส อาการตฺถตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอว’’นฺติ วตฺวา ตํ การณํ สรูปโต ทเสฺสโนฺต ‘‘เกสาทิปริคฺคหเณนา’’ติ อาหฯ
110.Paṭikūlamanasikāravasenāti (dī. ni. ṭī. 2.377) jigucchanīyatāya. Paṭikūlameva paṭikūlaṃ yo paṭikūlasabhāvo paṭikūlākāro, tassa manasikaraṇavasena. Antarenapi hi bhāvavācinaṃ saddaṃ bhāvattho viññāyati yathā ‘‘paṭassa sukka’’nti. Yasmā visuddhimagge (visuddhi. 1.182-183) vuttaṃ, tasmā tattha taṃsaṃvaṇṇanāyañca vuttanayena veditabbaṃ. Vatthādīhi pasibbakākārena bandhitvā kataṃ āvaṭanaṃ putoḷi. Vibhūtākāroti paṇṇattiṃ samatikkamitvā asubhabhāvassa upaṭṭhitākāro. Iti-saddassa ākāratthataṃ dassento ‘‘eva’’nti vatvā taṃ kāraṇaṃ sarūpato dassento ‘‘kesādipariggahaṇenā’’ti āha.
ปฎิกูลมนสิการปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭikūlamanasikārapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.
ธาตุมนสิการปพฺพวณฺณนา
Dhātumanasikārapabbavaṇṇanā
๑๑๑. ธาตุมนสิการวเสนาติ ปถวีธาตุอาทิกา จตโสฺส ธาตุโย อารพฺภ ปวตฺตภาวนามนสิการวเสน, จตุธาตุววตฺถานวเสนาติ อโตฺถฯ ธาตุมนสิกาโร ธาตุกมฺมฎฺฐานํ จตุธาตุววตฺถานนฺติ หิ อตฺถโต เอกํฯ โคฆาตโกติ ชีวิกตฺถาย คุนฺนํ ฆาตโกฯ อเนฺตวาสิโกติ กมฺมกรณวเสน ตสฺส สมีปวาสีฯ ฐิต-สโทฺท ‘‘ฐิโต วา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๖๓; อ. นิ. ๕.๒๘) ฐานสงฺขาตอิริยาปถสมงฺคิตาย, ฐา-สทฺทสฺส วา คติวินิวตฺติอตฺถตาย อญฺญตฺถ ฐเปตฺวา คมนํ เสสอิริยาปถสมงฺคิตาย โพธโก, อิธ ปน ยถา ตถา รูปกายสฺส ปวตฺติอาการโพธโก อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘จตุนฺนํ อิริยาปถานํ เยน เกนจิ อากาเรน ฐิตตฺตา ยถาฐิต’’นฺติฯ ตตฺถ อากาเรนาติ ฐานาทินา รูปกายสฺส ปวตฺติอากาเรนฯ ฐานาทโย หิ อิริยาปถสงฺขาตาย กายิกกิริยาย ปโถ ปวตฺติมโคฺคติ ‘‘อิริยาปโถ’’ติ วุจฺจนฺติฯ ยถาฐิตนฺติ ยถาปวตฺตํฯ ยถาวุตฺตฎฺฐานเมเวตฺถ ‘‘ปณิธาน’’นฺติ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘ยถาฐิตตฺตา จ ยถาปณิหิต’’นฺติฯ ฐิตนฺติ วา กายสฺส ฐานสงฺขาตอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํฯ ปณิหิตนฺติ ตทญฺญอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํฯ ฐิตนฺติ วา กายสงฺขาตานํ รูปธมฺมานํ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ขเณ สกิจฺจวเสน อวฎฺฐานปริทีปนํฯ ปณิหิตนฺติ ปจฺจยกิจฺจวเสน เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ ปการโต นิหิตํ ปณิหิตนฺติ เอวเมฺปตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ปจฺจเวกฺขตีติ ปติ ปติ อเวกฺขติ, ญาณจกฺขุนา วินิพฺภุชิตฺวา วิสุํ วิสุํ ปสฺสติฯ
111.Dhātumanasikāravasenāti pathavīdhātuādikā catasso dhātuyo ārabbha pavattabhāvanāmanasikāravasena, catudhātuvavatthānavasenāti attho. Dhātumanasikāro dhātukammaṭṭhānaṃ catudhātuvavatthānanti hi atthato ekaṃ. Goghātakoti jīvikatthāya gunnaṃ ghātako. Antevāsikoti kammakaraṇavasena tassa samīpavāsī. Ṭhita-saddo ‘‘ṭhito vā’’tiādīsu (dī. ni. 1.263; a. ni. 5.28) ṭhānasaṅkhātairiyāpathasamaṅgitāya, ṭhā-saddassa vā gativinivattiatthatāya aññattha ṭhapetvā gamanaṃ sesairiyāpathasamaṅgitāya bodhako, idha pana yathā tathā rūpakāyassa pavattiākārabodhako adhippetoti āha ‘‘catunnaṃ iriyāpathānaṃ yena kenaci ākārena ṭhitattā yathāṭhita’’nti. Tattha ākārenāti ṭhānādinā rūpakāyassa pavattiākārena. Ṭhānādayo hi iriyāpathasaṅkhātāya kāyikakiriyāya patho pavattimaggoti ‘‘iriyāpatho’’ti vuccanti. Yathāṭhitanti yathāpavattaṃ. Yathāvuttaṭṭhānamevettha ‘‘paṇidhāna’’nti adhippetanti āha ‘‘yathāṭhitattā ca yathāpaṇihita’’nti. Ṭhitanti vā kāyassa ṭhānasaṅkhātairiyāpathasamāyogaparidīpanaṃ. Paṇihitanti tadaññairiyāpathasamāyogaparidīpanaṃ. Ṭhitanti vā kāyasaṅkhātānaṃ rūpadhammānaṃ tasmiṃ tasmiṃ khaṇe sakiccavasena avaṭṭhānaparidīpanaṃ. Paṇihitanti paccayakiccavasena tehi tehi paccayehi pakārato nihitaṃ paṇihitanti evampettha attho veditabbo. Paccavekkhatīti pati pati avekkhati, ñāṇacakkhunā vinibbhujitvā visuṃ visuṃ passati.
อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ภาวตฺถวิภาวนวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา โคฆาตกสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โปเสนฺตสฺสาติ มํสูปจยปริพฺรูหนาย กุณฺฑกภตฺตกปฺปาสฎฺฐิอาทีหิ สํวเฑฺฒนฺตสฺสฯ วธิตํ มตนฺติ หิํสิตํ หุตฺวา มตํฯ มตนฺติ จ มตมตฺตํฯ เตเนวาห ‘‘ตาวเทวา’’ติฯ คาวีติ สญฺญา น อนฺตรธายติ ยานิ องฺคปจฺจงฺคานิ ยถาสนฺนิวิฎฺฐานิ อุปาทาย คาวีสมญฺญา มตมตฺตายปิ คาวิยา, เตสํ ตํสนฺนิเวสสฺส อวินฎฺฐตฺตาฯ วิลียนฺติ ภิชฺชนฺติ วิภุชฺชนฺตีติ พีลา ภาคา ว-การสฺส พ-การํ, อิ-การสฺส อี-การํ กตฺวาฯ พีลโสติ พีลํ พีลํ กตฺวาฯ วิภชิตฺวาติ อฎฺฐิสงฺฆาฎโต มํสํ วิเวเจตฺวา, ตโต วา วิเวจิตมํสํ ภาคโส กตฺวาฯ เตเนวาห ‘‘มํสสญฺญา ปวตฺตตี’’ติฯ ปพฺพชิตสฺสปิ อปริคฺคหิตกมฺมฎฺฐานสฺสฯ ฆนวินิโพฺภคนฺติ สนฺตติสมูหกิจฺจฆนานํ วินิพฺภุชนํ วิเวจนํฯ ธาตุโส ปจฺจเวกฺขโตติ ฆนวินิโพฺภคกรเณน ธาตุํ ธาตุํ ปถวีอาทิธาตุํ วิสุํ วิสุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสฯ สตฺตสญฺญาติ อตฺตานุทิฎฺฐิวเสน ปวตฺตา สญฺญาติ วทนฺติ, โวหารวเสน ปวตฺตสตฺตสญฺญายปิ ตทา อนฺตรธานํ ยุตฺตเมว ยาถาวโต ฆนวินิโพฺภคสฺส สมฺปาทนโตฯ เอวญฺหิ สติ ยถาวุตฺตโอปมฺมเตฺถน อุปเมยฺยโตฺถ อญฺญทตฺถุ สํสนฺทติ สเมติฯ เตเนวาห ‘‘ธาตุวเสเนว จิตฺตํ สนฺติฎฺฐตี’’ติฯ ทโกฺขติ เฉโก ตํตํสมญฺญาย กุสโล, ยถาชาเต สูนสฺมิํ นงฺคุฎฺฐขุรวิสาณาทิวเนฺต อฎฺฐิมํสาทิอวยวสมุทาเย อวิภเตฺต คาวีสมญฺญา, น วิภเตฺต, วิภเตฺต ปน อฎฺฎิํมํสาทิอวยวสมญฺญาติ ชานนโกฯ จตุมหาปโถ วิย จตุอิริยาปโถติ คาวิยา ฐิตจตุมหาปโถ วิย กายสฺส ปวตฺติมคฺคภูโต จตุพฺพิโธ อิริยาปโถฯ ยสฺมา วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๖) วิตฺถาริตา, ตสฺมา ตตฺถ ตํสํวณฺณนายญฺจ (วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๑.๓๐๖) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ
Idāni vuttamevatthaṃ bhāvatthavibhāvanavasena dassetuṃ ‘‘yathā goghātakassā’’tiādi vuttaṃ. Tattha posentassāti maṃsūpacayaparibrūhanāya kuṇḍakabhattakappāsaṭṭhiādīhi saṃvaḍḍhentassa. Vadhitaṃ matanti hiṃsitaṃ hutvā mataṃ. Matanti ca matamattaṃ. Tenevāha ‘‘tāvadevā’’ti. Gāvīti saññā na antaradhāyati yāni aṅgapaccaṅgāni yathāsanniviṭṭhāni upādāya gāvīsamaññā matamattāyapi gāviyā, tesaṃ taṃsannivesassa avinaṭṭhattā. Vilīyanti bhijjanti vibhujjantīti bīlā bhāgā va-kārassa ba-kāraṃ, i-kārassa ī-kāraṃ katvā. Bīlasoti bīlaṃ bīlaṃ katvā. Vibhajitvāti aṭṭhisaṅghāṭato maṃsaṃ vivecetvā, tato vā vivecitamaṃsaṃ bhāgaso katvā. Tenevāha ‘‘maṃsasaññā pavattatī’’ti. Pabbajitassapi apariggahitakammaṭṭhānassa. Ghanavinibbhoganti santatisamūhakiccaghanānaṃ vinibbhujanaṃ vivecanaṃ. Dhātuso paccavekkhatoti ghanavinibbhogakaraṇena dhātuṃ dhātuṃ pathavīādidhātuṃ visuṃ visuṃ katvā paccavekkhantassa. Sattasaññāti attānudiṭṭhivasena pavattā saññāti vadanti, vohāravasena pavattasattasaññāyapi tadā antaradhānaṃ yuttameva yāthāvato ghanavinibbhogassa sampādanato. Evañhi sati yathāvuttaopammatthena upameyyattho aññadatthu saṃsandati sameti. Tenevāha ‘‘dhātuvaseneva cittaṃ santiṭṭhatī’’ti. Dakkhoti cheko taṃtaṃsamaññāya kusalo, yathājāte sūnasmiṃ naṅguṭṭhakhuravisāṇādivante aṭṭhimaṃsādiavayavasamudāye avibhatte gāvīsamaññā, na vibhatte, vibhatte pana aṭṭiṃmaṃsādiavayavasamaññāti jānanako. Catumahāpatho viya catuiriyāpathoti gāviyā ṭhitacatumahāpatho viya kāyassa pavattimaggabhūto catubbidho iriyāpatho. Yasmā visuddhimagge (visuddhi. 1.306) vitthāritā, tasmā tattha taṃsaṃvaṇṇanāyañca (visuddhi. mahāṭī. 1.306) vuttanayeneva veditabbā.
ธาตุมนสิการปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dhātumanasikārapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.
นวสิวถิกปพฺพวณฺณนา
Navasivathikapabbavaṇṇanā
๑๑๒. สิวถิกาย อปวิทฺธอุทฺธุมาตกาทิปฎิสํยุตฺตานํ โอธิโส ปวตฺตานํ กถานํ ตทภิเธยฺยานญฺจ อุทฺธุมาตกาทิอสุภภาคานํ สิวถิกปพฺพานีติ สงฺคีติกาเรหิ คหิตสมญฺญาฯ เตนาห ‘‘สิวถิกปเพฺพหิ วิภชิตุ’’นฺติฯ อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานาติ ชีวิตกฺขยโต อุปริ มรณโต ปรํฯ สมุคฺคเตนาติ อุฎฺฐิเตนฯ อุทฺธุมาตตฺตาติ อุทฺธํ อุทฺธํ ธุมาตตฺตา สูนตฺตาฯ เสตรเตฺตหิ วิปริภินฺนํ วิมิสฺสิตํ นีลํ วินีลํ, ปุริมวณฺณวิปริณามภูตํ วา นีลํวินีลํ, วินีลเมว วินีลกนฺติ ก-กาเรน ปทวฑฺฒนมาห อนตฺถนฺตรโต ยถา ‘‘ปีตกํ โลหิตก’’นฺติ (ธ. ส. ๖๑๖)ฯ ปฎิกูลกตฺตาติ ชิคุจฺฉนียตฺตาฯ กุจฺฉิตํ วินีลํ วินีลกนฺติ กุจฺฉนโตฺถ วา อยํ ก-กาโรติ ทเสฺสตุํ วุตฺตํ ยถา ‘‘ปาปโก กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคจฺฉตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๖; อ. นิ. ๕.๒๑๓; มหาว. ๒๘๕)ฯ ปริภินฺนฎฺฐาเนหิ กากกงฺกาทีหิฯ วิสฺสนฺทมานํ ปุพฺพนฺติ วิสฺสวนฺตํ ปุพฺพํ, ตหํ ตหํ ปคฺฆรนฺตปุพฺพนฺติ อโตฺถฯ ตถาภาวนฺติ วิสฺสนฺทมานปุพฺพภาวํฯ
112. Sivathikāya apaviddhauddhumātakādipaṭisaṃyuttānaṃ odhiso pavattānaṃ kathānaṃ tadabhidheyyānañca uddhumātakādiasubhabhāgānaṃ sivathikapabbānīti saṅgītikārehi gahitasamaññā. Tenāha ‘‘sivathikapabbehi vibhajitu’’nti. Uddhaṃ jīvitapariyādānāti jīvitakkhayato upari maraṇato paraṃ. Samuggatenāti uṭṭhitena. Uddhumātattāti uddhaṃ uddhaṃ dhumātattā sūnattā. Setarattehi viparibhinnaṃ vimissitaṃ nīlaṃ vinīlaṃ, purimavaṇṇavipariṇāmabhūtaṃ vā nīlaṃvinīlaṃ, vinīlameva vinīlakanti ka-kārena padavaḍḍhanamāha anatthantarato yathā ‘‘pītakaṃ lohitaka’’nti (dha. sa. 616). Paṭikūlakattāti jigucchanīyattā. Kucchitaṃ vinīlaṃ vinīlakanti kucchanattho vā ayaṃ ka-kāroti dassetuṃ vuttaṃ yathā ‘‘pāpako kittisaddo abbhuggacchatī’’ti (dī. ni. 3.316; a. ni. 5.213; mahāva. 285). Paribhinnaṭṭhānehi kākakaṅkādīhi. Vissandamānaṃ pubbanti vissavantaṃ pubbaṃ, tahaṃ tahaṃ paggharantapubbanti attho. Tathābhāvanti vissandamānapubbabhāvaṃ.
โส ภิกฺขูติ โย ‘‘ปเสฺสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิต’’นฺติ วุโตฺต, โส ภิกฺขุฯ อุปสํหรติ สทิสตํฯ อยมฺปิ โขติอาทิ อุปสํหรณาการทสฺสนํ ฯ อายูติ รูปชีวิตินฺทฺริยํ, อรูปชีวิตินฺทฺริยํ ปเนตฺถ วิญฺญาณคติกเมวฯ อุสฺมาติ กมฺมชเตโชฯ เอวํปูติกสภาโวติ เอวํ อติวิย ปูติกสภาโว, น อายุอาทีนํ อวิคเม วิย มตฺตโสติ อธิปฺปาโยฯ เอทิโส ภวิสฺสตีติ เอวํภาวีติ อาห ‘‘เอวํอุทฺธุมาตาทิเภโท ภวิสฺสตี’’ติฯ
So bhikkhūti yo ‘‘passeyya sarīraṃ sivathikāya chaḍḍita’’nti vutto, so bhikkhu. Upasaṃharati sadisataṃ. Ayampi khotiādi upasaṃharaṇākāradassanaṃ . Āyūti rūpajīvitindriyaṃ, arūpajīvitindriyaṃ panettha viññāṇagatikameva. Usmāti kammajatejo. Evaṃpūtikasabhāvoti evaṃ ativiya pūtikasabhāvo, na āyuādīnaṃ avigame viya mattasoti adhippāyo. Ediso bhavissatīti evaṃbhāvīti āha ‘‘evaṃuddhumātādibhedo bhavissatī’’ti.
ลุญฺจิตฺวา ลุญฺจิตฺวาติ อุปฺปาเฎตฺวา อุปฺปาเฎตฺวาฯ เสสาวเสสมํสโลหิตยุตฺตนฺติ สพฺพโส อขาทิตตฺตา ตหํ ตหํ เสเสน อปฺปาวเสเสน มํสโลหิเตน ยุตฺตํฯ อเญฺญน หตฺถฎฺฐิกนฺติ อวิเสเสน หตฺถฎฺฐิกานํ วิปฺปกิณฺณตา โชติตาติ อนวเสสโต เตสํ วิปฺปกิณฺณตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘จตุสฎฺฐิเภทมฺปี’’ติอาทิมาหฯ เตโรวสฺสิกานีติ ติโรวสฺสํ คตานิฯ ตานิ ปน สํวจฺฉรํ วีติวตฺตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘อติกฺกนฺตสํวจฺฉรานี’’ติฯ ปุราณตาย ฆนภาววิคเมน วิจุณฺณตา อิธ ปูติภาโวติ โส ยถา โหติ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อโพฺภกาเส’’ติอาทิมาหฯ ขชฺชมานตาทิวเสน ทุติยสิวถิกปพฺพาทีนํ ววตฺถิตตฺถา วุตฺตํ ‘‘ขชฺชมานาทีนํ วเสน โยชนา กาตพฺพา’’ติฯ
Luñcitvā luñcitvāti uppāṭetvā uppāṭetvā. Sesāvasesamaṃsalohitayuttanti sabbaso akhāditattā tahaṃ tahaṃ sesena appāvasesena maṃsalohitena yuttaṃ. Aññena hatthaṭṭhikanti avisesena hatthaṭṭhikānaṃ vippakiṇṇatā jotitāti anavasesato tesaṃ vippakiṇṇataṃ dassento ‘‘catusaṭṭhibhedampī’’tiādimāha. Terovassikānīti tirovassaṃ gatāni. Tāni pana saṃvaccharaṃ vītivattāni hontīti āha ‘‘atikkantasaṃvaccharānī’’ti. Purāṇatāya ghanabhāvavigamena vicuṇṇatā idha pūtibhāvoti so yathā hoti, taṃ dassento ‘‘abbhokāse’’tiādimāha. Khajjamānatādivasena dutiyasivathikapabbādīnaṃ vavatthitatthā vuttaṃ ‘‘khajjamānādīnaṃ vasena yojanā kātabbā’’ti.
นวสิวถิกปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Navasivathikapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.
อิมาเนว เทฺวติ อวธารเณน อปฺปนากมฺมฎฺฐานํ ตตฺถ นิยเมติ อญฺญปเพฺพสุ ตทภาวโตฯ ยโต หิ เอว-กาโร, ตโต อญฺญตฺถ นิยเมติ, เตน ปพฺพทฺวยสฺส วิปสฺสนากมฺมฎฺฐานตาปิ อปฺปฎิสิทฺธาติ ทฎฺฐพฺพา อนิจฺจาทิทสฺสนโตฯ สงฺขาเรสุ อาทีนววิภาวนานิ สิวถิกปพฺพานีติ อาห ‘‘สิวถิกานํ อาทีนวานุปสฺสนาวเสน วุตฺตตฺตา’’ติฯ อิริยาปถปพฺพาทีนํ อนปฺปนาวหตา ปากฎา เอวาติ ‘‘เสสานิ ทฺวาทสาปี’’ติ วุตฺตํฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวาติฯ
Imānevadveti avadhāraṇena appanākammaṭṭhānaṃ tattha niyameti aññapabbesu tadabhāvato. Yato hi eva-kāro, tato aññattha niyameti, tena pabbadvayassa vipassanākammaṭṭhānatāpi appaṭisiddhāti daṭṭhabbā aniccādidassanato. Saṅkhāresu ādīnavavibhāvanāni sivathikapabbānīti āha ‘‘sivathikānaṃ ādīnavānupassanāvasena vuttattā’’ti. Iriyāpathapabbādīnaṃ anappanāvahatā pākaṭā evāti ‘‘sesāni dvādasāpī’’ti vuttaṃ. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ, taṃ suviññeyyamevāti.
กายานุปสฺสนาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kāyānupassanāvaṇṇanā niṭṭhitā.
เวทนานุปสฺสนาวณฺณนา
Vedanānupassanāvaṇṇanā
๑๑๓. สุขํ เวทนนฺติ เอตฺถ สุขยตีติ สุขา, สมฺปยุตฺตธเมฺม กายญฺจ ลทฺธสฺสาเท กโรตีติ อโตฺถฯ สุฎฺฐุ วา ขาทติ, ขนติ วา กายิกํ เจตสิกญฺจ อาพาธนฺติ สุขาฯ สุกรํ โอกาสทานํ เอติสฺสาติ สุขาติ อปเรฯ เวทยติ อารมฺมณรสํ อนุภวตีติ เวทนาฯ เวทยมาโนติ อนุภวมาโนฯ กามนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อิริยาปถปเพฺพ วุตฺตเมวฯ สมฺปชานสฺส เวทิยนํ สมฺปชานเวทิยนํฯ
113.Sukhaṃ vedananti ettha sukhayatīti sukhā, sampayuttadhamme kāyañca laddhassāde karotīti attho. Suṭṭhu vā khādati, khanati vā kāyikaṃ cetasikañca ābādhanti sukhā. Sukaraṃ okāsadānaṃ etissāti sukhāti apare. Vedayati ārammaṇarasaṃ anubhavatīti vedanā. Vedayamānoti anubhavamāno. Kāmantiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ iriyāpathapabbe vuttameva. Sampajānassa vediyanaṃ sampajānavediyanaṃ.
‘‘โวหารมตฺตํ โหตี’’ติ เอเตน ‘‘สุขํ เวทนํ เวทยมาโน สุขํ เวทนํ เวทยามี’’ติ อิทํ โวหารมตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ วตฺถุอารมฺมณาติ รูปาทิอารมฺมณาฯ รูปาทิอารมฺมณญฺหิ เวทนาย ปวตฺติฎฺฐานตาย ‘‘วตฺถู’’ติ อธิเปฺปตํฯ อสฺสาติ ภเวยฺยฯ ธมฺมวินิมุตฺตสฺส อญฺญสฺส กตฺตุ อภาวโต ธมฺมเสฺสว กตฺตุภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เวทนาว เวทยตี’’ติ อาหฯ นิตฺถุนโนฺตติฯ พลวโต เวทนาเวคสฺส นิโรธเน อาทีนวํ ทิสฺวา ตสฺส อวสรทานวเสน นิตฺถุนโนฺตฯ วีริยสมตํ โยเชตฺวาติ อธิวาสนวีริยสฺส อธิมตฺตตฺตา ตสฺส หาปนวเสน สมาธินา สมรสตาปาทเนน วีริยสมตํ โยเชตฺวาฯ สห ปฎิสมฺภิทาหีติ โลกุตฺตรปฎิสมฺภิทาหิ สหฯ โลกิยานมฺปิ วา สติ อุปฺปตฺติกาเล ตตฺถ สมตฺถตํ สนฺธายาห ‘‘สห ปฎิสมฺภิทาหี’’ติฯ สมสีสีติ วารสมสีสี หุตฺวา, ปจฺจเวกฺขณวารสฺส อนนฺตรวาเร ปรินิพฺพายีติ อโตฺถฯ
‘‘Vohāramattaṃ hotī’’ti etena ‘‘sukhaṃ vedanaṃ vedayamāno sukhaṃ vedanaṃ vedayāmī’’ti idaṃ vohāramattanti dasseti. Vatthuārammaṇāti rūpādiārammaṇā. Rūpādiārammaṇañhi vedanāya pavattiṭṭhānatāya ‘‘vatthū’’ti adhippetaṃ. Assāti bhaveyya. Dhammavinimuttassa aññassa kattu abhāvato dhammasseva kattubhāvaṃ dassento ‘‘vedanāva vedayatī’’ti āha. Nitthunantoti. Balavato vedanāvegassa nirodhane ādīnavaṃ disvā tassa avasaradānavasena nitthunanto. Vīriyasamataṃ yojetvāti adhivāsanavīriyassa adhimattattā tassa hāpanavasena samādhinā samarasatāpādanena vīriyasamataṃ yojetvā. Saha paṭisambhidāhīti lokuttarapaṭisambhidāhi saha. Lokiyānampi vā sati uppattikāle tattha samatthataṃ sandhāyāha ‘‘saha paṭisambhidāhī’’ti. Samasīsīti vārasamasīsī hutvā, paccavekkhaṇavārassa anantaravāre parinibbāyīti attho.
ยถา จ สุขํ, เอวํ ทุกฺขนฺติ ยถา ‘‘สุขํ เวทยตี’’ติอาทินา สมฺปชานเวทิยนํ สนฺธาย วุตฺตํ, เอวํ ทุกฺขมฺปิฯ ตตฺถ ทุกฺขยตีติ ทุกฺขา, สมฺปยุตฺตธเมฺม กายญฺจ ปีเฬติ วิพาธตีติ อโตฺถฯ ทุฎฺฐุํ วา ขาทติ, ขนติ วา กายิกํ เจตสิกญฺจ สาตนฺติ ทุกฺขาฯ ทุกฺกรํ โอกาสทานํ เอติสฺสาติ ทุกฺขาติ อปเรฯ อรูปกมฺมฎฺฐานนฺติ อรูปปริคฺคหํ, อรูปธมฺมมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสนฺติ อโตฺถฯ รูปกมฺมฎฺฐาเนน ปน สมถาภินิเวโสปิ สงฺคยฺหติ, วิปสฺสนาภินิเวโส ปน อิธาธิเปฺปโตติ ทเสฺสโนฺต อาหฯ ‘‘รูปปริคฺคโห อรูปปริคฺคโหติปิ เอตเทว วุจฺจตี’’ติฯ จตุธาตุววตฺถานํ กเถสีติ เอตฺถาปิ ‘‘เยภุเยฺยนา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ ตทุภยนฺติ จตุธาตุววตฺถานสฺส สเงฺขปวิตฺถารทฺวยมาหฯ สเงฺขปมนสิการวเสน มหาสติปฎฺฐาเน, วิตฺถารมนสิการวเสน ราหุโลวาท- (ม. นิ. ๒.๑๑๕-๑๑๗) ธาตุวิภงฺคาทีสุ (วิภ. ๑๗๔-๑๗๕)ฯ
Yathā ca sukhaṃ, evaṃ dukkhanti yathā ‘‘sukhaṃ vedayatī’’tiādinā sampajānavediyanaṃ sandhāya vuttaṃ, evaṃ dukkhampi. Tattha dukkhayatīti dukkhā, sampayuttadhamme kāyañca pīḷeti vibādhatīti attho. Duṭṭhuṃ vā khādati, khanati vā kāyikaṃ cetasikañca sātanti dukkhā. Dukkaraṃ okāsadānaṃ etissāti dukkhāti apare. Arūpakammaṭṭhānanti arūpapariggahaṃ, arūpadhammamukhena vipassanābhinivesanti attho. Rūpakammaṭṭhānena pana samathābhinivesopi saṅgayhati, vipassanābhiniveso pana idhādhippetoti dassento āha. ‘‘Rūpapariggaho arūpapariggahotipi etadeva vuccatī’’ti. Catudhātuvavatthānaṃ kathesīti etthāpi ‘‘yebhuyyenā’’ti padaṃ ānetvā sambandhitabbaṃ. Tadubhayanti catudhātuvavatthānassa saṅkhepavitthāradvayamāha. Saṅkhepamanasikāravasena mahāsatipaṭṭhāne, vitthāramanasikāravasena rāhulovāda- (ma. ni. 2.115-117) dhātuvibhaṅgādīsu (vibha. 174-175).
เยภุยฺยคฺคหเณน ตทญฺญธมฺมวเสนปิ อรูปกมฺมฎฺฐานกถาย อตฺถิตา ทีปิตาติ ตํ วิภาเคน ทเสฺสตุํ ‘‘ติวิโธ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อภินิเวโสติ อนุปฺปเวโส, อารโมฺภติ อโตฺถฯ อารเมฺภ เอว หิ อยํ วิภาโค, สมฺมสนํ ปน อนวเสสโตว ธเมฺม ปริคฺคเหตฺวา วตฺตติฯ ปริคฺคหิเต รูปกมฺมฎฺฐาเนติ อิทํ รูปมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสํ สนฺธาย วุตฺตํ, อรูปมุเขน ปน วิปสฺสนาภินิเวโส เยภูเยฺยน สมถยานิกสฺส อิจฺฉิตโพฺพ, โส จ ปฐมํ ฌานงฺคานิ ปริคฺคเหตฺวา ตโต ปรํ เสสธเมฺม ปริคฺคณฺหาติฯ ปฐมาภินิปาโตติ สเพฺพ เจตสิกา จิตฺตายตฺตา จิตฺตกิริยภาเวน วุจฺจนฺตีติ ผโสฺส จิตฺตสฺส ปฐมาภินิปาโต วุโตฺต, อุปฺปนฺนผโสฺส ปุคฺคโล, จิตฺตเจตสิกราสิ วา อารมฺมเณน ผุโฎฺฐ ผสฺสสหชาตาย เวทนาย ตํสมกาลเมว เวเทติ, ผโสฺส ปน โอภาสสฺส วิย ปทีโป เวทนาทีนํ ปจฺจยวิเสโส โหตีติ ปุริมกาโล วิย วุจฺจติ, ยา ตสฺส อารมฺมณาภินิโรปนลกฺขณตา วุจฺจติฯ ผุสโนฺตติ อารมฺมณสฺส ผุสนากาเรนฯ อยญฺหิ อรูปธมฺมตา เอกเทเสน อนลฺลียมาโนปิ รูปํ วิย จกฺขุ, สโทฺท วิย จ โสตํ จิตฺตํ อารมฺมณญฺจ ผุสโนฺต วิย สงฺฆเฎฺฎโนฺต วิย จ ปวตฺตติฯ ตถาเหส ‘‘สงฺฆฎฺฎนรโส’’ติ วุจฺจติฯ
Yebhuyyaggahaṇena tadaññadhammavasenapi arūpakammaṭṭhānakathāya atthitā dīpitāti taṃ vibhāgena dassetuṃ ‘‘tividho hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha abhinivesoti anuppaveso, ārambhoti attho. Ārambhe eva hi ayaṃ vibhāgo, sammasanaṃ pana anavasesatova dhamme pariggahetvā vattati. Pariggahite rūpakammaṭṭhāneti idaṃ rūpamukhena vipassanābhinivesaṃ sandhāya vuttaṃ, arūpamukhena pana vipassanābhiniveso yebhūyyena samathayānikassa icchitabbo, so ca paṭhamaṃ jhānaṅgāni pariggahetvā tato paraṃ sesadhamme pariggaṇhāti. Paṭhamābhinipātoti sabbe cetasikā cittāyattā cittakiriyabhāvena vuccantīti phasso cittassa paṭhamābhinipāto vutto, uppannaphasso puggalo, cittacetasikarāsi vā ārammaṇena phuṭṭho phassasahajātāya vedanāya taṃsamakālameva vedeti, phasso pana obhāsassa viya padīpo vedanādīnaṃ paccayaviseso hotīti purimakālo viya vuccati, yā tassa ārammaṇābhiniropanalakkhaṇatā vuccati. Phusantoti ārammaṇassa phusanākārena. Ayañhi arūpadhammatā ekadesena anallīyamānopi rūpaṃ viya cakkhu, saddo viya ca sotaṃ cittaṃ ārammaṇañca phusanto viya saṅghaṭṭento viya ca pavattati. Tathāhesa ‘‘saṅghaṭṭanaraso’’ti vuccati.
อารมฺมณํ อนุภวนฺตีติ อิสฺสรวตาย วิสวิตาย สามิภาเวน อารมฺมณรสํ อนุภวนฺตีฯ ผสฺสาทีนญฺหิ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อารมฺมเณ เอกเทเสเนว ปวตฺติ ผุสนาทิมตฺตภาวโต, เวทนาย ปน อิฎฺฐาการสโมฺภคาทิวเสน ปวตฺตนโต อารมฺมเณ นิปฺปเทสโต ปวตฺติฯ ผุสนาทิภาเวน หิ อารมฺมณคฺคหณํ เอกเทสานุภวนํ, เวทยิตาภาเวน คหณํ ยถากามํ สพฺพานุภวนํ เอวสภาวาเนว ตานิ คหณานีติ น เวทนาย วิย ผสฺสาทีนมฺปิ ยถาสกํ กิจฺจกรเณน สามิภาวานุภวนํ โจเทตพฺพํฯ วิชานนฺตนฺติ ปริจฺฉินฺทนวเสน วิเสสโต ชานนฺตํฯ วิญฺญาณญฺหิ มินิตพฺพวตฺถุํ นาฬิยา มินโนฺต ปุริโส วิย อารมฺมณํ ปริจฺฉิชฺช วิภาเวนฺตํ ปวตฺตติ, น สญฺญา วิย สญฺชานนมตฺตํ หุตฺวาฯ ตถา หิ อเนน กทาจิ ลกฺขณตฺตยวิภาวนาปิ โหติฯ อิเมสํ ปน ผสฺสาทีนํ ตสฺส ตสฺส ปากฎภาโว ปจฺจยวิเสสสิทฺธสฺส ปุพฺพาโภคสฺส วเสน เวทิตพฺพาฯ
Ārammaṇaṃ anubhavantīti issaravatāya visavitāya sāmibhāvena ārammaṇarasaṃ anubhavantī. Phassādīnañhi sampayuttadhammānaṃ ārammaṇe ekadeseneva pavatti phusanādimattabhāvato, vedanāya pana iṭṭhākārasambhogādivasena pavattanato ārammaṇe nippadesato pavatti. Phusanādibhāvena hi ārammaṇaggahaṇaṃ ekadesānubhavanaṃ, vedayitābhāvena gahaṇaṃ yathākāmaṃ sabbānubhavanaṃ evasabhāvāneva tāni gahaṇānīti na vedanāya viya phassādīnampi yathāsakaṃ kiccakaraṇena sāmibhāvānubhavanaṃ codetabbaṃ. Vijānantanti paricchindanavasena visesato jānantaṃ. Viññāṇañhi minitabbavatthuṃ nāḷiyā minanto puriso viya ārammaṇaṃ paricchijja vibhāventaṃ pavattati, na saññā viya sañjānanamattaṃ hutvā. Tathā hi anena kadāci lakkhaṇattayavibhāvanāpi hoti. Imesaṃ pana phassādīnaṃ tassa tassa pākaṭabhāvo paccayavisesasiddhassa pubbābhogassa vasena veditabbā.
เอวํ ตสฺส ตเสฺสว ปากฎภาเวปิ ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อภิเญฺญยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๔๖; ปฎิ. ม. ๑.๓) ‘‘สพฺพญฺจ โข, ภิกฺขเว, อภิชาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๖) จ เอวมาทิวจนโต สเพฺพ สมฺมสนุปคา ธมฺมา ปริคฺคเหตพฺพาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถ ยสฺสา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ผสฺสปญฺจมเกเยวาติ อวธารณํ ตทโนฺตคธตฺตา ตคฺคหเณเนว คหิตตฺตา จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานํฯ ผสฺสปญฺจมกคฺคหณญฺหิ ตสฺส สพฺพจิตฺตุปฺปาทสาธารณภาวโต, ตตฺถ จ ผสฺสเจตนาคฺคหเณน สพฺพสงฺขารกฺขนฺธธมฺมสงฺคโห เจตนาปธานตฺตา เตสํฯ ตถา หิ สุตฺตนฺตภาชนีเย สงฺขารกฺขนฺธวิภเงฺค (วิภ. ๑๒) ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนา’’ติอาทินา เจตนาว วิภตฺตา, อิตเร ปน ขนฺธา สรูเปเนว คหิตาฯ
Evaṃ tassa tasseva pākaṭabhāvepi ‘‘sabbaṃ, bhikkhave, abhiññeyya’’nti (saṃ. ni. 4.46; paṭi. ma. 1.3) ‘‘sabbañca kho, bhikkhave, abhijāna’’nti (saṃ. ni. 4.26) ca evamādivacanato sabbe sammasanupagā dhammā pariggahetabbāti dassento ‘‘tattha yassā’’tiādimāha. Tattha phassapañcamakeyevāti avadhāraṇaṃ tadantogadhattā taggahaṇeneva gahitattā catunnaṃ arūpakkhandhānaṃ. Phassapañcamakaggahaṇañhi tassa sabbacittuppādasādhāraṇabhāvato, tattha ca phassacetanāggahaṇena sabbasaṅkhārakkhandhadhammasaṅgaho cetanāpadhānattā tesaṃ. Tathā hi suttantabhājanīye saṅkhārakkhandhavibhaṅge (vibha. 12) ‘‘cakkhusamphassajā cetanā’’tiādinā cetanāva vibhattā, itare pana khandhā sarūpeneva gahitā.
วตฺถุํ นิสฺสิตาติ เอตฺถ วตฺถุ-สโทฺท กรชกายวิสโยติ กถมิทํ วิญฺญายตีติ อาห ‘‘ยํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติอาทิฯ กตฺถ ปน วุตฺตํ? สามญฺญผเลฯ โสติ กรชกาโยฯ ปญฺจกฺขนฺธวินิมุตฺตํ นามรูปํ นตฺถีติ อิทํ อธิการวเสน วุตฺตํฯ อญฺญถา หิ ขนฺธวินิมุตฺตมฺปิ นามํ อเตฺถวาติฯ อวิชฺชาทิเหตุกาติ อวิชฺชาตณฺหุปาทานาทิเหตุกาฯ วิปสฺสนาปฎิปาฎิยา…เป.… วิจรตีติ อิมินา พลววิปสฺสนํ วตฺวา ปุน ตสฺส อุสฺสุกฺกาปนํ วิเสสาธิคมนญฺจ ทเสฺสโนฺต ‘‘โส’’ติอาทิมาหฯ
Vatthuṃ nissitāti ettha vatthu-saddo karajakāyavisayoti kathamidaṃ viññāyatīti āha ‘‘yaṃ sandhāya vutta’’ntiādi. Kattha pana vuttaṃ? Sāmaññaphale. Soti karajakāyo. Pañcakkhandhavinimuttaṃ nāmarūpaṃ natthīti idaṃ adhikāravasena vuttaṃ. Aññathā hi khandhavinimuttampi nāmaṃ atthevāti. Avijjādihetukāti avijjātaṇhupādānādihetukā. Vipassanāpaṭipāṭiyā…pe… vicaratīti iminā balavavipassanaṃ vatvā puna tassa ussukkāpanaṃ visesādhigamanañca dassento ‘‘so’’tiādimāha.
อิธาติ อิมิสฺสํ ทุติยสติปฎฺฐานเทสนายํ, ตสฺสา ปน เวทนานุปสฺสนาวเสน กเถตพฺพตฺตา ภควา เวทนาวเสน กเถสิฯ ยถาวุเตฺตสุ จ ตีสุ กมฺมฎฺฐานาภินิเวเสสุ เวทนาวเสน กมฺมฎฺฐานาภินิเวโส สุกโร เวทนานํ วิภูตภาวโตติ ทเสฺสตุํ ‘‘ผสฺสวเสน หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ น ปากฎํ โหตีติ อิทํ ตาทิเส ปุคฺคเล สนฺธาย วุตฺตํ, เยสํ อาทิโต เวทนาว วิภูตตรา หุตฺวา อุปฎฺฐาติฯ เอวญฺหิ ยํ วุตฺตํ ‘‘ผโสฺส ปากโฎ โหติ, วิญฺญาณํ ปากฎํ โหตี’’ติ, ตํ อวิโรธิตํ โหติฯ เวทนานํ อุปฺปตฺติปากฎตายาติ จ อิทํ สุขทุกฺขเวทนานํ วเสน วุตฺตํฯ ตาสญฺหิ ปวตฺติ โอฬาริกา, น อิตรายฯ ตทุภยคฺคหณมุเขน วา คเหตพฺพตฺตา อิตรายปิ ปวตฺติ วิญฺญูนํ ปากฎา เอวาติ ‘‘เวทนาน’’นฺติ อวิเสสคฺคหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ ยทา สุขํ อุปฺปชฺชตีติอาทิ สุขเวทนาย ปากฎภาววิภาวนํฯ เนว ตสฺมิํ สมเย ทุกฺขํ เวทนํ เวเทตีติ ตสฺมิํ สุขเวทนาสมงฺคิสมเย เนว ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ นิรุทฺธตฺตา, อนุปฺปนฺนตฺตา จ ยถากฺกมํ อตีตานาคตานํ , ปจฺจุปฺปนฺนาย ปน อสมฺภโว วุโตฺตเยวฯ สกิจฺจกฺขณมตฺตาวฎฺฐานโต อนิจฺจาฯ สเมจฺจสมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตตฺตา สงฺขตาฯ วตฺถารมฺมณาทิปจฺจยํ ปฎิจฺจ อุปฺปนฺนตฺตา ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนาฯ ขยวยปลุชฺชนนิรุชฺฌนปกติตาย ขยธมฺมา…เป.… นิโรธธมฺมาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
Idhāti imissaṃ dutiyasatipaṭṭhānadesanāyaṃ, tassā pana vedanānupassanāvasena kathetabbattā bhagavā vedanāvasena kathesi. Yathāvuttesu ca tīsu kammaṭṭhānābhinivesesu vedanāvasena kammaṭṭhānābhiniveso sukaro vedanānaṃ vibhūtabhāvatoti dassetuṃ ‘‘phassavasena hī’’tiādi vuttaṃ. Na pākaṭaṃ hotīti idaṃ tādise puggale sandhāya vuttaṃ, yesaṃ ādito vedanāva vibhūtatarā hutvā upaṭṭhāti. Evañhi yaṃ vuttaṃ ‘‘phasso pākaṭo hoti, viññāṇaṃ pākaṭaṃ hotī’’ti, taṃ avirodhitaṃ hoti. Vedanānaṃ uppattipākaṭatāyāti ca idaṃ sukhadukkhavedanānaṃ vasena vuttaṃ. Tāsañhi pavatti oḷārikā, na itarāya. Tadubhayaggahaṇamukhena vā gahetabbattā itarāyapi pavatti viññūnaṃ pākaṭā evāti ‘‘vedanāna’’nti avisesaggahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Yadā sukhaṃ uppajjatītiādi sukhavedanāya pākaṭabhāvavibhāvanaṃ. Neva tasmiṃ samaye dukkhaṃ vedanaṃ vedetīti tasmiṃ sukhavedanāsamaṅgisamaye neva dukkhaṃ vedanaṃ vedeti niruddhattā, anuppannattā ca yathākkamaṃ atītānāgatānaṃ , paccuppannāya pana asambhavo vuttoyeva. Sakiccakkhaṇamattāvaṭṭhānato aniccā. Sameccasambhuyya paccayehi katattā saṅkhatā. Vatthārammaṇādipaccayaṃ paṭicca uppannattā paṭiccasamuppannā. Khayavayapalujjananirujjhanapakatitāya khayadhammā…pe… nirodhadhammāti daṭṭhabbā.
กิเลเสหิ อามสิตพฺพโต อามิสํ นาม ปญฺจ กามคุณา, อารมฺมณกรณวเสน สห อามิเสหีติ อามิสาฯ เตนาห ‘‘ปญฺจกามคุณามิสนิสฺสิตา’’ติฯ อิโต ปรนฺติ ‘‘อตฺถิ เวทนา’’ติ เอวมาทิปาฬิํ สนฺธายาห ‘‘กายานุปสฺสนายํ วุตฺตนยเมวา’’ติฯ
Kilesehi āmasitabbato āmisaṃ nāma pañca kāmaguṇā, ārammaṇakaraṇavasena saha āmisehīti āmisā. Tenāha ‘‘pañcakāmaguṇāmisanissitā’’ti. Ito paranti ‘‘atthi vedanā’’ti evamādipāḷiṃ sandhāyāha ‘‘kāyānupassanāyaṃ vuttanayamevā’’ti.
เวทนานุปสฺสนาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vedanānupassanāvaṇṇanā niṭṭhitā.
จิตฺตานุปสฺสนาวณฺณนา
Cittānupassanāvaṇṇanā
๑๑๔. สมฺปโยควเสน (ที. นิ. ฎี. ๒.๓๘๑) ปวตฺตมาเนน สห ราเคนาติ สราคํฯ เตนาห ‘‘โลภสหคต’’นฺติฯ วีตราคนฺติฯ เอตฺถ กามํ สราคปทปฎิโยคินา วีตราควเสน ภวิตพฺพํ, สมฺมสนจารสฺส ปน อิธาธิเปฺปตตฺตา เตภูมกเสฺสว คหณนฺติ ‘‘โลกิยกุสลาพฺยากต’’นฺติ วตฺวา ‘‘อิทํ ปนา’’ติอาทินา ตเมว อธิปฺปายํ วิวรติฯ เสสานิ เทฺว โทสมูลานิ, เทฺว โมหมูลานีติ จตฺตาริ อกุสลจิตฺตานิฯ เตสญฺหิ ราเคน สมฺปโยคาภาวโต นเตฺถว สราคตา, ตนฺนิมิตฺตกตาย ปน สิยา ตํสหิตตาเลโสติ นเตฺถว วีตราคตาปีติ ทุกวินิมุตฺตตา เอเวตฺถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘เนว ปุริมปทํ, น ปจฺฉิมปทํ ภชนฺตี’’ติฯ ยทิ เอวํ ปเทสิกํ ปชานนํ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ ทุกนฺตรปริยาปนฺนตฺตา เตสํฯ อกุสลมูเลสุ สห โมเหเนว วตฺตตีติ สโมหนฺติ อาห ‘‘วิจิกิจฺฉาสหคตเญฺจว อุทฺธจฺจสหคตญฺจา’’ติฯ ยสฺมา เจตฺถ สเหว โมเหนาติ สโมหนฺติ ปุริมปทาวธารณมฺปิ ลพฺภติเยว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิฯ ยถา ปน อติมูฬฺหตาย ปาฎิปุคฺคลิกนเยน สวิเสสํ โมหวนฺตตาย โมมูหจิตฺตนฺติ วตฺตพฺพโต วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหคตทฺวยํ วิเสสโต ‘‘สโมห’’นฺติ วุจฺจติ, น ตถา เสสากุสลจิตฺตานีติ ‘‘วฎฺฎนฺติเยวา’’ติ วุตฺตํฯ สมฺปโยควเสน ถินมิเทฺธน อนุปติตํ อนุคตนฺติ ถินมิทฺธานุปติตํ ปญฺจวิธํ สสงฺขาริกากุสลจิตฺตํ สงฺกุฎิตจิตฺตํฯ สงฺกุฎิตจิตฺตํ นาม อารมฺมเณ สโงฺกจนวเสน ปวตฺตนโตฯ ปจฺจยวิเสสวเสน ถามชาเตน อุทฺธเจฺจน สหคตํ ปวตฺตํ สํสฎฺฐนฺติ อุทฺธจฺจสหคตํ, อญฺญถา สพฺพมฺปิ อกุสลจิตฺตํ อุทฺธจฺจสหคตเมวาติฯ ปสฎจิตฺตํ นาม สาติสยํ วิเกฺขปวเสน ปวตฺตนโตฯ
114. Sampayogavasena (dī. ni. ṭī. 2.381) pavattamānena saha rāgenāti sarāgaṃ. Tenāha ‘‘lobhasahagata’’nti. Vītarāganti. Ettha kāmaṃ sarāgapadapaṭiyoginā vītarāgavasena bhavitabbaṃ, sammasanacārassa pana idhādhippetattā tebhūmakasseva gahaṇanti ‘‘lokiyakusalābyākata’’nti vatvā ‘‘idaṃ panā’’tiādinā tameva adhippāyaṃ vivarati. Sesāni dve dosamūlāni, dve mohamūlānīti cattāri akusalacittāni. Tesañhi rāgena sampayogābhāvato nattheva sarāgatā, tannimittakatāya pana siyā taṃsahitatālesoti nattheva vītarāgatāpīti dukavinimuttatā evettha labbhatīti āha ‘‘neva purimapadaṃ, na pacchimapadaṃ bhajantī’’ti. Yadi evaṃ padesikaṃ pajānanaṃ āpajjatīti? Nāpajjati dukantarapariyāpannattā tesaṃ. Akusalamūlesu saha moheneva vattatīti samohanti āha ‘‘vicikicchāsahagatañceva uddhaccasahagatañcā’’ti. Yasmā cettha saheva mohenāti samohanti purimapadāvadhāraṇampi labbhatiyeva, tasmā vuttaṃ ‘‘yasmā panā’’tiādi. Yathā pana atimūḷhatāya pāṭipuggalikanayena savisesaṃ mohavantatāya momūhacittanti vattabbato vicikicchuddhaccasahagatadvayaṃ visesato ‘‘samoha’’nti vuccati, na tathā sesākusalacittānīti ‘‘vaṭṭantiyevā’’ti vuttaṃ. Sampayogavasena thinamiddhena anupatitaṃ anugatanti thinamiddhānupatitaṃ pañcavidhaṃ sasaṅkhārikākusalacittaṃ saṅkuṭitacittaṃ. Saṅkuṭitacittaṃ nāma ārammaṇe saṅkocanavasena pavattanato. Paccayavisesavasena thāmajātena uddhaccena sahagataṃ pavattaṃ saṃsaṭṭhanti uddhaccasahagataṃ, aññathā sabbampi akusalacittaṃ uddhaccasahagatamevāti. Pasaṭacittaṃ nāma sātisayaṃ vikkhepavasena pavattanato.
กิเลสวิกฺขมฺภนสมตฺถตาย วิปุลผลตาย ทีฆสนฺตานตาย จ มหนฺตภาวํ คตํ, มหเนฺตหิ วา อุฬารจฺฉนฺทาทีหิ คตํ ปฎิปนฺนนฺติ มหคฺคตํฯ ตํ ปน รูปารูปภูมิกํ ตโต มหนฺตสฺส โลเก อภาวโตฯ เตนาห ‘‘รูปารูปาวจร’’นฺติฯ ตสฺส เจตฺถ ปฎิโยคี ปริตฺตเมวาติ อาห ‘‘อมหคฺคตนฺติ กามาวจร’’นฺติฯ อตฺตานํ อุตฺตริตุํ สมเตฺถหิ สห อุตฺตเรหีติ สอุตฺตรํ, ตปฺปฎิปเกฺขน อนุตฺตรํ, ตทุภยํ อุปาทาย เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สอุตฺตรนฺติ กามาวจร’’นฺติอาทิฯ ปฎิปกฺขวิกฺขมฺภนสมเตฺถน สมาธินา สมฺมเทว อาหิตํ สมาหิตํฯ เตนาห ‘‘ยสฺสา’’ติอาทิฯ ยสฺสาติ ยสฺส จิตฺตสฺสฯ ยถาวุเตฺตน สมาธินา น สมาหิตนฺติ อสมาหิตํฯ เตนาห ‘‘อุภยสมาธิรหิต’’นฺติฯ ตทงฺควิมุตฺติยา วิมุตฺตํ, กามาวจรํ กุสลํฯ วิกฺขมฺภนวิมุตฺติยา วิมุตฺตํ, มหคฺคตนฺติ ตทุภยํ สนฺธายาห ‘‘ตทงฺควิกฺขมฺภนวิมุตฺตีหิ วิมุตฺต’’นฺติฯ ยตฺถ ตทุภยวิมุตฺติ นตฺถิ, ตํ อุภยวิมุตฺติรหิตนฺติ คยฺหมาเน โลกุตฺตรจิเตฺตปิ สิยา อาสงฺกาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘สมุเจฺฉท…เป.… โอกาโสว นตฺถี’’ติ อาหฯ โอกาสาภาโว จ สมฺมสนจารสฺส อธิเปฺปตตฺตา เวทิตโพฺพฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวาติฯ
Kilesavikkhambhanasamatthatāya vipulaphalatāya dīghasantānatāya ca mahantabhāvaṃ gataṃ, mahantehi vā uḷāracchandādīhi gataṃ paṭipannanti mahaggataṃ. Taṃ pana rūpārūpabhūmikaṃ tato mahantassa loke abhāvato. Tenāha ‘‘rūpārūpāvacara’’nti. Tassa cettha paṭiyogī parittamevāti āha ‘‘amahaggatanti kāmāvacara’’nti. Attānaṃ uttarituṃ samatthehi saha uttarehīti sauttaraṃ, tappaṭipakkhena anuttaraṃ, tadubhayaṃ upādāya veditabbanti āha ‘‘sauttaranti kāmāvacara’’ntiādi. Paṭipakkhavikkhambhanasamatthena samādhinā sammadeva āhitaṃ samāhitaṃ. Tenāha ‘‘yassā’’tiādi. Yassāti yassa cittassa. Yathāvuttena samādhinā na samāhitanti asamāhitaṃ. Tenāha ‘‘ubhayasamādhirahita’’nti. Tadaṅgavimuttiyā vimuttaṃ, kāmāvacaraṃ kusalaṃ. Vikkhambhanavimuttiyā vimuttaṃ, mahaggatanti tadubhayaṃ sandhāyāha ‘‘tadaṅgavikkhambhanavimuttīhi vimutta’’nti. Yattha tadubhayavimutti natthi, taṃ ubhayavimuttirahitanti gayhamāne lokuttaracittepi siyā āsaṅkāti tannivattanatthaṃ ‘‘samuccheda…pe… okāsova natthī’’ti āha. Okāsābhāvo ca sammasanacārassa adhippetattā veditabbo. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ, taṃ heṭṭhā vuttanayamevāti.
จิตฺตานุปสฺสนาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cittānupassanāvaṇṇanā niṭṭhitā.
ธมฺมานุปสฺสนาวณฺณนา
Dhammānupassanāvaṇṇanā
นีวรณปพฺพวณฺณนา
Nīvaraṇapabbavaṇṇanā
๑๑๕. ปหาตพฺพาทิธมฺมวิภาคทสฺสนวเสน ปญฺจธา ธมฺมานุปสฺสนา นิทฺทิฎฺฐาติ อยมโตฺถ ปาฬิโต เอว วิญฺญายตีติ ตมตฺถํ อุลฺลิเงฺคโนฺต ‘‘ปญฺจวิเธน ธมฺมานุปสฺสนํ กเถตุ’’นฺติ วุตฺตํฯ ยทิ เอวํ กสฺมา นีวรณาทิวเสเนว นิทฺทิฎฺฐนฺติ? เวเนยฺยชฺฌาสยโตฯ เยสญฺหิ เวเนยฺยานํ ปหาตพฺพธเมฺมสุ ปฐมํ นีวรณานิ วิภาเคน วตฺตพฺพานิ, เตสํ วเสเนตฺถ ภควตา ปฐมํ นีวรเณสุ ธมฺมานุปสฺสนา กถิตาฯ ตถา หิ กายานุปสฺสนาปิ สมถปุพฺพงฺคมา เทสิตา, ตโต ปริเญฺญเยฺยสุ ขเนฺธสุ อายตเนสุ, ภาเวตเพฺพสุ โพชฺฌเงฺคสุ ปริเญฺญยาทิวิภาเคสุ สเจฺจสุ จ อุตฺตรา เทสนา เทสิตา, ตสฺมา เจตฺถ สมถภาวนาปิ ยาวเทว วิปสฺสนตฺถํ อิจฺฉิตา, วิปสฺสนาปธานา วิปสฺสนาพหุลา จ สติปฎฺฐานเทสนาติ ตสฺสา วิปสฺสนาภินิเวสวิภาเคน เทสิตภาวํ วิภาเวโนฺต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ขนฺธายตนทุกฺขสจฺจวเสน มิสฺสกปริคฺคหกถนํ ทฎฺฐพฺพํฯ สญฺญาสงฺขารกฺขนฺธปริคฺคหมฺปีติ ปิ-สเทฺทน สกลปญฺจุปาทานกฺขนฺธปริคฺคหํ สมฺปิเณฺฑติ อิตเรสํ ตทโนฺตคธตฺตาฯ ‘‘กณฺหสุกฺกานํ ยุคนฺธตา นตฺถี’’ติ ปชานนกาเล อภาวา ‘‘อภิณฺหสมุทาจารวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ ยถาติ เยนากาเรนฯ โส ปน ‘‘กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาโท โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา กามจฺฉนฺทสฺส การณากาโรว, อตฺถโต การณเมวาติ อาห ‘‘เยน การเณนา’’ติฯ จ-สโทฺท วกฺขมานตฺถสมุจฺจยโตฺถฯ
115. Pahātabbādidhammavibhāgadassanavasena pañcadhā dhammānupassanā niddiṭṭhāti ayamattho pāḷito eva viññāyatīti tamatthaṃ ulliṅgento ‘‘pañcavidhenadhammānupassanaṃ kathetu’’nti vuttaṃ. Yadi evaṃ kasmā nīvaraṇādivaseneva niddiṭṭhanti? Veneyyajjhāsayato. Yesañhi veneyyānaṃ pahātabbadhammesu paṭhamaṃ nīvaraṇāni vibhāgena vattabbāni, tesaṃ vasenettha bhagavatā paṭhamaṃ nīvaraṇesu dhammānupassanā kathitā. Tathā hi kāyānupassanāpi samathapubbaṅgamā desitā, tato pariññeyyesu khandhesu āyatanesu, bhāvetabbesu bojjhaṅgesu pariññeyādivibhāgesu saccesu ca uttarā desanā desitā, tasmā cettha samathabhāvanāpi yāvadeva vipassanatthaṃ icchitā, vipassanāpadhānā vipassanābahulā ca satipaṭṭhānadesanāti tassā vipassanābhinivesavibhāgena desitabhāvaṃ vibhāvento ‘‘apicā’’tiādimāha. Tattha khandhāyatanadukkhasaccavasena missakapariggahakathanaṃ daṭṭhabbaṃ. Saññāsaṅkhārakkhandhapariggahampīti pi-saddena sakalapañcupādānakkhandhapariggahaṃ sampiṇḍeti itaresaṃ tadantogadhattā. ‘‘Kaṇhasukkānaṃ yugandhatā natthī’’ti pajānanakāle abhāvā ‘‘abhiṇhasamudācāravasenā’’ti vuttaṃ. Yathāti yenākārena. So pana ‘‘kāmacchandassa uppādo hotī’’ti vuttattā kāmacchandassa kāraṇākārova, atthato kāraṇamevāti āha ‘‘yena kāraṇenā’’ti. Ca-saddo vakkhamānatthasamuccayattho.
ตตฺถาติ ‘‘ยถา จา’’ติอาทินา วุตฺตปเทฯ สุภมฺปีติ กามจฺฉโนฺทปิฯ โส หิ อตฺตโน คหณากาเรน ‘‘สุภ’’นฺติ วุจฺจติ, เตนากาเรน ปวตฺตนกสฺส อญฺญสฺส กามจฺฉนฺทสฺส นิมิตฺตตฺตา ‘‘สุภนิมิตฺต’’นฺติ จฯ อิฎฺฐํ, อิฎฺฐากาเรน วา คยฺหมานํ รูปาทิ สุภารมฺมณํฯ อากงฺขิตสฺส หิตสุขสฺส อนุปายภูโต มนสิกาโร อนุปายมนสิกาโรฯ ตนฺติ อโยนิโสมนสิการํฯ ตตฺถาติ นิปฺผาเทตเพฺพ อารมฺมณภูเต จ ทุวิเธปิ สุภนิมิเตฺตฯ อาหาโรติ ปจฺจโยฯ
Tatthāti ‘‘yathā cā’’tiādinā vuttapade. Subhampīti kāmacchandopi. So hi attano gahaṇākārena ‘‘subha’’nti vuccati, tenākārena pavattanakassa aññassa kāmacchandassa nimittattā ‘‘subhanimitta’’nti ca. Iṭṭhaṃ, iṭṭhākārena vā gayhamānaṃ rūpādi subhārammaṇaṃ. Ākaṅkhitassa hitasukhassa anupāyabhūto manasikāro anupāyamanasikāro. Tanti ayonisomanasikāraṃ. Tatthāti nipphādetabbe ārammaṇabhūte ca duvidhepi subhanimitte. Āhāroti paccayo.
อสุภมฺปีติ อสุภชฺฌานมฺปิ อุตฺตรปทโลเปนฯ ตํ ปน ทสสุ อวิญฺญาณกาสุเภสุ, เกสาทีสุ จ ปวตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ เกสาทีสุ หิ สญฺญา อสุภสญฺญาติ คิริมานนฺทสุเตฺต (อ. นิ. ๑๐.๖๐) วุตฺตาติฯ เอตฺถ จ จตุพฺพิธสฺส อโยนิโสมนสิการสฺส โยนิโสมนสิการสฺส จ คหณํ นิรวเสสทสฺสนตฺถํ กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตสุ ปน อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ, ‘‘อสุภ’’นฺติ จ มนสิกาโร อิธาธิเปฺปโต, ตทนุกูลตฺตา วา อิตเรปีติฯ
Asubhampīti asubhajjhānampi uttarapadalopena. Taṃ pana dasasu aviññāṇakāsubhesu, kesādīsu ca pavattaṃ daṭṭhabbaṃ. Kesādīsu hi saññā asubhasaññāti girimānandasutte (a. ni. 10.60) vuttāti. Ettha ca catubbidhassa ayonisomanasikārassa yonisomanasikārassa ca gahaṇaṃ niravasesadassanatthaṃ katanti daṭṭhabbaṃ. Tesu pana asubhe ‘‘subha’’nti, ‘‘asubha’’nti ca manasikāro idhādhippeto, tadanukūlattā vā itarepīti.
เอกาทสสุ (อ. นิ. ฎี. ๑.๑.๑๖) อสุเภสุ ปฎิกูลาการสฺส อุคฺคณฺหนํ, ยถา วา ตตฺถ อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตถา ปฎิปตฺติ อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโหฯ อุปจารปฺปนาวหาย อสุภภาวนาย อนุยุญฺชนํ อสุภภาวนานุโยโคฯ โภชเน มตฺตญฺญุโน ถินมิทฺธาภิภวาภาวา โอตารํ อลภมาโน กามจฺฉโนฺท ปหียตีติ วทนฺติฯ โภชนนิสฺสิตํ ปน อาหาเร ปฎิกูลสญฺญํ, ตพฺพิปริณามสฺส, ตทาธารสฺส, ตสฺส จ อุทริยภูตสฺส อสุภตาทสฺสนํ, กายสฺส อาหารฎฺฐิติกตาทสฺสนญฺจ โย สมฺมเทว ชานาติ, โส วิเสสโต โภชเน มตฺตญฺญู นาม, ตสฺส จ กามจฺฉโนฺท ปหียเตวฯ อสุภกมฺมิกติสฺสเตฺถโร ทนฺตฎฺฐิทสฺสาวีฯ อภิธมฺมปริยาเยน (ธ. ส. ๑๑๕๙, ๑๕๐๓) สโพฺพปิ โลโภ กามจฺฉนฺทนีวรณนฺติ อาห ‘‘อรหตฺตมเคฺคนา’’ติฯ
Ekādasasu (a. ni. ṭī. 1.1.16) asubhesu paṭikūlākārassa uggaṇhanaṃ, yathā vā tattha uggahanimittaṃ uppajjati, tathā paṭipatti asubhanimittassa uggaho. Upacārappanāvahāya asubhabhāvanāya anuyuñjanaṃ asubhabhāvanānuyogo. Bhojane mattaññuno thinamiddhābhibhavābhāvā otāraṃ alabhamāno kāmacchando pahīyatīti vadanti. Bhojananissitaṃ pana āhāre paṭikūlasaññaṃ, tabbipariṇāmassa, tadādhārassa, tassa ca udariyabhūtassa asubhatādassanaṃ, kāyassa āhāraṭṭhitikatādassanañca yo sammadeva jānāti, so visesato bhojane mattaññū nāma, tassa ca kāmacchando pahīyateva. Asubhakammikatissatthero dantaṭṭhidassāvī. Abhidhammapariyāyena (dha. sa. 1159, 1503) sabbopi lobho kāmacchandanīvaraṇanti āha ‘‘arahattamaggenā’’ti.
ปฎิฆมฺปิ ปุริมุปฺปนฺนํ ปฎิฆนิมิตฺตํ ปรโต อุปฺปชฺชนกปฎิฆสฺส การณนฺติ กตฺวาฯ เมชฺชติ หิตผรณวเสน สินิยฺหตีติ มิโตฺต, ตสฺมิํ มิเตฺต ภวา, มิตฺตสฺส วา เอสาติ เมตฺตา, ตสฺสา เมตฺตายฯ
Paṭighampi purimuppannaṃ paṭighanimittaṃ parato uppajjanakapaṭighassa kāraṇanti katvā. Mejjati hitapharaṇavasena siniyhatīti mitto, tasmiṃ mitte bhavā, mittassa vā esāti mettā, tassā mettāya.
เมตฺตายนสฺส สเตฺตสุ หิตผรณสฺส อุปฺปาทนํ ปวตฺตนํ เมตฺตานิมิตฺตสฺส อุคฺคโหฯ โอธิสกอโนธิสกทิสาผรณานนฺติ อตฺตอติปิยสหายมชฺฌตฺตเวรีวเสน โอธิสกตา, สีมาสเมฺภเท กเต อโนธิสกตา, เอกาทิทิสาผรณวเสน ทิสาผรณตา เมตฺตาย อุคฺคหเณ เวทิตพฺพาฯ วิหารรจฺฉาคามาทิวเสน วา โอธิสกทิสาผรณํ, วิหาราทิอุเทฺทสรหิตํ ปุรตฺถิมาทิทิสาวเสน อโนธิสกทิสาผรณนฺติ เอวํ วา ทฺวิธา อุคฺคหณํ สนฺธาย ‘‘โอธิสกอโนธิสกทิสาผรณาน’’นฺติ วุตฺตํฯ อุคฺคโห จ ยาว อุปจารา ทฎฺฐโพฺพ, อุคฺคหิตาย อาเสวนา ภาวนาฯ ตตฺถ ‘‘สเพฺพ สตฺตา, ปาณา, ภูตา, ปุคฺคลา, อตฺตภาวปริยาปนฺนา’’ติ เอเตสํ วเสน ปญฺจวิธา, เอเกกสฺมิํ ‘‘อเวรา โหนฺตุ, อพฺยาปชฺชา, อนีฆา, สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตู’’ติ จตุธา ปวตฺติโต วีสติวิธา อโนธิสกผรณา เมตฺตา, ‘‘สพฺพา อิตฺถิโย, ปุริสา, อริยา, อนริยา, เทวา, มนุสฺสา, วินิปาติกา’’ติ สโตฺตธิกรณวเสน ปวตฺตา สตฺตวิธา อฎฺฐวีสติวิธา วา, ทสหิ ทิสาหิ ทิโสธิกรณวเสน ปวตฺตา ทสวิธา จ, เอเกกาย วา ทิสาย สตฺตาทิอิตฺถาทิอเวราทิเภเทน อสีตาธิกจตุสตปฺปเภทา จ โอธิโภผรณา เวทิตพฺพาฯ
Mettāyanassa sattesu hitapharaṇassa uppādanaṃ pavattanaṃ mettānimittassa uggaho. Odhisakaanodhisakadisāpharaṇānanti attaatipiyasahāyamajjhattaverīvasena odhisakatā, sīmāsambhede kate anodhisakatā, ekādidisāpharaṇavasena disāpharaṇatā mettāya uggahaṇe veditabbā. Vihāraracchāgāmādivasena vā odhisakadisāpharaṇaṃ, vihārādiuddesarahitaṃ puratthimādidisāvasena anodhisakadisāpharaṇanti evaṃ vā dvidhā uggahaṇaṃ sandhāya ‘‘odhisakaanodhisakadisāpharaṇāna’’nti vuttaṃ. Uggaho ca yāva upacārā daṭṭhabbo, uggahitāya āsevanā bhāvanā. Tattha ‘‘sabbe sattā, pāṇā, bhūtā, puggalā, attabhāvapariyāpannā’’ti etesaṃ vasena pañcavidhā, ekekasmiṃ ‘‘averā hontu, abyāpajjā, anīghā, sukhī attānaṃ pariharantū’’ti catudhā pavattito vīsatividhā anodhisakapharaṇā mettā, ‘‘sabbā itthiyo, purisā, ariyā, anariyā, devā, manussā, vinipātikā’’ti sattodhikaraṇavasena pavattā sattavidhā aṭṭhavīsatividhā vā, dasahi disāhi disodhikaraṇavasena pavattā dasavidhā ca, ekekāya vā disāya sattādiitthādiaverādibhedena asītādhikacatusatappabhedā ca odhibhopharaṇā veditabbā.
เยน อโยนิโสมนสิกาเรน อรติอาทิกานิ อุปฺปชฺชนฺติ, โส อรติอาทีสุ อโยนิโสมนสิกาโร, เตนฯ นิปฺผาเทตเพฺพ หิ อิทํ ภุมฺมํฯ เอส นโย อิโต ปเรสุปิฯ อุกฺกณฺฐิตา ปนฺตเสนาสเนสุ อธิกุสเลสุ ธเมฺมสุ จ อุปฺปชฺชนภาวริญฺจนาฯ กายวินามนาติ กายสฺส วิรูเปนากาเรน นามนาฯ
Yena ayonisomanasikārena aratiādikāni uppajjanti, so aratiādīsu ayonisomanasikāro, tena. Nipphādetabbe hi idaṃ bhummaṃ. Esa nayo ito paresupi. Ukkaṇṭhitā pantasenāsanesu adhikusalesu dhammesu ca uppajjanabhāvariñcanā. Kāyavināmanāti kāyassa virūpenākārena nāmanā.
กุสลธมฺมสมฺปฎิปตฺติยา ปฎฺฐปนสภาวตาย, ตปฺปฎิปกฺขานํ วิโสสนสภาวตาย จ อารมฺภธาตุอาทิโต ปวตฺตวีริยนฺติ อาห ‘‘ปฐมารมฺภวีริย’’นฺติฯ ยสฺมา ปฐมารมฺภมตฺตสฺส โกสชฺชวิธมนํ ถามคมนญฺจ นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘โกสชฺชโต นิกฺขนฺตตาย ตโต พลวตร’’นฺติฯ ยสฺมา ปน อปราปรุปฺปตฺติยา ลทฺธาเสวนํ อุปรูปริวิเสสํ อาวหนฺตํ อติวิย ถามคตเมว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปรํ ปรํ ฐานํ อกฺกมนโต ตโตปิ พลวตร’’นฺติฯ
Kusaladhammasampaṭipattiyā paṭṭhapanasabhāvatāya, tappaṭipakkhānaṃ visosanasabhāvatāya ca ārambhadhātuādito pavattavīriyanti āha ‘‘paṭhamārambhavīriya’’nti. Yasmā paṭhamārambhamattassa kosajjavidhamanaṃ thāmagamanañca natthi, tasmā vuttaṃ ‘‘kosajjato nikkhantatāya tato balavatara’’nti. Yasmā pana aparāparuppattiyā laddhāsevanaṃ uparūparivisesaṃ āvahantaṃ ativiya thāmagatameva hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘paraṃ paraṃ ṭhānaṃ akkamanato tatopi balavatara’’nti.
อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาโหติ อติโภชเน ถินมิทฺธสฺส นิมิตฺตคฺคาโห, ‘‘เอตฺตเก ภุเตฺต ถินมิทฺธสฺส การณํ โหติ, เอตฺตเก น โหตี’’ติ ถินมิทฺธสฺส การณาการณคฺคาโห โหตีติ อโตฺถฯ ทิวา สูริยาโลกนฺติ ทิวา คหิตนิมิตฺตํ สูริยาโลกํ รตฺติยํ มนสิกโรนฺตสฺสปีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ธุตงฺคานํ วีริยนิสฺสิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ธุตงฺคนิสฺสิตสปฺปายกถายปี’’ติฯ
Atibhojane nimittaggāhoti atibhojane thinamiddhassa nimittaggāho, ‘‘ettake bhutte thinamiddhassa kāraṇaṃ hoti, ettake na hotī’’ti thinamiddhassa kāraṇākāraṇaggāho hotīti attho. Divā sūriyālokanti divā gahitanimittaṃ sūriyālokaṃ rattiyaṃ manasikarontassapīti evamettha attho veditabbo. Dhutaṅgānaṃ vīriyanissitattā vuttaṃ ‘‘dhutaṅganissitasappāyakathāyapī’’ti.
กุกฺกุจฺจมฺปิ กตากตานุโสจนวเสน ปวตฺตมานํ เจตโส อวูปสมาวหตาย อุทฺธเจฺจน สมานลกฺขณเมวาติ ‘‘อวูปสโม นาม อวูปสนฺตากาโร, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจเมเวตํ อตฺถโต’’ติ วุตฺตํฯ
Kukkuccampi katākatānusocanavasena pavattamānaṃ cetaso avūpasamāvahatāya uddhaccena samānalakkhaṇamevāti ‘‘avūpasamo nāma avūpasantākāro, uddhaccakukkuccamevetaṃ atthato’’ti vuttaṃ.
พหุสฺสุตสฺส คนฺถโต อตฺถโต จ สุตฺตาทีนิ วิจาเรนฺตสฺส อตฺถเวทาทิปฎิลาภสพฺภาวโต วิเกฺขโป น โหติ, ยถาวิธิปฎิปตฺติยา ยถานุรูปปฎิการปฺปวตฺติยา จ กตากตานุโสจนญฺจ น โหตีติ ‘‘พาหุสเจฺจนปิ…เป.… อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียตี’’ติ อาหฯ ยทเคฺคน พาหุสเจฺจน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ, ตทเคฺคน ปริปุจฺฉกตาวินยปกตญฺญุตาหิปิ ตํ ปหียตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ พุทฺธเสวิตา จ พุทฺธสีลิตํ อาวหตีติ เจตโส วูปสมกรตฺตา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปหานการี วุตฺตาฯ พุทฺธตฺตํ ปน อนเปกฺขิตฺวา วินยธรา กุกฺกุจฺจวิโนทกา กลฺยาณมิตฺตา วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ วิเกฺขโป จ ภิกฺขุโน เยภุเยฺยน กุกฺกุจฺจเหตุโก โหตีติ ‘‘กปฺปิยากปฺปิยปริปุจฺฉามหุลสฺสา’’ติอาทินา วินยนเยเนว ปริปุจฺฉกตาทโย นิทฺทิฎฺฐาฯ ปหีเน อุทฺธจฺจกุกฺกุเจฺจติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํฯ กุกฺกุจฺจสฺส โทมนสฺสสหคตตฺตา อนาคามิมเคฺคน อายติํ อนุปฺปาโท วุโตฺตฯ
Bahussutassa ganthato atthato ca suttādīni vicārentassa atthavedādipaṭilābhasabbhāvato vikkhepo na hoti, yathāvidhipaṭipattiyā yathānurūpapaṭikārappavattiyā ca katākatānusocanañca na hotīti ‘‘bāhusaccenapi…pe… uddhaccakukkuccaṃ pahīyatī’’ti āha. Yadaggena bāhusaccena uddhaccakukkuccaṃ pahīyati, tadaggena paripucchakatāvinayapakataññutāhipi taṃ pahīyatīti daṭṭhabbaṃ. Buddhasevitā ca buddhasīlitaṃ āvahatīti cetaso vūpasamakarattā uddhaccakukkuccapahānakārī vuttā. Buddhattaṃ pana anapekkhitvā vinayadharā kukkuccavinodakā kalyāṇamittā vuttāti daṭṭhabbā. Vikkhepo ca bhikkhuno yebhuyyena kukkuccahetuko hotīti ‘‘kappiyākappiyaparipucchāmahulassā’’tiādinā vinayanayeneva paripucchakatādayo niddiṭṭhā. Pahīne uddhaccakukkucceti niddhāraṇe bhummaṃ. Kukkuccassa domanassasahagatattā anāgāmimaggena āyatiṃ anuppādo vutto.
ติฎฺฐติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ ฐานียา, วิจิกิจฺฉาย ฐานียา วิจิกิจฺฉาฎฺฐานียา, วิจิกิจฺฉาย การณภูตา ธมฺมาฯ ติฎฺฐตีติ วา ฐานียา, วิจิกิจฺฉา ฐานียา เอติสฺสาติ วิจิกิจฺฉาฎฺฐานียา, อตฺถโต วิจิกิจฺฉา เอวฯ สา หิ ปุริมุปฺปนฺนา ปรโต อุปฺปชฺชนกวิจิกิจฺฉาย สภาคเหตุตาย อสาธารณํฯ
Tiṭṭhati pavattati etthāti ṭhānīyā, vicikicchāya ṭhānīyā vicikicchāṭṭhānīyā, vicikicchāya kāraṇabhūtā dhammā. Tiṭṭhatīti vā ṭhānīyā, vicikicchā ṭhānīyā etissāti vicikicchāṭṭhānīyā, atthato vicikicchā eva. Sā hi purimuppannā parato uppajjanakavicikicchāya sabhāgahetutāya asādhāraṇaṃ.
กุสลากุสลาติ โกสลฺลสมฺภูตเฎฺฐน กุสลา, ตปฺปฎิปกฺขโต อกุสลาฯ เย อกุสลา, เต สาวชฺชา อเสวิตพฺพา หีนา จฯ เย กุสลา, เต อนวชฺชา เสวิตพฺพา ปณีตา จฯ กุสลาปิ วา หีเนหิ ฉนฺทาทีหิ อารทฺธา หีนา, ปณีเตหิ ปณีตาฯ กณฺหาติ กาฬกา, จิตฺตสฺส อปภสฺสรภาวกรณาฯ สุกฺกาติ โอทาตา, จิตฺตสฺส ปภสฺสรภาวกรณาฯ กณฺหาภิชาติเหตุโต วา กณฺหา, สุกฺกาภิชาติเหตุโต สุกฺกาฯ เต เอว สปฺปฎิภาคาฯ กณฺหา หิ อุชุวิปจฺจนีกตาย สุเกฺกหิ สปฺปฎิภาคา, ตถา สุกฺกาปิ อิตเรหิฯ อถ วา กณฺหสุกฺกา จ สปฺปฎิภาคา จ กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคาฯ สุขา หิ เวทนา ทุกฺขายเวทนาย สปฺปฎิภาคา, ทุกฺขา จ เวทนา สุขาย เวทนาย สปฺปฎิภาคาติฯ
Kusalākusalāti kosallasambhūtaṭṭhena kusalā, tappaṭipakkhato akusalā. Ye akusalā, te sāvajjā asevitabbā hīnā ca. Ye kusalā, te anavajjā sevitabbā paṇītā ca. Kusalāpi vā hīnehi chandādīhi āraddhā hīnā, paṇītehi paṇītā. Kaṇhāti kāḷakā, cittassa apabhassarabhāvakaraṇā. Sukkāti odātā, cittassa pabhassarabhāvakaraṇā. Kaṇhābhijātihetuto vā kaṇhā, sukkābhijātihetuto sukkā. Te eva sappaṭibhāgā. Kaṇhā hi ujuvipaccanīkatāya sukkehi sappaṭibhāgā, tathā sukkāpi itarehi. Atha vā kaṇhasukkā ca sappaṭibhāgā ca kaṇhasukkasappaṭibhāgā. Sukhā hi vedanā dukkhāyavedanāya sappaṭibhāgā, dukkhā ca vedanā sukhāya vedanāya sappaṭibhāgāti.
กามํ พาหุสจฺจปริปุจฺฉกตาหิ อฎฺฐวตฺถุกาปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ, ตถาปิ รตนตฺตยวิจิกิจฺฉามูลิกา เสสวิจิกิจฺฉาติ กตฺวา อาห ‘‘ตีณิ รตนานิ อารพฺภา’’ติฯ รตนตฺตยคุณาวโพเธ หิ ‘‘สตฺถริ กงฺขตี’’ติ (ธ. ส. ๑๐๐๘, ๑๑๒๓, ๑๑๖๗, ๑๒๔๑, ๑๒๖๓, ๑๒๗๐; วิภ. ๙๑๕) อาทิวิจิกิจฺฉาย อสมฺภโวติฯ วินเย ปกตญฺญุตา ‘‘สิกฺขาย กงฺขตี’’ติ (ธ. ส. ๑๐๐๘, ๑๑๒๓, ๑๑๖๗, ๑๒๔๑, ๑๒๖๓, ๑๒๗๐; วิภ. ๙๑๕) วุตฺตาย วิจิกิจฺฉาย ปหานํ กโรตีติ อาห ‘‘วินเย จิณฺณวสีภาวสฺสปี’’ติฯ โอกปฺปนียสทฺธาสงฺขาตอธิโมกฺขพหุลสฺสาติ สเทฺธยฺยวตฺถุโน อนุปวิสนสทฺธาสงฺขาตอธิโมเกฺขน อธิมุจฺจนพหุลสฺส ฯ อธิมุจฺจนญฺจ อธิโมกฺขุปฺปาทนเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ สทฺธาย วา นินฺนโปณตา อธิมุตฺติ อธิโมโกฺขฯ
Kāmaṃ bāhusaccaparipucchakatāhi aṭṭhavatthukāpi vicikicchā pahīyati, tathāpi ratanattayavicikicchāmūlikā sesavicikicchāti katvā āha ‘‘tīṇi ratanāni ārabbhā’’ti. Ratanattayaguṇāvabodhe hi ‘‘satthari kaṅkhatī’’ti (dha. sa. 1008, 1123, 1167, 1241, 1263, 1270; vibha. 915) ādivicikicchāya asambhavoti. Vinaye pakataññutā ‘‘sikkhāya kaṅkhatī’’ti (dha. sa. 1008, 1123, 1167, 1241, 1263, 1270; vibha. 915) vuttāya vicikicchāya pahānaṃ karotīti āha ‘‘vinaye ciṇṇavasībhāvassapī’’ti. Okappanīyasaddhāsaṅkhātaadhimokkhabahulassāti saddheyyavatthuno anupavisanasaddhāsaṅkhātaadhimokkhena adhimuccanabahulassa . Adhimuccanañca adhimokkhuppādanamevāti daṭṭhabbaṃ. Saddhāya vā ninnapoṇatā adhimutti adhimokkho.
สุภนิมิตฺตอสุภนิมิตฺตาทีสูติ ‘‘สุภนิมิตฺตาทีสุ อสุภนิมิตฺตาทีสู’’ติ อาทิ-สโทฺท ปเจฺจกํ โยเชตโพฺพฯ ตตฺถ ปฐเมน อาทิ-สเทฺทน ปฎิฆนิมิตฺตาทีนํ สงฺคโห, ทุติเยน เมตฺตาเจโตวิมุตฺติอาทีนํฯ เสสเมตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตนยเมวาติฯ
Subhanimittaasubhanimittādīsūti ‘‘subhanimittādīsu asubhanimittādīsū’’ti ādi-saddo paccekaṃ yojetabbo. Tattha paṭhamena ādi-saddena paṭighanimittādīnaṃ saṅgaho, dutiyena mettācetovimuttiādīnaṃ. Sesamettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ vuttanayamevāti.
นีวรณปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nīvaraṇapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.
ขนฺธปพฺพวณฺณนา
Khandhapabbavaṇṇanā
๑๑๖. อุปาทาเนหิ อารมฺมณกรณาทิวเสน อุปาทาตพฺพา วา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺทาฯ อิติ รูปนฺติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อิทํ-สเทฺทน สมานโตฺถติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อิทํ รูป’’นฺติฯ ตยิทํ สรูปโต อนวเสสปริยาทานํ โหตีติ อาห – ‘‘เอตฺตกํ รูปํ, น อิโต ปรํ รูปํ อตฺถี’’ติฯ อิตีติ วา ปการเตฺถ นิปาโต, ตสฺมา ‘‘อิติ รูป’’นฺติ อิมินา ภูตุปาทาทิวเสน ยตฺตโก รูปสฺส เภโท, เตน สทฺธิํ รูปํ อนวเสสโต ปริยาทิยิตฺวา ทเสฺสติฯ สภาวโตติ รุปฺปนสภาวโต จกฺขาทิวณฺณาทิสภาวโต จฯ เวทนาทีสุปีติ เอตฺถ ‘‘อยํ เวทนา, เอตฺตกา เวทนา, น อิโต ปรํ เวทนา อตฺถีติ สภาวโต เวทนํ ปชานาตี’’ติอาทินา, สภาวโตติ จ อนุภวนสภาวโต สาตาทิสภาวโต จาติ เอวมาทินา โยเชตพฺพํฯ
116. Upādānehi ārammaṇakaraṇādivasena upādātabbā vā khandhā upādānakkhandā. Iti rūpanti ettha iti-saddo idaṃ-saddena samānatthoti adhippāyenāha ‘‘idaṃ rūpa’’nti. Tayidaṃ sarūpato anavasesapariyādānaṃ hotīti āha – ‘‘ettakaṃ rūpaṃ, na ito paraṃ rūpaṃ atthī’’ti. Itīti vā pakāratthe nipāto, tasmā ‘‘iti rūpa’’nti iminā bhūtupādādivasena yattako rūpassa bhedo, tena saddhiṃ rūpaṃ anavasesato pariyādiyitvā dasseti. Sabhāvatoti ruppanasabhāvato cakkhādivaṇṇādisabhāvato ca. Vedanādīsupīti ettha ‘‘ayaṃ vedanā, ettakā vedanā, na ito paraṃ vedanā atthīti sabhāvato vedanaṃ pajānātī’’tiādinā, sabhāvatoti ca anubhavanasabhāvato sātādisabhāvato cāti evamādinā yojetabbaṃ.
ขนฺธปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Khandhapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.
อายตนปพฺพวณฺณนา
Āyatanapabbavaṇṇanā
๑๑๗. ฉสุ อชฺฌตฺติกพาหิเรสูติ (ที. นิ. ฎี. ๒.๓๘๔) ‘‘ฉสุ อชฺฌตฺติเกสุ ฉสุ พาหิเรสุ’’ติ ‘‘ฉสู’’ติ ปทํ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํฯ กสฺมา ปเนตานิ อุภยานิ ฉเฬว วุตฺตานิ? ฉวิญฺญาณกายุปฺปตฺติทฺวารารมฺมณววตฺถานโตฯ จกฺขุวิญฺญาณวีถิยา ปริยาปนฺนสฺส หิ วิญฺญาณกายสฺส จกฺขายตนเมว อุปฺปตฺติทฺวารํ, รูปายตนเมว จ อารมฺมณํ, ตถา อิตรานิ อิตเรสํ, ฉฎฺฐสฺส ปน ภวงฺคมนสงฺขาโต มนายตเนกเทโส อุปฺปตฺติทฺวารํ, อสาธารณญฺจ ธมฺมายตนํ อารมฺมณํฯ จกฺขตีติ จกฺขุ, รูปํ อสฺสาเทติ วิภาเวติ จาติ อโตฺถฯ สุณาตีติ โสตํฯ ฆายตีติ ฆานํฯ ชีวิตนิมิตฺตตาย รโส ชีวิตํ, ตํ ชีวิตมวฺหายตีติ ชิวฺหาฯ กุจฺฉิตานํ สาสวธมฺมานํ อาโย อุปฺปตฺติเทโสติ กาโยฯ มุนาติ อารมฺมณํ วิชานาตีติ มโนฯ รูปยติ วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ หทยงฺคตภาวํ ปกาเสตีติ รูปํฯ สปฺปติ อตฺตโน ปจฺจเยหิ หรียติ โสตวิเญฺญยฺยภาวํ คมียตีติ สโทฺทฯ คนฺธยติ อตฺตโน วตฺถุํ สูเจตีติ คโนฺธฯ รสนฺติ ตํ สตฺตา อสฺสาเทนฺตีติ รโสฯ ผุสียตีติ โผฎฺฐพฺพํฯ อตฺตโน ลกฺขณํ ธาเรนฺตีติ ธมฺมาฯ สพฺพานิ ปน อายานํ ตนนาทิอเตฺถน อายตนานิฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๑๐-๕๑๒) ตํสํวณฺณนาย (วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๒.๕๑๐) จ วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ
117.Chasu ajjhattikabāhiresūti (dī. ni. ṭī. 2.384) ‘‘chasu ajjhattikesu chasu bāhiresu’’ti ‘‘chasū’’ti padaṃ paccekaṃ yojetabbaṃ. Kasmā panetāni ubhayāni chaḷeva vuttāni? Chaviññāṇakāyuppattidvārārammaṇavavatthānato. Cakkhuviññāṇavīthiyā pariyāpannassa hi viññāṇakāyassa cakkhāyatanameva uppattidvāraṃ, rūpāyatanameva ca ārammaṇaṃ, tathā itarāni itaresaṃ, chaṭṭhassa pana bhavaṅgamanasaṅkhāto manāyatanekadeso uppattidvāraṃ, asādhāraṇañca dhammāyatanaṃ ārammaṇaṃ. Cakkhatīti cakkhu, rūpaṃ assādeti vibhāveti cāti attho. Suṇātīti sotaṃ. Ghāyatīti ghānaṃ. Jīvitanimittatāya raso jīvitaṃ, taṃ jīvitamavhāyatīti jivhā. Kucchitānaṃ sāsavadhammānaṃ āyo uppattidesoti kāyo. Munāti ārammaṇaṃ vijānātīti mano. Rūpayati vaṇṇavikāraṃ āpajjamānaṃ hadayaṅgatabhāvaṃ pakāsetīti rūpaṃ. Sappati attano paccayehi harīyati sotaviññeyyabhāvaṃ gamīyatīti saddo. Gandhayati attano vatthuṃ sūcetīti gandho. Rasanti taṃ sattā assādentīti raso. Phusīyatīti phoṭṭhabbaṃ. Attano lakkhaṇaṃ dhārentīti dhammā. Sabbāni pana āyānaṃ tananādiatthena āyatanāni. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimagge (visuddhi. 2.510-512) taṃsaṃvaṇṇanāya (visuddhi. mahāṭī. 2.510) ca vuttanayena veditabbo.
จกฺขุญฺจ ปชานาตีติ เอตฺถ จกฺขุ นาม ปสาทจกฺขุ, น สสมฺภารจกฺขุ, นาปิ ทิพฺพจกฺขุอาทิกนฺติ อาห ‘‘จกฺขุปสาท’’นฺติฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ยํ จกฺขุ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย ปสาโท’’ติ (ธ. ส. ๕๙๖-๕๙๙)ฯ จ-สโทฺท วกฺขมานตฺถสมุจฺจยโตฺถฯ ยาถาวสรสลกฺขณวเสนาติ อวิปรีตสฺส อตฺตโน รสสฺส เจว ลกฺขณสฺส จ วเสน, รูเปสุ อาวิญฺฉนกิจฺจสฺส เจว รูปาภิฆาตารหภูตปสาทลกฺขณสฺส จ วเสนาติ อโตฺถฯ ‘‘จกฺขุญฺจ ปฎิจฺจ รูเป จา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕-๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๕; ๔.๕๔-๕๕; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗) สมุทิตานิเยว รูปายตนานิ จกฺขุวิญฺญาณุปฺปตฺติเหตุ, น วิสุํ วิสุนฺติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘รูเป จา’’ติ ปุถุวจนคฺคหณํ, ตาย เอว จ เทสนาคติยา กามํ อิธาปิ ‘‘รูเป จ ปชานาตี’’ติ วุตฺตํ, รูปภาวสามเญฺญน ปน สพฺพํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘พหิทฺธา จตุสมุฎฺฐานิกรูปญฺจา’’ติ เอกวจนวเสน อโตฺถ วุโตฺตฯ สรสลกฺขณวเสนาติ จกฺขุวิญฺญาณสฺส วิสยภาวกิจฺจสฺส เจว จกฺขุปฎิหนนลกฺขณสฺส จ วเสนาติ โยเชตพฺพํฯ
Cakkhuñcapajānātīti ettha cakkhu nāma pasādacakkhu, na sasambhāracakkhu, nāpi dibbacakkhuādikanti āha ‘‘cakkhupasāda’’nti. Yaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘yaṃ cakkhu catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya pasādo’’ti (dha. sa. 596-599). Ca-saddo vakkhamānatthasamuccayattho. Yāthāvasarasalakkhaṇavasenāti aviparītassa attano rasassa ceva lakkhaṇassa ca vasena, rūpesu āviñchanakiccassa ceva rūpābhighātārahabhūtapasādalakkhaṇassa ca vasenāti attho. ‘‘Cakkhuñca paṭicca rūpe cā’’tiādīsu (ma. ni. 1.204, 400; 3.421, 425-426; saṃ. ni. 2.43-45; 4.54-55; kathā. 465, 467) samuditāniyeva rūpāyatanāni cakkhuviññāṇuppattihetu, na visuṃ visunti imassa atthassa dassanatthaṃ ‘‘rūpe cā’’ti puthuvacanaggahaṇaṃ, tāya eva ca desanāgatiyā kāmaṃ idhāpi ‘‘rūpe ca pajānātī’’ti vuttaṃ, rūpabhāvasāmaññena pana sabbaṃ ekajjhaṃ gahetvā ‘‘bahiddhā catusamuṭṭhānikarūpañcā’’ti ekavacanavasena attho vutto. Sarasalakkhaṇavasenāti cakkhuviññāṇassa visayabhāvakiccassa ceva cakkhupaṭihananalakkhaṇassa ca vasenāti yojetabbaṃ.
อุภยํ ปฎิจฺจาติ จกฺขุํ อุปนิสฺสยปจฺจยวเสน ปจฺจยภูตํ, รูเป อารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสยวเสน ปจฺจยภูเต จ ปฎิจฺจฯ กามญฺจายํ สุตฺตนฺตสํวณฺณนา , นิปฺปริยายกถา นาม อภิธมฺมสนฺนิสฺสิตา เอวาติ อภิธมฺมนเยเนว สํโยชนานิ ทเสฺสโนฺต ‘‘กามราค…เป.… อวิชฺชาสํโยชน’’นฺติ อาหฯ ตตฺถ กาเมสุ ราโค, กาโม จ โส ราโค จาติ กามราโค, โส เอว พนฺธนเฎฺฐน สํโยชนํฯ อยญฺหิ ยสฺส สํวิชฺชติ, ตํ ปุคฺคลํ วฎฺฎสฺมิํ สํโยเชติ พนฺธติ, อิติ ทุเกฺขน สตฺตํ, ภวาทิเก วา ภวนฺตราทีหิ, กมฺมุนา วา วิปากํ สํโยเชติ พนฺธตีติ สํโยชนํฯ เอวํ ปฎิฆสํโยชนาทีนมฺปิ ยถารหํ อโตฺถ วตฺตโพฺพฯ สรสลกฺขณวเสนาติ เอตฺถ ปน สตฺตสฺส วฎฺฎโต อนิสฺสชฺชนสงฺขาตสฺส อตฺตโน กิจฺจสฺส เจว ยถาวุตฺตพนฺธนสงฺขาตสฺส ลกฺขณสฺส จ วเสนาติ โยเชตพฺพํฯ
Ubhayaṃ paṭiccāti cakkhuṃ upanissayapaccayavasena paccayabhūtaṃ, rūpe ārammaṇādhipatiārammaṇūpanissayavasena paccayabhūte ca paṭicca. Kāmañcāyaṃ suttantasaṃvaṇṇanā , nippariyāyakathā nāma abhidhammasannissitā evāti abhidhammanayeneva saṃyojanāni dassento ‘‘kāmarāga…pe… avijjāsaṃyojana’’nti āha. Tattha kāmesu rāgo, kāmo ca so rāgo cāti kāmarāgo, so eva bandhanaṭṭhena saṃyojanaṃ. Ayañhi yassa saṃvijjati, taṃ puggalaṃ vaṭṭasmiṃ saṃyojeti bandhati, iti dukkhena sattaṃ, bhavādike vā bhavantarādīhi, kammunā vā vipākaṃ saṃyojeti bandhatīti saṃyojanaṃ. Evaṃ paṭighasaṃyojanādīnampi yathārahaṃ attho vattabbo. Sarasalakkhaṇavasenāti ettha pana sattassa vaṭṭato anissajjanasaṅkhātassa attano kiccassa ceva yathāvuttabandhanasaṅkhātassa lakkhaṇassa ca vasenāti yojetabbaṃ.
ภวสฺสาท-ทิฎฺฐิสฺสาท-นิวตฺตนตฺถํ กามสฺสาทคฺคหณํฯ อสฺสาทยโตติ อภิรมนฺตสฺสฯ อภินนฺทโตติ สปฺปฺปีติกตณฺหาวเสน นนฺทนฺตสฺสฯ ปททฺวเยนปิ พลวโต กามราคสฺส ปจฺจยภูตา กามราคุปฺปตฺติ วุตฺตาฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ เอตํ อารมฺมณนฺติ เอตํ เอวํสุขุมํ เอวํทุพฺพิภาคํ อารมฺมณํฯ นิจฺจํ ธุวนฺติ เอตํ นิทสฺสนมตฺตํ, ‘‘อุจฺฉิชฺชิสฺสติ วินสฺสิสฺสตีติ คณฺหโต’’ติ เอวมาทีนมฺปิ สงฺคโห อิจฺฉิตโพฺพฯ ภวํ ปเตฺถนฺตสฺสาติ ‘‘อีทิเส สมฺปตฺติภเว ยสฺมา อมฺหากํ อิทํ อิฎฺฐารมฺมณํ สุลภํ ชาตํ, ตสฺมา อายติมฺปิ สมฺปตฺติภโว ภเวยฺยา’’ติ ภวํ นิกาเมนฺตสฺสฯ เอวรูปํ สกฺกา ลทฺธุนฺติ โยชนาฯ อุสูยโตติ อุสูยํ อิสฺสํ อุปฺปาทยโตฯ อญฺญสฺส มจฺฉรายโตติ อเญฺญน อสาธารณภาวกรเณน มจฺฉริยํ กโรโตฯ สเพฺพเหว ยถาวุเตฺตหิ นวหิ สํโยชเนหิฯ
Bhavassāda-diṭṭhissāda-nivattanatthaṃ kāmassādaggahaṇaṃ. Assādayatoti abhiramantassa. Abhinandatoti sapppītikataṇhāvasena nandantassa. Padadvayenapi balavato kāmarāgassa paccayabhūtā kāmarāguppatti vuttā. Esa nayo sesesupi. Etaṃ ārammaṇanti etaṃ evaṃsukhumaṃ evaṃdubbibhāgaṃ ārammaṇaṃ. Niccaṃ dhuvanti etaṃ nidassanamattaṃ, ‘‘ucchijjissati vinassissatīti gaṇhato’’ti evamādīnampi saṅgaho icchitabbo. Bhavaṃ patthentassāti ‘‘īdise sampattibhave yasmā amhākaṃ idaṃ iṭṭhārammaṇaṃ sulabhaṃ jātaṃ, tasmā āyatimpi sampattibhavo bhaveyyā’’ti bhavaṃ nikāmentassa. Evarūpaṃ sakkā laddhunti yojanā. Usūyatoti usūyaṃ issaṃ uppādayato. Aññassa maccharāyatoti aññena asādhāraṇabhāvakaraṇena macchariyaṃ karoto. Sabbeheva yathāvuttehi navahi saṃyojanehi.
ตญฺจ การณนฺติ สุภนิมิตฺตปฎิฆนิมิตฺตาทิวิภาวํ อิฎฺฐานิฎฺฐาทิรูปารมฺมณเญฺจว ตชฺชาโยนิโสมนสิการญฺจาติ ตสฺส ตสฺส สํโยชนสฺส การณํฯ อวิกฺขมฺภิตอสมูหตภูมิลทฺธุปฺปนฺนตํ สนฺธาย ‘‘อปฺปหีนเฎฺฐน อุปฺปนฺนสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ วตฺตมานุปฺปนฺนตา สมุทาจารคฺคหเณเนว คหิตาฯ เยน การเณนาติ เยน วิปสฺสนาสมถภาวนาสงฺขาเตน การเณนฯ ตญฺหิ ตสฺส ตทงฺควเสน เจว วิกฺขมฺภนวเสน จ ปหานการณํฯ อิสฺสามจฺฉริยานํ อปายคมนียตาย ปฐมมคฺควชฺฌตา วุตฺตาฯ ยทิ เอวํ ‘‘ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปโนฺน โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๑) สุตฺตปทํ กถนฺติ? ตํ สุตฺตนฺตปริยาเยน วุตฺตํฯ ยถานุโลมสาสนญฺหิ สุตฺตนฺตเทสนา, อยํ ปน อภิธมฺมนเยน สํวณฺณนาติ นายํ โทโสฯ โอฬาริกสฺสาติ ถูลสฺส, ยโต อภิณฺหสมุปฺปตฺติปริยุฎฺฐานติพฺพตาว โหติฯ อณุสหคตสฺสาติ วุตฺตปฺปการโอฬาริกาภาเวน อณุภาวํ สุขุมภาวํ คตสฺสฯ อุทฺธจฺจสํโยชนสฺสเปตฺถ อนุปฺปาโท วุโตฺตเยว ยถาวุตฺตสํโยชเนหิ อวินาภาวโตฯ โสตาทีนํ สภาวสรสลกฺขณวเสน ปชานนา, ตปฺปจฺจยานํ สํโยชนานํ อุปฺปาทาทิปชานนา จ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอเสว นโย’’ติ อติทิสติฯ
Tañca kāraṇanti subhanimittapaṭighanimittādivibhāvaṃ iṭṭhāniṭṭhādirūpārammaṇañceva tajjāyonisomanasikārañcāti tassa tassa saṃyojanassa kāraṇaṃ. Avikkhambhitaasamūhatabhūmiladdhuppannataṃ sandhāya ‘‘appahīnaṭṭhena uppannassā’’ti vuttaṃ. Vattamānuppannatā samudācāraggahaṇeneva gahitā. Yena kāraṇenāti yena vipassanāsamathabhāvanāsaṅkhātena kāraṇena. Tañhi tassa tadaṅgavasena ceva vikkhambhanavasena ca pahānakāraṇaṃ. Issāmacchariyānaṃ apāyagamanīyatāya paṭhamamaggavajjhatā vuttā. Yadi evaṃ ‘‘tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sotāpanno hotī’’ti (a. ni. 4.241) suttapadaṃ kathanti? Taṃ suttantapariyāyena vuttaṃ. Yathānulomasāsanañhi suttantadesanā, ayaṃ pana abhidhammanayena saṃvaṇṇanāti nāyaṃ doso. Oḷārikassāti thūlassa, yato abhiṇhasamuppattipariyuṭṭhānatibbatāva hoti. Aṇusahagatassāti vuttappakāraoḷārikābhāvena aṇubhāvaṃ sukhumabhāvaṃ gatassa. Uddhaccasaṃyojanassapettha anuppādo vuttoyeva yathāvuttasaṃyojanehi avinābhāvato. Sotādīnaṃ sabhāvasarasalakkhaṇavasena pajānanā, tappaccayānaṃ saṃyojanānaṃ uppādādipajānanā ca vuttanayeneva veditabbāti dassento ‘‘eseva nayo’’ti atidisati.
อตฺตโน วา ธเมฺมสูติ อตฺตโน อชฺฌตฺติกายตนธเมฺมสุ, อตฺตโน อุภยธเมฺมสุ วาฯ อิมสฺมิํ ปเกฺข อชฺฌตฺติกายตนปริคฺคหเณนาติ อชฺฌตฺติกายตนปริคฺคณฺหนมุเขนาติ อโตฺถ, เอวญฺจ อนวเสสโต สปรสนฺตาเนสุ อายตนานํ ปริคฺคโห สิโทฺธ โหติฯ ปรสฺส วา ธเมฺมสูติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ รูปายตนสฺสาติ อเฑฺฒกาทสปเภทรูปสภาวสฺส อายตนสฺสฯ รูปกฺขเนฺธ วุตฺตนเยน นีหริตพฺพาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ เสสขเนฺธสูติ เวทนาสญฺญาสงฺขารกฺขเนฺธสุฯ วุตฺตนเยนาติ อิมินา อติเทเสน รูปกฺขเนฺธ อาหารสมุทยาติ, วิญฺญาณกฺขเนฺธ นามรูปสมุทยาติ, เสสกฺขเนฺธสุ ผสฺสสมุทยาติ อิมํ วิเสสํ วิภาเวติ, อิตรํ ปน สพฺพตฺถ สมานนฺติฯ ขนฺธปเพฺพ วิย อายตนปเพฺพปิ โลกุตฺตรนิวตฺตนํ ปาฬิยํ คหิตํ นตฺถีติ อาห ‘‘โลกุตฺตรธมฺมา น คเหตพฺพา’’ติฯ
Attano vā dhammesūti attano ajjhattikāyatanadhammesu, attano ubhayadhammesu vā. Imasmiṃ pakkhe ajjhattikāyatanapariggahaṇenāti ajjhattikāyatanapariggaṇhanamukhenāti attho, evañca anavasesato saparasantānesu āyatanānaṃ pariggaho siddho hoti. Parassa vā dhammesūti etthāpi eseva nayo. Rūpāyatanassāti aḍḍhekādasapabhedarūpasabhāvassa āyatanassa. Rūpakkhandhe vuttanayena nīharitabbāti ānetvā sambandhitabbaṃ. Sesakhandhesūti vedanāsaññāsaṅkhārakkhandhesu. Vuttanayenāti iminā atidesena rūpakkhandhe āhārasamudayāti, viññāṇakkhandhe nāmarūpasamudayāti, sesakkhandhesu phassasamudayāti imaṃ visesaṃ vibhāveti, itaraṃ pana sabbattha samānanti. Khandhapabbe viya āyatanapabbepi lokuttaranivattanaṃ pāḷiyaṃ gahitaṃ natthīti āha ‘‘lokuttaradhammā na gahetabbā’’ti.
อายตนปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Āyatanapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.
โพชฺฌงฺคปพฺพวณฺณนา
Bojjhaṅgapabbavaṇṇanā
๑๑๘. พุชฺฌนกสตฺตสฺสาติ กิเลสนิทฺทาย ปฎิพุชฺฌนกสตฺตสฺส, อริยสจฺจานํ วา ปฎิวิชฺฌนกสตฺตสฺสฯ อเงฺคสูติ การเณสุ, อวยเวสุ วาฯ อุทยพฺพยญาณุปฺปาทโต ปฎฺฐาย สโมฺพธิปฎิปทายํ ฐิโต นาม โหตีติ อาห ‘‘อารทฺธวิปสฺสกโต ปฎฺฐาย โยคาวจโรติ สโมฺพธี’’ติฯ
118.Bujjhanakasattassāti kilesaniddāya paṭibujjhanakasattassa, ariyasaccānaṃ vā paṭivijjhanakasattassa. Aṅgesūti kāraṇesu, avayavesu vā. Udayabbayañāṇuppādato paṭṭhāya sambodhipaṭipadāyaṃ ṭhito nāma hotīti āha ‘‘āraddhavipassakato paṭṭhāya yogāvacaroti sambodhī’’ti.
‘‘สติสโมฺพชฺฌงฺคฎฺฐานียา’’ติ ปทสฺส อโตฺถ ‘‘วิจิกิจฺฉฎฺฐานียา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ ตนฺติ โยนิโสมนสิการํฯ ตตฺถาติ สติยํฯ นิปฺผาเทตเพฺพ เจตํ ภุมฺมํฯ
‘‘Satisambojjhaṅgaṭṭhānīyā’’ti padassa attho ‘‘vicikicchaṭṭhānīyā’’ti ettha vuttanayena veditabbo. Tanti yonisomanasikāraṃ. Tatthāti satiyaṃ. Nipphādetabbe cetaṃ bhummaṃ.
สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ สติสมฺปชญฺญํ (ที. นิ. ฎี. ๒.๓๘๕; สํ. นิ. ฎี. ๒.๕.๒๓๒; อ. นิ. ฎี. ๑.๑.๔๑๘)ฯ อถ วา สติปธานํ อภิกฺกนฺตาทิสาตฺถกภาวปริคฺคณฺหนญาณํ สติสมฺปชญฺญํฯ ตํ สพฺพตฺถ สโตการิภาวาวหตฺตา สติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย โหติฯ ยถา ปจฺจนีกธมฺมานํ ปหานํ อนุรูปธมฺมเสวนา จ อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย โหติ, เอวํ สติรหิตปุคฺคลวิวชฺฌนา, สโตการีปุคฺคลเสวนา, ตตฺถ จ ยุตฺตปยุตฺตตา สติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย โหตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘สติสมฺปชญฺญ’’นฺติอาทินาฯ
Sati ca sampajaññañca satisampajaññaṃ (dī. ni. ṭī. 2.385; saṃ. ni. ṭī. 2.5.232; a. ni. ṭī. 1.1.418). Atha vā satipadhānaṃ abhikkantādisātthakabhāvapariggaṇhanañāṇaṃ satisampajaññaṃ. Taṃ sabbattha satokāribhāvāvahattā satisambojjhaṅgassa uppādāya hoti. Yathā paccanīkadhammānaṃ pahānaṃ anurūpadhammasevanā ca anuppannānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ uppādāya hoti, evaṃ satirahitapuggalavivajjhanā, satokārīpuggalasevanā, tattha ca yuttapayuttatā satisambojjhaṅgassa uppādāya hotīti imamatthaṃ dasseti ‘‘satisampajañña’’ntiādinā.
ธมฺมานํ, ธเมฺมสุ วา วิจโย ธมฺมวิจโย, โส เอว สโมฺพชฺฌโงฺค, ตสฺส ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคสฺสฯ ‘‘กุสลากุสลา ธมฺมา’’ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโรติ กุสลาทีสุ ตํตํสภาวรสลกฺขณาทิกสฺส ยาถาวโต อวพุชฺฌนวเสน อุปฺปโนฺน ญาณสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาโทฯ โส หิ อวิปรีตมนสิการตาย ‘‘โยนิโสมนสิกาโร’’ติ วุโตฺต, ตทาโภคตาย อาวชฺชนาปิ ตคฺคติกาว, ตสฺส อภิณฺหปวตฺตนํ พหุลีกาโรฯ ภิโยฺยภาวายาติ ปุนปฺปุนภาวายฯ เวปุลฺลายาติ วิปุลภาวายฯ ปาริปูริยาติ ปริพฺรูหนายฯ
Dhammānaṃ, dhammesu vā vicayo dhammavicayo, so eva sambojjhaṅgo, tassa dhammavicayasambojjhaṅgassa. ‘‘Kusalākusalā dhammā’’tiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. Tattha yonisomanasikārabahulīkāroti kusalādīsu taṃtaṃsabhāvarasalakkhaṇādikassa yāthāvato avabujjhanavasena uppanno ñāṇasampayuttacittuppādo. So hi aviparītamanasikāratāya ‘‘yonisomanasikāro’’ti vutto, tadābhogatāya āvajjanāpi taggatikāva, tassa abhiṇhapavattanaṃ bahulīkāro. Bhiyyobhāvāyāti punappunabhāvāya. Vepullāyāti vipulabhāvāya. Pāripūriyāti paribrūhanāya.
ปริปุจฺฉกตาติ ปริโยคาเหตฺวา ปุจฺฉกภาโวฯ อาจริเย ปยิรุปาสิตฺวา ปญฺจปิ นิกาเย สห อฎฺฐกถาย ปริโยคาเหตฺวา ยํ ยํ ตตฺถ คณฺฐิฎฺฐานภูตํ, ตํ ตํ ‘‘อิทํ ภเนฺต กถํ, อิมสฺส โก อโตฺถ’’ติ ขนฺธายตนาทิอตฺถํ ปุจฺฉนฺตสฺส ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌโงฺค อุปฺปชฺชติฯ เตนาห ‘‘ขนฺธธาตุ…เป.… พหุลตา’’ติฯ
Paripucchakatāti pariyogāhetvā pucchakabhāvo. Ācariye payirupāsitvā pañcapi nikāye saha aṭṭhakathāya pariyogāhetvā yaṃ yaṃ tattha gaṇṭhiṭṭhānabhūtaṃ, taṃ taṃ ‘‘idaṃ bhante kathaṃ, imassa ko attho’’ti khandhāyatanādiatthaṃ pucchantassa dhammavicayasambojjhaṅgo uppajjati. Tenāha ‘‘khandhadhātu…pe… bahulatā’’ti.
วตฺถุวิสทกิริยาติ เอตฺถ จิตฺตเจตสิกานํ ปวตฺติฎฺฐานภาวโต สรีรํ, ตปฺปฎิพทฺธานิ จีวราทีนิ จ อิธ ‘‘วตฺถูนี’’ติ อธิเปฺปตานิฯ ตานิ ยถา จิตฺตสฺส สุขาวหานิ โหนฺติ, ตถา กรณํ เตสํ วิสทภาวกรณํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อชฺฌตฺติกพาหิราน’’นฺติอาทิฯ อุสฺสนฺนโทสนฺติ วาตาทิอุสฺสนฺนโทสํฯ เสทมลมกฺขิตนฺติ เสเทน เจว ชลฺลิกาสงฺขาเตน สรีรมเลน จ มกฺขิตํฯ จ-สเทฺทน อญฺญมฺปิ สรีรสฺส ปีฬาวหํ สงฺคณฺหาติฯ เสนาสนํ วาติ วา-สเทฺทน ปตฺตาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อวิสเท สติ, วิสยภูเต วาฯ กถํ ภาวนมนุยุตฺตสฺส ตานิ วิสโย? อนฺตรนฺตรา ปวตฺตนกจิตฺตุปฺปาทวเสเนวํ วุตฺตํฯ เต หิ จิตฺตุปฺปาทา จิเตฺตกคฺคตาย อปริสุทฺธภาวาย สํวตฺตนฺติฯ จิตฺตเจตสิเกสุ นิสฺสยาทิปจฺจยภูเตสุฯ ญาณมฺปีติ ปิ-สโทฺท สมฺปิณฺฑนโตฺถฯ เตน น เกวลํ ตํ วตฺถุเยว, อถ โข ตสฺมิํ อปริสุเทฺธ ญาณมฺปิ อปริสุทฺธํ โหตีติ นิสฺสยาปริสุทฺธิยา ตํนิสฺสิตาปริสุทฺธิ วิย วิสยสฺส อปริสุทฺธตาย วิสยีนํ อปริสุทฺธิํ ทเสฺสติฯ
Vatthuvisadakiriyāti ettha cittacetasikānaṃ pavattiṭṭhānabhāvato sarīraṃ, tappaṭibaddhāni cīvarādīni ca idha ‘‘vatthūnī’’ti adhippetāni. Tāni yathā cittassa sukhāvahāni honti, tathā karaṇaṃ tesaṃ visadabhāvakaraṇaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘ajjhattikabāhirāna’’ntiādi. Ussannadosanti vātādiussannadosaṃ. Sedamalamakkhitanti sedena ceva jallikāsaṅkhātena sarīramalena ca makkhitaṃ. Ca-saddena aññampi sarīrassa pīḷāvahaṃ saṅgaṇhāti. Senāsanaṃ vāti vā-saddena pattādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Avisade sati, visayabhūte vā. Kathaṃ bhāvanamanuyuttassa tāni visayo? Antarantarā pavattanakacittuppādavasenevaṃ vuttaṃ. Te hi cittuppādā cittekaggatāya aparisuddhabhāvāya saṃvattanti. Cittacetasikesu nissayādipaccayabhūtesu. Ñāṇampīti pi-saddo sampiṇḍanattho. Tena na kevalaṃ taṃ vatthuyeva, atha kho tasmiṃ aparisuddhe ñāṇampi aparisuddhaṃ hotīti nissayāparisuddhiyā taṃnissitāparisuddhi viya visayassa aparisuddhatāya visayīnaṃ aparisuddhiṃ dasseti.
สมภาวกรณนฺติ กิจฺจโต อนูนาธิกภาวกรณํฯ ยถาปจฺจยํ สเทฺธยฺยวตฺถุสฺมิํ อธิโมกฺขกิจฺจสฺส ปฎุตรภาเวน ปญฺญาย อวิสทตาย วีริยาทีนญฺจ สิถิลตาทินา สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ โหติฯ เตนาห ‘‘อิตรานิ มนฺทานี’’ติฯ ตโตติ ตสฺมา สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาวโต อิตเรสญฺจ มนฺทตฺตาฯ โกสชฺชปเกฺข ปติตุํ อทตฺวา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปคฺคณฺหนํ อนุพลปฺปทานํ ปคฺคโห, ปคฺคโหว กิจฺจํ ปคฺคหกิจฺจํฯ ‘‘กาตุํ น สโกฺกตี’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา ฐานํ, อนิสฺสชฺชนํ วา อุปฎฺฐานํฯ วิเกฺขปปฎิปโกฺข, เยน วา สมฺปยุตฺตา อวิกฺขิตฺตา โหนฺติ, โส อวิเกฺขโปฯ รูปคตํ วิย จกฺขุนา เยน ยาถาวโต วิสยสภาวํ ปสฺสติ, ตํ ทสฺสนกิจฺจํ กาตุํ น สโกฺกติ พลวตา สทฺธินฺทฺริเยน อภิภูตตฺตาฯ สหชาตธเมฺมสุ อินฺทฎฺฐํ กาเรนฺตานํ สหปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ เอกรสตาวเสเนว อตฺถสิทฺธิ, น อญฺญถาฯ
Samabhāvakaraṇanti kiccato anūnādhikabhāvakaraṇaṃ. Yathāpaccayaṃ saddheyyavatthusmiṃ adhimokkhakiccassa paṭutarabhāvena paññāya avisadatāya vīriyādīnañca sithilatādinā saddhindriyaṃ balavaṃ hoti. Tenāha ‘‘itarāni mandānī’’ti. Tatoti tasmā saddhindriyassa balavabhāvato itaresañca mandattā. Kosajjapakkhe patituṃ adatvā sampayuttadhammānaṃ paggaṇhanaṃ anubalappadānaṃ paggaho, paggahova kiccaṃ paggahakiccaṃ. ‘‘Kātuṃ na sakkotī’’ti ānetvā sambandhitabbaṃ. Ārammaṇaṃ upagantvā ṭhānaṃ, anissajjanaṃ vā upaṭṭhānaṃ. Vikkhepapaṭipakkho, yena vā sampayuttā avikkhittā honti, so avikkhepo. Rūpagataṃ viya cakkhunā yena yāthāvato visayasabhāvaṃ passati, taṃ dassanakiccaṃ kātuṃ na sakkoti balavatā saddhindriyena abhibhūtattā. Sahajātadhammesu indaṭṭhaṃ kārentānaṃ sahapavattamānānaṃ dhammānaṃ ekarasatāvaseneva atthasiddhi, na aññathā.
ตสฺมาติ วุตฺตเมวตฺถํ การณภาเวน ปจฺจามสติฯ ตนฺติ สทฺธินฺทฺริยํฯ ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณนาติ ยสฺส สเทฺธยฺยวตฺถุโน อุฬารตาทิคุเณ อธิมุจฺจนสฺส สาติสยปฺปวตฺติยา สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ ชาตํ, ตสฺส ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนตาทิวิภาคโต ยาถาวโต วีมํสเนนฯ เอวญฺหิ เอวํธมฺมตานเยน สภาวสรสโต ปริคฺคยฺหมาเน สวิปฺผาโร อธิโมโกฺข น โหติ ‘‘อยํ อิเมสํ ธมฺมานํ สภาโว’’ติ ปริชานนวเสน ปญฺญาพฺยาปารสฺส สาติสยตฺตาฯ ธุริยธเมฺมสุ หิ ยถา สทฺธาย พลวภาเว ปญฺญาย มนฺทภาโว โหติ, เอวํ ปญฺญาย พลวภาเว สทฺธาย มนฺทภาโว โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตํ ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณน…เป.… หาเปตพฺพ’’นฺติฯ ตถา อมนสิกาเรนาติ เยนากาเรน ภาวนมนุยุญฺชนฺตสฺส สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ ชาตํ, เตนากาเรน ภาวนาย อนนุยุญฺชนโตติ วุตฺตํ โหติฯ อิธ ทุวิเธน สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาโว อตฺตโน วา ปจฺจยวิเสสวเสน กิจฺจุตฺตริยโต วีริยาทีนํ วา มนฺทกิจฺจตายฯ ตตฺถ ปฐมวิกเปฺป หาปนวิธิ ทสฺสิโต, ทุติยวิกเปฺป ปน ยถา มนสิกโรโต วีริยาทีนํ มนฺทกิจฺจตาย สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ ชาตํ, ตถา อมนสิกาเรน, วีริยาทีนํ ปฎุกิจฺจภาวาวเหน มนสิกาเรน สทฺธินฺทฺริยํ เตหิ สมรสํ กโรเนฺตน หาเปตพฺพํฯ อิมินา นเยน เสสินฺทฺริเยสุปิ หาปนวิธิ เวทิตโพฺพฯ
Tasmāti vuttamevatthaṃ kāraṇabhāvena paccāmasati. Tanti saddhindriyaṃ. Dhammasabhāvapaccavekkhaṇenāti yassa saddheyyavatthuno uḷāratādiguṇe adhimuccanassa sātisayappavattiyā saddhindriyaṃ balavaṃ jātaṃ, tassa paccayapaccayuppannatādivibhāgato yāthāvato vīmaṃsanena. Evañhi evaṃdhammatānayena sabhāvasarasato pariggayhamāne savipphāro adhimokkho na hoti ‘‘ayaṃ imesaṃ dhammānaṃ sabhāvo’’ti parijānanavasena paññābyāpārassa sātisayattā. Dhuriyadhammesu hi yathā saddhāya balavabhāve paññāya mandabhāvo hoti, evaṃ paññāya balavabhāve saddhāya mandabhāvo hoti. Tena vuttaṃ ‘‘taṃ dhammasabhāvapaccavekkhaṇena…pe… hāpetabba’’nti. Tathāamanasikārenāti yenākārena bhāvanamanuyuñjantassa saddhindriyaṃ balavaṃ jātaṃ, tenākārena bhāvanāya ananuyuñjanatoti vuttaṃ hoti. Idha duvidhena saddhindriyassa balavabhāvo attano vā paccayavisesavasena kiccuttariyato vīriyādīnaṃ vā mandakiccatāya. Tattha paṭhamavikappe hāpanavidhi dassito, dutiyavikappe pana yathā manasikaroto vīriyādīnaṃ mandakiccatāya saddhindriyaṃ balavaṃ jātaṃ, tathā amanasikārena, vīriyādīnaṃ paṭukiccabhāvāvahena manasikārena saddhindriyaṃ tehi samarasaṃ karontena hāpetabbaṃ. Iminā nayena sesindriyesupi hāpanavidhi veditabbo.
วกฺกลิเตฺถรวตฺถูติ โส หิ อายสฺมา สทฺธาธิมุตฺตาย กตาธิกาโร สตฺถุ รูปกายทสฺสนปสุโต เอว หุตฺวา วิหรโนฺต สตฺถารา ‘‘กิํ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิเฎฺฐน, โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๘๗) โอวทิตฺวา กมฺมฎฺฐาเน นิโยชิโตปิ ตํ อนนุยุญฺชโนฺต ปณามิโต อตฺตานํ วินิปาเตตุํ ปปาตฎฺฐานํ อภิรุหิฯ อถ นํ สตฺถา ยถานิสิโนฺนว โอภาสคิสฺสชฺชเนน อตฺถานํ ทเสฺสตฺวา –
Vakkalittheravatthūti so hi āyasmā saddhādhimuttāya katādhikāro satthu rūpakāyadassanapasuto eva hutvā viharanto satthārā ‘‘kiṃ te, vakkali, iminā pūtikāyena diṭṭhena, yo kho, vakkali, dhammaṃ passati, so maṃ passatī’’tiādinā (saṃ. ni. 3.87) ovaditvā kammaṭṭhāne niyojitopi taṃ ananuyuñjanto paṇāmito attānaṃ vinipātetuṃ papātaṭṭhānaṃ abhiruhi. Atha naṃ satthā yathānisinnova obhāsagissajjanena atthānaṃ dassetvā –
‘‘ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ, ปสโนฺน พุทฺธสาสเน;
‘‘Pāmojjabahulo bhikkhu, pasanno buddhasāsane;
อธิคเจฺฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุข’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๘๑);
Adhigacche padaṃ santaṃ, saṅkhārūpasamaṃ sukha’’nti. (dha. pa. 381);
คาถํ วตฺวา ‘‘เอหิวกฺกลี’’ติ อาหฯ โส เตน อมเตเนว อภิสิโตฺต หฎฺฐตุโฎฺฐ หุตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปสิ, สทฺธาย ปน พลวภาวโต วิปสฺสนาวีถิํ น โอตรติฯ ตํ ญตฺวา ภควา ตสฺส อินฺทฺริยสมตฺตปฎิปาทนาย กมฺมฎฺฐานํ โสเธตฺวา อทาสิฯ โส สตฺถารา ทินฺนนเยน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฎิปาฎิยา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘วกฺกลิเตฺถรวตฺถุ เจตฺถ นิทสฺสน’’นฺติฯ
Gāthaṃ vatvā ‘‘ehivakkalī’’ti āha. So tena amateneva abhisitto haṭṭhatuṭṭho hutvā vipassanaṃ paṭṭhapesi, saddhāya pana balavabhāvato vipassanāvīthiṃ na otarati. Taṃ ñatvā bhagavā tassa indriyasamattapaṭipādanāya kammaṭṭhānaṃ sodhetvā adāsi. So satthārā dinnanayena vipassanaṃ ussukkāpetvā maggapaṭipāṭiyā arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ ‘‘vakkalittheravatthu cettha nidassana’’nti.
อิตรกิจฺจเภทนฺติ อุปฎฺฐานาทิกิจฺจวิเสสํฯ ปสฺสทฺธาทีติ อาทิ-สเทฺทน สมาธิอุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคานํ สงฺคโหฯ หาเปตพฺพนฺติ ยถา สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาโว ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณน หายติ, เอวํ วีริยินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตา ปสฺสทฺธิอาทิภาวนาย หายติ สมาธิปกฺขิยตฺตา ตสฺสาฯ ตถาหิ สา สมาธินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตํ โกสชฺชปาตโต รกฺขนฺตี วีริยาทิภาวนา วิย วีริยินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตํ อุทฺธจฺจปาตโต รกฺขนฺตี เอกํสโต หาเปติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปสฺสทฺธาทิภาวนาย หาเปตพฺพ’’นฺติฯ โสณเตฺถรสฺส วตฺถูติ สุขุมาลโสณเตฺถรสฺส วตฺถุฯ โส หิ อายสฺมา, สตฺถุ, สนฺติเก กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา สีตวเน วิหรโนฺต ‘‘มม สรีรํ สุขุมาลํ, น จ สกฺกา สุเขเนว สุขํ อธิคนฺตุํ, กายํ กิลเมตฺวาปิ สมณธโมฺม กาตโพฺพ’’ติ ฐานจงฺกมเมว อธิฎฺฐาย ปธานมนุยุญฺชโนฺต ปาทตเลสุ โผเฎสุ อุฎฺฐิเตสุปิ เวทนํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ทฬฺหวีริยํ กโรโนฺต อจฺจารทฺธวีริยตาย วิเสสํ นิพฺพเตฺตตุํ นาสกฺขิฯ สตฺถา ตตฺถ คนฺตฺวา วีณูปโมวาเทน โอวทิตฺวา วีริยสมตาโยชนวิธิํ ทเสฺสโนฺต กมฺมฎฺฐานํ โสเธตฺวา คิชฺฌกูฎํ คโตฯ เถโรปิ สตฺถารา ทินฺนนเยน วีริยสมตํ โยเชตฺวา ภาเวโนฺต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหเตฺต ปติฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โสณเตฺถรสฺส วตฺถุ ทเสฺสตพฺพ’’นฺติฯ เสเสสุปีติ สติสมาธิปญฺญินฺทฺริเยสุปิฯ
Itarakiccabhedanti upaṭṭhānādikiccavisesaṃ. Passaddhādīti ādi-saddena samādhiupekkhāsambojjhaṅgānaṃ saṅgaho. Hāpetabbanti yathā saddhindriyassa balavabhāvo dhammasabhāvapaccavekkhaṇena hāyati, evaṃ vīriyindriyassa adhimattatā passaddhiādibhāvanāya hāyati samādhipakkhiyattā tassā. Tathāhi sā samādhindriyassa adhimattataṃ kosajjapātato rakkhantī vīriyādibhāvanā viya vīriyindriyassa adhimattataṃ uddhaccapātato rakkhantī ekaṃsato hāpeti. Tena vuttaṃ ‘‘passaddhādibhāvanāya hāpetabba’’nti. Soṇattherassa vatthūti sukhumālasoṇattherassa vatthu. So hi āyasmā, satthu, santike kammaṭṭhānaṃ gahetvā sītavane viharanto ‘‘mama sarīraṃ sukhumālaṃ, na ca sakkā sukheneva sukhaṃ adhigantuṃ, kāyaṃ kilametvāpi samaṇadhammo kātabbo’’ti ṭhānacaṅkamameva adhiṭṭhāya padhānamanuyuñjanto pādatalesu phoṭesu uṭṭhitesupi vedanaṃ ajjhupekkhitvā daḷhavīriyaṃ karonto accāraddhavīriyatāya visesaṃ nibbattetuṃ nāsakkhi. Satthā tattha gantvā vīṇūpamovādena ovaditvā vīriyasamatāyojanavidhiṃ dassento kammaṭṭhānaṃ sodhetvā gijjhakūṭaṃ gato. Theropi satthārā dinnanayena vīriyasamataṃ yojetvā bhāvento vipassanaṃ ussukkāpetvā arahatte patiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ ‘‘soṇattherassa vatthu dassetabba’’nti. Sesesupīti satisamādhipaññindriyesupi.
สมตนฺติ สทฺธาปญฺญานํ อญฺญมญฺญํ อนูนานธิกภาวํ, ตถา สมาธิวีริยานํฯ ยถา หิ สทฺธาปญฺญานํ วิสุํ วิสุํ ธุริยธมฺมภูตานํ กิจฺจโต อญฺญมญฺญานาติวตฺตนํ วิเสสโต อิจฺฉิตพฺพํ, ยโต เนสํ สมธุรตาย อปฺปนา สมฺปชฺชติ, เอวํ สมาธิวีริยานํ โกสชฺชุทฺธจฺจปกฺขิกานํ สมรสตาย สติ อญฺญมญฺญูปตฺถมฺภนโต สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อนฺตทฺวยปาตาภาเวน สมฺมเทว อปฺปนา อิชฺฌตีติฯ พลวสโทฺธติอาทิ วุตฺตเสฺสวตฺถสฺส พฺยติเรกมุเขน สมตฺถนํฯ ตสฺสโตฺถ – โย พลวติยา สทฺธาย สมนฺนาคโต อวิสทญาโณ, โส มุธาปสโนฺน โหติ, น อเวจฺจปฺปสโนฺนฯ ตถา หิ โส อวตฺถุสฺมิํ ปสีทติ เสยฺยถาปิ ติตฺถิยสาวกาฯ เกราฎิกปกฺขนฺติ สาเฐยฺยปกฺขํ ภชติฯ สทฺธาหีนาย ปญฺญาย อติธาวโนฺต ‘‘เทยฺยวตฺถุปริจฺจาเคน วินา จิตฺตุปฺปาทมเตฺตนปิ ทานมยํ ปุญฺญํ โหตี’’ติอาทีนิ ปริกเปฺปติ เหตุปติรูปเกหิ วญฺจิโต, เอวํภูโต จ สุกฺขตกฺกวิลุตฺตจิโตฺต ปณฺฑิตานํ วจนํ นาทิยติ, สญฺญตฺติํ น คจฺฉติฯ เตนาห ‘‘เภสชฺชสมุฎฺฐิโต วิย โรโค อเตกิโจฺฉ โหตี’’ติฯ ยถา เจตฺถ สทฺธาปญฺญานํ อญฺญมญฺญํ สมภาโว อตฺถาวโห, อนตฺถาวโห วิสมภาโว, เอวํ สมาธิวีริยานํ อญฺญมญฺญํ อวิเกฺขปาวโห สมภาโว, อิตโร วิเกฺขปาวโห จาติฯ โกสชฺชํ อธิภวติ, เตน อปฺปนํ น ปาปุณาตีติ อธิปฺปาโย ฯ อุทฺธจฺจํ อธิภวตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ตทุภยนฺติ สทฺธาปญฺญาทฺวยํ สมาธิวีริยทฺวยญฺจฯ สมํ กาตพฺพนฺติ สมรสํ กาตพฺพํฯ
Samatanti saddhāpaññānaṃ aññamaññaṃ anūnānadhikabhāvaṃ, tathā samādhivīriyānaṃ. Yathā hi saddhāpaññānaṃ visuṃ visuṃ dhuriyadhammabhūtānaṃ kiccato aññamaññānātivattanaṃ visesato icchitabbaṃ, yato nesaṃ samadhuratāya appanā sampajjati, evaṃ samādhivīriyānaṃ kosajjuddhaccapakkhikānaṃ samarasatāya sati aññamaññūpatthambhanato sampayuttadhammānaṃ antadvayapātābhāvena sammadeva appanā ijjhatīti. Balavasaddhotiādi vuttassevatthassa byatirekamukhena samatthanaṃ. Tassattho – yo balavatiyā saddhāya samannāgato avisadañāṇo, so mudhāpasanno hoti,na aveccappasanno. Tathā hi so avatthusmiṃ pasīdati seyyathāpi titthiyasāvakā. Kerāṭikapakkhanti sāṭheyyapakkhaṃ bhajati. Saddhāhīnāya paññāya atidhāvanto ‘‘deyyavatthupariccāgena vinā cittuppādamattenapi dānamayaṃ puññaṃ hotī’’tiādīni parikappeti hetupatirūpakehi vañcito, evaṃbhūto ca sukkhatakkaviluttacitto paṇḍitānaṃ vacanaṃ nādiyati, saññattiṃ na gacchati. Tenāha ‘‘bhesajjasamuṭṭhito viya rogo atekiccho hotī’’ti. Yathā cettha saddhāpaññānaṃ aññamaññaṃ samabhāvo atthāvaho, anatthāvaho visamabhāvo, evaṃ samādhivīriyānaṃ aññamaññaṃ avikkhepāvaho samabhāvo, itaro vikkhepāvaho cāti. Kosajjaṃ adhibhavati, tena appanaṃ na pāpuṇātīti adhippāyo . Uddhaccaṃ adhibhavatīti etthāpi eseva nayo. Tadubhayanti saddhāpaññādvayaṃ samādhivīriyadvayañca. Samaṃ kātabbanti samarasaṃ kātabbaṃ.
สมาธิกมฺมิกสฺสาติ สมถกมฺมฎฺฐานิกสฺสฯ เอวนฺติ เอวํ สเนฺต, สทฺธาย โถกํ พลวภาเว สตีติ อโตฺถฯ สทฺทหโนฺตติ ‘‘ปถวีติ มนสิการมเตฺตน กถํ ฌานุปฺปตฺตี’’ติ อจิเนฺตตฺวา ‘‘อทฺธา สมฺมาสมฺพุเทฺธน วุตฺตวิธิ อิชฺฌิสฺสตี’’ติ สทฺทหโนฺต สทฺธํ ชเนโนฺตฯ โอกเปฺปโนฺตติ อารมฺมณํ อนุปวิสิตฺวา วิย อธิมุจฺจนวเสน อวกเปฺปโนฺต ปกฺขนฺทโนฺตฯ เอกคฺคตา พลวตี วฎฺฎติ สมาธิปฺปธานตฺตา ฌานสฺสฯ อุภินฺนนฺติ สมาธิปญฺญานํฯ สมาธิกมฺมิกสฺส สมาธิโน อธิมตฺตตาย ปญฺญาย อธิมตฺตตาปิ อิจฺฉิตพฺพาติ อาห ‘‘สมตายปี’’ติ, สมภาเวนปีติ อโตฺถฯ อปฺปนาติ โลกิยอปฺปนาฯ ตถา หิ ‘‘โหติเยวา’’ติ สาสงฺกํ วทติฯ โลกุตฺตรปฺปนา ปน เตสํ สมภาเวเนว อิจฺฉิตาฯ ยถาห ‘‘สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ ภาเวตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๗; ปฎิ. ม. ๒.๕)ฯ ยทิ วิเสสโต สทฺธาปญฺญานํ สมาธิวีริยานญฺจ สมตา อิจฺฉิตา, กถํ สตีติ อาห ‘‘สติ ปน สพฺพตฺถ พลวตี วฎฺฎตี’’ติฯ สพฺพตฺถาติ ลีนุทฺธจฺจปกฺขิเกสุ ปญฺจสุ อินฺทฺริเยสุฯ อุทฺธจฺจปกฺขิเกกเทเส คณฺหโนฺต ‘‘สทฺธาวีริยปญฺญาน’’นฺติ อาหฯ อญฺญถา ปีติ จ คเหตพฺพา สิยาฯ ตถา หิ ‘‘โกสชฺชปกฺขิเกน สมาธินา’’อิเจฺจว วุตฺตํ, น ‘‘ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาหี’’ติฯ สาติ สติฯ สเพฺพสุ ราชกเมฺมสุ นิยุโตฺต สพฺพกมฺมิโกฯ เตนาติ เตนา สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพเตฺถน การเณนฯ อาห อฎฺฐกถายํฯ สพฺพตฺถ นิยุตฺตา สพฺพตฺถิกา, สเพฺพน วา ลีนุทฺธจฺจปกฺขิเยน โพชฺฌเงฺคน อเตฺถตพฺพา สพฺพตฺถิยา, สพฺพตฺถิยาว สพฺพตฺถิกาฯ จิตฺตนฺติ กุสลจิตฺตํฯ ตสฺส หิ สติ ปฎิสรณํ ปรายณํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมายฯ เตนาห ‘‘อารกฺขปจฺจุปฎฺฐานา’’ติอาทิฯ
Samādhikammikassāti samathakammaṭṭhānikassa. Evanti evaṃ sante, saddhāya thokaṃ balavabhāve satīti attho. Saddahantoti ‘‘pathavīti manasikāramattena kathaṃ jhānuppattī’’ti acintetvā ‘‘addhā sammāsambuddhena vuttavidhi ijjhissatī’’ti saddahanto saddhaṃ janento. Okappentoti ārammaṇaṃ anupavisitvā viya adhimuccanavasena avakappento pakkhandanto. Ekaggatā balavatī vaṭṭati samādhippadhānattā jhānassa. Ubhinnanti samādhipaññānaṃ. Samādhikammikassa samādhino adhimattatāya paññāya adhimattatāpi icchitabbāti āha ‘‘samatāyapī’’ti, samabhāvenapīti attho. Appanāti lokiyaappanā. Tathā hi ‘‘hotiyevā’’ti sāsaṅkaṃ vadati. Lokuttarappanā pana tesaṃ samabhāveneva icchitā. Yathāha ‘‘samathavipassanaṃ yuganaddhaṃ bhāvetī’’ti (a. ni. 4.17; paṭi. ma. 2.5). Yadi visesato saddhāpaññānaṃ samādhivīriyānañca samatā icchitā, kathaṃ satīti āha ‘‘sati pana sabbattha balavatī vaṭṭatī’’ti. Sabbatthāti līnuddhaccapakkhikesu pañcasu indriyesu. Uddhaccapakkhikekadese gaṇhanto ‘‘saddhāvīriyapaññāna’’nti āha. Aññathā pīti ca gahetabbā siyā. Tathā hi ‘‘kosajjapakkhikena samādhinā’’icceva vuttaṃ, na ‘‘passaddhisamādhiupekkhāhī’’ti. Sāti sati. Sabbesu rājakammesu niyutto sabbakammiko. Tenāti tenā sabbattha icchitabbatthena kāraṇena. Āha aṭṭhakathāyaṃ. Sabbattha niyuttā sabbatthikā, sabbena vā līnuddhaccapakkhiyena bojjhaṅgena atthetabbā sabbatthiyā, sabbatthiyāva sabbatthikā. Cittanti kusalacittaṃ. Tassa hi sati paṭisaraṇaṃ parāyaṇaṃ appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya. Tenāha ‘‘ārakkhapaccupaṭṭhānā’’tiādi.
ขนฺธาทิเภเท อโนคาฬฺหปญฺญานนฺติ ปริยตฺติพาหุสจฺจวเสนปิ ขนฺธายตนาทีสุ อปฺปติฎฺฐิตพุทฺธีนํฯ พหุสฺสุตเสวนา หิ สุตมยญาณาวหาฯ ตรุณวิปสฺสนาสมงฺคีปิ ภาวนามยญาเณ ฐิตตฺตา เอกํสโต ปญฺญวา เอว นาม โหตีติ อาห ‘‘สมปญฺญาส…เป.… ปุคฺคลเสวนา’’ติฯ เญยฺยธมฺมสฺส คมฺภีรภาววเสน ตปฺปริเจฺฉทกญาณสฺส คมฺภีรภาวคฺคหณนฺติ อาห ‘‘คมฺภีเรสุ ขนฺธาทีสุ ปวตฺตาย คมฺภีรปญฺญายา’’ติฯ ตญฺหิ เญยฺยํ ตาทิสาย ปญฺญาย จริตพฺพโต คมฺภีรญาณจริยํ, ตสฺสา วา ปญฺญาย ตตฺถ ปเภทโต ปวตฺติ คมฺภีรญาณจริยา, ตสฺสา ปจฺจเวกฺขณาติ อาห ‘‘คมฺภีรปญฺญาย ปเภทปจฺจเวกฺขณา’’ติฯ ยถา สติเวปุลฺลปฺปโตฺต นาม อรหา เอว, เอวํ โส เอว ปญฺญาเวปุลฺลปฺปโตฺตปีติ อาห ‘‘อรหตฺตมเคฺคน ภาวนาปาริปูรี โหตี’’ติฯ วีริยาทีสุปิ เอเสว นโยฯ
Khandhādibhede anogāḷhapaññānanti pariyattibāhusaccavasenapi khandhāyatanādīsu appatiṭṭhitabuddhīnaṃ. Bahussutasevanā hi sutamayañāṇāvahā. Taruṇavipassanāsamaṅgīpi bhāvanāmayañāṇe ṭhitattā ekaṃsato paññavā eva nāma hotīti āha ‘‘samapaññāsa…pe… puggalasevanā’’ti. Ñeyyadhammassa gambhīrabhāvavasena tapparicchedakañāṇassa gambhīrabhāvaggahaṇanti āha ‘‘gambhīresu khandhādīsu pavattāya gambhīrapaññāyā’’ti. Tañhi ñeyyaṃ tādisāya paññāya caritabbato gambhīrañāṇacariyaṃ, tassā vā paññāya tattha pabhedato pavatti gambhīrañāṇacariyā, tassā paccavekkhaṇāti āha ‘‘gambhīrapaññāya pabhedapaccavekkhaṇā’’ti. Yathā sativepullappatto nāma arahā eva, evaṃ so eva paññāvepullappattopīti āha ‘‘arahattamaggena bhāvanāpāripūrī hotī’’ti. Vīriyādīsupi eseva nayo.
‘‘ตตฺตํ อโยขิลํ หเตฺถ คเมนฺตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๕๐, ๒๖๗; อ. นิ. ๓.๓๖) ปญฺจวิธพนฺธนกมฺมการณํ นิรเย นิพฺพตฺตสตฺตสฺส เยภุเยฺยน สพฺพปฐมํ กโรนฺตีติ เทวทูตสุตฺตาทีสุ ตสฺสา อาทิโต วุตฺตตฺตา จ อาห ‘‘ปญฺจวิธพนฺธนกมฺมการณโต ปฎฺฐายา’’ติฯ สกฎวาหนาทิกาเลติ อาทิ-สเทฺทน ตทญฺญํ มนุเสฺสหิ ติรจฺฉาเนหิ จ วิพาธิยมานกาลํ สงฺคณฺหาติฯ เอกํ พุทฺธนฺตรนฺติ อิทํ อปราปรํ เปเตสุเยว อุปฺปชฺชนกสตฺตวเสน วุตฺตํ, เอกจฺจานํ วา เปตานํ เอกจฺจติรจฺฉานานํ วิย ตถา ทีฆายุกภาวโตฯ ตถา หิ กาโฬ นาคราชา จตุนฺนํ พุทฺธานํ อธิคตรูปทสฺสโนฯ
‘‘Tattaṃ ayokhilaṃ hatthe gamentī’’tiādinā (ma. ni. 3.250, 267; a. ni. 3.36) pañcavidhabandhanakammakāraṇaṃ niraye nibbattasattassa yebhuyyena sabbapaṭhamaṃ karontīti devadūtasuttādīsu tassā ādito vuttattā ca āha ‘‘pañcavidhabandhanakammakāraṇato paṭṭhāyā’’ti. Sakaṭavāhanādikāleti ādi-saddena tadaññaṃ manussehi tiracchānehi ca vibādhiyamānakālaṃ saṅgaṇhāti. Ekaṃ buddhantaranti idaṃ aparāparaṃ petesuyeva uppajjanakasattavasena vuttaṃ, ekaccānaṃ vā petānaṃ ekaccatiracchānānaṃ viya tathā dīghāyukabhāvato. Tathā hi kāḷo nāgarājā catunnaṃ buddhānaṃ adhigatarūpadassano.
เอวํ อานิสํสทสฺสาวิโนติ วีริยายโตฺต เอว สโพฺพ โลกุตฺตโร โลกิโย จ วิเสสาธิคโมติ เอวํ วีริเย อานิสํสทสฺสนสีลสฺสฯ คมนวีถินฺติ สปุพฺพภาคํ นิพฺพานคามินิํ อริยมคฺคปฎิปทํฯ สา หิ ภิกฺขุโน วฎฺฎนิสฺสรณาย คนฺตพฺพา ปฎิปชฺชิตพฺพา ปฎิปทาติ กตฺวา คมนวีถิ นามฯ กายทฬฺหีพหุโลติ ยถา ตถา กายสฺส ทฬฺหีกมฺมปสุโตฯ ปิณฺฑนฺติ รฎฺฐปิณฺฑํฯ ปจฺจยทายกานํ อตฺตนิ การสฺส อตฺตโน สมฺมาปฎิปตฺติยา มหปฺผลภาวสฺส กรเณน ปิณฺฑสฺส ภิกฺขาย ปฎิปูชนา ปิณฺฑาปจายนํฯ
Evaṃ ānisaṃsadassāvinoti vīriyāyatto eva sabbo lokuttaro lokiyo ca visesādhigamoti evaṃ vīriye ānisaṃsadassanasīlassa. Gamanavīthinti sapubbabhāgaṃ nibbānagāminiṃ ariyamaggapaṭipadaṃ. Sā hi bhikkhuno vaṭṭanissaraṇāya gantabbā paṭipajjitabbā paṭipadāti katvā gamanavīthi nāma. Kāyadaḷhībahuloti yathā tathā kāyassa daḷhīkammapasuto. Piṇḍanti raṭṭhapiṇḍaṃ. Paccayadāyakānaṃ attani kārassa attano sammāpaṭipattiyā mahapphalabhāvassa karaṇena piṇḍassa bhikkhāya paṭipūjanā piṇḍāpacāyanaṃ.
นีหรโนฺตติ ปตฺตตฺถวิกโต นีหรโนฺตฯ ตํ สทฺทํ สุตฺวาติ ตํ อุปาสิกาย วจนํ ปณฺณสาลทฺวาเร ฐิโตว ปญฺจาภิญฺญตาย ทิพฺพโสเตน สุตฺวาฯ มนุสฺสสมฺปตฺติ ทิพฺพสมฺปตฺติ อเนฺต นิพฺพานสมฺปตฺตีติ ติโสฺส สมฺปตฺติโย ฯ ทาตุํ สกฺขิสฺสสีติ ‘‘ตยิ กเตน ทานมเยน เวยฺยาวจฺจมเยน จ ปุญฺญกเมฺมน เขตฺตวิเสสภาวูปคมเนน อปราปรํ เทวมนุสฺสสมฺปตฺติโย อเนฺต นิพฺพานสมฺปตฺติญฺจ ทาตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ เถโร อตฺตานํ ปุจฺฉติฯ สิตํ กโรโนฺตวาติ ‘‘อกิเจฺฉเนว มยา วฎฺฎทุกฺขํ สมติกฺกนฺต’’นฺติ ปจฺจเวกฺขณาวสาเน สญฺชาตปาโมชฺชวเสน สิตํ กโรโนฺต เอวฯ
Nīharantoti pattatthavikato nīharanto. Taṃ saddaṃ sutvāti taṃ upāsikāya vacanaṃ paṇṇasāladvāre ṭhitova pañcābhiññatāya dibbasotena sutvā. Manussasampatti dibbasampatti ante nibbānasampattīti tisso sampattiyo. Dātuṃ sakkhissasīti ‘‘tayi katena dānamayena veyyāvaccamayena ca puññakammena khettavisesabhāvūpagamanena aparāparaṃ devamanussasampattiyo ante nibbānasampattiñca dātuṃ sakkhissasī’’ti thero attānaṃ pucchati. Sitaṃ karontovāti ‘‘akiccheneva mayā vaṭṭadukkhaṃ samatikkanta’’nti paccavekkhaṇāvasāne sañjātapāmojjavasena sitaṃ karonto eva.
วิปฺปฎิปนฺนนฺติ ชาติธมฺมกุลธมฺมาทิลงฺฆเนน อสมฺมาปฎิปนฺนํฯ เอวํ ยถา อสมฺมาปฎิปโนฺน ปุโตฺต ตาย เอว อสมฺมาปฎิปตฺติยา กุลสนฺตานโต พาหิโร หุตฺวา ปิตุ สนฺติกา ทายชฺชสฺส น ภาคี, เอวํ กุสีโตปิ เตเนว กุสีตภาเวน อสมฺมาปฎิปโนฺน สตฺถุ สนฺติกา ลทฺธพฺพอริยธนทายชฺชสฺส น ภาคีฯ อารทฺธวีริโยว ลภติ สมฺมาปฎิปชฺชนโตฯ อุปฺปชฺชติ วีริยสโมฺพชฺฌโงฺคติ โยชนาฯ เอวํ สพฺพตฺถฯ
Vippaṭipannanti jātidhammakuladhammādilaṅghanena asammāpaṭipannaṃ. Evaṃ yathā asammāpaṭipanno putto tāya eva asammāpaṭipattiyā kulasantānato bāhiro hutvā pitu santikā dāyajjassa na bhāgī, evaṃ kusītopi teneva kusītabhāvena asammāpaṭipanno satthu santikā laddhabbaariyadhanadāyajjassa na bhāgī. Āraddhavīriyova labhati sammāpaṭipajjanato. Uppajjati vīriyasambojjhaṅgoti yojanā. Evaṃ sabbattha.
มหาติ สีลาทีหิ คุเณหิ มหโนฺต วิปุโล อนญฺญสาธารโณฯ ตํ ปนสฺส คุณมหตฺตํ ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปเนน โลเก ปากฎนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สตฺถุโน หี’’ติอาทิมาหฯ
Mahāti sīlādīhi guṇehi mahanto vipulo anaññasādhāraṇo. Taṃ panassa guṇamahattaṃ dasasahassilokadhātukampanena loke pākaṭanti dassento ‘‘satthuno hī’’tiādimāha.
ยสฺมา สตฺถุสาสเน ปพฺพชิตสฺส ปพฺพชฺชุปคเมน สกฺยปุตฺติยภาโว สมฺปชายติ, ตสฺมา พุทฺธปุตฺตภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อสมฺภินฺนายา’’ติอาทิมาหฯ
Yasmā satthusāsane pabbajitassa pabbajjupagamena sakyaputtiyabhāvo sampajāyati, tasmā buddhaputtabhāvaṃ dassento ‘‘asambhinnāyā’’tiādimāha.
อลสานํ ภาวนาย นามมตฺตมฺปิ อชานนฺตานํ กายทฬฺหีพหุลานํ ยาวทตฺถํ ภุญฺชิตฺวา เสยฺยสุขาทิอนุยุญฺชนกานํ ติรจฺฉานกถิกานํ ปุคฺคลานํ ทูรโต วชฺชนา กุสีตปุคฺคลปริวชฺชนาฯ ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๒๓; ๓.๗๕; สํ. นิ. ๔.๑๒๐; อ. นิ. ๓.๑๖; วิภ. ๕๑๙; มหานิ. ๑๖๑) ภาวนารมฺภวเสน อารทฺธวีริยานํ ทฬฺหปรกฺกมานํ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมนา อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนาฯ เตนาห – ‘‘กุจฺฉิํ ปูเรตฺวา’’ติอาทิฯ วิสุทฺธิมเคฺค ปน ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณา สพฺรหฺมจาริมหตฺตปจฺจเวกฺขณาติ อิทํ ทฺวยํ น คหิตํ, ถินมิทฺธวิโนทนตา สมฺมปฺปธานปจฺจเวกฺขณตาติ อิทํ ทฺวยํ คหิตํฯ ตตฺถ อานิสํสทสฺสาวิตาย เอว สมฺมปฺปธานปจฺจเวกฺขณา คหิตา โหติ โลกิยโลกุตฺตรวิเสสาธิคมสฺส วีริยายตฺตตาทสฺสนภาวโตฯ ถินมิทฺธวิโนทนํ ตทธิมุตฺตตาย เอว คหิตํ, วีริยุปฺปาทเน ยุตฺตปฺปยุตฺตสฺส ถินมิทฺธวิโนทนํ อตฺถสิทฺธเมวฯ ตตฺถ ถินมิทฺธวิโนทน-กุสีตปุคฺคลปริวชฺชน-อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวน-ตทธิมุตฺตตา ปฎิปกฺขวิธมนปจฺจยูปสํหารวเสน, อปายปจฺจเวกฺขณาทโย สมุเตฺตชนวเสน วีริยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทกา ทฎฺฐพฺพาฯ
Alasānaṃ bhāvanāya nāmamattampi ajānantānaṃ kāyadaḷhībahulānaṃ yāvadatthaṃ bhuñjitvā seyyasukhādianuyuñjanakānaṃ tiracchānakathikānaṃ puggalānaṃ dūrato vajjanā kusītapuggalaparivajjanā. ‘‘Divasaṃ caṅkamena nisajjāyā’’tiādinā (ma. ni. 1.423; 3.75; saṃ. ni. 4.120; a. ni. 3.16; vibha. 519; mahāni. 161) bhāvanārambhavasena āraddhavīriyānaṃ daḷhaparakkamānaṃ kālena kālaṃ upasaṅkamanā āraddhavīriyapuggalasevanā. Tenāha – ‘‘kucchiṃ pūretvā’’tiādi. Visuddhimagge pana jātimahattapaccavekkhaṇā sabrahmacārimahattapaccavekkhaṇāti idaṃ dvayaṃ na gahitaṃ, thinamiddhavinodanatā sammappadhānapaccavekkhaṇatāti idaṃ dvayaṃ gahitaṃ. Tattha ānisaṃsadassāvitāya eva sammappadhānapaccavekkhaṇā gahitā hoti lokiyalokuttaravisesādhigamassa vīriyāyattatādassanabhāvato. Thinamiddhavinodanaṃ tadadhimuttatāya eva gahitaṃ, vīriyuppādane yuttappayuttassa thinamiddhavinodanaṃ atthasiddhameva. Tattha thinamiddhavinodana-kusītapuggalaparivajjana-āraddhavīriyapuggalasevana-tadadhimuttatā paṭipakkhavidhamanapaccayūpasaṃhāravasena, apāyapaccavekkhaṇādayo samuttejanavasena vīriyasambojjhaṅgassa uppādakā daṭṭhabbā.
ปุริมุปฺปนฺนา ปีติ ปรโต อุปฺปชฺชนกปีติยา การณภาวโต ‘‘ปีติเยว ปีติสโมฺพชฺฌงฺคฎฺฐานียา ธมฺมา’’ติ วุตฺตา, ตสฺสา ปน พหุโส ปวตฺติยา ปุถุตฺตํ อุปาทาย พหุวจนนิเทฺทโส, ยถา สา อุปฺปชฺชติ, เอวํ ปฎิปตฺติ, ตสฺสา อุปฺปาทกมนสิกาโรฯ
Purimuppannā pīti parato uppajjanakapītiyā kāraṇabhāvato ‘‘pītiyeva pītisambojjhaṅgaṭṭhānīyā dhammā’’ti vuttā, tassā pana bahuso pavattiyā puthuttaṃ upādāya bahuvacananiddeso, yathā sā uppajjati, evaṃ paṭipatti, tassā uppādakamanasikāro.
พุทฺธานุสฺสติยา อุปจารสมาธินิฎฺฐตฺตา วุตฺตํ ‘‘ยาว อุปจารา’’ติฯ สกลสรีรํ ผรมาโนติ ปีติสมุฎฺฐาเนหิ ปณีตรูเปหิ สกลสรีรํ ผรมาโนฯ ธมฺมคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺสปิ ยาว อุปจารา สกลสรีรํ ผรมาโน ปีติสโมฺพชฺฌโงฺค อุปฺปชฺชตีติฯ เอวํ เสสอนุสฺสตีสุ ปสาทนียสุตฺตนฺตปจฺจเวกฺขณายญฺจ โยเชตพฺพํ ตสฺสาปิ วิมุตฺตายตนภาเวน ตคฺคติกตฺตาฯ สมาปตฺติยา…เป.… สมุทาจรนฺตีติ อิทญฺจ อุปสมานุสฺสติทสฺสนํฯ สงฺขารานญฺหิ สปฺปเทสวูปสเมปิ นิปฺปเทสวูปสเม วิย ตถา ปญฺญาย ปวตฺติโต ภาวนามนสิกาโร กิเลสวิกฺขมฺภนสมโตฺถ หุตฺวา อุปจารสมาธิํ อาวหโนฺต ตถารูปปีติโสมนสฺสสมนฺนาคโต ปีติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย โหตีติฯ ปสาทนีเยสุ ฐาเนสุ ปสาทสิเนหาภาเวน ถุสสมหทยตา ลูขตา, สา ตตฺถ อาทรคารวากรเณน วิญฺญายตีติ อาห ‘‘อสกฺกจฺจกิริยาย สํสูจิตลูขภาเว’’ติฯ
Buddhānussatiyā upacārasamādhiniṭṭhattā vuttaṃ ‘‘yāva upacārā’’ti. Sakalasarīraṃ pharamānoti pītisamuṭṭhānehi paṇītarūpehi sakalasarīraṃ pharamāno. Dhammaguṇe anussarantassapi yāva upacārā sakalasarīraṃ pharamāno pītisambojjhaṅgo uppajjatīti. Evaṃ sesaanussatīsu pasādanīyasuttantapaccavekkhaṇāyañca yojetabbaṃ tassāpi vimuttāyatanabhāvena taggatikattā. Samāpattiyā…pe… samudācarantīti idañca upasamānussatidassanaṃ. Saṅkhārānañhi sappadesavūpasamepi nippadesavūpasame viya tathā paññāya pavattito bhāvanāmanasikāro kilesavikkhambhanasamattho hutvā upacārasamādhiṃ āvahanto tathārūpapītisomanassasamannāgato pītisambojjhaṅgassa uppādāya hotīti. Pasādanīyesu ṭhānesu pasādasinehābhāvena thusasamahadayatā lūkhatā, sā tattha ādaragāravākaraṇena viññāyatīti āha ‘‘asakkaccakiriyāya saṃsūcitalūkhabhāve’’ti.
กายจิตฺตทรถวูปสมลกฺขณา ปสฺสทฺธิ เอว ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌโงฺค, ตสฺส ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺสฯ
Kāyacittadarathavūpasamalakkhaṇā passaddhi eva passaddhisambojjhaṅgo, tassa passaddhisambojjhaṅgassa.
ปณีตโภชนเสวนตาติ ปณีตสปฺปายโภชนเสวนตาฯ อุตุอิริยาปถสุขคฺคหเณน สปฺปายอุตุอิริยาปถคฺคหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ ตญฺหิ ติวิธํ สปฺปายํ เสวิยมานํ กายสฺส กลฺลตาปาทนวเสน จิตฺตสฺส กลฺลตํ อาวหนฺตํ ทุวิธายปิ ปสฺสทฺธิยา การณํ โหติฯ อเหตุกํ สเตฺตสุ ลพฺภมานํ สุขํ ทุกฺขนฺติ อยเมโก อโนฺต, อิสฺสราทิวิสมเหตุกนฺติ ปน อยํ ทุติโย, เอเต อุโภ อเนฺต อนุปคมฺม ยถาสกํ กมฺมุนา โหตีติ อยํ มชฺฌิมา ปฎิปตฺติฯ มชฺฌโตฺต ปโยโค ยสฺส โหติ มชฺฌตฺตปโยโค, ตสฺส ภาโว มชฺฌตฺตปโยคตาฯ อยญฺหิ ปหาย สารทฺธกายตํ ปสฺสทฺธกายตาย การณํ โหนฺตี ปสฺสทฺธิทฺวยํ อาวหติ, เอเตเนว สารทฺธกายปุคฺคลปริวชฺชนปสฺสทฺธกายปุคฺคลวเสนานํ ตทาวหนตา สํวณฺณิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Paṇītabhojanasevanatāti paṇītasappāyabhojanasevanatā. Utuiriyāpathasukhaggahaṇena sappāyautuiriyāpathaggahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Tañhi tividhaṃ sappāyaṃ seviyamānaṃ kāyassa kallatāpādanavasena cittassa kallataṃ āvahantaṃ duvidhāyapi passaddhiyā kāraṇaṃ hoti. Ahetukaṃ sattesu labbhamānaṃ sukhaṃ dukkhanti ayameko anto, issarādivisamahetukanti pana ayaṃ dutiyo, ete ubho ante anupagamma yathāsakaṃ kammunā hotīti ayaṃ majjhimā paṭipatti. Majjhatto payogo yassa hoti majjhattapayogo, tassa bhāvo majjhattapayogatā. Ayañhi pahāya sāraddhakāyataṃ passaddhakāyatāya kāraṇaṃ hontī passaddhidvayaṃ āvahati, eteneva sāraddhakāyapuggalaparivajjanapassaddhakāyapuggalavasenānaṃ tadāvahanatā saṃvaṇṇitāti daṭṭhabbaṃ.
ยถาสมาหิตาการสลฺลกฺขณวเสน คยฺหมาโน ปุริมุปฺปโนฺน สมโถ เอว สมถนิมิตฺตํฯ นานารมฺมเณ ปริพฺภมเนน วิวิธํ อคฺคํ เอตสฺสาติ พฺยโคฺค, วิเกฺขโปฯ ตถา หิ โส อนวฎฺฐานรโส ภนฺตตาปจฺจุปฎฺฐาโน จ วุโตฺตฯ เอกคฺคตาภาวโต พฺยคฺคปฎิปโกฺขติ อพฺยโคฺค, สมาธิฯ โส เอว นิมิตฺตนฺติ ปุเพฺพ วิย วตฺตพฺพํฯ เตนาห ‘‘อวิเกฺขปเฎฺฐน จ อพฺยคฺคนิมิตฺต’’นฺติฯ
Yathāsamāhitākārasallakkhaṇavasena gayhamāno purimuppanno samatho eva samathanimittaṃ. Nānārammaṇe paribbhamanena vividhaṃ aggaṃ etassāti byaggo, vikkhepo. Tathā hi so anavaṭṭhānaraso bhantatāpaccupaṭṭhāno ca vutto. Ekaggatābhāvato byaggapaṭipakkhoti abyaggo, samādhi. So eva nimittanti pubbe viya vattabbaṃ. Tenāha ‘‘avikkhepaṭṭhena ca abyagganimitta’’nti.
วตฺถุวิสทกิริยา อินฺทฺริยสมตฺตปฎิปาทนา จ ปญฺญาวหา วุตฺตา, สมาธานาวหาปิ ตา โหนฺติ สมาธานาวหภาเวเนว ปญฺญาวหภาวโตติ วุตฺตํ ‘‘วตฺถุวิสท…เป.… เวทิตพฺพา’’ติฯ
Vatthuvisadakiriyā indriyasamattapaṭipādanā ca paññāvahā vuttā, samādhānāvahāpi tā honti samādhānāvahabhāveneva paññāvahabhāvatoti vuttaṃ ‘‘vatthuvisada…pe… veditabbā’’ti.
กรณภาวนาโกสลฺลานํ อวินาภาวโต, รกฺขณโกสลฺลสฺส จ ตมฺมูลกตฺตา ‘‘นิมิตฺตกุสลตา นาม กสิณนิมิตฺตสฺส อุคฺคหณกุสลตา’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ กสิณนิมิตฺตสฺสาติ จ นิทสฺสนมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ อสุภนิมิตฺตสฺสาทิกสฺสปิ หิ ยสฺส กสฺสจิ ฌานุปฺปตฺตินิมิตฺตสฺส อุคฺคหณโกสลฺลํ นิมิตฺตกุสลตา เอวาติฯ
Karaṇabhāvanākosallānaṃ avinābhāvato, rakkhaṇakosallassa ca tammūlakattā ‘‘nimittakusalatā nāma kasiṇanimittassa uggahaṇakusalatā’’icceva vuttaṃ. Kasiṇanimittassāti ca nidassanamattaṃ daṭṭhabbaṃ. Asubhanimittassādikassapi hi yassa kassaci jhānuppattinimittassa uggahaṇakosallaṃ nimittakusalatā evāti.
อติสิถิลวีริยตาทีหีติ อาทิ-สเทฺทน ปญฺญาปโยคมนฺทตํ ปโมทเวกลฺลญฺจ สงฺคณฺหาติฯ ตสฺส ปคฺคหณนฺติ ตสฺส ลีนสฺส จิตฺตสฺส ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคาทิสมุฎฺฐาปเนน ลยาปตฺติโต สมุทฺธรณํฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –
Atisithilavīriyatādīhīti ādi-saddena paññāpayogamandataṃ pamodavekallañca saṅgaṇhāti. Tassa paggahaṇanti tassa līnassa cittassa dhammavicayasambojjhaṅgādisamuṭṭhāpanena layāpattito samuddharaṇaṃ. Vuttañhetaṃ bhagavatā –
‘‘ยสฺมิญฺจ โข, ภิกฺขเว, สมเย ลีนํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมิํ สมเย ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล วีริยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล ปีติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย ฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ลีนํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตํ เอเตหิ ธเมฺมหิ สุสมุฎฺฐาปยํ โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส ปริตฺตํ อคฺคิํ อุชฺชาเลตุกาโม อสฺส, โส ตตฺถ สุกฺขานิ เจว ติณานิ ปกฺขิเปยฺย, สุกฺขานิ จ โคมยานิ ปกฺขิเปยฺย, สุกฺขานิ จ กฎฺฐานิ ปกฺขิเปยฺย, มุขวาตญฺจ ทเทยฺย, น จ ปํสุเกน โอกิเรยฺย, ภโพฺพ นุ โข โส ปุริโส ปริตฺตํ อคฺคิํ อุชฺชาเลตุนฺติ? เอวํ สเนฺต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔)ฯ
‘‘Yasmiñca kho, bhikkhave, samaye līnaṃ cittaṃ hoti, kālo tasmiṃ samaye dhammavicayasambojjhaṅgassa bhāvanāya, kālo vīriyasambojjhaṅgassa bhāvanāya, kālo pītisambojjhaṅgassa bhāvanāya . Taṃ kissa hetu? Līnaṃ, bhikkhave, cittaṃ, taṃ etehi dhammehi susamuṭṭhāpayaṃ hoti. Seyyathāpi, bhikkhave, puriso parittaṃ aggiṃ ujjāletukāmo assa, so tattha sukkhāni ceva tiṇāni pakkhipeyya, sukkhāni ca gomayāni pakkhipeyya, sukkhāni ca kaṭṭhāni pakkhipeyya, mukhavātañca dadeyya, na ca paṃsukena okireyya, bhabbo nu kho so puriso parittaṃ aggiṃ ujjāletunti? Evaṃ sante’’ti (saṃ. ni. 5.234).
เอตฺถ จ ยถาสกํ อาหารวเสน ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคาทีนํ ภาวนา สมุฎฺฐาปนาติ เวทิตพฺพํ, สา อนนฺตรํ วิภาวิตา เอวฯ
Ettha ca yathāsakaṃ āhāravasena dhammavicayasambojjhaṅgādīnaṃ bhāvanā samuṭṭhāpanāti veditabbaṃ, sā anantaraṃ vibhāvitā eva.
อจฺจารทฺธวีริยตาทีหีติ อาทิ-สเทฺทน ปญฺญาปโยคพลวตํ ปโมทุปฺปิลาวนญฺจ สงฺคณฺหาติฯ ตสฺส นิคฺคหณนฺติ ตสฺส อุทฺธตจิตฺตสฺส สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคาทิสมุฎฺฐาปเนน อุทฺธตาปตฺติโต นิเสธนํฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –
Accāraddhavīriyatādīhīti ādi-saddena paññāpayogabalavataṃ pamoduppilāvanañca saṅgaṇhāti. Tassa niggahaṇanti tassa uddhatacittassa samādhisambojjhaṅgādisamuṭṭhāpanena uddhatāpattito nisedhanaṃ. Vuttampi cetaṃ bhagavatā –
‘‘ยสฺมิญฺจ โข, ภิกฺขเว, สมเย อุทฺธตํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมิํ สมเย ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนายฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อุทฺธตํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตํ เอเตหิ ธเมฺมหิ สุวูปสมยํ โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ นิพฺพาเปตุกาโม อสฺส, โส ตตฺถ อลฺลานิ เจว ติณานิ…เป.… ปํสุเกน จ โอกิเรยฺย, ภโพฺพ นุ โข โส ปุริโส มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ นิพฺพาเปตุนฺติ? เอวํ ภเนฺต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔)ฯ
‘‘Yasmiñca kho, bhikkhave, samaye uddhataṃ cittaṃ hoti, kālo tasmiṃ samaye passaddhisambojjhaṅgassa bhāvanāya, kālo samādhisambojjhaṅgassa bhāvanāya, kālo upekkhāsambojjhaṅgassa bhāvanāya. Taṃ kissa hetu? Uddhataṃ, bhikkhave, cittaṃ, taṃ etehi dhammehi suvūpasamayaṃ hoti. Seyyathāpi, bhikkhave, puriso mahantaṃ aggikkhandhaṃ nibbāpetukāmo assa, so tattha allāni ceva tiṇāni…pe… paṃsukena ca okireyya, bhabbo nu kho so puriso mahantaṃ aggikkhandhaṃ nibbāpetunti? Evaṃ bhante’’ti (saṃ. ni. 5.234).
เอตฺถาปิ ยถาสกํ อาหารวเสน ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคาทีนํ ภาวนา สมุฎฺฐาปนาติ เวทิตพฺพาฯ ตตฺถ ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนา วุตฺตา เอว, สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส วุจฺจมานา, อิตรสฺส อนนฺตรํ วกฺขติฯ
Etthāpi yathāsakaṃ āhāravasena passaddhisambojjhaṅgādīnaṃ bhāvanā samuṭṭhāpanāti veditabbā. Tattha passaddhisambojjhaṅgassa bhāvanā vuttā eva, samādhisambojjhaṅgassa vuccamānā, itarassa anantaraṃ vakkhati.
ปญฺญาปโยคมนฺทตายาติ ปญฺญาพฺยาปารสฺส อปฺปภาเวนฯ ยถา หิ ทานํ อโลภปฺปธานํ, สีลํ อโทสปฺปธานํ, เอวํ ภาวนา อโมหปฺปธานาฯ ตตฺถ ยทา ปญฺญา น พลวตี โหติ, ตทา ภาวนา ปุเพฺพนาปรํ วิเสสาวหา น โหติ, อนภิสงฺขโต วิย อาหาโร ปุริสสฺส โยคิโน จิตฺตสฺส อภิรุจิํ น ชเนติ, เตน ตํ นิรสฺสาทํ โหติ, ตถา ภาวนาย สมฺมเทว อวีถิปฎิปตฺติยา อุปสมสุขํ น วินฺทติ, เตนาปิ จิตฺตํ นิรสฺสาทํ โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปญฺญาปโยค…เป.… นิรสฺสาทํ โหตี’’ติฯ ตสฺส สํเวคุปฺปาทนํ ปสาทุปฺปาทนญฺจ ติกิจฺฉนนฺติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อฎฺฐ สํเวควตฺถูนี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ชาติชราพฺยาธิมรณานิ ยถารหํ สุคติยํ ทุคฺคติยญฺจ โหนฺตีติ ตทญฺญเมว ปญฺจวิธพนฺธนาทิ-ขุปฺปิปาสาทิ-อญฺญมญฺญวิพาธนาทิเหตุกํ อปายทุกฺขํ ทฎฺฐพฺพํ, ตยิทํ สพฺพํ เตสํ เตสํ สตฺตานํ ปจฺจุปฺปนฺนภวนิสฺสิตํ คหิตนฺติ อตีเต อนาคเต จ กาเล วฎฺฎมูลกทุกฺขานิ วิสุํ คหิตานิฯ เย ปน สตฺตา อาหารูปชีวิโน, ตตฺถ จ อุฎฺฐานผลูปชีวิโน, เตสํ อเญฺญหิ อสาธารณํ ชีวิกทุกฺขํ อฎฺฐมํ สํเวควตฺถุ คหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อยํ วุจฺจติ สมเย สมฺปหํสนตาติ อยํ สมฺปหํสิตพฺพสมเย วุตฺตนเยน เตน สํเวชนวเสน เจว ปสาทุปฺปาทนวเสน จ สมฺมเทว ปหํสนา, สํเวคชนนปุพฺพกปสาทุปฺปาทเนน ภาวนาจิตฺตสฺส โตสนาติ อโตฺถฯ
Paññāpayogamandatāyāti paññābyāpārassa appabhāvena. Yathā hi dānaṃ alobhappadhānaṃ, sīlaṃ adosappadhānaṃ, evaṃ bhāvanā amohappadhānā. Tattha yadā paññā na balavatī hoti, tadā bhāvanā pubbenāparaṃ visesāvahā na hoti, anabhisaṅkhato viya āhāro purisassa yogino cittassa abhiruciṃ na janeti, tena taṃ nirassādaṃ hoti, tathā bhāvanāya sammadeva avīthipaṭipattiyā upasamasukhaṃ na vindati, tenāpi cittaṃ nirassādaṃ hoti. Tena vuttaṃ ‘‘paññāpayoga…pe… nirassādaṃ hotī’’ti. Tassa saṃveguppādanaṃ pasāduppādanañca tikicchananti taṃ dassento ‘‘aṭṭha saṃvegavatthūnī’’tiādimāha. Tattha jātijarābyādhimaraṇāni yathārahaṃ sugatiyaṃ duggatiyañca hontīti tadaññameva pañcavidhabandhanādi-khuppipāsādi-aññamaññavibādhanādihetukaṃ apāyadukkhaṃ daṭṭhabbaṃ, tayidaṃ sabbaṃ tesaṃ tesaṃ sattānaṃ paccuppannabhavanissitaṃ gahitanti atīte anāgate ca kāle vaṭṭamūlakadukkhāni visuṃ gahitāni. Ye pana sattā āhārūpajīvino, tattha ca uṭṭhānaphalūpajīvino, tesaṃ aññehi asādhāraṇaṃ jīvikadukkhaṃ aṭṭhamaṃ saṃvegavatthu gahitanti daṭṭhabbaṃ. Ayaṃ vuccati samaye sampahaṃsanatāti ayaṃ sampahaṃsitabbasamaye vuttanayena tena saṃvejanavasena ceva pasāduppādanavasena ca sammadeva pahaṃsanā, saṃvegajananapubbakapasāduppādanena bhāvanācittassa tosanāti attho.
สมฺมาปฎิปตฺติํ อาคมฺมาติ ลีนุทฺธจฺจวิรเหน สมถวีถิปฎิปตฺติยา จ สมฺมา อวิสมํ สมฺมเทว ภาวนาปฎิปตฺติํ อาคมฺมฯ อลีนนฺติอาทีสุ โกสชฺชปกฺขิยานํ ธมฺมานํ อนธิมตฺตตาย อลีนํ, อุทฺธจฺจปกฺขิยานํ อนธิมตฺตตาย อนุทฺธตํ, ปญฺญาปโยคสตฺติยา อุปสมสุขาธิคเมน จ อนิรสฺสาทํ, ตโต เอว อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ สมถวีถิปฎิปนฺนญฺจฯ ตตฺถ อลีนตาย ปคฺคเห, อนุทฺธตตาย นิคฺคเห, อนิรสฺสาทตาย สมฺปหํสเน น พฺยาปารํ อาปชฺชติ, อลีนานุทฺธตตาหิ อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ, อนิรสฺสาทตาย สมถวีถิปฎิปนฺนํฯ สมปฺปวตฺติยา วา อลีนํ อนุทฺธตํ, สมถวีถิปฎิปตฺติยา อนิรสฺสาทนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อยํ วุจฺจติ สมเย อชฺฌุเปกฺขนตาติ อยํ อชฺฌุเปกฺขิตพฺพสมเย ภาวนาจิตฺตสฺส ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ พฺยาวฎตาสงฺขาตํ ปฎิปกฺขํ อภิภุยฺย เปกฺขนา วุจฺจติฯ
Sammāpaṭipattiṃ āgammāti līnuddhaccavirahena samathavīthipaṭipattiyā ca sammā avisamaṃ sammadeva bhāvanāpaṭipattiṃ āgamma. Alīnantiādīsu kosajjapakkhiyānaṃ dhammānaṃ anadhimattatāya alīnaṃ, uddhaccapakkhiyānaṃ anadhimattatāya anuddhataṃ, paññāpayogasattiyā upasamasukhādhigamena ca anirassādaṃ, tato eva ārammaṇe samappavattaṃ samathavīthipaṭipannañca. Tattha alīnatāya paggahe, anuddhatatāya niggahe, anirassādatāya sampahaṃsane na byāpāraṃ āpajjati, alīnānuddhatatāhi ārammaṇe samappavattaṃ, anirassādatāya samathavīthipaṭipannaṃ. Samappavattiyā vā alīnaṃ anuddhataṃ, samathavīthipaṭipattiyā anirassādanti daṭṭhabbaṃ. Ayaṃ vuccati samaye ajjhupekkhanatāti ayaṃ ajjhupekkhitabbasamaye bhāvanācittassa paggahaniggahasampahaṃsanesu byāvaṭatāsaṅkhātaṃ paṭipakkhaṃ abhibhuyya pekkhanā vuccati.
ปฎิปกฺขวิกฺขมฺภนโต วิปสฺสนาย อธิฎฺฐานภาวูปคมนโต จ อุปจารชฺฌานมฺปิ สมาทานกิจฺจนิปฺผตฺติยา ปุคฺคลสฺส สมาหิตภาวสาธนเมวาติ ตตฺถ สมธุรภาเวนาห ‘‘อุปจารํ วา อปฺปนํ วา’’ติฯ
Paṭipakkhavikkhambhanato vipassanāya adhiṭṭhānabhāvūpagamanato ca upacārajjhānampi samādānakiccanipphattiyā puggalassa samāhitabhāvasādhanamevāti tattha samadhurabhāvenāha ‘‘upacāraṃ vā appanaṃ vā’’ti.
อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคฎฺฐานียา ธมฺมาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตานุสาเรน เวทิตพฺพํฯ
Upekkhāsambojjhaṅgaṭṭhānīyā dhammāti ettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttānusārena veditabbaṃ.
อนุโรธวิโรธวิปฺปหานวเสน มชฺฌตฺตภาโว อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคสฺส การณํ ตสฺมิํ สติ สิชฺฌนโต, อสติ จ อสิชฺฌนโต, โส จ มชฺฌตฺตภาโว วิสยวเสน ทุวิโธติ อาห ‘‘สตฺตมชฺฌตฺตตา สงฺขารมชฺฌตฺตตา’’ติฯ ตทุภเย จ วิรุชฺฌนํ ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคภาวนาย เอว ทูรีกตนฺติ อนุรุชฺฌนเสฺสว ปหานวิธิํ ทเสฺสเนฺตน ‘‘สตฺตมชฺฌตฺตตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตเนวาห ‘‘สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลปริวชฺชนตา’’ติฯ อุเปกฺขาย หิ วิเสสโต ราโค ปฎิปโกฺขฯ ตถา จาห ‘‘อุเปกฺขา ราคพหุลสฺส วิสุทฺธิมโคฺค’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๖๙)ฯ
Anurodhavirodhavippahānavasena majjhattabhāvo upekkhāsambojjhaṅgassa kāraṇaṃ tasmiṃ sati sijjhanato, asati ca asijjhanato, so ca majjhattabhāvo visayavasena duvidhoti āha ‘‘sattamajjhattatā saṅkhāramajjhattatā’’ti. Tadubhaye ca virujjhanaṃ passaddhisambojjhaṅgabhāvanāya eva dūrīkatanti anurujjhanasseva pahānavidhiṃ dassentena ‘‘sattamajjhattatā’’tiādi vuttaṃ. Tenevāha ‘‘sattasaṅkhārakelāyanapuggalaparivajjanatā’’ti. Upekkhāya hi visesato rāgo paṭipakkho. Tathā cāha ‘‘upekkhā rāgabahulassa visuddhimaggo’’ti (visuddhi. 1.269).
ทฺวีหากาเรหีติ กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณํ อตฺตสุญฺญตาปจฺจเวกฺขณนฺติ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิฯ ทฺวีเหวาติ อวธารณํ สงฺขฺยาสมานตายฯ อสฺสามิกภาโว อนตฺตนิยตาฯ สติ หิ อตฺตนิ ตสฺส กิญฺจนภาเวน จีวรํ อญฺญญฺจ กิญฺจิ อตฺตนิยํ นาม สิยา, โส ปน โกจิ นเตฺถวาติ อธิปฺปาโยฯ อนทฺธนิยนฺติ น อทฺธานกฺขมํ, น จิรฎฺฐายิ อิตฺตรํ อนิจฺจนฺติ อโตฺถฯ ตาวกาลิกนฺติ ตเสฺสว เววจนํฯ
Dvīhākārehīti kammassakatāpaccavekkhaṇaṃ attasuññatāpaccavekkhaṇanti imehi dvīhi kāraṇehi. Dvīhevāti avadhāraṇaṃ saṅkhyāsamānatāya. Assāmikabhāvo anattaniyatā. Sati hi attani tassa kiñcanabhāvena cīvaraṃ aññañca kiñci attaniyaṃ nāma siyā, so pana koci natthevāti adhippāyo. Anaddhaniyanti na addhānakkhamaṃ, na ciraṭṭhāyi ittaraṃ aniccanti attho. Tāvakālikanti tasseva vevacanaṃ.
มมายตีติ มมตฺตํ กโรติ, ‘‘มม’’นฺติ ตณฺหาย ปริคฺคยฺห ติฎฺฐติฯ ธนายนฺตาติ ธนํ ทฺรพฺยํ กโรนฺตาฯ
Mamāyatīti mamattaṃ karoti, ‘‘mama’’nti taṇhāya pariggayha tiṭṭhati. Dhanāyantāti dhanaṃ drabyaṃ karontā.
อยํ สติปฎฺฐานเทสนา ปุพฺพภาคมคฺควเสน เทสิตาติ ปุพฺพภาคิยโพชฺฌเงฺค สนฺธายาห ‘‘โพชฺฌงฺคปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติฯ
Ayaṃ satipaṭṭhānadesanā pubbabhāgamaggavasena desitāti pubbabhāgiyabojjhaṅge sandhāyāha ‘‘bojjhaṅgapariggāhikā sati dukkhasacca’’nti.
โพชฺฌงฺคปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bojjhaṅgapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.
จตุสจฺจปพฺพวณฺณนา
Catusaccapabbavaṇṇanā
๑๑๙. ยถาสภาวโตติ อวิปรีตสภาวโต พาธนลกฺขณโต, โย โย วา สภาโว ยถาสภาโว, ตโต, รุปฺปนาทิกกฺขฬาทิสภาวโตติ อโตฺถฯ ชนิกํ สมุฎฺฐาปิกนฺติ ปวตฺตลกฺขณสฺส ทุกฺขสฺส ชนิกํ นิมิตฺตลกฺขณสฺส สมุฎฺฐาปิกํฯ ปุริมตณฺหนฺติ ทุกฺขนิพฺพตฺติโต ปุเรตรสิทฺธํ ตณฺหํฯ
119.Yathāsabhāvatoti aviparītasabhāvato bādhanalakkhaṇato, yo yo vā sabhāvo yathāsabhāvo, tato, ruppanādikakkhaḷādisabhāvatoti attho. Janikaṃ samuṭṭhāpikanti pavattalakkhaṇassa dukkhassa janikaṃ nimittalakkhaṇassa samuṭṭhāpikaṃ. Purimataṇhanti dukkhanibbattito puretarasiddhaṃ taṇhaṃ.
สสนฺตติปริยาปนฺนานํ ทุกฺขสมุทยานํ อปฺปวตฺติภาเวน ปริคฺคยฺหมาโน นิโรโธปิ สสนฺตติปริยาปโนฺน วิย โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน วา จตฺตาริ สจฺจานี’’ติฯ ปรสฺส วาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ เตนาห ภควา – ‘‘อิมสฺมิํเยว พฺยามมเตฺต กเฬวเร สสญฺญิมฺหิ สมนเก โลกญฺจ ปญฺญเปมิ, โลกสมุทยญฺจ ปญฺญเปมิ, โลกนิโรธญฺจ ปญฺญเปมิ, โลกนิโรธคามินิปฎิปทญฺจ ปญฺญเปมี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๐๗)ฯ กถํ ปน อาทิกมฺปิโก นิโรธสจฺจานิ ปริคฺคณฺหาตีติ? อนุสฺสวาทิสิทฺธมาการํ ปริคฺคณฺหาติ, เอวญฺจ กตฺวา โลกุตฺตรโพชฺฌเงฺค อุทฺทิสฺสปิ ปริคฺคโห น วิรุชฺฌติฯ ยถาสมฺภวโตติ สมฺภวานุรูปํ, ฐเปตฺวา นิโรธสจฺจํ เสสสจฺจวเสน สมุทยวยา เวทิตพฺพาติ อโตฺถฯ
Sasantatipariyāpannānaṃ dukkhasamudayānaṃ appavattibhāvena pariggayhamāno nirodhopi sasantatipariyāpanno viya hotīti katvā vuttaṃ ‘‘attano vā cattāri saccānī’’ti. Parassa vāti etthāpi eseva nayo. Tenāha bhagavā – ‘‘imasmiṃyeva byāmamatte kaḷevare sasaññimhi samanake lokañca paññapemi, lokasamudayañca paññapemi, lokanirodhañca paññapemi, lokanirodhagāminipaṭipadañca paññapemī’’ti (saṃ. ni. 1.107). Kathaṃ pana ādikampiko nirodhasaccāni pariggaṇhātīti? Anussavādisiddhamākāraṃ pariggaṇhāti, evañca katvā lokuttarabojjhaṅge uddissapi pariggaho na virujjhati. Yathāsambhavatoti sambhavānurūpaṃ, ṭhapetvā nirodhasaccaṃ sesasaccavasena samudayavayā veditabbāti attho.
จตุสจฺจปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Catusaccapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.
‘‘อฎฺฐิกสงฺขลิกํ สมํส’’นฺติอาทิกา สตฺต สิวถิกา อฎฺฐิกกมฺมฎฺฐานตาย อิตราสํ อุทฺธุมาตกาทีนํ สภาเวเนวาติ นวนฺนํ สิวถิกานํ อปฺปนากมฺมฎฺฐานตา วุตฺตาฯ เทฺวเยวาติ ‘‘อานาปานํ, ทฺวตฺติํสากาโร’’ติ อิมานิ เทฺวเยวฯ อภินิเวโสติ วิปสฺสนาภินิเวโส, โส ปน สมฺมสนียธเมฺม ปริคฺคโหฯ อิริยาปถา อาโลกิตาทโย จ รูปธมฺมานํ อวตฺถาวิเสสมตฺตตาย น สมฺมสนุปคา วิญฺญตฺติอาทโย วิยฯ นีวรณโพชฺฌงฺคา อาทิโต น ปริคฺคเหตพฺพาติ วุตฺตํ ‘‘อิริยาปถ…เป.… น ชายตี’’ติฯ เกสาทิอปเทเสน ตทุปาทานธมฺมา วิย อิริยาปถาทิอปเทเสน ตทวตฺถา รูปธมฺมา ปริคฺคยฺหนฺติ, นีวรณาทิมุเขน จ ตํ สมฺปยุตฺตา ตํนิสฺสยธมฺมาติ อธิปฺปาเยน มหาสีวเตฺถโร ‘‘อิริยาปถาทีสุปิ อภินิเวโส ชายตี’’ติ อาหฯ อตฺถิ นุ โข เมติอาทิ ปน สภาวโต อิริยาปถาทีนํ อาทิกมฺมิกสฺส อนิจฺฉิตภาวทสฺสนํฯ อปริญฺญาปุพฺพิกา หิ ปริญฺญาติฯ
‘‘Aṭṭhikasaṅkhalikaṃ samaṃsa’’ntiādikā satta sivathikā aṭṭhikakammaṭṭhānatāya itarāsaṃ uddhumātakādīnaṃ sabhāvenevāti navannaṃ sivathikānaṃ appanākammaṭṭhānatā vuttā. Dveyevāti ‘‘ānāpānaṃ, dvattiṃsākāro’’ti imāni dveyeva. Abhinivesoti vipassanābhiniveso, so pana sammasanīyadhamme pariggaho. Iriyāpathā ālokitādayo ca rūpadhammānaṃ avatthāvisesamattatāya na sammasanupagā viññattiādayo viya. Nīvaraṇabojjhaṅgā ādito na pariggahetabbāti vuttaṃ ‘‘iriyāpatha…pe… na jāyatī’’ti. Kesādiapadesena tadupādānadhammā viya iriyāpathādiapadesena tadavatthā rūpadhammā pariggayhanti, nīvaraṇādimukhena ca taṃ sampayuttā taṃnissayadhammāti adhippāyena mahāsīvatthero ‘‘iriyāpathādīsupiabhiniveso jāyatī’’ti āha. Atthi nu kho metiādi pana sabhāvato iriyāpathādīnaṃ ādikammikassa anicchitabhāvadassanaṃ. Apariññāpubbikā hi pariññāti.
๑๓๗. กามํ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู’’ติอาทินา อุเทฺทสนิเทฺทเสสุ ตตฺถ ตตฺถ ภิกฺขุคฺคหณํ กตํ, ตํ ปฎิปตฺติยา ภิกฺขุภาวทสฺสนตฺถํ, เทสนา ปน สพฺพสาธารณาติ ทเสฺสตุํ ‘‘โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว’’อิเจฺจว วุตฺตํ, น ภิกฺขุเยวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘โย หิ โกจิ, ภิกฺขุ วา’’ติอาทิมาหฯ ทสฺสนมเคฺคน ญาตมริยาทํ อนติกฺกมิตฺวา ชานนฺตี สิขาปฺปตฺตา อคฺคมคฺคปญฺญา อญฺญา นาม, ตสฺส ผลภาวโต อคฺคผลมฺปีติ อาห ‘‘อญฺญาติ อรหตฺต’’นฺติฯ อปฺปตเรปิ กาเล สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวํ ทเสฺสโนฺตติ โยชนาฯ
137. Kāmaṃ ‘‘idha, bhikkhave, bhikkhū’’tiādinā uddesaniddesesu tattha tattha bhikkhuggahaṇaṃ kataṃ, taṃ paṭipattiyā bhikkhubhāvadassanatthaṃ, desanā pana sabbasādhāraṇāti dassetuṃ ‘‘yo hi koci, bhikkhave’’icceva vuttaṃ, na bhikkhuyevāti dassento ‘‘yo hi koci, bhikkhu vā’’tiādimāha. Dassanamaggena ñātamariyādaṃ anatikkamitvā jānantī sikhāppattā aggamaggapaññā aññā nāma, tassa phalabhāvato aggaphalampīti āha ‘‘aññāti arahatta’’nti. Appatarepi kāle sāsanassa niyyānikabhāvaṃ dassentoti yojanā.
๑๓๘. นิยฺยาเตโนฺตติ นิคเมโนฺตฯ
138.Niyyātentoti nigamento.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
สติปฎฺฐานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Satipaṭṭhānasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
นิฎฺฐิตา จ มูลปริยายวคฺควณฺณนาฯ
Niṭṭhitā ca mūlapariyāyavaggavaṇṇanā.
ปฐโม ภาโค นิฎฺฐิโตฯ
Paṭhamo bhāgo niṭṭhito.
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
มชฺฌิมนิกาเย
Majjhimanikāye
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑๐. มหาสติปฎฺฐานสุตฺตํ • 10. Mahāsatipaṭṭhānasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. สติปฎฺฐานสุตฺตวณฺณนา • 10. Satipaṭṭhānasuttavaṇṇanā