Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā |
๗. สติปฎฺฐานวิภโงฺค
7. Satipaṭṭhānavibhaṅgo
๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ
1. Suttantabhājanīyaṃ
อุเทฺทสวารวณฺณนา
Uddesavāravaṇṇanā
๓๕๕. ตโย สติปฎฺฐานาติ สติปฎฺฐาน-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธารํ กโรติ, น อิธ ปาฬิยํ วุตฺตสฺส สติปฎฺฐาน-สทฺทสฺส อตฺถทสฺสนํฯ อาทีสุ หิ สติโคจโรติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘ผสฺสสมุทยา เวทนานํ สมุทโย, นามรูปสมุทยา จิตฺตสฺส สมุทโย, มนสิการสมุทยา ธมฺมานํ สมุทโย’’ติ (สํ. นิ. ๕.๔๐๘) สติปฎฺฐานนฺติ วุตฺตานํ สติโคจรานํ ทีปเก สุตฺตปฺปเทเส สงฺคณฺหาติฯ เอวํ ปฎิสมฺภิทาปาฬิยมฺปิ อวเสสปาฬิปฺปเทสทสฺสนโตฺถ อาทิ-สโทฺท ทฎฺฐโพฺพฯ ทานาทีนิปิ กโรนฺตสฺส รูปาทีนิ กสิณาทีนิ จ สติยา ฐานํ โหตีติ ตํนิวารณตฺถมาห ‘‘ปธานํ ฐาน’’นฺติฯ ป-สโทฺท หิ ปธานตฺถทีปโกติ อธิปฺปาโยฯ
355. Tayosatipaṭṭhānāti satipaṭṭhāna-saddassa atthuddhāraṃ karoti, na idha pāḷiyaṃ vuttassa satipaṭṭhāna-saddassa atthadassanaṃ. Ādīsu hi satigocaroti ādi-saddena ‘‘phassasamudayā vedanānaṃ samudayo, nāmarūpasamudayā cittassa samudayo, manasikārasamudayā dhammānaṃ samudayo’’ti (saṃ. ni. 5.408) satipaṭṭhānanti vuttānaṃ satigocarānaṃ dīpake suttappadese saṅgaṇhāti. Evaṃ paṭisambhidāpāḷiyampi avasesapāḷippadesadassanattho ādi-saddo daṭṭhabbo. Dānādīnipi karontassa rūpādīni kasiṇādīni ca satiyā ṭhānaṃ hotīti taṃnivāraṇatthamāha ‘‘padhānaṃ ṭhāna’’nti. Pa-saddo hi padhānatthadīpakoti adhippāyo.
อริโยติ อริยํ เสฎฺฐํ สมฺมาสมฺพุทฺธมาหฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ สฬายตนวิภงฺคสุเตฺตติ อโตฺถฯ สุเตฺตกเทเสน หิ สุตฺตํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ หิ –
Ariyoti ariyaṃ seṭṭhaṃ sammāsambuddhamāha. Etthāti etasmiṃ saḷāyatanavibhaṅgasutteti attho. Suttekadesena hi suttaṃ dasseti. Tattha hi –
‘‘ตโย สติปฎฺฐานา ยทริโย…เป.… อรหตีติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, ภิกฺขเว, สตฺถา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสติ อนุกมฺปโก หิเตสี อนุกมฺปํ อุปาทาย ‘อิทํ โว หิตาย อิทํ โว สุขายา’ติฯ ตสฺส สาวกา น สุสฺสูสนฺติ, น โสตํ โอทหนฺติ, น อญฺญา จิตฺตํ อุปฎฺฐาเปนฺติ, โวกฺกมฺม จ สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต น เจว อนตฺตมโน โหติ, น จ อนตฺตมนตํ ปฎิสํเวเทติ, อนวสฺสุโต จ วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ปฐมํ สติปฎฺฐานํฯ ยทริโย…เป.… อรหติฯ
‘‘Tayo satipaṭṭhānā yadariyo…pe… arahatīti iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Idha, bhikkhave, satthā sāvakānaṃ dhammaṃ deseti anukampako hitesī anukampaṃ upādāya ‘idaṃ vo hitāya idaṃ vo sukhāyā’ti. Tassa sāvakā na sussūsanti, na sotaṃ odahanti, na aññā cittaṃ upaṭṭhāpenti, vokkamma ca satthusāsanā vattanti. Tatra, bhikkhave, tathāgato na ceva anattamano hoti, na ca anattamanataṃ paṭisaṃvedeti, anavassuto ca viharati sato sampajāno. Idaṃ, bhikkhave, paṭhamaṃ satipaṭṭhānaṃ. Yadariyo…pe… arahati.
‘‘ปุน จปรํ ภิกฺขเว สตฺถา…เป.… อิทํ โว สุขายาติฯ ตสฺส เอกเจฺจ สาวกา น สุสฺสูสนฺติ…เป.… วตฺตนฺติฯ เอกเจฺจ สาวกา สุสฺสูสนฺติ …เป.… น จ โวกฺกมฺม สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต น เจว อตฺตมโน โหติ, น จ อตฺตมนตํ ปฎิสํเวเทติฯ น เจว อนตฺตมโน โหติ, น จ อนตฺตมนตํ ปฎิสํเวเทติฯ อตฺตมนตญฺจ อนตฺตมนตญฺจ ตทุภยํ อภินิวเชฺชตฺวา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ…เป.…ฯ
‘‘Puna caparaṃ bhikkhave satthā…pe… idaṃ vo sukhāyāti. Tassa ekacce sāvakā na sussūsanti…pe… vattanti. Ekacce sāvakā sussūsanti …pe… na ca vokkamma satthusāsanā vattanti. Tatra, bhikkhave, tathāgato na ceva attamano hoti, na ca attamanataṃ paṭisaṃvedeti. Na ceva anattamano hoti, na ca anattamanataṃ paṭisaṃvedeti. Attamanatañca anattamanatañca tadubhayaṃ abhinivajjetvā upekkhako ca viharati sato sampajāno. Idaṃ, bhikkhave, dutiyaṃ…pe….
‘‘ปุน จปรํ…เป.… สุขายาติฯ ตสฺส สาวกา สุสฺสูสนฺติ…เป.… วตฺตนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต อตฺตมโน เจว โหติ, อตฺตมนตญฺจ ปฎิสํเวเทติ, อนวสฺสุโต จ วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ตติย’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๓๑๑) –
‘‘Puna caparaṃ…pe… sukhāyāti. Tassa sāvakā sussūsanti…pe… vattanti. Tatra, bhikkhave, tathāgato attamano ceva hoti, attamanatañca paṭisaṃvedeti, anavassuto ca viharati sato sampajāno. Idaṃ, bhikkhave, tatiya’’nti (ma. ni. 3.311) –
เอวํ ปฎิฆานุนเยหิ อนวสฺสุตตา, นิจฺจํ อุปฎฺฐิตสติตา, ตทุภยวีติวตฺตตา สติปฎฺฐานนฺติ วุตฺตาฯ พุทฺธานเมว กิร นิจฺจํ อุปฎฺฐิตสติตา โหติ, น ปเจฺจกพุทฺธาทีนนฺติฯ
Evaṃ paṭighānunayehi anavassutatā, niccaṃ upaṭṭhitasatitā, tadubhayavītivattatā satipaṭṭhānanti vuttā. Buddhānameva kira niccaṃ upaṭṭhitasatitā hoti, na paccekabuddhādīnanti.
ป-สโทฺท อารมฺภํ โชเตติ, อารโมฺภ จ ปวตฺตีติ กตฺวา อาห ‘‘ปวตฺตยิตพฺพโตติ อโตฺถ’’ติฯ สติยา กรณภูตาย ปฎฺฐานํ ปฎฺฐาเปตพฺพํ สติปฎฺฐานํฯ อน-สทฺทญฺหิ พหุลํ-วจเนน กมฺมตฺถํ อิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู, ตเถว กตฺตุอตฺถมฺปิ อิจฺฉนฺตีติ ปุน ตติยนเย ‘‘ปติฎฺฐาตีติ ปฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ป-สโทฺท ภุสตฺถํ ปกฺขนฺทนํ ทีเปตีติ ‘‘โอกฺกนฺติตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา วตฺตตีติ อโตฺถ’’ติ อาหฯ ปุน ภาวเตฺถ สติ-สทฺทํ ปฎฺฐาน-สทฺทญฺจ วเณฺณโนฺต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาหฯ เตน ปุริมเตฺถ สติ-สโทฺท ปฎฺฐาน-สโทฺท จ กตฺตุอโตฺถติ วิญฺญายติฯ
Pa-saddo ārambhaṃ joteti, ārambho ca pavattīti katvā āha ‘‘pavattayitabbatoti attho’’ti. Satiyā karaṇabhūtāya paṭṭhānaṃ paṭṭhāpetabbaṃ satipaṭṭhānaṃ. Ana-saddañhi bahulaṃ-vacanena kammatthaṃ icchanti saddavidū, tatheva kattuatthampi icchantīti puna tatiyanaye ‘‘patiṭṭhātīti paṭṭhāna’’nti vuttaṃ. Tattha pa-saddo bhusatthaṃ pakkhandanaṃ dīpetīti ‘‘okkantitvā pakkhanditvā vattatīti attho’’ti āha. Puna bhāvatthe sati-saddaṃ paṭṭhāna-saddañca vaṇṇento ‘‘atha vā’’tiādimāha. Tena purimatthe sati-saddo paṭṭhāna-saddo ca kattuatthoti viññāyati.
วิเสเสน กาโย จ เวทนา จ อสฺสาทสฺส การณนฺติ ตปฺปหานตฺถํ เตสํ ตณฺหาวตฺถูนํ โอฬาริกสุขุมานํ อสุภทุกฺขตาทสฺสนานิ มนฺทติกฺขปเญฺญหิ ตณฺหาจริเตหิ สุกรานีติ ตานิ เตสํ วิสุทฺธิมโคฺคติ วุตฺตานิ, เอวํ ทิฎฺฐิยา วิเสสการเณสุ จิตฺตธเมฺมสุ อนิจฺจานตฺตตาทสฺสนานิ นาติปเภทาติปเภทคเตสุ เตสุ ตปฺปหานตฺถํ มนฺทติกฺขานํ ทิฎฺฐิจริตานํ สุกรานีติ เตสํ ตานิ วิสุทฺธิมโคฺคติฯ ติโกฺข สมถยานิโก โอฬาริการมฺมณํ ปริคฺคณฺหโนฺต ตตฺถ อฎฺฐตฺวา ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย เวทนํ ปริคฺคณฺหาตีติ อาห ‘‘โอฬาริการมฺมเณ อสณฺฐหนโต’’ติฯ วิปสฺสนายานิกสฺส สุขุเม จิเตฺต ธเมฺมสุ จ จิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติ ตทนุปสฺสนานํ ตํวิสุทฺธิมคฺคตา วุตฺตาฯ
Visesena kāyo ca vedanā ca assādassa kāraṇanti tappahānatthaṃ tesaṃ taṇhāvatthūnaṃ oḷārikasukhumānaṃ asubhadukkhatādassanāni mandatikkhapaññehi taṇhācaritehi sukarānīti tāni tesaṃ visuddhimaggoti vuttāni, evaṃ diṭṭhiyā visesakāraṇesu cittadhammesu aniccānattatādassanāni nātipabhedātipabhedagatesu tesu tappahānatthaṃ mandatikkhānaṃ diṭṭhicaritānaṃ sukarānīti tesaṃ tāni visuddhimaggoti. Tikkho samathayāniko oḷārikārammaṇaṃ pariggaṇhanto tattha aṭṭhatvā jhānaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya vedanaṃ pariggaṇhātīti āha ‘‘oḷārikārammaṇe asaṇṭhahanato’’ti. Vipassanāyānikassa sukhume citte dhammesu ca cittaṃ pakkhandatīti tadanupassanānaṃ taṃvisuddhimaggatā vuttā.
เตสํ ตตฺถาติ เอตฺถ ตตฺถ-สทฺทสฺส ปหานตฺถนฺติ เอเตน โยชนาฯ ปญฺจ กามคุณา สวิเสสา กาเย ลพฺภนฺตีติ วิเสเสน กาโย กาโมฆสฺส วตฺถุ, ภเว สุขคฺคหณวเสน ภวสฺสาโท โหตีติ ภโวฆสฺส เวทนา, สนฺตติฆนคฺคหณวเสน จิเตฺต อตฺตาภินิเวโส โหตีติ ทิโฎฺฐฆสฺส จิตฺตํ, ธมฺมวินิโพฺภคสฺส ธมฺมานํ ธมฺมมตฺตตาย จ ทุปฺปฎิวิชฺฌตฺตา สโมฺมโห โหตีติ อวิโชฺชฆสฺส ธมฺมา, ตสฺมา เตสุ เตสํ ปหานตฺถํ จตฺตาโรว วุตฺตา, ทุกฺขาย เวทนาย ปฎิฆานุสโย อนุเสตีติ ทุกฺขทุกฺขวิปริณามทุกฺขสงฺขารทุกฺขภูตา เวทนา วิเสเสน พฺยาปาทกายคนฺถสฺส วตฺถุ, จิเตฺต นิจฺจคฺคหณวเสน สสฺสตสฺส อตฺตโน สีเลน สุทฺธีติอาทิปรามสนํ โหตีติ สีลพฺพตปรามาสสฺส จิตฺตํ, นามรูปปริเจฺฉเทน ภูตํ ภูตโต อปสฺสนฺตสฺส ภววิภวทิฎฺฐิสงฺขาโต อิทํสจฺจาภินิเวโส โหตีติ ตสฺส ธมฺมา…เป.… สุขเวทนาสฺสาทวเสน ปรโลกนิรเปโกฺข ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิปรามาสํ อุปฺปาเทตีติ ทิฎฺฐุปาทานสฺส เวทนาฯ สนฺตติฆนคฺคหณวเสน สราคาทิจิเตฺต สโมฺมโห โหตีติ โมหาคติยา จิตฺตํ, ธมฺมสภาวานวโพเธน ภยํ โหตีติ ภยาคติยา ธมฺมา…เป.… อวุตฺตานํ วุตฺตนเยน วตฺถุภาโว โยเชตโพฺพฯ
Tesaṃ tatthāti ettha tattha-saddassa pahānatthanti etena yojanā. Pañca kāmaguṇā savisesā kāye labbhantīti visesena kāyo kāmoghassa vatthu, bhave sukhaggahaṇavasena bhavassādo hotīti bhavoghassa vedanā, santatighanaggahaṇavasena citte attābhiniveso hotīti diṭṭhoghassa cittaṃ, dhammavinibbhogassa dhammānaṃ dhammamattatāya ca duppaṭivijjhattā sammoho hotīti avijjoghassa dhammā, tasmā tesu tesaṃ pahānatthaṃ cattārova vuttā, dukkhāya vedanāya paṭighānusayo anusetīti dukkhadukkhavipariṇāmadukkhasaṅkhāradukkhabhūtā vedanā visesena byāpādakāyaganthassa vatthu, citte niccaggahaṇavasena sassatassa attano sīlena suddhītiādiparāmasanaṃ hotīti sīlabbataparāmāsassa cittaṃ, nāmarūpaparicchedena bhūtaṃ bhūtato apassantassa bhavavibhavadiṭṭhisaṅkhāto idaṃsaccābhiniveso hotīti tassa dhammā…pe… sukhavedanāssādavasena paralokanirapekkho ‘‘natthi dinna’’ntiādiparāmāsaṃ uppādetīti diṭṭhupādānassa vedanā. Santatighanaggahaṇavasena sarāgādicitte sammoho hotīti mohāgatiyā cittaṃ, dhammasabhāvānavabodhena bhayaṃ hotīti bhayāgatiyā dhammā…pe… avuttānaṃ vuttanayena vatthubhāvo yojetabbo.
‘‘อาหารสมุทยา กายสมุทโย, ผสฺสสมุทยา เวทนาสมุทโย (สํ. นิ. ๕.๔๐๘), สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑) วจนโต กายาทีนํ สมุทยภูตา กพฬีการาหารผสฺสมโนสเญฺจตนาวิญฺญาณาหารา กายาทิปริชานเนน ปริญฺญาตา โหนฺตีติ อาห ‘‘จตุพฺพิธาหารปริญฺญตฺถ’’นฺติฯ ปกรณนโยติ ตมฺพปณฺณิภาสาย วณฺณนานโยฯ เนตฺติเปฎกปฺปกรเณ ธมฺมกถิกานํ โยชนานโยติปิ วทนฺติฯ
‘‘Āhārasamudayā kāyasamudayo, phassasamudayā vedanāsamudayo (saṃ. ni. 5.408), saṅkhārapaccayā viññāṇaṃ, viññāṇapaccayā nāmarūpa’’nti (ma. ni. 3.126; saṃ. ni. 2.1; udā. 1) vacanato kāyādīnaṃ samudayabhūtā kabaḷīkārāhāraphassamanosañcetanāviññāṇāhārā kāyādiparijānanena pariññātā hontīti āha ‘‘catubbidhāhārapariññattha’’nti. Pakaraṇanayoti tambapaṇṇibhāsāya vaṇṇanānayo. Nettipeṭakappakaraṇe dhammakathikānaṃ yojanānayotipi vadanti.
สรณวเสนาติ กายาทีนํ กุสลาทิธมฺมานญฺจ ธารณตาวเสนฯ สรนฺติ คจฺฉนฺติ เอตายาติ สตีติ อิมสฺมิํ อเตฺถ เอกเตฺต นิพฺพาเน สมาคโม เอกตฺตสโมสรณํฯ เอตเทว หิ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาหฯ เอกนิพฺพานปฺปเวสเหตุภูโต วา สมานตาย เอโก สติปฎฺฐานสภาโว เอกตฺตํ, ตตฺถ สโมสรณํ ตํสภาคตา เอกตฺตสโมสรณํฯ เอกนิพฺพานปฺปเวสเหตุภาวํ ปน ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาหฯ เอตสฺมิํ อเตฺถ สรเณกตฺตสโมสรณานิ สห สติปฎฺฐาเนกภาวสฺส การณเตฺตน วุตฺตานีติ ทฎฺฐพฺพานิ, ปุริมสฺมิํ วิสุํฯ สรณวเสนาติ วา คมนวเสนาติ อเตฺถ สติ ตเทว คมนํ สโมสรณนฺติ สโมสรเณ วา สติ-สทฺทตฺถวเสน อวุจฺจมาเน ธารณตาว สตีติ สติ-สทฺทตฺถนฺตราภาวา ปุริมํ สติภาวสฺส การณํ, ปจฺฉิมํ เอกภาวสฺสาติ นิพฺพานสโมสรเณปิ สหิตาเนว ตานิ สติปฎฺฐาเนกภาวสฺส การณานิฯ
Saraṇavasenāti kāyādīnaṃ kusalādidhammānañca dhāraṇatāvasena. Saranti gacchanti etāyāti satīti imasmiṃ atthe ekatte nibbāne samāgamo ekattasamosaraṇaṃ. Etadeva hi dassetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādimāha. Ekanibbānappavesahetubhūto vā samānatāya eko satipaṭṭhānasabhāvo ekattaṃ, tattha samosaraṇaṃ taṃsabhāgatā ekattasamosaraṇaṃ. Ekanibbānappavesahetubhāvaṃ pana dassetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādimāha. Etasmiṃ atthe saraṇekattasamosaraṇāni saha satipaṭṭhānekabhāvassa kāraṇattena vuttānīti daṭṭhabbāni, purimasmiṃ visuṃ. Saraṇavasenāti vā gamanavasenāti atthe sati tadeva gamanaṃ samosaraṇanti samosaraṇe vā sati-saddatthavasena avuccamāne dhāraṇatāva satīti sati-saddatthantarābhāvā purimaṃ satibhāvassa kāraṇaṃ, pacchimaṃ ekabhāvassāti nibbānasamosaraṇepi sahitāneva tāni satipaṭṭhānekabhāvassa kāraṇāni.
จุทฺทสวิเธนาติ อิทํ มหาสติปฎฺฐานสุเตฺต (ที. นิ. ๒.๓๗๒ อาทโย; ม. นิ. ๑.๑๐๕ อาทโย) วุตฺตานํ อานาปานปพฺพาทีนํ วเสนฯ ตถา ปญฺจวิเธน ธมฺมานุปสฺสนนฺติ เอตฺถาปิ ทฎฺฐพฺพํฯ เอตฺถ จ อุฎฺฐานกภณฺฑสทิสตา ตํตํสติปฎฺฐานภาวนานุภาวสฺส ทฎฺฐพฺพาฯ ภิกฺขุโคจรา หิ เอเตฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘โคจเร, ภิกฺขเว, จรถ สเก เปตฺติเก วิสเย’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๓๗๒; ที. นิ. ๓.๘๐)ฯ
Cuddasavidhenāti idaṃ mahāsatipaṭṭhānasutte (dī. ni. 2.372 ādayo; ma. ni. 1.105 ādayo) vuttānaṃ ānāpānapabbādīnaṃ vasena. Tathā pañcavidhena dhammānupassananti etthāpi daṭṭhabbaṃ. Ettha ca uṭṭhānakabhaṇḍasadisatā taṃtaṃsatipaṭṭhānabhāvanānubhāvassa daṭṭhabbā. Bhikkhugocarā hi ete. Vuttañhi ‘‘gocare, bhikkhave, caratha sake pettike visaye’’tiādi (saṃ. ni. 5.372; dī. ni. 3.80).
กายานุปสฺสนาทิปฎิปตฺติยา ภิกฺขุ โหตีติ ภิกฺขุํ ‘‘กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติอาทินา ทเสฺสติ ภิกฺขุมฺหิ ตํนิยมโตฯ เตนาห ‘‘ปฎิปตฺติยา วา ภิกฺขุภาวทสฺสนโต’’ติฯ
Kāyānupassanādipaṭipattiyā bhikkhu hotīti bhikkhuṃ ‘‘kāyānupassī viharatī’’tiādinā dasseti bhikkhumhi taṃniyamato. Tenāha ‘‘paṭipattiyā vā bhikkhubhāvadassanato’’ti.
สมํ จเรยฺยาติ กายาทิวิสมจริยํ ปหาย กายาทีหิ สมํ จเรยฺยฯ ราคาทิวูปสเมน สโนฺต, อินฺทฺริยทมเนน ทโนฺต, จตุมคฺคนิยเมน นิยโต, เสฎฺฐจาริตาย พฺรหฺมจารีฯ กายทณฺฑาทิโอโรปเนน นิธาย ทณฺฑํฯ โส เอวรูโป พาหิตปาปสมิตปาปภินฺนกิเลสตาหิ พฺราหฺมณาทิสมโญฺญ เวทิตโพฺพฯ
Samaṃ careyyāti kāyādivisamacariyaṃ pahāya kāyādīhi samaṃ careyya. Rāgādivūpasamena santo, indriyadamanena danto, catumagganiyamena niyato, seṭṭhacāritāya brahmacārī. Kāyadaṇḍādioropanena nidhāya daṇḍaṃ. So evarūpo bāhitapāpasamitapāpabhinnakilesatāhi brāhmaṇādisamañño veditabbo.
กายานุปสฺสนาอุเทฺทสวณฺณนา
Kāyānupassanāuddesavaṇṇanā
อสมฺมิสฺสโตติ เวทนาทโยปิ เอตฺถ สิตา, เอตฺถ ปฎิพทฺธาติ กาเย เวทนาทิอนุปสฺสนาปสเงฺคปิ อาปเนฺน ตทมิสฺสโตติ อโตฺถฯ อวยวีคาหสมญฺญาติธาวนสาราทานาภินิเวสนิเสธนตฺถํ กายํ องฺคปจฺจเงฺคหิ, ตานิ จ เกสาทีหิ, เกสาทิเก จ ภูตุปาทายรูเปหิ วินิพฺภุชฺชโนฺต ‘‘ตถา น กาเย’’ติอาทิมาหฯ ปาสาทาทินคราวยวสมูเห อวยวีวาทิโนปิ อวยวีคาหํ น กโรนฺติฯ นครํ นาม โกจิ อโตฺถ อตฺถีติ ปน เกสญฺจิ สมญฺญาติธาวนํ สิยาติ อิตฺถิปุริสาทิสมญฺญาติธาวเน นครนิทสฺสนํ วุตฺตํฯ
Asammissatoti vedanādayopi ettha sitā, ettha paṭibaddhāti kāye vedanādianupassanāpasaṅgepi āpanne tadamissatoti attho. Avayavīgāhasamaññātidhāvanasārādānābhinivesanisedhanatthaṃ kāyaṃ aṅgapaccaṅgehi, tāni ca kesādīhi, kesādike ca bhūtupādāyarūpehi vinibbhujjanto ‘‘tathā na kāye’’tiādimāha. Pāsādādinagarāvayavasamūhe avayavīvādinopi avayavīgāhaṃ na karonti. Nagaraṃ nāma koci attho atthīti pana kesañci samaññātidhāvanaṃ siyāti itthipurisādisamaññātidhāvane nagaranidassanaṃ vuttaṃ.
ยํ ปสฺสติ อิตฺถิํ วา ปุริสํ วา, นนุ จกฺขุนา อิตฺถิปุริสทสฺสนํ นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, ‘‘อิตฺถิํ ปสฺสามิ, ปุริสํ ปสฺสามี’’ติ ปน ปวตฺตสญฺญาย วเสน ‘‘ยํ ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ มิจฺฉาทสฺสเน วา ทิฎฺฐิยา ยํ ปสฺสติ, น ตํ ทิฎฺฐํ, ตํ รูปายตนํ น โหติ, รูปายตนํ วา ตํ น โหตีติ อโตฺถฯ อถ วา ตํ เกสาทิภูตุปาทายสมูหสงฺขาตํ ทิฎฺฐํ น โหติ, ทิฎฺฐํ วา ยถาวุตฺตํ น โหตีติ อโตฺถฯ ยํ ทิฎฺฐํ ตํ น ปสฺสตีติ ยํ รูปายตนํ, เกสาทิภูตุปาทายสมูหสงฺขาตํ วา ทิฎฺฐํ, ตํ ปญฺญาจกฺขุนา ภูตโต น ปสฺสตีติ อโตฺถฯ
Yaṃ passati itthiṃ vā purisaṃ vā, nanu cakkhunā itthipurisadassanaṃ natthīti? Saccaṃ natthi, ‘‘itthiṃ passāmi, purisaṃ passāmī’’ti pana pavattasaññāya vasena ‘‘yaṃ passatī’’ti vuttaṃ. Micchādassane vā diṭṭhiyā yaṃ passati, na taṃ diṭṭhaṃ, taṃ rūpāyatanaṃ na hoti, rūpāyatanaṃ vā taṃ na hotīti attho. Atha vā taṃ kesādibhūtupādāyasamūhasaṅkhātaṃ diṭṭhaṃ na hoti, diṭṭhaṃ vā yathāvuttaṃ na hotīti attho. Yaṃ diṭṭhaṃ taṃ na passatīti yaṃ rūpāyatanaṃ, kesādibhūtupādāyasamūhasaṅkhātaṃ vā diṭṭhaṃ, taṃ paññācakkhunā bhūtato na passatīti attho.
น อญฺญธมฺมานุปสฺสีติ น อญฺญสภาวานุปสฺสี, อสุภาทิโต อญฺญาการานุปสฺสี น โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ ปถวีกายนฺติ เกสาทิปถวิํ ธมฺมสมูหตฺตา กาโยติ วทติ, ลกฺขณปถวิเมว วา อเนกปฺปเภทสกลสรีรคตํ ปุพฺพาปริยภาเวน ปวตฺตมานํ สมูหวเสน คเหตฺวา กาโยติ วทติ, เอวํ อญฺญตฺถาปิฯ
Na aññadhammānupassīti na aññasabhāvānupassī, asubhādito aññākārānupassī na hotīti vuttaṃ hoti. Pathavīkāyanti kesādipathaviṃ dhammasamūhattā kāyoti vadati, lakkhaṇapathavimeva vā anekappabhedasakalasarīragataṃ pubbāpariyabhāvena pavattamānaṃ samūhavasena gahetvā kāyoti vadati, evaṃ aññatthāpi.
อชฺฌตฺตพหิทฺธาติ อชฺฌตฺตพหิทฺธาธมฺมานํ ฆฎิตารมฺมณํ เอกโต อารมฺมณภาโว นตฺถีติ อโตฺถ, อชฺฌตฺตพหิทฺธา ธมฺมา วา ฆฎิตารมฺมณํ อิทํ นตฺถีติ อโตฺถฯ ตีสุ ภเวสุ กิเลสานนฺติ ภวตฺตยวิสยานํ กิเลสานนฺติ อโตฺถฯ
Ajjhattabahiddhāti ajjhattabahiddhādhammānaṃ ghaṭitārammaṇaṃ ekato ārammaṇabhāvo natthīti attho, ajjhattabahiddhā dhammā vā ghaṭitārammaṇaṃ idaṃ natthīti attho. Tīsu bhavesu kilesānanti bhavattayavisayānaṃ kilesānanti attho.
สพฺพตฺถิกนฺติ สพฺพตฺถ ภวํฯ สพฺพสฺมิํ ลีเน อุทฺธเฎ จ จิเตฺต อิจฺฉิตพฺพตฺตา, สเพฺพ วา ลีเน อุทฺธเฎ จ ภาเวตพฺพา โพชฺฌงฺคา อตฺถิกา เอตายาติ สพฺพตฺถิกาฯ อโนฺตสเงฺขโปติ อโนฺตโอลียนา โกสชฺชนฺติ อโตฺถฯ
Sabbatthikanti sabbattha bhavaṃ. Sabbasmiṃ līne uddhaṭe ca citte icchitabbattā, sabbe vā līne uddhaṭe ca bhāvetabbā bojjhaṅgā atthikā etāyāti sabbatthikā. Antosaṅkhepoti antoolīyanā kosajjanti attho.
อวิเสเสน ทฺวีหิปิ นีวรณปฺปหานํ วุตฺตนฺติ กตฺวา ปุน เอเกเกน วุตฺตปฺปหานวิเสสํ ทเสฺสตุํ ‘‘วิเสเสนา’’ติ อาห, ‘‘วิเนยฺย นีวรณานี’’ติ อวตฺวา อภิชฺฌาโทมนสฺสวินยสฺส วา ปโยชนํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิเสเสนา’’ติอาทิมาหฯ กายานุปสฺสนาภาวนาย อุชุวิปจฺจนีกานํ อนุโรธวิโรธาทีนํ ปหานทสฺสนญฺหิ เอตสฺส ปโยชนนฺติฯ กายภาวนายาติ กายานุปสฺสนาภาวนา อธิเปฺปตาฯ เตนาติ อนุโรธาทิปฺปหานวจเนนฯ
Avisesena dvīhipi nīvaraṇappahānaṃ vuttanti katvā puna ekekena vuttappahānavisesaṃ dassetuṃ ‘‘visesenā’’ti āha, ‘‘vineyya nīvaraṇānī’’ti avatvā abhijjhādomanassavinayassa vā payojanaṃ dassento ‘‘visesenā’’tiādimāha. Kāyānupassanābhāvanāya ujuvipaccanīkānaṃ anurodhavirodhādīnaṃ pahānadassanañhi etassa payojananti. Kāyabhāvanāyāti kāyānupassanābhāvanā adhippetā. Tenāti anurodhādippahānavacanena.
สพฺพตฺถิกกมฺมฎฺฐานํ พุทฺธานุสฺสติ เมตฺตา มรณสฺสติ อสุภภาวนา จฯ สติสมฺปชเญฺญน เอเตน โยคินา ปริหริยมานํ ตํ สพฺพตฺถิกกมฺมฎฺฐานํ วุตฺตํ สติสมฺปชญฺญพเลน อวิจฺฉินฺนสฺส ตสฺส ปริหริตพฺพตฺตา, สติยา วา สมโถ วุโตฺต สมาธิกฺขนฺธสงฺคหิตตฺตาฯ
Sabbatthikakammaṭṭhānaṃ buddhānussati mettā maraṇassati asubhabhāvanā ca. Satisampajaññena etena yoginā parihariyamānaṃ taṃ sabbatthikakammaṭṭhānaṃ vuttaṃ satisampajaññabalena avicchinnassa tassa pariharitabbattā, satiyā vā samatho vutto samādhikkhandhasaṅgahitattā.
กายานุปสฺสนาอุเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kāyānupassanāuddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
เวทนานุปสฺสนาทิอุเทฺทสวณฺณนา
Vedanānupassanādiuddesavaṇṇanā
เกวลํ ปนิธาติอาทินา อิธ เอตฺตกํ เวทิตพฺพนฺติ เวทิตพฺพํ ปริเจฺฉทํ ทเสฺสติฯ อทฺทมทกฺขีติ เทฺวปิ เอกตฺถาฯ สมฺมทฺทโสติ สมฺมา ปสฺสโกฯ
Kevalaṃ panidhātiādinā idha ettakaṃ veditabbanti veditabbaṃ paricchedaṃ dasseti. Addamadakkhīti dvepi ekatthā. Sammaddasoti sammā passako.
สุขทุกฺขโตปิ จาติ สุขาทีนํ ฐิติวิปริณามญาณสุขตาย, วิปริณามฎฺฐิติอญฺญาณทุกฺขตาย จ วุตฺตตฺตา ติโสฺสปิ จ สุขโต ติโสฺสปิ จ ทุกฺขโต อนุปสฺสิตพฺพาติ อโตฺถฯ
Sukhadukkhatopi cāti sukhādīnaṃ ṭhitivipariṇāmañāṇasukhatāya, vipariṇāmaṭṭhitiaññāṇadukkhatāya ca vuttattā tissopi ca sukhato tissopi ca dukkhato anupassitabbāti attho.
รูปาทิอารมฺมณฉนฺทาทิอธิปติญาณาทิสหชาตกามาวจราทิภูมินานตฺตเภทานํ กุสลากุสลตพฺพิปากกิริยานานตฺตเภทสฺส จ อาทิ-สเทฺทน สสงฺขาริกาสงฺขาริกสวตฺถุกาวตฺถุกาทินานตฺตเภทานญฺจ วเสนาติ โยเชตพฺพํฯ สุญฺญตาธมฺมสฺสาติ ‘‘ธมฺมา โหนฺติ, ขนฺธา โหนฺตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๒๑) สุญฺญตาวาเร อาคตสุญฺญตาสภาวสฺส วเสนฯ กามเญฺจตฺถาติอาทินา ปุเพฺพ ปหีนตฺตา ปุน ปหานํ น วตฺตพฺพนฺติ โจทนํ ทเสฺสติ, มคฺคจิตฺตกฺขเณ วา เอกตฺถ ปหีนํ สพฺพตฺถ ปหีนํ โหตีติ วิสุํ วิสุํ น วตฺตพฺพนฺติฯ ตตฺถ ปุริมโจทนาย นานาปุคฺคลปริหาโร, ปจฺฉิมาย นานาจิตฺตกฺขณิกปริหาโรฯ โลกิยภาวนาย หิ กาเย ปหีนํ น เวทนาทีสุ วิกฺขมฺภิตํ โหติฯ ยทิปิ น ปวเตฺตยฺย, น ปฎิปกฺขภาวนาย ตตฺถ สา อภิชฺฌาโทมนสฺสสฺส อปฺปวตฺติ โหตีติ ปุน ตปฺปหานํ วตฺตพฺพเมวาติฯ อุภยตฺถ วา อุภยํ สมฺภวโต โยเชตพฺพํฯ เอกตฺถ ปหีนํ เสเสสุปิ ปหีนํ โหตีติ มคฺคสติปฎฺฐานภาวนํ, โลกิยภาวนาย วา สพฺพตฺถ อปฺปวตฺติมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ‘‘ปญฺจปิ ขนฺธา โลโก’’ติ หิ จตูสุปิ วุตฺตนฺติฯ
Rūpādiārammaṇachandādiadhipatiñāṇādisahajātakāmāvacarādibhūminānattabhedānaṃ kusalākusalatabbipākakiriyānānattabhedassa ca ādi-saddena sasaṅkhārikāsaṅkhārikasavatthukāvatthukādinānattabhedānañca vasenāti yojetabbaṃ. Suññatādhammassāti ‘‘dhammā honti, khandhā hontī’’tiādinā (dha. sa. 121) suññatāvāre āgatasuññatāsabhāvassa vasena. Kāmañcetthātiādinā pubbe pahīnattā puna pahānaṃ na vattabbanti codanaṃ dasseti, maggacittakkhaṇe vā ekattha pahīnaṃ sabbattha pahīnaṃ hotīti visuṃ visuṃ na vattabbanti. Tattha purimacodanāya nānāpuggalaparihāro, pacchimāya nānācittakkhaṇikaparihāro. Lokiyabhāvanāya hi kāye pahīnaṃ na vedanādīsu vikkhambhitaṃ hoti. Yadipi na pavatteyya, na paṭipakkhabhāvanāya tattha sā abhijjhādomanassassa appavatti hotīti puna tappahānaṃ vattabbamevāti. Ubhayattha vā ubhayaṃ sambhavato yojetabbaṃ. Ekattha pahīnaṃsesesupi pahīnaṃ hotīti maggasatipaṭṭhānabhāvanaṃ, lokiyabhāvanāya vā sabbattha appavattimattaṃ sandhāya vuttaṃ. ‘‘Pañcapi khandhā loko’’ti hi catūsupi vuttanti.
เวทนานุปสฺสนาทิอุเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vedanānupassanādiuddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
อุเทฺทสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uddesavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
กายานุปสฺสนานิเทฺทสวณฺณนา
Kāyānupassanāniddesavaṇṇanā
๓๕๖. สพฺพปฺปการวจเนน อุเทฺทเส ทสฺสิตา อชฺฌตฺตาทิอนุปสฺสนา ปการา จ คหิตาฯ ตตฺถ อโนฺตคธา จุทฺทส ปการา, กายคตาสติสุเตฺต วุตฺตา เกสาทิวณฺณกสิณารมฺมณจตุกฺกชฺฌานปฺปการา, โลกิยาทิปฺปการา จาติ เตปิ คหิตา เอวฯ นิเทฺทเส หิ เอกปฺปการนิเทฺทเสน นิทสฺสนมตฺตํ กตนฺติ, สพฺพปฺปการคฺคหณญฺจ พาหิเรสุปิ เอกเทสสมฺภวโต กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
356. Sabbappakāravacanena uddese dassitā ajjhattādianupassanā pakārā ca gahitā. Tattha antogadhā cuddasa pakārā, kāyagatāsatisutte vuttā kesādivaṇṇakasiṇārammaṇacatukkajjhānappakārā, lokiyādippakārā cāti tepi gahitā eva. Niddese hi ekappakāraniddesena nidassanamattaṃ katanti, sabbappakāraggahaṇañca bāhiresupi ekadesasambhavato katanti daṭṭhabbaṃ.
ติริยํ ตจปริจฺฉินฺนนฺติ เอตฺถ นนุ เกสโลมนขานํ อตจปริจฺฉินฺนตา ตจสฺส จ อตฺถีติ? ยทิปิ อตฺถิ, ตจปริจฺฉินฺนพหุลตาย ปน ตจปริจฺฉินฺนตา น น โหติ กายสฺสาติ เอวํ วุตฺตํฯ ตโจ ปริยโนฺต อสฺสาติ ตจปริยโนฺตติ วุโตฺตติ เอเตน ปน วจเนน กาเยกเทสภูโต ตโจ คหิโต เอวฯ ตปฺปฎิพทฺธา จ เกสาทโย ตทนุปวิฎฺฐมูลา ตจปริยนฺตาว โหนฺตีติ ทฺวตฺติํสาการสมูโห สโพฺพปิ กาโย ตจปริยโนฺตติ วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ
Tiriyaṃ tacaparicchinnanti ettha nanu kesalomanakhānaṃ atacaparicchinnatā tacassa ca atthīti? Yadipi atthi, tacaparicchinnabahulatāya pana tacaparicchinnatā na na hoti kāyassāti evaṃ vuttaṃ. Taco pariyanto assāti tacapariyantoti vuttoti etena pana vacanena kāyekadesabhūto taco gahito eva. Tappaṭibaddhā ca kesādayo tadanupaviṭṭhamūlā tacapariyantāva hontīti dvattiṃsākārasamūho sabbopi kāyo tacapariyantoti vuttoti veditabbo.
‘‘ปูรํ นานปฺปการสฺสา’’ติ วุตฺตํ, เก ปน เต ปการา? เยหิ นานปฺปการํ อสุจิ วุตฺตนฺติ เกสา โลมาติอาทิ วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ ทีเปโนฺต อาห ‘‘เอเต เกสาทโย อาการา’’ติฯ อาการา ปการาติ หิ เอโก อโตฺถฯ
‘‘Pūraṃ nānappakārassā’’ti vuttaṃ, ke pana te pakārā? Yehi nānappakāraṃ asuci vuttanti kesā lomātiādi vuttanti imamatthaṃ dīpento āha ‘‘ete kesādayo ākārā’’ti. Ākārā pakārāti hi eko attho.
นิสินฺนสฺส ยาว อปริปฺผนฺทนิสชฺชามูลกํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ยาวตา อุฎฺฐาติ วา, ตาว เอโก นิสชฺชวาโรฯ เยน วิธินา อุคฺคเห กุสโล โหติ, โส สตฺตวิโธ วิธิ ‘‘อุคฺคหโกสลฺล’’นฺติ วุจฺจติ, ตํนิพฺพตฺตํ วา ญาณํฯ
Nisinnassa yāva aparipphandanisajjāmūlakaṃ dukkhaṃ uppajjati, yāvatā uṭṭhāti vā, tāva eko nisajjavāro. Yena vidhinā uggahe kusalo hoti, so sattavidho vidhi ‘‘uggahakosalla’’nti vuccati, taṃnibbattaṃ vā ñāṇaṃ.
ปถวีธาตุพหุลภาวโต มตฺถลุงฺคสฺส กรีสาวสาเน ตนฺติอาโรปนมาหฯ เอตฺถ ปน มํสํ…เป.… วกฺกํ…เป.… เกสาติ เอวํ วกฺกปญฺจกาทีสุ อนุโลมสชฺฌายํ วตฺวา ปฎิโลมสชฺฌาโย ปุริเมหิ สมฺพโนฺธ วุโตฺตฯ สฺวายํ เย ปรโต วิสุํ ติปญฺจาหํ, ปุริเมหิ เอกโต ติปญฺจาหนฺติ ฉปญฺจาหํ สชฺฌายา วกฺขมานา, เตสุ อาทิอนฺตทสฺสนวเสน วุโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ อนุโลมปฎิโลมสชฺฌาเยปิ หิ ปฎิโลมสชฺฌาโย อนฺติโมติฯ สชฺฌายปฺปการนฺตรํ วา เอตมฺปีติ เวทิตพฺพํฯ หตฺถสงฺขลิกา องฺคุลิปนฺติฯ ลกฺขณปฎิเวธสฺสาติ อสุภลกฺขณปฎิเวธสฺส, ธาตุลกฺขณปฎิเวธสฺส วาฯ
Pathavīdhātubahulabhāvato matthaluṅgassa karīsāvasāne tantiāropanamāha. Ettha pana maṃsaṃ…pe… vakkaṃ…pe… kesāti evaṃ vakkapañcakādīsu anulomasajjhāyaṃ vatvā paṭilomasajjhāyo purimehi sambandho vutto. Svāyaṃ ye parato visuṃ tipañcāhaṃ, purimehi ekato tipañcāhanti chapañcāhaṃ sajjhāyā vakkhamānā, tesu ādiantadassanavasena vuttoti daṭṭhabbo. Anulomapaṭilomasajjhāyepi hi paṭilomasajjhāyo antimoti. Sajjhāyappakārantaraṃ vā etampīti veditabbaṃ. Hatthasaṅkhalikā aṅgulipanti. Lakkhaṇapaṭivedhassāti asubhalakkhaṇapaṭivedhassa, dhātulakkhaṇapaṭivedhassa vā.
อตฺตโน ภาโค สภาโค, สภาเคน ปริเจฺฉโท สภาคปริเจฺฉโท, เหฎฺฐุปริติริยเนฺตหิ สกโกฎฺฐาสิกเกสนฺตราทีหิ จ ปริเจฺฉโทติ อโตฺถฯ
Attano bhāgo sabhāgo, sabhāgena paricchedo sabhāgaparicchedo, heṭṭhuparitiriyantehi sakakoṭṭhāsikakesantarādīhi ca paricchedoti attho.
ธาตุวิภโงฺค (ม. นิ. ๓.๓๔๒ อาทโย) ปุกฺกุสาติสุตฺตํฯ สาธารณวเสนาติ เอตฺตเกเนว สิเทฺธ สพฺพ-คฺคหณํ วณฺณกสิณวเสน จตุกฺกชฺฌานิกสมถสาธารณตฺตสฺส จ ทสฺสนตฺถํฯ
Dhātuvibhaṅgo (ma. ni. 3.342 ādayo) pukkusātisuttaṃ. Sādhāraṇavasenāti ettakeneva siddhe sabba-ggahaṇaṃ vaṇṇakasiṇavasena catukkajjhānikasamathasādhāraṇattassa ca dassanatthaṃ.
โอกฺกมนวิสฺสชฺชนนฺติ ปฎิปชฺชิตพฺพวเชฺชตเพฺพ มเคฺคติ อโตฺถฯ พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมเณติ เอตฺถ กายานุปสฺสนํ หิตฺวา สุภาทิวเสน คยฺหมานา เกสาทโยปิ พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมณาเนวาติ เวทิตพฺพาฯ อุกฺกุฎฺฐุกฺกฎฺฐิฎฺฐาเนเยว อุฎฺฐหิตฺวาติ ปุเพฺพ วิย เอกตฺถ กตาย อุกฺกุฎฺฐิยา กเมน สพฺพตาเลสุ ปติตฺวา อุฎฺฐหิตฺวา ปริยนฺตตาลํ อาทิตาลญฺจ อคนฺตฺวา ตโต ตโต ตตฺถ ตเตฺถว กตาย อุกฺกุฎฺฐิยา อุฎฺฐหิตฺวาติ อโตฺถฯ
Okkamanavissajjananti paṭipajjitabbavajjetabbe maggeti attho. Bahiddhā puthuttārammaṇeti ettha kāyānupassanaṃ hitvā subhādivasena gayhamānā kesādayopi bahiddhā puthuttārammaṇānevāti veditabbā. Ukkuṭṭhukkaṭṭhiṭṭhāneyeva uṭṭhahitvāti pubbe viya ekattha katāya ukkuṭṭhiyā kamena sabbatālesu patitvā uṭṭhahitvā pariyantatālaṃ āditālañca agantvā tato tato tattha tattheva katāya ukkuṭṭhiyā uṭṭhahitvāti attho.
อธิจิตฺตนฺติ สมถวิปสฺสนาจิตฺตํฯ อนุยุเตฺตนาติ ยุตฺตปยุเตฺตน, ภาเวเนฺตนาติ อโตฺถฯ สมาธินิมิตฺตํ อุปลกฺขณากาโร สมาธิเยวฯ มนสิ กาตพฺพนฺติ จิเตฺต กาตพฺพํ, อุปฺปาเทตพฺพนฺติ อโตฺถฯ สมาธิการณํ วา อารมฺมณํ สมาธินิมิตฺตํ อาวชฺชิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ ฐานํ อตฺถีติ วจนเสโส, ตํ จิตฺตํ โกสชฺชาย สํวเตฺตยฺย, เอตสฺส สํวตฺตนสฺส การณํ อตฺถีติ อโตฺถฯ ตํ วา มนสิกรณํ จิตฺตํ โกสชฺชาย สํวเตฺตยฺยาติ เอตสฺส ฐานํ การณนฺติ อโตฺถฯ น จ ปภงฺคูติ กมฺมนิยภาวูปคมเนน จ ปภิชฺชนสภาวนฺติ อโตฺถฯ
Adhicittanti samathavipassanācittaṃ. Anuyuttenāti yuttapayuttena, bhāventenāti attho. Samādhinimittaṃ upalakkhaṇākāro samādhiyeva. Manasi kātabbanti citte kātabbaṃ, uppādetabbanti attho. Samādhikāraṇaṃ vā ārammaṇaṃ samādhinimittaṃ āvajjitabbanti attho. Ṭhānaṃ atthīti vacanaseso, taṃ cittaṃ kosajjāya saṃvatteyya, etassa saṃvattanassa kāraṇaṃ atthīti attho. Taṃ vā manasikaraṇaṃ cittaṃ kosajjāya saṃvatteyyāti etassa ṭhānaṃ kāraṇanti attho. Na ca pabhaṅgūti kammaniyabhāvūpagamanena ca pabhijjanasabhāvanti attho.
อาลิเมฺปตีติ อาทีเปติ ชาเลติฯ ตญฺจาติ ตํ ปิฬนฺธนวิกติสงฺขาตํ อตฺถํ ปโยชนํฯ อสฺสาติ สุวณฺณการสฺส อนุโภติ สโมฺภติ สาเธติ ฯ อสฺส วา สุวณฺณสฺส ตํ อตฺถํ สุวณฺณกาโร อนุโภติ ปาปุณาติฯ
Ālimpetīti ādīpeti jāleti. Tañcāti taṃ piḷandhanavikatisaṅkhātaṃ atthaṃ payojanaṃ. Assāti suvaṇṇakārassa anubhoti sambhoti sādheti . Assa vā suvaṇṇassa taṃ atthaṃ suvaṇṇakāro anubhoti pāpuṇāti.
อภิญฺญาย อิทฺธิวิธาทิญาเณน สจฺฉิกรณียสฺส อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิกสฺส อภิญฺญาสจฺฉิกรณียสฺสฯ ปจฺจกฺขํ ยสฺส อตฺถิ, โส สกฺขิ, สกฺขิโน ภพฺพตา สกฺขิภพฺพตา, สกฺขิภวนตาติ วุตฺตํ โหติฯ สกฺขิ จ โส ภโพฺพ จาติ วา สกฺขิภโพฺพฯ อยญฺหิ อิทฺธิวิธาทีนํ ภโพฺพ, ตตฺถ จ สกฺขีติ สกฺขิภโพฺพ, ตสฺส ภาโว สกฺขิภพฺพตา, ตํ ปาปุณาติฯ อายตเนติ ปุพฺพเหตาทิเก การเณ สติฯ
Abhiññāya iddhividhādiñāṇena sacchikaraṇīyassa iddhividhapaccanubhavanādikassa abhiññāsacchikaraṇīyassa. Paccakkhaṃ yassa atthi, so sakkhi, sakkhino bhabbatā sakkhibhabbatā, sakkhibhavanatāti vuttaṃ hoti. Sakkhi ca so bhabbo cāti vā sakkhibhabbo. Ayañhi iddhividhādīnaṃ bhabbo, tattha ca sakkhīti sakkhibhabbo, tassa bhāvo sakkhibhabbatā, taṃ pāpuṇāti. Āyataneti pubbahetādike kāraṇe sati.
สีติภาวนฺติ นิพฺพานํ, กิเลสทรถวูปสมํ วาฯ สมฺปหํเสตีติ สมปวตฺตํ จิตฺตํ ตถาปวตฺติยา ปญฺญาย โตเสติ อุเตฺตเชติฯ ยทา วา นิรสฺสาทํ จิตฺตํ ภาวนาย น ปกฺขนฺทติ, ตทา ชาติอาทีนิ สํเวควตฺถูนิ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สมฺปหํเสติ สมุเตฺตเชติฯ
Sītibhāvanti nibbānaṃ, kilesadarathavūpasamaṃ vā. Sampahaṃsetīti samapavattaṃ cittaṃ tathāpavattiyā paññāya toseti uttejeti. Yadā vā nirassādaṃ cittaṃ bhāvanāya na pakkhandati, tadā jātiādīni saṃvegavatthūni paccavekkhitvā sampahaṃseti samuttejeti.
ติริยํ อญฺญมเญฺญน ปริจฺฉินฺนา, กถํ? เทฺว เกสา เอกโต นตฺถีติฯ อาสโยติ นิสฺสโย, ปจฺจโยติ อโตฺถฯ
Tiriyaṃ aññamaññena paricchinnā, kathaṃ? Dve kesā ekato natthīti. Āsayoti nissayo, paccayoti attho.
นขา ติริยํ อญฺญมเญฺญน ปริจฺฉินฺนาติ วิสุํ ววตฺถิตตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตเมว หิ อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘เทฺว นขา เอกโต นตฺถี’’ติ อาหาติฯ
Nakhā tiriyaṃ aññamaññena paricchinnāti visuṃ vavatthitataṃ sandhāya vuttaṃ. Tameva hi atthaṃ dassetuṃ ‘‘dve nakhā ekato natthī’’ti āhāti.
สุขุมมฺปีติ ยถาวุตฺตโอฬาริกจมฺมโต สุขุมํ อโนฺตมุขจมฺมาทิฯ โกฎฺฐาเสสุ วา ตเจน ปริจฺฉินฺนตฺตา ยํ ทุรุปลกฺขณียํ, ตํ ‘‘สุขุม’’นฺติ วุตฺตํฯ ตญฺหิ วุตฺตนเยน ตจํ วิวริตฺวา ปสฺสนฺตสฺส ปากฎํ โหตีติฯ
Sukhumampīti yathāvuttaoḷārikacammato sukhumaṃ antomukhacammādi. Koṭṭhāsesu vā tacena paricchinnattā yaṃ durupalakkhaṇīyaṃ, taṃ ‘‘sukhuma’’nti vuttaṃ. Tañhi vuttanayena tacaṃ vivaritvā passantassa pākaṭaṃ hotīti.
ตาลคุฬปฎลํ นาม ปกฺกตาลผลลสิกํ ตาลปฎฺฎิกาย ลิมฺปิตฺวา สุกฺขาเปตฺวา อุทฺธริตฺวา คหิตปฎลํฯ
Tālaguḷapaṭalaṃ nāma pakkatālaphalalasikaṃ tālapaṭṭikāya limpitvā sukkhāpetvā uddharitvā gahitapaṭalaṃ.
เอวํ ติมตฺตานีติ เอวํ-มตฺต-สเทฺทหิ โคปฺผกฎฺฐิกาทีนิ อวุตฺตานิปิ ทเสฺสตีติ เวทิตพฺพํฯ กีฬาโคฬกานิ สุเตฺตน พนฺธิตฺวา อญฺญมญฺญํ ฆเฎฺฎตฺวา กีฬนโคฬกานิฯ
Evaṃ timattānīti evaṃ-matta-saddehi gopphakaṭṭhikādīni avuttānipi dassetīti veditabbaṃ. Kīḷāgoḷakāni suttena bandhitvā aññamaññaṃ ghaṭṭetvā kīḷanagoḷakāni.
ตตฺถ ชงฺฆฎฺฐิกสฺส ปติฎฺฐิตฎฺฐานนฺติ ชณฺณุกฎฺฐิมฺหิ ปวิสิตฺวา ฐิตฎฺฐานนฺติ อธิปฺปาโยฯ เตน อฎฺฐินา ปติฎฺฐิตฎฺฐานํ ยํ กฎิฎฺฐิโน, ตํ อคฺคฉินฺนมหาปุนฺนาคผลสทิสํฯ สีสกปฎฺฎเวฐกํ เวเฐตฺวา ฐปิตสีสมยํ ปฎฺฎกํฯ สุตฺตกนฺตนสลากาวิทฺธา โคฬกา วฎฺฎนาติ วุจฺจนฺติ, วฎฺฎนานํ อาวลิ วฎฺฎนาวลิฯ อวเลขนสตฺถกํ อุจฺฉุตจาวเลขนสตฺถกํฯ
Tattha jaṅghaṭṭhikassa patiṭṭhitaṭṭhānanti jaṇṇukaṭṭhimhi pavisitvā ṭhitaṭṭhānanti adhippāyo. Tena aṭṭhinā patiṭṭhitaṭṭhānaṃ yaṃ kaṭiṭṭhino, taṃ aggachinnamahāpunnāgaphalasadisaṃ. Sīsakapaṭṭaveṭhakaṃ veṭhetvā ṭhapitasīsamayaṃ paṭṭakaṃ. Suttakantanasalākāviddhā goḷakā vaṭṭanāti vuccanti, vaṭṭanānaṃ āvali vaṭṭanāvali. Avalekhanasatthakaṃ ucchutacāvalekhanasatthakaṃ.
วกฺกภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ วกฺกปริยนฺตภาเคน ปริจฺฉินฺนํฯ
Vakkabhāgena paricchinnanti vakkapariyantabhāgena paricchinnaṃ.
สกฺขรสุธาวณฺณนฺติ มรุเมฺปหิ กตสุธาวณฺณํฯ ‘‘เสตสกฺขรสุธาวณฺณ’’นฺติ จ ปาฐํ วทนฺติ, เสตสกฺขราวณฺณํ สุธาวณฺณญฺจาติ อโตฺถฯ
Sakkharasudhāvaṇṇanti marumpehi katasudhāvaṇṇaṃ. ‘‘Setasakkharasudhāvaṇṇa’’nti ca pāṭhaṃ vadanti, setasakkharāvaṇṇaṃ sudhāvaṇṇañcāti attho.
ยตฺถ อนฺนปานํ นิปติตฺวา ติฎฺฐตีติ สมฺพโนฺธฯ
Yattha annapānaṃ nipatitvā tiṭṭhatīti sambandho.
วิสมจฺฉินฺนกลาโป วิสมํ อุทกํ ปคฺฆรติ, เอวเมว สรีรํ เกสกูปาทิวิวเรหิ อุปริ เหฎฺฐา ติริยญฺจ วิสมํ ปคฺฆรตีติ ทเสฺสตุํ วิสมจฺฉินฺน-คฺคหณํ กโรติฯ
Visamacchinnakalāpo visamaṃ udakaṃ paggharati, evameva sarīraṃ kesakūpādivivarehi upari heṭṭhā tiriyañca visamaṃ paggharatīti dassetuṃ visamacchinna-ggahaṇaṃ karoti.
อติกฎุกอจฺจุณฺหาทิโก วิสภาคาหาโร อุณฺหกาเล ปวตฺตมานานํ ธาตูนํ วิสภาคตฺตาฯ
Atikaṭukaaccuṇhādiko visabhāgāhāro uṇhakāle pavattamānānaṃ dhātūnaṃ visabhāgattā.
เอกตฺตารมฺมณพเลเนว วาติ วิกฺขมฺภิตนีวรเณน สุสมาหิตจิเตฺตน อุปฎฺฐิตสฺส นานารมฺมณวิปฺผนฺทนวิรเหน เอกสภาวสฺส อารมฺมณสฺส วเสนฯ ตญฺหิ เอกตฺตารมฺมณํ อุปฎฺฐหมานเมว อตฺตนิ อภิรติํ, สาติสยํ ผรณปีติํ, อิฎฺฐาการานุภวนญฺจ โสมนสฺสํ อุปฺปาเทติฯ น หิ อภิรติโสมนเสฺสหิ วินา อนติกฺกนฺตปีติสุขสฺส เอกตฺตุปฎฺฐานํ อตฺถีติฯ
Ekattārammaṇabaleneva vāti vikkhambhitanīvaraṇena susamāhitacittena upaṭṭhitassa nānārammaṇavipphandanavirahena ekasabhāvassa ārammaṇassa vasena. Tañhi ekattārammaṇaṃ upaṭṭhahamānameva attani abhiratiṃ, sātisayaṃ pharaṇapītiṃ, iṭṭhākārānubhavanañca somanassaṃ uppādeti. Na hi abhiratisomanassehi vinā anatikkantapītisukhassa ekattupaṭṭhānaṃ atthīti.
อวิเสสโต ปน สาธารณวเสนาติ ปฎิกูลธาตุวณฺณวิเสสํ อกตฺวา สมถวิปสฺสนาสาธารณวเสนาติ อโตฺถฯ ติวิเธนาติ อนุโลมาทินา วกฺขมาเนนฯ ฉ มาเสติ อทฺธมาเส อูเนปิ มาสปริเจฺฉเทน ปริจฺฉิชฺชมาเน สชฺฌาเย ฉ มาสา ปริเจฺฉทกา โหนฺตีติ กตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ปริจฺฉิชฺชมานสฺส มาสนฺตรคมนนิวารณญฺหิ ฉมาสคฺคหณํ, น สกลฉมาเส ปริวตฺตทสฺสนตฺถํฯ อาจริยาติ อฎฺฐกถาจริยาฯ
Avisesatopana sādhāraṇavasenāti paṭikūladhātuvaṇṇavisesaṃ akatvā samathavipassanāsādhāraṇavasenāti attho. Tividhenāti anulomādinā vakkhamānena. Cha māseti addhamāse ūnepi māsaparicchedena paricchijjamāne sajjhāye cha māsā paricchedakā hontīti katvā vuttanti veditabbaṃ. Paricchijjamānassa māsantaragamananivāraṇañhi chamāsaggahaṇaṃ, na sakalachamāse parivattadassanatthaṃ. Ācariyāti aṭṭhakathācariyā.
ลกฺขณนฺติ ธาตุปฎิกูลลกฺขณํฯ ชนํ น อรหนฺตีติ อชญฺญา, ชเน ปเวเสตุํ อยุตฺตา ชิคุจฺฉนียาติ วุตฺตํ โหติฯ
Lakkhaṇanti dhātupaṭikūlalakkhaṇaṃ. Janaṃ na arahantīti ajaññā, jane pavesetuṃ ayuttā jigucchanīyāti vuttaṃ hoti.
ปฎิปาฎิยา อฎฺฐีนีติ ปฎิปาฎิยา อฎฺฐีนิ โกฎิยา ฐิตานิฯ น เอตฺถ โกจิ อตฺตา นาม อตฺถิ, อฎฺฐีนิ เอว อฎฺฐิปุญฺชมโตฺต เอวายํ สงฺฆาโฎติ ทเสฺสติ ฯ อเนกสนฺธิยมิโตติ อเนเกหิ สนฺธีหิ ยมิโต สมฺพโทฺธ โส อฎฺฐิปุโญฺชติ ทเสฺสติฯ น เกหิจีติ ยเมนฺตํ อตฺตานํ ปฎิเสเธติฯ โจทิโต ชราย มรณาภิมุขคมเนน โจทิโตฯ
Paṭipāṭiyā aṭṭhīnīti paṭipāṭiyā aṭṭhīni koṭiyā ṭhitāni. Na ettha koci attā nāma atthi, aṭṭhīni eva aṭṭhipuñjamatto evāyaṃ saṅghāṭoti dasseti . Anekasandhiyamitoti anekehi sandhīhi yamito sambaddho so aṭṭhipuñjoti dasseti. Na kehicīti yamentaṃ attānaṃ paṭisedheti. Codito jarāya maraṇābhimukhagamanena codito.
มหาภูตํ อุปาทารูเปน ปริจฺฉินฺนํ ‘‘นีลํ ปีตํ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธ’’นฺติอาทินาฯ อุปาทารูปํ มหาภูเตน ตนฺนิสฺสิตสฺส ตสฺส ตโต พหิ อภาวาฯ ฉายาตปานํ อาตปปจฺจยฉายุปฺปาทกภาโว อญฺญมญฺญปริเจฺฉทกตาฯ รูปกฺขนฺธสฺส ปริคฺคหิตตฺตา ตทโนฺตคธานํ จกฺขาทิอายตนทฺวารานํ วเสน ตํตํทฺวาริกา อรูปิโน ขนฺธา ปากฎา โหนฺติ, อายตนานิ จ ทฺวารานิ จ อายตนทฺวารานีติ วา อโตฺถฯ เตน รูปายตนาทีนญฺจ วเสนาติ วุตฺตํ โหติฯ
Mahābhūtaṃ upādārūpena paricchinnaṃ ‘‘nīlaṃ pītaṃ sugandhaṃ duggandha’’ntiādinā. Upādārūpaṃ mahābhūtena tannissitassa tassa tato bahi abhāvā. Chāyātapānaṃ ātapapaccayachāyuppādakabhāvo aññamaññaparicchedakatā. Rūpakkhandhassa pariggahitattā tadantogadhānaṃ cakkhādiāyatanadvārānaṃ vasena taṃtaṃdvārikā arūpino khandhā pākaṭā honti, āyatanāni ca dvārāni ca āyatanadvārānīti vā attho. Tena rūpāyatanādīnañca vasenāti vuttaṃ hoti.
สปฺปจฺจยาติ สปฺปจฺจยภาวา, ปจฺจยายตฺตํ หุตฺวา นิพฺพตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ สมาโน วา สทิโส ยุโตฺต ปจฺจโย สปฺปจฺจโย, ตสฺมา สปฺปจฺจยาฯ
Sappaccayāti sappaccayabhāvā, paccayāyattaṃ hutvā nibbattanti vuttaṃ hoti. Samāno vā sadiso yutto paccayo sappaccayo, tasmā sappaccayā.
เอตฺตโกติ ยถาวุเตฺตน อากาเรน ปคุโณ โกฎฺฐาโสฯ อุคฺคโหว อุคฺคหสนฺธิฯ วณฺณาทิมุเขน หิ อุปฎฺฐานํ เอตฺถ สนฺธียติ สมฺพชฺฌตีติ ‘‘สนฺธี’’ติ วุจฺจติฯ
Ettakoti yathāvuttena ākārena paguṇo koṭṭhāso. Uggahova uggahasandhi. Vaṇṇādimukhena hi upaṭṭhānaṃ ettha sandhīyati sambajjhatīti ‘‘sandhī’’ti vuccati.
อุปฎฺฐาตีติ วณฺณาทิวเสน อุปฎฺฐาตีติ อโตฺถฯ ปญฺจงฺคสมนฺนาคเตติ นาติทูรนาจฺจาสนฺนคมนาคมนสมฺปนฺนนฺติ เอกงฺคํ, ทิวา อโพฺพกิณฺณํ รตฺติํ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิโคฺฆสนฺติ เอกํ, อปฺปฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสนฺติ เอกํ, ตสฺมิํ โข ปน เสนาสเน วิหรนฺตสฺส อปฺปกสิเรน อุปฺปชฺชติ จีวร…เป.… ปริกฺขาโรติ เอกํ, ตสฺมิํ ปน เสนาสเน เถรา ภิกฺขู วิหรนฺติ พหุสฺสุตาติ เอกํ (อ. นิ. ๑๐.๑๑)ฯ ปญฺจงฺคสมนฺนาคเตนาติ อปฺปาพาธาสาเฐยฺยสทฺธาปญฺญาวีริเยหิ ปธานิยเงฺคหิ สมนฺนาคเตนฯ
Upaṭṭhātīti vaṇṇādivasena upaṭṭhātīti attho. Pañcaṅgasamannāgateti nātidūranāccāsannagamanāgamanasampannanti ekaṅgaṃ, divā abbokiṇṇaṃ rattiṃ appasaddaṃ appanigghosanti ekaṃ, appaḍaṃsamakasavātātapasarīsapasamphassanti ekaṃ, tasmiṃ kho pana senāsane viharantassa appakasirena uppajjati cīvara…pe… parikkhāroti ekaṃ, tasmiṃ pana senāsane therā bhikkhū viharanti bahussutāti ekaṃ (a. ni. 10.11). Pañcaṅgasamannāgatenāti appābādhāsāṭheyyasaddhāpaññāvīriyehi padhāniyaṅgehi samannāgatena.
อุฎฺฐานกทายนฺติ เตหิ เขเตฺตหิ อุฎฺฐานกํ, เตหิ ทาตพฺพธญฺญนฺติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ อฎฺฐกุมฺภทายกเขตฺตํ วิย มุขโธวนกิจฺจํ, โสฬสกุมฺภทายกํ วิย ขาทนภุญฺชนกิจฺจํ ทฎฺฐพฺพํ ลหุกครุกภาวโตฯ ตโต ปน ยํ ทุกฺขํ นิพฺพตฺตติ, ตํ อญฺญญฺจ ทฺวตฺติํสาการมนสิกาเรน จ นิวตฺตตีติ อาห ‘‘เอเตฺถว กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติฯ เอตฺตาวตาติ เอกทิวสํ ติํส วาเร มนสิการฎฺฐปเนนฯ
Uṭṭhānakadāyanti tehi khettehi uṭṭhānakaṃ, tehi dātabbadhaññanti attho. Ettha ca aṭṭhakumbhadāyakakhettaṃ viya mukhadhovanakiccaṃ, soḷasakumbhadāyakaṃ viya khādanabhuñjanakiccaṃ daṭṭhabbaṃ lahukagarukabhāvato. Tato pana yaṃ dukkhaṃ nibbattati, taṃ aññañca dvattiṃsākāramanasikārena ca nivattatīti āha ‘‘ettheva kammaṃ kātabba’’nti. Ettāvatāti ekadivasaṃ tiṃsa vāre manasikāraṭṭhapanena.
สหสฺสุทฺธารํ สาเธตฺวาติ สหสฺสวฑฺฒิตํ อิณํ โยเชตฺวาฯ อุทฺธริตโพฺพติ อุทฺธาโรติ หิ วฑฺฒิ วุจฺจตีติฯ สุทฺธจิเตฺตนาติ วิเกฺขปาทิกิเลสวิรหิตจิเตฺตนฯ เกสาทีสุ ตเจ รชฺชนฺตา สุจฺฉวิจมฺมํ ตโจติ คเหตฺวา ‘‘สุวณฺณาทิวโณฺณ เม ตโจ’’ติอาทินา รชฺชนฺติฯ
Sahassuddhāraṃsādhetvāti sahassavaḍḍhitaṃ iṇaṃ yojetvā. Uddharitabboti uddhāroti hi vaḍḍhi vuccatīti. Suddhacittenāti vikkhepādikilesavirahitacittena. Kesādīsu tace rajjantā succhavicammaṃ tacoti gahetvā ‘‘suvaṇṇādivaṇṇo me taco’’tiādinā rajjanti.
เตสุ เทฺว เอกมคฺคํ ปฎิปชฺชมานา นาม น โหนฺตีติ ยถา ตถา วา ปลายนฺตีติ อโตฺถฯ ตตฺถ ราคาทิวตฺถุภาเวน ทฺวตฺติํสาการานํ โจรสทิสตา อนตฺถาวหตา ทฎฺฐพฺพาฯ
Tesu dve ekamaggaṃ paṭipajjamānā nāma na hontīti yathā tathā vā palāyantīti attho. Tattha rāgādivatthubhāvena dvattiṃsākārānaṃ corasadisatā anatthāvahatā daṭṭhabbā.
กมฺมเมว วิเสสาธิคมสฺส ฐานนฺติ กมฺมฎฺฐานํ ภาวนา วุจฺจติฯ เตนาห ‘‘มนสิกโรนฺตสฺส อปฺปนํ ปาปุณาตี’’ติฯ กมฺมสฺส วา ภาวนาย ฐานํ อารมฺมณํ อปฺปนารมฺมณภาวูปคมเนน อปฺปนํ ปาปุณาตีติ วุตฺตํฯ
Kammameva visesādhigamassa ṭhānanti kammaṭṭhānaṃ bhāvanā vuccati. Tenāha ‘‘manasikarontassa appanaṃ pāpuṇātī’’ti. Kammassa vā bhāvanāya ṭhānaṃ ārammaṇaṃ appanārammaṇabhāvūpagamanena appanaṃ pāpuṇātīti vuttaṃ.
มานชาติโกติ เอเตน ลงฺฆนสมตฺถตาโยเคน อุปสมรหิตตํ ทเสฺสติฯ จิตฺตมฺปิ หิ ตถา นานารมฺมเณสุ วฑฺฒิตํ อุปสมรหิตนฺติ ทเสฺสตพฺพนฺติฯ
Mānajātikoti etena laṅghanasamatthatāyogena upasamarahitataṃ dasseti. Cittampi hi tathā nānārammaṇesu vaḍḍhitaṃ upasamarahitanti dassetabbanti.
หเตฺถ คหิตปญฺหวตฺถุ ปากติกเมวาติ วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตตํ สนฺธายาหฯ ตตฺถ หิ วุตฺตํ –
Hatthe gahitapañhavatthu pākatikamevāti visuddhimagge vuttataṃ sandhāyāha. Tattha hi vuttaṃ –
‘‘มาลกเตฺถโร กิร ทีฆภาณกอภยเตฺถรํ หเตฺถ คเหตฺวา ‘อาวุโส อภย, อิมํ ตาว ปญฺหํ อุคฺคณฺหาหี’ติ วตฺวา อาห ‘มาลกเตฺถโร ทฺวตฺติํสโกฎฺฐาเสสุ ทฺวตฺติํสปฐมชฺฌานลาภี, สเจ รตฺติํ เอกํ, ทิวา เอกํ สมาปชฺชติ, อติเรกฑฺฒมาเสน ปุน สมฺปชฺชติฯ สเจ ปน เทวสิกํ เอกเมว สมาปชฺชติ, อติเรกมาเสน ปุน สมฺปชฺชตี’’’ติฯ
‘‘Mālakatthero kira dīghabhāṇakaabhayattheraṃ hatthe gahetvā ‘āvuso abhaya, imaṃ tāva pañhaṃ uggaṇhāhī’ti vatvā āha ‘mālakatthero dvattiṃsakoṭṭhāsesu dvattiṃsapaṭhamajjhānalābhī, sace rattiṃ ekaṃ, divā ekaṃ samāpajjati, atirekaḍḍhamāsena puna sampajjati. Sace pana devasikaṃ ekameva samāpajjati, atirekamāsena puna sampajjatī’’’ti.
อิทํ ปน เอกํ มนสิกโรนฺตสฺส เอกํ ปาฎิเยกฺกํ มนสิกโรนฺตสฺส ทฺวตฺติํสาติ เอตสฺส สาธนตฺถํ นิทสฺสนวเสน อานีตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Idaṃ pana ekaṃ manasikarontassa ekaṃ pāṭiyekkaṃ manasikarontassa dvattiṃsāti etassa sādhanatthaṃ nidassanavasena ānītanti daṭṭhabbaṃ.
อนุปาทินฺนกปเกฺข ฐิตานีติ เอเตน เจติยปพฺพตวาสี มหาติสฺสเตฺถโร วิย, สงฺฆรกฺขิตเตฺถรุปฎฺฐากสามเณโร วิย จ อนุปาทินฺนกปเกฺข ฐเปตฺวา คเหตุํ สโกฺกนฺตสฺส ทสวิธาสุภวเสน ชีวมานกสรีเรปิ อุปฎฺฐิเต อุปจารปฺปตฺติ ทสฺสิตา โหตีติ เวทิตพฺพาฯ ‘‘อตฺถิสฺส กาเย’’ติ ปน สตฺตวเสน เกสาทีสุ คยฺหมาเนสุ ยถา ‘‘อิมสฺมิํ กาเย’’ติ สตฺต-คฺคหณรหิเต อหํการวตฺถุมฺหิ วิทฺธสฺตาหํกาเร สทา สนฺนิหิเต ปากเฎ จ อตฺตโน กาเย อุปฎฺฐานํ โหติ, น ตถา ตตฺถาติ อปฺปนํ อปฺปตฺตา อาทีนวานุปสฺสนาว ตตฺถ โหตีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อสุภานุปสฺสนาสงฺขาตา ปน วิปสฺสนาภาวนา โหตีติ เวทิตพฺพา’’ติฯ
Anupādinnakapakkhe ṭhitānīti etena cetiyapabbatavāsī mahātissatthero viya, saṅgharakkhitattherupaṭṭhākasāmaṇero viya ca anupādinnakapakkhe ṭhapetvā gahetuṃ sakkontassa dasavidhāsubhavasena jīvamānakasarīrepi upaṭṭhite upacārappatti dassitā hotīti veditabbā. ‘‘Atthissa kāye’’ti pana sattavasena kesādīsu gayhamānesu yathā ‘‘imasmiṃ kāye’’ti satta-ggahaṇarahite ahaṃkāravatthumhi viddhastāhaṃkāre sadā sannihite pākaṭe ca attano kāye upaṭṭhānaṃ hoti, na tathā tatthāti appanaṃ appattā ādīnavānupassanāva tattha hotīti adhippāyenāha ‘‘asubhānupassanāsaṅkhātā pana vipassanābhāvanā hotīti veditabbā’’ti.
๓๕๗. อาทิมฺหิ เสวนา อาเสวนา, วฑฺฒนํ ภาวนา, ปุนปฺปุนํ กรณํ พหุลีกมฺมนฺติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ
357. Ādimhi sevanā āsevanā, vaḍḍhanaṃ bhāvanā, punappunaṃ karaṇaṃ bahulīkammanti ayametesaṃ viseso.
๓๖๒. วตฺถุปริญฺญายาติ อภิชฺฌาโทมนสฺสานํ วตฺถุภูตสฺส กายสฺส ปริชานเนนฯ อปฺปิตาติ คมิตา, สา จ วินาสิตตาติ อาห ‘‘วินาสิตา’’ติฯ อปฺปวตฺติยํ ฐปิตาติปิ อปฺปิตาติ อยมโตฺถ นิรุตฺติสิทฺธิยา วุโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ วิคตนฺตา กตาติ อิทานิ กาตโพฺพ อโนฺต เอเตสํ นตฺถีติ วิคตนฺตา, เอวํภูตา กตาติ อโตฺถฯ กมฺมเมว วิเสสาธิคมสฺส ฐานํ กมฺมฎฺฐานํ, กเมฺม วา ฐานํ ภาวนารโมฺภ กมฺมฎฺฐานํ, ตญฺจ อนุปสฺสนาติ อาห ‘‘อนุปสฺสนาย กมฺมฎฺฐาน’’นฺติ, อนุปสฺสนาย วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ
362. Vatthupariññāyāti abhijjhādomanassānaṃ vatthubhūtassa kāyassa parijānanena. Appitāti gamitā, sā ca vināsitatāti āha ‘‘vināsitā’’ti. Appavattiyaṃ ṭhapitātipi appitāti ayamattho niruttisiddhiyā vuttoti daṭṭhabbo. Vigatantā katāti idāni kātabbo anto etesaṃ natthīti vigatantā, evaṃbhūtā katāti attho. Kammameva visesādhigamassa ṭhānaṃ kammaṭṭhānaṃ, kamme vā ṭhānaṃ bhāvanārambho kammaṭṭhānaṃ, tañca anupassanāti āha ‘‘anupassanāya kammaṭṭhāna’’nti, anupassanāya vuttanti adhippāyo.
กายานุปสฺสนานิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kāyānupassanāniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
เวทนานุปสฺสนานิเทฺทสวณฺณนา
Vedanānupassanāniddesavaṇṇanā
๓๖๓. สมฺปชานสฺส เวทิยนํ สมฺปชานเวทิยนํฯ วตฺถุนฺติ สุขาทีนํ อารมฺมณมาห, เตน วตฺถุ อารมฺมณํ เอติสฺสาติ วตฺถุอารมฺมณาติ สมาโส ทฎฺฐโพฺพฯ โวหารมตฺตํ โหตีติ เอเตน ‘‘สุขํ เวทนํ เวทยามี’’ติ อิทํ โวหารมเตฺตน วุตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ
363. Sampajānassa vediyanaṃ sampajānavediyanaṃ. Vatthunti sukhādīnaṃ ārammaṇamāha, tena vatthu ārammaṇaṃ etissāti vatthuārammaṇāti samāso daṭṭhabbo. Vohāramattaṃ hotīti etena ‘‘sukhaṃ vedanaṃ vedayāmī’’ti idaṃ vohāramattena vuttanti dasseti.
วีริยสมาธิํ โยเชตฺวาติ อธิวาสนวีริยสฺส อธิมตฺตตาย ตสฺส สมตาย อุภยํ สห โยเชตฺวาฯ สห ปฎิสมฺภิทาหีติ โลกุตฺตรปฎิสมฺภิทาหิ สหฯ โลกิยานมฺปิ วา สติ อุปฺปตฺติกาเล ตตฺถ สมตฺถตํ สนฺธาย ‘‘สห ปฎิสมฺภิทาหี’’ติ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ สมสีสีติ วารสมสีสี หุตฺวา ปจฺจเวกฺขณวารสฺส อนนฺตรวาเร ปรินิพฺพายีติ อโตฺถฯ สเงฺขปมนสิการวเสน มหาสติปฎฺฐาเน, วิตฺถารมนสิการวเสน ราหุโลวาทธาตุวิภงฺคาทีสุฯ
Vīriyasamādhiṃ yojetvāti adhivāsanavīriyassa adhimattatāya tassa samatāya ubhayaṃ saha yojetvā. Saha paṭisambhidāhīti lokuttarapaṭisambhidāhi saha. Lokiyānampi vā sati uppattikāle tattha samatthataṃ sandhāya ‘‘saha paṭisambhidāhī’’ti vuttanti daṭṭhabbaṃ. Samasīsīti vārasamasīsī hutvā paccavekkhaṇavārassa anantaravāre parinibbāyīti attho. Saṅkhepamanasikāravasena mahāsatipaṭṭhāne, vitthāramanasikāravasena rāhulovādadhātuvibhaṅgādīsu.
ผสฺสปญฺจมเกเยวาติ เอว-สเทฺทน วุเตฺตสุ ตีสุปิ มุเขสุ ปริคฺคหสฺส สมานตํ ทเสฺสติฯ นามรูปววตฺถานสฺส อธิเปฺปตตฺตา นิรวเสสรูปปริคฺคหสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘วตฺถุ นาม กรชกาโย’’ติ อาห, น จกฺขาทีนิ ฉวตฺถูนีติฯ กรชกายสฺส ปน วตฺถุภาวสาธนตฺถํ ‘‘อิทญฺจ ปน เม วิญฺญาณํ เอตฺถ สิตํ, เอตฺถ ปฎิพทฺธ’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๓๕; ม. นิ. ๒.๒๕๒) สุตฺตํ อาภตํฯ
Phassapañcamakeyevāti eva-saddena vuttesu tīsupi mukhesu pariggahassa samānataṃ dasseti. Nāmarūpavavatthānassa adhippetattā niravasesarūpapariggahassa dassanatthaṃ ‘‘vatthu nāma karajakāyo’’ti āha, na cakkhādīni chavatthūnīti. Karajakāyassa pana vatthubhāvasādhanatthaṃ ‘‘idañca pana me viññāṇaṃ ettha sitaṃ, ettha paṭibaddha’’nti (dī. ni. 1.235; ma. ni. 2.252) suttaṃ ābhataṃ.
ผสฺสวิญฺญาณานํ ปากฎตา เกสญฺจิ โหตีติ เยสํ น โหติ, เต สนฺธายาห ‘‘ผสฺสวเสน วา หิ…เป.… น ปากฎํ โหตี’’ติฯ เตสํ ปน อเญฺญสญฺจ สเพฺพสํ เวเนยฺยานํ เวทนา ปากฎาติ อาห ‘‘เวทนาวเสน ปน ปากฎํ โหตี’’ติฯ สตโธตสปฺปิ นาม สตวารํ วิลาเปตฺวา วิลาเปตฺวา อุทเก ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธริตฺวา คหิตสปฺปิฯ
Phassaviññāṇānaṃ pākaṭatā kesañci hotīti yesaṃ na hoti, te sandhāyāha ‘‘phassavasena vā hi…pe… na pākaṭaṃ hotī’’ti. Tesaṃ pana aññesañca sabbesaṃ veneyyānaṃ vedanā pākaṭāti āha ‘‘vedanāvasena pana pākaṭaṃ hotī’’ti. Satadhotasappi nāma satavāraṃ vilāpetvā vilāpetvā udake pakkhipitvā uddharitvā gahitasappi.
วินิวเตฺตตฺวาติ จตุกฺขนฺธสมุทายโต วิสุํ อุทฺธริตฺวาฯ มหาสติปฎฺฐานสุตฺตาทีสุ กตฺถจิ ปฐมํ รูปกมฺมฎฺฐานํ วตฺวา ปจฺฉา อรูปกมฺมฎฺฐานํ เวทนาวเสน วินิวเตฺตตฺวา ทสฺสิตํฯ กตฺถจิ อรูปกมฺมฎฺฐานํ เอว เวทนาวเสน อรูปราสิโต, ญาตปริญฺญาย ปริญฺญาตโต วา รูปารูปราสิโต วา วินิวเตฺตตฺวา ทสฺสิตํฯ ตตฺถาปิ เยสุ ปฐมํ ญาตปริญฺญา วุตฺตา, เตสุ ตทโนฺตคธํ ฯ เยสุ น วุตฺตา, เตสุ จ เวทนาย อารมฺมณมตฺตํ สํขิตฺตํ ปาฬิอนารุฬฺหํ รูปกมฺมฎฺฐานํ สนฺธาย รูปกมฺมฎฺฐานสฺส ปฐมํ กถิตตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ
Vinivattetvāti catukkhandhasamudāyato visuṃ uddharitvā. Mahāsatipaṭṭhānasuttādīsu katthaci paṭhamaṃ rūpakammaṭṭhānaṃ vatvā pacchā arūpakammaṭṭhānaṃ vedanāvasena vinivattetvā dassitaṃ. Katthaci arūpakammaṭṭhānaṃ eva vedanāvasena arūparāsito, ñātapariññāya pariññātato vā rūpārūparāsito vā vinivattetvā dassitaṃ. Tatthāpi yesu paṭhamaṃ ñātapariññā vuttā, tesu tadantogadhaṃ . Yesu na vuttā, tesu ca vedanāya ārammaṇamattaṃ saṃkhittaṃ pāḷianāruḷhaṃ rūpakammaṭṭhānaṃ sandhāya rūpakammaṭṭhānassa paṭhamaṃ kathitatā vuttāti veditabbā.
‘‘มโนวิเญฺญยฺยานํ ธมฺมานํ อิฎฺฐานํ กนฺตาน’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๐๖) นเยน วุตฺตํ ฉเคหสฺสิตโสมนสฺสํ ปญฺจกามคุเณสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน เอว โหตีติ อาห ‘‘ปญฺจกามคุณามิสนิสฺสิตา ฉ เคหสฺสิตโสมนสฺสเวทนา’’ติฯ
‘‘Manoviññeyyānaṃ dhammānaṃ iṭṭhānaṃ kantāna’’ntiādinā (ma. ni. 3.306) nayena vuttaṃ chagehassitasomanassaṃ pañcakāmaguṇesu assādānupassino eva hotīti āha ‘‘pañcakāmaguṇāmisanissitā cha gehassitasomanassavedanā’’ti.
เวทนานุปสฺสนานิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vedanānupassanāniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
จิตฺตานุปสฺสนานิเทฺทสวณฺณนา
Cittānupassanāniddesavaṇṇanā
๓๖๕. กิเลสสมฺปยุตฺตานํ ธมฺมานํ เกหิจิ กิเลเสหิ วิปฺปโยเคปิ สติ เยหิ สมฺปยุตฺตา, เตหิ สํกิเลสภาเวน สทิเสหิ สํกิลิฎฺฐตฺตา อิตเรหิปิ น วิสุทฺธตา โหตีติ อาห ‘‘น ปจฺฉิมปทํ ภชนฺตี’’ติฯ ทุวิธนฺติ วิสุํ วจนํ สราคสโทเสหิ วิสิฎฺฐคฺคหณตฺถํฯ อวิปสฺสนุปคตฺตา ‘‘อิธ โอกาโสว นตฺถี’’ติ วุตฺตํฯ
365. Kilesasampayuttānaṃ dhammānaṃ kehici kilesehi vippayogepi sati yehi sampayuttā, tehi saṃkilesabhāvena sadisehi saṃkiliṭṭhattā itarehipi na visuddhatā hotīti āha ‘‘na pacchimapadaṃ bhajantī’’ti. Duvidhanti visuṃ vacanaṃ sarāgasadosehi visiṭṭhaggahaṇatthaṃ. Avipassanupagattā ‘‘idha okāsova natthī’’ti vuttaṃ.
จิตฺตานุปสฺสนานิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cittānupassanāniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
ธมฺมานุปสฺสนานิเทฺทโส
Dhammānupassanāniddeso
ก. นีวรณปพฺพวณฺณนา
Ka. nīvaraṇapabbavaṇṇanā
๓๖๗. กณฺหสุกฺกานํ ยุคนทฺธตา นตฺถีติ ปชานนกาเล อภาวา ‘‘อภิณฺหสมุทาจารวเสนา’’ติ อาหฯ
367. Kaṇhasukkānaṃ yuganaddhatā natthīti pajānanakāle abhāvā ‘‘abhiṇhasamudācāravasenā’’ti āha.
สุภมฺปีติ กามจฺฉโนฺทปิฯ โส หิ อตฺตโน คหณากาเรน ‘‘สุภ’’นฺติ วุจฺจติ, เตนากาเรน ปวตฺตมานกสฺส อญฺญสฺส กามจฺฉนฺทสฺส นิมิตฺตตฺตา ‘‘นิมิตฺต’’นฺติ จาติฯ อากงฺขิตสฺส หิตสุขสฺส อนุปายภูโต มนสิกาโร อนุปายมนสิกาโรฯ ตตฺถาติ นิปฺผาเทตเพฺพ อารมฺมณภูเต จ ทุวิเธปิ สุภนิมิเตฺตฯ
Subhampīti kāmacchandopi. So hi attano gahaṇākārena ‘‘subha’’nti vuccati, tenākārena pavattamānakassa aññassa kāmacchandassa nimittattā ‘‘nimitta’’nti cāti. Ākaṅkhitassa hitasukhassa anupāyabhūto manasikāro anupāyamanasikāro. Tatthāti nipphādetabbe ārammaṇabhūte ca duvidhepi subhanimitte.
อสุภมฺปีติ อสุภชฺฌานมฺปิฯ ตํ ปน ทสสุ อสุเภสุ เกสาทีสุ จ ปวตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ เกสาทีสุ หิ สญฺญา อสุภสญฺญาติ คิริมานนฺทสุเตฺต วุตฺตาติฯ เอตฺถ จตุพฺพิธสฺสปิ อโยนิโสมนสิการสฺส โยนิโสมนสิการสฺส จ ทสฺสนํ นิรวเสสทสฺสนตฺถํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เตสุ ปน อสุเภ สุภนฺติ อสุภนฺติ จ มนสิกาโร อิธาธิเปฺปโต, ตทนุกุลตฺตา วา อิตเรปีติฯ
Asubhampīti asubhajjhānampi. Taṃ pana dasasu asubhesu kesādīsu ca pavattaṃ daṭṭhabbaṃ. Kesādīsu hi saññā asubhasaññāti girimānandasutte vuttāti. Ettha catubbidhassapi ayonisomanasikārassa yonisomanasikārassa ca dassanaṃ niravasesadassanatthaṃ katanti veditabbaṃ. Tesu pana asubhe subhanti asubhanti ca manasikāro idhādhippeto, tadanukulattā vā itarepīti.
โภชเน มตฺตญฺญุโน ถินมิทฺธาภิภวาภาวา โอตารํ อลภมาโน กามราโค ปหียตีติ วทนฺติฯ โภชนนิสฺสิตํ ปน อาหาเรปฎิกูลสญฺญํ, ตพฺพิปริณามสฺส ตทาธารสฺส ตสฺส จ อุปนิสฺสยภูตสฺส อสุภตาทิทสฺสนํ, กายสฺส จ อาหารฎฺฐิติกตาทิทสฺสนํ โส อุปฺปาเทตีติ ตสฺส กามจฺฉโนฺท ปหียเตว, อภิธมฺมปริยาเยน สโพฺพปิ โลโภ กามจฺฉนฺทนีวรณนฺติ อาห ‘‘อรหตฺตมเคฺคนา’’ติฯ
Bhojane mattaññuno thinamiddhābhibhavābhāvā otāraṃ alabhamāno kāmarāgo pahīyatīti vadanti. Bhojananissitaṃ pana āhārepaṭikūlasaññaṃ, tabbipariṇāmassa tadādhārassa tassa ca upanissayabhūtassa asubhatādidassanaṃ, kāyassa ca āhāraṭṭhitikatādidassanaṃ so uppādetīti tassa kāmacchando pahīyateva, abhidhammapariyāyena sabbopi lobho kāmacchandanīvaraṇanti āha ‘‘arahattamaggenā’’ti.
โอทิสฺสกาโนทิสฺสกทิสาผรณานนฺติ อตฺตครุอติปฺปิยสหายมชฺฌตฺตวเสน โอทิสฺสกตา, สีมาเภเท กเต อโนทิสฺสกตา, เอกทิสาผรณวเสน ทิสาผรณตา เมตฺตาย อุคฺคหเณ เวทิตพฺพาฯ วิหารรจฺฉาคามาทิวเสน วา โอทิสฺสกทิสาผรณํ, วิหาราทิอุเทฺทสรหิตํ ปุรตฺถิมาทิทิสาวเสน อโนทิสฺสกทิสาผรณนฺติ เอวํ วา ทฺวิธา อุคฺคหํ สนฺธาย ‘‘โอทิสฺสกาโนทิสฺสกทิสาผรณาน’’นฺติ วุตฺตํฯ อุคฺคโห จ ยาว อุปจารา ทฎฺฐโพฺพ, อุคฺคหิตาย อาเสวนา ภาวนาฯ ตตฺถ ‘‘สเพฺพ สตฺตา ปาณา ภูตา ปุคฺคลา อตฺตภาวปริยาปนฺนา’’ติ เอเตสํ วเสน ปญฺจวิธา, เอเกกสฺมิํ ‘‘อเวรา โหนฺตุ, อพฺยาปชฺชา, อนีฆา, สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตู’’ติ จตุธา ปวตฺติโต วีสติวิธา วา อโนธิโสผรณา เมตฺตา, ‘‘สพฺพา อิตฺถิโย ปุริสา อริยา อนริยา เทวา มนุสฺสา วินิปาติกา’’ติ สโตฺตธิกรณวเสน ปวตฺตา สตฺตวิธา, อฎฺฐวีสติวิธา วา โอธิโสผรณา เมตฺตา, ทสหิ ทิสาหิ ทิโสธิกรณวเสน ปวตฺตา ทสวิธา จ ทิสาผรณา เมตฺตา, เอเกกาย วา ทิสาย สตฺตาทิอิตฺถิอาทิอเวราทิโยเคน อสีตาธิกจตุสตปฺปเภทา อโนธิโสโอธิโสผรณา เวทิตพฺพาฯ
Odissakānodissakadisāpharaṇānanti attagaruatippiyasahāyamajjhattavasena odissakatā, sīmābhede kate anodissakatā, ekadisāpharaṇavasena disāpharaṇatā mettāya uggahaṇe veditabbā. Vihāraracchāgāmādivasena vā odissakadisāpharaṇaṃ, vihārādiuddesarahitaṃ puratthimādidisāvasena anodissakadisāpharaṇanti evaṃ vā dvidhā uggahaṃ sandhāya ‘‘odissakānodissakadisāpharaṇāna’’nti vuttaṃ. Uggaho ca yāva upacārā daṭṭhabbo, uggahitāya āsevanā bhāvanā. Tattha ‘‘sabbe sattā pāṇā bhūtā puggalā attabhāvapariyāpannā’’ti etesaṃ vasena pañcavidhā, ekekasmiṃ ‘‘averā hontu, abyāpajjā, anīghā, sukhī attānaṃ pariharantū’’ti catudhā pavattito vīsatividhā vā anodhisopharaṇā mettā, ‘‘sabbā itthiyo purisā ariyā anariyā devā manussā vinipātikā’’ti sattodhikaraṇavasena pavattā sattavidhā, aṭṭhavīsatividhā vā odhisopharaṇā mettā, dasahi disāhi disodhikaraṇavasena pavattā dasavidhā ca disāpharaṇā mettā, ekekāya vā disāya sattādiitthiādiaverādiyogena asītādhikacatusatappabhedā anodhisoodhisopharaṇā veditabbā.
กายวินามนาติ กายสฺส วิวิเธน อากาเรน นามนาฯ
Kāyavināmanāti kāyassa vividhena ākārena nāmanā.
อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาโหติ อติโภชเน ถินมิทฺธสฺส นิมิตฺตคฺคาโห, ‘‘เอตฺตเก ภุเตฺต ถินมิทฺธสฺส การณํ โหติ, เอตฺตเก น โหตี’’ติ ถินมิทฺธสฺส การณาการณคฺคาโหติ อโตฺถฯ ธุตงฺคานํ วีริยนิสฺสิตตฺตา อาห ‘‘ธุตงฺคนิสฺสิตสปฺปายกถายปี’’ติฯ
Atibhojane nimittaggāhoti atibhojane thinamiddhassa nimittaggāho, ‘‘ettake bhutte thinamiddhassa kāraṇaṃ hoti, ettake na hotī’’ti thinamiddhassa kāraṇākāraṇaggāhoti attho. Dhutaṅgānaṃ vīriyanissitattā āha ‘‘dhutaṅganissitasappāyakathāyapī’’ti.
กุกฺกุจฺจมฺปิ กตากตานุโสจนวเสน ปวตฺตมานํ อุทฺธเจฺจน สมานลกฺขณํ อวูปสมสภาวเมวาติ เจตโส อวูปสโม ‘‘อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจเมวา’’ติ วุโตฺตฯ
Kukkuccampi katākatānusocanavasena pavattamānaṃ uddhaccena samānalakkhaṇaṃ avūpasamasabhāvamevāti cetaso avūpasamo ‘‘uddhaccakukkuccamevā’’ti vutto.
พหุสฺสุตสฺส คนฺถโต จ อตฺถโต จ อตฺถาทีนิ วิจินนฺตสฺส เจตโส วิเกฺขโป น โหติ ยถาวิธิปฎิปตฺติยา ยถานุรูปปติการปฺปวตฺติยา กตากตานุโสจนญฺจาติ ‘‘พาหุสเจฺจนปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียตี’’ติ อาหฯ วุฑฺฒเสวิตา จ วุฑฺฒสีลิตํ อาวหตีติ เจโตวูปสมกรตฺตา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปฺปหานการิตา วุตฺตาฯ วุฑฺฒตํ ปน อนเปกฺขิตฺวา วินยธรา กุกฺกุจฺจวิโนทกา กลฺยาณมิตฺตา วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
Bahussutassa ganthato ca atthato ca atthādīni vicinantassa cetaso vikkhepo na hoti yathāvidhipaṭipattiyā yathānurūpapatikārappavattiyā katākatānusocanañcāti ‘‘bāhusaccenapi uddhaccakukkuccaṃ pahīyatī’’ti āha. Vuḍḍhasevitā ca vuḍḍhasīlitaṃ āvahatīti cetovūpasamakarattā uddhaccakukkuccappahānakāritā vuttā. Vuḍḍhataṃ pana anapekkhitvā vinayadharā kukkuccavinodakā kalyāṇamittā vuttāti daṭṭhabbā.
ติฎฺฐติ เอตฺถาติ ฐานียา, วิจิกิจฺฉาย ฐานียา วิจิกิจฺฉาฐานียาฯ ฐาตพฺพาติ วา ฐานียา, วิจิกิจฺฉา ฐานียา เอเตสูติ วิจิกิจฺฉาฐานียาฯ
Tiṭṭhati etthāti ṭhānīyā, vicikicchāya ṭhānīyā vicikicchāṭhānīyā. Ṭhātabbāti vā ṭhānīyā, vicikicchā ṭhānīyā etesūti vicikicchāṭhānīyā.
กามํ พหุสฺสุตตาปริปุจฺฉกตาหิ อฎฺฐวตฺถุกาปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ, ตถาปิ รตนตฺตยวิจิกิจฺฉามูลิกา เสสวิจิกิจฺฉาติ กตฺวา อาห ‘‘ตีณิ รตนานิ อารพฺภา’’ติฯ วินเย ปกตญฺญุตา ‘‘สิกฺขาย กงฺขตี’’ติ (ธ. ส. ๑๐๐๘; วิภ. ๙๑๕) วุตฺตาย วิจิกิจฺฉาย ปหานํ กโรตีติ อาห ‘‘วินเย จิณฺณวสีภาวสฺสปี’’ติฯ โอกปฺปนิยสทฺธาสงฺขาตอธิโมกฺขพหุลสฺสาติ อนุปวิสนสทฺธาสงฺขาตอธิโมเกฺขน อธิมุจฺจนพหุลสฺสฯ อธิมุจฺจนญฺจ อธิโมกฺขุปฺปาทนเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ สทฺธาย วา นินฺนตา อธิมุตฺติฯ
Kāmaṃ bahussutatāparipucchakatāhi aṭṭhavatthukāpi vicikicchā pahīyati, tathāpi ratanattayavicikicchāmūlikā sesavicikicchāti katvā āha ‘‘tīṇi ratanāni ārabbhā’’ti. Vinaye pakataññutā ‘‘sikkhāya kaṅkhatī’’ti (dha. sa. 1008; vibha. 915) vuttāya vicikicchāya pahānaṃ karotīti āha ‘‘vinaye ciṇṇavasībhāvassapī’’ti. Okappaniyasaddhāsaṅkhātaadhimokkhabahulassāti anupavisanasaddhāsaṅkhātaadhimokkhena adhimuccanabahulassa. Adhimuccanañca adhimokkhuppādanamevāti daṭṭhabbaṃ. Saddhāya vā ninnatā adhimutti.
นีวรณปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nīvaraṇapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.
ข. โพชฺฌงฺคปพฺพวณฺณนา
Kha. bojjhaṅgapabbavaṇṇanā
ขนฺธาทิปาฬิยา อโตฺถ ขนฺธาทีนํ อโตฺถติ กตฺวา อาห ‘‘ขนฺธ…เป.… วิปสฺสนานํ อตฺถสนฺนิสฺสิตปริปุจฺฉาพหุลตา’’ติฯ เตน ปาฬิมุตฺตกปุจฺฉา น ตถา ปญฺญาสํวตฺตนิกา, ยถา อตฺถปฎิปุจฺฉาติ ทเสฺสติฯ
Khandhādipāḷiyā attho khandhādīnaṃ atthoti katvā āha ‘‘khandha…pe… vipassanānaṃ atthasannissitaparipucchābahulatā’’ti. Tena pāḷimuttakapucchā na tathā paññāsaṃvattanikā, yathā atthapaṭipucchāti dasseti.
มนฺทตฺตา อคฺคิชาลาทีสุ อาโปธาตุอาทีนํ วิย วีริยาทีนํ สกิเจฺจ อสมตฺถตา วุตฺตาฯ
Mandattā aggijālādīsu āpodhātuādīnaṃ viya vīriyādīnaṃ sakicce asamatthatā vuttā.
ปตฺตํ นีหรโนฺตว ตํ สุตฺวาติ เอตฺถ ปญฺจาภิญฺญตฺตา ทิพฺพโสเตน อโสฺสสีติ วทนฺติฯ
Pattaṃ nīharantova taṃ sutvāti ettha pañcābhiññattā dibbasotena assosīti vadanti.
ปสาทสิเนหาภาเวนาติ ปสาทสงฺขาตสฺส สิเนหสฺส อภาเวนฯ คทฺรภปิเฎฺฐ ลูขรโช ลูขตโร หุตฺวา ทิสฺสตีติ อติลูขตาย ตํสทิเสฯ
Pasādasinehābhāvenāti pasādasaṅkhātassa sinehassa abhāvena. Gadrabhapiṭṭhe lūkharajo lūkhataro hutvā dissatīti atilūkhatāya taṃsadise.
สํเวชนปสาทเนหิ เตชนํ โตสนญฺจ สมฺปหํสนาติฯ
Saṃvejanapasādanehi tejanaṃ tosanañca sampahaṃsanāti.
โพชฺฌงฺคปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bojjhaṅgapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.
สมถวิปสฺสนาสุทฺธวิปสฺสนาวเสน ปฐมสฺส อิตเรสญฺจ กถิตตฺตาติ อโตฺถฯ มคฺคสมฺปยุตฺตา สติ กายานุปสฺสนา นามาติ อาคมนวเสน วุตฺตํฯ เอวํ ตาว เทสนา ปุคฺคเล ติฎฺฐตีติ กายานุปสฺสีอาทีนํ อาคมนวเสน วิเสเสตฺวา วุตฺตา สติปฎฺฐานเทสนา ปุคฺคเล ติฎฺฐตีติ อโตฺถฯ น หิ สกฺกา เอกสฺส อเนกสมงฺคิตา วตฺตุํ เอกกฺขเณ อเนกสติสมฺภวาวโพธปสงฺคา, ปุคฺคลํ ปน อามสิตฺวา สกิจฺจปริจฺฉิเนฺน ธเมฺม วุจฺจมาเน กิจฺจเภเทน เอกิสฺสาปิ สติยา อเนกนามตา โหตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘กาเย ปนา’’ติอาทิมาหฯ ยถา หิ ปุคฺคลกิจฺจํ ธมฺมา เอวาติ ธมฺมเภเทน กายานุปสฺสีอาทิปุคฺคลเภโทว โหติ, น เอวํ ธมฺมสฺส ธโมฺม กิจฺจนฺติ น ธมฺมเภเทน ตสฺส เภโท, ตสฺมา เอกาว สติ จตุวิปลฺลาสปฺปหานภูตา มเคฺค สมิทฺธา อนตฺถนฺตเรน ตปฺปหานกิจฺจเภเทน จตฺตาริ นามานิ ลภตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ
Samathavipassanāsuddhavipassanāvasena paṭhamassa itaresañca kathitattāti attho. Maggasampayuttā sati kāyānupassanā nāmāti āgamanavasena vuttaṃ. Evaṃ tāva desanā puggale tiṭṭhatīti kāyānupassīādīnaṃ āgamanavasena visesetvā vuttā satipaṭṭhānadesanā puggale tiṭṭhatīti attho. Na hi sakkā ekassa anekasamaṅgitā vattuṃ ekakkhaṇe anekasatisambhavāvabodhapasaṅgā, puggalaṃ pana āmasitvā sakiccaparicchinne dhamme vuccamāne kiccabhedena ekissāpi satiyā anekanāmatā hotīti dassento ‘‘kāye panā’’tiādimāha. Yathā hi puggalakiccaṃ dhammā evāti dhammabhedena kāyānupassīādipuggalabhedova hoti, na evaṃ dhammassa dhammo kiccanti na dhammabhedena tassa bhedo, tasmā ekāva sati catuvipallāsappahānabhūtā magge samiddhā anatthantarena tappahānakiccabhedena cattāri nāmāni labhatīti ayamettha adhippāyo.
สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttantabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
๓๗๔. อภิธมฺมภาชนีเย ‘‘กถญฺจ ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย…เป.… ทนฺธาภิญฺญํ กาเย กายานุปสฺสี, ยา ตสฺมิํ สมเย สตี’’ติอาทินา อาคมนวเสน วิเสสิตานิ สติปฎฺฐานานิ ปุคฺคเล ฐเปตฺวา เทเสตฺวา ปุน ‘‘ตตฺถ กตมํ สติปฎฺฐานํ? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย…เป.… ทนฺธาภิญฺญํ…เป.… ยา ตสฺมิํ สมเย สตี’’ติอาทินา ปุคฺคลํ อนามสิตฺวา อาคมวิเสสนญฺจ อกตฺวา จตุกิจฺจสาธเกกสติวเสน สุทฺธิกสติปฎฺฐานนโย วุโตฺตติ อยเมตฺถ นยทฺวเย วิเสโสฯ
374. Abhidhammabhājanīye ‘‘kathañca bhikkhu kāye kāyānupassī viharati? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye…pe… dandhābhiññaṃ kāye kāyānupassī, yā tasmiṃ samaye satī’’tiādinā āgamanavasena visesitāni satipaṭṭhānāni puggale ṭhapetvā desetvā puna ‘‘tattha katamaṃ satipaṭṭhānaṃ? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye…pe… dandhābhiññaṃ…pe… yā tasmiṃ samaye satī’’tiādinā puggalaṃ anāmasitvā āgamavisesanañca akatvā catukiccasādhakekasativasena suddhikasatipaṭṭhānanayo vuttoti ayamettha nayadvaye viseso.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
สติปฎฺฐานวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Satipaṭṭhānavibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๗. สติปฎฺฐานวิภโงฺค • 7. Satipaṭṭhānavibhaṅgo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā
๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ อุเทฺทสวารวณฺณนา • 1. Suttantabhājanīyaṃ uddesavāravaṇṇanā
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา • 2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๗. สติปฎฺฐานวิภโงฺค • 7. Satipaṭṭhānavibhaṅgo