Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๗. อรูปธมฺมววตฺตนวโคฺค
7. Arūpadhammavavattanavaggo
๑. สติอุปฺปชฺชนปโญฺห
1. Satiuppajjanapañho
๑. ราชา อาห ‘‘ภเนฺต นาคเสน, กติหากาเรหิ สติ อุปฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘สตฺตรสหากาเรหิ, มหาราช, สติ อุปฺปชฺชตี’’ติฯ ‘‘กตเมหิ สตฺตรสหากาเรหี’’ติ? ‘‘อภิชานโตปิ, มหาราช, สติ อุปฺปชฺชติ, กฎุมิกายปิ สติ อุปฺปชฺชติ, โอฬาริกวิญฺญาณโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, หิตวิญฺญาณโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, อหิตวิญฺญาณโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, สภาคนิมิตฺตโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, วิสภาคนิมิตฺตโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, กถาภิญฺญาณโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, ลกฺขณโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, สารณโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, มุทฺทาโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, คณนาโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, ธารณโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, ภาวนโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, โปตฺถกนิพนฺธนโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, อุปนิเกฺขปโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, อนุภูตโตปิ สติ อุปฺปชฺชตีติฯ
1. Rājā āha ‘‘bhante nāgasena, katihākārehi sati uppajjatī’’ti? ‘‘Sattarasahākārehi, mahārāja, sati uppajjatī’’ti. ‘‘Katamehi sattarasahākārehī’’ti? ‘‘Abhijānatopi, mahārāja, sati uppajjati, kaṭumikāyapi sati uppajjati, oḷārikaviññāṇatopi sati uppajjati, hitaviññāṇatopi sati uppajjati, ahitaviññāṇatopi sati uppajjati, sabhāganimittatopi sati uppajjati, visabhāganimittatopi sati uppajjati, kathābhiññāṇatopi sati uppajjati, lakkhaṇatopi sati uppajjati, sāraṇatopi sati uppajjati, muddātopi sati uppajjati, gaṇanātopi sati uppajjati, dhāraṇatopi sati uppajjati, bhāvanatopi sati uppajjati, potthakanibandhanatopi sati uppajjati, upanikkhepatopi sati uppajjati, anubhūtatopi sati uppajjatīti.
‘‘กถํ อภิชานโต สติ อุปฺปชฺชติ? ยถา, มหาราช, อายสฺมา จ อานโนฺท ขุชฺชุตฺตรา จ อุปาสิกา, เย วา ปน อเญฺญปิ เกจิ ชาติสฺสรา ชาติํ สรนฺติ, เอวํ อภิชานโต สติ อุปฺปชฺชติฯ
‘‘Kathaṃ abhijānato sati uppajjati? Yathā, mahārāja, āyasmā ca ānando khujjuttarā ca upāsikā, ye vā pana aññepi keci jātissarā jātiṃ saranti, evaṃ abhijānato sati uppajjati.
‘‘กถํ กฎุมิกาย สติ อุปฺปชฺชติ? โย ปกติยา มุฎฺฐสฺสติโก, ปเร จ ตํ สราปนตฺถํ นิพนฺธนฺติ, เอวํ กฎุมิกาย สติ อุปฺปชฺชติฯ
‘‘Kathaṃ kaṭumikāya sati uppajjati? Yo pakatiyā muṭṭhassatiko, pare ca taṃ sarāpanatthaṃ nibandhanti, evaṃ kaṭumikāya sati uppajjati.
‘‘กถํ โอฬาริกวิญฺญาณโต สติ อุปฺปชฺชติ? ยทา รเชฺช วา อภิสิโตฺต โหติ, โสตาปตฺติผลํ วา ปโตฺต โหติ, เอวํ โอฬาริกวิญฺญาณโต สติ อุปฺปชฺชติฯ
‘‘Kathaṃ oḷārikaviññāṇato sati uppajjati? Yadā rajje vā abhisitto hoti, sotāpattiphalaṃ vā patto hoti, evaṃ oḷārikaviññāṇato sati uppajjati.
‘‘กถํ หิตวิญฺญาณโต สติ อุปฺปชฺชติ? ยมฺหิ สุขาปิโต, ‘อมุกสฺมิํ เอวํ สุขาปิโต’ติ สรติ, เอวํ หิตวิญฺญาณโต สติ อุปฺปชฺชติฯ
‘‘Kathaṃ hitaviññāṇato sati uppajjati? Yamhi sukhāpito, ‘amukasmiṃ evaṃ sukhāpito’ti sarati, evaṃ hitaviññāṇato sati uppajjati.
‘‘กถํ อหิตวิญฺญาณโต สติ อุปฺปชฺชติ? ยมฺหิ ทุกฺขาปิโต, ‘อมุกสฺมิํ เอวํ ทุกฺขาปิโต’ติ สรติ, เอวํ อหิตวิญฺญาณโต สติ อุปฺปชฺชติฯ
‘‘Kathaṃ ahitaviññāṇato sati uppajjati? Yamhi dukkhāpito, ‘amukasmiṃ evaṃ dukkhāpito’ti sarati, evaṃ ahitaviññāṇato sati uppajjati.
‘‘กถํ สภาคนิมิตฺตโต สติ อุปฺปชฺชติ? สทิสํ ปุคฺคลํ ทิสฺวา มาตรํ วา ปิตรํ วา ภาตรํ วา ภคินิํ วา สรติ, โอฎฺฐํ วา โคณํ วา คทฺรภํ วา ทิสฺวา อญฺญํ ตาทิสํ โอฎฺฐํ วา โคณํ วา คทฺรภํ วา สรติ, เอวํ สภาคนิมิตฺตโต สติ อุปฺปชฺชติฯ
‘‘Kathaṃ sabhāganimittato sati uppajjati? Sadisaṃ puggalaṃ disvā mātaraṃ vā pitaraṃ vā bhātaraṃ vā bhaginiṃ vā sarati, oṭṭhaṃ vā goṇaṃ vā gadrabhaṃ vā disvā aññaṃ tādisaṃ oṭṭhaṃ vā goṇaṃ vā gadrabhaṃ vā sarati, evaṃ sabhāganimittato sati uppajjati.
‘‘กถํ วิสภาคนิมตฺตโต สติ อุปฺปชฺชติ? อสุกสฺส นาม วโณฺณ เอทิโส, สโทฺท เอทิโส, คโนฺธ เอทิโส, รโส เอทิโส, โผฎฺฐโพฺพ เอทิโสติ สรติ, เอวมฺปิ วิสภาคนิมิตฺตโตปิ ํสติ อุปฺปชฺชติฯ
‘‘Kathaṃ visabhāganimattato sati uppajjati? Asukassa nāma vaṇṇo ediso, saddo ediso, gandho ediso, raso ediso, phoṭṭhabbo edisoti sarati, evampi visabhāganimittatopi ṃsati uppajjati.
‘‘กถํ กถาภิญฺญาณโต สติ อุปฺปชฺชติ? โย ปกติยา มุฎฺฐสฺสติโก โหติ, ตํ ปเร สราเปนฺติ, เตน โส สรติ, เอวํ กถาภิญฺญาณโต สติ อุปฺปชฺชติฯ
‘‘Kathaṃ kathābhiññāṇato sati uppajjati? Yo pakatiyā muṭṭhassatiko hoti, taṃ pare sarāpenti, tena so sarati, evaṃ kathābhiññāṇato sati uppajjati.
‘‘กถํ ลกฺขณโต สติ อุปฺปชฺชติ? โย ปกติยา พลีพทฺทานํ อเงฺคน ชานาติ, ลกฺขเณน ชานาติ, เอวํ ลกฺขณโต สติ อุปฺปชฺชติฯ
‘‘Kathaṃ lakkhaṇato sati uppajjati? Yo pakatiyā balībaddānaṃ aṅgena jānāti, lakkhaṇena jānāti, evaṃ lakkhaṇato sati uppajjati.
‘‘กถํ สารณโต สติ อุปฺปชฺชติ? โย ปกติยา มุฎฺฐสฺสติโก โหติ, โย ตํ ‘สราหิ โภ, สราหิ โภ’ติ ปุนปฺปุนํ สราเปติ, เอวํ สารณโต สติ อุปฺปชฺชติฯ
‘‘Kathaṃ sāraṇato sati uppajjati? Yo pakatiyā muṭṭhassatiko hoti, yo taṃ ‘sarāhi bho, sarāhi bho’ti punappunaṃ sarāpeti, evaṃ sāraṇato sati uppajjati.
‘‘กถํ มุทฺทาโต สติ อุปฺปชฺชติ? ลิปิยา สิกฺขิตตฺตา ชานาติ ‘อิมสฺส อกฺขรสฺส อนนฺตรํ อิมํ อกฺขรํ กาตพฺพ’นฺติ เอวํ มุทฺทาโต สติ อุปฺปชฺชติฯ
‘‘Kathaṃ muddāto sati uppajjati? Lipiyā sikkhitattā jānāti ‘imassa akkharassa anantaraṃ imaṃ akkharaṃ kātabba’nti evaṃ muddāto sati uppajjati.
‘‘กถํ คณนาโต สติ อุปฺปชฺชติ? คณนาย สิกฺขิตตฺตา คณกา พหุมฺปิ คเณนฺติ, เอวํ คณนาโต สติ อุปฺปชฺชติฯ
‘‘Kathaṃ gaṇanāto sati uppajjati? Gaṇanāya sikkhitattā gaṇakā bahumpi gaṇenti, evaṃ gaṇanāto sati uppajjati.
‘‘กถํ ธารณโต สติ อุปฺปชฺชติ? ธารณาย สิกฺขิตตฺตา ธารณกา พหุมฺปิ ธาเรนฺติ , เอวํ ธารณโต สติ อุปฺปชฺชติฯ
‘‘Kathaṃ dhāraṇato sati uppajjati? Dhāraṇāya sikkhitattā dhāraṇakā bahumpi dhārenti , evaṃ dhāraṇato sati uppajjati.
‘‘กถํ ภาวนาโต สติ อุปฺปชฺชติ? อิธ ภิกฺขุ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถีทํ, เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย…เป.… อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เอวํ ภาวนาโต สติ อุปฺปชฺชติฯ
‘‘Kathaṃ bhāvanāto sati uppajjati? Idha bhikkhu anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati, seyyathīdaṃ, ekampi jātiṃ dvepi jātiyo…pe… iti sākāraṃ sauddesaṃ pubbenivāsaṃ anussarati, evaṃ bhāvanāto sati uppajjati.
‘‘กถํ โปตฺถกนิพนฺธนโต สติ อุปฺปชฺชติ? ราชาโน อนุสาสนิยํ อสฺสรนฺตา 1 เอตํ โปตฺถกํ อาหรถาติ, เตน โปตฺถเกน อนุสฺสรนฺติ, เอวํ โปตฺถกนิพนฺธนโต สติ อุปฺปชฺชติฯ
‘‘Kathaṃ potthakanibandhanato sati uppajjati? Rājāno anusāsaniyaṃ assarantā 2 etaṃ potthakaṃ āharathāti, tena potthakena anussaranti, evaṃ potthakanibandhanato sati uppajjati.
‘‘กถํ อุปนิเกฺขปโต สติ อุปฺปชฺชติ? อุปนิกฺขิตฺตํ ภณฺฑํ ทิสฺวา สรติ, เอวํ อุปนิเกฺขปโต สติ อุปฺปชฺชติฯ
‘‘Kathaṃ upanikkhepato sati uppajjati? Upanikkhittaṃ bhaṇḍaṃ disvā sarati, evaṃ upanikkhepato sati uppajjati.
‘‘กถํ อนุภูตโต สติ อุปฺปชฺชติ? ทิฎฺฐตฺตา รูปํ สรติ, สุตตฺตา สทฺทํ สรติ, ฆายิตตฺตา คนฺธํ สรติ, สายิตตฺตา รสํ สรติ, ผุฎฺฐตฺตา โผฎฺฐพฺพํ สรติ, วิญฺญาตตฺตา ธมฺมํ สรติ, เอวํ อนุภูตโต สติ อุปฺปชฺชติฯ อิเมหิ โข, มหาราช, สตฺตรสหากาเรหิ สติ อุปฺปชฺชตี’’ติฯ
‘‘Kathaṃ anubhūtato sati uppajjati? Diṭṭhattā rūpaṃ sarati, sutattā saddaṃ sarati, ghāyitattā gandhaṃ sarati, sāyitattā rasaṃ sarati, phuṭṭhattā phoṭṭhabbaṃ sarati, viññātattā dhammaṃ sarati, evaṃ anubhūtato sati uppajjati. Imehi kho, mahārāja, sattarasahākārehi sati uppajjatī’’ti.
‘‘กโลฺลสิ, ภเนฺต นาคเสนา’’ติฯ
‘‘Kallosi, bhante nāgasenā’’ti.
สติอุปฺปชฺชนปโญฺห ปฐโมฯ
Satiuppajjanapañho paṭhamo.
Footnotes: